ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    3 มิ.ย. กสท.เชือด'เจ๊ติ๋ม'เบี้ยวค่างวด เรียก1,600 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย4%
    3 มิ.ย.58 มีรายงานเบื้องต้นแจ้งว่า ที่ประชุม คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) มีมติให้ บริษัท ไทยทีวี จำกัด เพื่อให้บริษัท ไทยทีวี ชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอล จำนวนกว่า 1,600 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 4% และสามารถยุติการออกอากาศ ทั้ง 2 ช่องได้
    สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี จำกัด ทำหนังสือ แจ้งมายัง กสทช. แจ้งขอเลิกใบอนุญาต และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ในระบบดิจิตอล โดยให้เหตุผลว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)กสทช. ทำผิดเงื่อนไข
    โลกธุรกิจ - กสท.เชือด'เจ๊ติ๋ม'เบี้ยวค่างวด เรียก1.6พันล.บวกดอกเบี้ย4%
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มุมมืด “สิงคโปร์โมเดล” อีกด้านที่คนไทยไม่ค่อยรู้
    ต่างประเทศJun 2, 2015

    [​IMG]

    หากถามว่าประเทศไหนเป็น “ดินแดนอุดมคติ” ในสายตาคนไทย? เชื่อเหลือเกินว่าต้องมี “สิงคโปร์” ติดอยู่ด้วยเป็นลำดับต้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสในโลกออนไลน์ ที่บ่นกันอยู่แทบทุกวันว่า “ขวานทอง” ของเรามีทรัพยากรเหลือเฟือ อะไรๆ ก็ดีทุกอย่าง แต่ดันโชคร้ายที่มี “ประชากรไร้คุณภาพ” อยู่เป็นส่วนใหญ่ เป็นต้น แล้วก็อยากให้นำ “โมเดล” แบบนั้นมาใช้กับไทยบ้าง ซึ่งด้านหนึ่งไม่มีใครปฏิเสธว่า “ลีกวนยู” (Lee Kuan Yew) ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ ได้ทำให้เกาะเล็กๆ แห่งนี้กลายมาเป็นประเทศที่ผู้คนมีรายได้สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

    ด้วยนโยบายเน้นพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชาวสิงคโปร์ถือว่ามีความสามารถทางสติปัญญา (ไอคิว-IQ) สูงมาก ขณะที่มาตรฐานระบบการศึกษาก็สูงมากเช่นกัน เห็นได้จากการจัดอันดับศักยภาพในการแข่งขันโดย “เวิลด์ อีโคโนมิคส์ ฟอรั่ม” (WEF) ทุกๆ ปี สิงคโปร์จะติดอันดับต้นๆ ของโลกจากจำนวนร้อยกว่าประเทศเสมอ และทิ้งห่างเพื่อนร่วมอาเซียนอีก 9 ประเทศที่เหลืออย่างไม่เห็นฝุ่น แต่อีกด้านหนึ่ง การได้มาซึ่ง “ตัวเลขสวยๆ” เหล่านี้ ชาวแดนข้าวมันไก่ ก็ต้อง “แลก” กับอะไรหลายอย่างไปไม่น้อย

    กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานเสวนา “อาลัยลีกวนยู : ชำแหละมายาคติสิงคโปร์โมเดล” เมื่อเดือน เม.ย. 2558 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ถึงอีกมุมหนึ่งของสิงคโปร์ ที่คนไทยไม่ค่อยทราบนัก ว่าสังคมที่สวยหรูสวยงามของสิงคโปร์ อาจมิได้เกิดขึ้นมาจาก “ความรัก” หรือการคิดดีทำดีของชาวสิงคโปร์เอง แต่เกิดจาก “ความกลัว” การถูกลงโทษเสียมากกว่า

    เช่น การที่บ้านเมืองดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นเพราะคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่กลัวถูกลงโทษ ถึงขนาดที่มีคำขวัญเชิงประชดประชันว่า “สิงคโปร์ : ดินแดนแห่งค่าปรับ” หรือมีเรื่องตลกร้ายที่เล่ากันในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ว่าคนสิงคโปร์จะทำอะไรเป็นระเบียบก็แต่ในประเทศตัวเองเท่านั้น แต่เมื่อออกไปยังประเทศอื่นๆ ก็จะไปละเมิดกฎระเบียบที่ประเทศเหล่านั้นทันที นัยว่าขอออกมา “ปลดปล่อย” เสียบ้างหลังต้อง “เก็บกด” จากที่บ้านมานาน

    “ส่วนหนึ่งมันก็มาจากคนที่มีระเบียบวินัยจริงๆ แต่มองในอีกแง่นึง ก็คือคนส่วนใหญ่กลัวถูกลงโทษ เวลาเราไปเที่ยวสิงคโปร์ มันก็จะมีของที่ระลึกขาย ที่เขียนว่า Singapore is a Fine City ก็คือสิงคโปร์เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยค่าปรับยุบยิบหยุมหยิมเต็มไปหมดเลย ดังนั้นการสร้างระเบียบสังคม ส่วนนึงก็คือการใช้ความกลัวเข้ามาข่มขู่กำราบ

    หรือมีเรื่องตลกของคนมาเลเซียที่ไม่ชอบคนสิงคโปร์ ก็เล่าให้ฟังว่าคนสิงคโปร์เวลาอยู่ในประเทศ เขาจะทิ้งขยะลงถังขยะ แต่พอข้ามไปฝั่งมาเลย์ปุ๊บ สิ่งแรกที่ทำคือทิ้งขยะลงพื้นเพื่อเป็นการปลดปล่อย ปลดปล่อยความรู้สึกที่ถูกกดทับด้วยกฎหมายมาตลอด อันนี้เป็นเรื่องที่เขาเล่าๆ กันนะคะ จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่ทราบได้ แต่มันก็สะท้อนได้อย่างนึง คือคนสิงคโปร์ที่ดูมีระเบียบวินัย มันเกิดจากความกลัวในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกในใจที่อยากสร้างสังคมที่มีอารยะ” อาจารย์กรพนัช กล่าว

    ประการต่อมา..สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีปัญหาด้าน “คุณภาพชีวิตของแรงงาน” เพราะในสมัยของลีกวนยู ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้แรงงาน “ต่อรอง” ใดๆ ทั้งสิ้น เช่น ห้ามจัดตั้งสหภาพแรงงาน เพื่อไม่ให้มีการประท้วงเรียกร้องจนภาคธุรกิจเสียศักยภาพในการแข่งขัน หรือสวัสดิการทางสังคมที่พบว่าเอาจริงๆ แล้วก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร

    “ถ้าใครไปสิงคโปร์บ่อยๆ คนแก่ที่นั่นที่ไม่มีสวัสดิการอะไร อายุ 60 70 80 แล้วก็ยังต้องทำงานอยู่ ถ้าเราไปกินอาหารตามร้านต่างๆ จะเห็นคนแก่เดินขายทิชชู่ หรือเป็นคนเก็บจานเก็บชาม เพราะว่ารัฐไม่มีสวัสดิการอะไรให้กับคนเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นว่าสิงคโปร์มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก

    ในความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไปกระจุกอยู่กับคนรวย ขณะที่คนจนก็ยังมีจำนวนไม่น้อย อันนี้เป็นข้อมูลจากวารสาร Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น รายงานว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่ช่องว่างรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจน สูงเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีไทยเป็นอันดับ 2” อาจารย์กรพนัช ระบุ

    สอดคล้องกับคำบอกเล่าของ มรกตวงศ์ ภูมิพลับ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะที่เคยไปศึกษาและใช้ชีวิตอยู่ในสิงคโปร์หลายปี กล่าวว่า หากใครไปสิงคโปร์ ขอให้ลองออกจากย่านท่องเที่ยวหรือย่านช็อปปิ้งหรูหรา แล้วจะได้เห็น “ชีวิตจริง” ของคนทีนี่ ซึ่งเต็มไปด้วย “ความเครียด” มากมาย

    “เพื่อนของดิฉันที่เป็นคนสิงคโปร์แบบ Lower Middle Class (ชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง) บอกว่าสิงคโปร์นั้นทุกอย่างคือมันนี่ (Money-เงินตรา) ถ้ายูมีมันนี่ ยูก็อยู่ได้ ถ้ายูไม่มีมันนี่ ยูก็ออกไป” อาจารย์มรกตวงศ์ กล่าว

    หากสิทธิต่างๆ ของชาวสิงคโปร์เองว่าแย่แล้ว นักวิชาการรายนี้ กล่าวว่า สิทธิของแรงงานข้ามชาติกลับแย่ยิ่งกว่า เช่น มีการใช้ความรุนแรงกับแรงงานโดยนายจ้าง แต่ตัวนายจ้างผู้ก่อเหตุได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าลูกจ้างที่ถูกทำร้าย หรือเมื่อแรงงานป่วยก็ไม่มีสวัสดิการใดๆ ดูแลรักษา รวมถึงการจ้างงานแบบจ่ายค่าจ้างน้อยๆ ถ้าอยากได้เงินมากๆ ก็ต้องทำล่วงเวลา (โอที-OT) แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้น ด้วยชีวิตที่เคร่งเครียดดังกล่าว ได้ทำให้ชาวสิงคโปร์จำนวนไม่น้อย มีความคิดบางอย่างที่ค่อนข้าง “สุดโต่ง” จนน่ากลัว

    “คนสิงคโปร์ถามว่า ฉันจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลเพื่อไปสร้างสาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ แล้วทำไมเราต้องไปแบ่งให้คนที่เป็นแรงงานมาใช้ด้วย? ซึ่งเราก็อาจจะถามกลับเช่นกันว่า แล้วรถไฟฟ้าที่คุณนั่ง เอชดีบี (HDB-บ้านจัดสรรโดยรัฐบาลสิงคโปร์) ที่คุณอยู่ ออชาร์ด (Orchard-ย่านท่องเที่ยวชื่อดังของสิงคโปร์) ที่คุณไปเดินช็อปปิ้ง และอื่นๆ เนี่ย มันน้ำพักน้ำแรงใคร? ทำไมคุณถึงมองคนไม่เท่ากัน?”

    นักวิชาการผู้เคยใช้ชีวิตในสิงคโปร์รายนี้ ตั้งข้อสังเกต และกล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับสิงคโปร์แล้ว การเรียกร้องสิทธิ แม้จะเป็นสิ่งที่ควรมีควรได้ก็ตาม อาจถูกมองว่าเข้าข่าย “บุคคลอันตรายผู้เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ” และจะถูกทางการใช้ทุกวิถีทางเพื่อ “เล่นงาน” ไม่ให้มีที่ยืนในประเทศนี้กันเลยทีเดียว

    “นักข่าวสิงคโปร์อยากไปอยู่โต๊ะข่าวต่างประเทศ ไม่ค่อยมีใครอยากอยู่โต๊ะการเมืองในประเทศ เพราะเขาไม่สามารถแสดงจิตวิญญาณของนักสื่อสารมวลชนได้ ตามมาตรฐานที่พึงมีของคนเป็นนักข่าว หรือการเรียกร้องสิทธิสวัสดิการทางสังคม เรารู้ว่าสิงคโปร์จ่ายเงินเดือนข้าราชการแพงมาก แพงจนไม่ต้องไปโกงใคร แต่สิ่งที่ไม่ค่อยพูดถึงกัน คือคนที่มีฐานะไม่ค่อยดีในสิงคโปร์ เขาก็ไม่มีสวัสดิการสังคม

    มีหนุ่มสาวสิงคโปร์ 2 คน ประท้วงเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของคนสิงคโปร์ ที่เขาหักเก็บจากเงินเดือนเพื่อที่จะให้มาใช้ในบั้นปลายชีวิต หรือใช้สวัสดิการที่คุณพึงจะได้รับกับรัฐ และจริงๆ กลุ่มคนที่ประท้วงก็ไม่ได้มีแค่นี้ แต่มีผู้สูงอายุด้วย ต้องการเรียกร้องรัฐบาลให้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้แฟร์กับคนชั้นล่าง แต่เขาก็โดนคุกคาม เขาทำงานที่โรงพยาบาลแล้วโดนขอให้ออก ข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง”

    อาจารย์มรกตวงศ์ ทิ้งท้ายด้วยประเด็นนี้ พร้อมกับฝากให้ติดตามกันต่อไปว่า หลังการถึงแก่อสัญกรรมของลีกวนยู สังคมสิงคโปร์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? และมากน้อยแค่ไหน? เพราะ “ลีเซียนลุง” (Lee Hsien Loong) ผู้นำประเทศคนปัจจุบันนั้นมีนิสัยยืดหยุ่นกว่าลีกวนยูผู้เป็นบิดา ขณะที่คะแนนเสียงของพรรคฝ่ายค้าน ที่สมัยของลีกวนยูถูกกดทับมาตลอด ก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ

    ทั้งหมดนี้ เราเข้าใจได้ว่าหากพิจารณา ณ เวลานั้น ดินแดนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างสิงคโปร์ ทางเดียวที่จะอยู่รอด คือต้องทำให้คน “แกร่งและเก่ง” มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ภายใต้ความเจริญล้ำหน้าเพื่อนบ้านในภูมิภาค ชาวสิงคโปร์นั้นมีราคาต้องจ่ายไปไม่น้อย เช่น เมื่อปี 2555 “แกลลัปโพล” (Gallup Poll) สำนักโพลเก่าแก่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา สำรวจพบว่า ชาวสิงคโปร์เป็นผู้ที่ “เย็นชา-ไร้อารมณ์” มากที่สุดในโลก

    หรือผลสำรวจ “ดัชนีความเอื้อเฟื้อ” (World Giving Index) 2013 (ปี 2556) พบว่าสิงคโปร์อยู่ในอันดับ 64 ของโลกและอันดับ 6 อาเซียน ตามหลังเมียนมา (อันดับ 2 โลก-อันดับ 1 อาเซียน) , ฟิลิปปินส์ (อันดับ 16 โลก-อันดับ 2 อาเซียน) , อินโดนีเซีย (อันดับ 17 โลก-อันดับ 3 อาเซียน) , ไทย (อันดับ 38 โลก-อันดับ 4 อาเซียน) และ สปป.ลาว (อันดับ 41 โลก-อันดับ 5 อาเซียน) และหากไปดูตัวชี้วัดด้าน “การบริจาคเงิน” (Donating Money) สิงคโปร์จะอยู่อันดับ 17 โลกและอันดับ 4 อาเซียน ตามหลังทั้งเมียนมา ไทยและอินโดนีเซีย ทั้งๆ ที่เป็นประเทศร่ำรวยกว่า

    การอยากเห็นประเทศของเราเจริญอย่างบ้านเมืองอื่นๆ นั้นไม่ผิด..แต่ต้องไม่ลืมว่า “ไม่มีที่ใดสมบูรณ์แบบ”!!!

