ติดตามสถานะการณ์

10 อันดับประเทศที่มีนักรบกลุ่มก่อการร้ายมากที่สุดในซีเรียและอิรัก
เกาะติดสถานการณ์ซีเรียตะวันออกกลางอิรักby เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 3, 2015



นักรบชาวต่างชาติที่เข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรียและอีรัก จะมาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมแล้วมีจำนวน 30,000 กว่าคน

อัลอาลัม – สถาบันและองค์กรการิจัยและสำรวจระดับนานาชาติเปิดเผยรายงานว่า สิบอันดับประเทศที่มีนักรบกลุ่มก่อการร้ายมากที่สุดในซีเรียและอิรัก มีดังนี้

1 ตูนิเซีย จำนวน 3,000 คน
2 ซาอุดีอาระเบีย 2,500 คน
3 จอร์แดน โมร็อกโคและรัสเซีย ชาติ ละ 1,500 คน
4 ฝรั่งเศส 1,200 คน
5 เลบานอน 900 คน
6 อังกฤษ เลบานอนและลิเบีย ชาติละ 600 คน

10 อันดับประเทศที่มีนักรบกลุ่มก่อการร้ายมากที่สุดในซีเรียและอิรัก | abnewstoday

 

ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของอียิปต์ กรณีชี้กลุ่ม “ฮามาส” ในฉนวนกาซาเป็น “องค์กรก่อการร้าย”
ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์ปาเลสไตน์by เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 3, 2015



รองประธานสภาร่างกฎหมายปาเลสไตน์ ออกมาเผยว่า การที่ศาลอียิปต์ชี้กลุ่ม “ฮามาส” ในฉนวนกาซาเป็น “องค์กรก่อการร้าย”เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของอียิปต์

อิสลามไทม์ – ฮาซัน คาเรชะห์ รองประธานสภาร่างกฎหมายปาเลสไตน์ ออกมาตอบโต้ศาลอียิปต์ ที่ชี้กลุ่ม “ฮามาส” ในฉนวนกาซ่าเป็น “องค์กรก่อการร้าย” ว่า ศาลอียิปต์ ได้ชี้กลุ่มฮามาสเป็นกลุ่มก่อการร้ายนั้นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ควรทบทวนคำตัดสินอีกครั้ง

เขากล่าวเสริมว่า การตัดสินเช่นนี้ ทำให้บทบาทจุดยืนและประวัติศาสตร์อันยาวนานของอียิปต์มีต่อปาเลสไตน์ โดยเฉพาะกลุ่มมุกอวิมัตในการต่อสู้กับอิสราเอลนั้น นับเป็นจุดยืนที่เลวร้ายของอียิปต์ก็ว่าได้

“การตัดสินใจครั้งนี้ของอียิปต์ ทำให้อียิปต์ออกจากผู้ให้การสนับสนุนสายกลางที่มีต่อกลุ่มฮามาสในการต่อสู้กับอิสราเอลโดยปริยาย พร้อมกับชี้ว่า หากมีการโจมตีกลุ่มมุกอวิมัตในปาเลสไตน์ขึ้น ไม่ว่าจะมากจากชาติอาหรับหรือกลุ่มใดก็ตามในอียิปต์ จะถือว่าเป็นฝันร้ายของเราที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน ” ฮาซัน คาเรชะห์ ให้สัมภาษณ์กับ “กุดส์ เพรส์”

เขากล่าวเสริมว่า การตัดสินของศาลอียิปต์ในครั้งนี้ มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฮามาสเพียงอย่างเดียว แต่มันส่งผลกระทบต่อพี่น้องปาเลสไตน์ทั้งหมดอีกด้วย

ซามีย์ อบู ซะห์รีย์ โฆษกของฮามาส ออกมาโต้อียิปต์ ว่า การตัดสินของศาลอียิปต์ในครั้งนี้ เป็นการตัดสินที่อันตรายสุ่มเสียงต่อการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงตามมา และเป็นความอัปยศของอียิปต์ ที่ต้องการให้ตนเองหลุดพ้นจากภาวะวิกฤติภายในประเทศที่กำลังเกิดอยู่ในขณะนี้

ด้าน มูชีร์ อัล-มาสรี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาออกโรงประณามท่าทีล่าสุดของศาลอียิปต์ พร้อมเรียกร้องให้ทางการอียิปต์ไม่ปฏิบัติตามและทบทวนคำตัดสินนี้ โดยระบุว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่มีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลังและถือเป็นจุดเริ่มต้นของการแทรกแซงปาเลสไตน์ของอียิปต์

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ศาลอียิปต์เพิ่งประกาศแบน “กองพลน้อยอิซเซดีน อัล-กัสซัม” ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธของพวกฮามาส และขึ้นบัญชีดำให้เป็นกลุ่มก่อการร้ายมาแล้วเช่นกัน

ผู้พิพากษาโมฮาเหม็ด เอล-ซัยเอ็ด แห่งศาลพิเศษว่าด้วยนิติประเด็นเร่งด่วนของอียิปต์แถลงว่า กลุ่มฮามาสมีพฤติกรรมในการก่อความรุนแรงโดยไม่เลือกหน้าทั้งต่อพลเรือนและกองกำลังความมั่นคงของอียิปต์ โดยเฉพาะในพื้นที่คาบสมุทรซีนาย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายบ่อนทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของอียิปต์ไม่ต่างจากกลุ่มก่อการร้าย นับตั้งแต่ที่รัฐบาลอิสลามิสต์ในอียิปต์ภายใต้การนำของมุฮัมมัด มอร์ซีถูกโค่นอำนาจในปี 2013

ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของอียิปต์ กรณีชี้กลุ่ม “ฮามาส” ในฉนวนกาซาเป็น “องค์กรก่อการร้าย” |

 

Thanong Fanclub



3. นับถอยหลัง
เนื่องจากความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจมีปัญหาและเกิดเหตุจราจลบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจราจลผิวสีที่Ferguson และการประท้วงของพวกOccupyทั้งหลายต่อต้านวอลล์สตรีท ทำให้พวกบริหารเงินเฮดจ์ฟันด์หลายคนเตรียมแผนการอพยพจากอเมริกาไปอยู่ประเทศอื่น
Robert Johnsondกล่าวในงานประชุมของWorld Economic Forumที่ดาวอสช่วงต้นปี2015นี้ว่า ผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์หลายคนเตรียมหนีไปอยู่ประเทศอื่น เช่นนิวซีแลนด์ เพราะคิดว่าจำต้องมีที่หลบภัย
นิวซีแลนด์กลายเป็นสวรรค์ของพวกหลบภัยจราจลทางสังคมที่บ้านตัวเอง หรือหนีภัยของสงครามที่อาจจะเกิดขึ้น พวกอิลิททั้งหลายน่าจะเลือกนิวซีแลนด์เป็นที่หลบภัยเพราะว่าห่างไกลจากยุโรปและสหรัฐฯ ยิ่งถ้าเกิดเหตุร้ายในเอเซีย นิวซีแลนด์ดูเหมือนว่าจะปลอดภัยที่สุด เพราะว่ามีออสเตรเลียช่วยกันอีกต่อหนึ่ง อีกประการสำคัญกองทัพเรือสหรัฐฯอาจจะใช้นิวซีแลนด์เป็นฐานด้วยก็ได้ จะได้อยู่ห่างไกลจากสมรภูมิ
Robert Johnsonเป็นผู้อำนายการของ Institute of New Economic Thinking หรือสถาบันทางความคิดที่เสนอนโยบายใหม่ทางเศรษฐกิจ อดีตเคยทำงานเป็นกรรมการผู้จัดการให้กองทุนของนายจอร์จ ซอรอส พ่อมดทางการเงิน เพราะฉะนั้นคำพูดของเขามีน้ำหนัก ว่าพวกเศรษฐีเริ่มไม่มั่นใจกับสภาพสังคมตะวันตกว่าจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่เนื่องจากวิกฤติการเงินไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้คนรวย ยิ่งรวย และคนจนไม่มีโอกาสโงหัว นักการเมือง และผู้บริหารยิ่งต้องการเพิ่มความร่ำรวยให้ตัวเอง โดยไม่สนใจว่าผู้ด้อยโอกาสต้องการโอกาสให้ลูกหลานของเขามีโอกาสเช่นนี้เหมือนกัน
บางคนไม่อยากหนีก็ขุดรูขุดบังเกอร์ หรือที่หลบภัยอยู่ มีการเตรียมตุนอาหาร น้ำและอุปกรณ์ยังชีพในช่วงวันที่ไม่แน่นอนข้างหน้า
thanong
7/3/2015
http://www.theguardian.com/…/nervous-super-rich-planning-es…
What Do They Know? Why Are So Many Of The Super Wealthy Preparing Bug Out Locations? - The Daily Coin

