ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้นำกรีซ-เยอรมนีจับเข่าคุยก่อนกรีซถังแตก

    [​IMG]

    นายกรัฐมนตรีกรีซและเยอรมนี มีกำหนดพบหารือกัน ท่ามกลางความกังวลว่า กรีซกำลัง “ถังแตก” ไม่มีเงินสดในคลัง

    วันจันทร์ 23 มีนาคม 2558 เวลา 21:35 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเอเธนส์ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 23มี.ค.ว่านายกรัฐมนตรีอเลกซิส ซีปราสของกรีซ มีกำหนดพบหารือกับนางอังเกลาแมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนีท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นว่าเงินสดในคลังของกรีซกำลังจะหมดลงทั้งนี้ทั้งสองประเทศเกิดความขัดแย้งกันกรณีความพยายามของกรีซที่จะเปิดการเจรจาใหม่เกี่ยวกับเงื่อนไขของมาตรการความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยก่อนหน้านี้สหภาพยุโรปหรืออียู ให้คำมั่นจัดสรรเงินกู้ให้กรีซจำนวน2,000 ล้านยูโรหรือ 1,450 ล้านปอนด์เพื่อผ่อนคลายในสิ่งที่กรีซเรียกว่า“วิกฤติมนุษยธรรม” ของประเทศแต่นางแมร์เคิลกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าจะไม่มีเงินก้อนใหม่ให้กรีซหากยังไม่เห็นการปฏิรูป

    ขณะที่ที่นายฌอง-โคลดยุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการยุโรปหรืออีซี กล่าวว่า เงิน 2,000ยูโร จะถูกจ่ายเพื่อการเติบโตและ “ความเชื่อมแน่นทางสังคม”ในกรีซ อียูจะจัดสรรเงินกู้จากกองทุนเพื่อการพัฒนาจำนวน2,000 ล้านยูโรให้กรีซเพื่อการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ,ลดปัญหาการว่างงานในหมู่หนุ่มสาวและช่วยเหลือคนยากจนซึ่งนายกรัฐมนตรีซีปราสก็แสดงความยินดีต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าวพร้อมทั้งย้ำถึงความจำเป็นร่วมกันในการแก้ปัญหาวิกฤติมนุษยธรรม

    บรรดาผู้นำอียูกล่าวว่ากรีซมีกำหนดเสนอแผนการปฏิรูปครั้งใหม่เพื่อป้องกันการล้มละลายส่วนนายซีปราสให้คำมั่นที่จะยุติมาตรการรัดเข็มขัดแต่จนถึงขณะนี้แผนการของเขาพบกับแรงต้านจากบรรดาเจ้าหนี้ในอียูของกรีซ

    ผู้นำกรีซ-เยอรมนีจับเข่าคุยก่อนกรีซถังแตก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซาอุฯ ยันโอเปกไม่รับผิดชอบราคาน้ำมันตามลำพัง

    [​IMG]

    นายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุฯ ยันประเทศนอกโอเปกต้องร่วมมือกัน “อุ้ม” ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงต่อเนื่อง โอเปกจะไม่ยอมรับภาระความรับผิดชอบนี้เพียงลำพังแน่นอน

    วันจันทร์ 23 มีนาคม 2558 เวลา 18:46 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาดประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 23มี.ค.ว่ารัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดีอาระเบียนายอาลี อัล-ไนมีเปิดเผยว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปก ต้องร่วมมือกัน“อุ้ม” ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงต่อเนื่องขณะที่โอเปกปฏิเสธที่จะรับภาระความรับผิดชอบนี้แต่เพียงลำพังโดยนายอัล-ไนมีกล่าวว่า พวกเราจะไม่ยอมรับผิดชอบเพียงลำพังแน่เพราะโอเปกผลิตน้ำมันในตลาดโลกเพียงร้อยละ30 แต่ร้อยละ70 มาจากประเทศผู้ผลิตนอกโอเปก

    ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิ่งลงประมาณร้อยละ60 ระหว่างเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วถึงก.พ.ปีนี้เนื่องจากปริมาณการผลิตล้นตลาดแต่ปริมาณความต้องการลดลง

    การดิ่งลงของราคาน้ำมันหนักหน่วงรุนแรงในช่วงเดือนพ.ย.ปีที่แล้วเมื่อโอเปกปฏิเสธลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาที่ร่วงลงโดยระบุว่า โอเปกต้องการรักษาส่วนแบ่งของตลาด

    12ชาติโอเปก ซึ่งนำโดยซาอุฯผลิตน้ำมันประมาณ 1ใน 3 ของน้ำมันโลกแต่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆ เช่นรัสเซียไม่ได้มีข้อผูกมัดกับการตัดสินใจครั้งนี้

    ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวว่าโอเปกจะทำงานร่วมกับประเทศนอกโอเปกหรือไม่นายไนมี ชี้ว่า การดิ่งลงของราคาน้ำมันในปี2541โอเปกก็ร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ ในการลดกำลังการผลิตและสนับสนุนราคาน้ำมันแต่วันนี้ สถานการณ์ยากลำบากเราพยายามที่จะหารือกับพวกเขาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะพวกเขาก็ยืนยันว่าโอเปกควรจะต้องรับผิดชอบเพียงลำพังเท่านั้นโดยนายไนมีอ้างถึงการเจรจากับผู้ผลิตนอกโอเปกก่อนการประชุมของโอเปกในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว



    ซาอุฯ ยันโอเปกไม่รับผิดชอบราคาน้ำมันตามลำพัง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยูเอ็นยันอีโบลาหมดภายในเดือนส.ค.นี้

    [​IMG]

    สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เผยการระบาดของไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก จะหมดไปภายในเดือนส.ค.นี้ พร้อมยอมรับผิดในการจัดการวิกฤติอีโบลาช้าไปตั้งแต่แรก

    วันจันทร์ 23 มีนาคม 2558 เวลา 20:02 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฟรีทาวน์ประเทศเซียร์รา ลีโอนเมื่อวันที่ 23มี.ค.ว่าอิสมาอิล อูลด์ ชี้ค อาเหม็ดหัวหน้าสำนักงานควบคุมอีโบลาของสหประชาชาติเปิดเผยว่าการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกจะหมดไปภายในเดือนส.ค.นี้พร้อมยอมรับว่ายูเอ็นมีความผิดพลาดในการจัดการกับวิกฤติอีโบลาตั้งแต่ต้นเพราะบางครั้ง “มัวแต่ลีลา”อยู่นั่นเอง

    หนึ่งปีหลังการระบาดของอีโบลาถูกประกาศอย่างเป็นทางการเชื้อไวรัสมรณะก็ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า10,000 คนโดยกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนหรือเอ็มเอสเอฟ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลกล่าวว่า “ความเฉื่อยชาของพันธมิตรทั่วโลก”นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายทั้งนี้ เมื่อย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อนข้อเรียกร้องของเอ็มเอสเอฟให้รีบเร่งช่วยเหลือกลับถูกเพิกเฉยโดยรัฐบาลท้องถิ่นและองค์การอนามัยโลกหรือฮู

    ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกินีไลบีเรียและเซียร์รา ลีโอน3ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด

    อาเหม็ด กล่าวว่าเมื่อไวรัสอีโบลาระบาดครั้งแรกบางทียังอาจขาดความรู้และมีความเฉื่อยชาอย่างมากในการแก้ปัญหาแต่เขาคิดว่า ตอนนี้ได้บทเรียนกันแล้วราคาแพงแล้ว


    ยูเอ็นยันอีโบลาหมดภายในเดือนส.ค.นี้ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซีไอเอเตือนอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์

    [​IMG]

    ผู้อำนวยการซีไอเอเตือนอิหร่านว่า การเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์เท่ากับการพาตัวเองเข้าสู่อันตราย และผลที่ตามมาอาจรุนแรงกว่าที่คิด

    วันจันทร์ 23 มีนาคม 2558 เวลา 11:39 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่ารายการ "ฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์" ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ ออกอากาศเทปบันทึกการสัมภาษณ์นายจอห์น เบรนแนน ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) เมื่อวันอาทิตย์ โดยในช่วงหนึ่งของการสนทนาเกี่ยวข้องกับการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเบรนแนนกล่าวว่า ซีไอเอมีหลักฐานที่ "น่าเชื่อถือ" สามารถใช้ยืนยันศักยภาพในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ว่า "อันตราย" มากกว่าที่เคยมีการเปิดเผยออกมา

    ทั้งนี้ หากการเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่นี้ไม่สัมฤทธิ์ผล รัฐบาลเตหะรานมีแนวโน้มเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ต่อไปอย่างแน่นอน และวัตถุดิบสำคัญทั้งหมดที่อิหร่านสำรองเอาไว้นั้น อยู่ในระดับที่มากเกินกว่าจะเรียกได้ว่า เป็นโครงการนิวเคลียร์ "เพื่อวิทยาศาสตร์" และผลิตพลังงานเพื่อใช้เองในประเทศ

    อย่างไรก็ตาม เบรนแนนนยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐมีศักยภาพเพียงพอจะหยุดยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเช่นกัน และกล่าวเตือนอีกฝ่ายเป็นนัยว่า การตัดสินใจเลือกทางเดินเช่นนั้น ไม่ต่างอะไรกับการพาตัวเองเข้าสู่ "อันตราย" และผลกระทบจากการตัดสินใจนั้นอาจรุนแรงกว่าที่คิด

    นอกจากนี้ เบรนแนนยังถูกซักถามเกี่ยวกับประเด็นการปราบปรามกลุ่มไอเอส ที่อิหร่านเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ด้วยการส่งหน่วยรบพิเศษเข้ามาสนับสนุนกองทัพอิรัก ซึ่งกำลังสู้รบอย่างหนักกับกลุ่มไอเอสเพื่อยึดเมืองติกริตคืน โดยผู้อำนวยการซีไอเอกล่าวเพียงว่า อิหร่านต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่แล้ว และไม่ควรทำให้สถานการณ์ลุกลามใหญ่โตกว่าที่เป็นอยู่

    ซีไอเอเตือนอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "สมหมาย" ยืนยันผลักดันภาษีบ้าน - ภาษีแวตยังไม่ถึงเวลาปรับขึ้น Tue, 24/03/2015 - 09:15

    [​IMG]

    กระทรวงการคลังเร่งนำร่างพระราชบัญญัติที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้คณะกรรมการปฏิรูปภาษีพิจารณาต้นเดือนเมษายนนี้ ยืนยันเป็นกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำที่ดีที่สุด

    นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่สามารถแยกเก็บที่ดินกับบ้านออกจากกันตามแนวคิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ เพราะการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้แยกประเภทการใช้ประโยชน์ของพื้นที่อยู่แล้ว เช่น แยกเก็บภาษีสำหรับที่ดินและบ้านสำหรับภาคเกษตร ที่ดินและบ้านสำหรับที่อยู่อาศัยปกติ ที่ดินและสถานที่เชิงพาณิชย์ และที่ดินรกร้างว่างเปล่า

    ทั้งนี้การเก็บภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างได้ลดหย่อนภาษีให้กับคนจนและผู้มีรายได้น้อย เช่น การเก็บภาษีบ้านและที่ดิน คิดตามมูลค่าล้านละ 1,000 บาท ในส่วนของ 2 ล้านบาทแรกเก็บเพียงร้อยละ 25 ล้านที่ 3 และ 4 เก็บเพียงร้อยละ 50 และล้านที่ 5 เก็บเต็ม ทำให้บ้านราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท เสียภาษีเพียง 1,500 บาทต่อปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก นอกจากนี้การเก็บภาษีที่ดินเพื่อการพาณิชย์ก็เก็บต่ำกว่ากฎหมายเก่าที่เก็บภาษีโรงเรือนในอัตราร้อยละ 12.5 ของค่าเช่า

    ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย้ำว่าจะยังคงเสนอกฎหมายนี้ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งการผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อต้องการหารายได้เข้ารัฐทั้งหมด แต่ทำเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มาจากทรัพย์สินที่คนกลุ่มน้อยมีอยู่มากเกินไป

    ส่วนการพิจารณาปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) นายสมหมาย กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาพิจารณาว่าจะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่จะพิจารณาว่าการอุดรูรั่วในการจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลังที่ดำเนินการอยู่ว่าทำได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน หากมีประสิทธิภาพเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นแวต ส่วนการเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 58 อาจต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แม้ว่าตั้งเป้าหมายค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกกังวล เพราะมั่นใจว่าจะมีการดึงเงินปันผลของรัฐวิสาหกิจเข้ามาเสริมได้

    "สมหมาย" ยืนยันผลักดันภาษีบ้าน - ภาษีแวตยังไม่ถึงเวลาปรับขึ้...
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อวยชัย กุลพงษ์ ผ่าน Daily News Online

    ญี่ปุ่นทุ่มงบสร้างแนวกำแพงป้องกันสึนามิซ้ำรอย

    [​IMG]

    รัฐบาลญี่ปุ่นสร้างกำแพงคอนกรีตหนา สูงเกือบเท่าตึก 5 ชั้น ความยาวเกือบ 400 กิโลเมตร ตามแนวชายฝั่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มชายฝั่งจนราบพนาสูญเมื่อ 4 ปีก่อน

    วันอาทิตย์ 22 มีนาคม 2558 เวลา 17:16 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่22มี.ค.ว่า ทางการญี่ปุ่นดำเนินการสร้างกำแพงคอนกรีตหนา ความสูง 12.5 เมตร เกือบเท่าตึก5 ชั้น ระยะทางเกือบ 400 กิโลเมตร ตามแนวชายฝั่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เพื่อเป็นแนวป้องกันคลื่นยักษ์สึนามิ หลังจากเมื่อ 4ปีก่อนมีแผ่นดินไหวใต้ทะเลอย่างรุนแรง ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดเข้าถล่มชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ สร้างความเสียหายมหาศาล และมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสูญหายเกือบ 2 หมื่นคน เมื่อวันที่11 มี.ค.ปี2554

    แต่การก่อสร้างกำแพงดังกล่าวนั้นประชาชนท้องถิ่นคัดค้านกำแพงป้องกันสึนามิมูลค่า820,000 ล้านเยนหรือราว224,400 ล้านบาท เนื่องจากว่า จะสร้างความเสียหายให้แก่ระบบนิเวศทางน้ำ และบดบังทัศนียภาพ อีกทั้งเป็นอุปสรรคต่อการทำประมง รวมทั้งไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านมากนัก เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะอพยพไปอยู่บนที่ราบสูง

