ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปลัดคลัง'โต้ติดโผบัญชีดำ จ่อประสานป.ป.ช.ถอดข้อมูล
    ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 16 เมษายน 2558 16:51:00 น.
    16 เม.ย.58 นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงเรื่องติด 1 ใน 10 รายชื่อที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีไม่ดำเนินการเรียกเงินคืนเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญคืนจากอดีตข้าราชการทหาร ที่กลับเข้ารับราชการ หลังไปเป็นข้าราชการการเมือง โดยได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง เมื่อปี 2555 ซึ่งทาง ป.ป.ช.เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนก็ได้สอบถามมายังกรมบัญชีกลาง ทางกรมก็ได้ชี้แจงไปจนหมดแล้ว และไม่มีการจั้งคณะกรรมการไต่สวนต่ออีก

    นอกจากนี้ กรมบัญชีกลาง ได้ดำเนินการติดตามเรียกบำเหน็จคืน และมีหลายรายที่ผ่อนชำระคืนครบแล้ว ส่วนรายที่ไม่ชำระก็จะดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป โดยตามเกณฑ์ผู้ที่มีสิทธิ์รับเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญนั้นจะต้องรับราชการไม่ต่ำกว่า 25 ปี
    นายรังสรรค์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดของเว็บไซต์ ของ ป.ป.ช. ที่ยังไม่มีการแก้ไขข้อมูล และนำรายชื่อของตนเองออกจากเว็บไซต์ดังกล่าว ทำให้สำนักข่าวนำไปลงจนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งล่าสุดทางกรมบัญชีกลางได้ประสานกับ ป.ป.ช. ขอให้ถอดเรื่องนี้ออกจากเว็ปไซต์แล้ว
    "สื่อออนไลน์แห่งนั้นได้นำข้อมูลมาจาก ป.ป.ช.ที่เคยถูกร้องเรียนเรื่องไม่เรียกเงินคืนเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญจากอดีตข้าราชการทหาร ซึ่งออกก่อนไม่ครบกำหนด 25 ปี และก็ได้ทำการเรียกคืนแล้ว ป.ป.ช.จึงไม่ดำเนินการใดๆต่อ แต่ทางป.ป.ช.ยังไม่ได้นำข้อมูลดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนดังกล่าว" นายรังสรรค์ กล่าว
    ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวออนไลน์ ThaiPublica ได้เปิดเผยรายชื่อข้าราชการที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ไต่สวนการทุจริตของข้าราชการระดับสูง (ส่วน ป.ป.ท.จะตรวจสอบได้เฉพาะข้าราชการระดับกลางและระดับล่าง) ก็พบว่ามีข้าราชการระดับอธิบดี ถูก ป.ป.ช.ไต่สวนอยู่ 10 คนด้วยกัน ซึ่งนายรังสรรค์ อยู่ลำดับที่ 2 ถูกกล่าวหาว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีไม่ดำเนินการเรียกเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญคืนจากอดีตข้าราชการทหาร ที่กลับเข้ารับราชการ หลังไปเป็นข้าราชการการเมือง
    'ปลัดคลัง'โต้ติดโผบัญชีดำ จ่อประสานป.ป.ช.ถอดข้อมูล
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปลัดคลังดิ้นแจงติดบัญชีดำ

    ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 17 เมษายน 2558 00:00:23 น.
    กรุงเทพฯ * เมื่อวันพฤหัสบดีในสื่อสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ ข้อมูลถึงรายชื่อข้าราชการระดับ สูง จำนวน 10 ราย ซึ่งกองบัญชา การตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า กำลังถูก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนในข้อหาทุจริตหรือละ เว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประ มวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งในหลายคนนั้นมีความสนิทแนบแน่นกับรัฐบาลที่ผ่านมาอย่าง มาก อาทิ อดีตอธิบดีกรมประชา สัมพันธ์, อดีตอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, อดีตอธิบดีกรมทางหลวง, อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อดีต อธิบดีกรมปศุสัตว์, อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และอดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

    รายงานข่าวจาก สตช.แจ้งว่า ข้อมูลรายชื่ออดีตข้าราช การระดับอธิบดี 10 ราย ที่เผยแพร่นั้น พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สตช. รวมถึงผู้บัญชาการของ สตช.กำลังตรวจสอบไปที่ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุ วรชัย ผบช.ส. ว่าเป็นความจริง หรือไม่ และรายชื่อถูกเผยแพร่ได้อย่างไร เพราะ บช.ส.เป็นหน่วย งานที่ทำหน้าที่สนับสนุนช่วย เหลือการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ 100 รายชื่อตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีต

    นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ให้สัม ภาษณ์ถึงกรณีเป็น 1 ใน 10 รายชื่อจากกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้า ที่โดยมิชอบ ไม่เรียกเงินคืนเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญคืนจากอดีตข้าราชการทหารที่กลับเข้ารับราชการ หลังไปเป็นข้าราชการการเมือง ว่าเรื่องเกิดขึ้นในสมัยเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลางเมื่อปี 2555 ซึ่ง ป.ป.ช.เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนก็ได้สอบถามมายังกรมบัญชีกลาง กรมก็ได้ชี้แจงจนหมดแล้ว และไม่มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนต่ออีก ซึ่งกรมบัญชีกลางเองก็ได้ติดตามเรียกบำเหน็จคืน และมีหลายรายที่ผ่อนชำระคืนครบแล้ว ส่วนรายที่ไม่ชำระก็จะ ฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป โดยตามเกณฑ์ผู้ที่มีสิทธิ์รับเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญนั้นต้องรับราช การไม่ต่ำกว่า 25 ปี

    "เรื่องดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดของเว็บไซต์ ป.ป.ช.ที่ยังไม่แก้ไขข้อมูลและนำรายชื่อออกจากเว็บไซต์ ทำให้มีสำนักข่าวนำไปลงจนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งล่าสุดกรมบัญชีกลางได้ประสานกับ ป.ป.ช. ขอให้ถอดเรื่องนี้ออกจากเว็บไซต์แล้ว" นายรังสรรค์กล่าว.

    อ่านต่อได้ที่ : ปลัดคลังดิ้นแจงติดบัญชีดำ
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    14 มี.ค. สงครามดิจิตอล (คัดลอกจาก..คอลัมน์ โกลบอลโฟกัส)

    [​IMG]

    "สงครามดิจิตอล" คือ "สงครามแห่งอนาคต" ที่ยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม หรือเป็นสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ โดยที่เราไม่ตระหนัก ไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ แต่อย่างน้อยที่สุด ผู้สันทัดกรณีกลุ่มใหญ่ไม่น้อย ยืนยันว่าอย่างน้อยที่สุด เราสามารถให้นิยามสิ่งที่เกิดขึ้นและดำเนินไปในเวลานี้ได้ว่า เป็น "ระยะแรกเริ่ม" ของสงครามรูปแบบใหม่นี้

    เป็นระยะที่ต่างฝ่ายต่างพากัน สั่งสมกำลังคน สะสม พัฒนาอาวุธดิจิตอล ให้มีศักยภาพ พลานุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ แสวงหาข้อมูลข่าวสารทั้งที่เป็นเรื่องลับ ปกปิด หรือเปิดเผย เพื่อเก็บรวบรวมไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทางหนึ่งใช้เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถของอาวุธในคลังแสงดิจิตอล ในอีกทางหนึ่งเพื่อซึมซับจุดอ่อนจุดแข็งของทุกๆ ฝ่ายเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู

    เราไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปว่า "ดิจิตอล อาร์ม เรซ" ไม่เพียงดำรงอยู่ ยังดำเนินไปอย่างคึกคักอย่างยิ่งอีกด้วย

    ในศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาอาวุธเพื่อการเข่นฆ่าสังหารให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ขึ้นมา ถูกเรียกขานกันง่ายๆว่า "สรรพาวุธ เอบีซี" ไล่เรียงกันตั้งแต่ "เอ-อะตอมมิค" อาวุธนิวเคลียร์ทรงพลานุภาพ, "บี-ไบโอโลจิคอล" อาวุธชีวภาพ และ "ซี-เคมิคอล" อาวุธเคมี

    ย้อนกลับไปทบทวนกันได้ว่า มนุษย์เราใช้เวลามากมายแค่ไหน ทุ่มเทความเพียรพยายามเพียงใด จึงสามารถวางกรอบวางกฎเกณฑ์ หรือกระทั่งทำให้อาวุธบางอย่างกลายเป็น "สิ่งผิดกฎหมาย" ได้ในที่สุด

    "อาวุธดิจิตอล" ที่สั่งสมกันขึ้นเพื่อ "สงครามดิจิตอล" ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์เน็ตในเวลานี้ ไม่มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใดๆ แทบปราศจากการควบคุมหรือแม้แต่จะมีการจัดการประชุมระดับนานาชาติขึ้นมาเพื่อหาแนวทางเพื่อการนี้แต่อย่างใด ที่สำคัญยังไม่มีอำนาจใดที่สามารถ ควบคุม จำกัด หรือวางกรอบการทำลายล้างของมันได้ชัดเจนนัก

    ข้อเท็จจริงประการสำคัญสำหรับการสร้างจินตภาพถึงสงครามดิจิตอล หรือ "ไซเบอร์ วอร์" สงครามในโลกไซเบอร์ ก็คือ ยิ่งคนเรา สังคมของเรา สาธารณูปโภคทั้งหลาย หน่วยงานทางการทั้งหมดของเราเชื่อมต่ออยู่กับอินเตอร์เน็ตเพื่อความสะดวกสบาย เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดของแต่คน แต่ละหน่วยงานมากเท่าใด

    ผลสะเทือนของการทำลายล้างอันเนื่องมาจากสงครามดิจิตอลต่อสังคมของเราก็ยิ่งมากมายมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น

    รูปธรรมของ "ดิจิตอล อาร์ม เรซ" การแข่งขันกันสั่งสมอาวุธทำลายล้างในเชิงดิจิตอล ปรากฏอยู่ชัดเจนในหลายๆ ส่วนของข้อมูลที่ เอ็ดเวิร์ด สโนวเดน เจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) นำมาเปิดเผยผ่านสื่อมวลชนหลายรายเป็นระยะๆ รวมทั้ง เดอะ การ์เดียน และ แดร์ สปีเกล

    สิ่งที่สโนวเดนเปิดเผยออกมาล่าสุดก็คือ เอ็นเอสเอกำลังเตรียมแผนสำหรับการ "ทำสงครามในอนาคต" ซึ่งอินเตอร์เน็ตจะมีบทบาทสำคัญทั้งในแง่ของการเป็นทั้ง "เครื่องมือ" เป็น "เส้นทาง" และเป็น "สมรภูมิ"

    เป้าหมายของเอ็นเอสเอ ก็คือการใช้เครือข่ายสากลดังกล่าวเป็นทางผ่านไปสร้างความเสียหายให้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของฝ่ายตรงกันข้าม เพื่อวัตถุประสงค์ในการ "สร้างความเสียหาย" หรือไม่ก็ "ควบคุม" สาธารณูปโภคต่างๆ ของศัตรู ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตและแจกจ่ายกระแสไฟฟ้า, โรงงานผลิตและแจกจ่ายน้ำประปา, โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ, ท่าอากาศยาน, หรือการถ่ายโอนเงินตราต่างๆ

    กองทัพทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบก, กองทัพเรือ, กองกำลังนาวิกโยธิน และกองทัพอากาศล้วนจัดตั้ง "กองกำลังไซเบอร์" ของตัวเองขึ้นมาเป็นหน่วยงานชัดเจน มีภารกิจและพันธกิจชัดเจนกันแล้ว แต่หน่วยงานที่เป็นหัวหอกในการทำสงครามไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกาก็คือ เอ็นเอสเอ สำนักงานข่าวกรองทางทหาร "อย่างเป็นทางการ" ของประเทศ

    ด้วยเหตุนี้ ผู้อำนวยการเอ็นเอสเออย่าง พลเรือเอก ไมเคิล โรเจอร์ส จึงทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการไซเบอร์แห่งสหรัฐอเมริกา (ยูเอส ไซเบอร์ คอมมานด์) อีกตำแหน่งด้วย

    ไมเคิล โรเจอร์ส ไม่เพียงทำหน้าที่บัญชาการควบคุมการดำเนินงานของ "นักรบไซเบอร์" เกือบๆ 40,000 นาย ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ยังมีส่วนสำคัญในการกำหนด "ยุทธศาสตร์ไซเบอร์" และทำหน้าที่กำกับดูแลให้ทุกอย่างดำเนินไปในแนวทางนั้นให้มากที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้

    เอ็นเอสเอดำเนินการหลายๆ อย่างในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการสอดแนมที่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วโลกตลอดปีที่ผ่านมา

    แต่ในทรรศนะทางทหาร การสอดแนมบนอินเตอร์เน็ตและอื่นๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวคราวอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ใช่การเริ่มต้น "สงคราม"

    สงครามดิจิตอลของสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในระยะเตรียมการ เป็นเพียงแค่ "เฟส0" เท่านั้นเอง

    ตามเอกสารภายในของเอ็นเอสเอ พฤติกรรมทั้งหมดที่ถูกเปิดโปงในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงสิ่งที่ "จำเป็นต้องทำให้ลุล่วง" เพื่อ "รองรับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นตามมา" การสอดแนมทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีเป้าหมายเพื่อ "ค้นหา" จุดอ่อน ช่องโหว่ ในระบบของฝ่ายตรงกันข้ามให้พบ ที่ถือเป็น "ระยะที่ 1" หลังจากนั้น "ระยะที่ 2"

    จะตามมา นั่นคือการลักลอบนำ "โปแกรมลับ" เข้าไปติดตั้งอย่างลับๆ ภายในระบบของศัตรูที่พวกตนสามารถล่วงล้ำเข้าไปอย่างเงียบๆ

    "โปรแกรมลับ" ที่ถูกนำไปติดตั้งไว้ในระบบของศัตรูดังกล่าว จะเปิดทางให้ "นักรบไซเบอร์" ของสหรัฐอเมริกาสามารถเข้าถึงระบบของข้าศึกได้ในทุกเวลาที่ต้องการในอนาคตและยังล่าถอยออกมาอย่างปลอดภัยโดยไม่มีการตรวจสอบพบอีกด้วย ความสามารถในการ "เข้า-ออก" อย่างถาวรในเครือข่ายของศัตรูนี้จะปูทางให้ "ระยะที่ 3" ของสงครามเกิดขึ้นตามมา

    นั่นคือการสร้างขีดความสามารถในการ "ครอบงำ" เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของศัตรู

    การ "ครอบงำ" ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเข้าถึงและออกมาจากเครือข่ายได้เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงขีดความสามารถในการ "ควบคุม/ทำลาย" ระบบต่างๆ ที่จำเป็นในการดำรงอยู่ของศัตรู และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ศัตรูใช้งานอยู่ "เมื่อใดก็ได้ตามใจปรารถนา" โดยผ่านทางจุดอ่อนที่ค้นพบได้จากการสอดแนมในระยะแรกเริ่มได้นั่นเอง

    คำว่า "ระบบที่จำเป็น" (คริติคอล ซิสเต็มส์) ที่เอ็นเอสเอใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์ครั้งนี้นั้น มีนัยถึง "อะไรก็ตาม" ที่มีความสำคัญในการทำให้สังคมของศัตรูสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภคด้านพลังงาน, สาธารณูปโภคด้วยการสื่อสารโทรคมนาคม, รวมถึงระบบการขนส่งต่างๆ

    ตามเอกสารภายในเกี่ยวกับเรื่องนี้ของเอ็นเอสเอ ระบุเอาไว้ว่า เป้าหมายถึงที่สุดของปฏิบัติการ "ไซเบอร์

    วอร์แฟร์" ทั้งหมดเหล่านี้ก็คือ

    "ความสามารถในการก่อกลียุคให้เกิดขึ้น และควบคุมการลุกลามขยายตัวของมันได้ตามเวลาจริง"!

