ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    นครปักกิ่งซัดทำเนียบขาวกลับกรณีออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเตรียมขบวนพาเหรดทางกองทัพรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่2ของจีน

    [​IMG]

    ---------------
    ก่อนหน้านี้นาย Evan Medeiros ที่ปรึกษาระดับสูงของโอบาม่าในภูมิภาคเอเซียออกมากล่าวเชิงตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีที่จีนจะจัดงานเดินสวนสนามทางกองทัพเพื่อรำลึกวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ คล้ายกับที่รัสเซียกำลังจะจัดขึ้นที่กรุงมอสโคว์ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ว่า เขารู้สึกแปลกใจว่า "ขบวนพาเหรดทางทหารขนาดใหญ่โดยปรกติแล้วจะเป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง (reconciliation) ที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในส่วนอื่นๆของโลกหรือไม่? เราต้องการให้ภูมิภาคนี้ก้าวข้ามมันไป ยกตัวอย่างเช่น เพื่อให้ภูมิภาคนี้ (เอเซีย) สามารถตระหนักถึงศักยภาพในการเป็นผู้ขับเคลื่อนความเติบโตทั่วโลก ดังนั้นเมื่อพวกเรา (รัฐบาลสหรัฐฯ) คิดเกี่ยวกับคำถามทางประวัติศาสตร์เหล่านี้แล้ว และเมื่อเราคิดคำนึงการเฉลิมฉลองในประเทศจีนในครั้งนี้ นี่คือสิ่งที่พวกเรากำลังมองหาในการพิจารณา"
    พอจีนกับรัสเซียจะจัดขบวนพาเหรดทางกองทัพ เพื่อประกาศแสนยานุภาพทางอาวุธและทหาร สหรัฐฯก็บอกว่าให้ก้าวข้ามอดีตไป อย่ามารำลึกถึงมันอีกเลย ตัวเองไม่มีขบวนพาเหรดในประเทศแต่ขยายอำนาจทางกองทัพและเทคโนโลยีทางทหารไปทั่วทุกมุมโลกนี่นะ บอกให้คนอื่นอย่าทำ ให้ตัวเองทำได้ฝ่ายเดียวเท่านั้น ตลกแหละอเมริกา!
    ภาษาทางการทูตมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ตีโวหารกันแบบนักการเมืองอย่างนี้แหละ ก็บอกไปตรงๆเลยว่าสหรัฐฯไม่อยากให้จีนจัดพิธีสวนสนามอย่างรัสเซีย เพราะมันจะทำให้ทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯรวมทั้งยุโรปเกิดอาการขาสั่นเหมือนกับที่สหรัฐฯออกตัวคัดค้านการก่อตั้งธนาคาร AIIB ที่นำโดยจีนแต่ไม่เป็นผลซะก็สิ้นเรื่อง จะเล่นสำนวนให้ดูโก้อะไรมากมายขนาดนั้น
    เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯส่งระดับที่ปรึกษาออกมาหยั่งเชิงดูจีนอย่างนี้ มีหรือที่จีนจะยอมให้กดหัวอีกต่อไป นี่มันสมัยไหนแล้วไม่ใช่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ถูกญี่ปุ่นกดหัวอยู่ได้ ดังนั้นทางจีนจึงส่งนาย Geng Yansheng โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีนออกมาแสดงความคิดเห็นตอบโต้และสั่งสอนสหรัฐฯในทันทีว่า "ผิด! (wrong!) บอกพวกที่ลืมประวัติศาสตร์เหล่านั้นว่ามันจะซ้ำรอยเดิมอีก" (คนเอเซียก็อย่างนี้แหละครับ ใจตรงกับปาก ไม่ต้องอ้อมค้อมให้ยืดยาดเสียเวลา สไตล์การพูดของทหารกับนักการเมืองนั้นต่างกัน หมายถึงกรณีจีนกับสหรัฐฯนะ)
    โฆษกกลาโหมของจีนกล่าวย้ำอีกว่า "คำพูดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นั้นไม่ถูกต้อง หากเราไม่เผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์แล้ว เราอาจจะจบลงด้วยการกระทำผิดซ้ำอีกเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วรวมถึงการเกิดโศกนาฎกรรมในประวัติศาสตร์ซ้ำอีกก็ได้" (โย่! ชอบใจคำพูดโฆษกกลาโหมของจีนจริงๆอ่ะ)
    Geng Yansheng กล่าวเพิ่มอีกว่า "จุดมุ่งหมายของเราก็คือจดจำประวัติศาสตร์ไว้เสมอ ถนอมความทรงจำจากผู้ที่ได้รับความทุกข์ทรมาน ให้คุณค่ากับสันติภาพและมองไปข้างหน้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของคนจีนและคนอื่นๆที่จะรักษาไว้ซึ่งสันติภาพของโลก"
    เอากับจีนดิ... เมื่อสหรัฐฯอ้างสันติภาพและสิทธิมนุษยชนในการขยายอำนาจทางกองทัพของตนไปทั่วโลกได้ แล้วทำไมจีนกับรัสเซียและประเทศอื่นๆจะอ้างและทำอย่างนั้นบ้างไม่ได้ จีนกับรัสเซียไม่เคยไปรุกรานสหรัฐฯหรืออังกฤษหรือแม้กระทั่งญี่ปุ่นมาก่อน แต่ผู้ที่เคยทำอย่างนั้นกับจีนก็คือตะวันตกกับญี่ปุ่น และผู้ที่กำลังคุกคามและทำลายสันติภาพของโลกอยู่ในขณะนี้ก็คือสหรัฐฯ เพราะไม่สามารถควบคุมความโลภของตัวเองเอาไว้ได้ ผิดหรือที่จีนจะเอาประวัติศาสตร์มาเป็นเครื่องเตือนใจตัวเองและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นกับจีนอีก
    ช่วงนี้สหรัฐฯเริ่มกระวนกระวายนั่งไม่ติด เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียกำลังเบ่งบานท้าทายการจัดระเบียบโลกที่ออกแบบโดยสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียไม่ได้มีเฉพาะในเรื่องของการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุนเท่านั้น ยังรวมถึงด้านกองทัพและเทคโนโลยีด้วย จะเห็นได้จากการเริ่มซ้อมรบร่วมกันระหว่างสองประเทศซึ่งบางคนอาจจะมองว่าเป็นการท้าทายการซ้อมรบของฝั่งนาโต้บ้าง และคาดว่าคงจะมีตามมาอีกหลายรอบ นอกจากนี้รัสเซียยังได้เชิญให้จีนมาร่วมมือกับรัสเซียในการสร้างสถานีวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่จะจัดขึ้นที่ฐานบนดวงจันทร์ในปี 2024 ด้วย รัสเซียบอกไม่เอาแล้วกับสหรัฐฯ ไปร่วมมือกับจีนปลอดภัยกว่า ไม่มีการลอบแทงข้างหลัง อย่างน้อยสายสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียตั้งแต่สมัยโซเวียตก็ยังยาวนานกว่าสหรัฐฯซะอีก
    The Eyes
    03/05/2558
    ----------
    Beijing Slams White House Over WWII Military Parade Criticism / Sputnik International
    Blooming Bromance: Russia-China Alliance Challenges US-Designed World Order / Sputnik International
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ผู้นำเยอรมันจะเดินทางไปพบปูตินในวันที่ 10 พ.ค., รัฐบาลแคนาดาฉุนและอยากรู้ว่าอดีตนายกฯแคนาดาคุยอะไรกับปูตินบ้าง
    [​IMG]

    ---------------
    อรุณสวัสดิ์ท่านผู้อ่านและสมาชิกแฟนเพจทุกท่านครับผม... เอ้อ… วันนี้มาแปลก เขียนไปก็ขำตัวเองไปนะนี่ ฮ่าๆๆ ไม่เคยเห็นแอ็ดมินทักทายแฟนเพจอย่างนี้มาก่อน ก็พึ่งนึกได้อ่ะ ส่วนดีๆในวัฒนธรรมไทยของเราก็ยังมีอยู่ ก็ช่วยกันรักษาไว้ก็ไม่เสียหายอะไรใช่ป๊ะ? มาอัพเดทข่าวเช้าวันอาทิตย์กันซักข่าวก่อนนะ จากที่ได้เกริ่นไว้ในโพสต์ก่อนหน้านี้ (แอ็ดมินพูดไทยคำอังกฤษคำปนกันก็อย่าถือสาเลยนะครับ คิดซะว่าเป็นสีสรรก็แล้วกัน นี่ถ้าพูดภาษารัสเซียกับภาษาจีนหรือภาษามนุษย์ต่างดาวได้ก็คงจะมีหลุดไปบ้างแล้วหละ)
    เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.58) สำนักข่าว sputnik ของรัสเซียรายงานจากกรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมันว่า Angela Merkel นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมันให้สัมภาษณ์กับสื่อฯเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าเธอจะเดินทางไปเยี่ยมกรุงมอสโคว์ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2558 นี้เพื่อเป็นเกียรติแก่การรำลึกถึงประชาชนหลายล้านคนที่ถูกสังหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก แม้ว่าจะมีความเห็นไม่ตรงกันบางประการระหว่างกรุงเบอร์ลินกับกรุงมอสโคว์อยู่บ้าง
    งานวันที่ 9 พ.ค.58 ที่จะถึงนี้เป็นงานครบรอบ 70ปีที่กองทัพโซเวียตมีชัยเหนือกองทัพนาซีในเยอรมันนี มีผู้นำประเทศต่างๆเข้าร่วมราว 26 ประเทศในงานเฉลิมฉลองดังกล่าว Angela Merkel จะไม่เข้าร่วมนี้ด้วย (คงทำใจยากอ่ะ อีกทั้งสหรัฐฯก็ขวางไม่ให้ไปด้วย ไหนจะพวกนีโอนาซีขู่ว่าจะถล่มอาคารรัฐสภาเยอรมันในวันที่ 9 ด้วย ขืนไปก็ซวยกันพอดี)
    ผู้นำเยอรมันกล่าวว่า "ในวันที่มีการโต้เถียงกันเป็นอย่างมากระหว่างรัสเซียและพวกเรา [เยอรมันนี] รวมถึงปัญหาที่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ยูเครนกันแน่ อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญต่อฉันที่จะร่วมกันวางพวงมาลาบนหลุมฝังศพของทหารนิรนามในวันที่ 10 พฤษภาคมพร้อมกับประธานาธิบดีของรัสเซีย"
    ก็พอจะเข้าใจนะว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันนี้เยอรมันนีและอียูนั้นจะเลือกคบใครหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้นไม่ได้ ถ้าเชื่อสหรัฐฯมากก็จะถูกครอบงำซึ่งตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว การพยายามคลานออกจากเงามืดของจักรวรรดิอเมริกานั้นจะทำในทันทีทันใดไม่ได้ มันอันตรายต่อเยอรมันเกินไป ครั้นจะปฏิเสธไมตรีจากรัสเซียก็ยิ่งจะทำให้อเมริกาลำพองใจยิ่งขึ้นไปอีก
    ครั้นจะเข้าร่วมงาน V-Day ในวันที่ 9 ก็จะทำให้สหรัฐฯโกรธหน้ามืดฟาดหัวฟาดหางฟาดงวงฟาดงาขึ้นมาทำอะไรบ้าๆลงไปแล้วมันจะยุ่งไปกันใหญ่ จึงจำเป็นต้องแบ่งรับแบ่งสู้ เอางี้... ไม่ไปดูงานแสดงสวนสนามและโชว์อาวุธรุ่นใหม่ของรัสเซียในวันที่9ก็ได้ แต่จะไปวางพวงมาลาไว้อาลัยให้กับเหล่าทหารนิรนามที่กรุงมอสโคว์ในวันรุ่งขึ้นก็แล้วกัน อเมริกาก็ตำหนิไม่ได้ ปูตินก็ไม่ว่าอะไร และยังได้มีโอกาสคุยปัญหาคาใจร่วมกับปูตินได้อีกด้วย การเมืองมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับผม
    คราวนี้ก็มาดูอีกข่าวที่น่าสนใจเช่นกัน วันก่อนลงข่าวบางส่วนให้ว่าปูตินเชิญเหล่าอดีตผู้นำอาวุโสระดับโลก (Elders) เข้าพบเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน และลงข่าวไปว่าปูตินมีกำหนดพบกับอดีตนายกฯของแคนาดาในเร็วๆนี้ และแล้ววันนี้ก็มาถึง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานาย Jean Chretien อดีตนายกฯของแคนาดาก็เดินทางมาเป็นแขกของปูตินอย่างเป็นทางการ เล่นเอารัฐบาลชุดปัจจุบันและสื่อฯของแคนาดานั่งไม่ติดจินตนาการไปต่างๆนานา
    งานนี้ sputnik news ปากจัดเจ้าประจำก็บอกว่าสื่อฯฝั่งอนุรักษ์นิยมและคนในรัฐบาลของนาย Stephen Harper นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของแคนาดาออกอาการ "go bananas" มันแปลว่าอย่างไรหรือไอ้เจ้าคำว่า "go bananas" นี่? ไม่ได้แปลว่าไปกล้วยๆ หรือไปสบายๆ นะฮ่าๆๆ เขาหมายถึงออกอาการ "คลุ้มคลั่ง กระวนกระวาย นั่งไม่ติด" เหมือนลิงเห็นกล้วยแล้วอยากจะกินแต่ยังไม่ได้กินนั่นแหละ ปากสื่อฯรัสเซียนี่...อื่ม อย่าได้ไปตอแยด้วยเป็นอันขาดเชียว ครั้งก่อนโปโรเชนโก้ ปธน.ของยูเครนก็โดนไปครั้งหนึ่งแล้ว เล่นซะจุกเลย คราวนี้แคนาดาโดนมั่ง
    Jean Chretien เข้าพบกับปูตินนั่งคุยกันแบบ face-to-face (อย่างในภาพนั่นแหละ) ในนามของ "สภาปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศ" (ผู้แปล) InterAction Council ซึ่งเป็นกลุ่มของอดีตผู้นำระดับโลกที่คอยให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองระดับโลก และปัหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม แล้วเขาพูดเรื่องอะไรกัน? มันเป็นความลับบอกได้แค่นี้ ก็ข่าวเขาลงให้แค่นี้อ่ะ ที่เหลือยาวๆนั้นก็เป็นการวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อฯของแคนาดาบางรายและจากฝั่งรัฐบาลของแคนาดาเท่านั้น
    ท่าทีของรัฐบาลแคนาดาสมัยนี้ก็ยังเหมือนกันกับของฝั่งสหรัฐฯนั่นแหละ คือมองรัสเซียเป็นศัตรูและเป็นภัยคุกคามต่อตัวเอง และบออกว่าการที่ Jean Chretien เข้าพบกับปูตินในครั้งนี้ไม่ได้กระทำในนามของรัฐบาลแคนาดา อ้าว! อันนี้ใครๆก็รู้อยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้มีบทบาทอะไรในรัฐบาลปัจจุบันอยู่แล้ว ที่รีบออกตัวอย่างนี้กลัวว่าอเมริกาจะระแคะระคายแคนาดาหรือเปล่า? คงกลัวว่าสหรัฐฯจะไม่พอใจแคนาดาหละสิ นี่ขนาดฝั่งรัสเซียและคู่สนทนายังไม่ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับประเด็นที่ปรึกษาหารือกันเลยนะ ทั้งสื่อฯและนักการเมืองก็มโนเป็นตุเป็นตะได้มากขนาดนี้ ก็สมแล้วที่สื่อฯรัสเซียจะเรียกว่า go bananas หนะ
    The Eyes
    03/05/2558
    ----------
    Visit to Moscow on May 10 Important Despite Tensions With Russia - Merkel / Sputnik International
    Harper Government Furious and Curious Over Ex-PM's Meeting With Putin / Sputnik International
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    2 May 2014 : คือวันที่นีโอนาซียูเครนจุดไฟเผาชาวยูเครนด้วยกันทั้งเป็น 48 ศพบาดเจ็บอีกร่วม 200 คน (18+)

