ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียเอาจริงโคลนนิ่งแมมมอธอายุเกือบ 3 หมื่นปี

    [​IMG]

    -------------
    เรื่องการค้นพบซากแมมมอธ (Mammoth) ใต้หิมะแถวไซบีเรียในรัสเซียเมื่อช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้วเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลกโดยเฉพาะในรัสเซีย ยิ่งปูตินลงไปดูด้วยตัวเองแล้วบอกว่า "เราโคลนแมมมอธขึ้นมาใหม่ได้ไหม?" (ปูติน - So, can it be cloned?) อั๊ยยะ!... ไม่ได้พูดเล่นนะนั่นหนะ
    คืออย่างนี้ครับ... เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว มีการค้นพบซากแมมมอธสัตว์ดึกดำบรรพ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วแถวไซบีเรียอยู่ใต้หิมะ จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็นำเข้ามาสู่ห้องแลบทำการศึกษาและวิจัย อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีการค้นพบซากมัมมีแมมมอธอยู่หลายแห่งในขั้วโลกเหนือ รวมทั้งในอเมริกาและในยุโรปบางประเทศด้วย ฝั่งตะวันตกก็คุยว่าของเขาหนะสมบูรณ์ที่สุด (ในช่วงนั้นนะ) แต่ล่าสุดเจ้าแมมมอธที่ชื่อว่า " Malolyahovsky" ของรัสเซียนี่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดเพราะมีทั้งเนื้อเยื่อและเลือดที่อยู่ในร่างกายของแมมมอธเมื่ออุณหภูมิอุ่นขึ้นเลือดและของเหลวที่จับตัวแข็งก็ละลายไหลออกมา ทำให้นักวิทยาศาสตร์เห็นถึงความเป็นไปได้ในการที่จะโคลนนิ่งแมมมอธขึ้นมา
    งานวิจัยซากแมมมอธของรัสเซียนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Lazarev Mammoth Museum ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย North-Eastern Federal University (เดิมชื่อ Yakutsk State University) ของรัสเซียเป็นมหาวิทยาลัยชั้นสูงระดับแนวหน้าของรัสเซีย หลังจากที่ค้นพบซากแมมมอธ Malolyahovsky แล้ว นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ก็เป็นงานซะด้วย โดยจัดแสดงส่วนนี้ไว้เฉพาะประธานาธิบดีปูตินเท่านั้น ยังไม่เปิดให้คนอื่นดู เพราะอะไร? ถ้าอยากได้งบวิจัยเพิ่มมันก็ต้องเอาใจปูตินหน่อยสิ จากนั้นก็เชิญปูตินเข้าชมการจัดแสดงซากแมมมอธทั้งหลายที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไม่ต่ำกว่า 4,000 ชิ้น รวมทั้งตัวล่าสุดด้วย พอปูตินเดินสำรวจแล้วก็ผุดไอเดียขึ้นมาว่าอยากจะโคลนนิ่งแมมมอธขึ้นมาซะงั้น งบเท่าไรบอกมาเลย ไม่อั้นขอให้ทำได้จริง
    เหล่านักวิทยาศาสตร์ในโครงการนี้ก็พากันยิ้มพร้อมกับนึกในใจ "แหล่มเลย" จากนั้นก็เริ่มโครงการศึกษา DNA ของแมมมอธเพื่อนำมาโคลนนิ่งสร้างขึ้นมาใหม่อีกรอบก็เริ่มขึ้น โครงการนี้มีความเป็นได้สูงอยู่แล้ว ในขณะที่ทางตะวันตกทำการโคลนไดโนเสาร์ขึ้นมา (ในหนังฮอลลิวูดนะ) แต่รัสเซียเล่นของจริงเลย เอ… ว่าแต่ว่าพี่แกคงจะไม่โคลนเอเลี่ยนขึ้นมาด้วยหรอกนะ ทางสหรัฐฯกลัวจะน้อยหน้ารัสเซีย ก็จะเอาอย่างบ้างเมื่อเร็วๆนี้ทางมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯบอกว่าจะโคลนนิ่งแมมมอธด้วย โดยจะใช้ช้างเอเซียเป็นตัวกลางในการทำให้แมมมอธพื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
    ฝั่งรัสเซียบอกว่าการจะโคลนนิ่งแมมมอธได้สำเร็จนั้นจะต้องพึ่งฝีมือนักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลีใต้ด้วย อุ๊ตะ!... เกาหลีใต้ก็ไม่ธรรมดานะนี่ ที่มหาวิทยาลัย NEFU ของรัสเซียมีนักศึกษาและนักวิทยาศาสตร์เก่งๆจากจีนและเกาหลีใต้ไปศึกษาอยู่ที่นั่นเยอะมาก มิน่าตอนดูคลิปการชำแหละซากแมมมอธถึงเห็นแต่นักวิทยาศาสตร์ชาวเอเซียเป็นส่วนมาก
    The Eyes
    23/03/2558
    ----------
    http://rt.com/news/243097-dna-mammoth-cloning-progress/
    Putin Discusses Possibility of Mammoth Cloning With Scientists / Sputnik International
    Mammoth Research Center to Open in Russia's Yakutsk / Sputnik International
    Baby Mammoth Yuka on Display in Moscow / Sputnik International
    Mammoth Task: Cloning of Extinct Animals Could Be a Huge Ethical Problem / Sputnik International
    Breakthrough Means Woolly Mammoths May Roam the Earth Again / Sputnik International
    http://vesti-yamal.ru/…/v_yakutii_nachinayut_podgotovku_k_k…
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ชาวเวเนซูเอลาร่วมลงชื่อกว่าล้านคนเรียกร้องให้โอบามายกเลิกประกาศให้เวเนฯเป็นภัยคุกคามสหรัฐฯ

    [​IMG]

    -------------
    ชาวเวเนฯกร้าวใส่โอบามา รับไม่ได้ที่โอบามาออกคำสั่งแต่ฝ่ายเดียว (executive order) ประกาศให้ประเทศเวเนซูเอลาเป็นภัยคุกคามของสหรัฐฯ (อันที่จริงสหรัฐฯนั่นแหละที่เป็นภัยคุกคามของประเทศอื่นหนะ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รัฐบาลเวเนซูเอลาประกาศรณรงค์ร่วมลงชื่อคัดค้านการประกาศให้เวเนซูเอล่าเป็นภัยคุกคามของสหรัฐนภายใต้แคมเปญจ์ "Obama, Venezuela is not a threat" (โอบามา เวเนซูเอลาไม่ใช่ภัยคุกคาม) มีการรณรงค์ทั่วไปทั้งทางออนไลน์ในล่ารายชื่อด้วย ตอนนี้มีประชาชนชาวเวเนซูเอลาร่วมลงนามแล้วประมาณ 2.6 ล้านรายชื่อ โดยรัฐบาลเวเนซูเอลาประกาศว่าจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้รัฐบาลสหรัฐฯระหว่างวันที่ 10-11 เมษายนที่จะถึงนี้
    โอบามาต้องการจะโค่นล้มรัฐบาลของประนาธานธิบดี Nicolás Maduro ผู้นำคนปัจจุบันของเวเนซูเอลาให้ได้ เพราะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอเมริกา จึงออกคำสั่งประเภท executive order (ประกาศฝ่ายเดียว) ว่าให้เวเนฯเป็นภัยคุกคามของสหรัฐฯเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา คำสั่งแบบนี้ก็ไปกระทบจิตใจของชาวเวเนซูเอลาทุกคนเลย ชาวบ้านตาดำๆ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยก็ถูกโอบามาเหมารวมว่าเป็นภัยคุกคามสหรัฐฯด้วยซะงั้น เลือดรักชาติและเห็นความไม่ยุติธรรมจากฝั่งสหรัฐฯที่กระทำต่อชาวเวเนซูเอลาอย่างนี้ก็พุ่งปรี๊ดเลยสิ การที่รัฐบาลสหรัฐฯพยายามจะให้วิธียุให้พรรคฝ่ายค้านจัดประท้วงก่อจลาจลเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของปธน. Nicolás Maduro ก็ไม่เป็นผลซะแล้ว เพราะโอบามาดันไปบอกว่าประเทศเวเนฯเป็นภัยคุกคามซะอย่างนั้น กระแสก็ตีกลับสิครับ
    ฝ่ายผู้นำคิวบา ปธน. Raul Castro น้องชายของ Fidel Castro อดีตผู้นำของคิวบาก็ออกมาประกาศอย่างแข็งขันว่าคิวบาจะให้การสนับสนุนเวเนซูเอลาอย่างเต็มที่ในการเผชิญหน้ากับการแซงชั่นจากสหรัฐฯ โดยข้อความตอนหนึ่งของผู้นำคิวบาที่พูดกับสื่อฯว่า "จุดยืนของประเทศเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ผมขอเน้นย้ำความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวที่ดีต่อกันในการปฏิวัติคิวบา โบลิเวีย กับประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร และพันธมิตรทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของเขา ผมขอขีดเส้นใต้ความจงรักภักดีถึงที่สุดเพื่อเป็นการรำลึกถึง Hugo Chavez เพื่อนที่ดีที่สุดในการปฏิวัติของชาวคิวบา"
    The Eyes
    23/03/2558
    ----------
    Venezuela Gathers Million Signatures Against Obama Declaring Caracas Threat / Sputnik International
    Castro Declares Unconditional Support for Venezuela in Face of US Sanctions / Sputnik International
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียบอกขอบคุณสำหรับการแซงชั่นที่ทำให้เศรษฐกิจรัสเซียดีขึ้น