    ในความเห็นของเอ็นเอสเอ "ความขัดแย้งครั้งใหญ่ลำดับถัดไปนั้น จุดเริ่มต้นจะอยู่ในโลกไซเบอร์" ด้วยเหตุนี้ สหรัฐอเมริกาจึงจำเป็นต้องเตรียมการให้พร้อมสรรพเพื่อรองรับ "สงครามเน็ต" ที่จะมีขึ้นในอนาคต

    ในเอกสารที่อยู่ในมือของสโนวเดน เอ็นเอสเอ คาดการณ์ว่างบประมาณ "ข่าวกรองลับ" เพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับสงครามไซเบอร์สำหรับปี 2013 จำเป็นต้องมีไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ "เพื่อเพิ่มศักยภาพ ความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ของสหรัฐอเมริกา) ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติการโจมตี" เงินจำนวนนี้รวมถึงงบประมาณ 32 ล้านดอลลาร์ ที่เตรียมไว้เพื่อ "หาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการนอกรูปแบบ" เพียงอย่างเดียว

    ในเอกสารดังกล่าวยังกล่าวถึง "พันธมิตร" ในสงครามดิจิตอล ซึ่งถูกเรียกขานรวมๆ ว่า "ไฟว์ อายส์"ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

    การ "สอดแนม" เป็นเรื่องหนึ่ง แตกต่างอย่างใหญ่หลวงกับการ "โจมตี" ฝ่ายตรงกันข้าม ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ไม่น้อยที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์เอกชนเชื่อว่าเป็นฝีมือของเอ็นเอสเอและไฟว์ อายส์ โดยอาศัย "ข้อบ่งชี้" จำนวนหนึ่งเป็นเครื่องมือ

    ตัวอย่างของ "การโจมตี" ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงที่ผ่านมาซึ่งสามารถสาวไปหาเอ็นเอสเอและไฟว์ อายส์ได้มีตั้งแต่ "สตักซ์เน็ต" ที่ถูกแพร่ออกไปโดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายโปรแกรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน, "เร็กอิน" สปายแวร์ชนิด "โทรจัน" ที่กลายเป็นข่าวอื้อฉาวและมีการต่อปากต่อคำทางการทูตกันเกิดขึ้นตามมาเมื่อโปรแกรม

    "เร็กอิน" ถูกพบในธัมป์ไดรฟ์ ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงใกล้ชิดกับ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี

    นอกจากนั้น เร็กอินยังมีบทบาทในการโจมตีต่อคณะกรรมาธิการแห่งยุโรป, เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป, และเบลยาคอม บริษัทโทรคมนาคมของเบลเยียมเมื่อปี 2011 อีกด้วย

    ไม่เพียงเท่านั้น เอ็นเอสเอยังมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่กับ "ควอนตัมอินเสิร์ท" โปรแกรมเพื่อการโจมตีที่ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนัก และได้รับการคาดหมายว่าจะถูกแทนที่ด้วย "ควอนตัมเดิร์ค" ที่จะทำหน้าที่จัดส่งเนื้อหาแฝงด้วยไวรัสเข้าไปไว้ในบริการแชต ออนไลน์ ที่เว็บไซต์หลายแห่งรวมทั้งเฟซบุ๊กและยาฮูให้บริการอยู่

    อันตรายเงียบสูงสุดที่แฝงมากับ "ปฏิบัติการสงคราม" ของเอ็นเอสเอ น่าจะเป็นโปรแกรมที่เรียกว่า "สเตรทบิซาร์" ซึ่งหากคอมพิวเตอร์เครื่องใดติดไวรัสนี้เข้าไป จะถูกทำให้กลายเป็นเครื่องมือของเอ็นเอสเอไปโดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้เป็นเจ้าของไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    สเตรทบิซาร์จะทำหน้าที่รับคำสั่งจาก "ควอนตัม เน็ตเวิร์ก" ของเอ็นเอสเอ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่

    "กำกับและควบคุมการใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์ในปริมาณมหาศาลเพื่อแสวงประโยชน์ หรือเพื่อการโจมตี (ศัตรู)"

    สงครามในทุกรูปแบบ ไม่เคยก่อให้เกิดผลดีกับผู้ใด สงครามไซเบอร์ก็เป็นเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุด ไม่ได้ตกอยู่กับนักรบไซเบอร์หน้าจอ เหนือคีย์บอร์ด หากแต่เป็นประชาชนคนธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปที่ชีวิตประจำวันนับวันจะพึ่งพาอินเตอร์เน็ตมากขึ้นและมากขึ้นทุกที

    ตัวอย่างเช่น อาวุธดิจิตอลของสหรัฐอเมริกาอย่าง "บาร์นไฟร์" สามารถเข้าไปทำลายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมระบบบริหารจัดการของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งได้โดยสิ้นเชิง มันสามารถทำให้ระบบทั้งหมดของโรงพยาบาลนั้นกลายเป็น "ก้อนอิฐ" ไร้ค่า ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป ซึ่งในภาษาแฮกเกอร์เรียกว่าการทำให้ระบบกลายเป็น "บริค" ที่จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อทุกๆ คนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนั้น

    แม้ว่าเขาจะไม่มี "สมาร์ทโฟน" และใช้ "คอมพิวเตอร์" ไม่เป็นก็ตาม

    (สงครามดิจิตอล: คอลัมน์ โกลบอลโฟกัส โดย ปิยมิตร ปัญญา
    จากหนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 14 มีนาคม 2558 สงครามดิจิตอล: คอลัมน์ โกลบอลโฟกัส โดย ปิยมิตร ปัญญา : มติชนออนไลน์)
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    16 เม.ย. โทรศัพท์หาย? เสิร์ชหาบน Google ได้เลย!

    [​IMG]

    ข่าวดีสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) เพราะนับแต่นี้หากใครพลาดทำอุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมย ก็จะสามารถค้นหาพิกัดที่อยู่ของอุปกรณ์นั้นได้แสนง่ายด้วยการเสิร์ชบน Google.com

    ความสามารถในการค้นหาอุปกรณ์แอนดรอยด์ที่สูญหายนี้เป็นคุณสมบัติใหม่สำหรับชาวแอนดรอยด์ที่กูเกิลประกาศเมื่อวันพุธที่ 15 เมษายน 2015 ตามเวลาสหรัฐฯ โดยระบุว่าเสิร์ชเอนจิ้นของกูเกิลสามารถใช้ค้นหาอุปกรณ์แอนดรอยด์ที่สูญหายได้แล้วด้วยการพิมพ์คำว่า “find my phone”

    https://plus.google.com/+google/posts/CEdEWkg4dvf…

    กูเกิลระบุว่าเพียงพิมพ์คำว่า “find my phone” บนช่องสำหรับค้นหาหรือ Google search bar ผลลัพท์ที่ได้จะปรากฏเป็นแผนที่บอกพิกัดตำแหน่งล่าสุดที่พบโทรศัพท์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกโทรเข้าโทรศัพท์มือถือตัวเองจากเพจกูเกิลได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้การค้นหาสมาร์ทโฟนที่หากไปทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

    อย่างไรก็ตาม คุณสมบัตินี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อมีการลงชื่อใช้งานบัญชีกูเกิลเดียวกันในโทรศัพท์มือถือและบนคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้สามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและบนอุปกรณ์พกพาผ่านแอปพลิเคชันค้นหาข้อมูลของกูเกิล

    http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000043909
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย
    วันที่ 17 เม.ย.58 เจ้าชายซาอุฯ ตายจากการโจมตีโดยปืนครกใกล้ชายแดนเยเมน

    [​IMG]

    เจ้าชายฟะฮัด บินเตอรกี บินอับดุลอาซิซ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพของซาอุดีอาระเบียในยศนายพล ได้เสียชีวิตลงแล้ว จากการโจมตีด้วยปืนครกของกองทัพเยเมน ไปยังด่านทหารแห่งหนึ่งของซาอุดีอาระเบีย

    เจ้าชายผู้นี้ถูกสังหารพร้อมกับทหารซาอุฯ อีกสามคน ในขณะเยี่ยมชมฐานทหาร และเจ้าหน้าที่รัฐบาลของริยาด ได้ประกาศข่าวการตายของทหารทั้งสามคน แต่ไม่ได้การประกาศข่าวการเสียชีวิตของเจ้าชายฟะฮัด บินเตอรกี

    เจ้าชายเป็นผู้บัญชาการหน่วยพลร่ม และรองผู้บัญชาการกองทัพบกของซาอุดิอาระเบีย เป็นโอรสของเตอรกีในลำดับที่ 21 ของอับดุลอะซีซ ผู้ก่อตั้งระบอบการปกครองของประเทศซาอุดิอาระเบีย

    และได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารของกองทัพอากาศ นับจากสมัยการครองราชย์ของกษัตริย์ไฟซอล จนถึงสมัยการครองราชย์ของกษัตริย์ฟะฮัดในปี 1983

    บรรดาเจ้าชาย และสมาชิกของครอบครัวราชวงศ์ซะอูด ต่างเดินทางไปยังวังของเจ้าชายฟะฮัด บินเตอรกี เพื่อแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเขาเนื่องจากการตายของเขา

    -------------------------------->
    เคยเตือนมาล่วงหน้าแล้วเกือบเดือน ว่าประเทศที่จะเสียหายและช้ำใจหนัก คือ ซาอุฯ ไม่ใช่เยเมน เพราะการรบทางน่านฟ้านั้น เป็นแค่อีเว้นท์ส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถชีแพ้ชนะกันได้ การรบภาคพื้นดินธรรมดานี่แหละ คือ ตัวชี้ชัยชนะของสงคราม

    ปืนครกจากกองทัพเยเมน ก็สามารถสังหารเจ้าชายซาอุฯ บุคคลสำคัญได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะอยุ่ในดินแดนของตนเอง นับวันซาอุฯ จะยิ่งถลำลึกกับเกมส์สงครามนี้ ที่อเมริกา และอิสราเอล เป็นผู้กำหนดทางให้เดิน

    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    InPics : มาคุแบบ KGB? สนง.ศัตรูการเมืองเสี่ยหมี “อดีตเจ้าพ่อพลังงานยูคอส” ถูกบุก! สกัดไม่ให้โฟนอินยิงคำถาม “ปูติน” กลางอากาศ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2558 14:21 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – ในระหว่างที่มีการดำเนินรายการถามตอบกับปูติน 2015 เมื่อวานนี้(16)ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ใช้เวลาราว 4 ชม.ในการตอบคำถามที่ถูกส่งเข้ามาจากประชาชนชาวรัสเซียไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคำถาม ตำรวจคอมมานโดพร้อมอาวุธหนักได้บุกเข้า Open Russia สำนักงานเครือข่ายสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชนของ มิคาอิล โคดอร์คอฟสกี (Mikhail Khodorkovski)อดีตเจ้าของบ.พลังงานยูคอส (Yukos) และศัตรูทางการเมืองของปูติน ในระหว่างที่มีการเตรียมพร้อมโฟนอินถึงผู้นำรัสเซียกลางรายการ

    ในระหว่างที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินนั่งตอบคำถามของผู้ชมชาวรัสเซียในรายการตอบปัญหาประจำปีในช่วงเช้าวานนี้(16) Open Russia สำนักงานเครือข่ายเพื่อสิทธิมนุษย์ชนและสื่อมวลชนในกรุงมอสโกของมิคาอิล โคดอร์คอฟสกี (Mikhail Khodorkovski)อดีตเจ้าของบ.พลังงานยูคอส (Yukos) และศัตรูทางการเมืองของปูตินถูกเข้าตรวจค้นด้วยฝูงตำรวจคอมมานโดพร้อมอาวุธจำนวน 16 คน เพื่อต้องการตรวจว่าสำนักงานแห่งนี้มีใบอนุญาตให้แจกจ่ายใบปลิวอย่างถูกต้องหรือไม่ คูลเล พิสปาเนน (Kulle Pispanen) โฆษกหญิงของโคดอร์คอฟสกีที่ขณะนี้กำลังลี้ภัยในต่างแดนแถลงผ่านเฟสบุ๊ก

