ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช
ญี่ปุ่นห้ามใจไม่ไหว... ขอมีเอี่ยวกับ AIIB ด้วย



----------------
ตอนแรกทั้งสหรัฐฯและไอเอ็มเอฟก็ปากดี กีดกันทุกคนไม่ให้เข้าร่วมหุ้นกับธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) ที่นำโดยจีน โดยบอกว่าระบบของ AIIB นั้นไม่ได้มาตรฐานนะอย่าไปร่วมเลย อียูฟังอเมริกาซะที่ไหนหละ อเมริกาจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะแต่อียูไม่คิดอย่างนั้น เรื่องอะไรจะปล่อยโอกาสงามๆให้หลุดมือไปจึงพากันมาขอร่วมหุ้นในธนาคาร AIIB ร่วมกับจีนด้วย แม้กระทั่ง IMF เองก็ยังไม่วายมาอ้อนจีนเพื่อขอเข้ามีเอี่ยวในธนาคารนี้ด้วยเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้บอกเองว่าไม่มีมาตรฐานนะนี่
ล่าสุดทั้งประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเซีย (Asian Development Bank) หรือที่เรียกชื่อย่อว่า "ADB" ของญี่ปุ่นที่ร่วมหุ้นกับอเมริกาทำหน้าที่คล้ายๆกับ IMF, ECB และ AIIB นี่แหละ และรมว.คลังของญี่ปุ่นก็อดใจไม่ไหวที่จะขอเข้ามามีเอี่ยวใน AIIB ด้วยเช่นกัน โดยบอกว่าทาง ADB ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับ AIIB มากกว่าที่จะเป็นคู่แข่งขันกัน
โดยนาย Taro Aso รมว.คลังของญี่ปุ่นพูดบางตอนในการให้สัมภาษณ์กับสื่อฯว่า "จะเป็นที่น่ายินดีมาก หาก AIIB ทำงานร่วมกับ ADB เพื่อพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานในเอเซีย แต่ดูเหมือนว่าเป็นการยากที่จะเกิดขึ้้นเนื่องจากกฎระเบียบนั้นแตกต่างกัน"
ฝ่ายประธานธนาคาร ADB ก็ออกมากล่าวว่าอาจจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับ AIIB ที่นำโดยจีนก็ได้ หากมาตรฐานการปล่อยเงินกู้ของ AIIB อยู่ในมาตรฐานของ ADB
แหม… วิธีการพูดแบบนี้เหมือนกับลอกมาจาก IMF ก่อนที่จะมาอ้อนจีนขอเข้าร่วมหุ้นด้วยเลยนะ ทำเป็นอ้างมาตรฐานอย่างนั้นอย่างนี้สุดท้ายแล้วก็ "ขอเค้าบ้างดิ นะ…เค้ามั่ง นะตะเอง" ทำเป็นวางฟอร์ม จีนเขาง้อซะที่ไหนหละ อยากมาก็มาอย่าลีลามาก เดี๋ยวตกขบวนรถไฟสาย AIIB ทัวร์ทั่วเอเซียไม่รู้ด้วยนะ ขนาดอเมริกายังพยายามเข้ามาเลย มีหรือญี่ปุ่นจะไม่ตามมาด้วย
The Eyes
25/03/2558
-----------
http://www.reuters.com/…/japan-aiib-adb-idUST9N0W801V201503…
http://www.reuters.com/…/us-asia-aiib-japan-idUSKBN0MK07T20…

 

Chalee Na Roied



เมื่อวันก่อนมีรายงานข่าว สายการบินของเยอรมันตก ผมก็เริ่มเอะใจนะครับ แต่ก็ยังไม่อยากไป"กล่าวหาและคาดเดา" หากข้อมูลยังไม่ชัดเจนมากพอ
แต่โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า "ไม่ใช่ความบังเอิญ" แน่นอนครับ การที่เครื่องบินประสบอุบัติเหตุบ่อยๆ ในห้วงที่เหตุการณ์ของโลก กำลังเข้าสู่สถานการณ์ ที่ค่อนข้างวิกฤติและตึงเครียด เพราะในแถบยุโรปเวลานี้ อยู่ในห้วงการฝึกของ เครื่องบินรบกองกำลังนาโต ซึ่งเครื่องบินรบส่วนใหญ่จะปิดทรานสปอนเดอร์ เพื่อไม่ให้เรดาร์พลเรือนตรวจจับได้ และทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง
เมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าการซ้อมรบของนาโตแต่ละครั้ง มีการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ควบคู่กันไป ซึ่งส่งผลกระทบกับระบบติดต่อสื่อสารของสายการบินพลเรือน เป็นอันตรายต่อเครื่องบินโดยสารในน่านฟ้ายุโรปจำนวนมาก เพราะปีที่แล้วเคยมีกระแสข่าวว่า มีเครื่องบินโดยสาร หายไปจากจอเรดาร์จำนวนมาก http://rt.com/…/165872-military-exercises-planes-disappear…/
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ สายการบินเยอรมันวิงส์ จนกระทั่งมีผู้โดยสารเสียชีวิตกว่า 150 คน และยังคงเป็นปริศนาที่นักบิน ไม่มีการร้องขอความช่วยเหลือ ในขณะที่เครื่องบินสูญเสียความสูงอย่างรวดเร็ว ผิดวิสัยของลูกเรือยิ่งนัก และที่สำคัญที่สุดกล่องดำ ที่ยังพอจะเป็นหลักฐานก็เสียหายแทบจะยับเยินอีก ทำให้ยิ่งยากต่อการสอบสวนหาสาเหตุเข้าไปอีก http://www.zerohedge.com/…/damaged-black-box-holds-only-hop…
ซึ่งเมื่อมาพิจารณาองค์ประกอบ และปัจจัยอื่นๆทั้งเรื่อง เศรษฐกิจ และความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ แน่นอนครับว่า ทุกอย่างล้วนมีความเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น แม้ยังไม่สามารถหาหลักฐาน มายืนยันสาเหตุของการตกของเครื่องบินลำดังกล่าว แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งกรณีสายการบิน MH17, MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ ล้วนมีเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงเรื่องมิติด้านความมั่นคง และเทคโนโลยีทางทหาร บุคคลสำคัญ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น เพราะก่อนการตกเครื่องบิน มีพยานที่เห็นเหตุการณ์รายงานว่า มีเสียงระเบิดและกลุ่มควันเกิดขึ้น ก่อนเครื่องบินลำดังกล่าวจะตกลงมา http://www.euronews.com/…/germanwings-crash-witnesses-desc…/
และที่สำคัญที่สุดดูเหมือนว่า รัฐบาลสหรัฐดูเหมือนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ถึงขั้นออกมาตัดความเชื่อมโยงว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการสอบสวนหาสาเหตุ และจิ๊กซอว์ที่สำคัญ ซึ่งไม่สามารถตัดออกไปได้ก็คือ หนึ่งในผู้โดยสารสำคัญ คือ ชาวอเมริกันซึ่งทำงานให้กับ "National Geospatial-Intelligence Agency (NGA)" ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่สำคัญในการให้ข้อมูล ด้านภูมิศาสตร์สารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง การตัดสินใจระดับนโยบาย การสู้รบทางทหาร และด้านบรรเทาภัยพิบัติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลาโหมสหรัฐ "The National Geospatial-Intelligence Agency (NGA) delivers world-class geospatial intelligence that provides a decisive advantage to policymakers, warfighters, intelligence professionals and first responders.
NGA is a unique combination of intelligence agency and combat support agency. It is the world leader in timely, relevant, accurate and actionable GEOINT. NGA enables the U.S. intelligence community and the Department of Defense (DOD) to fulfill the president’s national security priorities to protect the nation. NGA also anticipates its partners’ future needs and advances the GEOINT discipline to meet them.
http://investmentwatchblog.com/flight-4u9525-pentagon-con…/…
พูดง่ายๆก็คือ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ การเดินเรือ ขับเครื่องบิน "การตัดสินใจและดำเนินนโยบาย ในการทำสงครามระหว่างประเทศ" ระบุเป้าหมาย ตอบสนองต่อภัยพิบัติต่างๆ แม้กระทั่งการนำร่องด้วยโทรศัพท์มือถือ ล้วนขึ้นอยู่กับหน่วยงาน "NGA" ทั้งสิ้น ถ้าบ้านเราก็คือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) นั่นแหละครับ
ซึ่งถ้าพิจารณาแล้วถือได้ว่า หนึ่งในบรรดาผู้โดยสารในเครื่องบินลำดังกล่าว ถือว่าเป็นบุคคลที่ ทำงานสำคัญระดับโลก และกุมข้อมูลและความลับด้านความมั่นคง ในกลาโหมสหรัฐที่สามารถ มีผลต่อการตัดสินผลแพ้ชนะของสงครามมากที่สุดหนึ่ง มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้นำประเทศ ต่อการปกป้องความั่นคงของชาติ เพราะให้ข้อมูลที่แม่นยำในสถานการณ์วิกฤติ ให้ผู้นำประเทศสามารถตัดสินใจได้ทันต่อสถานการณ์นั่นเอง
เพราะฉะนั้นจากข้อมูลข้างต้น ผมคงไม่ไป"ฟันธง"ว่า เป็นมูลเหตุจูงใจของการตกของเครื่องบินลำดังกล่าว แต่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดความเชื่อมโยงออกไปได้ ยิ่งถ้าพิจารณาสถานการณ์โลก ในเวลานี้แล้ว ซึ่งมีความตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง เพราะล่าสุดสภาครองเกรสสหรัฐ กำลังราดน้ำมันเข้ากองไฟ ด้วยมติสนับสนุนอาวุธหนัก ให้รัฐบาลยูเครน ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 348-48 เดินหน้าเสริมอาวุธหนัก ให้รัฐบาลยูเครน ท้าทายคำเตือนรัสเซียก่อนหน้านั้นอย่างชัดเจน http://www.zerohedge.com/…/us-house-votes-348-48-arm-ukrain…
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ เครื่องบินสายการบินเยอรมันวิงส์ ไม่น่าจะมาจากอุบัติเหตุ และ"ไม่ใช่" ความบังเอิญ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ อย่างแน่นอนครับ ส่วนจะมาจากเรื่องใดนั้น คงต้องติดตามกันต่อไป แต่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนครับว่า
.."ยิ่งมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ แนวโน้มของสงคราม มันเริ่มจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ"..