 

Thanong Fanclub ได้แชร์โพสต์ของ Chalee Na Roied



4. นับถอยหลัง
รัสเซียเตรียมการทำสงครามอย่างเต็มที่ แชร์มาจากเฟสของคุณChalee Na Roiet:
เมื่อวานนี้ผมพูดทิ้งท้าย ไว้ว่ารัสเซียกำลังเตรียมรับมือสงครามนะครับ เช้าวันนี้เข้ามาอ่านบางเว็บ ซึ่งแหล่งข้อมูล จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ความน่าเชื่อถือมากพอสมควร
ตอนนี้สภาความมั่นคงของรัสเซีย (Security Council of the Russian Federation) ได้รายงานรัฐบาลรัสเซียว่า สถานการณ์ของรัสเซียในเวลานี้ อยู่ห้วงที่อันตรายที่สุด ในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย จากผลกระทบของสงคราม อันเนื่องมาจาก เศรษฐกิจทั้งสหรัฐและยุโรป กำลังเข้าสู่การล่มสลาย อย่างรวดเร็วภายในปี 2015 นี้ http://yournewswire.com/russia-we-are-at-our-most-dangerou…/
นอกจากนี้ยังอ้างอิงจาก มหาเศรษฐี คนสำคัญของโลกอย่าง ลอร์ด จาค็อบ รอธไชล์ เจ้าของธนาคารกลาง หลายๆแห่งทั้งในสหรัฐและยุโรป ที่ได้ออกมาเตือนบรรดานักลงทุนว่า กำลังเผชิญกับ สถานการณ์ ด้านการเมืองระหว่างประเทศที่อันตรายที่สุด นับแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 http://www.telegraph.co.uk/…/Lord-Rothschild-Investors-face…
เลขาธิการสภาความมั่นคงฯ ของรัสเซีย คือ นิโคไล ปาทรูเชฟ ได้ออกมาให้ข้อสังเกตว่า รัฐบาลสหรัฐกำลัง เคลื่อนไหวและสนับสนุน ในการโค่นล้มรัฐบาล ในหลายๆประเทศ หรือที่เรียกว่า "color revolution" ทั้งในประเทศที่เคยเป็น อดีตสหภาพโซเวียตและอาหรับ เพื่อสร้างความวุ่นวายในประเทศเหล่านี้ และกำลังใช้สถานการณ์ในยูเครน เพื่อเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ อันจะส่งผลกระทบต่อ วิถีชีวิตและมาตรฐานการครองชีพของชาวรัสเซีย จนเกิดการชุมนุมประท้วง และให้ทุนสนับสนุนนักการเมือง ฝ่ายตรงข้ามของ ปูติน ซึ่งเป็นความพยายาม มาหลายปีแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ http://www.smh.com.au/…/russia-accuses-united-states-of-plo…
นอกจากนี้ ผู้ช่วย รมต.กลาโหมของรัสเซีย อนาโตลี แอนโทนอฟ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า ในห้วงที่ผ่านมา ทางกองกำลังนาโต มีความเคลื่อนไหว และซ้อมรบมากกว่ารัสเซียหลายเท่า และยังใช้สถานการณ์ในยูเครน เพื่ออ้างความชอบธรรม และละเมิดทำเนียมทางการฑูต และรุกประชิดพรมแดนรัสเซียเข้ามาเรื่อยๆ NATO is using Ukraine crisis to advance towards Russian borders - Defense Ministry — RT News
ในห้วงสัปห์ดาที่ผ่านมา ความพยายามยั่วยุ ในการจุดชนวนสงครามกับรัสเซีย รัฐบาลสหรัฐก็ประกาศ ส่งทหารสหรัฐ ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนเรือรบสหรัฐ และกองกำลังนาโตในทะเลดำ เข้ามาซ้อมรบร่วมกับยูเครน ซึ่งเข้าข่ายยั่วยุอย่างชัดเจน Boots on the Ground: US Military Instructors Arrive in Ukraine / Sputnik International
ความเคลื่อนไหวของสหรัฐ และนาโตในครั้งนี้ ทางโฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช ได้ทำการแจ้งสหรัฐและกองกำลังนาโตว่า การฝึกของสหรัฐและยูเครนในดินแดนด้านตะวันตก เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซีย TASS: World - Russian diplomat says US airborne troops being redeployed to Ukraine
และนอกจากนี้ทาง โฆษกกระทรวงการต่างในการส่งสัญญาณเตือนสหรัฐ ในการส่งทหารสหรัฐเพื่อ ช่วยเหลือฝ่ายต่อต้าน รัฐบาลซีเรียและ โจมตีกองทัพของรัฐบาลอัสสาด ว่ารัสเซียรู้สึกเป็นกังวล ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น จากท่าทีของ นาย จอห์น เคอร์รี่ รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ที่ออกมาประกาศไม่กี่วันที่ผ่านมา http://www.zerohedge.com/…/john-kerry-military-pressure-may…
รัฐบาลสหรัฐไม่พอใจรัสเซียเป็นอย่างมาก ในแผนการเดินทางเยือนอิหร่านของ ผู้นำรัสเซียที่กำลัง จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ ทั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ การหารือความร่วมมือ ระหว่างอิรัก อิหร่านและรัสเซีย ในการทำลายเครือข่าย ISIS และนอกจากนี้ยังมีการเจรจา เรื่องการขายขีปนาวุธ Antey 2500 ให้กับอิหร่าน ซึ่งขีปนาวุธรุ่นดังกล่าว สามารถทำลายขีปนาวุธ ข้ามทวีปและขีปนาวุธพิสัยไกลได้นั่นเอง http://www.newsweek.com/putin-visit-iran-soon-says-tehran-3…
