ติดตามสถานะการณ์

Jeerachart Jongsomchai



... "เตตราด : จันทรคราสสีเลือด 4 ครั้งติดกัน, 28 กันยายน 2015 นี้ = ลางร้ายมหันตภัยเยือนโลก ?"
.
... ช่วงนี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับช่วงประมาณวันที่ 28เดือน กันยายน ปี 2015 นี้ ทั้งเรื่องที่ว่าการที่อเมริกาเตรียม FEMA Camp หรือ เตรียมฝึกซ้อมปฎิบัติการทางทหาร "Jade Helm" อย่างถี่มากขึ้น ว่าก็เพราะเตรียมการรับมือกับเดือน กันยายนนี้ ซึ่งตอนนี้เหตุการณ์ที่บัลติมอร์ก็กำลังคุกรุ่นอาจจะนำไปสู่การประกาศกฏอัยการศึกได้จริงๆ
... บางก็ว่าจะมีอุกาบาตใหญ่ชนโลก หลายคลิปก็เอาออกมา แต่พอไปตรวจสอบแล้วปรากฎว่าเป็นของปีที่แล้วคือ อุกาบาต " 2014 UR116" ขนาด 370 เมตร ที่ทั้งฝั่งอเมริกาและรัสเซียก็บอกตรงกันว่าโอกาศจะชนโลกสูงมาก บริเวณมหาสมุทรแอตแลนติค แต่ท้ายที่สุดก็ผ่านโลกไปอย่างปลอดภัย เมื่อ 21 ตุลาคม 2014 ปีที่แล้ว โดยผ่านห่างโลกไปประมาณ 12,780,000 กิโลเมตร
... อีกเรื่องคือว่า "สันตะปาปาฟรานซิส" แห่งวาติกัน จะเสด็จเยือนอเมริกาในเดือน "กันยายน" ปีนี้พอดี ยิ่งทำให้ข่าวลือหนาหูเรื่องการเกิดสงคราหรือเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น เพราะรู้กันดีว่าท่านโป๊ปฟรานซิสนั้นสนิทกับ "อเมริกาและอิสราเอล" มาก ตอนที่ประกาศแต่งตั้งท่านเป็นสันตะปาปาองค์ใหม่นั้น "บารัก โอบาม่า ก็ไปเยือน อิสราเอลพอดี" ( หลายคนเชื่อว่าทั้งสองประเทศอาจจะมีส่วนในการแต่งตั้งท่าน ที่เป็นสาย "เยซูอิต" ( สายเหยี่ยวของวาติกัน ) ที่สนิทสนมกับ คน"ยิว" หรือไม่ อย่างไร"
... แต่อีกเรื่องที่ชวนให้น่าสนใจแลละพึงระวังมากกว่านั้นอีกคือเรื่องการเกิด "เตตราด" หรือ "การเกิดจันทรุปราคาสีเลือด 4 ครั้งติดต่อกัน" ในวันที่ 28 กันยายน 2015 นี้พอดี ( Blood Moon )
... โดยทั้ง “คนคริสเตียน” และ “คนยิว” ต่างเชื่อถือลางร้ายนี้อย่างมาก เพราะในคำทำนาย Book of Joel ที่เป็นหนึ่งในคำทำนาย 12 เรื่องของคนยิว บอกว่า “เมื่ออาทิตย์มืดดับ จันทร์เป็นสีเลือด จะตามมาด้วยความเศร้าโศรกและเลวร้ายครั้งใหญ่และการมาของพระผู้เป็นเจ้า”
... ส่วนทางโหราศาสตร์ไทยก็บอกว่า “จันทรุปราคาสีเลือด” นั้นคนจะต้องทำบุญกันเยอะๆ เพราะว่าจะมีโอกาศที่จะเกิดเรื่องของ “ภัยธรรมชาติ” ไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด นี่คือสิ่งที่ต้องระมัดระวังได้แก่ ภัยทางน้ำ เครื่องบินตก เรือล่ม โดยเฉพาะ “ภัยทางน้ำ” เนื่องจาก “พระจันทร์มีผลทำให้เกิดน้ำขึ้น-ลง” ( ตามหลักวิทยาสาศตร์ แรงดีงดูดระหว่างดวงจันทร์กับโลกจะทำให้เกิดน้ำขึ้น-น้ำลงอยู่แล้ว ) แล้วครั้งนี้ 'ราหูอมจันทร์' เต็มดวง ซึ่งการคราสมีหลายระดับ ครั้งนี้คราสเต็มดวงส่งผลค่อนข้างแรง
... แต่บางคนที่อิงวิทยาศาสตร์ก็บอกว่า 2015 ปีหลังคริสตการ มี “เตตราด” แล้ว 62 ครั้ง ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ใหญ่รุนแรงแค่ 8 ครั้งเท่านั้นเอง ที่คนพยายามบอกโยงให้ดูน่ากลัวเกี่ยวกับเหตุการณ์ร้ายแรง
... แต่ถ้าไปดูประวัติศาสตร์การเกิด “เตตราด” ในครั้งที่ผ่านมา ล้วนเกี่ยวข้องกับ “คนยิว” เสมอมา ทำให้ทำให้รู้ว่า คนยิวอาจจะยึดถือมั่นว่า สิ่งนี้เป็นเหมือนสัญญาณในการเกิดเหตุเภทภัยต่างๆตามมาเช่น
... ในปี 1492 เป็นปีที่เกิด “เตตราด” ในปีนั้น “สเปน” รวมตัวเป็นประเทศได้ หลังจากที่ กษัตริย์เฟอรดินานด์แห่งอรากอนได้สมรสกับพระนางอิสเบลล่าแห่งคาสติส รวมกันเป็นประเทศสเปนและได้สถาปนาราชวงศ์ที่เป็นศาสนา “โรมันคาทอลิก” ขึ้นในอาณาจักร ได้มีการออกเป็นกฎว่าให้คนศาสนา “อิสลามและยูดาย” ต้องเปลี่ยนมาเป็น “โรมันคาทอลิก” ให้หมด หรือไม่ก็ย้ายออกจากประเทศไป หรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย ครั้งนั้น “คนยิว” หลายคนต้องอพยพครั้งใหญ่ไปในยุโรปเพื่อรักษาความเป็นยิวและศาสนายูดาย เช่นไปเวนิสในอิตาลี จนเป็นที่มาของ “เกตโตของยิว” ในเรื่องเวนิสวานิสและยิวไชล็อค
... ต่อมา ปี 1948 “เตตราด” ในครั้งนั้นตรงกับการที่คนยิวจากยุโรปและอเมริกาตามแนวคิดของ “ไซออนนิสต์” ที่ก่อตั้งเมื่อ 1897 ที่บาเซิ่ล สวิสเซอร์แลนด์ได้ตั้งเป็นประเทศ “อิสราเอล” สำเร็จ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการสนับสนุนจากอังกฤษและซาอุดิอาระเบีย
... “เตตราด” ครั้งที่ 3 ที่เกี่ยวข้องกับชาวยิว เกิดเมื่อปี 1967 ที่เกิด “สงครามหกวัน” ที่อิสราเอลหลังจากตั้งประเทศเมื่อ 1948 ก็ถูกประเทศอาหรับมุสลิมโดยรอบไม่ยอมรับ เพราะหาว่าไปปล้นดินแดนของชาวอาหรับและปาเสไตน์มาแบบไม่เป็นธรรม ทั้งอียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย แม้จะรุมรบแต่ก็แพ้ อิสราเอล เพราะอาวุธไม่ทันสมัยเท่า ที่อิสราเอลมี “อเมริกา” คอยหนุนอยู่อย่างเปิดเผยชัดเจน
... และครั้งนี้ “เตตราด” หรือ “จันทรุปราคาสีเลือด ครบ 4 ครั้งติดต่อกัน” ... ครั้งนี้จะเป็นครั้งล่าสุด ที่แน่นอน “คนยิว” จะต้องเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน เพราะตอนนี้กำลังฮึ่มๆจะบุก “อิหร่าน” และ “ซีเรีย” ให้ได้ ถ้าจะไล่เรียงก็คือ ครั้งที่ 1 คือเมื่อ 15 เมษายน 2015 , ครั้งที่2 คือ 8 ตุลาคม 2014 และตามมาด้วยครั้งที่ 3 เมื่อล่าสุดปีนี้เอง 4 เมษายน 2015 ... และจากการพยายากรณ์ ครั้งต่อไปของ “จันทรุปราคาสีเลือด” จะเกิดในปีนี้ประมาณวันนี้ “28 กันยายน 2015” ครบ 4 ครั้งพอดี
... ซึ่งตรงกับช่วง ที่โป๊ปฟรานซิสจะไปอเมริกา ตรงกับสถานการณ์โลกที่ร้อนแรงมากสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้สูงมาก หรือสงครามนิวเคลียส ซึ่งคนยิวหลายคนเชื่อว่า แม้การเกิด “เตตราด” แต่ละครั้งจะเริ่มต้นที่คนยิวจะต้องสูญเสียและเจอหายนะร้ายแรง แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจะเป็นผู้ชนะ
... “เตตราด” จะเกิดตามธรรมชาติเอง แล้วมนุษย์มาทึกทักเอาตามแต่ความเชื่อ หรือจะมีพลังบางอย่างที่ส่งเสริมให้เกิดพลังในใจมนุษย์อยากทำสงครามมากขึ้นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แต่เมื่อเราพิจารณาการเป็นไปของบริบททางการเมืองและเศรษฐกิจโลก ทั้งรัสเซียให้อิหร่านซื้ออาวุธป้องกันขีปนาวุธไป , จีนเปิดตัวเข้าข้างรัสเซียชัดเจนในการสวนสนามรำลึกถึงการชนะนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 , ซาอุดิอาระเบีย ผ่าตัดกลุ่มผู้ปกครองใหม่ เตรียมบี้อิหร่านและเยเมน , อิสราเอลเตรียมบุกอิหร่าน ซีเรีย , อาเบะของญี่ปุ่นไปพูดที่สภาคองเกรสของอเมริกาเพื่อดึงให้มาช่วยดูแลที่ทะเลจีนใต้ , อเมริกาเตรียม FEMA Camp และฝึกปฏิบัติการ Jade Helm มาตลอด
... ดังนั้น อย่างไรก็แล้วแล้วแต่ ประชากรชาวโลกคงต้องจับตา “เตตราด” หรือ “จันทรุปราคาสีเลือด ครบ 4 ครั้งติดต่อกัน” อย่างไม่กระพริบในวันที่ 28 กันยายน 2015 หรือปี 2558 นี้ให้ดีว่าจะเป็น “จุดเริ่มต้นของสงครามอาร์มาเกดดอน” หรือวันแรกของการกดปุ่ม “สงครามโลกครั้งที่ 3” ครั้งใหญ่นี้หรือไม่ ?
.
Blood Moon Prophecy - Wikipedia, the free encyclopedia
https://www.youtube.com/watch?v=VWV9nj2Zpus
8 ต.ค.พระจันทร์สีเลือด! หมอช้างเตือน 2 ราศี กันย์ - มีน สยอง แนะวิธีแก้เคล็ด - ข่าวไทยรัฐออนไลน