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อวันก่อนนาย Anton Siluanov รมว.คลังของรัสเซียออกมาประกาศว่าตอนนี้เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มจะปรับตัวได้แล้ว ค่าเงินรูเบิลค่อยเริ่มแข็งค่าขึ้นมาเรื่อยๆ และไม่แกว่งไปตามราคาน้ำมันอีกต่อไป ล่าสุดทางบลูมเบิร์กออกมาวิเคราะห์สมทบในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของรัสเซียอีก โดยนักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่าช่วงที่ผ่านมานั้นรัฐบาลรัสเซียได้ออกพันธบัตรเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการพยุงไม่ให้เศรษฐกิจของรัสเซียตกต่ำจนถึงล้มละลายเนื่องจากถูกโจมตีค่าเงินรูเบิลและราคาน้ำมันจากฝั่งสหรัฐฯและอียู ฝ่ายนักลงทุนจากตะวันตกก็พากันรุมซื้อพันธบัตรของรัสเซียเอาไว้หวังจะเก็งกำไรต่อ ในช่วงที่ค่าเงินรูเบิลกำลังอ่อนตัว แต่พอเศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมา มันกลับไม่เป็นอย่างที่พวกนักลงทุนเหล่านั้นหวังไว้ซะนี่ ไอ้ที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามากว้านซื้อไว้เยอะๆหวังทำกำไรต่อ เมื่อเจอค่าเงินรูเบิลปรับตัวได้ก็ออกอาการเซ็งทันทีเลย
    ในขณะที่นักลงทุนมองว่าดัชนีการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ (emerging market) ที่วัดโดย MSCI Emerging Market Index ในปีนี้ทั่วโลกจะโตเพียง 1.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ Micex index บอกว่าบริษัทสัญชาติรัสเซีย 50 รายการมีอัตราการเติบโตขึ้นที่ 11.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดีกว่าของ Standard & Poor's 500 หรือตลาดใดในอเมริกาเหนือซะอีก
    บลูมเบิร์กบอกว่าบริษัทสัญชาติรัสเซียมีผลประกอบการดีกว่าคู่แข่งทั่วโลกซะอีก (เป็นไปได้ไง?) ต่อคำถามที่ว่าแล้วอะไรเป็นเหตุผลหรือปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซีย (กลับมา) เติบโตขึ้นมาได้? บลูมเบิร์กให้คำตอบง่ายๆว่า "Sanctions" (ก็มาจากการแซงชั่นไง) และกล่าวปิดท้ายว่า "เมื่อไม่มีสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา (แข่งขัน) ชาวรัสเซียก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นเองและภาคบริการภายในประเทศนะสิ"
    นี่ไม่ใช่นักวิเคราะห์จากฝั่งรัสเซียนะ แต่เป็นบลูมเบิร์กจากฝั่งสหรัฐฯโดยตรงเลยนะที่มองว่าเศรษฐกิจของรัสเซียกำลังดีขึ้นหนะ
    อันที่จริงในเรื่องของการทำ PR หรือประชาสัมพันธ์ข่าวดีในประเทศของตนเกี่ยวกับด้านต่างๆนี้มันก็มีเทคนิคอยู่นะ ประเทศที่พัฒนาแล้วเขานิยมใช้วิธีแบบนี้แหละ การออกมาพูดเองนั้นบางครั้งก็ได้ยินไปไม่ไกลเท่าที่ต้องการ ก็ต้องใช้วิธีให้คุณที่เขาชำนาญเฉพาะด้านแบบนี้ออกมาพูดแทนผ่านคำว่า "วิเคราะห์" นี่แหละ จู่จะให้เขาออกมาพูดสนับสนุนประเทศตัวเองทั้งๆที่เขาอยู่ฝั่งอเมริกานั้นเป็นไปไม่ได้หรอก มันต้องมีซิ๊กกะแซ็กค่าน้ำร้อนน้ำชาเล็กๆน้อยบ้าง เช่นเข้าไปหาเขาแล้วบอกว่าที่บ้านเรามีข่าวดีอย่างนี้ มีตัวเลขอย่างนี้ เราพูดเองเสียงมันไม่ค่อยดังเท่าไรนัก ท่านนักวิเคราะห์สำนักดังๆ ช่วยทำให้บูมหรือช่วยเขียเชียร์ให้หน่อยจะได้หรือเปล่า งานนี้ไม่เหนื่อยฟรีหรอก อย่างนี้เป็นต้น คนพวกนั้นเขาก็ทำมาหากินเหมือนกับคนอื่นๆนั่นแหละ เมื่อมีโอกาสสร้างรายได้พิเศษให้กับตัวเองโดยไม่ผิดกฎหมายและไม่ใช่เป็นการบิดเบือนข้อมูล แถมรายได้งามอีกตะหากเขาจะปฏิเสธทำไมเล่า นี่ก็เป็นการเดินเกมอีกแบบหนึ่งจากฝั่งรัสเซียอ่ะนะ
    The Eyes
    23/03/2558
    ----------
    Thank the Sanctions: West Admits That Russia Copes, Keeps Walking. Fast / Sputnik International
    Russian Inflation for 2015 Projected at 11-12% - Russian Finance Minister / Sputnik International
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อเมริกาพลิกลิ้นส่ง IMF กับ World Bank อ้อนจีนขอมีหุ้นในธนาคาร AIIB ร่วมกับจีนและชาติอื่นๆด้วย

    [​IMG]

    -------------
    อิโธ่!... ก็นึกว่าจะแน่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นาง Christine Lagarde บิ๊กบอสของไอเอ็มเอฟ ออกมาแสดงท่าทีว่าอยากจะมีเอี่ยวในธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเอเซีย (AIIB) ที่นำโดยจีนบ้าง หลังจากที่ตอนแรกสหรัฐฯไม่เห็นด้วยกับที่กลุ่มประเทศมหาอำนาจในอียูจะมาร่วมมือกับจีน
    ตอนแรกสหรัฐฯทำเป็นออกมาเตือนอังกฤษว่าคิดให้ดีนะที่จะร่วมหุ้นในธนาคาร AIIB กับจีนหนะ อังกฤษก็ไม่สนใจคำพูดของสหรัฐฯ ตัดสินใจเข้าร่วม AIIB กับจีนและชาติอื่นๆอีก 20 กว่าประเทศ ต่อมาชาติมหาอำนาจอื่นๆในยุโรปก็เอาอย่างอังกฤษบ้าง ฝรั่งเศส เยอรมันนี อิตาลี ลักเซมเบิร์ก ล่าสุดสวิทเซอร์แลนด์ก็ขอเข้าร่วมกับ AIIB ด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้ทางออสเตรเลียก็มีท่าทีว่าอยากจะเข้าร่วมด้วยเช่นกันแต่พอถูกอเมริกาเบรกก็บอกว่าไม่เอาด้วย แต่หลังจากที่เห็นพันธมิตรในยุโรปเข้าร่วมมากขึ้น ออสเตรเลียเริ่มเปลี่ยนใจอีกแล้ว บอกว่าจะขอเข้าร่วมหุ้นในธนาคาร AIIB กับชาติอื่นๆด้วย ไม่สนคำขู่ของสหรัฐฯอีกต่อไปเพราะมีเพื่อนมาร่วมกันเยอะพอสมควร
    สหรัฐฯคิดว่าท่าจะไม่ดีแน่ ห้ามเท่าไรพวกยุโรปก็ไม่ฟัง งั้นเปลี่ยนแผนใหม่ดีกว่า แทนที่จะห้ามคนอื่นไม่ให้เข้าไปร่วมมือกับจีน ก็ส่งบอส IMF มาขอเจรจาง้อจีนว่าอยากจะขอเข้ามามีหุ้นใน AIIB ด้วยซะงั้น โดยข้อความบางตอนของนาง Christine Lagarde ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อฯที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ว่า
    "เราขอแสดงความยินดีกับการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเอเซียกับจีน เราเชื่อว่าจีนมีเหตุผลที่เพียงพอในการจัดตั้งสถาบันการเงินอเนกประสงค์อย่างนั้น (แหงสิ... ถ้าไม่มีเหตุผลจะตั้งทำไมหละ เหตุผลก็เพื่อคานอำนาจสหรัฐฯไง) ฉันจะยินดีมากหาก IMF สามารถจัดสรรเงินทุนเพื่อก่อตั้งในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แต่ IMF มีหน้าที่อย่างอื่น ดังนั้นเราจึงยินดีเป็นอย่างมากที่จะให้ความร่วมมือกับ AIIB"
    โฮ่ๆๆๆ…. "ฉันจะยินดีมาก..." พูดออกมาได้ ช่างกล้าน้อ... จะยินดีหรือไม่ก็เรื่องของหล่อนสิ จีนกับสมาชิก AIIB คนอื่นๆ เขาสนใจซะที่ไหนหละ สุดท้ายก็กลัวจะเสียโอกาสนี่เอง อยากจะส่งคนของตนเข้ามาแทรกแซงใน AIIB ให้ได้ด้วยว่างั้นเถอะ ถ้าจีนเขาสนใจสหรัฐฯแต่แรก เขาก็คงจะเชิญสหรัฐฯเข้าร่วมในโครงการนี้ตั้งแต่แรกแล้วหละ แต่ที่เขาไม่ชวนนี้ ก็ให้เข้าใจเถอะว่าเขาไม่ต้องการให้สหรัฐฯเข้าร่วมด้วย เพราะเขาต้องการจะฆ่าดอลล่าให้ตาย จุดนี้ชาติอียูรู้ดี จึงเห็นด้วยที่จีนลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ต่อกรกับอเมริกา เพราะอียูถูกสหรัฐฯกดขี่มานานแล้ว
    เดิมทีจีนกับรัสเซียกะว่าการรวมกลุ่มกับก่อตั้ง BRICS กะว่าจะเป็นที่ฮือฮาได้รับความสนใจมาก แต่ผลไม่ค่อยเป็นที่น่าประทับใจเท่าไร ดังนั้นจีนจึงขยับหมากที่สอง ด้วยการตั้ง AIIB ขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง ครั้งนี้สามารถดึงประเทศต่างๆทั้งในเอเซียและยุโรปให้มาร่วมได้มากเกินคาด แม้กระทั่งสหรัฐฯเองยังอดใจไว้ไม่ได้ แต่จีนจะใจอ่อนหรือไม่นั้นก็ต้องรอดูต่อไปครับผม
    The Eyes
    23/03/2558
    ----------
    IMF Chief Lagarde 'Delighted' to Work With Beijing's Development Bank / Sputnik International
    http://rt.com/bus…/242897-switzerland-luxembourg-aiib-china/
    Defying US Warning, Australia Close to Joining China’s Alternative to IMF / Sputnik International
    IMF Welcomes China-Led Asian Infrastructure Investment Bank / Sputnik International
    Europe Gets ‘Foot in The Door’ in Asia by Joining AIIB / Sputnik International
    Key EU Countries Join China-Backed Bank Despite US Protests / Sputnik International
    Europe Not Afraid to Defy US in Asian Adventure / Sputnik International
    http://en.wikipedia.org/…/Asian_Infrastructure_Investment_B…
    สหรัฐวอนจีนให้ 'ไอเอ็มเอฟ-เวิลด์แบงก์' ร่วมทุนธนาคาร | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียประกาศจะเริ่มสายการผลิตเครื่องบินรบรุ่นที่5 T-50 ในปีหน้า

