ติดตามสถานะการณ์

น้ำมันขึ้น 6 วันติด ทองคำลง-หุ้นสหรัฐฯ ปิดลบจากข้อมูล ศก.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2558 05:26 น. (แก้ไขล่าสุด 17 เมษายน 2558 10:36 น.)



เอเอฟพี - ราคาน้ำมันเมื่อวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) ดีดขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ท่ามกลางสัญญาณกำลังผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้อุปทานล้นตลาด กำลังเบาบางลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่ากังวลและความวิตกต่อปัญหาหนี้สินกรีซ ขณะที่ปัจจัยดังกล่าวก็ฉุดทองคำ ขยับลงเช่นกัน

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 32 เซ็นต์ ปิดที่ 56.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมรอบใหม่ ส่วนเบรท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 66 เซ็นต์ ปิดที่ 63.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เจมส์ วิลเลียมส์ นักวิเคราะห์จากดับเบิลยูทีอาร์จี อีโคโนมิกส์ มองว่ารายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯเมื่อวันพุธ (15 เม.ย.) ที่พบว่าปริมาณการผลิตน้ำมันต่อวันของประเทศลดลงเล็กน้อยในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 เมษายน หรือ 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ยังเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนตลาด ท่ามกลางความหวังของนักลงทุนว่าภาวะอุปทานล้นตลาดกำลังจะเริ่มคลี่คลาย

นอกจากนี้แล้ว ในรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยังพบว่า สต๊อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 1.29 ล้านลาร์เรล ถือว่าเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดตั้งแต่เข้่าสู่ปี 2015 เป็นต้นมา

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) ปิดลบในกรอบแคบๆ ท่ามกลางรายงานผลประกอบการอันผสมผสาน ข้อมูลเศรษฐกิจที่เซื่องซึมและมีความกังวลต่อวิกฤตการเงินกรีซหวนคืนมาอีกรอบ

ดาวโจนส์ ลดลง 6.84 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,105.77 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.64 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,104.99 จุด แนสแดค ลดลง 3.23 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,007.79 จุด

กระทรวงพาณิชย์อเมริกาเผยว่ายอดก่อสร้างบ้านใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มขี้นร้อยละ 0.2 สู่ระดับ 926,000 ยูนิตในเดือนมีนาคม แต่เป็นการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด ขณะที่กระทรวงแรงงานระบุว่าตัวเลขผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานในสัปดาห์ที่แล้ว ก็เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 294,000 อัตรา สูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์และเหนือกว่าที่คาดหมายไว้

ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีทในวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) เป็นไปตามทิศทางของตลาดทุนในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ที่ปิดลบอย่างหนัก หลังมีความกังวลต่อความคืบหน้าที่เป็นไปอย่างช้าๆ ของการเจรจาเงินกู้ระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้นานาชาติ

ปัจจัยดังกล่าวนี้เองที่ฉุดให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) ขยับลงเล็กน้อย แต่ยังคงแกว่งตัวอยู่ใกล้ๆ 1,200 ดอลลาร์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,198.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

แผ่นดินไหวใต้ทะเลนอกเกาะกรีซ ชาวบ้านหนีตายวุ่น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2558 04:00 น. (แก้ไขล่าสุด 17 เมษายน 2558 10:41 น.)



เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.1 ใต้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นอกชายฝั่งแหลมทางตะวันออกเกาะครีต ของกรีซ ในวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) ความรุนแรงทำให้ชาวบ้านบางส่วนของเกาะต้องรุดขึ้นไปอยู่บนท้องถนน แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง

สำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล 20 กิโลเมตร ห่างจากเกาะครีต บนแนวสันเขา Cretan-Rhodes จุดที่แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่แอฟริกามาบรรจบกับแผ่นเปลือกโลกยูโรเซียน ไปทางตะวันออกราว 50 กิโลเมตร

ในกรีซ หอสังเกตุการณ์ของเอเธนส์บอกว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นตอนเวลา 18.21น. (ตรงกับเมืองไทย 01.21 น.) โดยมีศูนย์กลางนอกชายฝั่งคาสซอส เกาะขนาดเล็ก ราว 14 กิโลเมตร และประชาชนบนเกาะครีตที่อยู่ใกล้ๆ กัน สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ฉันถึงกับต้องกระโดดลงจากเก้าอี้ ผืนดินสั่นสะเทือนนานอย่างน้อย 5 นาที” ชาวบ้านคนหนึ่งบอก “ฉันยังไม่เห็นความเสียหายทางกายภาพใดๆ แต่ตอนนี้มันเป็นเวลากลางคืน จึงยากที่จะมองเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นบนเกาะครีต เสริมว่าความรุนแรงของแผ่นดินไหวหนักหน่วงพอสำหรับกระตุ้นให้ชาวบ้านบางส่วนของเกาะวิ่งขึ้นไปอยู่บนท้องถนน

 

เลิกง้อสหรัฐฯ “ปูติน” ประกาศรัสเซียจะสร้างสถานีอวกาศของตนเอง!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2558 23:29 น. (แก้ไขล่าสุด 17 เมษายน 2558 10:20 น.)



เอเอฟพี - รัสเซียวางแผนที่จะสร้างสถานีอวกาศของตนเองภายในปี 2023 ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวระหว่างจัดรายการ “ถาม-ตอบประชาชนประจำปี” แบบมาราธอนหลายชั่วโมงเมื่อวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับวอชิงตันที่ปฏิบัติการสถานีอวกาศนานาชาติร่วมกัน ดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ยุคหลังสงครามเย็น

“ภายในปี 2023 เรามีแผนสร้างสถานีอวกาศแห่งชาติของเราเองในวงโคจร” ปูตินกล่าว “มันเป็นเรื่องที่ยังห่างไกลในอนาคต แต่ก็มีความจำเป็นสำหรับเราจากมุมมองด้านเศรษฐกิจของประเทศ”

เมื่อเร็วๆ นี้รัสเซียและนาซาเห็นพ้องเดินหน้าปฏิบัติการและสนับสนุนด้านการเงินแก่สถานีอวกาศนานานชาติไปอย่างน้อยจนถึงปี 2024 แต่โครงการอวกาศร่วมในอนาคต ตกอยู่ท่ามกลางข้อสงสัย สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับวอชิงตันดำดิ่งแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ยุคหลังสงครามเย็นจากเหตุความขัดแย้งในยูเครน

บุรุษเหล็กของเครมลินรายนี้ชี้ว่า รัสเซียจำเป็นต้องมีสถานีอวกาศของตนเองเพื่อจะสามารถเฝ้ามองอาณาเขตของตนเองอย่างสมควรจากบนอวกาศ “เราใช้ปฏิบัติการสถานีอวกาศนานาชาติในด้านวิทยาศาสตร์ และเศรษฐกิจ แต่จากสถานีอวกาศนานาชาติ เราสามารถมองเห็นพื้นที่ของรัสเซียได้แค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”

ประธานาธิบดีปูตินบอกต่อว่า “ด้วยสถานีอวกาศแห่งชาติ เราสามารถมองลงมายังทั่วทุกพื้นที่ของประเทศอันกว้างใหญ่ไพศาลของเรา เป็นที่แน่ชัดว่าเราจะประสบความสำเร็จในโครงการนี้ และโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ มันจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา”

ในเดือนมีนาคม ผู้อำนวยการหน่วยงานด้านอวกาศของมอสโก “รอสคอสมอส” บอกหลังจากพบปะกับเจ้าหน้าที่นาซา ณ เมืองไบโคนูร์ คาซัคสถาน ว่ารัสเซียมีแผนร่วมมือกับสหรัฐฯในโครงการสถานีอวกาศใหม่ แต่นาซาไม่ยืนยันแผนดังกล่าว โดยบอกแต่เพียงว่าเหล่าหัวหน้าของนาซาและรอสคอสมอส จะพิจารณาความร่วมมือในอนาคตอีกครั้ง

นอกจากรัสเซียแล้ว จีนก็เคยแถลงแผนสร้างสถานีอวกาศถาวรภายในปี 2023 ส่วนหนึ่งในความทะเยอทะยานต้องการก้าวขึ้นเป็นอภิมหาอำนาจในอวกาศ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000043914

 

ผบ.ทหาร US ชี้ปักกิ่งถมที่ทะเลจีนใต้อาจไปสู่การตั้งเขตป้องกันทางอากาศ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
16 เมษายน 2558 22:01 น. (แก้ไขล่าสุด 17 เมษายน 2558 10:18 น.)