และในการปิดล้อมและโจมตีเครือข่าย ISIL ในเมือง ติกริตของอิรัก ของกองกำลังอิรัก และอิหร่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านนมา โดยปราศจากความเห็นชอบ จากกองทัพสหรัฐล่วงหน้า ซึ่งทำให้รัฐบาลสหรัฐ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถ อาศัยเครือข่ายดังกล่าว ข่มขู่พลเมืองของตนเองได้ http://www.euronews.com/…/iraq-intensifies-assault-on-isil…/
ผู้นำรัสเซียได้ตอบโต้ สหรัฐและกองกำลังนาโต โดยการออกคำสั่งให้มีการซ้อมรบ ของทหารรัสเซียในตลอดทั้งเดือน ในด้านตะวันตกของรัสเซีย และนอกจากนี้ยังให้ เครื่องบิน Su-30 และ Su- 24 เข้าร่วมการซ้อมรบ และสาธิตการโจมตีเรือรบของ กองกำลังนาโตและสหรัฐในทะเลดำ ตอบโต้สหรัฐและนาโต เช่นเดียวกัน http://www.presstv.ir/…/Russia-begins-military-drill-in-west
ในรายงานชิ้นเดียวกัน ก็มีการเปิดเผยข้อมูล ถึงแผนการของรัฐบาลสหรัฐและ เจ้าหน้าที่ซีไอเอในการ วางแผนร่วมมือกัน ตัวแทนของบริษัทของสหรัฐ กับนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม รัฐบาลเวเนซุเอลา เพื่อทำการทำลายเสถียรภาพของ ของรัฐบาล นิโคลาส์ มารูโด โดยการโจมตีเศรษฐกิจ และทำให้ขาดแคลนอาหาร เพื่อให้เกิดจราจลในประเทศ ดังที่ปรากฎเป็นข่าวที่ผ่านมา http://rt.com/…/golinger-documents-venezuela-destabilizati…/
นี่คือรูปแบบและวิธีการ ในการโค่นล้มรัฐบาลต่างๆ ที่ไม่ยอมอยู่ใต้อิทธิพลของรัฐบาลสหรัฐ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ของซีไอเอภายใต้ การกำกับดูแลของ รัฐบาลสหรัฐและแม้กระทั่ง ความพยายามบ่อนทำลายเสถียรภาพของรัสเซีย ผ่านวิกฤติการณ์ในยูเครน
ส่วนสาเหตุเบื้องหลังที่แท้จริง ทางสภาความมั่นคงของรัสเซียได้สรุป ตรงกับที่ผมตั้งข้อสังเกตไปก่อนหน้านั้น นั่นแหละครับ คือตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป กำลังจะเผชิญกับหายนะ และจีนกำลังจะผลักดันสกุลเงินของโลกขึ้นใหม่ ขึ้นมาแข่งกับดอลลาร์ ทำให้รัฐบาลสหรัฐและยุโรป ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ด้วยการพิมพ์เงินได้ อีกต่อไป http://etfdailynews.com/…/china-has-announced-plans-for-a-…/
ในขณะที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ยังไม่ตะหนักถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะการควบคุม สื่อหลักๆของรัฐบาล อันเป็นอาวุธที่ทรงพลังในการ ปิดหูปิดตาทำลายพลเมืองของตนเอง และในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ กำลังส่อเค้าลางแห่งหายนะ โดยเฉพาะดัชนี BDI ส่งสัญญาณอย่างชัดเจน สะท้อนสัญญาณที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ต่างอะไรกับปี 2008 แต่ชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่แทบจะไม่รู้ และเตรียมรับมือเท่าที่ควร http://www.zerohedge.com/…/one-last-look-real-economy-it-im…
และสิ่งที่น่าเศร้าก็คือ การเดินทางเยือนสหรัฐ ของนายกฯ อิสราเอล เบยามิน เนธันยาฮู ซึ่งมาแสดงปาฐกถา ในสภาครองเกรส ให้สภาครองเกรสสนับสนุน ทั้งงบประมาณในการ ทำสงครามโจมตีอิหร่านของอิสราเอล ซึ่งบรรดาสื่อในสหรัฐ แทบไม่มีใครพูดถึง เพราะที่ผ่านมา มีการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งเป็นภาษีของชาวอเมริกัน ไปให้อิสราเอลในการทำสงคราม โดยที่ชาวอเมริกันเจ้าของประเทศ แทบไม่ได้อะไร และไม่ปรากฎเป็นข่าว ในสื่อหลักๆของสหรัฐแต่อย่างใด http://www.zerohedge.com/…/guest-post-yesterday-was-very-sa…
นั่นคือรายงานที่ สภาความมั่นคงของรัสเซีย ได้นำเสนอต่อรัฐบาลรัสเซีย เพื่อให้เตรียมการรับมือ และป้องกันตนเองจากสหรัฐและนาโต ตลอดจนหายนะทางเศรษฐกิจ ที่กำลังส่อเค้าลาง ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และสอดคล้องกับบทวิเคราะห์ ที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านั้น นั่นแลหะครับ เพราะรายงานชิ้นนี้ ส่วนใหญ่อ้างอิงข้อมูล จากแหล่งเดียวกัน ซึ่งความน่าเชื่อถือมากพอสมควร Russia Issues Dire Warning:

