ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Vda Nong ผ่าน BBTV Channel 7 News

    [​IMG]

    ((มีมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากจีน มาปกคลุมประเทศไทย อีกครั้ง ในช่วงวันที่ 21 - 23 เมษายนนี้))
    กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุหลังสงกรานต์สภาพอากาศไม่ร้อนจัด อุณหภูมิไม่แตะ 44 องศาอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้
    จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ก่อนหน้านี้ที่คาดว่าหลังจากสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ ทุกภาคของประเทศจะมีอากาศร้อนจัด บางพื้นที่อุณหภูมิจะสูงแตะ 44 องศาเซลเซียส ได้นั้น
    ล่าสุด นายประวิทย์ แจ่มปัญญา ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าฤดูร้อนปีนี้อุณหภูมิจะไม่ร้อนจัดถึง 44 องศาเซลเซียสแล้ว
    เนื่องจากจะมีมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากจีน มาปกคลุมประเทศไทย อีกครั้ง ในช่วงวันที่ 21 - 23 เมษายนนี้
    ทำให้ทั่วทุกภาคจะเกิดพายุฤดูร้อน ลมกระโชกแรง
    ข่าวอุตุฯ เผยผิดคาด หลังสงกรานต์อากาศไม่ร้อนเหตุอิทธิพลมวลอากาศเย็นจากจีน
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Vda Nong ได้แชร์โพสต์ของ แฉ..ความลับ

    [​IMG]

    วันที่ 15 ม.ค.58 ไขปริศนา..เทคโนโลยี HAARP คืออะไร มันจะทำลายโลกไหม ?

    หลายคน คงเคยได้ยินคำว่า HAARP ดังนั้นวันนี้จะมาไขปริศนาเจ้าเทคโนโลยีทางทหารลึกลับนี้ ว่ามันคืออะไร มนุษย์ทั่วไปมักเชื่อคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่า ความผิดปกติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีต้นตอมาจากการเผาผลาญพลังงานฟอสซิล และทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

    ประกอบกับการปล่อยสาร CFC ที่ทำลายชั้นโอโซน ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก จนอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นที่ยอมรับเป็นเอกฉันท์ในวงการวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง กรณีภาวะเรือนกระจก และทฤษฏีโลกร้อน ก็เชื่อกันมาระยะยาวนานพอสมควร ว่าสารสำคัญที่เป็นต้นเหตุ คือ CFC

    แต่ต่อมามนุษย์ก็สังเกตว่า ไม่พบรูโหว่ในชั้นบรรยากาศโลก เหนือพื้นที่ที่มีสถิติการปล่อยสาร CFC เป็นจำนวนมาก เช่น เหนือเมืองมหานครใหญ่ และ เขตอุตสาหกรรมต่างๆ แต่รูโหว่ในชั้นบรรยากาศโลก ดันกลับไปเกิดขึ้นยังบริเวณขั้วโลกทั้งสองด้าน ชั้นโอโซนในบริเวณขั้วโลกใต้ มีปริมาณโอโซนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึงราว 10%

    ในช่วง 20 ปีมานี้ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ที่บริเวณผิวพื้นโลก และ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ในชั้นบรรยากาศระดับล่างและกลาง ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นอุณหภูมิที่ผิวพื้นโลกสูงขึ้นจริง แต่อุณหภูมิในชั้นบรรยากาศกลับ “ไม่มีการเปลี่ยนแปลง” เพราะหากทฤษฎีโลกร้อนถูกต้อง อุณหภูมิทั้งสองบริเวณนี้ จะต้องสูงขึ้นเช่นเดียวกัน จึงเป็นการพิสูจน์ว่า ทฤษฎีโลกร้อนที่เชื่อกันมาหลายปีนี้ผิดพลาด

    นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (รังสีแกมม่า) ได้ในบริเวณขั้วโลกเหนือเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีมาแล้ว ในช่วงหลังๆ พบว่าปริมาณคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก ได้เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนความถี่และความรุนแรง ท้องฟ้าในบริเวณขั้วโลกเหนือ ที่ปกติมืดมิดตลอดเวลาในช่วงฤดูหนาว ปัจจุบันกลับมีแสงสว่าง (แสงออโรร่า) เกิดขึ้นเป็นประจำ

    ขอบฟ้าถูกยกสูงขึ้น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลึกลับนี้ คือต้นเหตุของความวิปริตของสภาพอากาศทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงระยะหลังมานี้ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐที่พบว่า อิทธิพลรังสีแกมม่าสามารถทำให้เกิดรูโหว่ในชั้นโอโซนได้ โลกจะเย็นลง เกิดฝนกรด และการเกิดเมฆหมอกได้

    พ.ศ. 2501 - 2531 เป็นเวลา 30 ปี มีการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ ประจำสภาบันภูมิฟิสิกส์ประเทศจอร์เจีย จากการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบ สรุปได้ว่าปฏิกิริยาระหว่างโลก กับสนามพลังงานแม่เหล็ก เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงสูงกว่า 6 ริกเตอร์ขึ้นไป คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้ ยังเกี่ยวข้องกับจำนวนดาวตกที่เพิ่มขึ้นด้วย

    มนุษย์ ได้ใช้ประโยชน์จากความถี่เสียงมานานแล้ว เช่น การพูดคุยกัน ที่มีการสั่นสะเทือนของอวัยะในปาก จนคลื่นความถี่ขึ้น และหูก็รับคลื่นความถี่นั้นมาแปลงอีกที่ ก็สามารถสื่อสารกันได้ หากเสียงนั้น เช่น เปิดเพลงดังๆ ลำโพง ก็จะกระแทกออกมา เพราะความสั่นสะเทือนที่มากเกินไปนั้นเอง

    เจ้าเครื่อง HAARP (High Frequency Active Auroral Research Program) ก็ใช้หลักการนี้ มันคือ โครงการทดลองยุทธศาสตร์การริเริ่มป้องกันทารทหาร ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โครงการสตาร์วอร์” ถูกริเริ่มขึ้นในยุคของประธานาธิบดีเรแกน

    โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อศึกษา "การใช้ไอโอโนสเฟีย (ชั้นบรรยากาศระดับสูง) เพื่อเป้าหมายของกระทรวงกลาโหม สร้างและควบคุมสภาพ ภูมิอากาศ แล้วให้สะท้อนกลับมายังพื้นผิวโลก ไปยังเป้าหมายที่ต้องการ “

    นายอีสแมน เจ้าของลิขสิทธิ์เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการ HAARP นี้ ระบุถึงศักยภาพของมันว่า "สามารถรบกวนระบบโทรคมนาคมทั้งหมด ในพื้นที่ขนาดใหญ่มากบนโลก สามารถเบี่ยงเบนทิศทาง หรือทำลายจรวด และเครื่องบิน สามารถปรับเปลี่ยนภูมิอากาศ "

    การทำงานของอาวุธนี้ อาศัยเทคโนโลยีการส่งคลื่นวิทยุแม่เหล็กไฟฟ้าพลังมหาศาล ขึ้นไปที่ชั้นบรรยากาศ เพื่อยกบริเวณชั้นบรรยากาศส่วนบน (ไอโอโนสเฟีย) ของโลกขึ้น โดยเล็งพลังงานไปยังพื้นที่บนชั้นบรรยากาศ และเผาบริเวณนั้นจนร้อน คลายต้มจนหลอมละลายจนกลายเป็นเสมือนจานพลาสม่าขนาดยักษ์ ที่สามารถรับส่งคลื่นได้

    จากนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก็จะสะท้อนกลับมายังผิวโลก และทะลุทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ไปยังเป้าหมายที่ต้องการ รวมไปถึงส่งพลังงานนั้นลงไปสู่ชั้นหินใต้ดิน เพื่อก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ถ้าเปลือกโลกตรงนั้นมีรอยแยกอยู่เดิม ก็สามารถทำให้แผ่นดินไหวได้ง่าย ถ้าเกิดในทะเล ก็สามารถทำให้เกิดคลืนสึนามิได้

    มันยังสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ร่วมกับดาวเทียม และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อควบคุมกระแสลมกรด ซึ่งเป็นกุญแจของธรรมชาติ ที่จะนำพากลุ่มเมฆ น้ำฝน ความร้อน ความแห้งแล้ง และความหนาวเย็น และ อื่นๆ อีกมาก

    พ.ศ.2539 คือปีที่มีหลักฐานยอมรับว่าเทคโนโลยีในการบังคับดินฟ้าอากาศมีจริง โดยเอกสารชื่อ "กองทัพอากาศสหรัฐ รหัส 2025" ได้ระบุเป้าหมายในอนาคต ของกองทัพอากาศสหรัฐว่า "การเปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศ จะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคง ทั้งในและระหว่างประเทศ และสามารถกระทำได้แบบเอกภาคี เป็นไปได้ทั้งเชิงการรุก และรับ หรือกระทั่งในการข่มขู่ศัตรู.....”

    “ ความสามารถในการทำฝน หมอก และพายุ หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนอกโลก และการสร้างดินฟ้าอากาศต่างๆ นี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี แบบบูรณาการ ซึ่งสร้างเสริมศักยภาพให้กับสหรัฐหรือลดทอนศักยภาพของศัตรู..."

    ก่อนหน้าการประกาศนี้ สหรัฐได้ซุ่มเงียบ ลงทุนพัฒนาและทดลองเทคโนโลยีการควบคุมดินฟ้าอากาศ มาเป็นเวลาช้านานจนมั่นใจได้ว่าสามารถบรรลุภาระกิจที่ตั้งไว้ได้จริง

    ปี 2539 นายวิเลียม โคเฮน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐสมัยนั้น ปาฎกถาเรื่องการก่อการร้าย ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจีย ตอนหนึ่งว่า...การป้องกันเกี่ยวกับอาวุธที่ไม่ธรรมดา จะต้องเพิ่มมากขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายพัฒนาอาวุธเคมี และเชื้อโรค และกรรมวิธีทาง “ พลังงานแม่เหล็ก ที่สามารถเปิดรูโหว่ในชั้นโอโซน หรือกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดได้"

    เป็นวิธีการปกติของอิลลูมินาติ ที่จะต้อง “ปั้นเสือให้วัวกลัว” เพื่อจะใช้เงินงบประมาณมหาศาล เพราะผู้ก่อการร้าย คงสามารถค้นคิดอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง แต่เขาอาจมีศักยภาพเพียงการลอกเลียน และประยุกต์อาวุธขึ้นจากเทคโนโลยี ที่มีบรรดาประเทศมหาอำนาจได้ค้นคิดพัฒนาและใช้การได้จริงเท่านั้น

    พ.ศ.2540 ที่ประชุมใหญ่องค์กรสหประชาชาติประจำปี ได้มีการลงนามในอนุสัญญา "การห้ามใช้เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศเพื่อการทหาร และการรุกราน ที่สร้างผลกระทบที่กว้างขวาง ยาวนานและรุนแรง" ทั้งนี้นิยามของ "เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศ" หมายถึง "เทคโนโลยีที่จงใจเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธรรมชาติ การเคลื่อนไหว องค์ประกอบ โครงสร้างของโลกรวมถึงชั้นบรรยากาศต่างๆ หรืออวกาศ"

    พ.ศ.2541 คณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงและนโยบายการทางทหาร ของรัสเซีย (ช่วงนั้นรัสเซีย เพิ่งแยกจากสหภาพโซเวียติมาก่อตั้งประเทศยังไม่ถึง 10 ปี) ได้เคยร้องเรียนต่อรัฐสภาสหภาพยุโรป (EU) ว่าจากกรณีที่สหรัฐปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ในการเปิดเผยข้อมูล และอนุญาตให้องค์กรอิสระนานาชาติ เข้าไปตรวจสอบโครงการ HAARP