    [​IMG]

    ---------------
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่การเมืองไทยกำลังวิกฤตอย่างหนักเฉียดเกิดสงครามกลางเมืองและการเผาบ้านเผาเมืองเป็นรอบที่3 เชื่อว่ามีน้อยคนนักที่จะรู้ความเป็นไปในยูเครนในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะทุกคนในประเทศเราต่างก็ใจจดใจจ่ออยู่กับสถานการณ์ภายในประเทศ เมื่อวานนี้ครบรอบวันเผาจุดไฟครอกเผาคนทั้งเป็นหลายสิบคนในเมือง Odessa ประเทศยูเครน สำนักข่าวเกือบทุกแห่งในรัสเซียต่างก็ลงข่าวนี้ ยกเว้นสื่อฯกระแสหลักของอเมริกา ภาพบางภาพที่นำมาแสดงให้ดูนี้เป็นที่น่าสลดหดหู่ใจเป็นอย่างย่ิง ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อชี้ให้เห็นว่าเมื่อความเกลียดชังกันถูกปลุกเร้าให้คนในชาติคลั่งเพราะเหล่านักการเมืองและต่างชาติ มนุษย์ก็สามารถที่จะทำอะไรเลวยิ่งกว่าเตรัจฉานซะอีก เดชบุญที่ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นในบ้านเมืองของพวกเรา
    เมื่อวานนี้ประชาชนชายูเครน รัสเซีย และทั่วโลกต่างก็ออกมาเดินตามท้องถนนเพื่อแสดงออกทางสัญลักษณ์และไว้อาลัยในการครบรอบการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมที่เมืองโอเดสซาประเทศยูเครน (Odessa massacre) ปีที่แล้วมีนักกิจกรรมจำนวน 48 คนถูกจุดไฟเผาครอกย่างสดและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 200 คนที่อาคารสหภาพการค้าท้องถิ่นในยูเครน (Odessa เป็นเมืองท่าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยูเครนเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของริมฝั่งทะเลดำ)
    เมื่อวานนี้มีผู้ไปร่วมไว้อาลัยที่หน้าตึก Trade Unions ในเมือง Odessa ประมาณ 5,000 คน ทางรัฐบาลของยูเครนส่งกองทัพติดอาวุธหนัก 3,000 นายทั้งตำรวจและทหารเดินกันขวักไขว่ในเมือง Odessa เช่นกัน อ้างว่าเพื่อป้องกันการเกิดเหตุรุนแรง ในกรุงเคียฟก็มีการเดินขบวนประมาณ 2,000 คนร่วมไว้อาลัยให้กับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในโศกนาฎกรรมครั้งนั้น ภายใต้กิจกรรมที่เรียกว่า "Kiev Remembers Odessa" (กรุงเคียฟยังจดจำโอเดสซาได้ไหม?) และชูป้าย "ชายชุดดำคนนั้นคือใคร" (หมายถึงตัวบงการก่อเหตุ) ในกรุงเคียฟก็มีการจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงหลายคน ตำรวจอ้างว่าขอเชิญกลุ่มผู้ประท้วงบางคนไปยังสถานีตำรวจ ที่กรุงมอสโคว์มีประชาชนราว 1,000 คนไปรวมตัวกันประท้วงที่หน้าสถานทูตยูเครน ที่อังกฤษก็มีการเดินขบวนประท้วงในกรณีนี้ด้วยเช่นกัน
    + ย้อนรอยเหตุการณ์เผาหมู่ที่ Odessa เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2557 (Fiery pogrom)
    ---------------
    มาดูซิว่าวันนั้น 2 พ.ค.57 มันเกิดอะไรขึ้นที่ Odessa กันบ้าง มีนักกิจกรรมกลุ่มโปร-เคียฟ (pro-Kiev aactivists) ราว 2,000 คนออกมารวมตัวกันเดินขบวนอยู่บนท้องถนนในเมือง Odessa เพื่อสนับสนุนรัฐบาลใหม่ที่อเมริกาจัดตั้งให้ของยูเครน บางคนเป็นพวกแฟนฟุตบอลหัวรุนแรง ส่วนพวกต่อต้านรัฐบาล (anti-government activists) ก็จัดม็อบของตัวเองต่างหากเช่นกัน เมื่อทั้งสองม็อบมาเจอกันก็เกิดการปะทะกัน กลุ่มนี้ (anti-government) ออกมาเรียกร้องให้ภูมิภาค Odessa แยกตัวออกจากการปกครองของกรุงเคียฟแบบเดียวกันกับโดเนทส์กและลูฮานส์กในยูเครนตะวันออก
    สนามรบบนท้องถนนในครั้งนี้พวกนักรบโปร-เคียฟได้เปรียบจึงไล่ต้อนฝ่ายตรงข้ามให้ถอยร่นไป มีการปะทะกันเพิ่มขึ้นหลายรอบ และบานปลายออกไปเมื่อพวกโปร-เคียฟหัวรุนแรงบุกเข้าถึงเต้นท์ที่พักของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในสวนสาธารณะ Kulikovo Field หน้าอาคาร Trade Union ซึ่งมีกลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลรวมตัวกันอยู่หลายร้อยคน แคมป์ที่พักตรงนี้เป็นฐานหลักของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซึ่งตั้งมาได้หลายอาทิตย์แล้ว เมื่อพวกโปร-เคียฟตามมาถึงก็พากันทำลายค่ายที่พักของกลุ่มตรงข้ามและใช้ขวดบรรจุน้ำมันทำเป็นระเบิดเพลิงจุดไฟเผาเต้นท์และค่ายที่พักของพวกต่อต้านรัฐบาลซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า เมื่อกลุ่มต่อต้านรัฐบาลสู้ไม่ได้บางส่วนก็แตกกระจายวิ่งหนีไปที่อื่น บางส่วนก็พากันวิ่งเข้าไปหลบภัยอยู่ในอาคาร Trade Union แทน
    อะไรจะเกิดขึ้นลองเดาดูสิ... ก็คนมันคลั่งแล้ว มันบ้าแล้ว มันอยากจะเผาอย่างเดียว เพื่อความสะใจ ยิ่งได้ชัยก็ยิ่งฮึกเหิมสิ พวกที่อยู่ข้างนอกบางคน (โปร-เคียฟ? ชายชุดดำ? มือที่มองไม่เห็นแต่จับภาพได้?) ก็ปาระเบิดเพลิงที่เตรียมเอาไว้แล้วเข้าไปในตัวอาคาร Trade Union ที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลบางส่วนเข้าไปหลบภัย ไฟลุกไหม้ภายในตัวอาคาร มีผู้เสียชีวิตด้วยกันทั้งหมด 48 รายจากควันไฟ เนื่องจากขาดอากาศหายใจและถูกไฟครอกเผาทั้งเป็นจนตาย หรือบางคนพลัดตกลงมาจากตึกจนเสียชีวิตในขณะที่พยายามหนีตายจากไฟไหม้ บางคนที่หลบหนีออกมาจากไฟไหม้ได้ก็ถูกพวกหัวรุนแรงรุมทำร้ายซ้ำอยู่ข้างนอกอีก
    Igor Nemodruk ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า "เราเห็นผู้คนกระโดดจากหน้าต่างอาคารลงมาที่สนามหญ้า ผู้คนที่อยู่ด้านนอกพากันวิ่งเข้ากรูไปหาพวกที่กระโดดลงมาและรุมทุบที่ศรีษะของพวกเขา มีคนถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ ต่อมาพวกเราก็พบบนอินเตอร์เน็ท มีผู้คนอยู่หลายกลุ่มหลายประเภทรวมอยู่ในฝูงชนเหล่านั้น บางคนรุมทำร้ายพวกเรา ในขณะที่คนอื่นๆพากันยืนดู และหัวเราะ ส่วนอีกพวกหนึ่งก็ถ่ายภาพเอาไว้"
    ต่อมามีผู้ต้องสงสัยจะถูกดำเนินคดีเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมดังกล่าวจำนวน 22 คน ครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้กำลังหลบหนีคดี ฝ่ายสืบสวนสอบสวนตำหนิในความประมาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปฏิเสธหลักฐานที่ว่าฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของเมือง Odessa มีส่วนเกี่ยวข้องในการเตรียมการปราปรามกลุ่มตรงข้าม
    ทางกรุงมอสโคว์ออกมาต่อว่ารัฐบาลยูเครนว่าล้มเหลวในการตรวจสอบโศกนาฎกรรมเมื่อปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด รัสเซียกล่าวว่าผู้ใหัการสนับสนุนจากต่างประเทศแก่รัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบันในกรุงเคียฟ ไม่ได้ทำการกดดันกรุงเคียฟมากพอให้เผชิญหน้ากับแสดงความรับผิดชอบ ต่อกรณีนี้สหรัฐฯเองก็เงียบกริ๊บ ไม่พูดไม่จา ไม่รู้ไม่ชี้ พวกองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั้งหลายก็เฉย เพราะพูดไม่ได้ เพราะในปากมีอมเงินของนายจ้างเอาไว้ ถ้าอ้าปากเงินก็จะล่วงออกมา มันเป็นธรรมดาของคนพวกนี้
    Igor Palitsa ผู้ว่าเมือง Odessa กล่าวว่าอาคารดังกล่าวอาจจะถูกโอนให้เป็นสำนักงานใหญ่ของนาวิโยธินของยูเครนหรือทำเป็นโรงพยาบาลทหารแทน
    ป.ล. ดูภาพนักกิจกรรมกลุ่มโปร-เคียฟที่ช่วยกันเติมเชื้อเพลิงใส่ขวดเตรียมทำระเบิดเพลิงสิ มีแต่เด็กวัยรุ่นทั้งนั้น พวกนี้ถูกปลุกปั่นให้เข่นฆ่าชาวยูเครนด้วยกันเองแท้ๆ
    The Eyes
    03/05/2558
    ----------
    http://rt.com/…/255065-odessa-massacre-anniversary-commemo…/
    Dozens Gather in Madrid to Commemorate Victims of 2014 Odessa Massacre / Sputnik International
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การใช้คำว่า "ฯพณฯ อิมามคอเมเนอี" ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ ถูกปลด
    Category: News & Event Published on Saturday, 02 May 2015 22:00 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    ไม่ใช่ว่าสหรัฐจะไม่รู้ถึงการทำรัฐประหารครั้งนี้ ทว่าสหรัฐเองได้กำหนดตัว "อาดิล อัลญุบัยร์" อดีตเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียในสหรัฐอเมริกาซึ่งเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของอเมริกาเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน "ซะอูด อัลไฟซอล"