    [​IMG]

    -------------------
    ช่วงนี้รัสเซียเน้นโปรโมทอาวุธและเครื่องบินรบรุ่นใหม่เป็นพิเศษ ตั้งแต่เรือรบ เรือทำน้ำ เฮลิคอปเตอร์โจมตี เครื่องบินรบ มีมาเรื่อยๆ แข่งกับสหรัฐฯและตะวันตก เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมาก็เอาข้อมูลเกี่ยวกับความบกพร่องต่างๆของเครื่องบินรบสเตลธ์รุ่นที่ 5 อย่าง F-35 ของฝั่งสหรัฐฯออกมาแฉว่ามันมีข้อบกพร่องอยู่หลายอย่าง ยังไม่รู้ผีรู้คนว่าจะสามารถเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้จริงๆเมื่อไร อัดงบประมาณเข้าไปเท่าไรก็ยังไม่พอสักที
    ต่อมาวันที่ 23 มี.ค. 58 นาย Dmitry Rogozin รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ก็ออกมาคุยอีกว่าเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบบจู่โจม รุ่น Kamov Ka-52 "Alligator" ของรัสเซียถือว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์รบที่เจ๋งที่สุดในโลกในตอนนี้ บอกได้เลยว่ามันเป็นรถถังบินได้ดีๆนี่เองหลังจากที่ทำการทดสอบบินด้วยตัวเอง Ka-52 เป็นเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนและต่อสู้รุ่นใหม่ออกแบบมาเพื่อทำลายรถถังโดยเฉพาะ สามารถโจมตีเป้าหมายทั้งภาคพื้นดินและในอากาศได้ Ka-52 พัฒนามาจากรุ่น Ka-50 "Black Shark" ที่มีที่นั่งเดียว ลูกค้าบอกว่าการมีที่นั่งเดียวนั้นเป็นทำให้นักบินมีภาระมากเกินไปจึงขอให้เพิ่มที่นั่งเข้าไปอีก1 เป็นสองที่นั่ง จึงได้กำเนิด Ka-52 ขึ้นมา ตอนนี้มีออร์เดอร์มาแล้ว 146 ลำคาดว่าจะสามารถผลิตและส่งมอบได้ทั้งหมดภายในปี 2020
    ส่วนการโปรโมทเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 PAK FA T-50 ของรัสเซียนี้มีบ่อยมาก รุ่นนี้เป็นโครงการพัฒนาร่วมกันระหว่างรัสเซียกับอินเดีย โดยรัสเซียจะผลิตรุ่นที่นั่งเดียวคือ PAK FA T-50 ซึ่งจะเริ่มสายการการผลิตได้ในปีหน้า (2016) ส่วนรุ่นที่จะผลิตให้อินเดียนั้นเป็นรุ่นมีที่นั่งนักบิน 2 ที่เรียกว่า "FGFA" ตามข้อตกลงนั้นทางรัสเซียจะต้องผลิตเครื่องบินรบรุ่นนี้จำนวนหนึ่งให้อินเดียก่อน จากนั้นก็ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับเครื่องบินรุ่นนี้ให้อินเดียด้วย แล้วทางอินเดียก็จะนำไปผลิตเอง
    T-50 นี้พัฒนามาจาก MiG-29 และ Su-27 ของกองทัพอากาศรัสเซีย ถือว่าเป็นคู่ปรับตัวสำคัญระหว่าง F-22 และ F-35 ของสหรัฐฯ และ J-20 ของจีนก็ว่าได้ ส่วนเรื่องราคานั้นถูกกว่าของฝั่งสหรัฐฯเยอะทั้งเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์เลย กองทัพไทยน่าจะหามาใช้บ้างก็ดีนะ ลดการพึ่งพาสหรัฐฯลงบ้าง ถ้าอยากได้ในราคาพิเศษหรืออยากได้เทคโนโลยีดีๆอย่างนี้มาใช้บ้างต่อไปเราก็คงจะต้องดำเนินแผนแบบอินเดียแล้วหละ ซึ่งประเทศอื่นๆในยุโรปหลายประเทศก็ร่วมมือกับสหรัฐฯผลิตทั้งเครื่องบินรบและอาวุธต่างๆ ร่วมกันนะ ขนาดเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียก็ยังมีอิสราเอลมาร่วมหุ้นด้วยเลย
    The Eyes
    24/03/2558
    -----------
    Russia to Begin Serial Production of 5th Generation T-50 Fighters in 2016 / Sputnik International
    Pandora’s Box: Pentagon Sums Up F-35’s Many Malfunctions / Sputnik International
    Russian Deputy PM Says Country's Combat Helicopters Are the Best / Sputnik International
    16 Ka-52 Helicopter Gunships to Join Russian Air Force in 2015 / Sputnik International
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ผอ.ซีไอเอโกรธจัดที่อิหร่านช่วยอิรัคปราบผู้ก่อการร้ายไอซิสในตะวันออกกลาง

    [​IMG]