    นายคาซูโตชิ มูซาชิ วัย 46ปี ชาวเมืองท่าประมงอย่างโอซาเบะทางตอนเหนือของญี่ปุ่นบอกว่า กำแพงคอนกรีตขนาดความสูง12.5 เมตร บดบังการมองเห็นทะเลของเขาและกำแพงป้องกันสึนามิก็ดูเหมือนกำแพงคุกแต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า กำแพงสึนามิ จะช่วยลดความเสียหายและรับมือความเสี่ยงจากสึนามิกับคลื่นยกตัวสูง ตลอดจนภัยธรรมชาติอื่นๆ

    ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นสร้างกำแพงสูง 7.2เมตรเพื่อช่วยป้องกันคลื่นเข้ากัดเซาะชายหาดของจังหวัดอิวานุมะ ทั้งนี้ สึนามิพัดกระหน่ำชายฝั่งญี่ปุ่นเมื่อปี2554 ทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายไม่ต่ำกว่า18,500 ราย หลังคำเตือนล้มเหลวทำให้ประชาชนอพยพไม่ทัน

    ญี่ปุ่นทุ่มงบสร้างแนวกำแพงป้องกันสึนามิซ้ำรอย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สธ.เผยคนทั่วโลกเสียชีวิตจาก “ดื่มน้ำไม่สะอาด” ปีละ 5 แสนคน Sun, 22/03/2015 - 14:15

    [​IMG]

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยน้ำดื่มคนไทยในทุกประเภทและทุกพื้นที่ให้ได้มาตรฐานโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนปีนี้ที่มีการขาดแคลนน้ำ เผยผลการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำดื่มในครัวเรือนไทยล่าสุดในปี 2556 พบผ่านเกณฑ์มาตรฐานเพียงร้อยละ 33 โดยเฉพาะน้ำตู้หยอดเหรียญผ่านเกณฑ์ไม่ถึงครึ่ง ส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์ความสะอาดด้านแบคทีเรีย รองลงมาคือสีขุ่น และกระด้าง ขณะที่องค์การอนามัยโลกเผยขณะนี้ประชากรทั่วโลกเสียชีวิตจากการดื่มน้ำไม่สะอาดปีละ 500,000 คน ส่วนไทยพบป่วยปีละ 1,000,000 กว่าคน เสียชีวิต 8 คน

    ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าในวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นวันน้ำของโลก (World Day for Water ) เพื่อรณรงค์ให้ทุกประเทศตระหนักถึงความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด โดยร่างกายของคนจะมีส่วนประกอบของน้ำประมาณร้อยละ 70 หากร่างกายขาดน้ำเพียง 1 วันอาจทำให้เสียชีวิตได้ แต่ขาดอาหารอาจอยู่ได้นานถึง 5 วัน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำให้ดื่มน้ำสะอาดวันละอย่างน้อย 8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร ซึ่งพบว่าขณะนี้แหล่งน้ำที่มีคุณภาพความปลอดภัยลดลง ข้อมูลองค์การอนามัยโลกระบุว่าประชากรโลกป่วยจากการดื่มน้ำปนเปื้อนอุจจาระปีละประมาณ 1,800 ล้านคน เช่นโรคอุจจาระร่วง บิด อหิวาตกโรค ไทฟอยด์ เป็นต้น และเสียชีวิตปีละประมาณ 500,000 คน เฉลี่ยนาทีละ 1 คน

    ศ.นพ.รัชตะ กล่าวเพิ่มเติมว่าสำนักระบาดวิทยารายงานในปี 2557 พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง โรคบิด ซึ่งมีสาเหตุจากการดื่มน้ำไม่สะอาดทั่วประเทศ 1,000,000 กว่าคน เสียชีวิต 8 คน ในรอบ 2 เดือนของปีนี้มีรายงานป่วยแล้วเกือบ 200,000,คน โดยได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เฝ้าระวังคุณภาพน้ำดื่มน้ำใช้โดยเฉพาะน้ำประปาให้มีระดับคลอรีนตกค้างไม่ต่ำกว่า 0.2 -0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก เพื่อให้สามารถฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในน้ำได้และควบคุมตรวจสอบมาตรฐานโรงงานผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด โรงงานผลิตน้ำแข็ง รวมทั้งโรงงานผลิตไอศกรีม ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการดื่มน้ำสะอาดและมอบหมายให้กรมอนามัยตรวจสอบและพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน

    ด้าน ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่ากรมอนามัยได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังแหล่งน้ำดื่มในครัวเรือน ล่าสุดในปี 2556 พบว่าประชาชนนิยมดื่มน้ำบรรจุขวดมากที่สุดร้อยละ 32 รองลงมาคือน้ำประปาร้อยละ 24 น้ำฝนร้อยละ17 น้ำจากตู้หยอดเหรียญ ร้อยละ 14 และดื่มน้ำจากบ่อบาดาลและบ่อน้ำตื้นอย่างละร้อยละ 7 ผลการสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำดื่มที่ครัวเรือนใช้ทุกแหล่งรวม 4,423 ตัวอย่าง ในภาพรวมพบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 33 ส่วนใหญ่พบมีการปนเปื้อนแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุโรคอุจจาระร่วง 2 ชนิด คือฟีคอลโคลิฟอร์มแบคทีเรียและโคลิฟอร์มแบคทีเรีย พบร้อยละ 70 รองลงมาคือตกเกณฑ์ด้านกายภาพร้อยละ 35 เช่น สีขุ่น กระด้าง และตกเกณฑ์ด้านเคมีร้อยละ 13 เช่นมีฟลูออไรด์ เหล็ก สูงเกินมาตรฐาน

    ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่าเมื่อวิเคราะห์แยกรายประเภทน้ำดื่มที่ครัวเรือนใช้ดื่ม 6 ประเภท ในปี 2556 พบน้ำที่ผ่านเกณฑ์มากที่สุดได้แก่น้ำประปา ผ่านร้อยละ 68 รองลงมาคือน้ำตู้หยอดเหรียญผ่านร้อยละ 49 น้ำดื่มบรรจุขวดขนาด 20 ลิตร ผ่านร้อยละ 22 น้ำบ่อบาดาล และน้ำฝนผ่านอย่างละร้อยละ 21 ต่ำสุดคือน้ำบ่อน้ำตื้นผ่านเกณฑ์ร้อยละ 9 ส่วนใหญ่ตกเกณฑ์ด้านสี ความขุ่น ในปีนี้กรมอนามัยได้จัดทำระบบการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำดื่ม ได้แก่ น้ำประปา น้ำบาดาล น้ำบ่อน้ำตื้น นำบรรจุขวด น้ำตู้หยอดเหรียญ และแหล่งน้ำธรรมชาติที่ประชาชนใช้บริโภค เช่นน้ำฝน ครอบคลุมประชาชนในพื้นที่เขตเมือง ชนบท พื้นที่ทุรกันดาร 76 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมจัดระบบเฝ้าระวังระบบประปาที่ผ่านการรับรองคุณภาพว่าเป็นประปาดื่มได้รวมทั้งหมด 1,861 แห่ง จากทั้งหมดที่มี 52,194 แห่ง

    สำหรับน้ำฝนซึ่งปัจจุบันประชาชนนิยมใช้น้อยมาก จะส่งเสริมให้ประชาชนกักเก็บไว้ใช้นอกฤดูกาลมากขึ้น และเป็นน้ำที่ใช้ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่ำซึ่งจะประเมินคุณภาพโดยศึกษาในพื้นที่การจราจรหนาแน่น พื้นที่การเกษตร พื้นที่อุตสาหกรรม และพื้นที่อยู่อาศัย และวิเคราะห์หาแหล่งที่มาการปนเปื้อน เช่น จากหลังคาและภาชนะรองรับน้ำเพื่อการแก้ไขที่ตรงจุด

    ส่วนน้ำตู้หยอดเหรียญซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากราคาถูกกว่าน้ำบรรจุขวดประมาณ 10 เท่าตัว ในกรุงเทพฯ มีประมาณ 20,000 ตู้ แต่มีการแจ้งขึ้นทะเบียนเพียงร้อยละ 15 ขณะที่ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่มีระบบควบคุมกำกับกิจการประเภทนี้ชัดเจน กรมอนามัยจะพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการเพื่อเป็นต้นแบบตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญปลอดภัยโดยดำเนินการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำแพงเพชรและพิจิตร จังหวัดละ 1 แห่ง นอกจากนี้ยังได้ดำเนินเพิ่มการเฝ้าระวังการปนเปื้อนสารเคมีโลหะหนักในน้ำดื่มในพื้นที่เสี่ยง เช่นพื้นที่อุตสาหกรรมเหมืองแร่ พื้นที่บริเวณที่ทิ้งขยะที่ทิ้งกากขยะอุตสาหกรรม ดำเนินการใน 5 จังหวัด ได้แก่ น่าน แพร่ พะเยา เชียงราย ลำปาง รวมทั้งเร่งเผยแพร่ความรู้เสริมสร้างให้กับประชาชนอนุรักษ์แหล่งน้ำบริโภค ฉลาดในการเลือกซื้อน้ำและรู้จักวิธีการปรับปรุงและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำได้ด้วยตนเอง

    สธ.เผยคนทั่วโลกเสียชีวิตจาก “ดื่มน้ำไม่สะอาด” ปีละ 5 แสนคน - ข่าวไทยพี...
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พู่กัน ทอง ได้แชร์รูปภาพของ บีบีซีไทย - BBC Thai

    [​IMG]

    ถาม-ตอบ การเจรจาระหว่างชาติมหาอำนาจและอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์
    (ตอนที่ 1)

    ตอนนี้อิหร่านกับชาติมหาอำนาจกำลังเจรจาต่อรองกันอย่างขะมักเขม้นโดยหวังว่าจะทำความตกลงควบคุมการดำเนินกิจกรรมด้านนี้ของอิหร่านได้ทันตามกำหนดเส้นตายในเดือนนี้ ที่ผ่านมาอิหร่านยืนกรานว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนเป็นโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติ แต่ชาติมหาอำนาจเกรงว่าอิหร่านจะดำเนินโครงการนิวเคลียร์เพื่อการทหาร

    ผู้นำอิหร่านเองได้ยอมรับข้อตกลงเฉพาะกาลเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ แลกกับการที่มหาอำนาจโลกจะผ่อนคลายมาตรการลงโทษในเรื่องพลังงานและภาคการเงิน หลังถูกลงโทษจนเศรษฐกิจไม่กระเตื้องมาเป็นเวลานาน มาดูความเป็นมาเป็นไปเรื่องนี้กัน

    เหตุใดจึงมีการลงโทษ?

    โครงการการนิวเคลียร์ของอิหร่านกลายเป็นที่รับรู้ของโลกเมื่อปี 2545 โดยอิหร่านอ้างว่าเป็นโครงการเพื่อสันติ และไม่เคยคิดจะพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ แต่สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ ไอเออีเอ ไม่เคยพิสูจน์ข้ออ้างดังกล่าวได้เลย

    คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติมีมติหกข้อตั้งแต่ปี 2549 ให้อิหร่านหยุดกระบวนการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม และให้อิหร่านร่วมมือกับไอเออีเอ ต่อมาในปี 2555 สหรัฐและสหภาพยุโรปได้เพิ่มมาตรการลงโทษ โดยพุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันและกิจการธนาคาร

    เหตุใดจึงเริ่มมีการยกเลิกมาตรการลงโทษ?

    เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2556 อิหร่านยอมรับข้อตกลงชั่วคราวกับสหภาพยุโรปและกลุ่มที่เรียกว่า P5+1 คือสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย + เยอรมนี โดยจะยอมระงับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเป็นเวลาหกเดือน และจะไม่เดินเครื่องหรือป้อนเชื้อเพลิงให้กับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่เมืองอารัค ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ข้อตกลงเฉพาะกาลฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2557

    สิ่งที่อิหร่านจะได้รับจากข้อตกลงก็คือ กลุ่ม P5+1 และสหภาพยุโรปจะผ่อนคลายมาตรการลงโทษในด้านต่าง ๆ เช่น การส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี การนำเข้าสินค้าและบริการในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ การส่งออกและนำเข้าทองคำและโลหะมีค่าอื่น ๆ การนำเข้าอะไหล่เครื่องบินและบริการด้านการบินพลเรือน เป็นต้น ซึ่งจากการประเมินของรัฐบาลสหรัฐ อิหร่านจะได้ประโยชน์กลับคืนรวมแล้วคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6 ถึง 7 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 195,990 ล้านบาท ถึง 228,660 ล้านบาท

    มาตรการลงโทษใดบ้างที่ยังคงอยู่?