 

Tin Thekop - >Chalee Na Roied



จับตา 26 มี.ค.58 นี้ สนช.เตรียมพิจารณามหาวิทยาลัยออกนอกระบบอีก 5 แห่ง นิสิต-นักศึกษาเคลื่อนไหวคัดค้าน หวั่นค่าเทอมพุ่งกระฉูด ขณะที่การตรวจสอบการบริหารเงินของผู้บริหารทำได้ยาก
ความคืบหน้าของการพิจารณานำมหาวิทยาลัยเตรียมออกนอกระบบ หรือมีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ขณะนี้มีมหาวิทยาลัย 5 แห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ในวาระแรกในวันที่ 26 มี.ค.58 นี้
โดยขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่คัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ หรือเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยมีประเด็นสำคัญของการคัดค้านคือ ข้อกังวลเรื่องค่าเทอมที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเพราะเป็นรายได้ง่ายที่สุดในการจัดการของมหาวิทยาลัย การตรวจสอบทุจริตผู้บริหารที่เป็นไปได้ยาก
ตัวอย่างสำคัญอยู่ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ที่เดิมมหาวิทยาลัยบูรพามีค่าหน่วยกิตประมาณ หน่วยกิตละ 100 บาท ต่อเทอมนักศึกษาจะเสียค่าเทอมประมาณ 8,000-9,000 บาท แต่หลังจากออกนอกระบบ 3 ปี มีการเก็บแบบเหมาจ่าย คณะสาธารณสุขจากเดิมที่เก็บ 8,000-9,000 บาทต่อเทอม เป็น 20,000 บาท ขณะที่เภสัชศาสตร์เพิ่งเปิดคณะ พ.ศ. 2553 คือหลังจากที่มหาวิทยาลัยออกนอกระบบไปแล้ว มีค่าเทอม 40,000 บาท แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี มีค่าเทอมเพิ่มขึ้นเป็น 75,000 บาท
วิเคราะห์ “มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ” ค่าเทอมพุ่งกระฉูด-เอื้อผู้บริหารทุจริต? | PPTV Thailand

 

Thanong Fanclub



1. สหรัฐฯโดนลอยแพให้เป็นHome Alone
ซวยละซี! IMF เล็งใช้ “แผน B” หั่นอำนาจโหวตสหรัฐฯ ลงเกือบครึ่ง-เอือมเป็นก้างขวางปฏิรูป
หลังจากถูกสหรัฐฯ คัดค้านแผนปฏิรูปโควตาการออกเสียงของชาติสมาชิกมานานหลายปี กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จึงเริ่มพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการ “หั่นอำนาจโหวต” ของวอชิงตันในสถาบันปล่อยกู้แห่งนี้ลงเกือบครึ่ง
การเจรจา “แผน B” เริ่มถูกหยิบยกขึ้นมา หลังจากที่บอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟเริ่มจะถอดใจกับความดื้อดึงของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ซึ่งไม่ยอมลงมติรับรองแผนปฏิรูปไอเอ็มเอฟฉบับปี 2010 ทั้งที่ทำเนียบขาวก็สนับสนุนเป็นอย่างดี
แผนปฏิรูปมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับโควตาการออกเสียงของสมาชิกในบอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟ โดยจะเพิ่มที่นั่งให้แก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ตลอดจนเพิ่มโควตาหรือแหล่งทุนที่ธนาคารจะใช้ปล่อยกู้ให้แก่ประเทศที่เผชิญวิกฤตการเงินเป็น 2 เท่า
เปาลู โนกูเอรา บาติสตา กรรมการบริหารไอเอ็มเอฟจากบราซิล เสนอให้ตัดความเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบ 2 ส่วนนี้ เพื่อให้แผนปฏิรูปเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ
“ความเชื่อมโยงระหว่างสองส่วนนี้ไม่จำเป็นเลย เพราะแต่ละส่วนก็มีวัตถุประสงค์ต่างกัน และสามารถดำเนินการแยกกันได้ ถ้าตัดความเชื่อมโยงเราก็เพียงแต่ขอแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้สภาคองเกรสรับรอง” บาติสตา เสนอ
“นี่เป็นข้อเสนอที่สร้างสรรค์ ง่ายดาย และจะช่วยให้กระบวนการปฏิรูปไอเอ็มเอฟเดินหน้าต่อไปได้”
แนวทางที่บราซิลเสนอจะช่วยผลักดันแผนปฏิรูปขั้นต้น ซึ่งก็คือการเพิ่มที่นั่งในบอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟซึ่งมีอยู่ 24 ที่นั่งให้แก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และไปลดสัดส่วนของยุโรปลง ซึ่งประเด็นนี้ทำเนียบขาวเห็นด้วยมานานแล้ว ติดขัดอยู่ที่สภาคองเกรสไม่ให้การรับรอง ส่วนการเพิ่มแหล่งทุนอีกเท่าตัวก็สามารถดำเนินการแยกต่างหาก เพื่อช่วยให้ไอเอ็มเอฟลดการพึ่งพาทุนกู้ยืม (borrowed funds) อย่างที่เป็นมาตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2008
กระบวนการดังกล่าวจะส่งผลให้อำนาจต่อรองของสหรัฐฯ ในไอเอ็มเอฟลดลงเกือบครึ่ง นับตั้งแต่สถาบันปล่อยกู้แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1945
ที่เป็นเช่นนี้เพราะเงินทุนที่อุดหนุนให้ไอเอ็มเอฟจะเป็นตัวกำหนดโควตาการลงคะแนนของแต่ละประเทศ หากสภาคองเกรสยังไม่ให้การรับรองแผนปฏิรูปปี 2010 โควตาออกเสียง 17.7 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐฯ จะลดลงเหลือเพียง 9.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อทำตามแผนของ บาติสตา
ตัวเลขที่ลดลงนี้มีนัยยะสำคัญ เนื่องจากการตัดสินใจของไอเอ็มเอฟจะต้องได้รับเสียงโหวตร้อยละ 85 จากประเทศสมาชิก ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ซึ่งมีโควตาออกเสียงอยู่ 17.7 เปอร์เซ็นต์จึงเป็นเพียงชาติเดียวที่สามารถ “วีโต” มติไอเอ็มเอฟได้
บาติสตา เสนอให้มีการทำข้อตกลง เพื่อให้เวลาสภาคองเกรสในการตัดสินใจรับรองแผนเพิ่มแหล่งทุนเสริมความแข็งแกร่งแก่ไอเอ็มเอฟ ซึ่งจะช่วยให้วอชิงตันยังรักษาอำนาจวีโตเอาไว้ได้

 

Thanong Fanclub



2. สหรัฐฯโดนลอยแพให้เป็นHome Alone
โดนยิวล้วงตับไม่เหลือ
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอิสราเอลหลังการประกาศชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไปของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ดูเหมือนจะเลวร้ายลงทุกที หลังล่าสุด ทำเนียบข่าวประกาศ อิสราเอลแอบจารกรรมการเจรจาลับในข้อตกลงโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ และทางทำเนียบขาวเชื่อว่า อิสราเอลได้ป้อนข้อมูลนี้ให้กับพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งของพรรครัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่มีความพยายามต้องการตรวจสอบข้อตกลงนิวเคลียร์สหรัฐฯและอิหร่าน
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(24)ว่า ความตรึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์ของวอชิงตันและเทลอาวีฟดูเหมือนจะยิ่งร้าวรานหนักข้อขึ้น เมื่อล่าสุดในวันอังคาร(24) ทำเนียบขาวประกาศว่า การเจรจานิวเคลียร์อิหร่านถูกรัฐยิวสอดแนมล้วงความลับ และนำรายละเอียดในข้อตกลงเปิดเผยให้กับพรรครีพับริกัน ซึ่งมีเสียงข้างมากในทั้งสองสภาของสหรัฐฯ เพื่อหวังว่าทางรีพับริกันจะสามารถคว่ำดีลที่ทางนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เชื่อว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของอิสราเอล
ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ร่วมกับเยอรมัน รัสเซีย ฝรั่งเศส จีน อละอังกฤษ ได้ร่วมประชุมกับอิหร่านเพื่อหาทางยุติการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์
ทั้งนี้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปอิสราเอล เนทันยาฮูมุ่งหน้าเดินทางมายังสหรัฐฯเพื่อหาทางล็อบบี้โอบามาและผู้นำระดับสูงของสภาคองเกรส แสดงถึงจุดยืนของอิสราเอลต่อดีลของอิหร่านที่จะเกิดขึ้น โดยอิสราเอลมีความหวังว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นต้องอยู่บนรากฐานว่าอิหร่านต้องให้ความร่วมมือในการประณามการก่อการร้ายทั่วโลก และยกเลิกการให้การสนับสนุนองค์กรติดอาวุธเหล่านั้น
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ในการเปิดเผยของวอลสตรืเจอร์นัล หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯพบว่า เจ้าหน้าที่อิสราเอลได้พูดคุยถึงข้อมูลที่ถูกนำมาจากการประชุมลับนิวเคลียร์อิหร่าน โดยแหล่งข่าวระดับสูงของทำเนียบขาวเปิดเผยกับวอลสตรีทเจอร์นัลว่า “มีสิ่งหนึ่งที่สหรัฐฯและอิสราเอลจะสอดแนมซึ่งกันและกัน และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทางอิสราเอลจะขโมยความลับจากสหรัฐฯ และใช้มันเป็นเครื่องมือป้อนให้กับสมาชิกผู้ทรงเกียรติในรัฐสภาสหรัฐฯเพื่อบ่อนทำลายการทูตอเมริกา”
และแหล่งข่าวยังเปิดเผยต่อว่า “ ผู้คนรู้สึกว่า ความลับส่วนคัวถูกขายออกไป และอิสราเอลควรต้องระมัดระวังเพราะคนพวกนี้ไม่เพียงแต่ทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯในสมัยปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯในสมัยถัดไปอีกด้วย”
ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ปฎิเสธข้อกล่าวหาที่เผ็ดร้อนจากทำเนียบขาว “ข้อกล่าวหาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเท็จ เพราะอิสราเอลไม่เคยทำการจารกรรมต่อสหรัฐฯ หรือต่อประเทศพันธมิตรของอิสราเอล ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้มุ่งทำลายความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของสหรัฐฯและอิสราเอล รวมไปถึงความสัมพันธ์ด้านข้อมูลและความมั่นคงที่ทั้งสองประเทศได้มีส่วนร่วมแบ่งปัน”
อย่างไรก็ตาม ปฎิกริยาของสมาชิรัฐสภาสายพรรคริพับลิกันต่อข้อตกลงเจรจาลับนิวเคลียร์อิหร่านนั้นเป็นท่าทีที่เป็นปรปักษ์ ซึ่งหนึ่งในวุฒิสมาชิกอาวุโสสหรัฐฯได้เตือนทำเนียบขาวถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านว่า อาจจะเกิดเผลสนองกลับอย่างคาดไม่ถึง หากดีลนี้ข้ามวอชิงตันแต่ตรงไปที่ยูเอ็นแทน ซึ่งข้อวิตกของการเจรจานิวเคลียร์อยู่ที่การผ่อนคลายการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน หากรัฐบาลอิหร่านจะรับปากที่จะหยุดการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด
และสว. สายพรรครีพับลิกัน ลินด์เซย์ เกรแฮม (Lindsey Graham) ข่มขู่ที่จะผ่านร่างกฏหมายในสภาสูงสหรัฐฯเดือนหน้าเพื่อที่จะทำให้สภาคองเกรสสามารถตรวจสอบข้อตกลงใดที่รัฐบาลสหรัฐฯได้ทำก่อนที่จะนำเข้าสู่องค์การสหประชาชาติต่อไป ซึ่งจะถูกนำเข้าไปยังที่ประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงองค์การสหประชาชาติที่มี 5 ชาตินั่งเป็นสมาชิกถาวรอยู่ในนั้น และหากที่ประชุมเห็นชอบ ทำให้เชื่อว่าข้อตกลงนั้นจะได้รับการหนุนหลังเต็มที่จากองค์การสหประชาชาติในท้ายที่สุด
สื่ออังกฤษชี้ว่า ในร่างกฎหมายใหม่นี้ต้องการให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯยื่นข้อตกลงที่ได้ทำเป็นรายลักษณ์อักษรไปให้กับสภาคองเกรสเพื่อพิจารณา และจะยังสามารถห้ามไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯสามารถเพิกเฉยต่อการแทรกแซงของสภาคองเกรสเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งในช่วงระยะเวลานี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯสามารถเรียกให้มีการเข้าให้ข้อมูลกับที่ประชุม และอนุมัติ หรือ ไม่เห็นชอบ รวมถึงไม่มีปฎิกริยาต่อดีลที่นำเข้ามาพิจารณาได้
นอกจากนี้เดลีเมล ยังรายงานเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรองอิสราเอล ยูวาล สไตนิตส์ (Yuval Steinitz) ได้บินตรงไปยังกรุงปารีสเพื่อทำการล็อบบี้ฝรั่งเศสในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยกล่าวว่า ในการพูดคุยกับฝรั่งเศสในอดีตนั้น ทางอิสราเอลชี้ถึง ความทะเยอทะยานของอิหร่านในการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์นั้นมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดในอดีต และยังเสริมว่า ในขณะนี้มีแต่แผนการ A และไม่มีแผนการสำรองแต่อย่างใด ซึ่งความพยายามนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดดีลที่ผิดพลาดเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยพยายามที่จะให้สมเหตุสมผลมากที่สุด หรือทำให้ช่องว่างที่มีอยู่เติมเต็ม
ซึ่งการที่อิหร่านเดินทางไปยังกรุงปารีสเพราะเชื่อว่า ในบรรดาชาติที่อยู่ในที่ประชุมลับนิวเคลียร์อิหร่านนั้น ฝรั่งเศสถือเป็นชาติที่เป็นจุดออ่อนที่สุดในวงการประชุมนี้
โดยอิสราเอลเชื่อว่า สหรัฐฯมีความกระตือรือร้นที่ต้องการจะปิดดีลกับอิหร่าน แต่กระนั้นเจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า พวกเขาสนใจเพียงแต่ในการเจรจาที่กำลังจะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่อิหร่านซ่อนอยู่ในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการแช่แข็งโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเตหะราน
25/3/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