    รับรู้ทั้ง “มุมมืด-ด้านสว่าง” แล้วเลือกเฉพาะสิ่งที่เหมาะสมกับบริบทสังคมไทยมาปรับใช้ น่าจะดีกว่า!!!

    SCOOP@NAEWNA.COM
    สกู๊ปหน้า 5 - มุมมืด"สิงคโปร์โมเดล" อีกด้านที่คนไทยไม่ค่อยรู้
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'สมยศ'ลั่นไม่กลัวเด็กแว้นขู่ แค่ขยะสังคม/แรงมาแรงไป | เดลินิวส์

    “ผบ.ตร.” ลั่น ไม่กลัวคำขู่เด็กแว้น ไม่แคร์ขยะสังคม ทำผิดกฎหมายจัดการไม่เลี้ยง ชี้ ตร.ตอบโต้ตามความเหมาะสม เตรียมคุยกรมขนส่งทางบกเพิ่มโทษทางจราจรหนักขึ้น วันพุธที่ 3 มิถุนายน 2558 เวลา 17:34 น.

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยกู้ภัยกว่า 150 นาย สนธิกำลังกันปิดล้อมจับกุมเด็กแว้นป่วนเมือง บริเวณถนนราชพฤกษ์ ช่วงสะพานข้ามแยกรัชดา - ท่าพระ เขตธนบุรี ได้จำนวน 425 คน เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถส่งฟ้องได้ ว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเรียกหรือออกหมายเรียกคนที่ทำผิดมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เรียกมาเพื่อนำตัวหรือส่งตัวฟ้องต่อศาลต่อไป ไม่ได้หมายความว่าฟ้องไม่ทันแล้วเรื่องจะจบ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ สาเหตุที่ฟ้องไม่ทันก็อาจจะเป็นเพราะว่าจำนวนมาก เวลาน้อย ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนของธุรการได้ทัน ไม่ได้หมายความว่า พอฟ้องไม่ทันคนเหล่านั้นจะพ้นผิดหรือพ้นมลทิน ขั้นตอนต่อไปเรากำลังจะคุยหารือกันว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการประสานงานกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อจัดการปัญหาเด็กแว๊นนี้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำประวัติของบุคคลเหล่านี้ไว้ หากมีการกระทำผิดซ้ำสองหรือซ้ำซาก จะมีการฟ้องเพิ่มโทษ และหากมีการกระทำผิดเรื่อยๆ ครั้งแรกไม่หลาบจำ ครั้งที่สองอาจจะต้องมีการดำเนินการขอนุญาติหรือดำเนินการให้กรมการขนส่งทางบกระงับหรือยกเลิกใบขับขี่ อาจจะมีการระงับใช้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ถ้ายังไม่เข็ดหลาบอีก ก็อาจจะมีการระงับใช้ใบขับขี่ตลอดชีวิต โดยเรื่องนี้ก็ได้มอบให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบเรื่องจราจร ไปศึกษา หากศึกษาแล้วมีข้อยุติหรือมีหนทางอย่างไร ตนก็จะนำเสนอทาง พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพื่อประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกให้มีมาตรการที่เข้มข้นมากกว่านี้ ผบ.ตร. กล่าวต่อไปว่า เราคงไม่ปล่อยให้เด็กหรือเยาวชนมาประพฤติตนหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สร้างความเดือนร้อนให้สังคม เราจะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นกว่านี้ ไม่ใช่เพียงการควบคุมตัวส่งฟ้องศาล นำตัวไปละลายพฤติกรรม เรียกผู้ปกครองมาว่ากล่าวตักเตือน เดี๋ยวก็จะมีการทำผิดอีก ควรจะต้องมีมาตรการที่ดีกว่านี้ ตนเชื่อว่า ประชาชน ซึ่งได้รับความเดือนร้อนรำคาญจากแก๊งเด็กแว้นเหล่านี้ คงให้การสนับสนุนการทำงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะว่าเราจะต้องทำในสิ่งที่แก้ปัญหาแบบยั่งยืน ไม่ใช่แก้ปัญหาไปวันๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีข่าวออกมาว่าเด็กแว้นเหล่านี้ได้มีการข่มขู่เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯว่าจะเอาคืน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ใครจะขู่อย่างไรก็ไม่เป็นไร ถ้าเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วกลัว ประชาชนจะไปพึ่งใคร ขู่ได้ขู่ไป แต่อย่าทำผิดกฎหมาย ถ้าทำผิดกฎหมายก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ ตนเชื่อว่าไม่มีตำรวจหน้าไหนกลัว แต่ถ้าเขาปฏิบัติหรือกระทำอะไรรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือทำรุนแรงกับประชาชน เพราะที่ผ่านมาก็เป็นแบบนั้น ตนคิดว่าประชาชนคนไทยคงไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้เป็นขยะสังคม หรือปล่อยให้คนเหล่านี้ลอยนวลอยู่ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องเรียนรู้ ศึกษา พัฒนาแล้วเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต่อไป ถ้าเขารุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีสิทธิตามชอบธรรมตามกฎหมายที่จะป้องกันตัว อันพอสมควรแก่เหตุ

    “ฝากถึงเด็กแว้นเหล่านี้ว่า ถ้าเขาแรงมาเราก็ต้องใช้สิทธิ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน หรือจะเป็นเจ้าหน้าที่ก็แล้วแต่ ถ้าได้รับผลกระทบรุนแรง ก็มีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวตามกฎหมาย ถ้าเขาขู่ไม่เป็นไร แต่อย่าทำอะไร ถ้าทำ ก็จะบอกประชาชนไว้ตรงนี้ว่า ถ้าตำรวจทำอะไรโต้ตอบในลักษณะเชิงรุนแรง จะเป็นเพราะว่าเขาทำรุนแรงก่อน ขอความเป็นธรรมให้ข้าราชการตำรวจและผู้ปฎิบัติหน้าที่ด้วย ขอให้เข้าใจว่าเด็กแว้นเหล่านี้ไม่ได้สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมเลย มีแต่สร้างความเดือดร้อน สร้างความรำคาญให้สังคม ประชาชนต้องเป็นผู้ตัดสินสิ่งที่ถูกต้อง เราจะไปแคร์ขยะสังคมได้ยังไง” ผบ.ตร.กล่าว. “

    อ่านต่อที่ : 'สมยศ'ลั่นไม่กลัวเด็กแว้นขู่ แค่ขยะสังคม/แรงมาแรงไป | เดลินิวส์
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'แว้น'อย่าเพิ่งเฮยังไม่พ้นผิด สรุปสำนวนเสร็จพร้อมฟ้อง | เดลินิวส์

    [​IMG]

    รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงชี้แจงกรณีศาลแขวงธนบุรีสั่งปล่อยกลุ่มเด็กแว้น ระบุแม้ถูกปล่อยตัวก็ไม่ได้หมายความว่าพ้นผิด ชี้หลังพนักงานสอบสวนทำสำนวนครบถ้วน ก็สามารถนำตัวมาฟ้องคดีได้ วันพุธที่ 3 มิถุนายน 2558 เวลา 17:02 น.

    เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ห้องประชุม 303 สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงข่าว กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลาดพลู สน.สำเหร่ และ สน.บางยี่เรือ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารทำการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถ จยย. บนถนนราชพฤกษ์ เมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ประมาณ 400 คน และยึดรถ จยย. จำนวน 272 คัน และมีกระแสข่าวว่าพนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 7 (ธนบุรี) ยื่นฟ้องคดีไม่ทัน จนศาลแขวงธนบุรี สั่งปล่อยกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดนั้น ทางสำนักงานอัยการสูงสุดขอชี้แจงว่า คดีดังกล่าวสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง (ธนบุรี) ยังมิได้รับสำนวนคดีไว้พิจารณา เนื่องจากเอกสารหลักฐานต่างๆ และการสอบสวนในสำนวนที่พนักงานสอบสวนส่งมายังไม่ครบถ้วน อาทิ ผู้ต้องหาบางคนมีใบอนุญาตขับขี่ บางคนไม่มีใบอนุญาต หรือ จยย.มีการตกแต่งดัดแปลง เป็นต้น พนักงานอัยการจึงให้พนักงานสอบสวนสอบสวนให้เสร็จสิ้น และไปดำเนินการผัดฟ้องฝากขัง แต่ศาลแขวงธนบุรีมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม แม้ศาลแขวง ธนบุรี จะมีคำสั่งยกคำร้องผัดฟ้องฝากขัง เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกปล่อยตัวไป ก็มิได้หมายความว่าผู้ต้องหาจะพ้นผิดจากการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งหากพนักงานสอบสวนดำเนินการทำสำนวนคดีครบถ้วน และส่งให้พนักงานอัยการแล้ว ก็สามารถแจ้งให้พนักงานสอบสวนติดตามนำตัวผู้ต้องหามาฟ้องคดี โดยขออนุญาตอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อไปได้ ทั้งนี้ นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) ได้แสดงความห่วงใยกับเรื่องที่เกิดขึ้น และกำชับให้พนักงานอัยการที่รับผิดชอบสำนวน ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้รับความชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายด้วย.“

    อ่านต่อที่ : 'แว้น'อย่าเพิ่งเฮยังไม่พ้นผิด สรุปสำนวนเสร็จพร้อมฟ้อง | เดลินิวส์

    '125แว้น'เฮ-ศาลสั่งปล่อย เหตุ'อัยการ'ส่งฟ้องไม่ทัน | เดลินิวส์

    แก๊งเด็กแว้นเฮ! ศาลยกคำร้องขอฝากขังพนักงานอัยการ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปล่อยตัว 125 คน แบบไร้เงื่อนไขและไม่ต้องวางเงินประกันอีก 30,000 บาท วันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2558 เวลา 22:14 น. เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 มิ.ย. ที่สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงธนบุรี ถนนเอกชัย พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ตลาดพลู พร้อมพวก คุมตัวผู้ต้องแก๊งซิ่งรถจยย.กวนเมือง เป็นชาย 125 คน ส่งให้พนักงานอัยการฟ้องด้วยวาจา ตามที่กล่าวหาว่า ร่วมกันแข่งขับรถบนถนนสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำการอันเป็นที่เดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ เนื่องจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยพนักงานสอบสวนทำบันทึกคำรับสารภาพ ประกอบมีใจความสรุปว่า ด้วยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 58 เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมกลุ่มผู้ขับขี่รถจยย.แข่งบน ถนนราชพฤกษ์ โดยไม่ใยดีต่อความปลอดภัยของประชาชนผู้สัญจรใช้ถนนตามที่ได้รับร้องเรียนจากประชาชน จึงวางแผนและปิดถนนจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 400 คน ซึ่งส่วนหนึ่งได้แยกดำเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบรอบครัวกลาง พร้อมยึดรถจยย.ซึ่งใช้กระทำความผิดรวม 272 คัน จึงนำตัวพร้อมบันทึกคำรับสารภาพ ส่งพนักงานอัยการพิจารณา อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการพิจารณาแล้วจึงยื่นคำร้องต่อศาลแขวงธนบุรีสรุปว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหาพร้อมสำนวนส่งให้พนักงานอัยการดำเนินคดี ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงธนบุรี แต่มีเหตุจำเป็น ไม่สามารถฟ้องผู้ต้องหาได้ทันในกำหนดเวลา 48 ชั่วโมงนับแต่จับกุม จึงขอผัดฟ้องและฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาล เป็นเวลา 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-7 มิ.ย. ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พนักงานอัยการจึงต้องยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลภายในกำหนดเวลา 48 ชั่วโมง ตามกฎหมายนับแต่วันจับกุม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะขอผัดฟ้องผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องผัดฟ้อง เท่ากับไม่ต้องมีการควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 125 คน ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาทุกคน และผู้ปกครองทราบต่างแสดงความดีใจ เพราะจะได้รับการปล่อยตัว โดยไม่ต้องวางเงินประกัน 30,000 บาทตามที่ศาลกำหนดไว้ จึงแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน ส่วนพนักงานอัยการจะได้เตรียมยื่นฟ้องผู้ต้องหา พร้อมมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยตัวมารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องศาลต่อไป.“