    มาตรการลงโทษของสหประชาชาติ เช่น ห้ามขายอาวุธหนักและเทคโนโลยีเกี่ยวกับนิวเคลียร์ สะกัดกั้นการส่งออกอาวุธ และอายัดทรัพย์สินของบุคคลสำคัญบางคนและบริษัทห้างร้านบางแห่ง

    มาตรการลงโทษของอียู เช่น ห้ามซื้อขายสินค้าที่สามารถนำไปใช้ในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม อายัดทรัพย์สินของบุคคลและองค์กรต่าง ๆ ที่อียูเชื่อว่ามีส่วนช่วยในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ และห้ามบุคคลเหล่านี้เดินทางเข้าในประเทศภาคีของอียู

    ในเดือนมกราคม 2555 อียูอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางอิหร่าน และห้ามซื้อขายทองคำตลอดจนโลหะมีค่าอื่น ๆ กับธนาคาร ต่อมาอีกหกเดือนก็ห้ามนำเข้า ห้ามซื้อและห้ามขนส่งน้ำมันดิบของอิหร่าน นับจนถึงเวลานั้นภาคีอียูทั้ง 27 ชาตินำเข้าน้ำมันจากอิหร่านคิดเป็น 20% ของการส่งออกน้ำมันของประเทศ

    (ติดตามต่อตอนที่ 2)
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บีบีซีไทย - BBC Thai

    [​IMG]

    ถาม-ตอบ การเจรจาระหว่างชาติมหาอำนาจและอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์
    (ตอนที่ 2)
    ประเทศใดบ้างที่ลงโทษอิหร่านด้วยมาตรการของตนเอง?
    สหรัฐมีมาตรการออกมาเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่เกิดวิกฤตจับตัวประกันในเตหะรานเมื่อปี 2522 โดยอ้างว่าอิหร่านสนับสนุนการก่อการร้ายระหว่างประเทศ ละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่ยอมให้ความร่วมมือกับไอเออีเอ สหรัฐห้ามการค้าขายกับอิหร่านในเกือบทุกด้าน ยกเว้นด้านที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวอิหร่านโดยตรง เช่น การส่งออกอุปกรณ์การแพทย์และเครื่องมือเกษตร
    ในเดือนพฤศจิกายน 2554 รัฐบาลสหรัฐขู่ว่าสถาบันการเงินต่างประเทศที่ทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารกลางอิหร่านในเรื่องการซื้อขายน้ำมัน จะถูกตัดออกจากระบบการเงินของสหรัฐ ส่งผลให้หลายประเทศลดการน้ำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ตุรกี แอฟริกาใต้ และสิงคโปร์
    อังกฤษกับแคนาดาก็เช่นกัน สั่งให้สถาบันการเงินของตนเลิกทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินของอิหร่าน
    ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีมาตรการลงโทษทางการค้า การธนาคาร และพลังงาน คล้าย ๆ กับมาตรการของอียู
    ผลกระทบของมาตรการลงโทษเหล่านี้มีผลต่ออิหร่านอย่างไรบ้าง?
    ผลจากการลงโทษทางการค้าของอียูและสหรัฐทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดเหลือ 700,000 บาเรลต่อวันในเดือนพฤษภาคม 2556 จากที่เคยส่งออกประมาณ 2.2 ล้านบาเรลต่อวันในปี 2554 รัฐมนตรีกิจการน้ำมันของอิหร่านออกมายอมรับเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม 2556 ว่าการส่งออกที่ลดลงทำให้อิหร่านเสียรายได้ระหว่าง 4 ถึง 8 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน
    งบรายจ่ายของรัฐบาลครึ่งหนึ่งมาจากการส่งออกน้ำมัน การสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ ประกอบกับการถูกโดดเดี่ยวจากระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินเรียลของของอิหร่านหดหายไปกว่า 60% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นกว่า 40%
    รัฐบาลสหรัฐบอกว่าในช่วงหกเดือนของการบังคับใช้ข้อตกเฉพาะกาลฉบับนี้ ปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจะยังอยู่ในระดับเดียวกับปัจจุบัน คือประมาณ 1 ล้านบาเรลต่อวัน แต่อิหร่านจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านดอลลาร์ จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี การซื้อขายทองคำตลอดจนโลหะมีค่าอื่น ๆ และการทำธุรกรรมภาคอุตสาหกรรมยานยนตร์กับบริษัทต่างชาติ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สภาล่างสหรัฐบีบโอบามาส่งอาวุธช่วยกองทัพยูเครน

    [​IMG]

    สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเสียงข้างมาก กดดันประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้เร่งมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่รัฐบาลยูเครน

    วันอังคาร 24 มีนาคม 2558 เวลา 10:30 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่าที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเสียงข้างมากท่วมท้นเมื่อวันจันทร์ 348 ต่อ 48 เสียง ผ่านมติให้รัฐบาลวอชิงตันเร่งส่งมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่กองทัพยูเครน เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศจาก "การรุกราน" ของรัสเซีย

    นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงในเวลาต่อมาว่า การลงมติที่เกิดขึ้นคือสัญญาณของการเรียกร้องจากที่ประชุมไปยังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ให้เร่งสนับสนุนความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่กองทัพยูเครน หลังลังเลในเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน เนื่องจากหากปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยไปยาวนานกว่านี้ การแทรกแซงของรัสเซียจะไม่ลดระดับความรุนแรงเช่นกัน

    การสู้รบระหว่างทหารยูเครนกับกลุ่มกบฏในภูมิภาคดอนบาสส์ หรือภาคตะวันออกของประเทศ เปิดฉากอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หรือ 1 เดือน หลังรัฐบาลรัสเซียผนวกรวมภูมิภาคไครเมีย ทางตอนใต้ของยูเครน กลับเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตัวเอง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 6,000 ศพ ตามรายงานของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น )

    สภาล่างสหรัฐบีบโอบามาส่งอาวุธช่วยกองทัพยูเครน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนระดมเครื่องบิน ปืนใหญ่ จรวด “ธงแดง-12” ประชิดชายแดนพม่า
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2558 06:29 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 10:56 น.)

    [​IMG]
    @เครื่องบินรบ J-11 ซึ่งก็คือ Su-27SK เมดอินไชน่า โดยไม่ได้จ่ายค่าสิทธิบัตร แบบเดียวกันนี้ที่สื่อออนไลน์ของทางจีนรายงานว่าอย่างน้เอย 1 ฝูง ถูกส่งเข้าชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากนั้นยังส่ง J-7H ไปประจำที่สนามบินเมืองหลินซัง ที่อยู่ใกล้ชายแดนรัฐชานของพม่ามากที่สุด สิ่่งนี้มีขึ้นหลังจากเครื่องบินพม่าทิ้งระเบิดในเขตโกกัง ในการปราบกองกำลังฝ่ายกบฏ แต่ระเบิดเลยเข้าไปตกในดินแดนจีน สร้างความกดดันอย่างมหาศาลต่อรัฐบาลในปักกิ่ง.


    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - จีนได้ระดมกำลังทหารจำนวนมาก พร้อมเครื่องบินรบ และอาวุธหนักอีกหลายชนิดเข้าสู่ชายแดนภาคตะวันตกเฉียงใต้ มณฑลหยุนหนัน กับภาคเหนือของพม่า หลังจากการปะทะชายแดนระหว่างกองทัพฝ่ายรัฐบาล และกองกำลังฝ่ายกบฏในเขตโกกัง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจีนในช่วงข้ามเดือนมานี้ แต่ความเคลื่อนไหวทางทหารมีขึ้นหลังจากฝ่ายพม่าส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในเขตสู้รบ เป็นเหตุให้ระเบิดหลายลูกหล่นลงในดินแดนของจีน ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อรัฐบาลในกรุงปักกิ่่งอย่างหนัก

    ภาพที่ Sina.Com และนิตยสารโกลบอลไทมส์ (Golbal Times) นำออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ ได้แสดงให้เห็นการเคลื่อนฝูงบิน J-11 เข้าเสริมกำลังในเขตเมืองหลินซัง (Lin Cang) ซึ่งมีชายแดนติดกับตอนเหนือของรัฐชานในพม่า รวมทั้งการเคลื่อนปืนใหญ่ กับอาวุธหนักอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ จรวด “หงฉี-12” หรือ HQ-12 ซึ่งเป็นจรวดต่อสู้อากาศยานสำหรับยิงเครื่องบินรบ

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนักวิชากร และสื่อออนไลน์ซึ่งเป็นของรัฐ ถามรัฐบาลในปักกิ่งว่า เพราะเหตุใดกองทัพประชาชนจีนจึงไม่สามารถตรวจจับเครื่องบินทิ้งระเบิดของพม่าได้ ปล่อยให้มีการล้ำแดนเข้ามาทิ้งระเบิด สร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งคำถามที่ว่า ปัจจุบันกองทัพประชาชนจีนมีขีดความสามารถในการป้องกันเอกราชอธิปไตย และน่านฟ้าได้จริงๆ หรือไม่

    คำถามต่างๆ เหล่านี้ ทำให้นายกรัฐมนตรี นายหลี่เค่อเฉียง ต้องออกมายืนยันในขีดความสามารถของรัฐบาลในการป้องกันประเทศ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแจกแจงเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อพม่า ผ่านวิถีทางการทูต เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอีก

    สำหรับจีนนั้น เหตุการณ์ที่ชายแดนพม่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้จีนรู้สึก “เสียหน้า” เท่ากับปล่อยให้ประเทศที่เล็กกว่าอ่อนแอกว่าประเทศหนึ่ง ละเมิดอธิปไตยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่มีการตอบโต้อย่างเท่าเทียม

    แต่ปัญหากับพม่ามีความละเอียดอ่อน และมีความอ่อนไหวมาก ทั้งทางการเมือง ความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจ และในทางยุทธศาสตร์ ซึ่งจีนต้องพึ่งพาพม่าในการออกสู่มหาสมุทรอินเดีย พึ่งพาพลังงานจากแหล่งผลิตในทะเลเบงกอลของพม่า คือ ก๊าซปริมาณมหาศาลที่พม่าขายให้จีน และส่งผ่านระบบท่อความยาวนับพันกิโลเมตร เข้าสู่มณฑลหยุนหนัน ก่อนจะกระจายแบ่งปันนำไปใช้ในอีกหลายมณฑลทางภาคตะวันตกของประเทศ

    ในทางการเมืองระหว่างประเทศ จีนเป็นผู้อุปถัมภ์รัฐบาลทหารพม่าในอดีตมาตลอด ทั้งช่วยแก้ต่างให้ และใช้สิทธิยับยั้งเพื่อปกป้องพม่าในเวทีสากล ในปัจจุบันจีนระมัดระวังอย่างมากที่จะทำอะไรรุนแรงต่อพม่า ในขณะที่ความสัมพันธ์กับความร่วมมือระหว่างพม่ากับสหรัฐฯ และความสัมพันธ์กับอินเดีย ชาติประชาธิปไตยใหญ่ที่สุดในโลก ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีน ได้พัฒนาในทางบวกมาเป็นระยะๆ

    แต่จีนก็มี “ศึกใน” ที่จะต้องจัดการอย่างรอบคอบเช่นกัน..
    .

    [​IMG]
    @หงฉี-12 (Hong Qi-12) ซึ่งก็คือ จรวดต่อสู้อากาศยาน S-175 "ดาวินา" (Davina) ฉบับเมดอินไชน่า ที่จีนไม่ได้จ่ายค่าสิทธิบัตรให้ใคร แบบเดียวกันนี้ที่สื่ออออนไลน์ของทางการรายงานว่า ถูกส่งเข้าชายแดนมณฑลหยุนหนัน-รัฐชานของพม่า สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลปักกิ่ง ได้รับการกดดันจากสังคมอย่างหนัก.


    นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างสองประเทศ หลังจากจีนได้กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค. เครื่องบินของพม่าได้ทิ้งระเบิดลงในเขตไร่อ้อยของชาวบ้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 คน อีก 8 คนบาดเจ็บ และ ผู้เสียชีวิตได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 5 คน ในเวลาต่อมา

    จีนกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านั้นพม่ายังยิงปืนใหญ่ล้ำแดนเข้าไป ทำให้บ้านเรือนของราษฎรถูกทำลาย ซึ่งต่อมาเรื่องแบบนี้ได้กลายเป็นเหตุการณ์ปกติ คือ เกิดขึ้นติดต่อกันอีกหลายครั้ง

    ในวันที่ 14 มี.ค. เจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีพม่า ได้ออกปฏิเสธว่า เหตุการณ์ระเบิด ที่จีนกล่าวหา ไม่ได้เกิดจากฝ่ายรัฐบาล ทั้งระบุว่าอาจเป็นฝีมือของอีกฝ่ายหนึ่งที่กระทำการโดยต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างจีนกับพม่า แต่เมื่อจำนนด้วยหลักฐานของฝ่ายจีนเวลาต่อมา พม่าก็ได้ออกแถลงแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อันไม่พึงปรารถนาที่เกิดขึ้น และแสดงความเศร้าใจต่อชาวจีนผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งให้คำมั่นจะจัดการสอบสวนสืบสวนหาฝ่ายรับผิดชอบในเรื่องนี้

    แต่ภายในจีนไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น การล้ำอธิปไตยของพม่าได้ทำให้เกิดคำถามที่กดดันต่อรัฐบาลปักกิ่งติดตามมาอย่างมากมาย นอกเหนือจากปัญหาที่มีราษฎร (พม่า) อีกราว 70,000 คน หลบหนีการสู้รบจากเขตโกกัง ข้ามเข้าสู่ดินแดนจีน ซึ่งเป็นภาระต้องให้ข้าวน้ำ ให้ที่พักอาศัย ให้การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมพื้นฐานต่างๆ ขณะที่ฝ่ายพม่ามองว่า ในบรรดาผู้ที่หลบหนีนั้น ยังรวมทั้งฝ่ายกองโจรที่แอบแฝงไปรับการช่วยเหลือจากจีนด้วย

    กลุ่มกบฏในเขตโกกังนั้นมีความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ที่ปักกิ่งสนับสนุน และประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตที่รัฐบาลกลางพม่าให้สิทธิในการปกครองตนเองแห่งนี้ เกือบทั้งหมดมีเชื้อสายจีน และดินแดนแถบนี้ก็มีประวัติมายาวนาน รวมทั้งในครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนของจีน แต่สูญเสียไปในช่วงที่อังกฤษเข้าครอบครองดินแดนพม่า และตกมาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชานปัจจุบัน

    นักวิชาการจีนจำนวนหนึ่งถึงกับเรียกร้องผ่านสื่อออนไลน์ ให้รัฐบาลจีนต้องช่วยฝ่ายบกฏโกกัง บางคนเรียกร้องให้จีนโจมตีพม่าเป็นการตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตยอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่จะไม่อาจจะเกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยลมบนลมล่างที่กล่าวมาแล้ว เพราะฉะนั้นการเคลื่อนกำลังพล เคลื่อนอาวุธเข้าสูชายแดนติดกับพม่า จึงเป็นสิ่งที่จีนไม่มีทางเลี่ยง แต่จะเลยเถิดไปยิ่งกว่านั้น เป็นเรื่องลำบากยากเข็นยิ่ง
    .
    [​IMG]
    @เครื่องบินขับไล่ J-7H ที่สื่อออนไลน์ของทางการจีนกล่าวว่า จอดที่สนามบินเมืองหลินซัง ซึ่งตอนนี้กองทัพอากาศได้เข้าควบคุมใช้เป็นฐานปฏิบัติการ ใกล้ชายแดนพม่า อีกลำเป็น J-11 ที่ประจำการอยู่สนามบินอีกแห่งหนึ่งห่างออกไป เพราะต้องใช้ทางวิ่งยาวกว่าสนามบินหลินซัง.