    และพิสปาเนนเสริมต่อว่า ตำรวจคอมมานโดที่ปิดบังใบหน้าและถืออาวุธหนักบุกเข้าสำนักงานมาในขณะที่ทางสำนักงานกำลังเตรียมพร้อมที่จะโทรศัพท์เข้าไปถามผู้นำประเทศในรายการถามตอบประจำปี 2015 ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนั้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ขอเข้าตรวจค้นโปสเตอร์และใบปลิวสำหรับการประท้วงในวันที่ 19 เมษายนนี้ที่ทางสำนักงานไม่ได้มีความประสงค์เข้าร่วม และได้สั่งยกเลิกไป

    ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รัสเซียไม่อนุญาตให้จัดประท้วงในวันนั้น แต่ทางนักเคลื่อนไหวประกาศ อาจจะยังยืนถือป้ายประท้วงในวันอาทิตย์(19)

    เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า Open Russia มีหน้าที่จุดกระแสวิพากษ์การทำงานและนโยบายของประธานาธิบดีรัสเซียเป็นหลัก ซึ่งการบุกค้นเกิดขึ้นในขณะที่รายการตอบคำถามกำลังเริ่มต้น


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044061
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 17 เม.ย.58 ซาอุฯ แพ้ภาคพื้นดินแล้ว อ้อนวอนตัวกลางขอเจรจากับรัฐบาลฮูทีเยเมน
    อิหร่านมีเรือเร็วทางทหาร ที่สามารถหลบหนีการตรวจจับจากสัญญานเรดาร์ ด้วยการอาศัยเรือเร็วเหล่านี้จึงสามารถทำลายการปิดล้อมทางน่านน้ำของเยเมน ที่เกิดจากอียิปต์ และซาอุดีอาระเบียได้สร้างขึ้น
    เรือเร็วของกองทัพเรืออิหร่าน ประมาณ 5 ลำ ทะลุผ่านอ่าวเอเดนเข้าไปในจังหวัดละฮิจ ทางตอนใต้ของเยเมนได้ และสามารถไปถึงยังฐานทหารต่างๆ ของรัฐบาลฮูทีได้
    ทันทีที่เรือเร็วของทหารอิหร่านเหล่านี้ไปถึงยังฐานทหารต่างๆ ของรัฐบาลฮูที การปะทะกำลังกันอย่างรุนแรงกับ ฝ่ายสนับสนุน ซาอุฯ และอเมริกา ก็ได้เกิดขึ้น
    ล่าสุดซาอุฯ พ่ายแพ้ยับเยินทางภาคพื้นดิน และทางทะเล จึงมีความพยายามของซาอุ ขอเปิดเจรจากับรัฐบาลฮูที โดยขอความช่วยเหลือผ่านชนเผ่าต่างๆ ของเยเมน ที่ซาอุฯ หนุนหลัง เพื่อให้เป็นสื่อกลางการหยุดยิง และเพื่อยับยั้งจากการตอบโต้ของรัฐบาลฮูที และอิหร่าน ที่คาดว่าจะลุยข้ามชายแดนมากขึ้น
    ตอนนี้ปากีสถาน ก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในสงครามด้วยแล้ว และอียิปต์ และจอร์แดน ก็ลังเลที่จะเข้าสู่สงครามภาคพื้นดิน เพราะเท่ากับส่งทหารไปตายชัดๆ เพื่อคนอื่น
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    โอบาม่า: สหรัฐฯควรจะเป็นผู้เขียนกฎระเบียบเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่จีน

    [​IMG]

    ---------------
    ฮ่าๆๆ... เสียงของผู้ที่กำลังตกเป็นรองนั้นมักจะดังเสมอ สหรัฐฯนั้นไม่พอใจจีนเป็นอย่างมากที่ออกมาชักชวนประเทศต่างๆทั่วโลกถึง 57 ประเทศให้ร่วมหุ้นในธนาคาร AIIB ได้จนเป็นผลสำเร็จ ครั้งจะหาเรื่องแซงชั่นจีนอย่างที่ทำกับรัสเซีย ก็ทำไม่ได้เพราะว่าจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯ และบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันก็ไปตั้งโรงงานอยู่ในจีนเป็นจำนวนมาก ขืนทำอย่างนั้นมีแต่จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯพังเร็วขึ้น
    สหรัฐฯไม่รู้จะงัดไม้ไหนออกมาตอบโต้จีนกรณีธนาคาร AIIB ได้จึงออกมาคำรามเสียงแห้งๆแหบๆใส่จีนว่า "ลูกค้าที่มีศักยภาพของเราอยู่ในต่างประเทศนั้นมีถึง 95% (ไม่บอกนะว่าใน 95% นั้นจีนกินไปมากกว่าครึ่งแล้ว) เราจะต้องมั่นใจว่าพวกเราเป็นผู้เขียนกฎเกี่ยวกับเศรษฐกิจของโลก ไม่ใช่ประเทศอย่างจีน"
    เอ… พฤติกรรมแบบนี้ ท่าทีแบบนี้ รู้สึกว่าไม่ค่อยจะสอดคล้องกับคำว่าประชาธิปไตยที่สหรัฐฯเชิดชูนักหนาเลยนะ ก็เมื่อทั่วโลกเขากำลังหันไปร่วมมือกับจีน เสียงส่วนมากก็สนับสนุนจีน แล้วทำไมสหรัฐฯยังยืนกระต่ายขาเดียวคัดค้านเสียงส่วนใหญ่ซะอย่างนี้หละนี่ แบบนี้มันเริ่มเข้าข่ายเผด็จการซ่อนรูปแล้วนะนี่ อเมริกาจะออกกฏเศรษฐกิจทั่วโลกนั้นถามประเทศอื่นทั่วโลกเขาหรือยังว่าเขาเห็นด้วยกับอเมริกาหรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วยแล้วอเมริกายังดื้อที่จะทำอย่างนั้น แล้วมันเป็นประชาธิปไตยและเคารพเสรีภาพของผู้อื่นตรงไหนนี่? พักหลังนี่อเมริกาชักจะอาการหนักขึ้นทุกวันแล้วนะนี่
    เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาโอบาม่ากล่าวว่า "จีนต้องการจะเขียนกฎในภูมิภาพที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก (เอเซีย) ทำไมพวกเรา (สหรัฐฯ) จะต้องปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นด้วย? เราสิต้องออกกฎพวกนั้นเอง" เห็นมะ... นิสัยอเมริกา จากคำพูดดังกล่าวนั้น มีตรงไหนที่บ่งบอกว่ามีความยุติธรรมอยู่บ้าง สหรัฐฯต้องการให้จีนใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมอย่างสหรัฐฯ จีนก็ใช้แล้วไง และได้ผลดีซะด้วย แต่พอเศรษฐกิจจีนเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นใครๆก็วิ่งเข้าหา แม้กระทั่งอเมริกาเอง หลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งอียูด้วยตอนนี้ชูให้จีนเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเซียนี้ แต่อเมริกากลัวจะเสียผลประโยชน์และกลัวเสียหน้าจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ผู้อื่นดีกว่าตน นี่มันเสรีภาพตรงไหน หรือว่านั่นคือเสรีภาพของสหรัฐฯที่จะเอาเปรียบผู้อื่น?
    อะไรหรือที่อเมริกาจะใช้เป็นเครื่องมือในการออกกฎระเบียบเศรษฐกิจโลกแข่งกับ AIIB ที่นำโดยจีน? ก็ข้อตกลงการค้าเสรี "Trans-Pacific Partnership" ของอเมริกาอย่างไรเล่า เมื่อเร็วนี้สภาฯของสหรัฐฯพึ่งจะผ่านกฏหมายเกี่ยวกับการค้าเสรี Trans-Pacific Partnership (TPP) ที่นำเสนอโดยรัฐบาลของโอบาม่า กฏหมายดังกล่าวมีการยกเลิกภาษีศุลกากรการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในกลุ่มประเทศสมาชิก 12 ประเทศในเอเซียแปซิฟิก ประกอบด้วย Australia, Brunei, Canada, Chile, Japan, Malaysia, Mexico, New Zealand, Peru, Singapore, the United States, และ Vietnam ล่าสุดมีไต้หวันและเกาหลีใต้เข้าร่วมด้วยแต่ไม่มีจีน
    TPP เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ปี 2005 มีสหรัฐฯกับญี่ปุ่นเป็นแกนนำ พึ่งเป็นรูปเป็นร่างจริงๆก็ในปี 2013-2014 นี่เองแต่ก็ยังไม่ได้รับความสนใจจากอียูเลย แปลกดีแท้ เช็คข้อมูลเบื้องต้นพบว่าประเทศไทยก็แสดงเจตนาที่จะเข้าร่วมใน TPP กับเขาด้วยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555 ใครเป็นรัฐบาลไทยในช่วงนั้นหละ? ก็ชุดที่แล้วก่อนลุงตู่จะเข้ามานั่นแหละครับ ถ้าเข้าร่วมกับสหรัฐฯก็จะโดนกดหัวสาระพัดอีก และสินค้าทางการเกษตรประเภท GMO จากสหรัฐฯก็จะไหลเข้ามาสู่ไทยเป็นจำนวนมากอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในยุโรปในตอนนี้ ในขณะเดียวกันไทยก็จะถูกกีดกันสินค้าการประมงโดยอ้างเรื่องแรงงานทาสและสิทธิมนุษยชนอีกตามเคย
    The Eyes
    18/04/2558
    -----------
    http://rt.com/business/250497-obama-economy-china-trade/
    Trans-Pacific Partnership - Wikipedia, the free encyclopedia
    http://www.voxy.co.nz/…/thailands-quest-join-tppa-…/5/141000
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ศึก S-300 ระหว่าง รัสเซีย+อิหร่าน(+อังกฤษ) VS สหรัฐฯ+อิสราเอล ยังไม่จบ

    [​IMG]

