ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดแผ่นดินไหว 6 แมกนิจูดในมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ-ติดบนภูเขา
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2558 13:29 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 13:36 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – เกิดเหตุแผ่นไหวขนาด 6 แมกนิจูดเขย่าบางส่วนของรัฐซาบาห์ของมาเลเซียบนเกาะบอร์เนียว ส่งผลให้มีนักเที่ยวบางคนได้รับบาดเจ็บและหลายคนติดอยู่บนหนึ่งในภูเขาที่สูงที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันนี้ (5)

    สำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ระบุว่า จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในตอนเช้า อยู่ห่างจากนครโกตากินาบาลู เมืองเอกของรัฐ ราว 54 กิโลเมตร

    นักปีนเขาชาวต่างชาติและชาวมาเลเซียมักแห่แหนกันมายังรัฐซาบาห์เพื่อปีนภูเขาคินาบาลูที่มีความสูง 4,095 เมตร ซึ่งในตอนนี้มีคนอย่างน้อย 145 คนติดอยู่ หนังสือพิมพ์นิวเสตรทไทม์ส รายงานโดยอ้างจากเจ้าหน้าที่

    “ขณะนี้กำลังมีปฏิบัติการกู้ภัยที่ภูเขาคินาบาลู” มาซิดี แมนจุน รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของรัฐซาบาห์ กล่าวในทวิตเตอร์ “มีรายงานว่ามีนักปีนเขาติดอยู่และได้รับบาดเจ็บ” เขาระบุ

    ในตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแค่ไหนและพวกเขาติดอยู่ได้อย่างไร แต่ แมนจุน กล่าวว่า การปีนเขาทั้งหมดถูกยกเลิกแล้ว เนื่องจากพวกก้อนหินขนาดใหญ่กำลังตกลงมาหลังจากเกิดแผ่นดินไหว

    นักปีนเขารายหนึ่ง ที่ถูกระบุว่าชื่อ ชาร์ลีน เดมป์ ได้โพสต์ภาพกลุ่มนักปีนเขาบนยอดของภูเขาลูกนี้ โดยเธอระบุว่า “ตอนนี้พวกเรากำลังรอให้เฮลิคอปเตอร์มาช่วย”

    ทั้งนี้ไม่มีรายงานถึงความเสียหายร้ายแรงหรือผู้ได้รับบาดเจ็บจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ในที่อื่นๆ ของรัฐซาบาห์

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063810
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันร่วงอีก $1.5 เชื่อโอเปกไม่ลดผลิต หุ้นสหรัฐฯ-ทองคำดิ่ง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2558 04:25 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:36 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - น้ำมันร่วงหนัก 2 วันติดเมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) ก่อนหน้าการประชุมโอเปกซึ่งมีขึ้นท่ามกลางภาวะอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำก็ปิดลบแรง จากความกังวลต่อวิกฤตหนี้กรีซและไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอเมริกา

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 1.64 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ลดลง 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    เจ้าหน้าที่โอเปกรวมตัวที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อประชุมกันในวันศุกร์ (5 มิ.ย.) โดยแม้จะแสดงความผิดหวังต่อราคาน้ำมันที่ตกต่ำอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะปรับลดกำลังผลิตแต่อย่างใด

    “เรายังอยู่ได้ แต่มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เราชอบนัก ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังแล้ว” อาลี อัล โอมาอีร์ รัฐมนตรีพลังงานคูเวตบอกกับผู้สื่อข่าว แต่พอถูกถามว่าเขาพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันของตลาดหรือไม่ เขาตอบว่า “แน่นอน มันกำลังดีขึ้น”

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) ปิดลบหนัก จากข้อกังวลต่อปัญหาหนี้กรีซ ความผันผวนในตลาดพันธบัตรและความวิตกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังไอเอ็มเอฟปรับลดประมาณการณ์การขยายตัวของอเมริกา

    ดาวโจนส์ ลดลง 170.69 จุด (0.94 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,905.58 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 18.23 จุด (0.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,095.84 จุด แนสแดค ลดลง 40.10 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,059.13 จุด

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ของสหรัฐฯลงเหลือร้อยละ 2.5 จากร้อยละ 3.1 ตามที่คาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้ ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธานไอเอ็มเอฟ เรียกร้องธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อย่าเพิ่งขึ้นดอกเบี้ยในปี 2015 โดยอ้างสภาพแวดล้อมของการเติบโตยังไม่มั่นคงเพียงพอ

    ขณะเดียวกัน กรีซยังคงห่างไกลจากการบรรลุข้อตกลงสำหรับรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติ แม้ล่าสุดไอเอ็มเอฟจะอนุมัติให้เอเธนส์ รวมหนี้ที่ต้องชำระคืน 4 งวดที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนเป็นก้อนเดียว รวมเป็นเงิน 1,600 ล้านยูโร และเลื่อนกำหนดจ่ายไปเป็นวันที่ 30 มิถุนายน แล้วก็ตาม

    ปัจจัยไอเอ็มเอฟปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และคำเตือนว่าภาวะเงินเฟ้อยังคงผันผวน ฉุดให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) ขยับลงแรง แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 9.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,175.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063655
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาหลีใต้ผวาหนัก! เหยื่อไวรัสมรณะ “เมอร์ส” เสียชีวิตรายที่ 4
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2558 05:30 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:37 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เกาหลีใต้ยืนยันในวันศุกร์ (5 มิ.ย.) พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของ “ไวรัสเมอร์ส” เป็นรายที่ 4 แล้วท่ามกลางผู้ติดเชื้อหลายสิบคน ก่อเกิดความตื่นตระหนกในดินแดนโสมขาวถึงขั้นต้องปิดสถานศึกษากว่าพันแห่งและนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายพันคนยกเลิกแผนการเดินทาง

    นอกจากผู้เสียชีวิตรายที่ 4 แล้ว สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ยังยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติมอีก 5 คน ส่วนผลให้ประชาชนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ในแดนโสมขาวเพิ่มเป็น 41 คน ถือเป็นการแพร่ระบาดรุนแรงที่สุดนอกเหนือจากซาอุดีอาระเบีย

    ในรายงานของยอนฮับระบุว่า เหยื่อรายล่าสุดเป็นผู้ป่วยวัย 76 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) หลังผลตรวจหาไวรัสเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ออกมาเป็นบวก

    รายงานข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นาน หลังจากประเทศแห่งนี้เพิ่งยืนยันผู้เสียชีวิตจากไวรัสเมอร์ส รายที่ 3 เมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) โดยเป็นชายชราวัย 82 ปี ซึ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ หลังจากเสียชีวิตในโรงพยาบาลช่วงค่ำคืนวันพุธ (3 มิ.ย.)

    สำหรับเหยื่อรายล่าสุดนั้น เดิมทีเขาเข้ารับการรักษาโรคหอบหืดและปอดบวม แต่ถูกนำตัวเข้าห้องกักกันโรค หลังจากคนไข้รายอื่นๆ ในแผนกเดียวกันมีผลตรวจเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) ออกมาเป็นบวก

    สถานศึกษามากกว่า 900 แห่ง ไล่ตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัย ตอนนี้ต้องปิดการเรียนการสอน และสายด่วนเมอร์สของรัฐบาล มีโทรศัพท์เข้ามามากกว่า 3,000 สายในวันพุธ (3 มิ.ย.) บ่งชี้ว่าเริ่มมีความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากก่อนหน้านี้จนวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสนี้ แค่ 2 คน เป็นผู้หญิงวัย 58 ปีและชายวัย 71 ปี

    ผู้ติดเชื้อรายแรกในแดนโสมขาวเป็นชายวัย 68 ปี ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อชนิดนี้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม หลายวันทีเดียวภายหลังเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบียด้วยอาการป่วย โดยที่ขณะแพทย์ยังไม่ทราบชัดว่าชายผู้นี้ป่วยเป็นอะไรนั้น เขาได้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล 2 แห่ง และคลินิกตรวจคนไข้อีก 2 แห่งในเกาหลีใต้ ทำให้กลายเป็นผู้ที่แพร่เชื้อออกไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลแห่งที่เขาถูกจัดให้พักปะปนกับคนไข้อื่นๆ

    นับจากนั้นมาจนถึงเวลานี้ มีผู้คนกว่า 1,600 รายถูกกักกันโรค เนื่องจากอาจเป็นผู้ที่สัมผัสกับไวรัสชนิดนี้โดยตรงหรือโดยอ้อม และอยู่ภายใต้ระดับกักกันต่างๆ กัน โดย 160 คนในจำนวนนี้ถูกกักกันในสถานที่ที่ทางการจัดไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ขณะที่ส่วนใหญ่ได้รับคำแนะนำให้เฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านและจำกัดการติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น

    ไวรัสสายพันธุ์นี้ซึ่งยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกัน ถือว่าอันตรายมากกว่าแต่ก็มีความสามารถในการแพร่เชื้อน้อยกว่าไวรัส “ซาร์ส” หรือกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนในเอเชียตะวันออกเมื่อปี 2003

    จนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อเมอร์สแล้วมากกว่า 1,100 คนทั่วโลก เสียชีวิต 437 ราย โดยมีประเทศต่างๆมากกว่า 20 ชาติที่ได้รับผลกระทบ แต่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในซาอุดีอาระเบีย

    องค์การอนามัยโลก (ฮู) คาดว่า จะพบผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น แต่ย้ำว่า “ไม่มีหลักฐาน” บ่งชี้ว่าไวรัสนี้จะแพร่เชื้อในชุมนุมได้อย่างยาวนาน