    วันที่ 14 มี.ค. โฆษกกองทัพอากาศจีน ได้ออกให้สัมภาษณ์ว่า เครื่้องบินรบของจีนได้ขึ้นลาดตระเวนตรวจการณ์บริเวณชายแดน ป้องกันมิให้เครื่องบินต่างชาติรุกล้ำน่านฟ้าได้อีก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สื่อออนไลน์ต่างๆ ก็ได้นำภาพการเคลื่อนกำลังของฝ่ายจีนออกเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้

    ตามรายงานของ Sina.Com ปัจจุบัน กองทัพอากาศได้เข้าควบคุมสนามบินเล็กๆ ที่เมืองหลินซัง เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับฝูงบินขับไล่โจมตีแบบ J-7H ส่วน J-11 (ซึ่งจีนก๊อบปี้จาก Su-27SK ของรัสเซีย) อีกฝูงหนึ่ง ไปตั้งฐานที่สนามบินอีกแห่งหนึ่งห่างกันออกไป เนื่องจากต้องใช้ทางวิ่งขึ้นลงยาวกว่า J-7 นั่นเอง

    สื่อออนไลน์ของจีนอีกหลายสำนัก รวมทั้งเว่ยโป (Weibo) ยังเผยแพร่ภาพรถบรรทุกทหารหลายสิบคันนำทหารราบเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ชายแดน กับรถลากปืนใหญ่อีกหลายกระบอก พร้อมรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ และจรวด “ธงแดง-12” (Hong Qi-12) รวมทั้งภาพ “โมบายเรดาร์” หรือฐานเรดาร์เฉพาะกิจที่ติดตั้งบนรถบรรทุก จอดอยู่ในหลายจุดตามแนวชายแดน

    “ธงแดง-12” หรือ Kai Shan-1 (KS-1) เป็นจรวดต่อสู้อากาศยานจากพื้นสู่อากาศ ระยะปานกลาง เป็นอาวุธอีกชนิดหนึ่งที่จีนก๊อบปี้ [เรียกให้ไพเราะว่า “รีเวิร์ส เอ็นจิเนียริ่ง” (Reverse-Engineering)] จากจรวด S-175 “ดาวินา” (Davina) ของโซเวียต/รัสเซีย นำวิถีด้วยเรดาร์ เป็นจรวดรุ่นเก่าที่ผ่านการใช้งานมานาน ขณะที่จีนทำจรวดต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศ ออกมาอีกหลายรุ่น ทันสมัยกว่า และประสิทธิภาพดียิ่งกว่า

    เป็นเรื่องที่ขำไม่ออก ขณะที่จีนเคลื่อนจรวด “ธงแดง-12” เข้าชายแดน พร้อมจะยิงเครื่อบินข้าศึกที่ล้ำแดนนั้น พม่าเองก็พร้อมจะใช้จรวด HQ-12 ยิงเครื่องบินข้าศึกที่ล้ำแดนเช่นกัน.. กองทัพพม่านำ “หงฉี-12” ที่ซื้อจากจีนออกอวดเป็นครั้งแรก ในพิธีสวนสนามครบรอบปี วันก่อตั้งกองทัพในเดือน มี.ค.2556 คู่กับจรวด S-175 อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็น “ของแท้” ที่พม่าซื้่อตรงจากรัสเซีย.


    ตรึงกำลังคลุมพื้นที่
    Sina/Weibo/GlobalTimes

    [​IMG]
    @ภาพจากพื้นที่ -- จรวด "ธงแดง-12" ติดตั้งบนรถบรรทุก 6 ล้อ แล่นเข้าสู่ชายแดนพม่า ในช่วงไม่กี่วันมานี้ จีนยังระดมอาวุธหนักอีกหลายชนิด เช่นเดียวกับเครื่องบินรบ และกำลังทหารราบ เพื่อเข้าตรึงพื้นที่ แต่จะทำกับพม่าเลยเถิดไปยิ่งกว่านี้ เป็นเรื่องลำบากสำหรับจีน.

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซวยละซี! IMF เล็งใช้ “แผน B” หั่นอำนาจโหวตสหรัฐฯ ลงเกือบครึ่ง-เอือมเป็นก้างขวางปฏิรูป โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2558 09:46 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มีนาคม 2558 10:52 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - หลังจากถูกสหรัฐฯ คัดค้านแผนปฏิรูปโควตาการออกเสียงของชาติสมาชิกมานานหลายปี กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จึงเริ่มพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการ “หั่นอำนาจโหวต” ของวอชิงตันในสถาบันปล่อยกู้แห่งนี้ลงเกือบครึ่ง

    การเจรจา “แผน B” เริ่มถูกหยิบยกขึ้นมา หลังจากที่บอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟเริ่มจะถอดใจกับความดื้อดึงของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ซึ่งไม่ยอมลงมติรับรองแผนปฏิรูปไอเอ็มเอฟฉบับปี 2010 ทั้งที่ทำเนียบขาวก็สนับสนุนเป็นอย่างดี

    แผนปฏิรูปมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับโควตาการออกเสียงของสมาชิกในบอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟ โดยจะเพิ่มที่นั่งให้แก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ตลอดจนเพิ่มโควตาหรือแหล่งทุนที่ธนาคารจะใช้ปล่อยกู้ให้แก่ประเทศที่เผชิญวิกฤตการเงินเป็น 2 เท่า

    เปาลู โนกูเอรา บาติสตา กรรมการบริหารไอเอ็มเอฟจากบราซิล เสนอให้ตัดความเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบ 2 ส่วนนี้ เพื่อให้แผนปฏิรูปเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ

    “ความเชื่อมโยงระหว่างสองส่วนนี้ไม่จำเป็นเลย เพราะแต่ละส่วนก็มีวัตถุประสงค์ต่างกัน และสามารถดำเนินการแยกกันได้ ถ้าตัดความเชื่อมโยงเราก็เพียงแต่ขอแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้สภาคองเกรสรับรอง” บาติสตา เสนอ

    “นี่เป็นข้อเสนอที่สร้างสรรค์ ง่ายดาย และจะช่วยให้กระบวนการปฏิรูปไอเอ็มเอฟเดินหน้าต่อไปได้”

    แนวทางที่บราซิลเสนอจะช่วยผลักดันแผนปฏิรูปขั้นต้น ซึ่งก็คือการเพิ่มที่นั่งในบอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟซึ่งมีอยู่ 24 ที่นั่งให้แก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และไปลดสัดส่วนของยุโรปลง ซึ่งประเด็นนี้ทำเนียบขาวเห็นด้วยมานานแล้ว ติดขัดอยู่ที่สภาคองเกรสไม่ให้การรับรอง ส่วนการเพิ่มแหล่งทุนอีกเท่าตัวก็สามารถดำเนินการแยกต่างหาก เพื่อช่วยให้ไอเอ็มเอฟลดการพึ่งพาทุนกู้ยืม (borrowed funds) อย่างที่เป็นมาตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2008

    กระบวนการดังกล่าวจะส่งผลให้อำนาจต่อรองของสหรัฐฯ ในไอเอ็มเอฟลดลงเกือบครึ่ง นับตั้งแต่สถาบันปล่อยกู้แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1945

    ที่เป็นเช่นนี้เพราะเงินทุนที่อุดหนุนให้ไอเอ็มเอฟจะเป็นตัวกำหนดโควตาการลงคะแนนของแต่ละประเทศ หากสภาคองเกรสยังไม่ให้การรับรองแผนปฏิรูปปี 2010 โควตาออกเสียง 17.7 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐฯ จะลดลงเหลือเพียง 9.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อทำตามแผนของ บาติสตา

    ตัวเลขที่ลดลงนี้มีนัยยะสำคัญ เนื่องจากการตัดสินใจของไอเอ็มเอฟจะต้องได้รับเสียงโหวตร้อยละ 85 จากประเทศสมาชิก ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ซึ่งมีโควตาออกเสียงอยู่ 17.7 เปอร์เซ็นต์จึงเป็นเพียงชาติเดียวที่สามารถ “วีโต” มติไอเอ็มเอฟได้

    บาติสตา เสนอให้มีการทำข้อตกลง เพื่อให้เวลาสภาคองเกรสในการตัดสินใจรับรองแผนเพิ่มแหล่งทุนเสริมความแข็งแกร่งแก่ไอเอ็มเอฟ ซึ่งจะช่วยให้วอชิงตันยังรักษาอำนาจวีโตเอาไว้ได้

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000034554
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    กรีซเอาจริงทวงหนี้ WWII จากเยอรมัน เซอร์เบียเอาบ้างทวงหนี้นาโต้แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

    [​IMG]