    -------------------
    มาดูการเดินเกมของสหรัฐฯ กรณีอิหร่านบ้างครับ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯปลดอิหร่านออกจากรายชื่อผู้สนันสนุนการก่อการร้ายในตะวันออกกลาง แต่ยังคงให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อสรัฐฯเช่นเดียวกันเวเนซูเอลา รัสเซีย จีน และอีกหลายประเทศดังที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้ว ส่วนเรื่องการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านร่วมกับ P5+1 นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวกกับทุกฝ่าย กล่าวคืออิหร่านยอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อให้ประเทศของตัวเองมีโอกาสฟื้นฟูและพัฒนาด้านเศรษฐกิจบ้างตามคำแนะนำของจีน การที่อิหร่านยอมลดความแข็งกร้าวลงแบบนี้ทำให้ฝ่ายรีพับริกันของอเมริกาไม่ชอบใจ และการที่โอบามามีท่าทีที่เป็นมิตรกับอิหร่านมาขึ้นก็ทำให้บีบี้แห่งอิสราเอลไม่พอในดิโมแครทเช่นกัน ที่รีพับริกันและบีบี้ไม่พอใจนั้นก็เพราะว่าหมดโอกาสที่จะสร้างสงครามกับอิหร่านอย่างที่เคยถล่มอิรัคมาแล้วนะสิ
    ตอนแรกที่สหรัฐฯและพันธมิตรพากันยกทัพไปถล่มอิรัคก็อ้างว่าเพื่อปราบปรามซัดดัม ฮุสเซน พอซัดดัมตายแล้วมีไอซิสโผล่ขึ้นมาแทน แล้วก็จะถล่มอิรัคอีกรอบโดยอ้างว่าจะปราบปรามไอซิส แต่ทั้งอิรัค อิหร่าน รัสเซีย และจีนต่างก็รู้ว่าจริงๆแล้วไอซิสพวกนั้นเป็นคนของใคร พอใกล้จะปราบไอซิสได้ อเมริกาก็ถอยทัพและหยุดเอาดื้อๆซะงั้น ปล่อยให้อิรัคสู้ตามลำพัง ก็ไม่ไหวสิอิรัคก็เลยไปขอความช่วยเหลือทั้งด้านอาวุธและกำลังพลจากอิหร่าน ทางอิหร่านก็ชวนกลุ่มฮิชบอลเลาะห์ในเลบานอนมาร่วมมือกับทองทัพอิรัคไล่เตะก้นไอซิสซะกระเจิง รุกคืบยึดเมืองคืนจากไอซิสได้หลายเมือง
    สหรัฐฯเริ่มไม่พอใจที่พวกตะวันออกลางมารวมกันเป็นกองกำลังผสมปราบปรามไอซิสได้อย่างนี้ ก็หาทางทำลายความสามัคคีของพวกเขาโดยพยายามพูดให้อิรัคกับอิหร่านระแวงกันเอง แต่ก็ไม่เป็นผล กองกำลังผสมยังเดินหน้าถล่มไอซิสไปเรื่อยๆ สหรัฐฯไม่รู้จะทำอย่างไร ส่งผอ.ซีไอเอออกมาลุยเองเลยงานนี้
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ที่ผ่านมา นาย John Brennan ผอ.ซีไอเอของสหรัฐฯออกมาพูดผ่านสื่อฯว่า "สหรัฐฯมีภาระกิจทั่วโลกที่จะหยุดอิหร่านจากการทำให้เกิดความวุ่นวายในภูมิภาค" นี่เขาพูดถึงกรณีอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน จอห์น เบรนแนนก ผอ.ซีไอเอ กล่าวกับสำนักข่าว Fox News (รีพับริกัน) ว่า "โครงการนิวเคลียร์ (ของอิหร่าน) เป็นหนึ่งโครงการที่เราหวังว่าจะหยุดมันได้ แต่เรายังคงเห็นว่าอิหร่านเป็นผู้ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย" เออ… ทั้งๆที่รัฐบาลของนายโอบามาและสภาครองเกรสได้ปลดอิหร่านออกการเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้ายแล้วนี่นะ? งงกะอเมริกาจริงๆนะนี่
    ผอ.ซีไอเอยังแสดงความไม่พอใจกรณีที่อิรัคยกย่องนายพล Qassem Soleimani ของกองทัพอิหร่านที่ช่วยอิรัคต่อสู้กับไอซิสอีก โดยสื่อฯฝั่งรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "ผอ.ซีไอเอคลั่งหนัก (mad) ที่นายพลอิหร่านต่อสู้กับไอซิลในอิรัค"
    ทางอิรัคกล่าวยกย่องอิหร่านว่า "หากไม่ใช่เพราะความร่วมมือของรัฐอิสลามของอิหร่านและนายพล Solimani วันนี้เราคงไม่มีรัฐบาลที่นำโดย Haider al-Abadi ในกรุงแบกแดดแน่นอน"
    พอได้ยินแค่นี้แหละ ผอ.ซีไอเอถึงกับแทบคลั่งในทันที โดยแบรนแนนออกมาเรียกนายพล Soleimani ของอิหร่านว่าเป็นคน "ก้าวร้าวและดุดัน" พร้อมกับทำทีเป็นแสดงถึงความกังวลว่ากองทัพและรัฐบาลอิหร่านอาจจะแสร้งทำเป็นมิตรกับอิรัค แล้วอาจจะหันกลับมาโจมตีชาวซุนนีและชาวเคิร์ดในภายหลังก็ได้ ว้าว! ไอ้ที่พูดมาหนะหมายถึงตัวเองทั้งนั้นเลยหรือเปล่า? พวกนี้ฉลาดและเก่งในการใช้คำพูดที่ทำให้ตัวเองดูดีและโยนความผิดให้คนอื่นเสมอ พฤติกรรมแบบนี้เจอเยอะมากในนักการเมืองสหรัฐฯ และในสื่อฯฝั่งตะวันตก ต่อมาก็ที่ยูเครนโดยเฉพาะโปโรเชนโก้ แนวเดียวกันเลย คนพวกนี้เขาจบมาจากสถาบันเดียวกันหรือเปล่านี่?
    แบรนแนนพูดว่า "เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขา (อิหร่าน) เล่นบทบาทนั้น ผมคิดว่าพวกเขากำลังร่วมมือกับอิรัคเพื่อเล่นบทบาทนั้น เรากำลังทำงานร่วมกับทางอิรัคเช่นเดียวกัน" นั่นแหละคือธาตุแท้ของอเมริกา
    The Eyes
    24/03/2558
    -----------
    CIA Director Mad That Iranian General Fights Against ISIL in Iraq / Sputnik International
    United States to Continue Pressure on Iran After Ending Nuclear Talks / Sputnik International
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    26. ยุคสุดท้าย (End Time)
    ภาพมุมกล้องพิสดารทำให้โอบามาดูเหมือนว่าถูกสวมเขาให้เป็นอัศวินแทมปล้าร์เพื่อก่อสงครามครูเสดของศตวรรษที่21
    ภาพนี้ที่ตีพิมพ์ในThe New York Times ในบทความชื่อว่าObama Can Stand Up to Enemies Like ISIS, But Finding Allies Is the Real Challenge เขียนโดยBenjamin Wallace-Wellsและตีพิมพ์วันที่10 กันยายน 2014 เป็นภาพโอบามาแถลงข่าวว่าจะทำสงครามด้วยการจะส่งเครื่องบินรบเข้าไปถล่มISISในซีเรีย
    จะเป็นมุมกล้อง หรือการจงใจก็ตาม เห็นได้ชัดเจนว่าโอบามาถูกสวมเขา ให้สวมบทบาทเป็นBaphomet ซึ่งเป็นปีศาจ หรือซาตานในรูปแบบหนึ่งนอกศาสนาคริสต์ Baphomet ซึ่งเป็นเทพที่พวกอัศวินแทมปล้าร์ Knights Templarที่ทำสงครามครูเสดแอบนับถือบูชาอย่างลับๆตั้งแต่สมัยกลาง
    เชื่อกันว่าพวกKnight Templars เป็นเจ้าของระบบการเงินโลกในปัจจุบันรวมทั้งUS Federal Reserve พวกนี้ตามหาจอกศักสิทธิ์ของพระเยซู (the Holy Grail) หรือจอกที่บรรจุเหล้าองุ่นที่พระเยซูดื่มเป็นครั้งสุดท้าย ถือว่าเป็นสมบัติที่สูงสุดของชาวคริสต์ แต่ความจริงแล้ว The Holy GrailของพวกKnight Templarsคือความสามารถในการคุมระบบการเงินโลก และทำได้สำเร็จผ่านการคุมBank for International Settlements, US Federal Reserve, European Central Bank, IMF, World Bank รวมทั้งแบงค์ยักษ์ของWall Streetและยุโรป และธุรกิจต่างๆ
    การที่โอบามาถูกสวมเขาให้รับบทเป็นBaphomet หมายความว่าทำเนียบขาวถูกแทรกซึมไปนานแล้ว โอบามาถูกกำหนดให้เป็นผู้นำของอัศวินแทมปล้าร์ที่กำลังจะก่อสงครามครูเสดสมัยใหม่ของศตวรรษที่21ในยุคสุดท้าย เพื่อวาระโลกใหม่นั่นเอง
    thanong
    23/3/2015
    Benjamin Wallace-Wells - Archive
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    27. ยุคสุดท้าย (End Time)
    โป๊ปฟรานซิสได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆนี้ว่า พระองค์มีความรู้สึกว่าจะอยู่ในตำแหน่งโป๊ปอีกไม่นาน พระเจ้าอาจจะต้องการให้พระองค์ทำงานในระยะเวลาเพียงสั้นๆเท่านั้น
    คำสัมภาษณ์ของโป๊ปเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ คล้ายกับว่ามีการเตรียมศาสนจักรให้เข้าสู่ยุคสุดท้าย ก่อนหน้าโป๊ปฟรานซิส โป๊ปเบเนดิกท์ ที่16ก็อยู่ในตำแหน่งไม่ครบวาระตลอดชีพ
    สงครามโลกครั้งที่1เป็นการเตรียมตัวยิวบุญธรรมให้ได้บ้านใหม่
    สงครามโลกครั้งที่2เป็นการเตรียมบ้านให้ยิวบุญธรรมกลับเข้าไปอยู่ สงครามในยุคสุดท้ายจะเป็นสงครามล้างโลกอาร์มาเกดดอนเพื่อจะนำไปสู่การสร้างวิหารโซโลมอนให้พวกอัศวินแห่งพระวิหารที่กำลังเตรียมตัวฟื้นคืนชีพหลังจากกบดานมานานถึง700ปี
    ในเดือนพฤษภาคมปี2014 โป๊ปฟรานซิสได้ไปเยือนเยรูซาเลม และได้ขึ้นไปเขาพระวิหาร ที่สำคัญคือพระองค์ได้ดูแบบจำลองของวิหารโซโลมอนแห่งที่3ที่มีการวางแผนจะสร้าง แต่จะสร้างวิหารโซโลมอนได้ Dome on the Rockต้องไม่มีอยู่บนเขาพระวิหารอีกต่อไป ไม่ว่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหว หรือถูกลูกหลงถล่มจากสงครามตะวันออกกลางก็ตาม
    ภาระกิจสำคัญกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างระทึกใจ
    พวกยิวมีการเตรียมโต๊ะเครื่องหมู่บูชา ข้างของเครื่องใช้ เสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ เพราะว่าหลังจากที่วิหารโซโลมอนได้สร้างเสร็จแล้ว สามารถเข้าไปประกอบพิธีได้ทันที
    นายเบนจามิน เนธันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลได้ประกาศก่อนการชนะเลือกตั้งในวันที่16 มีนาคม 2015 ว่าถ้าเขาชนะการเลือกตั้ง (ซึ่งเขาชนะจริง) เขาจะไม่ยอมให้มีรัฐปาเลสไตน์เป็นอันขาด จะมีเพียงรัฐยิวเพียงรัฐเดียวในดินแดนปาเลสไตน์ โดยชาวปาเลสไตน์จะกลายเป็นชนกลุ่มน้อย
    แต่ประเด็นที่ซ่อนอยู่คือ นายเนธันยาฮูต้องการยึดทุกอย่างในดินแดนปาเลสไตน์เป็นของยิว รวมทั้งเขาพระวิหาร ตอนนี้Dome on the Rockและเขาพระวิหารอยู่ในการดูแลของจอร์แดนและปาเลสไตน์ ยิวจะยึดเขาพระวิหารได้ ต้องให้ชาวปาเลสไตนไม่มีตัวตนหลงเหลืออยู่
    เข้าใจกันว่ารัฐบาลของนายเนธันยาฮูน่าจะส่งมอบเขาพระวิหารให้โรมอย่างลับเรียบร้อยแล้วในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยที่ทั้งชาวยิวและชาวมุสลิมไม่รู้ หรือที่รู้จะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากถึงขั้นจราจลเกิดสงครามได้

    [​IMG]

    ตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ลในยุคสุดท้ายจะกินเวลา7ปี (7 years of tribulation) จะเกิดอาเพทและภัยวิบัติต่างๆต่อมนุษย์ ในกึ่งกลางของยุคสุดท้าย7ปีนี้ ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้า (Anti-Christ)จะปรากฎตัวขึ้นเพื่อกลับไปยังวิหาร และหลังจากนั้นพระเจ้าจะกลับมาเพื่อนำทัพเข้าสู่สงครามอาร์มาเกดดอนและประกาศชัยชนะต่อโลกทั้งปวง
    ถ้าถือว่าปี2014ที่ส่งมอบเขาพระวิหารเป็นปีแรกของ7ปีแห่งความทุกข์ทรมาน ยากแค้นในยุคสุดท้าย ปีสิ้นสุดของยุคสุดท้ายคือปี2020 โดยที่ในช่วงกึ่งกลางของ7ปีนี้คือปี2017 จะมีการสร้างวิหารโซโลมอนแห่งที่3 และทรราชย์โลก (Tyrant) จะปรากฎตัวในวิหารโซโลมอน หลังจากนั้นพระเจ้าจะกลับมานำทัพในสงครามล้างโลกอาร์มาเกดดอน
    แล้วทรราชย์โลกผู้นั้นเป็นใคร?
    thanong23/3/2015
    http://thesechristiantimes.com/…/the-last-pope-and-the-com…/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    28. ยุคสุดท้าย (End Time)
    ไม่มีใครรู้ว่าทรราชย์โลกที่เรียกกันว่าAnti-Christ (ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้า)เป็นใคร แน่นอนยังไม่ถึงเวลาย่อมต้องยังไม่ปรากฎตัว ที่ผ่านมามีการคาดการณ์ไปต่างๆนาๆว่าผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้าคือโอบามา หรือโป๊ปแห่งโรม เพราะว่าชาวโปรเตสแตนท์ตั้งแต่สมัยMartin Lutherแล้วถือว่าโป๊ปแห่งโรมคือปฏิปักษ์ต่อพระเจ้า
    เรื่องนี้ต้องให้คนวงในช่วยอธิบาย ศาสดาจารย์Giuliano di Bernardoและสมาชิกคนสำคัญของพวกสมาคมลับฟรีเมสัน ได้ทำนายว่าการมาถึงของทรราชย์อิลลูมินาติจะเป็นทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤติโลกในปัจจุบัน ศาสดาจารย์คนนี้ปัจจุบันสอนหนังสือวิชาปรัชญาวิทยาศาสตร์อยู่ที่มหาวิทยาลัยTrento
    ในหนังสือ "Human knowledge. From Physics to sociology and religion" เขาเขียนว่ามนุษยชาติกำลังเจอภัยอันตรายที่จะไปสู่จุดจบของการทำลายตัวเอง เขาให้สัมภาษณ์ว่าประชาธิปไตยเป็นรูปแบบของรัฐบาลอย่างหนึ่ง ซึ่งดูดีในทางทฤษฎี แต่ถ้าพิจารณาให้ดีๆตอนนี้ประชาธิปไตยกำลังเผชิญหน้ากับความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ซึ่งเราเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง
    และเราจะแก้ทางตันนี้ได้อย่างไร?
    คำตอบในหนังสือของBernardoคือจะต้องมีทรราชย์โลก (Tyrant) ที่เห็นแจ้งแล้วก้าวออกมากอบกู้โลก เรากำลังมุ่งสู่ธรรมาภิบาลโลก และประชาธิปไตยไม่สามารถสนับสนุนการมาถึงของทรราชย์โลก
    ในสมัยโบราณ มนุษย์เราอยู่ได้ด้วยสังคมที่รู้กันเฉพาะ และสังคมที่รู้กันเฉพาะนี้สามารถรองรับการมาถึงของทรราชย์ เราต้องการอะไรที่เข้มแข็งกว่าแต่ก่อน เพราะว่าเขาจะไม่เพียงนำโดยเหตุผล เหมือนในอดีต แต่จะนำด้วยปัญญา
    มีบุคคลใดในโลกตอนนี้ที่มีคุณสมบัติครบที่จะเป็นทรราชย์ที่รู้แจ้ง(อิลลูมิเนติ)ในอนาคต?
    ไม่มีเลยในปัจจุบัน ตอนนี้เราอยู่ในประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ซึ่งกำลังเสื่อมลงไปเป็นความวุ่นวายไร้ระเบียบ และความวุ่นวายไร้ระเบียบนี้จะเป็นเงื่อนไขทางอิลลูมินาติสำหรับการมาถึงของทรราชย์ ขบวนการนี้จะจบลงในอนาคต
    และเราจะเลือกทรราชย์นี้ได้อย่างไร?
    เราจะทำการเลือกผ่านปัญญา และประชาคมของประชาชน ที่มาจากคณะอิลลูมินาติต่างๆ หรือแวดวงลับที่รู้กันเฉพาะ การแสดงออกนี้หรือทรราชย์อิลลูมิเนติจะถูกจุดโดยประชาคมที่เห็นแจ้งเหมือนที่มีอยู่ในอดีต และตอนนี้ก็มีอยู่และจะยังคงดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต พวกเขาจะเสนอทรราชย์ ซึ่งจะถูกจุดประกายความสว่าง
    thanong
    23/3/2015
    Professor and mason Giuliano di Bernardo predicts the coming of the Illuminati Tyrant, as a solution to the actual crisis
    http://adevarul.ro/…/giuliano-di-bernardo-profes…/index.html
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    29. ยุคสุดท้าย (End Time)
    ศาสนาของโลกต่อไปจะถือกำเนิดภายใต้ทรราชย์อิลลูมิเนติ ผู้ซึ่งจะก้าวออกมาเพื่อเป็นทางออกให้กับโลก ท่ามกลางความล้มเหลวของมนุษยชาติในการหาทางออกหรือแก้ปัญหาประชาธิปไตยที่เสื่อมลงจนกลายเป็นความไร้ระเบียบวุ่นวาย อันนำไปสู่สงครามโลก
    ทรราชย์โลกจะเป็นผู้รวบรวมศาสนาต่างๆให้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน (One World Relgion) ไม่ว่าจะเป็นแคทอลิก โปรเตสแตนท์ อิสลาม ลัทธิไซออนนิสท์ หรือโทราห์ โดยศูนย์กลางจะอยู่ที่เยรูซาเลม
    การล่มสลายของระบบการเงินโลกจะนำไปสู่เงินสกุลโลก (One World Currency) ซึ่งอาจจะเป็นเงินดิจิตัล ตอนนี้มีเริ่มมีการใช้แพร่หลายแล้ว ผ่านธนาคารกลางโลก (One World Central Bank)
    ไม่จำเป็นต้องมีประเทศชาติหรือเขตแดนอีกต่อไป เพราะว่าโลกจะถูกปกครองโดยทรราชย์โลกภายใต้รัฐบาลเดียว (One World Government)
    อัศวินมืดกำลังเตรียมตัวก้าวออกมาจากหลุมหลังจากกบดานมานานเพื่อรับการเลือกให้เป็นทรราชย์โลก (Tyrant) และเป็นทางออกให้โลกใหม่ ที่จะเกิดใหม่หลังจากการล่มสลายของยุคสุดท้าย ขบวนการนี้ได้เริ่มต้นไปแล้ว
    thanong
    23/3/2015
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝรั่งเศสชี้ก่อการร้าย “ภัยถาวร” ของแดนน้ำหอม หวั่นอัลกออิดะห์ - IS แข่งกันโจมตี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2558 00:02 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 09:20 น.)

    [​IMG]
    @ทหารฝรั่งเศสประจำการรักษาความปลอดภัยที่หอไอเฟล

    เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝรั่งเศส ระบุ ภัยคุกคามที่แดนน้ำหอมอาจถูกนักรบญิฮัดโจมตี ขณะนี้อยู่ในระดับสูงลิ่ว “อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน” และเป็น “ภัยถาวร” พร้อมทั้งชี้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหลีกไม่ให้เกิดการโจมตีครั้งใหม่ๆ ขึ้นมาเลย เนื่องจากผู้ก่อการร้ายสมัยนี้มีเทคนิคซุกซ่อนอำพรางอย่างซับซ้อน แถมยังมีข้อน่าเป็นห่วงคือ การแข่งขันทำลายล้างกันระหว่างพวกอิสลามิสต์สุดโต่งกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะระหว่าง อัล-กออิดะห์ กับ กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส)

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส ที่ไม่ประสงค์ออกนามบอกกับเอเอฟพี ว่า การโจมตีของนักรบญิฮัดถือเป็นภัยคุกคามชนิดยั่งยืนถาวร

    “ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่ไม่มีการแจ้งเตือน การค้นพบเครือข่ายซึ่งพยายามส่งคนไปซีเรีย หรือ อิรัก หรือการเข้าแทรกแซงของหน่วยงานความมั่นคง นอกจากนั้น จำนวนเป้าหมายที่จะต้องจับตาก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสัก 2,000 ถึง 3,000 คน หรืออาจจะสูงถึง 4,000 คนทีเดียว พวกที่ถูกระบุหรือถูกสงสัยว่ามีเจตนารมณ์ชั่วร้ายนี่”

    แหล่งข่าวคนเดิมเพิ่มเติมว่า หลายคนในจำนวนนี้ไม่ใช่มือสมัครเล่น แต่เป็นมืออาชีพและมีการศึกษาสูง

    ทางด้านพวกผู้เชี่ยวชาญในกระทรวงกลาโหมแดนน้ำหอม ขานรับว่า นักรบญิฮัดใช้เทคนิคการเข้ารหัสและการอำพรางตน ทำให้หน่วยข่าวกรองได้แต่เล่นเกมแมวไล่จับหนู

    “ทุกครั้งที่ได้เบาะแสเครือข่ายผู้ต้องสงสัย เราจะพบว่าคนเหล่านั้นใช้ซิมการ์ด 7 - 8 ซิม เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และพวกที่ฉลาดที่สุดจะไม่ใช้โทรศัพท์เลย แต่ใช้คนแจ้งข่าวแทน”

    ประเด็นที่ปารีสกังวลที่สุด คือ กลุ่มคนราว 200 คน ที่กลับจากไปฝึกหรือสู้รบในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย

    แม้บุคคลเหล่านี้อยู่ภายใต้การติดตามอย่างเข้มงวดที่สุดของหน่วยข่าวกรอง แต่ด้วยทรัพยากรที่มีจำกัด และข้อเท็จจริงที่เจ้าหน้าที่เองก็รับรู้ว่า นักรบหัวรุนแรงสามารถซุ่มรอนานหลายปีกว่าจะออกมาก่อเหตุ ดังเช่น กรณีพี่น้องคูอาชี ที่โจมตีกองบรรณาธิการนิตยสารชาร์ลี เอ็บโด ในปารีส เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

    พี่น้องคู่นี้มีสายสัมพันธ์กับเครือข่ายนักรบญิฮัดในปารีสมายาวนาน โดยคนหนึ่งนั้นเคยเดินทางไปฝึกที่เยเมนก่อนกลับสู่ฝรั่งเศสในปี 2011 แต่เนื่องจากตลอดหลายปีมานี้ไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัยใดๆ สองพี่น้องจึงค่อยๆ เล็ดรอดจากเรดาร์การติดตามของหน่วยงานความมั่นคง

    เจ้าหน้าที่แดนน้ำหอม ยังกลัวว่า การแข่งขันระหว่างกลุ่มก่อการร้ายจะทำให้การโจมตีมีความรุนแรงมากขึ้น

    “อัล-กออิดะห์ จำเป็นต้องกู้ชื่อและพยายามตามให้ทันไอเอสในแง่ปฏิบัติการที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่”

    เจ้าหน้าที่ผู้นี้ยังเน้นย้ำภัยคุกคามจากกลุ่มย่อยของอัล-กออิดะห์ ที่ชื่อว่า โคราซาน ที่เชื่อกันว่า กำลังวางแผนโจมตีสายการบินครั้งใหญ่

    หนึ่งในสมาชิกสำคัญของโคราซาน คือ เดวิด ดรูเจียน ผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดของฝรั่งเศสที่เชื่อว่า รอดชีวิตจากการโจมตีของโดรนอเมริกันเมื่อปีที่แล้ว

    เจ้าหน้าที่ระบุว่า อันตรายจากดรูเจียนนั้น เปรียบเทียบกับภัยคุกคามของไอเอส ก็อยู่ในคนละลักษณะ โดยภัยจากไอเอสอยู่ในสภาพของการคุกคามทางการทหารตามแบบแผนมากกว่า โดยที่จะมีการดำเนินการฝึกอบรมหน่วยคอมมานโด และจากนั้นก็ส่งคอมมานโดเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่ของเราพร้อมอาวุธคุณภาพสูง

    นับจากเหตุโจมตีในปารีสเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 17 ราย ฝรั่งเศสได้ยกระดับการเตือนภัยขึ้นสู่ระดับสูงสุด มีการส่งตำรวจและทหารหลายพันคนเข้าประจำตามพื้นที่อ่อนไหว เช่น สำนักงานใหญ่ของสื่อมวลชนและโบสถ์ยิว กระนั้น เจ้าหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้ายระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวแทบไม่ช่วยป้องกันการโจมตีแต่อย่างใด

    วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19) ระหว่างการแถลงเกี่ยวกับกฎหมายการรักษาความปลอดภัยฉบับใหม่ นายกรัฐมนตรี มานูเอล วาลส์ กล่าวว่า ภัยคุกคามจากนักรบญิฮัด “วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง” โดยมาจากทั้งกลุ่มก่อการร้ายนอกประเทศและบุคคลที่อยู่ในแผ่นดินฝรั่งเศส

    “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า เราไม่รู้ว่าจะมีการโจมตีใหม่ๆ แต่อยู่ที่เราไม่รู้ว่าการโจมตีจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ไหน”

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมัน-ทองคำขึ้นหลังดอลล์อ่อน หุ้นสหรัฐฯทรงตัว
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2558 05:15 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 09:13 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี/เอพี - ราคาน้ำมันปิดบวกเมื่อวันจันทร์ (23 มี.ค.) หลังดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง กลบความกังวลต่อกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นของซาอุดีอาระเบีย ปัจจัยนี้ผลักให้ทองคำขยับขึ้นเช่นกัน ส่วนวอลล์สตรีท ปรับลดในกรอบแคบๆ จับตาการประชุมระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 47.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 55.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในวันจันทร์ (23 มี.ค.) มีขึ้นแม้ว่าก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน นายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย เผยว่า กำลังการผลิตของประเทศเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ จาก 9.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นเกือบ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมีนาคม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาติยักษ์ใหญ่ของกลุ่มโอเปกแห่งนี้ยังคงมีภาระในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด

    อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเป็นตัวล่อชั้นดีให้นักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ เข้าสู่ตลาด เนื่องจากมันทำให้ราคาน้ำมันดิบราคาดอลลาร์มีราคาถูกลง

    ปัจจัยดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ส่งผลกระทบมาถึงตลาดทองคำเช่นกัน โดยโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้เมื่อวันจันทร์ (23 มี.ค.) ปิดบวกเล็กน้อย ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,187.70 ต่อออนซ์

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ (23 มี.ค.) ปิดลบในกรอบแคบ จากการขายทำกำไร หลังดีดขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาแก้วิกฤตหนี้กรีซ

    ดาวโจนส์ ลดลง 11.61 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,116.04 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 3.68 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,104.42 จุด แนสแดค ลดลง 15.45 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,010.97 จุด

    นักลงทุนจับตาโต๊ะหารือในยุโรป ระหว่างผู้นำกรีซและเยอรมนี ในสัญญาณของความคืบหน้าการเจรจาหนี้กรีซ ทั้งนี้ เอเธนส์มีสิทธิ์เผชิญวิกฤตขาดสภาพคล่องเงินสดในอีกไม่กี่สัปดาห์ และในการพูดคุยครั้งนี้พวกเขาจำเป็นต้องได้รับเงินกู้เพิ่มเติม ซึ่งดูแนวโน้มก็มีทิศทางที่ดี หลัง นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ให้คำมั่นว่าจะเปิดรับแผนปฏิรูป ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้เอเธนส์ได้รับเงินช่วยเหลือที่มีความจำเป็นเร่งด่วน

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปธ.จนท.ทำเนียบขาวจี้ “อิสราเอล” เลิกยึดครองดินแดน-เปิดทางตั้ง “รัฐปาเลสไตน์” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2558 09:07 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 09:10 น.)

    [​IMG]
    @เดนนิส แม็คโดนัฟ ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว

    รอยเตอร์ - สหรัฐฯ คาดหวังให้รัฐบาลอิสราเอลชุดใหม่ปลดปล่อย “ดินแดนที่ถูกยึดครอง” มาเกือบ 50 ปี เพื่อเปิดทางไปสู่การจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ เดนิส แม็คโดนัฟ ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว กล่าวต่อสมาคมชาวอเมริกันเชื้อสายยิว เจ - สตรีท เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.)

    แม็คโดนัฟ ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะยังคงปกป้องอิสราเอล พร้อมวิจารณ์นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ที่ประกาศไว้ในช่วงก่อนเลือกตั้ง 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า จะไม่ยอมให้เกิดรัฐปาเลสไตน์ขึ้นโดยเด็ดขาด

    เนทันยาฮู ซึ่งรั้งเก้าอี้นายกฯสมัยที่ 3 ไว้ได้เป็นผลสำเร็จ อยู่ระหว่างเตรียมจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่

    แม็คโดนัฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาใกล้ชิดที่สุดของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ระบุว่า การมี 2 รัฐควบคู่กันคือแนวทางที่ดีที่สุดที่จะรับรองความมั่นคงของอิสราเอลในระยะยาว

    “การยึดครองดินแดนมาเกือบ 50 ปี ควรสิ้นสุดลงเสียที และชาวปาเลสไตน์ต้องมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตและปกครองตนเองในรัฐที่มีอธิปไตย” แม็คโดนัฟ กล่าว

    พื้นที่ฉนวนกาซา เวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งชาวปาเลสไตน์ต้องการจัดตั้งเป็นรัฐใหม่ ถูกอิสราเอลครอบครองไว้ตั้งแต่เกิดสงครามอาหรับ - อิสราเอล เมื่อปี 1967

    “ในท้ายที่สุดเราก็ทราบดีว่า ข้อตกลงสันติภาพควรจะมีหน้าตาอย่างไร พรมแดนอิสราเอลและรัฐเอกราชปาเลสไตน์ควรจะยึดเส้นเขตแดนในปี 1967 ประกอบกับการตกลงแลกเปลี่ยนดินแดนที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบ” แม็คโดนัฟ กล่าว

    หลังจากชนะเลือกตั้งแล้ว เนทันยาฮู พยายามที่จะกลับคำพูดเรื่องไม่เอา 2 รัฐควบคู่กัน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะผลักดันข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ แต่ แม็คโดนัฟ ชี้ว่า วอชิงตันยังไม่สบายใจกับท่าทีของผู้นำยิวอยู่ดี

    “เราคงแสร้งทำเป็นว่าคำพูดเหล่านั้นไม่เคยหลุดออกจากปาก (เนทันยาฮู) ไม่ได้” เขากล่าว

    อีกด้านหนึ่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แมรี ฮาร์ฟ ก็ยอมรับต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลยังไม่มั่นใจจุดยืนของผู้นำอิสราเอล “นายกรัฐมนตรี เนทันยาฮู พูดในสิ่งที่ขัดแย้งกันเองโดยสิ้นเชิง แล้วนโยบายที่แท้จริงคืออะไร”

    “ดิฉันคิดว่า เวลานี้เรายังไม่รู้จะเชื่ออย่างไรดี”

    เจ - สตรีท ซึ่งเป็นสมาคมชาวยิวหัวเสรีที่เห็นด้วยกับการมี 2 รัฐควบคู่กัน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เนทันยาฮู อย่างเผ็ดร้อนที่กลืนคำพูด “ไม่เอารัฐปาเลสไตน์” ที่ตัวเองเคยหาเสียงเอาไว้ก่อนชนะเลือกตั้ง รวมถึงข้อกล่าวหาของ เนทันยาฮู ที่ว่าพวกฝ่ายซ้ายในต่างประเทศพยายามเสี้ยมให้ชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับไปเทคะแนนให้ฝ่ายค้าน

    ผู้นำยิวออกมากล่าวขอโทษชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) หลังถูกนักวิจารณ์ประณามว่าพูดจาเข้าข่ายเหยียดเชื้อชาติ และยังสร้างความกังวลต่อรัฐบาลสหรัฐฯ

    แม็คโดนัฟ ยังปกป้องการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจ P5+1 โดยชี้ว่า เป็นทางออก “ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง และสามารถบรรลุผลได้จริง” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการตอบโต้คำพูดของ ยูวัล สไตนิตซ์ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการยุทธศาสตร์ของอิสราเอล ซึ่งให้สัมภาษณ์ที่กรุงปารีสก่อนหน้านั้นว่า รัฐบาลยิวเชื่อว่าชาติมหาอำนาจกำลังจะทำ “ข้อตกลงเลวร้าย” กับอิหร่าน

    [​IMG]

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้อิเหนาชี้! จีนไม่มี “สิทธิทางกฎหมาย” ในทะเลจีนใต้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มีนาคม 2558 12:05 น. (แก้ไขล่าสุด 23 มีนาคม 2558 17:48 น.)

    [​IMG]
    @โจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย

    รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า หนึ่งในข้ออ้างหลักที่จีนใช้อ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ “ไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายในกฎหมายระหว่างประเทศ” แต่จาการ์ตายังคงต้องการที่จะเป็น “คนกลางที่ยุติธรรม” ในหนึ่งในข้อพิพาททางดินแดนที่มีปัญหามากที่สุดของเอเชีย หนังสือพิมพ์ โยมิอุริ ของญี่ปุ่น รายงาน

    ความคิดเห็นดังกล่าว ซึ่งอยู่ในบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์เมื่อวานนี้ (22) ก่อนหน้าการเยือนญี่ปุ่นและจีนของเขาในสัปดาห์นี้ เป็นครั้งแรกที่ วิโดโด ซึ่งขึ้นสู่อำนาจเมื่อเดือนตุลาคม แสดงจุดยืนในเรื่องข้อพิพาททะเลจีนใต้

    อินโดนีเซีย ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นคนกลางโดยพฤตินัยในกรณีพิพาททางดินแดนระหว่างบรรดาชาติเพื่อนบ้านและแดนมังกรในเรื่องทะเลจีนใต้

    “เราจำเป็นต้องมีสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคงเพื่อสร้างเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเรา” วิโดโด กล่าวในบทสัมภาษณ์ฉบับภาษาอังกฤษที่ตีพิมพ์ในวันนี้ (23)

    “ฉะนั้นเราจึงสนับสนุนกฎเกณฑ์ (ของทะเลจีนใต้) และรวมถึงการเจรจาระหว่างจีน-ญี่ปุ่น และจีน-อาเซียนด้วย”

