ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 29 เม.ย.58 เมื่อเอาโลก ไปเปรียบเทียบกับเปลวสุริยะจะเกิดอะไรขึ้น
    ดวงอาทิตย์เกิดปฏิกริยาที่รุนแรง ปล่อยพายุสุริยะ ความร้อนกว่า 4 แสนองศา ความเร็วประมาณ 292 กิโลเมตรต่อวินาที คาดว่าจะถึงโลกในวันที่ 3-4 พฤษภาคม 2558 นี้ และถ้าเปรียบเทียบ ขนาดของโลก กับความสูงขอเปลวสุริยะ ก็ลองดูภาพเอาเองละกัน
    คิดดูว่าความเร็ว บวกความร้อนเท่านี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับสนามแม่เหล็กโลกกระจ้อยร่อย ช่วงเวลานั้น และเลยไปนิดหน่อย จึงมีความเสี่ยงจะเกิดสิ่งไม่คาดฝันบนโลก ที่แสนกระจิ๋วหลิ๋วนี้
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/topsecretthai
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... "หลังแผ่นดินไหว เนปาลจะถูกอิทธิพลของ IMF และอเมริกาครอบครองเหมือนไฮติที่โดนเมื่อปี 2010 (ถ้าต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูประเทศ)"
    .
    ... กรณีศึกษาของไฮติที่เจอแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในตอนนั้น ไฮติต้องกู้เงิน IMF มาบูรณะฟื้นฟูประเทศครั้งใหญ่ ยิ่งทำให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอเมริกา ที่ชักใย IMF อีกทีหนึ่ง ยิ่งกว่านั่นหลังแผ่นดินไหวในครั้งนั่นมีข่าวว่าทหารอเมริกาแอบส่งกองกำลังเนียนๆมาในคราบผู้ช่วยเหลือ แท้ที่จริงมาแทรกแทรงและหนุนกลุ่มที่ตนสนับสนุนอยู่ เพื่อจะมีอิทธิพลเหนือไฮติอย่างสมบูรณ์
    ... มาดูกรณีของเนปาล ว่าเนปาลจะกู้เงินของประเทศฝั่งตะวันตกหรือจากกลุ่ม BRICS เพราะถ้ากู้จาก IMF ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะถูกอิทธิพลของอเมริกาครอบครองโดยสมบูรณ์ผ่านการกู้เงิน
    ... เพราะที่ผ่านมาอเมริกาใช้การให้กู้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับการมีอิทธิพลทางการเมืองการค้าและภายในประเทศยากจนทั่วโลกนั้นมากมาย โดยนักวิจัยและนักทำงานการกุศลบอกว่า กรณีของไฮตินั้นน่ากลัวว่าจะเป็น "การให้กู้เงินเพื่อการครอบครอง" อีกแห่งหนึ่งของประเทศมหาอำนาจ
    ... ในอดีตอเมริกาก็เคยมีโครงการ "มาร์แชลแปลน" เมื่อปี 1948 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูยุโรปที่เป็นสมรภูมิรบหลังสงคราม เพื่อการแย่งและดึงประเทศต่างๆในยุโรปมาเป็นพวกโดยแข่งกันกับ โซเวียตรัสเซียช่วงสงครามเย็น เป็นการให้ยืมเงินแบบแฝงการขยายอิทธิพลแนวคิดแบบเสรีนิยมในประเทศลูกหนี้อย่างช้าๆเงียบๆ
    ... หลังจากแผ่นดินไหวที่ไฮติผ่านไป ก็มีหลักฐานว่า แผ่นดินไหวของไฮตินั้น น่าจะเกิดจากการใช้ HAARP ของอเมริกา ไม่ใช่เป็นอุบัติภัยธรรมชาติแต่อย่างใด รวมทั้งที่ญี่ปุ่นในปี 2011, จีน 2008, หรือแม้แต่พม่าก็ด้วย ด้วย โดยมีภาพถ่ายท้องฟ้าผิดธรรมชาติเหมือนเกิดจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ยิ่งในกรณีญี่ปุ่นนั้นมีเครื่องตรวจจับได้อย่างชัดเจนโดยมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น
    ... ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าแผ่นดินไหวที่เนปาลเกิดจากอะไร แม้ว่าจะเคยเกิดครั้งใหญ่มาแล้วเมื่อ 1934 และมีโอกาศจะเกิดสูง ( รัฐแคลิฟอร์เนีย ของอเมริกา ก็อยู่ในเขตอันตรายที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว "วงแหวนแห่งไฟ" แต่ก็ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มานานแล้ว เกิดแต่ฝั่งเอเชียประจำ ) แต่ที่แน่ๆ ถ้าเนปาลกู้เงิน IMF หรือจากฝั่งตะวันตก ประเทศจะตกอยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกาทันที จะกลายเป็น "เมืองขึ้น" ท่ามกลางประเทศใหญ่ อย่าง "จีน" และ "อินเดีย " ทันที และถ้าอเมรืกาจะบีบเพื่อเอา "ฐานทัพอากาศ" มาลงที่นี่ ก็จะปั่นป่วน ดินแดนนี้ได้อย่างสบาย ถ้าเกิดสงครามใหญ่ในอนาคตอันใกล้
    ... เพราะโดยความจริงนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกรู้กันดีว่า โครงการ HAARP นั้นทำให้เกิดแผ่นดินไหวระดับที่เกิดกับเนปาลได้อย่างสบาย และเคยเรียกร้องให้อเมริกาหยุดโครงการนี้แล้ว แต่อเมริกาก็ไม่เคยหยุด
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... "เนปาล กับ จีน : เพื่อนกันทุกสภาพอากาศ ... แต่ IMF มาแรงกว่า"
    .
    ... เนปาลกับจีนสถาปนาความสัมพันธ์ต่อกันตั้งแต่ปี 1955 ที่นับวันมีแต่จะพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าก็ยังมีเรื่องที่น่ากังวลใจหลักที่เป็นปัญหาระหว่างสองประเทศ คือจะมีผู้อพยพจาก "ทิเบต" กว่า 20,000 คนได้หนีลี้ภัยจากจีนมาอาศัยที่เนปาล และเนปาลก็ถูกต่างชาติประณามที่ได้สลายผู้ชุมนุมชาวทิเบตอย่างโหดร้ายที่จัดกิจกรรมในเนปาลเป็นประจำ ... ในปี 2005 รัฐมนตรีต่างประเทศของเนปาลท่านหนึ่ง นาย Ramesh Nath Pandey เคยบอกว่า " จีน คือเพื่อนทุกสภาพอากาศของเนปาล"
    ... สมัยกษัตริย์ Gyanendra ท่านเคยแนะนำจีนในการมาคบค้าสมาคมกับกลุ่ม SAARC ของประเทศในเอเชียใต้มาแล้ว ( คล้ายๆ อาเซียน ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
    ... [ SAARC ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 8 ธันวาคม 1985 โดยความริเริ่มของอดีตประธานาธิบดี Ziaur Rahman แห่งบังกลาเทศ ปัจจุบันมีสมาชิก 7 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย มัลดีฟส์ เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน และผู้สังเกตการณ์ 8 ประเทศ และ 1 องค์การระหว่างประเทศ คือ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มอริเชียส เมียนมาร์ เกาหลีใต้ อิหร่าน และสหภาพยุโรป ]
    ... แต่เนปาลก็มีการถ่วงดุลอำนาจกับประเทศต่างๆได้ดี และเนปาลก็มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับอเมริกาและอิสราเอลด้วย โดยเนปาลเป็นประเทศแรกในเอเชียใต้ที่สถาปนาการทูตกับอิสราเอล
    ... นอกเหนือจาก SAARC แล้วเนปาลยังมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มสถาบันระหว่างประเทศต่างๆเช่น IMF , World Bank, ADB, อีกด้วย โดยเฉพาะ IMF นั้นมีการช่วยเหลือทางการเงินกับเนปาลมาโดยตลอดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงสิบกว่าปีหลัง
    ... และเป็นไปได้สูงที่แผ่นดินไหวในครั้งนี้ เนปาลอาจจะกู้เงินก้อนใหญ่มากจาก IMF มาฟื้นฟูบูรณะประเทศครั้งใหญ่ ที่ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองโลกกำลังเข้มข้นมาก ที่อาจจะกระทบกับมหาอำนาจในย่านนี้ เช่นถ้าอเมริกาขอมาตั้ง "ฐานทัพอากาศ" ในเนปาลเป็นต้น อเมริกาที่ชักใย IMF อยู่ อาจจะแอบมีข้อแม้อะไรสอดแทรกมาในการช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย ( เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาเคยออก "มาร์แชลแปลน" เพื่อออกเงินกู้แก่ประเทศต่างๆในยุโรปฟื้นฟูบูรณะประเทศหลังสงครามและขยายอิทธิพลแนวคิดทางการเมืองและเศรษฐิจการค้าของตนในช่วง "สงครามเย็น" ที่แข่งกันหาเพื่อนพันธมิตรกับสหภาพโซเวียตอย่างดุเดือดมาแล้ว )
    ... อีกไม่นานก็จะรู้ว่า เนปาลจะกู้ IMF ตามที่คาดหรือไม่ ถ้าจริงอิทธิพลอเมริกาจะตามมาอย่างแน่นอน และจะเปลี่ยนดุลอำนาจทางการเมืองโลกไปอย่างมากด้วย
    .
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เบื้องหลังมกุฎราชกุมารอาบูดาบีแห่งเอมิเรตส์ เยือนซาอุฯ
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - เม.ย. 29, 2015

    [​IMG]

    มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบีและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเออี ได้เยือน เมือง ฏออีฟ ซาอุดิอาระเบีย เป็นครั้งที่สองในรอบสองสัปดาห์ โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง และได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย

    อัลอาลัม – รายงานจากแหล่งข่าวกรุงริยาด (เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา) ระบุ “โมฮัมเหม็ด บิน ซาเอด อาลี นาห์ยาน ” มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี ได้เยือน เมืองฏออีฟ ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยมี “มูฮัมหมัด บิน ซัลมาน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่เข้าร่วมกับกองกำลังปฏิบัติการโจมตีเยเมนครั้งใหม่ ภายใต้ “การคืนสู่ความหวัง” ให้การต้อนรับ

    มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบีและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเออี ในการพบปะครั้งล่าสุดที่ผ่านมากับเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้เรียกร้องการสร้างกรอบการทำงานทางการเมือง ทางทหาร เพื่อยกระดับสถานะของชาวอาหรับในภูมิภาคและระดับโลก

    ในการเดินทางระยะสั้น ของมกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี ยังเมืองฏออีฟ ได้เยี่ยมฐานทัพอากาศของ มาลิก ฟาฮัด ในเมืองนี้ด้วย และได้พบปะกับบรรดาเจ้าหน้าที่ทหารและกองพันทหารที่ห้า ที่มีเข้าร่วมปฏิบัติการกับพันธมิตรในการโจมตีเยเมน