    ----------------
    + กรีซทวงหนี้สงครามจากเยรมัน
    ----------------
    เกมทวงหนี้สงครามย้อนหลังนี่ชักจะมันขึ้นเรื่อยๆหละ ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับกรีซมาหลายวัน หันมาดูความเคลื่อนไหวล่าสุดกันดูบ้างนะครับ ก่อนหน้านี้แม้ว่าอียูจะอนุมัติเงินกู้ระยะสั้นให้กรีซตามที่ขอแล้ว แต่กว่าจะอนุมัติให้ได้ก็บีบกันน่าดู พอเดินเรื่องผ่านแล้วฝั่งเจ้าหนี้ก็ทำทียึกยักเหมือนจะไม่ให้ซะงั้น หรือให้อาจจะไม่เต็มจำนวนบ้าง จนกรีซต้องออกมาเรียกร้องขอกู้เพิ่ม ฝ่ายเจ้าหนี้ก็เล่นตัวสุดๆบีบให้กรีซใช้มาตรการรัดเข็มขัดให้ได้ ซึ่งสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลกรีซชุดนี้
    เมื่อขอความร่วมมือดีๆ กลับไม่ให้ซะงั้น กรีซจึงต้องตัดสินใจงัดหนึ่งในไม้ตายออกมาเล่นซะเลย คือทวงหนี้ชดเชยค่าเสียหายที่เกิดจากการกระทำของกองทัพนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองหลังจากที่ขู่มาหลายครั้งแล้ว คราวนี้เอาจริงหละ
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ Sueddeutsche Zeitung ของเยอรมันรายงานว่านาย Nikos Kotzias รมว.ต่างประเทศของกรีซได้เดินทางไปที่กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงประเทศเยอรมันนีเพื่อพบกับรัฐบาลของเยอรมันปรึกษาหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่างกรีซกับเยอรมันกรณีจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สองให้กับกรีซที่ถูกนาซีเยอรมันยึดและทำลายในอดีต
    รมว.ต่างประเทศของกรีซให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เยอรมันว่า "กรุงเอเธนส์ต้องการมาเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับการชดเชยหนี้สงคราม... เราต้องการที่จะหาตัวหารร่วม กรุงเอเธนส์ต้องการที่จะใช้แนวทางการเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและต้องการตั้งคณะกรรมการจากให้ผู้เชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว"
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รมช.กลาโหมของกรีซได้ร้องขอกับทางกรุงมอสโคว์อย่างเป็นทางการว่าให้ช่วยส่งเอกสารใดๆที่เกี่ยวกับการยึดครองกรีซโดยฝ่ายเยอรมันที่อาจจะใช้เป็นหลักฐานช่วยให้กรีซได้รับเงินชดเชยค่าเสียหายสงครามโลกจากกรุงเบอร์ลินด้วย
    ต่อมาในวันจันทร์ที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา นาย Alexis Tsipras นายกรัฐมนตรีของกรีซก็เดินทางไปพบกับนาง Angela Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมันที่กรุงเบอร์ลินด้วยตนเองเพื่อพูดคุยเรื่องหนี้สินนี่แหละ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายประชุมหารือกันแล้วผู้นำเยอรมันก็แถลงต่อสื่อฯว่าเยอรมันนีต้องการให้กรีซเป็นส่วนหนึ่งของอียูต่อไป และต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกอียูประเทศอื่นๆด้วย อย่างไรก็ตามกรีซจะต้องมุ่งมั่นปฏิบัติตามแผนปฏิรูปเพื่อจ่ายเงินคือให้เจ้าหนี้ด้วย
    ฝ่ายเยอรมันเลี่ยงที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องเงินชเชยหนี้สงคราม เพราะรู้ว่าถ้าพูดไปตัวเองมีแต่จะเสียเงินเท่านั้น ในขณะที่ฝ่ายกรีซดูเหมือนว่าจะเล่นกันเป็นทีมซ้อมกันมาดีเป็นพิเศษ ผู้นำกรีซก็ทวงเหมือนกันแต่ไม่ดุเด็จเผ็ดมันเหมือนระดับรมต. ทวงแบบเนียนๆแกมด่าแบบเจ็บๆว่างั้นเถอะ โดยนาย Alexis Tsipras พูดตอนหนึ่งว่า "เยอรมันที่เป็นประชาธิปไตยในวันนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเยอรมันในอาณาจักรที่สาม (Third Reich) ที่ต้องจ่ายด้วยเลือดมาแล้ว (อาณาจักรที่1คือสมัยจักรวรรดิ์โรมัน 962–1806 อาณาจักรที่ 2 คือสมัยจักรวรรดิ์เยอรมัน 1871–1918 และอาณาจักรที่ 3 คืออาณาจักรนาซีเยอรมัน 1933-1945) ไม่ใช่ว่าชาวกรีกเป็นคนเกียจคร้าน หรือไม่ใช่ว่าเยอรมันจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในกรีซ"
    พูดอย่างนี้ก็แสดงว่ากรีซต้องการให้เยอรมันจ่ายค่าชดเชยสงครามสมัยก่อนให้แน่นอน แต่พูดเป็นนัยๆเชิงประชดว่าในยุคที่เยอรมันเป็นประชาธิปไตยนี้ไม่ต้องจ่ายเป็นเลือดเหมือนกับที่กรีซจ่ายให้นาซีในสมัยก่อนก็ได้ จ่ายเป็นเงินมาให้ซะดีๆ อย่าเอาแต่พูดว่ากรีซจะต้องจ่ายเงินคืนให้เจ้าหนี้ บอกด้วยว่าเยอรมันจะจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวให้กรีซเมื่อไร แสบไม่ใช่ย่อยนะกรีซนี่ แล้วยิ่งมีรัสเซียเป็นแบ็คให้ด้วย งานนี้เดินหน้าอย่างเดียว
    + เซอร์เบียเรียกค่าเสียหายในสงครามโคโซโวจากนาโต้
    ----------------
    มาดูอีกฝั่งบ้างครับ กระแสทวงหนี้สงครามเริ่มเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆแล้ว เหมือนเป็นโรคติดต่อกันอย่างนั้นแหละ พอกรีซเริ่มทวงหนี้เยอรมัน ฝั่งเซอร์เบีย (Serbia) ก็หันมาทวงหนี้เรียกร้องค่าเสียหายจากนาโต้เอาอย่างกรีซบ้าง จะมองว่าเป็นโรคติดต่อก็ไม่น่าจะผิดนะ เพราะทั้งกรีซและเซอร์เบียก็มีชายแดนติดกันซะด้วยสิ
    เซอร์เบียเรียกร้องค่าเสียหายจากสงครามกับนาโต้กรณีไหน? กรณีสงครามโคโซโว 1999 (Kosovo War) ไงครับ โคโซโวถูกพันธมิตรนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯทิ้งระเบิดใส่ซะยับเยินไม่แพ้เมือง Kobani ในซีเรีย อิรัคในตะวันออกกลาง และโดเนทส์กในยูเครนตะวันออกเลย
    ขอเล่าประวัติบางส่วนของยูโกสลาเวีย (Yugoslavia) แบบรวบรัดให้ฟังคร่าวๆนะครับ ยูโกสลาเวียเป็นพื้นที่ในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้อยู่ระหว่างกรีซ บัลกาเลีย โรมาเนีย ฮังการี ออสเตรีย และอิตาลี ก่อนนี้ (1918) เป็นประเทศเดียวชื่อ "Yugoslavia" มีหลายกลุ่มชาติพันธ์ และหลายศาสนา ทะเลาะเบาะแว้งกันเองเรื่อยมา ปัญหาหลักก็มาจากเรื่องศาสนาและวัฒนธรรมนี่แหละ ในสมัยใดที่ผู้นำผู้ปกครองเข้มแข็งก็สามารถรวมตัวกันได้เกิดความยุติธรรมเสมอภาค แม้ชนกลุ่มน้อยก็ได้รับความเป็นธรรมเช่นในยุคของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์แห่งเซอร์เบีย (1918–1939) ก็มีการรวบรวมหลายแคว้นเข้าเป็นประเทศเดียวกันแล้วตั้งชื่อว่า "ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย" (Kingdom of Yugoslavia) (1929)
    ในปี 1934 กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ ถูกรอบปลงพระชนม์โดยกลุ่ม IMRO เรียกโดยทั่วไปว่าขบวนการปฏิวัติปลดปล่อยแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่อต้านอาณาจักรอ็อตโตมันในอดีต รัชทายาทถูกควบคุมอำนาจโดยคณะผู้สำเร็จราชการ สภาพบ้านเมืองในช่วงนี้ก็เริ่มมีการก่อการร้ายสู้รบแย่งอำนาจระหว่างกลุ่มต่างๆมากขึ้น และในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นยูโกสลาเวียก็ถูกนาซีเยอรมันเข้ายึด ก็มีการต่อสู้กันระหว่างนาซีเยรมันกับกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากฝั่งคอมมิวนิสต์ฟาสซิสอิตาลี ช่วงนี้มีแต่สงครามและการสู้รบกันในภูมิภาคนั้น ทั้งสงครามภายในและจากภายนอก
    ต่อมากลุ่มคอมมิวนิสต์มีกำลังเข้มแข็งมากขึ้นเพราะได้รับการสนับสนุนจากฝั่งรัสเซียและกลุ่มประเทศที่นิยมคอมมิวนิสต์ด้วยกันด้วย และวีรบุรุษ "ติโต" จอมพล Josip Broz Tito ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มคอมมิวนิสต์ปาร์ติซาน (Partisan) สามารถรวบรวมสมัครพรรคพวกสร้างกองทัพขับไล่นาซีออกจากยูโกสลาเวียได้ และก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง จากนั้นก็ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในเวลาต่อ เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "สาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งชาติยูโกสลาเวีย" ( Socialist Federal Republic of Yugoslavia (SFRY)) และได้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้จอมพลติโตเป็นประธานาธิบดีตลอดกาล (President for life) เรื่องราวเกี่ยวกับติโตนี้แนะนำให้อ่านได้จากหนังสือพระราชนิพนธ์แปลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงสละเวลาอันมีค่าแปลงานของ ฟิลลิส ออตี - Phyllis Auty นะครับ ทรงแปลมาจากฉบับย่อจำนวน 121 หน้า
    ช่วงที่ติโตปกครองอยู่นั้น ยูโกสลาเวียมีความเป็นปึกแผ่นมาก แม้ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์แต่เขาก็ไม่ใช่ประเทศเผด็จการสุดโต่ง ให้ความเป็นธรรมและเสมอภาคกับทุกฝ่ายแม้จะเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศก็ตาม มีการพัฒนาบ้านเมืองในหลายๆด้านให้เจริญรุดหน้าได้เป็นอย่างดี แต่หลังจากที่ปธน.ติโตถึงแต่อสัญกรรมแล้วในปี 1980 แล้ว ระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ในยูโกสลาเวียล่มสลายเปลี่ยนมาเป็นระบอบประชาธิปไตย จากนั้นยูโกสลาเวียก็แตกระจัดกระจายก่อสงครามกลางเมือง แยกตัวออกมาปกครองเป็นรัฐอิสระและเป็นประเทศต่างๆถึง 7 ประเทศในเวลาต่อมา ชื่อประเทศยูโกสลาเวียก็เลยหายสาบสูญไปแล้ว 7 ประเทศที่ว่านั้นก็คือ Slovenia, Croatia, Bosnia-Hercegovina, Serbia, Kosovo และ Macedonia
    ขออภัยครับที่พาแวะข้างทางอยู่เรื่อยเลย เล่ามาตั้งยาวอ่ะ... คราวนี้จะเข้าเรื่องหละนะครับ เมื่อวานนี้สื่อฯฝั่งรัสเซียลงข่าวว่า ngo ของเซอร์เบียออกมาเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากนาโต้กรณีกองทัพนาโต้ทิ้งก่อสงครามทิ้งระเบิดถล่มเมืองโคโซโวในปี 1999 (ปัจจุบันยูเอ็นรับรองให้เป็นประเทศโคโซโว บ้างก็ออกเสียงเป็นคอซอวอ) เป็นจำนวนเงินถึง 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.2 ล้านๆบาท) เหตุผลในการเรียกร้องครั้งนี้บอกว่าชาติพันธมิตรนาโต้ทั้ง 28 ชาติที่ไปร่วมกันทิ้งระเบิดถล่มโคโซโวในปี 1999 นั้นก็คือนาโต้ได้ทำลายตึกรามบ้านช่อง อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ สถานที่สาธารณูปโภคทุกอย่างพังพินาศหมดไม่เหลือชิ้นดี แม้กระทั่งสถานทูตจีนในโคโซโวก็ยังถูกเครื่องบินของนาโต้ทิ้งระเบิดใส่โดยบอกว่าซีไอเอแจ้งพิกัดผิดพลาด ทำให้นักข่าวของจีนเสียชีวิต 3 คน ซึ่งจีนก็ออกมาประท้วงนาโต้เช่นกัน
    ทางนาโต้ออกมาแจ้งยอดผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดถล่มเมืองโคโซโวเป็นเวลา 3 เดือน (24 มี.ค.-10 มิ.ย.1999) ว่ามีเพียง489-528 รายเท่านั้น (เชื่อก็บ้าแล้ว) ทิ้งระเบิดมากกว่า 38,000 ครั้งบอกว่ามีผู้เสียชีวิตแค่ 500 กว่าคนนี่นะ ปัญหาของสงครามที่เกิดขึ้นนั้นก็เนื่องมาจากความขัดแย้งทางศาสนาและเรื่องชาติพันธุ์นี่แหละ ทางโคโซโวต้องการจะแยกตัวเป็นอิสระจากยูโกสลาเวียเพื่อไปรวมกับอัลบาเนีย แต่ทางเซอร์เบียไม่ยอมเพราะว่าอัลบาเนียไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวียเลย ก็เกิดการขับไล่พวกที่ต้องการจะไปอยู่กับอัลบาเนียให้ออกไปจากโคโซโวไปเป็นผู้ลี้ภัยในอัลบาเนีย มีการใช้ความรุนแรงก่อการร้ายเกิดขึ้นในโคโซโว เป็นเหตุผลให้นาโต้อ้างความชอบธรรมด้านช่วยเหลือมนุษยธรรมด้วยการไปทิ้งระเบิดถล่มโคโซโวหลายหมื่นตัน ผู้คนเสียชีวิตนับไม่ถ้วน
    สุดท้ายทางรัฐบาลเซอร์สู้กับนาโต้ไม่ไหวสั่งถอยทัพ นาย สโลโบดัน มิโลเชวิช ผู้นำของเซอร์เบียถูกจับกุมและตัดสินลงโทษโดยศาลโลกในฐานะอาชญากรสงคราม แต่สหรัฐฯกับนาโต้ไม่โดนอย่างนั้นบ้างเลยทั้งๆที่เมื่อรวมตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการก่อสงครามทั่วโลกของนาโต้แล้วจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของนาโต้มีมากกว่าการกระทำภายใต้คำสั่งของสโลโบดัน มิโลเชวิช หรือผู้นำซีเรียคนปัจจุบันซะอีก ก็แปลกดี จากนั้นยูเอ็นที่นำโดยสหรัฐฯก็ได้ให้การรับรองสถานะของโคโซโวว่าเป็นประเทศหนึ่งเหมือนกันกับประเทศอื่นๆ
    ประเด็นนี้แหละที่ฝ่ายรัสเซียยกขึ้นมากล่าวอ้างและถามหามาตรฐานของยูเอ็น นาโต้ และสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับกรณีไคร์เมียและภูมิภาคดอนบาสส์ในยูเครนตะวันออก กรณีของโคโซโวนั้นนาโต้สนับสนุนให้แยกตัวเป็นอิสระจากเซอร์เบีย แม้เซอร์เบียจะไม่ยอมรับก็ตาม แต่กรณีของไคร์เมียต้องการจะรวมเข้ากับรัสเซียนั้นสหรัฐฯบอกว่าไม่ได้และกล่าวหาว่ารัสเซียใช้กำลังเข้ายึดไคร์เมีย ส่วนกรณีของยูเครนตะวันออกนั้นทั้งโดเนทส์กและลูฮานส์กต่างการต้องการแยกออกจากยูเครนเพราะไม่เห็นด้วยที่ยูเครนจะไปเข้าร่วมกับอียู สหรัฐฯบอกว่าแยกไม่ได้ ถ้าแยกต้องถล่มด้วยอาวุธหนัก แต่ที่โคโซโวบอกว่าต้องแยก ถ้าเซอร์เบียไม่ให้แยกสหรัฐฯใช้ให้นาโต้เอาเครื่องบินทิ้งระเบิดไปทิ้งใส่บีบให้แยกให้ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็แยกจนได้ นี่แหละมาตรฐานของสหรัฐฯ
    The Eyes
    25/03/2558
    ----------
    http://rt.com/…/243089-greece-germany-reparations-commissi…/
    Athens Proposes Joint Greek-German Commission on WWII Reparations / Sputnik International
    http://rt.com/news/243545-nato-serbia-bombing-yugoslavia/
    Yugoslavia - Wikipedia, the free encyclopedia
    Kosovo War - Wikipedia, the free encyclopedia
    1999 NATO bombing of Novi Sad - Wikipedia, the free encyclopedia
    https://www.youtube.com/watch?v=Ju-Y73Qn05Q
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    นักวิเคราะห์ด้านการเงินของเยอรมันกล่าวว่า "ดอลว่าไม่ใช่สกุลเงินมหัศจรรย์"

    [​IMG]

    ----------------
    ก่อนที่เครื่องบิน Airbus A320 เที่ยวบินที่ 4U9525 ของเยอรมันจะตกหนึ่งวัน สื่อฯรัสเซียลงข่าวเกี่ยวกับการวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐฯโดยนักวิเคราะห์ชาวเยอรมันที่ตีพิมพ์ในนิตยสารด้านการเงินของเยรมันชื่อ "WirtschaftsWoche" ซึ่งมีใจความโดยสรุปว่า เมื่อปลายปีที่แล้วสหรัฐฯคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของตนจะโตขึ้นประมาณ 2.6-3% แต่เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมาสหรัฐฯสรุปตัวเลขคาดการณ์ใหม่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะโตเพียง 2.3-2.7% เท่านนั้น (ลดลง) ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0, 25% ต่อปี
    นักวิเคราะห์ชาวเยอรมันมองอีกว่า การตัดสินใจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือนมิถุนายน อาจจะถูกเลื่อนออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้านการเงินในประเทศ นักวิเคราะห์เน้นว่าการเลื่อนปรับอัตราดอกเบี้ยสะท้อนให้เห็นถึงความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นเลยก็ได้
    เยอรมันวิเคราะห์อีกว่าปัจจุบันอัตราการว่างงานในสหรัฐฯยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 5.5% ในขณะที่ตัวเลขด้านการโฆษณาเกี่ยวกับการก่อสร้างซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐฯกลับลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ผู้ชำนาญด้านการเงินประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจของอเมริกันนั้นไม่ค่อยจะเป็นบวกเท่าไรนัก และคิดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะเป็นไปในทางลบมากขึ้นกว่าที่สื่อฯหลักๆของสหรัฐฯพยายามสร้างภาพให้เห็นในช่วงหลายสัปดาห์
    ตามความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ด้านการเงินชาวเยอรมันคนนี้แล้ว เขามองว่าเราควรจะคิดว่าดอลล่าไม่ใช่ "สกุลเงินมหัศจรรย์" (dollar is not a ‘miracle currency’) และมองว่าเป็นการโหมโรงประโคมข่าวโดยสื่อฯของสหรัฐฯเท่านั้น (พูดแบบนี้ก็เข้าทางรัสเซียกับจีนเลยสิ)
    ฟังบทวิเคราะห์จากผู้ชำนาญการด้านการเงินฝั่งเยอรมันซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจในยุโรปแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อฯใหญ่ของสหรัฐฯพยายามกระพือข่าวว่าเศรษฐกิจของตัวเองดีขึ้น อัตราการว่างงานลดลง แต่ในสายตาของอียูไม่ใช่อย่างที่สหรัฐฯพูดซะหน่อย ใช่หรือไม่นั้นไม่เท่าไร แต่ที่ขัดใจสหรัฐฯมากๆ ก็คือทำไมต้องมาวิเคราะห์ให้ภาพรวมของเศรษฐสหรัฐฯเป็นลบด้วย สหรัฐฯยอมรับความจริงตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด เยอรมันพาพวกอียูไปร่วมมือกับจีนในการก่อตั้งธนาคาร AIIB ยังไม่พอ ล่าสุดกล้าที่จะวิเคราะห์เศรษฐกิจของสหรัฐฯในทางลบอีก แบบนี้ยอมไม่ได้ แล้วยังไง? จะยังไงหละ เครื่องบินเยอรมันก็ร่วงที่ฝรั่งเศสนะสิครับ กรรม!
    The Eyes
    25/03/2558
    ----------
    The Dollar is Not a ‘Miracle Currency’ – German Financial Analyst / Sputnik International
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    Breaking News : เครื่องบิน Airbus A320 สายการบิน ‘เยอรมันวิงส์’ ของเยอรมันตกที่ฝรั่งเศส