    ---------------
    ตอนแรกนึกว่าเรื่องนี้จบลงไปแล้วซะอีก ยังไม่จบ ทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯยังไม่ต้องการให้มันจบ เราก็ต้องมาเล่าข่าวให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบทันสถานการณ์อีกครั้ง สืบเนื่องจากเมื่อวันจันทร์ที่ 13 เม.ย.58 ที่ผ่านมา ปูตินลงนามยกเลิกการห้ามขายขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศรุ่น S-300 ให้อิหร่าน (เคยโพสต์แล้ว) ส่วนอิสราเอลนั้นก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถใช้เครื่องบินรบของตัวเองบินไปถล่มอิหร่านได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ช่วงที่การเจรจาแก้ไขปัญหานิวเคลียร์อิหร่านกับมหาอำนาจ P5+1 กำลังดุเดือดอยู่นั้น ทางอิสราเอลก็ได้บรรลุข้อตกลงกับซาอุดิฯว่าให้เครื่องบินรบของอิสราเอลบินผ่านน่านฟ้าของซาอุดิฯไปบอมอิหร่านได้ แต่ไข่เยี่ยวม้าออกมาสวนกลับทันทีเลยว่า ถ้าอย่างนั้นสหรัฐฯก็จะสอยเครื่องบินรบของอิสราเอลลงเองไม่ต้องให้ถึงมืออิหร่านหรอก (เคยลงข่าวให้แล้วนะครับ)
    เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมาทางทำเนียบขาวได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีรัสเซียจะขาย S-300 ให้อิหร่านว่าไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนระเบียบของ UNSC แต่อย่างใด แต่สหรัฐฯต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนที่จะระบุว่าการขายอาวุธได้ฝ่าฝืนการแซงชั่นของสหรัฐฯหรือไม่
    โอ้… อันนี้สบายเลย ทั้งรัสเซียและอิหร่านต่างก็ถูกสหรัฐฯแซงชั่นด้วยกันทั้งนั้น จะแปลกอะไรถ้าประเทศที่ถูกแซงชั่นหันมาค้่าขายกันเองโดยไม่มีสหรัฐฯเกี่ยวข้อง ดูอย่างกรณีสหรัฐฯและพันธมิตรแซงชั่นรัสเซียสิ ก็ยังมีประเทศอื่นๆที่ไม่อยู่ในอาณัติของสหรัฐฯหันไปทำมาค้าขายพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโกยกำไรอื้อซ่าจากการค้าขายกับรัสเซียในช่วงที่ผ่านมาจนแย่งตลาดสินค้าการเกษตรไปจากอียูได้หมดแล้ว ดูอย่างกรีซเป็นต้น ไทย เวียตนาม จีน และกลุ่มประเทศยูเรเซียนอีกหลายประเทศต่างก็เพิ่มวอลูมการค้าขายกับรัสเซียเพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งนั้น ประเทศพวกนี้แคร์การแซงชั่นรัสเซียจากฝั่งสหรัฐฯซะที่ไหน
    Josh Earnest เลขาฯโฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า "การส่งมอบระบบอาวุธป้องกันภัย [S-300] ให้อิหร่านนั้น UNSC ไม่ได้ห้ามไว้..." แต่ในสัปดาห์เดียวกันนี้ ทางสหรัฐฯออกมาพูดเองว่าการที่รัสเซียจะขาย S-300 ให้กับกรุงเตหะรานนั้นอาจจะก่อให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพขึ้นในตะวันออกกลางก็ได้ ฝ่่ายอิหร่านบอกว่าการที่อิหร่านมี S-300 นี่แหละที่จะทำให้อิหร่านมีเสถียรภาพและสามารถปกป้องอธิปไตยของตนเองจากการรุกรานของชาติอื่นได้
    ถ้าฟังคำพูดของสหรัฐฯที่ว่า "เสถียรภาพในตะวันออกกลาง" นี่ต้องตีความคำพูดของสหรัฐฯให้ดีว่าจริงๆแล้วสหรัฐฯหมายถึงเสถียรภาพของใครกันแน่ เช่นเสถียรภาพของสหรัฐฯในตะวันออกกลางที่สามารถควบคุมประเทศต่างๆเหล่านั้นให้อยู่ในมือได้ หรือว่าเสถียรภาพของกลุ่มพันธมิตรอาหรับที่มีสหรัฐฯหนุนหลังให้ถล่มเยเมนอยู่ในขณะนี้ และเมื่อพิจารณาตั้งแต่สหรัฐฯเข้าไปยุ่มย่ามในตะวันออกกลางนี่ เคยมีเสถียรภาพจริงๆเกิดขึ้นมาบ้างหรือไม่? ก็เห็นแต่สหรัฐฯส่งอาวุธไปถล่มประเทศนั้นประเทศนี้อยู่เรื่อยๆ ให้เงินอุดหนุนกลุ่มต่างๆก่อปัญหาอยู่ร่ำไปโดยใช้ NGO บังหน้า นี่หรือคือสิ่งที่สหรัฐฯเรียกว่าเสถียรภาพ?
    ในวันเดียวกันนี้ (16 เม.ย.) George Galloway นักการเมืองอังกฤษก็ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้เช่นกัน โดยทางอังกฤษได้แสดงความคิดเห็นว่า "ประชาชนชาวอิหร่านมีสิทธิ์ที่ป้องกันตัวเองเฉกเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ" อัยหยา!... แม้กระทั่งอังกฤษก็เชียร์อิหร่านซะด้วยสิงานนี้ มิน่าเมื่อวานนี้ถึงเกิดไฟไหม้โรงแรมห้าดาวที่ Oxford ประเทศอังกฤษ (ไม่น่าจะเกี่ยวกันหรอก...มั๊ง? แต่ก็ไม่แน่ มันมีอะไรแปลกๆที่ไม่สามารถหาหลักฐานเชื่อมโยงกันได้เกิดขึ้นเยอะในโลกนี้ ขนาดบางครั้ง (บ่อยครั้ง) มีหลักฐานชัดๆ เขาก็ยังปฏิเสธว่า "…ปลอม/เทียม" ก็มีเยอะแยะออก)
    หลังจากที่ปูตินยกหูโทรศัทพ์ถึงบีบี้ที่อิสราเอลว่า S-300 ของรัสเซียที่จะขายให้อิหร่านนั้นไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามหรือเป็นอันตรายต่อประเทศใดๆในตะวันออกกลางรวมทั้งอิสราเอลด้วย ต่อมาวันที่ 14 เม.ย.สำนักข่าว NRG ก็รายงานว่า อิสราเอลอาจจะเริ่มส่งอาวุธให้ยูเครนเพื่อเป็นการตอบโต้ที่รัสเซียตัดสินใจยกเลิกห้ามส่ง S-300 ให้อิหร่าน รายงานของ NRG บอกว่าตอนนี้รัฐบาลของอิสราเอลยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะส่งอาวุธให้ยูเครน (วอนซะแล้วไหมหละอิสราเอล... อยากจะมีส่วนร่วมในการค้าอาวุธสงครามในสนามรบยูเครนบ้างว่างั้นเถอะ ถอดแบบอเมริการเป๊ะเลย เจอปูตินของขึ้นเมื่อไหร่แล้วจะรู้สึก)
    ล่าสุดต่อกรณีนี้ พ่อไข่เยี่ยวม้าปากอมอีน (foot in mouth) (ขอยืมสำนวนสื่อฯรัสเซียที่ด่าโปโรเชนโก้มาใช้ซะหน่อย) ได้ออกมากล่าวทำนองเย้ยปูตินว่า "ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยว่า การสั่งห้ามระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ต่ออิหร่านนั้นจะยาวนานมาได้ถึงขนาดนี้ ซึ่ง (อันที่จริงแล้ว) มันไม่ได้ถูกห้ามจากการแซงชั่นการขายอาวุธป้องกันประเทศเหล่านี้เลย" นี่แหละที่เขาเรียกว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน
    ดีที่ไข่เยี่ยวม้าออกมาพูดอย่างนี้ รัสเซียจะได้ขาย S-300 ให้เยเมนเอาไว้สอยเครื่องบินรบจากกองกำลังผสมอาหรับที่นำโดยซาอุดิฯซะเลย รับรองว่าเครื่องบินรบเมดอินยูเอสเอที่ซาอุดิฯใช้บินมาถล่มเยเมนได้หล่นตุ๊บๆๆลงบนพื้นในเยเมนเป็นว่าเล่นแน่ๆ ก็ถือว่าสหรัฐฯไฟเขียวให้รัสเซียสามารถส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศให้และระบบป้องกันภัยอื่นๆให้กับเยเมนได้แล้วสินี่ ส่วนเรื่องราคาหรือการชำระเงินนั้นก็ค่อยไปว่ากันทีหลังเก็บระยะยาวก็ได้ ตอนนี้เอาของไปใช้ก่อนผ่อนทีหลังก็ยังไม่สาย
    ยัง… ไข่เยี่ยวม้ายังไม่หยุดแค่นั้น ยังมีเย้ยต่ออีกว่า "เมื่อผมพูดว่าผมไม่เซอร์ไพรส์ที่เห็นความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯแย่ลง และความจริงก็คือว่าเศรษฐกิจของพวกเขา [รัสเซีย] อยู่ภายใต้ความตึงเครียดและนี่คือการขายอย่างมีนัย"
    นั่นคือโวหารนักการเมือง แปลเป็นภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า ไข่เยี่ยวม้าบอกว่าเศรษฐกิจของรัสเซียแย่ (เพราะฝีมือของสหรัฐฯ) การขายอาวุธ S-300 ให้อิหร่านในครั้งนี้ก็เพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ คือหาเงินเข้าประเทศว่าอย่างนั้นเถอะ (ที่ชอบสื่อฯรัสเซียก็คือข่าวไหนที่เป็นลบต่อประเทสเขา เขาจะไม่แปลแบบถอดความอย่างนี้นะ พูดมาเท่าไรก็เขียนไปเท่านั้น ไม่เน้นว่างั้นเถอะ ต่างกันกับสื่อฯไทยบางสำนักที่ชอบเอาข่าวตะวันตกมาถล่มประเทศตัวเองมากเป็นพิเศษ สามัญสำนึกของความรักชาติมันต่างกันจริงๆ)
    เข้าเรื่องต่อดีกว่า... คราวนี้ มาดูตัวเลขการส่งออกอาวุธของแต่ละประเทศทั่วโลกกันบ้างว่าใครขายอาวุธมากที่สุดในโลก sipri ได้สรุปตัวเลขประเทศ 10 อันดับที่ส่งออกอาวุธมากที่สุดในช่วงปี 2010-2014 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ทั่วโลกดังนี้ สหรัฐฯส่งออกอาวุธ 31%, รัสเซีย 27%, จีน 5%, เยอรมัน 5%, ฝรั่งเศส 5%, อังกฤษ 4%, สเปน 3%, อิตาลี 3%, ยูเครน 3% และอิสราเอล 2% (ดูภาพประกอบ ส่วน Top 10 ของประเทศที่นำเข้าอาวุธนั้นให้ดูภาพที่แนบมาประกอบเอาเอง)
    พอรัสเซียจะขายอาวุธให้อิหร่านสรัฐฯบอกว่าเพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจของรัสเซีย แต่ในขณะที่ตัวเองครองแชมป์ส่งออกอาวุธทั่วโลกติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีนั้นมันไม่ใช่เรื่องเหตุผลทางเศรษฐกิจหรอกหรือ? แล้วที่สหรัฐฯกำลังคะยั้นคะยอจะขาย ขีปนาวุธ THADD ให้เกาหลีใต้นั่นหละ และสหรัฐฯพยายามผลักดันให้อียูเห็นด้วยในการส่งอาวุธร้ายแรงให้ยูเครนอีกนั่นหละ ก็เรื่องเงินทั้งนั้น ล่าสุดก็จะส่งออกโดรนทางทหารและดึงชาติในเอเซียให้มาร่วมทุนในโครงการพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นที่ห้า F-35 ของตนด้วยเพราะลำพังเงินทุนจากสหรัฐฯกับอียูนั้นดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอซะแล้ว นี่ด้วยเหตุผลอะไรหรือ? มีข่าวล่าสุดแพรมออกมาว่าตอนนี้สหรัฐฯกำลังซุ่มพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นที่ 6 เพื่อหนีรุ่นที่ห้าจากรัสเซียและจีนที่ดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าของสหรัฐฯซะแล้ว (อันนี้ฝั่งรัสเซียเขาเชียร์เองนะ) สำหรับเครื่องบินรบรุ่นที่6 ของสหรัฐฯนี้รู้สึกว่าจะชื่อ "F/A-XX fighters" ประมาณนี้แหละ รายละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากลิ้งค์ที่แนบมาอันสุดท้าย
    ส่วน S-300 ที่รัสเซียจะขายให้อิหร่านนั้นยังไม่แน่ชัดว่าเป็นรุ่นใด บางครั้ง sputnik news ก็ลงเป็น "S-300 PMU-1" บางครั้งก็ลงเป็น "S-300VM" เช็คจาก wiki แล้วตระกูล S-300 มี 3 สายใหญ่ๆด้วยกัน คือ S-300V, S-300P, S-300F หากดูตามภาพประกอบ ที่เป็นสีขาวนั้นสำหรับใช้ในรัสเซีย ส่วนที่เป็นสีเขียวนั้นสำหรับส่งออก ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะขายให้อิหร่านน่าจะเป็นรุ่น "S-300 PMU-1" มากกว่าเพราะว่าอยู่กลุ่ม P และเป็นสีเขียวด้วย แต่ก็ไม่แน่ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและปัจจัยอย่างอื่นอีกด้วย
    The Eyes
    18/04/2558
    -----------
    Obama Surprised Russian Ban on S-300 Missiles Sale to Iran ‘Held This Long’ / Sputnik International
    Israel May Send Arms to Ukraine if Russia Delivers S-300 to Iran – Reports / Sputnik International
    No Reasons to Keep Embargo on Providing Iran With S-300 Missiles - Putin / Sputnik International
    Iran Being Threatened by Israel, Has Right to Self-Defense – UK Politician / Sputnik International
    No Reasons to Keep Embargo on Providing Iran With S-300 Missiles - Putin / Sputnik International
    Russian S-300 Missile Sale to Iran May Violate US Sanctions - White House / Sputnik International
    Russian S-300 Missile Sale to Iran May Violate US Sanctions - White House / Sputnik International
    Israel May Send Arms to Ukraine if Russia Delivers S-300 to Iran – Reports / Sputnik International
    End of Top Gun? Navy Sees Future Not in F-35s, But in Unmanned Aircraft / Sputnik International
    http://rt.com/uk/250709-london-historic-hotel-fire/
    http://www.sipri.org/…/meas…/recent-trends-in-arms-transfers
    16 Mar. 2015: The United States leads upward trend in arms exports, Asian and Gulf states arms imports up, says SIPRI — www.sipri.org
    http://www.businessinsider.com/where-the-world-buys-its-wea…
    http://sinosphere.blogs.nytimes.com/…/china-becomes-world…/…
    S-300 (missile) - Wikipedia, the free encyclopedia
    US to Develop 6th Generation Fighters to Outrun Russian, Chinese Jets / Sputnik International
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯจะไม่สามารถอยู่รอดได้หากคิดจะเล่นสงครามนิวเคลียร์กับรัสเซีย

    [​IMG]

    --------------
    Jean-Paul Baquiast บรรณาธิการของ Europesolidaire สื่อฯฝรั่งเศสออกมาแสดงความคิดเห็นต่อข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดไปในโลกอินเตอร์เน็ทในต่างประเทศตอนนี้ที่ว่าสหรัฐฯอาจจะใช้แผนชิงโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนว่านั่นอาจจะหมายถึงจุดจบของประเทศสหรัฐอเมริกาเลยก็ได้
    ความกังวลนี้ได้เกิดขึ้นหลังจากที่นายพล Robin Rand ของสหรัฐฯเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยจู่โจมทั่วโลกในกองทัพอากาศของสหรัฐฯ มีการตั้งสมมุติฐานไปว่าเขาอาจจะเอาอย่างนายพล Curtis LeMay ชาวอเมริกันที่โด่งดังในปี 1949 ในการเตรียมแผนโจมตีสหภาพโซเวียตด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์
    Jean-Paul Baquiast บอกว่า [สหรัฐฯ] ไม่สามารถปราบรัสเซียได้ด้วยวิธีการเดิมๆอีกแล้ว กรุงวอชิงตันกำลังเตรียมตัวทำลายตัวเองด้วยกองกำลังติดอาวุธของตัวเอง ในสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธนี้พวกนักการเมืองสหรัฐฯอาจจะเลือกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อน Baquiast กล่าวว่า "โอกาสที่สหรัฐฯจะทำลายรัสเซียโดยไม่มีผลกระทบต่อตัวเองนั้นมีน้อยมาก"
    อย่างไรก็ตามแม้ว่ารัสเซียจะมีระบบต่อต้านขีปนาวุธรุ่น S-500 ที่ทรงประสิทธิภาพมากที่รัสเซียกำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้ อาจจะไม่สามารถปกป้องประเทศรัสเซียจาก ballistic missiles จำนวนมากที่ระดมยิงมาจากเรือดำน้ำของสหรัฐฯได้ ในทางกลับกัน รัสเซียก็จะระดมยิงขีปนาวุธ (ติดหัวรบนิวเคลียร์) จากเรือดำน้ำของตนแถวชายฝั่งสหรัฐฯได้เช่นกัน และถ้าอเมริกาวางแผนจะจัดโจมตีรัสเซียก็จะทำได้เฉพาะเป็นบางส่วนเท่านั้นเนื่องจากรัสเซียมีพื้นที่กว้างขวางขนาดใหญ่มาก ในขณะเดียวกันสหรัฐฯก็จะถูกถล่มเป็นจุลไปโดยสิ้นเชิงไปก่อนแล้ว
    ตอนนี้ดูเหมือนว่าฝั่งสหรัฐฯหรือตะวันตกจะเริ่มปล่อยข่าวสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียออกมาตามอินเตอร์เน็ทแล้ว คงจะเพื่อหยั่งเชิงดูฝั่งรัสเซียว่าจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างไรบ้าง แต่ฝ่ายที่ออกมาแสดงความคิดเห็นก่อนกลับไม่ใช่รัสเซีย ดันเป็นฝรั่งเศสซะนี่ คนที่ออกมาเตือนสหรัฐฯเกี่ยวกับแผนการดังกล่าวคือฝรั่งเศส แปลกแท้ พักหลังนี้อียูเริ่มเอียงมาทางรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว โดยเฉพาะฝรั่งเศสนี่แหละ แต่รัฐบาลของฝรั่งเศสไม่ออกหน้า เลือกที่จะปล่อยให้สื่อฯหรืออดีตนักการเมือง นักวิเคราะห์ออกมาพูดแทน
    สหรัฐฯเล่นเกมนี้หวังผลอะไรหรือเปล่า? เช่นต้องการปั่นราคาน้ำมัน ปั่นราคาหุ้น ทำให้ตลาดการเงินโลกมีความปั่นป่วน เนื่องจากนักลงทุนซื้อขายในตลาดหุ้นค่อนข้างจะอ่อนไหวต่อเรื่องพวกนี้มาก ถ้าเล่นโหมข่าวนี้หนักๆเข้ามันก็มีผลต่อตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบทั่วโลกได้เช่นกัน หรือว่าถ้าเป็นจริงตามข่าวลือนั้น ตกลงว่าอเมริกานี่ต้องการจะฆ่าคนให้ตายทั้งโลกเลยหรือไง? โดยเฉพาะประเทศใดๆที่ไม่ยอมก้มหัวให้ตัวเองหรือมีสถานะทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าอเมริกา อเมริกาก็จะถือว่าเขาเป็นศัตรูและเป็นภัยคุกคามต่อตัวเองไปหมด
    The Eyes
    18/04/2558
    ----------
    US Will Not Survive a Nuclear War Against Russia - Jean-Paul Baquiast / Sputnik International
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    จีนเตือนญี่ปุ่นลาดตระเวนทั้งทางน้ำและอากาศเพิ่มอันตรายต่อมาตรการรักษาความปลอดภัย