 

ปอกเปลือก ทรราช
โปแลนด์เอาอย่างกรีซอ้อนขอรัสเซียนำเข้าอาหาร



--------------
โปแลนด์และลิธัวเนียชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้กองทัพนาโต้เข้ามาใช้ดินแดนและซ้อมรบอยู่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็แอบส่งอาวุธสนับสนุนยูเครนให้ต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียในยูเครนตะวันออก ทั้งร่วมมือกับสหรัฐฯและอียูแซงชั่นรัสเซีย พอเจอรัสเซียใช้มาตรการส่งห้ามนำเข้าอาหารพืชผลทางการเกษตรจากประเทศเหล่านั้นบ้าง ก็ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรล้นตลาดในประเทศและราคาตกต่ำ เกษตรกรของตัวเองออกมาประท้วงกันยกใหญ่อยู่หลายครั้งแทบจะทุกอาทิตย์ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการยกขบวนรถแท็กเตอร์ทำการเกษตรหลายร้อยคันมาปิดถนนสายหลักปิดล้อมเมืองหลวงด้วย
รัฐบาลโปแลนด์อ้างว่าไม่มีเงินอุตหนุนสินค้าการเกษตรของตัวเอง แต่มีเงินสนับสนุนทางอาวุธให้กับยูเครนและโครงการอื่นๆ หลายร้อยเท่าเมื่อเทียบกับการอุตหนุนสินค้าการเกษตรในประเทศของตัวเอง ชาวไร่ชาวนาของเขาก็ไม่ยอมจึงได้พากันออกมาประท้วง เมื่อทางรัฐบาลหาทางออกไม่ได้ ล่าสุดก็ย่องเงียบมาอ้อนวอนขอเจรจาการค้ากับรัสเซียโดยขอให้ฝ่ายรัสเซียช่วยผ่อนปลนมาตรการห้ามนำเข้าอาหารและสินค้าการเกษตรจากโปแลนด์ ให้โปแลนด์สามารถส่งสินค้าของตนเข้ามาขายในรัสเซียได้บ้างเอาอย่างกรีซว่างั้นเถอะ
ได้ทีทางรัสเซียก็แถลงออกทีวีเลยว่า ก่อนหน้านี้ทั้งโปแลนด์และลิธัวเนียต่างก็ปฏิเสธเรื่องที่จะเจรจาระดับทวิภาคีกับรัสเซีย แต่อีกด้านทำเป็นมาขอให้มีความร่วมมือทวิภาคีกันระหว่างทั้งสองประเทศ คือฉากหน้านี่ทำเป็นเกรี้ยวกราดใส่รัสเซีย ต้องถล่มรัสเซีย ต้องแซงชั่นรัสเซีย ต้องสนับสนุนอาวุธหนักให้ยูเครนเพื่อให้ไปต่อสู้กับพวกที่นิยมรััสเซียตามที่อเมริกาต้องการ แต่พอเจอรัสเซียสวนคืนบ้างร้องแงๆเป็นเด็ก มาอ้อนวอนผิดไปแล้ว ยกโทษให้เขาเถอะนะพี่หมีขาวช่วยรับซื้ออาหารและสินค้าการเกษตรให้หน่อยเถอะนะ กับไทยก็แบบนี้แหละตอนแรกๆทำเป็นออกมากดดันให้คืนประชาธิปไตยและการเลือกตั้งให้พวกแดงเผาไทยโดยเร็ว มันจะได้ระดมม็อบมาเผาบ้านเผาเมืองอีก แต่รัฐบาลคสช.ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่สนใจ ต่อมาก็ค่อยๆส่งทูตมาอ้อนขอความร่วมมือด้านโน้นด้านนี้ จับมือเป็นมิตรกันต่อนะ แบบนี้ประจำ
ฝ่ายรัสเซียก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจโปแลนด์ในครั้งนี้ ก็นัดว่า จะมีการคุยกันอย่างเป็นทางการภายในเดือนมีนาคมนี้แหละ แน่นอนต้องเป็นมุกเดียวกับที่รัสเซียเคยแนะนำกรีซไปแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ว่าให้มาสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารเหล่านั้นของตัวเองในรัสเซียสิ อาจจะพอมีทางเลี่ยงการสั่งห้ามนำเข้าสินค้าเหล่านั้นมาในรัสเซียได้นะ ถ้าไม่เอาอย่างที่รัสเซียแนะนำไปก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไปจนกว่าจะครบกำหนดการสั่งห้ามนำเข้า 1 ปีคือวันที่ 7 สิงหาคม 2558 ไม่แน่นะพอถึงวันนั้นเศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มดีขึ้นตอนนี้ก็เริ่มจะทรงตัวและดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว ถ้าอียูยังหลงคำยุยงของสหรัฐฯให้แซงชั่นรัสเซียต่ออีกรอบ รัสเซียอาจจะขยายเวลาการห้ามนำเข้าจากอียูต่อไปอีกและอาจจะแรงขึ้นกว่าเดิมก็ได้ ตอนนี้ดูท่าว่าเศรษฐกิจอียูกำลังจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ที่ผ่านมานี้สำนักข่าวต่างประเทศพึ่งรายงานว่าตอนนี้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าของสหรัฐฯ นี่แหละเพราะเชื่อสหรัฐฯเศรษฐกิจของอียูถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้
The Eyes
07/03/2558
------------
TASS: World - Poland asks Russia’s to organize talks on possible food exports to Russia
Arms supplies to Ukraine in Europe’s interests – Polish security official — RT News
http://rt.com/news/238601-poland-uk-ukrainian-army/
http://naturalsociety.com/hundreds-of-farmers-block-roads-…/
Hundreds of Farmers Block Roads in Protest of Monsanto’s GMO Crops: Poland’s Largest Farmer Uprising | Global Research
Polskie Radio Online - Błąd
http://www.foxnews.com/…/polish-farmers-ride-on-warsaw-as-…/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ชาวชาวอเมริกันถูกจับหลังจากโทรเรียก 911 ว่าภรรยาของเขาขโมยโคเคนของตัวเองไป



--------------
เห็นข่าวนี้เกี่ยวกับสหรัฐฯอ่านแล้วขำๆก็เลยเอามาเล่าต่อให้ฟังซะหน่อย ตามรายงานข่าวพบว่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตำรวจเมือง Alliance ในรัฐโอไฮโอ้ (Ohio) ประเทศสหรัฐฯได้รับแจ้ง 911 จากนาย Robert D. Collins อายุ 39 ปีชาวอเมริกัน โดยเขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าภรรยาของเขาขโมยโคเคนของเขาไป เมื่อตำรวจมาถึงบ้านของเขาในเมือง Stark County, Ohio พบว่าเขาค้างค่าประกันตัวในคดีเก่าที่ยังไม่ได้จ่ายให้ศาลเป็นจำนวนหลายร้อยเหรียญ นอกจากนี้แล้วเมื่อตรวจค้นตำรวจยังพบป้องกัญชาที่เขาใช้สำหรับสูบกัญชาภายในบ้านของเขาเองอีกด้วย
งานนี้ผู้โทรแจ้ง 911 ถูกตำรวจจับและดำเนินคดีอีก 2 ข้อหาคือ โทรเรียกเจ้าหน้าที่ในเรื่องที่ไม่เหมาะสมและมียาเสพติดไว้ในครอบครอง แต่ได้รับการปล่อยตัวด้วยการประกันตัวเอง แต่ตำรวจไม่ได้เปิดเผยว่าพบภรรยาหรือโคเคนที่ถูกขโมยไปหรือไม่
สงสัยมันเล่นยาหนักไปหน่อย สมองก็เลยไปหมดเลย กรรม! นี่แหละหนาโอบามาถึงได้พยายามจะทำให้กัญชาเป็นยาเสพติดที่ถูกกฎหมายทั่วประเทศของเขา เพราะเขาอยากให้ประชาชนของเขามีสภาพอย่างนี้นี่เอง
The Eyes
07/03/2558
-------------
Ohio Man Arrested After Calling 911 to Report Wife Stole His Cocaine / Sputnik International
http://abcnews.go.com/…/man-arrested-calling-911-wife-stole…
The Smoking Gun: Public Documents, Mug Shots
http://www.msn.com/…/man-arrested-after-calling-…/ar-AA9sEdp
http://fox8.com/…/listen-man-arrested-for-calling-911-to-r…/

 

ปอกเปลือก ทรราช
เรือดำน้ำของฝรั่งเศสจมเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯระหว่างการซ้อมรบร่วมกันที่ฟลอริด้า