    คณะกรรมาธิการ ฯ จากรัสเซีย ยังเรียกร้องให้รัฐสภายุโรป ร่างสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม จากกิจกรรมทางการทหารอีกด้วย สหรัฐ เมื่อถูกจับได้จึงประกาศให้โลกรู้แล้วรู้แร่ดไปเลยว่า โครงการ HAARP กำลังอยู่ในชั้นตอนสุดท้ายของการขยายกำลังส่ง และคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ ให้ใช้การได้เต็มที่ในราวปี พ.ศ. 2549

    พ.ศ. 2544 นาย เดนิส คูชินิชได้ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ เสนอร่างกฎหมายเลขที่ HR2977 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธในอวกาศ ตอน หนึ่งของร่างนี้กล่าวถึง "....อาวุธทางภูมิอากาศหรืออาวุธทางรอยเลื่อนของชั้นแผ่นดิน" เพราะเขาเริ่มระแคะระคาย และมีหลักฐานข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธเหล่านี้

    พ.ศ.2545 การค้นพบอิทธิพลรังสีแกมม่า เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศได้นี้ของอเมริกา ถูกยืนยันโดยทีมนักวิทยาศาสตร์เยอรมัน จากสถาบันนิวเคลียร์ฟิสิกส์แมกส์ แพลงค์ สถาบันเลื่องชื่อของโลก พลังงานแม่เหล็ก ก็ส่งผลต่อสนามแม่เหล็กโลก และสามารถกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดได้ด้วย

    พ.ศ.2546 สมาชิกของคณะกรรมาธิการถึง 4 คณะ ของสภาสูงสุดรัสเซีย (สภาดูม่า) และสมาชิกสภาทั้งหมด 90 คน ได้ร่วมกันลงชื่อในรายงาน เสนอต่อประธานาธิบดี ปูติน , องค์กรสหประชาชาติ (UN) , ประเทศสมาชิก , องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ , ผู้นำและรัฐสภาทุกประเทศ , องค์กรทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และสื่อมวลชนชั้นนำของโลก

    เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลก มีมติห้ามสหรัฐ ทดลองอาวุธที่มีแสนยานุภาพสูง HAARP นี้ ในรายงานนี้ปรากฏข้อความว่า "ภายใต้โครงการ HAARP สหรัฐกำลังสร้างอาวุธใหม่ทางธรณีฟิสิกส์ ซึ่งอาจสามารถส่งอิทธิพลต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง"

    "แสนยานุภาพ ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับการเปลี่ยนแปลงจากอาวุธมีคม สู่อาวุธปืน หรือจากอาวุธธรรมดา สู่อาวุธนิวเคลียร์" รายงานนี้ ยังระบุอีกว่าสหรัฐ กำลังสร้างอาวุธ HAARP นี้ในพื้นที่สามแห่ง คือ ที่รัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา , กรีนแลนด์ และในประเทศนอร์เวย์ โดยสหรัฐ ได้ทดลองใช้อย่างเต็มตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2546 มาแล้ว....”

    รายงานของสภาดูม่าสรุปว่า “ เมื่ออุปกรณ์ทั้งหมดได้ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศจาก อลาสก้า นอร์เวย์ และกรีนแลนด์ แล้ว ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมาย พร้อมกับอานุภาพอันมหัศจรรย์ จะนำไปสู่ความสามารถอันแท้จริง ในควบคุมชั้นบรรยากาศใกล้โลก" ปัจจุบันนี้ HARRP มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 เครื่อง ได้แก่

    อยู่ในอเมริกา 3 เครื่อง , อยู่ในยุโรป 1 เครื่อง , อยู่ในรัสเซีย 1 เครื่อง (รัสเซียก็มีเป็นของตัวเอง) , อยู่ในจีน ไม่แน่ใจในจำนวนเครื่อง เพราะเพิ่งทดลองใช้เมื่อปี 2557 มานี้เอง รูปร่างเครื่องแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ขึ้นกับว่าจะใช้ทำอะไร เช่น ทำแผ่นดินไหว ทำพายุฝน ฯลฯ

    ----------------------------->
    อ่านมาถึงตอนนี้หลายคนคงกำลังช็อค ในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินละเอียดแบบนี้ ว่าเขาใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มาบังคับธรรมชาติเพื่อประโยชน์ทางทหารกันเลยหรือ ก็บอกตั้งแต่ตอนก่อนแล้ว ว่ากลุ่มอิลลูมินาติ เขาคิดและทำอะไรได้มากว่าที่คนทั่วไปรู้อีกมาก

    เอกสารทุกอย่างบันทึกไว้ในระบบแล้ว มีองค์กรใหญ่ๆ ระดับโลก เช่น UN , ระดับรัฐบาล เช่น สภาฯ กรรมาธิการ , สถาบันนิวเคลียร์ฟิสิกส์ในยุโรป ไม่ใช่โครงการที่ลึกลับอะไรมาก เขามีสถานที่ตั้งโครงการตรวจสอบได้ และอเมริกาก็แถลงยอมรับต่อชาวโลกเมื่อ 16 ปีมาแล้ว อย่างเปิดเผย ไม่ใช่เรื่องที่เต้าข้อมูลขึ้นมาโดยไร้หลักฐานราชการ

    รัสเซีย เขารู้อย่างเป็นทางการมา 16 ปีที่แล้ว เขาถึงคิดเทคโนโลยี ที่ทัดเทียมกับอเมริกา มายันกันไว้ และคอยบลาฟเป็นอริกันตลอดมา เพราะทุนนิยมเลือกตั้งประชาธิปไตย คือ มวยฝ่ายแดง แต่อนุรักษ์นิยม (คอมมิวนิสต์เป็นแบบหนึ่งของระบอบนี้) เป็นมวยฝ่ายน้ำเงิน ทั้งคู่ต่างไม่ยอมกัน

    มันเหมือนสีดำ กับสีขาว , ความดี กับ ความชั่ว , ที่ฝ่ายใจมืดดำ ก็จะคิดแต่เรื่องร้ายๆ ลองดูคนเสื้อแดง ที่เขาถูกใส่ความคิดครอบงำเรื่องต่างๆ เช่น ประชาธิปไตยต้องเลือกตั้งเท่านั้น เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ล้มเจ้า หมิ่นเบื้องสูง และยากมาก ถึงไม่ได้เลย ที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเสื้อแดง พวกเขาจะหัวรั้น แถ ข้างๆ คูๆ

    หัวหมอ หัวรุนแรง เห็นแก่เงิน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่สนใจเหตุผล ใช้ทรัพยากรฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายเกินตัว เหล่านี้คือส่งที่ กลุ่มอิลลูมินาติ กำหนดครอบงำวิถีชีวิตมนุษย์ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ โดยเข้าไปซื้อกิจการทั่วโลก เช่น สื่อ TV, บันเทิง, อินเตอร์เน็ต, ข้อมูล, ข่าวสาร, Hollywood, ธุรกิจอาหาร, ยา, การธนาคาร, ทหาร, การเมือง แทบทุกประเทศ และ ธุรกิจทุกประเภท ฯลฯ

    เพื่อให้ชาวโลกตกเป็นทาสความคิดของพวกเขา เราก็จะโดนชักจูงได้ง่าย ฝรั่งชาติตะวันตกเขาพูดอะไรก็เชื่อไปหมด เออออไปกับเขา คิดเองไม่ค่อยเป็น ส่วนมากพวกกลุ่มอิลลูมินาติ จะชักจูงผ่านภาพยนตร์ Hollywood เพื่อให้มนุษย์เกิดความหวาดกลัว, ความโกรธ, ความแค้น, ชิงชัง ในสิ่งที่เขาต้องการ เช่น หลงผิดมองว่าอเมริกาคือฮีโร่ โกรธและแค้นผู้ก่อการร้าย ชิงชังรัสเซีย เกาหลีเหนือ ฯลฯ

    และใส่โปรแกรมไปในสมองของคนเสื้อแดงทุกคนว่า คนแดนไกลคือเจ้ามูลเมือง หรือพระเจ้าตากกลับชาติมาเกิด ปูข้าวเน่าคือเจ้าหญิงล้านนา กฎหมายไทยสองมาตรฐาน มีชนชั้นในสังคมไทย มีไพร่ อำมาตย์ ทำอะไรก็ผิด การโกงไม่ผิดถ้าแบ่งกันบ้าง ฯลฯ เหล่านี้คือส่งที่ กลุ่มอิลลูมินาติ กำหนดให้คิด ผ่านแก็งค์เผาไทย และกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช.

    ในช่วงหลังปี พ.ศ.2546 เป็นต้นมา ถ้าสังเกตุจะพบว่ามีภัยพิบัติร้ายแรง ที่คนตายนับไม่ถ้วน เพราะ HAARP เมื่อยิงไปจุดไหนบนผิวโลก จะเกิดการแปรปรวนของสภาพอากาศ และธรณีวิทยา เมื่อคลื่นดังกล่าวสั่นสะเทือนบนอากาศ ก็ทำให้ท้องฟ้าปั่นป่วนเป็นพายุได้ ที่หลายคนยังจำติดตา คือ การเกิดคลื่นสึนามิ เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 มีคนตายไปหลายแสนคน

    - ในอดีตโบราณมนุษย์ใช้หิน ไม้มาทำเป็นอาวุธ และอยู่ตามถ้ำ ไม่มีใครรู้จักปืน
    - มนุษย์เคยเชื่อว่าโลกของแบน มีปลาอานนท์พลิกตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหว "หลายร้อยปี"
    - มนุษย์สมัยสงครามโลกใช้โทรเลข ยังไม่มีใครรู้จักโทรศัพท์มือถือ
    - มนุษย์แหงนหน้ามองดวงจันทร์มาหลายพันปี ไม่มีใครรู้ว่าไปดาวอังคารได้
    - มนุษย์ไฝ่ฝันจะบินดั่งนกมานาน แต่ไม่รู้จักเครื่องบิน
    - มนุษย์ฟังวิทยุกันอยู่นานหลายสิบปี ไม่มีใครรู้จักโทรทัศน์
    - มนุษย์เคยมีแต่ระบบ LAN และเว็ปไซต์ ไม่รู้จักเฟสบุ๊ก ไลน์ ทวีตเตอร์

    ** หลายพัน หลายร้อย หลายสิบปีผ่านไป เมื่อมนุษย์ย้อนหันกลับไปมองสิ่งเหล่านั้น เราพบว่าทฤษฎีหลายอย่าง "ผิด" เพราะเราพบ "สิ่งที่ถูกต้องกว่า" เราเฝ้าถามย้ำกับตัวเราเองว่า สมัยก่อนทำไมเราไม่คิดเสียแต่แรก..คำตอบคือ "เราไม่รู้ว่ามันทำแบบนั้นได้ และเราดูแคลนความคิดคนอื่น "

    ** ตอนต่อไป ดูเทคโนโลยีอื่นๆ ที่สามารถบิดเบี้ยวธรรมชาติอื่นๆ ว่ามีอะไรอีกบ้าง ?..แต่ให้ดูภาพประกอบทุกภาพ ตอนนี้ให้ตาค้างไปก่อน !!