 

"นักวิจัยอังกฤษ" เตือน!! "เนปาล" ระวังหิมะถล่ม-น้ำท่วมฉับพลัน ผลกระทบจากแผ่นดินไหว 2015-04-30 12:05:47



"นักวิจัยอังกฤษ" เตือน!! "เนปาล" ระวังหิมะถล่ม-น้ำท่วมฉับพลัน หวั่นเป็นผลกระทบที่ซ้ำเติมความเศร้าคนในพื้นที่ หลังเกิดแผ่นดิวไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี


วันนี้(30 เม.ย. 58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวบีบีซี เปิดเผยว่า ดร. โรเบิร์ต พาร์คเกอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ของอังกฤษเตือนว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในเนปาล อาจทำให้เกิดเหตุหิมะถล่มหรือแผ่นดินถล่มตามมาในหลายพื้นที่ ทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้อีกด้วย


ขณะที่ด้าน ดร. พาร์คเกอร์ อธิบายว่า เนื่องจากเนปาลเป็นพื้นที่สูงชัน และพื้นดินมีการแตกร้าวอยู่แล้วเมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก หากเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมา อาจทำให้มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มหรือหิมะถล่มตามมาอีกได้ นอกจากนี้ การที่เกิดแผ่นดินถล่มใกล้แหล่งน้ำ จะทำให้เกิดการสกัดกั้นทางน้ำจนเหมือนเขื่อนขนาดย่อมๆ ซึ่งเมื่อเกิดอาฟเตอร์ช็อคเขื่อนนี้จะแตกออก จนเกิดน้ำทะลักหลากท่วมได้ ส่วนการเกิดหิมะถล่มในบริเวณใกล้ทะเลสาบธารน้ำแข็ง ก็ทำให้ปริมาณน้ำในทะเลสาบสูงขึ้นจนหลากล้นออกมาท่วมพื้นที่ต่างๆได้


ทั้งนี้ สำนักข่าวบีบีซี รายงานด้วยว่า เบื้องต้นมีรายงานว่า บางพื้นที่ในเขตลังตางของเนปาลเกิดเหตุแผ่นดินถล่มขึ้นแล้ว และในหมู่บ้านอีกหลายแห่งเกิดโคลนถล่มลงมาสกัดกั้นทางน้ำไหลในหลายจุด ส่วนภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งจะช่วยสำรวจสภาพภูมิประเทศหลังการเกิดแผ่นดินไหวในเบื้องต้นนั้น ยังไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากสภาพอากาศที่ยังมีหมอกลงหนา

"

 

บีบีซีไทย - BBC Thai
นักธรณีวิทยาเตือนเนปาล อาฟเตอร์ช็อคอาจทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม หิมะถล่มและน้ำท่วมฉับพลันตามมา



ดร. โรเบิร์ต พาร์คเกอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ของอังกฤษเตือนว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในเนปาล อาจทำให้เกิดเหตุแผ่นดินถล่มหรือหิมะถล่มตามมาในหลายพื้นที่ ทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้อีกด้วย



ดร. พาร์คเกอร์อธิบายว่า เนื่องจากเนปาลเป็นพื้นที่สูงชัน และพื้นดินมีการแตกร้าวอยู่แล้วเมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก หากเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมา อาจทำให้มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มหรือหิมะถล่มตามมาอีกได้ นอกจากนี้ การที่เกิดแผ่นดินถล่มใกล้แหล่งน้ำ จะทำให้เกิดการสกัดกั้นทางน้ำจนเหมือนเขื่อนขนาดย่อมๆ ซึ่งเมื่อเกิดอาฟเตอร์ช็อคเขื่อนนี้จะแตกออก จนเกิดน้ำทะลักหลากท่วมได้ ส่วนการเกิดหิมะถล่มในบริเวณใกล้ทะเลสาบธารน้ำแข็ง ก็ทำให้ปริมาณน้ำในทะเลสาบสูงขึ้นจนหลากล้นออกมาท่วมพื้นที่ต่างๆได้

มีรายงานว่า บางพื้นที่ในเขตลังตางของเนปาลเกิดเหตุแผ่นดินถล่มขึ้นแล้ว และในหมู่บ้านอีกหลายแห่งเกิดโคลนถล่มลงมาสกัดกั้นทางน้ำไหลในหลายจุด ส่วนภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งจะช่วยสำรวจสภาพภูมิประเทศหลังการเกิดแผ่นดินไหวในเบื้องต้นนั้น ยังไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากสภาพอากาศที่ยังมีหมอกลงหนา

 

‘ไพบูลย์’งัดวิชาการโต้คำทำนาย‘หมอดูปลาย’ การเมือง : ข่าวทั่วไป วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม 2558



"ไพบูลย์ นวลนิล" โพสต์เฟซบุ๊ก งัดวิชาการโต้"หมอดูปลาย" สร้างกระแส ทำนาย“สึนามิ”ถล่มภาคใต้หายใน 2 เดือน เตือนรับผิดชอบคำพูด

วันที่ 2 พ.ค.58 ดร.ไพบูลย์ นวลนิล อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว "นักแผ่นดินไหว คอหงส์" ว่า "หมอดูปลาย เอาอีกแล้ว สร้างกระแส หมอปลาย ทำนายสึนามิจะเกิดภายใน 2 เดือนนี้ รุนแรงถึงขั้นด้ามขวานไทยหาย!! ขอใช้หลักวิชาการโต้ อีกที่ ว่า 1.แผ่นดินไหวที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดมีขนาดเล็กถึงปานกลางเรียกว่า volcanic tremor ที่เคยบันทึกได้มีขนาดสูงสุด M5.5 (Mt. Helens) ในปี 1981 และแผ่นดินไหวขนาดนี้ไม่สามารถทำให้เกิดสึนามิได้ 2.พลังงานจากการปะทุของภูเขาไฟในอันดามัน และอินโด ไม่สามารถทำให้เกิดรอยเลื่อนในอ่าวไทยอย่างที่หมอปลายบอกแน่ 3.สึนามิก็เป็นแค่คลื่นที่มีขนาดสูงกระแทกฝั่ง ไม่สามารถทำให้ภาคใต้ด้ามขวานที่เราอาศัยอยู่นี้หายไปได้อย่างแน่นอน ไม่งั้นตอน 26 ธันวาก็จมไปแล้วซิครับ 4.หากไม่เกิดดังที่ทำนาย ซึ่งก็ไม่เคยทายถูกจะรับผิดชอบอย่างไร?

อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ - รีไรท์

 

เป็นไปได้?! เกาะใหม่ในแปซิฟิก ยลโฉมได้ไม่ถึง 3 เดือน จู่ๆหายทั้งเกาะ
วันที่ 02 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 19:06 น.



เว็บไซต์ Independent.co.uk รายงานเรื่องแปลกพิสวงว่า เกาะนิรนามแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก เพิ่งเกิดใหม่เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา จากการทับถมของขี้เถ้าในเหตุภูเขาไฟใต้น้ำระเบิดที่ประเทศตองกา ห่างจากตองกาตาปูซึ่งเป็นเกาะสำคัญของตองกาไป 65 กม. แต่ปรากฏว่าไม่ทันถึง 3 เดือน เกาะดังกล่าวก็ถูกน้ำทะเลกัดกร่อนลงเรื่อยๆ กระทั่งหายไปทั้งเกาะ


ทั้งหมดเป็นไปตามคำทำนายของนักวิทยาศาสตร์ที่เคยเตือนว่า เกาะจะสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพื้นผิวที่ค่อนข้างเปราะบาง และจากรายงานของทีมนักธรณีวิทยาที่เฟรนดลีย์ ไอส์แลนด์ ชิปปิ้ง เอเจนซี่ บริษัทส่งของในตองกาส่งไปสำรวจเกาะเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เกาะทั้งเกาะถูกกัดกร่อนไปจริงๆ

"บรรดานักธรณีวิทยาคิดว่าเกาะมันเล็กลงเรื่อยๆ สาเหตุคงเพราะ 2-3 สัปดาห์ก่อนมีฝนตก บนเกาะยังมีรอยให้เห็นเลยด้วยซ้ำ" โมเสส ฟากาโต ผู้จัดการบริษัทเฟรนด์ลีย์ ไอส์แลนด์ฯ กล่าว




ภาพของเกาะถูกปล่อยออกมาครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนมี.ค. หลังจากเจ้าของโรงแรมในท้องที่ พร้อมด้วยเพื่อนและลูกชายออกไปตรงบริเวณชายฝั่ง แล้วถ่ายภาพสวยๆจำนวนมากไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก

อย่างไรก็ตาม ในภูมิภาคเดียวกันนี้ก็เคยมีเกาะเล็กๆ ถูกกลืนหายไปในทะเลแล้วเช่นกัน โดยปีที่แล้ว เกาะมอนวฟถูกกัดกร่อนจนหายไป คาดว่าสาเหตุจากการทำเหมืองทรายที่ผิดกฎหมาย รวมถึงพายุไซโคลนด้วย อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นออกมาแย้งว่าสาเหตุที่แท้จริงคือระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น

เป็นไปได้?! เกาะใหม่ในแปซิฟิก ยลโฉมได้ไม่ถึง 3 เดือน จู่ๆหายทั้งเกาะ : ข่าวสดออนไลน์

 

ปอกเปลือก ทรราช

เอาคืนหรือสร้างสถานการณ์? : พบวัตถุต้องสงสัยในสถานทูตอินโดนีเซียประเทศออสเตรเลีย ตำรวจปิดกั้นบริเวณ