    ญอมนิวส์รายงานว่า : หนังสือพิมพ์ "อัลบินาอ์" (Al-Binaa) ได้วิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของราชวงศ์ซะอูด โดยเขียนว่า : แหล่งข่าวพิเศษภายในระบอบการปกครองของซาอุดีอาระเบียได้ให้ข้อมูลว่า "มัตอับ" โอรสองค์โตของ “กษัตริย์อับดุลลอฮ์” ผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงรักษาดินแดนแห่งชาติ ได้ส่งผู้แทนคนหนึ่งไปยังสาธารณรัฐอิสลาม แห่งอิหร่านและขอให้อิหร่านช่วยหยุดความโอหังและอุกอาจของ “มุฮัมมัด บินซัลมาน” และ “มุฮัมมัด บินนายิฟ"

    หนังสือพิมพ์เลบานอนฉบับนี้ได้เขียนต่อไปว่า : บุคคลทั้งสองได้รับอำนาจการปกครองในชั่วข้ามคืนด้วยการทำรัฐประหารขาว และหลังจากความขัดแย้งภายในราชวงศ์ซะอูดที่ทวีความรุนแรงขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งดังกล่าว เจ้าชาย “มัตอับ บินอับดุลลอฮ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรักษาดินแดนแห่งชาติได้คัดค้านการส่งกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติไปยังชายแดนของเยเมนเพื่อเข้าประจำการและเข้าร่วมในการโจมตีแผ่นดินเยเมน

    หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้เขียนต่อไปอีกว่า : "ซะอูด อัลไฟซอล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่ถูกปลดจากตำแหน่ง แต่ก่อนที่เขาจะถูกปลดนั้นเขาได้ติดต่อกับ "มุฮัมมัด ญะวาด ซอรีฟ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านและบอกกับเขาว่า : ได้โปรดช่วยให้หลุดพ้นจากปัญหาแบบเด็กๆ ของ “มุฮัมมัด บินซัลมาน” และ “มุฮัมมัด บินนายิฟ” ด้วยเถิด พวกเขาได้ทำให้เราต้องเผชิญกับสงครามที่เราก็รู้ดีว่าจะต้องประสบกับความปราชัย เราต้องการให้พวกท่านช่วยหาทางออกให้แก่เรา

    หนังสือพิมพ์นี้ยังกล่าวอีกว่า : หลังจากการติดต่อดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ในคำพูดที่เกี่ยวกับปฏิบัติการ "พายุแกร่ง" นั้น เขาได้ใช้สำนวนคำพูดว่า "ฯพณฯ อิมามคอเมเนอี" ในการสนทนาของเขากับ “มุฮัมมัด ญะวาด ซอรีฟ” และคำพูดในลักษณะเช่นนี้ของเขาเป็นส่วนหนึ่งจากเหตุผลหลักในการถูกปลดของเขา

    อย่างไรก็ตาม การปลดของเขายังมีเหตุผลอื่นๆ อีกด้วย อย่างเช่น การที่ใครก็ตามที่มีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับ “กษัตริย์อับดุลลอฮ์” ผู้ล่วงลับและ “คอลิด อัตตุวัยญะรี” ซึ่งเป็นบุรุษที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในซาอุดิอาระเบียในยุคของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ เขาผู้นั้นก็จะต้องถูกปลด

    หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้กล่าวเสริมว่า : ไม่ใช่ว่าสหรัฐไม่รู้ถึงการทำรัฐประหารครั้งนี้ ทว่าสหรัฐเองได้กำหนดตัว "อาดิล อัลญุบัยร์" อดีตเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียในสหรัฐอเมริกาซึ่งเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของอเมริกาเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน "ซะอูด อัลไฟซอล"