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063659
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรีซขอรวบหนี้-เลื่อนเวลาจ่ายคืน IMF ไปเป็นสิ้นเดือนมิถุนายน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2558 03:35 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:35 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซี - กรีซขอเลื่อนการชำระหนี้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ถึงกำหนดจ่ายในวันศุกร์นี้ (5 มิ.ย.) ขณะที่นายกรัฐมนตรีอเลกซิส ซีปราส ซึ่งกำลังเผชิญเสียงโกรธเกรี้ยวจากเหล่าผู้สนับสนุนฝ่ายซ้าย เรียกร้องเจ้าหนี้นานาชาติเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขปฏิรูปแลกเงินอันเข้มงวด

    ไอเอ็มเอฟเผยว่า เหล่าเจ้าหนี้นานาชาติได้รับแจ้งจากเอเธนส์ว่าพวกเขามีแผนรวมหนี้ที่ต้องชำระคืน 4 งวดที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนเป็นก้อนเดียว รวมเป็นเงิน 1,600 ล้านยูโร และขอเลื่อนกำหนดจ่ายไปเป็นวันที่ 30 มิถุนายน

    ในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤตถือเป็นครั้งแรก ที่กรีซขอเลื่อนการชำระหนี้ที่มียอดการกู้รวมทั้งหมด 240,000 ล้านยูโร ที่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากเหล่ารัฐบาลยูโรโซนและไอเอ็มเอฟ โดยมันเกิดขึ้นในขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เผยว่าข้อตกลงปฏิรูปแลกเงินยังไม่ใกล้เคียงที่จะตกลงกันได้

    ซีปราสซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากคำสัญญาระหว่างหาเสียงว่าจะยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัด บอกกับรัฐสภากรีซว่ารัฐบาลจะไม่ยอมรับข้อเสนอที่สุดขั้ว และเตือนเจ้าหนี้ต้องเข้าใจว่าประชาชนชาวกรีซเจ็บปวดมามากพอแล้วและควรหยุดเล่นเกมบนความสูญเสียของพวกเขาเสียที

    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยุโรปยังมองในแง่ดีว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ยอมรับว่าสองฝ่ายยังมีความเห็นต่างกันอย่างมากและคาดหมายว่ากรีซจะยื่นเสนอโต้แย้งกลับมา

    ซีปราสปฏิเสธตัดลดเบี้ยบำนาญและขึ้นภาษีไฟฟ้าที่เขาอ้างว่าเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของเหล่าเจ้าหนี้แลกกับการปล่อยเงินกู้ที่ถูกระงับ และเพื่อหลีกเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้ที่อาจส่งผลกระทบต่อยูโรโซนและตลาดโลก ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าในแผน 5 หน้ากระดาษของเจ้าหนี้ยังขอให้เอเธนส์ดำเนินการตามคำสัญญาขายทรัพย์สินของรัฐและเดินหน้าแผนปฏิรูปแรงงาน

    แหล่งข่าวใกล้ชิดกับข้อเสนอเผยกับรอยเตอร์ว่า ในความพยายามหาทางประนีประนอม เหล่าเจ้าหนี้แนะนำให้กรีซควรเกินดุลการคลังก่อนชำระดอกเบี้ย ที่ร้อยละ 1 ของจีดีพีในปีนี้และร้อยละ 2 ในปี 2016 ปรับลดจากเดิมซึ่งกำหนดไว้ภายใต้แผนในปัจจุบันที่ร้อยละ 3 และร้อยละ 4.5 ตามลำดับ จากการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าประเภทต่างๆ ไล่ตั้งแต่ยาไปจนถึงค่าไฟ

    ทว่า ในทางตรงกันข้าม แหล่งข่าวบอกว่ารัฐบาลกรีซที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม จากนโยบายหาเสียงยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดที่สร้างความเจ็บปวดมาหลายปี เสนอตัวเลขเกินดุลการคลังร้อยละ 0.8 ในปีนี้และร้อยละ 1.5 ในปีหน้า

    แหล่งข่าวอียูบอกว่า ซีปราส อาจเดินทางกลับไปยังบรัสเซลส์ เพื่อเจรจาเพิ่มเติมในช่วงค่ำวันศุกร์ (5 มิ.ย.) หรือวันเสาร์ (6 มิ.ย.) ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอเอ็มเอฟและอีซีบีเข้าร่วม

    กรีซสามารถเอาตัวรอดได้โดยไม่ได้รับเงินกู้ช่วยชีวิตงวดใหม่ๆ เลยตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว ทว่าก็แถลงในระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเงินสดของตนกำลังหมดเกลี้ยง และต้องพยายามหาเงินมาจ่ายหนี้ที่ถึงกำหนดชำระ ด้วยการดึงเอาเงินสำรองจากพวกรัฐวิสาหกิจต่างๆ ตลอดกระทั่งเงินสำรองของพวกสถานทูตในต่างประเทศ, โรงพยาบาล และโรงเรียนต่างๆ ของรัฐ

    เอเธนส์กับพวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศของตนตกอยู่ในสภาพคุมเชิงกันตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างการเจรจาต่อรองกันว่าประเทศนี้ควรที่จะต้องดำเนินการปฏิรูปอะไรบ้างและกระทำมากน้อยขนาดไหน โดยหากทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ พวกเจ้าหนี้ก็จะปลดล็อกปล่อยเงินกู้จำนวน 7,200 ล้านยูโร ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายของโครงการเงินกู้ช่วยไม่ให้กรีซล้มละลายฉบับปัจจุบัน

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063653
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พม่าสวน “โอบามา” ไม่ใช่ต้นตอวิกฤตผู้อพยพโรฮีนจา ชี้ชาวพุทธเองที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2558 01:01 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:32 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์/เอเอฟพี - พม่าเมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) ระบุการกดขี่ข่มเหงชาวมุสลิมโรฮีนจาไม่ใช่ต้นตอของวิกฤตผู้อพยพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ เรียกร้องมอบสิทธิอย่างสมบูรณ์แก่ชนกลุ่มน้อยเพื่อช่วยยุติการไหลบ่าหลบหนีออกนอกประเทศ ชี้หากมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ก็น่าจะเป็นชาวพุทธที่ถูกกระทำมากกว่า

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ บอกในช่วงต้นสัปดาห์ว่า พม่าจำเป็นต้องยุติเลือกปฏิบัติกับชาวโรฮีนจา หากต้องการประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย ขณะที่วอชิงตันเพิ่มแรงกดดันต่อประเทศแห่งนี้ให้จัดการกับสิ่งที่เรียกว่าหนึ่งในรากเหง้าของปัญหาผู้อพยพที่ชาติต่างๆ ในภูมิภาคพยายามหาทางแก้ไข

    พม่าไม่รับรองชาวโรฮีนจาราว 1.1 ล้านคนในฐานะพลเมือง ทำให้พวกเขาเป็นคนไร้สถานะ โดยเกือบ 140,000 คนต้องไร้ถิ่นฐานในเหตุปะทะนองเลือดกับชาวพุทธในรัฐยะไข่ทางตะวันตกของประเทศเมื่อปี 2012

    นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศพม่า บอกกับเหล่าคณะผู้แทนทูตและองค์กรนานาชาติในย่างกุ้งว่า “มีความพยายามวาดภาพว่าการถูกเลือกปฏิบัติและกดขี่ข่มเหงคือต้นตอที่ทำให้ประชาชนหลบหนีจากรัฐยะไข่ แต่มันไม่เป็นความจริงเลย”

    ทั้งนี้ เขาชี้ว่ากรณีมีชาวบังกลาเทศจำนวนมากอยู่บนเรือผู้อพยพซึ่งขึ้นฝั่งเมื่อเดือนพฤษภาคม เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่าการไล่บ่าของมนษย์เรือนั้นเป็นปัญหาระดับภูมิภาคที่มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ “เหตุการณ์นี้แสดงให้ภูมิภาคเช่นเดียวกับประชาคมนานาชาติเห็นว่ามันไม่ใช่รากเหง้าของปัญหา”

    เรือดังกล่าวที่ถูกอ้างถึงนั้นถูกกองทัพเรือพม่าเข้าสกัดเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งพม่าบอกในตอนนั้นว่าคนบนเรือ 200 จากทั้งหมด 208 คนเป็นผู้อพยพทางเศรษฐกิจจากบังกลาเทศ แต่จากการตรวจสอบของรอยเตอร์พบว่าบนเรือดังกล่าวมีราวโรฮีนจาอยู่ด้วยราว 150-200 คน โดยเรือลำนี้ถูกขบวนการค้ามนุษย์ทิ้งไว้กลางทะเล ก่อนถูกพบและลากขึ้นฝั่งโดยกองทัพเรือพม่า

    ซอ เอ หม่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการรัฐยะไข่ กล่าวว่า หากมีเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรัฐยะไข่ตามที่มีการกล่าวหาจริง ฝ่ายที่ถูกกระทำนั้นก็น่าจะเป็นชาวพุทธยะไข่มากกว่า “ตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในอันตรายจากการรุกล้ำของชาวบังกลาเทศเหล่านี้” ความเห็นที่ก่่อความขุ่นเคืองแก่เอกอัครราชทูตบังกลาเทศประจำพม่า แต่ทูตรายนี้ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