    ตลอดช่วงการเยือน ฏออีฟในครั้งนี้ ได้อ้างพูดและแสดงทัศนะว่า ธรรมชาติของความท้าทายและความเสี่ยงในภูมิภาค ทำให้เกิดการตื่นตัวและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับศัตรู และสนับสนุนความสำเร็จของการพัฒนาและแผนการในอนาคตของการดำเนินชีวิตของเราและในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งในวันนี้ประเทศอาหรับกำลังเข้าสู่ขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน ที่ปรารถนาและต้องการความร่วมมือและความเป็นปึกแผ่นและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

    มกุฎราชกุมาร อบูดาบี ยังเผยอีกว่า หากพิจารณาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคในวันนี้ เป็นข้อเท็จจริงใหม่ที่ถูกกำหนดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ที่เราจำเป็นต้องมีขั้นตอนที่สร้างสรรค์บนเส้นทางไปสู่ชัยชนะ ต่อสู้กับความเสี่ยงที่รุนแรงและเสริมสร้างกำลังคนให้พร้อมในการรับมือ

    ก่อนหน้านี้ที่จะมาเยือนซาอุ อาลี นาห์ยอน ได้เดินทางไปวอชิงตันพบกับประธานาธิบดีบารักโอบาของอเมริกา ในขณะมีรายงานระบุว่า ยูเออีและซาอุดีอาระเบีย มีความขัดแย้งและแตกคอกัน ในการปฏิบัติการ “พายุแกร่ง” ในการเข่นฆ่าชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวเยเมน ถึงแม้นว่ายูเออี เป็นหนึ่งในพันธมิตรในการบุกโจมตีเยเมนก็ตาม

    ลอส แองจิเลส ไทมส์ รายงาน จากแหล่งอ้างอิงของอเมริกาที่เชื่อถือได้ว่า แรงกดดันจากวอชิงตันที่มีต่อริยาดให้ยุติการปฏิบัติการ “พายุแกร่ง” เป็นเหตุให้เกิดรอยร้ายและความขัดแย้งระหว่างอเมริกาและซาอุดีอาระเบีย

    หนังสือพิมพ์ อเมริกา ยังรายงานเสริมอีกว่า ในที่สุดซาอุดิอาระเบียก็ตัดสินใจที่จะยืนหยัดในความตั้งใจของตัวเองและโดยไม่คำนึงถึงจุดยืนของอเมริกาและชาติพันธมิตรอาหรับ ด้วยการประกาศหยุดปฏิบัติการ “พายุแกร่ง” และสู่ขั้นต่อไปของการโจมตีที่เรียกว่า “ปฏิบัติการกู้ภัยแห่งความหวัง”

    นักวิเคราะห์เชื่อว่า ซาอุดีอาระเบียและตุรกี เป็นสองประเทศคู่แข่งที่จะเป็นผู้ที่นำของโลกอาหรับและโลกมุสลิม ซึ่งเพื่อบรรลุความฝันเหล่านี้ จะใช้กลอุบายต่างๆ และการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆโดยไม่เลือกปฏิบัติ

    แม้ว่ากลุ่มพันธมิตร ที่บุกโจมตีเยเมนโดยมุ่งเป้าสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในเยเมนก็ตาม แต่ซาอุฯในฐานะแกนนำของพันธมิตรก็ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์และความสามารถของตนอย่างเต็มรูปแบบ ในการบรรลุความฝันของตนในการเป็นผู้โลกอาหรับ โดยมีตุรกีเป็นคู่แข่ง อีกทั้งยังมีสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเป็นคู่แข่งหลักที่สำคัญในการชิงภาวการณ์เป็นผู้นำของโลกอิสลาม

    นักวิเคราะห์ ประเมินว่า การเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเออีในฐานะชาติเล็กๆชาติหนึ่งในอาหรับ ยังซาอุดิอาระเบียครั้งนี้ มีสองเหตุผลหลักที่สำคัญด้วยกัน ประการแรกคือ ประกาศให้การสนับสนุนระบอบการปกครองซาอุดีอาระเบีย และยอมรับซาอุดิอาระเบียเป็นพี่ใหญ่ในโลกอาหรับ และประการที่สอง เพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจทางทหารของตนเองในภูมิภาคนี้

    เบื้องหลังมกุฎราชกุมารอาบูดาบีแห่งเอมิเรตส์ เยือนซาอุฯ | abnewstoday
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กษัตริย์ซาอุฯ ปลดรัชทายาท-รมว.ต่างประเทศ
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - เม.ย. 29, 2015

    [​IMG]

    @เจ้าชาย มุฮัมหมัด บินนาเยฟ บินอับดุลอะซีซ รัชทายาทคนใหม่แห่งราชวงศ์ซาอูด

    เพรสทีวี - กษัตริย์ซัลมาน บินอับดุลอะซีซ แห่งซาอุดิอาระเบีย ปลดเจ้าชายมุคริน บินอับดุลอะซีซ มกุฎราชกุมาร รัชทายาท รวมทั้งปลด รมว.ต่างประเทศ เจ้าชายซะอูด บินฟัยซอล บินอับดุลอะซีซ พ้นตำแหน่ง

    เจ้าชาย มุฮัมหมัด บินนาเยฟ บินอับดุลอะซีซ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทคนใหม่แห่งราชวงศ์ซาอูด ส่วนอะเดล บินอะหมัด อัลจูเบร์ ได้รับแต่งตั้งเป็นรมว.ต่างประเทศคนใหม่แทน ซะอูด บินฟัยซอล บินอับดุลอะซีซ ที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมายาวนานร่วม 40 ปี

    “เป็นความปราถนาของพระองค์ที่ต้องการปลดจากหน้าที่จากตำแหน่งมกุฎราชกุมาร” สำนักข่าวทางการซาอุรายงานอ้างคำแถลงการของราชสำนัก

    ตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกในวันพุธ มุคริน วัย 69 ถูกปลดออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน

    รายงานระบุ มุฮัมหมัด บินนาเยฟ ทำหน้าที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี และยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยต่อไปอันเป็นตำแหน่งเดิมของพระองค์ รวมไปถึงจะยังทรงเป็นประธานสภาการเมืองและความมั่นคงแห่งซาอุฯ

    ส่วนโอรสของกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายมุฮัมหมัด บินซัลมาน ที่อยู่ในวัย 30 ต้นๆ ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นรองมกุฎราชกุมารอีกด้วย

    อนึ่งกษัตริย์ซัลมาน บินอับดุลอาซิซ ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบียในเดือนมกราคม หลังจากกษัตริย์อับดุลเลาะห์ อับดุลอาซิซ อัลซูด สิ้นพระชนม์ในวัย 90

    ตามลำดับการสืบราชบังลังก์ เจ้าชายมุคริน บินอับดุลอาซิซ ได้รับการแต่งเป็นมกุฎราชกุมารใหม่

    ตอนนั้นกษัตริย์องค์ใหม่ได้แต่งตั้งรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายมุฮัมหมัด บินนาเยฟ วัย 55 เป็นรองมกุฎราชกุมาร พระองค์เป็นหลานชายของผู้ก่อตั้งประเทศซาอุดีอาระเบีย อับดุลอาซิซ บินซะซูด และเป็นครั้งแรกของรุ่นหลานที่ได้อยู่ในเส้นทางสู่บัลลังก์

    นอกจากนั้นกษัตริย์ซัลมานยังได้แต่งตั้งโอรสของตนเอง เจ้าชายมุฮัมหมัด บินซัลมาน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ด้วย

    กษัตริย์ซาอุฯ ปลดรัชทายาท-รมว.ต่างประเทศ | abnewstoday
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมสหรัฐฯ จึงส่งอาวุธให้อัล-กออิดะฮ์ในเยเมน
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - เม.ย. 30, 2015 187

    ไม่ว่าจะมีการ “สูญ” อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ขายตรงให้แก่ซาอุดิอารเบียมูลค่าห้าร้อยล้านดอลล่าร์ไปหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ สหรัฐฯ กำลังมีบทบาทสำคัญในความยุ่งเหยิงที่กำลังเกิดขึ้นในเยเมน

    [​IMG]

    (ภาพ) ชายคนหนึ่งยืนเฝ้าระวังอยู่บนถนนเส้นหนึ่งในเมืองซานาอฺ เยเมน หลังการโจมตีของอัล-กออิดะฮ์ อัล-กออิดะฮ์ขยายการปฏิบัติงานไปในทุกจังหวัดของประเทศที่มีประชากรมากกว่า 25 ล้านคนนี้


    ลอนดอน – ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า บอกกับนักข่าวเมื่อเดือนมกราคมว่า คณะบริหารของเขายังคงจดจ่ออยู่กับการรับมือกับกลุ่มก่อการร้ายในเยเมนด้วยการตอบโต้ภัยคุกคามจากอัล-กออิดะฮ์ในประเทศที่ยากจนบนคาบสมุทรอาหรับแห่งนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่าการประกาศสงครามของซาอุดิอารเบียเมื่อวันที่ 25 มีนาคมจะทำให้ยุทธศาสตร์นั้นต้องเงียบเสียงไป

    ซาอุดี้ฯ อาจทำได้มากกว่าการหยุดการต่อสู้กับการก่อการร้ายในเยเมน จริงๆ แล้วตอนนี้ดูเหมือนว่าสหรัฐฯ จะถูกต้อนให้จนมุมจนต้องช่วยกลุ่มหัวรุนแรงที่ตนหมายจะกำจัดไปด้วยซ้ำ

    ในการพูดถึงยุทธศาสตร์การต่อต้านการก่อการร้ายของอเมริกาในเยเมน เมื่อเริ่มเกิดความตึงเครียดทางการเมืองและความไม่มั่นคงขึ้นที่นั่น โอบาม่ายืนยันระหว่างการเยือนอินเดียเมื่อเดือนมกราคมว่า “สิ่งที่เราสนใจเป็นอันดับสองในเยเมนก็คือการรักษาแรงดันในการต่อต้านการก่อการร้ายกับอัล-กออิดะฮ์ในเยเมน และเราได้ทำเรื่องนั้นมาโดยตลอด”
    กับรายงานข่าวที่ชี้ว่าสหรัฐฯ ได้ระงับเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายเอาไว้เนื่องจากความไม่แน่นอนนั้น เขายืนยันว่า “เรายังคงติดตามเป้าหมายสำคัญในเยเมนอยู่ และจะรักษาแรงกดดันนั้นต่อไปเพื่อทำให้ประชาชนชาวอเมริกันปลอดภัย”

    และขณะที่เรื่องราวการต่อต้านการก่อการร้ายของเจ้าหน้าที่สำคัญยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า การที่ริยาดเข้าแทรกแซงด้วยกำลังทหารต่อกลุ่มเฮาซี กลุ่มนักรบที่ยึดเยเมนไว้ได้ ซึ่งเป็นการเข้าทางของอัล-กออิดะฮ์โดยตรง จะเป็นการพลิกวาทะกรรมต่อต้านการก่อการร้ายของอเมริกา