    การใช้คำว่า "ฯพณฯ อิมามคอเมเนอี" ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ ถูกปลด
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    17. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
    สหรัฐฯเสแสร้งได้เก่งที่สุดว่าเป็นแชมเปี้ยนของระบบทุนนิยมค้าเสรี แต่เอาเข้าจริง เวลาจะฉิบหาย จะงัดวิชามารทุกอย่างออกมาใช้
    ในทศวรรษที่1970s สหรัฐฯเกิดภาวะเงินเฟ้อหนัก ดอลล่าร์เสื่อมค่าเนื่องจากการใช้จ่ายที่เกินตัวของรัฐบาลและUS Federal Reserveมีการพิมพ์เงินออกมามากเกินไป ทองคำสำรองมีไม่พอหนุนธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบมาตรฐานทองคำที่ใช้อยู่ ทำให้นักลงทุนหรือธนาคารกลางประเทศต่างๆเอาดอลล่าร์ไปแลกเอาทองจากเฟด จนกระทั่งเฟดกลัวว่าจะสูญเสียทองคำหมด ประธานาธิบดีนิกสันจึงประกาศเลิกระบบมาตรฐานทองคำ ไม่ยอมให้ใครที่ถือดอลล่าร์สามารถแลกทองได้ ถือว่าเป็นการผิดชำระหนี้ (default)อย่างหน้าด้านๆ
    แต่เนื่องจากสหรัฐฯเป็นมหาอำนาจ การผิดชำระหนี้จึงดูเป็นเรื่องเล็ก ทุกประเทศยอมใช้ดอลล่าร์กระดาษเปล่าๆที่ไม่มีทองคำหนุนต่อไป ทำเสแสร้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ในช่วงนั้นเอง พี่น้่องตระกูลฮั้นท์ (Hunt Brothers) เศรษฐีน้ำมันจากเท็กซัสหาทางที่จะป้องกันความเสี่ยงจากค่าดอลล่าร์ที่เสื่อมถอยด้วยการลงทุนในเงิน (Silver) ตอนนั้นทางการสหรัฐฯห้ามประชาชนถือทอง ด้วยเกรงว่าจะเก็งกำไรทองทำให้ความน่าเชื่อถือในดอลล่าร์หมดไป
    เห็นหรือยังว่าสหรัฐฯไม่ได้เป็นทุนนิยมหรือค้าเสรีจริง มีการห้ามประชาชนถือทองด้วย สู้สมัยพ่อขุนรามคำแหงเมืองสุโขทัยบ้านเราไม่ได้ ที่มีการค้าเสรีอย่างเทียบกันไม่ติด ใครไคร่ค้าค้า ใครไคร่ขายขาย
    พี่น้องตระกูลฮั้นท์มีพี่ชายชื่อ Nelson Bunker Hunt ส่วนน่้องชายชื่อ William H. Hunt ทั้งคู่เห็นว่าเฟดเอาเงินเฟ้อไม่อยู่ จึงหาทางลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ทำให้ค่าดอลล่าร์เสื่อมด้วยการลงทุนในเงิน ทั้งๆที่ใจจริงอยากจะลงทุนในทอง แต่ทางการสหรัฐฯปิดตลาดทองคำ
    ต่อไปนี้คือลำดับเหตุการณ์ระทึกใจเมื่อสองพี่น้องฮั้นท์เริ่มต้นด้วยการลงทุนในเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ไปๆมาๆกลายเป็นความพยายามที่จะต้อนตลาดเงิน (silver market)เข้ามุมอับเพื่อน๊อคเอาท์
    1973 -- ในขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งถึง7.7% พี่น้องฮั้นท์เริ่มเข้าไปซื้อเงินจำนวน200,000ออนซ์ ตอนนั้นราคาเงินอยู่ที่ไม่ถึง$2ต่อออนซ์
    1974 -- พี่น้องฮั้นท์ลุยซื้อเงินได้ถึง55ล้านออนซ์ หรือประมาณ8%ของซับไพลของตลาดเงินทั้งหมดในโลก เพื่อความปลอดภัยพี่น้องฮั้นท์ได้เช่าเครื่องบินเหมาลำเพื่อขนเงินถึง40ล้านออนซ์ไปเก็บในตู้เชฟที่ธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์
    1975 -- ฮั้นท์ผู้พี่ได้ขอเข้าเฝ้าพระเจ้าชาห์ของอิหร่านเพื่อร่วมมือกันลงทุนในตลาดเงิน นอกจากนี้ยังขอเข้าเฝ้ากษัตริย์Faisalของซาอุดิฯด้วย แต่กษัตริย์Faisalทรงสิ้นพระชนม์ไปก่อน
    1979 -- พี่น้องฮั้นท์ซื้อเงินอีก43ล้านออนซ์ผ่านตลาดซื้อขายล่วงหน้าหรือตลาดฟิวเจอรส์ มีกำหนดส่งมอบเงิน (silver)ในฤดูใบไม่้ร่วง ราคาเงินเพิ่มเป็นเท่าตัวใน2เดือน พุ่งขึ้นไปถึง$16ต่อออนซ์ พี่น้องฮั้นลุยซื้อเงินอีกทำให้ราคาเงินทะยานสูงถึง$34.5ต่อออนซ์
    ไม่นานหลังจากนั้น พี่น้องฮั้นเก็บเงินได้ถึง200ล้านออนซ์ หรือครึ่งหนึ่งของซับไพลของตลาดเงินของทั้งโลก ในขณะที่ตลาด COMEX และChicago Board of Tradeมีเงินรวมกันแค่120ล้านออนซ์
    ที่จุดพีค พี่น้องฮั้นถือเงินทั้งรูปเงินที่เป็นแท่งและเงินในรูปสัญญาซื้อขายล่วงหน้าถึง77%ของซับไพล์ของโลก
    ตลาดเงินโดนพี่น้องฮั้นท์ต้อนเข้ามุมอับเรียบร้อย รอวันโดนน๊อคเทขายเอากำไร
    17 มกราคม 1980 -- ในวันนี้ ราคาเงินพุ่งถึง$50ต่อออนซ์
    พี่น้องฮั้นท์มีต้นทุนที่$1,000ล้าน แต่พอร์ตการลงทุนมีมูลค่า$4,500ล้าน
    พวกแก็งเฟดยอมไม่ได้ที่จะเสียท่าพี่น้องฮั้นท์้ เพราะว่าราคาเงินสูงขึ้น หมายความว่าดอลล่าร์จะตก ยิ่งเจอปัญหาเงินเฟ้ออยู่แล้วยิ่งไปกันใหญ่
    Paul Volckerเข้ามาเป็นประธานUS Federal Reserveมีการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่ขึ้นดอกเบี้ยไปต้องการทำลายพี่น้องฮั้นท์ด้่วย และมีมือมืดสั่งการให้ตลาดCOMEX และChicago Board of Tradeยกเลิกการเทรดเงิน และออกกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อจำกัดตลาดเงิน
    ราคาเงินตกลงอย่างพรวดพราด เพราะว่าCOMEXรับแต่ออร์เดอร์ขาย แต่ไม่รับออร์เอร์ซื้อ นอกจากนี้Chicago Board of Tradeยังมีการจำกัดปริมาณเงินที่นักลงทุนสามารถถือได้ในพอร์ต รวมทั้งเพิ่มมาร์จิ้นการเทรดเงิน
    เลวจริงๆ แก๊งเฟดแพ้ไม่เป็น ถ้าเสียท่าแล้วจะขี้โกง
    25 มีนาคม 1980 -- พี่น้องฮั้นท์อ่วมหนัก ไม่สามารถหาเงิน$150ล้านมาใส่ในบัญชีมาร์จิ้น ที่ถูกเรียกให้สูงขึ้นได้ ฮั้นท์ผู้พี่โทรบอกฮั้นผู้น้องว่า ปิดบัญชีซะ
    26 มีนาคม 1980 -- ราคาเงินตกมากกว่า50% เหลือ$10.80ต่อออนซ์ พี่น้องฮั้นท์เจ้งไป$1,000ล้าน และแบงค์ต้องเข้ามาอุ้มไม่ให้ระบบพัง
    อาจจะเป็นที่มาของคำพูดในตลาดการเงินว่า Don't fight the Fed. หรืออย่าได้บังอาจสู้กับเฟดเป็นอันขาด พี่น้องฮั้นท์ผู้ไม่เสแสร้งรู้รสชาดนี้ดีว่า ต้อนตลาดเงินเข้ามุมง่ายมาก แต่จะเอาชนะแก๊งเฟดผู้เสแสร้งและจอมขี้โกงไม่มีทาง แก๊งเฟดจะยอมให้ราคาเงินและทองสูงจนทำลายความเชื่อมั่นในเงินกระดาษดอลล่าร์เปล่าๆไม่ได้
    thanong
    2/5/2015
    The Hunt Brothers and their attempt to Corner the Silver Market - Traders Log
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    18. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
    ตอนที่แล้ว เรานั่งไทม์มาชีนย้อนกลับไปยุค1970s-1980เพื่อดูว่าพี่น้องตระกูลฮั้นท์เกือบจะน๊อคตลาดเงินคามุมแล้ว ถ้าหากว่าแก๊งเฟดไม่เล่นเกมสกปรกเพื่อทำให้พี่น้องฮั้นท์เจ้งขาดทุนไป$1,000ล้าน มาตอนนี้ปรากฎว่าJP Morgan ธนาคารที่มีอิทธิพลมากที่สุดของสหรัฐฯกำลังตะลุยซื้อเงินเหมือนพี่น้องตระกูลฮั้นท์
    อย่าลืมว่าJP Morganเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐฯหรือUS Federal Reserve จึงเสแสร้งทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด ไม่เหมือนพี่น้องตระกูฮั้นท์ที่ทำอะไรก็ดูน่าเกลียด
    ในปี2011 JP Morganแทบจะไม่มีเงินในพอร์ตของการลงทุนเลย ในปี2012เริ่มจะเก็บเงินได้5ล้านออนซ์ แต่ตอนนี้ JP Morganมีเงินอยู่ในพอร์ตถึง55ล้านออนซ์
    ซื้อไปทำอะไร?
    ราคาเงินอยู่ที่ประมาณ$16ต่อออนซ์ในขณะนี้ ดูสถิติการซื้อเงินของJP Morganในเดือนเมษายนก็แล้วกันว่าดุเดือดแค่ไหน ตลาดCOMEXมีการส่งมอบเงินให้JP Morganตามกำหนดดังนี้ คือ
    7 เมษา: 1,110,000 ounces
    8 เมษา: 1,280,000 ounces
    9 เมษา: 893,037 ounces
    10 เมษา: 1,200,224 ounces
    14 เมษา: 1,073,000 ounces
    15 เมษา: 1,191,275 ounces
    16 เมษา: 1,183,777.295 ounces
    ในขณะที่ทองโดนทุบ แต่เงินยังไม่โดนถล่มมาก เมื่อเร็วๆนี้ Jamie Dimon ซีอีโอของJP Morganออกมาเตือนว่าอาจจะเกิดวิกฤติการเงินข้างหน้า อาจจะโดยเรื่องภูมิรัฐศาสตร์หรือเรื่องอื่นใดก็ทำ ซึ่งจะมีผลต่อตลาดการเงินทั้งหมด การซื้อเงินของJP Morganอาจจะเป็นการเก็งกำไรว่าราคาเงินจะสูงขึ้น หลังจากที่เกิดวิกฤติการเงิน ที่หลายคนคาดการว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อใด
    แก็งเฟดกำลังทุบทองอยู่ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งอาจจะปล่อยให้ขึ้นไปก็ได้หลังจากเกมรอบนี้จบไป และดูเหมือนว่าเงินอาจจะได้อานิสงค์จากผลพวงของวิกฤติการเงินเหมือนกัน
    เมื่อJP Morganเก็งกำไรเงินโดยไม่ต้องเสแสร้งอะไร ต้องมีอะไรในกอไผ่ และแก๊งเฟดต้องเห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน
    thanong
    2/5/2015
    http://www.zerohedge.com/…/jp-morgan-cornering-silver-bulli…
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    21. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
    ทีนี้ลองมาอ่านภาคภาษาไทยบ้าง ไม่ต้องเสแสร้งกันแล้ว:
    ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะเห็นอะไรที่เราไม่เห็น ทำแสร้งใจเย็นไม่ได้จึงรีบลดดอกเบี้ยนโยบายลงจาก1.75% เป็น1.50%ในวันที่29 เมษายนที่ผ่านมา นับเป็นการลดติดต่อกันครั้งที่2หลังจากลดดอกเบี้ยไปแล้วหนึ่งสลึงในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินก่อนหน้านี้
    พร้อมกันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เตรียมการออกมาตรการให้คนไทยสามารถขนเงินออกนอกประเทศได้มากขึ้นเพื่อช่วยทำให้เงินบาทอ่อน แบงค์ชาติเป็นกังวลใจเหลือเกินว่าระดับอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันไม่เกื้อหนุนให้การส่งออกที่ฟุบไปจะสามารถฟื้นตัวเองได้
    ตกลงธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นห่วงอะไรกันแน่ถึงได้รีบลดดอกเบี้ย เพราะว่าเศรษกิจที่ซบเซา? ส่งออกที่เดี้ยงไปแล้ว? กำลังซื้อที่หายไปของคนไทย? หรือว่าเกรงว่าตลาดการเงินจะไปไม่รอด?
    ทุกอย่างมันสัมพันธ์กันไปหมด แต่เอาเข้าจริง ทางธนาคารแห่งประเทศไทยคงต้องเกรงว่าตลาดการเงินจะพังถ้าหากว่าไม่ช่วยลดดอกเบี้ย ให้ดูธนาคารกลางของประเทศที่พัฒนาแล้วให้ดี ปากก็บอกว่าต้องการฟื้นเศรษฐกิจ แต่ที่จริงแล้วต้องการเชฟตลาดการเงินและแอบไฟแนนซ์การใช้จ่ายภาครัฐบาลผ่านการทำQEซื้อพันธบัตรรัฐบาล ตอนนี้ตลาดการเงินมีอิทธิพลเหนือระบบเศรษฐกิจจริงแล้ว ทุกคนดูราคาหุ้น ดูราคาทรัพย์สินหมด ปล่อยให้ตกไม่ได้
    ตลาดการเงินเหมือนระบบสุริยะจักรวาลที่ขยายตัวไปเรื่อยๆหลังจากเกิดจากบิ๊กแบง ตัวมันเองไม่ได้่มีค่าอะไร แต่อิงพื้นฐานหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่วิวัฒนาการของเทคโนโลยี่ทางการเงิน ตราสารการเงินใหม่ๆ การใช้ระบบเครดิตและการสร้างหนี้เพื่อดันจีดีพีให้โต ทำให้ตลาดการเงินครอบงำเศรษฐกิจที่แท้จริงจนมิดหัว จนกลายเป้าหมายหลักของรัฐบาลและสังคมว่าอะไรจะพังก็ได้แต่ตลาดการเงินพังไม่ได้ เพราะว่าจะฉิบหายกันไปหมด
    ในเมื่อตลาดการเงินกลายเป็นtoo big to fail หรือปล่อยให้ล้มไม่ได้ ทางการต้องเอ้าไปอุ้ม โดยที่ตัวมันเองต้องขยายตัวออกไปเรื่อยๆ แม้ว่ารายได้จริง หรือปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจจะเกื้อหนุนหรือไม่ เก้าอี้ดนตรีนี้หยุดไม่ได้
    เมื่อลงเล่นเก้าอี้ดนตรีของตลาดการเงินแล้ว หยุดไม่ได้ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยคงต้องลดดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ หาทางเพ่ิมสภาพคล่องให้ตลาดการเงิน กลายเป็นว่าเรากำลังเดินตามUS Federal Reserve, Bank of England, Bank of Japan, European Central Bankและธนาคารกลางอื่นๆของโลกที่กำลังทำQEพิมพ์เงินเพื่ออุ้มตลาดการเงินและตลาดหุ้น เฟดอุ้มตลาดS&P500 ส่วนBank of Japanพิมพ์เงินซื้อหุ้นตลาดนิคเคอิหน้าตาเฉย
    ดูตัวอย่างของนายAlan Greenspan อดีตประธานเฟด ตอนแรกทุกคนยกย่องหมดว่าเป็นฮีโร่ที่กอบกู้เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ตอนนี้กลายเป็นว่าทุกคนชี้เป้าว่าวิกฤติ2008เกิดจากนโยบายการเงินที่หละหลวมของนายGreenspanทำให้สหรัฐฯล้มละลายทางการเงิน
    นาย Ben BernankeมาแทนนายGreenspan เป็นผู้ริเริ่มการพิมพ์เงินQE จนงบเฟดเพิ่มจาก$800,000ล้านเป็น$4.5ล้านล้านเวลานี้ มีการส่งสัญญานเตือนว่าถ้างบดุลเฟดleverageไปเกิน$5ล้านล้านจากทุนเรือนต้นที่$50,000กว่าล้าน ความน่าเชื่อถือจะหมดไป เฟดจะเอาไม่อยู่ทั้งดอลล่าร์และระบบการเงินทั้งหมด
    ส่วนป้าJanet Yellenมาเต้นแร้งเต้นกา เตะถ่วงเวลาออกไป ยังหาทางลงไม่เจอ หยุดQEไปแล้ว แต่ต้องอุ้มทรัพย์สินเน่าๆที่ซื้อเข้ามาต่อไป ขาดทุนกำไรไม่สน ถ้าต้องขึ้นดอกเบี้ย เกมจะจบ ถ้าไม่ขึ้น ต่อไปเงินเฟ้อจะมาเยือน หลังภาวะเงินฝืดสุดๆสิ้นสุดลง จะเกิดภาวะเงินเฟ้อ
    นายHaruhiko Kurodaผู้ว่าการธนาคารชาติญี่ปุ่นกำลังพิมพ์เงินอย่างบ้าเลือด เหมือนขับเครื่องบินคามิกาเซ่ สั่งซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น100% และซื้อหุ้นทุกสัปดาห์
    เห็นชัดเจนว่าlegacyหรือมรดกของนายธนาคารกลางไม่มีใครจบสวย เนื่องจากคิดว่านโยบายการเงินเป็นยาวิเศษที่จะแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่หมักหมมหรือหนี้ที่ล้นพ้นของประเทศได้
    และเนื่องจากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้นไม่มีวินัยทางการคลัง และไม่ยอมปล่อยให้ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมล้มหรือปรับโครงสร้าง ไม่ยอมลดหนี้ อำนาจของการบริหารประเทศจึงตกไปในมือของธนาคารกลางโดยปริยาย เพราะว่ามีอำนาจใจการพิมพ์เงินที่ทุกคนต้องการไขว่คว้า เพื่อสร้างหนี้ใหม่บนหนี้เก่าในการแก้ปัญหาการเงินและเศรษฐกิจ
    ธนาคารกลางของจีนเตรียมตัวจะลงเล่นQEด้วย เพราะว่าถ้าไม่เล่นจะเสียเปรียบสหรัฐฯและอียู แต่อาจจะถอนตัวได้ ถ้าไม่ถลำลึก ส่วนญี่ปุ่นไม่ต้องพูดถึง จะพิมพ์เงินจนโลกแตกสลาย สหภาพยุโรปกำลังอยู่ในระยะแรกของการทำQE ส่วนสหรัฐฯอาจจะต้องทำQEรอบที่4 แม้ว่าจะมีแรงกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้
    เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยแอ่นอกมาแสร้งทำเป็นอัศวินม้าขาวเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจไทย และภาคการส่งออก โดยที่แท้ที่จริงแล้วอาจจะเป็นกังวลใจกับตลาดการเงินมากกว่าที่กลายเป็นยอดปิรามิดของระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะว่ามันเป็นwealth effectตามนิยามของความร่ำรวยสมัยใหม่ คงหนีไม่พ้นที่จะต้องลดดอกเบี้ยลงไปเรื่อยๆ แล้วทำลายฐานเงินฝาก ดันให้เกิดการเก็งกำไรในภาคเศรษฐกิจที่unproductive จนดอกเบี้ยติด0% แล้วก็ทำQE เพราะว่าถึงตอนนั้นใครๆก็ทำแล้ว เราจะทำมั่งไม่เป็นแปลกเนื่องจากเศรษฐกิจโลกมันไปต่อไม่ไหวเนื่องจากหนี้ที่มากเกินไป ต้องใช้ปืนใหญ่QEรบกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
    แล้วเราจะถอนตัวไม่ขึ้นเมื่อเล่นเกมการเงินนี้ที่เป็นอัศวินม้าขาวนำหน้าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อนาคตของจุดจบของQEคือภาวะเงินเฟ้อที่จะมาทำลายค่าเงิน ประเทศมหาอำนาจเขาเสแสร้งเล่นเกมนี้ เพราะเขารู้ว่าเมื่อเกมต้องโอเวอร์ เขาก็จะหยุดเสแสร้งทุกอย่าง แล้วเอาปากกระบอกปืนมาจ่อที่หัวของประเทศต่างๆให้ทำตามกฎหรือระเบียบการเงินใหม่ แล้วเขาก็รีเซ็ทระบบใหม่ทั้งหมด เขาก็จะไม่เสียหายอะไรมาก ส่วนประเทศเล็กๆจะพากันฉิบหายกันไปหมด
    ทางออกของเมืองไทยคือสร้างภูมิต้านทานให้ประเทศ ไม่ใช่เปิดเสรีทุกอย่าง AECจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรก แต่หลังจากนั้นคนไทยจะไม่เหลืออะไรเลย โดนต่างชาติครอบกินเรียบ ที่สำคัญที่สุดภาคการเกษตรที่คนไทย60%จากประชากรทั้งหมดต้องยืนหยัดอยู่ให้ได้ โดยการปรับโครงสร้างที่รัฐบาลช่วยหนุน และไม่ให้ธุรกิจรายใหญ่หรือต่างชาติเอาเปรียบ และนโยบายการเงินที่เหมาะสมให้คนไทยส่วนใหญ่สามารถอยู่ได้ ไม่โดนดอกโหดทำร้าย
    ธนาคารแห่งประเทศไทยควรคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย มากกว่านโยบายการเงินที่แอบทำเพื่อกอบกู้ระบบการเงินที่เหมือนแวมไพร์ดูดเลือดเศรษฐกิจที่แท้ โดยไม่รู้จักอิ่ม โดยที่ไม่คิดถึงคนไทยโดยส่วนรวม เพราะหลงคิดว่าภาคการเงินและผู้ส่งออกคือทางออกของประเทศ ถ้าเป็นอย่างนี้ หายนะจะมาเยือนเมื่อคนจน หรือคนที่หาเช้ากินค่ำอยู่ไม่ได้
    thanong
    3/5/2015
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวเนฯขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสู้วิกฤติเงินเฟ้อ
    รัฐบาลเวเนซุเอลาเตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งที่ 2 ในปีนี้อีกร้อยละ 30 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนจะยิ่งทำให้วิกฤติเงินเฟ้อในประเทศแย่ลงไปอีก
    วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม 2558 เวลา 14:04 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ประเทศเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีนิโคลาส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา แถลงเมื่อวันศุกร์ซึ่งตรงกับวันแรงงานพอดี ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกร้อยละ 30 เป็นเดือนละ 7,324 โบลีวาร์เวเนซุเอลา ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. นี้เป็นต้นไป เทียบเท่า 1,162 ดอลลาร์สหรัฐตามอัตราแลกเปลี่ยนของรัฐบาล แต่หากเทียบกับอัตราของตลาดมืดซึ่งแทบทุกฝ่ายใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดราคาสินค้าในท้องตลาด อัตราค่าแรงขั้นต่ำที่ได้รับการปรับขึ้นครั้งใหม่อยู่ที่ราว 30 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ( ราว 990 บาท )