--------------
วันนี้ (4 พ.ค.58) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีการล็อกดาวน์สถานทูตอินโดนีเซียประจำกรุงแคนเบอร์ราประเทศออสเตรเลียหลังจากพบห่อพัสดุต้องสงสัย รายงายแจ้งว่าเป็นเพียงแป้งขาว
จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานที่พบวัตถุต้องสงสัยแจ้งว่า ห่อพัสดุบรรจุแป้งนั้นถูกพบภายในห้องเก็บพัสดุไปรษณีย์ภายในสถานทูตอินโดนีเซีย ตอนนี้ได้ส่งไปให้หน่วยงาน ACT Pathology ในโรงพยาบาล Canberra Hospital ของออสเตรเลียเพื่อทำการพิสูจน์ต่อไป "ACT" ย่อมาจาก "Australian Capital Territory Police" ซึ่งเป็นหน่วยงานของตำรวจกลางของออสเตรเลีย (ACT Policing)
สื่อฯต่างประเทศนี่คิดตรงกันกับผู้เขียนเลย... เขาบอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทางการของอินโดนีเซียลงโทษประหารชีิวิตนักค้ายาเสพติดจำนวน 9 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีนักโทษสัญชาติออสเตรเลียนรวมอยู่ด้วย 2 รายหลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียพยายามประท้วง คัดค้าน และยื่นข้อเสนอด้วยการจ่ายเงินให้กับรัฐบาลอินโดนีเซียมาแล้วหลายครั้งเพื่อแลกกับชีวิตนักโทษทั้ง 2 รายของตนเอง แต่ก็ไม่เป็นผล การประหารชีวิตนักโทษเกี่ยวกับคดียาเสพติดที่อินโดนีเซียเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย.58 ที่ผ่านมา
ก็ไม่รู้ว่านี่เป็นการตอบโต้จากฝ่ายออสเตรเลียหรือว่าเป็นการกระทำของมือที่มองไม่เห็นกันแน่ เพื่อที่จะทำให้ความขัดแย้งระหว่างออสเตรเลียกับอินโดนีเซียขยายตัวออกไป ในเวทีการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ (geopolitics - ภูมิรัฐศาสตร์) นั้นอินโดนีเซียอยู่ฝ่ายจีน ในขณะที่ฟิลิปินส์อยู่ฝ่ายสหรัฐฯ พักหลังนี้ยอดการลงทุนของจีนในออสเตรเลียแซงหน้าสหรัฐฯไปแล้ว และล่าสุดก็คือการที่ออสเตรเลียไม่เชื่อฟังคำห้ามของรัฐบาลสหรัฐฯว่าไม่ให้เข้าร่วมกับจีนในโครงการธนาคาร AIIB ด้วย มองภายนอกนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะไม่เกี่ยวเกี่ยวอะไรกับหลายเหตุการณ์ที่กล่าวมา แต่ในเกมการเมืองนั้นมันซับซ้อนยิ่งนัก
บางคนอาจจะมองว่า "สร้างสถานการณ์หรือเปล่า?" โดยใครหละ? โดยอินโดนีเซียเองหรือว่าโดยออสเตรเลีย หรือโดยมือที่สาม? น่าสนใจ
อินโดนีเซียประหารนักโทษคดียาเสพติดตามที่กฎหมายระบุทางออสเตรเลียและตะวันตกต่างก็ประท้วงและเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่พอออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และสหรัฐฯวิสามัญผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกราดยิงตัวประกัน และพวกล้อเลียนศาสนาอื่น โดยไม่รอการนำตัวผู้ก่อเหตุเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในระบบศาล พวกองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนก็เงียบกริ๊บอีกตามเคย
The Eyes
04/05/2558
----------
Suspicious Package Found in Indonesian Embassy in Australia / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
ชาลีเฮ็บโดโมเดลในสหรัฐฯ: ตำรวจเท็กซัสวิสามัญคนคนร้าย 2 รายกรณีกราดยิงเหล่านักวาดการ์ตูนหมิ่นศาสนา



--------------
จากปารีสฝั่งเศสก็ลามมาที่ เมืองดัลลาส รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐฯแล้ว เมื่อวันที่ 3 พ.ค.58 ที่ผ่านมาามีการจัดงานประกวดภาพวาดการ์ตูนแนวหมิ่นศาสนาขึ้นล้อเลียนศาสนดาโมฮัมหมัด (Prophet Muhammad) ที่ศูนย์ประชุม Curtis Culwell Center ใน Garland, Dallas, Texas สหรัฐอเมริก ในระหว่างที่มีการจัดงานประกวดอยู่นั้นก็เกิดเหตุกราดยิงเข้าใส่ฝูงชน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่บริเวณขา 1 ราย
ตำรวจเมืองการ์แลนด์รัฐเท็กซัสวิสามัญคนร้ายทันที 2 ราย หลังจากเปิดฉากยิงในลานจอดรถด้านนอกศูนย์ประชุม ในขณะที่คนร้ายกำลังขับรถหนีออกไปด้านหน้าศูนย์ประชุม
การประกวดวาดการ์ตูนล้อเลียนหมิ่นศาสนาในครั้งนี้จัดขึ้นโดยสมาคมพิทักษ์เสรีภาพของชาวอเมริกัน (American Freedom Defense Initiative) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์กและมีรางวัลชนะเลิศให้ผู้วาดภาพการ์ตูนล้อเลียน Prophet Muhammad มูลค่า $10,000 (ประมาณ 330,000 บาท) Pamela Geller ประธานสมาคมหมิ่นและล้อเลียนศาสนาอื่น โอ๊ะ! ม่ายช่าย... ประธานสมาคม American Freedom Defense Initiative กล่าวว่าเธอวางแผนเอาไว้ว่าจะจัดงานประกวดขึ้นในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงเรื่องเสรีภาพในการพูดเพื่อตอบโต้ต่อการคัดค้านอย่างรุนแรงและตอบโต้การกระทำความรุนแรงเกี่ยวกับการวาดภาพศาสดาโมฮะหมัด
เหตุการณ์ที่คล้ายกันนี้ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก คราวนี้ก็มาเกิดที่สหรัฐฯ
จุดที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งก็คือ "Texas" เป็นหนึ่งในพื้นที่สีแดงใน 7 รัฐที่รัฐบาลและกองทัพสหรัฐฯเตรียมจะทดลองประกาศใชักฎอัยการศึกภายใต้ปฏิบัติการ "Jade Helm 15" ซึ่งจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 15 ก.ค.- 15 ก.ย 58 นี้ (2 เดือนเต็ม)
วิเคราะห์เล่นๆนะ... เพื่อให้สมจริงสมจังหน่อย ก็ทำให้ดูว่ามีความรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าวขึ้นซะเลย เพื่อที่จะได้ส่งกองทัพเข้าสู่พื้นที่ได้โดยชอบธรรม ส่วนเรื่องการปลุกกระแสต่อต้านและรังเกียจศาสนาอื่นนั้น เริ่มมาได้สักพักตั้งแต่เริ่มมีขบวนการเพจิดาในยุโรปและตามมาด้วยการออกโพลล์สำรวจว่าประชากรของชาวอิสลามกำลังเพิ่มขึ้นและอาจจะมีอัตราสูงกว่าชาวคริสเตียนทั้งในยุโรปและในสหรัฐฯด้วย โดยสำนักโพลล์ Pew Research Center ซึ่งมีองค์กรที่เรียกตัวเองว่า ธิ้งแทงค์ ขนาดใหญ่ที่ในสหรัฐฯอยู่เบื้องหลัง (ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้เขียนซักที)
เมื่อวานนี้หลังจากมีการเดินประท้วงบัลติมอร์อัพไรซิ่งในนิวยอร์ก ต่อมาก็เกิดเหตุคนร้่ายลอบยิงตำรวจ NYPD 1 รายแต่ไม่เสียชีวิต ตอนนี้กำลังปูพรมไล่ล่าคนร้ายใน Queens Village รัฐนิวยอร์ก
The Eyes
04/05/2558
----------
Charlie Hebdo's Aftershocks: Shooting at Muhammad Cartoon Contest in Texas / Sputnik International
http://rt.com/usa/255297-texas-suspects-shot-mohammed/
http://rt.com/usa/255173-nypd-cop-shot-queens-manhunt/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ท่าทีของเยอรมันเปลี่ยนไป: ปธน.เยอรมันีส่งสัญญาณจ่ายค่าเสียหายในสงครามให้กรีซและยอมรับว่าทหารนาซีสังหารเชลยศึกโซเวียตใน WWII เป็นจำนวนมาก