--------------
เรื่องตลกที่ไม่ตลกสำหรับอเมริกา เพราะแทนที่จะเป็นการอวดชาวโลกว่ากองทัพเรือของตัวเองมีแสนยานุภาพเกรียงไกรไร้เทียมทาน กลับกลายเป็นว่าปฏิบัติการซ้อมรบดังกล่าวสร้างความอับอายให้กับตัวเองซะงั้น เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.58) สำนักข่าวของรัสเซียรายงานว่ากองทัพเรือและกระทรวงกลาโหมของฝรั่งเศสได้โพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับการซ้อมรบร่วมกันระหว่างกองทัพเรือของสหรัฐฯกับของฝรั่งเศสที่ชายฝั่งรัฐฟลอริด้าประเทศสหรัฐฯเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า เรือดำน้ำ Saphir ของฝรั่งเศสประสบผลสำเร็จในการโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Theodore Roosevelt ของสหรัฐฯ แต่ไม่ได้จมจริงๆ หากเป็นการสู้รบกันจริงๆ งานนี้ไม่เหลือ
โดยทางสหรัฐฯอยากจะอวดเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Theodore Roosevelt ที่มีการอัพเกรดใหม่ ก็เลยจัดการซ้อมรบร่วมกับเรือดำน้ำของฝรั่งเศสขึ้นมา ในเฟสแรกของการซ้อมรบใช้เวลา 10 วันโดยกำหนดให้เรือดำน้ำ Saphir ของฝรั่งเศสอยู่ในฝ่ายที่เรียกว่ากองหนุนพันธมิตรเพื่อสนับสนุนการรบต่อต้านเรือดำน้ำ การฝึกก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่พอถึงเฟสที่สอง เปลี่ยนเกมใหม่เพราะเกมนี้ไม่มัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เรือ Saphir ของฝรั่งเศสรับบทเป็นข้าศึกแทน และให้อยู่ฝ่ายกองกำลังของศัตรู โดยรับภารกิจค้นหาตำแหน่งของเรือ Theodore Roosevelt ของสหรัฐฯเตรียมการโจมตีพร้อมกันเป็นกลุ่ม
ในช่วงสุดท้ายของการซ้อมรบในช่วงที่สองนี้ เรือดำน้ำของฝรั่งเศสสามารถลอดพ้นการตรวจจับของฝั่งสหรัฐฯได้ หายไปจากจอเรดาร์ของสหรัฐฯเฉยๆเลย ซวยหละสิอเมริกา เรือดำน้ำของฝรั่งเศสค่อยเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ตำแหน่งของเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯได้แม้จะมีเรือ frigates หลายลำของสหรัฐฯคุ้มกันอยู่ก็ตาม ในเช้าวันต่อมาเรือดำน้ำของฝรั่งเศสได้รับคำสั่งให้ยิง แล้วก็ยิงตอปิโดออกไปจริงๆ รายละเอียดต่อจากนี้ไม่ได้รับการเปิดเผย
หลังจากที่รายงานฉบับนี้ถูกเผยแพร่ในอินเตอร์ ไม่นานนักก็ถูกลบออกไป แต่มีบางส่วนที่เอามาเผยแพร่เป็นภาษาฝรั่งเศสได้อีก งานนี้สื่อฯสำนักใหญ่ๆทั้งของอเมริกาและตะวันตะไม่กล้าเอามาลงข่าวเลย อายแทนว่างั้นเถอะ
ป.ล. ภาพที่ 4 นั้นเป็นเพียงภาพประกอบการทดสอบอาวุธจริงใกล้เรือ USS Roosevelt ของสหรัฐฯเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
The Eyes
07/03/2558
-------------
http://rt.com/usa/238257-french-submarine-us-carrier/
French Submarine 'Sinks' Entire US Aircraft Carrier Group During Wargames / Sputnik International
http://theaviationist.com/…/us-aircraft-carrier-sunk-by-su…/

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียบรรลุข้อตกลงความร่วมมือด้านกองทัพกับอับฮาเซีย