    อ่านต่อที่ : '125แว้น'เฮ-ศาลสั่งปล่อย เหตุ'อัยการ'ส่งฟ้องไม่ทัน | เดลินิวส์
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยิวทิ้งระเบิดในกาซาเอาคืนฮามาส | เดลินิวส์

    ทางการอิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีค่ายฝึกของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา หลังก่อนหน้านี้กลุ่มหัวรุนแรงในกาซายิงจรวดข้ามแดนไปยังฝั่งอิสราเอล 2 ครั้ง วันพฤหัสที่ 4 มิถุนายน 2558 เวลา 14:07 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ว่า กองทัพอิสราเอลใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ค่ายฝึกทางทหาร 3 แห่งในฉนวนกาซา เมื่อวันพฤหัสบดี พยานในที่เกิดเหตุและกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยืนยันการโจมตีดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงรุ่งสางของวัน ซึ่งสร้างความเสียหายบางส่วน แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ปฏิบัติการนี้มีขึ้นเพื่อโต้ตอบต่อเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันพุธ ที่มีการยิงจรวดออกมาจากฝั่งกาซา มุ่งเป้าไปที่เมืองแอชเคลอนและเมืองเนติวอตของในฝั่งอิสราเอล ซึ่งนายโมเช ยาอาลอน รมว.กระทรวงกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของกลุ่มฮามาส แม้แท้จริงแล้วจะเป็นฝีมือของกลุ่มหัวรุนแรงชาวซาลาฟิสต์ที่เรียกตัวเองว่ากองกำลังโอมาร์ก็ตาม

    กลุ่มโอมาร์แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า การโจมตีอิสราเอลครั้งนี้ เป็นไปเพื่อแก้แค้นต่อการที่กลุ่มฮามาสสังหารผู้สนับสนุนไอเอสในกาซาเมื่อวันอังคาร และเป็นการยืนหยัดต่อต้านศัตรูอย่างอิสราเอล ซึ่งนับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว

    ทั้งนี้ การยิงจรวดเมื่อวันพุธเป็นการโจมตีอิสราเอลครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้กลุ่มหัวรุนแรงในกาซายิงจรวดเข้าใส่เมืองท่าแอชดอด ซึ่งถือเป็นการรุกรานเข้าไปเขตแดนอิสราเอลลึกที่สุดนับตั้งแต่การสู้รบเมื่อปี 2557.“

    อ่านต่อที่ : ยิวทิ้งระเบิดในกาซาเอาคืนฮามาส | เดลินิวส์
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯอีกแล้วครับท่าน! ไวรัสตับอักเสบซีกำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในหลายรัฐทั่วภูมิภาค Appalachia ของอเมริกา

    [​IMG]

    -------------
    วันนี้สำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียรายงานว่าจากรายงานการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯระบุว่าไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis C) กำลังมีการแพร่ระบาดอย่างหนักในภูมิภาคแอปปาแล็ชเชีย (Appalachia) ทางตะวันออกของสหรัฐฯซึ่ง โดยเฉพาะในรัฐ Kentucky, Tennessee, West Virginia และ Virginia มากถึง 3 เท่าของปี 2006 และปี 2012
    CDC รายงานว่ารัฐเคนตั๊กกี้มีอัตราการแพร่ระบาดของไวรัส hepatitis C สูงที่สุดในประเทศ อยู่ที่ 4.1 เคสต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งตัวเลขนี้บอกว่ามากถึง 6 เท่าของอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ
    รายงานข่าวบอกว่าไวรัสตับอักเสบซีจะนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง (ต่อไปก็จะเป็น มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม… อู๊ยยย! น่ากลัว คริๆ) หรือเป็นโรคตับแข็ง (cirrhosis) และโรคนี้ก็เป็นสาเหตุหลักของการปลูกถ่ายตับ
    ด็อกเตอร์ Jennifer Havens ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา (epidemiologist) ที่มหาวิทยาลัย University of Kentucky ได้ศึกษาจากกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดจำนวน 503 คนตั้งแต่ปี 2008 พบว่าในบรรดาผู้ใช้ยาเสพติดเหล่านั้น มี 70% (352 คน) ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ด็อกเตอร์ Jennifer Havens กล่าวกับสำนักข่าว Associated Press (AP) ว่า "ฉันมีความรู้สึกบางอย่างถึงความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ บางคนกล่าวว่ารู้สึกประหลาดใจที่ต้องใช้เวลานานมากขนาดนี้"
    เมือง Scott County รัฐ Indiana เป็นอีกหนึ่งเมืองที่กำลังประสบกับการแพร่ระบาดเชื้อ HIV ในกลุ่มชาวอเมริกันที่ร้ายแรงที่สุดในบรรดาผู้ที่ใช้ยาเสพติดด้วยการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ (เส้นเลือดใหญ่?) AP รายงานว่าจากการทดลองตรวจเลือดที่อินเดียน่า พบว่ามีประชาชนจำนวน 160 คนมีผลตรวจเป็นบวก (HIV) ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ส่วนที่นิวยอร์กซึ่งมีประชากรมากกว่า 8 ล้านคน ซึ่งมากกว่าประชากรของ Scott County ถึง 300 เท่า พบว่าในปี 2013 ผลการตรวจเลือดของผู้ใช้ยาจำนวน 49 คนมีผลตรวจเป็นบวก
    Havens กลัวว่าเข็มฉีดยาที่สกปรกจะไปสู่การแพร่ระบาดคล้ายกับกรณีของ HIV ระยะทางเพียง แค่ 200 ไมล์จากเมือง Scott County ทางตอนใต้ของรัฐเคนตั๊กกี้นั้น พบว่ามีการซื้อขายเข็มฉีดยาตามท้องถนนในราคา $5 เหรียญฯ (ประมาณ 170 บาท) (ต่ออัน?)
    เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ประกาศอนุมัติยารักษาไวรัสตับอักเสบซีซึ่งมีชื่อเรียกว่า "Harvoni" มูลค่า $1,125 (ประมาณ 38,000 กว่าบาท) เป็นยาเม็ดที่จะต้องกินทุกวันถึงจะสามารถรักษาไวรัสนี้ได้
    แต่เนื่องจากราคายาที่มีมูลค่าขั้นต่ำเม็ดละ $1,000 เหรียญฯ หากทานให้ครบ 12 สัปดาห์ในการรักษา ก็จะตกเป็นเงินถึง $84,000 (ประมาณ 2,839,200 บาท) แน่นอนว่าด้วยราคาที่สูงลิ่วขนาดนี้ คนจนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีย่อมไม่สามารถเข้าถึงยาได้อยู่แล้ว
    ก็มีการมองหาวิธีการหรือช่องทางอย่างอื่นเพิ่มเข้ามาด้วย Sue Yates ผู้ดูแลโปรแกรมยาเสพติดของศาลใน20จังหวัดทั่วรัฐเคนตั๊กกี้บอกกับสำนักข่าว AP ว่าเธอสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเข็มกัน
    Sue Yates กล่าวว่า "พวกเราจะต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเสียใหม่ เราจะต้องเปิดใจให้กว้างขึ้น และคิดถึงทางเลือกอื่น และ แน่นอนว่า ทางเลือกที่ว่านั้นย่อมรวมถึงการแลกเปลี่ยนเข็มฉีดยากันด้วย (needle exchanges) มันดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ซึ่งคือสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ในตอนนี้"
    ส่วน Ben Barlow ซึ่งเคยเข้ารับการรักษาฟื้นฟูจากการติดยาเสพติดซึ่งพบว่ามีผลเป็นบวกติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีด้วย บอกว่าโปรแกรมแลกเปลี่ยนเข็มฉีดยา (needle exchange) ก็เหมือนส่งปืนให้บางคนกระทำการฆ่าตัวตายนั่นแหละ
    ป.ล. โครงการ Needle exchange programme คือการให้ผู้เสพยาเสพติดสามารถนำเอาเข็มฉีดยาที่ใช้แล้วไปแลกซื้่อในราคาต่ำหรือแลกฟรีจากองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐที่สนับสนุนโครงการนี้ ภายใต้หลักการที่ว่า "ลดอันตราย" (harm reduction) ที่จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ในระดับหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเลิกเสพยาด้วยวิธีฉีดเข้าเส้นเลือดได้ มีการใช้โปรแกรมนี้ในสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย บางคนมองว่านี่เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสนับสนุนให้เสพยาเสพติดต่อไป บางคนบอกว่ายังไงผู้เสพก็เสพอยู่ดี ทำแบบนี้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ผลที่ตามมาก็คือแม้จะไม่ติดเชื้อตามคำโฆษณา แต่โอกาสที่จะมีจำนวนผู้ติดยาเสพติดเพิ่มขึ้นก็มีสูงมากทีเดียว เมื่อมีจำนวนผู้เสพยาเพิ่มมากขึ้นแล้ว จะทำอย่างไร? ต้องแจกเข็มฟรีเพิ่มให้อีกอย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่าโครงการนี้ย่อมถูกใจพวกค้ายามากที่สุด
    The Eyes
    05/06/2558
    ----------
    Appalachia Region Battling Hepatitis C Epidemic, Braces for HIV Outbreak / Sputnik International
    Appalachia gripped by hepatitis C epidemic, bracing for HIV
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    นาโต้นำโดยสหรัฐฯจัดซ้อมรบใหญ่ในทะเลบอลติก รัสเซียเตรียมจัดปาร์ตี้ต้อนรับที่ Kaliningrad ด้วยขีปนาวุธ Iskander-M

    [​IMG]