    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/topsecretthai
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อนดล แซ่เล้า ได้แชร์โพสต์ของ สำรวจโลก

    [​IMG]

    สิ่งมีชีวิตคล้ายแมงกะพรุนจำนวนมากถูกพัดยังมาชายหาดทางตะวันตกของของสหรัฐ

    เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิสิ่งที่หลายคนมักพบเห็นเมื่อเดินทางไปยังชายหาดในรัฐออริกอน รัฐวอชิงตัน แคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา คือเจ้า Velella Velella สิ่งมีชีวิตที่มีหน้าตาคล้ายกับแมงกะพรุน ถูกคลื่นซัดมายังชายหาดเป็นจำนวนมาก พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกจัดอยู่ในคลาสไฮโดรซัวไฟลัมไนดาเรีย ลักษณะตัวมีสีน้ำเงินเข้ม ขนาดจะเล็ก ลักษณะเด่นจะเป็นส่วนที่คล้ายกับใบพัดเรือ และจะมีพิษแทรกอยู่ตามหนวดแต่มันก็ไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ ทางด้านผู้เชียวชาญเผยว่าปีนี้พบ Velella Velella มากกว่าปีก่อน ๆ
    ________________________________
    สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ สำรวจโลก | Next Step สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เทพบุตร ชาวดิน ได้แชร์รูปภาพของ สำนักข่าวไทย

    นครพนม 15 เม.ย.- ปภ.นครพนมห่วงอากาศแปรปรวนกระทบสุขภาพประชาชน ล่าสุดลดฮวบเย็น 16 องศาฯ จากร้อนระอุ

    [​IMG]
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบ"ดีเอ็นเอ"มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล อายุกว่าแสนปี!
    วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17:19:44 น.

    [​IMG]

    ทีมนักวิทยาศาสตร์อิตาลีนำเอาชิ้นส่วนจากฟอสซิลโครงกระดูกที่พบในถ้ำหินปูน "ลามาลุนกา" ใกล้กับเมือง อัลทามูรา ทางตอนใต้ของอิตาลีเมื่อปี 1993 ไปตรวจสอบ พบดีเอ็นเอของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบกันมา

    โครงกระดูกที่พบในถ้ำลามาลุนกานั้นมีความพิเศษตรงที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์เกือบทั้งร่างและไม่ได้รับความเสียหายโครงกระดูกถูกปกคลุมอยู่ภายใต้หินงอกหินย้อย เมื่อแรกพบนักวิทยาศาสตร์ลงความเห็นว่าโครงกระดูกที่ถูกตั้งชื่อว่า "มนุษย์อัลทามูรา" นี้มีลักษณะของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลอยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของใบหน้าและด้านหลังกะโหลกศีรษะ

    อย่างไรก็ตาม "มนุษย์อัลทามูรา" ก็มีหลายอย่างที่ไม่เคยพบเห็นในนีแอนเดอร์ธัลอยู่ด้วย เช่น กะโหลกส่วนสันคิ้วที่มีขนาดใหญ่กว่าของนีแอนเดอร์ธัลทั่วไป ทำให้ไม่แน่ใจว่าจัดอยู่ในสายพันธุ์ใดในวิวัฒนาการของมนุษย์ นอกจากนั้นมนุษย์อัลทามูรายังคงถูกฝังอยู่ใต้หินงอกหินย้อย ทำให้ยากต่อการตรวจวิเคราะห์

    ต่อมา ฟาบิโอ ดี วินเซนโซ นักมานุษยวิทยายุคโบราณจากมหาวิทยาลัยซาเปียนซาในกรุงโรมและเดวิด คาราเมลลี นักโมเลกุลมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ได้นำเอาเศษชิ้นส่วนกระดูหัวไหล่ด้านขวาของฟอสซิลมนุษย์อัลทามูราไปตรวจวิเคราะห์หาดีเอ็นเอ พบว่าอัลทามูราเป็นนีแอนเดอร์ธัล อายุของกระดูกอยู่ระหว่าง 130,000 ถึง 170,000 ปี

    กระดูกที่นำไปตรวจสอบมีความเก่าเสียจนดีเอ็นเอที่ได้เสื่อมสภาพไปมากเกินไปจนไม่สามารถใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันจำแนกออกมาเพื่อทำแผนที่พันธุกรรมได้แต่นักวิทยาศาสตร์ทั้ง 2 เชื่อว่าเมื่อเทคโนโลยีในการจำแนกดีเอ็นเอก้าวหน้ามากขึ้นในอนาคตอันใกล้

    มนุษย์อัลทามูราจะช่วยให้เราสามารถได้รายละเอียดของชีวิตและวิวัฒนาการของนีแอนเดอร์ธัลได้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด

    พบ"ดีเอ็นเอ"มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล อายุกว่าแสนปี! : มติชนออนไลน์
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตะลึง!! "แมงกะพรุนเรือใบ" นับล้าน!! เกลื่อนชายหาดสหรัฐฯ !! (ชมภาพ)
    2015-04-15 14:35:25 |

    [​IMG]

    นักท่องเที่ยวตื่นตา Velella Velella หรือ แมงกระพรุนเรือใบ จำนวนนับล้าน ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นชายหาดทางตะวันตกของสหรัฐฯ

    วันนี้ (15 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า Velella Velella หรือที่คนไทยรู้จักกันว่า "แมงกะพรุนเรือใบ" จะถูกคลื่นซัดมายังชายหาดทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งครอบคลุมรัฐออริกอน รัฐวอชิงตัน และรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นจำนวนมหาศาล สร้างความตื่นตาให้กับนักท่องเที่ยวและผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

    สิ่งมีชีวิตดังกล่าว ถูกจัดอยู่ในคลาสไฮโดรซัวไฟลัมไนดาเรีย ลักษณะตัวมีสีน้ำเงินเข้ม ขนาดจะเล็ก ลักษณะเด่นจะเป็นส่วนที่คล้ายกับใบพัดเรือ และจะมีพิษแทรกอยู่ตามหนวด แต่ไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ โดยผู้เชียวชาญเผยว่า ปีนี้พบ Velella Velella มากกว่าปีก่อนๆ

    ที่มา facebook แฟนเพจ "สำรวจโลก"

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แล้งสุดในประวัติศาสตร์!! "แคลิฟอร์เนีย" ประกาศลดใช้น้ำแล้วทั้งรัฐ !!
    2015-04-15 13:00:11 |

    [​IMG]

    ภาครัฐและเอกชนของรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ ประกาศลดใช้และจ่ายน้ำลง หลังเกิดภัยแล้งที่สุดในประวัติศาสตร์

    วันนี้ (15 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางบริษัทผู้ค้าส่งน้ำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐอเมริกา ประกาศมติลดปริมาณจำหน่ายน้ำให้กับผู้ค้าย่อยร้อยละ 15 โดยมาตรการภาคเอกชนก็สอดคล้องกับประกาศของผู้ว่าการรัฐ ที่สั่งให้ทุกฝ่ายลดการใช้น้ำลงร้อยละ 25 นับว่าเป็นคำสั่งให้มีการลดการใช้น้ำทั่วทั้งรัฐเป็นปริมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจาดภาวะแล้งจัด

    ทั้งนี้ มาตรการลดการใช้น้ำของทั้งภาครัฐและเอกชนในรัฐแคลิฟอร์เนียนี้ เพื่อสำรองปริมาณน้ำที่เหลือน้อยเต็มทีไว้ใช้ในยามขาดแคลนรุนแรง ซึ่งคาดว่ากำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตอนแรกคิดว่าบ้านหลบภัยซอมบี้นี้เป็นภาพวาดเล่นๆ แต่เฮ้ยยยย... มันมีอยู่จริง ตามไปดู!!

    เหมียวเคยดูหนังเกี่ยวกับซอมบี้และพวกมหันตภัยล้างโลกมาก็เยอะ ในหนังพวกนี้มักจะมีพวกอุปกรณ์ไว้ใช้ต่อกรกับซอมบี้ หรือพวกหลุมหลบภัยแบบพิเศษ ซึ่งเหมียวก็ไม่คิดว่าของแบบนี้มันจะมีอยู่จริงๆหรอกนะ

    แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ เพราะเว็บไซต์ awareness-time.com ได้เปิดเผยภาพการออกแบบบ้านที่มีห้องลับและชั้นใต้ดินไว้สำหรับหลบภัยเวลาเกิดเหตุภัยพิบัติต่างๆ มันจะยิ่งใหญ่อลังการเหมือนในหนังหรือเปล่า? ไปชมกันเหมียว

    [​IMG]

    โครงสร้างใต้ดิน

    [​IMG]

    ภาพถ่ายจากมุมสูง เผยให้เห็นลานกว้างๆ

    [​IMG]

    หากมองจากไกลๆคงจะไม่มีใครสังเกตเห็นที่นี่เลย

    [​IMG]

    มีลานจอดเครื่องบินด้วยนะ

    [​IMG]

    นี่คือสภาพภายในบ้านล่ะ

    [​IMG]

    ก็ดูปกติดี

    [​IMG]

    แต่พอเริ่มลงไปด้านล่างเท่านั้นแหละ

    [​IMG]

    มีห้องลับอยู่ ประตูดูแน่นหนาเชียว

    [​IMG]

    โอ้โห

    [​IMG]

    มีเตียงนอนและเครื่องใช้ต่างๆครบครันเลย

    [​IMG]

    มีอ่างอาบน้ำให้พร้อม

    [​IMG]

    ยังมีลึกลงไปอีกแหนะ!!

    [​IMG]

    เหมือนเป็นห้องปฏิบัติการอะไรสักอย่าง

    [​IMG]

    มีลักษณะเหมือนโกดังน่ากลัวๆ แต่มันอาจจะปลอดภัยที่สุดก็ได้นะ

    [​IMG]

    แม้ว่าบ้านหลังนี้อาจจะดูเพ้อเจ้อเกินความเป็นจริงไปสักหน่อย แต่ใครจะรู้ ในอนาคตอาจจะมีภัยพิบัติหรือไวรัสล้างโลกอยู่จริงๆก็ได้นะเมี้ยววว