@ภาพถ่ายดาวเทียมเผยความคืบหน้าของงานถมทะเลและการก่อสร้างๆต่าง บริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์ในทะเลจีนใต้ ของจีน

เอเจนซีส์ - ผู้บัญชาการกองทัพอเมริกันภาคพื้นแปซิฟิกแถลงที่รัฐสภาสหรัฐฯ ในวันพุธ (15 เม.ย.) ว่า ในที่สุดแล้วจีนอาจติดตั้งระบบเรดาร์และขีปนาวุธบนหมู่เกาะจำลองซึ่งกำลังสร้างขึ้นในทะเลจีนใต้ และประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) เหนือดินแดนที่เป็นข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน พร้อมกันนี้เขาชี้ว่า รัสเซียมีเคลื่อนไหวทหารในเอเชีย-แปซิฟิกเพิ่มขึ้นผิดหูผิดตาใกล้ๆ ระดับเดียวกับช่วงสงครามเย็น ทั้งนี้สอดคล้องกับที่ญี่ปุ่นก็รายงานว่า เครื่องบินไอพ่นแดนอาทิตย์อุทัยต้องรีบทะยานขึ้นสกัดอากาศยานจากจีนและรัสเซียเพิ่มขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบระยะเวลา 3 ทศวรรษ

พล.ร.อ.แซมูเอล ล็อกเลียร์ ผู้บัญชาการของกองบัญชาการทหารอเมริกันภาคพื้นแปซิฟิก แถลงต่อคณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า พฤติการณ์ที่จีนกำลังถมที่ถมทะเลและเดินหน้าโครงการก่อสร้างที่มั่นทางทหาร 8 แห่งกลางทะเลจีนใต้อยู่ในเวลานี้ ถือว่าเป็น “การก้าวร้าวรุกราน” โดยสิ่งซึ่งปักกิ่งกำลังทำอยู่นี้ มีทั้งการถมที่ถมทะเล “เป็นพื้นที่ใหญ่โตทีเดียว” ในหมู่เกาะสแปรตลีย์ และการปรับปรุงยกระดับสิ่งปลูกสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในหมู่เกาะพาราเซล

ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ครอบคลุมทั้งการขยายและยกระดับพื้นที่จอดเรือ รวมทั้งการสร้างสิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นสนามบินบนเกาะปะการัง “เฟียรี ครอสส์” อันจะทำให้จีนสามารถนำเรือตรวจการณ์ไปประจำการในบริเวณดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเปิดทางให้ปักกิ่งสามารถแสดงอิทธิพลอย่างใหญ่โตในพื้นที่ซึ่งยังพิพาทแย่งชิงอยู่กับชาติอื่นๆ อยู่ รวมทั้งในที่สุดแล้วอาจนำไปสู่การติดตั้งประจำการอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ อย่างเช่นระบบเรดาร์พิสัยไกล กองทหาร และระบบขีปนาวุธขั้นสูง

ล็อกเลียร์เตือนว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกลายเป็นพื้นฐานรองรับสำหรับที่ปักกิ่งจะประกาศบังคับใช้เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ)

ทั้งนี้ เมื่อปลายปี 2013 จีนได้ประกาศ ADIZ เหนือทะเลจีนตะวันออก โดยมีข้อกำหนดให้เครื่องบินทุกลำต้องรายงานตัวก่อนบินผ่านบริเวณดังกล่าว ทว่า ทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศต่างคัดค้านไม่ยินยอม

สำหรับทะเลจีนใต้ ถึงแม้ปักกิ่งปฏิเสธว่าไม่ได้มีแผนประกาศ ADIZ เหนืออาณาบริเวณนี้ แต่การเร่งถมทะเลสร้างเครือข่ายหมู่เกาะจำลองขึ้นมาเช่นนี้ ก็ถูกหลายประเทศที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกับจีน มองว่าเป็นสัญญาณเตือนภัย

สัปดาห์ที่แล้วภายหลังทางการจีนแถลงว่าตนกำลังดำเนินการเหล่านี้จริง โดยจะใช้พื้นที่บริเวณนี้เพื่อการป้องกันทางการทหารและการให้บริการต่างๆ ทางพลเรือน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศอื่นๆ ด้วย ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ได้แถลงกล่าวหาว่า ปักกิ่งใช้ “ขนาดและพลกำลัง” ของตนข่มขู่ชาติที่เล็กกว่า

จีนนั้นอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่แทบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ซึ่งนอกจากเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการค้าทางทะเลที่มีมูลค่าปีละ 5 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ยังคาดการณ์กันว่าน่าจะอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซ โดยที่นอกจากจีนแล้ว ยังมีฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และไต้หวัน ซึ่งอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกันอยู่

ไม่เพียงแต่จีนเท่านั้น ล็อกเลียร์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงหลายเดือนมานี้ รัสเซียได้เพิ่มกิจกรรมทางทหารในย่านเอเชีย-แปซิฟิก จนใกล้เคียงกับระดับในยุคสงครามเย็นเมื่อ 30 ปีก่อน เป็นต้นว่า การเคลื่อนกำลังระยะไกลในทิศทางที่หันหน้าสู่อเมริกา ตลอดจนปรับปรุงยกระดับมาตรการป้องปรามนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ในบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกของตนในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ รวมทั้งกำลังเรือดำน้ำของตนที่ปฏิบัติการอยู่ในย่านอาร์กติก และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ อีกทั้งยังส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบร์และเครื่องบินสอดแนมปออกปฏิบัติภารกิจในทะเลญี่ปุ่น รัฐอะแลสกาและชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาเป็นประจำ

นอกจากนั้น เขาระบุว่าในปีนี้รัสเซียยังเพิ่มการปรากฏตัวทางทหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นเดียวกัน

คำแถลงของล็อกเลียร์สอดคล้องกับรายงานของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (SDF) เมื่อวันพุธ (15) ที่ระบุว่า ในรอบปีงบประมาณที่ผ่านมา (1 เม.ย. 2014 - 31 มี.ค. 2015) เครื่องบินรบญี่ปุ่นต้องรีบทะยานขึ้นเพื่อทำหน้าที่สกัดกั้นรวม 943 ครั้ง หรือเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า และน้อยกว่าในปี 1984 ซึ่งญี่ปุ่นทำสถิติการขึ้นสกัดกั้นมากครั้งที่สุดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยเป้าหมายของการสกัดกั้นส่วนใหญ่คือเครื่องบินรบของจีนและรัสเซีย ซึ่งบินเฉียดเข้ามา

ทั้งนี้ เครื่องบินจีนที่ตกเป็นเป้าหมายของการสกัดกั้น ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินขับไล่ที่บินเหนือหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาทกับญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก โดย SDF ส่งอากาศยานขึ้นสกัดกั้นเครื่องบินจีนรวมทั้งหมด 646 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 49 ครั้ง อย่างไรก็ดี เครื่องบินจีนไม่ได้รุกล้ำน่านฟ้าญี่ปุ่นแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน SDF ระบุว่า รัสเซียมีการเคลื่อนไหวทางทหารมากขึ้นนับแต่เข้าผนวกไครเมียจากยูเครนในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และหลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธในช่วงปลายเดือนเดียวกัน รวมทั้งมีการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับอเมริกา


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000043899

 

ดัตช์เผยระบุตัวเหยื่อ MH17 เกือบครบแล้ว เบนเป้าล่าตัวผู้รับผิดชอบ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2558 01:00 น. (แก้ไขล่าสุด 17 เมษายน 2558 10:27 น.)



รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการ - รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ในวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) เผยระบุเอกลักษณ์บุคคลเหยื่อเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สได้เกือบครบแล้ว และเวลานี้ได้ปรับเปลี่ยนไปสู่ความพยายามค้นหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังสอยเครื่องบินลำนี้ร่วงระหว่างที่มันกำลังบินข้ามยูเครนเมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน

นายเบิร์ต เคิร์นเดอร์ส รัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวหลังจากหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซีย ยูเครนและออสเตรเลีย รอบนอกการประชุมความมั่นคงทางไซเบอร์ ในเมืองเฮก ว่าทั้งหมดมีความเห็นพ้องในการเดินหน้ากระบวนการยุติธรรม

“ตอนนี้อยู่ช่วงท้ายๆ ของการส่งศพเหยื่อกลับประเทศ ขณะที่การสืบสวนและดำเนินคดีกำลังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่า” เคิร์นเดอร์สบอกในถ้อยแถลง “เหล่ารัฐมนตรีเชื่อว่าการดำเนินคดีไม่ใช่สำคัญแค่กับประเทศของเหยื่อที่อยู่บนเครื่องบินเท่านั้น แต่ความอ่อนแอด้านการบินพลเรือนและการละเมิดความปลอดภัยด้านการบินคือสิ่งที่ทั่วโลกต่างมีความกังวลร่วมกัน”

เที่ยวบิน MH17 ระเบิดกลางอากาศเหนือภาคตะวันออกของยูเครน ดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ คร่าผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 298 ชีวิตยกลำ และนำไปสู่การเผชิญหน้าของมหาอำนาจ เมื่อฝ่ายตะวันตกกล่าวหาว่าพวกแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย เป็นตัวการสอยเครื่องบินของมาเลเซีย แอร์ไลนส์ด้วยขีปนาวุธ ขณะที่รัสเซียตอบโต้ว่าเป็นฝีมือของเครื่องบินขับไล่ของกองทัพยูเครนต่างหาก

ห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ในเนเธอร์แลนด์ ระบุเอกลักษณ์บุคคลเศษชิ้นส่วนศพเหยื่อได้แล้ว 296 ราย และดำเนินการกู้เศษซากขนาดใหญ่ของเครื่องเพื่อดำเนินการสืบสวน โดยทางอัยการกำลังตรวจสอบทฤษฎีที่ว่าเครื่องบินถูกสอยร่วงโดยขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศ BUK ที่ยิงมาจากพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกองกำลังกบฏที่ฝักใฝ่รัสเซีย

อนึ่ง ด้วยราว 2 ใน 3 ของเหยื่อโศกนาฏกรรมเป็นพลเมืองดัตช์ ทางการเนเธอร์แลนด์จึงรับบทบาทเป็นผู้นำการสืบสวนครั้งนี้

 

เม็กซิโกเตือนภัยกัมมันตภาพรังสี หลังโจรฉกอิริเดียม-192
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2558 14:45 น.