    -------------
    มีอีกเรื่องหนึ่งมีความรู้สึกว่ามันแปลกๆพิกล เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.58 ที่ผ่านมาสื่อฯของสาธารณรัฐเช็กลงข่าวว่า กองทัพอากาศของสหรัฐฯที่ประจำอยู่ในยุโรปกำลังจะส่งเครื่องบินรบของตนอ้างว่าไปปกป้องน่านฟ้าให้กับสี่ประเทศคือ โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก สโลวาเกีย และฮังการี ซึ่งเรียกปฏิบัติการนี้ว่า "Visegrad 4 countries" หรือ V4 ตอนนี้กำลังทำข้อตกลงกันอยู่
    ปัจจุบันนี้เครื่องบินรบของสหรัฐฯประจำอยู่ฐานทัพอากาศ Rammstein ในประเทศเยอรมัน ข้อตกลงเบื้องต้นบอกว่าเครื่องบินของสหรัฐฯจะทำหน้าที่ด้านโลจิสติกและลาดตระเวนให้กับมิตรประเทศท้องถิ่น แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ยิงเครื่องบินของ "ศัตรู" เหนือน่านฟ้าของ V4 ได้ สโลวาเกียและเช็กมีข้อตกลงในการปกป้องน่านฟ้าของทั้งสองประเทศร่วมกัน
    เช็กและสโลวาเกียมีเครื่องบินรบหลากบทบาท Saab JAS 39 Gripen ซึ่งผลิตโดยสวีเดน ส่วนโปแลนด์มี F-16 ของสหรัฐฯจำนวน 50 ลำและ MiG-29 ของรัสเซียรุ่นอัพเกรดอีก 30 ลำ
    และเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว RIA Novosti (sputnik news) ของรัสเซียก็รายงานว่าสาธารณรัฐเช็กส่งเครื่องบินรบรุ่น JAS 39 Gripen จำนวน 5 ลำไปช่วยปกป้องน่านฟ้าให้กับ Iceland เป็นการชั่วคราวแทนเครื่องบินรบของแคนาดา ซึ่งอ้างว่าต้องนำเครื่องบินรบของตัวเองออกจาก Iceland ไปเข้าร่วมกับกองกำลังผสมที่นำโดยสหรัฐฯในปฏิบัติการโจมตีไอซิสทางอากาศ โดยเครื่องบินรบของเช็กจะทำหน้าที่รักษาน่านฟ้าให้ Iceland แทนแคนาดาระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึง เดือนสิงหาคม ปีนี้
    ในวันเดียวกันนี้ก็มีข่าวความเคลื่อนไหวจากนาโต้ว่า นาโต้ส่งเรือรบจำนวน 49 ลำ ทหารอีก 5,600 นายพร้อมยุทโธปกรณ์เต็มกำลังนำโดยสหรัฐฯเข้าฝึกซ้อมทางทหารในกลุ่มประเทศบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิธัวเนีย) ติดกับชายแดนรัสเซีย ทั้งหมดนี้มาจาก 17 ประเทศที่เป็นสมาชิกและหุ้นส่วนของนาโต้ภายใต้ปฏิบัติการ BALTOPS ในทะเลบอลติกเป็นเวลา 15 วันเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.-20 มิ.ย. นอกจากเรือรบ 49 ลำแล้วยังประกอบด้วยเครื่องบินรบอีก 61 ลำ เรือดำน้ำไม่บอกจำนวน รถสะเทินน้ำสะเทินบกอีก 700 คัน
    แล้วรัสเซียมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง? อ่ะฮ้า!... รัสเซียเขาเตรียมจัดงานปาตี้ต้อนรับนาโต้ไว้แถวทะเลบอลติกแล้วเช่นกัน... มะต้องห่วง เมื่อวันที่ 28 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า ทางกองทัพของรัสเซียกำลังจะจัดส่งขีปนาวุธซึ่งมีระบบที่ซับซ้อน (ต้องพูดให้ฟังดูน่ากลัวน่าปวดหัวไว้ก่อน) รุ่น Iskander-M (นาโต้เรียกว่า SS-26 Stone) ไปประจำการที่ Kaliningrad ดินแดนนอกแผ่นดินแม่ของรัสเซียในทะเลบอลติก รายงานเบื้องต้นบอกว่ารัสเซียจะติดตั้งให้แล้วเสร็จก่อนปี 2018 เพื่อถ่วงดุลนาโต้ (นั่นคือข่าวที่ทำให้นาโต้ฟังดูแล้วรู้สึกโล่งอก เพราะอาจจะคิดว่ายังไม่ได้ติดตั้งจริง แต่ในความเป็นจริงนั้นก็น่าที่จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ จะลองดูก็ได้นะ อย่าโวยวายทีหลังหละ)
    ขีปนาวุธ Iskander-M นี้เป็นแบบเคลื่อนที่มีความคล่องแคล่วสูง ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีให้การเซ็ตระบบเตรียมพร้อมปฏิบัติการ มีระยะการยิงทำลายเป้าหมายได้ไกล 500 กม. ความแม่นยำประมาณ 30 ซม. สามารถโจมตีกำลังฝ่ายตรงข้ามหรือศูนย์บัญชาการใต้ดิน ขึ้นอยู่กับขีปนาวุธที่ติดตั้งให้กับจรวด ระบบนี้ยังสามารถใช้ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี (cruise missiles) R-500 ได้ด้วย
    ส่วนอีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียในทรานส์นิสเทรีย ที่เคยลงข่าวให้อ่านก่อนหน้านี้ว่าทางทรานส์นิสเทรียได้ยื่นฎีกาถึงปูตินขอความคุ้มครองจากฝั่งรัสเซียให้ช่วยส่งกองกำลังเข้าไปช่วยสกัดฝั่งนาโต้นำโดยสหรัฐฯและยูเครนที่พยายามจะรุกเข้าไปในทรานส์นิสเทรียนั้น ล่าสุดมีข่าวว่ากองกำลังลาดตระเวนของรัสเซียกำลังจัดซ้อมรบอยู่ในทรานส์นิสเทรียเช่นกัน แต่ยังไม่มีข่าวว่าทางรัสเซียจะส่งกำลังเข้าไปเสริมให้เมื่อไร ปัจจุบันนี้มีกองกำลังของรัสเซียประจำอยู่ในภูมิภาคนั้นประมาณ 1,500 นาย ในจำนวนนี้ราว 1,000 นายอยู่ใน Moldova ส่วนที่เหลือเข้าร่วมปฏิบัติการกองกำลังรักษาสันติภาพร่วมกับ Moldova Transnistrai ในทรานส์นิสเทรีย คิดว่าไม่น่าเป็นห่วงในจุดนี้ซักเท่าไรนัก
    The Eyes
    05/06/2558
    ----------
    Czech Planes to Guard Iceland Instead of Canada Which Is Fighting ISIL / Sputnik International
    USAF to Protect Czech, Slovak, Hungarian, Polish Skies – Media / Sputnik International
    http://rt.com/news/265021-nato-baltops-exercise-baltic/
    NATO Conducts Massive Naval Drills, Ignores Refugee Crisis in Mediterranean / Sputnik International
    NATO Submarine U34 Arrives in Estonia to Support Mission in the Baltic Sea / Sputnik International
    Russia Stations Iskander Missiles in Kaliningrad: NATO Cries Wolf / Sputnik International
    Kiev’s Blockade of Transnistria Fraught With New War / Sputnik International
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปปท.ระบุขรก.ทุจริตล็อตสองอยู่ในกลุ่มม.44กว่าครึ่ง
    กรุงเทพธุรกิจ 28 พค 58

    [​IMG]

    เลขาฯป.ป.ท.ระบุข้าราชการเอี่ยวโกงล็อตสอง อยู่ในกลุ่มถูกจัดการโดยมาตรา 44 กว่าครึ่ง
    นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ให้สัมภาษณ์ รายการ “เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์” กรณีให้จัดการ152 ข้าราชการระดับสูง ว่า รายชื่อล็อตแรกเดิมทีทั้งหมด 198 คน ตัดข้าราชการที่เกษียณไปแล้วทั้งหมด ในส่วนที่ใช้ตามมาตรา 44 อีก 45 คน เพราะฉะนั้นเหลือประมาณ 140 กว่าคน
    เมื่อถามว่า รายชื่อที่ส่งให้ต้นสังกัดไปจัดการ 140 กว่าคน ขณะนี้ดำเนินการไม่ถึงไหน นายประยงค์ กล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราชการ ที่ต้องทำกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน เพียงแต่ที่ผ่านมา อำนาจหน้าที่ตรงนี้ไม่ได้ถูกใช้ให้เป็นเรื่องเป็นราว และทำให้มีการทุจริตกันมากขึ้น เป็นปัญหาที่คาราคาซังกันตลอด คนที่คิดจะทุจริตใหม่ก็ไม่กลัว เพราะเห็นคนที่ทุจริตไปแล้วยังอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ ประกอบกับว่าการที่ปล่อยให้คนที่ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งหน้าที่มันทำให้มีปัญหาในเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน และอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อส่งรายชื่อไปแล้วเดือนกว่าๆ หลายหน่วยงานได้ดำเนินการไปแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้รายงานกลับมาให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะฉะนั้นตรงนี้รัฐมนตรีจะทำหนังสือติดตามไปอีกครั้ง
    ทั้งนี้เมื่อถามว่า ที่ได้ให้ทำหนังสือไปทวงถามต้นสังกัดจากในส่วน 146 กว่าคนนั้น เป็นเพราะไม่มีความคืบหน้าใช่หรือไม่ นายประยงค์ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ในเมื่อเราส่งรายชื่อไปแล้ว ก็ต้องติดตามผลว่าเป็นอย่างไร เพราะเราต้องการให้มีการใช้อำนาจหน้าที่ในส่วนราชการ และเมื่อส่งรายชื่อไปแล้วถ้าเกิดว่าหัวหน้าส่วนไม่ทำ คนที่เดือดร้อนคือหัวหน้าส่วนนั้น เพราะเป็นหน้าที่ของท่าน โดยครั้งแรกเราไม่ได้กำหนดกรอบเวลาไป ซึ่งอาจจะไม่ค่อยรัดกุมเท่าไหร่ในแง่ของแนวทางปฏิบัติ เพราะฉะนั้นจากนี้ไปตรงไหนที่ยังมีช่องว่างก็จะเสริมเติมให้เต็ม
    เมื่อถามว่า ล็อตที่สองจำนวน 152 รายชื่อ แบ่งเป็นสองกลุ่มเหมือนเดิม กลุ่มที่ต้องใช้มาตรา 44 กี่คน กลุ่มที่ส่งต่อต้นสังกัดให้ไปจัดการเองกี่คน นายประยงค์ กล่าวว่า ก็ประมาณครึ่งๆ ส่วนรายละเอียดเท่าไหร่ ขอให้ท่านรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบในส่วนนี้ และกรอบเวลาในการดำเนินการทางวินัยมีกำหนดไว้อยู่แล้วว่าต้องทำให้แล้วเสร็จภายในกี่วัน เพราะเป็นพระราชบัญญัติการบริหารของ กพ.ซึ่งมีกฎหมายอยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เคร่งครัดตรงนี้ วันนี้เราเพียงแต่เอาของเดิมที่มีอยู่แล้วมาบังคับใช้ให้เป็นเรื่องเป็นราว
    ปปท.ระบุขรก.ทุจริตล็อตสองอยู่ในกลุ่มม.44กว่าครึ่ง - กรุงเทพธุรกิจ Mobile
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ไพบูลย์"ส่งรายชื่อทุจริตล็อตสอง 152ราย ส่งนายกฟัน! updated: 04 มิ.ย. 2558 เวลา 11:33:44 น.

    [​IMG]

    "ไพบูลย์" ส่ง 152 รายชื่อขรก.ทุจริตล็อตสองให้นายกฯ ฟัน ไม่ขอตัดสินใจอะไรเอง แย้มล็อตสามมีอีกแน่
    ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอบต.) กล่าวถึงการจัดทำบัญชีข้าราชการทุจริตชุด 2 ว่า ขณะนี้ตนได้ส่งรายชื่อข้าราชารทุจริตชุด 2 จำนวน 152 คน ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนและการตัดสินใจดำเนินการอย่างไรต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับนายกฯ และทีมกฎหมายของรัฐบาลจัดการต่อไปว่าจะใช้มาตรา 44 จัดการหรือใช้กฎหมายปกติดำเนินการซึ่งหากมีการปลด พักราชการหรือโยกย้ายก็เป็นอำนาจของนายกฯ เท่านั้น หลังจากนั้นแต่ละกระทรวงจะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับการติดตามข้าราชการภายในกระทรวงของตนเองต่อไป
    "บัญชีชุดนี้ รายชื่อผมไม่ได้ดูปล่อยให้เป็นอำนาจของนายกฯดีกว่า เพราะหากผมไปดูแล้วมีข้าราชการในระบบอุปถัมป์ เดี๋ยวเขาก็โทรมาถามผมอีกเราต้องมั่นใจในหน่วยงานที่จัดการ ผมแค่ดูยอดรวมเท่านั้น ส่วนบัญชีที่ 3 ก็ต้องรอดูกันต่อไป" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
    ที่มา : มติชนออนไลน
    ข้าราชการหนาวอีก! "ไพบูลย์"ส่งรายชื่อทุจริตล็อตสอง 152ราย ส่งนายกฟัน! : Prachachat Mobile
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรุงเทพธุรกิจ
    สอบวินัยขรก.ออกเอกสารสิทธิ์รุกล้ำเขตสปก.โคราช

    [​IMG]

    ป.ป.ท.ตั้งอนุกรรมการสอบวินัยขรก. 9 ราย ร่วมออกเอกสารสิทธิ์รุกล้ำเขตสปก.โคราช เนื้อที่ 130 ไร่
    นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวถึงกรณีคณะทำงานกองทัพภาคที่ 2 และกระทรวงยุติธรรม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบการกระทำผิดของนางพรทวี สุตันติราษฎร์ อดีตนายช่างรังวัด สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรรม (สปก.) จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถูกย้ายเข้ามาประจำที่สำนักงานสปก. สืบเนื่องจากพบว่ามีการออกโฉนดที่ดินรุกล้ำที่ส.ป.ก.กว่า 130 ไร่ ว่าล่าสุดป.ป.ท.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดเจ้าหน้าที่รัฐ 9 คน และผู้เกี่ยวข้องอื่นอีก 3 คน ฐานสนับสนุนการกระทำผิด ด้วยการร่วมกันออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ
    สำหรับรายชื่อผู้เกี่ยวข้อง 9 คน ประกอบด้วย 1.นายอรุณ สหธรรมปกรณ์ ผอ.ศูนย์เดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน 2.นายชูชีพ หอขุนทด นายช่างรังวัด เป็นผู้เดินสำรวจปักหลักเขต 3.นางจงกล ชาติบุษป์ เจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิ 4.นายสัญญา กาญจนแก้ว ผู้กำกับการรังวัด 5.นางมารินี คงปราบ ผู้กำกับการเดินสำรวจ 6 .นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างรังวัดส.ป.ก. 7.นายรดิษฎีก์ ปรุงโพธิ์ นิติกรส.ป.ก. 8.นายทินกร การรักษา นิติกรชำนาญการพิเศษ ส.ป.ก. ปัจจุบันเป็นส.ป.ก. สระบุรี 9.นายสุวัฒน์ สุตันติราษฎร์ (สามีนางพรทวี)
    สอบวินัยขรก.ออกเอกสารสิทธิ์รุกล้ำเขตสปก.โคราช - กรุงเทพธุรกิจ Mobile
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯกดดันเกาหลีใต้ออกมาต่อต้านจีนกรณีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ เกาหลีใต้และออสเตรเลียบอกขอเป็นกลาง

    [​IMG]