    ที่มา awareness-time

    ตอนแรกคิดว่าบ้านหลบภัยซอมบี้นี้เป็นภาพวาดเล่นๆ แต่เฮ้ยยยย… มันมีอยู่จริง ตามไปดู!! | CatDumb.com
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    1. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
    ในวันที่ 15มีนาคมที่ผ่านมา เซิร์น (CERN) หรือองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านฟิสิกส์นิวเคลียร์ ได้นำเอาหนังสั้น ชื่อว่าSymmetryออกมาฉายเพื่อโปรโมทการเปิดดำเนินการใช้เครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Colliderอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ต้องปิดการใช้เครื่องนี้มาตั้งแต่ปี2013เพื่อซ่อมแซมและเพิ่มสมรรถภาพของอุปกรณ์
    ปรากฎว่าหนังSymmetry สร้างความฮือฮาค่อนข้างมากสำหรับทั้งคนที่มองโลกสวยและคนที่ชอบตั้งข้อสงสัย สำหรับคนโลกสวยแล้ว โครงการเซิร์นสะท้อนถึงความพยายามของมนุษย์ที่จะแสวงหาความรู้เพื่อไปให้ถึงความเข้าใจที่ถ่อแท้ของจุดกำเนิดของจักรวาล ผ่านเครื่องเร่งอนุภาคทำเป็นท่อฝังอยู่ใต้ดินลึก300ฟุต และมีความยาวเป็นวงกลม27กิโลเมตร กินอาณาเขตระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์และประเทศฝรั่งเศส หัวใจของการค้นคว้าของเซิร์นคือการศึกษาของผลกระทบจากการชนกันของอนุภาคโปรตอนที่ยิงมาในทิศทางที่ตรงกันข้ามกันในเครื่องเร่งอนุภาค เพื่อจำลองเหตุการณ์บิ๊กแบงที่เป็นจุดกำเนิดของจักรวาล ทั้งนี้เพื่อว่านักวิทยาศาสตร์ หรือนักฟิสิกส์จะสามารถเห็นหรือเข้าในในเชิงประจักษ์ของอนุภาคพื้นฐานที่เป็นที่มาของรวมตัวกันเพื่อกำเนิดของจักรวาล
    แต่สำหรับคนที่ชอบตั้งข้อสงสัย โครงการเซิร์นอาจจะมีเจตนาร้ายที่จะค้นคว้าสร้างอาวุธร้ายทำลายโลกที่มีอนุภาพการทำลายที่ควบคุมได้ โดยที่อาจจะยิงอนุภาคเข้าใส่มนุษย์ทำให้หัวสมองระเบิดกระจุยออกมา แต่ไม่ทำลายสิ่งของ อาคาร หรือตัวตึกก็เป็นได้ นอกจากนี้หลายคนไม่แน่ใจว่านักฟิซิกส์ของเซิร์นจะควบคุมการทดลองของตัวเองได้หรือไม่ เพราะว่าการทดลองสร้างแบบจำลองของเหตุการณ์บิ๊กแบงอาจจะทำให้เกิดการล่มสลายของกาละและเทศะ (collapse of time and space) เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ที่อาจจะทำลายล้างโลกได้
    หนังโปรโมท"Symmetry" เป็นการแสดงการเต้นแบบนิยายกึ่งวิทยาศาสตร์ที่สะท้อนงานค้นคว้าวิจัยของเซิร์น ตัวเอกของเรื่องคือลูกาส (Lukas) นักฟิสิกซ์ของเซิร์น ที่กำลังทุ่มเทกำลังกายและสมองกับทีมงานด้วยกันเพื่อค้นหาอนุภาคที่เล็กที่สุดที่เป็นมูลฐานของสรรพสิ่งในจักรวาลผ่านเครื่องเร่งอนุภาค (Large Hadron Collider) ระหว่างที่ทำงานหนัก มีผู้หญิงแต่งชุดดำเหมือนผีปรากฎขึ้นมา เธอถามลูกาสว่าเขารักอนุภาคมากกว่าที่เขารักตัวเองหรือไม่ และถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของอนุภาคหรือไม่
    ขณะที่ลูกาสทำงานต่อ เสียงของผีผู้หญิง ซึ่งเป็นตัวแทนของเสียงของมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแล้ว นำพาลูกาสผ่านกาลเวลาไปหาคำตอบ ไปยังสถานที่เวลาของฟิสิกส์ไม่มีตัวตน แต่มีเพียงความรักและดนตรีของการเต้นรำ
    ดูเหมือนว่านักฟิสิกส์ของเซิร์นจะมั่นใจมากกับการเปิดการทดลองใหม่ของเครื่องเร่งอนุภาคที่มีประสิทธิภาพและมีสมรรถภาพมากยิ่งขึ้นในการจำลองเหตุการณ์บิ๊กแบงที่จะทำให้พวกเขาไปถึงสุดยอดของความรู้ของจักรวาล (ulimate knowledge of the universe) โดยที่มนุษย์โลกส่วนมากไม่รู้และไม่เข้าใจ เพราะว่าสิ่งที่นักฟิสิกซ์ของเซิร์นกำลังค้นคว้าวิจัยเกินความรู้และจินตการทั่วไป แม้ว่าจะมีคำถามต่างๆเกิดขึ้นมากมายว่าความรู้เกี่ยวอนุภาคพื้นฐานและการกำเนิดจักรวาลที่นักฟิสิกส์ของเซิร์นกำลังแสวงหา จะนำโลกสู่ความเสี่ยงของการถูกทำลายหรือไม่ หรือว่าถ้าหากว่านักฟิสิกซ์ได้ความรู้ที่ถือว่าสุดยอดของความรู้ทั้งปวงของจักรวาลแล้ว พวกเขาจะใช้ความรู้นี้เพื่อการพัฒนาและนำมนุษย์ท่องจักรวาลที่ไร้ขอบเขต หรือว่าพวกเขามีเจตนาแอบแฝงที่จะใช้ความรู้สุดยอดนี้ในการทำลายโลกเพื่อที่จะควบคุมโลกให้ไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ
    เหรียญมีสองด้านเสมอ
    thanong
    16/4/2015
    http://www.cnet.com/…/operatic-dance-performance-filmed-in…/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    2. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
    ดูหนังโปรโมทSymmetryของเซิร์นแล้ว มีความหมายนัยยะที่ซ่อนเร้นหลายอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจได้
    หนังเปิดเรื่องด้วยนักฟิสิกซ์ของเซิร์น ซื่อลูกาสกำลังทำงานหนักกับเครื่องเร่งอุภาค (Large Hadron Collider) ลึกใต้ดินลงไป300ฟุต ค้นคว้าวิจัยอนุภาคที่เล็กที่สุดของจักรวาล และระหว่างที่ศึกษาทำการทดลองนั้น เขาได้ค้นพบการเต้นรำของจักรวาล (dance of the cosmos) ผีในชุดดำที่เป็นผู้หญิงผิวดำนำพาลูกาสไปสู่ดินแดนที่ไม่มีเวลาและฟิสิกส์ไปไม่ถึง เป็นพื้นที่ราบสีขาวกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ผ่านตัวเครื่องเร่งอนุภาคที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องกาลเวลา (time machine)
    ฉากสลับไปมาระหว่างโลกที่ลูกาสคุ้นเคยกับโลกที่แปลก มือของผีที่มีผิวสีดำเกือบจะแตะใบหน้าลูกาสได้ หมายความว่าอีกเพียงเส้นฝ่าแดงเดียวเท่านั้นลูกาสจะบรรลุถึงความรู้สุดยอดของความลี้ลับของจักรวาล ทันใดนั้นเองลูกาสและทีมงานตกอยู่ภายใต้สภาวะการล่มสลายของกาละและเทศะ ร่างกายถูกเหวี่ยงให้ลอยเคว้งคว้างในอวกาศที่ชุลมุล ก่อนที่ลูกาสคนเดียวจะถูกเหวี่ยงกลับไปยังดินแดนสีขาวที่ไม่มีเวลา ลูกาสตกอยู่ในรอบวงกลม โดยที่ผีผู้หญิงเดินคุมอยู่ข้างนอกอย่างช้าๆ ส่วนคนอื่นๆลอยเคว้งคว้างและถูกทำลายให้กลับไปเป็นอนุภาคเหมือนในเหตุการณ์บิ๊กแบง
    thanong
    16/4/2015
    https://www.youtube.com/watch?v=29t-p0YIhCc
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    โฆษกต่างประเทศสหรัฐฯ แจ้งการเอาตัวรอดในเยเมนให้แก่ชาวอเมริกันที่ติดค้าง โดยอาศัยช่องทางจากความช่วยหรือของต่างชาติแทน

    [​IMG]

    ------------
    ช่วงนี้โปรเมริกากำลังให้ความสนใจเพจนี้และเพจอื่นๆที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับอเมริกาและรัสเซียเป็นอย่างมาก คนเหล่านี้ถูกสื่อฯอเมริกาปั่นหัวให้หวาดกลัวจีนกับรัสเซียจนเกิดภาพหลอนคล้ายกับยุโรปตอนนี้ที่เห็นอะไรเกี่ยวกับรัสเซียก็หวาดระแวงไปหมด (กลัวแม้กระทั่งบิ๊กไบค์รัสเซีย) เพื่อเอาใจโปรอเมริกาวันนี้ก็จะนำเสนอข่าวเกี่ยวกับอเมริกาให้อ่านซักข่าวสองข่าว เผื่อจะได้รับรู้ความที่เป็นจริงในปัจจุบันมากกว่าจินตนาการณ์ในอดีต และเพื่อให้ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากช่องทางอื่นที่บางข่าวไม่สามารถหาอ่านได้จากสื่อฯหลักของอเมริกาและยุโรปบ้าง
    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 เม.ย.58) Marie Harf โฆษก ก.ต่างประเทศของสหรัฐฯได้ออกมาแนะนำช่องทางในการเอาตัวรอดของชาวอเมริกันที่ตกค้างอยู่ในสงครามเยเมนผ่านสื่อฯ โดยโฆษกงก.ต่างประเทศของสหรัฐฯได้กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯกำลังส่งข้อความไปยังพลเมืองของอเมริกันที่ติดค้างอยู่ในเยเมน อธิบายว่าพวกเขาจะสามารถออกจากประเทศที่แตกแยกด้วยสงครามและความขัดแยังนั้นได้อย่างไร
    Marie Harf กล่าวว่า "พวกเรา (รัฐบาลสหรัฐฯ) กำลังให้ข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางต่างๆให้แก่ชาวอเมริกันเพื่ออพยพออกจากเยเมน รัฐบาลสหรัฐฯกำลังส่งข้อความไปให้พวกเขา เพื่อให้พวกเขารู้ว่ามีเรือและเที่ยวบินที่พวกเขาพอจะสามารถอาศัย (ออกจากเยเมน) ได้" Marie Harf เน้นว่ามันเป็น "สิ่งที่น่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง" (absolutely offensive) ที่มีการเสนอว่าก.ต่างประเทศของสหรัฐฯได้มีการประเมินว่าประชาชนที่ติดค้างอยู่นั้น "คุ้มค่าที่จะได้รับการช่วยเหลือชีวิต" (worth saving) หรือไม่ (สิ่งที่น่ารังเกียจนั้นไม่การปล่อยข่าวดิสเครดิตรัฐบาลสหรัฐฯหรอก แต่มันคือพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐเองนั่นต่างหากหละ แต่รัฐบาลของสหรัฐฯก็ฉลาดชิงพูดใช้คำนั้นเองซะก่อนที่คนอื่นจะพูด ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำลงไปอีกว่าการกระทำของรัฐบาลสหรัฐนั้นเป็นอย่างที่ Marie Harf พูดจริงๆ)
    แต่เมื่อทางรัสเซียเข้าไปเช็คข้อมูลเกี่ยวกับการส่งข้อความฉุกเฉินที่โพสต์ไว้ในเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐฯประจำเยเมนแล้ว ไม่พบว่ารัฐบาลสหรัฐฯมีแผน ที่จะให้ความร่วมมือในการอพยพพลเมืองอเมริกันออกจากเยเมนในปัจจุบันนี้เลย ก่อนหน้านี้โฆษกต่างประเทศของสหรัฐฯได้ออกมากล่าวว่ามีพลเมืองของสหรัฐฯเพียงเล็กน้อยที่ออกจากเยเมนโดยอาศัยเรือและเครื่องบินของอินเดีย แต่ก.ต่างประเทศของสหรัฐฯไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจน และเลี่ยงที่จะกล่าวว่ามีพลเมืองชาวอเมริกันได้ขออาศัยเรือและเครื่องบินของรัสเซียออกจากเยเมนด้วย
    คณะกรรมการต่อต้านการเลือกปฎิบัติชาวอเมริกัน-อาหรับ (American-Arab Anti-Discrimination Committee) ได้กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik News ของรัสเซียว่า การที่รัฐบาลของสหรัฐฯไม่เต็มใจที่จะอพยพพลเมืองของตนเองออกจากเยเมนนั้นแสดงให้เห็นชัดประจักษ์แจ้งแดงแจ๋แล้วว่าสหรัฐฯกำหนดคุณค่าชีวิตของชาวอเมริกันเชื้อสายเยเมนน้อยกว่าชนชาติอื่น (จริงอย่างที่เขาว่าหรือเปล่านี่?)
    เป็นไงหละอเมริกา? นอกจากไม่ส่งเรือหรือเครื่องบินไปช่วยอพยพพลเมืองของตนที่ติดค้างอยู่ในเยเมนแล้ว ยังกล้าออกมาพูดอีกว่ากำลังส่งข้อความไปแจ้งแก่ชาวอเมริกกันที่ติดค้างอยู่ในเยเมนอีก เรื่องตลกก็คือว่าแทนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการ ให้ชาวอเมริกันในเยเมนได้รับรู้พร้อมกันในครั้งเดียวและกว้างขวาง รัฐบาลสหรัฐฯเลือกที่จะส่งข้อความทางโทรศัพท์แทน แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่ารัฐบาลอเมริกันไม่เลือกปฏิบัติโดยเลือกแจ้งข้อมูลทางหนีทีไล่ให้เฉพาะบุคคลที่รัฐบาลเลือกแล้วเท่านั้น และตอนนี้อเมริกาก็กำลังด่ากันเองด้วยว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่งที่มีการเสนอให้เลือกปฏิบัติ มาตรฐานประชาธิปไตยของอเมริกาในการปฏิบัติต่อคนกลุ่มน้อยมันเป็นอย่างนี้เองหรอกหรือ?
    The Eyes
    16/04/2558
    ----------
    US Provides Information to Americans on How to Flee Yemen / Sputnik International
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯและอังกฤษกล่าวขอบคุณรัสเซียที่ช่วยเหลือพลเมืองของตนเองออกกจากเยเมน