Thanong Fanclub



3. สหรัฐฯโดนลอยแพให้เป็นHome Alone
สกัดไม่อยู่! สหรัฐฯ เปลี่ยนใจชวน AIIB ร่วมมือ “เวิลด์แบงก์-เอดีบี” ดีกว่าเป็นคู่แข่ง
สหรัฐฯ เสนอให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาที่จีนริเริ่มหันมาร่วมมือกับสถาบันการเงินของตะวันตก เช่น ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ดีกว่าจะมุ่งเป็น “คู่แข่ง” กัน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานเมื่อวานนี้ (22 มี.ค.)
สหรัฐฯ ซึ่งหวั่นวิตกกับการขยายอิทธิพลทางการทูตของจีน เคยออกมาเตือนให้ทุกประเทศ “คิดให้รอบคอบ” ก่อนจะร่วมเป็นสมาชิกธนาคารเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank – AIIB) ซึ่งเชื่อว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับเวิลด์แบงก์ และธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ต่อไปในอนาคต
แต่ถึงสหรัฐฯ จะพยายามปลุกความเคลือบแคลงสงสัยแค่ไหน อังกฤษก็ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะเข้าร่วมกับเอไอไอบีแล้วเมื่อต้นเดือนนี้ ส่วนฝรั่งเศส, เยอรมนี และอิตาลี ก็ตบเท้าตามไปติดๆ
โหลว จี้เหว่ย รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของจีน แถลงเมื่อวานนี้ (22) ว่า เอไอไอบีซึ่งมีทุนจดทะเบียน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มี 27 ประเทศแสดงความจำนงร่วมเป็นสมาชิกแล้ว และจะสามารถปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ในประเทศกำลังพัฒนาได้ภายในสิ้นปีนี้
จากรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล นาธาน ชีทส์ ปลัดกระกระทรวงการคลังสหรัฐฯฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ ระบุว่า “สหรัฐฯ ยินดีต้อนรับสถาบันการเงินพหุภาคีแห่งใหม่ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างระบบการเงินโลก”
อย่างไรก็ดี ชีทส์ให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีทว่าจะเป็นการดียิ่งกว่าหากเอไอไอบีลงทุนปล่อยกู้ร่วมกับสถาบันการเงินอื่นๆ เช่น เวิลด์แบงก์ หรือเอดีบี เพราะจะทำให้ธนาคารแห่งใหม่มีบทบาท “เติมเต็ม” มากกว่าจะมาแข่งขันกับสถาบันการเงินที่มีอยู่ก่อน
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อรายงานชิ้นนี้
ด้าน จิม ยังคิม ประธานเวิลด์แบงก์ เผยวานนี้ (22) ว่า ขณะนี้เวิลด์แบงก์กำลังหารือร่วมกับเอไอไอบี “ว่าจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดได้อย่างไรบ้าง... เราปรารถนาที่จะแบ่งปันความรู้ และร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ทั่วเอเชีย”
ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯในเอเชีย-แปซิฟิก ยังคงสงวนท่าทีไม่สมัครเข้าร่วมเอไอไอบีในขณะนี้
ผู้นำกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และเอดีบี ได้แถลงต่อเวทีเสวนาด้านนโยบายการเงินที่กรุงปักกิ่งวานนี้ (22) ว่า พวกเขากำลังหารือ และเต็มใจอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับเอไอไอบีต่อไปในอนาคต
ธนาคารเอไอไอบีเปิดตัวขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อปีที่แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียทั้งในด้านการขนส่ง พลังงาน โทรคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานอื่น

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

Thanong Fanclub



4. สหรัฐฯโดนลอยแพให้เป็นHome Alone
สภาคองเกรสผ่านมติ ให้โอบามาส่งอาวุธร้ายแรงช่วยยูเครนต้านรัสเซีย ลุยเดี่ยวไปเลย ในขณะที่พันธมิตรนาโต้ยังกล้าๆกลัวๆ
ส.ส.อเมริกันพากันโหวตเสียงอย่างท่วมท้นในวันจันทร์ (23 มี.ค.) ให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ช่วยสนับสนุนด้านอาวุธที่มีประสิทธิภาพรุนแรงแก่ยูเครน สำหรับใช้ป้องกันประเทศจากความก้าวร้าวของรัสเซีย
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ผ่านมติด้วยคะแนนโหวต 348 - 48 เสียง เพิ่มแรงกดดันแก่ฝ่ายบริหารของโอบามา ให้ยุติความล่าช้าในการช่วยเหลือด้านอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารแก่กองทัพยูเครน สมาชิกสภาคองเกรสได้พูดคุยและเห็นพ้องร่วมกันจากทั้งสองพรรคใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยมีหลายรายที่พูดออกมาว่าควรจะสนับสนุนอาวุธให้แก่กองทัพยูเครนโดยตรงเลย
แต่ในฝ่ายบริหารของโอบามาดูจะยังมีคนที่เห็นต่างเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ หลังจากที่มีรายงานการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างฝ่ายรัฐบาลยูเครนกับพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียในช่วงก่อนหน้านี้ ทางทำเนียบขาวก็ได้ประกาศออกมาในเดือนนี้ ว่าจะส่งมอบความช่วยเหลือมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน อันเป็นยุทโธปกรณ์สำหรับใช้ในการป้องกันที่ไม่มีประสิทธิภาพรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม พล.อ.มาร์ติน เดมป์ซีย์ ได้บอกกับกรรมาธิการกิจการทหารของวุฒิสภาว่า เขากำลังพิจารณาถึงเรื่องการสนับสนุนอาวุธที่มีประสิทธิภาพรุนแรงแก่ยูเครน
ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหม แอชตัน คาร์เตอร์ ก็ยืนยันว่าได้ยินมาแบบนั้นเช่นกัน การโหวตเสียงเมื่อวันจันทร์ เพื่อให้โอบามาสนับสนุนอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน จะช่วยทำให้ยูเครนมีศักยภาพในการปกป้องดินแดนของตนเองจากการยั่วยุและความก้าวร้าวของสหพันธรัฐรัสเซีย
ประธานสภา จอห์น โบห์เนอร์ ได้ระบุถึงการโหวตครั้งนี้ว่าเป็นการเรียกร้องให้ดำเนินการจริง พร้อมทั้งบอกด้วยว่าสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนมากพร้อมให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่ยูเครนมากขึ้นอีก "หากไม่มีการดำเนินการจากฝ่ายบริหาร ความก้าวร้าวของรัสเซียก็จะดำเนินต่อไปจนไม่อาจจะตรวจสอบได้" เขากล่าวหลังการโหวต ส.ส.จากพรรคเดโมแครต
เอลเลียต เอนเกล" ได้บอกแก่เพื่อน ส.ส.ในสภา ว่าถึงเวลาที่ควรจะเลิกมองวิกฤติยูเครนเป็นแค่การสู้รบในดินแดนห่างไกล "สงครามครั้งนี้ทำให้มีคนตายหลายพัน ได้รับบาดเจ็บนับหมื่น ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเพื่อหนีภัยอีกเป็นล้าน ทั้งยังเริ่มเป็นภัยคุกคามเสถียรภาพของยุโรป วลาดิมีร์ ปูติน กำลังผลักเราให้กลับไปอยู่ในวันคืนเก่าๆ ช่วงสงครามเย็นอีกครั้ง" เอนเกล กล่าว

 

Thanong Fanclub



ซาอุดิฯส่งเครื่องบินรบถล่มเยเมน
ซาอุดิฯได้ส่งเครื่องบินรบไปถล่มฐานที่มั่นของพวกซีห์อะHouthi ในเยเมนแล้วเมื่อเช้าวันนี้ โดยร่วมปฎิบัติการทางทหารกับพันธมิตรอีก10ประเทศ
แต่เท่าที่เปิดเผยรายชื่อประเทศที่เข้าร่วมสงครามในเยมเนครั้งนี้คือUnited Arab Emirates, Bahrain, Qatar, และ Kuwait โดยอิยิปต์จะมีส่วนร่วมคอยช่วยเหลือจากข้างนอกอีกด้วย
ส่วนสหรัฐฯยังคอยดูท่าทีอยู่ ยังไม่ทำอะไรมาก แต่ให้ท้ายด้วยการสนับสนุนทางลอจิสติกส์และทางข่าวสอดแนม ปล่อยให้ซาอุดิฯนำทัพเล่นไปก่อน
พวกซีห์อะHouthiได้ยึดประเทศได้จากรัฐบาลของนายAbd-Rabbu Mansour Hadi ที่ถูกโค่นจากอำนาจไป นายHadiน่าจะหนีออกนอกประเทศแล้ว ซาอุดิฯและพันธมิตรอ้างว่าต้องการช่วยเหลือรัฐบาลของนายHadi ที่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ
เยเมนอยู่ทางตอนใต้ของซาอุดิฯ ซึ่งรู้สึกลนลานมากหลังจากที่พวกซีห์อะHouthiสามารถยึดประเทศได้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพราะว่าทางเหนือของซาอุดิฯ มีซีเรีย อิรักและอิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของซาอุดิฯอทำให้ซาอุดิฯโดนล้อมกรอบโดยปริยาย
อิหร่านเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นในเยเมน ทำให้ซาอุดิฯยอมไม่ได้
สงครามตะวันออกกลางเริ่มจะขยายวงแล้วจากปฏิบัติการทางทหารของพันธมิตรอาหรับในเยเมน นำโดยซาอุดิฯ ก่อนหน้านี้พันธมิตรอาหรับได้ร่วมกับตะวันตกในปฏิบัติการทางทหารเพื่อถล่มพวกISISในซีเรีย และอิรัก
อิสราเอลภายใต้การนำของนายเบนจามิน เนธันยาฮูต้องการให้สหรัฐฯทำสงครามกับอิหร่านเพื่อสะกัดแผนพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ดูภาพรวมแล้ว สงครามในตะวันออกกลางกำลังลุกเป็นไฟ
thanong
26/3/2015
http://rt.com/news/244117-saudi-arabia-bombs-yemen-houthis/

 

Thanong Fanclub



ซาอุดิฯเตรียมส่งทหาร150,000นายไปรบในเยเมน หุๆๆๆๆ
26/3/2015

 

น้ำมัน-ทองคำขึ้นหลังดอลล์อ่อน หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งเหว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2558 05:35 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มีนาคม 2558 10:47 น.)



เอพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันขยับขึ้นเมื่อวันพุธ (25 มี.ค.) จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงแม้ข้อมูลชี้อุปสงค์เบาบาง ปัจจัยดังกล่าวก็ผลักให้ทองคำปิดบวกเช่นกัน ส่วนวอลล์สตรีทดิ่งลงหนัก จากแรงฉุดหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และไบโอเทค

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพุธ (25 มี.ค.) ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 มีนาคม เพิ่มขึ้น 8.2 ล้านบาร์เรล เหนือกว่านักวิเคราะห์คาดหมายไว้เกือบ 2 เท่า บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอภายในชาติผู้บริโภคยักษ์ใหญ่

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ดันให้น้ำมันปิดบวกในวันพุธ (25 มี.ค.) เป็นผลจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆที่แข็งค่ากว่า ส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อมูลบ่งชี้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศดำเนินไปอย่างชะลอตัว ยังผลักให้ราคาทองคำเมื่อวันพุธ (25 มี.ค.) ปิดบวกเช่นกัน ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,197.00 ต่อออนซ์

ขณะเดียวกัน ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เติบโตแบบชะลอตัวของอเมริกา ประกอบกับแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และไบโอเทค ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ (25 มี.ค.) ปิดลบอย่างหนัก

ดาวโจนส์ ลดลง 292.60 จุด (1.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,718.54 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 30.45 จุด (1.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,061.05 จุด แนสแดค ลดลง 118.21 จุด (2.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,876.52 จุด

ทั้ง 3 ดัชนีทรุดลงสู่แดนลบตั้งแต่ช่วงต้นของการซื้อขาย ตามข่าวข่าวคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ร่วงลงเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งส่งสัญญาณว่าภาคธุรกิจยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย ท่ามกลางภาวะอุปสงค์โลกที่ซบเซา จากนั้นแรงขายทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้นในช่วงบ่าย โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทอวาโก เทคโนโลยีส์ และสกายเวิร์คส โซลูชันส์

 

ปอกเปลือก ทรราช
นีโอนาซีเพจีดาบุกแคนาดา



-------------
ขบวนการยุโรปรักชาติต่อต้านอิสลามในตะวันตก (Patriotic Europeans against the Islamization of the West) หรือที่ชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "PEGIDA" (เพจิด้า) แม้ว่ากลุ่มนี้จะปฏิเสธว่าไม่ใช่พวกนิยมลัทธินาซี แต่ชาวยุโรปส่วนมากที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่มนี้มองว่าเป็นพวกนีโอนาซี นิยมความรุนแรง เหยียดผิว อย่างเห็นได้ชัด ขบวนการนี้กำเนิดขึ้นในเยอรมัน แล้วก็ค่อยๆ ขยายตัวออกไปทั่วยโรป โดยเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ความรุนแรงในยูเครนและในซีเรีย อันสืบเนื่องมาจากผู้คนในตะวันออกกลางอพยพหนีตายจากภัยสงครามและจากความโหดร้ายของพวกไอซิสเข้ามาลี้ภัยในกลุ่มประเทศยุโรปเป็นจำนวนมาก
พวกเพจิด้าอ้างว่าผู้ที่อพยพเข้ามาซึ่งส่วนมากเป็นชาวมุสลิมนั้นจะเข้ามาแย่งงานแย่งอาชีพแย่งอาหารของพวกเขาในยุโรป จึงรวมตัวกันต่อต้าน เรียกร้องให้รัฐบาลในอียูหยุดรับผู้ลี้ภัยเหล่านั้นเข้ามาในยุโรปอีก แต่รูปแบบของการเคลื่อนไหวนั้นคล้ายๆกับสาวกของพวกนาซี จึงมีชาวยุโรปส่วนมากต่อต้านกลุ่มเพจิด้าเหล่านี้ทุกครั้งที่มีการเดินขบวนในยุโรป ซึ่งพักหลังดูเงียบๆไป ไม่ค่อยเห็นปรากฎเป็นข่าวอีก
หลังจากที่หัวหน้ากลุ่มเพจิด้าถูกจับได้ว่านิยมแต่งตัวเลียนแบบฮิตเลอร์และนาซี เขาก็ประกาศลาออกจากการเป็นแกนนำแถวหน้าแต่คาดว่าคงจะหันมาทำงานเบื้องหลังแทน ก็นึกว่ากลุ่มนี้จะหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว แม้ว่าเมื่อเดือนก่อนมีข่าวว่าจะไปเดินขบวนเคลื่อนไหวที่อังกฤษแต่ก็ถูกทางอังกฤษต่อต้านอย่างหนัก เรื่องเกี่ยวกับเพจิด้านี้เคยเขียนข่าวเล่าให้ฟังหลายครั้งแล้ว จึงขอเล่าแบบย่อๆก็พอ
ล่าสุดมาโผล่ที่แคนานาแล้วตอนนี้ แกนนำบางคนที่ไม่ประสงค์ออกนามได้ออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปศาสนาอิสลาม และมีแผนจะจัดให้มีการเดินขบวนในกรุงโตรอนโตซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา แต่ยังไม่มีกำหนดว่าจะจัดขึ้นเมื่อไร มาฟังคำพูดบางตอนของพวกนี้ดูว่าเขาพูดเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างไรบ้าง "สนามรบของพวกเราไม่ใช่เพียงต่อต้านพวกสุดโต่งเท่านั้น ยังรวมถึงการต่อต้านอิสลามที่เข้ามาครอบงำวัฒนธรรมของพวกเราด้วย เพจิด้าเป็นพวกไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช่พวกเหยียดผิว ไม่ใช่องค์กรฟาซิสต์" จริงๆ แล้วเขาพูดแรงกว่านี้เยอะครับ ไม่กล้านำมาลงให้อ่านกันเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไปช่วยพวกนี้เผยแพร่ลัทธิของพวกเขาอีก แต่ที่นำมาแปลให้อ่านกันนี้ก็เพื่อให้ได้รับรู้ว่านี่คือคำพูดจริงๆ ของพวกนั้นที่สื่อฯนำมาเล่าต่อนั้นเป็นอย่างไร และเพื่อให้ทราบว่าเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกับเขา
จากคำพูดของกลุ่มนี้ที่บอกว่าเพจิด้าไม่ใช่อย่างนั้นอย่างนี้นั้น จริงๆแล้วตรงกันข้ามทั้งนั้น ดูอย่างพวกนีโอนาซีอาซอฟในยูเครนก็ได้ ทั้งสองกลุ่มนี้นิยมลัทธินาซีเช่นเดียวกัน แต่สหรัฐฯไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจพวกนี้เลย เท่านั้นยังไม่พอยังให้การสนับสนุนทั้งด้านเงินทุนและอาวุธแล้วยังให้เข้าร่วมรัฐบาลยูเครนอีกด้วย การเคลื่อนไหวของกลุ่มเพจด้าในยุโรปและในแคนาดานี้สหรัฐฯก็ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน บางครั้งก็ทำเหมือนขยิบตาให้ซะงั้น การปลุกกระแสต่อต้านอิสลามโดยใช้เพจิด้าเป็นเครื่องมือนี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการสร้างความขัดแย้งขึ้นในสังคม จนนำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น และมันก็ได้ผลทุกทีนับตั้งแต่อดีตกาลมาแล้ว ดูอย่างสงครามครูเสดเป็นต้น จากนั้นก็ตะวันออกกลาง โคโซโวในยุโรป และในเยเมนที่กำลังรุนแรงอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเป็นสนามรบแห่งใหม่ต่อจากยูเครนตะวันออก
The Eyes
27/03/2558
----------
Pegida Canada Calls for Reformation of Islam, Plans March in Toronto / Sputnik International

 

แจง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ หาก จนท. ขอเอกสารเพิ่มเกิน 1 ครั้ง มีความผิด
8 กุมภาพันธ์ เวลา 12:22 น. ประพันธ์ เวารัมย์ [ Admin ]



′วิษณุ′ แจง พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกขอเอกสารราชการ ระบุเป็น กม.เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการติดต่อกับส่วนราชการ เผยเตรียมตั้ง "ศูนย์บริการร่วม" ระหว่างกระทรวงและจังหวัด หากเจ้าหน้าที่ขอเอกสารเพิ่มเกิน 1 ครั้ง มีความผิด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย พร้อมด้วย นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. ร่วมแถลงข่าว "พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558

โดยนายวิษณุ ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูประบบราชการ แก้ปัญหาคอร์รัปชัน และให้ข้าราชการจริงใจในการทำงานให้กับประชาชน ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน หรือ ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากให้หน่วยงานราชการได้เตรียมตัว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้รับบริการ ที่มาติดต่อกับหน่วยงานราชการในการขอเอกสารประกอบอาชีพและขออนุญาตบางอย่างเช่นการก่อสร้างบ้าน

โดยใจความสำคัญคือทำให้ประชาชนทราบขั้นตอนการยื่นคำขอระยะเวลาในการขอเอกสารรวมถึงมีการกำหนดค่าธรรมเนียมในการใช้บริการอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการทุจริตและการเสียโอกาส อาทิ การกำหนดระยะเวลาในการต่ออายุเอกสารที่อาจจะก่อให้เกิดความยุ่งยาก จนทำให้บางคนต้องซื้อความสะดวก และบางประเทศละทิ้งการลงทุนในไทยไปยังประเทศอื่น

ทั้งนี้หน่วยงานราชการจะต้องทำคู่มือหรือชี้แจงไว้ในเว็บไซด์ที่เกี่ยวข้องในการขอเอกสารโดยจะนำร่องในกรมที่มีประชาชนใช้บริการมากที่สุด10 กรมจาก 150 กรมก่อน ซึ่งในการดำเนินการหากมีเอกสารนอกเหนือจากคู่มือหน่วยงานราชการมีสิทธิเรียกร้องขอได้เพียงครั้งเดียว มิเช่นนั้นจะถือว่ามีความผิด และเอกสารดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาของ ก.พ.ร.และให้ ครม.ตรวจสอบด้วย โดยจะต้องตัดเอกสารที่ไม่จำเป็นออก

อย่างไรก็ตามหน่วยงานจะต้องแจ้งผลให้ประชาชนทราบใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่ขอเข้ารับบริการในกรณีไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ และลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ รวมถึงเปิดเผยขั้นตอนการทำงานให้ทราบทุกขั้นตอน

พร้อมกันนี้ในอนาคตจะบูรณาการ ′ศูนย์บริการร่วม′ ของหน่วยงานกระทรวงและจังหวัด ที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว ให้สามารถรับคำขอบริการหน่วยงานต่าง ๆ แต่ละกรม ภายใต้บริการเดียวกัน และพัฒนาไปสู่การตั้ง ′ศูนย์รับคำขออนุญาต′ ที่รับอำนาจส่วนกลางมาตั้งเป็นศูนย์กลางให้ประชาชนสามารถยื่นคำขอในจุดเดียว แบบวันสต๊อปเซอร์วิซ ให้เกิดความรวดเร็ว ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่รับเงินประชาชนในการต่ออายุใบอนุญาตมา ให้ถือว่า รับดำเนินการทันที

นายวิษณุยังได้ยกตัวอย่างการขอใบอนุญาตโรงงาน ซึ่งหากนักลงทุนต่างชาติมาขออนุญาตแล้วไม่สามารถดำเนินการได้อาจจะจ่ายเงินเพื่อให้เกิดความสะดวกซึ่งก่อให้เกิดการทุจริตหรืออาจจะไม่รอการดำเนินการแต่ไปลงทุนในประเทศอื่นแทน หรืออาจจะตั้งโรงงานโดยไม่มีใบอนุญาต สิ่งเหล่านี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากความไม่สะดวกทำให้รัฐต้องเข้ามาแก้ไข ทั้งนี้เชื่อว่า พ.ร.บ.นี้จะช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม พร้อมจะเสนอเพิ่มเติมว่าหากหน่วยงานไม่ทำตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวจะถือว่ามีวินัยร้ายแรง และหากล้าช้าประชาชนสามารถฟ้องต่อศาลปกครองและศาลยุติธรรมในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ได้