    นายฉ่วย มาน ประธานรัฐสภาพม่า เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ร้องขอองค์กรนานาชาติต่างๆหลีกเลี่ยงก่อความเข้าใจผิดต่อพม่า รวมถึงกระพือความตึงเครียดและความขัดแย้ง

    การยื่นหนังสือดังกล่าวซึ่งลงวันที่ 3 มิถุนายนและเผยแพร่โดยสื่อมวลชนแห่งรัฐของพม่าเมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) เกิดขึ้นหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จัดการประชุมลับครั้งแรกเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในพม่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทูตที่เข้าร่วมเปิดเผยว่านายซาอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ระบุว่าชาวโรฮีนจากำลังเผชิญการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบ

    พม่า อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบถิ่นฐานของผู้อพยพ 733 คนที่กองทัพเรือนำขึ้นฝั่งเมื่อวันพุธ (3 มิ.ย.) หลังจากพบเรือของพวกเขาล่องลอยอยู่กลางทะเลอันดามันในวันศุกร์ที่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่เผยว่าเบื้องต้นพบว่าเป็นพม่าแค่ 187 คนและอีก 546 คนเป็นชาวบังกลาเทศ


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินโดฯ แสดงความจำนงขอกลับเข้ากลุ่มโอเปกอีกครั้ง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 23:31 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:26 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - อินโดนีเซียหวังกลับเข้าร่วมโอเปกอีกครั้ง ณ ที่ประชุมนัดถัดไปของกลุ่มชาติผู้ผลิตน้ำมัน ราว 6 เดือนข้างหน้า จากการเปิดเผยของซูเดอร์มาน ซาอิด รัฐมนตรีพลังงานแดนอิเหนาเผยในวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) หลังออกจากกลุ่มไปเมื่อหลายปีก่อนท่ามกลางกำลังผลิตที่ลดลง

    เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงพลังงานอินโดนีเซียเผยว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโด เห็นพ้องต่อแผนกลับเข้าร่วมองค์การประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (โอเปก) อีกครั้ง หลังจากชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ออกจากกลุ่มไปเมื่อกว่า 6 ปีก่อน

    “เราไม่ได้ถอนความเป็นสมาชิกภาพ เราแค่ระงับไว้เท่านั้น” ซาอิด บอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ก่อนหน้าการประชุมโอเปกในวันศุกร์ (5 มิ.ย.) คาดหมายว่าทางกลุ่มจะมีมติคงเพดานการผลิตไว้ตามเดิมในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

    เขาบอกว่าโอเปกซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 12 ชาติ จะพิจารณาคำร้องดังกล่าวเร็วๆนี้ “โอเปกไม่มีข้อบังคับว่าต้องเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิถึงจะเป็นสมาชิกของกลุ่มได้” รัฐมนตรีรายนี้กล่าว อย่างไรก็ตาม นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการโอเปกบอกว่าเขายังไม่ได้รับคำร้องอย่างเป็นทางการมาจากจากาตาร์

    อินโดนีเซียคือชาติหนึ่งเดียวในอาเซียนที่เป็นสมาชิกโอเปกมานานเกือบ 50 ปี ก่อนออกจากลุ่มไปในช่วงต้นปี 2009 ช่วงที่ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อุปสงค์ภายในพุ่งสูงและกำลังผลิตที่ลดลง จนทำให้พวกเขากลายเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิจนกระทั่งปัจจุบัน

    ตามข้อบังคับของโอเปก ผู้ที่เป็นสมาชิกต้องเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิ แต่สามารถยอมรับสมาชิกสมทบภายใต้กรณีแวดล้อมบางอย่าง ขณะที่ซาอิดบอกว่าอินโดนีเซียสามารถช่วยเป็นสะพานเชื่อมระหว่างชาติผู้ผลิตกับประเทศผู้บริโภคได้จากการกลับเข้าร่วมกลุ่ม รวมถึงกำลังแสวงหาโอกาสร่วมมือทำงานและพัฒนาทรัพยากรในกลุ่มโอเปก

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063631
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ประท้วงกว่า 3 หมื่นเดินขบวนต้านประชุมจี 7 ในเยอรมนี
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2558 02:31 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:34 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - มีผู้ชุมนุมมากกว่า 30,000 คนร่วมเดินขบวนเมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ต่อต้านการประชุมซัมมิตจี 7 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ที่รัฐบาวาเรีย ทางภาคใต้ของเยอรมนี อย่างไรก็ตามบรรยากาศเป็นไปอย่างสงบ ไม่มีเหตุความรุนแรงใดๆ

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/f3NyquElE_M" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    การประท้วงอย่างสันติมีขึ้นที่มิวนิค เมืองเอกของรัฐ ห่างจาก อัลไพน์ เวนูว์ สถานที่ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล จะป็นเจ้าภาพต้อนรับเหล่าผู้นำจากกลุ่มจี 7 ตั้งแต่วันอาทิตย์ (7 มิ.ย.) ไปทางเหนือราว 100 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่คาดหมายว่าจนถึงช่วงบ่ายมีผู้ออกมาร่วมชุมนุมราว 34,000 คน

    พวกนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เหล่าพรรคฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวต่อต้านทุนนิยม นัดประชุมใหญ่ครั้งนี้ขึ้นภายใต้สโลแกน “หยุด TTIP - ปกป้องภูมิอากาศ - ต่อสู้กับความยากจน” โดย TTIP(Transatlantic Trade and Investment Partnership) คือข้อตกลงการค้าและความร่วมมือการลงทุนที่เวลานี้สหรัฐฯและยุโรปกำลังเจรจากันอยู่

    ในเยอรมนี เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่าประชาชนร้อยละ 43 คิดว่าข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-อียู จะเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับประเทศ ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากได้ออกมาประท้วงข้อตกลงดังกล่าวทั่วยุโรป

    แมร์เคิล ซึ่งประเทศของเธอเป็นประธานหมุนเวียนของกลุ่มจี7ในปีนี้ จะเป็นเจ้าภาพการประชุม 2 วันของผู้นำจากอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ

    ทั้งนี้ได้มีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น โดยประจำการตำรวจจำนวนมากบริเวณโรงแรมปราสาทเอลเมา สถานที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำ ที่อยู่ใกล้ชายแดนออสเตรีย ขณะที่ผู้ประท้วงวางแผนจัดการชุมนุมทั้งในและรอบๆ เมืองการ์มิช-ปาร์เทนไคร์เชน ที่อยู่ใกล้ๆ กัน “เราจะประท้วงอย่างสันติและสร้างสรรค์เพื่อให้แน่ใจว่าข้อเรียกร้องของเราจะเป็นที่ได้ยิน” แกนนำการชุมนุมบอก

    คาดหมายว่าการประชุมครั้งนี้จะครอบคลุมประเด็นต่างๆ ทั้งการค้าระหว่างประเทศ ผลักดันเพื่อให้ได้ข้อตกลงสหประชาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สาธารณสุข ลดความยากจนและวิกฤตการณ์ความมั่นคงโลก เช่นเดียวกับประเด็นอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายต่อต้านมองว่าประเทศอุตสาหกรรมอันดับต้นๆของโลกล้มเหลวในการดำเนินการแน่วแน่ต่อหัวข้อต่างๆเหล่านี้



    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063646
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ เผยเจ้าหน้าที่รัฐถูก “แฮก” ข้อมูลส่วนตัวกว่า 4 ล้านคน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2558 12:33 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 12:39 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี – รัฐบาลสหรัฐฯยอมรับเมื่อวานนี้ (4) ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ได้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกจ้างรัฐทั้งในปัจจุบันและอดีตอย่างน้อย 4 ล้านคน ซึ่งเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ขนานใหญ่ที่ต้องสงสัยว่ามีต้นตอในจีน

    “เนื่องด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว” ซึ่งถูกเปิดเผยในเดือนเมษายน สำนักงานบริหารบุคลากร ระบุว่า พวกเขา “จะส่งหนังสือแจ้งเตือนให้กับคนประมาณ 4 ล้านคน” และเสริมว่า อาจมีการเปิดเผยออกมาเพิ่มเติมอีก

    ในแต่ละปีสำนักงานด้านบุลากรของรัฐบาลแห่งนี้จะดูแลจัดการการรับรองความไว้วางใจและการตรวจสอบสอบภูมิหลังลูกจ้างหลายแสนคน

    อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการแฮกดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประธานาธิบดี บารัค โอบามา , เจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับอาวุโสคนอื่นๆ หรือกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองด้วยหรือไม่

    วอชิงตันโพสต์และสื่อสหรัฐฯเจ้าอื่นๆ รายงานโดยอ้างจากคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐบาล ระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์ชาวจีนอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว

    สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) และการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิกำลังนำการสืบสวนครั้งนี้ โดย FBI ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขา “จะยังคงเดินหน้าสืบสวนและควบคุมตัวผู้มีส่วนรับผิดชอบที่เป็นภัยคุกคามในไซเบอร์สเปซต่อไป”

    เจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะระบุตัวผู้กระทำหรือแรงจูงใจ แต่ได้แนะนำมาตรการที่สามารถป้องกันการฉ้อฉลและการขโมยข้อมูลส่วนตัวให้กับฝ่ายต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ

    แคทเธอรีน อาร์คฮูเลตา ผู้อำนวยการของสำนักงานบริหารบุคลากร ระบุว่า “การปกป้องข้อมูลของลูกจ้างรัฐจากการคุกคามทางไซเบอร์มีลำดับความสำคัญสูงสุด”