    [​IMG]

    ------------------
    ข่าวสลดอีกแล้ว! เมื่อเย็นวันนี้ (24 มี.ค.58) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เครื่องบิน Airbus A320 เที่ยวบินที่ 4U9525 โลว์คอสต์ ของสายการบิน Germanwings ของเยอรมันนี ขาดการติดต่อหายไปจากจอเรดาร์เวลาประมาณ 09.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 15.39 น. ตามเวลาในประเทศไทย ต่อมาได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า เครื่องบินลำดังกล่าวบินจากเมืองบาร์เซโล (Barcelona) น่ามุ่งหน้าไปยังดุสเซลดอร์ฟ (Dusseldorf) ได้ตกทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เครื่องบินลำดังกล่าวมีผู้โดยสารจำนวน 142 คนและลูกเรืออีก 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด
    ตอนแรกก็ขู่จะเผาตึกธนาคารกลางยุโรป ECB เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพื่อบีบให้แซงชั่นรัสเซียต่อ หลังจากเยอรมันออกเสียงให้แซงชั่นรัสเซียแล้ว ม็อบ Blockupy ก็หายไป คราวนี้เยอรมันกับพันธมิตรในยุโรปเดินตามอังกฤษเข้าร่วมกับมือกับจีนในธนาคาร AIIB สหรัฐฯห้ามแล้วห้ามอีกก็ไม่ฟัง วันนี้ก็ได้เห็นเครื่องบินของเยอรมันตกที่ฝรั่งเศสซะเลย ปูตินคงนึกในใจว่า ดีนะที่ไม่มาตกที่รัสเซีย ไม่งั้นทั้งสหรัฐฯและอียูคงจากรุมโจมตีรัสเซียแน่ๆว่า โดนรัสเซียสอยร่วงเพื่อหาทางถล่มรัสเซียได้เต็มที่
    The Eyes
    24/03/2558
    ---------------
    TASS: World - No survivors likely in A320 crash in Alps — Hollande
    Germanwings A320 Passenger Jet With 150 Aboard Crashes in Southern France / Sputnik International
    http://rt.com/news/243525-airbus-crash-southern-france/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อุรุกวัยค้านสหรัฐฯย้ายผู้ต้องขังจากคุกกวนตานาโมในคิวบามาไว้ที่อุรุกวัย

    [​IMG]

    ----------------
    รัฐบาลใหม่ของประเทศอุรุกวัยซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกันบอกว่าไม่เอานักโทษจากสถานกักกันของสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม (Guantanamo) ประเทศคิวบาอีกแล้ว สหรัฐฯจะส่งตัวผู้ก่อการร้ายที่จับมาขังและทรมานไว้ที่คิวบาไปกักขังต่อหรือก่อการร้ายต่อในอุรุกวัย เขารู้ทันหรอกน่า ทำไมไม่เอาไว้ที่อเมริกาเองซะหละ
    เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วอุรุกวัยรับนักโทษของสหรัฐฯจากคุกในกวนตานาโมซึ่งถูกกักขังนานถึง 12 ปีโดยไม่มีการตั้งข้อหาหรือดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลมาไว้ที่อุรุกวัยจำนวน 6 ราย สืบเนื่องจากทางสหรัฐฯถูกคิวบาบีบให้คืนพื้นที่กวนตานาโมให้กับทางคิวบา โดยทางคิวบาบอกว่าไม่งั้นจะไม่ให้ความร่วมือในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ โครงการปิดคุกกวนตานาโมในคิวบาจึงเริ่มขึ้น แต่ปัญหาก็คือว่าแล้วนักโทษจำนวนมากที่จับมาจากตะวันออกกลางซึ่งถูกกักขังและทรมานอยู่ที่นั่นจะเอาไปไว้ที่ไหนนะสิ
    อเมริกาไม่ยอมเอานักโทษเหล่านั้นเข้าไปในประเทศตัวเองแน่ เพราะเกรงว่าจะถูกตรวจสอบเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศของตัวเอง หรืออาจจะมีแผนอย่างอื่นโดยจะส่งผู้ก่อการร้ายบางรายที่นำมาจากซีเรียเข้าไปกักขังรวมไว้กับนักโทษคนอื่นๆในคุกกวนตานาโมก่อน จากนั้นก็ค่อยย้ายไปไว้ที่อุรุกวัย แล้วก็ปล่อยให้ไปก่อเหตุก่อการร้ายในลาตินอเมริกันในภายหลัง ชะชะช่าาา! แผนนี้ถูกพวกลาตินอเมริกันรู้ทันอีกแล้ว ถ้าแผนนี้ไม่สำเร็จก็ยังหาทางบีบอุรุกวัยโดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนและการทรมานนักโทษในอุรุกวัยซึ่งเป็นฝีมือของตัวเองแต่โยนอุนจิให้อุรุกวัยในภายหลังได้อีก
    ตามข้อมูลที่ได้จากสื่อฯของอุรุกวัยนั้นพบว่า อดีตนักโทษของสหรัฐฯที่นำมาไว้ที่อุรุกวัยนั้นไม่สามารถใช้ชีวิตใหม่ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกันได้ ไม่ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ไม่ศึกษาภาษาสเปนซีึ่งเป็นภาษาราชการในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกัน อ้าว! งี้ก็แสดงว่าปล่อยตัวนักโทษเหล่านั้นออกไปข้างนอกแล้วจริงๆนะสินี่ กรรม! ไอซิสไปโผล่ที่ลาตินอเมริกันแน่งานนี้
    ไม่เพียงแต่นักโทษจากคุกในกวนตานาโมเท่านั้นนะ อเมริกายังส่งผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่หนีภัยจากสงครากลางเมืองเข้าไปไว้ในอุรุกวัยอีกด้วย แต่ทางรัฐบาลอุรุกวัยออกมาบอกว่าจะไม่รับเพิ่มอีกแล้ว เพราะมีปัญหาเรื่องวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เข้ากับคนท้องถิ่นไม่ได้ การที่จะแทรกซึมกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสหัวรุนแรงจากซีเรียและตะวันออกกลางเข้าไปก่อเหตุในลาตินอเมริกันที่ต่อต้านสหรัฐฯโดยแฝงตัวไปกับกลุ่มผู้อพยพนั้นทำได้ไม่ยากเลย แต่แผนนี้ก็พังอีกครั้ง เสียใจด้วยนะอเมริกา
    The Eyes
    24/03/2558
    -----------
    Uruguay Will No Longer Accept Guantanamo Prisoners / Sputnik International
    TASS: World - Five Guantanamo prisoners to be sent to Kazakhstan — Pentagon
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียตัดสินใจร่วมมือกับอียูในโครงการวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป (CERN)

    [​IMG]

    ----------------
    หลังจากที่รัสเซียเข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ในโครงการงานวิจัยนิวเคลียร์ของยุโรป "European Organization for Nuclear Research" (CERN) ในปี 2012 (2555) อยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะต้องเข้าร่วมเป็นสมาชิกระดับ "associate member" ของเซิร์น ให้ได้เพราะเห็นแล้วว่ามีประโยชน์เยอะเหลือเกิน
    จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าโดยทางปฏิบัตินั้นรัสเซียได้ทำงานร่วมกับเซิร์นมาตั้งแต่ปี 1959 แล้ว (2502) คือในสมัยที่เป็นสหภาพโซเวียต ปัจจุบันอยู่ในฐานผู้สังเกตการณ์ เช่นเดียวกับอีกสี่ประเทศคือ ตุรกี ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และอินเดีย และองค์กรระหว่างประเทศอีก 2 องค์กรคือ UN กับ European Commission
    ในฐานะที่เป็นสมาชิกประเภทสมทบ (Asscociate member) ประเทศสมาชิกจะมีสิทธิ์ที่จะมีส่วนร่วมในการเสนอราคาเกี่ยวกับสัญญาของเซิร์นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง และสามารถส่งบุคคลากรของตนเข้าไปร่วมทำงานในเซิร์นได้ด้วย การเข้าร่วมสมาชิกสมทบของเซิร์นจะทำให้รัสเซียสามารถขยายบทบาทของนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียและบทบาทในโครงการเซิร์นและการทดลองต่างๆรวมทั้งสามารถเข้าร่วมในโครง Large Hadron Collider (LHC) ของเซิร์นได้ด้วย LHC คือเครื่องเร่งอนุภาค (particle collider) ที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดและมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น สร้างโดยเซิร์นในปี 1998-2008 (2541-2551) เป็นท่ออุโมงทรงกลมความยาวถึง 27 กม.อยู่ใต้ดินลึกลงไปประมาณ 50-175 เมตร อยู่ระหว่างชายแดนฝรั่งเศสกับสวิทเซอร์แลนด์
    เซิร์นก่อตั้งขึ้นในปี 1954 (2497) โดยกลุ่มประเทศยุโรป 12 ประเทศ จุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูบทบาทของทวีปในการวิจัยฟิสิกส์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปัจจุบันเซิร์นมีสมาชิกทั้งหมด 21 ประเทศ ไทยเราอยู่ตรงไหนในเซิร์น? จากข้อมูลเบื้องต้นพบแต่เพียงว่ามีการทำสัญญาทางด้านวิทยาศาสตร์
    "ความร่วมมือระหว่างไทยกับเซิร์น (CERN: The European Organization for Nuclear Research) เกิดขึ้นด้วยพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่สนพระทัยในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของเซิร์น ในหลายวโรกาสได้ทรงมีพระราชดำริว่า หากนักวิทยาศาสตร์ของไทยได้มีโอกาสทำงานวิจัยร่วมกับเซิร์น จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ไทยเป็นอันมาก เพื่อสนองแนวพระราชดำริดังกล่าว จึงได้เกิดการประสานงานระหว่างทีมผู้บริหารของเซิร์นและสถาบันวิจัยแสงซินโค รตรอน (องค์การมหาชน) ถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือทางวิชาการในแขนงที่เกี่ยวข้อง กระทั่งในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนเซิร์น ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 จึงได้มีการลงนามในเอกสารแสดงเจตจำนงความร่วมมือกัน (Expression of Interest in The Participation of Physicists from Universities and Research Institutes from Thailand in the CMS Experiment at the CERN LHC Accelerator (EOI) ระหว่างสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) และกลุ่มการทดลอง CMS ที่ตั้งอยู่ ณ LHC ของเซิร์น โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระกรุณาธิคุณเสด็จประทับเป็นองค์ประธานสักขีพยานในการลงนามครั้งนั้นด้วย" (จาก โครงการความร่วมมือไทย-เซิร์น — (CERN: The European Organization for Nuclear Research))
    จากนั้นก็มีส่งนักศึกษาและครูสอนฟิสิกส์ไปดูงานในช่วงภาคฤดูร้อนที่เซิร์นบ้างเป็นครั้งคราวจากหลายมหาวิทยาลัยและหลายหน่วยงานด้วยกัน ก็ไปดูงานไปทัศนศึกษาว่างั้นเถอะ ยังไม่ถึงระดับที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเซิร์นที่มีสิทธิ์ในเทโนโลยีระดับสูงและสามารถนำความรู้และเทคโนโลยีเหล่านั้นกลับมาพัฒนาต่อได้อย่างเช่นกลุ่มประเทศสมาชิกสมทบทั้งหลาย
    มองในแง่การเมืองระหว่างประเทศบ้าง หลังจากที่สหรัฐฯบอมระเบิดนิวเคลียร์ใส่ญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แสดงให้เห็นแล้วว่างานวิจัยและพัฒนาด้านฟิสิกส์ของอเมริการุดหน้ามาก โอกาสที่อเมริกาจะเป็นผู้ปกครองโลกย่อมเป็นไปได้สูง ฝั่งยุโรปจะต้องทำอะไรซักอย่าง จะรอซื้อเทคโนโลยีต่อจากอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่ได้แน่ จะต้องหันมาวิจัยและพัฒนาในส่วนของตัวเองขึ้นมาบ้างทั้งด้านฟิสิกส์และอวกาศรวมถึงการรวมตัวกันเป็นสหภาพยุโรปด้วย เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ไม่งั้นโดนอเมริกาแทรกแซงและกดขี่อยู่ร่ำไปแน่ นี่คือวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายลึกๆของอียู จากนั้นก็เริ่มหลุดออกมาว่าจะมีการสร้างกองทัพอียูขึ้นมาคานอำนาจนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯอยู่ในตอนนี้บ้าง แต่ยังไม่ออกตัวเต็มที่เดี๋ยวจะโดนสหรัฐฯสะกัดแผนนี้ซะก่อน
    ดูจากหลายๆจุดแล้ว พอทำให้มองได้ว่ารัสเซียนั้นไม่ได้ต้องการจะเป็นศัตรูอียู แต่ต้องการจะหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นเพื่อถ่วงดุลอำนาจจากสหรัฐฯต่างหาก เพราะตอนนี้ฝั่งอเมริการุกหนักขึ้นทุกที นำเอากองทัพนาโต้มาปิดล้อมรัสเซียจากฝั่งยุโรปตะวันออกไว้เกือบทุกจุดแล้ว โดยอ้างว่าเป็นการซ้อมรบร่วมกับชาติสมาชิกนาโต้ในยุโรป
    The Eyes
    24/03/2558
    -----------
    TASS: Russia - Russia may link up with CERN physics research center this year — minister
    CERN - Wikipedia, the free encyclopedia
    โครงการความร่วมมือไทย-เซิร์น — (CERN: The European Organization for Nuclear Research)
    Large Hadron Collider - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... "อเมริกา : วางแผนติดตั้งระบบป้องกันจรวดพิสัยไกล และขยายแนวรบมาคาบสมุทรเกาหลี"