    “เมื่อพูดถึงเฮาซี กับอะไรก็ตามที่เป็นอคติทางการแบ่งแยกนิกายหรือทางการเมืองที่สื่อตะวันตกอาจพึ่งพา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจว่า ไม่มีกลุ่มอื่นใดในเยเมนที่อยากจะทำลายอัล-กออิดะฮ์มากไปกว่าพวกเขาอีกแล้ว” โจควิน ฟลอเรส ผู้อำนวยการและนักวิเคราะห์ภูมิศาสตร์การเมืองในบอสเนียบอกกับสำนักข่าวมินท์เพรสส์

    “แต่สหรัฐฯ ก็ยังทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อทำลายอิทธิพลของเฮาซีในเยเมน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายหรือกลุ่มที่ซาอุดิอารเบียหนุนหลัง เช่นอัล-อิสลาห์ ที่เรารู้ว่ามีความสัมพันธ์อยู่กับพวกมุสลิมสุดโต่ง” เขากล่าวเสริม

    อิสลาห์ คือพรรคซุนนีสุดโต่งที่ทำหน้าที่เป็นกำบังให้แก่กลุ่มย่อยเคร่งศาสนาหลายกลุ่ม รวมทั้งกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) และนักรบซาลาฟี ตั้งแต่ปี 1994 อิสลาห์ได้รับประโยชน์จากการหนุนหลังของซาอุดิอารเบีย ทั้งทางการเมืองและทางการเงิน เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวต้านอำนาจกับพรรคสภาประชาชนทั่วไป (General People’s Congress) พรรคการเมืองของอดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลอฮ์ ซาเลห์

    เจ้าหน้าที่ทางการทหารของเยเมนเองก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า แนวทางอุดมการณ์ของซาอุดิอารเบีย ที่ประกอบด้วยโมรอกโก, อียิปต์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ปากีสถาน, บาห์เรน, กาตาร์, คูเวต, จอร์แดน, ซูดาน, สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ล้วนแล้วแต่ได้สร้างความสามารถให้แก่อัล-กออิดะฮ์ด้วยการทำให้เกิดสุญญากาศทั้งทางการเมืองและทางความมั่นคง ที่กลุ่มก่อการร้ายสามารถใช้เพื่อความได้เปรียบของพวกเขา

    พลตรีอับดุลเราะห์มาน อัล-ฮาลิลี ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ของเยเมน ซึ่งอยู่ในจังหวัดฮัดรอเมาต์ทางภาคใต้ กล่าวกับมินท์เพรสส์ว่า

    “การเข้าแทรกแซงทางทหารในเยเมนของซาอุดิอารเบีย ทำให้นักรบอัล-กออิดะฮ์สามารถเคลื่อนไหวนอกเขตอิทธิพลปกติของพวกเขาได้ การเปลี่ยนแปลงความเคลื่อนไหวทางการเมืองและการเปลี่ยนจุดสนใจของชาติตะวันตกจากกลุ่มซุนนีหัวรุนแรงมาเป็นการตัดทอนสิ่งที่เข้าใจว่าเป็นภัยคุกคามจากชีอะฮ์ ได้ทำหน้าที่เหมือนเป็นการส่งเสริมอำนาจให้แก่ยุทธศาสตร์การเกณฑ์พลและความทะเยอทะยานของกลุ่มนักรบในเยเมน”

    เขากล่าวเสริมว่า “อัล-กออิดะฮ์ในวันนี้อันตรายมากยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาก่อน เพราะเยเมนไม่มีโครงสร้างภายในหรือเอกภาพในกองทัพที่จำเป็นในการขัดขวางความก้าวหน้าของมันอีกต่อไป

    ศัตรูของศัตรู

    เหมือนน้องสาวต่างมารดาที่น่าเกลียดแห่งคาบสมุทรอาหรับ เยเมนดูจืดไปเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านที่ร่ำรวยน้ำมัน ด้วยความยากจน ไร้เสถียรภาพ และดื้อดึง เยเมนจึงถูกรบกวนด้วยการทุจริตอย่างแพร่หลาย การจลาจลทั่วไป ความยากจนและความไม่เท่าเทียมมาตลอดสามทศวรรษ

    ฟลอเรสอธิบายว่า

    “เป็นความมหัศจรรย์ทางภูมิยุทธศาสตร์และพื้นที่ที่เหมาะสมในการก่อกำเนิดกลุ่มหัวรุนแรง เนื่องจากขาดการกำกับดูแลของรัฐบาลและความคับข้องใจต่อรัฐที่ฝังลึก อัล-กออิดะฮ์รับรู้ถึงศักยภาพการก่อการร้ายของเยเมนได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่อัฟกานิสถานได้กลายมาเป็นจุดศูนย์กลางของกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงในยุค 1980s เยเมนก็จะเป็นแนวรบของอัล-กออิดะฮ์ในแคว้นอาหรับ ตรงหน้าประตูบ้านของซาอุดิอารเบียผู้ยิ่งใหญ่ ถิ่นกำเนิดของอุดมการณ์ที่ขับเคลื่อนและกระตุ้นให้เกิดกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมนี้”

    ถึงแม้ว่าเยเมนจะเป็นพื้นที่ดำเนินการในตะวันออกกลางของอัล-กออิดะฮ์ในคาบสมุทรอาหรับ(AQAP) มานาน โดยเป็นพื้นที่สำหรับฝ่ายสุดโต่งของหลายกลุ่มที่ซาอุดี้ฯ สนับสนุนและให้ทุนในการออกอาละวาด แต่หลายฝ่ายในเยเมน รวมทั้งเฮาซี ได้ส่งเสียงแสดงความปรารถนาที่จะต่อต้านการเกิดแนวคิดสุดโต่งนี้ในฐานะแบบอย่างใหม่ทางการเมืองและทางสถาบัน

    กลุ่มเฮาซีถูกสื่อกระแสหลักกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับอิหร่าน และแทนที่จะเป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง กลับเป็นกลุ่มเฮาซีที่ถูกกล่าวโทษสำหรับการที่เยเมนตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

    ในรายงานที่เขียนให้ New York Review of Books เดือนที่แล้ว โรเบิร์ต เวิร์ธ นักหนังสือพิมพ์ผู้ชำนาญด้านตะวันออกกลางได้เขียนว่า “เฮาซี ไม่เหมือนฮิซบุลลอฮ์และขบวนการชีอะฮ์อื่นๆ พวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากเตหะราน และได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนน้อยมาก”

    อาดัม บารอน นักวิเคราะห์ชาวเยเมนก็ได้สะท้อนเสียงการวิเคราะห์ของเวิร์ธ โดยที่ The Guardian ได้หยิบยกคำพูดของเขามารายงานว่า

    “เหตุผลที่ทำให้เราได้เห็นภาษาเช่นนั้นจากผู้นำสูงสุดก็คือ มือของเขา หรือมือของรัฐบาลอิหร่าน ถูกมัดไว้ที่จุดนี้ ในด้านการให้การสนับสนุนทางการเงินหรือทางทหารแก่เฮาซี มันยากมากที่จะเห็นว่าพวกเขาจะทำได้อย่างไร การใช้คำพูดที่หนักแน่นเหล่านี้เกือบจะเป็นทางเลือกเดียวของพวกเขา”

    มุจตาดา มูซาวี นักวิเคราะห์การเมืองชาวอิหร่านและบรรณาธิการ Iran’s View กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าเฮาซีและอันซอรอลลอฮ์ ปีกทางการเมืองของกลุ่ม จะวางตัวเองอย่างรวดเร็วว่าเป็นพันธมิตรกับอเมริกาในการต่อต้านการก่อการร้าย แต่วอชิงตันกลับเลือกที่จะอยู่ฝ่ายเดียวกับมหาอำนาจที่ใช้ประโยชน์จากกลุ่มสุดโต่งเพื่อการคุมอำนาจเหนือมหาภูมิภาคตะวันออกกลาง นั่นก็คือซาอุดิอารเบีย”

    มูซาวีกล่าวต่อไปว่า

    “เรามาพูดให้ชัดเจนกันว่า ซาอุดิอารเบียเป็นส่วนหนึ่งของสมการการก่อการร้าย และถึงแม้สหรัฐฯ จะกล่าวว่าตนต้องการที่จะทำลายการก่อการร้าย แต่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐกำลังเข้านอนกับผู้ให้ทุนแก่การก่อการร้าย ทำไมนะหรือ? เพราะมันทำให้เกิดความสมเหตุสมผลทางเศรษฐกิจ ผู้ค้าอาวุธพอใจ และ Big Oil ก็พอใจ เฮาซีอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการต่อต้านการเกิดขึ้นของอัล-กออิดะฮ์ และมีความเสี่ยงจากสงครามที่ริยาดกำลังทำกับเยเมน ลำพังเรื่องนี้ก็น่าจะทำให้คุณอยากตั้งสมมุติฐานใหม่เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า ทำไมเฮาซีจึงถูกตราหน้าว่าเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคนี้ในทันที เป็นภัยคุกคามต่อใคร?”


    ความรุนแรงที่แปลงเป็นอาวุธ

    Mideast Yemen Al Qaida in Yemen

    เมื่อพิจารณาถึงการที่เยเมนได้ตกเข้าสู่วังวนของการก่อการร้ายอีกครั้งหนึ่งหลังจากปฏิบัติการทางทหารของซาอุดี้ฯ เจ้าหน้าที่ทางทหารหลายคนได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับเป้าหมายสูงสุดของกษัตริย์ซัลมาน พลตรีอัล-ฮาลิลี บอกกับมินท์เพรสส์ว่า

    “ด้วยความพยายามที่จะล้มล้างเฮาซี ตามที่ผู้นำทางทหารขอซาอุดี้ฯ กล่าวอ้าง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นอานุภาพทางทหารของเยเมน เป็นโครงสร้างพื้นฐานของมันต่างหากที่ได้รับความเสียหายและถูกทำลายอย่างเป็นระบบ ต้องไม่ลืมว่าเป็นเพราะความเหนือกว่าทางการทหารของเรานี่เองที่ทำให้เราสามารถควบคุมพวกนักรบก่อการร้ายเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้ ความสามารถในการต่อสู้กับการก่อการร้ายของเยเมนถูกขัดขวางอย่างกะทันหัน บนหลังของซาอุดิอารเบียที่กำลังทิ้งระเบิดใส่เยเมนนั่นเองที่เราได้เห็นการฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้งของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอัล-กออิดะฮ์”

    อัล-กออิดะฮ์จัดการเข้าควบคุมท่าอากาศยานในมุกัลลา ตัวเมืองของจังหวัดฮัดรอเมาต์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ไว้ได้เมื่อวันที่ 16 เมษายน ปัจจุบันกลุ่มนี้เข้าควบคุมเมืองที่มีประชากร 200,000 คนแห่งนี้ไว้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว

    นับตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม อัล-กออิดะฮ์ประสบความสำเร็จในการยึดที่มั่นทางตะวันออกเฉียงใต้ของเยเมนด้วยการยึดฐานทัพแห่งหนึ่งและท่าอากาศยานแห่งหนึ่ง รวมทั้งรักษาที่ตั้งของตนในจังหวัดชับวาทางตะวันออกด้วย

    กลุ่มนี้ยังสามารถจัดหาอาวุธอานุภาพสูง รถถัง ยานหุ้มเกราะ และยุทโธปกรณ์สำคัญอื่นๆ ได้อีกด้วย อะห์เมด อัล-จุนาอิด โฆษกและสมาชิกระดับแกนนำของเฮาซี บอกกับมินท์เพรสส์ว่า

    “ตอนนี้อัล-กออิดะฮ์สามารถเข้าถึงอาวุธอานุภาพสูงได้แล้ว ซึ่งประกอบด้วยจรวด และอุปกรณ์ทางทหารราคาแพง ซาอุดิอารเบียไม่เพียงแค่พยายามลดขีดความสามารถของเราในการขับไล่นักรบก่อการร้ายเท่านั้น แต่มันยังดำเนินการเพื่อให้อำนาจแก่พวกหัวรุนแรงด้วย และทั้งนี้ทั้งนั้นก็ด้วยความเห็นชอบอย่างลับๆ ของวอชิงตัน สหรัฐฯ อยู่ไหนในตอนนี้ ผมถามหน่อย? เกิดอะไรขึ้นกับคำว่า เราจะต่อสู้กับการก่อการร้ายไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน? เรารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน มันอยู่ทางเหนือของเขตแดนของเรา ในพระราชวังหรูหราของอัล-ซาอูดนั่นไง”


    ความเกี่ยวโยงที่น่ารำคาญ

    คณะบริหารของโอบาม่าถูกกล่าวหาบ่อยครั้งว่า “ทำการชักนำอยู่เบื้องหลัง” และฟลอเรส นักวิเคราะห์ภูมิศาสตร์การเมืองเตือนว่า สหรัฐฯ อาจจะกำลังให้อาวุธจากทางเบื้องหลังด้วยเช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช โอบาม่าจะแสดงท่าทีในเชิงรับมากกว่า โดยไม่วางตำแหน่งอเมริกาให้เป็นผู้นำและผู้ขับเคลื่อนนโยบายของโลก แต่ให้เป็นผู้สังเกตการณ์

    “ความล้มเหลวของวอชิงตันในการติดตามความช่วยเหลือทางทหารของตนในตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็นในเยเมน อิรัก ซีเรีย หรือเลบานอน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่เพียงแค่เป็นอันตราย แต่ยังเป็นความไม่รอบคอบ เพราะนักรบก่อการร้ายได้จัดการเข้ายึด ควบคุม และแย่งชิงสมบัติสำคัญของกองทัพได้เพิ่มมากขึ้น” ฟลอเรสบอกกับมินท์เพรสส์ “ใครอาจจะโต้แย้งได้ว่าสหรัฐฯ เต็มใจที่จะเล่นอยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ หรือไม่ก็บรรดาพ่อค้าอาวุธที่วางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่ในวอชิงตันนั่นเองที่เต็มใจ”

    เมื่อวันที่ 17 มีนาคคม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ยืนยันต่อวอชิงตันโพสต์ว่า อุปกรณ์ทางทหารมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลล่าร์ได้สูญหายไปในเยเมน

    “เพนตากอนไม่สามารถทำบัญชีความช่วยเหลือทางทหารมูลค่ามากกว่า 500 ล้านดอลล่าร์ที่สหรัฐฯ ให้แก่เยเมนได้ ท่ามกลางความหวั่นเกรงว่าอาวุธ เครื่องบิน และอุปกร์ดังกล่าวอาจจะถูกยึดไปโดยฝ่ายกบฏที่อิหร่านหนุนหลังหรือโดยอัล-กออิดะฮ์ ตามการกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ” วอชิงตันโพสต์รายงาน

    ด้วยการสูญเสียอาวุธมูลค่าห้าร้อยล้านดอลล่าร์ไป ทำให้วอชิงตันตัดสินใจที่จะระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อไปแก่เยเมน “ด้วยเหตุนั้น กระทรวงกลาโหมจึงได้หยุดการส่งเครื่องมือทางทหารมูลค่าประมาณ 125 ล้านดอลล่าร์ที่มีกำหนดจะส่งให้ในปีนี้แก่เยเมน ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินโดรนไร้อาวุธ ScanEale เครื่องบินประเภทอื่นๆ และรถจี้ป เครื่องมือดังกล่าวจะถูกบริจาคให้แก่ประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางและแอฟริกาแทน” วอชิงตันโพสต์รายงานต่อไป

    ฟลอเรส ซึ่งให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษต่อความเคลื่อนไหวของอัล-กออิดะฮ์ในเยเมนตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว เมื่อการแทรกแซงทางทหารที่นำโดยซาอุดี้ฯ ได้สร้างสูญญากาศทางอำนาจและความมั่นคงเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ทำให้ต้องสูญเสียอุปกรณ์ทางทหารมูลค่า 500 ล้านดอลล่าร์ไป และกลุ่มนักรบคือผู้ได้รับประโยชน์จาก “ความช่วยเหลือทางทหารที่ทิ้งมาจากทางอากาศ”

    “ประมาณสองสัปดาห์มาแล้วที่ซาอุดี้ฯ และพันธมิตรของพวกเขาได้ทิ้งอาวุธและสิ่งจำเป็นอื่นๆ มาทางร่มชูชีพให้แก่พันธมิตรของพวกเขาที่อยู่บนพื้นดินเพื่อต่อสู้กับเฮาซี” เขากล่าว “และเนื่องจากไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจริงๆ แล้วใครคือพันธมิตรเหล่านั้น จึงน่าจะเข้าใจเอาได้ว่ากลุ่มนักรบอัล-กออิดะฮ์จะได้ใช้ประโยชน์จากความยุ่งเหยิงเช่นนั้น และฉกฉวยเอาเครื่องมือทางทหารเหล่านั้นไป”

    อัล-จูนาอิดก็ยืนยันเหมือนฟลอเรสว่า

    “เรารู้ว่าอัล-กออิดะฮ์และสมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในเยเมนซ่อนตัวอยู่ในแนวของทหารอาสาที่สนับสนุนฮาดี และเรารู้ว่ากองกำลังผสมกำลังส่งความช่วยเหลือทางทหารให้แก่กลุ่มเหล่านั้น คุณต้องการหลักฐานอีกมากแค่ไหนจึงจะตื่นขึ้นมารับรู้ข้อเท็จจริงที่ว่าอัล-กออิดะฮ์ได้รับการสนับสนุนจากซาอุดิอารเบีย?”

    ขณะที่สหรัฐฯ ถูกฟลอเรสตราหน้าว่าสะเพร่า “อย่างถึงที่สุด” ที่ไม่ติดตามการช่วยเหลือทางทหารของตนในเยเมน มูซาวีจาก Iran Veiw เตือนว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นจุดเล็กๆ ของปัญหาใหญ่ก็ได้

    “อย่าใส่ใจกับสรรพาวุธมูลค่า 500 ล้านดอลล่าร์นั่นเลย มาสนใจกับเงินหลายพันล้านดอลล่าร์ที่ซาอุดิอารเบียใช้จ่ายในการซื้ออาวุธกับสหรัฐฯ ไม่ดีกว่าหรือ?” มูซาวีกล่าว “ถ้าซาอุดิอารเบียเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดและโดยตรงที่สุดต่อการก่อการร้ายในภูมิภาคนี้เหมือนอย่างที่หลายคนสงสัย ดังนั้น ด้วยการร่วมมือกัน สหรัฐฯ ก็กำลังจัดส่งอุปกรณ์บำรุงให้แก่กลุ่มหัวรุนแรงนั่นเอง”

    รายงานจากสถาบันค้นคว้าวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศในสต๊อกโฮล์ม ปี 2013 เปิดเผยให้เห็นแนวโน้มในการขนส่งอาวุธ สถาบันนี้พบว่าความต้องการการนำเข้าเพื่อการป้องกันประเทศของซาอุดิอารเบียเพิ่มสูงขึ้นในหลายปีมานี้

    “ในปี 2009-2013 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คือผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดอันดับสี่ของโลก และซาอุดิอารเบียเป็นอันดับที่ห้า จากที่เคยเป็นอันดับที่ 18 ในปี 2004-2008 ทั้งสองประเทศสั่งซื้ออาวุธเป็นจำนวนมากหรือมีแผนการจัดหาอาวุธล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเข้าของซาอุดิอารเบียจะเพิ่มขึ้นด้วยการจัดส่งเครื่องบินรบ Typhoon เพิ่มเติมจากอังกฤษ และการจัดส่งเครื่องบินรบ F-15SA จำนวน 154 ลำจากสหรัฐอเมริกาปี 2015 ในปี 2013 ซาอุดิอารเบียคัดเลือกพาหนะหุ้มเกราะจากแคนาดามูลค่า 10,000 ล้านดอลล่าร์”

    การขายอาวุธให้ซาอุดิอารเบียของสหรัฐฯ ถูกตรวจสอบและท้าทายจากบรรดานักวิเคราะห์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เพราะความต้องการเติมเต็มคลังสรรพาวุธของซาอุดี้ฯ ได้ขนานกันไปกับความก้าวหน้าของกลุ่มนักรบในตะวันออกกลาง ในรายงานข่าวที่เขียนให้ Middle East Eye เมื่อเดือนตุลาคม แมรี่ แอตคินสัน ระบุว่า “การเข้าร่วมในกองกำลังผสมต่อต้านไอเอสของซาอุดิอารเบีย และตอนนี้ที่ลงทุนขนานใหญ่ครั้งใหม่ในการซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ดูเหมือนน่าจะทำให้หลายคนต้องเลิกคิ้วด้วยความฉงน”

    เธอเขียนต่อไปว่า

    “ซาอุดิอารเบียได้แสดงการต่อต้านอย่างแรงกล้าต่อรัฐบาลของอัสซาดมานานแล้ว และเข้าเกี่ยวข้องในการให้ทุนแก่กลุ่มกบฏมาตลอดช่วงของความขัดแย้ง รวมถึงผลลัพธ์ที่น่าเคลือบแคลงจากปฏิบัติการทิ้งระเบิดในขณะนี้ ล้วนเป็นข้อกล่าวหามายาวนานว่าซาอุดิอารเบียมีส่วนรับผิดชอบในการให้เงินทุนแก่กลุ่มต่างๆ อย่างไอเอสในซีเรีย หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ได้ดำเนินการเพียงพอในการขัดขวางประชาชนของตนจากการให้เงินทุน”