    -------------
    มาดูปัญหาในทะเลจีนใต้บ้าง วันก่อนนี้นาย Benigno Aquino ปธน.ของฟิลิปินส์เดินทางไปญี่ปุ่นออกมาทำปากกล้าขาสั่นด่าจีนว่าเหมือนนาซีเยอรมันในกรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้ ตามใบสั่งที่สหรัฐฯเขียนให้พูด แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากทวงหมู่เกาะต่างๆในน่านน้ำของตนคืนจากสหรัฐฯซักแอะเดียว ก็แค่พุดเดิลของอเมริกาเท่านั้นเอง
    ล่าสุดสหรัฐฯส่งนาย Daniel Russel ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯออกมาเรียกร้องให้เกาหลีใต้ออกมาพูดต่อต้านกิจกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ว่า "บทบาทของสาธารณรัฐเกาหลีก็คือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกฎระเบียบนานาชาติ มันเป็นบทบาททางกฎหมายของประเทศ มันเป็นบทบาทของประเทศที่ทำการค้าขาย มันเป็นบทบาทของประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองภายใต้ระบบระหว่างประเทศ" นั่นแหละสหรัฐฯ คำพูดตัวเองเท่านั้นที่ถูกต้องที่สุด ยุให้เขาทะเลาะกันไปทั่ว แล้วค่อยทำเป็นตาอยู่ตะปบทีหลัง
    แต่เจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ออกมากล่าวว่าตอนนี้เกาหลีใต้ขอเป็นกลางเกี่ยวกับเรื่องนี้ อ้าว!… สหรัฐฯเซ็งเลยยุเขาไม่ขึ้นอ่ะ มิน่าพี่แกถึงส่งแอนแทร็กซ์ไปป่วนที่เกาหลีใต้
    มาดูทางออสเตรเลียบ้าง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานาย Tony Abbott นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียออกมากล่าวว่า "จีนเป็นเพื่อนที่ดีมากๆของออสเตรเลีย และมิตรภาพของจีนซึ่งก็แข็งแกร่งมากขึ้นทู๊กกกกวัน" นี่คือการตอบคำถามของนายกฯออสเตรเลียต่อสื่อฯเมื่อถูกถามถึงกรณีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
    นาย Tony Abbott ยังกล่าวต่ออีกว่า "จุดยืนของออสเตรเลียในเรื่องนี้ก็คือต้องชัดเจนว่า ประเทศออสเตรเลียไม่เลือกข้างในปัญหาด้านเขตแดนต่างๆในภูมิภาค" (ฮ่ะ! ทีติมอร์ตะวันออกไม่เห็นพูดอย่างนี้เลย พี่แกยกทัพเข้าไปช่วยติมอร์ก่อนประเทศอื่นเลยนะ หมอนี่นกรู้ รู้ว่าสหรัฐฯไม่กล้ารังแกมากหรอก เพราะมีจีนคอยคุ้มกันให้อยู่ ปัจจุบันนี้จีนเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในออสเตรเลียมากกว่าสหรัฐฯซะอีก ก็ไม่แปลกใจที่ออสเตรเลียออกมาพูดแบบนี้)
    นายกออสเตรเลียกล่าวต่ออีกว่า "ออสเตรเลียรู้สึกเสียใจต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียว ออสเตรเลียเชื่อว่าควรจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธี และออสเตรเลียจะทำในสิ่งที่สามารถส่งเสริมเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลและในอากาศได้ นั่นคือจุดยืนของพวกเรา นี่เป็นจุดยืนของออสเตรเลียมายาวนานแล้ว และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป" (เออ… ฟังดูเริ่มจะมีสำเนียงเหมือนฝั่งรัสเซียและจีนเข้าไปทุกทีแล้วนะนี่ สงสัยแกคงจะแอบไปฝึกพูดภาษารัสเซียและภาษาจีนมาแน่ๆเลย ถึงได้เลือกแนวทางการเจรจาอย่างรัสเซียและจีนแทนการใช้กำลังบังคับอย่่างสหรัฐฯ)
    ทั้งเกาหลีใต้และออสเตรเลียที่เป็นลูกกระเป๋งของสหรัฐฯยังกล้าออกมาแข็งข้อต่อสหรัฐฯอย่างนี้ มันก็ทำให้สหรัฐฯหน้าแตกหละสิ อ้อ… นึกออกแล้ว! มิน่า ออสเตรเลียถึงเป็นหนึ่งในประเทศที่สหรัฐฯส่งเชื้อแอนแทร็กซ์ไปให้แล้วบอกว่าเป็นความผิดพลาด เป็นเรื่องบังเอิญ เป็นอุบัติเหตุซะงั้น แหม… อย่างนี้นี่เอง (ชั่วได้ไร้ที่ติจริงๆเลยอ่ะ)
    The Eyes
    05/06/2558
    ----------
    Philippine President Compares China to Nazi Germany While Visiting Japan / Sputnik International
    US Pressures South Korea to Speak Out Against Dispute in South China Sea / Sputnik International
    Australia to Remain Neutral in South China Sea Dispute - PM Abbott / Sputnik International
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัฐเท็กซัสสหรัฐอเมริกาออกกฎหมายให้พกปืนในที่สาธารณะและในวิทยาเขตมหาวิทยาลัยได้

    [​IMG]

    [​IMG]

    -------------
    ว้าว!... ดูสหรัฐฯวันนี้สิ อันนี้ของจริงนะ ปืนจริง กฎหมายจริง เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา RT news ของรัสเซียรายงานว่า สภานิติบัญญัติแห่งรัฐเท็กซัสประเทศสหรัฐอเมริกาได้ผ่านกฎหมายสองฉบับเกี่ยวกับการพกอาวุธปืน คือให้ประชาชนทั่วไปสามารถพกปืนสั้นไปในที่สาธารณะและในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยได้
    กฎหมายทั้งสองฉบับนี้เรียกว่า "House Bill 901" อนุญาตให้ผู้พกพาอาวุธที่มีใบอนุญาตในการพกพาสามารถเหน็บปืนสั้นไปในที่สาธารณะและในวิทยาเขตมหาวิทยาลัยได้ หลังจากมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือด ทางสมาชิกสภาฯของรัฐเท็กซัสฝ่ายที่สนับสนุนให้ออกกฎหมายนี้ชนะเสียงส่วนมากไปด้วยคะแนน 102 - 43
    นาย Greg Abbott ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสทวีตข้อความว่า "สภาทั้งสองแห่งของรัฐฯคือ Texas House และ Texas Senate พึ่งจะผ่านกฎหมายการถืออาวุธในที่สาธารณะ ป้ายต่อไปก็คือให้ผมหยิบปากกาเซ็นลงนาม" (30 พ.ค.58) หลังจากที่ผู้ว่าฯ ลงนามแล้วกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2559
    จากนั้นนักศึกษาระดับอุดมศึกษาขึ้นไปในรัฐนี้ก็จะสามารถพกปืนเข้าห้องเรียนวางคู่กับสมุดปากกาดินสอและตำราเรียนบนโต๊ะหนังสือเรียนได้ ถ้าอาจารย์หรือเพื่อนนักศึกษาพูดผิดหูขึ้นมาอาจจะคุยกันด้วยลูกปืนแทนก็ได้ อ่านข่าวนี้จบ ทำให้นึกถึงหนังคาวบอยอเมริกันขึ้นมาทันทีเลย ที่ใครๆก็พกปืนไปในมาไหนในอดีตได้ ตัดสินกันด้วยศาลเตี้ย และดวลปืนการกลางถนนเลย นี่คือระบบการปกครองด้วยปลายกระบอกปืนของจริงที่กำลังเกิดขึ้นในอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในวันนี้
    ลองไปเสาะหาข้อมูลมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมในสหรัฐฯ และในรัฐเท็กซัสจากอินเตอร์เน็ทดู เขามีอัพเดทอย่างเป็นทางการจากเว็บไซท์แห่งหนึ่ง (Texas Department of Public Safety) ให้ถึงแค่ปี 2013 เท่านั้น พบว่าตัวเลขการก่ออาชญากรรม (Crime) ในเท็กซัสในปี 2013 มีจำนวนทั้งหมด 966,356 ครั้ง (เกือบล้านแหนะ!) เป็นการฆาตกรรม (Murder) 1,151 ครั้ง ข่มขืน (Rape) 7,438 ครั้ง ชิงทรัพย์ (Robbery) 31,858 ครั้ง การทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส (Aggravated Assault) 65,268 ครั้ง การลักทรัพย์ภายในที่พักอาศัย (Burglary) 190,572 ครั้ง การลักขโมย (Larceny-Theft) 604,398 ครั้งและ การขโมยพาหนะประเภทรถยนต์ (Motor Vehicle Theft) 65,671 ครั้ง
    ส่วนข้อมูลล่าสุดในปี 2015 จากเว็บไซท์ lawstreetmedia จัดอันดับเมืองที่มีอันตรายมากที่สุด 10 อันดับต้นๆจากตัวเลขอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐฯ เท็กซัสไม่ติด 1 ใน 10 โดยเรียงจากอันดับที่ 1 ไปถึงอันดับที่ 10 ดังนี้ #1 Detroit, Michigan #2 Oakland, California #3 Memphis, Tennessee #4 St. Louis, Missouri #5 Cleveland, Ohio #6 Baltimore, Maryland #7 Milwaukee, Wisconsin #8 Birmingham, Alabama #9 Newark, New Jersey #10 Kansas City, Missouri ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากลิ้งค์ข้างล่าง
    ตัวเลขเหล่านี้ และการออกกฎหมายในลักษณะนี้บอกอะไรเกี่ยวกับสังคมของอเมริกาในปัจจุบันนี้บ้าง? คำตอบที่พอจะเป็นไปได้ก็คือ เมื่อประชาชนรู้สึกว่าความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ในสหรัฐฯลดลง อาชญากรรมและความรุนแรงรวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลกลางไม่สามารถคุ้มครองหรือรับประกันความปลอดภัยให้พวกเขาจากอาชญากรรมภายในประเทศได้ รัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐฯก็ออกกฎหมายให้ประชาชนดูแลตัวเองเอาเองด้วยการพกปืนมากขึ้น แล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าเมื่อออกกฎหมายแบบนี้แล้วอาชญากรรมจะลดลง? อันนี้เขาถกเถียงกันมาแล้วจนได้ข้อสรุปแบบนั้นออกมา และกฎหมายนี้ไม่ได้ตอบโจทก์เรื่องนี้
    แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นเครื่องประกันว่าอาชญากรรมจะลดลงหรือไม่ ที่เขาอนุญาตให้ทำอย่างนั้นได้ เพราะประชาชนของเขาไม่มีทางเลือก ไม่สามารถพึ่งพาระบบรักษาความปลอดภัยจากทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นได้ การที่พวกเขารับอนุญาตให้สามารถพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะได้จะช่วยทำให้พวกเขามีความรู้สึกว่าปลอดภัยมากขึ้น เพราะสังคมของเขาตอนนี้ไม่อาจจะไว้ใจใครได้เป็นส่วนมาก ส่วนพวกพ่อค้าอาวุธก็ทำกำไรกันงามเลยหละ แล้วถ้าพบว่าต่อจากนี้ไปอาชญากรรมในรัฐนี้ไม่ลดลงหละ? การที่จะให้ยกเลิกกฎหมายฉบับคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็อาจจะให้ยาแรงกว่านี้ก็เป็นได้ อย่าลืมนะว่าเท็กซัสคือหนึ่งในรัฐที่รัฐบาลกลางของสหรัฐฯกำลังจับตาดูอยู่อย่างใกล้ชิดซะด้วย โดยรัฐบาลกลางใช้แผนซ้อมรบทางกองทัพภายใต้ปฏิบัติการ Jade Helm 15 บังหน้า
    The Eyes
    05/06/2558
    ----------
    http://rt.com/usa/264093-texas-open-campus-carry/
    http://www.txdps.state.tx.us/crimereports/13/citCh10a.pdf
    TxDPS - Crime in Texas Reports
    Texas crime rates and statistics - NeighborhoodScout
    Crime in America 2015: Top 10 Most Dangerous Cities Over 200,000 - Law Street (TM)
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 5 มิ.ย.58 หญิงสาวชาวนิวรัสเซีย ขอสู้ตายต่อต้านระบอบประชาธิปไตย
    เคยบอกแล้วว่า อเมริกาไม่มีวันยอมให้การหยุดยิง ระหว่างกองทัพยูเครน นอมินีอเมริกา กับนิวรัสเซีย 2 แคว้นนิ่งไปได้นาน เพราะอาวุธจะระบายไม่ออก หลังข้อตกลงการหยุดยิง ก็มีการยิงปืนใหญ่ใส่กันหลายครั้ง
    ล่าสุดกองทัพยูเครน ระดมยิงปืนใหญ่โดย "เล็งเป้าหมายพลเรือน" ตรงจุดบ้านพักอาศัยของประชาชน ส่งผลให้มีผู้หญิง เด็ก คนชรา เสียชีวิตราว 4 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้หญิงสาวชาวนิวรัสเซีย ต้องละเครื่องครัวมาจับปืนแทน
    พวกเธอรักผืนแผ่นดินตนเอง จึงยอมตายมาสมัครเป็นนักรบนิวรัสเซีย ต่อสู้กับรัฐบาลเลือกตั้ง ประชาธิปไตยยูเครน ที่ชักใยเชิดโดยอเมริกา "ยามศึกพวกเธอก็รบ ยามสงบก็เป็นแม่บ้าน"
    สมุนทาสขี้ข้าชาติตะวันตก เรียงหน้าเข้ามาเลย วันนี้นิวรัสเซียปกครองด้วยระบอบอนุรักษ์นิยม ปะฉะดะกับระบอบประชาธิปไตยสักตั้ง ให้รู้ดำรู้แดงกันไป พวกเธอไม่กลัวเพราะลูกพี่ปูติน ส่งเรือลำเลียงขนาดใหญ่มาช่วยยันอเมริกาในทะเลแล้ว
    @ เสธ น้ำเงิน2
    สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่
    http://www.facebook.com/topsecretthaibook
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    สุภาษิตไทยที่ว่า "หมองูตายพราะงู" ไม่ได้ใช้เฉพาะแขกเท่านั้นนะครับใช้กับฝรั่งก็ได้เช่นกัน เพราะตราบใดที่ยังเล่นเกมส์อันตราย
    มีรายงานความคืบหน้า อาการบาดเจ็บของ จอห์น เคอร์รี รมต.ต่างประเทศสหรัฐเวลานี้ ที่รัฐบาลสหรัฐอ้างว่า บาดเจ็บขาหักจาก การปั่นจักรยานนั้น ตอนนี้รายงานข่าวจาก หน่วยข่าวรัสเซียระบุว่า
    จากการสอบถามอาการจาก ทีมแพทย์ที่ทำการช่วยเหลือ ขณะที่ถูกส่งตัวมายังสวิสเซอร์แลนด์นั้น จอห์น เคอร์รรี อยู่ในสภาวะไกล้ตายแล้ว(Deaths door) เพราะเนื่องจากอายุที่มาก และเสียเลือดจำนวนมาก ซึ่งหน่วยข่าวของรัสเซีย รายงานว่าบาดแผลน่าจะมาจาก กระสุนไม่ต่ำกว่า 2 นัด ของกลุ่มมือปืนที่คาดว่าเป็นฝีมือ เครือข่าย ISIS/ISIL ที่เคลื่อนไหวในฝรั่งเศส
    และจากที่ผมตั้งข้อสังเกต จากรายงานข่าวของสื่อสหรัฐ ที่รายงานว่าถ้าบาดเจ็บขาหัก ทำไมต้องใช้เครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่ C-17 ซึ่งทางหน่วยข่าวของรัสเซีย ได้ตั้งข้อสังเกตและรายงานเรื่องนี้ว่า เพราะเครื่องบินลำดังกล่าว สามารถติดตั้งอุปกรณ์ผ่าตัดบนเครื่องบิน ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ไม่ต่างอะไรกับโรงพยาบาลลอยฟ้า จากฝูงบินที่ "86 Aeromedical Evacuation Squadron" ของกองทัพอากาศสหรัฐ ที่ประจำการในเยอรมัน มีหน้าที่ดูแลทหารสหรัฐในภาคพื้นยุโรป และแอฟริกา(USAFRICOM)
    ซึ่งภายหลังการรับตัว รมต.ต่างประเทศ จากทีมแพทย์ของสวิส ทีมช่วยเหลือของกองทัพอากาศสหรัฐ พยายามช่วยยื้อชีวิตของ รมต.ต่างประเทศให้ได้มากที่สุด แต่ไม่มีรายงานอาการบาดเจ็บ หรือความคืบหน้าเรื่องอาการของ รมต.ต่างประเทศว่า เวลานี้อยู่ในสถานะใด
    หน่วยข่าวของรัสเซีย ยังยืนยันรายงานการเดินทาง ของ บารัค โบอามา มายังบอสตัน เพื่อเยี่ยมอาการ รมต.ต่างประเทศสหรัฐ "อย่างลับๆ"ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง C-40 คลิปเปอร์ (โบอิ้ง 737-700) จากฐานทัพอากาศ ที่ตั้งอยู่นอกกรุง วอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเครื่องได้เดินทางมาถึงไม่กี่นาที ก่อนหน้าเครื่องบิน C-17 จะเดินทางมาถึงบอสตัน
    Obama Made Secret Boston Visit As Kerry Reported At “Deaths Door” | EUTimes.net