    [​IMG]
    .
    ... ตามที่คาดกันไว้ว่า "อเมริกา" จะขยายแนวรบออกไปไกลถึงคาบสมุทรเกาหลี เพื่อจะปิดทางออกทะเลของกองทัพเรือของ "รัสเซีย" ที่เมือง "วลาดิวอสต๊อค" ทางตะวันออกสุดของประเทศ ใกล้ๆกับคาบสมุรเกาหลี ทางรัสเซียเตือนว่าทำแบบนี้ยิ่งจะทำให้บริเวณนี้ตึงเครียดไปอีกแบบยุโรป
    ... หลังจากก่อนหน้านี้ อเมริกาสั่งเรือรบหกลำพร้อมทหารจากโรมาเนีย ตุรกี บัลแกเรีย ไปปิดทางออกทะเลของกองทัพเรือรัสเซีย ที่หน้าบ้าน ทะเลดำ , และ อีกที่คือทะเลบอลติด ที่เหมือนทางออกหลังบ้านของรัสเซีย บริเวณ ประเทศเอสโตเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย มาแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา คราวนี้ถึงคราวเมืองท่าออกทะเลทางตะวันออกสุดอย่างเมือง "วลาดิวอสต๊อค" จะโดนปิดบ้าง
    ... โดยอเมริกาบอกว่าจะติดตั้ง "ระบบป้องกันจรวดพิสัยไกล" "THAAD (Terminal High Altitude Area Defense)" ที่บริเวณเกาหลีใต้ โดยอ้างว่าจะมาติดตั้งเพื่อปรามเกาหลีเหนือเรื่องการทดองอาวุธนิวเคลียร์
    .. ขณะที่ "รัสเซีย" ก็เตือนว่า การทำแบบนี้ยิ่งจะทำให้บริเวณนี้กลับมาสู่การสะสมอาวุธเหมือนในอดีตอีกครั้ง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ยิ่งจะยากขึ้นไปอีก
    ... แต่นาย Kim Min-seok, ทางโฆษกกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ก็ออกมาบอกว่าทางประเทศยังไม่ได้ตัดสินใจ ให้อนุญาตเลย ( เหมือนจะแค่ขู่มากกว่า หรือเป็นแค่ความต้องการของอเมริกาฝ่ายเดียว แลัวออกข่าวแบบมัดมือชก )
    ... แม้อเมริกาจะอ้างว่าจะมาติดตั้งเพื่อปรามเกาหลีเหนือเรื่องการทดองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ก็รู้กันว่ากระทบกับรัสเซียด้วยกับทางออกทะเลทางตะวันออก ทางรัสเซียเลยบอกกลับว่า ถ้าอเมริกาทำจริง รัสเซียก็มีทางออกเดียวที่จะต้องติดตั้งอะไรบางอย่างเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ใกล้เคียงกันในอนาคต
    ... "สงครามเกาหลี" นั้นจบลงแบบหยุดยิงเฉยๆประมาณปี 1950 - 53 แบบยังไม่มีการลงนามสัญญายุติสงครามแต่อย่างใด จนถึงวันนี้
    .
    http://www.presstv.ir/…/US-warned-over-S-Korea-missile-syst…
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "อาบู บักร อัล แบคแดดี้ : หัวหน้า ISIS เป็นไส้ศึกชาวยิว สายลับมอสสาด ของอิสราเอล" กับกลอุบาย "สร้างรังแตน" ขึ้นมาแทรกซึมให้แตกแยกในหมู่ชนอิสลาม"
    .
    ... เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับ "ไส้ศึกยิว" ที่มาทำให้เกิดการแตกแยกใน "อิสลาม" โดยไส้ศึกคนนี้เป็นยิว มาเปลี่ยนศาสนาเข้าอิสลามในภายหลังคือ "อับดุลลอฮฺ อิบนุ สะบะ" ที่มาป่วนปั่นจนทำให้เกิด เคาะลีฟะห์ผู้ทรงธรรมที่ 3 "ท่านอุษมาน" ต้องถูกลอบสังหารแล้วมีการโยนบาปให้คนมุสลิมด้วยกันสงสัย "ท่านอาลี" เคาะลีฟะห์ผู้ทรงธรรมที่ 4 ที่สืบทอดมาจนเกิด "สงครามซิฟฟิน" และแตกแยกเป็น นิกาย ซุนหนี่ และ ชีอะห์ ในที่สุด
    ... และในปัจจุบันนี้ "อาบู บักร อัล แบดแดดี้" ( Abu Bakr al-Baghdadi ) หัวหน้า ISIS ก็มีข่าวหลายสำนักว่าเป็น ไส้ศึกสายลับชาวยิวที่ถูกส่งมาจาก "มอสสาด" ของ "อิสราเอล" แทรกซึมมาในหมู่ชนอิสลาม เพื่อทำให้อิสลามแตกแยกอีกครั้งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
    ... โดยสื่อฝรั่งเศสก็บอกว่า "อาบู บักร อัล แบดแดดี้" นั้น มีพ่อแม่ทั้งคู่เป็นชาว "ยิว" โดยมีชื่อเดิมแบบยิวว่า "Simon Elliot (Elliot Shimon)" และเป็น "สายลับ ของมอสสาด" ส่งเข้ามาแทรกซึมในหมู่ชาวมุสลิมแบบกลอุบายโบราณ คล้าย "อับดุลลอฮฺ อิบนุ สะบะ"
    ... ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของ NSA -ของอเมริกา ที่รั่วออกมาจาก "เอ๊ดเวิร์ด สโนเดน" ที่เปิดเผยว่า ประเทศ อังกฤษ อเมริกา และอิสราเอล ร่วมกันสร้าง " ISIL" ขึ้นมา เพื่อปกป้อง "รัฐยิวไซออนนิสท์" โดยใช้กลอุบาย "สร้างรังแตน" ขึ้นมาใกล้ๆกับพรมแดนของตัวเอง บริเวณอิรักและซีเรีย ที่เป็นเป้าหมายในการแทรกแทรงที่แท้จริง และสร้างความแตกแยกในหมู่ชาติมุสลิม
    ... Snowden, “The only solution for the protection of the Jewish state “is to create an enemy near its borders”.
    ... คือการ สร้าง "ศัครูเทียม" ขึ้นมา ศัตรูกำมะลอ เพื่อให้เป็นข้ออ้างในการแทรกแทรง "ศัตรูแท้" อย่างซีเรีย แบบพระเอกไปปราบโจร ทั่วโลกจะได้เห็นคล้อยตามได้ง่าย เพราะ ซีเรีย แอบหนุน เฮสบุลเลาะห์อยู่ด้่านทิศใต้ของเลบานอน คอยเป็นหอกทิ่งแทงอิสราเอลอยู่ตลอด
    ... โดยการสร้าง "ผู้ก่อการร้ายกำมะลอด้านศาสนา" ขึ้นมา โดยให้นาย "อาบู บักร อัล แบดแดดี้" เป็นผู้นำ โดยมีการฝึกเข้าคอร์ส อบรม ฝึกฝน ทั้งการเรียนรู้เรื่องความเชื่อ ศาสนา ทักษะการพูด การฝึกทักษะปฎิบัติการทหารอย่างเข้มข้น เป็นปีจนมั่นใจก่อนปล่อยสู่สนามจริง
    ... ส่วนเรื่องหน้าฉากนั้น เมื่อ 4 ตุลาคม 2011, อเมริกาได้ประกาศให้ "อาบู บักร อัล แบดแดดี้" เป็น "ผู้ก่อการร้ายระดับโลก" ที่มีรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลล่าร์ถ้าสามารถชี้ช่องให้ไปจับเป็นหรือตายได้มาก่อน ที่มีรางวัลมากอันดับสองรองจาก Ayman al-Zawahiri หัวหน้าของ อัล กออิดะห์ แค่นั้นเอง
    ... ซึ่งสื่ออเมริกาเอง อย่าง CNN ยังเคยเอารูปที่ จอห์น แมคเคนแอบเดินทางไปปรึกษาวางแผนกับ กลุ่มนี้ที่ต่อต้านรัฐบาลขอ อัล อัสสาดบริเวณพรมแดนซีเรียมาแล้ว ที่มีรูปถ่ายของผู้นำ ISIL ติดออกมาด้วย ซึ่งสื่ออเมริกาถึงกับบอกว่า แมคเคน เป็น"คนทรยศชาติ" ไปเลยเพราะไปถ่ายรูปวางแผนกับผู้ก่อการร้ายมีค่าหัวสูง
    ... ( ทำให้นึกถึงแก๊งสามเกลอสู้แล้วรวยที่ชอบเอาเลือดเทพื้นเอาเคล็ดที่เอาเรื่องการเมืองเลือกตั้งธิปไตยไปหลอกชาวบ้านอื่นที่ไม่ใช่ภาคตัวเองเพื่อดึงมาเป็นมวลชน เพื่อเคลื่อนไหวเพื่อหน้าเหลี่ยม นายหน้าเอเยนท์ของอเมริกา ในการทำลายประเทศตัวเอง )
    ... จากบทเรียนนี้ "การไตร่ตรอง" คิดอย่างรอบคอบด้วยสติและปัญญา ไม่เอาอารมณ์มาเป็นผู้นั่งหลังม้าแห่งจิตใจ กุมบังเหียนในการตัดสินใจ จึงเป็นทางออกเบื้องต้นที่ดีที่สุด ของทุกภูมิภาคทั่วโลก ไม่งั้นถูกพวกยิวและแองโกลแซกซอนหลอกไม่จบไม่สิ้น
    .
    ISIS Leader Abu Bakr Al Baghdadi Trained by Israeli Mossad, NSA Documents Reveal | Global Research
    https://www.youtube.com/watch?v=TaH9LyYGjbk
    https://socioecohistory.wordpress.com/…/senator-john-mccai…/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,295
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "ตัวละครรอง ผู้ดำเนินเรื่อง ใน 3 จังหวัดภาคใต้ไทย"
    ( อเมริกา, ซาอุดิอาระเบียกับการหนุนหลัง ขบวนการรัฐปัตตานี และเผยแพร่ แนวคิด วาฮาบี้ )
    .โดย "เซี่ยงเส้าหลง"
    ... •• มีข้อวิเคราะห์ในเชิง Conspiracy Theory ต่อการอุบัติขึ้นของ ความรุนแรงครั้งใหม่ ที่เสมือนทำลายความน่าเชื่อถือของทั้ง แนวทางสมานฉันท์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ กอส. – "คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ" ภายใต้การนำของ อานันท์ ปันยารชุน แตกต่างกันไป 2 ด้าน ขอนำมารายงาน ณ ที่นี้ไม่ใช่เพื่อให้เชื่อแต่เพื่อจุดประกายความคิด
    •• ด้านหนึ่งมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฝีมือของ "ขบวนอำนาจรัฐที่ 2" ที่จะเสียผลประโยชน์มหาศาลหากวิกฤตภาคใต้ได้รับการเยียวยาถูกทาง ผู้คนในขบวนนี้มีทั้ง "ภายใน" และ "ภายนอก"
    ... ในส่วนภายในก็มีตั้งแต่ อิทธิพลเถื่อนต่าง ๆ, อิทธิพลการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และ เจ้าหน้าที่รัฐสายเหยี่ยว ในส่วนภายนอกก็มีทั้ง "เครือข่ายหน่วยสืบราชการลับของมหาอำนาจ" และ "เครือข่ายขบวนมุสลิมจารีตนิยม" ผสมผสานกันจนแทบแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นหลักอะไรเป็นรองแต่โดยรวมแล้วผู้คนในขบวนนี้แม้จะ ต่างที่มา, ต่างเป้าหมาย แต่มีผลประโยชน์เฉพาะหน้าร่วมกันตรงที่ต้องการ ธำรงรักษาวิกฤตไว้ ผู้คนในขบวนนี้ต้องการ การปราบปรามอย่างรุนแรง ด้วยเช่นกัน
    •• ในขณะที่อีกด้านหนึ่งมองแตกต่างออกไปว่าเกิดขึ้นจาก ของจริง -- ขบวนต่อสู้ภายในพื้นที่ ที่สิ้นหวังและ ปฏิเสธ การผนึกกำลังกัน 2 ฝ่าย รัฐบาล, กอส. เพราะเมื่อพิจารณาลึกลงไปใน รายชื่อ 48 สมาชิกกอส. แล้วจะพบว่ามีลักษณะเป็น "ตัวแทนของมหาอำนาจ" ตั้งแต่ ประธาน คือ อานันท์ ปันยารชุน ลงไปจนถึงสมาชิกที่แม้จะเป็น มุสลิม จะพบว่าส่วนใหญ่มีแต่ "วาฮาบีฮ์" ที่สำคัญคือ "ไม่มีมุสลิมชีอะห์" แม้แต่คนเดียว
    ... แนวทางที่คนส่วนใหญ่เห็นแต่ว่า "สมานฉันท์" โดยเนื้อแท้แล้วจึงเป็น "มายาภาพ" เพราะเมื่อสุดเส้นทางเดินสายนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะตกอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจาก มินดาเนาว์ของฟิลิปปินส์ เพราะข้อเสนอต่าง ๆ ของกอส.มีแนวโน้มว่า จะถูกปฏิเสธโดยกระแสสังคม และเป็น เชื้อเพลิงอย่างดี แก่ผู้คนในขบวนย่อหน้าแรก “เซี่ยงเส้าหลง” ขอให้ทำความเข้าใจเป็นพื้นฐานว่าแนววิเคราะห์นี้อยู่บนพื้นฐานที่ว่า "ซาอุดีอารเบีย(ในอดีต) " คือตัวแทนของมหาอำนาจในตะวันออกกลาง ทั้ง ด้านตรง, ด้านกลับ แนววิเคราะห์ด้านนี้(และด้านแรก)ล้วนต่าง ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นมุมมองต่อ วาฮาบีฮ์ ที่ยังแตกต่างกันอยู่ “เซี่ยงเส้าหลง” ขอพูดตรง ๆ อย่างชนิดไม่ขอด้วนตัดสินใครทั้งสิ้นว่า