    [​IMG]

    ------------
    ยังมีอีกนะ... แถมให้อีกข่าวหนึ่งครับ ข่าวแรกเป็นระดับโฆษกก.ต่างประเทศของสหรัฐฯที่ออกมาจ้อหน้าไมค์เท่านั้น คราวนี้ตัวเป้งออกโรงเองเลย ในวันเดียวกันนี้ John Kerry รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯยกหูถึง Sergey Lavrov รมว.ต่างประเทศของรัสเซียเพื่อพูดคุยต่อรองกรณีปัญหาของอิหร่านกับรัสเซีย โดยในการสนทนากันนั้น รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯได้กล่่าวขอบคุณทางรัสเซียที่ให้ความช่วยเหลือกู้ภัยอพยพพลเมืองของสหรัฐฯหนีตายจากการทิ้งระเบิดโดยเครื่องบินรบของฝั่งซาอุดิอาระเบียที่มีสหรัฐฯให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
    เว็บไซต์ของก.ต่่างประเทศของรัสเซียก็เอาข้อความการสนทนาของรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯมาโพสต์เย้ยอเมริกาในอินเตอร์เน็ทซะเลยว่า "John Kerry รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯได้แสดงความขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในการอพยพประชาชนชาวอเมริกันออกจากเยเมนในการสนทนากันทางโทรศัพท์"
    Alexander Yakovenko เอกอัครราชทูตรัฐเซียประจำอังกฤษได้ออกมาส่งรายชื่อพลเมืองของประเทศต่างๆที่รัสเซียได้ให้ความช่วยเหลืออพยพออกจากเยเมนทางเรือผ่านทวีตเตอร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในรายชื่อนั้นมีชาวเยเมนจำนวน 159 คน, รัสเซีย 45 คน, อเมริกัน 18 คน, ยูเครน 14 คน,… อังกฤษ 5 คน จากทั้งหมดประมาณ 308 คน ล่าสุดเครื่องบินรบของฝั่งซาอุดิฯและพันธมิตรไม่อนุญาตให้เครื่องบินโดยสารของรัสเซียบินเข้าไปในเยเมนเพื่อให้ความช่วยเหลือในการอพยพผู้คนออกจากเยเมน ทางรัสเซียจึงส่งเรือรบเข้าไปช่วยแทน และก็พบว่ามีชาวอเมริกันขออาศัยเรือของรัสเซียหนีตายออกจากเยเมนมาด้วย ซึ่งทางรัสเซียก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือพลเมืองชาวอเมริกัน
    ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯเองนั้นไม่เคยส่งทั้งเรือและเครื่องบินไปช่วยเหลือพลเมืองของตัวเองออกจากพื้นที่ดังกล่าวหลังเครื่องบินรบของซาอุดิฯเปิดฉากทิ้งระเบิดใส่เยเมนเป็นต้นมา ทางโฆษกก.ต่างประเทศของอังกฤษก็ออกมากล่าวว่า "พวกเราขอยืนยันว่ามีพลเมืองสัญชาติอังกฤษจำนวน 6 คนได้อาศัยเรือรบของรัสเซียหนีออกจากเยเมนมาได้ พวกเรา (รัฐบาลอังกฤษ) ขอขอบคุณทางการรัสเซียที่ได้ให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้" (แต่รัฐบาลยูเครนหุบปากเงียบ)
    มีชาวอเมริกันคนหนึ่งพร้อมครอบครัวที่อาศัยเครื่องบินของรัสเซียออกจากเยเมนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RT ของรัสเซียว่า "พวกเรามีความรู้สึกเหมือนกับว่าถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง ไม่มีการให้การสนับสนุนใดๆ เราโทรหาสถานทูต (ของสหรัฐฯ) ทุกแห่ง ทั้งใน Riyadh (เมืองหลวงของซาอุดิฯ), Cairo (เมืองหลวงของอียิปต์) แลในประเทศจิบูตี (Djibouti) เพื่อขอความช่วยเหลือให้ผมและครอบครัว แต่พวกเขาเอาแต่กล่าวขออภัยแสดงความเสียใจ (they always apologize) พวกเขา (สถานทูตของสหรัฐฯในเมืองต่างๆในละแวกนั้น) เอาแต่กล่าวว่า 'ความช่วยเหลือกำลังจะมา (เหมือนในหนังฮอลลิวูดเลย)' (help is coming) แต่มันไม่เคยมาถึงเลยซักครั้ง (but it never came) ตอนนี้ผู้คนพากันคิดว่าชาวอเมริกันเชื้อสายเยเมนก็เป็นเหมือนประชาชนขั้นสองของอเมริกันชนไปซะแล้ว" (Yemeni American are like second-class Americans.)
    นั่นแหละคือความช่วยเหลืออย่างจริงใจจากรัฐบาลสหรัฐฯและอังกฤษที่ชอบออกมาเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนกับประเทศนั้นประเทศนี้อยู่บ่อยๆ พอประชาชนของตนเองตกอยู่ในอันตรายที่รัฐบาลตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้อง กลับไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยแล้วแอบส่งข้อความผ่านมือถือไปบอกให้ไปอาศัยเรือรบและเครื่องบินโดยสารของรัสเซียหนีเอาตัวรอบเองซะงั้น กรรม!
    The Eyes
    16/04/2558
    ----------
    http://sputniknews.com/russia/20150414/1020884807.html
    http://www.mid.ru/…/newsli…/2B6F7AF96974031F43257E260049D755
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    เยอรมันสั่งแบนขบวนบิ๊กไบค์รัสเซียฉลองครบรอบ 70 ปีปราบนาซีได้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง

    [​IMG]