    และจากรายงานที่ทางโฆษกทำเนียบขาว ได้ออกมารายงานอาการบาดเจ็บของ จอห์น เคอร์รี ในระหว่างที่มีการผ่าตัดบนเครื่องบิน C-17 ภายหลังรับตัว จากทีมแพทย์ของสวิสแล้ว ว่าเขามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวดี รวมถึงการรายงานอาการบาดเจ็บของเขา จากการปั่นจักรยาน ที่สื่อต่างๆพยายามรายงานนั้น เป็นการปกปิดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อตบตาชาวอเมริกัน
    แน่นอนครับว่าถ้าอาการบาดเจ็บปางตายของ รมต.ต่างประเทศสหรัฐในครั้งนี้ เกิดจากกลุ่มติดอาวุธ เครือข่ายISIS/ISIL ที่พยายามลอบสังหาร ตามรายงานของหน่วยข่าวรัสเซียเป็นเรื่องจริง แรงจูงใจที่เป็นไปได้ ก็หนีไม่พ้นสถานการณ์ การสู้รบในตะวันออกกลางนั่นแหละครับ และน่าจะเป็นความพยายามสกัดเขา ไม่ให้เข้าร่วมเวทีการเจรจา โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่กำลังจะถึงกำหนดเส้นตายในสิ้นเดือนนี้นั่นแหละครับ
    เพราะที่ผ่านมา ความพยายามการถ่วงเวลาในการเจรจานั้น แม้จะเป็นชัยชนะด้านการฑูตของ รมต.ต่างประเทศสหรัฐ และต้องยกเครดิตให้เขา แต่อิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของตนเอง เพราะยิ่งเนิ่นนานไป อิหร่านก็ยิ่งมีเวลา เตรียมตัวได้มากนั่นเอง
    Iran Nuclear Deal Is a Big Win for John Kerry - US News

    อย่าลืมนะครับว่า เบื้องหลังเครือข่าย ISIS/ISIL ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่นั้น ไม่ได้มีเพียงซีไอเอเท่านั้นที่ให้การสนับสนุน แต่รวมถึงหน่วยข่าวของซาอุดีอาระเบีย และมอสสาดของอิสราเอล ศัตรูตัวฉกาจของอิหร่านนั่นเอง
    ISIS Leader Abu Bakr Al Baghdadi Trained by Israeli Mossad, NSA Documents Reveal | Global Research - Centre for Research on Globalization
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    ทิศทางเศรษฐกิจโลกเวลานี้น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งนะครับ เพราะตลาดหุ้นเริ่มส่งสัญญาณที่เป็นลบ ต่อเนื่องมาหลายวัน ทั้งสหรัฐ ยุโรปและกระทั่งเอเชียอย่างจีน ธนาคารของสหรัฐและยุโรปเวลานี้ เริ่มสูญเสียการควบคุม เพราะที่ผ่านมา นโยบายดอกเบี้ยเท่ากับศูนย์(ZIRP) และนโยบายดอกเบี้ยติดลบ(NIRP) เริ่มไม่ได้ผล และคาดว่าธนาคารกลาง มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
    WARNING: Western Central Banks Are Now On The Verge Of Losing Control | King World News

    ประเทศที่น่าจับตามากที่สุด ก็หนีไม่พ้นกรีซนะครับ เพราะไกล้ถึงวันครบกำหนดเส้นตาย ในการชำระเงินให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งเวลานี้แม้สหภาพยุโรป พยายามเจรจาหาทางออก แต่ดูเหมือนว่าเงื่อนไข ของทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง และตอนนี้กรีซเอง เงินสดก็เริ่มหมด เวลาก็ไม่มี หนทางเจรจาระหว่างกรีซ และสหภาพยุโรป ก็เริ่มตีบตันเรื่อยๆ
    Greece: Out Of Cash, Out Of Time, Out Of Options | Zero Hedge

    แม้ว่าการเจรจาระหว่างกรีซ และสหภาพยุโรป กำลังเจอหนทางที่ตีบตัน แต่เชื่อว่ารัฐบาลกรีซเอง มีน่าจะมีทางออกของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งแม้ว่าช่วงแรกอาจจะประสบ กับความยากลำบาก แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปแล้ว การหันไปทางรัสเซียและจีน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะรัสเซียยังยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจ ทั้งเงินกู้และท่อส่งก๊าซ จากรัสเซียมายังตุรกี ผ่านกรีซมุ่งไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งกรีซก็ได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน ส่วนรัสเซียนั้นถ้าประสบผลสำเร็จ ก็สามารถทดแทนท่อส่งก๊าซ ที่พาดผ่านยูเครน ไปยังสหภาพยุโรปได้
    Greece Breaks America's Heart, Will Sign MOU With Russia For Gas Pipeline | Zero Hedge

    เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องแปลกใจครับว่า ทำไมรัฐบาลสหรัฐถึงได้พยายามเร่งเกมส์ และหาเรื่องยั่วยุ จีนและรัสเซีย เพื่อจุดชนวนสงครามให้ได้ และยิ่งสหภาพยุโรป ซื้อก๊าซจากรัสเซียมากเท่าไหร่ เงินดอลลาร์ก็ถูกแทนที่มากขึ้นเท่านั้น เพราะเวลานี้ประเทศในกลุ่มBRICS และสหภาพยูเรเชีย กำลังใช้สกุลเงินของตนเอง ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างกันโดยตรง โดยไม่ใช้ดอลลาร์นั่นเอง
    http://www.zerohedge.com/news/2015-...-du-jour-russia-backs-brics-alternative-swift

    สิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก ถ้าเรามองเพียงจุดเล็ก เช่น ปัญหาความขัดแย้ง ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเพียงเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง หรือวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน เราอาจจะดูไม่ออก เพราะถ้าสหรัฐไม่ได้อะไร ไม่มีทางครับว่า เขาจะเสนอเงินช่วยเหลือ ให้กับชาติอาเซียนเพื่อรับมือกับจีน แม้กระทั่งสนับสนุนอาวุธให้ยูเครน เพื่อรับมือกับรัสเซีย ซึ่งสถานการณ์ในยูเครนยังไงก็ไม่มีวันสงบ และกำลังกลับมาประทุอีกครั้ง เพราะรัฐบาลสหรัฐไม่อยากให้สงบนั่นเอง
    February Cease-fire Collapses as Fighting Re-erupts in Eastern Ukraine | Global Research - Centre for Research on Globalization

    ลำพังแค่เกาะเล็กๆที่จีนสร้างขึ้นในะเลจีนใต้ ที่กำลังเป็นประเด็นเวลานี้ ถามว่าจีนประเทศกว้างใหญ่ แต่มันคุ้มค่าเหรอครับ ที่ต้องมาทะเลาะกับอาเซียน เพราะพื้นที่เล็กๆไม่กี่ตารางเมตร แต่นั่นเป็นเพราะพื้นที่แถบนี้ มีเรือขนส่งและบรรทุกสินค้าผ่านเข้าออกจำนวนมาก มูลค่าทางการค้า กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และยังไม่นับทรัพยากรใต้ทะเลในพื้นที่เหล่านั้น ถามว่าถ้าเกิดความขัดแย้งหรือสงครามขึ้น แน่นอนครับว่า ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จีนไม่ได้ต้องการสงคราม เพราะเสียมากกว่าได้ แต่ถ้าจีนยอมเสียพื้นที่ทางอิทธิพล และเส้นทางการค้าบริเวณนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนเช่นเดียวกัน
    South China Sea Debate Could Lead To World War 3

    เพราะฉะนั้นบรรดาเงินช่วยเหลือ ด้านการทหารที่ รมต.กลาโหม และรัฐบาลสหรัฐ ออกมาประกาศนั้น อย่าไปเข้าใจว่าเป็นของฟรี เพราะของฟรีไม่มีในโลกครับ ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทั้งนั้น และอาจจะต้องแลกมาด้วย สงครามและเสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคนี้ เพราะสหรัฐมีนโยบาย ทำสงครามนอกประเทศตั้งแต่ สงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 มาตลอดอยู่แล้ว
    สิ่งที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้เวลานี้ ฟิลิปปินส์ชาติเล็กๆ กล้าออกมาแสดงความเห็นตำหนิ รัฐบาลปักกิ่งว่า ทำตัวไม่ต่างอะไรกับ ฮิตเลอร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 มันชัดเจนว่า ฟิลิปินส์นั้นยอมทำตามคำสั่งของสหรัฐ ไม่ต่างกับผู้นำยูเครน ที่กล้าท้าทายรัฐบาลรัสเซีย เพราะมั่นใจว่า สหรัฐให้การช่วยเหลือนั่นเอง
    Philippine President Compares China To Nazi Germany; Beijing Tells Him To "Repent" | Zero Hedge