    หน่วยงานของเธอ ระบุว่า การโจมตีดังกล่าวอาจเริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว และ “มีขึ้นก่อนที่จะมีการนำการควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่าเดิมมาใช้” พร้อมเสริมว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลจะได้รับหนังสือแจ้งเตือนตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนเป็นต้นไป หากพวกเขาได้รับผลกระทบ


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063773
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : ตายไม่ต่ำกว่า 24 ในสงครามรอบใหม่ยูเครนตะวันออก กบฏยูเครนบาดเจ็บเกือบร้อย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 18:51 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:14 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 24 คนในการปะทะที่เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งระหว่วงกลุ่มกบฏยูเครน และกองกำลังแนชันแนลการ์ดของรัฐบาลยูเครน

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/tKC8V9QySvo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เอเอฟพีรายงานวันนี้ (4 มิ.ย.) ว่า เอดูอาร์ด บาซูริน (Eduard Basurin) ให้สัมภาษณ์ว่า แกนนำผู้บัญชาการรบของกลุ่มกบฏยูเครนกำลังต่อสู้กับกองกำลังแนชันแนลการ์ดของรัฐบาลยูเครน และมีตัวเลขผู้เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุดอยู่ที่กองกำลังกบฏยูเครนจำนวน 14 คน และพลเรือน 5 คน

    และบาซูรินกล่าวต่อว่า และคาดว่ามีสมาชิกกลุ่มกบฏได้รับบาดเจ็บถึง 86 คน ส่วนพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 24 คน นอกจากนี้ ในส่วนทหารยูเครนพบว่ามีทหารแนชันแนลการ์ดเสียชีวิตในเหตุการณ์ปะทะล่าสุดที่ 5 นาย

    เมื่อวานนี้ (3) ทางเคียฟได้กล่าวหาว่ากลุ่มกบฏได้เปิดฉากโจมตีเป็นวงกว้างในบริเวณ มารินกา (Maryinka) ทางตะวันตกของโดเนตสก์ ฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏยูเครน โดยเอเอฟพีกล่าวว่า การปะทะครั้งนี้เป็นการฉีกสัญญาสงบศึกอันเปราะบาง

    เคียฟได้เปิดแถลงในวันนี้ (4) ว่า กลุ่มกบฎยูเครนเสียชีวิตในช่วงบ่ายวันพุธ (3) และทางยูเครนได้ส่งคนเข้าไปเก็บกวาดทุ่นระเบิดสังหาร และอาวุธต่างๆ ที่คาดไม่ถึง “ในขณะนี้มารินกาสงบแล้ว” โฆษกกองทัพยูเครนให้สัมภาษณ์เอเอฟพี

    และเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า การปะทะรอบใหม่สร้างความกลัวให้กับผู้คนว่า กบฏยูเครนอาจจะมีความพร้อมในการใช้กำลังบุกจู่โจมลึกลงไปในเขตการควบคุมของเคียฟ แต่ทว่าทางกลุ่มกบฏยูเครนปฎิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยช้ว่าทางกลุ่มจำเป็นต้องใช้กำลังทางทหารเพื่อป้องกันการฆ่าสังหารหมู่ประชาชนที่อยู่ภายในถิ่นอิทธิพลของตน

    ด้านรัสเซีย รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ เซอร์เก ลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์ในวันพฤหัสบดี (4) ว่าข้อตกลงสันติภาพในยูเครนตะวันออกถูกเคียฟทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า

    และก่อนหน้านี้ในวันพุธ (3) เครมลินได้กล่าวหาเคียฟว่า กองทัพยูเครนใช้อาวุธหนักโจมตีกบฏยูเครนเพื่อต้องการยั่วยุ ซึ่งทางกองทัพยูเครนยอมรับว่าใช้อาวุธหนักจริง


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063551
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรีซย้ำอยากบรรลุข้อตกลงโดยเร็ว แต่ไม่รับเงื่อนไขบางอย่างของเจ้าหนี้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 15:06 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ระบุในวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) หลังการเจรจาเรื่องเงินช่วยเหลือที่บรัสเซลส์ ว่ากรีซยังคงไม่รับแผนปฏิรูปบางฉบับที่ถูกผลักดันโดยเจ้าหนี้จากอียูและไอเอ็มเอฟ แต่ยังตั้งใจที่จะบรรลุข้อตกลงให้ได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    "มันยังมีอยู่หลายจุดที่ไม่มีใครหยิบยกมาพิจารณาเป็นเรื่องหลักในการพูดคุย" ซีปราส บอกนักข่าว หลังจากพูดคุยกับ ฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กับประธานยูโรกรุ๊ป เจอโรน ดิจเซลโบลม

    ผู้นำกรีซได้อ้างถึงการตัดบำเหน็จบำนาญเลี้ยงชีพ รวมถึงการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับค่าไฟ ซึ่งนั่นทำให้แผนของกรีซสอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริง เขายังได้บอกด้วยว่า การเจรจาจะมีขึ้นอีกในไม่กี่วันข้างหน้า

    ด้านคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป หนึ่งในเจ้าหนี้ของกรีซ เช่นเดียวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ระบุในคำแถลงว่า มีความคืบหน้าในระหว่างการเจรจากับกรีซ

    "การพูดคุยเป็นไปด้วยดี เป็นการประชุมที่สร้างสรรค์ มีความคืบหน้าในการทำความเข้าใจกันเรื่องจุดยืนของแต่ละฝ่าย อันเป็นรากฐานของข้อเรียกร้องที่หลากหลาย มีการเห็นพ้องกันว่าพวกเขาควรจะประชุมกันอีกครั้ง จะมีการทำงานกันอย่างหนักต่อไป" คำแถลงของคณะกรรมาธิการยุโรประบุ

    ซีปราส ผู้นำรัฐบาลพรรคไซรีซาที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด ติดอยู่ในสถานการณ์ที่ยืดเยื้อยาวนานถึง 4 เดือน โดยตกลงกับเจ้าหนี้ไม่ได้ในเรื่องเงินช่วยเหลืองวดสุดท้าย เขาได้บอกว่า คณะกรรมาธิการยุโรป แสดงให้เห็นว่าพร้อมจะแก้ปัญหาด้วยความรวดเร็ว

    "มีข้อพิสูจน์ได้ว่าอย่างน้อยคณะกรรมาธิการก็อยากจะบรรลุข้อตกลงที่สอดคล้องกับความเป็นจริงให้ได้โดยเร็ว ยิ่งเราพูดคุยกันอย่างจริงใจมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใกล้วิธีแก้ปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้มากขึ้น" ผู้นำกรีซ กล่าว

    ดิจเซลโบรม รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์และเป็นผู้นำรัฐมนตรีคลังของชาติสมาชิกยูโรโซน ก็ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้เช่นกันว่า มีความคืบหน้าในการเจรจา

    "เป็นการประชุมที่ดีมาก เราจะคุยกันต่อในอีกไม่กี่วันข้างหน้า" ดิจเซลโบรม กล่าว

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ออสเตรเลีย “คว่ำบาตร-อายัดทรัพย์” พลเมืองต้องสงสัยจัดหาสมาชิกให้ไอเอส
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 16:31 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มิถุนายน 2558 16:32 น.)

    [​IMG]
    เนอิล ปราคาช ในคลิปวิดีโอโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

    รอยเตอร์ – จูลี บิชอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของออสเตรเลียเปิดเผยมาตรการคว่ำบาตรล่าสุดต่อหนึ่งในพลเมืองที่ถูกตั้งข้อว่าเป็นผู้จัดหาสมาชิกให้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในวันนี้ (4) พร้อมยกระดับการกวาดล้างกิจกรรมของกลุ่มติดอาวุธ

    ออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังการโจมตีจากพวกมุสลิมหัวรุนแรงหรือพวกกลุ่มติดอาวุธที่กลับมาจากการสู้รบในตะวันออกกลาง ได้ยกระดับการเตือนภัยคุกคามเป็น “ระดับสูง” และเปิดฉากการตรวจค้นขนานใหญ่ในเมืองใหญ่ต่างๆ

    เนอิล ปราคาช เป็นพลเมืองออสซี่คนที่ 3 ที่จะถูกรัฐบาลอายัดทรัพย์สิน เนื่องจากเขาเป็นสมาชิกของกลุ่มนิกายสุหนี่หัวรุนแรงไอเอส ซึ่งยึดครองพื้นที่อย่างกว้างขวางในอิรักและซีเรีย

    ปราคาช ซึ่งเชื่อว่าย้ายไปอยู่ที่ซีเรียเมื่อปีที่แล้ว อยู่ในลิสต์รายชื่อเดียวกันกับนักรบกลุ่มไอเอสชาวออสซี่อีก 2 คน คือ โมฮัมเหม็ด อีโลมาร์ และ คาเล็ด ชาร์รุฟ ซึ่งปรากฏตัวในภาพถ่ายเมื่อปีที่แล้วขณะถือศีรษะของทหารซีเรีย

    “ปราคาช พยายามยุยงให้เกิดการก่อการร้ายรุนแรงขึ้นในออสเตรเลีย” บิชอป กล่าวในถ้อยแถลง

    “เขาใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ลัทธิสุดโต่งและเพื่อชักชวนสมาชิกใหม่ๆ รวมถึงเด็กสาวและหญิงสาว ให้เดินทางไปยังซีเรียและอิรักเพื่อเข้าร่วมกับพวกเดียช” เธอกล่าวเสริม โดยเรียกกลุ่มไอเอสด้วยชื่อย่อภาษาอารับ