    ------------
    นึกว่ามีแต่อังกฤษกับโปแแลนด์ที่เป็นโรคตื่นตระหนกหวาดหวารัสเซียเท่านั้น ล่าสุดเยอรมันก็ติดเชื้อด้วยแล้วเอ้า! อุบ๊ะ!… โรคหวาดกลัวรัสเซียนี่มันรุนแรงและติดต่อได้รวดเร็วกันจริงๆ เล่นเอายุโรปปั่นป่วนไปหมดแล้วตอนนี้ กะอีแค่แก๊งมอเตอร์ไซค์ "Night Wolves" ของรัสเซียจะขี่รถท่องยุโรปเล่นๆนำเงินรัสเซียไปจับจ่ายให้เศรษฐกิจของยุโรปที่กำลังซบเซาที่สุดในตอนนี้ให้ดีขึ้นซะหน่อย พวกอียูก็หวาดกลัวซะอย่างนั้น ทำยังกะว่าเจอผู้ก่อการร้ายไอซิสซะอย่างนั้นแหละ ที่สวีเดนมีคนเห็นเรือลากจูงเรือสินค้าของประเทศตัวเองก็มโนไปว่าเป็นเรือดำน้ำของรัสเซียซะอย่างนั้น เล่นเอากองทัพสวีเดนปั่นป่วนไปเป็นปีเลย
    คราวนี้พอรัสเซียปล่อยข่าวไปว่าจะส่งขบวนนักท่องเที่ยวขี่มอเตอร์ไซค์หอบเงินรัสเซียไปช่วยชาวยุโรปซะหน่อย พวกอียูกลับปิดประตูบ้านไม่ต้อนรับซะอย่างนั้น เป็นเพราะนิตยสาร Times แท้ๆที่ไปทำการสำรวจแล้วพบว่า "ปูติน" เป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ก็พลอยทำให้ขบวนนักท่องเที่ยวสิงมอเตอร์ไซค์ของรัสเซียพลอยลำบากไปด้วยเลย ล่าสุดทางการเยอรมันให้สำภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Die Welt ของเยอรมันว่า จะไม่อนุญาตให้สมาคมนักบิด big bike ของรัสเซียเข้าสู่เมืองหลวงของเยรมันเด็ดขาด เห็นหรือยังว่าโรคหวาดกลัวรัสเซียนี่มันติดต่อกันเร็วขนาดไหน พวกนี้กลัวรัสเซียยิ่งกว่ากลัวอีโบล่าซะอีกนะนี่
    เยอรมันและอียูนี่ก็แปลกนะ พอพวกทหารนาซีเก่าจัดเดินขบวนสวนสนามในกลุ่มประเทศบอลติกกลับไม่ประท้วงไม่คัดค้าน อิสราเอลก็เฉยๆ ไม่เห็นออกมาประณามนาซีเลย ยิ่งไปกว่านั้นในยูเครนก็มีพวกนาซีใหม่ ออกมาชูสัญญลักษณ์นาซีอยู่บ่อยๆก็ไม่เห็นจะกลัวหรือคัดค้านอะไร ทั้งๆที่นาซีนั่นแหละที่เข่นฆ่าชาวยิวในเยอรมันและทำให้ประเทศเยอรมันต้องแตกแยกจนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง แต่พอได้ยินคำว่า "รัสเซียมาแล้ว!" แค่นั้นแหละ... จิตใจคนยุโรปตอนนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาซะเลย รัสเซียนี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ แล้วทำไมผู้นำกรีซถึงเข้าไปพบปูตินที่กรุงมอสโคว์ถึงสองวันเต็มๆ เพื่อขอให้รัสเซียนำเข้าผลไม้และผลิตผลทางการเกษตรจากกรีซหละ คนไทยก็ไม่เห็นกลัวเลย (ยกเว้นพวกโปรอเมริกามั๊ง?) แถมลุงตู่ยังบอกอีกว่ารัสเซียเป็นมิตรแท้กับไทยด้วย ตอนที่นายกฯดิมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซียเดินทางมาพบรัฐบาลไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง สังสัยว่าต้องให้อียูมาขอคำแนะนำจากลุงตู่ซะหละมั๊งว่ามีของดีอะไรถึงไม่หวาดกลัวรัสเซียอย่างที่ชาวยุโรปกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
    The Eyes
    16/04/2558
    ----------
    http://sputniknews.com/europe/20150416/1020967453.html
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    สหรัฐฯเปิดหลักฐานใหม่สงสัยเอฟบีไอปกปิดข้อมูลซาอุดิอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 9/11
    ------------
    ว่าจะเล่าข่าวนี้ให้ฟังตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้วครับ แต่ยุ่งๆอยู่กับงานสงกรานต์และข่าวอื่นๆอยู่ก็เลยข้ามไปก่อน เกือบลืมแหนะ พึ่งนึกขึ้นได้เห็นว่าน่าสนใจจึงนำมาเล่าให้ฟัง ตรงไหนหรือ? ก็ตรงที่ซาอุดิฯออกยอมออกโรงถล่มเยเมนด้วยตนเองนี่นะสิครับ แต่สหรัฐฯเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิคอยู่เบื้องหลัง อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังถึงจะถูกนะ
    ข่าวเขาว่าอย่างนี้ครับ รายงานการตรวจสอบครั้งใหม่บอกว่า สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯกำลังเผชิญข้อกล่าวหาที่ว่ากำลังปิดบังการเชื่อมโยงของซาอุดิฯกับเหตุการณ์โศกนาตกรรมการก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ 9/11 ในปี 2001
    หลังจากที่ใช้เวลาตรวจสอบอยู่หลายปี คณะกรรมการทบทวนการตรวจสอบเหตุการณ์ 9/11 (The 9/11 Review Commission) ก็ได้ออกรายงานจำนวน 128 หน้าเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่ามีการเชื่อมโยงกับบุคคลต่างๆหลายคนในเหตุการณ์ 9/11 โดยเฉพาะจากฝั่งซาอุดิอาระเบีย คณะกรรมการทบทวนฯ ได้รับมอบหมายให้ทำการประเมินผลการดำเนินงานของเอฟบีไอตั้งแต่การสอบสวนในครั้งแรกและตรวจสอบว่ามีหลักฐานใดๆบ้างที่เอฟบีไอรับรู้แต่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเหตุการณ์ 9/11 ด้วย
    จากรายงานของคณะกรรมการทบทวนฯ ชุดดังกล่าวพบว่า Abdulaziz และ Anoud al-Hijji ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นของ Esam Ghazzawi ซึ่งเป็นพ่อของ Anoud al-Hijji ผู้เป็นหลานของ King Fahd (ครองราช 1982-2005) กษัตริย์องค์ที่ 5 ของซาอุดิอาระเบีย เพียงแค่ 2 สัปดาห์ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ 9/11 และหลังจากที่อาศัยอยู่ในบ้านที่เมือง Sarasota รัฐ Florida ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 6 ปี ทั้งสองคนได้หนีกลับไปที่ซาอุดิฯ โดยไม่ได้แจ้งให้ใครรู้โดยทิ้งข้าวของเกือบทั้งหมดไว้เบื้องหลัง
    รายงานใหม่ของสหรัฐฯบอกว่าเพื่อนบ้านสังเกตเห็นพิรุธบางอย่างจึงได้แจ้งให้ทางเอฟบีไอทราบ ซึ่งพบว่าอย่างน้อย หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวนี้ได้โดยสารในเที่ยวบินเดียวกันกับของโรงเรียนในเมือง Venice ในฟลอริด้า ในขณะที่บางคน (ในครอบครัวนี้) อยู่ใน (เที่ยวบิน) ที่มีการไฮแจ็คในการก่อเหตุ 9/11 ด้วย ยังพบว่ามีรายงานเกี่ยวกับรายชื่อผู้โดยสารและรูปภาพที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่จี้เครื่องบินได้เคยไปเยี่ยมชุมชนที่ Anoud al-Hijji อาศัยอยู่ด้วย แต่การตรวจสอบของฝั่งฟลอริด้า ไม่เคยนำข้อมูลดังกล่าวออกมาแสดงต่อสภาคองเกรสหรือรวมเข้าในรายงานคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ 9/11 เลย
    ทางเอฟบีไอแจ้งต่อคณะกรรมการทบทวนฯว่าการสื่อสาร (ข้อมูล/หลักฐาน) นั้นเขียนได้แย่มากและไม่มีหลักฐานใดๆยืนยัน คณะกรรมการทบทวนฯกล่าวถึงรายงานต้นฉบับในปี 2002 ของเอฟบีไอที่รายงานถึงการเชื่อมโยงถึงซาอุดิฯ แต่เมื่อถูกถามในเวลาต่อมาโดยเจ้าหน้าที่คนอื่นในเอฟบีไอ เจ้าหน้าที่พิเศษผู้ที่เขียนรายงานดังกล่าว (2002) กลับไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆตามเนื้อของรายงานนั้นได้ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงเขียนเช่นนั้น
    ตลกมะ? อะไรปิดปากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางคนนั้นไม่ให้พูดหรืออธิบายไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงได้เขียนรายงานฉบับแรกในตอนนั้นในลักษณะที่บอกว่าไม่มีหลักฐานการเชื่อมโยงการก่อการร้าย 9/11 กับซาอุดิฯ แต่มาวันนี้สหรัฐฯออกรายงานฉบับใหม่แล้วบอกว่าซาอุดิฯมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการ 9/11 ซึ่งตอนแรกบอกว่าเป็นฝีมือของ Osama Bin Laden หน้ากลุ่มอัลเคด้า (อัลกออิดะฮ์) พอฆ่าบินบาดินตายแล้ว คราวนี้ก็บอกว่าซาอุดิฯมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซะงั้น ไม่แน่นะต่อไปสหรัฐฯอาจจะฟันธงลงไปอีกว่า ซาอุดิฯอยู่เบื้องหลังของบินลาดิน และ/หรืออยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11 ก็ได้
    ประเด็นที่สื่อฯเขาเล่นนั้นก็คือสงสัยในพฤติกรรมของเอฟบีไอ นี่อาจจะมองได้ว่าเป็นการเมืองภายในของสหรัฐฯเอง นั่นคือสิ่งที่สหรัฐฯต้องการให้สื่อฯทั่วไปนำเสนอ แต่ประเด็นหลักมันอยู่ที่ความเชื่อมโยงกับซาอุดิฯนี้ต่างหากหละ เพราะอะไร? ก็เพราะว่ามันน่าสงสัยที่รายงานฉบับใหม่นี้ดันออกมาในช่วงที่ซาอุดิฯกำลังถล่มเยเมนอยู่นี่นะสิ และออกมาก่อนหน้าที่ UNSC จะมีมติคว่ำบาตรอาวุธเยเมนซะด้วย รายงานใหม่นี้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้เป็นปีแล้ว แสดงว่าสหรัฐฯวางแผนนี้ไว้นานแล้ว
    มันน่าสงสัยที่จู่ๆ ซาอุดิฯก็ออกหน้าโจมตีเยเมนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอ้างแค่มีความชอบธรรมในการโจมตีเยเมนเพื่อทวงอำนาจคืนให้ปธน. Hadi จากกลุ่มฮูติ ทั้งๆที่ฮูติไม่ได้มีความขัดแย้งกับซาอุดิฯถึงขั้นรุนแรงขนาดนั้นเลย นี่ถ้ารัสเซียจะโจมตียูเครนโดยอ้างเหตุผลเดียวกันกับที่ซาอุดิและสหรัฐฯอ้าง คือเพื่อทวงอำนาจคืนให้กับปธน.Viktor Yanukovych ของยูเครนที่ถูกล้มอำนาจแล้วลี้ภัยไปอยู่ที่รัสเซียบ้างสหรัฐฯจะว่าอย่างไรหละนี่?
    รายงานฉบับนี้เสมือนเชือกคล้องคอซาอุดิฯที่ทำให้สหรัฐฯสามารถสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบ โดยใช้ให้ไปโจมตีเยเมนแทนสหรัฐฯได้อย่างสบาย ถ้าซาอุดิฯกระด้างกระเดื่องต่อคำสั่งของสหรัฐฯ สหรัฐฯก็จะใช้รายงานนี้ยืนยันว่าซาอุดิฯอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11 แต่ถ้าซาอุดิฯยังทำตัวเชื่องๆว่านอนสอนง่ายอย่างในปัจจุบันนี้สหรัฐฯก็จะยังไม่รับรองผลของรายงานดังกล่าว แต่เมื่อใดที่สถานการณ์สุกงอมหรือสหรัฐฯมองว่าซาอุดิฯหมดประโยชน์แล้ว สภาคองเกรสก็จะให้การรับรองรายงานดังกล่าวเอง เมื่อนั้นแหละราชวงศ์ซาอุดิฯจะมีอนาคตเป็นอย่างไรก็ลองนึกดูเอาละกัน แล้วซาอุดิฯอาจจะกลายเป็นอิรัค2 หรือซีเรีย2 ในเวลาต่อมาก็ได้ ถึงเวลานั้นใครที่จะเป็นกุมบังเหียนของเยเมนและซาอุดิฯตัวจริงก็คงจะนึกภาพออกแล้วนะ ถ้ายังนึกไม่ออกก็ให้ดูที่ยูเครนเป็นตัวอย่าง
    The Eyes
    17/04/2558
    ----------
    FBI Accused of Whitewashing Saudi Connections to 9/11 Attacks / Sputnik International
    King of Saudi Arabia - Wikipedia, the free encyclopedia
    http://www.fbi.gov/…/protecting-the-homeland-in-the-21st-ce…
    http://www.heraldtribune.com/ar…/20150329/opinion/303299996…
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai ได้แชร์ลิงก์

    “พายุป้องกันตนของเยเมน” จากบรรดาผู้รุกรานแห่งซาอุฯ + วีดีโอ
    15/04/2015 ข่าว Yemen's defense storm1

    [​IMG]

    อัลอาลัม รายงานจากเบรุต : ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและยุทธศาสตร์ได้ชี้ถึงความเหนือกว่าของกองกำลังภาคพื้นดินของกองทัพเยเมนที่มีต่อกองทัพซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับย้ำว่า “ซาอุดีอาระเบียจะพบกับความปราชัยในการทำสงครามภาคพื้นดินกับซานา (ซ็อนอา) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาพันธมิตรหลักของกรุงริยาดไม่เห็นด้วยกับการโจมตีภาคพื้นดิน”


    อัลอาลัม รายงานจากเบรุต : ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและยุทธศาสตร์ได้ชี้ถึงความเหนือกว่าของกองกำลังภาคพื้นดินของกองทัพเยเมนที่มีต่อกองทัพซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับย้ำว่า “ซาอุดีอาระเบียจะพบกับความปราชัยในการทำสงครามภาคพื้นดินกับซานา (ซ็อนอา) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาพันธมิตรหลักของกรุงริยาดไม่เห็นด้วยกับการโจมตีภาคพื้นดิน”

    อามีน คอฏีฏ ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการทหารกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์อัลอาลัมในวันอังคารว่า “การโจมตีทางอากาศของซาอุดิอาระเบียในวันอาทิตย์มีการปฏิบัติการถึง 1,200 เที่ยวบิน และวันจันทร์มีการปฏิบัติการถึง 1,320 เที่ยวบิน แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบศักยภาพทางทหารของกองทัพเยเมนและกองกำลังของประชาชนได้ และความเหนือกว่าของกองทัพอากาศซาอุดิอาระเบียก็ไม่สามารถพิชิตเหนือเยเมนได้”

    เขาเสริมว่า “กองกำลังภาคพื้นดินของเยเมนมีศักยภาพและความสามารถในการที่จะเผชิญหน้าและทำการต่อสู้ กองทัพเยเมนจะต่อสู้ในลักษณะที่จะทำให้ความคิดริเริ่มในการปฏิบัติการสูญเสียไปจากมือของซาอุดีอาระเบีย และพวกเขาจะทำให้สถานการณ์ทางภาคสนามดำเนินไปตามที่ตนต้องการ และจะสามารถควบคุมกิจการต่างๆ ในสนามรบไว้ในมือได้”

    ฮะฏีฏกล่าวว่า “ความน่ากลัวของเยเมนได้เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพของประเทศนี้สามารถควบคุมผู้รุกรานได้แล้ว และได้ทำให้เป้าหมายสำคัญต่างๆ ของผู้รุกรานนั้นประสบกับความล้มเหลว และขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการปฏิบัติการ “พายุแห่งการปกป้องเยเมน” เพื่อตอบโต้ “พายุแกร่ง” (ของศัตรู)”

    ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ผู้นี้กล่าวว่า “ความเหนือกว่าทางด้านอากาศของซาอุฯ ที่มีต่อเยเมนนั้นไม่ใช่เครื่องมือสำหรับการพิชิตเยเมน แต่ในความเป็นจริงแล้วกองกำลังภาคพื้นดินต่างหากที่เป็นเครื่องมือในการพิชิต ตามการคาดการณ์เบื้องต้น กองทัพเยเมนนั้นสามารถระดมกำลังจำนวน 350,000 ถึง 400,000 คนได้ภายในสิบวันแรก โดยที่กองกำลังทั้งหมดเหล่านี้จะอยู่ในแนวหน้าของการป้องกันภายในประเทศและบริเวณพรมแดนต่างๆ”