---------------
+ ท่าทีของ Joachim Gauck ต่อกรณีการจ่ายค่าเสียหายในสงครามโลกครั้งที่2ให้กรีซ
-------------
มาดูข่าวเยอรมันต่ออีกซักหน่อยนะครับ น่าสนใจเลยหละเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้เยอรมันกำลังจะเจอมรสุมขนาดใหญ่และถูกรุมกินโต๊ะซะแล้ว ป้าแมร์ฯต้องให้ไวกว่านี้ไม่งั้นเสร็จไข่เยี่ยวม้าแน่ๆ เริ่มที่เรื่องกรีซทวงหนี้เก่าค่าเสียหายจากกองทัพนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ก่อนนะ
เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.58) สำนักข่าวต่างประเทศของรัสเซียรายงานว่า นาย Joachim Gauck ประธานาธิบดีคนปัจจุบันออกโรงแล้ว หลังจากที่ให้นายกฯหญิง Angela Merkel วิ่งงานอยู่คนเดียวในเวทีการเมืองระหว่างประเทศมาได้สักพัก และดูเหมือนว่าพักหลังนี้เธอจะเริ่มอ่อนแรงไปบ้าง ต้องการกำลังเสริม ดังนั้นจึงถึงคราวที่ประธานาธิบดีของเยอรมันนีจะต้องออกหน้าบ้างแล้ว
โดยปธน.Joachim Gauck ของเยอรมันออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีการชำระเงินค่าเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองให้กับกรีซในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ "Süddeutsche Zeitung" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า "ไม่ได้มีแต่เพียงพวกเรา [เยอรมัน] เท่านั้นที่มีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้และในอดีตด้วย แต่พวกเราก็เป็น 'ลูกหลาน' ของผู้ที่ทิ้งร่องรอยการทำลายยุโรปในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองไว้เบื้องหลังด้วย - ในกรีซ ในสถานที่อื่นๆ ที่ซึ่งพวกเรารู้สึกอับอายที่รู้เพียงน้อยนิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน" (คำพูดของคนๆนี้ ต้องฟัง/อ่านแล้ววิเคราะห์ให้ดีว่าเขาต้องการจะสื่อฯอะไรบางอย่างด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะคำว่า "ลูกหลานของผู้ที่ทิ้งร่องรอยการทำลาย" นี้ = "ลูกหลานนาซี" มันมีเหมือนมีนัยบางอย่างแฝงอยู่ในคำพูดของเขาจริงๆ)
Joachim Gauck กล่าวเพิ่มเติมว่า "มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่จะทำเพื่อประเทศที่ใส่ใจในเรื่องประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับพวกเราที่จะต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้" (นี่แสดงว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เยอรมันก็จะไม่ปล่อยให้กรีซหลุดมือไปแน่ และจะไม่ประเทศอื่นเอาอย่างกรีซที่จะแยกตัวออกจากอียูจนทำให้อียูต้องล่มสลายเช่นเดียวกับโซเวียตในอดีต เมื่อเยอรมันเล่นไม้แข็งกับกรีซไม่ได้ ก็หันมาเล่นไม้นวมแทน)
แค่นี้แหละกรุงเอเธนยิ้มได้อย่างมีความหวังขึ้นมาแล้ว Costas Isychos รมช.กลาโหมของกรีซออกมากล่าวยกย่องแถลงการณ์ของปธน.เยอรมันทันทีเลยว่า "เป็นตัวอย่างของวัฒนธรรมทางการเมืองของชาวตะวันตก ซึ่งสามารถที่ช่วยเยียวยาบาดแผลในอดีตได้" (ยู้ฮู! ดีใจกับกรีซด้วยนะ แต่อย่าลืมนะว่างานนี้ถ้าไม่มีปูตินวิ่งเต้นให้ จ้างก็ไม่สำเร็จหรอก อย่าลืมเลี้ยงข้าวปูตินกับคณะด้วยหละท่านนายกฯกรีซ)
+ ท่าทีของ Joachim Gauck ต่อกรณีการจ่ายค่าเสียหายในสงครามโลกครั้งที่2ให้รัสเซีย
-------------
ส่วนกรณีของโซเวียตหละท่านประธานาธิบดี Joachim Gauck ของเยอรมันมีความคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้าง? กรณีนี้ Joachim Gauck ออกมายอมรับว่าการสังหารหมู่เชลยศึกโซเวียตด้วยฝีมือของทหารนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่2นั้น ยังไม่มีการพิจารณามากพอ และกล่าวชื่นชมกองทัพโซเวียตเป็นผู้ที่ [เยอรมันนี] ติดค้างหนี้ทั้งด้านการทดแทนบุญคุณและความเคารพด้วย
สื่อฯรัสเซียรายงานว่ามีทหารโซเวียตตกเป็นนักโทษของนาซีประมาณ 5 ล้านครึ่ง และมีจำนวนไม่ถึงครึ่งที่รอดชีวิตมาได้ Joachim Gauck กล่าวว่า "พวกเราได้กระทำหลายประการอย่างแท้จริงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ 'นาซีของพวกเรา' (our Nazi) ในอดีต แต่ก็มีผู้ตกเป็นเหยื่อบางส่วนที่ยังไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาหรืออย่างเพียงพอ เช่นเชลยศึกโซเวียต" (คำพูดของเขาอาจจะฟังดูแปลกๆ (สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับเยอรมันหรือกลุ่มนิยมนาซีเยอรมัน) เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในตอนท้ายว่าแปลกอย่างไร)
ปธน. Joachim Gauck กล่าวต่อว่า "เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พวกเราถูกปลดปล่อย ไม่เพียงแต่ [โดย] แต่ยังผ่านคนของสหภาพโซเวียตด้วย ดังนั้นพวกเราจึงติดค้างหนี้บุญคุณและความเคารพ [ต่อชาวรัสเซีย] ด้วย แต่หลังจากปี 1945 กองทัพโซเวียตผู้ปลดปล่อย ก็ยังอยู่ในเยอรมันและได้แสดงความรับผิดชอบต่อการเป็นทาส การปราบปราม และการประหัตประหารในเยอรมันนีตะวันออก" (นี่ก็อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจในคำพูดของเขา)
+ ท่าทีของ Angela Merkel ต่อกรณีการจ่ายค่าเสียหายในสงครามโลกครั้งที่2ให้กรีซและรัสเซีย
-------------
ต่อทั้งสองกรณีนี้ Angela Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมันมีความคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้าง? ท่าทีของ Merkel ก็ประมาณว่าเยอรมันจะแสดงความรับผิดชอบเป็นกรณีพิเศษในยุคนาซี (ฟังดูเหมือนกรีซจะมีความหวัง แต่ก็เสียวตรงคำว่า "กรณีพิเศษ" นี่แหละ) นายกฯของเยอรมันกล่าวว่า "ไม่มีการขีดเส้นใต้ประวัตศาสตร์ ซึ่งเราสามารถเห็นได้จากการดีเบทกันระหว่างกรีซกับกลุ่มประเทศยุโรปอื่นๆ พวกเราชาวเยอรมันมีความรับผิดชอบพิเศษที่จะแจ้งเตือนให้ทราบ ทั้งอ่อนไหวและตระหนักรู้ต่อสิ่งที่พวกเรา [ชาวเยอรมัน] ได้กระทำลงไปในยุคนาซี และเกี่ยวกับความสูญเสียที่ไม่อาจนำกลับมาได้ที่กระทำไว้ในประเทศอื่นๆ ฉันมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจมากสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น"
+วิเคราะห์เยอรมัน
-------------
ที่บอกว่าคำพูดของปธน.เยอรมันฟังดูแปลกนั่นไม่ใช่ลำเอียงหรือคอยจับผิดนะ (อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน) มันก็มีที่ไปที่มาอยู่ เช็คประวัติโดยคร่าวของนาย Joachim Gauck ผู้นี้ดูแล้วพบว่าเขาเป็นคนที่ "ต่อต้านคอมมิวนิสต์" (anti-communist) เป็นอย่างมาก เขียนหนังสือออกมาหลายเล่นเพื่อโจมตีคอมมิวนิสต์โดยเฉพาะ ทั้งชีวิตและจิตใจของเขา (ก่อนหน้านี้) ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถร่วมวงทานข้าวกับโซเวียตได้เลย เป็นคนที่โตมาจากครอบครัวเผด็จการสุดโต่ง (totalitarianism) หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านโซเวียตในเยอรมันตะวันออกตัวยง ต่อมาก็เล่นการเมือง เป็นคณะกรรมธิการสมาพันธรัฐของเยอรมัน และชนะการเลือกตั้งมาเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันของเยอรมันนี
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคำพูดของ Joachim Gauck กับของ Angela Merkel ในส่วนที่เกี่ยวกับ "นาซี" จะเห็นได้ว่าทั้งสองยอมรับว่าเป็นความผิดของเยอรมันในยุคนาซี แต่คำพูดของ Joachim Gauck เลือกที่จะใช้คำว่า "นาซีของพวกเรา" (our Nazi) และคำพูดที่มีความหมายเท่ากับคำว่า "พวกเราคือลูกหลานของนาซี" ก็รู้ทั้งรู้ว่านาซีกับโซเวียตนั้นไม่ถูกกันอย่างแรงเขาก็ยังเลือกที่จะใช้คำพูดในลักษณะนี้ออกมาอีก แต่เมื่อเข้าสู่บริบท "สามก๊ก" (นาซี คอมมิวนิสต์ และประชาธิปไตย) ศึกแรกฝั่งประชาธิปไตยตะวันตกแกล้งร่วมมือกับคอมมิวนิสต์โซเวียตเพื่อปราบนาซีได้จนสำเร็จ ต่อมาเมื่อประชาธิไตยตะวันตกก็แข็งแกร่งขึ้น แล้วหันมาโจมตีพันธมิตรเก่าของตนซึ่งก็คือคอมมิวนิสต์โซเวียต
ต่อมาคอมมิวนิสต์โซเวียตล่มสลายเพราะถูกบ่อนทำลายจากภายใน กลายสภาพมาเป็น "รัสเซีย" ในปัจจุบัน "นาซีเยอรมัน" ก็กลายมาเป็น "เยอรมันนี" ในปัจจุบันเช่นกัน วันนี้ประชาธิปไตยตะวันตกจับมือกับเยอรมันนี เล่นงานรัสเซีย (อดีตคอมมิวนิสต์โซเวียตซึ่งเปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตยแล้ว) อีกครั้ง แต่อีกด้านหนึ่งเยอรมันก็หันมาจับมือกับรัสเซียด้วย ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือท่าทีการเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศของ Angela Merkel ตามที่เคยได้นำเสนอมาเรื่อยๆก่อนหน้านี้ และท่าทีที่อ่อนลงของ Joachim Gauck แต่ก็ยังแฝงเลือดรักชาติของตนและเกลียดคอมมิวนิสต์เอาไว้ให้เห็นได้เป็นบางช่วงจากคำพูดของเขา
อีกจุดหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือคำพูดที่ Joachim Gauck พูดถึงโซเวียตว่าหลังจากปี 1945 แล้วทำไมโซเวียตถึงไม่ถอนทัพออกจากเยอรมันตะวันออก นั่นเป็นการพูดเพื่อโจมตีโซเวียตแต่เพียงฝ่ายเดียวอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ได้ถามกลับไปอีกฝั่งที่อยู่ในเยอรมันตะวันตก ซึ่งก็คือกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯอังกฤษนั่นเอง คำพูดในลักษณะนี้ไม่น่าจะเป็นคำพูดของบุคคลที่แสวงหาความยุติธรรมเสมอภาคอย่างแท้จริง แต่เป็นคำพูดของนักการเมืองทั่วไปที่จัดอยู่ในลักษณะพูดเอาแต่ได้เท่านั้น ก็จะให้โซเวียตถอนทัพออกจากกรุงเบอร์ลินได้อย่างไร ในเมื่องกลุ่มพันธมิตรตะวันตกก็ยังไม่ยอมถอนออกจากเยอรมันตะวันตกเลย จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังอยู่ ทั้งๆที่รัสเซียได้ถอนทัพออกมาครั้งสุดท้ายตั้งแต่สิ้นสุดยุคโซเวียตโน่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ Joachim Gauck ลดท่าทีความแข็งกร้าวในการโจมตีโซเวียตและคอมมิวนิสต์ลง อันที่จริงรัสเซียได้เปลี่ยนจากการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์มาเป็นประชาธิปไตยตั้งนานแล้วนี่ แล้วทำไมเขายังเขียนหนังสือโจมตีคอมมิวนิสต์ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่? ในใจของคนที่มีแต่ความอาฆาตแค้นและโกรธ เกลียดชังอย่างนี้จะหาสันติพบได้อย่างไร?
ในแง่ของการเมืองภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันนี้ เยอรมันเริ่มมองออกแล้วว่ายุคเสื่อมของจักรวรรดิอเมริกากำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ ยุครุ่งเรื่องของฝั่งตะวันออกกำลังจะค่อยๆฉายแสงขึ้น หากเยอรมันไม่เดินเกมแบบนี้คือหันมาคบกับรัสเซียและจีนในด้วยแทนที่จะเชื่อฟังแต่คำพูดของอเมริกาฝ่ายเดียวอย่างแต่ก่อน ก็คาดการณ์ได้เลยว่าชตากรรมของเยอรมันคงจะไม่ต่างจากสหรัฐฯแน่ๆ และอาจจะจบเร็วกว่าสหรัฐฯด้วยซ้ำไปเนื่องจากสายป่านทั้งด้านเศรษฐกิจและกองทัพนั้นคงไม่ยาวนานเท่าของสหรัฐฯแน่
+ ยูเครนเอาอย่างกรีซทวงหนี้สงครามจากเยอรมันมั่ง!
-------------
เรื่องตลกที่ดูเหมือนจะไม่ตลกสำหรับเยอรมันแน่ๆ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่กรีซทวงหนี้ค่าเสียหายทางสงครามจากเยอรมัน เยอรมันก็ปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า จนกรีซต้องขู่ว่าจะฟ้องร้องเอา และขอให้ทางรัสเซียช่วยอีกแรง ยุ่งหละสินึกว่ากรีซจะขู่เล่นๆซะอีกเอาจริงนิ ท่าทีวันนี้ของเยอรมันจึงออกมาแบบนี้
คราวนี้ พอบางคนเห็นว่าเยอรมันเริ่มจะไม่เชื่อฟังและตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ และหันไปสร้างความสนิทสนมกับรัสเซียแทน ก็เลยขโขยมุกของกรีซกับรัสเซียมาใช้บ้าง แต่ไม่ใช้เอง กระซิบบอกให้หัวหน้าพรรคของพวกฝ่ายขาวหัวรุนแรงของยูเครนออกมาเรียกร้องให้เยอรมันจ่ายค่าเสียหายให้กับยูเครนในช่วงที่ถูกกองทัพนาซียึดครองสมัยสงครามโลกครั้งที่2 แทน
ซึ่งทางยูเครนบอกว่านายกฯ Angela Merkel ไม่ควรเดินทางไปไว้อาลัยเพื่อเป็นเกียรติให้ประชาชนหลายล้านคนที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ในวันที่ 10 พ.ค.ที่กรุงมอสโคว์ แต่ให้มาวางพวงมาลาไว้อาลัยที่กรุงเคียฟแทน
เฮ้อ… เอากะพวกนีโอนาซีลูกน้องอเมริกาสิ ไปคบกับพวกนักการเมืองอเมริกันมากก็มักจะติดนิสัยแบบนี้มามาด้วย เมื่อเร็วๆนี้ก็พากันทุบทำลายสัญลักษณ์ต่างๆที่เกี่ียวกับคอมมิวนิสต์และโซเวียตในยูเครนรวมทั้งรูปปั้นของเลนินด้วย ทำเป็นต่อต้านคอมมิวนิสต์ วันนี้ก็ครั้นจะอ้างชื่อคอมมิวนิสต์หรือโซเวียตหากินก็ยังไงอยู่ ก็เลยอ้างชื่อยูเครนแทน ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นแค่อีกลูกไม้หนึ่งของสหรัฐฯเท่านั้นเอง ไม่ได้ก็เสียหายอะไร ถ้าได้ก็ถือว่ากำไรแล้วเอามาซื้ออาวุธจากอเมริกาอีก
The Eyes
04/05/2558
-----------
Athens Hails Gauk's Calls on Repayment to Greece for Nazi Occupation / Sputnik International
Soviet prisoner murders by Nazis still unacknowledged – German president — RT News
Joachim Gauck - Wikipedia, the free encyclopedia
Far-Right Ukraine Politician Urges Germany to Pay for WWII Nazi Occupation / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
อเมริกาอีกแล้วครับท่าน!: แผ่นดินไหว 3.9 แม็กนิจูดที่ลอสแองเจอลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย



---------------
วันนี้ (3 พ.ค.58) สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาอของสหรัฐฯ (USGS) รายงานว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ 3.9 ริกเตอร์แม็กนิจูดสเกล (Richter magnitude scale) ที่เมือง Los Angeles รัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะเป็นเหตุแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่บอกว่าแรงสั่นสะเทือนได้ทำให้พวกเขาตื่นนอนขึ้นมาได้ รายงานบอกว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวในครั้งนี้อยู่ห่างจากเมือง Park-Windsor Hills ในแคลิฟอร์เนียออกไปประมาณ 1 ไมล์ (1.60934 กม.) ในช่วงเช้ามืด (4:07 am) ของวันอาทิตย์
USGS รายงานว่าแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปในพื้นโลก 5.6 ไมล์ (ประมาณ 9 กม.) จัดอยู่ในระดับ "เบาบาง" (light) แรงสั่นสะเทือนแผ่นไปทั่วพื้นที่ลุ่ม LA จากข้อมูลทางธรณีวิทยาบอกว่า รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นสถานที่เสี่ยงต่อการมีแผ่นดินไหว เนื่องจากตำแหน่งทางธรณีวิทยาของรัฐนี้ยังไม่สงบดี มีการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลกด้านล่างอยู่เรื่อยๆ ไม่มีรายงานความเสียหายใดๆเกิดขึ้นในเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้
ก่อนเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินครั้งใหญ่ที่เนปาลหนึ่งวัน ก็ได้เกิดแผ่นดินไหวที่รัฐแคลิฟอร์เนียมาแล้ว 1 ครั้งโดยวัดระดับความรุนแรงได้ที่ 5.5 ริกเตอร์แม็กนิจูดสเกล ในตอนเย็นของวันที่ 23 เม.ย.58 ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น (1:34 GMT Friday) รายงานโดย USGS โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกไปประมาณ 6 ไมล์ (9.6 กม.) ในมหาสมุทรแปซิฟิก และอยู่ห่างจากเมือง Ferndale ในรัฐแคลิฟอร์เนียประมาณ 157 ไมล์ (252.6 กม.) รายงานบอกว่าไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บหรือได้รับความเสียหายใดๆ
จากงานวิจัยทางธรณีวิทยาของศาสตราจารย์ James Dolan นักวิทยาศาสตร์ด้านธรณีวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว มหาวิทยาลัย University of Southern California พบว่าในอีกไม่กี่ 10 ปีข้างหน้านี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเสี่ยงที่จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงหลายระลอกติดต่อกัน จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวท่านนี้บอกว่า การเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดเล็กที่เกิดขึ้นบ่อยๆในแคลิฟอร์เนียนี้เป็นการเก็บสะสมพลังงานไว้ในชั้นหินไปเรื่อยๆ เมื่อพลังงานถูกสะสมและอัดแน่นจนได้ที่ อาจจะปะทุออกมาอย่างรุนแรงเป็น "super cycle earthquake" ในที่สุดด้วยการกระตุ้นจากแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว (เพียงเล็กน้อย) ในครั้งต่อๆไป (ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรแน่)
ศ. James Dolan อธิบายว่า "super cycle earthquake" ในที่นี้ก็คือความวุ่นวายจากแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ครั้งต่อๆไปที่จะตามมา (เป็นระลอกคลื่น) อย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วใน San Andreas เมื่อปี 1812 โดยวัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ 7.5 และตามมาด้วย แผ่นดินไหวอีกครั้งขนาด 7.7 ริกเตอร์แม็กนิจูดสเกลในปี 1857 (วันที่ 27 พ.ค.58 นี้ฮอลลีวูดจะเปิดฉายหนังเรื่อง San Andreas (ซาน แอนเดอรัส มหาวินาศแผ่นดินแยก) นำแสดงโดยพระเอกร่างบึก Dwayne Johnson)
ภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่รุนแรงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในเมือง Northridge ติดกับเมือง LA รัฐแคลิฟอร์เนียคือในปี 1994 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 50 คน สร้างความเสียหายถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีแรงสั่นสะเทือนที่ 6.7 ริกเตอร์แม็กนิจูดสเกล
ป.ล. ก็ไม่รู้ว่างานวิจัยดังกล่าวออกมาต้อนรับภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าโรงนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆก็คือ ตอนนี้มันกำลังสั่นรัวถี่มากขึ้นเรื่อยๆนะ ที่เล่ามานี้เป็นแผ่นดินไหวโดยธรรมชาติ ส่วนที่เกิดจากฝีมือมนุษย์นั้นก็มีเช่นกัน เอาที่เห็นได้ชัดๆเลยก็คือเกิดแผ่นดินไหวจากการทำ Fracking คือการขุดเจาะน้ำมันจากชั้นหิน โดยเจาะรูลงไปในใต้พื้นดินหลายกิโลเมตร จากนั้นก็ใส่น้ำ สารเคมี ไม่ต่ำ 600 ชนิด และทรายลงไปในหลุมที่ขุดเจาะนั้น สารเคมีดังกล่าวก็จะไปทำปฏิกิริยากับแก๊สและน้ำมันดิบที่ติดอยู่ตามซอกหินใต้ดินก็จะเกิดการระเบิด ตู้ม! ขึ้นมา ทำให้ซอกหินขยายตัวแล้วทั้งน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติที่ติดอยู่ตามซอกหินเหล่านั้นก็จะไหลออกมาสู่ท่อ แล้วก็จะถูกดูดขึ้นมาเข้าสู่กระบวนการแยกน้ำมันและสารต่างๆออกในโรงกลั่นอีกที ผลเสียทางสิ่งแวดล้อมมีไหม? เยอะมากเคยเล่าให้ฟังแล้วประมาณวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา (สามารถอ่านย้อนหลังได้จากลิ้งค์ด้านล่าง) ไอ้การระเบิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมีนี่แหละเป็นหนึ่งในสาเหตุของแผ่นดินไหว ที่อังกฤษก็เคยเกิดมาแล้วจนเกิดการประท้วงและรัฐบาลอังกฤษสั่งให้ยกเลิกทำแฟร็คกิ้งในบางพื้นที่ๆเสี่ยงมาแล้ว คราวนี้ ปัญหาใหญ่สหรัฐฯก็คือว่าพวกนายทุนบริษัทน้ำมันไม่สามารถควบคุมความโลภความตะกละตะกลามของตนเองได้ รัฐแคลิฟอร์เนียนี้เป็นอีกหนึ่งรัฐที่มีการทำแฟร็คกิ้งเป็นจำนวนมาก ถ้าแฟร็คกิ้งเข้าถึงที่ไหนต้นไม้ก็จะหายหมด สารเคมีก็จะถูกหย่อนลงในพื้นดินและซึมไปตามน้ำใต้ดินที่เขาเอามาทำน้ำประปาดื่มกันและใช้นั่นแหละ บางส่วนก็ไหลซึมลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ส่วนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติ เจริญหละอเมริกาเอ๋ย
The Eyes
03/05/2558
-----------
http://rt.com/usa/255249-quake-los-angeles-strike/
http://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/ci37374008…
Magnitude 5.5 Earthquake Hits California / Sputnik International
https://www.facebook.com/fisont/posts/1617528075133993
Man-made earthquakes increasing in US, wastewater to blame – USGS — RT USA