    “การขึ้นบัญชี ปาคาช คือการส่งข้อความถึงใครก็ตามที่จัดหาสมาชิกหรือเดินทางไปยังต่างแดนเพื่อเข้าร่วมองค์กรก่อการร้ายว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะทำทุกอย่างภายใต้อำนาจที่มีเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามของก่อการร้ายจากทุกทิศทาง”


    ออสเตรเลีย “คว่ำบาตร-อายัดทรัพย์” พลเมืองต้องสงสัยจัดหาสมาชิกให้ไอเอส
    ภายใต้อำนาจด้านความมั่นคงอันเข้มงวดล่าสุดที่ประกาศโดยรัฐบาลสายอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรี โทนี อ็บบอตต์ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พลเมืองออสเตรเลียอาจรับโทษจำคุกถึง 10 ปีจากความผิดฐานเดินทางไปยังพื้นที่ต่างแดนที่ถูกทางการประกาศว่าห้ามเข้า

    แอ็บบอตต์ ยังพยายามที่จะสกัดการไหลของเงินทุนไปยังกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในต่างแดน เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลสั่งปิดธุรกิจการโอนเงินที่ครอบครัวของ ชาร์รุฟ เกี่ยวข้องด้วย จากข้อสงสัยว่าธุรกิจดังกล่าวโอนเงินมากถึง 20 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียไปให้กับกลุ่มติดอาวุธต่างแดน

    ปราคาช ปรากฏตัวในคลิปวีดีโอโฆษณาชวนเชื่อภาษาอังกฤษของกลุ่มไอเอส โดยในคลิปเขาแกว่งปืนไรเฟิลจู่โจมไปมาและเรียกร้องให้มีการโจมตีพลเมืองแดนจิงโจ้

    มาตรการคว่ำบาตรนี้มีผลต่อใครก็ตามที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อ ปาคาช ด้วยการลงโทษจำคุกสูงสุด 10 ปีและปรับ 425,00 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 3 เท่าของจำนวนเงินที่ส่งให้เขา

    เมื่อเดือนที่แล้ว แอ็บบอตต์ ประกาศว่าจะไม่มีการนิรโทษกรรมให้กับชาวออสเตรเลียที่พยายามออกมาจากกลุ่มติดอาวุธต่างชาติและกลับมายังประเทศบ้านเกิดแห่งนี้โดยเด็ดขาด และเขาต้องการถอดความเป็นพลเมืองจากกลุ่มผู้ที่ถือ 2 สัญชาติ หากพวกเขามีส่วนร่วมกับกิจกรรมของกลุ่มติดอาวุธ


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063445
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชมเพนตากอนสาธิตจัดส่งไวรัส : ตัวอย่างกลาโหมโลกที่ 1!! เพนตากอนยอมรับ ส่งเชื้ออาวุธชีวภาพแอนแทรกซ์ไป “ออสเตรเลีย-แคนาดา-เกาหลีใต้” จ่ายตรงอีก 51 แล็บ 17 รัฐทั่วสหรัฐฯ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 16:43 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มิถุนายน 2558 17:33 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - เพนตากอนแถลงยอมรับในวันพุธ (3 มิ.ย.) ว่า ฐานทัพสหรัฐฯ ในรัฐยูทาห์ได้จัดส่งตัวอย่างเชื้อไวรัสแอนแทรกซ์ที่ยังมีชีวิตไปยังห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์จำนวน 51 แห่งใน 17 รัฐทั่วสหรัฐฯ รวมไปถึงห้องแล็บในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และอีก 3 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย แคนาดา และเกาหลีใต้ และคาดว่าในระหว่างการสอบสวนอาจพบจำนวนแล็บที่ได้รับตัวอย่างเพิ่มขึ้น

    ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนต้องการทราบว่า การจัดส่งเชื้อไวรัสแอนแทรกซ์ที่ยังมีชีวิตซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธชีวภาพก่อการร้ายได้นั้นเกิดมาจากความผิดพลาดในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ประจำฐานทัพ ดักเวย์ พรูฟวิง กราวด์ (Dugway Proving Ground)หรือไม่ เจ้าหน้าที่เพนตากอนแถลงเมื่อวานนี้ (5)

    และยังเสริมต่อว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดประจำห้องวิทยาศาสตร์ที่ได้รับพัสดุเชื้ออาวุธชีวภาพนี้ได้รับอันตรายจากเชื้อแอนแทรกซ์ และไม่ปรากฏว่าเชื้อนี้ได้แพร่ออกสู่สาธารณะ

    นอกจากนี้ ในรายงานการสรุปถึงเหตุไวรัสแอนแทรกซ์จากเพนตากอนนี้ รอยเตอร์รายงานว่า เพนตากอนยอมรับว่าคาดว่าอาจมีตัวเลขห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่ได้รับตัวอย่างเชื้อไวรัสแอนแทรกซ์เพิ่มสูงขึ้น “มาจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีจุดที่จะชี้ได้ว่า สิ่งที่ผิดพลาดนี้เกิดมาจากความพยายามของคนที่ตั้งใจให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ บ็อบ เวิร์ก (Bob Work) กล่าว

    ทั้งนี้ ทางเพนตากอนเชื่อว่าเชื้อที่อยู่ในตัวอย่างในก้อนน้ำแข็งแห้งที่ถูกจัดส่งทางบริการ FEDEX นั้นมีน้อยเกินกว่าที่จะสามารถทำอันตรายต่อคนที่มีสุขภาพแข็งแรงได้ เวิร์กกล่าวต่อ

    มีการเปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทางเพนตากอนสั่งให้มีการตรวจสอบ 30 วันถึงขั้นตอนทำให้เชื้อไวรัสแอนแทรกซ์ตายโดยการฉายรังสีแกมมา

    ด้าน แฟรงก์ เคนเดล (Frank Kendall) เจ้าหน้าที่ระดับสูงเพนตากอน แถลงว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบไวรัสกว่า 400 ชุดว่ามีเชื้อไวรัสแอนแทรกซ์จำนวนมากเท่าใดที่ยังคงมีชีวิตซึ่งพบว่ามีจำนวน 4 ชุดที่พบว่ายังมีไวรัสที่ยังมีชีวิต และการตรวจสอบยังคงดำเนินต่อไป

    รอยเตอร์รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2006 ห้องวิจัยเอกชน รวมไปถึงห้องวิจัยประจำสถาบันการศึกษา และห้องวิจัยของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯจำนวนไม่ต่ำกว่า 51 ได้รับตัวอย่างที่ยังมีชีวิต โดยเพนตากอนเปิดเผยว่าห้องวิจัยที่ได้รับตัวอย่างเชื้อไวรัสแอนแทรกซ์นั้นตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเดลาแวร์ รัฐแมรีแลนด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ รัฐนิวยอร์ก รัฐเทนเนสซี รัฐเทกซัส รัฐยูทาห์ รัฐเวอร์จิเนีย รัฐวอชิงตัน รัฐวิสคอนซิล รัฐฟลอริดา รัฐอิลลินอยด์ รัฐโอไฮโอ รัฐนอร์ท แคโรไรนา รวมไปถึงยังกรุงวอชิงตัน ดีซี และอีก 3 ประเทศนอกสหรัฐฯ ได้แก่ออสเตรเลีย แคนาดา และเกาหลีใต้

    รอยเตอร์รายงานต่อว่า เพนตากอนได้สั่งให้คนจำนวน 31 คน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมราว 23 คน และเจ้าหน้าที่พลเรือนสหรัฐฯ อีก 8 คน เข้ารับการตรวจตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด รวมไปถึงการให้วัคซีนแอนแทรกซ์ หรือจ่ายยาปฏิชีวนะ หรือจัดให้ทั้งสองขนาน

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปักกิ่งลั่นไม่ปิดบังข้อมูลเรืออับปาง พบศพเพิ่มเป็น 75-เริ่มพลิกเรือกลับขึ้นมา
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 22:11 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:27 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ปักกิ่งยืนยันในวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) “ไม่หมกเม็ด” การสอบสวนกรณีเรือท่องเที่ยวอัปปางในแม่น้ำแยงซี ซึ่งพบผู้รอดชีวิตเพียง 14 คน ขณะที่พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 75 ราย แต่ยังคงมีผู้ที่สูญหายอีกกว่า 360 คน ทางด้านครอบครัวผู้โดยสารหลายร้อยคน พยายามเดินทางไปจุดเกิดเหตุ ด้วยความไม่พอใจการปิดบังข้อมูลข่าวสารของทางการ ในเวลาเดียวกันพวกเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เริ่มเดินหน้าปฏิบัติการอันยากลำบากในการกู้เรือกลับขึ้นมาสู่ผิวน้ำ

    สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมวิสามัญคณะกรมการเมืองประจำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในวันพฤหัสบดี (4) เพื่อหารือเกี่ยวกับหายนะภัยครั้งนี้ และที่ประชุมได้ออกมติเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย “ดำเนินมาตรการทุกอย่างที่เป็นไปได้” เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งเร่งรัดให้ดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างจริงจัง อีกทั้งเน้นย้ำว่า การปลอบโยนครอบครัวผู้โดยสารมีความสำคัญมาก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจำเป็นต้องเข้าใจในความเศร้าโศกของบุคคลเหล่านั้น และปกป้องเสถียรภาพของสังคมอย่างแข็งขัน