    เขาอธิบายว่า “ความปราชัยจากการป้องกันของประชาชนเยเมนในพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือหรือในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศนั้น ซาอุฯ จำเป็นจะต้องมีกำลังทหารหกถึงเจ็ดแสนคน ในขณะที่ซาอุฯ สามารถที่จะระดมกำลังทหารได้แค่เพียงห้าถึงหกหมื่นคนเท่านั้น และความหวังที่จะดึงดูดกองกำลังจากปากีสถานและอียิปต์หรือจากประเทศอื่นๆ ก็ได้สลายกลายเป็นลมไปแล้ว และกองกำลังทั้งหมดที่จะรวบรวมได้จากนอกประเทศนั้นก็น่าจะไม่เกิน 20,000 คน”

    ฮะฏีฏได้กล่าวว่า “ความได้เปรียบในการโจมตีทางภาคพื้นดินนั้นจะเป็นของเยเมนอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ศักยภาพต่างๆ ทางด้านการทหารของเยเมนในการเผชิญหน้ากับซาอุดีอาระเบียนั้นก็เป็นคุณแก่ฝ่ายเยเมน ด้วยเหตุนี้เองตามการวิเคราะห์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญผู้มีประสบการณ์นั้น สงครามภาคพื้นดินของซาอุดีอาระเบียที่จะกระทำกับเยเมนจะนำไปสู่ความปราชัยของซาอุดิอาระเบียอย่างแน่นอน”

    ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการทหารผู้นี้ได้กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการทหารผู้นี้ได้กล่าวว่า “กองทัพเยเมนและคณะของประชาชนมีภูมิปัญญา มีทักษะทางด้านการทหารและกลยุทธ์ในระดับสูง จึงนับว่าเป็นความเหนือชั้นกว่าหากจะตอบโต้ตั้งแต่เริ่มต้นโดยปราศจากการเตรียมการที่เหมาะสม”

    เขาเสริมว่า “ในแง่ของการทหารแล้วถือเป็นความผิดพลาดที่จะเข้าปะทะกับกระแสที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ในขั้นสูงสุด กระแสการโจมตีของของซาอุดิอาระเบียขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง จากจุดนี้เองในแง่ของการทหารแล้ว การจัดการและการเผชิญหน้ากับมันย่อมดีกว่าในช่วงวันแรกๆ เป็นอย่างมาก และดูเหมือนว่าประเด็นดังกล่าวนี้จะเป็นตัวอธิบายให้เห็นว่า ทำไมขณะนี้กองทัพของเยเมนจึงได้ประกาศที่จะตอบโต้การโจมตี เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวมีโอกาสได้ตรวจสอบความเป็นไปได้ของชัยชนะเพื่อลดความสูญเสียต่างๆ”

    ฮะฏีฏกล่าวว่า “ขณะนี้ซาอุดิอาระเบียกำลังสับสน ซึ่งประเด็นนี้ไม่รวมถึงสภาพของกองกำลังของซาอุดีอาระเบียและความสัมพันธ์ระหว่างผู้บัญชาการกองทัพ และความสิ้นหวังของกองทัพหลังจากการตัดสินใจของปากีสถานและประเทศอื่นๆ ที่จะไม่เข้าร่วมในการโจมตีภาคพื้นดินแล้ว ซึ่งจะทำให้สงครามป้องกันตนของกองทัพเยเมนเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งขึ้น”

    ที่มา : fa.alalam

    “พายุป้องกันตนของเยเมน” จากบรรดาผู้รุกรานแห่งซาอุฯ + วีดีโอ | Sahibzaman
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jaroen Compeerapap

    [​IMG]

    เวลาแห่งการเผชิญกับปัญหายุ่งยากเริ่มขึ้นแล้ว : Electromagnetic Plues ถึงเวลาที่ อมริกา ยุโรป และ ตุรกี เผชิญกับความมืด พร้อม ๆ กับความยุ่งยากตามมาอีกจิปาถะ เมื่อโครงข่ายพลังงานไฟฟ้า (power grids) บนดินใต้ดินระเบิดอันเนื่องมาจาก อิทธิพลคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากหางของ ระบบ planet x ควบคู่กับ การม้วน การขยายตัว และการเคลื่อนของแผ่นเปลือกโลก จากการเปิดเผยของ ZetaTalk ซึ่งติดตามการเข้ามาของระบบ planet x ดาวแห่งการทำลาย นิบิรุ Nibiru เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 เม.ย.58 ที่ผ่านมาว่า นี่เป็นการเริ่มต้น ซึ่งจะเกิดขึ้นตามมาอีกทั่วโลกจากนี้ไป จากการที่อยู่ ๆ ระบบไฟฟ้าดับทั้งเมืองในยุโรป ตั้งแต่ ตุรกี กรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ และ ลอนดอนประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2558 ที่ต้องตกอยู่ในความมืด ทั้งนี้โดย พลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากส่วนหางของดาวผู้ทำลายที่ส่งผลต่อ การเคลื่อนตัวของพลังสนามแม่เหล็กในแกนโลก เกิดการเคลื่อนตัวของหิน และเปลือกโลกทั้ง กรุงอัมเสตอร์ดัม และ ที่ลอนดอน ซึ่งตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกที่ต่ำ ส่งผลกระทบต่อโครงข่ายไฟฟ้าเป็นเหตุให้ไฟดับไปทั้งเมือง ส่วนในอเมริกาทางการต้องออกข่าวฉุกเฉิน เรื่องไฟฟ้าดับในบริเวณกว้าง เมืองใหญ่สำคัญ ๆ หลายเมืองได้แก่ กรุงวอชิงตัน ดีซี (ทำเนียบขาว) และ แมร์รี่แลนด์ ที่ต้องโกลาหลจากโครงข่ายไฟฟ้าเสียหาย จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากส่วนหางของ planet x ลองนึกภาพหากโครงข่ายไฟฟ้าบ้านเราเสียหายด้วยเหตุดังกล่าวบ้าง จะเป็นอย่างไรบ้าง ดูอย่างฝนลงครั้งที่แล้วยังดีนะที่ยังคงมีไฟฟ้า แต่ถ้าไม่มีไฟมืดมิดมันจะโกลาหลขนาดไหน จึงเป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่ทุกคน ให้เตรียมการเผชิญไว้นะครับ ถึงเวลานั้นใคร ก็ไม่สามารถช่วยใครได้ ก่อนออกจากบ้าน ก่อนเดินทาง ทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ขอให้คิดเผื่อไว้หากไม่มีไฟจะเอาตัวรอดอย่างไร ทั้งนี้เพราะดาวผู้ทำลายมันมีทั้ง หัว ทั้งหาง ยาวเป็นล้าน ๆ ไมล์ แค่หางยังเอายุโรป อเมริกาเป็นอย่างนี้ แล้วหัวมันจะขนาดไหน..รีบหาความรู้ไว้นะครับขณะที่มีไฟฟ้าใช้ได้ วันที่โลกมืดจะได้มีสติและอยู่รอดได้
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รมว.กลาโหมอิหร่าน เดินทางเยือนรัสเซีย
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - เม.ย. 16, 2015

    [​IMG]

    presstv – นายพล ฮูเซ็น เดห์กอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิหร่าน ได้ถึงสนามบิน โดโมเดโดโว เมื่อวันพุธที่ผ่านมา และได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่รัสเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความมั่นคงระหว่างประเทศ ครั้งที่สี่ ณ กรุงมอสโก รัสเซีย

    นายพลจัตวา ฮูเซ็น เดห์กอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิหร่าน ได้รับการเชิญอย่างเป็นทางการจากการกระทรวงกลาโหมรัสเซียในการมาเยือนรัสเซียครั้งนี้

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิหร่าน มีกำหนดการจะขึ้นพูดในที่ประชุมสุดยอดความมั่นคงระหว่างประเทศ และจะอธิบายมุมมอง จุดยืนของเตหะรานในการรักษาความปลอดภัยระหว่างประเทศและประเด็นที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้

    การประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 16 -17 เมษายน (วันพฤหัสบดีและวันศุกร์) โดยมีตัวแทนจาก 50 ประเทศและองค์กรระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ เข้าร่วม ซึ่งการประชุมจะจัดขึ้นในเมืองหลวงของรัสเซีย

    เหตุการณ์ล่าสุดในตะวันออกกลาง รวมทั้งวิกฤตเยเมนและประเด็นระหว่างประเทศเป็นประเด็นหัวข้อที่สำคัญของการประชุมสุดยอดความมั่นคงระหว่างประเทศในกรุงมอสโก นอกจากนี้จะมีการพิจารณาเหตุการณ์ในยูเครนและการพัฒนาขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียและอเมริกาที่มีอยู่ในยุโรป ก็เป็นประเด็นที่จะมีการหารือในที่ประชุมครั้งนี้

    นอกจากนี้ รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน จะพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย เพื่อพูดคุยในเรื่องการส่งมอบและการฟื้นตัวของการเจรจาสัญญาที่เกี่ยวข้อง กับ S-300 ระบบป้องกันขีปนาวุธอิหร่านที่รัสเซีย เตรียมจะส่งมอบให้กับอิหร่านอีกด้วย

    รมว.กลาโหมอิหร่าน เดินทางเยือนรัสเซีย | abnewstoday
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รถไฟไฮสปีด "กทม.-เชียงใหม่" คัมแบ็ค ลงทุน 4 แสนล. เวนคืน 7.7พัน ไร่ คิกออฟปลายปีนี้ วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17:06:42 น.

    [​IMG]

    http://www.matichon.co.th/online/2015/04/14290817681429081990l.jpg

    ถูกพูดถึงอีกครั้งสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทาง"กรุงเทพฯ-เชียงใหม่"โปรเจ็กต์ไฮไลต์ของรัฐบาลเพื่อไทยล่าสุด "รัฐบาลประยุทธ์" หยิบขึ้นมาปัดฝุ่นอีกรอบ หลัง "รัฐบาลญี่ปุ่น" สนใจอย่างจริงจัง จะช่วยจุดประกายรถไฟสายนี้ให้เป็นจริงภายใต้รูปแบบรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปีดเทรน

    พ.ค.ไทย-ญี่ปุ่นลงนาม MOU

    ในเดือนพฤษภาคมนี้ ทาง "รัฐบาลไทยและญี่ปุ่น" มีกำหนดจะลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อร่วมกันศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครงการ คาดว่าจะเริ่มคิกออฟได้ปลายปี 2558 ในการสำรวจเส้นทาง เริ่มก่อสร้างปลายปี 2559 หรืออย่างช้าต้นปี 2560 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3-4 ปี จะแล้วเสร็จปี 2563

    สถานะล่าสุดของโครงการ "สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร" ได้ศึกษาเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุมัติ "รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) มีระยะทางรวม 672 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนรวม 426,898 ล้านบาท มี 12 สถานี แต่ละสถานีจะมีการออกแบบเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดนั้น ๆ

    เวนคืนหมื่นล้าน 7 พันไร่

    ด้านการเวนคืนที่ดิน เบื้องต้นได้ประมาณการพื้นที่เวนคืน 7,724 ไร่ และจำนวนแปลงที่ดิน 2,700 แปลง คิดเป็นค่าเวนคืน 10,814 ล้านบาท ขณะที่แนวเส้นทางที่จะใช้ก่อสร้าง ส่วนใหญ่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟสายเหนือเดิม แยกการดำเนินการเป็น 2 ระยะ ในระยะแรกช่วง "กรุงเทพฯ-พิษณุโลก" ระยะทาง 384 กิโลเมตร เงินลงทุน 212,893 ล้านบาท พาดผ่านพื้นที่ 8 จังหวัด

    มี 7 สถานี ได้แก่ สถานีบางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี (ป่าหวาย) นครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก มี 2 สถานีที่สร้างอยู่บนที่ใหม่ ได้แก่ สถานีลพบุรีจะสร้างอยู่ป่าหวาย ห่างจากตัวเมือง 5 กิโลเมตร และสถานีพิจิตร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร อีก 5 สถานีที่เหลือจะสร้างอยู่ที่เดิมเป็นสถานีรถไฟในเมือง มีศูนย์ซ่อมบำรุงที่สถานีเชียงราก