    แต่ในบทสัมภาษณ์ฉบับภาษาญี่ปุ่นที่ตีพิมพ์เมื่อวานนี้ (22) วิโดโด ไม่ยอมรับข้ออ้างหลักที่ปักกิ่งมีต่อทะเลจีนใต้ โดยเขากล่าวว่า “เส้นประ 9 เส้นที่จีนใช้กำหนดพรมแดนทางทะเลของตนไม่มีพื้นฐานในกฎหมายระหว่างประเทศ”

    ทนายความด้านพรมแดนทางทะเล สังเกตเห็นว่า จีนมักกำหนดขอบเขตกรรมสิทธิ์ของตนโดยอ้างอิงถึงสิ่งที่เรียกกันว่า “เส้นประ 9 เส้น” ซึ่งครอบคลุมราวร้อยละ 90 ของทะเลจีนใต้ที่มีเนื้อที่ 3.5 ล้านตารางกิโลเมตรบนแผนที่จีน

    ผู้นำอิเหนาไม่ได้พูดถึงการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ของจีนโดยรวม แต่เฉพาะเส้นประ 9 เส้นที่กินอาณาเขตลึกลงไปในศูนย์กลางทางทะเลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รีซัล ซุคมา ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของเขา บอกกับรอยเตอร์ในวันนี้ (23)

    วิโดโด ยังยืนยันด้วยว่า เขาและนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ซึ่งเขาจะได้พบในวันนี้ (16) จะร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคง ที่จะครอบคลุมถึง “วิธีที่จะร่วมงานกับ” กองทัพญี่ปุ่น , ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย , ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และความมั่งคงทางไซเบอร์” โยมิอุริ รายงาน

    ญี่ปุ่นได้ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนกับฟิลิปปินส์และเวียดนาม สองประเทศซึ่งขัดแย้งกับจีนมากที่สุดในเรื่องข้อพิพาททางดินแดนในทะเลจีนใต้ ขณะที่ญี่ปุ่นเองก็กำลังมีกรณีพิพาทกับจีนในเรื่องหมู่เกาะร้างในทะเลจีนตะวันออก

    วิโดโด กล่าวด้วยว่า เขาคาดหวังที่จะหารือเรื่องความร่วมมือทางทะเลกับหน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่น “เพราะว่าญี่ปุ่นมีประสบการณ์บริหารจัดการน่านน้ำของตนที่ดี” หนังสือพิมพ์เจ้านี้ รายงาน

    วิโดโด จะไปเยือนจีนในทันทีหลังจากเสร็จสินภารกิจในแดนอาทิตย์อุทัย อินโดนีเซียและจีนมีความสัมพันธ์ทางการทหารที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และจาการ์ตาได้จัดซื้อขีปนาวุธและยุทธภัณฑ์อื่นๆ ที่ผลิตในจีน

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซียประกาศ!! จะหันหัว “มิสไซล์ติดหัวรบนิวเคลียร์” ไปที่เรือรบเดนมาร์กทุกลำ หากแดนโคนมเข้าร่วมนาโต โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มีนาคม 2558 15:48 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – รัสเซียขู่ที่จะใช้มิสไซล์ติดหัวรบนิวเคลียร์จัดการเรือรบเดนมาร์ก หากรัฐบาลเดนมาร์กตัดสินใจเข้าร่วมระบบการป้องกันมิสไซล์ขององค์การนาโต ซึ่งทางเดนมาร์กวิจารณ์ว่า การข่มขู่ครั้งนี้รับไม่ได้ ในขณะที่นาโตกล่าวว่า การแถลงของรัสเซียนั้นไม่ได้ทำให้มีสันติภาพเกิดขึ้น

    เดนมาร์กได้เคยประกาศในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า จะติดตั้งระบบเรดาร์บนเรือรบของตนเพื่อศักยภาพของระบบป้องกันมิสไซล์ ซึ่งพันธมิตรชาติตะวันตกกล่าวว่า เป็นระบบที่ถูกออกแบบเพื่อปกป้องสมาชิกจากประเทศอริ เช่น อิหร่าน

    แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่รับรู้ว่า มอสโกได้ต่อต้านแนวความคิดนี้ โดยอ้างว่า ระบบป้องกันมิสไซล์ของโลกตะวันตกจะทำให้ศักยภาพอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียลดลง และนำไปสู่ยุคสงครามเย็นครั้งใหม่ที่ทำให้เกิดการแข่งขันสะสมอาวุธมากขึ้น

    ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Jyllands-Posten เอกอัคราชทูตรัสเซียประจำเดนมาร์ก มิคาอิล วานิน ( Mikhail Vanin) กล่าวว่า ดูเหมือนเดนมาร์กจะยังไม่เข้าใจถึงผลที่จะตามมาหากเข้าร่วมระบบการป้องกันมิสไซล์ของนาโต “ซึ่งหากเหตุการณ์นั้นเกิดชึ้นจริง เรือรบทุกลำของเดนมาร์กจะเป็นเป้าของอาวุธมิสไซล์ติดหัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซียทันที”วานินให้ความเห็น

    ด้าน Oana Lungescu โฆษกหญิงนาโตกล่าวให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เดนมาร์กถือเป็นชาติพันธมิตรสมาชิกที่ทุ่มเท และนาโตจะปกป้องพันธมิตรจากภัยคุกคามทุกประเภท

    “ทางเราได้ประกาศแน่ชัดก่อนหน้านี้แล้วว่า ระบบป้องกันภัยขีปนาวุธทางอากาศไม่ได้มีเป้าหมายที่รัสเซีย หรือ ประเทศใด แต่มีไว้เพื่อป้องกันภัยจากขีปนาวุธ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้น นานแล้ว แต่ทว่าเราแปลกใจในระยะเวลาที่ประจวบเหมาะ ท่าที ตลอดจนโทนเสียง ของแถลงการณ์ของเอกอัคราชทูตรัสเซียประจำเดนมาร์ก ซึ่งแถลงการณ์เช่นนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความมั่นใจ หรือนำไปสู่สิ่งที่ทำให้เกิดสันติภาพ หรือความมั่นคง” โฆษกนาโตแถลง

    ทั้งนี้ยังไม่มีมิสไซล์ติดตั้งในดินแดนเดนมาร์กภายใต้โครงการของนาโต แต่อาจเป็นไปได้ว่าจะมีการติดตั้งบนเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเดนมาร์ก หนังสือพิมพ์ Jyllands-Posten รายงาน

    เอกอัคราชทูตรัสเซียประจำเดนมาร์กให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “เดนมาร์กจะเป็นหนึ่งในปรปักษ์ของรัสเซีย และจะส่งผลทำให้ไม่มีความสงบสุข และจะส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้งสองชาติ” และยังเสริมว่า รัสเซียยังมีขีปนาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างระบบป้องกันภัยทางอากาศในอนาคตขององค์การนาโต

    ในขณะที่มาร์ติน ลินเดอร์การด (Martin Lidegaard) รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์กชี้ว่า การให้สัมภาษณ์ของวานิน นั้นรับไม่ได้ “ รัสซียทราบเป็นอย่างดีว่าระบบป้องกันภัยขีปนาวุธทางอากาศของนาโตนั้นไม่ได้มีเป้าเล็งไปที่รัสเซีย”ลินเดอร์การดให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Jyllands-Posten

    ด้านพลเรือเอกฟิลิป บรีดเลิฟ ( Philip Breedlove) ผู้บัญชาการระดับสูงของนาโต และกองกำลังสหรัฐฯประจำนาโต กล่าวในที่ประชุมบรัสเซลส์เมื่อวานนี้(22) ว่า การให้สัมภาษณ์ของเอกอัคราชทูตรัสเซียประจำเดนมาร์กนั้น ถือเป็นก้าวต่อไปในการต่อต้านประเทศใดก็ตามที่จะเข้าร่วมโครงการป้องกันภัยขีปนาวุธทางอากาศนาโต

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซียอาจ “ห้ามนำเข้าผลไม้” จากเซอร์เบีย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มีนาคม 2558 19:17 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – กลุ่มเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยทางอาหารของรัสเซีย ระบุในวันนี้ (23) ว่า พวกเขาสงสัยว่าเซอร์เบียกำลังส่งออกซ้ำ (re-export) แอปเปิลโปแลนด์ และกำลังพิจารณาสั่งห้ามนำเข้าผลไม้ทุกชนิดจากประเทศนอกสหภาพยุโรปแห่งนี้ สำนักข่าว RIA ของรัสเซีย รายงาน

    รัสเซียสั่งห้ามนำเข้าผลไม้ทุกชนิดจากสหภาพยุโรป ในฐานะส่วนหนึ่งของมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าที่บังคับใช้ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกใช้ลงโทษบทบาทของมอสโคในความขัดแย้งภายในยูเครน

    “แอปเปิ้ลเหล่านี้เป็นของโปแลนด์เกือบทั้งหมด” RIA รายงานตามคำพูดของ ยูเรีย โทรฟีโมวา โฆษกของกลุ่มเฝ้าระวังแห่งนี้

    โทรฟีโมวา กล่าวว่า การสั่งห้ามนำเข้าอาจมีการบังคับใช้ภายใน 10 วันหากไม่มีการตอบสนองใดๆ จากเซอร์เบีย พร้อมเสริมว่า มาตรการนี้จะไม่ครอบคลุม “เพียงแค่ผลไม้เท่านั้น แต่รวมถึงพืชผลทางการเกษตรทั้งหมด”

    เซอร์เบียและรัสเซีย สองพันธมิตรเก่าแก่จากความเชื่อทางคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์ที่มีร่วมกัน ได้ลงนามข้อตกลงการค้าปลอดภาษีในปี 2000 แม้ว่าตอนนี้เซอร์เบียกำลังพิจารณาเรื่องเข้าร่วมอียู แต่ก็ปฏิเสธสนับสนุนการคว่ำบาตรแดนหมีขาว

    “จากการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยกระทรวงพาณิชย์ เราไม่มีข้อมูลที่สามารถชี้ชัดถึงการละเมิดเงื่อนไขการส่งออกสินค้าซ้ำมายังรัสเซีย” สเตฟาน นิคเควิค เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์บอกกับสถานีโทรทัศน์ RTS TV ของทางการเมื่อวานนี้ (22)

    ราซิม จยายิค รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของเซอร์เบีย ระบุว่า ทางการจะสืบสวนอย่างเร่งด่วน และกล่าวว่า “เราจะไม่ยอมให้ผู้ส่งออกหนึ่งหรือสองรายทำลายข้อตกลงการค้าปลอดภาษีที่ทำกับรัสเซีย” ทั้งนี้อ้างจากหนังสือพิมพ์ วีเซิร์นเย โนวอสติ ของเซอร์เบีย