    อย่างไรก็ตาม บรรดานักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังการปรับขึ้นครั้งแรกร้อยละ 15 เมื่อเดือนม.ค. ไม่ได้ช่วยแก้ไขวิกฤติขาดแคลนสินค้าจำเป็นและภาวะข้าวยากหมากแพงในประเทศอย่างแท้จริง ทว่ามีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศย่ำแย่ลงกว่าเดิม ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของเวนเซุเอลาอยู่ที่ร้อยละ 69 สูงที่สุดในโลก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงตกต่ำ ฉุดรั้งให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินโบลีวาร์เวเนซุเอลาอ่อนค่าที่สุดในรอบเกือบ 12 ปี เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

    เวเนฯขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสู้วิกฤติเงินเฟ้อ | เดลินิวส์
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระทรวงน้ำมันอิรักเผย ยอดส่งออกน้ำมันดิบเดือนเม.ย. แตะระดับสูงสุดนับแต่ทศวรรษ 1980 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2558 01:42 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์-กระทรวงน้ำมันของอิรักออกคำแถลงในวันเสาร์ (2 พ.ค.) ระบุ ยอดการส่งออกน้ำมันของอิรักในเดือนเมษายนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.077 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่ายอด 2.98 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมีนาคม ถือเป็นปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิรักออกสู่ตลาดโลกในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา

    คำแถลงล่าสุดของกระทรวงน้ำมันอิรักถูกระบุว่า เป็นความสำเร็จขั้นต้นของรัฐบาลแบกแดดในการฟื้นฟูการส่งออกน้ำมันอย่างจริงจัง หลังอิรักต้องเผชิญช่วงเวลาแห่งความไม่สงบต่อเนื่องนานหลายปี

    ด้านอาซิม ญิฮาด โฆษกกระทรวงน้ำมันของอิรักออกมาแถลงเพิ่มเติมว่า ทางกระทรวงฯ ได้ใช้ความพยายามอย่างสำคัญในการเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ หลายประการรวมถึงสภาพอากาศที่เลวร้าย

    ทั้งนี้ในปี 2014 ที่ผ่านมา อิรักส่งน้ำมันดิบออกสู่ตลาดโลกได้ทั้งสิ้น 918.114 ล้านบาร์เรล คิดเป็นเงินรายได้กว่า 84,215ล้านดอลลาร์ โดยรายได้มากกว่า 90% ของรัฐบาลแบกแดดถูกระบุว่ามาจากช่องทางนี้


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000050312
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Poll ชี้ ศึกเลือกตั้งเมืองผู้ดี 7 พ.ค. สุดคู่คี่ คอนเซอร์เวทีฟส์นำเลเบอร์ แค่ “จุดเดียว” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2558 04:30 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจล่าสุดในสหราชอาณาจักร ที่เตรียมถูกตีพิมพ์เผยแพร่ในวันอาทิตย์ (3 พ.ค.) โดยหนังสือพิมพ์ “ซันเดย์ส ไทม์ส” ระบุ พรรคคอนเซอร์เวทีฟส์ ยังคงมีคะแนนนำหน้าพรรคเลเบอร์แค่จุดเดียว ก่อนถึงการเลือกตั้งทั่วไปของเมืองผู้ดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค.นี้

    ผลสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดทำโดยสำนักวิจัย “ยูกอฟ” บ่งชี้ถึงความได้เปรียบเพียงแค่เล็กน้อยของทางพรรคคอนเซอร์เวทีฟส์ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนเหนือพรรคฝ่ายค้านอย่างเลเบอร์ หลังคะแนนนิยมล่าสุดออกมาว่า พรรคคอนเซอร์เวทีฟส์มีคะแนนนิยมร้อยละ 34 ส่วนฝั่งเลเบอร์ตามมาติดๆที่ร้อยละ 33

    อย่างไรก็ดี ผลสำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่า การเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้อาจจบลงโดยปราศจากชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จของพรรค การเมืองใหญ่ทั้งสอง ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีพรรคใดกุมเสียงข้างมากได้เด็ดขาดในรัฐสภาเมืองผู้ดีที่มี 650 ที่นั่ง

    เป็นที่คาดว่าโฉมหน้าของรัฐบาลชุดใหม่ของสหราชอาณาจักรอาจได้เห็นการจับมือตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคใหญ่พรรคใดพรรคหนึ่งกับพรรคการเมืองทางเลือกใหม่อย่างพรรคยูเค อินดีเพนเดนซ์ ปาร์ตี้ (UKIP)ที่มีจุดยืนต่อต้านสหภาพยุโรป หรือพรรคลิเบอรัล เดโมแครตที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในเวลานี้

    ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดระบุว่า คะแนนนิยมของพรรคยูเค อินดีเพนเดนซ์ ปาร์ตี้ (UKIP) ล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 13 ส่วนพรรคลิเบอรัล เดโมแครตมีคะแนนนิยมล่าสุดที่ร้อยละ 8 และพรรคกรีนส์มีร้อยละ 5


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000050320
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อิสราเอลออกคำเตือน อาจเกิดเหตุโจมตีชาวยิวในตูนิเซีย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2558 05:19 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์-ทางการอิสราเอลออกคำเตือนในวันเสาร์ (2 พ.ค.) ระบุ อาจเกิดการโจมตีซึ่งมี “ชาวยิว” หรือแหล่งผลประโยชน์ของอิสราเอลในตูนิเซียเป็นเป้าหมาย

    รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างคำแถลงของสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุ ได้รับข้อมูลข่าวกรองที่บ่งชี้ ถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการโจมตีต่อชาวยิวหรือผลประโยชน์ของอิสราเอลในตูนิเซีย โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีการจัดเทศกาล “ลาก บาโอเมอร์” ของชาวยิวในวันที่ 7 พ.ค.

    คำแถลงของสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลล่าสุดมีการเรียกร้องชาวยิว ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเยือนตูนิเซียในช่วงเวลาดังกล่าวซึ่งจะมีการจัดเทศกาล “ลาก บาโอเมอร์” ขึ้นเป็นประจำทุกปีบนเกาะเฌอร์บาของตูนิเซีย และมีผู้แสวงบุญเข้าร่วมหลายพันคนในแต่ละครั้งทั้งชาวยิว จากอิสราเอล และชาวยิวจากฝรั่งเศส

    ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2002 กลุ่มอัลกออิดะห์เคยก่อเหตุโจมตีบนเกาะดังกล่าวของตูนิเซีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000050323
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดสึนามิขนาดย่อมพัดเข้าหมู่เกาะญี่ปุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.7 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2558 10:03 น. (แก้ไขล่าสุด 3 พฤษภาคม 2558 10:32 น.)

    [​IMG]

    ;เอเอฟพี – ในเช้าวันอาทิตย์(3)เกิดสึนามิขนาดย่อมพัดเข้าหมู่เกาะญี่ปุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้ราว 456 กม. หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด ก่อนหน้านี้ขนาด 5.7 แต่ไม่มีรายงานการเสียหาย

    แผ่นดินไหวขนาด 5.7 แมกนิจูดเกิดขึ้นในเวลา 1.50 น.ตามเวลาท้องถิ่น ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้ราว 456 กม. สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯแถลง

    ก่อนหน้านี้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นวัดได้อยู่ที่ 5.9 แมกนิจูด

    และหลังจากแผ่นดินไหวเกิดขึ้น หน่วยงานญี่ปุ่นได้มีการส่งคำเตือนการเกิดสึนามิที่คาดว่าจะสูงราว 1 ม.บริเวณหมู่แนวเกาะอีซุ (Izu island chain) ทางใต้ของกรุงโตเกียว และหมู่เกาะโอกาซาวาระ( Ogasawara archipelago)ที่อยู่ลึกลงไปทางใต้ในมหาสมุทรแปซิฟิก

    นอกจากนี้มีรายงานว่า สึนามิคลื่นสูงขนาดครึ่งเมตรพัดเข้าเกาะฮาชิโจจิมา ( Hachijojima) ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวหมู่เกาะอีซุ และคลื่นสึนามิขนาย่อมนี้ยังพัดเข้าสู่ฝั่งของหมู่เกาะในบริเวณนั้น สำนักงานอุตุวิทยาญี่ปุ่นเผย

    2 ชม. หลังจากเกิดสึนามิขึ้น ทางหน่วยงานญี่ปุ่นประกาศยกเลิกคำเตือน และสื่อญี่ปุ่นรายงานว่าไม่พบรายงานความเสียหายเกิดขึ้น

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000050349
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาหลีเหนือจับกุม “นักศึกษาเกาหลีใต้มหา’ลัยชั้นนำสหรัฐฯ NYU” ฐานเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2558 11:21 น.

    [​IMG]

    เอพี – เกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ในวันเสาร์(2)ว่า ได้ทำการจับกุมตัว วอน มุน จู (Won Moon Joo) นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 21 ปีจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก NYU ชั้นนำของสหรัฐฯในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายผ่านเส้นทางจากจีนในเดือนที่ผ่านมา

    เอพีรายงานวันนี้(3)ว่า เกาหลีเหนือแถลงในวันเสาร์(2)ว่า วอน มุน จู (Won Moon Joo) ชาวเกาหลีใต้วัย 21 ปี จากรัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐฯ ถูกจับกุมในวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากข้ามแม่น้ำ Amnok จากฝั่งของจีนในเขตเมืองแดนดอง( Dandong) สำนักข่าวเกาหลีเหนือ KCN รายงาน

    ซึ่งในขณะนี้พบว่าวอน มุน จู กำลังถูกทางการเกาหลีเหนือสอบปากคำ และได้ยอมรับในการกระทำของตนเองว่า ฝ่าฝืนกฎหมายเกาหลีเหนือ KCN รายงานต่อ

    ในนิวยอร์ก จอห์น เบ็คแมน (John Beckman) โฆษกมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก NYU แถลงยืนยันว่า จูเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะธุรกิจ Stem School of Business ของมหาวิทยาลัย แต่ทว่าไม่ได้ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษาปัจจุบัน และทางมหาวิทยาลัย NYU ไม่ทราบเรื่องการเดินทางของเขา

    “เมื่อเราได้ทราบเรื่องจากการรายงานข่าว ทางมหาวิทยาลัย NYU ได้ติดต่อกับครอบครัวนักกศึกษารายนี้เพื่อแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของเขา พร้อมให้กำลังใจกับทางบ้านของนักศึกษา เพราะสวัสดีของเขานั้นเป็นสิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยกังวล และภาวนาขอให้ปลอดภัย” เบ็คแมนกล่าว

    และเบ็คแมนกล่าวต่อว่า ทาง NYU ได้ติดต่อกับทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และทางสถานทูตเกาหลีใต้แล้ว

    ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงรวมสองชาติเกาหลีได้เปิดเผยกับเอพีว่า ในขณะนี้ยังไม่สามารถให้การยืนยันได้ว่า จูนักศึกษามหาวิทยาลัยนิวยอร์ก นั้นเป็นพลเมืองเกาหลีใต้หรือไม่ และในขณะนี้ถูกคุมตัวอยูในเกาหลีเหนือจริงหรือไม่

    อย่างไรก็ตามเอพีไม่สามารถขอความเห็นจากหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้

    ทั้งนี้ถือเป็นปกติที่เกาหลีเหนือมักจับกุมตัวชาวเกาหลีใต้ ชาวอเมริกัน และชาวต่างชาติอื่น ในข้อหาแอบเป็นสายลับ

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ของไทยเงียบไปเรียบร้อยแล้ว!

    ‘จีน’รณรงค์ปราบคอร์รัปชั่นจริงๆ ไม่ใช่แค่การเล่นงานศัตรูทางการเมือง
    โดย เอเชีย อันเฮดจ์ 24 เมษายน 2558 20:46 น.

