ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อนอกชี้ประชุมแก้วิกฤตโรฮีนจาในไทยส่อเหลว ชาติสำคัญส่งผู้แทนระดับล่างเข้าร่วม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2558 01:06 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - การประชุมซึ่งมีเป้าหมายจัดการวิกฤตคนอพยพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กรุงเทพฯช่วงปลายสัปดาหห์นี้ ไม่น่าจะก่อข้อตกลงที่มีผลผูกมัดหรือแผนปฏิบัติใดๆสำหรับปกป้องชีวิตผู้คนหลายพันคนที่ยงตกค้างอยู่บนเรือที่ล่องลอยอยู่ในอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน หนึ่งในผู้เข้าร่วมหารือเปิดเผยกับรอยเตอร์ในวันพฤหัสบดี(28พ.ค.)

    การประชุมในวันศุกร์(29พ.ค.) จะประกอบไปด้วยผู้แทน 17 ประเทศจากทั่วอาเซียนและชาติอื่นๆในเอเชีย เช่นเดียวกับสหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงองค์กรสากลอย่างสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ(UNHCR)

    อย่างไรก็ตามรอยเตอร์อ้างข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศของไทย ระบุว่าผู้เข้าร่วมจำนวนมากไม่ใช่ระดับรัฐมนตรี และบางทีการประชุมอาจไม่บรรลุผลดังที่ฝ่ายจัดในกรุงเทพฯหวังไว้ โดย 3 ประเทศที่เป็นแก่นกลางของวิกฤต ทั้งพม่า อินโดนีเซียและมาเลเซีย ไม่มีผู้แทนระดับรัฐมนตรีเข้าร่วมหารือแต่อย่างใด

    นอกจากนี้แล้วพม่ายังเปิดเผยในวันพฤหัสบดี(28พ.ค.) ว่าพวกเขาไม่มีแผนบรรลุข้อตกลงใดๆในกรุงเทพฯ "เราจะไปที่นั่น ก็เพื่อแค่ร่วมหารือเกี่ยวกับวิกฤตภูมิภาคซึ่งทุกชาติในอาเซียนกำลังเผชิญ" เถ่ง ลิน อธิบดีประจำกระทรวงการต่างประเทศของพม่าและหัวหน้าคณะผู้แทนจากพม่าบอกกับรอยเตอร์

    มีผู้อพพจากบังกลาเทศและพม่ากว่า 3,000 คน ขึ้นฝั่งอินโดนีเซียและมาเลเซียในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ไทยดำเนินการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจังเมื่อช่วงต้นเดือน อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังมีผู้อพยพอีกราวๆ 2,600 คนที่ยังคงตกค้างอยู่กลางทะเลบนเรือที่ถูกปล่อยทิ้ง

    จำนวนมากของผู้อพยพที่ถูกพาขึ้นฝั่งแล้ว เป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮีนจาของพม่า ที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางภาวะเหมือนถูกแบ่งแยกเชื้อชาติในรัฐยะไข่ของพม่า ส่วนที่เหลือเป็นผู้อพยพชาวบังกลาเทศ

    รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวจากองค์กรนานาชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าระดับตัวแทนที่ชาติต่างๆส่งเข้าร่วมประชุมนั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง "พวกเขาเป็นผู้เล่นสำคัญ มันจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรด้วยผู้แทนระดับนั้น"

    ส่วน โวลเคอร์ เติร์ก ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อร่วมประชุมในวันศุกร์(29พ.ค.) เตือนว่าวิกฤตที่ซับซ้อนนี้คงไม่อาจแก้ปัญหาได้ในวันเดียว "มันเกี่ยวข้องกับประเด็นที่ซับซ้อน ผมไม่คิดว่ามันจะสามารถคลี่คลายได้ในการประชุมแค่วันเดียว แต่อย่างน้อยมันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีและเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญ" เขาให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์

    พม่าไม่รับรองสิทธิพลเมืองแก่ชาวโรฮีนจา เป็นผลให้พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไร้สัญชาติ อย่างไรก็ตามพม่าไม่ยอมรับคำกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติต่อชาวโรฮีนจาหรือตามประหัตประหารอย่างที่พวกเขารู้สึก

    ทั้งนี้มีผู้คนเกือบ 140,000 คนต้องไร้ถิ่นฐานจากเหตุปะทะระหว่างมุสลิมโรฮีนจากับชาวพุทธในรัฐยะไข่เมื่อปี 2012 โดยชาวโรฮีนจาราว 100,000 คนได้หลบหนีทางทะเลนับตั้งแต่นั้น

    เติร์ก บอกว่าการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการไร้สัญชาติในพม่าคือแก่นกลางที่จะคลี่คลายวิกฤตผู้อพยพดังกล่าว "หากมันยังเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบันอันสืบเนื่องจากตัวบทกฎหมาย ก็ทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับสถานะที่เท่าเทียม สถานะทางกฎหมาย มันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคลี่คลายวิกฤตนี้"


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060945
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    InPics & Clips : ผู้ป่วยลมแดดล้นโรงพยาบาล ยอดตายคลื่นความร้อนอินเดียพุ่ง1,700ศพ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2558 04:31 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - โรงพยาบาลหลายแห่งในอินเดียเมื่อวันพฤหัสบดี(28พ.ค.) ต้องตะเกียกตะกายรักษาผู้ป่วยจำนวนมากจนล้นโรงพยาบาล ขณะที่สภาพอากาศอันร้อนระอุจากคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมประเทศแห่งนี้ได้คร่าชีวิตชาวบ้านเพิ่มเป็นมากกว่า 1,700 รายในช่วงเวลาแค่สัปดาห์เดียว ถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษ

    ในช่วงฤดูร้อนของแต่ละปี มักมีประชาชนในอินเดีย ส่วนใหญ่เป็นคนยากจน เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดหลายร้อยคน อย่างไรก็ตามตัวเลขในปีนี้ได้ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1995 โดยคราวนั้นข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดด 1,677 คน

    ที่รัฐอานธรประเทศ รัฐที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดจากอุณหภูมิร้อนระอุถึง 47 องศาเซลเซียส มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1,334 คนนับตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม โดยคณะแพทย์ยอมรับว่าพวกเขาไม่เคยพบเห็นผู้ป่วยอาการสาหัสมีจำนวนมากมายขนาดนี้มาก่อน

    "แผนกต่างๆของเราเต็มไปด้วยคนไข้" เจ วี ซับบาเรา แพทย์จากสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ราจีฟ คานธี ในรัฐอานธรประเทศบอกกับผู้สื่อข่าว "ผมทำหน้าที่แพทย์ในเขตนี้มานาน 40 ปี และผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน มีผู้ป่วยเสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาลมากมายเหลือเกิน" พร้อมเผยว่าเหล่าผู้ป่วยที่มีอาการสาหัสหนักหนาที่สุด ส่วนใหญ่เป็นคนยากจนและผู้สูงวัยที่ไม่ทราบถึงอันตรายของโรคลมแดด ซึ่งสามารถคร่าชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา

    สื่อมวลชนของอินเดียรายงานว่ายังมีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในรัฐเตลันกานาที่อยู่ติดกัน อีก 340 คน หลังช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องเผชิญอุณหภูมิสูงลิ่ว 48 องศาเซลเซียส ในขณะที่ตลอดทั้งปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดแค่ 34 คนเท่านั้น

    ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการของผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอากาศที่ร้อนจัดถือว่าต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะว่าอุณหภูมิที่ร้อนระอุนี้ส่งผลกระทบรุนแรงกับคนยากจน ที่คงไม่ได้ไปเสียชีวิตตามโรงพยาบาลต่างๆ

    ศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยในนิวเดลี เผยว่าที่ยอดผู้เสียชีวิตมีจำนวนมากมายในปีนี้ คงเป็นเพราะอากาศที่ร้อนจัดอย่างฉับพลัน "มันอาจสืบเนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน หลังฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ทำให้อุณหภูมิอยู่ในระดับต่ำ"

    โรงพยาบาลต่างๆในนิวเดลี ซึ่งอุณหภูมิทะยานแตะ 45 องซาเซลเซียส ประสบปัญหาในการรับมือกับผู้ป่วยจำนวนมาก "โรงพยาบาลต่างๆเต็มไปด้วยคนไข้โรคลมแดด" อาเจย์ เลคชี ประธานสมาคมการแพทย์เดลีกล่าว "คนไข้ครวญว่าปวดหัวและเวียนศีรษะอย่างรุนแรง และมีอาการเพ้อด้วย"

    อุปสงค์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับในบางพื้นที่ของเดลี เพิ่มความทุกข์ยากแก่ชาวบ้านในเมืองหลวงมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันก็พบเห็นการต่อแถวยาวเหยียดตามสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลอินเดีย หนึ่งในโรงพยาบาลรัฐใหญ่ที่สุดของเดลี