    ก่อนหน้านั้นในคืนวันพุธ (3) สีว์ เฉินกวง โฆษกกระทรวงคมนาคมจีน ก็แถลงว่า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกำลังสอบสวนพวกลูกเรือหลายคนซึ่งสามารถหลบหนีออกมาจากเรือ “อีสเทิร์นสตาร์” ที่อัปปางกลางแม่น้ำขณะเกิดพายุทอร์นาโดเมื่อคืนวันจันทร์ (1) เพื่อรวบรวมหลักฐาน พร้อมให้สัญญาว่า จะไม่มีการปกปิดความผิดพลาดหรือปิดบังสิ่งใดๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้

    ทั้งนี้จนถึงเวลานี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบผู้รอดชีวิตเพียง 14 คน ซึ่งรวมถึงกัปตันและหัวหน้าวิศวกรที่ยังอยู่ในการควบคุมเพื่อสอบปากคำของตำรวจ

    อย่างไรก็ดี แม้มีการยืนยันจากผู้มีอำนาจและหน่วยงานที่รับผิดชอบในรัฐบาล แต่ดูเหมือนยังไม่เป็นที่พอใจของญาติผู้โดยสารที่มีหลายร้อยคนฝ่าแนวสกัดกั้นของตำรวจด้วยหวังเข้าถึงที่เกิดเหตุ

    ญาติผู้โดยสารราว 50 คนซึ่งไม่พอใจที่ไม่ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ลงขันเช่ารถบัสจากเมืองนานกิง ไปยังอำเภอเจียนลี่ ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุร้ายคราวนี้ แม้จะต้องใช้เวลาเดินทางถึง 8 ชั่วโมง และคาดว่า จะมีอีกหลายร้อยคนทะยอยเดินทางตามมา

    บรรดาสมาชิกครอบครัวของผู้โดยสารต่างเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยชื่อผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิต รวมทั้งตั้งคำถามว่า เหตุใดผู้ที่รอดชีวิตส่วนใหญ่จึงเป็นลูกเรือ บ้างสงสัยว่า เหตุใดจึงไม่จอดเรือเมื่อเกิดพายุ และเหตุใดกัปตันและลูกเรือจึงมีเวลาสวมเสื้อชูชีพ แต่ไม่มีการส่งสัญญาณเตือนภัยแจ้งผู้โดยสาร

    นอกจากนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี คนขับแท็กซี่ในเจียนลี่ได้รับคำสั่งห้ามนำผู้โดยสารไปส่งที่สถานที่เผาศพของท้องถิ่น ซึ่งมีการนำร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ไปเก็บไว้ ทว่า หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่บริษัทแท็กซี่แห่งหนึ่งได้ออกมาแก้ข่าวว่า เกิดความผิดพลาดในการสื่อสาร โดยสถานที่ที่แจ้งให้คนขับแท็กซี่หลีกเลี่ยงคือ บริเวณที่กำลังมีการกู้ภัย

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ย่อท้อ โดยเริ่มเจาะลำตัวเรือตั้งแต่คืนวันพุธ ซึ่งเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังติดอยู่ในเรือที่พลิกคว่ำ แต่ต้องยุติการเจาะเมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี เนื่องจากมีฝนตกหนัก กระนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้พบศพเพิ่มขึ้นหลายสิบศพ รวมยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันจากทางการอยู่ที่ 75 ราย จากจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 456 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวสูงอายุ

    สื่อรายงานว่า เครนขนาดใหญ่ 3 ตัว ถูกนำไปยังที่เกิดเหตุเพื่อเตรียมยกเรืออีสเทิร์นสตาร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ละเอียดอ่อนและความเสี่ยงสูง เนื่องจากหากเกิดความผิดพลาดก็อาจทำให้เรือกลับจมลึกลง โดยหวัง จื้อกัง ผู้ควบคุมปฏิบัติการกู้ภัยระบุว่า ถ้าผ่านไป 72 ชั่วโมงโดยที่ไม่พบสัญญาณว่า ยังมีผู้รอดชีวิต จะทำการพลิกเรือกลับขึ้นมาสู่ผิวน้ำ

    ในเวลาต่อมา กระทรวงคมนาคมแถลงว่า จะเริ่มการปฏิบัติการพลิกเรือขึ้นสู่ผิวน้ำในเวลา 20.00 น.วันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 19.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยที่ซินหวารายงานคำแถลงของกระทรวงที่ระบุว่า การดำเนินการเช่นนี้ จะทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถ “ค้นหาบุคคลที่สูญหายไปโดยใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้ความคุ้มครองอย่างสูงสุดแก่เกียรติศักดิ์ศรีของผู้สิ้นชีวิตไปแล้ว”

    ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งของสำนักงานกิจการการเดินเรือในแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) เปิดเผยว่า ฉงชิ่ง อีสเทิร์น ชิปปิ้ง คอร์เปอเรชัน เจ้าของเรืออีสเทิร์น สตาร์ ได้รับคำสั่งให้ระงับการให้บริการเรืออีสเทิร์นเพิร์ล ที่สร้างตามแบบเดียวกับอีสเทิร์นสตาร์ รวมทั้งตรวจสอบความปลอดภัยของเรือทุกลำของบริษัท

    ทั้งนี้ จากเอกสารของสำนักงานความปลอดภัยในการเดินเรือนานกิง เรืออีสเทิร์นสตาร์เคยถูกสั่งระงับการให้บริการในปี 2013 พร้อมกับเรือท่องเที่ยวอื่นอีก 5 ลำ เนื่องจากความบกพร่องบางอย่าง ระหว่างการตรวจสอบความปลอดภัยของเรือท่องเที่ยว ทว่าในเอกสารไม่ได้ให้รายละเอียดข้อบกพร่องแต่อย่างใด โดยระบุเพียงว่า รายงานให้สำนักงานความปลอดภัยในการเดินเรือของฉงชิ่งรับทราบแล้ว

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063618
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หญิงอาจมีเฮ! FDA สหรัฐฯ วุ่นถกหาข้อสรุปอนุญาตให้ “ไวอะกร้าผู้หญิง” ออกจำหน่าย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 11:45 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มิถุนายน 2558 17:32 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/เอเอฟพี - ยาเพิ่มสมรรถนะทางเพศให้กับผู้หญิง หรือที่รู้จักในนาม “ไวอะกร้าผู้หญิง” หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ ฟลิแบนเซริน (Flibanserin) หรือ BIMT-17 กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาขององค์กรอาหารและยาสหรัฐฯ FDA จะถูกนำเข้าที่ประชุมบอร์ดที่ปรึกษาจากภายนอก ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่มีการนำยาตัวนี้เข้าวาระการประชุมในวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) นี้ และหากประสบความสำเร็จจะถือเป็นการรักษาการแพทย์โดยการใช้ยาสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเป็นครั้งแรกของโลก

    อัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์ และเอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (3) ว่า จากการศึกษาพบว่า ถึงแม้มีกลุ่มชายจำนวนแค่ 31% ประสบปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศ แต่ทว่าการศึกษาวิจัยด้านนี้กลับมีจำนวนมากซึ่งรวมไปถึงไวอะกร้า การวิจัยอย่างก้าวกระโดดทำให้ชายสามารถออกมาจากโลกมืดได้สำเร็จ อ้างอิงตัวเลขจากวารสารสหพันธ์การแพทย์อเมริกา Journal of the American Medical Association

    แต่ทว่าเป็นที่น่าเสียดายว่า ในทางกลับกันที่ถึงแม้จะมีรายงานชี้ว่ามีหญิงจำนวนถึง 43% ที่ประสบปัญหาเสื่อมสมรรถนะทางเพศ แต่กลับไม่มีการศึกษาในเรื่องนี้มากนัก และองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA ไม่เคยอนุมัติยาเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศสตรีให้แม้แต่รายเดียว นายแพทย์ไอร์วิน โกลด์สไตน์ (Irwin Goldstein) ผู้อำนวยการด้านการแพทย์เพื่อสุขภาพทางเพศประจำโรงพยาบาลอัลวาราโด (Alvarado Hospital) ในเมืองซาดิเอโกกล่าว

    อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีรายงานว่า ยาเพิ่มสมรรถนะทางเพศให้แก่ผู้หญิง หรือที่รู้จักในนาม “ไวอะกร้าผู้หญิง” หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ ฟลิแบนเซริน (Flibanserin) หรือ BIMT-17 นั้นมีเป้าหมายทางการตลาดไปที่กลุ่มหญิงก่อนวัยหมดประจำเดือน นั้นอาจส่งผลข้างเคียงต่อผู้ใช้ได้ เป็นต้นว่า คลื่นไส้ มึนศีรษะ และรวมไปถึงง่วงซึม

    ในการประชุมครั้งที่ 3 ในวันนี้ (4) ทางบอร์ดที่ปรึกษาจากภายนอกของ FDA จะหารือเพิ่มเติมโดยการพิจารณาหลักฐานจากการวิจัยทางคลินิก และจากผู้เชี่ยวชาญทั้งสองฝ่ายในส่วนต้านการประกาศใช้ยาและในส่วนสนับสนุนยาตัวนี้ และในช่วงท้ายสุดจะมีการออกเสียงลงมติ ที่ถึงแม้การโหวตตัดสินใจครั้งนี้จะยังไม่ใช่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่จะนำมาสู่การอนุญาตยาไวอะกร้าผู้หญิง แต่ทว่าหน่วยงานองค์การอาหารและยา FDA มักจะเห็นคล้อยตามแนวทางตัดสินใจของบอร์ด

    อัลญะซีเราะห์รายงานเพิ่มเติมว่า ฟลิแบนเซรินนั้นผลิตโดยบริษัท สเปราท์ ฟามาซูติคอลส์ (Sprout Pharmaceuticals) ซึ่งมีฐานอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ เป็นก้าวแรกที่มีการวิจัยปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมผ่านการวิจัยด้านสมอง แทนที่จะแก้ปัญหาทางโฮโมนทางเพศเหมือนเช่นที่ผ่านมา

    โดยก่อนหน้านี้ ฟลิแบนเซริน แต่แรกเริ่มถูกพัฒนาเพื่อใช้บำบัดอาการซึมเศร้า แต่ทว่าผลการใช้กลับไม่ประสบความสำเร็จ ในทางกลับกันยาตัวนี้กลับช่วยเพิ่มความต้องการทางแพทย์


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063270
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป.ป.ช.จับมืออปท.คลอดมาตรการต้านโกงในท้องถิ่น | เดลินิวส์
    „ป.ป.ช.จับมืออปท.คลอดมาตรการต้านโกงในท้องถิ่น ป. ป. ช.ถก อปท.คลอดมาตรการต้านโกงในท้องถิ่น ก่อนชงครม.พิจารณา วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2558 เวลา 14:02 น.