    ทั้งฟลอเรสและมูซาวีต่างให้เหตุผลโต้แย้งว่า เยเมนได้กลายเป็นแนวหน้าแห่งใหม่ในตะวันออกกลางของกลุ่มนักรบที่ซาอุดี้ฯ หนุนหลังอยู่ ดังนั้น ซาอุดี้ฯ จึงดำเนินการเพื่อจัดหาอาวุธเพิ่มมากขึ้น อเมริกากำลังมีส่วนร่วมในความเกี่ยวโยงกับการก่อการร้ายที่น่ารำคาญนี้อย่างแท้จริง ถ้าไม่ใช่ด้วยเจตนา อย่างน้อยก็ด้วยความร่วมมือ



    โดยแคเธอรีน ชัคดัม
    Source MintPress News | Independent, non-partisan journalism
    แปล กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์

    ทำไมสหรัฐฯ จึงส่งอาวุธให้อัล-กออิดะฮ์ในเยเมน | abnewstoday
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหวนอกฝั่งปาปัวนิวกินี

    [​IMG]

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงนอกชายฝั่งปาปัว นิวกินี วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.8 แมกนิจูด เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความสูญเสียและไม่มีประกาศเตือนภัยสึนามิ
    วันพฤหัสที่ 30 เมษายน 2558 เวลา 19:06 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่30เม.ย.ว่าสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 6.8 แมกนิจูด นอกชายฝั่งประเทศปาปัวนิวกินี เมื่อเวลาประมาณ 17.45 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 30 เม.ย.ตามเวลาในประเทศไทย โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึก 85 กม.และห่าง 154 กม.ทางใต้ของเมืองราบาอุล เบื่องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย ขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิแห่งแปซิฟิกระบุว่า ยังไม่มีประกาศเตือนภัยสึนามิ เพราะแผ่นดินไหวในระดับตื้นเท่านั้นที่มักจะก่อให้เกิดความเสียหาย

    สำหรับเมืองราบาอุลเป็นเมืองอยู่บนเกาะอีสต์นิว บริเตน ใกล้กับภูเขาไฟตาวูร์วูร์ซึ่งยังคงคุกรุ่นอยู่ และเคยได้รับความเสียหายจากการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อปี 2537 โดยปาปัวนิวกินี ตั้งอยู่ในเขตวงแหวนไฟแห่งแปซฟิกจุดที่มีแผ่นรอยเลื่อนรอบมหาสมุทรแปซิฟิก จึงมักจะเกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดเป็นประจำ.

    แผ่นดินไหวนอกฝั่งปาปัวนิวกินี | เดลินิวส์
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซัพพลายเออร์แมคโดนัลด์ในจีนโดนปรับอ่วม

    [​IMG]

    เทศบาลกรุงปักกิ่งสั่งปรับค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมแก่บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายมันฝรั่งแช่แข็งให้แก่แมคโดนัลด์ เป็นมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ วันพฤหัสที่ 30 เมษายน 2558 เวลา 15:21 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ว่าสำนักงานเทศบาลกรุงปักกิ่งออกแถลงการณ์เรื่องการลงโทษบริษัทผลิตอาหาร "ปักกิ่ง ซิมพล็อต" ด้วยการปรับเป็นเงินมูลค่าสูงถึง 3.9 ล้านหยวน ( ราว 20.7 ล้านบาท ) ฐานสร้างมลภาวะทางน้ำ ถือเป็นการสั่งปรับค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทำลายสิ่งแวดล้อมที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรุงปักกิ่ง

    ทั้งนี้ ปักกิ่ง ซิมพล็อต ก่อตั้งเมื่อปี 2535 เป็นบริษัทสัญชาติจีนที่ร่วมทุนกับ "เจ.อาร์. ซิมพล็อต" ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจการเกษตรสัญชาติอเมริกัน บริษทการเกษตร อุตสาหกรรม และการค้าแห่งกรุงปักกิ่ง และแมคโดนัลด์ โดยปักกิ่ง ซิมพล็อต รับหน้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายมันฝรั่งแท่งและแฮชบราวน์แช่แข็งให้แก่แมคโดนัลด์ทุกสาขาในจีน และอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

    ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานเพิ่มเติมว่า คำสั่งปรับเงินจำนวนมหาศาลมีขึ้นหลังคณะผู้ตรวจสอบของเทศบาลกรุงปักกิ่งเดินทางไปตรวจสอบระบบระบายน้ำภายในโรงงานของปักกิ่ง ซิมพล็อต เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และพบว่าคุณภาพของอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังขาดการซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ

    เพียงไม่นานหลังแถลงการณ์ได้รับการเผยแพร่ออกไป ปักกิ่ง ซิมพล็อต เผยแพร่แถลงการณ์ยิมรับคำตัดสินของทางการ และยืนยันจะให้ความร่วมมือย่างเต็มที่ ด้านสำนักงานใหญ่ของแมคโดนัลด์ในสหรัฐเผยเพียง กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก

    ซัพพลายเออร์แมคโดนัลด์ในจีนโดนปรับอ่วม | เดลินิวส์
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยานเสบียงรัสเซียขัดข้องก่อนถึงสถานีอวกาศนานาชาติ

    [​IMG]

    ยานขนส่งเสบียงของรัสเซียสู่สถานีอวกาศนานาชาติประสบเหตุขัดข้องโดยยังไม่ทราบสาเหตุ และต้องเดินทางกลับโลก วันพฤหัสที่ 30 เมษายน 2558 เวลา 12:30 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ว่าองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ ( นาซา ) และองค์การอวกาศรัสเซีย ( รอสคอสมอส ) ออกแถลงการณ์ยืนยันการเกิดเหตุขัดข้องกับยานแคปซูลขนส่งเสบียงของรัสเซียชื่อ "โพรเกรซ เอ็ม 27-เอ็ม" ซึ่งออกเดินทางจากฐานยิงในคาซัคสถานเมื่อวันอังคาร พร้อมเสบียงน้ำหนักราว 3 ตัน สำหรับลูกเรือบนสถานีอวกาศนานาชาติ ( ไอเอสเอส )

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางออกจากเข้าสู่วงโคจรโลกได้ไม่นาน ยานกลับหมุนเหวี่ยงอย่างรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถควบคุมได้ และขาดการติดต่อ ก่อนที่ทีมงานจะได้รับแจ้งในเวลาต่อมาว่ายานหันทิศทางมุ่งกลับสู่โลก แต่อาจแตกเป็นเสี่ยงเมื่อเสียดสีเข้ากับชั้นบรรยากาศด้วยความเร็วสูง ขณะที่นาซาและรอสคอสมอสยืนยันว่า เหตุการณ์เช่นนี้เป็น "ความเสี่ยง" ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกครั้งที่มีการส่งยาน แต่เมื่อเกิดขึ้นจริงถือเป็นเรื่องที่ "โชคร้าย" อย่างมาก

    ด้านนายสกอตต์ เคลลีย์ ลูกเรือชาวอเมริกันบนไอเอสเอสส่งรายงานกลับมายังสถานีปฏิบัติการบนโลก ยืนยันปริมาณเสบียงที่มีอยู่ซึ่งได้รับเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ยังเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตของลูกเรือทั้ง 6 คน แม้ยังไม่มีรายงานออกมาอย่างเป็นทางการว่าการส่งเสบียงครั้งต่อไปจะมีขึ้นเมื่อใด แต่สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของทางการรัสเซียรายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ว่ากำหนดการจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 พ.ค. นี้

    ความล้มเหลวในการส่งยานเสบียงครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบครึ่งปี หลังเกิดเหตุจรวดบรรทุกยานส่งเสบียงของนาซาระเบิด ทั้งที่ออกเดินทางจากฐานปล่อยจรวดในรัฐเวอร์จิเนียเพียงไม่กี่วินาที เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

    ยานเสบียงรัสเซียขัดข้องก่อนถึงสถานีอวกาศนานาชาติ | เดลินิวส์
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประท้วงสีผิวลามจากบัลติมอร์สู่นิวยอร์ก

    [​IMG]

    การประท้วงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมทางสีผิว ที่มีต้นเหตุมาจากการเสียชีวิตของชาวผิวสีหลังถูกตำรวจจับกุมในเมืองบัลติมอร์ บานปลายออกสู่เมืองใหญ่หลายแห่งในสหรัฐ รวมถึงนครนิวยอร์ก วันพฤหัสที่ 30 เมษายน 2558 เวลา 9:00 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ว่านายแลร์รี โฮแกน ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์ แถลงเรียกร้องให้กลุ่มผู้ประท้วงในเมืองบัลติมอร์เคารพคำสั่งของทางการ ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและเคอร์ฟิวอย่างน้อยตลอดทั้งสัปดาห์นี้ พร้อมทั้งเตือนว่าตำรวจและกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจะไม่ "เพิกเฉย" ต่อการปล้นสะดมและก่อเหตุจลาจลซึ่งยังคงมีอยู่ทั่วไป

    ทั้งนี้ บรรยากาศเมื่อคืนวันอังคารถือว่ามีความสงบมากขึ้นกว่าหลายคืนที่ผ่านมา แม้มีผู้ถูกจับกุมเพิ่มอีกอย่างน้อย 35 คน หลังเมื่อคืนวันจันทร์เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับตำรวจปราบจลาจล ซึ่งใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทยเป็นอาวุธควบคุมสถานการณ์ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยการขว้างปาสิ่งของที่รวมถึงระเบิดเพลิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่

    อย่างไรก็ตาม การประท้วงในเมืองบัลติมอร์ เมืองใหญ่ที่สุดของรัฐแมริแลนด์ซึ่งมีพลเมืองมากถึง 620,000 คน ซึ่งมีชนวนมาจากกรณีนายเฟรดดี เกรย์ ชายผิวสีวัย 25 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 เม.ย. หรือ 1 สัปดาห์ หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ คือการจุดประเด็นความเท่าเทียมทางสีผิว และทัศนคติของตำรวจผิวขาวต่อชายผิวสีให้กลับมาเป็นที่ถกเถียงอย่างหนักในสหรัฐอีกครั้ง และการประท้วงเริ่มบานปลายไปตามเมืองใหญ่หลายแห่งรวมถึงกรุงวอชิงตัน เมืองบอสตัน และนครนิวยอร์กแล้ว

    ประท้วงสีผิวลามจากบัลติมอร์สู่นิวยอร์ก | เดลินิวส์
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คิมจองอึนสั่งประหารจนท.ระดับสูงโสมแดง 15 คน

    [​IMG]

    ข่าวกรองเกาหลีใต้เผย คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ สั่งประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ 15 ราย รวมถึงรัฐมนตรี นับตั้งแต่ต้นปี โดยหลายคนในจำนวนนี้จบชีวิตเพราะท้าทายอำนาจ วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของเขา วันพุธที่ 29 เมษายน 2558 เวลา 17:50 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ว่า หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ แถลงเมื่อวันพุธว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ สั่งประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ระดับสูง 15 คนในปีนี้ ซึ่งรวมทั้งหลายคนที่แสดงทัศนะโต้แย้งนโยบายของผู้นำหนุ่ม โดยสำนักข่าวยอนฮัพของทางการเกาหลีใต้ รายงานอ้างคำกล่าวของสมาชิกรัฐสภาที่เข้ารับฟังการสรุปของหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ หรือเอ็นไอเอส ระบุว่า ผู้ที่ถูกประหาร มีทั้งเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีช่วย 2 คน ซึ่งทั้ง 2 คนถูกลงโทษ ฐานคัดค้าน หรือแสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับคำสั่งของนายคิม