 

Jeerachart Jongsomchai

... "ชาวยิวเชื้อสายเอธิโอเปีย : ประท้วงในเทลอาวีฟ เยรูซาเลม ไม่ได้รับความเท่าเทียมจากสีผิว"
... ไม่ใช่แค่ในอเมริกาเรื่องชาติพันธุ์คนผิวดำประท้วงที่บัลติมอร์ เรื่องแบบนี้ได้ลามมาที่อิสราเอลด้วย ( นอกบทของ บัลติมอร์ หรือเปล่า ) คนยิวเชื้อสายเอธิโอเปียได้ออกมาประท้วงกลางเมืองหลักของประเทศ ที่ได้รับความไม่เท่าเทียมจากเรื่องสีผิวมานาน ... คนกลุ่มนี้ ตามประวัติศาสตร์ที่เล่าโดยคนเอธิโอเปียบอกว่า หลายพันปีก่อน กษัตริย์โซโลมอนของอิสราเอลได้แต่งงานกับเจ้าหญิงชีบาแห่งเอธิโอเปียแล้วพระนางได้กลับมาคลอดบุตรที่บ้านเกิด เกิดเป็นเจ้าชายเมเลดิกลูกครึ่ง จากนั้นเจ้าชายก็ไปศึกษาร่ำเรียนที่เยรูซาเลม จากนั้นก็กลับมาอีกครั้งพร้อมชาวยิว12ชนเผ่า เป็นพันคน จนสุดท้ายออกลูกออกหลานกับคนพื้นเมืองที่เอธิโอเปีย ซึ่งเรื่องราวของเอธิโอเปียในดินแดนแถบนี้ นั้นมีมานานแล้ว ประวัติศาสตร์อิสลามก็กล่าวถึงในนาม "อะบิสสิเนีย"
... แต่ตำนานทางอืสราเลบอกกันคนละอย่าง โดยบอกว่ามีชาวเผ่าอิสราเอล หลายเผ่าได้อพยพข้ามน้ำทะเลแดงไปที่เอธิโอเปียและตั้งรกรากที่โน่นโดยมีการผสมผสารกับคนท้องถิ่นจนถึงปัจจุบันในที่สุด
... แต่ช่วงศตวรีษที่ 20 อิสราเอลมีกฎหมายให้ "ยิวคืนถิ่น" ไปที่อิสราเอลได้ โดยเฉพาะที่มีแม่เป็นคนยิว จนตอนนี้คนยิวเชื้อสายเอธิโอเปียมีในประเทศนี้ มีประมาณ 125,500 คน แสนกว่าคนในนั้นเกิดที่อิสราเอล และ 32% จากจำนวนนี้ มีพ่อหรือแม่อย่างน้อยหนึ่งคนเกิดในเอธิโอเปียอล้วอพยพมา
... แต่มาวันนี้มีการประท้วง แสดงว่าลึกๆแล้วสังคม ยิว เองก็มีความแตกต่างและกดขี่ดูถูกรังเดียจกันเอง เหมือนที่คนยิวบอกว่าคนยุโรป รังเกียจและต่อต้านคนยิว แต่คนยิวเองก็ทำกับคนที่เป็นเหมือนพี่น้องเดียวกันเอง ... แต่ที่น่าแปลกคือนักปกครองส่วนใหญ่กลับเป็นพวก "อัชเคนาซียิว" ที่เข้ารีตมาทีหลังไม่ใช่เชื้อยิวแท้ๆอย่าง "เซปาดิกยิว" เลย เพราะมาจากเทือกเขาคอเคซัส กลับมาดูถูกตนยิวเชื้อสายคนเอธิโอเปียที่มีเชื้อยิวบ้างเสียเอง
.
.

 

Thanong Fanclub



22. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
ในบรรดานักเสแสร้งทางการเงินแล้ว จะมีใครเหนือชั้นกว่าประธานของUS Federal Reserveไม่ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่นายAlan Greenspan, Ben Bernanke และมาถึงJanet Yellenในปัจจุบัน ปากก็บอกว่าจะดูและเสถียรภาพของราคา ถ้าหากว่าตลาดการเงินสนุกสนานกับปาร์ตี้มากเกินไป จะส่งสัญญานมาปาร์ตี้จบแล้วด้วยการเอาpunch bowl (ถ้วยบรรจุน้ำพันช์ผสมของมึนเมา)ไปเก็บ
แต่เอาเข้าจริงแล้ว ทั้งGreenspan, Bernanke & Yellenต้องการปั่นตลาดการเงินให้เป็นฟองสบู่อย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจว่าเสถียรภาพของราคาหรือเงินเฟ้อที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร เพราะว่าตัวเลขทุกอย่างจะปั่นอย่างไรก็ได้ จะเห็นได้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อถูกกดให้ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อที่จะเป็นข้ออ้างในการกดดอกเบี้ยให้ต่ำเพื่อเลี้ยงฟองสบู่การเงิน ธนาคารกลางทั่วโลกก็ใช้ตำรานี้ ผลก็คือธนาคารกลางเป็นต้นเหตุของฟองสบู่การเงินนั่นเอง
พันธกิจอีกอย่างของธนาคารกลางสหรัฐฯคือทำให้เกิดการจ้างงานสูงสุด (full employment) พวกนักการเมืองเพิ่งจะเติมพันธกิจนี้ในกฎหมายการเงินทีหลัง โดยโดนหลอกว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางสามารถทำให้เกิดการจ้างงานสูงสุดในระบบเศรษฐกิจได้ และทั้งๆที่การจ้างงานสูงสุดมันขัดกับพันธกิจการดูแลเสถียรภาพของราคา มันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจ เช่นรัฐบาลใช้จ่ายมากๆก็เกิดการจ้างงานได้ แต่ธนาคารกลางต้องการผูกขาดอำนาจนี้ และถ้าเฟดต้องการให้เกิดการจ้างงานสูงสุดจะกดดอกเบี้ยให้ต่ำ เศรษฐกิจจะร้อนแรง มันจะขัดกับนโยบายการดูแลเงินเฟ้อ
แต่เอาเข้าจริงแล้ว ทุกอย่างเป็นการเสแสร้งหมด หน้าที่เฟดคือดูแลผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นของตัวเอง คือพวกแบงค์Wall Street และหน้าที่รองคือปั่นตลาดการเงินให้เป็นฟองสบู่
Jeremy Grantham แห่งGrantham Mayo van Otterlooมีความเห็นว่าโลกการเงินนี้ถูกนายธนาคารกลางปั่นมาโดยตลอด และGreenspan/Bernanke/Yellenอยู่ในแก๊งที่ต้องการเป็นภาวะตลาดที่ฟู่ฟ่า ทำให้เราได้เห็นฟองสบู่ตลาดหุ้นในปี2000แล้วแตก แล้วปั่นขึ้นไปใหม่ เกิดฟองสบู่ตลาดอสังหาฯในปี2007แล้วแตก แล้วเฟดกดดอกเบี้ย0%และทำQEปั่นขึ้นไปใหม่ และตอนนี้เรากำลังอยู่ในฟองสบู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง และYellenจะไม่นิ่งดูดายด้วยการไม่ทำอะไรถ้าหากว่าตลาดเกิดภาวะผันผวน พร้อมจะเข้าไปอุ้มตลาดทุกเมื่อ
ตอนนี้ตลาดS&P 500อยู่ที่ระดับ2108 Granthamบอกว่าฟองสบู่ตลาดหุ้นจะไปพีคที่2250 หลังจากนั้นจะตกลงมาค่อนข้างรุนแรง และYellenจะหาเหตุเพื่อที่จะเข้าไปอุ้มตลาดการเงินอีกต่อไป มันก็เล่นเกมเสแสร้งวนเวียนกันไปมาอย่างนี้ แต่ละรอบของฟองสบู่มันยิ่งจะใหญ่ขึ้นเป็นทวีคูณ
thanong
4/5/2015
http://www.zerohedge.com/…/grantham-says-fed-bound-and-dete…

 

Thanong Fanclub



23. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
สหรัฐฯอเมริกามีประชาธิปไตย หรือเสรีภาพที่เสแสร้ง (pretend democracy; pretend liberty) รายงานจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยPrincetonพบว่า สหรัฐฯไม่ได้เป็นประเทศประชาธิปไตยอีกต่อไป เพราะว่าการตัดสินใจทางการเมืองไม่ได้รับใช้ผลประโยชน์ของประชาชน แต่รับใช้ผลประโยชน์ของพวกที่คุมระบบเศรษฐกิจกลุ่มเล็กๆ
รายงานของPrincetonพบว่า พวกกลุ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมีอิทธิพลเหนือนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯมากกว่ากลุ่มที่เป็นตัวแทนของภาคประชาชน ซึ่งแทบจะไม่มีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจทางการเมืองของสหรัฐฯเลย
บทสรุปของPrincetonคือ สังคมสหรัฐฯไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอย่างที่เข้าใจกัน เพราะว่าประชาชนคนอเมริกันส่วนใหญ่มีโอกาสน้อยมากที่จะใช้อิทธิพลเพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาล
เมื่อประชาชนมีความเห็นต่างจากกลุ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ พวกเขาจะพ่ายแพ้ และเนื่องจากระบบการเมืองสหรัฐฯเข้าข้างพวกที่มีอำนาจอยู่เดิมแล้ว แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ของสหรัฐฯต้องการให้รัฐฐาลเปลี่ยนนโยบาย จะทำไม่ได้
ในเรื่องการต่างประเทศก็มีข้อสรุปเหมือนกัน ในการเผชิญหน้าและมีความขัดแย้งทางทหารกับรัสเซีย รัฐบาลสหรัฐฯไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนอเมริกัน แต่รับใช้ผลประโยชน์ของภาคธุกิจและพวกนักการเมืองอิลิท
แม้ว่าจะมีระบบธรรมาภิบาลประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งอย่างสม่ำเสมอ มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และการรวมตัวกัน แต่เอาเข้าจริงแล้วการตัดสินใจทางการเมืองหรือนโยบายในท้ายที่สุดกลับรับใช้ผลประธยชน์ของพวกอิลิททางธุรกิจ เศรษฐกิจและการเมือง
ก็เหมือนประชาธิปไตยบ้านเราที่รับใช้นักการเมืองและธุรกิจของพวกอิลิท มีตัวแทนบริษัทใหญ่ๆคอยจ่ายเงินให้นักการเมือง หรือข้าราชการให้ออกกฎหมายหรือระเบียบทางการ หรือนโยบายเพื่อเอื้อให้ธุรกิจของตัวเองทั้งนั้น โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายค้าปลีก ปุ่ย เปิดเสรีการลงทุนตลาดการเงิน เงินบาทฯลฯ
เราคงต้องร่วมแรงร่วมใจะหยุดระบบเสแสร้งประชาธิปไตยให้ได้
thanong
4/5/2015
US is No Longer a Democracy – Princeton Study / Sputnik International