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเช็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น เรื่อง "มาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น"โดยมีตัวแทนของกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต. ) เข้าร่วมสัมมนา โดยนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงมาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่า ถ้าจะปัญหาการทุจริตเชิงนโยบาย ต้องออกพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ซึ่งขณะนี้กำลังระดมสมองเสนอในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย ทั้งนี้สำหรับปัญหานี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ทำกันมาแล้วมองไม่ค่อยออก มีความแยบยล ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ต้องใช้เวลาดูนานเหมือนกับเราดูหนังทั้งเรื่อง มีการวางแผนว่าจะเอานโยบายมากระทำทุจริตอย่างไร มีการทำโครงการใหญ่ที่ประชาชนได้ประโยชน์ แต่ถ้าดูตอนจบ จะพบว่าประโยชน์ตกแก่ใครหรือพรรคพวกใคร เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนไปตกแก่บริษัทหรือพรรคพวกของคุณด้วยหรือไม่

    นายประสาท กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะนำข้อเสนอในการสัมมนาไปให้คณะอนุกรรมการพิจารณาว่าครบถ้วนหรือไม่ หากครบถ้วนแล้วจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาเพื่อสมควรออกเป็นมาตรการป้องการทุจริตเชิงนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายเกิดขึ้นในอปท. โดยในการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป.ป.ช.ส่วนใหญ่ อปท.ถูกชี้มูลว่าทุจริตที่สุด ส่วนใหญ่เป็นคดีทุจริตทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ร่ำรวยผิดปกติ หรือทำผิดเรื่องฮั้วการประมูล ดังนั้นมาตรการดังกล่าวจะทำให้งานป้องกันและปราบปรามการทุจริตดำเนินไปควบคู่กัน.“

    อ่านต่อที่ : ป.ป.ช.จับมืออปท.คลอดมาตรการต้านโกงในท้องถิ่น | เดลินิวส์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนคนไทยแห่ฝากเงินในลาวหวังดอกเบี้ยสูง | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „เตือนคนไทยแห่ฝากเงินในลาวหวังดอกเบี้ยสูง สถานทูตเตือนคนไทย แห่ขนเงินฝากในลาว หวังดอกเบี้ยสูง เผยระเบียบแบงก์ลาว ให้เฉพาะคนที่อาศัยหรือทำงานในประเทศเปิดบัญชีเท่านั้น วันพฤหัสที่ 4 มิถุนายน 2558 เวลา 17:56 น.

    เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) ได้ออกประกาศว่า ตามที่มีบุคคลบางกลุ่มชักชวนและอำนวยความสะดวกให้แก่คนไทย เดินทางเข้าไปยัง สปป.ลาว เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร โดยคาดหวังจะได้รับอัตราเงินฝากดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศไทยนั้น พบว่าส่วนมากเป็นคนไทยวัยเกษียณตามจังหวัดชายแดน ที่ต้องการนำเงินก้อนที่เก็บสะสมไว้ไปฝากประจำเพื่อรับดอกเบี้ยที่สูงกว่า ดังนั้น สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ขอแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการฝากเงินใน สปป.ลาว ว่าระเบียบธนาคารแห่ง สปป.ลาวว่าด้วยการออกใบยืนยันเงินฝาก กำหนดว่าผู้ลงทุนหรือผู้ฝากเงิน ต้องเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีถิ่นพำนักและ/หรือทำงานอยู่ใน สปป.ลาว จึงจะสามารถฝากเงิน หรือซื้อ-ขายใบยืนยันเงินฝากได้ อีกทั้งระเบียบธนาคารแห่ง สปป.ลาวว่าด้วยกองทุนปกป้องผู้ฝากเงินใน สปป.ลาว กำหนดว่าเมื่อปรากฎว่าธนาคารใดถูกประกาศให้ล้มละลาย ผู้ฝากเงินมีสิทธิรับเงินฝากของตนคืนจากกองทุนปกป้องผู้ฝากเงิน ตามจำนวนเงินและสกุลเงินที่ยังไม่ได้ถอน แต่ไม่เกินคนละ 15 ล้านกีบ (ประมาณ 60,000 บาท) นอกจากนี้ระเบียบว่าด้วยการนำเงินเข้า-ออกอาณาจักรไทย กำหนดว่าสามารถนำเงินบาทไทยติดตัวเดินทางไปประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทยได้ คนละไม่เกิน 500,000 บาท ถ้าต้องการนำเงินตราไทยออกนอกราชอาณาจักร มูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย และนำหลักฐานการได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธต.5) แสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนการนำเข้าเงินบาท สามารถนำเข้าประเทศไทยได้ไม่จำกัดมูลค่า สำหรับเงินตราต่างประเทศนั้น การนำเงินตราต่างประเทศที่เป็นธนบัตร หรือเหรียญกษาปณ์ออกไปนอก หรือเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมีมูลค่ารวมกันเกินกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า ต้องแสดงรายการเงินตราต่างประเทศนั้นต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ หากไม่แสดง หรือแสดงรายการไม่ถูกต้อง จะถือว่ามีความผิดทางอาญา.“

    อ่านต่อที่ : เตือนคนไทยแห่ฝากเงินในลาวหวังดอกเบี้ยสูง | เดลินิวส์

    เตือนคนไทยแห่ฝากเงินในลาวหวังดอกเบี้ยสูง | เดลินิวส์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป.ป.ช.ตั้ง 'สุภา'ลุยสอบกองทุนฟื้นฟูเกษตรฯ สมัย 'แม้ว' | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „ป.ป.ช.ตั้ง 'สุภา'ลุยสอบกองทุนฟื้นฟูเกษตรฯ สมัย 'แม้ว' ป.ป.ช.ลุยสอบปมฉาวกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร สมัยรัฐบาล 'ทักษิณ' ตั้ง 'สุภา ปิยะจิตติ' นำทีมไต่สวน วันพฤหัสที่ 4 มิถุนายน 2558 เวลา 18:19 น.

    เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหาคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร คณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตร และนายผดุงศักดิ์ พื้นแสง เมื่อครั้งรักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตร โดยมี น.ส.สุภาปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน ซึ่งคณะอนุกรรมการชุดนี้เป็นชุดใหม่ที่ถูกแต่งตั้งขึ้น เพื่อทำหน้าที่ไต่สวนข้อเท็จจริงต่อจากคณะอนุกรรมการชุดก่อน โดยกรณีดังกล่าวมีการกล่าวหาว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตรกรรม การบริหารกองทุนฯ รวมทั้งเลขาธิการกองทุนฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีแต่งตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในฐานความผิดทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยกรณีดังกล่าวมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิด กรณีคณะกรรมการกองทุนฯ ชุดที่มีนายพิทักษ์ อินทรวิทยานันท์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธาน พร้อมพวกรวม 37 คน ที่มีการประชุมเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2545 และมีมติแต่งตั้งนายผดุงศักดิ์ เป็นกรรมการบริหารกองทุนและตำแหน่งเลขาธิการกองทุนฯ ทั้งที่ไม่มีวุฒิการศึกษาด้านการเกษตรและไม่มีประสบการณ์ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการแต่งตั้งคนที่ไม่มีรายชื่อเป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกรเป็นคณะกรรมการกองทุนฯรวมทั้งกรณีแต่งตั้งลูกจ้าง และลูกจ้างชั่วคราวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย.“

    อ่านต่อที่ : ป.ป.ช.ตั้ง 'สุภา'ลุยสอบกองทุนฟื้นฟูเกษตรฯ สมัย 'แม้ว' | เดลินิวส์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คืนนี้น่ะครับ วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายนนี้ ช่องเวิร์คพ้อยท์ ถ่ายทอดสด ตั้งแต่เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป

    นังถอยหลัง บัวขาว vs อี้ หลง" ชั่งน้ำหนักผ่านฉลุยพร้อมไฝว้กันพรุ่งนี้
    5 มิย 58 (14:18 น.)