    ... กุญแจสำคัญ น่าจะอยู่ที่ บทบาท ของสมาชิกกอส.อย่างน้อยที่สุด 2 คน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ กับ "ดร.อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา" คนแรกเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยอภิปรายฮือฮากลางสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ ปี 2547 ว่าเสมือนเปิดพื้นที่ให้กับ CTIC - Counter Terrorist Intelligence Center เครือข่ายของ หน่วยสืบราชการลับมหาอำนาจ ส่วนคนหลังคือ นักวิชาการศาสนาอิสลาม – อธิการบดีวิทยาลัยอิสลามยะลา ที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองบางคนบางฝ่ายสงสัยว่าน่าจะเป็นผู้ที่พอได้ข่าวคราวตามสมควรของ "GIP - Gerakan Isalam Patani "
    ... GIP = องค์กรจัดตั้งที่ทำหน้าที่รวบรวม "นักศึกษาไทยมุสลิมสายวาฮาบีฮ์" ที่ได้รับทุนจาก มหาวิทยาลัยมาดีนะห์ เผยแพร่แนวคิดทางการเมืองและการศาสนาบางประการมาตั้งแต่ ปี 2523 แนวคิดที่เผยแพร่ในชั้นต้นคือ แสดงความ "ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน" จนทำให้เสมือนมีพฤติกรรมบางประการที่เสมือน = "เป็นปฏิปักษ์กับมุสลิมชีอะห์ในประเทศไทย" โดยเข้าไป มีปฏิสัมพันธ์ในบางระดับ กับขบวนการแบ่งแยกดินแดนต่าง ๆ อยู่ในช่วงเวลาสั้น ๆ เกมการเมืองระหว่างประเทศ และภาพรวมของ ความขัดแย้ง 3 เส้า ระหว่าง สหรัฐอเมริกา, อิหร่าน และ ซาอุดีอาระเบีย ที่ด้านหนึ่งเป็น มิติเกมการเมืองระหว่างประเทศทั่วไป แต่อีกด้านหนึ่งคือ มิติทางศาสนา ที่อาจเขียนสมการใหม่เป็น สหรัฐอเมริกา, ชีอะห์ และ วาฮะบีฮ์ นี้เคยนำเสนอหลักการและตัวอย่างรูปธรรมในอดีตที่เคยเป็นคดีครึกโครมไปแล้ว ณ ที่นี้เมื่อ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548 ลองอ่านทบทวนดู
    •• แต่ที่ยังไม่เคยเล่าถึงเลยก็คือ GIP - Gerakan Isalam Patani องค์กรจัดตั้งที่ชื่อไม่ดังเท่า พูโล, บีอาร์เอ็น, บีเอ็นพีพี หรือ ฯลฯ วันนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ขอรายงานโดยสังเขป
    •• ก่อนจะมาเป็น GIP - Gerakan Isalam Patani นั้นองค์กรนี้ใช้ชื่อว่า PIP - Persatuone Isalam Patani ก่อตั้งขึ้นใน "ซาอุดีอารเบีย" เมื่อประมาณ ต้นปี 2522 โดย "นักศึกษาชาวไทยมุสลิมจากปัตตานี" บางคน ที่ได้รับทุนไปศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยมาดีนะห์ - ซาอุดีอาระเบีย องค์กรนี้ทำหน้าที่รวบรวมนักศึกษาไทยมุสลิมเพื่อแสวงหาหนทาง ฟื้นฟูรัฐปัตตานี จากนั้นก็เริ่มทำงาน ขยายมวลชน เรื่อยมาตาม โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในเขต 3 จังหวัดภาคใต้ ในปีต่อมาหลังก่อตั้ง แกนนำคนสำคัญ ได้เดินทางไปพบ หัวหน้าขบวนการแบ่งแยกดินแดนต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย ไปพบหมดทั้ง BRN, PULO และ BNPP
    ... องค์กรนี้และแกนนำคนสำคัญได้รับเงินสนับสนุนจาก "เครือข่ายทางการซาอุดีอาระเบีย" รวมทั้ง "กษัตริย์ฟาฮัด" เป้าหมายในขณะนั้นคือ "ต่อต้านการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน" รูปธรรมที่เห็นได้คือมีการทำหนังสือต่อต้านการปฏิวัติอิสลามของอิหร่านเป็นรูปแบบ หนังสือปกด้านหน้าสีส้มด้านหลังสีน้ำเงิน แต่ภายหลังเดินทางกลับจากมาเลเซียแล้วแกนนำคนสำคัญกลับ ถูกต่อต้านจากขบวนการต่าง ๆ เพราะแกนนำสำคัญคนนั้นบังเอิญไปแสดงความคิดเห็นในเชิง โจมตี กล่าวหา BRN ว่าเป็น สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ กล่าวหา PULO, BNPP ว่าเป็น เสรีนิยม
    ... – ส่งเสริมพวกเจ้าผู้ครองรัฐปัตตานีเก่า และสนับสนุนแนวทาง วาฮาบีฮ์ ของกลุ่มตนว่าเป็น อิสลามบริสุทธิ์ ทำให้พวกขบวนการต่าง ๆ ที่ต่อต้านองค์การจัดตั้งน้องใหม่ของบรรดาปัญญาชนปัตตานีรุ่นใหม่ในพ.ศ.นั้นพูดล้อเลียนคำว่า PIP ว่าเหมือนกับ ชื่อของสงวนผู้หญิงในภาษามลายู น่าจะเป็นเหตุให้ PIP เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น GIP ย่อมาจาก Gerakan Isalam Patani ในช่วงใกล้ ๆ กันนั้นคือ ปี 2525 หลังจากนั้นในช่วง 2 – 5 ปีถัดมามีการส่งนักศึกษาไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เลื่อมใส วาฮาบีฮ์ ไปศึกษาต่อใน อียิปต์, ซูดาน, การ์ตา, คูเวต และ บาห์เรน ต่อมาในภายหลังตั้งแต่ ปี 2530 กลุ่มนี้จะเปลี่ยนเป้าหมายโดยส่งนักศึกษาไทยมุสลิมไปศึกษาต่อที่ "ปากีสถาน" โดยเฉพาะที่ มหาวิทยาลัยอาบูบักร์ และมีบางส่วนแยกไปศึกษาที่ ซูดาน อยู่
    •• การไปศึกษาต่อที่ ปากีสถาน มีรายงานข่าวว่าได้มีการส่งนักศึกษาเข้าไปร่วม ฝึก กับ มูจาฮิดดิน และบางคนได้เข้าไป ร่วมรบ – ขับไล่โซเวียตออกจากอัฟกานิสถาน ด้วย
    •• แน่นอนว่า "ปากีสถาน" เป็นฐานใหญ่ของ "วาฮาบีฮ์" รองจาก ซาอุดีอารเบีย เป็นที่รู้กันดีว่าทั้ง 2 ประเทศนี้เป็น "พันธมิตรที่ดีของสหรัฐอเมริกา" และเป็นที่รู้กันอีกเช่นกันว่าสถานที่ฝึกและครูผู้ฝึก นักรบมุสลิม – ที่ต่อมาพัมนามาเป็น "อัลกออิดะห์" ควบคุมโดย CIA และ "กลุ่มตอลิบาน" อยู่บริเวณ ชายแดนต่อกันระหว่างปากีสถานกับอัฟกานิสถาน นี่เป็นข้อมูลพื้นฐาน
    •• ขอ “เซี่ยงเส้าหลง” ย้ำอีกครั้งว่า "วิกฤต 3 จังหวัดภาคใต้" วันนี้ต้องเข้าใจ ความขัดแย้ง 3 เส้า ระหว่าง สหรัฐอเมริกา, อิหร่าน และ ซาอุดีอารเบีย ที่ด้านหนึ่งเป็น "มิติเกมการเมืองระหว่างประเทศทั่วไป แต่อีกด้านหนึ่งคือ "มิติทางศาสนา" ที่อาจเขียนสมการใหม่เป็น สหรัฐอเมริกา, ชีอะห์ และ วะฮะบีฮ์ เพราะต้องไม่ลืมว่า ประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรวมแล้วเป็น มุสลิม มากกว่า พุทธ, คริสต์ ไล่ลงไปจาก 3 จังหวัดภาคใต้ ผ่าน พรมแดนไทย-มาเลเซีย ต่อไปเสมือนเป็น อีกโลกหนึ่ง เป็น โลกมุสลิม ที่ทั้งมี ปัญหาเฉพาะในแต่ละประเทศ และ รับผลสะท้อนจากสถานการณ์โลก ด้วย
    •• ต้องไม่ลืมว่า "ช่องแคบมะละกา" คือหนึ่งใน เส้นทางลำเลียงน้ำมันสายสำคัญของโลก หรือนัยหนึ่งก็คือหนึ่งใน เส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงระบบทุนนิยมโลก ที่ ประเทศอภิมหาอำนาจ ไม่มีทางที่จะ เสี่ยง ปล่อยให้อยู่ นอกเหนือการควบคุม อย่างแน่นอน
    •• ต้องไม่ลืมว่ามหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา ไม่ได้มีปัญหาอะไรในเรื่อง แบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเด็นไม่ใช่ แบ่งแยก หรือ ไม่แบ่งแยก "ประเด็นอยู่ที่ว่า ควบคุมได้หรือไม่" , มีอิทธิพลเหนือหรือไม่ ต่างหาก “เซี่ยงเส้าหลง” คงไม่ต้องตอบกระมังว่าระหว่าง 3 จังหวัดภาคใต้ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับประเทศไทย – แต่สหรัฐอเมริกาแทรกตัวเข้ามาวางกำลังไม่ได้ กับ "รัฐปัตตานี" เกิดใหม่ – ที่เปิดให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาวางกำลังได้ มหามิตรของประเทศไทยจะ เลือกอะไร เพราะมันก็เหมือนคำถามว่าเขา รัก อะไรมากกว่ากันระหว่าง ประเทศไทย กับ ช่องแคบมะละกา นั่นเอง
    •• ต้องไม่ลืมว่า ใคร เป็นผู้สร้าง "อุซะมะห์ บินลาเดน" , "อัลกออิดะห์, มูจาฮิดดีน และ ซัดดัม ฮุสเซน" เริ่มต้นก็ล้วนมาจากเครือข่ายหน่วยราชการลับของ สหรัฐอเมริกา เพื่อเป็น เครื่องมือทางยุทธวิธี สำหรับ รับใช้ภารกิจยุทธศาสตร์ ในแต่ละช่วงเวลาทั้งนั้น
    •• สุดท้ายต้องไม่ลืมว่า "สหรัฐอเมริกา" นั้นเป็น "สัตว์เลี้ยงลูกด้วยวิกฤต" – บริโภควิกฤตเป็นภักษาหาร ในอดีตเป็นที่รับรู้กันดีว่าเคยทำ จดหมายปลอม ในนาม พคท. – พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มาถึง รัฐบาลไทย ยุค ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ เมื่อ วันที่ 4 มกราคม 2517 จดหมายฉบับเมื่อ 30 ปีก่อนใช้ชื่อ สหายจำรัส ชื่อจัดตั้งของ เปลื้อง วรรณศรี อ้างเหตุ ขอเจรจาสงบศึก วัตถุประสงค์ก็เพื่อ ชี้ให้เห็นถึงความมีอยู่และบทบาทของพคท. – เพื่อที่ตนจะธำรงบทบาททางการทหารอยู่ในประเทศไทยต่อไป จึงคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรที่มหามิตรของเราจะดำเนินการ 2 ทาง ทางหนึ่ง ให้ความช่วยเหลือรัฐบาลไทยปราบขบวนแบ่งแยกดินแดน อีกทางหนึ่ง สนับสนุนขบวนแบ่งแยกดินแดนที่ขึ้นต่อพวกเขา ทั้ง 2 ทางล้วนมาบรรจบกันตรง รับใช้ยุทธศาสตร์หลัก เหมือนกัน
    •• เผอิญ อานันท์ ปันยารชุน ก็มี ข้ออ่อน อยู่อย่างหนึ่งตรง ความเก่ง ที่เป็น รัฐบุรุษระดับโลก เป็นที่ยอมรับของ นานาชาติ รวมทั้ง สหรัฐอเมริกา ขนาดได้รับเกียรติร่วมเป็น คณะปรับปรุงโครงสร้างองค์การสหประชาชาติ มีตำแหน่งแห่งที่เข้าไปช่วยเหลือทั้งใน ภาครัฐ และ ภาคเอกชน หรือนัยหนึ่ง ภาคทุนใหญ่ของสหรัฐอเมริกา จนถูก สมัคร สุนทรเวช, ดุสิต ศิริวรรณ กัดไม่ปล่อยมาหลายปีในกรณี ปรส. จึงทำให้คนจำนวนหนึ่งมองไปว่าการตกปากรับคำเข้ามา รับงานสำคัญ ชนิดที่ “เซี่ยงเส้าหลง” กล้ากล่าวว่าเป็น ผู้นำของรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติในทางปฏิบัติ ไม่ใช่ เหตุบังเอิญ เหมือนกับที่เมื่อ ปี 2534 ก็ไม่น่าจะใช่ เหตุบังเอิญ 100 % ที่จู่ ๆ หัวขบวนจปร. 5 พล.อ.สุจินดา คราประยูร ลงทุนเสี่ยงตาย รัฐประหาร แล้วก็เชิญท่านมาเป็น นายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่ รู้จักกันเพียงผิวเผิน – ในสหรัฐอเมริกา คนกลุ่มนี้จะคิดมากขี้ระแวงมากเกินไปหรือเปล่ายากที่จะตอบได้
    •• ก็หวังไว้ว่า อานันท์ ปันยารชุน จะสามารถ ขจัดข้ออ่อน เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนทุกฝ่าย ยอมรับนับถือโดยยินยอมพร้อมใจ ได้
    •• เช่นเดียวกับที่ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ และ ดร.อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา จะได้ใช้ฐานภาพที่ได้รับมา ขจัดข่าวลือที่ไม่เป็นธรรมต่าง ๆ ออกไป
    •• ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ บทบาท ของ กอส. – คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ ในรอบ 9 – 12 เดือนนับจากนี้ไป
    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...