    สมาชิกรัฐสภาโสมขาว กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีช่วยป่าไม้ก็ถูกประหารด้วย ฐานบ่นไม่พอใจเกี่ยวกับแผนการปลูกป่าของนายคิม นอกจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง 15 คนนี้แล้ว เอ็นไอเอส ยังระบุด้วยว่า มีสมาชิกอีก 4 คนของวงดนตรี อุนฮาซู ออร์เคสตรา ที่นางรี ซอล-จู ภรรยาของนายคิม เคยเป็นนักร้องของวง ก็ถูกประหารในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เอ็นไอเอสบอกว่า พวกเขาถูกประหารด้วยการยิงเป้า ในข้อหาเป็นสายลับ

    ในปี 2556 สื่อญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รายงานว่า สมาชิกของวงออร์เคสตรา เคยถูกประหารมาแล้ว ในข้อหาละเมิดกฎหมายว่าด้วยสื่อลามก ซึ่งเสนอโดยนายคิม เพื่อปกป้องชื่อเสียงของภรรยาของเขา

    ทั้งนี้ ตระกูลคิม ปกครองเกาหลีเหนือ ที่โดดเดี่ยวและยากจน ด้วยกำปั้นเหล็กและห้ามละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้นำมานานกว่า 60 ปี

    เอ็นไอเอส คาดการณ์ด้วยว่า นายคิมจะเดินทางไปยังกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ในเดือนนี้ เพื่อเข้าร่วมพิธีรำลึกสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรป แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันจากแหล่งข่าวอิสระเกี่ยวกับแผนการดังกล่าว

    คิมจองอึนสั่งประหารจนท.ระดับสูงโสมแดง 15 คน | เดลินิวส์
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    G7 ประกาศสร้างหลังคาโค้งครอบ “โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล” ให้เสร็จในปี 2017
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 เมษายน 2558 10:30 น.

    [​IMG]
    @หลังคาโค้งขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา

    รอยเตอร์ – กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ประกาศวานนี้ (29 เม.ย.) ว่าโครงการก่อสร้างหลังคาโค้งครอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลในยูเครนจะสำเร็จลุล่วงภายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 แม้จะยังขาดเงินทุนส่วนหนึ่งอยู่ก็ตาม

    โจเชน ฟลาสบาร์ธ ปลัดกระทรวงสิ่งแวดล้อมเยอรมนีซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มประเทศ G7 ระบุว่า เวลานี้มีหลายประเทศยืนยันจะบริจาคเงินสนับสนุนแล้ว 530 ล้านยูโร จากทั้งหมด 650 ล้านยูโรที่ยังขาดสำหรับการสร้าง “โลงหิน” (sarcophagus) ฝังเชอร์โนบิลให้สำเร็จ

    ฟลาสบาร์ธ มั่นใจว่า จีนและรัสเซียคงจะเอื้อเฟื้อเงินทุนส่วนที่เหลือ เพราะเคยรับปากไว้แล้วว่าจะช่วยเต็มที่

    “ผมเบาใจมากที่เราประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในบ่ายวันนี้... เป็นที่แน่นอนแล้วว่า นานาชาติพร้อมที่จะช่วยกันรับภาระ ปัญหาที่ว่าโครงการอาจต้องหยุดชะงักจึงไม่มีอีกต่อไป” เขากล่าว

    เหตุการณ์โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลระเบิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน ปี 1986 นับเป็นอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก พลังงานความร้อนที่พุ่งสูงทำให้เกิดการระเบิดต่อเนื่องซึ่งทำลายโครงสร้างเหล็กและคอนกรีตของอาคาร ฝุ่นรังสีลอยไปไกลถึงยุโรปตอนเหนือและตะวันตก ก่อนจะข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปถึงภาคตะวันออกของสหรัฐฯ

    หลังเหตุการณ์ผ่านไป 6 เดือน ได้มีการสร้างอาคารครอบชั่วคราวเพื่อป้องกันรังสีแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม แต่อาคารป้องกันมีอายุการใช้งานสูงสุดเพียง 30 ปี และเริ่มมีรอยแตกที่ต้องซ่อมแซม

    สำหรับโครงการใหม่นี้จะเป็นการสร้างหลังคาโค้งขนาดใหญ่ครอบ “โลงหิน” เดิมเอาไว้ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถรื้อถอนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เก่าได้อย่างสมบูรณ์

    โครงการ “Shelter Implementation Plan” คาดว่าจะใช้งบประมาณสูงถึง 2,100 ล้านยูโรเมื่อสร้างเสร็จ ซึ่งเมื่อวานนี้ (29) คณะกรรมาธิการยุโรป และกลุ่ม G7 ซึ่งประกอบด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐฯ ก็รับปากว่าจะสนับสนุนเงินทุน 165 ล้านยูโร และมีประเทศอื่นๆ ที่จะร่วมบริจาคให้อีก 15 ล้านยูโร

    ธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งยุโรป (ERBD) ถือเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่ให้ทุนสนับสนุนโครงการถึง 350 ล้านยูโร และจะอุดหนุนเพิ่มเติมหากงบประมาณไม่เพียงพอ

    ประเทศผู้บริจาคหวังว่าจะสามารถระดมทุนได้ครบถ้วนเมื่อวานนี้ (29) แต่เนื่องจากจีนและรัสเซียยังไม่รับรอง จึงยังขาดวงเงินอีกประมาณ 85 ล้านยูโร

    “เราทราบจากผู้แทนรัสเซียว่า (ข้อเสนอร่วมบริจาคเงิน) กำลังถูกส่งไปให้ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียพิจารณาแล้ว” ฟลาสบาร์ธ กล่าว


    G7
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันขึ้น-ทองคำลง หุ้นสหรัฐฯ ปิดลบหลัง ศก.ไตรมาสแรกโตต่ำกว่าคาด
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 เมษายน 2558 05:15 น. (แก้ไขล่าสุด 30 เมษายน 2558 16:32 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ราคาน้ำมันปิดบวกในวันพุธ (29 เม.ย.) จากดอลลาร์อ่อนค่าและสต๊อกที่ลดลง ณ จุดส่งมอบหลักของสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทขยับลงจากข้อมูลเศรษฐกิจที่่น่าผิดหวังของอเมริกา ขณะที่ทองคำก็ปรับลดหลังเฟดไม่ตัดความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ราคาน้ำมันแกว่งตัวขึ้นในช่วงบ่าย หลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่คลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ โดยพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิง โอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาเวสต์เทกซัส ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ราว 5 แสนบาร์เรล เหลือ 61.7 ล้านบาร์เรล อันเป็นสัญญาณของกำลังผลิตที่ลดลง

    ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีขึ้นแม้ข้อมูลอีกด้านของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ จะพบว่าคลังน้ำมันดิบสำรองในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอีก 1.9 ล้านบาร์เรล ถือเป็นการปรับขึ้น 16 สัปดาห์ติดต่อกัน ทำสต๊อกน้ำมันดิบของประเทศอยู่ในระดับสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ที่ 490.9 ล้านบาร์เรล

    นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังขยับขึ้นจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประมาณการว่าเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสแรก ขยายตัวแค่ร้อยละ 0.2 และปัจจัยดังกล่าวก็ฉุดให้ตลาดหุ้นอเมริกาปิดแดนลบเมื่อวานนี้ (29 เม.ย.)

    ดาวโจนส์ ลดลง 74.61 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,035.53 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 7.91 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,106.85 จุด แนสแดค ลดลง 31.78 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,023.64 จุด

    วอลล์สตรีทแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจออกมาต่ำกว่าร้อยละ 1.0 ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดหมายไว้ ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศเลวร้ายในบางภูมิภาค และเหตุผละงานประท้วงที่ท่าเรือเวสต์โคสต์

    นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.9 ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เทียบกับที่พุ่งขึ้นร้อยละ 4.4 ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว

    ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (29 เม.ย.) ขยับลงเล็กน้อย หลังที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ โดยบอกว่าจะทบทวนการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ระหว่างการประชุมเป็นคราวๆ ไป โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,210.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แหล่งข่าวเผยญี่ปุ่นเล็งลาดตระเวนร่วมสหรัฐฯ สกัดปักกิ่งยึดทะเลจีนใต้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 เมษายน 2558 02:38 น.

    [​IMG]
    (แฟ้มภาพ) เรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ

    รอยเตอร์ - กองทัพญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเข้าร่วมกับสหรัฐฯในปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศเหนือน่านฟ้าทะเลจีนใต้ เพื่อตอบโต้ความก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆของจีนในการอ้างสิทธิ์เหนืออาณาเขตในทะเลจีนใต้ แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือของทั้งโตเกียวและวอชิงตันเปิดเผยกับรอยเตอร์ในวันพุธ(29เม.ย.)

    ข่าวคราวความคืบหน้าดังกล่าวมีออกมา หลังจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯเปิดตัวประกาศแนวทางปฏิบัติฉบับปรับปรุงใหม่ล่าสุด สำหรับความร่วมมือด้านกลาโหมของประเทศทั้งสอง ระหว่างที่นายชินโส อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเดินทางเยือนวอชิงตัน สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของโตเกียวในการเพิ่มบทบาททางทหารระหว่างประเทศ ในห้วงเวลาที่จีนแผ่ขยายอิทธิพลอย่างแข็งกร้าว และโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือก็เป็นภัยคุกคามมากขึ้น

    แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยว่าในขณะที่ยังมีได้กำหนดแผนอย่างเป็นรูปเป็นร่าง มีความเป็นไปได้ว่าญี่ปุ่นอาจเข้าร่วมกับสหรัฐฯสำหรับการลาดตระเวนในทะเลจีนใต้หรือไม่ก็ปฏิบัติการลาดตระเวนโดยรอบจากเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ริมทะเลจีนตะวันออก อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้เป็นเพียงแค่การพิจารณากันภายในกองทัพเท่านั้น และความเคลื่อนไหวเริ่มต้นลาดตระเวนใดๆจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากฝ่ายพลเรือนเสียก่อน