    นี่แหละครับที่ผมกำลังวิตกกังวลว่า ชาติอาเซียนกำลังจะกลาย เป็นสมรภูมิใหม่ของสหรัฐในทะเลจีนใต้ เป็นสงครามตัวแทน(Proxy war)ของสหรัฐ ไม่ต่างอะไรกับประเทศในยุโรปตะวันออก ที่กำลังถูกกดดันให้ เผชิญหน้ากับรัสเซีย เพราะถ้าสหรัฐสามารถขัดขวางรัสเซีย และจีน ที่กำลังก้าวขึ้นมาท้าทายอิทธิพลสหรัฐ พยายามผลักดันหยวน ขึ้นมาแชร์ส่วนแบ่งดอลลาร์ ก็ลองพิจารณาดูครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    เพราะฉะนั้นสหรัฐต้องใช้จุดแข็ง นั่นคือแสนยานุภาพทางทหาร สนับสนุนพันธมิตรของสหรัฐ ทั้งกองกำลังนาโต และพันธมิตรในเอเชีย เพื่อทำสงครามกับรัสเซียและจีน เพื่อปกป้องสถาบันเงินของตะวันตก ซึ่งผูกโยงกับเงินดอลลาร์ และรักษาความมั่งคั่ง และความเป็นมหาอำนาจของโลกเดียวต่อไปนั่นเอง..
    PressTV-'US prepares for war on China, Russia'
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    1. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    ภาวะเงินเฟ้อถดถอย (เงินเฟ้อติดลบ) ได้จู่โจมประเทศไทยเป็นเวลา 5 เดือนติดกันแล้ว ในไตรมาสแรกของปีนี้ เงินเฟ้อติดลบ 0.5% ในเดือนเมษายนสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้น โดยมีเงินเฟ้อติดลบ 1.04% ในเดือนพฤษภาคม เงินเฟ้อถดถอยได้พุ่งสูงถึง -1.27% ได้กระตุ้นความกังวลที่มีเพิ่มขึ้นว่า ภาวะเงินฝืดกำลังรออยู่เบื้องหน้าหรือไม่
    ในขณะที่เงินเฟ้อถดถอยเป็นปรากฎการณ์ชั่วคราวของการลดลงของราคา แต่ภาวะเงินฝืดเป็นการล่มสลายของราคาสินค้าและอุปสงค์ ซึ้งถูกซ้ำเติมโดยการขาดเงินลงทุนใหม่ๆ การไม่มีกำลังซื้อ และการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดของอัตราการหมุนเวียนของเงิน
    เมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจดำดิ่งสู่ภาวะเงินฝืด มันเป็นเรื่องยากมากที่สุดที่จะทำให้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ต้องทำการอัดฉีดทางการคลังและปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่นและเม็ดเงินในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อที่จะทำให้เกิดการจ้างงานขึ้น
    ประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป ได้ดำเนินนโยบายการใช้จ่ายตามทฤษฎีสำนักเคนส์ และนโยบายดอกเบี้ย 0% เพื่อที่จะดึงตัวเองออกมาจากการตกต่ำทางเศรษฐกิจที่รุนแรง แต่หลังจากการใช้วิธีการนอกรีตนี้มา 7 ปี ประเทศเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้
    จริงๆ แล้ว การฟื้นตัวไม่มีทางที่จะทำได้เนื่องจากระดับของหนี้ที่ไม่สามารถจ่ายคืนได้ และซับไพล์ที่ล้นเกิน ทางMcKinsey & Companyได้รายงานว่า หนี้ทั่วโลกได้แตะ 200 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 3 เท่าของขนาด GDP ของโลกซึ่งอยู่ที่ 70 ล้านล้านดอลลาร์ เศรษฐกิจโลกไม่สามารถเติบโตไปพร้อมกับหนี้ที่มากขึ้น ซับไพล์ที่ล้นเกินและอำนาจซื้อไม่มีอีกต่อไป ถ้าปราศจากการปรับโครงสร้างหนี้ การฟื้นฟูใดๆ ก็ไม่สามารถเป็นไปได้ ทั้งทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศและยูเอ็นเตรียมโครงสร้างกฎหมายเพื่อเตรียมการปรับโครงสร้างหนี้โลกแล้ว ด้วยการbail in คือเอาเงินฝากประชาชนไปอุ้มแบงค์
    การกดดอกเบี้ยต้ำ0% และการพิมพ์เงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้วยการซื้อทรัพย์สินของแบงค์และไฟแนนซ์ฐานะการคลังของรัฐบาลที่จำต้องกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทำได้แค่ประวิงเวลาวิกฤติออกไป
    นักเศรษฐศาสตร์ไทยส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเงินฝืดยังไม่มาถึง เนื่องจากการลดลงของราคาเกิดจากราคาน้ำมันและราคาอาหารที่ลดลง ภาวะราคาที่ลดลงใกล้จะถึงจุดต่ำสุด และในไม่ช้าเมื่อเศรษฐกิจค่อยๆ กระเตื้องขึ้น บริษัทหลักทรัพย์ภัทร ได้ให้ความเห็นในรายงานวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มที่จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน “เราคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังไม่พลิกกลับมาเป็นบวก จนถึงไตรมาส 4 ของปีนี้”
    ภาวะเงินเฟ้อถดถอย หรืออีกนัยหนึ่งคือ ภาวะเงินฝืด ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงอันตรายของการตกต่ำทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การตกต่ำทางเศรษฐกิจมีสาเหตุมาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอทั้งภายในและภายนอกประเทศ หนี้ครัวเรือนมีถึง 10.4 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่ 13 ล้านล้านบาท ผู้บริโภคคนไทยไม่มีเงินเหลือที่จะใช้จ่ายมากเท่าใดนัก การที่จะบริโภคมากขึ้น หมายความว่าพวกเขาต้อง leverage บัญชีมากขึ้นไปอีก พวกเขาไม่สามารถสร้างหนี้เพิ่มได้อีก นี่เป็นผลมาจากการผลิตส่วนเกินและอุปทานส่วนเกินในระบบเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจไม่ต้องการที่จะลงทุนเพิ่มเพราะพวกเขาขายสินค้าไม่ได้ ธนาคารลังเลในการปล่อยกู้เพราะกลัวหนี้เสีย ผู้ประกอบการ SMEs ได้ผลกระทบอย่างหนักจากการขาดเงินกู้และอุปสงค์ที่อ่อนแอ
    ส่วนปัจจัยภายนอก คือภาคการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นเครื่องจักรในการเติบโตของไทย ก็ชะงักงัน เช่นเดียวกับสภาวะเงินเฟ้อถดถอย ภาคการส่งออกของไทยก็มีอัตราการเติบโตติดลบ 5 เดือนติดต่อกัน ในไตรมาสแรกของปี 2015 การส่งออกติดลบ 4.3% เดือนเมษายนตัวเลขส่งออกก็ติดลบ1.7%เหมือนกัน
    ส่งออกที่ถดถอยเกิดขึ้นจาก 1. ต่างประเทศไม่มีอำนาจซื้อ หรือ2. ความสามารถในการแข่งขั้นของสินค้าไทยลดลง? ถ้าเป็นข้อที่1 เราคงจะทำอะไรมากไม่ได้ ถ้าเป็นข้อที่2จำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการลดต้นทุน
    ธนาคารแห่งประเทศไทยกระโจนเข้าอุ้มเศรษฐกิจด้วยการลดดอกเบี้ยอย่างดุเดือดจนมาอยู่ที่ระดับ1.50% แต่เราจะเห็นว่า ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงของธนาคารแห่งประเทศไทย อัตรากำไรของธนาคารไทยยังคงสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับระบบธนาคารในประเทศอื่นๆ ผลกำไรของธนาคารมีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ คำนวณง่ายๆ ธนาคารจะมีกำไร 2 แสนล้านบาทในปีนี้ ธนาคารเพิ่มเงินในกระเป๋าตัวเองไปเรื่อยๆ โดยการทำลายเศรษฐกิจทั่วไปและผู้กู้ นี้เป็นเหตุผลว่าทำไม ดร ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท รู้สึกสะเทือนอารมณ์เมือพบว่าธนาคารพาณิชย์ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหมือนเดิม และไม่ได้ปล่อยเงินกู้ให้พวกSMEs แบงค์ก็อ้างว่าอำนาจซื้อประชาชนไม่มี ให้กู้SMEsก็จะกลายเป็นหนี้เสีย อ้างกันไปอ้างกันมา ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า ผู้บริโภคชาวไทยจึงไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรอบนี้
    เนื่องจากเงินเฟ้อหรือราคาที่ลดลง ทำให้่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับเปลี่ยนนโยบายมาเป็นการตั้งเป้าหมายด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยอ้างว่าเพื่อการส่งออกและเศรษฐกิจ เงินบาทได้อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วจากนโยบายbad money policyของธนาคารแห่งประเทศไทยในการทำให้เงินบาทอ่อนค่า เดือนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว เงินบาทได้อ่อนค่าลงถึง 4% เงินบาทเกือบแตะ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้กล่าวในรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีผลต่อเป้าหมายด้านอัตราแลกเปลี่ยนจะทำให้เงินบาทลดลงต่อไปถึง 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนสิ้นปีนี้
    การทำลายค่าเงินเป็นนโยบายbad money policyที่ไม่ดี ส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อประเทศในระยะต่อไป น่าแปลกใจที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ได้ยอมรับนโยบายการเงินที่แย่ๆแบบนี้ ค่าเงินที่อ่อนลงอาจจะทำให้ผู้ส่งออกได้ประโยชน์ในระยะสั้น แต่ผุ้ส่งออกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจ ไม่ใช่ส่วนทั้งหมด การอุ้มชูผู้ส่งออกเป็นการดำเนินนโยบายลำเอียง และโดยภาพรวม มันทำให้อำนาจในการซื้อของประเทศลดลง เงินเฟ้อจะโจมตีกลับมาในระดับที่คาดไม่ถึง เพราะว่าเราต้องนำเข้าสินค้าด้วย
    ในทางตรงกันข้ามนโยบายการเงินดี (good money policy) เป็นการรักษาอำนาจซื้อของเงินบาท ค่าเงินที่มีเสถียรภาพไปควบคู่กับนโยบายการเงินที่ดี นี่จะเป็นประโยชน์ไม่เพียงแต่คนรากหญ้า แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย ธุรกิจจะปรับตัวไปเองจากนโยบายการเงินที่ดี ที่ดีก็ดีไป ที่ไม่ดีก็ต้องเลิกกิจการไปเป็นธรรมดา ที่สำคัญทุกฝ่ายไม่ต้องเล่นวิ่งไล่ตามเงินเงินเฟ้อที่มีแต่คนรวยหรือนักการเงินเท่านั้นที่สามารถวิ่งแซงหน้าได้ ศัตรูหมายเลขหนึ่งของผู้ใช้แรงงานหรือคนที่มีรายได้ประจำคือเงินเฟ้อ
    วิธีการคำนวนเงินเฟ้อของทางการไม่ได้มาตรฐาน เพราะว่าค่าครองชีพของจริง กับตัวเลขเงินเฟ้อที่แทบจะไม่ค่อยขยับมันคนละโลกกัน
    การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ ควบคู่ไปกับการลดค่าเงิน จะกีดกันไม่ให้เศรษฐกิจปรับตัวไปในทิศทางที่จำเป็น บริษัทแย่ๆ ซึ่งควรจะเลิกกิจการไปได้แล้ว ยังคงอยู่เพื่อสร้างภาระในอนาคต พวกเขาใช้ทรัพยากรที่ไม่สมควรจะใช้ นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำยังผลักไสการออมเงินอีกด้วยทำให้เงินไหลไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นหรือตลาดอสังหาริมทรัพย์ คนเกษียณอายุและคนกินบำนาญจะไม่ได้รายได้ดอกเบี้ยอะไรเลยจากเงินออมที่สะสมมาทั้งชีวิต พวกเขาไม่สมควรจะถูกลงโทษเช่นนี้จากนโยบายการเงินแย่ๆ อำนาจในการซื้อก็หดหายไป
    ท้ายที่สุด ทางออกของประเทศไทยคือการผสมผสานระหว่างนโยบายการคลังที่เหมาะสม และนโยบายการเงินที่ดี ที่ทำให้เศรษฐกิจปรับเปลี่ยนในจังหวะของตนเอง ประเทศไทยได้ติดกับดับหนี้แล้ว โดยหนี้ภาคเอกชนและหนี้รัฐบาลรวมกันถึง 130% ต่อจีดีพี ระดับหนี้ที่สูงนี้จะลดลงได้ด้วยการปรับโครงสร้าง เพราะการเพิ่มรายได้เพื่อจ่ายหนี้ ดูแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลยในแนวโน้มขณะนี้ รัฐบาลอาจจัดเก็บภาษีคนรวยมากขึ้นเพื่อช่วยคนจน ธนาคารต้องทำกำไรให้น้อยลง ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องดำเนินนโยบายการเงินที่ดี เมื่อเทียบกับการดำดิ่งสู่กับดับทางการเงิน มิฉะนั้น จะเป็นการผลักประเทศเข้าสู่ประเทศที่มีการใช้อัตราดอกเบี้ย 0% ในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น นโยบายการเงินที่แย่จะไม่สามารถปกป้องเงินบาทจากการถูกทำลาย
    ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศว่าเป้าหมายหลักของนโยบายคือทำให้ค่าบาทมั่นคง แต่การลดค่าเงินบาทที่ผ่านมาทำให้บาทเสื่อมค่าเป็นการกระทำที่สวนทางกัน ทำให้คนไทยยิ่งอยู่ยิ่งจนลง
    thanong
    5/6/2015
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    2. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    เจ้ามือใหญ่ทางการเงินในประเทศไทยคือธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้พิมพ์เงินบาท เราลองมาดูซิว่าเจ้ามือนี้ ทำหน้าที่แจกจ่ายเงินบาทเข้าไปในระบบอย่างยุติธรรมหรือไม่ในสังคมไทย
    มีใครเคยคิดหรือไม่ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยพิมพ์เงินบาทโดยแทบจะไม่มีต้นทุนอะไร แต่ทำไมเวลาคนไทยตาดำๆกู้เงินถึงต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงนัก
    ตอนนี้เจ้ามือบอกว่าขอคิดคอสท์ของเงินที่1.50%ก็แล้วกัน อัตรานี้ถือเป็นดอกเบี้ยมาตรฐานอ้างอิงระยะสั้น เวลาแบงค์ขาดสภาพคล่องสามารถเอาบอนด์มาตึ้งแล้วเอาบาทไปได้ด้วยอัตราดอกเบี้ย1.50% เงินกู้กันระหว่างธนาคารจะไม่สามารถต่ำกว่าอัตรานี้ได้ เพราะว่าเจ้ามือจะแทรกแซงเพื่อรักษาดอกเบี้ยระดับนี้
    จากอัตรามาตรฐานกู้ต่ำสุด1.50%ที่เจ้ามือกำหนด แบงค์รับเงินฝากประชาชนเอาไปปล่อยต่อให้ลูกค้าชั้นดี 6% ลูกค้าบุคคลชั้นดี 7% ลูกค้าที่กู้บ้าน 7-9% ดอกเบี้ยบัตรเครดิต 18%-24% ลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล 18%-24% และลูกค้าที่เป็นมวลมหาประชาชนนาโนไฟแนนซ์ 36%
    ในขณะเดียวกันแบงค์จ่ายระดมเงินฝาก ด้วยการดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์0.50%-0.75% เงินฝากประจำที่มีระยะเวลา1ปี1.50%-1.75%
    คำถามคือทำไมมีช่องว่างดอกเบี้ยที่ถ่างมากระหว่างเจ้ามือกับลูกมือแบงค์พวกหนึ่งและประชาชนโดยทั่วไปอีกพวกหนึ่ง? ทำไมไม่มีใครโวยวายbad money policyนี้
    ทีเรียกร้องประชาธิปไตยหรืออำนาจทางการเมืองเพื่อให้ได้หนึ่งคนหนึ่งเสียงเก่งนัก แต่ทีเรื่องการเงินที่เราต้องกู้เงินแพงกว่าผู้อื่นยิ่งกว่าระบบวรรณะของอินเดีย ไม่เห็นมีใครโวยวาย ยอมรับสภาพ หรือไม่รู้เรื่องกัน?
    ในระบบแบงค์กิ้งสมัยใหม่ เจ้ามือแบงค์ชาติกับลูกมือแบงค์จะมีความสัมพันธ์ที่อี๋อ๋อกันมาก แบงค์ชาติจะไม่ทำธุรกรรมกับประชาชน บริษัทหรือสถาบันใดๆ แต่จะทำกับสถาบันการเงินที่มีไลเซ่นแบงค์เท่านั้น แสดงว่าระบบธนาคารกลางถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการทำงานหรือผลประโยชน์ธนาคารพานิชย์ เป็นเล่ห์กลและกับดักทางการเงิน
    เวลาแบงค์ชาติสร้างเงินบาทใหม่เข้ามาในระบบจะถูกส่งไปยังลูกมือธนาคารพานิชย์เป็นเจ้าแรก ซึ่งจะรับเงินไปด้วยคอสท์ที่ถูกสุด หลังจากเงินอยู่ในมือแบงค์แล้ว ซึ่งระดมเงินฝากด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำติดดินแล้ว แบงค์จะกำหนดคอสท์ของเงินบาทเท่าใดก็ได้ตามใจผ่านระบบเครดิต อันมาสู่การจัดอันดับความสามารถในการใช้หนี้ของคนในสังคมไทยที่ต่างกัน คนรวยได้ดอกเบี้ยถูกหน่อย แต่ก็ยังแพงอยู่ดี ส่วนคนยิ่งจนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงจนล้มละลายไปเลย
    คำถามง่ายๆ ที่นี้ประเทศไทย เราพิมพ์เงินบาทใช้เอง กำหนดกฎกติกาเองทำไมเราไม่สามารถสสร้างหรือกำหนดกลไกการเงินที่ทำให้ดอกเบี้ยมีความเสมอภาคมากกว่านี้ หรือทำไมไม่ทำอะไรให้อยู่ในวิสัยที่แบงค์ไม่เอาเปรียบประชาชนมากจนเกินไป
    เอาเข้าจริงๆ เราจำเป็นต้องมีแบงค์กิ้งตามรูปแบบของตะวันตกหรือไม่ การชาร์จดอกเบี้ยถือว่าเป็นบาปหรือไม่ ในเมื่อแบงค์เป็นเสือนอนกิน ทำไมเราถึงต้องมีแบงค์ในรูปแบบที่เอารัดเอาเปรียบแบบนี้ต่อไป และทำไมเราถึงต้องยอมรับbad money policyแบบนี้ไปเรื่อยๆ?
    thanong
    5/6/2015
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สะท้อนคำพูดของอิมามคอเมเนอี ในวันครบรอบอสัญกรรมของอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.)
    Category: News & Event Published on Thursday, 04 June 2015 18:58 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    ผู้นำสูงสุดของอิหร่านย้ำ “การสนับสนุนประชาชนผู้ถูกกดขี่ของโลก”