    ซึ่งรูปแบบการก่อสร้างในช่วงกรุงเทพฯ-อยุธยาเนื่องจากมีจุดตัดถนนเป็นจำนวนมากจะออกแบบโครงสร้างเป็นทางยกระดับยาว67 กิโลเมตร ส่วนช่วงผ่านเมืองลพบุรีจะขุดอุโมงค์ยาว 4 กิโลเมตร ลึกลงไปในชั้นใต้ดินผิวทางรถไฟเดิมประมาณ 20-30 เมตร และช่วงผ่านบึงบอระเพ็ดเป็นทางยกระดับยาว 8.5 กิโลเมตร ที่เหลือเป็นคานดิน

    เบี่ยงแนวช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่

    ส่วนระยะที่ 2 ช่วง "พิษณุโลก-เชียงใหม่" เงินลงทุน 214,005 ล้านบาท ระยะทาง 285 กิโลเมตร เป็นเส้นทางตัดใหม่ช่วงจังหวัดสุโขทัย-ลำปาง จะเริ่มต้นจากจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อจากแนวเส้นทางระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ-พิษณุโลก)

    แนวเส้นทางแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ในช่วง "พิษณุโลก-ลำปาง" เมื่อออกจากพิษณุโลก แนวเส้นทางยังคงใช้พื้นที่ในเขตทางรถไฟเดิม ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 12 เลี้ยวซ้ายไปทางทิศตะวันตกผ่านพื้นที่อำเภอพรหมพิราม อำเภอกงไกรลาศ ก่อนถึงสุโขทัยเลี้ยวขวาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่านอำเภอศรีสำโรง อำเภอสวรรคโลก และอำเภอศรีสัชนาลัย

    จากนั้นแนวเส้นทางจะเบี่ยงขวาไปทางทิศเหนือ ผ่านอำเภอวังชิ้นเข้าสู่อำเภอลอง ยกระดับรถไฟข้ามทางหลวงหมายเลข 1023 แล้วเป็นอุโมงค์ลอดใต้ทางหลวงหมายเลข 11 (เด่นชัย-แขวงลำปาง) ขนานไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านอำเภอแม่ทะ เข้าสู่สถานีรถไฟลำปาง

    เชียงใหม่ศูนย์ซ่อมบำรุง

    และช่วง "ลำปาง-เชียงใหม่" จะมีแนวเส้นทางตัดใหม่และใช้พื้นที่เขตทางรถไฟเดิม โดยผ่านช่วงหนองวัวเฒ่า-สถานีห้างฉัตร เส้นทางรถไฟอยู่ในเขตทางรถไฟเดิม จากสถานีห้างฉัตร-ลำพูน เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่ เริ่มต้นจากสถานีห้างฉัตร จะเบี่ยงแนวไปทางซ้ายของทางรถไฟเดิมไปอำเภอแม่ทา ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 11 และทางรถไฟเดิมบริเวณสถานีศาลาแม่ทา ไปบรรจบกับทางรถไฟเดิมก่อนถึงสถานีรถไฟลำพูนประมาณ 10 กิโลเมตร วิ่งไปตามเขตทางรถไฟเดิมจนถึงสถานีรถไฟลำพูนและปลายทางที่สถานีเชียงใหม่

    มี5สถานีได้แก่ สถานีสุโขทัย ศรีสัชนาลัย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ เป็นสถานีใหม่ 2 แห่ง คือสุโขทัย ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร และศรีสัชนาลัย ห่างจากตัวเมือง 3 กิโลเมตร ส่วนอีก 3 สถานี จะใช้พื้นที่ของสถานีรถไฟเดิมอยู่ในตัวเมืองและมีศูนย์ซ่อมบำรุงที่จังหวัดเชียงใหม่

    ขนได้ทั้งคน-สินค้า

    ด้านการใช้ประโยชน์จะขนส่งได้ทั้งคนและสินค้าจะมีผู้โดยสารใช้บริการปีแรก24,800เที่ยวคนต่อวัน และขนส่งสินค้าที่มีศักยภาพในการขนส่งด้วยระบบรถไฟความเร็วสูง ได้แก่ สินค้าไปรษณียภัณฑ์เร่งด่วน และสินค้าที่ขนส่งทางอากาศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง ราคาสูงและเน่าเสียง่าย

    สำหรับอัตราค่าโดยสารจะคิดตามระยะทาง แยกเป็น 3 ชั้น มี "ชั้นวีไอพี" มี 3 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 200 บาท ค่าโดยสาร 4 บาทต่อกิโลเมตร "ชั้นธุรกิจ" มี 4 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 100 บาท ค่าโดยสาร 2.50 บาทต่อกิโลเมตรและ "ชั้นมาตรฐาน" มี 5 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 70 บาท ค่าโดยสาร 1.50 บาทต่อกิโลเมตร เบ็ดเสร็จ นั่งจากกรุงเทพยาวถึงเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 16 นาที เสียค่าโดยสารประมาณ 1,100-2,900 บาทต่อเที่ยว

    ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    รถไฟไฮสปีด "กทม.-เชียงใหม่" คัมแบ็ค ลงทุน 4 แสนล. เวนคืน 7.7พัน ไร่ คิกออฟปลายปีนี้ : มติชนออนไลน
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 16 เม.ย.58 ทูต UN กรี๊ดแต๋วแตก เมื่อมีเครื่องบินลึกลับโจมตีกลุ่มก่อการร้าย เด็กมะกัน
    ทูตประจำสหประชาชาติ ที่เป็นผู้แทนปรองดองในลิเบีย ประณามการโจมตีทางอากาศ จากเครื่องบินนิรนาม ต่อเป้าหมายโจมตีกลุ่มติดอาวุธใกล้เมืองหลวง ว่ายอมรับไม่ได้
    โดยแถลงว่า UN ขอประณามอย่างยิ่ง "ต่อการโจมตีทางอากาศ " ที่สนามบินเมติกา ทางตะวันออกของกรุงตริโปลี เนื่องจากถือเป็นความเคลื่อนไหวในทางลบและไม่อาจยอมรับได้ และหวังว่าจะมีคำชี้แจงต่อประชาคมโลก
    นักข่าวสอบถามว่า อเมริกา ซาอุ ฯ อิสราเอล ก็ใช้กำลังข่มเหงโจมตีทางอากาศ ต่อ อิรัก ซีเรีย เยเมน เหมือนกันนี้เลย ทำไม UN ไม่ประนามบ้าง...ทูต UN พึมพำในลำคอเบาๆ ว่า "อเมริกาสั่งห้ามพูด"
    @ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก่อการร้าย “อัลกออิดะห์ AQAP” บุกยึดสนามบินทางใต้ของเยเมนสำเร็จ! หลังล่าสุดเสียแกนนำค่าหัว 5 ล้านดอลลาร์ไปในโดรนสังหาร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2558 10:23 น. (แก้ไขล่าสุด 17 เมษายน 2558 10:40 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - แหล่งข่าวรัฐบาลเยเมนเผย กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ AQAP สามารถบุกยึดท่าอากาศยานไรยันทางใต้ของประเทศสำเร็จ หลังจากที่เพิ่งสูญเสียแกนนำคนสำคัญ อิบราฮิม อัล-รูไบช์ สัญชาติซาอุดีอาระเบียที่มีค่าหัวร่วม 5 ล้านดอลลาร์จากการถูกสหรัฐฯ ใช้โดรนสังหารไปในวันอาทิตย์ (12 เม.ย.) ท่ามกลางสงครามตัวแทนในประเทศที่มีกลุ่มกบฎฮูตีและกองทัพเยเมนที่เป็นตัวแทนระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด

    บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (17) ว่า กองกำลังความมั่นคงที่เคยรักษาความปลอดภัยให้กับท่าอากาศยานไรยัน ซึ่งเป็นหลักในเมืองมูคาลลา (Mukalla) จ.ฮาดรามาวต์ (Hadramawt) ได้หนีไปแล้ว เพราะการบุกของกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ AQAP ที่อาศัยช่องโหว่เข้าตีเมืองมูคาลลาในระหว่างเกิด

    สงครามกลางเมืองในเยเมนซึ่งเป็นสงครามตัวแทนในประเทศที่มีกลุ่มกบฎฮูตีและกองทัพเยเมนที่เป็นตัวแทนระหว่างอิหร่าน และซาอุดีอาระเบียกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด และได้มีการบุกยึดทำเนียบรัฐบาล รวมไปถึงบ้านพักประธานาธิบดีเยเมน และทำให้ผู้นำประเทศต้องหลบออกไปจากเมืองหลวงในที่สุด

    นอกจากนี้ กลุ่มก่อการร้ายยังได้บุกเรือนจำและปล่อยผู้ต้องขังออกไปจนหมด

    ที่ผ่านมากองทัพซาอุฯ ซึ่งเป็นผู้นำการโจมตีได้ใช้กองกำลังทางอากาศ รวมไปถึงยิงปืนใหญ่จากบริเวณพรมแดนติดเยเมน โจมตีฐานที่มั่นกลุ่มกบฐฮูตีที่มีอิหร่านหนุนหลังซึ่งกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ได้รุกคืบยึดเมืองต่างๆ ของเยเมนได้เป็นส่วนใหญ่ โดยในเดือนกันยายน 2014 กบฎฮูตีได้บุกเข้ากรุงซานา และสามารถทำให้ประธานาธิบดีเยเมนอับดุล รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ได้ขึ้นเรือเดินทางออกจากท่าเรือเมืองเอเดน พร้อมผู้ช่วยคนสนิท เมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา และหลบหนีออกนอกประเทศ

    นอกจากนี้ยังมีรายงานเปิดเผยออกมาว่า อัลกออิดะห์ AQAP ประสบความสำเร็จในการยึดท่าเรือและจุดขนส่งน้ำมันที่สำคัญไว้ได้

    ในขณะที่กองกำลังผสมนานาชาติที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำขับไล่กบฎฮูตีนั้นกำลังดำเนินไป และยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถสยบกบฏฮูตีได้ รองประธานาธิบดีเยเมน คาเล็ด บาฮาห์ (Khaled Bahah) ก่อนหน้านี้ได้ประกาศไม่ต้องการให้ซาอุฯ นำกองกำลังสู้รบภาคพื้นดินในเยเมน

    แต่ทว่าสื่ออังกฤษชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้กำลังทหารภาคพื้นดินเข้าช่วยในที่สุดในไม่ช้านี้ ถึงแม้บาฮาห์จะยืนยันว่า “เยเมนหวังว่าสงครามครั้งนี้จะสิ้นสุดโดยไว เยเมนต้องการยุติสงคราม ไม่ใช่ขยายขอบเขตของสงครามให้ไกลออกไป”

    ในวันพุธ (15) สื่อทั่วโลกรายงานว่า ทูตพิเศษองค์การสหประชาชาติในเยเมนประกาศลาออกจากตำแหน่ง และในวันเดียวกัน มีรายงานถึงการเสียชีวิตของแกนนำคนสำคัญของกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ AQAP จากฝีมือของสหรัฐฯที่ใช้โดรนปลิดชีพ อิบราฮิม อัล-รูไบช์ ที่มีค่าหัวร่วม 5 ล้านดอลลาร์ได้สำเร็จในวันอาทิตย์ (12) พร้อมกับสมาชิกของกลุ่มอีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อว่าเป็นใครและไม่ได้ระบุสถานที่โจมตี

    อัล-รูไบช์เป็นบุคคลสัญชาติซาอุดีอาระเบียอายุกว่า 30 ปีได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำกวนตานาโมเมื่อปี 2006 หลังจากนั้นได้เข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์ AQAP ในเยเมนถือว่าเป็นแกนนำคนสำคัญด้านอุดมการณ์และที่ปรึกษาด้านศาสนศาสตร์


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000043977
     

แชร์หน้านี้

Loading...