    การลาดตระเวนทางอากาศของญี่ปุ่นในอาณาเขตที่จีนเดินหน้าอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่พิพาท ในนั้นรวมถึงผ่านโครงการถมทะเล เสี่ยงที่จะถูกต่อต้านจากปักกิ่ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กลาโหมของโตเกียวกังวลว่าหากไม่ลงมือทำอะไรเลย ก็จะกลายเป็นการเปิดทางให้ จีน ในท้ายที่สุดก็จะกำหนดเขตอำนาจทั่วภูมิภาค ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าทางทะเลที่มีมูลค่าปีละ 5 ล้านล้านดอลลาร์ และส่วนใหญ่แล้วมุ่งหน้าเข้าและออกจากญี่ปุ่น "เราจำเป็นต้องแสดงให้จีนเห็นว่า จีนไม่ใช่เจ้าของทะเล" แหล่งข่าวญี่ปุ่นระบุ

    รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวสายทหารสหรัฐฯที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามเช่นกัน ระบุว่าการตัดสินเริ่มต้นเที่ยวบินลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ อาจกระตุ้นให้โตเกียวร้องขอไปยังฟิลิปปินส์ในการใช้ฐานทัพอากาศภายใต้การฝึกซ้อมบรรเทาภัยหายนะและการซ้อมรบร่วมอื่นๆ ซึ่งมันจะช่วยให้เครื่องบินของญี่ปุ่นสามารถลาดตระเวนได้ไกลขึ้น

    กระนั้นแหล่งข่าวทหารของฟิลิปปินส์ยอมรับว่าการเข้าถึงฐานทัพอากาศดังกล่าวยังเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน เพราะมะนิลาไม่มีข้อตกลงความร่วมมือทางทหารใดๆกับญี่ปุ่น แบบเดียวกับที่มีกับวอชิงตัน ที่อนุญาตให้เรือของสหรัฐฯใช้ฐานทัพเพื่อเติมน้ำมัน สะสมเสบียงและดำเนินการซ่อมแซมฉุกเฉิน แต่ประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน แห่งฟิลิปปินส์ มีกำหนดพบปะกับอาเบะที่กรุงโตเกียวในเดือนมิถุนายน ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นทะเลจีนใต้จะเป็นหัวข้อสำคัญของการหารือ

    รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นเอง ก็ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในปฏิบัติการลาดตระเวนร่วมในแถบทะเลของอาเซียน โดยยอมรับว่าโตเกียวยังคงต้องดำเนินการด้านออกกฎหมายรวมถึงต้องปรึกษาหารือกับประเทศต่างๆในภูมิภาคเสียก่อน

    ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวันในกรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธ(29เม.ย.) ว่าสหรัฐฯและญี่ปุ่นไม่มีความเกี่ยวข้องในประเด็นทะเลจีนใต้ และไม่ควรทำให้สถานการณ์ยุ่งยากซับซ้อนไปมากกว่านี้

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจยูเครนปีนี้ “โตติดลบ 7.5%” จากผลพวงสงครามกลางเมือง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 เมษายน 2558 04:45 น. (แก้ไขล่าสุด 30 เมษายน 2558 16:30 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ธนาคารโลกเตือนความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินต่อไประหว่างยูเครนกับรัสเซียจะฉุดให้ยูเครนต้องเผชิญกับช่วงเวลาหลายปีแห่งความถดถอยทางเศรษฐกิจ พร้อมคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจยูเครนในปี 2015 นี้จะ “ติดลบ 7.5%” ซึ่งถือเป็นการประสบภาวะหดตัวต่อเนื่องหลังจากที่ในปี 2014 เศรษฐกิจยูเครนโตติดลบ 6.8%

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ธนาคารโลกประเมินว่า เศรษฐกิจยูเครนจะหดตัวเพียง 1% ในปีนี้ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจยูเครนจะหดตัว 5.5% ในปีนี้

    คำแถลงของธนาคารโลกระบุถึงสาเหตุที่ต้องปรับคาดการณ์เศรษฐกิจยูเครนใหม่เป็น “ติดลบ 7.5%” ในปีนี้ว่า เป็นผลพวงของสถานการณ์ทางภาคตะวันออกของยูเครนที่เลวร้ายลง ซึ่งส่งผลให้จีดีพีของประเทศจะยังคงหดตัวอย่างสำคัญต่อไปโดยเฉพาะ 6 เดือนแรกของปี ก่อนที่เศรษฐกิจยูเครนจะค่อยฟื้นตัวในปี 2016

    เมื่อเดือนที่แล้ว ไอเอ็มเอฟเพิ่งเห็นชอบปล่อยเงินกู้จำนวน 17,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 574,900 ล้านบาท) แก่ยูเครนซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนนาน 4 ปี

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลการศึกษาล่าสุดชี้ ศก.อังกฤษจะเสียหายยับ “เกือบ 11 ล้านล้าน” หากลาออกจาก EU โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 เมษายน 2558 05:31 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์-ผลการศึกษาล่าสุดโดยสถาบัน “แบร์เทิลสมันน์ ชติฟทุง” และสถาบันวิจัย “อิโฟ” ในเยอรมนี ชี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหราชอาณาจักรจะหายไปถึง 14% หรือคิดเป็นเม็ดเงินสูงถึงกว่า 215,000 ล้านปอนด์ (ราว 10.89 ล้านล้านบาท) หากลาออกจากการเป็น 1 ใน 28 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)

    ดร. ไธส์ เพเทอร์เซน ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสของสถาบันแบร์เทิลสมันน์ ชติฟทุง เผยต่อสถานีโทรทัศน์เพรสส์ ทีวีของอิหร่านในวันพุธ (29 เม.ย.) โดยระบุว่า การตัดสินใจหันหลัง หรือก้าวออกจากการเป็นสมาชิกอียูของรัฐบาลอังกฤษจะส่งผลกระทบต่อสมาชิกอื่นๆของอียูด้วย โดยเฉพาะทางด้านการเงินการคลัง

    อย่างไรก็ดี ผลกระทบที่สมาชิกอื่นของอียูจะได้รับหากอังกฤษลาออกไปนั้น จะไม่รุนแรงเท่ากับผลกระทบอันเลวร้ายที่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะได้รับ เนื่องจากการพ้นสถานะสมาชิกอียู จะมีผลให้เมืองผู้ดีต้องสูญเสียสิทธิพิเศษด้านการค้าทั้งปวงที่ได้รับจากอียู ตลอดจนข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆที่ทำไว้

    ด้าน อาร์ท เดอ กอยส์ ประธานและซีอีโอของสถาบันแบร์เทิลสมันน์ ชติฟทุงออกมาระบุว่าหากปรากฏการณ์ “Brexit” ซึ่งหมายถึงการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ เกิดขึ้นจริง จะถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และจะเกิดความสูญเสียต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

    ผลการศึกษาล่าสุดในเยอรมนีถูกเผยแพร่ออกมาหลังจากที่รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนประกาศจะทบทวนบทบาทของอังกฤษ และอาจลาออกจากการเป็นสมาชิก หากอียูยังไม่ดำเนินการปฏิรูปในเชิงโครงสร้างแบบขนานใหญ่

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กบฏฮูตีรุกคืบเข้าเมืองเอเดน ทำพลเรือนเยเมนตาย 12 ราย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 เมษายน 2558 17:36 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - ชาวบ้านระบุในวันนี้ (29 เม.ย.) ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา รถถังและพลซุ่มยิงของฝ่ายกบฏฮูตีได้สังหารพลเรือนไปอย่างน้อย 12 รายในเมืองเอเดนของเยเมน ขณะเคลื่อนกำลังรุกเข้าสู่ใจกลางเมือง ด้านพันธมิตรอาหรับได้ส่งอาวุธให้แก่นักรบฝ่ายที่ต่อต้านพวกฮูตีในเมืองตาอิส

    นักรบท้องถิ่นที่ได้รับการหนุนหลังจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรอาหรับ ได้ทำการสู้รบต้านทานพวกฮูตีที่เป็นมิตรกับอิหร่านมานานนับเดือนแล้ว ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดในวันพุธ ฝ่ายกบฏได้เข้ายึดถนนหลายสายในเมืองเอเดนแล้ว

    พวกฮูตีได้ยึดกรุงซานาในเดือนกันยายนปีที่แล้ว แล้วเคลื่อนกำลังลงใต้ ทำให้ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกอย่างซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรพากันเกรงว่าจะเป็นการขยายอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาคนี้

    การสู้รบยังคงรุนแรงในเมืองเอเดนเมื่อช่วงรุ่งสางวันพุธ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกฮูตีได้ยิงถล่มอาคารหน่วยงานรัฐและย่านที่พักอาศัยซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายตรงข้าม หลายครอบครัวต้องพากันหลบหนีเพื่อเอาตัวรอด

    "ชาวโลก พันธมิตรอาหรับ รวมถึงสหประชาชาติ จำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องย่านที่พักอาศัยของเรา ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นเขตภัยพิบัติไปแล้ว หลังจากโดนยิงถล่มตามอำเภอใจแบบนี้" อาลี โมฮัมเหม็ด ยะห์ยา ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว

    เขาบอกด้วยว่า พันธมิตรอาหรับใช้การโจมตีทางอากาศเข้าใส่ที่มั่นของพวกฮูตี บริเวณรอบนอกของเมืองเอเดน

    ขณะเดียวกัน ห่างขึ้นไปทางเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร เครื่องบินของพันธมิตรอาหรับได้ทิ้งอาวุธลงมาให้กับนักรบชนเผ่าและกองกำลังอิสลามในท้องถิ่นเพื่อใช้สู้กับพวกฮูตีในเมืองตาอิส ซึ่งที่นี่ถูกพวกฮูตียิงถล่มมาหลายวันแล้ว

    ฝ่ายกบฏฮูตี แม้จะโดนโจมตีทางอากาศมานานหลายสัปดาห์ แต่พวกเขายังคงรักษาที่มั่นสำคัญในแนวหน้าเอาไว้ได้ โดยแทบจะไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนเลย ทั้งยังมองไม่เห็นความคืบหน้าในเรื่องการเจรจาสันติภาพอีกด้วย

    การเจรจาระหว่างกบฏฮูตีกับประธานาธิบดีฮาดีต้องล่มลงเมื่อต้นเดือนเมษายน โดยทางผู้นำเยเมนต้องหลบไปอยู่ในซาอุดีอาระเบีย ส่วนทางฝ่ายฮูตีได้เคลื่อนกำลังลงใต้ สู้รบกับกองกำลังที่ภักดีต่อผู้นำเยเมน นักรบชนเผ่าในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มติดอาวุธอัลกออิดะห์

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช ได้เ
    นีโอนาซีวางแผนปฏิบัติการพายุถล่มรัฐสภาเยอรมันในวันที่ 9 พ.ค.นี้

    [​IMG]