    เขากล่าวว่า ทางการจะตรวจสอบปริมาณของแอปเปิลที่ส่งออกจากเซอร์เบียด้วย

    จากข้อมูลของสภาการค้าของเซอร์เบีย ระบุว่า นับตั้งแต่การคว่ำบาตรแลกกันระหว่างรัสเซียและตะวันตกปะทุขึ้น การส่งออกแอปเปิลเซอร์เบียไปยังแดนหมีขาวได้เพิ่มขึ้นถึง 48 เปอร์เซ็นต์เป็น 118,000 ตัน


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบหลุมอุกกาบาตใหญ่ยักษ์ที่สุดในโลก ที่ออสเตรเลีย
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 มี.ค. 2558 03:12

    [​IMG]

    ภาพจากกล้องจุลทรรศน์แสดงให้เห็นการเปลี่ยนลักษณะเชิงระนาบ (PDF) เล็กน้อยในหินควอทซ์ หลักฐานการค้นพบหลุมอุกกาบาตใต้โลก (ภาพ: telegraph)

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบรอยแผลลึกในแผ่นเปลือกโลก บริเวณพื้นที่ชนบทของประเทศออสเตรเลีย 2 รอย โดยเชื่อว่าเป็นรอยที่หลงเหลืออยู่ของหลุมอุกกาบาตเส้นผ่านศูนย์กลางยาวถึง 250 ไมล์ ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ร่องรอยของหลุมอุกกาบาตดังกล่าวถูกพบในเขตลุ่มน้ำวอร์เบอร์ตัน (Warburton Basin) ระหว่างเขตแดนรัฐเซาท์ออสเตรเลีย, รัฐควีนส์แลนด์ และนอร์ทเทิร์นเทร์ริทอรี ที่ความลึกกว่า 1.2 ไมล์ใต้ผิวโลก โดยนักวิทยาศาสตร์ค้นพบหนึ่งในรอยแผลดังกล่าวตั้งแต่เมื่อ 5 ปี ก่อน แต่ในตอนนั้นพวกเขาเชื่อว่่าเป็นเป็นร่องรอยของอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 3 เท่านั้น

    แต่จากหลักฐานใหม่ที่พบในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์พบว่ารอยแผลในเปลือกโลกมี 2 รอย แต่ละรอยมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 120 ไมล์ และเชื่อว่าเกิดจากอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่แตกออกเป็น 2 ส่วนก่อนตกกระแทกผิวโลก

    ดร. แอนดรูว์ กลิคสัน จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย เปิดเผยว่า รอยแผลที่พบอาจเกิดจากอุกกาบาตก้อนเดียวที่แตกเป็น 2 โดยตัวหลุมอุกกาบาตนั้นเลือนหายไปตามกาลเวลาเมื่อนานมาแล้ว แต่ตัวอย่างที่พวกเขาพบจากรอบแผลทั้ง 2 รอยระหว่างการขุดวิจัยเรื่องความร้อนของโลก ทำให้พวกเขาเชื่อเช่นนั้น

    "อุกกาบาตทั้ง 2 ส่วนต้องมีความกว้างมากกว่า 10 กม. และทำให้สิ่งมีชีวิตหลายสายพันธ์ุในยุคนั้นต้องสูญสิ้นไปจากโลก การตกกระทบขนาดใหญ่เช่นนี้ อาจมีบทบาทสำคัญต่อวิวัฒนาการของโลก มากยิ่งกว่าที่เราเคยคิด" ดร.กลิคสัน กล่าว

    ดร.กลิคสันระบุด้วยว่า อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องลึกลับ เราไม่พบเหตุการณ์สูญพันธ์ุครั้งใหญ่ ที่สอดคล้องกับการชนของอุกกาบาตลูกนี้เลย ผมตั้งข้อสงสัยว่าการกระแทกอาจเกิดมานานกกว่า 300 ล้านปี

    อนึ่ง ผลการวิจัยเรื่องนี้จะได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร 'Tectonophysics'.

    พบหลุมอุกกาบาตใหญ่ยักษ์ที่สุดในโลก ที่ออสเตรเลีย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนภัยหัดหลังอีโบลาลด
    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 24 มี.ค. 2558 05:30

    [​IMG]
    (ภาพ: AFP PHOTO)

    องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) เผย รายงานสรุปสถานการณ์เชื้อไวรัสอีโบลาครบรอบ 1 ปี เมื่อ 22 มี.ค. พบว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 ราย และติดเชื้อราว 25,000 รายทั่วโลก

    เอ็มเอสเอฟยังระบุด้วยว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) องค์กรด้านสาธารณสุขภายใต้สหประชาชาติ ไม่เตรียมความพร้อมรับมือไวรัสอีโบลาในช่วงแรกที่พบผู้ป่วยในแอฟริกาตะวันตก ทั้งยังปฏิเสธที่จะช่วยเหลือรัฐบาลไลบีเรียในช่วงแรกที่พบการแพร่ระบาดในเดือน พ.ค. ส่งผลให้การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของอีโบลาในระดับโลกดำเนินไปอย่างล่าช้า และผู้ป่วยจำนวนมากต้องเสียชีวิตทั้งที่สามารถป้องกันได้

    ขณะที่สถานการณ์โรคติดต่อในปี 2558 เอ็มเอสเอฟระบุอีกว่าต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคหัดต่างๆต่อไป.

    เตือนภัยหัดหลังอีโบลาลด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เดนมาร์กยันระบบต้านขีปนาวุธไม่เกี่ยวกับรัสเซีย

    [​IMG]

    เดนมาร์กยืนยันการเข้าร่วมโครงการขีปนาวุธของนาโตไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย หลังอีกฝ่ายขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากรัฐบาลเดนมาร์กเดินหน้าโครงการต่อไป

    https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=wzSpxNYNeCI

    วันอังคาร 24 มีนาคม 2558 เวลา 08:50 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ว่า นายมาร์ติน ลิเดอร์การ์ด รมว.กระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์ก แถลงเมื่อวันจันทร์ ว่ารัฐบาลมอสโกยังขาดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธขององค์การสนธสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) ไม่ได้มีเป้าหมายไปทางรัสเซียแต่อย่างใด

    ลิเดอร์การ์ดกล่าวด้วยว่า แม้รัฐบาลเดนมาร์กและรัสเซียยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากในเรื่องสำคัญหลายเรื่อง แต่ทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีในอีกหลายเรื่องเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต่างฝ่ายต่างไม่ควรกระตุ้นความรุนแรงในภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลเดนมาร์กไม่มีแนวคิดเช่นนั้นอย่างแน่นอน

    ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์จิลลันด์ส-โพสเทน ของเดนมาร์ก ฉบับวันเสาร์ ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์นายมิคาอิล วานิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งกล่าวว่า รัฐบาลเดนมาร์กไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธของนาโตจะนำมาซึ่งผลกระทบเช่นใด เนื่องจากหากยังคงเดินหน้าโครงการต่อไป มีแนวโน้มที่เรือรบของเดนมาร์กจะอยู่ในเป้าหมายโจมตีของขีปนาวุธรัสเซีย

    ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับนาโตตึงเครียดอย่างหนัก นับตั้งแต่การที่รัฐบาลมอสโกผนวกรวมภูมิภาคไครเมียกลับเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตัวเอง เมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันในเรื่องการแทรกแซงทางทหารในยูเครน

    เดนมาร์กยันระบบต้านขีปนาวุธไม่เกี่ยวกับรัสเซีย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซาอุฯจับตาสถานการณ์ในเยเมน

    [​IMG]

    รัฐบาลซาอุดีอาระเบียเกาะติดสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองในเยเมน และเตือนเรื่องการเข้าไป "จัดการ" หากการเจรจาไม่ได้ผล ขณะที่รัฐบาลเยเมนเรียกร้องกลุ่มมหาอำนาจอาหรับช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด

    วันอังคาร 24 มีนาคม 2558 เวลา 09:29 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานา ประเทศเยเมน เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ว่านายริอัด ยาสซิน รมว.กระทรวงการต่างประเทศเยเมน แถลงเมื่อวันจันทร์ ขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุดจากสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย ( จีซีซี ) ที่ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต กาตาร์ โอมานและบาห์เรน เพื่อหยุดยั้งการรุกคืบของกลุ่มกบฏฮูซี โดยไม่ได้กล่าวอย่างเจาะจงว่า "ความช่วยเหลือ" ที่ต้องการนั้นเป็นแบบใด

    อย่างไรก็ตาม ยาสซินเรียกร้องให้จีซีซีกำหนดเขตห้ามบินในเยเมน หลังมีรายงานเครื่องบินรบไม่ทราบฝ่ายทิ้งระเบิดโจมตีทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองเอเดน ทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ กลุ่มกบฏฮูซีซึ่งเป็นชาวชีอะห์ สามารถยึดครองเมืองเทซ เมืองใหญ่อันดับ 3 ทางตอนกลางของประเทศได้เมื่อวันเสาร์ และขยับเข้าใกล้เมืองเอเดน ซึ่งเป็นสถานที่ลี้ภัยของประธานาธิบดีอาเบด รับโบห์ มานซูร์ ฮาดี ผู้นำประเทศชาวสุหนี่มากขึ้นทุกขณะ

    การขยายอิทธิพลของกลุ่มฮูซีในเยเมนที่เริ่มขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้รับการจับตาและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดจากจีซีซี ซึ่งมีซาอุดีอาระเบียเป็นหัวเรือใหญ่ โดยรัฐบาลริยาดกล่าวหารัฐบาลอิหร่าน ศัตรูสำคัญทางการเมือง ว่าอยู่เบื้องหลังการปลุกระดมกลุ่มฮูซีให้ทำ "สงครามตัวแทน" ในเยเมน ขณะที่รัฐบาลเตหะรานยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ด้านเจ้าชายซาอุด อัล-ไฟซาล รมว.กระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ทรงมีพระดำรัสเป็นนัยว่า หากสถานการณ์ในเยเมนไม่สามารถยุติลงได้ด้วยการเจรจา จีซีซีจะใช้ "มาตรการที่เหมาะสม" เพื่อปกป้องภูมิภาคให้พ้นจากความรุนแรง

    ซาอุฯจับตาสถานการณ์ในเยเมน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     

แชร์หน้านี้

Loading...