    ประชาชนได้รับคำเตือนให้ดื่มน้ำมากๆ หาเครื่องป้องกันศีรษะจากความร้อน และหลีกเลี่ยงการออกไปยืนกลางแสงแดดจ้าในช่วงเที่ยงวัน แต่สำหรับชาวอินเดียส่วนใหญ่แล้ว การเก็บตัวอยู่แต่ในที่ร่มไม่ใช่ทางเลือกที่ทำได้เสมอไป

    มีรายงานข่าวที่ยังไม่ยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตในเมืองหลวงแล้วอย่างน้อย 2 คน ขณะที่ประชาชนหลายพันคนหลับนอนบนท้องถนนโดยแทบไม่มีอะไรปกป้องพวกเขาจากความร้อน อย่างไรก็ตามล่าสุดเจ้าหน้าที่รัฐได้สั่งติดตั้งเครื่องปรับอากาศตามศูนย์พักพิงชั่วคราวของคนเร่ร่อน ซึ่งบ่อยครั้งมักอาศัยอยู่ตามเพิงต่างๆที่ไม่มีหน้าต่าง

    นักพยากรณ์อากาศบอกว่ามีความหวังแค่เล็กน้อยที่อุณหภูมิทางภาคเหนือของอินเดียจะทุเลาลงอย่างทันที "เราคิดว่าสภาพอากาศคลื่นความร้อนนี้จะคงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 4 หรือ 5 วัน ก่อนค่อยๆดีขึ้น" ผู้อำนวยการกรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียบอก

    อินเดียประกาศภัยคลื่นความร้อนเมื่ออุณหภูมิสูงสุดแตะระดับ 45 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยปีก่อนๆของแต่ละพื้นที่ 5 องศาเซลเซียส ขณะที่สำนักข่าวเพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดีย รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในรัฐโอริสสา ทางภาคตะวันออกของประเทศ 43 รายและอีก 13 คนในรัฐเบงกอลตะวันตกที่อยู่ติดกัน

    นอกจากนี้แล้วยังพบผู้เสียชีวิตอีก 2 คนในรัฐมหาราษฎระ ท่ามกลางคำเตือนของเจ้าหน้าที่ว่าสภาพอากาศอาจจะไม่ดีขึ้นจนกว่าฤดูมรสุมจะมาถึงในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้พยากรณ์กันว่าฤดูมรสุมจะเริ่มเล่นงานรัฐเกรละในวันที่ 30 พฤษภาคม ก่อนเคลื่อนตัวไปทัวประเทศ แต่มันอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ กว่าที่ฝนที่มาพร้อมกับอากาศเย็นจะไปถึงที่ราบอันแห้งแล้งของอินเดีย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060957
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    28. วาระโลกใหม่ของปีเสียงแตร (Year of Jubilee)
    หนังสือ The China Dream เขียนโดยนายพลLiu Mingfu นักยุทธศาสตร์ทางทหารของจีนได้สร้างความฮือฮาในแวดวงวิชาการอย่างมากเมื่อได้รับการตีพิมพ์ออกมาเป็นภาษาจีนในปี2013 โดยที่เนื้อหาที่สำคัญที่สุดระบุว่าอิทธิพลหรืออำนาจของสหรัฐบนโลกใบนี้กำลังจะสิ้นสุดลงไปแล้ว ภายในปี2030 เศรษฐกิจของจีนจะมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐในทุกมิติ และจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลกแทน จีนจะยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนที่เคยเป็นมหาอำนาจโลกในปีคศ 1500
    The China Dreamเพิ่งจะได้รับการตีพิมพ์ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษในปีเสียงแตรนี้
    นายพลหลิวเขียนเอาไว้ว่าสหรัฐต้องหาทางที่จะอยู่ร่วมกับอำนาจที่เพิ่มขึ้นของจีน เพราะว่านโยบายการปิดล้อมจีนจะใช้ไม่ได้ผล ถ้าหากว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากอินเดีย
    จะเห็นได้ว่านโยบายของจีนในช่วงที่ผ่านมาต้องเอาอกเอาใจอินเดียเป็นพิเศษเพราะว่าถ้าอินเดียไปเข้าข้างสหรัฐจีนจะลำบากเพราะว่าจะโดนปิดล้อมในมหาสมุทรอินเดีย ส่วนสหรัฐก็จีบอินเดียยกยอปอปั้นทุกอย่างเพื่อดึงอินเดียออกจากพันธมิตรBRICS หรือค่ายตะวันออกให้ได้ ทำให้อินเดียอยู่ในฐานะที่เป็นตาอยู่
    เมื่อเร็วๆนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงต้อนรับการเยือนจีนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีนาเรนทรา โมดีของอินเดียอย่างเอิกเกริกผ่านพิธีการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองย้อนยุคราชวงศ์ถังที่ทำการค้าแผ่ขยายอำนาจไปทิศตะวันตกผ่านเส้นทางสายไหม ทำให้จีนเป็นมหาอำนาจ
    จีนต้องการส่งสัญญานให้อินเดียรู้ว่า จีนกำลังจะเริ่มบุกเบิกเส้นทางสายไหมของศตวรรษที่21ใหม่ และต้องการเชื้อเชิญให้อินเดียเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง อินเดียจะร่วมขบวนคาราวานด้วยหรือไม่ให้คิดดูดีๆ
    กลับมีที่หนังสือThe China Dream นายพลหลิวเขียนว่า ในที่สุดแล้วสหรัฐต้องค่อยๆยอมสละอำนาจให้จีน เหมือนกับที่อังกฤษยอมสละอำนาจให้สหรัฐหลังปีคศ1900 สหรัฐและจีนต้องแบ่งอำนาจกันในการปกครองโลกด้วยคุณธรรม
    นายพลหลิวบอกว่าจีนไม่มีความทะเยอทะยานที่จะยึดครองที่ดินเพิ่ม และจะไม่ทำเช่นนั้น เพราะว่าจีนไม่เคยรุกรานประเทศอื่น และตลอดระยะเวลา65ปี ระหว่างปีคศ1840-1905 จีนถูกการรุกรานจากภายนอกถึง470ครั้ง โดยกองทัพจากตะวันตกและญี่ปุ่น นายพลหลิวอัดญี่ปุ่นไม่ยั้งเหมือนนักวิชาการจีนทุกคนที่จงเกลียดสงชังญี่ปุ่นมากที่กระทำการที่โหดร้ายกับจีนในช่วงสงคราม
    คำถามคือสหรัฐจะรับข้อเสนอของจีนหรือไม่เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยที่สหรัฐต้องยอมแบ่งอำนาจให้จีนและปกครองโลกร่วมกัน
    คำตอบก็เห็นชัดเจนอยู่แล้วจากการที่นายขี้เถ้า คาร์เตอร์ รมวกลาโหมของสหรัฐที่กำลังส่งกองทัพเรือและกองทัพอากาศเข้ามาในทะเลจีนใต้ในปีเสียงแตรเพื่อสกัดการผงาดของจีนในเอเซีย การปะทะกันเล็กน้อยๆได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ไม่มีการออกข่าวกันเพราะว่าสหรัฐส่งโดรนและเครื่องบินสอดแนมเข้าทะเลจีนใต้ในบริเวณที่จีนบอกว่าเป็นดินแดนของจีน
    ดูเหมือนว่าการเผชิญหน้ากันทางทหารระหว่างสหรัฐและจีนในปีเสียงแตรไม่สามารถจะเลี่ยงได้แล้ว เพราะว่าสหรัฐยอมไม่ได้่ที่จะถูกจีนบดบังรัศมีในศตวรรษที่21 ถ้าจีนต้องการเป็นใหญ่ ให้ฝันไปเถอะ หรือเป็นแค่China Dreamเท่านั้น
    thanong
    29/5/2015
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    29. วาระโลกใหม่ของปีเสียงแตร (Year of Jubilee)
    มีข่าวจากสื่อกระแสทางเลือกว่า มีการใช้ระเบิดนิวตรอนที่เยเมนแล้ว เพื่อเป็นการทดลองก่อนว่ามีประสิทธิภาพในการทำลายล้างมากเพียงใด ก่อนที่จะเอามาใช้กับคู่ต่่อสู้ตัวจริง
    ภาพดอกเห็ดออกมาเป็นหนังตัวอย่างให้เห็นแล้วในปีเสียงแตร
    ไม่อยากจะกล่าวหาว่าใครเป็นคนใช้ระเบิดนิวตรอน รู้ๆกันอยู่
    ขอจบซีรี่ส์ปีเสียงแตรแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
    thanong
    29/5/2015
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บทบาทของ “ประเทศจิบูตี” ในสงครามเยเมน – ศูนย์ความมั่นคงของอิสราเอลในจงอยแอฟริกา (ตอนที่ 1) เรื่องเด่นประเด็นร้อนby อิบรอฮีม อาแว - พ.ค. 28, 2015

    [​IMG]
    @แผนที่ ประเทศจิบูตี

    จิบูตี ชาติเล็กๆ แต่เป็นภูมิศาสตร์สำคัญ และเป็นแหล่งของหน่วยงานความมั่นคงของอิสราเอลในจงอยแอฟริกา
    ประเทศจิบูตี ตั้งอยู่บนภูมิภาคที่สำคัญ ติดกับอ่าวยุทธ์ศาสตร์ มับเดบ จึงเป็นที่จับตามองและเป็นที่ปรากฏตัวของทหารจากชาติต่างๆ ในตะวันตก โดยเฉพาะอิสราเอลถือเป็นตัวหลักที่มีการเคลื่อนไหวในประเทศนี้