    [​IMG]

    --------------
    ไหนๆก็พาไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ขอต่อที่ข่าวญี่ปุ่นกับจีนอีกซักข่าวนะครับ ก่อนหน้านี้ หมายถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมาโดยเฉพาะในสมัยปัจจุบันนี้แหละ เรามักจะได้ยินได้ฟังข่าวอยู่บ่อยๆว่า จีนรุกร้ำญี่ปุ่น (พื้นที่พิพาท) จีนคุกคามเพื่อนบ้าน จีนก่อกวนหรือยั่วยุญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้และเวียตนาม ทั้งโดยเครื่องบินรบและเรือรบ เป็นต้น นั่นเป็นข่าวที่เราเสพจากสื่อฯตะวันตกและเครือข่ายของเขา ภาพที่เราได้เห็นอยู่ซ้ำแล้วซ้ำอีกจะกลายเป็นว่าจีนก้าวร้าว เป็นประเทศใหญ่แต่รังแกประเทศเล็ก ทั้งๆที่ในสมัยก่อนญี่ปุ่นและอังกฤษซึ่งเป็นประเทศเล็กๆนั่นแหละแต่กลับไปรุกรานจีนมาโดยตลอด พอจีนเริ่มพัฒนาด้านอาวุธ กองทัพ และเศรษฐกิจมากขึ้นกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกเทียบเท่าอเมริกาและยุโรป ฝ่ายอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกากลับบอกว่าจีนกำลังจะเป็นภัยคุกคามประเทศเหล่านั้นซะงั้น
    วันนี้มาแปลก หมายถึงจีนกับญี่ปุ่นนะ จีนออกมาต่อว่าญี่ปุ่นกำลังรุกรานจีนซะงั้น... อ้าว! มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? มีสิครับ ไม่มีจะเอามาเล่าให้ฟังได้รึ วันเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.58) สำนักข่าว RT ของรัสเซียลงข่าวว่า กรุงปักกิ่ง (Beijing) ได้ออกแถลงการณ์ว่า "พาหนะสอดแนมของญี่ปุ่นเป็นภัยคุกคามต่อเรือรบและเครื่องบินรบของจีน" อ้าว! เป็นไปได้ไงนี่ การออกมาต่อว่าญี่ปุ่นจากฝ่ายจีนนั้นเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่กรุงโตเกียว (Tokyo) ออกมาพูดว่าได้สั่งให้มีการเพิ่มเครื่องบินรบสอดแนมมากขึ้นเพื่อตอบโต้การรุกรานจากรัสเซียและจีน
    นั่นไง แต่ละฝ่ายล้วนแล้วแต่มีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้น ก่อนจะเล่าข่าวต่อมีตัวอย่างที่อยากยกให้ดูซักกรณีหนึ่งดังนี้ ประเทศ A กับประเทศ B อยู่คนละฟากทะเลกัน มีข้อพิพาทน่านน้ำในทะล ประเทศ A ส่งเรือรบและเครื่องบินไปสอดแนมในพื้นที่พิพาทระหว่างสองประเทศหรือใกล้พื้นที่พิพาทดังกล่าวเป็นครั้งคราว ประเทศ B ออกมาประท้วงว่าประเทศ A ว่ายั่วยุ รุกราน คุกคามต่อประเทศ B ต่อมาประเทศ B ก็ทำอย่างนั้นบ้างโดยส่งเครื่องบินรบและเรือรบของตนเข้าสู่พื้นที่พิพาทนั้นบ้าง และประเทศ A ก็ออกมาประท้วงประเทศ B อย่างที่ประเทศ B เคยประท้วงประเทศ A มาก่อน แต่คราวนี้ประเทศ B บอกว่าเพื่อป้องกันการรุกรานจากประเทศ A ซะงั้น โดยไม่มองว่าการกระทำของตัวเองก็เป็นการรุกรานหรือคุกคามประเทศ A เช่นกัน เนี่ย! ปัญหาระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในกรณีนี้มันก็เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยมา แต่ก็ยังดีที่ล่าสุด (หมายถึงก่อนหน้าที่จะมีข่าวนี้ออกมา) ทั้งจีนกับญี่ปุ่นก็เริ่มหันหน้ามาเจรจาเพื่อหาทางลดความขัดแย้งระหว่างกันลงให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าสหรัฐฯจะไม่ค่อยชอบใจท่าทีล่าสุดที่มีการเจรจาลดความขัดแยังของทั้งสองประเทศซักเท่าไรนัก (เคยเขียนข่าวให้อ่านแล้ว)
    มาต่อที่ข่าวกันต่อนะครับ... จีนได้ส่งแถลงการณ์ไปให้สำนักข่าวรอยเตอร์สมีเนื้อหาว่า "กรุงปักกิ่งได้จับตาและติดตามการลาดตระเวนทั้งทางเรือและทางอากาศของญี่ปุ่น (อย่างใกล้ชิด) เมื่อ1-2ปีที่ผ่านมานี้ เรือรบและเครื่องบินรบของญี่ปุ่นได้ติดตามเรือรบและเครื่องบินรบของจีนเป็นระยะเวลานาน และได้เข้าใกล้เรือรบและเครื่องบินรบของจีนด้วย [ซึ่งจีนมองว่านั่นเป็น] การคุกคามด้านความมั่นคงต่อฝั่งจีน พฤติกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยในทะเลและในอากาศระหว่างจีนกับญี่ปุ่น"
    ฝ่ายกองทัพอากาศของญี่ปุ่นกล่าวว่า ฝ่ายตนถูกบังคับให้ต้องเพิ่มจำนวนเครื่องบินขับไล่สอดแนม (ใครบังคับ?) เนื่องจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียบินเข้ามาทางทิศเหนือ และเครื่องบินรบจู่โจมของจีนได้รุกล้ำเข้าไปในน่านฟ้าทางตอนใต้ของญี่ปุ่น (ญี่ปุ่นบอกว่าจีนกับรัสเซียบุกรุกจึงต้องเพิ่มจำนวนเครื่องบินรบของตนซึ่งเป็นคนละประเด็นกับที่จีนกล่าวหาว่าญี่ปุ่นคุกคามความด้านความมั่นคงของจีน การเมืองระหว่างประเทศเขาก็เล่นกันอย่างนี้แหละ สรุปว่าญี่ปุ่นยอมรับหรือไม่ว่าตนเองกำลังคุกคามจีน? อันนี้ญี่ปุ่นก็ไม่บอกและไม่ปฏิเสธ ก็คล้ายกับกรณี AIIB นั่นแหละคือยังไม่เข้า และก็ยังไม่ปฏิเสธว่าจะไม่เข้าร่วมด้วย ให้ไปคิดเอาเอง)
    ญี่ปุ่นกล่าวหาจีนว่าจีนกำลังขยายความขัดแย้งให้ตึงเครียดขึ้นในบริเวณชายแดนในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีปฏิบัติการทางพาหนะของกองทัพใกล้กับหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาทต่อกันสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุปะทะกันได้ทุกเมื่อ
    เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของนายกฯ Shinzo Abe แห่งญี่ปุ่นได้อนุมัติงบประมาณด้านกลาโหมจำนวน 5 trillion yen ($42 billion) ประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท (1USD = 32.5บาท) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายนนี้ การเพิ่มงบประมาณทางกองทัพของญี่ปุ่นจำนวนมหาศาลดังกล่าวยังรวมถึงการย้ายฐานทัพของสหรัฐฯที่ตั้งอยู่บนเกาะโอกินาวา (Okinawa) ของญี่ปุ่นด้วย นอกจากนี้แล้วนายกฯ Shinzo Abe ยังได้ยกเลิกการสั่งห้ามไม่ให้ทหารญี่ปุ่นออกไปสู้รบในต่างประเทศอีกด้วย เช่นเดียวกันกับการผ่อนคลายมาตรการห้ามส่งออกอาวุธด้วย ตอนแรกหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองแล้วสหรัฐฯก็ออกกฎห้ามไม่ให้ญี่ปุ่นส่งกองทัพของตนออกปฏิบัติการสู้รบนอกประเทศ ต่อมาพออียูเริ่มตีตัวออกห่างจากสหรัฐฯ อเมริกาต้องการกองหนุนและพันธมิตรเพิ่มขึ้น อีกนัยหนึ่งก็เพื่อคานอำนาจของจีนและรัสเซียไว้ คราวนี้อเมริกาไฟเขียวให้ญี่ปุ่นติดตั้งอาวุธหนักและส่งกองทัพไปสู้รบต่างถิ่นได้
    นักวิเคราะห์ฝั่งจีนก็ออกมาเตือนญี่ปุ่นว่าระวังประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ถ้าญี่ปุ่นไปลุยตะวันออกกลางร่วมกับสหรัฐฯ อาจจะมีไอซิสมาโผล่ในญี่ปุ่นก็ได้ โดยเฉพาะในวันที่สหรัฐฯมีความรู้สึกว่าญี่ปุ่นเริ่มกระด้างกระเดื่องต่อสหรัฐฯเช่นหันมาร่วมมือกับจีนในการก่อตั้งธนาคาร AIIB หรือในภาวะที่อเมริกาต้องการจะเบี้ยวหนี้จีนกับญี่ปุ่นขึ้นมาดื้อๆ ก็จะหลอกให้ญี่ปุ่นไปสู้กับพวกอาหรับแทน แล้วอเมริกาเชียร์อยู่ข้างหลัง พอเกิดปัญหาขึ้นมาก็ปล่อยให้เป็นความขัดแย้งระหว่างอาหรับในตะวันออกกลางกับญี่ปุ่น ก็อย่างที่สหรัฐฯกำลังใช้เกมนี้ในเยเมนระหว่างซาอุดิฯกับเยเมนและอิหร่านอยู่ในตอนนี้อย่างไรเล่า ในกรณีนี้นอกจากตะวันออกกลางแล้ว ความเป็นไปได้มากที่สุดที่ญี่ปุ่นจะสร้างศัตรูเพิ่มให้ตัวเองก็คือจีนนี่แหละ เพราะยังมีหนี้เก่าที่ยังไม่ได้ชำระอยู่ นี่น่าจะเป็นแผนของสหรัฐฯอีกหละ
    มาดูฝั่งจีนบ้าง เมื่อญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณด้านกองทัพได้ ($42 billion) จีนก็เพิ่มได้เช่นกัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจีนประกาศว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านกองทัพขึ้นอีก 10% ภายในปีนี้คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ $145 billion (ประมาณ 4.7 ล้านล้านบาท) ญี่ปุ่นเพิ่ม 42,000 ล้านเหรียญฯ แต่จีนเกทับเป็น 145,000 ล้านเหรียญฯ ประมาณ 3.4 เท่าของญี่ปุ่น มันก็ต่างกันมากอยู่นาาาา...
    บางคนบอกว่าญี่ปุ่นนั้นก็เหมือนเสือที่ตายแล้ว เพราะโดนอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ตั้งสองลูกในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองและถูกหักขาหักแขนด้านอาวุธจึงไม่น่ากลัว อ่านข่าวนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าพวกโลกสวยยังจะคิดอย่างนั้นอยู่อีกหรือเปล่านะ เสือที่ตายแล้วกำลังจะได้รับการชุบชีวิตฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ และได้รับการต่อแขนต่อขาจากผู้ที่หักแขนหักขาซะเองนั่นแหละ เขี้ยวเสือกำลังจะงอกออกมาเรื่อยๆ คราวนี้ผู้ที่จะกำราบเสือตัวนี้คงจะไม่ใช่อินทรีย์แล้วหละแต่จะเป็นพญามังกรแทน
    The Eyes
    18/04/2558
    ----------
    http://rt.com/n…/250565-china-japan-surveillance-complaints/
    http://rt.com/n…/222407-japan-unprecedented-military-budget/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช เยอรมันนีกดดันญี่ปุ่นให้เข้าร่วมกับธนาคาร AIIB