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ Asia Times)

    China’s anti-corruption campaign is what it is
    Author: Asia Unhedged
    22/04/2015

    นักวิเคราะห์ตะวันตกบางคน มีทัศนะแบบพวกมองโลกแง่ร้ายต่อการรณรงค์ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของจีนที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ในบางวงการมีความเชื่อกันว่า มันเป็นเพียงความความพยายามที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ใช้ เพื่อด้วยจุดประสงค์ในการตบตาอำพรางการกำจัดเล่นงานเหล่าศัตรูทางการเมืองเท่านั้น จริงอยู่ อาจจะมีศัตรูของ สี สักสองสามคนถูกกวาดล้างไปอย่างชนิดที่จัดเข้าข่ายนี้ได้จริงๆ แต่มันน่าจะช่วยให้เรามองสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำกว่า หากเราพิจารณาการรณรงค์ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไปตามเนื้อผ้าที่ปรากฏออกมา

    เอเชีย อันเฮดจ์ คิดว่า มีนักวิเคราะห์ตะวันตกบางคนแอบๆ มีทัศนะแบบพวกมองโลกแง่ร้ายไปหมดอย่างที่ไม่จำเป็นเลย ต่อการรณรงค์ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของจีนที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในบางวงการนั้นมีความเชื่อกันว่า มันเป็นเพียงความความพยายามที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ใช้ เพื่อด้วยจุดประสงค์ในการตบตาอำพรางการกำจัดเล่นงานเหล่าศัตรูทางการเมืองเท่านั้น

    ในขณะที่อาจจะมีศัตรูของ สี สักสองสามคนถูกกวาดล้างไปอย่างชนิดที่จัดเข้าข่ายนี้ได้จริงๆ (อันที่จริงในโลกตะวันตกเองก็มีกรณีประเภทอย่างนี้เกิดขึ้นมิได้ขาดไม่ใช่หรือ?) แต่มันน่าจะช่วยให้เรามองสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำกว่า หากเราพิจารณาการรณรงค์ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งยังคงขยายตัวอยู่เรื่อยๆ ไปตามเนื้อผ้าที่ปรากฏออกมา นอกเหนือจากการมีประชากรมากเกินไป และการขาดเสถียรภาพทางการเมืองแล้ว การทุจริตคอร์รัปชั่นคือคำสาปแช่งที่ร้ายกาจที่สุดของประเทศจีน ในอดีตกาลอันยาวนานของแดนมังกร มันเป็นตัวการที่โค่นล้มราชวงศ์มาแล้วหลายราชวงศ์และทำให้เศรษฐกิจซึ่งความจริงควรเจริญรุ่งเรืองต้องกลับฟุบแฟบลง ด้วยเหตุนี้ ความพยายามของปักกิ่งในการเล่นงานพวกเจ้าหน้าที่และพวกนักธุรกิจที่ฉ้อฉล จึงน่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับตลาดการเงินและการลงทุน

    เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่จีนกำลังติดตามไล่ล่าอาชญากรเหล่านี้ด้วยความกระตือรือร้น ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) สำนักงานตำรวจสากลของจีนเมื่อวันพุธ (22 เม.ย.) ได้เผยแพร่รายชื่อ 100 ผู้หลบหนีคดีความผิดทางเศรษฐกิจ นี่เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในแผนการริเริ่มที่เรียกว่า “ตาข่ายฟ้า” (Sky Net) ซึ่งเปิดฉากขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อมุ่งตามล่าพวกเจ้าหน้าที่ต้องสงสัยทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ “ตาข่ายฟ้า” มีจุดประสงค์ที่จะนำตัวคนเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามความผิด รวมทั้งเรียกคืนทรัพย์สินที่ถูกคนเหล่านี้โจรกรรมไป

    รายชื่อเหล่านี้ ถูกนำมาเผยแพร่ไว้ในเว็บไซต์ของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลาง (Central Commission for Discipline Inspection) ซึ่งเป็นหน่วยงานต่อต้านปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยปรากฏว่าชื่อส่วนใหญ่เป็นพวกเจ้าหน้าที่ระดับกลางๆ และพวกผู้บริหารบริษัทต่างๆ “จีนได้ขอร้ององค์กรบังคับใช้กฎหมายในประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยประสานงานผ่านทางตำรวจสากลและทางช่องทางอื่นๆ เพื่อเพิ่มความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น และช่วยนำเอาผู้ต้องสงสัยเหล่านี้กลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” รอยเตอร์อ้างข้อความบนเว็บไซต์ดังกล่าว ทั้งนี้ในบัญชี 100 รายชื่อที่นำออกมาเผยแพร่นี้มี ทั้งภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัย, หมายเลขของวีซ่า, จุดหมายปลายทางของเที่ยวบินที่คนเหล่านี้อาจใช้ในการเดินทางหลบหนี, และอาชญากรรมต่างๆ ที่พวกเขาถูกกล่าวหาว่ากระทำ

    สี กำลังได้รับความนิยมจากมติมหาชนในประเทศจีน สืบเนื่องจากการผลักดันงานปราบปรามกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชั่นเช่นนี้ นอกเหนือจากเรื่องมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมแล้ว ชาวจีนส่วนใหญ่เห็นว่าประเด็นร้อนที่ต้องการให้แก้ไขเร่งด่วนที่สุดคือเรื่องคอร์รัปชั่นนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับสินบน, การขโมยของหลวง, การเล่นพรรคเล่นพวก, หรือการประพฤติมิชอบอื่นๆ ทั้งของเจ้าหน้าที่รัฐบาล, เจ้าหน้าที่พรรค, หรือคนในวงการธุรกิจ, ตลอดจนสมาชิกในครอบครัวของบุคคลเหล่านี้

    เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่นักลงทุนอเมริกันจำนวนมากทีเดียวได้รับความเสียหายจากการทำบัญชีอันเป็นเท็จและความผิดปกติอื่นๆ ในระหว่างเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับหุ้นจีนซึ่งจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ ชาวต่างชาติทั้งหลายจึงควรมองสงครามต่อสู้ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นของจีนคราวนี้ ในฐานะเป็นความเคลื่อนไหวทางบวก ยิ่งถ้าหากคุณลองคำนวณจำนวนเงินสกปรกทั้งหลายที่กำลังถูกเคลื่อนย้ายออกจากแดนมังกรด้วยแล้ว ก็จะยิ่งมองเห็นได้ชัดเจน

    ทั้งนี้ กลุ่ม “ความซื่อตรงทางการเงินทั่วโลก” (Global Financial Integrity) องค์การไม่หวังผลกำไรที่ตั้งฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน และมุ่งวิเคราะห์ศึกษาการไหลเวียนทางการเงินที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ประมาณการว่ามีเงินสูงถึงราว 2.83 ล้านล้านดอลลาร์ทีเดียวที่ไหลออกจากจีนอย่างผิดกฎหมายในช่วงระหว่างปี 2005 ถึง 2011

    (จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000047176
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘อดีตขุนคลังสหรัฐฯ’บอก ‘เศรษฐกิจจีน’ต้องหันเน้นการบริโภคภายในปท.
    โดย เอเชีย อันเฮดจ์ 25 เมษายน 2558 15:53 น.

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ Asia Times)

    Paulson: China’s economy needs to focus on domestic consumption
    Author: Asia Unhedged
    20/04/2015

    เฮนรี พอลสัน อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกมาพูดว่า ขณะที่จีนยังคงเป็น “คู่แข่งขันผู้น่าเกรงขาม” ของสหรัฐฯ แต่เศรษฐกิจซึ่งมีมูลค่าโดยรวมระดับ 10 ล้านล้านดอลลาร์ของแดนมังกร “ได้หมดน้ำยาเสียแล้วและจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงยกเครื่องกันใหม่”

    เฮนรี พอลสัน (Henry Paulson) อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ บอกว่า ขณะที่จีนยังคงเป็น “คู่แข่งขันผู้น่าเกรงขาม” ของสหรัฐฯ แต่เศรษฐกิจซึ่งมีมูลค่าโดยรวมระดับ 10 ล้านล้านดอลลาร์ของจีน “ได้หมดน้ำยาเสียแล้วและจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงยกเครื่องกันใหม่” ทั้งนี้ตามรายงานข่าวของ ฟิสคัล ไทมส์ (Fiscal Times) (ดูรายละเอียดได้ที่ Paulson Says China Must ‘Reboot’ Its Staggering Economy | The Fiscal Times)

    ในเวลาที่จีนเตรียมจะเปิดเดินเครื่อง ธนาคารเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank หรือ AIIB) อยู่ในอีกไม่นานนี้แล้ว โดยที่ผู้คนจำนวนมากมีข้อสมมุติฐานว่า มันจะกลายเป็นคู่แข่งของพวกองค์การการเงินโลกซึ่งมีสหรัฐฯเป็นผู้นำอย่าง ธนาคารโลก-กองทุนการเงินระหว่างประเทศ พอลสันก็ได้ออกมาพูดแสดงทัศนะในเวลานี้ของเขาเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีน ณ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติประวัติศาสตร์อเมริกัน ของสถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian’s National Museum of American History) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอลสัน ซึ่งเคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ โกลด์แมนแซคส์ (Goldman Sachs) วาณิชธนกิจวอลล์สตรีทชื่อดังที่สุด คือขุนคลังของคณะบริหารของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในช่วงที่ขึ้นครองทำเนียบขาวเป็นวาระที่ 2 เขาจึงเป็นผู้รับผิดชอบสำคัญยิ่งในเวลาที่เกิดวิกฤตทางการเงินการคลังในปี 2008

    ขณะที่มีบางฝ่ายบางคนกล่าวหาสหรัฐฯว่า กำลังก้าวถอยออกมาจากการแสดงบทบาทของตนในฐานะที่เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลก พอลสันก็ได้ยืนยันในการพูดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจจีนนั้น “ได้หมดน้ำยาเสียแล้วและจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงยกเครื่องกันใหม่” ฟิสคัลไทมส์ รายงานคำพูดของอดีตรัฐมนตรีคลังผู้นี้ “จีนจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนตัวให้ห่างออกมาจากการเอาแต่พึ่งพาอาศัยการส่งออกอย่างมากมายจนถึงระดับล้นเกิน ตลอดจนออกมาจากการลงทุนภาครัฐบาลในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นไปอย่างไร้ประสิทธิภาพและกำลังขับดันระดับหนี้สินของประเทศให้พุ่งสูงลิ่ว”

    เส้นทางมุ่งสู่การเติบโตขยายตัวต่อไปของจีนนั้น จะต้องพึ่งพาอาศัยการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่จะขายให้แก่พลเมืองชาวจีนเอง

    “นั่นเป็นภารกิจที่ใหญ่โตมหึมา และยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจของจีนมากมาย ยังคงอยู่ใต้การบงการของพวกนักวางแผนในส่วนกลาง ถึงแม้จะมีการปฏิรูปมาแล้วนานปี” พอลสัน กล่าว โดยอิงกับประสบการณ์ของเขาที่ได้เดินทางไปยังจีนกว่า 100 เที่ยวตลอดระยะเวลา 25 ปีทีผ่านมา

    พอลสันออกมาพูดแสดงความเห็นคราวนี้ เพื่อโปรโมตแนะนำหนังสือเล่มใหม่ของเขา ที่ใช้ชื่อว่า “Dealing With China: An Insider Unmasks the New Economic Superpower” ในหนังสือเล่มนี้ เขาเขียนเอาไว้ตอนหนึ่งว่า “พวก (คนจีน) ที่มีผลประโยชน์ด้านต่างๆ และคอยปกป้อง (ผลประโยชน์ของ) ตนเองอย่างแข็งขันนั้น กำลังพยายามต้านทานไม่ให้ (ประเทศจีน) มีการเปลี่ยนแปลงมากไปกว่านี้ ... ในเวลาเดียวกัน ช่วงระยะเวลาหลายๆ ปีแห่งการเพิกเฉยละเลยอย่างไม่ใช่น้อยๆ เลย ก็ได้ทำให้สิ่งแวดล้อมของจีนอยู่ในสภาพใกล้ถึงระดับหายนะ และจุดประกายให้เกิดการต่อต้านไม่พอใจในหมู่พลเมืองของจีนเพิ่มมากขึ้นทุกที”

    ต้องขอประกาศกันก่อนว่า เอเชียอันเฮดจ์นั้นยังคงมีความเชื่อมั่นว่าจีนและเศรษฐกิจเอเชียในวงกว้างมีแนวโน้มที่เต็มไปด้วยความสดใสคึกคัก และในขณะที่เราคงไม่อาจเห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะต้องให้มีการปรับปรุงยกเครื่องกันทั้งยวง แต่เราก็เห็นด้วยว่าจีนมีปัญหาสำคัญๆ บางประการที่จะต้องต่อสู้เอาชนะให้ได้

    จากการที่ระบบเศรษฐกิจอื่นๆ ในเอเชีย กำลังเริ่มสามารถที่จะเสนอราคาต่ำกว่าจีนในสินค้าหลายๆ ประเภทซึ่งขายให้แก่พวกชาติพัฒนาแล้ว เป็นต้นว่า รองเท้ากีฬา และเสื้อผ้า อนาคตของจีนย่อมต้องอาศัยความสำเร็จของตนในการสร้างสรรค์ข้าวของต่างๆ ซึ่งประชาชนแดนมังกรเองสามารถซื้อหามาใช้สอยไหว ขณะเดียวกัน ในฐานะที่เป็นประเทศซึ่งค่อนข้างขาดแคลนทรัพยากรด้านพลังงาน และกำลังประสบปัญหาหนักหน่วงจากภาวะมลพิษที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง การแก้ไขปัญหาอันสำคัญและใหญ่โตมหึมาทั้งสองนี้ ยังจะต้องดำเนินไปอีกยาวนานเพื่อให้การเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปได้ พวกเจ้าหน้าที่จีนนั้นได้จัดทำแผนโรดแม็ปเพื่อขยายเศรษฐกิจภายในประเทศ, เคลื่อนตัวไปสู่เทคโนโลยีที่มีระดับสูงขึ้น, และตัดลดการพึ่งพาอาศัยการส่งออก เวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการนำเอาแผนการที่วางไว้ไปปฏิบัติให้บังเกิดผล ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเอง สำหรับนักลงทุนแล้ว มันย่อมหมายความว่ามีคุณค่าอะไรอยู่อีกมากมายนักที่สามารถเข้าไปเสาะค้นแสวงหา