    การเริ่มต้นสงคราม และการบุกโจมตีเยเมนโดยซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรนั้น นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง ถือว่า มันเป็นสงครามที่ซาอุดิอาระเบีย อเมริกาและอิสราเอล ได้สร้างขึ้นเพื่อโจมตีและทำลายกลุ่มอันศอรุลลอฮ์เยเมน ทำให้ชาวเยเมนต้องอพยพลี้ภัย และจำนวนนับพันๆ คนได้อพยพยัง อ่าวมันเดบ นั่นหมายถึง จิบูตี นั่นเอง

    จิบูตี เป็นชาติเล็กๆ ชาติหนึ่ง แต่เป็นภูมิศาสตร์ที่สำคัญ เป็นแหล่งหน่วยงานความมั่นคงของทหารอเมริกา อิสราเอล อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ในจงอยแอฟริกา ประเทศที่เพิ่งจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากเรือบรรเทาทุกข์ “ชาฮีด” ของอิหร่านที่จะช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเยเมน ต้องเข้าไปจอดที่ พอร์ต จิบูตี

    รายงานชิ้นนี้แบ่งเป็นสองตอน ตอนที่หนึ่ง จะพิจารณา การปรากฏตัวและการเข้ามาของอิสราเอลในประเทศจิบูตี และตอนที่สอง บทบาทของจิบูตีและอิสราเอลต่อสงครามในเยเมน

    หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และสงครามครั้งที่สองในอ่าวเปอร์เซียกับอิรัก สถิติการปรากฏตัวและการเข้ามาของทหารจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา ในตะวันออกลางนั้นมีอัตราเพิ่มมากขึ้น ฐานที่มั่นต่างๆ ในอ่าวเปอร์เซีย อ่าวเอเดน ทะเลอินเดีย และทะเลแดง เต็มไปด้วยเรือรบและกองกำลังทหารของอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส
    ทว่า เขตพื้นที่ต่างๆที่กล่าวมานั้นเป็นที่รับรู้มากันอย่างแพร่หลาย แต่สำหรับประเทศเล็กๆ เช่น จิบูตี แม้นว่าจะเป็นประเทศเล็กๆที่ไม่มีทรัพยากรที่สำคัญแล้ว แต่ทว่าเป็นประเทศที่มีภูมิศาสตร์สำคัญ ซึ่งไม่พ้นจากการถูกจ้องมองจากชาติต่างๆในตะวันตกได้ ซึ่งเราจะชี้ให้เห็นถึงสถิติและยอดจำนวนของทหารจากตะวันตกที่อาศัยและปักหลักอยู่ในประเทศนี้

    เหลียวมอง จิบูติผ่านภูมิศาสตร์และภูมิประเทศ

    จิบูตี มีพื้นที่ 23,200 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ชายฝั่งทะเล 314 กิโลเมตร มีประชากร 906,112 คน เป็นนครรัฐในแอฟริกาตะวันออกในภูมิภาคจงอยแอฟริกา

    จิบูตีมีอาณาเขตทางเหนือจดประเทศเอริเทรีย ทางตะวันตกและใต้จดเอธิโอเปีย ทางตะวันออกเฉียงใต้จดโซมาเลีย อาณาเขตส่วนที่เหลือคือชายฝั่งทะเลแดงและอ่าวเอเดน ในอีกด้านของทะเลแดงคือคาบสมุทรอาหรับในส่วนของประเทศเยเมน ห่างจากฝั่งของจิบูตี 20 กิโลเมตร

    อาณาเขตที่ติด อ่าวเอเดน ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอที่จะชี้ถึงความสำคัญของประเทศเล็กๆแห่งนี้ เนื่องจากอ่าวเอเดนเป็นเส้นเดินเรือที่สำคัญเพราะเป็นทางผ่านจากทะเลอาหรับไปทะเลแดงและเข้าสู่คลองสุเอซ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธ์ศาสตร์หนึ่งที่สำคัญสำหรับอียิปต์ โดยเฉพาะอิสราเอล เนื่องจากประสบการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สมัยสงคราม 6 วัน กับชาติอาหรับ ในปี 1967 เยเมนได้ร่วมมือ “ญะมาล อับดุน นาเซร” ทำการปิดอ่าวเอเดน เพื่อสกัดเรือสินค้าต่างๆที่มีปลายทางยังอิสราเอล และหลังจากนั้นอิสราเอลจึงคิดหาวิธีในการควบคุมอ่าวเอเดนในเวลาต่อมา

    ในด้านการขนส่ง ถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสินค้า (น้ำมันและ ก๊าส) เป็นเขตพื้นที่ยุทธ์ศาสตร์เช่นกันสำหรับซาอุดีอาระเบีย อเมริกาและชาติตะวันตก เป็นที่ยอมรับและเชื่อกันว่า ผลประโยชน์ของอเมริกาและยุโรปขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของเขตพื้นที่ยุทธ์ศาสตร์ในอ่าวเอเดนและทะเลแดง สำหรับซาอุดิอาระเบียก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะหากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในอ่าวเอเดนแล้ว มันก็จะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งพลังงานเหล่านี้สู่ตะวันตก อย่างแน่นอน

    ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงความสำคัญด้านยุทธ์ศาสตร์ของอ่าวเอเดนแล้ว จิบูตีก็ย่อมมีความสำคัญไม่น้อย เพราะอานาเขตพื้นที่ของประเทศก็ติดกับอ่าวเอเดนเช่นกัน

    ด้วยเหตุนี้ทางอิสราเอลจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อจิบูตี

    นายพล “Shay Afytay” อดีตผู้บัญชาการทหารชายแดนอิสราเอล เผยว่า การปรากฏตัวของทหารอิสราเอลยังจิบูตี มีในรูปลักษณะดังนี้

    1 ส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์รุ่นที่สามและเรือดำน้ำของอังกฤษ

    2 ส่งเรือรบสามลำ รุ่น sar 5 โดยส่งจาก “ไฮฟา” สู่ “พอร์ต “อัสดูด” ผ่านคลอง สุเอซ และเข้าไปยังจิบูตี

    3 ส่งรถขนส่งรถถังและอุปกรณ์ทางทหารสามลำ

    4 ส่งเครื่องบินอากาศยานไร้พลขับ รุ่น RQ และ Ziff 5 ลำ

    นอกจากนั้นตามรายงานของแหล่งข่าว “Alnatvr” ทางหน่วยข่าวกรองทหารชายแดนอิสราเอล เผยว่า เรือดำน้ำสองลำ เรือรบที่บรรทุกขีปนาวุธ 15 ลำ และเครื่องบินรบ F-16 หลายลำ ตั้งอยู่ในฐานทัพ “มอบบาซา” เคนยา เพื่อทำการควบคุมประเทศจิบูตี

    มีการลงนามข้อตกลงด้านความมั่นคงระหว่างอิสราเอลกับจิบูตี ในปี 2010 โดยมีอเมริกาเป็นตัวกลาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล เป็นผู้ลงมือเซ็นข้อตกลงดังกล่าว ในสมัยที่เดินทางเยือนจิบูตี เมื่อปี 2010

    ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ทหาร Markhvt ” ในเดือนพฤศจิกายน 2011 เผยว่า หลังการเซ็นสัญญาข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ทางทหารอิสราเอลสามารถส่งทหารเข้าไปในจิบูตี ดังนี้

    1 ส่ง เรือรบและเรือลาดตระเวนรุนใหม่ รุ่น “Sober Dfvra” 5 ลำ

    2 ส่งเครื่องบินรบ F-16 (ไม่ได้ระบุจำนวน)

    3 ส่งหน่วยคอมมาโดพิเศษ 200 นาย

    ดังนั้นจึงเข้าใจแล้วว่า จิบูตี กลายเป็นศูนย์กลางทหารของอิสราเอลในทะเลแดงและอ่าวเอเดน และนอกจากนี้จะเห็นสายลับและผู้เชี่ยวชาญของอิสราเอลจำนวนมากอาศัยในจิบูตี

    ฝรั่งเศส

    จิบูตี เดิมเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ในช่วง พ.ศ. 2405-2443 ทั้งโซมาเลียและเอธิโอเปียต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือจิบูตี การสู้รบของกลุ่มชนเชื้อสายเอธิโอเปียกับโซมาเลียมีมาอย่างต่อเนื่องจนจิบูตีได้รับเอกราชเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2520 ปัจจุบันยังมีกองทหารฝรั่งเศสอยู่ในจิบูตี

    ซึ่งกองทหารฝรั่งเศสที่อยู่ในจิบูตี ถือเป็นกองทัพอันดับสามรองลงมาจากอิสราเอล และอเมริกา

    หลังสงครามอ่าวครั้งที่สอง ฝรั่งเศสและจิบูตี ได้ลงนามข้อตกลงในการสร้างฐานทัพ “ลาโมนีเนีย” ในประเทศจิบูตีอีกด้วย

    อเมริกา

    หลังสงครามอ่าวครั้งที่สอง และเหตุการณ์บุกโจมตีอิรัก ปี 2003 อเมริกาได้ใช้ฐานทัพจิบูตีปฏิบัติการทั้งทางทะเลและอากาศ

    หากพิจารณาจากประเด็นที่กล่าวมาเบื้องต้น จะเข้าใจว่า แม้นว่าจิบูตีไม่ใช่ประเทศที่อุดมสมบูรณ์และมีทรัพยากรธรรมอันมากมายมหาศาล แต่เป็นประเทศที่มีภูมิศาสตร์ที่สำคัญอย่างสูง ที่หลายชาติเข้าไปมีบทบาทเพื่อสามารถควบคุมเขตพื้นที่ในภูมิภาคอ่าวและใช้จิบูตีเป็นประตูแห่งการควบคุม โดยเฉพาะเขตพื้นที่ที่ติดกับอ่าวเอเดน ซึ่งมันเชื่อมติดกับทะเลแดง จากนั้นติดกับพอร์ต “ EILAT ซึ่งย่อมเป็นจุดสำคัญมากเป็นพิเศษสำหรับอิสราเอล……..