    [​IMG]

    --------------
    เกมฆ่าดอลล่าร์ลดอิทธิพลของจักรวรรดิอเมริกาเริ่มจะมันขึ้นมาอีกรอบแล้ว ตอนนี้มีประเทศต่างๆทั้่งในเอเซียและนอกเอเซียต่างก็เข้าร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเอเซีย (AIIB) ที่นำโดยจีนแล้วทั้งสิ้น 57 ประเทศด้วยกัน วันนี้จีนประกาศรายชื่อสมาชิกระดับ Prospective Founding Member (PFM) ในภูมิภาคมีจำนวน 37 ประเทศ (ไทยและอิสราเอลก็รวมอยู่ด้วย) ส่วนนอกภูมิภาคมี 20 ประเทศ (ดูรายชื่อทั้งหมดได้จากลิ้งค์ที่ให้ไว้ข้างล่าง) ฮังการีและไต้หวันมีสถานะเป็นสมาชิกทั่วไป (มีสิทธิ์น้อยกว่าสมาชิกระดับผู้ร่วมก่อตั้ง)
    ล่าสุดมีข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่กำลังยึกยักๆว่าจะเข้าร่วมกับ AIIB ด้วยหรือไม่เนื่องจากถูกสหรัฐฯกดดันอย่างหนัก ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเสียโอกาสทอง ใจหนึ่งก็เกรงอิทธิของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาสำนักข่าว Jiji Press ของญี่ปุ่นได้เปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวภายในรัฐบาลของญี่ปุ่นว่า Angela Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมันได้โทรศัพท์ถึงนาย Shinzo Abe นายกฯของญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมาเพื่อชักชวนให้เข้าร่วมในธนาคาร AIIB ร่วมกับจีน รัสเซีย เยอรมันนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และประเทศอื่นๆอีก 57 ประเทศด้วยกัน แต่ข่าวนี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผยจากรัฐบาลญี่ปุ่นจนถึงวันพุธที่ผ่านมานี่เอง
    แต่ญี่ปุ่นก็ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่าจะเข้าร่วมใน AIIB ด้วยหรือไม่และก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก็ประมาณว่าขอดูไปก่อน ที่บอกว่าดูไปก่อนนี่คงไม่ใช่ดู AIIB หรอกนะ แต่คงจะหมายถึงดูท่าทีของสหรัฐฯมากกว่า เพราะนั่นจะหมายถึงการรวมพลังที่ยิ่งใหญ่ทั้งเอเซียและอียูเบียดรัศมีของสหรัฐฯทันที อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าการถ่วงดุลอำนาจกันอย่างแท้จริง
    ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม BRICS (Brazil, Russia, India, China และ South Africa) นั้น ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Anton Siluanov รมว.คลังของรัสเซียออกมากล่าวว่าจะต้องมีการจัดตั้งธนาคาร BRICS ขึ้นมาให้ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยคำพูดบางส่วนของ Anton Siluanov มีว่า "พวกเรา [คณะรัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิก BRICS] ได้ข้อตกลงร่วมกันในการก่อตั้ง BRICS bank แล้ว การประชุมสุดยอดผู้นำสมาชิก BRICS จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-10 กรกฎาคมนี้ ตัวธนาคารเองจะเปิดดำเนินการก่อนหน้านั้น" BRICS นี่ไม่ใช่คู่แข่งของ AIIB แต่เป็นพันธมิตรกัน เช่นเดียวกับที่ IMF, World Bank และ ADB เป็นพันธมิตรกัน แต่ BRICS และ AIIB นี่ฝั่งอเมริกามองว่าเป็นคู่แข่งของ 3 ธนาคารดังที่กล่าวมาซึ่งนำโดยสหรัฐฯ
    ก็ภายใต้แนวความคิดแบบประชาธิปไตยและเสรีภาพ เมื่อกลุ่มประเทศต่างๆคิดจะรวมตัวกันจัดตั้งธนาคารขนาดใหญ่ขึ้นมาบ้างโดยไม่ให้สหรัฐฯเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แล้วทำไมสหรัฐฯถึงออกมาคัดค้านจะเป็นจะตายให้ได้ด้วยหละ สำหรับอียูที่ก่อนหน้านี้เป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของสหรัฐฯนั้น ตอนนี้ก็เริ่มจะตีตัวออกห่างเรื่อยๆ และหันมาร่วมมือกับจีนแล้ว ก็ไม่เห็นว่าประเทศมหาอำนาจประเทศไหนในยุโรปบอกว่าจีนน่ากลัวซะหน่อย ประเทศต่างๆทั่วโลกส่วนมากแม้กระทั่งสหรัฐฯเองต่างก็อยากจะเข้าร่วมหุ้นในธนาคาร AIIB นี้กับจีนด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่จีนเมินสหรัฐฯเท่านั้นเอง ก็เมื่อเสียงส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยกับจีนแล้วสหรัฐฯยังจะคัดค้านประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่อยู่อีกหรือ ก็แปลกดีนะ
    The Eyes
    17/04/2558
    ----------
    Berlin to Tokyo: Merkel Presses Japan to Join China-Led AIIB / Sputnik International
    http://en.wikipedia.org/…/Asian_Infrastructure_Investment_B…
    APEC members agree on connectivity blueprint
    BRICS Bank Must Be Launched Before July 9, Russian Finance Minister Says / Sputnik International
    BRICS - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    วิกิลีกส์โชว์หลักฐานโซนี่กับทำเนียบขาวมีความสัมพันธ์กันกรณีแฮ็กดิอินเตอร์วิว

    [​IMG]

    --------------
    เว็บไซต์ "WikiLeaks" กลุ่มต่อต้านเรื่องลับๆ (anti-secrecy group) หรือกลุ่มแฉความลับ (Secret-spilling group) (อันนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับเพจดังแห่งหนึ่งของไทยนะครับ แม้ว่าพอแปลเป็นไทยแล้วจะฟังดูคล้ายๆกันบ้างหรือรูปแบบและเนื้อในการนำเสนอข่าวอาจจะคล้ายกันในบางส่วนซึ่งรวมทั้งเพจนี้ "ปอกเปลือก ทรราช" ด้วย แต่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่ม WikiLeaks ของต่างประเทศหรอกนะ) ได้นำเอาข้อมูลอีเมลและเอกสารต่างๆของบริษัทโซนีพิกเจอร์ส (Sony Pictures Entertainment) ออกมาเผยแพร่ ที่เมื่อปลายปีที่แล้วออกมาโวยวายว่าถูกแฮ็กข้อมูลอีเมล์ภายในองค์กรของตัวเองโดยกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เรียกต้องเองว่า "Guardians of Peace" จนเป็นข่าวดังคึกโคมไปทั่วโลกแล้วสหรัฐฯก็ออกมาบอกว่าเป็นฝีมีของเกาหลีเหนือ อ้างคำพูดของเอฟบีไอว่ามีการเชื่อมโยงไปถึงเกาหลีเหนือซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ในจีน ว่าไปโน่น เล่นเกาหลีเหนือยังไม่พอชิ่งไปถึงจีนอีก ซึ่งไม่เคยนำหลักฐานใดๆออกมาพิสูจน์คำพูดที่ว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือเลย
    ทางเกาหลีเหนือก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว นักวิเคราะห์หลายฝ่ายโดยเฉพาะรัสเซียมองว่านั่นอาจจะเป็น "inside job" ของสหรัฐฯเองก็ได้ เพจนี้ก็เคยวิเคราะห์ให้ฟังแล้วว่า เกาหลีเหนือหรือจะมีปัญญามีเครื่องไม้เครื่องมือไปเจาะระบบของสหรัฐฯได้ขนาดนั้น ผู้ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการเจาะข้อมูลองค์กรต่างๆทั่วโลกก็มีแต่หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯเท่านั้น ไม่มีหลักฐานใดชี้ชัดได้ 100% ว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือ แต่มีการตั้งสมมุติฐานและสร้างเรื่องปั้นข่าวขึ้นมาจากฝ่ายสหรัฐฯเองทั้งนั้น เพื่อหาเรื่องทำลายความน่าเชื่อถือของเกาหลีเหนือ และเพื่อสร้างภาพให้เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่น่ากลัวต่อชาวโลกด้วย แต่คนส่วนมากก็ยังหลงเชื่อสื่อฯของตะวันตกอยู่ดี เพราะได้รับอิทธิพลจากการเสพสื่อฯและภาพยนตร์ของตะวันตกมาช้านานอย่างไม่รู้เท่าทันที่ชอบสร้างภาพให้ตัวเองเป็นฮีโร่และขยันสร้างภาพให้ประเทศคู่แข่งเป็นผู้ร้ายอยู่บ่อยๆ
    เมื่อวันพฤหบดีที่ผ่านมา (16 เม.ย.58) กลุ่มวิกิลีกส์ได้เผยแพร่เอกสารจำนวน 30,287 ไฟล์ อีเมล์จำนวน 173,132 ฉบับลงในเว็บไซต์ของตนทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ โดยตอนแรกที่ลงไปนั้นข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถใช้ฟังค์ชั่นค้นหาข้อมูลตามที่ต้องการได้ และหายไปจากอินเตอร์เน็ทในเวลาไม่นานไม่ทันที่สาธารณชนและสื่อฯทั่วไปจะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว คราวนี้ทางวิกิลีกส์บอกว่าเอามาลงใหม่และสามารถค้นหาได้แล้ว แต่พอผู้เขียนทดลองเข้าดูพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวถูกบล็อกไปซะแล้ว เข้าได้บ้างไม่ได้บ้าง แม้จะมีserverสำรองอยู่หลายแห่งในต่างประเทศดูเหมือนว่าจะถูกบล็อกเหมือนกัน น่าแปลกจังใครนะที่ไม่อยากให้ข้อมูลเหล่านั้นเปิดเผยต่อสาธารณชน
    ไฟล์ที่วิกิลีกส์นำมาแสดงครั้งใหม่นี้มีอีเมล์แอ็ดเดรสของรัฐบาลรวมอยู่ด้วยเกือบ 100 แอ็ดเดรสและชี้ให้เห็นว่ามีความเกี่ยวโยงกันระหว่างโซนีกับทำเนียบขาวซะด้วย Julian Assange ผู้ก่อตั้งวิกิลิกส์กล่าวว่า "ข้อมูลชุดนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นการทำงานภายในของบริษัทข้ามชาติที่ทรงอิทธิพล มันน่าจะมีเงื่อนงำที่น่าเป็นข่าวและเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทางการเมืองเชิงภูมิภาค (geo-political conflict) (ตอนนี้) มันอยู่ในโดเมนสาธารณะแล้ว วิกิลิกส์ทำให้มันยังอยู่ที่นั่นต่อไป"
    เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2556 วิกิลิกส์ได้เผยแพร่ความลับบางส่วนของ Trans-Pacific Partnership (TPP) กลุ่มวิกิลิกส์กล่าวว่าเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมภายในรวมถึงการหารือถึงผลกระทบกับ Michael Froman ผู้แทนด้านการค้าของสหรัฐฯด้วย
    จากข้อมูลที่วิกิลิกส์นำมาเผยแพร่นั้นพบว่า Michael Lynton CEO ของโซนีพิกเจอร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (SPE) เป็นคณะกรรมการของบริษัท RAND Corporation ซึ่งเป็นองค์กรพิเศษทำงานเกี่ยวกับการวิจัยและการพัฒนาให้กับกองทัพและภาคข่าวกรองของสหรัฐอีกด้วย
    ก็ RAND นี่แหละที่เรียกร้องให้โซนี่ติดต่อกับ NSA และก.ต่างประเทศของสหรัฐฯเกี่ยวกับความกังวลของโซนี่ช่วงที่เกาหลีเหนือออกมาประท้วงเนื้อหาในหนังดิอินเตอร์วิวก่อนที่จะมีการแฮ็กข้อมูลของโซนี วิกิลีกซ์กล่าว่า "ด้วยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันและซับซ้อนระหว่างกองทัพและอุตสาหกรรมนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าโซนี่วิ่งเข้าหา RAND เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับหนังเรื่องดิอินเตอร์วิวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ RAND ก็ส่งนักวิเคราะห์พิเศษด้านเกาหลีเหนือไปให้ (โซนี่) และแนะนำโซนีให้วิ่งไปหาก.ต่างประเทศและ NSA ของสหรัฐฯ เกี่ยวกัับคำตำหนิของเกาหลีเหนือที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เอกสารของโซนียังแสดงให้เห็นอีกว่าโซนีเป็นเจ้าของโบร์ชัวร์สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในระบบคลาวด์ (cloud) ทางออนไลน์ที่ประเมินโดย NSA อีกด้วยซึ่งเรียกว่าบูรณภาพ (Inegrity)"
    ไม่นานนักหลังจากปฏิบัติการแฮ็กบริษัทโซนีฯ ทางเกาหลีเหนือก็ได้กลายเป็นเหยื่อของการบิดเบือนข่าวที่แพร่ไปทั่วอินเตอร์เน็ท บางคนตั้งข้อสงสัยว่าสหรัฐฯอาจจะอยู่เบื้องหลังของการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อเป็นการการตอบโต้การแฮ็กข้อมูลก็ได้ (ตามรายงานข่าวจาก sputnik news)
    เกี่ยวกับการคาดการณ์และตั้งข้อสงสัยนี้ ทางก.ต่างประเทศของสหรัฐฯส่ง Marie Harf โฆษกคนสวยออกมาพูดว่า ฝ่ายบริหารกำลังพิจารณาถึงขอบเขตทางเลือกในการตอบโต้ และในมาตรการตอบโต้เหล่านั้น Harf บอกว่า "บางอย่างอาจะสามารถมองเห็นได้ (ถูกเปิดเผย) บางอย่างอาจจะไม่" นั่นแหละพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ
    มาถึงตอนนี้ก็ใกล้จะถึงบท "โอละพ่อ! โอละแม่!" อีกแล้วสินี่ เรื่องปั้นข่าวลวงโลกใส่ร้ายคนอื่นนี่ใครเลยจะเหนือชั้นไปกว่า... ไม่มีอีกแล้ว ดูกันต่อไป เรื่องแบบนี้ยังจะมีโผล่ออกมาให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ
    The Eyes
    17/04/2558
    ----------
    WikiLeaks: Sony Sought NSA Intervention Ahead of ‘The Interview’ Hack / Sputnik International
    WikiLeaks releases 'The Sony Archives' showing corporation's ties to White House — RT USA
    Security firm says Sony hack might have been an inside job — RT USA
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... "อดีตทูตอเมริกาใน UN : บอกว่าอิสราเอลกำลังเร่งตัดสินใจโจมตีโรงนิวเคลียร์อิหร่าน เร็ววันนี้"