    [​IMG]

    หลังจากบินลัดฟ้าสู่ประเทศจีนตั้งแต่เมื่อวานซืน (3 มิ.ย.) ช่วงเช้าของวันนี้ "บัวขาว บัญชาเมฆ" นักชกขวัญใจชาวไทย และ "อี้ หลง" ยอดมวยเส้าหลินเจ้าถิ่น ก็ได้ชั่งน้ำหนัก พร้อมเผชิญหน้ากันอย่างเป็นทางการ
    โดยทั้งสองขึ้นชั่งน้ำหนักในพิกัด 70 กิโลกรัมแบบผ่านฉลุย โดยการชกไฟต์นี้ มีกติกาต่อยกัน 3 ยก ยกละ 3 นาที พัก 2 นาที ห้ามใช้ศอก สามารถตีเข่าได้ แต่ห้ามจับล็อกคอแล้วตีเข่า ผู้ชนะจะได้เข็มขัด WLF World Champion ไปครอง
    สำหรับศึกดวลกำปั้นไฟต์แห่งศักดิ์ศรีแม่ไม้มวยไทย พบ มวยกังฟูแห่งวัดเส้าหลิน ระหว่าง "บัวขาว บัญชาเมฆ vs อี้ หลง" จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายนนี้ ช่องเวิร์คพ้อยท์ ถ่ายทอดสด ตั้งแต่เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป
    “บัวขาว vs อี้ หลง”ชั่งน้ำหนักผ่านฉลุยพร้อมไฝว้กันวันนี้
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทุกวันนี้ที่ผมลงข่าวนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการให้พวกเราติดตามข่าวสารบ้านเมือง และดูความเป็นไปของบ้านเมืองว่าจะเป็นเช่นใดต่อไป และว่าจะตรงตามคำนายว่าศิวิไลซจะบังเกิดในบ้านเมืองเราหรือไม่เท่านั้นครับ แต่โดยส่วนตัวผมไม่ได้คัดค้านนายกน่ะครับ แต่ผมไม่เชื่อว่าท่านจะพาบ้านเมืองไปถึงจุดนั้น เพราะทุกวันนี้ประเทศต่างๆมีปัญหารุมเร้า และดูท่าจะมีผลกระทบมาถึงเรา ลำพังนายกรัฐมนตรีจะพาเราไปสู่ศิวิไลซได้อย่างไรยังนึกไม่ออกเลย สมัยหนึ่งเราเชื่อคำทำนายเรื่องนารีขี่ม้าขาว โดยที่เราไม่เคยพิจารณาคำทำนายให้ละเอียด ซึ่งคำทำนายบอกว่า. "ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดังจะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวังผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ"

    แต่เราก็ไปตัดคำว่า "ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดังจะมี" เลยกลายไปทึกทักแต่ว่าจะมี หนึ่งนารีขี่ม้าขาว" ผมจึงอยากให้พวกเราติดตามข่าวสารบ้านเมืองโดยอย่ามีใจอคติ และรอดูกันต่อไปว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

    [​IMG]

    คำทำนายที่เคยมีมาช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามาประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่าพวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาชนเต็มพระนครชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขรออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดินชาวประชาจะปีติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้นจะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนาจะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้าคอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไรข้าราชการตงฉินถูกประณาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดีประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนีไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกันพุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญเกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลายแผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสายเกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดินข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้นทั้งพฤฒาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลมความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขมคนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดังจะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวังผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชาคนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหาประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปปง.ยึดทรัพย์เครือข่ายโกงสกสค. 183 ล้าน พฤติกรรมตั้งใจมาโกง ถอนเงินวันละ 120 ล้าน โพสเมื่อ 5 มิย 58

    [​IMG]

    "พ.ต.อ.สีหนาท"แถลงยึดทรัพย์เครือข่ายโกงสกสค. 183 ล้าน อัดพฤติกรรมตั้งใจมาโกง ถอนเงินวันละ 120 ล้าน โอนเงินล็อตใหญ่ 2,100 ล้านบาท ให้บ.บิลเลี่ยนฯ
    สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง. แถลงผลตรวจสอบเส้นทางการเงินกรณีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ทำธุรกรรมทางการเงินกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ว่า
    จากการสืบสวนและรวบรวมข้อมูลหลักฐานพบว่า อดีตเลขาธิการสกสค. ร่วมกับกรรมการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อสมาชิกคุรุสภา (ช.พ.ค.) ได้นำเงินของช.พ.ค.ให้บริษัท บิลเลี่ยนฯ กู้ยืมผ่านการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน 3 ครั้ง รวม 3,000 ล้านบาท โดยได้รับค่าตอบแทน 7 % แต่เมื่อครบกำหนดชำระคืนเมื่อ 27 ธ.ค. 2557 สกสค.ได้รับเงินคืนเพียง 500 ล้านบาท มียอดเงินค้างชำระอยู่อีก 2,500 ล้านบาท จากการตรวจสอบหลักประกันทั้งโฉนดที่ดิน 33 แปลง เช็คธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ดร๊าฟท์ธนาคาร HSBC ใบหุ้นสโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ เงินสกุลโครเอเชีย ซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้งหมด พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการร่วมกันฉ้อโกง มีผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
    1.นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา กรรมการบริษัทบิลเลี่ยนฯ
    2.นายยศวัจน์ ถิรพรสวัสดิ์ กรรมการในเครือบริษัท บิลเลี่ยนฯ
    3. นายสิทธินันท์ หลอมทอง กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยนฯ
    4.นายมงคล เอี่ยงศุภพานนท์ กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยนฯ และ
    5.กรรมการของสกสค. และกรรมการ ช.พ.ค.บางราย
    เลขาธิการปปง. กล่าวต่อว่า ปปง. ทำการวิเคราะห์เส้นทางการเงินผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วเห็นว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น อันเป็นมูลฐานความผิดตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน จึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินรวม 146 รายการ มูลค่าประมาณ 183 ล้านบาทไว้ตรวจสอบชั่วคราว ได้แก่ โฉนดที่ดิน 33 แปลง และหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) 16 แปลง มูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท บัญชีเงินฝากของผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ที่ได้รับโอนเงินทั้งบริษัท บิลเลี่ยนฯ และบริษัทในเครือของนายสัมฤทธิ์ กับพวกและกรรมการสกสค. และช.พ.ค. ประกอบด้วย
    1.นายเกษม กลั่นยิ่ง
    2.นายสุรเดช พรหมโชติ
    3.นายสมศักดิ์ ตาไชย
    รวม 63 รายการ เป็นเงิน 32 ล้านบาท หุ้นบริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน)ของนายสัมฤทธิ์ จำนวน 712,758 หุ้น มูลค่า 71 ล้านบาท นอกจากนี้ยังยับยั้งการทำธุรกรรมไว้ชั่วคราว 10 วัน ในส่วนของบัญชีสโมสรฟุตบอลโล่เงิน จำกัด (เพื่อนตำรวจ) และบริษัท สัญญาประกันภัยฯ 33 บัญชี เป็นเงิน 43 ล้านบาท
    เลขาธิการปปง. กล่าวอีกว่า ในส่วนของสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ ปปง.ได้หารือกับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.).แล้ว โดยผบ.ตร.ระบุให้ตรวจสอบไปตามหน้าที่ ทรัพย์ที่ยึดและอายัดได้ขณะนี้แม้จะมีเพียงหลักร้อยล้านบาทขณะที่ความเสียหายมีมากถึง 2,500 บาท ยืนยันว่าปปง.จะเร่งติดตามทรัพย์เพิ่มที่ยึดและอายัดไว้กว่า 183 ล้านบาท เป็นเพียงทรัพย์ที่เห็นได้จากธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังมีทรัพย์อีกจำนวนมากที่ซุกซ่อนไว้ ซึ่งจากการทำแผนผังเส้นทางการเงินจะพบว่ามีการถอนเงินออกไปเป็นทอด ครั้งละหลายล้านบาท เช่น ภายในวันเดียวมีการถอนเงินออกมากถึง 120 ล้านบาท ทั้งนี้ ปปง.จะส่งข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบทั้งหมดไปให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนความผิดอาญา
    “เงินส่วนใหญ่ที่สกสค.โอนให้กับบริษัท บิลเลี่ยนฯ ไหลออกไปหมดแล้ว ปปง.จะเร่งติดตามว่าไหลไปอยู่ที่กลุ่มใดบ้าง กรณีดังกล่าวมีพิรุธที่เห็นได้ชัดตั้งแต่เริ่มโครงการเนื่องจากสกสค. โอนเงินล็อตใหญ่ 2,100 ล้านบาทให้บริษัท บิลเลี่ยนฯทั้งที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ คล้ายเป็นการโกงโดยตรง ไม่ใช่การทำนิติกรรมอำพราง เพราะเอกสารหลักฐานที่นำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นหลักฐานที่ปลอมขึ้นทั้งหมด” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว
    เลขาธิการปปง. ปฏิเสธกรณีที่มีการระบุว่ามีเงินจากสกสค.บางส่วนเกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เพราะไม่พบหลักฐานกระแสการเงิน เชื่อว่าน่ามีความพยายามที่จะนำเงินที่ไปไว้ที่สหกรณ์คลองจั่น" แต่ในช่วงปี 2555-2556สหกรณ์คลองจั่นฯเริ่มมีปัญหาทำให้โยกเงินไม่สำเร็จ

    อ่านเพิ่มเติมได้ที่ กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 5 มิถุนายน 2558
     

แชร์หน้านี้

Loading...