    فارس گزارش می‌دهد/«جیبوتی، اسرائیل، یمن- بخش 1» جیبوتی، کوچک اما راهبردی؛ لانه اطلاعاتی اسرائیل در شاخ آفریقا

    บทบาทของ “ประเทศจิบูตี” ในสงครามเยเมน – ศูนย์ความมั่นคงของอิสราเอลในจงอยแอฟริกา (ตอนที่
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีหรือไม่มีข้อตกลงนิวเคลียร์? นั่นคือคำถาม
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 28, 2015

    [​IMG]

    (ภาพ) นายจาวาด ซาริฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน(ขวา) และนายอาลี อัคบาร์ ซาลีฮี หัวหน้าองค์การพลังงานปรมาณิหร่าน พูดคุยกันขณะที่สมาชิกคนอื่นๆ ของคณะร่วมรับฟัง ภายหลังการประชุมกับนายจอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่โรงแรม Beau Rivage Palace ในเมืองโลซาน
    ขณะที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ (นีโอคอน) กำลังดำเนินการเพื่อทำลายข้อตกลงนิวเคลียร์ชั่วคราวของอิหร่าน ประธานาธิบดีโอบาม่าของสหรัฐฯ จะต้องปรับปรุงนโยบายของอเมริกาเสียใหม่ หรือไม่ก็ยอมแพ้ต่อการหว่านล้อมของอิสราเอลและความหวาดระแวงกลัวมุสลิมชีอะฮ์ของซาอุดิอารเบีย

    ถ้าหลายเดือนแห่งการรวมตัวกันทางการเมืองอย่างเหนียวแน่นจะได้ข้อสรุปเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้ด้วยการยืนยันว่า อิหร่านและกลุ่มประเทศ P5+1 ได้บรรลุกรอบข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นข้อโต้เถียงกันมากที่สุดในรอบสามทศวรรษที่ผ่านมา เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน ปรากฏว่าความผ่อนคลายทางการทูตเช่นนั้นอาจจะเป็นการเริ่มต้นนำสู่ความขัดแย้งทางการเมืองที่อันตราย

    ถ้าจะมีความพยายามในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านไม่จำเป็นจะต้องเป็นหัวข้อหลักของการถกเถียงกันในเวทีระดับนานาชาติแล้ว การที่อิสราเอลจะใช้สงครามนีโอคอนกับสาธารณรัฐอิสลามก็เสี่ยงที่จะผลักดันโลกเข้าสู่ความขัดแย้งที่ยืดยาวอีกครั้งหนึ่ง เป็นความขัดแย้งทั่วโลก

    ด้วยไฟสงครามที่กำลังลุกโชนอยู่ในภูมิภาค MENA หรือ ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ การล้มลงของโดมิโน่อีกตัวหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่มากเกินกว่าที่โลกจะรับได้ จากจุดยืนทางภูมิยุทธศาสตร์ที่จะทำสงครามกับอิหร่าน ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับนักค้าสงครามตัวยงจากเทลอาวีฟ มีแนวโน้มที่จะบีบให้มหาอำนาจตะวันตกและพันธมิตรชาติอาหรับของเขาใช้กำลังทางทหารมากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือไหว ต้องไม่ลืมว่าสหรัฐฯ ได้ใช้กองทหารและทรัพยากรไปแล้วในอัฟกานิสถาน, ลิเบีย, ปากีสถาน, เยเมน, ซีเรีย, อิรัก และยูเครน อเมริกาที่ยิ่งใหญ่จะสามารถแผ่ออกไปได้จริงๆ อีกไกลแค่ไหน?

    ไม่ว่าสหรัฐฯ จะคิดว่าตนเองมีความยิ่งใหญ่แค่ไหน และไม่ว่าสหรัฐฯ จะคิดว่าพันธมิตรของตนมีความแข็งแกร่งปานใดก็ตาม วอชิงตันก็ยังไม่ชนะสงคราม การอ้างชัยชนะอย่างที่จอร์จ ดับเบิลยู บุชเคยทำในอิรักเมื่อ 1 พฤษภาคม 2003 ก็ไม่ได้ทำให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ และแม้ว่าอเมริกาจะมีความสุขกับแสงสุกใสแห่งอำนาจทางทหารของตนที่มีเหนือ “ศัตรูชาวอิรัก” แต่ความสุขของมันก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ เมื่อความเป็นจริงเข้ามาเคาะประตูอย่างรวดเร็ว และแม้ว่าการเริ่มต้นสงครามดูเหมือนจะเป็นงานที่ง่ายพอสำหรับนีโอคอนอเมริกา แต่ที่จริงแล้ว ศิลปะแห่งสันติวิธีต่างหากที่ชาติกระหายสงครามนี้ทำไม่สำเร็จมาจนถึงขณะนี้

    แต่กลับไปที่เรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

    เป็นความประหลาดใจของพวกขี้ระแวงทั้งหลาย อิหร่านและกลุ่มประเทศ P5+1 ได้บรรลุข้อตกลงหนึ่งแล้ว เป็นข้อตกลงที่พิสูจน์ให้เห็นจริงตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันไว้ว่า เตหะรานสนใจวิธีทางการทูตมากกว่าที่พวกชอบใส่ร้ายให้ความเชื่อถือ ความยินยอมของอิหร่านได้พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่อิหร่านที่จะมีส่วนร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ และบูรณาการกลับไปสู่การเมืองระหว่างประเทศสายหลัก

    ดังที่กาเรธ พอร์เตอร์ ได้เขียนไว้ในรายงานของ Counter Punch เดือนเมษายนนี้ว่า “กรอบข้อตกลงที่ได้บรรลุกันเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (2 เมษายน 2015) ทำให้ P5+1 ได้ข้อจำกัดเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างชัดเจน ที่น่าจะทำให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจได้ยกเว้นฝ่ายตรงข้ามทางการทูตที่ก้าวร้าวมากที่สุด”

    และถึงแม้ว่าอิหร่านจะให้ความมั่นใจทุกอย่างแล้วว่ารัฐบาลของตนจะไม่พยายามใช้โครงการนิวเคลียร์ไปในการผลิตอาวุธ แต่การยินยอมมากเท่าไหร่ก็ยังไม่เพียงพอหรือไม่ชัดเจนพอที่จะระงับความหวาดกลัวของวอชิงตันที่มีต่อ “ซาตานตัวใหญ่” ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซาอุดี้ฯ และอิสราเอลพูดอะไรในเรื่องนั้น

    ขณะที่หมึกของกรองข้อตกลงนิวเคลียร์นี้ยังรอให้แห้งอยู่ ทั้งนักหว่านล้อมอิสราเอลผู้ทรงอิทธิพล และปีโตรดอลล่าร์ของอัล-ซาอูด ยังคงทำงานอย่างหนักต่อไป ด้วยการบอกกับโลกว่าข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านจะเป็นความหายนะขนาดไหน

    ด้วยการไปเยือนสภาคองเกรสของสหรัฐฯ หนึ่งครั้ง และถ้อยคำที่เลือกสรรแล้วไม่กี่คำที่ใช้กับศัตรูตัวฉกาจน์ของมัน ดูเหมือนว่าอิสราเอลจะพึงพอใจที่ได้ขันประแจเข้าไปในข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ยังไม่มีการวางหลักเกณฑ์และการลงนามเลย
    ขณะที่นายยูวาล สไตนิตซ์ รัฐมนตรีข่าวกรองและยุทธศาสตร์ของอิสราเอล ได้บอกกับชาวโลกเมื่อ 6 เมษายนว่า อิสราเอลจะพยายามโน้มน้าวให้ P5+1 “ไม่ลงนามในข้อตกลงชั่วร้ายนี้ หรืออย่างน้อยก็จะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขมัน”
    นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลก็สะท้อนเสียงของรัฐมนตรีของเขาเช่นกัน โดยตัดสินใจว่า ในเมื่ออิหร่านแสดงตัวเป็นภัยคุกคามต่อการมีอยู่ของอิสราเอล อเมริกาก็น่าจะเลิกใช้วิธีทางการทูตทั้งหมดและหันมาลั่นกลองรบแทน และเราไม่ต้องการจะรู้จริงๆ ว่าทำไม แค่รู้ว่ามันเป็นเช่นนั้น ถ้าหากการชักจูงของเนทันยาฮูไม่ได้โน้มน้าวจิตใจที่ว่างเปล่าของคุณให้เชื่อในความชั่วร้ายของอิหร่านในปี 2012 ก็ไม่มีอะไรจะทำได้แล้ว