    [​IMG]
    .
    ... นาย John Bolton อดีตทูตอเมริกาใน UN ได้บอกว่า ทาง "อิสราเอล" กำลังตัดสินใจเร่งการโจมตี "อิหร่าน" หลังจากได้ทราบข่าว ( แบบไม่พอใจอย่างมาก ) ว่าทาง "รัสเซีย" ได้ยอมขายระบบป้องกันจรวจ S-300 แก่อิหร่านไปเมื่อวันจันทร์ 13 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่รัสเซียกับอเมริกาจะทะเลาะกันเรื่องยูเครน รัสเซียก็ทำตามการขอร้องของอเมริกาในการแซงชั่นอิหร่าน ไม่ส่งอาวุธไฮเทคไปให้อิหร่าน แต่พอทั้งคู่่ทะเลาะกัน รัสเซียก็ส่งอาวุธไปให้ อิหร่านทันที
    ... ตอนนี้ ทางโอบาม่าและเดโมแครทกำลังเร่งเจรจากับทางอิหร่านแบบ "ไม้นวม" บนโต๊ะเจรจาเมื่อเมษายนที่ผ่านมาที่ประกอบด้วยกลุ่มประเทศ P5+1 ที่ประกอบด้วย US, Britain, France, Russia, China และ Germany ที่ทาง John Bolton บอกว่าแม้กระทั่งทาง อิสราเอล อิหร่าน หรือแม้แต่พวกนาย โอบาม่าเองก็ไม่เชื่อมั่นในการเจราจานั้น ( เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายเดโมแครทและโอบาม่า )
    ... นาย John Bolton นั้นเห็นด้วยกันการใช้กำลัง "ไม้แข็ง" แบบที่นาย เนทันยาฮู ออกมาโน้มน้าวจิตใจผู้แทนอเมริกาเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยบอกว่าการเจรจานั้นไร้ผล ทำอะไรอิหร่านไม่ได้ และหลังจาก เนทันยาฮูกลับไป โอบาม่าก็กลับไปเน้นการเจรจาอีกเหมือนเดิม และมีแน้วโน้มว่าการเจรจาจะสำเร็จลุล่วงใน "สิ้นเดือนมิถุนายน 2015" นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ "สายเหยี่ยว" อย่าง "รีพับรีกัน" และ เนทันยาฮู ของอิสราเอล รับไม่ได้ จึงต้องการที่จะเปิดสงครามให้ได้ก่อนหน้านั้น
    ... คือนาย John Bolton นั้นเป็นสมาชิกแถวหน้าของกลุ่ม "neo-cons" หรือ Neoconservatism ที่เป็นพวก รีพับรีกัน ที่ตั้งมาสมัยสงครามเย็นช่วง 1960s เพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์สมัยสตาลินของโซเวียตรัสเซีย แต่มารุ่งเรืองมากๆก็สมัยของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่มีอิทธิพลมากขนาดที่โน้มน้าวให้ บุชปีศาจน้อยไปโจมตีอิรักในปี 2003 แบบสิ้นซากไม่เหลือใย แบบที่ต่างจากสมัยบุชปีศาจตัวพ่อลิบลับ
    ... ส่วนคนอื่นๆที่สำคัญของกลุ่ม "neo-cons" เช่นมีนาย Dick Cheney, Donald Rumsfeld, Paul Wolfowitz, John Bolton, Elliott Abrams, Richard Perle, และ Paul Bremer. กลุ่มนี้มี "คนยิว" ในอเมริกา เป็นนักคิดช่วงแรกๆ และได้ตีพิมพ์เผยแพร่บทความของกลุ่มออกสู่สาธารณะมากมาย และบอกว่าได้แนวคิดจากนาย Leo Strauss อาจารย์ชาวยิวที่เกิดในเยอรมัน ที่ตอนหลังมาสอนในมหาวิทยาลัย ชิคาโก้ แต่นักวิชาการบางคนก็บอกว่า พวกนี้แอบอ้างทฤษฎีของ Leo Strauss มากกว่า เพราะ Leo Strauss เองก็คิดคนละอย่าง
    ... สรุปสั้นๆว่า พวก "neo-cons" ที่มีชาวยิวในอเมริกาชักใยอยู่เบื้องหลังกำลังจะเร่งบีบโอบาม่าให้ทำสงครามกับอิหร่าน พยายามเป็น "รัฐบาลเงา" ของอเมริกา หลังจากที่พรรครีพับรีกันครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา โดยร่วมมือกับรัฐบาลของอิสราเอล เร่งปิดบัญชีอิหร่านให้เร็วที่สุด
    ... "ในอดีต" อิสราเอลเคยทิ้งระเบิดทำลาย โรงนิวเคลียร์ทั้งใน อิรัก และ อิหร่าน มาแล้ว
    ... ในอดีต ช่วงที่อิรักและอิหร่าน ทำสงครามกันแปดปีนั้น ( 1980 - 1988 ) อเมริกานั้นดูเหมือนนเป็นกลางแต่จริงๆแอบหนุนอิรักทั้งให้เงินกู้ ขายอาวุธ ทำอาวุธเคมีให้ อิรักฆ่าคนอิหร่าน ส่วนอิสราเอลนั้น หนุนอิหร่าน คือแอบยุถือหางกันคนละข้างให้ดูเนียนตา และช่วงที่สงครามอิรักอิหร่านเพิ่งจะเริ่มเมื่อปี 1980 นั้น อิสราเอลก็ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดโรงนิวเคลียร์ของอิหร่านทันทีเลยเมื่อ 30 กันยายน 1980 แต่ยังดีที่ไม่โดนตัวโรงนิวเคลียร์โดนแค่ห้องควบคุม ห้องวิจัย ห้องเย็น เพราะไม่งั้นอาจจะเกิดการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีได้
    ... แต่ในปีถัดมา 7 มิถุนายน1981 อาศัยช่วงที่อิรักติดสงครามนัวเนียกับอิหร่านอยู่ อิสราเอลก็ไปโจมตีโรงนิวเคลียร์ของ อิรัก ในปฎิบัติการ Operation Opera โรงงานอิรักที่ฝรั่งเศสมาช่วยสร้างในปี 1976 นั้นอิสราเอลถือว่าเป็นภัยคุกคามของตน นั้นยังไม่แล้วเสร็จดี จึงถูกระเบิดพังทลายเสีบราบคาบ ทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของแบกแดด ( แต่ตอนนี้ทั่วโลกรู้แล้วว่า อิสราเอล มีอาวุธนิวเคลียร์ระดับสูงในย่านนี้ ดังนั้นอิหร่านก็ต้องการมีไว้เพื่อปกป้องตัวเองเหมือนกัน แม้จะยังไม่ถึงขั้น ตุรกีเคยบอกไว้ว่า คนกลางนี่แหล่ะน่าเห็นใจเพราะไม่มีอาวุธแต่เพื่อนบ้านทั้ง อิสราเอล อิหร่าน แอบมีและเริ่มอาวุธนิวเคลียร์กันหมด )
    ... ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราอาจจะได้เห็นสงครามระหว่าง อิสราเอล กับ อิหร่าน ราวก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
    .
    http://www.presstv.ir/…/Bolton-Israel-speeds-up-Iran-war-pl…
    http://www.presstv.ir/…/…/Neocons-to-savage-Obama-over-Ndeal
    Neoconservatism - Wikipedia, the free encyclopedia
    Operation Opera - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied
    ทั้งๆที่รัฐบาลสหรัฐอ้างว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว แต่ในความเป็นจริงกับตรวกันข้าม เพราะตอนนี้มีการเผยแพร่ คลิ๊ปการฝึกทางทหาร ในหลายๆรัฐทั่วสหรัฐ ไม่รู้เอาไว้รับมือใครนะครับ หรืออเมริกากำลังถูกฝ่ายตรงข้าม แทรกซึมเข้าไปในหลายๆเมือง หรือเตรียมรับมือกับหายนะทางเศรษฐกิจ ก็ไม่ทราบนะครับ เพราะเวลานี้แต่ละเหตุการณ์ สามารถคาดการณ์ได้ว่า เกิดแน่ๆ แต่ยากที่จะระบุวันเท่านั้นเอง