    ตัสนีม : ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามชี้ถึงการโจมตีทางอากาศของซาอุดิอาระเบียต่อประชาชนของเยเมน และการแสดงการคัดค้านอย่างรุนแรงต่อสิ่งดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่า : อิหร่านจะสนับสนุนประชาชนที่ถูกกดขี่ในโลกตลอดไป

    สำนักขข่าวตัสนีม : ในรายงานหนึ่งของสำนักข่าว "Xinhua" ของจีน ได้ชี้ถึงคำพูดในวันนี้ (พฤหัสบดี) ของอิมามคอเมเนอี ในพิธีรำลึกวันครบรอบอสัญกรรมของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) โดยเขียนว่า : ผู้นำสูงสุดของอิหร่านได้ชี้ถึงการโจมตีทางอากาศของซาอุดิอาระเบียต่อประชาชนเยเมน และการแสดงการคัดค้านอย่างรุนแรงต่อสิ่งดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่า : อิหร่านจะสนับสนุนประชาชนที่ถูกกดขี่ในโลกตลอดไป

    อิมามคอเมเนอี ได้กล่าวในอีกส่วนหนึ่งของคำพูดของท่าน ณ สถานที่ฝังศพของอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ว่า : เช่นเดียวกันในวันนี้ที่เราต่อต้านพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายของกลุ่มดาอิช (ISIS) ในอิรักและซีเรีย และเราก็ต่อต้านพฤติกรรมที่อธรรมของตำรวจของรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา ที่กระทำภายในประเทศของพวกเขา พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นเช่นเดียวกันนี้

    อิมามคอเมเนอี ได้กล่าวเสริมว่า : ทำนองเดียวกับที่เราต่อต้านการปิดล้อมที่อธรรมในฉนวนกาซา ทำนองเดียวกันนี้เราก็ต่อต้านการทิ้งระเบิดใส่ประชาชนผู้ถูกกดขี่และไร้ที่พึ่งของเยเมน และเช่นเดียวกับที่เราต่อต้านการปราบปรามประชาชนชาวบาห์เรน เราก็ต่อต้านการโจมตีประชาชนในอัฟกานิสถานและปากีสถานโดยเครื่องบินไร้คนขับของสหรัฐอเมริกา

    นี่คือตรรกะของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ที่ใดก็ตามที่มีการกดขี่เกิดขึ้น ที่นั่นย่อมมีสองฝ่าย คือผู้กดขี่และผู้ถูกกดขี่ และเราจะสนับสนุนฝ่ายที่ถูกกดขี่และจะต่อต้านฝ่ายที่กดขี่ จุดยืนนี้ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ได้ปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน และถือเป็นส่วนหนึ่งจากแนวทางหลัก วันนี้ปัญหาปาเลสไตน์ก็เป็นปัญหาหลักสำหรับเรา สิ่งนี้ทุกคนจะต้องรู้ไว้ ปัญหาปาเลสไตน์จะไม่ถูกลบออกจากแผนปฏิบัติของสาธารณรัฐอิสลาม

    ที่มา : tasnimnews

    สะท้อนคำพูดของอิมามคอเมเนอี ในวันครบรอบอสัญกรรมของอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.)
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาพาธจริงๆ ครับ มีคนสนิทผมไปเยี่ยมมา

    DSIแจงธัมมชโยอาพาธจริงพระลูกวัดย้ำไม่มีเอี่ยว
    เขียนวันที่ วันพฤหัสบดี ที่ 04 มิถุนายน 2558 เวลา 19:11 น.เขียนโดยisranewsหมวดหมู่Isranews |

    ดีเอสไอแถลงหลังสอบปากคำ "พระธัมมชโย" เผยมีอาการ อาพาธจริง ขณะที่พระลูกวัดป้องหลวงพ่อไม่เคยเห็นเช็คเงินสหกรณ์ฯ
    เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 16.00 น. คณะพนักงานสอบสวนพระธัมมชโยจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยพระบุญชัย เลขาธิการด้านการเงินของวัดธรรมกาย และ นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของพระธัมมชโย แถลงข่าวหลังใช้เวลาสอบปากคำพระธัมมชโย ในฐานะพยานคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
    พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดี ดีเอสไอ กล่าวว่า ประเด็นที่สังคมสงสัยคือที่ผ่านมาพระธัมมชโยได้เลื่อนการสอบปากคำมาแล้ว 2 ครั้งโดยให้เหตุผลว่าอาพาธ ซึ่งครั้งนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าพบพระธัมมชโย และได้ขอดูบาดแผลที่ขาซึ่งระบุว่าอาพาธ พบว่ามีแผลจริง
    อย่างไรก็ตาม รายละเอียดการสอบปากคำคงไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมถึงการสอบปากคำครั้งนี้ในคดีก็ยังไม่ถือว่ายุติ เพราะยังมีพยานบุคคลอีกหลายปากที่ต้องสอบสวน รวมถึงพยานเอกสารที่ต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจะประชุมคดีอีกครั้งในวันที่ 9 มิ.ย.นี้
    ด้านพระบุญชัย กล่าวยืนยันว่า พระธัมมชโยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเช็คจำนวน 13 ฉบับของสหกรณ์ฯ และไม่เคยเห็นรายละเอียดหรือแม้แต่จับเช็คทั้งหมด จึงไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการกระทำความผิดตามเช็คที่เกิดขึ้น
    ทั้งนี้กระบวนการเงินของวัดธรรมกายนั้น ต้องบอกว่าเมื่อลูกศิษย์จะมอบเงินบริจาคที่เป็นเช็ค ก็จะต่อแถวเพื่อยื่นเช็คให้พระธัมมชโย กรณีของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้ต้องหาคดีสหกรณ์ฯ ก็เช่นกันจะเหมือนกับลูกศิษย์รายอื่นๆ ที่บริจาคให้วัดด้วยเช็ค ซึ่งพระธัมมชโยจะเพียงรับและวางไว้เท่านั้น ไม่รู้รายละเอียดของเช็คว่ามีที่มาอย่างไร เมื่อเสร็จพิธีก็จะลุกไปทันที
    พระบุญชัย กล่าวอีกว่า จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของอาตมาที่จะนำเช็คเข้าไปสู่ระบบบัญชีของทางวัด ซึ่งทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่องานก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด และการเบิกถอนทุกครั้งนั้น อาตมาจะเป็นคนทำใบถอนเงิน และพระธัมมชโยจะลงนามเซ็นต์ด้วยตัวเอง เพราะบัญชีพเป็นชื่อของพระธัมมชโย
    ขณะที่นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการเยียวยาผู้เสียหายในคดีสหกรณ์ฯ นั้น ทางวัดได้ทำผ่อนจ่ายไปแล้ว 3 งวด รวมเป็นเงิน 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ลูกศิษย์มีเจตนารมย์ที่จะช่วยเหลือผู้เสียหาย
    ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว คณะพระสงฆ์ของวัดธรรมกายได้นำพนักงานสอบสวนจากดีเอไอ และสื่อมวลชนเที่ยวชมวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งพาไปดูสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เงินบริจาคของลูกศิษย์มาก่อสร้างด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ส่วนพระธัมมชโยนั้นไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นแต่อย่างใด

    ที่มา: ข่าว ข่าววันนี้ ข่าวเด่น ข่าวด่วน ข่าวโพสต์ทูเดย์



    DSIแจงธัมมชโยอาพาธจริงพระลูกวัดย้ำไม่มีเอี่ยว
     

แชร์หน้านี้

Loading...