    ขณะเดียวกันกับที่นักหว่านล้อมของอิสราเอลบุกผ่านห้องทำงานรูปไข่ ต้อนประธานาธิบดีบารัก โอบาม่าของสหรัฐฯ เข้ามุมเพื่อไม่ให้ใช้อำนาจในสภาคองเกรส ซาอุดิอารเบียก็ได้ประกาศสงครามกับเยเมน เพิ่มความซับซ้อนเข้ามาอีกชั้นหนึ่งในตาข่ายความยุ่งยากของพันธมิตรที่ยิ่งกว่าขัดแย้งกันในตะวันออกกลาง จึงเป็นการถักบ่วงอันตรายพันรอบคอของสันติภาพ

    ที่น่าสนใจก็คือ ถ้าสงครามไม่ต้องการการกำกับดูแลจากสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าสันติภาพจะต้องเกิดขึ้น

    เมื่อติดอยู่ระหว่างโขดหินที่บ้านกับพื้นที่ยากลำบากในตะวันออกกลาง ประธานาธิบดีโอบาม่าของสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างหนัก ซึ่งเป็นภาวะที่จะไม่ได้กำหนดตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา แต่กำหนดมรดกของเขา

    ถ้าหากความตึงเครียดล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโอบาม่ากับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเป็นตัวบ่งชี้ เราคงจะได้เห็นว่าสูทเสื้อเกราะของนักหว่านล้อมอิสราเอลไม่ได้หนาและมีศักยภาพอย่างที่มันน่าจะเป็น หรือบางที มันแค่ทำให้อเมริกาหมดความอดทน พันธมิตรและผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิสราเอล มหาอำนาจที่ดำเนินการอย่างจริงจังและเกือบจะแต่เพียงผู้เดียวเพื่อให้รัฐยิวได้เกิดขึ้น และช่วยให้มันรอดพ้นจากมรสุมต่างๆ มาตั้งแต่แรกถือกำเนิดขึ้นในปี 1948 ออกเสียงคัดค้าน(วีโต้) มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อจำเป็น ให้การสนับสนุนทางการทหารและเศรษฐกิจเมื่อจำเป็น แสดงบทผู้ชนะทางการเมืองเมื่อจำเป็น อาจจะออกจากสนามไป

    ถ้าอิสราเอลและวาระต่างประเทศของซาอุดิอารเบียจะยืนอยู่ในแนวที่สมบูรณ์แบบอยู่ตอนนี้ ความเดือดดาลของพวกเขาไม่ได้มุ่งมายังกันและกัน แต่มุ่งไปที่อิหร่าน ความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคและผลประโยชน์ทางภูมิยุทธศาสตร์ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้บีบให้สหรัฐฯ ต้องประเมินท่าทีของตนใหม่กับอิหร่านและเสี้ยวที่ลึกลับของชีอะฮ์ที่โลกต้องคอยเฝ้าดูโดยไม่เข้าใจนักว่าทำไม

    ในคำพูดของเจ้าหน้าที่ของเนทันยาฮูเอง เราต้องเชื่อว่าอิสลามสายสุโต่ง การตีความศาสนาอิสลามแบบขัดแย้งและบิดเบือน ซึ่งได้วางตัวอยู่ในขบวนการวะฮาบีของซาอุดิอารเบีย ยังเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าการมองเห็นอิหร่านมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นในโลกอาหรับ ในเดือนกันยายน 2013 ทูตอสราเอลประจำสหรัฐฯ ไมเคิล โอเรน บอกกับหนังสือพิมพ์เยรูซาเล็มโพสต์ว่า อิสราเอลชอบกลุ่มซุนนีหัวรุนแรงมากกว่าอัสซาดและชีอะฮ์ “อันตรายร้ายแรงที่สุดต่ออิสราเอลก็คือเส้นโค้งทางยุทธศาสตร์(ชีอะฮ์) ที่แผ่ขยายมาจากเตหะราน ไปถึงดามัสกัส จนถึงเบรุต และเราเห็นว่ารัฐบาลอัสซาดเป็นเสมือนหินหลักในเส้นโค้งนั้น” โอเรนกล่าวในการให้สัมภาษณ์

    “เราต้องการมาตลอดคือให้บะชัร อัสซาด ออกไป เราชอบคนเลวที่อิหร่านไม่ได้หนุนหลังมากกว่าคนเลวที่อิหร่านหนุนหลัง” เขาบอกว่า แม้กระทั่ง “คนเลว” เหล่านั้นจะมีความสัมพันธ์กับอัล-กออิดะฮ์

    ที่จริงแล้วซาอุดิอารเบียเลือกที่จะกินเท้าของตัวเองมากกว่าที่จะยอมให้อิหร่านที่ชั่วร้ายกลับมามีที่ยืนในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันหมายถึงการยับยั้งอำนาจในการเรียกร้องการปฏิรูปประชาธิปไตยในประเทศอ่าวที่ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ บาห์เรนถือเป็นเรือธงสำหรับความปรารถนาการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น

    ทำไม ในเมื่อคุณสามารถทำสงครามไร้สติเพื่ออ้างสิทธิ์อำนาจปกครองของคุณได้?

    ข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นมากกว่าแค่ข้อตกลงนิวเคลียร์ ถ้ามีการลงนาม ข้อตกลงนี้จะกลายเป็นรากฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการเป็นพันธมิตรในวงกว้าง เป็นเวลาที่สหรัฐฯ เลือกที่จะเห็นแก่ประโยชน์ของชาติตนมากกว่าของเทลอาวีฟและมากกว่าเงินหลายพันล้านของริยาด ในเมื่ออิสราเอลข่มสหรัฐฯ มานานหลายสิบปี และซาอุดิอารเบียก็ซื้อนโยบายของตนมาหลายทศวรรษ

    เมื่อไม่มีอะไรเหลือให้สูญเสียอีกแล้วนอกจากชื่อเสียงที่ดีงามและมรดกของเขา ประธานาธิบดีโอบาม่าก็สามารถที่จะเป็นผู้ฝ่าวงล้อมที่ทำลายตัวเอง และบูรณาการนโยบายต่างประเทศของอเมริกาเสียใหม่

    และมันไม่ใช่ความคิดพ้อฝันที่จะทำให้อเมริกาเกิดเข้าใจเพื่อที่จะสร้างสันติภาพกับอิหร่าน ในด้านเศรษฐกิจ, ด้านการเมือง และในด้านความมั่นคงทางพลังงานและการต่อต้านการก่อการร้ายนั้น อิหร่านสามารถที่จะเป็นพันธมิตรที่มีประโยชน์และมีศักยภาพมากกว่าซาอุดิอารเบีย ต้องไม่ลืมว่า รอยนิ้วมือของริยาดมีอยู่บนอัล-กออิดะฮ์, ไอซิซ และการก่อการร้ายใดก็ตามที่พวกหัวรุนแรงได้สร้างไว้ในสมัยนั้น วอชิงตันอาจต้องการพิจารณาพันธมิตรอีกชาติหนึ่งในการต่อสู้กับกลุ่มแนวคิดสุดโต่ง

    เรื่องของเรื่องก็คือ อเมริกาต้องการความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่มันจำเป็นต้องมีในตอนนี้ก็คือการควบคุมความกล้าหาญแห่งความปรารถนาของตน

    อเมริกาคือมหาอำนาจที่กำลังหมดความสามารถ และที่สำคัญกว่านั้นคือกำลังหมดจุดยืนในโลกนี้ ข้อยกเว้นพิเศษของอเมริกาอยู่บนขาข้างสุดท้ายของมัน ความสองมาตรฐานที่มากเกินไป, ความไม่ลงรอยในหมู่พันธมิตรที่มากเกินไป, การพูดบิดเบือนมากเกินไป และการพูดสองแง่มากเกินไป อเมริกาจำเป็นต้องมีข้อตกลง

    และแม้ว่าเส้นตายเดือนกรกฎาคมจะดูเหมือนว่ายังห่างไกลอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสงครามในเยเมนได้เข้ามาดึงเชือกทางการทูตที่ขึงตึงอยู่แล้ว แต่การไม่ลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์คงจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่าความกวนใจจากอิสราเอลและซาอุดิอารเบีย

    เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของการถกเถียงกัน ทำไมจึงไม่ขอให้อิสราเอลแสดงให้โลกเห็นถึงมารยาทในการปฏิบัติสิ่งที่มันพร่ำสอนเกี่ยวกับความโปร่งใสด้านนิวเคลียร์ นั่นคงจะเป็นข้อตกลงนิวเคลียร์แห่งศตวรรษเลยทีเดียว!