ด้านนายพงษ์อาจกล่าวว่าหลังจากนี้จะมีการจัดเวทีชี้แจง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้กับส่วนราชการต่างๆได้รับทราบทั่วประเทศภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยจะจัดคลีนิกให้คำปรึกษา 20 กระทรวง และ 76 จังหวัด ในเดือนมีนาคม เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับร่างคู่มือสำหรับประชาชนที่หน่วยงานมีการจัดทำไว้แล้ว

นายวิษณุ ยังได้มอบแนวทางในการดำเนินการ คือ ′faster′ การปฏิบัติงานให้เร็วขึ้น ′cheaper′ การเก็บค่าบริการที่ถูกลงรวมถึงต้นทุนภาครัฐด้วย และ ′easier′ การให้บริการประชาชนที่ง่ายกว่าเดิม

ที่มา. มติชนออนไลน์

พรบ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558

โดยสรุป คือ การกำหนดส่วนราชการที่รับคำขอ จะต้องพิจารณาคำขอให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จะอ้างว่า หลักฐานไม่ครบถ้วนแล้วปฏิเสธ หรือคืนคำขอไม่ได้

ทั้งนี้ ส่วนราชการจะต้องจัดทำคู่มือให้ชัดเจนว่าประชาชนจะต้องดำเนินการอย่างไร และให้สำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาจัดตั้งศูนย์รับคำขอไว้ และให้ จนท. สนร. ดำเนินการเช่นเดียวกับ จนท. ที่มีอำนาจหน้าที่ หากมีการดำเนินการล่าช้า กว่าที่กฎหมายกำหนด ให้ดำเนินการทางวินัยอย่างจริงจัง

ประโยชน์ของ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวก

1. ช่วยอำนวยความสะดวก ประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายของประชาชน

2. ลดความยุ่งยากซับซ้อนและลดระยะเวลาในการติดต่อราชการ ซึ่งเป็นการลดเงื่อนไขที่นำไปสู่การเรียกรับสินบน ของข้าราชการ จาก ประชาชน พ่อค้า นักธุรกิจ

3. ลดเงื่อนไขที่สร้างความไม่เท่าเทียมในการแข่งขันทางการค้า

4. ช่วยให้สามารถใช้ศักยภาพของระบบสารสนเทศ (IT.) ที่รัฐได้ลงทุนไปแล้วในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 4 พันล้านบาท อย่างคุ้มค่า

5. สร้างความน่าเชื่อถือในการติดต่อลงทุนให้กับนักลงทุนต่างชาติ

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ

โดยที่ปัจจุบันมีกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตจํานวนมาก การประกอบกิจการของประชาชนจะต้องขออนุญาตจากส่วนราชการหลายแห่ง อีกทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตบางฉบับไม่ได้กําหนดระยะเวลา เอกสารและหลักฐานที่จําเป็น รวมถึงขั้นตอนในการพิจารณาไว้ทําให้เป็นอุปสรรคต่อประชาชนในการยื่นคําขออนุญาตดําเนินการต่าง ๆ ดังนั้น เพื่อให้มีกฎหมายกลางที่จะกําหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต และมีการจัดตั้งศูนย์บริการร่วมเพื่อรับคําร้องและศูนย์รับคําขออนุญาต ณ จุดเดียว เพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขออนุญาตซึ่งจะเป็นการอํานวยความสะดวกแก่ประชาชน จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินั้น

พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

คลิ๊กที่นี่ >>

โหลดไปดูตรงนี้

http://www.opdc.go.th/uploads/files/2558/23012015.pdf

หรือ

[ame="http://www.slideshare.net/valrom/2558-44397184"]???????????????????????????????????????????????????????????? ?.?. 2558[/ame]

หรือ

ฝากไฟล์ ฝากไฟล์ฟรี อัพโหลดไฟล์ คิดจะฝากไฟล์คิดถึงโอ้โหซ่าส์

 

ยาขมสำหรับ ‘นักกินสินบน-กินตามน้ำ’ อีกหนึ่งเรื่องดีที่ไม่ค่อยเป็นข่าว



สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ผ่านร่าง พ.ร.บ. การอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ วาระ 3 ไปเรียบร้อยแล้ว

รอเพียงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายทันที

กฎหมายใหม่ฉบับนี้ เสนอโดย คสช.

มีเนื้อหาสาระที่เป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ประชาชนอย่างชัดเจน

บังคับเจ้าหน้าที่รัฐ-ข้าราชการ จะต้องทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น ลดช่องโหว่ที่เคยทำให้มีการทุจริตเรียกรับสินบน เพิ่มโทษเจ้าพนักงานที่พิจารณาคำขออนุญาตล่าช้า ถูกฟ้องอาญาได้

1) ที่ผ่านมา การขออนุญาตในเรื่องต่างๆ จากหน่วยงานของรัฐ มักปรากฏว่ามีความล่าช้า มีหลายขั้นตอน ไม่มีความชัดเจนว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ทำให้เกิดต้นทุนเกินจำเป็น แถมยังเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต เรียกรับสินบน จ่ายสินบน เพื่อจะได้ลดขั้นตอนหรือเร่งการพิจารณาของเจ้าหน้าที่รัฐให้รวดเร็วขึ้น

คล้ายๆ กับการหยอดน้ำมันหล่อลื่น

แต่กรณีนี้ ใช้เงินสินบนเป็นน้ำมันหล่อลื่น การพิจารณาอนุญาตจะได้ลื่นไหล

2) ล่าสุด งานวิจัยเรื่อง “คอร์รัปชั่นในระบบราชการไทย การสำรวจทัศนคติและประสบการณ์ของหัวหน้าครัวเรือน” โดย ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตรดร.ธานี ชัยวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.ยงยุทธ ไชยพงศ์ นำเสนอในงานสัมมนา “คอร์รัปชั่นในระบบราชการ ต้องทำอะไรต่อ?” เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี วันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ช. ปรากฏข้อมูลการเรียกรับสินบนที่น่าสนใจ

ระบุว่า ข้อมูลปี 2557 หน่วยงานที่หัวหน้าครัวเรือนไปติดต่อและถูกเรียกสินบนบ่อยที่สุด ได้แก่ สำนักงานที่ดิน ร้อยละ 7.2, สถานีตำรวจ ร้อยละ 6.1, กรมศุลกากรร้อยละ 2.4 และกรมการขนส่งทางบก ร้อยละ 1.9

หน่วยงานที่หัวหน้าครัวเรือนไปติดต่อแล้วมีการเรียกเงินสินบนก้อนใหญ่เกิน 100,000 บาทต่อราย เหลือเพียงที่เดียว คือ สำนักงานที่ดิน ส่วนกรมศุลกากร ตำรวจ และกรมสรรพากร ยังคงเป็นหน่วยงานที่หัวหน้าครัวเรือนไปติดต่อแล้วมีการเรียกเงินสินบนก้อนใหญ่ แต่ลดลงมาอยู่ที่ 10,000-100,000 บาทต่อราย และมีสองหน่วยงานที่มีการเรียกเงินสินบนเพิ่มขึ้นมา ได้แก่ โรงเรียนของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

หากพิจารณาจากมูลค่าเงินสินบน พบว่า หน่วยงานที่หัวหน้าครัวเรือนไปติดต่อแล้วถูกเรียกสินบนมากที่สุด ได้แก่ สำนักงานที่ดิน ร้อยละ 39 (1,922 ล้านบาท), รองลงมาคือสถานีตำรวจ ร้อยละ 36 (1,792 ล้านบาท), โรงเรียนของรัฐบาล ร้อยละ 13 (640 ล้านบาท), กรมการขนส่งฯ ร้อยละ 4,ศุลกากร ร้อยละ 3, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร้อยละ 3, สรรพากร ร้อยละ 1 และหน่วยงานอื่นๆ ร้อยละ 1 คำนวณจากมูลค่าการเรียกเงินสินบนรวม 4,944 ล้านบาท

3) ประโยชน์ ของพ.ร.บ.การอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ที่เพิ่งผ่านการพิจารณาของ สนช.ในวาระ 3 ไปแล้ว เช่น

กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่พิจารณาอนุญาตในเรื่องต่างๆ จะต้องจัดทําคู่มือสําหรับประชาชน (มาตรา 7) ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข(ถ้ามี)ในการขออนุญาต, ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต และรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบการขออนุญาต

ทั้งนี้ ผู้มีหน้าที่อนุญาตจะต้องจัดทําคู่มือสําหรับประชาชนดังกล่าวให้เสร็จภายใน 180 วันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใช้

กฎหมายกำหนดไว้ด้วยว่า ในขั้นตอนการขออนุญาตนั้น เจ้าหน้าที่รับคําขอต้องตรวจสอบคําขอและรายการเอกสารหรือหลักฐาน หากไม่ถูกต้องครบถ้วนต้องแจ้งผู้ขออนุญาตทันที และเมื่อรับคำขอพร้อมเอกสารไปหมดแล้ว จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยจะบ่ายเบี่ยง ปฏิเสธ หรือเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากประชาชนอีกไม่ได้

ถ้าไม่อนุญาตตามเวลาที่กำหนด ก็จะต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ประชาชน

มีบทลงโทษแก่เจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้น ละเลย และหากความล่าช้านั้น ทำให้ประชาชนเกิดความเสียหาย ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังเจตนาให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการร่วมในแต่ละส่วนราชการและศูนย์รับคำขออนุญาตที่จุดเดียวกัน ในลักษณะ “วันสต็อปเซอร์วิส” บริการชี้แจงข้อมูลแก่ประชาชนอย่างครบครันด้วย

อีกทั้งยังให้มีคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการขึ้นมาทำหน้าที่คอยติดตามขันนอตด้วย

เรียกว่า บรรดาเรื่องที่ประชาชน-นักธุรกิจจะต้องไปติดต่อเพื่อขออนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐทั้งหลาย หลังจากมีกฎหมายฉบับนี้ จะทำงานกันแบบ “เช้าชามเย็นชาม”

หรือจะแกล้งทำเป็นดึงเรื่อง ชักช้า เฉื่อยชา เพื่อหวังจะได้กินสินบน หรือเงินตามน้ำ ไม่ได้อีกต่อไป

ประชาชนจะได้รู้แน่ชัดว่า เรื่องของตนจะได้รับการพิจารณาภายในขอบเขตเวลาเท่าใด ซึ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการวางแผนธุรกิจ การลงทุน รวมถึงการตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อไป

4) การมีกฎหมายฉบับนี้ น่าจะมีผลทำให้เกิดการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

อย่าลืมว่า ต้นทุนที่ใช้ในการพิจารณาอนุญาตต่างๆ หากใช้เวลานาน หรือมีความล่าช้า ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา ก็จะบั่นทอนความสามารถในการแข่งขัน ยิ่งถ้ามีต้นทุนการจ่ายสินบนตามมาอีก ก็ยิ่งทำลายความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ต้นทุนที่ลดลง ความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้น หากประเมินเป็นมูลค่าผลประโยชน์ที่สังคมได้รับกลับคืนมา คาดว่าจะมีมูลค่ามหาศาล
ในแต่ละปี!