--------------
เดิมทีที่อ่านพาดหัวข่าวนี้ดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจสักเท่าไร คิดว่าก็คงจะเป็นการแสวงหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นของรัสเซียที่จะทานอำนาจของนาโต้นั้นแหละ ในตอนแรกก็ยังไม่รู้เลยว่า "อับฮาเซีย" มันคืออะไร อยู่ตรงมุมไหนของแผนที่โลก ทำไมรัสเซียถึงได้สนใจพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพิเศษ แต่พออ่านรายละเอียดของข่าวและหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วจึงได้ถึงบางอ้อว่า "อ้อ!… มันเป็นตถตา (เป็นเช่นนั้น) นี่เอง"
+ รัสเซียจับมืออับฮาเซียปกป้องทะเลดำ
---------------
คืออย่างนี้... เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 58 สำนักข่าว TASS ของรัสเซียลงข่าวว่า รัสเซีย-อับฮาเซีย (ABKHAZIA) ได้ทำข้อตกลงการป้องกันและมาตรการรักษาความปลอดภัยทางอากาศร่วมกันทั้งสองประเทศรวมทั้งความร่วมมือในด้านการทหารด้วย ในการนี้รัสเซียเรียกอับฮาเซียว่าเป็นหุ้นส่วนเพื่อนบ้านคอเคเซียน
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียได้เซ็นลงนามร่วมมือด้านกองทัพกับนาย Raul Khadjimba ผู้นำของอับฮาเซีย ซึ่งในข้อตกลงดังกล่าวนั้นกองทัพรัสเซียจะเป็นผู้ดูแลด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดนระหว่างอับฮาเซีย-จอร์เจียให้กับอับฮาเซียเอง โดยมีกองกองกำลังของอับฮาเซียร่วมด้วยทั้งบนบกและในทะเลดำเพื่อเป็นการปกป้องอธิปไตยของอับฮาเซีย และข้อตกลงใหม่นี้รัสเซียจะพยายามผลักดินในทุกทางเพื่อให้นานาชาติยอมรับประเทศใหม่อับฮาเซีย โดยก่อนหน้านี้ทางรัสเซียก็ได้กองทัพของตนเองไปประจำบริเวณชายแดนอับฮาเซีย-จอร์เจียไว้ตั้งหลายปีแล้วพร้อมกับติดตั้งระบบ S-300 ป้องกันภัยทางอากาศให้อับฮาเซียด้วย ส่วนในทะเลดำในพื้นที่ของอับฮาเซียนั้นรัสเซียก็มีฐานทัพเรือคอยประจำการอยู่แล้ว
+ รัสเซียส่งเครื่องบินรบ S-30 และ SU-24 ป่วนการซ้อมรบของนาโต้ในทะเลดำ
---------------
เมื่อวันพุธที่ 4 มี.ค.58 ที่ผ่านมานาโต้ก็ส่งเรือรบจำนวน 6 ลำเข้าสู่ทะเลดำอ้างว่าเป็นการซ้อมรบกับชาติพันธมิตรในทะเลดำซึ่งประกอบด้วยทัพเรือของ Bulgarian, Romanian และ Turkish ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ แล้วรัสเซียทำไง? จะยากอะไร ปูตินบอกว่านี่แหละโอกาสเหมาะที่จะฝึกนักบินให้ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆและเผชิญหน้ากับศัตรูตัวจริงโอกาศฝึกร่วมกับข้าศึกแบบที่เขาไม่เต็มใจอย่างนี้มันหายากนะ ก็เลยส่งเครื่องบินรบรุ่นใหม่ SU-30 MKI 3 ลำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดและจู่โจมซุคฮอย SU-24 สมัยโซเวียต 4 ลำ (สองรุ่นสองเกนเนอเรชั่น) เข้าไปแอบฝึกร่วมซะเลย เล่นเอาทัพเรือของนาโต้หัวหมุนไปเลย เพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาร่วมฝึกด้วยโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าอย่างนี้ งานนี้นักบินรัสเซียชอบอกชอบใจมาก เพราะเล่นเอานาโต้ต้องปรับแผนการซ้อมรบในครั้งนี้โดยด่วน เพราะดูไม่ออกจริงๆว่ารัสเซียจะซ้อมรบหรือจะเอาจริงนะสิ แทนที่จะซ้อมรบไปตามปรกติก็ต้องมาคอยระแวดระวังว่า SU-30 MKI ของรัสเซียจะโผล่มาจากทางไหนอีกเดี๋ยวมาหย่อนระเบิดใส่เรือรบของนาโต้จะว่าอย่างไร ใต้ทะเลก็มีเรือดำน้ำของรัสเซียอีก
+ ประวัติอับฮาเซีย
---------------
กลับมาที่อับฮาเซียต่ออีกซักหน่อยนะครับ ดูซิว่าทำไมปูตินถึงได้สนใจในพื้นที่ของประเทศนี้นัก ข้อมูลเบื้องต้นทางประวัติศาสตร์มีดังนี้ครับ อับฮาเซียเป็นดินแดนบนชายฝั่งตะวันออกของทะเลดำ และเป็นที่ตั้งของสาธารณรัฐอับฮาเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีอยู่เพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ให้การรับรอง ได้แก่ รัสเซีย เวเนซุเอลา นิการากัว นาอูรู โอเซเทียใต้ และทรานส์นิสเทรีย (สองประเทศหลังนี้ ประเทศส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้การรับรองเช่นกัน) รัฐบาลจอร์เจียถือว่าอับฮาเซียอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของตน โดยมีสถานะเป็นสาธารณรัฐปกครองตนเอง (ข้อมูลจาก wikipedia)
- ในปี 2011 พบว่ามีประชากรประมาณ 250,000 คน
- ปี 756 เป็นอาณาจักรปกครองตนเอง
- ปี 985 กลายเป็นส่วนหนึ่งของจอร์เจีย ต่อแยกตัวออกเป็นอิสระ
- ปี 1578 อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรอ็อตโตมัน
- ปี 1810 รัสเซียประกาศให้อับฮาเซียเป็นอาณาจักรใต้อารักขาของรัสเซีย (ตอนนั้นยังไม่เป็นโซเวียต)
- ปี 1864 ประมาณ 54 ปีต่อมารัสเซียผนวนอับฮาเซียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย (คล้ายๆกับไคร์เมีย)
- ปี 1931 โซเวียตประกาศให้อับฮาเซียเป็นส่วนหนึ่งของจอร์เจีย เพราะว่าตอนนั้นจอร์เจียก็เป็นส่วนหนึ่งของโซเวียต
- ปี 1991 อาณาจักรโซเวียตล่มสลาย จอร์เจียประกาศเป็นเอกราช
- ปี 1992 จอร์เจียส่งกองทัพเข้าระงับการอับฮาเซียจะแยกตัวออกจากจอร์เจียเกิดสงครามสู้รบอย่างรุนแรง
- ปี 1993 จอร์เจียแพ้สงครามในอับฮาเซีย กองทัพจอร์เจียถูกขับไล่ออกจากอับฮาเซีย
- ปี 1994 บรรลุข้อตกลงหยุดยิง (สหประชาชาติ?) ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปในอับฮาเซียซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นกองกำลังของรัสเซีย
- ปี 1999 อับฮาเซียประกาศเป็นเอกราช
- ปี 2004 ประธานาธิบดี Saakashvili ของอับฮาเซียบอกว่าจะกอบกู้ดินแดนจากจอร์เจียกลับคืนมาและจะรวม Ossetia (ตอนนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของจอร์เจีย) เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอับฮาเซียด้วย
- ปี 2008 รัสเซียให้การรับรองเอกราชของอับฮาเซีย จากนั้นก็เกิดสงครามรัสเซีย-จอร์เจียขึ้นในแคว้น Ossetia
- ปี 2009 นายกรัฐมนตรีปูตินของรัสเซีย (ตอนนั้นเป็นนายกฯ) เดินทางไปเยี่ยมอับฮาเซีย
- ปี 2010 รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 เข้าไปในอับฮาเซีย
- ประชาชนส่วนมากในประเทศนี้พูดภาษา Abkhaz กับภาษา Russian
- นับถือศาสนาคริสต์และอิสลาม
- เมืองหลวงชื่อ Sukhumi
ถามว่าทำไมปูตินถึงต้องการอับฮาเซีย? คำตอบง่ายๆก็คือเพื่อปกป้องอธิปไตยของรัสเซียจากการคุกคามของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรนาโต้ในคาบสมุทรทะเลดำ ถ้ารัสเซียไม่ส่งกองทัพเรือของตัวเองไปยึดไว้ก่อน นาโต้ก็จะมาตั้งฐานทัพของตัวเองอยู่ตรงนั้นอยู่ดี เหมือนกับที่นาโต้เคยพยายามจะเอาไคร์เมียมาแล้วครั้งหนึ่งแต่เหลวเพราะปูตินรู้ทัน การผนวกอับฮาเซียที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในอดีตให้กลับมาเป็นแผ่นดินเดียวกันอีกครั้งคงต้องใช้เวลาหลายสิบปี ค่อยเป็นค่อยไปถ้าดูจากประวัติศาสตร์นะ แต่ถ้านาโต้รุกหนัก อาจจะช่วยร่นเวลาให้อับฮาเซียรวมเข้ากับรัสเซียเร็วขึ้นก็ได้ มิน่่าช่วงที่มีการสู้รบกันในยูเครนตะวันออกถึงเห็นมีพวกทหารรับจ้างจากจอร์เจียไปร่วมรบกับฝั่งยูเครนด้วย ที่แท้พวกเขามีความหลังกับรัสเซียนี่เอง ตอนนี้จอร์เจียมีเมืองท่าที่อยู่ติดกับทะเลดำอยู่ 2 แห่งคือ Poti กับ Batumi ถ้าทั้ง 2 เมืองนี้ตกเป็นของรัสเซียเมื่อไร จอร์เจียจบเห่ทันที เพาะนอกจากนี้แล้วก็ไม่มีดินแดนอื่นที่ติดทะเลอีกแล้ว
The Eyes
07/03/2558
-------------
ICG: Russian Military Settling In For Long Haul In Abkhazia | EurasiaNet.org
Abkhazia - Wikipedia, the free encyclopedia
อับฮาเซีย - วิกิพีเดีย
THE REPUBLIC OF ABKHAZIA
http://asecforum.org/abkhazia-political-crisis-new-militar…/
BBC News - Abkhazia profile - Overview
Abkhazia, in the zone of conflict - Le Monde diplomatique - English edition
6 NATO ships to stage war games in Black Sea — RT News
Russian Jets Penetrate NATO Ships' Air Defenses in Black Sea / Sputnik International
http://theaviationist.com/…/su-30-and-su-24-over-nato-ships/