    —-
    By Catherine Shakdam for RT.
    Source Nuclear deal or no nuclear deal? That is the question — RT Op-Edge

    แปล/เรียบเรียง กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์
    มีหรือไม่มีข้อตกลงนิวเคลียร์? นั่นคือคำถาม | abnewstoday
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศาลปกครองสูงสุดตุรกี ชี้ ทำเนียบรัฐบาลของ “อัรดูฆอน” 615 ล้านดอลลาร์ ผิดกฎหมาย ยุโรปby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 28, 2015

    [​IMG]
    แฟ้มภาพของทำเนียบประธานาธิบดีตุรกี

    presstv – ศาลปกครองสูงสุดตุรกี เปิดเผยว่า การสร้าง ทำเนียบนายกรัฐมนตรี 615 ล้านดอลลาร์ ของอัรดูฆอน เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย

    สำนักข่าว UPI รายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา 27 ศาลปกครองสูงสุดเขตห้าอังการา ออกมายกเลิก ใบอนุญาตในการสร้าง “ทำเนียบขาว” (Qsray) บนที่ดินสาธารณะประโยชน์ที่ออกให้ก่อนหน้านี้ ซึ่งในปีที่แล้ว อัรดูฆอนได้ย้ายสถานที่ใหม่ที่ห้องทำงานจำนวน 1150 ห้อง

    ทำเนียบแห่งนี้ สร้างขึ้นในพื้นที่ 300,000 ตารางเมตร บนในที่สาธารณะประโยชน์ ที่เรียกว่า เขตพื้นที่รักษาป่า Ataturk

    สมาคมสถาปนิกของตุรกี ออกแถลงการณ์ ว่า การออกคำสั่งให้สร้างทำเนียบรัฐบาลดังกล่าว เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
    สมาคมกล่าวในการแถลงการณ์ดังกล่าว ว่า แผนการก่อสร้าง การตัดสินใจของคณะกรรมการของการป้องกันและการออกใบอนุญาตที่ช่วยให้การก่อสร้างเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ขณะนี้และหลังจากนี้คำตัดสินนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างสมบูรณ์

    ในระหว่างการก่อสร้างทำเนียบ ได้มีการยกข้อกฎหมายหลายฉบับที่ถูกต้อง ว่า กำลังดำเนินการก่อสร้างทำเนียบรัฐบาลบนที่ดินสาธารณะประโยชน์

    นอกจากทำเนียบรับบาลแล้ว บนพื้นที่ดังกล่าวยังมีการสร้างศูนย์วัฒนธรรม ที่พักของประธานาธิบดีและอาคารอื่น ๆ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าคำตัดสินล่าสุดของศาลปกครองสูงสุด มันครอบคลุมสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ด้วยหรือไม่ ขณะที่ สำนักงานนายกรัฐมนตรีได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

    ในขณะที่งบประมาณค่าใช้จ่ายในการสร้าง เพิ่มขึ้นจากเดิม ราว 135,000,000 ดอลลาร์ ทำให้ฝ่ายค้านโกรธแค้นอัรดูฆอนอย่างมาก

    ตามรายงานหนังสือพิมพ์ตุรกีวันนี้ ในปีที่ผ่านมา ศาลในประเทศมีคำสั่งให้หยุดและระงับการก่อสร้างทำเนียบนี้ แต่ อัรดูฆอน นายกรัฐมนตรีท้าทายคำสั่งของศาลปกครอง และกล่าวว่า “. ถ้าพวกเขามีอำนาจจริง ก็มารื้อถอนดูสิ “

    ศาลปกครองสูงสุดตุรกี ชี้ ทำเนียบรัฐบาลของ “อัรดูฆอน” 615 ล้านดอลลาร์ ผิดกฎหมาย | abnewstoday
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลังจาก ฮิวแมนไรท์วอทช์ ก็ยูเอ็น แล้วก็ตามมาด้วยสหรัฐ

    สหรัฐเผยจะไม่เลือกแบล็ตเตอร์นั่งประธานฟีฟ่าอีกสมัย
    Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/05/29 9:08 AM

    [​IMG]

    ลอสแอนเจลิส 29 พ.ค.- นายซูนิล กูลาตี ประธานสหพันธ์ฟุตบอลสหรัฐเผยว่า จะไม่ลงคะแนนเลือกนายเซปป์ แบล็ตเตอร์นั่งตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) อีกสมัย แต่จะลงคะแนนให้เจ้าชายอาลี บิน อัล ฮุสเซนแห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียว

    นายกูลาตีซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารฟีฟ่าทวีตเมื่อวันพฤหัสบดีก่อนที่จะมีการลงคะแนนเลือกประธานฟีฟ่าคนใหม่ในวันนี้ที่เมืองซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ เขาระบุด้วยว่า จะเป็นการลงคะแนนเพื่อธรรมาภิบาลและคำมั่นสัญญาให้แก่การแข่งขันฟุตบอล ส่วนในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ นายกูลาตีกล่าวว่า ตอนแรกตกใจและผิดหวังเมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่และผู้บริหารการตลาดรวม 14 คนถูกทางการสหรัฐตั้งข้อหากรรโชก ฉ้อโกงผ่านระบบธนาคารและฟอกเงิน จากนั้นก็กลายเป็นความรู้สึกโกรธและมั่นใจในสิ่งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะลงคะแนนให้แก่ผู้ที่จะขัดขวางไม่ให้นายแบล็ตเตอร์ได้เป็นประธานฟีฟ่าต่อเป็นสมัยที่ 5 แม้ว่าการตัดสินใจนี้อาจทำให้โอกาสของสหรัฐที่จะได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในอนาคตริบหรี่ลงก็ตาม สหรัฐเป็นตัวเก็งว่าจะได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2026 และจะเป็นครั้งแรกที่ภูมิภาคอเมริกาเหนือ อเมริกากลางและแคริบเบียนจะได้เป็นเจ้าภาพในรอบกว่า 30 ปี

    ด้านรัสเซียและกาตาร์ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 และฟีฟ่ายืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงสถานที่จัดการแข่งขันแม้ว่าเจ้าหน้าที่สวิตเซอร์แลนด์สอบสวนเรื่องการทุจริตในกระบวนการตัดสินให้ทั้งสองประเทศได้นี้เป็นเจ้าภาพ.-สำนักข่าวไทย

    สหรัฐเผยจะไม่เลือกแบล็ตเตอร์นั่งประธานฟีฟ่าอีกสมัย | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานสภาโอลิมปิกเอเชียสงสัยเรื่องช่วงเวลาบุกจับเจ้าหน้าที่ฟีฟ่า
    Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/05/29 10:22 AM

    [​IMG]

    ซูริก 29 พ.ค.- ชีค อาหมัด อัล ฟาฮัด อัล ซาบาห์ ประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียตั้งคำถามว่าเหตุใดตำรวจสวิตเซอร์แลนด์จึงบุกจับกุมเจ้าหน้าที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานฟีฟ่าคนใหม่เพียง 2 วัน

    ชีค อาหมัดแห่งคูเวตซึ่งจะเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารฟีฟ่าตั้งแต่วันเสาร์นี้กล่าวว่า ไม่มีใครยอมรับการทุจริตรับสินบน แต่มีความน่าสงสัยว่าเหตุใดจึงมีการจับกุมก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานฟีฟ่าเพียง 2 วัน ทั้งที่สามารถทำได้ก่อนหน้านั้น 6 สัปดาห์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูจงใจราวกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด หลายคนสงสัยแต่ไม่มีใครพูดเพราะเกรงกลัวสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ชีค อาหมัดซึ่งสนับสนุนให้นายเซปป์ แบล็ตเตอร์ เป็นประธานฟีฟ่าต่อเป็นสมัยที่ 5 ในการเลือกตั้งวันนี้ตั้งคำถามว่า หากอังกฤษและสหรัฐได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018 และ 2022 เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ คำถามเหล่านี้จะต้องถูกหยิบยกขึ้นมาเพราะทุกคนมีสิทธิที่จะได้ฟังคำชี้แจง เขาจะถามเรื่องนี้กับที่ประชุมฟีฟ่าและเจ้าหน้าที่สหรัฐ

    ประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียกล่าวด้วยว่า ทุกคนในฟีฟ่ามั่นใจว่านายแบล็ตเตอร์จะได้เป็นประธานฟีฟ่าต่อไป เพียงแต่อาจต้องมีการลงคะแนนสองรอบ ฟีฟ่าจะต้องต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอกในการหยุดยั้งการทุจริต แม้เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่แต่จะต้องจบลงด้วยดี และฟีฟ่าจะต้องอยู่รอดต่อไป.-สำนักข่าวไทย

    ประธานสภาโอลิมปิกเอเชียสงสัยเรื่องช่วงเวลาบุกจับเจ้าหน้าที่ฟีฟ่า | เว็บไซต์สำนักข่าวไ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานสภาโอลิมปิกเอเชียตั้งคำถามได้ดีมากๆ เลยครับ หากอังกฤษและสหรัฐได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018 และ 2022 เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นหรือไม่
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงจับตาธนาคารว่าพัวพันทุจริตฟีฟ่าหรือไม่
    Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/05/28 6:51 PM