กฎหมายฉบับนี้ นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ สนช. และ คสช. ควรจะได้รับคำขอบคุณจากประชาชน

น่าเสียดายว่า ไม่ปรากฏเป็นข่าว สื่อมวลชนไม่เล่นข่าว ไม่สู้เรื่องชูสามนิ้ว สังคมวงกว้างจึงไม่เกิดความรับรู้ ตื่นตัว และเตรียมตัวที่จะทำหน้าที่และใช้สิทธิประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ให้มากเท่าที่ควร

กฎหมายที่อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเช่นนี้ นำเสนอเข้าสภาโดย คสช. และผ่านการพิจารณาของ สนช.เรียบร้อยแล้ว ในยุคที่กำลังถูกคนบางกลุ่มวาดภาพลบว่าเป็นเผด็จการ ไม่ฟังเสียงของประชาชนนี่เอง

สารส้ม

แนวหน้า - ยาขมสำหรับ ‘นักกินสินบน-กินตามน้ำ’ อีกหนึ่งเรื่องดีที่ไม่ค่อยเป็นข่าว

 

ปอกเปลือก ทรราช
ฆาตกรรมหมู่หรือก่อการร้าย? ข้อสังเกตกรณีเครื่องบิน Airbus A320 ของเยอรมันตกที่ฝรั่งเศส



-------------
อัยการฝรั่งเศสแถลงข่าวว่า กรณีเครื่องบิน Airbus A320 สายการบินเยอรมันวิงส์ของเยอรมันตกที่ฝรั่งเศสนี้เหมือนเป็นความจงใจที่นักบินผู้ช่วยต้องการจะให้เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเนื่องจากนักบินผู้ช่วยไม่เปิดประตูให้กัปตันเครื่องบินเข้าห้องควบคุมเครื่องอีกครั้งหลังจากที่กัปตันออกมาเข้าห้องน้ำ
สำนักข่าวรายงานว่ากัปตันอายุประมาณ 30-40 ปีมีชั่วโมงบิน 10,000 ชั่วโมงและทำงานมากับบริษัท Lufthansa (เจ้าของสายการบิน) มาเป็นเวลานานถึง 10 ปี ในขณะที่นักบินผู้ช่วยมีอายุเพียง 28 ปีพึ่งจะเข้าทำงานกับบริษัท Lufthansa ในปี 2556 และมีชั่วโมงบินเพียง 600 กว่าชั่วโมงเอง นาย Brice Robin อัยการฝรั่งเศสตั้งข้อสังเกตจากการตรวจสอบข้อมูลบันทึกเสียงจากกล่องดำที่ได้มาซึ่งมีความยาวประมาณ 30 นาทีก่อนที่เครื่องบินจะตก
รายงานบอกว่ากับตันได้ขอให้นักบินผู้ช่วย ช่วยควบคุมเครื่องในขณะที่ตนไปเข้าห้องน้ำ แต่พอกลับออกมาจากห้องน้ำเพื่อเข้าไปใน cockpit อีกครั้ง กลับปรากฎว่านักบินผู้ช่วยไม่ยอมเปิดประตู cockpit ให้เข้าไป บางคนพยายามพังประตูเข้าไปแต่ทำไม่ได้ หลังจากที่กัปตันสั่งให้นักบินผู้ช่วยเปิดประตู และทุบประตู แต่นักบินผู้ช่วยปฏิเสธที่จะเปิดให้ จากข้อมูลที่ได้จากกล่องดำนั้นพบว่าเสียงหายใจของนักบินผู้ช่วยเป็นปรกติ ไม่มีคำพูดสักคำจนกระทั่งเครื่องบินตก ผู้โดยสารเริ่มกรีดร้องก่อนที่เครื่งอบินจะตก
ฝ่ายควบคุมฯภาคพื้นดินไม่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจาก A320 ก่อนเกิดอุบัติเหตุ นอกจากเสียงสัญญาณแสดงออกถึงความพยายามติดต่อเครื่องบินอยู่หลายครั้งจากภาคพื้นดิน อัยการฝรั่งเศสตั้งข้อสังเกตว่ามีความพยายามในการฆาตกรรมที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า ต่อกรณีที่นักบินผู้ช่วยเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 150 ราย
รายงานแจ้งว่าตอนนี้พบกล่องดำบันทึกข้อมูลการบินของเครื่อง A320 เพียงกล่องเดียวเท่านั้นและสภาพภายนอกของกล่องดำ ได้รับความเสียหาย แต่ก็สามารถนำข้อมูลที่อยู่ภายในออกมาวิเคราะห์ได้ ส่วนกล่องที่สองนั้นตอนนี้ยังหาไม่พบ พบแต่ชิปบันทึกข้อมูลบางส่วนของกล่องที่สองกระเด็นออกมาภายนอกในบริเวณที่เครื่องบินตกเท่านั้น
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เครื่องบิน A320 ตกเหล่าลูกเรือของสายการบินเยอรมันวิงส์ก็ปฏิเสธที่จะขึ้นเครื่องเป็นจำนวนมาก โดยทางสายการบินบอกว่าเป็นเหตุผลส่วนบุคคลอันเนื่องมาจากความหวาดกลัว (ขนาดลูกเรือยังไม่กล้าบิน แล้วชะตากรรมของผู้โดยสายที่จะไปบินกับสายการบินนี้จะเป็นอย่างไงบ้างหละนี่?) ส่งผลให้มีการยกเลิกเที่ยวบินถึง 30 เที่ยวบินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ทำไมลูกเรือของสายการบินเยอรมันวิงส์ถึงไม่อยากขึ้นบิน? เพราะเขากลัวนะสิ! ถูกต้องครับ... แต่ทำไมเขาถึงกลัวหละ ทั้งๆที่พวกเขาก็บินอยู่เป็นประจำ และอุบัติเหตุเครื่องบินตกก็ไม่ใช่ว่าพึ่งจะเกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรกนี่นา? นี่แหละที่น่าสังเกตอีกจุดหนึ่ง จริงๆแล้วก่อนที่เครื่องบิน A320 จะตกหนึ่งวันนั้นมีการซ่อมแซมเครื่องบินลำนี้บางส่วนด้วย เป็นช่วงประตูเชื่อมโยงไปยังจมูกล้อ ซึ่งประตูนี้จะทำให้เกิดเสียงดังในเวลาเครื่องขึ้น-ลง ทางบริษัทจึงให้มีการซ่อมแซมจุดดังกล่าว บริษัทบอกว่าก็เป็นเรื่องปรกติอยู่แล้วที่เครื่องบินจะต้องมีการซ่อมบำรุงตามธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อพบว่ามีจุดบกพร่องหรือมีความผิดปรกติ
แต่พอซ่อมปุ๊บ ทำไมเครื่องบินตกปั๊บทันทีเลยหละ? นี่แหละที่เหล่าลูกเรือคนอื่นๆในสายการบินนี้กลัวกัน มันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า? กรณีเครื่องบินตกในครั้งนี้ทางฝรั่งเศสยังไม่ตัดข้อสงสัยอันเกิดมาจากการก่อการร้ายออกไป หากว่านักบินผู้ช่วยจงใจที่จะให้เครื่องบินตกจริง ทั้งเยอรมันและฝรั่งเศสจะต้องสืบหาสาเหตุให้ได้อะไรคือมูลเหตุหรือแรงจูงใจให้เขาทำอย่างนั้น และจะป้องกันไม่ให้ปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไร? ตอนนี้ยังไม่เห็นทางยุโรปลงข่าวว่าพบร่างของผู้โดยสารและลูเรือแล้วกี่รายเลย แปลกจัง
The Eyes
27/03/2558
----------
http://rt.com/news/244265-a320-crash-deliberate-pilot/
Germanwings Co-Pilot Likely Voluntarily Crashed A320 Plane - Prosecutor / Sputnik International
Airbus A320 Cockpit Armored Door System Adopted Since 9/11 – Germanwings / Sputnik International
Only One Germanwings Pilot Was in Cockpit at Time of A320 Crash / Sputnik International
http://rt.com/news/243533-plane-crash-german-wings/
First Black Box Found at Airbus A320 Crash Site in French Alps / Sputnik International
Parts of Second Black Box From Crashed Germanwings Plane Found - Hollande / Sputnik International
Germanwings A320 black box found in French Alps — RT News
http://rt.com/news/243845-germanwings-crews-refuse-flying/
Germanwings Confirms Flight Cancellations Following A320 Crash / Sputnik International
Germanwings Cancels 30 Flights After A320 Crash - Reports / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
เกาหลีใต้ไม่แคร์สหรัฐฯ ตัดสินใจคว้าโอกาสทองเข้าร่วมทุนใน AIIB กับชาติอื่นๆที่นำโดยจีน