    (จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000047354
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘เนปาล’ระทึก เขย่าซ้ำอีก5.0 สั่งเผาศพทิ้งทันที ป้องกันโรคระบาด
    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 3 พ.ค. 2558 06:09

    [​IMG]

    เนปาลผวา ปฐพียังเขย่าไม่หยุด ล่าสุดเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 5.0 แมกนิจูด ที่มีศูนย์กลางลึกลงใต้ดินแค่ 10 กม. ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวมาครบสัปดาห์ ยังเดินหน้าต่อแม้ทางการเริ่มถอดใจ และมีคำสั่งหากเจอศพไร้ญาติระบุตัว ให้เผาทันที เหตุที่เก็บศพไม่เพียงพอ ส่วนชาวบ้านเริ่มลุกฮือ ไม่พอใจรัฐช่วยเหลือล่าช้า ด้านทูตพิเศษยูเอ็นแฉเหตุของบรรเทาทุกข์ยังไปไม่ถึงมือผู้ประสบภัยเพราะติดระบบศุลกากรที่สนามบิน วอนรัฐบาลแก้ไขด่วน ขณะเดียวกันกระทรวงวัฒนธรรมไทยเตรียมจัดทีมช่วยเหลือสำรวจและบูรณะโบราณสถานที่พังยับเยิน

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเกาะติดสถานการณ์ในประเทศเนปาล หลังเผชิญกับเหตุแผ่นดินไหววิปโยค 7.8 แมกนิจูด ซึ่งถือเป็นครั้งรุนแรงในรอบกว่า 80 ปี โดยหลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพังที่เวลาล่วงเลยมาครบสัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6,621 ราย ผู้บาดเจ็บอีก 14,023 รายนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ชาวเนปาลที่กำลังประสบชะตากรรมอันยากลำบาก ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และที่อยู่อาศัย ก็ต้องอกสั่นขวัญหายกันอีกครั้ง หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 5.0 แมกนิจูด เมื่อเวลาประมาณ 12.35 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งใกล้เคียงกับเวลาที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯหรือยูเอสจีเอส เปิดเผยว่าจุดศูนย์กลางของการเกิดอาฟเตอร์ช็อก อยู่ลึกลงไปใต้ดินเพียง 10 กิโลเมตร ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 93 กิโลเมตร แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายเพิ่มเติม

    ด้านนายลักษมี ปราสาท ธากัล รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยแห่งเนปาล แถลงข่าวว่าสถิติผู้เสียชีวิตจะยังเพิ่มสูงขึ้น เพราะยังมีผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังตามเมืองต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก แต่ต้องยอมรับว่าโอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพังแทบไม่มีความเป็นไปได้ แม้หน่วยกู้ภัยจะมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มความสามารถ แต่ญาติของเหยื่อแผ่นดินไหวอาจต้องเตรียมทำใจไว้เช่นกัน

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขในกรุงกาฐมาณฑุของเนปาลออกคำสั่งให้หน่วยกู้ภัยจัดการเผาศพผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่มีญาติมาระบุตัว เพราะโรงพยาบาลไม่มีที่เก็บศพเพียงพอ ทำให้ต้องนำร่างผู้เสียชีวิตมาวางไว้ตามถนนจนศพเริ่มเน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว ขณะที่การเผาศพจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่างๆ ด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยของรัฐบาลอินเดีย ซึ่งถูกส่งมาช่วยเหลือรัฐบาลเนปาลระบุว่าผู้เสียชีวิตที่ไม่มีญาติมาชี้ตัวอาจจะเป็นชาวอินเดียที่เดินทางเข้ามาทำงานในเนปาล

    ส่วนนายเรนเซ ทีริงค์ เอกอัครราชทูตแห่งสหภาพยุโรป (อียู) ประจำเนปาล แถลงข่าวว่า ยังมีพลเมืองจากกลุ่มประเทศสมาชิกอียูราว 1,000 ราย หายตัวไปในเนปาล ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาปีนเขาที่เทือกเขาเอเวอเรสต์ ขณะที่รัฐบาลเนปาลระบุว่าพบศพชาวยุโรปเสียชีวิตจากแผ่นดินไหวแล้ว 12 ราย แต่ยังไม่อาจระบุสัญชาติของผู้เสียชีวิตได้ ส่วนรัฐบาลฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเนเธอร์แลนด์ ระบุว่าพลเมืองประเทศตนหายตัวไปในเนปาลรวมแล้ว 371 ราย และขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

    นอกจากนี้ องค์การยูนิเซฟแห่งสหประชาชาติได้แถลงเตือนว่าเด็กชาวเนปาลประมาณ 1.7 ล้านคนที่ตกเป็นเหยื่อแผ่นดินไหวและต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ต่างๆ เสี่ยงต่อการติดโรคระบาดซ้ำซ้อน เพราะใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูมรสุมของเนปาลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่อาหารและยารักษาโรคยังกระจายไปสู่พื้นที่ประสบภัยไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านสุขภาพและอนามัยของผู้ประสบภัยเพิ่มเติม

    ขณะที่นายสุชิล คอยราลา นายกรัฐมนตรีเนปาล ประกาศขอความช่วยเหลือจากนานาประเทศเพิ่มเติม โดยระบุว่าผู้ประสบภัยพิบัติยังต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์พักพิงชั่วคราวในอีกประมาณ 3 เดือนต่อจากนี้ และยังต้องการความสนับสนุนด้านอาหาร ยารักษาโรค และน้ำสะอาด เพราะรัฐบาลยังไม่อาจฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคได้ในเวลาอันใกล้ และนายราม ชารัน มหัท รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งเนปาล ประเมินว่ารัฐบาลต้องใช้เงินราว 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 64 ล้านล้านบาท) ในการบูรณะซ่อมแซม ทั้งบ้านเรือน โรงพยาบาล สถานที่ราชการ รวมถึงโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเนปาล

    ขณะเดียวกัน ผู้ประสบภัยในเมืองต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลจากกรุงกาฐมาณฑุ ยังคงรวมตัวประท้วงกดดันเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือและลำเลียงเสบียงอาหารเพื่อไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง ขณะที่โฆษกของกองทัพสหรัฐอเมริกาแถลงว่า หน่วยนาวิกโยธินอเมริกัน 100 นาย พร้อมด้วยเรือรบ เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์แบบขึ้นลงแนวดิ่ง 8 ลำได้เข้าช่วยเหลือรัฐบาลเนปาลในการลำเลียงความช่วยเหลือไปให้แก่ผู้ประสบภัยตามพื้นที่ในหุบเขาต่างๆ ซึ่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก รวมถึงพื้นที่บริเวณเทือกเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งประสบภัยหิมะถล่ม

    อย่างไรก็ดี นายเจมี แม็คโกลด์ริค ทูตพิเศษสหประชาชาติหรือยูเอ็น เปิดเผยในเวลาต่อมาถึงสาเหตุที่สิ่งของบรรเทาทุกข์จากนานาชาติยังไปไม่ถึงมือผู้ประสบภัยในขณะนี้ว่า เนื่องจากของไปติดอยู่ที่ด่านศุลกากรในสนามบินนานาชาติกรุงกาฐมาณฑุ รัฐบาลเนปาลไม่ควรที่จะใช้ระบบศุลกากรอยู่ เพราะสถานการณ์ในขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤติ ควรรีบกระจายของไปให้ถึงมือชาวบ้านโดยเร็วที่สุดได้แล้ว

    แต่ต่อมา นายราม ชารัน มหัท รมว.คลังเนปาล ได้ออกแถลงการณ์ว่า ขอเรียกร้องให้นานาชาติส่งสิ่งของจำพวกเต็นท์ ผ้าใบกันน้ำ และอาหารพื้นฐานอย่างข้าว เกลือ น้ำตาล มาเท่านั้น เพราะว่าของจำนวนมากที่ได้รับบริจาคมานั้นไม่มีความจำเป็นอย่างปลาทูน่า หรือมายองเนส เราจะเอาไปใช้ทำอะไรได้ อย่างไรก็ตาม นายมหัทปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าทำไมสิ่งของบรรเทาทุกข์ยังคงติดค้างอยู่ที่ด่านศุลกากรสนามบิน ขณะที่เจ้าหน้าที่เนปาลฝ่ายดูแลเรื่องการแจกจ่ายอาหารประทังชีพ เปิดเผยว่า นอกจากปัญหาคอขวดที่ด่านศุลกากรแล้ว ก็ยังมีปัญหาคอขวดเรื่องการลำเลียงสิ่งของด้วย เนื่องจากรถบรรทุกและคนขับไม่เพียงพอ ซึ่งจากปัญหาการบริหารและกระจายของบรรเทาทุกข์นี้ ทำให้พลจัตวาพอล เคนเนดี้ สังกัดนาวิกโยธินสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเครื่องบินทหาร 4 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ จะเดินทางมาถึงเนปาลในเร็วๆนี้ พร้อมกับนาวิกโยธิน 100 นาย และเครื่องจักรสำหรับยกของหนัก ซึ่งภารกิจนอกเหนือจากการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว กองทัพสหรัฐฯก็จะเข้ามาช่วยเรื่องบริหารจัดการเสบียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาต่อเนื่อง ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานถึง “กุมารี” หรือเทพธิดาผู้มีชีวิต ที่ชาวเนปาลเชื่อว่าเป็นเทวีทาเลจูมา จุติมาเกิด และชาวเนปาลเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ว่ารอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เช่นกัน โดยนางเดอร์กา สากยา วัย 55 ปี ผู้ทำหน้าที่ดูแลกุมารี ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตอนเกิดแผ่นดินไหวนั้น ทั้งวัดโบราณและรูปปั้นรอบๆวังขององค์กุมารี ที่จัตุรัสดูร์บาร์ในกรุงกาฐมาณฑุ ต่างพังถล่มหักโค่นลงมาจนฝุ่นควันฟุ้งไปทั่วบริเวณ แต่น่าแปลกที่วังขององค์กุมารีเองกลับมีรอยแตกเพียงเล็กน้อย ขณะที่ข้าวของภายในก็ยังอยู่ที่เดิมไม่มีอะไรหล่นแตกเสียหาย จึงเชื่อว่าองค์กุมารีได้คุ้มครองพวกเราอยู่ และองค์กุมารีปัจจุบัน ซึ่งมีอายุเพียง 9 ขวบ ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวแม้แต่น้อย ทั้งนี้ ผู้จะเป็น “กุมารี” ได้รับการคัดสรรจะเลือกเด็กสาวพรหมจรรย์ที่มีรูปร่างลักษณะตรงเงื่อนไข มารับตำแหน่งและอาศัยอยู่ในวังกุมารีที่เรียกว่าการ์ ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีประจำเดือน หรือได้รับบาดแผลเลือดออกมาก เพราะเชื่อกันว่าการเสียเลือดออกจากร่างกายจะถือว่าไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป

    นอกจากนี้ ท่ามกลางความโศกเศร้าและลุ้นวันต่อวันในการพบตัวผู้รอดชีวิต ซึ่งสื่อต่างประเทศรายงานว่าหน่วยกู้ภัยและบุคลากรทางการแพทย์จาก 22 ประเทศทั่วโลก ที่เข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลเนปาลยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน และก็ยังมีเรื่องน่ายินดี เมื่อวันที่ 30 เม.ย. หน่วยแพทย์จากประเทศอิสราเอลได้ทำคลอดทารกเพศหญิงที่ศูนย์แพทย์ฉุกเฉินในกรุงกาฐมาณฑุ โดยพ่อและแม่ของเด็กคือ นายฮาเรียนเดอร์ ชาน และนางลาตา ชาน ชาวเนปาล ระบุว่าการถือกำเนิดของลูกสาวท่ามกลางเหตุภัยพิบัติคือความหวังที่ทำให้พวกเขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป และแพทย์ระบุว่าถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากที่นางลาตา ชาน สามารถคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย เพราะมีหญิงตั้งครรภ์จำนวนมากที่สูญเสียเด็กในท้องไปในช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหว

    ด้านความช่วยเหลือจากไทย นอกจากเงินบริจาคและสิ่งของจำเป็น ทั้งเวชภัณฑ์ อาหาร น้ำสะอาด เต็นท์ ผ้าห่ม ฯลฯ ที่ทยอยจัดส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเนปาลแล้ว นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ว่า ความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวเนปาล ส่งผลกระทบต่อโบราณสถาน มรดกโลก และศาสนสถานใน 3 เมืองหลัก ได้แก่ จัตุรัสดูร์บาร์ สถูปโพธินาถ หอธราหาร ในกรุงกาฐมาณฑุ รวมถึงวิหารและศาสนสถานฮินดูเก่าแก่ ในเมืองปักตะปูร์ และเมืองปาตัน ซึ่งทั้งหมดถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศเนปาล ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร เตรียมจัดตั้งคณะทำงานในนามทีมไทยแลนด์ ซึ่งประกอบด้วย อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญด้านงานโบราณคดี สถาปนิก วิศวกร นักวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ และนักประวัติศาสตร์– ศิลป์ เพื่อเข้าไปช่วยสำรวจความเสียหายของโบราณสถาน รวมถึงให้การสนับสนุนช่วยเหลือการจัดทำแผนการบูรณะ และอนุรักษ์ ภายหลังจากที่ประเทศเนปาลจัดการฟื้นฟูเมือง และวิถีชีวิตของผู้ประสบภัยแล้ว โดย วธ.จะประสานงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอรายละเอียดข้อมูลเบื้องต้นของความเสียหายที่เกิดขึ้น จากนั้นจะนำเสนอขอความเห็นต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป

    ขณะที่นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่านายวุตติ วุตติสันต์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาลไม่สบายว่า ได้รับแจ้งจากท่านทูตวุตติว่ามีอาการเจ็บคอ และไอเนื่องจากอากาศเปลี่ยน และเจ็บเล็กน้อยที่เล็บ จึงให้แพทย์ทหารที่มาร่วมปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ให้กับชาวเนปาลหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวตรวจร่างกายให้ แพทย์จึงจ่ายยาแก้แพ้อากาศให้ทานเพื่อบรรเทาอาการป่วยแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือคนไทยในเนปาลที่อาจจะประสบภัยและประสงค์จะเดินทางกลับประเทศนั้น ขณะนี้ไม่มีคนไทยแจ้งขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมแล้ว แต่สถานเอกอัครราชทูตไทยยังคงเปิดศูนย์ช่วยเหลือที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทยในกรุงกาฐมาณฑุต่อไป

    นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่วัดเทพลีลา ซอยรามคำแหง 39 นายอาคม จีรวงศ์ไกรสร บิดา น.ส.มารีสา หรือน้องอีฟ จีรวงศ์ไกรสร ผู้ช่วยแพทย์สาวไทยที่เสียชีวิตจากหิมะถล่มที่เทือกเขาเอเวอเรสต์หลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในเนปาล เปิดเผยว่า ตนและเครือญาติ พร้อมเพื่อนๆอีฟ กว่า 100 คน ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลเนื่องในโอกาสครบรอบ 7 วันการจากไปของอีฟ ส่วนศพขณะนี้เก็บไว้ที่ รพ.สมิติเวช เพื่อรอลูกชายที่อยู่ต่างประเทศกลับมาวันที่ 4 พ.ค. ส่วนวันที่ 6 พ.ค.จะมีพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาคริสต์ ที่วัดมหาไถ่ และวันที่ 7 พ.ค.ทำพิธีตามศาสนาพุทธและมีพิธีฌาปนกิจในวันเดียวกัน ที่วัดแก้วแจ่มฟ้า สี่พระยา

    ‘เนปาล’ระทึก เขย่าซ้ำอีก5.0 สั่งเผาศพทิ้งทันที ป้องกันโรคระบาด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อแฉเหตุดับหนุ่มผิวสี โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 2 พ.ค. 2558 05:15

    [​IMG]

    เมื่อ 30 เม.ย. หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล สื่อสหรัฐฯ รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้ไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่าสาเหตุการเสียชีวิตของนายเฟร็ดดี เกรย์ ชาวอเมริกันผิวสีซึ่งถูกตำรวจจับกุมในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์เมื่อวันที่ 12 เม.ย. เกิดจากบาดเจ็บที่ศีรษะและกระดูกสันหลัง โดยรอยแผลที่พบที่ศีรษะมีลักษณะตรงกับกลอนประตูกรงเหล็กในรถตำรวจ แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่าเกรย์ถูกจับเข้าไปในรถในลักษณะใด ขณะที่ตำรวจบัลติมอร์ปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวโดยระบุว่าผลชันสูตรถูกส่งไปให้สำนักงานอัยการแล้ว ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมให้นายเกรย์ยังรวมตัวเดินขบวนในเมืองบัลติมอร์ แต่สลายตัวก่อน 22.00น.ซึ่งเป็นช่วงเวลาเคอร์ฟิวห้ามออกนอกที่พัก.

    สื่อแฉเหตุดับหนุ่มผิวสี - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นยกเลิกประกาศเตือนภัยสึนามิแล้ว
    Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/05/03 9:35 AM

    [​IMG]

    โตเกียว 3 พ.ค. – สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น รายงานการยกเลิกประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ บริเวณหมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น ในเช้าวันนี้ ภายหลังมีคลื่นขนาดเล็กหลายระลอกตามมา หลังจากเกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทรแปซิฟิก

    สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า คลื่นสึนามิที่พบมีความสูง 50 เซนติเมตร บริเวณหมู่เกาะอิสุ และหมู่เกาะโองาซาวาระ ทางใต้ของกรุงโตเกียว ก่อนที่สถานีอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นจะยกเลิกประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์ เมื่อเวลาประมาณ 04.10 น. วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 02.10 น.ที่ผ่านมา ตามเวลาในไทย ทางการญี่ปุ่นระบุขนาดแผ่นดินไหวที่ 5.9 แต่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า มีขนาด 6.1 และได้ปรับลดลงมาที่ 5.7 โดยมีศูนย์กลางห่างไปทางใต้ถึงตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่เกาะอิสุราว 185 กิโลเมตร ขณะที่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย.-สำนักข่าวไทย

    ญี่ปุ่นยกเลิกประกาศเตือนภัยสึนามิแล้ว | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยอดเสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเนปาลเกิน 7,000 คนแล้ว
    Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/05/03 11:34 AM

    [​IMG]

    กาฐมาณฑุ 3 พ.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินแห่งชาติเนปาลรายงานวันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็น 7,040 คน และบาดเจ็บกว่า 14,000 คน

    เจ้าหน้าที่เนปาลกล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นตัวเลขที่บันทึกไว้อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่ายอดรวมอาจ สูงกว่านี้ หลังจากแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.8 เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีรายงานเสียชีวิตอีกกว่า 100 คนในอินเดียและจีน ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้การกู้ภัยเปลี่ยนจากปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตเป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากแผ่นดินไหวซึ่งติดอยู่ในพื้นที่ห่างไกล .-สำนักข่าวไทย

    ยอดเสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเนปาลเกิน 7,000 คนแล้ว | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่แปลกครับ ช่วงนี้ผมไปเดินเล่นร้านอมร เห็นอุปกรณ์เก็บไฟ้าสำหรับชาร์ตโทรศัพท์มือถือ แทปเล็ต บางตัวยังแปลงไฟฟ้ากระแสตรง เป็นไฟ้ากระแสสลับมีขายอยู่หลายๆ รุ่น บางตัวยังมีวิทยุในตัว ไปเดินเล่นร้านอมร ก็ได้ครับไม่ต้องรอ

    ทำไม “กำเนิด Tesla Powerwall” จึงเป็นข่าวใหญ่ของโลก?
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2558 02:47 น.

    [​IMG]

    30 เมษายน 2015 คือฤกษ์ดีที่บริษัทเทสลา (Tesla Motors) เปิดตัวสินค้าใหม่ซึ่งจะทำให้เทสลาไม่ใช่แค่ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่จะเป็นแบรนด์ผู้นำชาวโลกให้ร่วมปฏิวัติระบบเก็บพลังงานสำหรับบ้านและอาคารที่เชื่อว่าจะมีอิทธิพลสูงมากในอนาคต

    สินค้าใหม่ของเทสลาที่ซีอีโอมหาเศรษฐี “อีลอน มัสก์ (Elon Musk)” ภูมิใจนำเสนอนั้นมีชื่อว่า “เทสลา พาวเวอร์วอลล์ (Tesla Powerwall)” ถือเป็นการเปิดตัวสินค้ากลุ่มแบตเตอรี่สำหรับบ้านหรือ home battery product ตามที่มีข่าวลือมาก่อนหน้านี้

    แนวคิดของ Tesla Powerwall นั้นไม่ต่างจากพาวเวอร์แบงก์ หรืออุปกรณ์เก็บไฟฟ้าสำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีพกพา ที่ผ่านมา ชาวออนไลน์มักเสียบปลั๊กชาร์จไฟเก็บไว้ในพาวเวอร์แบงก์ก่อนจะพกพาขณะเดินทาง เมื่อสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตแบตเตอรี่อ่อน ก็สามารถต่อสายเคเบิลกับพาวเวอร์แบงก์เพื่อชาร์จไฟได้โดยไม่ต้องกังวลว่าสถานที่นั้นจะมีไฟฟ้าใช้งานหรือไม่

    สำหรับ Tesla Powerwall ผู้ใช้จะสามารถเก็บไฟฟ้าไว้สำรองใช้กับบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงไฟดับ จุดต่างของ Tesla Powerwall กับระบบสำรองไฟทั่วไปคือการรองรับการเก็บพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซล รวมถึงการทยอยสำรองชาร์จไฟเก็บไว้ในช่วงที่มีผู้ใช้งานน้อย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ประหยัดค่าไฟได้

    ไม่เพียงบ้าน แต่ Tesla Powerwall ออกแบบมาสำหรับอาคารสำนักงานด้วย โดยความจุในการเก็บพลังไฟของ Tesla Powerwall แบ่งเป็นรุ่น 10 กิโลวัตต์ชั่วโมงและ 7 กิโลวัตต์ชั่วโมง สนนราคา 3,500 เหรียญสหรัฐและ 3,000 เหรียญตามลำดับ (ราว 112,000 และ 96,000 บาท) ราคานี้เป็นราคาสำหรับผู้ผลิตหรือซับพลายเออร์เท่านั้น ยังไม่รวมค่าติดตั้งและการเชื่อมต่อระบบแปลงไฟ

    เทสลาระบุว่า แบตเตอรี่สำหรับบ้านนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานพลังงานจากแสงอาทิตย์ของบ้านเรือน ขณะเดียวกันก็สามารถสำรองไฟในกรณีฉุกเฉินได้ โดยนอกจาก 2 รุ่นความจุที่เปิดตัว เทสลามีแผนผลิตแบตเตอรี่สำหรับสำนักงานที่มีความจุมหาศาลสำหรับใช้กับธุรกิจขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นในอนาคต

    แผนนี้แสดงความเชื่อมั่นของเทสลาในตลาดแบตเตอรี่สำรองไฟสำหรับอาคารบ้านเรือน แม้ว่าสินค้ากลุ่มแบตเตอรี่เพื่อบ้านจะมีแนวโน้มราคาต่ำลงอีกก็ตาม การสำรวจของบริษัทจีทีเอ็มรีเสิร์ช (GTM Research) ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการสำรองพลังงานสหรัฐฯ (Energy Storage Association) พบว่าในขณะที่ตลาดสำรองไฟจะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มหรือนิช (niche) ซึ่งมีเม็ดเงินสะพัดเพียง 128 ล้านเหรียญเท่านั้นในปี 2014 แต่อัตราเติบโตของตลาดนี้อยู่ที่ 40% คาดว่าปีนี้อัตราการติดตั้งระบบสำรองไฟในสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว

    ถึงปี 2019 งานวิจัยของ GTM Research ประเมินว่าตลาดสำรองไฟจะมีมูลค่าสูงแตะระดับ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 48,000 ล้านบาท

    การเปิดตัว Tesla Powerwall ยังถูกมองว่าจะเป็นแรงหนุนให้สินค้าแบตเตอรี่เพื่อบ้านที่วางจำหน่ายในตลาดขณะนี้มีการปรับปรุงยิ่งขึ้นในราคาที่ต่ำลง โดยระยะยาว Tesla Powerwall จะสามารถปฏิวัติการใช้พลังงานของชาวโลกได้จริง เนื่องจากการสำรองไฟลักษณะนี้สามารถช่วยให้ผู้คนใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเช่นแสงอาทิตย์หรือกังหันลมได้มากขึ้น ขณะที่ลดการใช้พลังงานอย่างน้ำมันลงได้อีกทาง

    ประเด็นนี้มีนัยสำคัญ โดยนักวิเคราะห์ยอมรับว่าระบบสำรองไฟจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาดระบบสร้างพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์หรือลมและน้ำ เนื่องจากพลังงานสะอาดเหล่านี้สามารถสร้างไฟฟ้าได้ทีละน้อย ไม่เพียงพอสำหรับการเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกัน ข้อจำกัดนี้ทำให้ชาวโลกยังต้องพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากน้ำมันหรือทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป

    นอกจากบ้านและอาคารสำนักงาน Tesla Powerwall ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าด้วย เนื่องจากสามารถประหยัดค่าไฟและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะในกรณีที่รถไฟฟ้าสามารถใช้เวลากลางคืน ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ในระบบสำรองไฟได้

    การประหยัดค่าไฟก็เป็นอีกจุดขายของ Tesla Powerwall เนื่องจากราคาค่าไฟฟ้าในช่วงที่มีผู้ใช้งานมากน้อยนั้นถูกแพงไม่เท่ากัน Tesla Powerwall จะช่วยให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงค่าไฟในช่วงเวลาที่แพงที่สุดได้ เพราะสามารถทยอยเก็บไฟฟ้าไว้ในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้น้อย

    ...คนไทยรอต่อไปจ้า...

    http://manager.co.th/CBizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9580000050316
     

แชร์หน้านี้

Loading...