    [​IMG]

    ฮ่องกง 28 พ.ค.- ทางการฮ่องกงเผยว่า กำลังจับตาธนาคารในฮ่องกงว่าพัวพันกับการทุจริตในสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) หรือไม่ หลังจากผลการสอบสวนคดีฟอกเงินและรับสินบนในฟีฟ่าพบว่ามีการจ่ายเงินผ่านฮ่องกง

    สำนักงานการเงินฮ่องกงแถลงว่า กำลังติดตามว่ามีธนาคารในฮ่องกงพัวพันด้วยหรือไม่ แต่ไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดเป็นราย ๆ ได้ หลังจากเจ้าหน้าที่สวิตเซอร์แลนด์บุกรวบตัวเจ้าหน้าที่ด้านฟุตบอล 7 คนช่วงเช้ามืดวันพุธตามที่สหรัฐร้องขอ สหรัฐได้ตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่ฟุตบอลและผู้บริหารการตลาดรวม 14 คนว่าคบคิดกันกรรโชก ฉ้อโกงเงินผ่านระบบธนาคารและฟอกเงินเป็นเวลานาน 24 ปีตั้งแต่ปี 2534 โดยได้ใช้เวลาติดตามสืบสวนสอบสวนมาหลายปี

    หัวหน้าแผนกสอบสวนอาชญากรรม สำนักงานสรรพากรสหรัฐเผยว่า เงินหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐถูกซุกซ่อนในบัญชีต่างประเทศในฮ่องกง หมู่เกาะเคย์แมนและสวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุในคำฟ้องว่า มีการโอนเงินจำนวน 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 40.6 ล้านบาท) ให้แก่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งโดยเข้าบัญชีนิรนามที่เปิดไว้กับธนาคารเอชเอสบีซีในฮ่องกง จากนั้นมีการโอนเงิน 2 ครั้งรวม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33.8 ล้านบาท) จากบัญชีในฮ่องกงไปยังบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในนครนิวยอร์กของสหรัฐและต่อไปยังหมู่เกาะเคย์แมนในทะเลแคริบเบียน.-สำนักข่าวไทย

    http://www.tnamcot.com/content/196052
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภูเขาไฟทางตอนใต้ของญี่ปุ่นปะทุ
    Written by: newmedia2015/05/29 10:29 AM

    [​IMG]

    ญี่ปุ่น 29 พ.ค.-ภูเขาไฟชินดาเกะ บนเกาะคูชิโนะเอราบุ บริเวณหมู่เกาะรีวกีวทางภาคใต้ของญี่ปุ่น เกิดการปะทุพ่นเถ้าถ่านออกมาเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่จึงมีคำสั่งให้อพยพผู้คนซึ่งมีอยู่ประมาณ 140 คน ออกจากเกาะ พร้อมทั้งประกาศเตือนภัยระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และหินตะกอนภูเขาไฟไหลออกมาจนถึงชายหาดทางตะวันตกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ สำหรับภูเขาไฟแห่งนี้เคยระเบิดครั้งล่าสุดไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วซึ่งเป็นการระเบิดครั้งแรกนับแต่ปี 2523 เป็นต้นมา.-สำนักข่าวไทย

    ภูเขาไฟทางตอนใต้ของญี่ปุ่นปะทุ | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นประกาศอพยพประชาชนหลังภูเขาไฟปะทุ
    Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/05/29 10:29 AM

    [​IMG]

    โตเกียว 29 พ.ค.- ญี่ปุ่นแจ้งให้ประชาชนอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัยหลังจากภูเขาไฟชินดาเกะบนเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางใต้ของญี่ปุ่นเกิดปะทุขึ้นมาเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น พ่นเถ้าถ่านสีเทา-ดำคล้ายเมฆขนาดใหญ่ขึ้นสู่ท้องฟ้า

    ประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะคูชิโนเออระบุมีอยู่ราว 140 คน และยังไม่มีรายงานความเสียหายและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ สำนักอุตุนิยมวิทยญี่ปุ่นได้ประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยไปที่ระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดของการเตือนภัยจากเหตุภูเขาไฟระเบิด และเตือนด้วยว่า มีความจำเป็นต้องอพยพประชาชนไปยังสถานที่ปลอดภัย หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวในเวลาต่อมาว่า ชาวบ้านที่อยู่บนเกาะราว 100 คน ได้มารวมตัวกันที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว และได้ยินเสียงดังจากการปะทุของภูเขาไฟ ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและกลิ่นกำมะถันเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

    นายโยชิฮิเดะ สุกะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า เหตุภูเขาไฟปะทุขึ้นมาครั้งนี้ยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตแต่อย่างใด และว่า รัฐบาลกำลังรวบรวมข้อมูลและดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่เกาะดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

    ญี่ปุ่นประกาศอพยพประชาชนหลังภูเขาไฟปะทุ | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไอซ์แลนด์ประกาศเลิกใช้กฎหมายแปลกอายุกว่า 400 ปี ที่เปิดทางฆ่าชาวแคว้นบาสก์ได้เสรี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2558 07:50 น. (แก้ไขล่าสุด 29 พฤษภาคม 2558 10:35 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ทางการไอซ์แลนด์ประกาศยกเลิกกฎหมายเก่าแก่อายุกว่า 400 ปีที่ระบุให้มีการ “ฆ่า” ชาวแคว้นบาสก์จากสเปนได้อย่างเสรีทันทีที่พวกบาสก์เดินทางด้วยเรือมาขึ้นฝั่งที่เขตเวสต์ฟยอร์ดส์ของไอซ์แลนด์

    [​IMG]

    รายงานข่าวระบุว่า ทางการท้องถิ่นในเขตเวสต์ฟยอร์ดส์ของไอซ์แลนด์ประกาศยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวที่ถูกตราขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1615

    ข้อมูลระบุว่า ในปีดังกล่าวมีกลุ่มเรือของนักล่าวาฬจากแคว้นบาสก์แล่นมาเกยตื้นที่เมืองสตรานดีร์ ทางเหนือของเขตเวสต์ฟยอร์ดส์ และอารี มักนุสสัน ผู้ปกครองเขตเวสต์ฟยอร์ดส์ในตอนนั้นได้ประกาศให้สามารถเข่นฆ่าชาวแคว้นบาสก์ได้อย่างเสรี จนเป็นเหตุให้มีลูกเรือล่าวาฬจากแคว้นบาสก์ถูกฆ่าตายไปถึง 32 คน

    ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่ากฎหมายที่มีเนื้อหาสุดพิลึกนี้ได้ถูกบังคับใช้ในเขตเวสต์ฟยอร์ดส์มานานหลายร้อยปีโดยไม่เคยมีความพยายามในการแก้ไขหรือยกเลิกอย่างจริงจังมาก่อน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2015
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คูเวตปลดข้าราชการและลูกจ้างสาธารณสุข 3,000 คนสิ้นเดือนนี้ อ้างปรับสมดุลงบประมาณ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2558 04:43 น. (แก้ไขล่าสุด 29 พฤษภาคม 2558 10:40 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - กระทรวงสาธารณสุขคูเวตประกาศปลดข้าราชการและลูกจ้างล็อตใหญ่รวดเดียว 3,000 คน โดยระบุว่าไม่ต้องกลับมาทำงานอีกหลังวันที่ 31 พฤษภาคม

    รายงานของหนังสือพิมพ์รายวัน “อัล-อันบา” ซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุขคูเวตระบุว่าแผนการปลดข้าราชการและลูกจ้างถึง 3,000 คนในคราวเดียวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน “ปรับสมดุล” ด้านงบประมาณของรัฐบาลคูเวต

    ก่อนหน้านี้มีผลการศึกษาซึ่งพบข้อมูลว่า ดินแดนเศรษฐีน้ำมันอย่างคูเวตอาจต้องเผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีในช่วงปี 2016-2017 นี้ หากยังไม่เร่งตัดลดยอดการใช้จ่ายของภาครัฐ และว่าการดิ่งลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกกว่าครึ่งหนึ่งในช่วงที่ผ่านยังส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อรายได้ของรัฐบาลคูเวตที่กว่าร้อยละ 90 มาจากการขายน้ำมัน

    ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการลดกำลังคนของกระทรวงสาธารณสุขคูเวตกว่า 3,000 คนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซึ่งมีฐานเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 660 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 22,290 บาท) และบรรดาลูกจ้างชั่วคราว