-------------
ใครที่มองว่าคำพูดของอเมริกาคือประกาศิต หรือคำพูดของอเมริถูกต้องเสมอ (ยกเว้นอเมริกาเอง) คงต้องคิดใหม่แล้วหละ ข้อแรกกรณียูเครน สหรัฐฯพูดแล้วพูดอีกว่าจะต้องสนับสนุนอาวุธหนักให้ยูเครน พยายามชักชวนให้อียูร่วมมือกับสหรัฐฯในเรื่องของการจัดหาอาวุธหนักให้กองทัพยูเครนเพื่อไปถล่มกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย แต่ปูตินบอกอียูว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ รัสเซียยอมไม่ได้เด็ดขาด เพราะรัสเซียถือว่าผู้ที่ให้การสนับสนุนอาวุธหนักแก่ยูเครนคือการบ่อนทำลายความมั่นคงของรัสเซีย เพราะยูเครนจะเอาอาวุธเหล่านั้นมาก่อสงครามกับรัสเซียโดยมีสหรัฐฯและอียูอยู่เบื้องหลัง แผนนี้ถูกปูตินมองทะลุปรุโปร่ง อียูจึงถอย อเมริกาดื้อ แต่ก็ไม่กล้าฝืนมติอียูพันธมิตรของตน จึงได้แต่เพียงส่งรถฮัมวี่และของเล่นสงครามไปในให้ยูเครนแทน
ข้อสองก่อนหน้านี้สหรัฐฯพยายามห้ามและกดดันทั้งจีนในการก่อตั้งธนาคาร AIIB และกดดันอียูไม่ให้เข้าร่วมกับจีน แต่อียูก็ไม่ฟังคำสั่งของสหรัฐฯอีกต่อไป ชาติมหาอำนาจในอียูนำโดยอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศสหันมาจับมือกับจีนและเอเซียในการก่อตั้งธนาคาร AIIB ในที่สุดจนได้
ข้อสามเมื่อกลางเดือนนี้ที่ผ่านมา สหรัฐฯเสนอขาย THAAD ระบบป้องกันขีปนาวุธ ให้กับเกาหลีใต้ แต่จีนกระแอมว่า เกาหลีใต้ควรจะหันมาให้ความร่วมมือกันกับจีนในการก่อตั้งธนาคาร AIIB ดีกว่าไหม? จีนมองว่าการซื้ออาวุธหนักอย่างนั้นจากสหรัฐฯเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อจีนนะ และไม่เป็นผลดีต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศอีกด้วย ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลยิ่งนัก คือแทนที่จีนจะบอกว่าอย่าซื้อเลยของสหรัฐฯหนะ หันมาซื้อของจีนดีกว่า เพราะถ้าพูดอย่างนั้นก็จะทำให้สหรัฐฯเอาไปใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวโจมตีจีนได้อีกว่าแย่งลูกค้าของสหรัฐฯ หรือบีบบังคับให้เกาหลีใต้หันมาซื้อของจีนแทน แต่จีนกลับบอกว่ามาร่วมมือกันด้านเศรษฐกิจดีกว่า ผลเป็นอย่างไร? เคยเล่าให้ฟังแล้ว... เล่าอีกได้ป๊ะ? ได้สิครับ เกาหลีใต้ก็ปฏิเสธซื้อ THADD จากสหรัฐฯไงหละครับ แต่พูดว่าขอผลิตเองดีกว่า แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นหนะ
ข้อสี่ หนึ่งในชาติพันธมิตรที่เหนียวแน่นของสหรัฐฯในเอเซียซึ่งก็คือเกาหลีใต้อีกนั่นแหละ ออกมาประกาศเองเลยว่าเกาหลีใต้ตัดสินใจเข้าร่วมหุ้นกับจีนในโครงการ AIIB อีกราย วู้!… สะใจ เกาหลีใต้คงจะคิดว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป งานนี้มีทั้งจีนและอียูหนุนหลัง รวมทั้งรัสเซียที่เป็นมหามิตรของจีนที่คอยเกื้อกูลกันกับจีนมาโดยตลอดด้วย สหรัฐฯคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามกับเกาหลีใต้หรอกมั๊ง
เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.58) รมว.คลังของเกาหลีใต้ได้แถลงข่าวความตอนหนึ่งว่า "ธนาคาร AIIB จะช่วยขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับบริษัทของเกาหลีใต้ ด้วยความที่ (เกาหลีใต้) เป็นผู้ชำนาญด้านการก่อสร้าง โทรคมนาคม และการขนส่ง... ด้วยการสร้างตลาดในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่" (เวลาพวกนี้เขาคุยนี่ จะออกแนวโม้ๆ อวดๆ ยกตนข่มท่านบ้าง ทำให้ตัวเองดูดีกว่าคนอื่น คุยว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้อยู่บ่อยๆ มันเป็นโรคติดต่อจากสหรัฐฯหนะไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ การโฆษณาตัวเอง เป็นเรื่องปรกติของเขา แต่คนเอเซียทั่วไปที่มีอุปนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างเล่าปี่ฟังดูแล้วอาจจะรู้สึกขัดๆบ้างก็ช่างเถอะครับ ภาษาทางการทูต พวกนักการเมืองและการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองในระบอบทุนนิยมก็จะเป็นแบบนี้แหละ)
ที่มันเด็ดหนะคือตรงนี้ครับ... รมว.ต่างประเทศของเกาหลีใต้พูดว่า "รัฐบาลจะพยายายามให้ความร่วมมือดูแลอย่างใกล้ชิดกับชาติต่างๆเพื่อช่วยให้ธนาคาร AIIB ก้าวขึ้นสู่มาตรฐานระดับสูงในด้านความรับผิดชอบ ความโปร่งใส โครงสร้างการบริหารจัดการ และการพัฒนาหนี้อย่างยั่งยืน (debt sustainability)" (อันแรกๆก็ฟังดูดีอยู่หรอกนะ แต่พอเจอคำว่า "หนี้อย่างยั่งยืน" เข้าให้นี่ มันจะทำให้ว่าที่ลูกหนี้วิ่งหนีหรือเปล่าหละนี่ ในแง่ของลูกหนี้นี้เหมือนจะไม่มีทางปลดหนี้ได้ตลอดชีพเลยนะ แต่ในแง่ของเจ้าหนี้หนะชอบแน่ๆ เพราะจะเก็บกินดอกไปจนตายก็ยังกินไม่หมดเช่นกัน) สหรัฐฯกับไอเอ็มเอฟและญี่ปุ่นบอกว่า AIIB ไม่มีมาตรฐาน แต่เกาหลีใต้และอียูบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะไปช่วยยกระดับมาตรฐานให้เอง หน้าแตกอีกแล้วอเมริกาเอ๋ย...
กรณีที่สหรัฐฯพยายามจะเข้ามาแทรกแซงในธนาคาร AIIB ที่นำโดยจีนนี้ นักวิเคราะห์ชาวรัสเซียมองว่าสหรัฐฯกำลังเปลี่ยนแผนใหม่เมื่อไม่สามารถเอาชนะได้ ก็ร่วมมือด้านการเงินกับ AIIB ซะเลยสิ แต่นักวิเคราะห์ไทยคนหนึ่งมองว่า เมื่อสหรัฐฯไม่สามารถทำลายจีนจากภายนอกได้ ก็จะเปลี่ยนวิธีเป็นการบ่อนทำลายจากภายใน AIIB ออกมาแทน สหรัฐฯจึงพยายามส่งไอเอ็มเอฟเข้าไปทาบทามจีนเพื่อขอเข้ามีส่วนร่วมใน AIIB ด้วย นักวิเคราะห์ไทยที่ว่านั้นคนไหนรึ? ก็คนที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่หละคร้าบ ฮ่าๆๆๆ... ก็ว่ากันป๊ะ หนุกๆ ครับผม
ดูจากรายชื่อประเทศที่เข้าร่วมใน AIIB กับจีนแล้ว เห็นสมาชิกจาก BRICS มาร่วมกับ AIIB หนึ่งรายคืออินเดีย ส่วนรัสเซีย บราซิล อิหร่าน และแอฟริกาใต้ยังไม่มา 3 ประเทศหลังนี้ไม่เท่าไร ที่สงสัยก็คือทำไมรัสเซียถึง (ยัง) ไม่มาร่วมใน AIIB ด้วย? สงสัยกันบ้างมั๊ยครับ? มองอย่างนี้ครับ รัสเซียอาจจะมาก็ได้ ไม่มาก็ได้ แต่ความเป็นไปได้คิดว่าน่าจะมานะ แต่จะมาในภายหลัง ทำไมต้องมาในภายหลังด้วย อ้าว ถ้ารัสเซียมาแต่แรกก็อาจจะทำให้อียูไม่กล้าเข้าร่วมก็ได้ เพราะกลัวว่าเมื่อรัสเซียจับมือกับจีนแล้ว สมาชิกชาติอื่นๆใน AIIB ไม่มีทางโหวดชนะสองผู้ยิ่งใหญ่นี้แน่ ดังนั้นจึงให้จีนเอาเหยื่อตกปลาเปิดประตูอ้ารอไว้ก่อน หลังจากที่ได้สมาชิกเพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ปูตินค่อยตบท้ายปิดประตูในทีหลังก็ยังไม่สาย พวกที่ไม่ชอบรัสเซียจะปฏิเสธก็ไม่ได้แล้วคราวนี้ จะเอาเหตุผลอะไรมาห้ามรัสเซียหละในเมื่อต่างก้อชูนโยบายการค้าเสรีในระบอบทุนนิยมและประชาธิปไตย ใครก็มีสิทธิ์เข้าร่วมด้วยกันทั้งนั้น (ยกเว้นสหรัฐฯ) และตอนนี้ทางจีนยังไม่ตตอบรับว่าจะให้ไอเอ็มเอฟกับเวิร์ลด์แบงค์ที่คุมโดยสหรัฐฯเข้าร่วมด้วยหรือเปล่านะ
ป.ล. "หนี้อย่างยั่งยืน" (debt sustainability) : ตามความหมายของไอเอ็มเอฟและเวิร์ลดแบงค์ได้นิยามไว้ว่าเป็นระดับของหนี้ซึ่งจะช่วยให้ประเทศที่เป็นลูกหนี้สามารถตอบสนองต่อภาระหนี้สินของตนทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้เต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือด้านการบรรเทาหนี้หรือการปรับเปลี่ยนระยะเวลาในการชำระหนี้ หรือหลีกเลี่ยง สะสมหนี้ค้างชำระ ในขณะที่ยังสามารถรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับที่ยอมรับได้ (แปลและสรุปโดยย่อ รายละเอียดดูจากลิงค์ข้างล่าง)
The Eyes
27/03/2558
----------
Snubbing US, South Korea Decides to Be a Founding Member in China’s AIIB / Sputnik International
Soft Power: Beijing Offers Seoul to Join AIIB, Reject THAAD Deployment / Sputnik International
If You Can’t Beat Them, Co-Finance: America’s About Face on AIIB / Sputnik International
If You Can’t Beat Them, Co-Finance: America’s About Face on AIIB / Sputnik International
Bully in a China Shop / Sputnik International
Debt Sustainability
https://www.imf.org/external/pubs/ft/dsa/
http://www.development-finance.org/…/debt-sustainability.ht…
External debt - Wikipedia, the free encyclopedia

 

Chalee Na Roied



เมื่อวานนี้ผมพูดถึงสถานการณ์ในเยเมน และก็วิเคราะห์ว่า ทำไมเยเมนถึงเป็น จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับ ซาอุดิอาระเบียรวมถึงพันธมิตรของกลุ่มโอเป็คนะครับ ทำไมมหาอำนาจอย่างสหรัฐ ถึงสนับสนุนภาระกิจดังกล่าว วันนี้ทาง "Zerohedge" ก็ออกมาวิเคราะห์ตรงกันนะครับ เพราะเป็นเส้นทางลำเลียงและขนส่งน้ำมัน อีกแห่งหนึ่งไปยัง มหาสมุทรอินเดีย และยิ่งถ้าเกิดการเผชิญหน้ากัน ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ก็จะทำให้ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มโอเปก และ ประเทศที่นำเข้าน้ำมันได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เพราะมีปริมาณเรือบรรทุกน้ำมัน เข้าออกในช่องแคบฮอร์มุซ จำนวนมากนั่นเอง

http://www.zerohedge.com/news/2015-03-26/worlds-greatest-oil-chokepoints-and-why-yemen-matters

 

Chalee Na Roied



สถานการณ์ในเยเมน ถ้ามองจากแผนที่ยุทธศาสตร์ ด้านการส่งกำลังบำรุง และเส้นทางการลำเลียงขนส่งน้ำมันแล้ว ผมไม่แปลกใจครับว่า ทำไมซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐถึงต้องการเข้ามามีอิทธิพลในเยเมน เพราะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งของการลำเลียงน้ำมัน ในกรณีเกิดสงครามในภูมิภาค โดยเฉพาะอิหร่านกับอิสราเอล เพราะทางอิหร่านเคยประกาศล่วงหน้าแล้วว่า จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันถึง 1ใน3 ของโลกทันที ถ้าอิหร่านถูกโจมตี และการฝึกที่ผ่านมาของอิหร่าน ล้วนเกิดขึ้นในช่องแคบฮอร์มุซทั้งนั้น http://news.yahoo.com/iran-stages-military-exercises-strait…
เพราะฉะนั้นถ้าซาอุดิอาระเบียและอิสราเอล ถ้าต้องการเอาตัวรอดในสถานการณ์สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะถ้าอิสราเอลโจมตีอิหร่าน และช่องแคบฮอร์มุซถูกปิด เนื่องด้วยสงคราม ก็ต้องอาศัยเยเมนนั่นแหละครับ เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ชั้นดี ในการส่งกำลังบำรุง และเส้นทางลำเลียงน้ำมันไปยังมหาสมุทรอินเดียนั่นเอง http://www.businessinsider.com/r-exclusive-saudi-arabia-mov…
อย่าลืมนะครับว่าเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ ที่ไปประจำการในอ่าวเปอร์เซีย และฐานทัพสหรัฐในประเทศ ที่เป็นพันธมิตร ในตะวันออกกลางนั้น ล้วนเข้าไปปกป้องผลประโยชน์และบริษัทน้ำมัน ตลอดจนเส้นทางเดินเรือของสหรัฐทั้งสิ้น ซึ่งก็หนีไม่พ้น "petrodollar" นั่นเอง..