เอเอฟพี - ทางการเม็กซิโกแจ้งเตือนภัยในหลายรัฐเมื่อวันพุธ (15 เม.ย.) หลังมีกลุ่มโจรได้ทำการขโมยวัตถุที่มีสารกัมมันตภาพรังสีร้ายแรงไปจากที่กักเก็บ ซึ่งเป็นของที่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพด้วยรังสี

คำแถลงของกระทรวงมหาดไทยเม็กซิโกระบุว่า อิริเดียม-192 ที่ถูกทำเครื่องหมาย X-571 และบรรจุไว้ในที่กักเก็บ ได้ถูกขโมยไปจากรถบรรทุกเมื่อวันจันทร์ ที่เมืองคาดีนัส ในรัฐทาบาสโก ทางตอนใต้ของเม็กซิโก

"ของสิ่งนี้เป็นอันตรายต่อผู้คน หากมันถูกนำออกไปจากที่กักเก็บ" คำแถลงของทางการเม็กซิโกระบุ

กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งเตือนเรื่องนี้ให้แก่บรรดาหน่วยงานคุ้มกันพลเรือนในรัฐทาบาสโก , คัมเปเช , เคียปาส , ออซาคา , เวราครูซ รวมถึงแจ้งต่อตำรวจของรัฐบาลกลาง กองทัพเรือและกองทัพบก

คำแถลงของกระทรวงฯ ได้เตือนว่า หากครอบครองโดยที่ไม่มีการป้องกันอย่างเหมาะสม ของสิ่งนี้อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยถาวรต่อผู้ที่ครอบครองหรือมีการสัมผัสใกล้ชิดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ถ้าหากเข้าใกล้วัตถุที่ปล่อยสารกัมมันตรังสีชิ้นนี้ โดยไม่มีการป้องกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือนานหลายวัน อาจได้รับอันตรายร้ายแรง

หลุยส์ ฟิลิเป้ ฟูเอนเต้ เจ้าหน้าที่ประสานงานคุ้มกันพลเรือน ได้ทวิตข้อความเรียกร้องให้ผู้ใดก็ตามที่ทำการเคลื่อนย้ายของสิ่งนี้ไป "จงอย่าเก็บไว้หรือเข้าใกล้"

ขณะเดียวกันบรรดาเจ้าหน้าที่ต่างก็บอกประชาชนว่า หากพบเจอวัตถุดังกล่าว ให้เว้นระยะห่าง 30 เมตร พร้อมทั้งแจ้งต่อทางการโดยทันที

ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ระบุว่า อิริเดียม-192 สามารถทำให้เกิดการเผาไหม้ ความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงเฉียบพลัน รวมถึงอาจทำให้ถึงตายได้

 

InPics : ทำงานตื่นแต่ตี 3 ยังไม่พอกิน!! แรงงานสหรัฐฯ รวมตัวผละงานกว่า 230 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ ร้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์/ชม. โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2558 16:11 น. (แก้ไขล่าสุด 16 เมษายน 2558 17:29 น.)



เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - พนักงานแรงงานขั้นต่ำในสหรัฐฯในอุตสาหกรรมธุรกิจฟาสต์ฟูด รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สนามบิน คนงานก่อสร้าง เจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ และครูร่วม 15,000 คนรวมตัวประท้วงที่นิวยอร์ก และรวมไปถึงมีการผละงานในส่วนของพนักงานฟาสต์ฟูดทั่ว 230 เมืองทั่วประเทศ เมื่อวานนี้ (15) เพื่อเรียกร้องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์/ชม. จากในปัจจุบันที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดอยู่ที่ 7.25 ดอลลาร์/ชม.

กลุ่มองค์กรจัดการประท้วงเพื่อเรียกร้องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในสหรัฐฯประเมินตัวเลขผู้เข้าร่วมการประท้วงเมื่องวานนี้ (15) ที่นิวยอร์กที่มีทั้งในอุตสาหกรรมธุรกิจฟาสต์ฟูด รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สนามบิน คนงานก่อสร้าง เจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ และครูมีราว 10,000-15,000 คน

หนึ่งในผู้ร่วมประท้วง เปโดร แกมโบอา (Pedro Gamboa) วัย 58 ปี เจ้าหน้าที่โหลดกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารประจำท่าอากาศยานนานาชาติ JFK ที่ต้องตื่นตั้งแต่เวลา 03.00 น. เพื่อทำงาน 40 ชม.ต่อสัปดาห์ในอัตรารายได้ 10.10 ดอลลาร์/ชม.ยอมรับกับเอเอฟพีว่า “ไม่พอกินจริงๆ คุณต้องเป็นนักมายากลเสกให้ตัวคุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยอัตราค่าแรงต่ำเช่นนั้น ซึ่งเมื่อได้เงินมาและได้จ่ายค่าเช่าบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไปแล้ว แทบไม่มีเงินติดกระเป๋าสำหรับอาหาร หรืออื่นๆ เลย” แกมโบอาที่มาจากกัวเตมาลากล่าว

โดยการประท้วงที่นิวยอร์กได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลา 6.00 น.นอกร้านแมคโดนัลด์ในบรุคลิน ในขณะที่ในแมนแฮตตัน พนักงานฟาสต์ฟูดร่วมกับนักศึกษา และนักเคลื่อนไหวประท้วงนอกร้านแมคโดนัลด์เช่นกัน เรียกร้องค่าแรงเพิ่ม “15 ดอลลาร์เท่านั้นถึงอยู่ได้ ค่าแรงไม่เพิ่ม แต่ค่าเช่าไปไกลแล้ว” ข้อความจากป้ายประท้วง

ผู้ประท้วงต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาทนไม่ไหวกับอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นอยู่ ซึ่งไม่สะท้อนกับตัวเลขค่าครองชีพในความเป็นจริงส่งผลให้คนเหล่านี้ยังคงต้องทนอยู่กับความยากจนและหิวโหย และอีกทั้งผู้จัดการสาขายังข่มขู่ไม่ยอมให้พนักงานฟาสต์ฟูดเหล่านี้รวมตัวหรือก่อตั้งสหภาพแรงงานเพื่อเรียกร้องสิทธิชอบธรรมของพนักงานที่พึงจะได้รับ

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 1 เมษายน ทางแมคโดนัลด์ คอร์ป ประกาศปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างพนักงานขึ้นอีก 1 ดอลลาร์/ชม. รวมถึงค่าตอบแทนในวันหยุดตามสวัสดีการให้กับพนักงานราว 90,000 คนที่ทำงานให้กับร้านแมคโดนัลด์ที่แมคโดนัลด์ คอร์ปเป็นเจ้าของเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอีก 1 ดอลลาร์นั้นไม่รวมไปถึงพนักงานจำนวน 660,000คนทั่วสหรัฐฯ ที่ทำงานให้กับสาขาแฟรนไชนส์ ซึ่งคิดเป็น 90% ของร้านแมคโดนัลด์ทั้งหมดในอเมริกาจำนวน 14,000 สาขา

ทั้งนี้ ค่าแรงขั้นต่ำในรัฐนิวยอร์กอยู่ที่ 8.75%/ชม. และมีกำหนดที่จะเพิ่มเป็น 9 ดอลลาร์ ในปี 2016 ซึ่งถึงมีจะมีค่าแรงขั้นต่ำกลางกำหนดไว้ แต่รัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ กำหนดค่าแรงขั้นต่ำของตนเอง แต่จะไม่ต่ำกว่าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำหนด

เอเอฟพีรายงานว่า ก่อนหน้านั้น สก็อตต์ สตรินเกอร์ (Scott Stringer) เจ้าหน้าที่ระดับสูงการควบคุมการเงินและบัญชีของเมืองนิวยอร์กได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายงานข่าวในวันอังคาร (14) ว่า เมื่อเทียบกับค่าครองชีพในนิวยอร์กแล้ว ถือได้ว่านิวยอร์กมีค่าแรงขึ้นต่ำที่สุดในสหรัฐฯเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ เช่น ซานฟรานซิสโก และซีแอตเติล กำหนดค่าแรงขั้นต่ำที่ 15 ดอลลาร์/ชม.

ที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ยังไม่ประสบความสำเร็จในการผลักดันค่าแรงขั้นต่ำกลางขึ้นเป็น 10.10 ดอลลาร์ หลังงัดข้อกับพรรครีพับลิกันมานาน ซึ่งจะช่วยให้ชาวอเมริกันจำนวนมากหลุดผลจากความยากจนตามที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำหนด

นอกจากนี้ ค่าแรงขั้นต่ำยังเป็นหนึ่งในนโยบายหลักในการหาเสียงของนักการเมืองในสหรัฐฯ โดยเฉพาะผู้สมัครท้าเชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 เช่น ฮิลลารี คลินตัน ที่เพิ่งเปิดตัวไปในวันอาทิตย์ (12) ที่ผ่านมา

InPics :

 

InPics : “ปูติน” โอ่มี 2.7 ล้านล้านรูเบิลในกระเป๋า พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ ยอมรับ “ไม่รู้ถูกเลิกคว่ำบาตรปีไหน” ในถาม-ตอบ 2 ล้านคำถามกับปูติน 2015
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2558 18:43 น. (แก้ไขล่าสุด 17 เมษายน 2558 10:06 น.)