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    เรื่องระเบิดนิวตรอนและคลิ๊ปที่ถูกแชร์ไปก่อนหน้านั้น ผู้ที่ออกมาระบุคือ กอร์ดอนดัฟฟ์ และเจฟฟ์ สมิธ นะครับ เป็นนักฟิสิกส์ และอดีต เจ้าหน้าที่ IAEA ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านปรมาณูสากล เป็นคนออกมาให้ข้อมูล ว่าระเบิดที่ถูกใช้ในเยเมนนั้น เป็นชนิดเดียวกันกับ ที่ใช้ในการถล่มตึก WTC เมื่อปี2001 หรือเหตุการณ์9/11 มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงครับ ตามเว็บข้างล่าง
    รับรองครับว่าเรื่องนี้ สื่อตะวันตกและรัฐบาลที่อยู่เบื้องหลัง ยังไงก็ไม่มีการยอมรับ และไม่ยินยอมให้ตรวจสอบ
    Nuclear War has Begun in Yemen | Veterans Today
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/pVgPKxYVxb0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://youtu.be/pVgPKxYVxb0

    วีดีโอจาก เว็บ Nuclear War has Begun in Yemen | Veterans Today ซึ่งผมเข้าไปดูต่อจากโพสของคุณ Chalee Na Roied ซึ่งผมนำมาให้ชมเพราะวีดีโอที่เราดูกันเราเห็นอานุภาพของการระเบิดไม่ชัดจากวีดีโอในชุดก่อนๆ ครับ
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐยังรอไทยไฟเขียวให้เครื่องบินสอดแนมผ่านน่านฟ้า | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „สหรัฐยังรอไทยไฟเขียวให้เครื่องบินสอดแนมผ่านน่านฟ้า ทางการสหรัฐยังคงรอรัฐบาลไทยอนุญาตให้เครื่องบินสอดแนมบินผ่านประเทศ เพื่อร่วมปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือเรือผู้อพยพในทะเลอันดามัน วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2558 เวลา 7:38 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่านายเจฟฟรีย์ ราธเค โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงประจำวันพฤหัสบดี ว่ารัฐบาลวอชิงตันยังคงรอการพิจารณาอนุมัติจากทางการไทย ในการให้เครื่องบินสอดแนม "พี-8 โพไซดอน" ของกองทัพสหรัฐ ซึ่งประจำการอยู่ที่ฐานทัพในเมืองสุบังจายา ริมชายฝั่งทางตะวันตกของมาเลเซีย บินลาดตระเวนผ่านน่านฟ้าและน่านน้ำของไทย เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือเรือผู้อพยพชาวโรฮีนจา ซึ่งยังคงตกค้างอยู่กลางทะเลอันดามันอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ทางการสหรัฐยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทยเพื่อขอรับการพิจารณาอนุญาตในเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบชัดเจน นอกเหนือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงพิจารณาคำร้อง ซึ่งราธเคแสดงความหวังว่า จะได้รับอนุญาตจากทางการไทยในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตาม การสงวนท่าทีเช่นนี้ของรัฐบาลไทยได้รับการวิเคราะห์จากหลายฝ่าย ว่าสะท้อนความขัดแย้งในความสัมพันธ์ทางการทูตและด้านกลาโหมระหว่างรัฐบาลวอชิงตัน กับพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลทหารตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว สืบเนื่องจากการรัฐประหาร และสหรัฐเป็นประเทศแรกที่ประกาศลดระดับความร่วมมือทางทหารบางส่วนกับไทย“

    อ่านต่อที่ : สหรัฐยังรอไทยไฟเขียวให้เครื่องบินสอดแนมผ่านน่านฟ้า | เดลินิวส์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มหาราชาอินเดียองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ | เดลินิวส์

    [​IMG]

    „มหาราชาอินเดียองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ราชวงศ์โวเดยาร์อายุหลายร้อยปีทางตอนใต้ของอินเดียจัดพิธีราชาภิเษกมหาราชาองค์ใหม่ พระชนมายุ23พรรษา จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ โดยมีนักบวช40รูปและแขกระดับเศรษฐีนับพันร่วมพิธี วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2558 เวลา 2:10 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่29พ.ค.ว่า ยาดูวีร์ กฤษณาดาทา ชามาราชา โวเดยาร์ ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็นมหาราชาองค์ที่27ของราชวงศ์โวเดยาร์ ในพระราชวังเมืองไมซอร์ของอินเดีย ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเคยปกครองพื้นที่ทางตอนใต้ของอินเดีย พิธีดังกล่าวจัดขึ้นทั้งหมด2วัน โดยมีนักบวช40รูปและแขกระดับเศรษฐีนับพันคนเข้าร่วมพิธี

    มหาราชาโวเดยาร์พระชนมายุ23พรรษา เพิ่งทรงสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์และภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐ ทรงสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากมหาราชาศรีคันธาดา นาราสีมหาราชา โวเดยาร์ ซึ่งสิ้นพระชนม์จากอาการหัวใจวายเมื่อปี2556ที่ผ่านมา ทั้งนี้มหาราชาศรีคันธาดาทรงไม่มีพระโอรสและพระธิดา และไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบราชบัลลังก์คนต่อไป ดังนั้นมหาราชินีปราโมดา เดวี พระมเหสีของพระองค์จึงขอให้โวเดยาร์ซึ่งเป็นพระราชนัดดา(หลาน)ของมหาราชาคันธาดาขึ้นครองราชย์ต่อ

    ขณะที่มหาราชาโวเดยาร์ทรงให้สัมภาษณ์ผ่านทางช่องโทรทัศน์เอ็นดีทีวีของอินเดียว่า หน้าที่ของพระองค์คือให้ความมั่นใจว่าราชวงศ์ซึ่งเป็นมรดกของเราจะคงอยู่ต่อไป โดยในพิธีพระองค์ทรงสวมผ้าโพกศีรษะทองประดับด้วยอัญมณีประทับบนบัลลังก์ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้

    ราชวงศ์โวเดยาร์ปกครองพื้นที่ทางตอนใต้ของอินเดียมานานเกือบ600ปี ก่อนที่จะตั้งรัฐไมเซอร์ขึ้นและได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นรัฐรัฐกรณาฏกะในปัจจุบัน โดยอำนาจของราชวงศ์ได้ลดทอนลงหลังอินเดียประกาศเอกราชเมื่อปี2490 แต่ยังคงเป็นราชวงศ์ที่มีความมั่งคั่งและได้รับความเคารพนับถือจากประชาชนในพื้นที่อยู่ “

    อ่านต่อที่ : มหาราชาอินเดียองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ | เดลินิวส์
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐดำเนินคดีแก๊งนักศึกษาจีนโกงสอบ | เดลินิวส์

    [​IMG]

    <iframe width="750" height="500" src="https://www.youtube.com/embed/0Fr0ZF_AjOs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    „สหรัฐดำเนินคดีแก๊งนักศึกษาจีนโกงสอบ อัยการสหรัฐดำเนินคดีตามกฎหมายต่อกลุ่มนักศึกษาชาวจีน 15 คน ฐานร่วมมือกันทุจริตการสอบวัดความรู้ทางการศึกษา ซึ่งหากผิดจริงอาจต้องรับโทษจำคุกนานถึง 20 ปี วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2558 เวลา 10:54 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่านายเดวิด ฮิกตัน อัยการเขตเพนซิลเวเนียตะวันตก แถลงเรื่องการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายต่อผู้ต้องสงสัยชาวจีนทั้งชายและหญิงรวม 15 คน อายุระหว่าง 19-26 ปี โดยในจำนวนนี้ 10 คน มีใบอนุญาตพำนักถาวรในสหรัฐ ทั้งในเมืองบอสตัน เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐวิสคอนซิน และรัฐออริกอน ส่วนอีก 3 คนอยู่ในจีนและมีการประสานงานกับรัฐบาลปักกิ่งแล้ว ฐานสมคบคิดกันวางแผนทุจริตการสอบวัดระดับความรู้ทางการศึกษาในสหรัฐ ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน หนึ่งในวิธีการของกลุ่มคนร้าย คือการปลอมหนังสือเดินทางและเอกสารระบุตัวบุคคลเพื่อเข้าสอบแทนกัน ซึ่งการทุจริตเกิดขึ้นทั้งในการสอบวัดระดับความรู้สำหรับเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ( เอสเอที ) และการสอบประเมินทักษะภาษาอังกฤษ ( โทเฟล ) โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนีย และกการติดต่อกันระหว่างผู้ว่าจ้างกับกลุ่มคนร้ายอาศัยช่องทางอินเตอร์เน็ท และใช้บริการจัดส่งเอกสารด่วนข้ามประเทศจัดส่งเอกสารสำหรับการปลอมแปลง ทั้งนี้ หากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริงในคดีฉ้อโกง จำเลยอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุดนานถึง 20 ปี ปรับเป็นเงินอีก 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่ความผิดในคดีปลอมแปลงเอกสารราชการมีบทลงโทษจำคุกสูงสุดที่ 10 ปี ปรับเป็นเงินอีก 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือทั้งจำทั้งปรับ และบทลงโทษสูงสุดในคดีร่วมกับวางแผนก่อเหตุร้ายคือ จำคุก 5 ปี ปรับเป็นเงินอีก 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือทั้งจำทั้งปรับ ( ราว 8.45 ล้านบาท )“

    อ่านต่อที่ : สหรัฐดำเนินคดีแก๊งนักศึกษาจีนโกงสอบ | เดลินิวส์
     

แชร์หน้านี้

Loading...