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/ZihgUF25XKI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
    https://www.youtube.com/watch?v=ZihgUF25XKI&sns=fb
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    4. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
    ทำไมนักฟิสิกซ์ของCERNถึงต้องใช้เรื่องเร่งให้อนุภาคโปรตอนที่อยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกันให้ชนกันที่ความเร็วสูงเกือบเท่าแสง? เมื่อเกิดการชนกันของอนุภาคโปรตอน พวกเขาคาดว่าจะได้พบอนุภาคที่มีขนาดเล็กลงไปอีกเกิดขึ้น ในปี 2012 CERNสร้างความตื่นเต้นให้วงการวิทยาศาสตร์เมื่อออกมาแถลงถึงการมีอยู่ของอนุภาค "ฮิกส์-โบซอน" บางคนเรียกอนุภาคนี้ว่าอนุภาคพระเจ้า (God particle) หมายความว่านักฟิสิกซ์ได้เดินทางมาถึงอนุภาคแรกเริ่มที่ประเจ้าใช้ในการสร้างจักรวาล
    หลังจากนั้นเครื่องเร่งอนุภาค"แอลเอชซี" ถูกปิดดำเนินการ2ปีเพื่อเพื่มสมรรถภาพการยิงอนุภาคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจาก8 ล้านล้านอิเล็กตรอนโวลต์ เป็น13ล้านล้านอิเล็กตรอนโวลต์ และเพิ่งจะเปิดดำเนินการใช้ใหม่เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมานี่เอง บางคนอธิบายว่าการยิงอนุภาคโปรตอน ซึ่งเป็นหนึ่งใน3อนุภาคของอะตอม คือโปรตอน นิวตรอนและอิเลคตรอน ต้องการความแม่นเหมือนกับการยิงเข็มที่อยู่ห่างกันหลายล้านไมล์ให้มาชนกันพอดี
    เป้าหมายใหม่ของแอลเอชซี ก็คือ การพิสูจน์ทฤษฎี "ซุปเปอร์ซิมเมตทรี" (Supersymmetry) หรือทฤษฎีสมมาตรยิ่งยวด ที่เชื่อว่า อนุภาคทุกอนุภาคต้องมี "คู่" หรือantimatter เปรียบเหมือนเงามืดที่ไปคู่กัน "คู่" ของอนุภาคของสสารที่สำคัญตามทฤษฎีซุปเปอร์ซิมเมตทรีนี้ก็คือ "สสารมืด" (dark matter) ที่มองไม่เห็นแต่มีอยู่มากมายในจักรวาลคิดเป็น26.8% เปอร์เซ็นต์ของสสารทั้งหมด นักฟิสิกซ์เชื่อว่าสะสารมืดมีอยู่จริง แม้ว่าจะมองไม่เห็นโดยใช้การนิรนัยการมีอยู่และคุณลักษณะของสะสารมืดจากผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของสะสารมืดต่อสะสารที่มองเห็นหรือดวงดาว ต่อการเดินทางของแสงและโครงสร้างที่ใหญ่โตมหาศาลของจักรวาล
    โดยสรุปแล้วสะสารในจักรวาลทั้งหมดประกอบด้วยสะสารที่มองเห็น4.9% (ordinary matter) สะสารที่มองไม่เห็น 26.8% (dark matter) และพลังงานมืด 68.3% (dark energy)
    เป้าหมายหลักของเครื่องเร่งอนุภาคของแอลเอชซี คือให้อนุภาคโปรตอนชนกันด้วยความเร็วสูงเกือบเท่าแสง และด้วยพลังงานมหาศาลเพื่อที่จะสร้างแบบจำลองของบิ๊กแบง หรือส่วนในพันล้านของพันล้านส่วนของวินาทีหลังจากที่จักรวาลถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นการย้อนเวลาในอดีตนั้นเอง
    thanong
    18/4/2015
    การกลับมาของ"แอลเอชซี" กับการค้นหา"สสารมืด" : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    Dark matter - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    5. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
    เดโมกรีตุส นักปรัชญาชาวกรีก (ก่อนคศ. 460 - ก่อนคศ.370) ถือว่าเป็นคนแรกของโลกตะวันตกที่ค้นพบอตอม โดยที่เขาตั้งข้อเกตุว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถที่จะแบ่งแยกซอยย่อยเป็นชิ้นส่วนที่เล็กลงไปได้ แต่ในที่สุดจะมาถึงจุดที่เราไม่สามารถแบ่งแยกสิ่งนั้นไปได้อีก เรียกว่าอตอม หรือแปลว่าสิ่งที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ มองด้วยสายตาไม่เห็น
    อตอมจึงเป็นมวลที่เล็กที่สุดที่ประกอบตัวกันเป็นสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ที่น่าสนใจเดโมกรีตุชเชื่อว่าอตอมเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่อยู่นิ่ง
    ต่อมานักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าที่บอกว่าอตอมเล็กจริงๆแล้ว ยังไม่เล็กจริง เพราะว่าอตอมประกอบด้วยนิวเคลียสและอิเลคตรอนหนึ่งหน่วยหรือมากกว่าที่หมุนรอบนิวเคลียส
    ของแข็ง ของเหลว ก๊าซและพลาสม่าต่างก็มีอตอมที่มีประจุไฟฟ้าเป็นกลางเป็นบวกหรือเป็นลบ ในนิวเคลียสยังประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอน ซึ่งเป็นมวลที่มีปริมาณ99.94%ของอตอม
    โปรตอนมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก ส่วนอีเลคตรอนมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ ส่วนนิวตรอนไม่มีคุณสมบัติประจุไฟฟ้า ถ้าหากว่าจำนวนของโปรตรอนและอีเลคตรอนมีเท่ากัน อตอมจะมีคุณสมบัติเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า
    อตอมจะมีประจุไฟฟ้าบวกหรือลบขึ้นอยู่กับว่าจะมีอีเลคตรอนมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับโปรตรอน สภาพที่มีประจุไฟฟ้าที่เป็นบวกหรือลบนี้เราเรียกว่าอีออน อีเลคตรอนถูกดูดเข้าหาโปรตรอนในนิวเคลียสให้อยู่ด้วยกันได้โดยแรงของคลื่นไฟฟ้า
    ต่อมานักฟิสิกซ์ค้นพบว่าที่เชื่อกันว่าโปรตรอนหรือนิวตรอนเล็กแล้ว ยังไม่เล็กจริง คว๊าค (quark)เป็นอนุภาคพื้นฐานที่รวมตันกันเป็นสะสาร คว๊าคหลายหน่วยรวมตัวกันเรียกว่าฮาดรอน (hadrons) สภาวะที่เสถียรที่สุดของฮาดรอนคือโปรตรอนและนิวตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของอตอมนิวเคลียส
    จะสังเกตุเห็นคว๊าคโดดๆไม่ได้ เพราะว่าจะคว๊าคในรูปของฮาดรอน คว๊าคมีคุณลักษณะหลายประการเช่นมีประจุไฟฟ้า มีมวล มีสีและหมุนได้
    อย่างไรก็ตาม นักฟิสิกซ์ที่CERNอยากรู้อยากเห็นเพิ่มเติมต่อไปว่า อนุภาคที่เล็กๆๆที่สุดที่ไปไกลกว่าคว๊าค หรือซัปอตอมิกส์ทั้งหลายคืออะไร จึงได้สร้างเครื่องเร่งอนุภาคขึ้นมาตั้งแต่ปี2008 จุดประสงค์คือเพื่อการยิงแสงอนุภาคที่มีพลังงานสูงในทิศทางตรงกันข้ามกันด้วยความเร็วเกือบเท่าแสงให้มาชนกันภายในท่อที่มีแม่เหล็กกำลังมหาศาลเพื่อเหนี่ยวนำหรือเรียกกันว่า"ซุปเปอร์คอนดัคติ้ง อิเล็กโตรแม็กเนท" นอกจากจะต้องจ่ายพลังงานให้มันสูงมากแล้ว ยังต้องปฏิบัติการในสภาวะเย็นจัด คือที่อุณหภูมิ -271.3 องศาเซลเชียส เย็นกว่าอุณหภูมิของอวกาศส่วนนอก ทั้งนี้เพื่อให้ได้กระแสไฟฟ้าที่ปราศจากแรงต้าน และไม่มีการสูญเสียพลังงาน "ฮีเลียมเหลว" คือเครื่องมือสำคัญที่เซิร์นใช้ในการรักษาอุณหภูมิให้เย็นจัดไว้เช่นนั้น
    ยิงอนุภาคให้ชนกันไปมาเป็นเวลานาน4 ปี ในที่สุดหน่วยมอนิเตอร์ของเครื่องเร่งอนุภาคได้ประกาศว่าได้ค้นพบอนุภาพใหม่ ที่มีลักษณะคล้ายกับHiggs boson (bosonคืออนุภาคชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยคว๊าคหลายหน่วย) ที่มีการทำนายก่อนหน้านี้ว่าเป็นอนุภาคพื้นฐานที่สุดที่มีมวล (mass)
    ด้วยเหตุนี้ ในเดือนตุลาคมปี2013 นักฟิสิกซ์2คนคือ François Englert และ Peter Higgsจึงได้รับรางวัลโนเบลเพราะว่างานวิจัยของทั้งคู่ทำให้เราทราบถึงต้นตอขอมวลของอนุภาคระดับซัปอตอมมิกส์ และข้อสมมุติฐานนี้ได้รับการยืนยันจากการทดลองลองเครื่องเร่งอนุภาคให้ชนกันของCERN
    นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งเรียก Higgs bosonนี้ว่าเป็นอนุภาคพระเจ้า (God particle)หรืออนุภาคพื้นฐานที่สุดที่เป็นมวลในการก่อเกิดของจักรวาล นักฟิสิกซ์ของCERNได้พามนุษยชาติมาถึงหน้าประตูของปราสาทของพระเจ้าผู้สร้างจักรวาลแล้วหรือ และกำลังเคาะประตูก๊อกๆๆ พร้อมกับตระโกนว่าฮัลโล มีใครอยู่ข้างในหรือเปล่า?
    หลังจากยืนยันHiggs bosonแล้ว CERNปิดเครื่องเร่งอนุภาคทันที เพื่อซ่อมแซมอุปกรณ์และปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและพลังงานมากยิ่งๆขึ้นไปอีก เครื่องเร่งอนุภาคนี้เปิดใช้การในวันที่8เมษายนที่ผ่านมานี้เอง คราวนี้นักวิทยาศาตร์และนักฟิสิกซ์ของCERNมีความทะเยอทะยานเพื่อไปให้ถึงหลักฐานเชิงประจักษ์หรือทฤษฎีในการยืนยันการมีอยู่ของอนุภาคพื้นฐานที่สุดของที่สุด เพื่อที่สะสัมผัสกับพระหัตถ์ของพระเจ้า
    thanong
    18/4/2015
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    6. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
    "ท่อเร่งอนุภาคเหมือนกับดูแข่งรถฟอร์มูล่า1 มันดูน่าเบื่อ จนกว่าจะมีการชนกันเกิดขึ้น"
    thanong
    18/4/2015
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อิหร่านขู่เพิ่มความบริสุทธิ์เชื้อเพลิงนิวเคลียร์อย่าง “ไร้ขีดจำกัด” ถ้าตะวันตกไม่ยกเลิกคว่ำบาตรทั้งหมด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2558 10:26 น.

    [​IMG]
    @จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน

    เอเอฟพี – อิหร่านจะเดินหน้าโครงการเพิ่มความบริสุทธิ์เชื้อเพลิงนิวเคลียร์แบบ “ไร้ขีดจำกัด” หากชาติมหาอำนาจไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ “ทั้งหมด” และในทันทีที่บรรลุข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์ จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ประกาศเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.)

    ซารีฟ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ยูโรนิวส์ที่กรุงลิสบอน โดยระบุว่า “เส้นทางระหว่างเราหากไม่ใช่การเผชิญหน้าก็คือความร่วมมือ จะเลือกอย่างนิดอย่างละหน่อยไม่ได้”

    “ถ้าเลือกหนทางเผชิญหน้า สหรัฐฯ และองค์การสหประชาชาติก็คว่ำบาตรต่อไป ส่วนอิหร่านก็จะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ของเราต่อไปอย่างไร้ขีดจำกัดเช่นกัน”

    “น่าเสียดายที่สหรัฐฯ เริ่มใช้คำว่า ผ่อนคลายคว่ำบาตรทีละขั้น... ถ้าคุณลองไปอ่านถ้อยแถลงร่วมจะไม่พบคำว่าระงับ (suspension) หรือขั้นตอน (phase) เลย มันชัดเจนอยู่แล้วว่าการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเงินทุกอย่างต้องสิ้นสุดลงทันที”

    มหาอำนาจ P5+1 ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐฯ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส บวกเยอรมนี บรรลุกรอบข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนี้จะเป็นการพูดคุยเพื่อแก้ไขอุปสรรคทางเทคนิค เช่น เงื่อนไขการยกเลิกคว่ำบาตร หรือประเด็นที่ว่าอิหร่านจะสามารถใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อการทหารได้หรือไม่ เพื่อจะให้ได้ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์ก่อนกำหนดเส้นตาย 30 มิ.ย.

    ซารีฟ ยังอ้างถึงความแตกต่างระหว่างกรอบข้อตกลงเมื่อวันที่ 2 เม.ย. กับเอกสาร “ข้อเท็จจริง” (fact-sheet) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ แถลงออกมา

    “ในวันนั้นเราตกลงกันว่าจะส่งเรื่องไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้คณะมนตรีฯ รับรองมติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรในอดีตทั้งหมด... เรื่องนี้ชัดเจน ไม่มีการยกเลิกเป็นขั้นๆ ไม่มีการระงับชั่วคราว ทุกอย่างบอกไว้ในถ้อยแถลงที่ถูกประกาศออกไป”

    ซารีฟ ระบุด้วยว่า การเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบากในบ้างครั้ง เพราะมหาอำนาจตะวันตก “คิดว่าการคว่ำบาตรเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่ไม่ควรจะทิ้งไปง่ายๆ”


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “โรฮานี” ชี้! ยุทธศาสตร์การทหารของอิหร่านคือ “การป้องกัน” เท่านั้น
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2558 18:42 น. (แก้ไขล่าสุด 18 เมษายน 2558 18:46 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี – กองทัพของอิหร่านมีไว้เพื่อการป้องกันเท่านั้นและไม่ควรถูกมองเป็นภัยคุกคามในตะวันออกกลาง ประธานาธิบดี ฮัสซัน โรฮานี แห่งอิหร่านกล่าวในวันนี้ (18) ท่ามกลางความตึงเครียดกับซาอุดีอาระเบียที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    ขณะที่การโจมตีทางอากาศที่มีซาอุดีอาระเบียนำการปราบปรามกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนกำลังทำให้เตหะราน มหาอำนาจฝ่ายชีอะห์ของภูมิภาคนี้ ขัดแย้งกับริยาดห์ ซึ่งเป็นคู่ปฏิปักษ์ฝ่ายสุหนี่อยู่นั้น ในสัปดาห์นี้รัสเซียได้มีท่าทีว่าจะส่งขีปนาวุธให้กับอิหร่าน

    ซาอุดีอาระเบียนั้นกล่าวหาอิหร่านว่าติดอาวุธให้กับกลุ่มฮูตี ชนกลุ่มน้อยนิกายชีอะห์สายไซดียาของเยเมน ซึ่งเป็นพร่ำร้องทุกข์จากการเป็นพลเมืองชั้นสองมายาวนาน และได้เคยต่อสู้กับรัฐบาลกลางในความขัดแย้งต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง

    ข้อกล่าวหาเรื่องติดอาวุธดังกล่าวถูกปฏิเสธโดยอิหร่าน ซึ่งได้เสนอแผนสันติภาพสำหรับเยเมน 4 ขั้นแก่ บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้นานาชาติดำเนินการยุติการโจมตีทางอากาศ “อย่างไร้ความหมาย” ที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย

    โรฮานี ซึ่งออกมาให้ความคิดเห็นภายหลังการทิ้งระเบิดอย่างรุนแรงระลอกใหม่ที่เยเมน และหลังกลุ่มอัลกออิดะห์ยึดพื้นที่ได้เพิ่มเติมในความโกลาหลนี้ ระบุว่า นโยบายการทหารของสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ถูกเข้าใจอย่างผิดๆ

    “ยุทธศาสตร์ของเราเป็นสิ่งขัดขวางไม่ให้สงครามเกิดขึ้นมาโดยตลอด ไม่ใช่ลัทธิสงคราม” เขากล่าวในการปราศรัยที่งานพิธีวันกองทัพบก (Army Day) ประจำปีในเมืองหลวง ซึ่งมีการนำขีปนาวุธ บาวาร์-373 (Bavar-373) ที่สร้างโดยอิหร่าน มาร่วมขบวนสวนสนาม

    การวางกำลังกองเรืออิหร่าน “ในอ่าวเปอร์เซียและอ่าวเอเดนมีจุดประสงค์เพื่อรับประกันความปลอดภัยของชาติเพื่อนบ้านและการจราจรทางทะเล” เขากล่าว

    “กองกำลังดังกล่าวนำสันติภาพมาสู่ประเทศนี้และชาติอื่นๆ ในภูมิภาคนี้” เขากล่าวเสริม

    เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้ยกเลิกการห้ามส่งระบบป้องการทางอากาศ เอส-300 ที่ซับซ้อนกว่าเดิมให้อิหร่าน ซึ่งปูทางสู่การจบสัญญาที่ล่าช้ามาเนิ่นนาน

    ความเคลื่อนไหวได้ก่อให้เกิดความกังวลขึ้นมาว่า การขายดังกล่าวอาจสร้างเสริมความฮึกเหิมให้เตหะรานในการเจรจากับกลุ่มชาติมหาอำนาจหลักเกี่ยวกับการจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของตนที่เป็นข้อพิพาทกันมานาน

    อย่างไรก็ตาม อิหร่าน ระบุว่า ระบบบาวาร์-379 ที่ผลิตภายในประเทศมีประสิทธิภาพเหมือนกับเอส-300 อยู่แล้ว

    เมื่อวานนี้ (17) ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า เขาไม่ได้รู้สึกตื่นตกใจกับการที่รัสเซียยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าว

    “นี่เป็นการซื้อขายที่เคยถูกกำหนดให้มีขึ้นในปี 2009 ตอนที่ผมพบกับ ปูติน ครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งสองชาติได้ยุติ พัก หรือระงับการซื้อขายดังกล่าวกันจริงๆ ตามคำร้องขอของเรา” โอบามา กล่าวเสริม

    “และว่ากันตามจริงแล้วผมรู้สึกเซอร์ไพรส์ด้วยซ้ำที่มันถูกระงับมานานขนาดนี้ เนื่องจากว่าพวกขาไม่ได้ถูกห้ามโดยมาตรการคว่ำบาตรไม่ให้ซื้อขายอาวุธป้องกันเหล่านี้”
    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044485
     

แชร์หน้านี้

Loading...