 

Jeerachart Jongsomchai



... "รัสเซีย + เวเนซุเอล่าร์ พร้อมรบสมรภูมิแคริบเบี่ยน หรือ ซีเรีย แห่งที่สอง"
... ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 รัสเซียคงตระหนักว่าตัวเองเดินเกมผิดที่ปล่อยให้ "ลิเบีย" ตกเป็นเหยื่อการโจมตีของอเมริกาและนาโต้ ปล่อยให้มีการสังหาร กัดดาฟี่อย่างโหดเหี้ยม ชนิดที่ UN ทำได้แค่นอนหมอบแบบเขื่องๆอยู่ใต้ถุนบ้าน ไม่กล้าเห่าหอนต่อต้านอะไรออกมา ลิเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันอันดับหนึ่งของทวีปอาฟริกาจึงอดเป็นพันธมิตรร่วมในการซื้อขายน้ำมันสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลล่าร์ รวมทั้ง "รั้สเซีย" เองก็อดมี "ฐานทัพเรือชั้นดี" ไว้คอยคานอำนาจของอเมริกาและนาโต้ในย่ายเมดิเตอร์เรเนียน เพราะตอนนั้น "กัดดาฟี่" ต้องการเอา "รัสเซีย" มาเป็นโล่ห์เหล็กป้องกัน "อเมริกาและนาโต้"
... มาวันนี้ "รัสเซีย" ไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม กับอีกมิตรสหายในย่าน แคริบเบี่ยนคือ "เวเนซุเอล่าร์" ที่มีข่าวออกมาจากปาก ประธานาธิบดีมาดูโรเอง ว่า "อเมริกา" พยายามจะแทรกแทรง ผ่านนักวิชาการ นักประท้วงด้านต่างๆ และรัฐประหารมาโดยตลอด แต่งานนี้คงไม่ง่ายเพราะรัสเซียถือหาง เวเนซุเอล่าร์สุดตัวไม่มีกั๊ก เดิมพันครั้งนี้แบบหมดหน้าตัก มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ แทงหมดตัว
... เพราะว่าปี 2013 รัสเซียได้ส่งอาวุธจรวดชุดใหญ่ไปประจำที่เวเนซุเอล่าร์แล้ว ที่สามารถโจมตีประเทศประเทศใกล้เคียงได้ และทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ทางทหารมาหลายปีแล้วตั้งแต่สมัย " ประธานาธิบดีฮูโก้ ชาเวซ"
... นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ ปีที่แล้ว อเมริกา และ ซาอุดิอาระเบีย ได้เล่นเกมการ "ลดราคาน้ำมัน" ลงเพื่อทำลายเสบียงเงินทองของทั้ง รัสเซีย และเวเนซุเอล่าร์ ที่มีน้ำมันเป็นรายได้หลักของประเทศ จนเมื่อต้นปีนี้ ทั้งสองได้มีการประชุมกันที่มอสโกว์เพื่อหาทางรับมือกับวิกฤติดังกล่าว
... แต่ตั้งแต่ต้นปีนี้ 2015 ทั้งสองได้มีการเพิ่มความสัมพันธ์กันมากขึ้นอีก โดยนอกจากด้านการทหารที่มั่นใจได้ว่า "รัสเซีย" ไม่ปล่อยให้ "เวเนซุเอล่า" หลุดไปอยู่ในมือ ของ "อเมริกา" แน่ๆแล้ว ยังได้ลงทุนเพิ่มขึ้นในประเทศนี้อีก โดยบริษัทน้ำมันรัสเซียจะได้สิทธิ์ มาลงทุนในด้านน้ำมันอีกด้วย มากกว่าเดิมที่ก่อนนี้เป็นแค่ร่วมทุนกัน ทำให้ บริษัทน้ำมันของอเมริกา ได้แต่มองตาปริบๆ น้ำลายไหลลงคอดังเอื้อก และทำทุกวิถีทางในการได้ประเทศนี้ ไม่เว้นแต่วิธีที่รุนแรง
... นอกจากนั้นยังลงทุนร่วมกันด้านการเกษตร เรื่องไฮโดรคาร์บอน โครงสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และทางวัฒนธรรมด้วย ซึ่งแปลความว่า "เวเนซุเอล่า" นั้นเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของ "รัสเซีย" ในอเมริกาใต้รองจากบราซิล ที่จะเสียไปไม่ได้โดยเด็ดขาด แม้จะเกิดสงครามแบบ "ซีเรีย" ก็ตาม
.
https://youtu.be/1GcG5xWfkuY
https://youtu.be/DsUj84Jjfrk
https://youtu.be/8QfXuuHYh_A

 

Jeerachart Jongsomchai

... "เยเมน" อีกหนึ่งสมรภูมิเริ่มขึ้นแล้ว

อันซอรุลลอฮ์ยิงขีปนาวุธลูกแรก ไปยังซาอุดีอาระเบีย
27/03/2015 ข่าว Fired first To Saudi Arabia



สำนักข่าวตัสนีม : สมาชิกของสภาการเมืองผู้หนึ่งของขบวนการเคลื่อนไหวอันซอรุลลอฮ์แห่งเยเมนได้ รายงานการยิงชีปนาวุธลูกแรกไปยังซาอุดีอาระเบีย ตามรายงานของสำนักข่าวตัสนีม อะลี อัลอิมาด สมาชิกของสภาการเมืองของขบวนการเคลื่อนไหวอันซอรุลลอฮ์ ได้ให้สัมภาษณ์…

อันซอรุลลอฮ์ยิงขีปนาวุธลูกแรก ไปยังซาอุดีอาระเบีย

สำนักข่าวตัสนีม : สมาชิกของสภาการเมืองผู้หนึ่งของขบวนการเคลื่อนไหวอันซอรุลลอฮ์แห่งเยเมนได้ รายงานการยิงชีปนาวุธลูกแรกไปยังซาอุดีอาระเบีย

ตามรายงานของสำนักข่าวตัสนีม อะลี อัลอิมาด สมาชิกของสภาการเมืองของขบวนการเคลื่อนไหวอันซอรุลลอฮ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์อัลมะยาดีน โดยย้ำว่า ประชาชนของเยเมนจะผนึกกำลังกันเป็นเอกภาพในการเผชิญหน้ากับการรุกรานต่างๆ และกลุ่มอันซอรุลลอฮ์กำลังตรวจสอบสภานการณ์ล่าสุดอย่างละเอียด

นอกจากนี้เขายังได้ย้ำอีกว่า ในช่วงแรกของการโจมตีเยเมนของซาอุดีอาระเบียนั้น ขีปนาวุธลูกแรกได้ถูกยิงจากจังหวัดเซาะอ์ดะฮ์ของเยเมน เข้าไปยังดินแดนของซาอุดีอาระเบีย

ในอีกด้านหนึ่ง มุฮัมมัด อัลบุค็อยตีย์ สมาชิกของสภาการเมืองของกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์อัลมะยาดีนว่า : การเริ่มต้นการโจมตีเยเมนโดยซาอุดิอาระเบียและประเทศอาหรับทั้งหลายนั้น ย่อมหมายถึงการเริ่มต้นของการล่มสลายของบรรดารัฐบาลอาหรับในภูมิภาค อย่างเช่นระบอบการปกครองของซาอุดิอาระเบีย

ที่มา : tasnimnews

อันซอรุลลอฮ์ยิงขีปนาวุธลูกแรก ไปยังซาอุดีอาระเบีย | Sahibzaman
.

 

Thanong Fanclub



3. เปิดฉากสงครามเยเมน
ใครเป็นใครในพันธมิตรสหรัฐฯที่ช่วยกันถล่มISISในซีเรีย & อิรัก
อย่างที่เคยเขียนมาแล้ว ISISเป็นผีที่โลกตะวันตกสร้างขึ้นมา เพื่อหาเหตุหรือเป็นข้ออ้างให้สหรัฐฯยกทัพทำสงครามกับซีเรีย อิรักและอิหร่านในที่สุด
CNNได้รวบรวมว่าใครเป็นใครในพันธะมิตรสหรัฐฯที่ช่วยกันรบกับผีISISในซีเรีย ปรากฎว่ามีสหรัฐฯเป็นผู้นำ และเป็นซับไพลเออร์อาวุธหนักรายใหญ่สุด โดยมีพันธมิตรร่วมรบถึง60ประเทศด้วยกัน คือ
1. ออสเตรเลียเข้าร่วมถล่มISISในอิรักอย่างเต็มตัว คิดเป็นประมาณ13%ของการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรตะวันตกทั้งหมด
2. บาห์เรนได้ส่งเครื่องบินช่วยรบในซีเรียในตอนต้นของสงครามเมื่อปีที่แล้ว และเป็นที่ตั้งของกองทัพเรือภาคที่5 ของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง
3. เบลเยี่ยมส่งกองทัพอากาศถล่มเป้าหมายISIS
4. แคนนาดาส่งเครื่องบินรบถล่มเป้าISISแล้ว 310เที่ยวบิน ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2015
5. เดนมาร์กส่งเครื่องบินรบถล่มเป้าหมายISISด้วย
6. อิยิปต์ถล่มเป้าISISในลิเบีย
7. ฝรั่งเศสปฏิบัติการทางทหารถล่มISISในอิรักเป็นหลัก
8. เยอรมันไม่ส่งกองกำลังเพื่อรบISIS แต่ได้ให้เงิน$87ล้านแก่กองกำลังของพวกKurdsในอิรักเพื่อต้านISIS
9. อิตาลีมีท่าทีคล้ายเยอรมัน ไม่ส่งทหารรบISISแต่ให้เงินพวกKurds $2.5ล้าน
10. กองกำลังKurd เรียกว่า Peshmerga รบกับISISบนภาคพื้นดิน
11. จอร์แดนร่วมถล่มISISในซีเรียตั้งแต่ตอนต้น นักบินคนหนึ่งของจอร์แดนเครื่องบินถูกยิงตกและถูกจับได้ ต่อมาถูกพวกISISเผาทั้งเป็น กษัตริย์จอร์แดนนำทัพถล่มISISรอบใหม่
12. เนเธอร์แลนด์ส่งเครื่องบินรบF-16ไปช่วยKurdsรบกับISISในอิรัก
13. กาต้าร์ให้ใช้ฐานทัพเพื่อถล่มISIS
14. ซาอุดิ อาราเบียส่งเครื่องบินรบไปถล่มISISในซีเรีย
15. ยูเออีมีนักบินรบผู้หญิงด้วยในการถล่มISISตั้งแต่ตอนต้นของสงครามเมื่อเดือนตุลาคมปี2014 ปฏิบัติการนี้หยุดไปและได้เริ่มกลับไปใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์โดยใช้ฐานทัพของจอร์แดน
16. อังกฤษเป็นตัวหลักในการถล่มISISในอิรักตั้งแต่เดือนตุลาคม อี๋อ๋อกับสหรัฐฯมาก
17. ตุรกีให้ใช้ฐานทัพเพื่อถล่มISIS
ประเทศอื่นๆที่ให้ความช่วยเหลือทางอ้อมในการทำสงครามกับISISคือ
Albania, Andorra, Austria, Bosnia and Herzegovina, Bulgaria, Croatia, Cyprus, the Czech Republic, Estonia, Finland, Georgia, Greece, Hungary, Iceland, Ireland, Japan, Kosovo, Kuwait, Latvia, Lebanon, Lithuania, Luxembourg, Macedonia, Malta, Moldova, Montenegro, Morocco, New Zealand, Norway, Oman, Panama, Poland, Portugal, South Korea, Romania, Serbia, Singapore, Slovakia, Slovenia, Somalia, Spain, Sweden, Taiwan and Ukraine.
Kuwaitให้ใช้ฐานทัพเพื่อการสงครามกับISIS ส่วนประเทศอื่นๆเช่น Albania, Czech Republic และ Hungary ส่งอาวุธและยุทโธปกรณ์ต่างๆ
งานนี้สมันน้อยไทยแลนด์ไม่เกี่ยว
thanong
26/3/2015
http://www.cnn.com/…/10/06/wo…/meast/isis-coalition-nations/