เอเจนซีส์/เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้เริ่มตอบคำถามในรายการ “ถาม-ตอบมาราธอนประจำปี 2015 กับปูติน” ที่ในปีนี้ที่กำลังเริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) พิธีกรรายการประกาศว่ามีคำถามจากประชาชนส่งเข้ามาถึง 2,486,000 คำถามซึ่งมีคำถามที่สำคัญ เช่น การคว่ำบาตร โดยปูตินยอมรับไม่รู้ว่า เมื่อใดที่รัสเซียจะถูกยกเลิกการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯและชาติตะวันตก รวมไปถึงแย้มว่ารัฐบาลรัสเซียมีเม็ดเงินร่วม 2.7 ล้านล้านรูเบิลพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ

เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ และ RT สื่อรัสเซียรายงานวันนี้ (16) ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ปรากฏตัวในรายการถาม-ตอบมาราธอนประจำปี 2015 กับปูติน ที่มีคำถามร่วม 2,486,000 คำถามส่งมาจากชาวรัสเซียทั่วประเทศเพื่อถามผู้นำประเทศ ซึ่งพิธีกรในห้องส่งชี้ว่านี่อาจเป็นการแสดงว่ารัสเซียมีปัญหาจำนวนมากที่ต้องได้รับการแก้ไขหรือประชาชนชาวรัสเซียเชื่อมั่นเชื่อมั่นในตัวผู้นำคนนี้

ทั้งนี้ ตามกำหนด ประธานาธิบดีรัสเซียจะใช้เวลา 3 ชม.ในการตอบคำถาม แต่ทว่าตามสถิติแล้วปูตินมักใช้ถึง 4 ชม. 48 นาที ซึ่งเริ่มต้นในเวลา 9.00 น.โดยพิธีกรกล่าวกระเซ้าว่า “ท่านประธานาธิบดีมาถึงแล้วอย่างตรงเวลา ถึงแม้ว่าจะเคยปล่อยให้จอห์น เคร์รีย์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯต้องรอนานถึง 3 ชม.ก็ตาม แต่กับในรายการโฟนอินถามตอบมาราธอนเช่นนี้ท่านตรงต่อเวลาเสมอ”

ปูตินที่นั่งอยู่บนเวทีมีสีหน้าแช่มชื่น แต่นักข่าวเดอะการ์เดียนทวีตรายงานสดว่า ดูเหมือนปูตินจะไอแห้งๆ เป็นระยะ ทั้งนี้ในคำถามที่ส่งเข้ามาที่มาจากทั้งทางโทรศัพท์ ทาง SMS ทางอินเทอร์เน็ตผ่านเข้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลรัสเซีย หนึ่งในคำถามสำคัญนั้นคือการคว่ำบาตร โดยพิธีกรบนเวทีตั้งคำถามว่า ทราบหรือไม่ว่าเมื่อใดที่รัสเซียจะหลุดพ้นจากการถูกชาติตะวันตก และสหรัฐฯคว่ำบาตร ทั้งนี้นักข่าวเดอะการ์เดียนชี้ว่า ปูตินดูเหมือนเลี่ยงไม่ตอบคำถามนี้ แต่ในที่สุดก็ยอมรับว่า ไม่ทราบว่าเมื่อใดที่มาตรการคว่ำบาตรจะถูกยกเลิก แต่ทว่าปูตินกลับคิดว่า เป็นการดีเพราะรัสเซียจะใช้โอกาสนี้ทำให้ตัวเองแข่งแกร่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีอีกคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอยของรัสเซีย ซึ่งประธานาธิบดีรัสเซียประเมินว่าต้องใช้เวลาถึง 2 ปีถึงจะกู้เศรษฐกิจที่ฟุบได้ โดยย้ำว่ารัสเซียมาถูกทางในการแก้ปัญหาแล้วโดยอ้างถึงการหยุดค่าสกุลเงินรูเบิลตกและราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งเหวในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามปูตินเผยว่ามีเม็ดเงินถึง2.7 ล้านล้านรูเบิลพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีรัสเซียได้ปลอบพลเมืองหมีขาวไม่ให้เสียขวัญกับค่าสกุลเงินรูเบิลตก โดยให้ความเห็นถึงข้อดีของสกุลเงินรูเบิลที่ตกว่า “ถึงแม้ว่าค่าเงินรูเบิลตกจะทำให้รัสเซียต้องแบกภาระหนี้เพิ่มขึ้นกับบริษัทต่างชาติก็ตาม แต่ข้อดีก็ยังมีเช่น มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้นจากการขายน้ำมันที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการซื้อขาย” ทั้งนี้ ปูตินระบุว่ารายได้ที่จะมาจากการขายน้ำมันจะเป็นเม็ดเงินที่ใช้ในการกู้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก

นักข่าวเดอะการ์เดียนทวีตแสดงความผิดหวังที่ว่า 1 ชม.แรกผ่านไป แต่ในรายการถามตอบนี้กลับยังไม่ได้มีการพูดถึงวิกฤตยูเครน ยูเครนตะวันออก หรือดอนแบสแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ประชาชนและคนทั่วโลกต้องการฟัง

ในขณะที่เอเอฟพีรายงานวันนี้ (16) ว่า ฟินแลนด์ซึ่งมีพรมแดนติดรัสเซีย และเคยถูกรัสเซียรุกรานในช่วงอดีตสหภาพโซเวียต โดยในขณะนั้นทางโซเวียตอ้างว่าฟินแลนด์ได้ยิงข้ามพรมแดนไปและทำให้ทหารรัสเซียเสียชีวิต และใช้ข้ออ้างนี้ในการบุกฟินแลนด์ ทั้งนี้ เอเอฟพีชี้ว่าเหตุการณ์ผนวกไครเมียของรัสเซียในสมัยของวลาดิมีร์ ปูติน ทำให้ชาวฟินแลนด์ส่วนใหญ่ของประเทศรู้สึกวิตกในสถานการณ์ที่ล่อแหลม ประกอบกับมีข่าวยั่วยุทางทหารของรัสเซีย โดยล่าสุดไม่นานมานี้อังกฤษส่งเครื่องบินขับไล่บินขึ้นสกัดเครื่องบินรบของรัสเซีย 2 ลำ ที่บินเฉียดประชิดน่านฟ้า ไม่กี่ชั่วโมงหลังเรือรบรัสเซียถูกกองทัพเรืออังกฤษเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดขณะแล่นผ่านช่องแคบอังกฤษ

โดยสื่อต่างประเทศรายงานในวันพุธ (15) ว่า โฆษกกระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงว่า เครื่องบินขับไล่ของหน่วยควิก รีแอ็กชัน อะเลิต ไทฟูน ได้บินขึ้นจากฐานทัพอากาศลอสซีเมาธ์ ทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ เพื่อสกัดเครื่องบินรบของรัสเซีย2ลำ ที่บินเข้ามาเฉียดน่านฟ้าของอังกฤษเมื่อวันที่ 8 เมษายนล่าสุด

อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีชี้ว่าพลเมืองฟินแลนด์ส่วนใหญ่ยังต้องการให้รัฐบาลฟินแลนด์ยังคงมาตรการเป็นกลางถ่วงดุล 2ขั้วอำนาจต่อไป และยังไม่พร้อมที่จะเข้าร่วมกับนาโตถึงแม้จะมีเสียงเรียกร้องมากขึ้นก็ตาม หรือการเข้าร่วมการฝึกรบอย่างเต็มตัวที่ในขณะนี้นาโตมีกองกำลังหน่วยเคลื่อนที่เร็วเตรียมพร้อมรับมือหากมีสถานการณ์พิเศษ โดยมีกองบัญชาการย่อยตามประเทศต่างๆ ในเขตทะเลบอลติกและทะเลดำ

เอเอฟพีรายงานทิ้งท้ายว่า ฟินแลนด์ถึงแม้จะเป็นชาติสมาชิกอียู แต่เป็นประเทศพันธมิตรนอกนาโต


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000043838

 

ทูตพิเศษยูเอ็น “ประจำเยเมน” ลาออก หลังภารกิจสันติภาพไม่คืบ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2558 12:35 น. (แก้ไขล่าสุด 17 เมษายน 2558 10:03 น.)



เอเอฟพี - องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) ว่า จามัล บีโนมาร์ ทูตสันติภาพของยูเอ็นประจำเยเมนได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากที่ภารกิจของเขาในประเทศที่ถูกแบ่งแยกด้วยความขัดแย้งแห่งนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาประเทศอ่าวอาระเบีย

ทูตชาวโมร็อกโกผู้นี้เป็นทูตพิเศษประจำเยเมนของ บัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็นมาตั้งแต่ปี 2012 ถ้อยแถลงจากยูเอ็นระบุว่า บีโนมาร์ “ได้แสดงความสนใจที่จะย้ายไปรับภาระหน้าที่อื่น” และเสริมว่า “ผู้สืบทอดตำแหน่งจะถูกแต่งตั้งเมื่อถึงกำหนด”

เจ้าหน้าที่ยูเอ็นคนหนึ่งได้ยืนยันก่อนหน้านี้กับเอเอฟพีว่า บีโนมาร์ ลาออกจากตำแหน่งแล้ว

หนึ่งในตัวเก็งที่อาจเข้ามารับช่วงตำแหน่งนี้แทนเขาคือ อิสมาอิล อูล์ด ชีค อาห์เหม็ด ทูตชาวมอริตาเนีย ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำภารกิจอีโบลาของยูเอ็นในกรุงอักกรา เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุโดยไม่ขอเผยนาม

การลาออกของบีโนมาร์ มีขึ้นหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นรับรองมติเรียกร้องให้มีการตั้งโต๊ะเจรจาสันติภาพโดยเร็วและให้ยุติความรุนแรงในเยเมน

การสู้รบขยายวงมากขึ้นในประเทศอาหรับที่ยากจนแห่งนี้ หลังจากกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซอุดีอาระเบียเปิดสงครามทางอากาศเมื่อวันที่ 26 มีนาคม เพื่อสกัดกั้นการรุกคืบของกลุ่มกบฏฮูตีนิกายชีอะห์

บรรดาประเทศอ่าวอาระเบียกล่าวหาว่า บีโนมาร์ ถูกหลอกโดยพวกกบฏฮูตี ซึ่งจัดการเจรจาสันติภาพขึ้นมาในขณะที่กบฏกลุ่มนี้ยังผลักดันการโจมตีของพวกเขาเพื่อช่วงชิงดินแดนเพิ่มเติมต่อไป

บัน “ชื่นชมอย่างยิ่งต่อความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยที่คุณบีโนมาร์ได้กระทำตลอดช่วงเวลาหลายปีเพื่อส่งเสริมความเห็นพ้องต้องกันและความไว้เนื้อเชื่อใจบนเส้นทางสู่สันติภาพในเยเมน” ถ้อยแถลงของยูเอ็นระบุ

ประธานาธิบดีอาเบดรับบู มันซูร์ ฮาดี แห่งเยเมนซึ่งยูเอ็นให้การยอมรับได้หลบหนีไปยังซาอุดีอาระเบียเมื่อกลุ่มฮูตีรุกคืบสู่เมืองเอเดน ที่มั่นสำคัญของเขาทางตอนใต้ ไม่กี่เดือนหลังจากที่กบฏกลุ่มนี้เข้ายึดกรุงซานา

ซาอุดีอาระเบียกล่าวหาอิหร่านว่าติดอาวุธให้กับกลุ่มฮูตี แต่เตหะรานยืนกรานปฏิเสธ

มติซึ่งได้รับการับรองเมื่อวันอังคาร (14) เรียกร้องให้กลุ่มฮูตีถอนกำลังจากกรุงซานาและพื้นที่อื่นๆ ทั้งหมดที่พวกเขายึดมาได้

การต่อสู้ที่ขยายวงอย่างรวดเร็วเมื่อไม่นานมานี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 700 รายและทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 2,700 คน

 

ผลสำรวจเผย! การโจมตี “ต่อต้านยิว” ทั่วโลกพุ่งขึ้น 38% ในปี 2014
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2558 17:17 น.