 

Thanong Fanclub



24. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
หลังจากที่ซาอุแสร้งยุติการโจมตีทางอากาศได้ไม่กี่วัน ในวันที่3พฤษภาคม ปรากฎว่าซาอุโดยความร่วมมือของพันธมิตรอาหรับได้ส่งทหารภาคพื้นดินเข้าเอเดน เมืองใหญ่ที่สำคัญของเยเมนแล้ว
เอเอฟพีรายงานว่า:
"พันธมิตรอาหรับที่นำโดยซาอุดีอาระเบียได้ส่งกำลังทหารภาคพื้นดินจำนวนหนึ่งเข้าสู่เมืองเอเดนของเยเมนในวันอาทิตย์ (3 พ.ค.) เพื่อให้การสนับสนุนกองกำลังที่ภักดีต่อผู้นำเยเมน ในการสู้รบกับฝ่ายกบฏ
เจ้าหน้าที่ผู้ไม่เปิดเผยนามรายหนึ่ง ระบุว่า กำลังทหารจำนวนหนึ่งของพันธมิตรอาหรับได้เข้าไปถึงเมืองเอเดนแล้ว แถมยังมีอีกชุดที่กำลังเดินทางเข้าไป
พันธมิตรอาหรับที่นำโดยซาอุดีอาระเบียได้ใช้การโจมตีทางอากาศเข้าใส่กบฏฮูตีและพรรคพวก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีรายงานการส่งกำลังทหารภาคพื้นดินเข้าไปในเยเมน
สมาชิกระดับผู้นำรายหนึ่งของกองกำลังท้องถิ่นที่ภักดีต่อประธานาธิบดี อับเบด รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ได้บอกเอเอฟพีว่า ทหารของพันธมิตรอาหรับที่ถูกส่งเข้ามา จะมาช่วยในการสู้รบพวกฮูตีและกองกำลังของซาเลห์
เขาบอกอีกว่า ทหารเหล่านี้จะเน้นการสนับสนุนกองกำลังท้องถิ่นแถวๆ ท่าอากาศยานนานาชาติที่ถูกพวกกบฏควบคุมอยู่ ซึ่งตรงนั้นเป็นจุดที่มีการสู้รบหนักหน่วงขึ้นมาอีกครั้ง ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา
มีการระบุว่า ทหารของพันธมิตรอาหรับจำนวนหลายสิบคนที่ถูกส่งเข้าไปในเมืองเอเดนนั้น ส่วนใหญ่เป็นทหารซาอุฯ กับยูเออี แต่มีพื้นเพเดิมเป็นชาวเยเมน
ฝ่ายพันธมิตรฯ ได้ประกาศยุติการโจมตีทางอากาศไปเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โดยบอกว่าจะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป ที่เน้นการเมือง ส่งความช่วยเหลือ รวมถึง "ต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย"
นายพลจัตวา อาเหม็ด อัสซีรี โฆษกของฝ่ายพันธมิตรฯ พูดอยู่บ่อยครั้ง ตอนที่ใช้การโจมตีทางอากาศในช่วงขั้นตอนแรก ว่าการส่งทหารภาคพื้นดินเข้าช่วยเหลืออาจเกิดขึ้นได้หากมีความจำเป็น"
เล่นเสแสร้งในสงครามเยเมนไปมาอย่างนี้ ดูท่าแล้วสงครามในตะวันออกกลางกำลังจะเริ่มขยายวง อิหร่านและรัสเซียจะนิ่งดูดายหรือ ในขณะที่สหรัฐฯหนุนซาอุเต็มที่ในสงครามเยเมน
thanong
4/5/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

บอกตรงๆ น่ะครับ ความเห็นส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าเขาจะทำจริงๆ เพราะยังไม่เคยเห็นใครนำเรื่องนี้มาบอกว่าจะทำ แล้วทำจริงเลย



ฟัน'198ขรก.'เอี่ยวทุจริต! ยันไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู
"รองโฆษกรัฐ" ยืนยัน "ไม่มีมวยล้มต้มคนดู" กรณี 198 ชื่อขรก.เอี่ยวทุจริตแน่ ชี้ต้องทำให้รอบคอบ ตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งก่อนเชือด ไม่ได้เงียบหายไปแน่
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2558 เวลา 21:00 น.
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายชื่อข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น จำนวน 198 รายชื่อ ที่ทางศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ว่า รัฐบาลยังดำเนินการเรื่องดังกล่าว ไม่ได้เงียบหายไป เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐาน และข้อมูลในข้อกล่าวหาของข้าราชการแต่ละราย แม้เราได้รับข้อมูลมาแล้วในรอบแรก แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งให้รอบคอบและชัดเจนก่อนจะตัดสินใจดำเนินการอะไรต่อไป ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่กลายเป็นมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน มิฉะนั้นรัฐบาลไม่ประกาศเรื่องของรายชื่อข้าราชการ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นให้สังคมรับทราบ

เมื่อถามว่านายกฯ ได้กำหนดกรอบเวลาการตรวจสอบรายชื่อดังกล่าวหรือไม่ เพื่อจะได้จัดการส่วนนี้โดยเร็ว พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้กำหนดกรอบเวลา แต่ทุกคนและทุกหน่วยงานคงทราบอยู่แล้วว่าต้องเร่งรัดเรื่องดังกล่าว โดยต้องทำบนพื้นฐานของความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ.

ฟัน'198ขรก.'เอี่ยวทุจริต! ยันไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู | เดลินิวส์

 

สหรัฐปฏิเสธส่งระเบิดดาวกระจายให้ซาอุฯถล่มเยเมน



กองทัพสหรัฐปฏิเสธจัดส่งระเบิดดาวกระจายให้กองทัพซาอุดีอาระเบียนำไปใช้โจมตีกลุ่มกบฏในเยเมน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเผยเพียงเร่งตรวจสอบข้อกล่าวหา ที่มาจากรายงานของ "ฮิวแมน ไรท์ส วอท์ช"
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558 เวลา 8:49 น.

<iframe width="750" height="500" src="https://www.youtube.com/embed/dQNRHryChRw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์เรื่องการเร่งตรวจสอบรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชน "ฮิวแมน ไรท์ส วอท์ช" ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์โดยระบุว่า กองทัพซาอุดีอาระเบียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มกบฏฮูตีในเยเมนโดยใช้ระเบิดหลายประเภท ที่รวมถึงระเบิดดาวกระจายหรือระเบิดพวงซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพสหรัฐ

เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า รัฐบาลวอชิงตันให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในชีวิตของชาวเยเมน และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายสากล เพื่อลดอัตราการเกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน ขณะที่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหม ( เพนตากอน ) ปฏิเสธการใช้ระเบิดดาวกระจายในเขตที่อยู่อาศัย และยืนยันระเบิดชนิดนี้ใช้เพื่อการโจมตีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น

ทั้งนี้ ฮิวแมน ไรท์ส วอท์ช วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่เพาะปลูกของจังหวัดซาดา ทางตอนเหนือของเยเมน ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีระเบิดชนิดนี้ตกกระจายอยู่ในรัศมี 600 เมตรของเขตที่อยู่อาศัย ซึ่งอาวุธดังกล่าวเป็นสิ่งต้องห้ามตามที่บัญญัติเอาไว้ในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการห้ามใช้ระเบิดดาวกระจาย เมื่อปี 2551 ซึ่งมี 116 ประเทศร่วมลงนาม แต่ไม่มีสหรัฐและซาอุดีอาระเบียรวมอยู่ด้วย

สหรัฐปฏิเสธส่งระเบิดดาวกระจายให้ซาอุฯถล่มเยเมน | เดลินิวส์

 

เลือกตั้งอังกฤษชี้ชะตาอนาคตในอียู
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ยืนยันการจัดลงประชามติกำหนดอนาคตของอังกฤษในอียู หากชนะการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค. นี้ ขณะที่พรรคแรงงานชี้การปรับโครงสร้างอียูสำคัญกว่า วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558 เวลา 12:00 น.





สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ว่าสถานีโทรทัศน์บีบีซีออกอากาศเทปบันทึกการสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ผู้นำอังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งผู้นำอังกฤษกล่าวอย่างหนักแน่นในตอนหนึ่ง ว่าจะจัดการลงประชามติว่าด้วยอนาคตของสหราชอาณาจักรในสหภาพยุโรป ( อียู ) ภายในปี 2560 หากสามารถนำพรรคอนุรักษ์นิยมชนะการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค. นี้ และรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเอาไว้ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

นโยบายดังกล่าวของพรรคอนุรักษ์นิยมสวนทางกับพรรคแรงงานอย่างชัดเจน ซึ่งหัวหน้าพรรค คือนายเอ็ด มิลิแบนด์ ยืนยันคัดค้านการลงประชามติ เนื่องจากจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร แต่เห็นพ้องเรื่องการปฏิรูปโครงการการทำงานของอียูเพื่อให้มีการกระจายอำนาจมากขึ้น ขณะที่นายไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรคเอกราชสหราชอาณาจักร ( ยูคิป ) ซึ่งชูนโยบายสนับสนุนให้ประเทศถอยห่างจากอียู กล่าวเป็นนัยว่า ยากที่คาเมรอนจะเดินหน้าในเรื่องนี้ต่อได้ หากขาดการสนับสนุนจากพรรคยูคิป อย่างไรก็ตาม ฟาราจกังวลว่า การลงประชามติอาจไม่มีความยุติธรรมเพียงพอ

ด้านผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนโดยสำนักวิจัยยูกอฟร่วมกับหนังสือพิมพ์ "เดอะ ซัน" เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ ปรากฏว่า พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนิยมนำเหนือพรรคแรงงานที่ร้อยละ 34 ต่อ 33 กระนั้นผู้สันทัดกรณีเชื่อว่า ไม่น่ามีพรรคใดครองเสียงข้างมากพรรคเดียวได้อย่างเด็ดขาดในสภาสามัญ หรือสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีสมาชิก 650 ที่นั่ง

เลือกตั้งอังกฤษชี้ชะตาอนาคตในอียู | เดลินิวส์

 