    --------------
    เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.58) หนังสือพิมพ์ Tagesspiegel ของเยอรมันลงข่าวว่ารมว.มหาดไทยของเยอรมันนีกล่าวว่ากลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายขวากำลังเรียกระดมรวมกลุ่มกันประมาณ 1,000 คนเพื่อชุมนุมประท้วงด้านนอกอาคารรัฐสภาของเยอรมันในกรุงเบอร์ลินในวันที่ 9 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันคบรอบความพ่ายแพ้ของกองทัพนาซีเยอรมันให้ต่อฝ่ายโซเวียตและพันธมิตรตะวันตก กลุ่มผู้ประท้วงบางคนกำลังวางแผนว่าจะถล่มรัฐสภาด้วยปฏิบัตการ "Storm the Reichstag" กลุ่มนีโอนาซีเหล่านี้ประท้วงรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนอิสลาม (Islamization) และเป็นพวกนิยมชาวอเมริกัน (Americanization)
    การประท้วงที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีการจัดตั้งจากหลายกลุ่มเคลื่อนไหวด้วยกันผ่านโซเชียลเน็ทเวิร์ค พวกฝ่ายขวาเหล่านี้มีเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว โดยเริ่มจากการเผชิญหน้ากับรัฐบาล และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี Angela Merkel ลาออกจากตำแหน่งจนถึงปฏิบัติการพายุถล่มรัฐสภา
    ในวันที่ 9 พ.ค. 58 นี้ที่กรุงมอสโคว์จะจัดงานครบรอบ 70ปี การเอาชนะนาซีเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ในยุโรป ล่าสุดมีข่าวจากทางเกาหลีเหนือแจ้งมาว่า ปธน.คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบันจะไม่เข้าร่วมในงาน V-Day ที่กรุงมอสโคว์ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคิม จองอึนจะเข้าร่วมงานด้วย โดยผู้นำเกาหลีเหนือให้เหตุผลว่าติดกิจการภายในประเทศของตนเอง (domestic affairs)
    จุดนี้น่าสนใจ... ตอนแรกเริ่มปล่อยข่าวไปก่อนว่าผู้นำเกาหลีเหนือจะไปเที่ยวต่างประเทศที่กรุงมอสโคว์ประเทศรัสเซีย ต่อมาก็มีการปล่อยข่าวจากสื่อฯตะวันตกและเกาหลีใต้บอกว่าผู้นำเกาหลีเหนือสั่งประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ระดับสูงถึง 15 คนเมื่อสองวันที่ผ่านมา แต่ไม่มีการยืนยันข่าวนี้จากสื่อฯของรัสเซียกับจีน มีแต่จากฝั่งตะวันตกเท่านั้น เมื่อวานนี้มีข่าวอย่างเป็นทางการจากเกาหลีเหนือว่าคิม จองอึนจะไม่เข้าร่วมงานที่กรุงมอสโคว์ด้วยโดยบอกว่ามีเรื่องภายในที่จะต้องจัดการ แสดงว่าน่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างภายในกรุงเปียงยางที่ทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือรู้สึกว่าเริ่มมีกลิ่นแปลกๆบ้างหละ เช่นอาจจะถูกยึดอำนาจในขณะที่ตัวเองไม่อยู่ในประเทศก็ได้ ลองดูซิว่าพอปล่อยข่าวว่าจะไปรัสเซียแล้วจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง แล้วมันก็มีเรื่องที่จะต้องให้จัดการจนได้ อ๊ะ! เปลี่ยนใจแล้ว ไม่ไปดูงานแสดงอาวุธที่ทันสมัยของปูตินก็ได้ เล่นแมวไล่จับหนูที่เกาหลีเหนือดีกว่า มันกว่าเยอะ
    The Eyes
    01/05/2558
    -----------
    Neo-Nazis Plan to ‘Storm’ German Parliament on May 9 - Interior Ministry / Sputnik International
    Kim Jong Un Cancels May 9 Trip to Moscow Over Domestic Affairs / Sputnik International
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [​IMG]

    ปอกเปลือก ทรราช
    Shut down Philadelphia : ลามไปอีกเมืองหนึ่งแล้วอเมริกาอัพไรซิ่ง
    --------------
    ตอนนี้กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯกรณีการเสียชีวิตของเฟรดดี้ เกรย์ ที่ตำรวจอุ้มขึ้นรถตู้ในตอนกลางวันแล้วต่อมาก็พบว่าได้รับบาดเจ็บภายในบริเวณเส้นประสาทไขสันหลัง จนอาการโคม่า และเสียชีวิตในเวลาต่อมา มีพยานในที่เกิดเหตุถ่ายคลิปได้และบอกว่าเห็นตำรวจใช่เข่ากดทับที่ลำคอด้านหลังของเขาในขณะที่ตำรวจสองนายกำลังกดตัวเขาให้นอนคว่ำหน้าลงกับพื้น แล้วเหยื่อก็ร้องเสียงดังว่าหายใจไม่ออก ต่อมาตำรวจก็ล็อกกุญแจมือเขาจากด้านหลัง ดูจากคลิปแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเดินด้วยตัวเองได้ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกให้เขาลุกขึ้นและเดินไปที่รถตู้ จนตำรวจต้องช่วยกันพยุงตัวเขาเข้าไปในด้านหลังของรถตู้แทน
    แต่จนป่านนี้ตำรวจก็ยังไม่เปิดเผยหลักฐานอะไรออกมาเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขา เอาแต่บอกว่าไม่มีหลักฐานว่าตำรวจฆ่าเขาหรือทำให้เขาเสียชีิวิต และจากการชันสูตรศพก็ไม่พบว่าคอของเหยื่อหักด้วย นั่นแหละคำพูดที่ได้ยินจากฝั่งตำรวจ มิหนำซ้ำยังมีการเที่ยวปล่อยข่าวอีกว่าเหยื่อพยายามทำร้ายตัวเองในขณะที่อยู่ในรถตู้ของตำรวจ หรืออาจจะได้รับบาดเจ็บเองจากการทลังของเขาไปกระแท็กกับที่นั่งด้านข้างรถตู้ก็ได้ สารพัดจะสรรหาข้อแก้ตัวออกมาจริงๆ
    เมื่อวานเกิดการประท้วงทั้งในนิวยอร์กและในกรุงวอชิงตันดีซีเมืองหลวงของสหรัฐฯ มีประชาชนหลายสิบรายถูกจับกุมเพราะรัฐบาลของสหรัฐฯที่อ้างว่าประชาชนมีเสรีภาพและเป็นประชาธิปไตยมาโดยตลอดแต่ห้ามไม่ให้ประชาชนในประเทศของตัวเองประท้วงรัฐบาลหรือการกระทำที่รุนแรงต่อชนกลุ่มน้อยโดยพนักงานของรัฐ ในวันเดียวกันนี้ก็มีประชาชนจำนวนหลายร้อยคนออกมาเดินประท้วงที่ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนียอีกด้วย โชดดีนะอเมริกา เศรษฐกิจก็กำลังย่ำแย่ลงทุกวัน อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น รัฐบาลก็หาทางแต่จะสร้างสงครามทั่วโลกเพื่อที่จะได้ให้พวกนายทุนสามารถขายอาวุธสงครามและทำกำไรได้มากๆ ในขณะที่หลายรัฐก็เริ่มจะส่งสัญญาณอยากจะแยกตัวเป็นอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ จนรัฐบาลต้องอ้างแผนทดลองใช้กฎอัยการศึกใน 7 รัฐเป็นเวลา 2 เดือนภายใต้ปฏิบัติการ Jade Helm 15
    The Eyes
    01/05/2558
    -----------
    http://rt.com/on-air/violence-baltimore-freddie-gray/
    Freddie Gray not injured during arrest, slammed inside van - report — RT USA
    Preliminary Probe Leaks: No Evidence Cops Killed Freddie Gray During Arrest / Sputnik International
    Freddie Gray Protests Spread Across US, Thousands March in Solidarity / Sputnik International
    Hundreds Arrested in NYC During Freddie Gray Rallies / Sputnik International
    http://rt.com/usa/254737-philadelphia-freddie-gray-march/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สูตร ยาแก้โรคริดสีดวงทวารหนัก ได้ผลดีมาก « on: April 02, 2015, 08:27:00 AM »
    ยาแก้โรคริดสีดวงทวารหนัก

    [​IMG]

    ยาแก้โรคริดสีดวงทวารหนัก ตำรับที่ ๑
    ท่านให้เอา หัวผักกาดขาว ( หัวไช่เท้า ) สด ๑ - ๒ หัว นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตัดหัวจุกออก ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำ ๑ ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ๑ ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากัน ใช้รับปประทานเวลาก่อนนอน ให้ผสมรับประทานทุกวัน วันละ ๑ ครั้ง รับประทานยานี้เป็นเวลาเพียง ๓ วัน อาการของโรคริดสีดวงชนิดมีเลือดออก และดากออกจะหายไปเป็นปลิดทิ้งทันที ถ้าเป็นมานาน ให้ผสมยานี้รับประทานวันละ ๑ ครั้ง ติดต่อกันประมาณ ๑๕ วัน
    สรรพคุณ รักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก ชนิดเลือดออก และดากออกหายขาดชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้โรคริดสีดวงทวารหนัก ตำรับที่ ๒
    ท่านให้เอา ดอกคำฝอย ๑ ขิง ๑ ดีปลี ๑ สะค้าน ๑ ผลมะตูมแห้ง ๑ รากอังกาบเหลือง ๑ ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้
    เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา วันละ ๒ ครั้ง เวลา เช้า - เย็น
    สรรพคุณ แก้โรคริดสีดวงในลำใส้ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้โรคริดสีดวงทวารหนัก ตำรับที่ ๓
    ท่านให้เอา เปลือกกล้วยน้ำว้า ๓ กำมือ เกลือทะเล ( เกลือแกง ) ๑ กำมือ ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้
    นำใส่หม้อดินใส่น้ำพอท่วมยา ต้มเคี่ยวประมาณ ๓๐ นาที ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชาจีน ก่อนอาหารเช้า - เย็น
    สรรพคุณ แก้โรคริดสีดวงลำใส้ที่มีอาการปวดท้องเป็นประจำ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
    ยาแก้โรคริดสีดวงทวารหนัก ตำรับที่ ๔
    ท่านให้เอา ยาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ การบูร ๑ ลูกกระวาน ๑ ลูกจันทน์ ๑ ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้
    นำมาบดเป็นผง ผสมกับน้ำมะกรูด
    หรือน้ำผึ้งแท้ ก็ได้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพด ใช้รับประทานครั้งละ ๑ - ๒ เม็ด ทุกวัน
    ยาแก้โรคริดสีดวงทวารหนัก ตำรับที่ ๕
    ท่านให้เอา ลูกมะเกลือ ( คั้นเอาน้ำ ) ๑ น้ำมันยาง ๑ ต้นบอระเพ็ด ( คั้นเอาน้ำ ) ๑ น้ำผึ้งแท้ ๑ ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้
    เอาอย่างละ ๑ ถ้วยกาแฟ นำมาผสมกัน ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา
    วันละ ๒ ครั้ง ก่อนอาหารเช้า และ ก่อนนอน ประมาณ ๑๕ วัน
    สรรพคุณ รักษาโรคริดสีดวงทวารหนักทุกชนิด และ โรคริดสีดวงจมูก หายชะงัดนักแลฯ
    ที่มา
     

แชร์หน้านี้

Loading...