เอเอฟพี – การโจมตีต่อต้านยิวอย่างรุนแรงทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้น 38 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014 ทั้งนี้อ้างจากการสำรวจของอิสราเอลเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีการปลดแอกค่ายนรกนาซี

งานศึกษาของมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟชิ้นนี้ ซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่อิสราเอลจัดพิธีรำลึกวันโฮโลคอสต์ (Holocaust) ในวันนี้ (16) ระบุว่า ตัวเลขจากฝรั่งเศสและอังกฤษกำลังน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษ

งานศึกษาชิ้นนี้บักทึกเหตุโจมตีรุนแรงทั่วโลกได้ทั้งหมด 766 ครั้ง ซึ่งรวมถึง “การวางเพลิง , การทำลายทรัพย์สิน หรือการคุกคามโดยตรงต่อชาวยิวหรือสถาบันของยิว”

“ด้วยเหตุนี้ปี 2014 จึงเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดเป็นปีที่สองของศตวรรษนี้ ภายหลังจากปี 2009” งานศึกษาชิ้นนี้ ระบุ

งานศึกษาชิ้นนี้ระบุว่า ประเทศที่มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นมาที่สุดคือฝรั่งเศส โดยมีการโจมตีถึง 164 ครั้ง เมื่อเทียบ 141 ครั้งในปีที่ก่อนหน้า

ฝรั่งเศสมีชุมชนชาวยิวใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยประมาณว่าอยู่ที่ราวๆ 600,000 คน

ในอังกฤษมีการโจมตีถูกบันทึกไว้ 141 ครั้ง เพิ่มขึ้นจาก 95 ครั้งในปี 2013 และเยอรมนีนับได้ 76 ครั้งในปี 2014 มากกว่าตัวเลขดังกล่าวในปี 2013 กว่าเท่าตัว รายงานชิ้นนี้ ซึ่งมีการเผยแพร่ปีละครั้ง ระบุ

“ความรู้สึกโดยรวมในหมู่ชาวยิวจำนวนมากคือความรู้สึกของการใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ต่อต้านยิวอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เพียงกลายเป็นการดูหมิ่นและข่มขู่เท่านั้น แต่ยังเป็นภัยอันตรายโดยสมบูรณ์อีกด้วย และในสภาพแวดล้อมนี้พวกเขากำลังเชิญกับการปะทุขึ้นของความเกลียดชังต่อพวกเขาในฐานะตัวบุคคล , ชุมชนของพวกเขา และอิสราเอล ในฐานะรัฐยิว” รายงาน ระบุ

งานศึกษาชิ้นนี้ ระบุว่า หนึ่งในปัจจัยส่งเสริมคือสงครามในฉนวนกาซาเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ที่เป็นชนวนให้เกิดการประท้วงขึ้นมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป

 

สเปนสอบเหตุเรือรัสเซียจมปล่อยน้ำมันรั่วไหล



สเปนสอบสวนหาสาเหตุเรือสัญชาติรัสเซียที่เกิดอับปางนอกชายฝั่งของเกาะกานาเรีย ด้านหน่วยเรือยามชายฝั่งพยายามสกัดน้ำมันที่รั่วไหลออกมาซึ่งอยู่ห่างจากชายหาดท่องเที่ยวเพียง6กม.

วันศุกร์ 17 เมษายน 2558 เวลา 00:45 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่16เม.ย.ว่า กลุ่มรณรงค์เคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมกรีนพีซออกมาวิจารณ์การทำงานของหน่วยงานสเปนที่ทำการลากจูงเรือโอเล็ก เนย์เดนอฟ เรือประมงสัญชาติรัสเซียที่บรรทุกน้ำมันปริมาณ1,409ตัน หลังเกิดเพลิงไหม้กลางทะเลที่ท่าเรือลัส ปัลมัส นอกชายฝั่งเกาะกานาเรียราว6กม. เมื่อวันอาทิตย์ที่12เม.ย.ผ่านมา ก่อนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ห่างจากตอนใต้ของเกาะแกรนด์ กานาเรีย ไปประมาณ15ไมล์ทะเล

ทั้งนี้โทรทัศน์เผยให้เห็นภาพน้ำมันที่รั่วไหลลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ขณะที่นางอานา ปาสโตร์ รมว.กระทรวงโยธาธิการสเปนแถลงว่า กระทรวงได้ส่งเรือลากจูง3ลำและเครื่องบินเล็กอีก2ลำ ไปควบคุมการรั่วไหลของน้ำมัน นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญกำลังนำหุ่นยนต์ดำลงไปตรวจสอบซากเรือใต้ทะเลที่ระดับความลึก2.4กม.

ด้านโฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่า อัยการของเกาะกานาเรียได้สั่งสอบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เรืออับปางแล้ว ซึ่งอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยของเต่าทะเลและโลมา ขณะที่ปี2545สเปนเคยเกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำมันเพรสทีจอับปางนอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมาแล้ว ทำให้น้ำมันปริมาณมหาศาลที่มากกว่าเรือโอเล็ก เนย์เดนอฟถึง50เท่า รั่วไหลลงสู่ทะเล

ขณะที่กลุ่มกรีนพีซกล่าวว่า ตัวเรือและถังน้ำมันที่อยู่ในสภาพไม่ดีจะทำให้น้ำมันที่อยู่ภายในรั่วไหลออกมาเนื่องจากแรงดันใต้น้ำ ทั้งนี้น้ำมันที่รั่วไหลออกมาในทะเลเปิดจะยากต่อการควบคุม โดยนักสิ่งแวดล้อมแนะให้กู้ซากเรือขึ้นฝั่ง ส่วนองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกเผยว่า จุดที่เรืออับปางนั้นมีปะการังน้ำลึกอยู่ข้างใต้รวมทั้งเป็นพื้นที่ที่อยู่ของโลมาปากขวดอีกด้วย

สเปนสอบเหตุเรือรัสเซียจมปล่อยน้ำมันรั่วไหล | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สหรัฐยันโรงกลั่นน้ำมันอิรักยังไม่ตกเป็นของไอเอส



เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐยืนยัน อิรักยังไม่เสียโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ที่สุดในประเทศให้แก่กลุ่มไอเอส แม้มีรายงานกลุ่มหัวรุนแรงยึดพื้นที่บางส่วนได้แล้วก็ตาม

วันศุกร์ 17 เมษายน 2558 เวลา 07:56 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ว่าพล.อ.มาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐ แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบครั้งใหม่ระหว่างกองทัพอิรักกับกลุ่มไอเอส บริเวณเมืองไบจิ สถานที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยยอมรับว่าน่าเป็นห่วง แต่ยืนยันโรงกลั่นน้ำมันยัง "ปลอดภัย" แม้มีรายงานกลุ่มไอเอสสามารถเข้าถึงพื้นที่บางส่วนของโรงกลั่นน้ำมันได้แล้วก็ตาม

ขณะเดียวกัน พล.อ.เดมป์ซีย์ยังกล่าวถึงสถานการณ์ที่เมืองรามาดี ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของอิรัก และห่างจากกรุงแบกแดดเพียง 110 กิโลเมตร ว่าในทางยุทธศาสตร์ถือว่ามีความสำคัญน้อยกว่าเมืองเบจิ แต่หากกลุ่มไอเอสสามารถยึดเมืองรามาดีได้จริง ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลอิรักจะเสียกรุงแบกแดดและต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการสู้รบครั้งนี้ นอกจากนี้ พล.อ.เดมป์ซีย์เผยว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังติดตามสถานการณ์ในเมืองติกริตอย่างใกล้ชิดเช่นกัน เนื่องจากมีรายงานกลุ่มไอเอสลอบนำวัตถุโบราณในเมืองออกไปจำหน่ายในตลาดมืด

ด้านนายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อาบาดี ผู้นำอิรัก กล่าวระหว่างเข้าร่วมงานสัมมนาทางวิชาการในกรุงวอชิงตัน ว่ากลุ่มไอเอสกำลังพยายามต้องการแสดงให้ประชาคมโลกเห็น ว่าแม้กองทัพอิรักได้รับความสนับสนุนจากนานาประเทศอย่างมากและต่อเนื่อง แต่กลุ่มไอเอสยังคงสามารถก่อความวุ่นวายและสร้างความเสียหายได้ตลอดเวลาเช่นกัน

สหรัฐยันโรงกลั่นน้ำมันอิรักยังไม่ตกเป็นของไอเอส | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สหรัฐ-รัสเซียแขวะกันรอบใหม่