ประธานาธิบดีจีนต้อนรับหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง



ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต้อนรับนายอีริก ชู ประธานพรรคก๊กมินตั๋งของไต้หวัน ถือเป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 7 ปี ระหว่างผู้นำแผ่นดินใหญ่กับหัวหน้าพรรครัฐบาลของไต้หวัน วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558 เวลา 13:45 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ให้การต้อนรับนายอีริก ชู ประธานพรรคก๊กมินตั๋ง ภายในมหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง และมีการหารือระดับทวิภาคีร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังคงปฏิเสธเผยประเด็นสำคัญของการหารือ เว้นแต่เพียงว่าเป็นการพบปะกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 7 ปี ระหว่างประธานาธิบดีจีนกับประธานพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลชุดปัจจุบันของไต้หวัน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2548 นายเหลียน ชาน ประธานพรรคก๊กมินตั๋งในเวลานั้น เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อเข้าพบกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ผู้นำจีนในเวลานั้น เพื่อบรรเทาความสัมพันธ์อันตึงเครียด จากการที่ประธานาธิบดีเฉิน สุย-เปี่ยน ผู้รำรัฐบาลไทเปในยุคนั้น มีนโยบายต้องการให้ไต้หวัน "เป็นอิสระ" จากแผ่นดินใหญ่มากขึ้น สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้แก่ทางการปักกิ่ง

ขณะที่ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่า การเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของเหลียน คือการปูทางครั้งสำคัญให้กับนโยบายกระชับมิตรกับแผ่นดินใหญ่ ของประธานาธิบดีหม่า อิง-จิ่ว ผู้นำไต้หวันคนปัจจุบัน ซึ่งส่งนายอู๋ โป๋-สง เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง เมื่อปี 2551 ถือเป็นการปรากฏตัวในแผ่นดินใหญ่ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากไต้หวันครั้งล่าสุด ก่อนการเดินทางเยือนของชู

ประธานาธิบดีจีนต้อนรับหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง | เดลินิวส์

 

คลื่นยักษ์ถล่มอเมริกาใต้ เม็กซิโกถึงชิลี/ตาย3ศพ!



เกิดคลื่นพายุซัดฝั่งหรือ "สตอร์มเซิร์จ" จากน้ำทะเลหนุนเนื่องฉับพลัน ทำให้มีคลื่นสูง 4 เมตรซัดตลอดแนวชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ไล่ตั้งแต่เม็กซิโกจนถึงชิลี เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 ศพ วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2558 เวลา 18:22 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกรุงปานามาซิตี้ ประเทศปานามา เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่า คลื่นพายุซัดฝั่งแถบตะวันตกของประเทศลาตินอเมริกาตั้งแต่เม็กซิโกจนถึงชิลี คร่าชีวิตผู้คน 3 ศพ สูญหาย 1 รายและประชาชนหลายร้อยคนถูกอพยพไปยังที่ปลอดภัย โดยที่ปานามา มีคนถูกคลื่นยักษ์ซัดถล่มจนเสียชีวิต 1 ราย ทำให้ทางการต้องประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง ขณะที่เม็กซิโกมีคนจมน้ำตายเพราะคลื่นยักษ์บริเวณชายหาดเมืองตากอากาศอาคาปุลโก ซึ่งคลื่นขนาดความสูง 4 เมตรซัดถล่มบ้านพักริมทะเลและถนนหลายสายน้ำท่วม

ส่วนเหยื่อรายที่ 3 อยู่ในเมืองวัลปาไรโซในชิลีเป็นชาวยุโรปถูกคลื่นยักษ์ซัดจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ 1 คน นอกจากนี้ ที่เอลซัลวาดอร์มีรายงานเด็กชายวัย 14 ปีสูญหายใกล้เมืองพลายาเมทาลิโอ ประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือและอีกราว 400 คนถูกอพยพไปยังที่ปลอดภัย เพราะคลื่นยักษ์สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนตลอดแนวชายฝั่งกว่า 50 หลัง

อีกด้านหนึ่งที่ญี่ปุ่น คลื่นสึนามิขนาดเล็กความสูงครึ่งเมตรซัดชายฝั่งเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อเช้าตรู่วันอาทิตย์ หลังมีแผ่นดินไหว เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหว 5.7แมกนิจูด ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้ราว 456 กิโลเมตรหลังจากนั้น มีคำเตือนคลื่นสึนามิความสูงราว 1 เมตร กระหน่ำเกาะอิซู ทางใต้ของกรุงโตเกียวและหมู่เกาะโองะซาวารา อยู่ทางใต้สุดในมหาสมุทรแปซิฟิก

ต่อมารายงานแจ้งว่า คลื่นสึนามิสูงราว 50 เซนติเมตรซัดชายฝั่งเกาะฮาชิโจจิมะ หนึ่งในหมู่เกาะอิซูและยังเกิดคลื่นสึนามิอีกหลายลูกพัดกระหน่ำชายฝั่งเกาะเล็กๆ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศยกเลิกเตือนภัยสึนามิ

คลื่นยักษ์ถล่มอเมริกาใต้ เม็กซิโกถึงชิลี/ตาย3ศพ! | เดลินิวส์

 

เรือบรรทุกปุ๋ยเคมี 180 ตันล่มนอกฝั่งคอสตาริกา



ทางการคอสตาริกาประกาศลดระดับเตือนภัย หลังยังไม่พบความผิดปกติในทะเลนอกชายฝั่งด้านตะวันตกของประเทศ ที่เกิดเหตุเรือบรรทุกแอมโมเนียมไนเตรตซึ่งเป็นส่วนประกอบของปุ๋ยเคมี ปริมาณ 180 ตัน จมในทะเลเมื่อวันเสาร์ วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558 เวลา 5:02 น.

เว็บไซต์ข่าวอัลจาซีรา รายงานเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่า คณะกรรมการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติคอสตาริกา (ซีเอ็นอี) ประกาศเหตุฉุกเฉิน เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำและจับปลา ในทะเลนอกชายฝั่งเมืองปุนตารีนาส ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันตกของกรุงซันโฮเซราว 90 กิโลเมตร หลังเกิดเหตุเรือบรรทุกแอมโมเนียมไนเตรตอับปางในอ่าวนิโกยา เมื่อวันเสาร์ ส่งผลให้สารเคมีปริมาณ 180 ตัน ปนเปื้อนลงสู่ทะเล

เรือลำดังกล่าวบรรทุกแอมโมเนียมไนเตรต เพื่อนำส่งให้กับบริษัทเฟอร์ติลิซานเตส เด เซนโตรอเมริกา หรือเฟอร์ติกา โดยขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือลูกเรือ 2 คนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย สำนักข่าวตีโกไทมส์รายงานว่า ทางการคอสตาริกากำลังประชุมอย่างเร่งด่วน เพื่อหาทางรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

แอมโมเนียมไนเตรต เป็นสารเคมีที่มักนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตปุ๋ย และยังเป็นส่วนผสมในการผลิตระเบิดด้วย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายหากสัมผัสกับสารโดยตรง ขณะที่นางกลาวเดีย อากราซ เออร์นันเดซ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

เธอให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวเอลปายส์ว่า สารดังกล่าวอาจทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของสาหร่ายเซลล์เดียว จนนำไปสู่ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (เรดไทด์) ทำให้ปริมาณอ็อกซิเจนในน้ำลดลง และส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ยังอาจกระทบต่อสารอาหารในทะเลตามแนวชายฝั่ง คุณภาพของน้ำ รวมไปถึงการทำประมงและระบบนิเวศน์ในป่าโกงกางด้วย

ตีโกไทมส์รายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ ซีเอ็นอีได้ลดระดับการเตือนภัยลงจากสีแดงเป็นสีเหลือง ซึ่งแนะนำให้ประชาชนสามารถลงเล่นน้ำได้ แม้จะยังต้องรอผลทดสอบตัวอย่างน้ำอีก 72 ชั่วโมงก็ตาม โดยนางมาเรีย ฟุลเมน รมช.กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เผยว่า ความเปลี่ยนแปลงที่พบคือมีปลาตายเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อหาผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไป.

ที่มา:

Costa Rica issues alert over ammonium nitrate spill - Al Jazeera English

UPDATE: Costa Rican officials downgrade alert following ammonium nitrate spill in Nicoya Gulf — The Tico Times

เรือบรรทุกปุ๋ยเคมี 180 ตันล่มนอกฝั่งคอสตาริกา | เดลินิวส์

 

ตร.บัลติมอร์ขยายเวลาเคอร์ฟิว
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 พ.ค. 2558 02:05


(ภาพ: AP Photo)

เมื่อ 2 พ.ค. เจ้าหน้าที่ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ ในสหรัฐฯ ขยายเวลาประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 10.00-05.00 น.ออกไปอีก ท่ามกลางกำลังทหารเกือบ 3,000 นาย ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือรักษาความสงบภายในพื้นที่

ขณะที่ประชาชนหลายพันคนออกมาเดินขบวนตามท้องถนน ทั้งโห่ร้องและเต้นรำด้วยความยินดี โดยไม่เกรงกลัวคำสั่งเคอร์ฟิวและแม้จะถูกจับกุมหลายสิบคน หลังทางการจับกุมตำรวจ 6 นาย รวมตำรวจผิวสี 3 นาย ตั้งข้อหาอาญาทั้งเจตนาฆ่าคนตายและทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายโดยประมาท จากการเสียชีวิตของนายเฟรดดี เกรย์ ชาวอเมริกันผิวสี อายุ 25 ปี เพราะการจับกุมด้วยความรุนแรงของตำรวจ ซึ่งชาวเมืองบัลติมอร์ต่างมองว่า ต้องการเห็นความยุติธรรม ในบัลติมอร์และชุมชนอื่นๆ ซึ่งคนกลุ่มน้อยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

ส่วนกลุ่มนักธุรกิจและร้านค้าก็เรียกร้องให้ประกาศยุติเคอร์ฟิวในเมืองบัลติมอร์ ซึ่งกระทบต่อธุรกิจค้าขายอย่างรุนแรง รวมถึงให้ถอนกำลังทหารออกนอกพื้นที่ อีกทั้งทางเอซีแอลยู สาขารัฐแมรีแลนด์ ซึ่งเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ใหญ่สุดในสหรัฐฯยังมองว่า เคอร์ฟิวใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป ขณะที่ไบรอัน มัวร์ ตำรวจนอกเครื่องแบบวัย 25 ปี ถูกยิงศีรษะบาดเจ็บสาหัส ขณะเข้าสอบปากคำชายคนหนึ่งในรถยนต์ ในมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ โดยผู้ต้องสงสัยก่อเหตุถูกจับไปสอบสวนแล้ว.

ตร.บัลติมอร์ขยายเวลาเคอร์ฟิว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์