สหรัฐเหน็บรัสเซียกลับมาขายระบบขีปนาวุธ "เอส-300" ให้อิหร่าน เพราะเศรษฐกิจกำลังแย่ ขณะที่รัฐบาลมอสโกประณาม "บางประเทศ" พยายามสร้างความวุ่นวายรอบบ้านรัสเซีย เพื่อหวังทำลายความมั่นคงระหว่างประเทศ

วันศุกร์ 17 เมษายน 2558 เวลา 10:01 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ว่านายจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงเกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลรัสเซียเตรียมกลับมาส่งมอบระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศยาน "เอส-300" ให้แก่ทางการอิหร่าน หลังรัฐบาลเตหะรานสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นร่วมกับมหาอำนาจเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของตัวเอง เมื่อต้นเดือนนี้ ว่าสะท้อน "ความอ่อนแอ" ทางเศรษฐกิจของรัสเซีย ส่งผลให้รัฐบาลมอสโกจำเป็นต้องกลับมาดำเนินธุรกิจ "อื้อฉาว" อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เออร์เนสต์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลวอชิงตันหารือลับหลังกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลมอสโกในประเด็นนี้เช่นกัน เพื่อแสดง "ความวิตกกังวล" ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลออกมาแสดงท่าทีคัดค้าน ว่ารัสเซียสนับสนุนให้อิหร่านสร้าง "ความก้าวร้าว" ในภูมิภาค

ถ้อยแถลงของโฆษกทำเนียบขาวมีขึ้นในวันเดียวกับที่นายเซอร์เก ชอยกู รมว.กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงประณาม "บางประเทศ" และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) ว่ากำลังพยายามทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของโลกหลังผ่านยุคสหภาพโซเวียต ด้วยการ "ล่อลวง" นานาประเทศที่เคยมีประวัติศาสตร์ทางการเมืองและวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับสหภาพโซเวียต ผ่านการเสนอเงินลงทุนและให้ความสนับสนุนการก่อความวุ่นวายทางการเมืองอย่างลับๆ

ขณะที่นาโตออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวของชอยกู โดยยืนยันนโยบายเพิ่มความมั่นคงทางทหารให้แก่สมาชิกในยุโรปตะวันออก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือความเคลื่อนไหวของรัสเซียที่อาจบานปลายจากสถานการณ์ในยูเครนเท่านั้น

สหรัฐ-รัสเซียแขวะกันรอบใหม่ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ประเทศกำลังพัฒนาเรียกร้องสหรัฐร่วมปฏิรูปไอเอ็มเอฟ



กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของโลกในนาม "จี24" ร่วมกันเรียกร้องให้สหรัฐลงนามในสัตยาบันปฏิรูปไอเอ็มเอฟ ที่จะมีการเพิ่มบทบาทของกลุ่มประเทศเหล่านี้ในองค์กร

วันศุกร์ 17 เมษายน 2558 เวลา 10:42 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ในโลก 24 แห่ง หรือ "จี24" ออกแถลงการณ์ร่วมกันนอกรอบการประชุมประจำปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) และธนาคารโลก ( เวิลด์แบงก์ ) แสดง "ความผิดหวัง" ต่อการที่รัฐบาลวอชิงตันยังคงปฏิเสธให้สัตยาบันรับรองข้อตกลงปฏิรูปไอเอ็มเอฟ ที่หารือกันมาตั้งแต่ปี 2553 พร้อมทั้งเรียกร้องให้สภาคองเกรสของสหรัฐเร่งอนุมัติโดยเร็ว

เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ความล่าช้าสะท้อนให้เห็นถึงการที่รัฐบาลสหรัฐไม่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการทำงานของไอเอ็มเอฟด้วย ทั้งนี้ สาระสำคัญของข้อตกลงปฏิรูปโครงสร้างการทำงานของไอเอ็มเอฟ คือการเปิดโอกาสให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเปิดใหม่บนโลกเข้ามามีบทบาทในการทำงานขององค์กรมากขึ้น

ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่คนปัจจุบันของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่าเธอมีความเข้าใจเจตนารมณ์ในเรื่องนี้ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นสมาชิกของไอเอ็มเอฟ ซึ่งอดทนรอคอยท่าทีของรัฐบาลวอชิงตันในเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เธอจึงขอร่วมเรียกร้องให้สหรัฐเร่งลงนามในสัตยาบันโดยเร็ว

ประเทศกำลังพัฒนาเรียกร้องสหรัฐร่วมปฏิรูปไอเอ็มเอฟ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

พบเหรียญเงินกว่าพันล้าน ในซากเรือสงครามโลกที่ 2



ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการกู้ซากเรืออังกฤษพบเหรียญเงินกษาปณ์มูลค่าราว50ล้านดอลลาร์สหรัฐ(1,600ล้านบาท) หลังถูกเรือดำน้ำฝ่ายเยอรมนียิงตอร์ปิโดใส่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ขณะเดินทางมาจากอินเดียมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน

วันศุกร์ 17 เมษายน 2558 เวลา 05:28 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่17เม.ย.ว่า ทีมค้นหาใต้มหาสมุทรที่ประจำอยู่ในมอริเชียสทำการกู้ซากเรือเอสเอส ซิตี้ ออฟ ไคโร ที่ความลึก5,150เมตรนอกชายฝั่งเกาะเซนต์เฮเลนาประมาณ700กม. ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก พบเหรียญเงินกษาปณ์รวมมูลค่าราว50ล้านดอลลาร์สหรัฐ(1,600ล้านบาท)อยู่ในกระสอบภายในซากเรือ

เว็บไซต์ของทีมค้นหารายงานว่า เรือลำดังกล่าวได้ขาดเป็น2ท่อนจมนอนก้นอยู่ใต้ทะเล ขณะที่บางส่วนของซากเรือถูกดินโคลนทับถมหนาหลายเมตร เนื่องจากเรือจมอยู่ใต้ทะเลที่ลึกมากทำให้การกู้ซากเรือเป็นไปด้วยความยากลำบาก และนับเป็นสถิติโลกในการกู้ซากเรือที่ลึกที่สุดอีกด้วย

เรือเอสเอส ซิตี้ ออฟ ไคโรเป็นเรือโดยสารและเรือขนส่งในลำเดียวกัน ออกเดินทางจากท่าเรือในเมืองมุมไบของอินเดียมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยได้จอดแวะพักที่เมืองเคปทาวน์ ของแอฟริกาใต้และเมืองเรซีฟี ของบราซิลเมื่อปีพ.ศ.2485 เพื่อนำเหรียญเงินหนักรวม100ตันซึ่งเป็นของกระทรวงการคลังอังกฤษไปช่วยทำสงครามโลกครั้งที่2 พร้อมกับผู้โดยสารอีก296คน ก่อนถูกเรืออู-โบท ของฝ่ายเยอรมนียิงตอร์ปิโด2ลูกใส่และจมลงในที่สุด

ขณะที่ผู้โดยสาร192คน สามารถหนีเอาชีวิตรอดมาได้โดยลงเรือช่วยชีวิต และได้รับการช่วยเหลือจากเรือที่แล่นผ่านมา ก่อนนำมาส่งที่เกาะเซนต์เฮเลนาและเมืองเคปทาวน์ ทั้งนี้ทีมค้นหาได้เริ่มทำการค้นหาซากเรือตั้งแต่ปี2554จนพบจุดที่เรือจมอยู่บริเวณที่ลาดแนวสันเขาใต้น้ำกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่ปี2556แล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยให้สาธารณะได้รับรู้ ส่วนเงินที่เก็บกู้มาได้จะถูกส่งคืนให้กับกระทรวงการคลังอังกฤษต่อไป

พบเหรียญเงินกว่าพันล้าน ในซากเรือสงครามโลกที่ 2 | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ปูตินยันเศรษฐกิจรัสเซียผ่านพ้นวิกฤติ



ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ความเลวร้ายที่สุดของวิกฤติเศรษฐกิจรัสเซีย พ้นผ่านไปแล้ว พร้อมชี้ให้เห็นการแข็งค่าขึ้นของเงินรูเบิล แม้ว่าจะยังเผชิญหน้ากับมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกกรณีความขัดแย้งในยูเครน

วันพฤหัสบดี 16 เมษายน 2558 เวลา 18:52 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 16เม.ย.ว่าประธานาธิบดีปูตินกล่าวระหว่างปราศรัยประจำปีกับชาวรัสเซียว่าค่าเงินรูเบิลกลับมามีเสถียรภาพและแข็งแกร่งแล้วผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเราได้ผ่านช่วงเวลาของปัญหาที่หนักหน่วงที่สุดไปแล้วเราได้แก้ไขอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินของชาติให้ถูกต้องไม่ให้มันเลวร้ายและทุกสิ่งทุกอย่างกำลังได้ผลทั้งนี้หลังจากค่าเงินรูเบิลดิ่งลงอย่างหนักเมื่อปลายปีที่แล้วค่าเงินก็กลับมาแข็งค่าสูงสุดในรอบ5 เดือน ขณะที่การสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครนก็ลดลงและราคาน้ำมันก็เริ่มนิ่ง

ค่าเงินรูเบิลดิ่งลงต่ำกว่าแนวต้านที่สำคัญทางจิตวิทยาที่ 50รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมาซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้วประธานาธิบดีปูตินยกย่องชื่นชมแผนของรัฐบาลว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจโดยระบุว่ารัฐบาลดำเนินการด้วยทีมงานที่เป็นมืออาชีพสูงผู้นำรัสเซียปฏิเสธปัญหาเศรษฐกิจซึ่งรวมทั้งภาวะเงินเฟ้อสูง,การว่างงาน และเงินทุนไหลออกซึ่งประมาณว่ามากกว่า 100,000ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจรัสเซียรอดพ้นหายนะแล้ว

ปูตินคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะใช้เวลา 2ปีในการทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติแต่กล่าวว่า ขณะนี้การฟื้นตัวอาจเกิดเร็วกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม ปูติน กล่าวว่าชาวรัสเซียไม่ควรคาดหวังการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกว่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้

รัสเซียอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกตั้งแต่ผนวกเอาไครเมียจากยูเครนเป็นดินแดนของตัวเองในเดือนมี.ค.ปีที่แล้วและจากนั้น ก็ถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงที่กำลังต่อสู้กับกองทัพยูเครนในภาคตะวันออกของยูเครนวิกฤติเศรษฐกิจรัสเซียส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวรัสเซียแต่จนถึงขณะนี้กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมที่พุ่งสูงขึ้นของปูตินซึ่งทั่วรัสเซียต่างชื่นชมในการเผชิญหน้ากับตะวันตกของเขา

ปูตินยันเศรษฐกิจรัสเซียผ่านพ้นวิกฤติ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

'เอเชียใต้' สมรภูมินิวเคลียร์น่าจับตา



ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังให้ความสนใจกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน บางประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้กำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างเงียบๆ เพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำด้านอาวุธนิวเคลียร์ในระดับภูมิภาค

วันพฤหัสบดี 16 เมษายน 2558 เวลา 12:54 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ว่าประชาคมโลกกำลังให้ความสนใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อการที่อิหร่านสามารถเห็นชอบในหลักการเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ หลังผ่านการเจรจามาราธอนกับกลุ่มประเทศมหาอำนาจ ในขณะที่บางประเทศในอีกมุมหนึ่งของโลกกำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างเงียบๆ เพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำด้านอาวุธนิวเคลียร์ในระดับภูมิภาค

เอเชียใต้ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่เกิดความรุนแรงซึ่งสั่นคลอนเสถียรภาพด้านความมั่นคงและการเมืองระหว่างประเทศบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับอินเดียและปากีสถาน รวมถึงจีนที่แม้ตามหลักการแบ่งภูมิภาคตามทฤษฎีทางภูมิศาสตร์จะไม่ถือว่าอยู่ในเอเชียใต้ แต่จีนมีพรมแดนส่วนหนึ่งติดกับทั้งอินเดียและปากีสถาน ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า 3 ประเทศนี้มี “ความอันตราย” ไม่แพ้กัน เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นช่างซับซ้อน บนพื้นฐานของความเป็นปรปักษ์และไม่สามารถไว้ใจกันได้อย่างเต็มร้อย

แม้มีปัญหาทางเศรษฐกิจและความมั่นคงที่ต้องต่อสู้กับกลุ่มตาลีบันรุมเร้าอยู่ตลอดเวลา แต่ปากีสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าในโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก รายงานของสภาวิเทศสัมพันธ์แห่งสหรัฐ ( ซีเอฟอาร์ ) ระบุว่า จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ของกองทัพปากีสถานเพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ทางการเมืองและการทหารของรัฐบาลปากีสถาน เพื่อต่อกรกับ “คู่อริตลอดกาล” นั่นคืออินเดีย ขณะที่นโยบายของรัฐบาลในภาพรวมไม่เคยมีกรอบชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลหลายคนกล่าวว่า ต้องมีไว้เพื่อป้องกันประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลปากีสถานลงนามในข้อตกลงซื้อเรื้อดำน้ำจากจีนจำนวน 8 ลำ แม้ยังไม่มีรายงานใดสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน ว่าเรือดำน้ำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งติดหัวรบนิวเคลียร์หรือไม่ แต่ข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในสัญญาการซื้อขายอาวุธมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐบาลปักกิ่ง และแน่นอนยิ่งต้องเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันในภูมิภาคเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ด้านอาวุธ

รายงานของหนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ระบุว่าปากีสถานทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลาง “ชาฮีน-3” ที่มีแนวโน้มสูงว่าเป็นขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ และพิสัยการเดินทางของขีปนาวุธนั้นผ่านอินเดียด้วย ขณะที่ 1 เดือนต่อมา หนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส” รายงานปากีสถานกำลังซุ่มพัฒนาขีปนาวุธพิสัยใกล้ตัวใหม่ ที่แน่นอนว่าอินเดียต้องอยู่ในรัศมีการเดินทางของอาวุธ

อินเดียกับปากีสถานทำสงครามกันอย่างเปิดเผยมาแล้ว 3 ครั้ง ในปี 2490 2508 และ 2514 ปัจจุบันรัฐบาลนิวเดลีมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ราว 110 หัว แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอินเดียกำลังเร่งพัฒนาศักยภาพในการผลิต เพื่อเพิ่มจำนวนหัวรบชนิดนี้ให้มากขึ้นอีก ทางการอินเดียทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกเมื่อปี 2517 ขณะที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำประเทศคนปัจจุบัน ยืนยันแผนยุทธศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ของอินเดีย คือเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและรักษาความมั่นคงของชาติ

รายงานของคณะกรรมาธิการตรวจสอบด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงสหรัฐ-จีน ( ยูเอสซีซี ) เผยว่าจีนครอบครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ราว 250 หัว สร้างความกังวลให้กับอินเดียไม่น้อย เนื่องจากสิ่งที่จีนมีอยู่นั้น มีครบทั้งขีปนาวุธพิสัยใกล้ พิสัยกลางและพิสัยไกลข้ามทวีป อีกทั้งยังมีการพัฒนาฐานยิงขีปนาวุธทั้งบนพื้นและบนผิวน้ำ

การแข่งขันกันอย่างเงียบๆแต่หนักหน่วงระหว่างทั้งสามประเทศ เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งด้านนิวเคลียร์ในระดับภูมิภาค ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมการแสดงความวิตกกังวลจากหลายฝ่าย ว่าคือการสั่นคลอนเสถียรภาพด้านความมั่นคงของเอเชียใต้ ที่เผชิญกับปัญหาร้อยแปดมากมายอยู่แล้ว โดยอินเดียและปากีสถานยังปฏิเสธการเข้าร่วมเป็นรัฐภาคีสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ( เอ็นพีที )

ปัจจุบันสหรัฐและรัสเซียครอบครองอาวุธนิวเคลียร์รวมกันมากกว่าร้อยละ 90 ของอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลก แต่เอเชียใต้กำลังจะเป็นภูมิภาคที่น่าจับตามองในเรื่องนี้มากขึ้นแน่นอนในอนาคต

'เอเชียใต้' สมรภูมินิวเคลียร์น่าจับตา | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

รู้ทันมะเร็ง : รักษามะเร็งด้วยความร้อน : นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ไลฟ์สไตล์ : ข่าวทั่วไป วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2558



ผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวมหาสงกรานต์ ได้รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ เล่นน้ำสาดน้ำกันคงพอช่วยให้คลายร้อนกันไปได้บ้าง บรรยากาศหน้าร้อนแบบนี้ ต้องระวังอุณหภูมิร่างกายสูงเกินหรือภาวะฮีทสโตรกโดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ชอบอากาศร้อน แต่ความร้อนก็ยังมีประโยชน์อีกหลายด้านโดยเฉพาะการรักษาโรคมะเร็ง

การใช้ความร้อนรักษาโรคมะเร็ง มีทั้งใช้แบบเฉพาะจุดเฉพาะที่ เฉพาะส่วนหรือทั่วทั้งร่างกาย ส่วนใหญ่แล้วมักใช้ความร้อนร่วมกับวิธีการรักษาอื่น เช่น การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด ตามคำจำกัดความนั้นอุณหภูมิที่ใช้ไม่สูงเกินกว่า 113 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 45 องศาเซลเซียส เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นในระดับอุณหภูมิดังกล่าวส่งผลให้โปรตีนและโครงสร้างภายในเซลล์มะเร็งถูกทำลาย ไม่ต้องใช้อุณหภูมิสูงลิบเกือบร้อยองศาเซลเซียสแบบที่หลายคนเข้าใจกัน นอกจากนั้นอุณหภูมิที่สูงขึ้นยังช่วยให้เซลล์มะเร็งตอบสนองต่อการฉายรังสีและการให้ยาเคมีบำบัดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยแหล่งกำเนิดความร้อนที่ใช้ในการรักษามะเร็งมีหลายแบบตั้งแต่ คลื่นไมโครเวฟ คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูง คลื่นวิทยุหรืออาร์เอฟ เลเซอร์ เป็นต้น โดยแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสีย ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาใช้กับมะเร็งในทุกอวัยวะได้เหมือนกันทั้งหมด

กรณีที่โรคมะเร็งยังเป็นเฉพาะที่ ไม่ว่าจะอยู่ภายนอกที่ผิวหนัง ในอวัยวะที่เป็นท่อกลวง หรือแม้แต่ในอวัยวะที่เป็นก้อนตันในส่วนลึก กลุ่มนี้อาจใช้คลื่นไมโครเวฟ การจี้ด้วยไฟฟ้า คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูง คลื่นวิทยุ ทำให้เกิดความร้อนโดยผ่านแท่งโลหะที่แทงเข้าไปในตัวก้อนมะเร็งโดยตรงหรือผ่านกล้องส่องตรวจ กรณีที่โรคมะเร็งเป็นทั้งอวัยวะหรือเป็นเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น แขน ขา ช่องท้อง ก็มีการให้ยาหรือสารน้ำที่ทำให้อุณหภูมิสูงเข้าไปเฉพาะส่วนนั้นๆ ในกรณีที่มะเร็งกระจายไปทั่วร่างกายก็มีการใช้เทคนิคอื่น เช่น การใช้ตู้อบหรือถุงคล้ายผ้าห่มใส่น้ำร้อน เพื่อเพิ่มอุณหภูมิทั้งร่างกาย ส่วนการรักษาจะได้ผลดีหรือไม่อย่างไรขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตั้งแต่การควบคุมระดับอุณหภูมิ ความแม่นยำในการกำหนดตำแหน่งเป้าหมาย ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาและประเภทของมะเร็งว่ามีการตอบสนองต่อการรักษามากน้อยเพียงไร อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้การใช้ความร้อนรักษามะเร็งยังไม่เป็นการรักษามาตรฐาน ยังเป็นการรักษาที่อยู่ในขั้นตอนของการวิจัยทางคลินิกเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นยังมีการใช้ความร้อนรักษามะเร็งของบางอวัยวะที่สภาพผู้ป่วยไม่เหมาะกับการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีทั้งการรักษาเพื่อหวังผลหายขาดและการรักษาแบบประคับประคอง ในรายละเอียดคงต้องว่ากันเป็นของแต่ละอวัยวะๆ ไป

การใช้ความร้อนรักษาโรคมะเร็งไม่ใช่วิธีการใหม่ แต่มีเครื่องมือตัวใหม่ๆ ที่ถูกผลิตขึ้นมา เพื่อสร้างความร้อนออกสู่ตลาดเป็นระยะจนผู้ป่วยและญาติอาจจะสับสน อยากทราบรายละเอียดที่ถูกต้อง สอบถามจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีที่สุดครับ

 

รู้ทันมะเร็ง : โดนหลอกไปรักษามะเร็งที่เมืองจีน : นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ไลฟ์สไตล์ : ข่าวทั่วไป วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2558



ด้วยการโฆษณาอย่างหนักหน่วงเต็มรูปแบบ ทั้งลงทุนโฆษณาในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่หัวสีทุกวันอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ลงทุนโฆษณาในเว็บเพจ ถ้าลองค้นหาคำว่ามะเร็งในอินเทอร์เน็ต จะพบชื่อโรงพยาบาลของจีนโรงพยาบาลนี้เป็นชื่อแรกชื่อบนสุดเสมอ นอกจากนั้นยังมีโครงการรักษาฟรีให้ผู้ป่วยมะเร็งไทย แล้วจ้างทีวีไทยหลายต่อหลายช่องไปทำข่าวอีกด้วย ต้องยอมรับการทำการตลาดหาลูกค้าของหน่วยงานนี้ ที่สามารถโน้มน้าวเอาคนป่วยฐานะดีของบ้านเราไปรักษาได้หลายราย

ลำพังถ้าการรักษามากมายที่โฆษณากันนั้น บอกกันแบบตรงไปตรงมาไม่มีหมกเม็ด คือบอกวิธีการรักษาของโรคมะเร็งแต่ละอวัยวะที่เป็นมาตรฐานและการรักษาใดที่ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย หรือการรักษาใดยังเป็นแค่การรักษาทางเลือกที่ยังไม่มีผลการรักษาที่ชัดเจนแน่นอน แต่แค่เอาตัวอย่างผู้ป่วยที่รักษาได้ผลดีมาโชว์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าที่ได้ผลการรักษาดีนั้นมาจากจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาวิธีนั้นทั้งหมดจำนวนเท่าไหร่ ที่สำคัญการรักษาที่คุยว่าเป็นวิธีการใหม่เอี่ยม แต่แท้ที่จริงแล้วกลับไม่มีอะไรใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการฝังแร่ไอโอดีน การใช้ความร้อน การใช้ความเย็น การใช้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ การรักษาพวกนี้มีในหลายโรงพยาบาลทั้งในประเทศไทยและในหลายประเทศทั่วโลก เพียงแต่นำมาใช้ในการรักษามะเร็งของอวัยวะต่างๆ ตามการรักษามาตรฐานที่มีข้อสรุปยืนยันแล้วเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น การใช้รังสีจากภายในโดยการฝังแร่หรือสารกัมมันตรังสี เช่น อิริเดียม 192 โคบอลท์ 60 ในตำแหน่งที่เป็นมะเร็งโดยตรง ทำให้เนื้องอกได้รับปริมาณรังสีที่สูงและอวัยวะข้างเคียงได้รับรังสีน้อย วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษามะเร็งบางอวัยวะเท่านั้น เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก ไม่ได้นำมาใช้รักษามะเร็งได้ทุกอวัยวะอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อกันไว้ แต่ถ้าจะนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งอื่นๆ จำเป็นต้องทำในรูปแบบของการรักษาแบบงานวิจัย ที่จำเป็นต้องมีการอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจและยินยอมในการรักษารูปแบบดังกล่าว

ประเด็นสำคัญที่เป็นที่สนใจของสังคมอยู่ในเวลานี้ จนสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทยต้องออกประกาศเตือนก็คือ มีผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายรายที่กลับจากการรักษาฝังแร่ไอโอดีน 125 แบบถาวรที่ประเทศจีน ตรวจพบว่ามีปริมาณรังสีในร่างกายเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง เด็ก สตรีมีครรภ์ รวมไปถึงคนในครอบครัวและบุคลากรด้านสุขภาพที่ให้การดูแลผู้ป่วยรายนั้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรกหลังได้รับการฝังแร่ รวมไปถึงแนวทางการปฏิบัติในกรณีที่ผู้ป่วยรายนั้นเสียชีวิต การฝังศพ การเผาศพ การเก็บอัฐิ เพราะยังมีโอกาสแผ่รังสีเป็นอันตรายกับคนรอบข้างได้ ตามปกติแล้วหลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการฝังแร่ ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องแยกในโรงพยาบาล เพื่อตรวจวัดปริมาณรังสีที่แผ่ออกจากตัวผู้ป่วยว่ายังมีสูงอยู่หรือไม่ ต้องรอให้ปริมาณรังสีอยู่ในระดับปกติก่อนจึงจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลได้ ไม่ใช่ให้เดินขึ้นเครื่องบินกลับประเทศ โดยไม่ให้คำแนะนำอะไรเลยแบบนี้

สรุปก็คือนอกจากได้รับการรักษาแบบเดิมๆ ที่ยังไม่เป็นมาตรฐานในการรักษาโรคมะเร็งหลายอวัยวะแล้ว ยังมาแผ่รังสีเป็นอันตรายกับคนรอบข้างเสียอีก แบบนี้ไม่เรียกว่าถูกหลอกก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วล่ะครับ

 

Thanong Fanclub



3. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
โลโก้ของCERN ดูให้ดีแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นเครื่องหมายของสัตว์ร้ายที่เป็นตัวเลขหกร้อยหกสิบหก(666) ล้อมรับคำว่าCERNที่อยู่ตรงกลาง เหมือนกับโลโก้ของโครม (Chrome) ประตูท่องโลกไซเอบร์ของกูเกิ้ลที่มีสัญลักษณ์ของสัตว์ร้าย666ซ่อนรูปอยู่อย่างแบบยล
อะไรคือเครื่องหมายของสัตว์ร้าย 666
ดูเหมือนว่ามีองค์กรลับที่ใช้ศาสนาคริสต์เพื่อครอบงำโลก และเมื่อได้เวลาจะลอกคราบออกมาเพื่อทำลายศาสนาคริสตร์ และจะเผยโฉมตัวตนที่แท้จริงออกมา ขบวนการทำลายโลกเป็นไปตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถเหนือรัฐบาลและเหนือจากการควบคุมใดๆในการสร้างเหตุการณ์ต่างๆให้เกิดขึ้นได้ภายใต้การควบคุมอย่างเหนี่ยวแน่นให้เป็นไปตามที่กำหนดด้วยความแม่นยำและแน่นอน
เนื้อหาหลักในพระคัมภีร์ ที่กล่าวถึง " เครื่องหมายของสัตว์ร้าย " อยู่ในวิวรณ์ 13:15-18
15: ทรงยอมให้มันมีอำนาจที่จะให้ลมหายใจแก่รูปสัตว์นั้น เพื่อให้รูปสัตว์ร้ายนั้นพูดได้ และให้มีอำนาจที่จะกระทำให้บรรดาคนที่ไม่ยอมบูชารูปสัตว์ร้ายนั้น ถึงแก่ความตายได้
16: และมันยังได้บังคับคนทั้งปวง ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย คนมั่งมี และคนจน ไทและทาสให้รับเครื่องหมาย ไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผากของเขา
17: เพื่อไม่ให้ผู้ใดทำการซื้อขายได้ นอกจากผู้ที่มีเครื่องหมายนั้น ซึ่งเป็นชื่อของสัตว์ร้ายนั้น หรือเลขชื่อของมัน
18: ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก
การอ้างอิงอื่น ๆของเครื่องหมายของสัตว์ร้าย สามารถพบได้ใน วิวรณ์บทอื่นๆในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล จะเห็นได้่ว่าCERNน่าจะมีวาระแฝง หน้าฉากคือการค้นคว้าของนักฟิสิกซ์เพืื่อวิจัยนิวเคลียร์เพื่อนำพามนุษยชาติสู่ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นการค้นคว้าเพื่อจำลองเหตุการณ์บิ๊กแบงหรือช่วงเสี้ยวของเสี้ยววินาทีที่จักรวาลถือกำเนิดขึ้นมาจากการกระทบของมวลหรือพลังงานมหาศาล
แต่ที่สำคัญที่สุด นักฟิซิกซ์ของCERNแอบทำการทดลองเพื่อเปิดมิติของเวลา โดยเชื่อว่า หรือหลอกตัวเองว่าเมื่อมิติของเวลาเปิดแล้ว พวกเขาจะสามารถสัมผัสกับมนุษย์ต่างดาวได้
เมื่อประตูของเวลาของCERNเปิดออกมา เราจะได้เห็นพระเจ้าองค์ใหม่ของโลก ผ่านสัญลักษณ์ของเครื่องหมายของสัตว์ร้าย666
thanong
17/4/2015
http://www.wdbydana.com/…/2…/3/12_The_Mark_of_the_Beast.html