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 7 มี.ค.58 ชุมพรเจอระเบิดร้ายแรงสมัยสงครามโลกในแม่น้ำหลังสวน
เมื่อวานนี้ทหารชุดทำลายวัตถุระเบิดกองบิน 7 สุราษฏร์ธานี , กรมสรรพาวุธทหารเรือ , ทหารบกจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้รับรายงานว่า มีชาวบ้านดำน้ำลงไปจับปลา ในแม่น้ำหลังสวน แล้วพบระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งจมอยู่ โดยบังเอิญ
จึงได้ประสานนักประดาน้ำมหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร ลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ พบว่าเป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่มีสภาพสมบูรณ์ ฝ่ายทหารจึงเดินทางมาตรวจ และเก็บกู้ระเบิด เพราะเกรงว่าอาจเกิดระเบิดขึ้นเหมือนที่ จ.สมุทรปราการ โดยต้องกันชาวบ้านออกห่างจุดที่พบระเบิดประมาณ 300 เมตร และเร่งเก็บกู้ระเบิดดังกล่าวขึ้นจากน้ำ
ระเบิดที่พบมีน้ำหนักประมาณ 400 กิโลกรัม เป็นระเบิดแบบเจาะเกราะจากอากาศสู่พื้นดิน มีความยาว 120 เซนติเมตร รัศมี 40 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 1600 ปอนด์ มีอานุภาพทำลายล้างในรัศมี 2 กิโลเมตร และ ยังมีดินระเบิดภายใน สามารถระเบิดได้ตลอดเวลา
ต้องใช้อุปกรณ์ที่มีความพร้อม นำรถเครนมาดำเนินการยกระเบิดขึ้นมาจากน้ำ โดยทหารได้ดำน้ำนำตาข่ายเชือกลงไปห่อหุ้มระเบิดเอาไว้ จากนั้นจึงใช้สายเคเบิลยกระเบิดขึ้นจากน้ำไปวางครึ่งกระบะรถยีเอ็มซีทหาร ที่ใส่ทรายไว้ประมาณครึ่งกระบะ
จากนั้นนำไปยังค่ายทหารที่ จ.ระนอง เพื่อทำลายทิ้งต่อไป ถ้าผู้ใดพบระเบิดที่มีลักษณะนี้ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ราชการทันที อย่าเข้าไปแตะต้องเด็ดขาด
--------------------------------->
อื้อหือ...ผ่านมาราว 70 ปีแล้ว แต่ระเบิดยังมีอานุภาพรุนแรงอย่างเดิมอยู่เลย อเมริกา เคยทำระเบิดระเบิดนิวเคลียร์หล่นหายจากเครื่องบิน ลงไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อการฝึกซ้อมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้าเกิดระเบิดตอนนี้ จะเป็นไงบ้าง ??
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 7 มี.ค.58 วัตถุแปลกๆ กับภาษาคูนิฟอร์ม ของชาวสุเมเรียน
อักษรลิ่มหรืออักษรคูนิฟอร์มชาวสุเมเรียน แห่งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นผู้ประดิษฐ์อักษรขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช นับเป็นความสำเร็จทางด้านสติปัญญาของชาวสุเมเรียน อักษรลิ่ม จึงใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์โลกได้
คูนิฟอร์ม มาจากภาษาละตินแปลว่า”Cuneus”แปลว่า ลิ่ม จึงเรียกว่าอักษรลิ่ม เขียนด้วยต้นอ้อ ลงบนแผ่นดินเหนียวเปียกแล้วนำไปตากแดดหรือ อบแห้ง ขนาดของแผ่นดินเหนียวเท่าฝ่ามือ ตัวอักษรมีลักษณะคล้ายลิ่ม ในชั้นแรกอักษรลิ่มใช้แทนวัตถุสิ่งของที่กล่าวถึง ต่อมาค่อยๆเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย
ชาวสุเมเรียน จารึกบอกไว้ว่าบรรพบุรุษของพวกเขามาจากนอกโลก ต่อมาพวกเขาได้วิวัฒนาการใช้เครื่องหมายแทนเสียง ไม่ใช่แทนสิ่งของ ชาวสุเมเรียนจึงสามารถบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา บทสวดมนต์ ตลอดจนเอกสาร กฎหมาย และสัญญาต่างๆได้
มีการขุดพบวัตถุโบราณรูปร่างแปลกๆ จากแถวประเทศออสเตรีย และใช้ภาษาคูนิฟอร์ม..สมัยก่อนกว่า 5,000 ปีมาแล้ว สิ่งนี้มันใช้ประโยชน์ทำอะไร ?? แล้วมันไปโผล่ที่นั่นได้อย่างไร ??
@ เสธ น้ำเงิน3 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 7 มี.ค.58 ดาวเทียมทหารเพนตากอน มะกัน เจอของดีระเบิดแตกเป็นเสี่ยงในอวกาศ



มีรายงานจากรัสเซียมาว่า ดาวเทียมทหารของอเมริกา เกิดความร้อนขึ้นอย่างฉับพลัน และระเบิดแตกกระจายในอวกาศ โดยไม่ได้ระบุสาเหตุที่แน่นอน ตอนนี้ทางเพนตากอน อเมริกา กำลังเกิดอาการใบ้รับประทาน งึกๆ งักๆ อ้อมๆ แอ้มๆ ว่าเกิดจากระบบพลังงานล้มเหลว
ในเมื่อมะกันเขาไม่อยากบอกความจริง งั้นเราจะแฉว่า ดาวเทียมทหารมะกัน เจอของดี มนตรา จากระบบอาวุธอิเล็คทรอนิกส์รุ่นใหม่เอี่ยมของรัสเซีย เรียกว่าระบบ Sattellite Killer และงานนี้รัสเซียเอง ก็เงียบกริบ ไม่เคยคุยโม้ใดๆ ให้ไก่ตื่น และอินทรีอาย แต่หมั่นใส้สอยเอาดื้อๆ เลย ฟิ้วๆๆ ตูม !! ระเบิดกระจาย เพนตากอน มีหลักฐานอะไรป่ะ บอกชาวโลกไปซิ จะได้อับอายไปทั่วแกแลคซี่ ว่าอาวุธไฮเทคมะกัน โดนสอยระเบิดกลางอวกาศ..กิ้วๆ
และหลักฐานกล่องดำ MH17 ที่ตกในยูเครนปีก่อน ที่กลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ส่งมอบให้มาเลเซีย ส่งต่อไปอังกฤษ แล้วส่งต่อไปเนเธอร์แลนด์ตรวจสอบ ล่าสุด ก็เพิ่งออกมาแถลงปฏิเสธอ้อมแอ้มงึมๆ งำๆ ว่า รัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการสอย MH17 ที่ตกในยูเครน..อ้าว..ก๊าก !!
งั้นเอางี้ ให้อิลลูมินาติ บังคับให้ IMF จ่ายเงินกู้ให้รัฐบาลช็อคโกแล็ต ของยูเครนไป 1.3 ล้านล้านบาท เพื่อเก็บดอกเบี้ยกินไปก่อนละกัน..จน เครียด พี้กัญชา..ฮา
@ เสธ น้ำเงิน1 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 7 มี.ค.58 โอ้วว.. เมื่อ 4,000 ล้านปีก่อน ดาวอังคารมีปริมาณน้ำ มากกว่าน้ำในมหาสมุทรของโลก



ผลการศึกษาของทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติ ที่ตรวจสอบวิเคราะห์ปริมาณน้ำที่เคยมีอยู่บนดาวอังคารในอดีต โดยใช้ใช้เวลาศึกษาราว 6 ปีบนโลก (เทียบได้กับเวลา 3 ปีบนดาวอังคาร) โดยใช้กล้องอวกาศเวรีลาร์จเทเลสโคพ (VLT) จากหอสังเกตุการณ์ยุโรปตอนใต้ (ESO) ในชิลี
กล้องโทรทรรศน์เค็ค 2 จากหอสังเกตการณ์เค็คในฮาวาย สหรัฐ และกล้องอวกาศอินฟราเรดเทเลสโคพฟาซิลิตี จาก NASA ในการสังเกต และบันทึกภาพชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร เพื่อวิเคราะห์ตำแหน่งที่เคยมีน้ำอยู่
นายเจโรนิโม วิลลานูวา นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ด ของ NASA ในรัฐแมริแลนด์ สหรัฐ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยครั้งนี้ ระบุว่า หลักการที่ใช้ คือ ตรวจสอบว่ามีน้ำปริมาณเท่าไรที่ระเหยอยู่ในชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร เพื่อนำมาคำนวณหาปริมาณน้ำที่เคยมีบนดาวอังคาร
โดยการสังเกตองค์ประกอบทางเคมีของน้ำที่แตกต่างกัน 2 ชุด ได้แก่ H2O ที่ประกอบไปด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และอ็อกซิเจน 1 อะตอม กับ HDO หรือที่เรียกว่าน้ำชนิดกึ่งหนัก เป็นการที่โมเลกุลของไฮโดรเจน 1 อะตอมถูกแทนที่ด้วยไฮโดรเจนหนัก หรือดิวเทอเรียม
เนื่องจาก HDO หนักกว่า H2O มันจึงระเหยไปสู่อวกาศได้ยากกว่า ดังนั้น ยิ่งมีน้ำระเหยออกไปมากเท่าไร ก็แปลว่าสัดส่วนของ HDO ต่อ H2O ในน้ำที่เหลืออยู่ จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อคำนวณย้อนกลับ สัดส่วนที่เหลืออยู่ของ HDO จะเชื่อมโยงถึงปริมาณน้ำที่ระเหยหายไปในอวกาศ ซึ่งจะบอกได้ถึงปริมาณน้ำทั้งหมดที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้
จากการคำนวณพบว่า เมื่อราว 4,000 ล้านปีก่อน พื้นที่ซีกบนของดาวเกือบครึ่งหนึ่งถูกปกคลุมด้วยน้ำซึ่งมีความลึกประมาณ 140 เมตร โดยบางจุดมีความลึกมากถึงกว่า 1.6 กิโลเมตร คาดว่าตำแหน่งที่เคยเป็นมหาสมุทรใหญ่ น่าจะอยู่ตรงจุดที่เรียกว่านอร์เทิร์นเพลนส์
ซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่ต่ำ สัดส่วนที่เป็นน้ำคิดเป็นร้อยละ 19 ของพื้นผิวดาว ใหญ่กว่าสัดส่วนของมหาสมุทรแอตแลนติกบนโลก และมีปริมาณน้ำอย่างน้อย 20 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร มากกว่าน้ำในมหาสมทรอาร์คติคของโลก ต่อมาน้ำราวร้อยละ 87 จะระเหยออกสู่ชั้นบรรยากาศ
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า น้ำปริมาณมหาศาลขนาดนั้น น่าจะทำให้ดาวอังคารเป็นมีลักษณะที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต เป็นช่วงระยะเวลาที่นานกว่าที่เราเคยคิดไว้ ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ยังให้ความสนใจกับน้ำแข็ง ที่ปกคลุมบริเวณขั้วโลกเหนือและใต้ของดาวอังคาร
ซึ่งถือเป็นแหล่งเก็บกักน้ำที่ใหญ่ที่สุด โดยเชื่อว่าน้ำแข็งเหล่านั้นเต็มไปด้วยข้อมูลที่บันทึกวิวัฒนาการของน้ำบนดาวอังคาร จากยุคโนอาเคียนที่ชุ่มชิ้นเมื่อราว 3,700 ล้านปีก่อน มาจนถึงปัจจุบัน
------------------------------->
โอ้วว..เมื่อ 4,000 ล้านปีก่อน ดาวอังคารเคยมีปริมาณน้ำ มากกว่าน้ำในมหาสมุทร ของโลกในปัจุบัน สอดคล้องกับผลสำรวจโดยยานอวกาศของ NASA ที่ส่งยานอวกาศ ไปลงพื้นที่ปฏิบัติการสำรวจดาวอังคาร นานกว่า 2 ปี มีการขุดเจาะสำรวจพื้นดาว เพื่อคำนวนสัดส่วนน้ำ
และออกรายงานมาก่อนหน้าแล้ว ว่าดาวอังคารเคยมีแหล่งน้ำ และมหาสมุทรมาก่อน และโลกของเราก็เพิ่งกำเนิดเมื่อราว 4,500 ล้านปีมานี้เอง ตอนนั้นโลกเราอยู่อาศัยไม่ได้ เพิ่งเริ่มมีสิ่งมีชีวิตชนิดไดโนเสาร์เมื่อราว 80 ล้านปีมีนี้เอง
แล้วที่ดาวอังคาร เมื่อ 4,000 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น น้ำถึงหายไปหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว และถ้ามีสิ่งมีชีวิตอยู่จริงขณะนั้น มันคือตัวอะไร ? และมันหายไปไหนหมดแล้ว ?
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Chalee Na Roied



หลายวันก่อนผมพูดถึงดาวเทียมทหารสหรัฐระเบิด เพราะเกิดความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน จนเกิดการระเบิด แตกกระจายเป็นขยะอวกาศนะครับ รายงานชินนี้ปรากฎในหน้าข่าว ของเว็บสปุตนิกของรัสเซียเช่นกัน แต่ไม่ระบุสาเหตุ บอกเพียงว่าเกิดความร้อนแบบฉับพลัน บนดาวเทียมดังกล่าวแล้ว ก่อนเกิดการระเบิด US Military Satellite Explodes, Sending Chunks of Debris Into Orbit / Sputnik International
วันนี้เข้ามาอ่านบางเว็บนะครับ ปรากฎว่าตอนนี้ รัสเซียเพิ่งประกาศ อาวุธสงครามอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ ที่สามารถติดตั้งในเครื่องบินรบ เรือรบ และเฮลิคอปเตอร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว เคยมีรายงานข่าวว่า เรือรบโดนัลคุคของสหรัฐ ต้องกลายเป็นสากกระเบือ ลอยลำรอความช่วยเหลือในโรมาเนีย เพราะถูกเครื่องบิน Su-24 ที่ไม่ได้บรรทุกระเบิดหรือจรวดใดๆทั้งสิ้น แต่ติดตั้งระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ บินวนไปมา 12 รอบ สามารถรบกวน สัญญาณเรดาร์ และทำลายขีปนาวุธ ระบบเอจีส รุ่นใหม่ล่าสุดของสหรัฐ จนไม่สามารถใช้งานได้ และไม่เป็นข่าวในสื่อหลักๆของสหรัฐมากนัก แต่บารัค โอบามา ต้องสั่งการให้เรือรบของสหรัฐ ห้ามเข้าไกล้เรือรบรัสเซีย ในระหว่างที่เรือรบรัสเซีย ไปปรากฏและอารักขาผู้นำรัสเซียในน่านน้ำ นอกชายฝั่งออสเตรเลีย ในการประชุม G20 เมื่อปีที่ผ่านมา http://www.zerohedge.com/…/putin-arrives-g-20-meeting-escor…
นอกจากนี้อ้างอิงจากแหล่งข่าวเดียวกัน ว่าทางรัสเซีย น่าจะติดตั้ง ระบบดังกล่าวบนดาวเทียมสังหาร(sattellite killer) ที่ผมเคยพูดถึงก่อนหน้านั้นนั่นแหละครับ และคาดว่าน่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการระเบิดของดาวเทียมสหรัฐ ที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
"In March 2015, Sputnik also secifically highlighted a "catastrophic event" when a US military satellite, after suffering a "sudden spike in temperature," exploded, sending dozens of chunks of debris hurtling into Earth's orbit.
Was this a shot across the bow from Russia, showing exactly what they could do, not only to our warships, planes and submarines, but to our satellite systems as well?"
http://www.allnewspipeline.com/Has_Russia_Just_Changed_The_…
และแน่นอนครับสำหรับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัสเซียเองก็ไม่ได้ ออกมาบอกว่าอยู่เบื้องหลัง และทางรัฐบาลสหรัฐก็คงไม่กล้าที่จะยอมรับ และระบุสาเหตุ ของการระเบิดของ ดาวเทียมดังกล่าว น่าจะมาจากระบบพลังงาน ของดาวเทียมดังกล่าวล้มเหลว จึงเป็นที่มาของการระเบิด http://spaceflightnow.com/…/power-system-failure-likely-ca…/
แต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้านั้น นั่นแหละครับอะไรก็สามารถ เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะรัสเซียเองเวลานี้ กำลังถูกบังคับให้ต้องเตรียมรับมือสงคราม จากกองกำลังนาโตและสหรัฐ ที่กำลังรุกประชิดพรมแดน ในยุโรปตะวันออกเข้ามาเรื่อยๆ และและที่สำคัญที่สุดเวลานี้ คือทั้งอังกฤษและสหรัฐกำลังจะท้าทาย คำเตือนของรัสเซีย ที่เคยออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านั้นว่า ถ้านาโตหรือสหรัฐสนับสนุนอาวุธให้กับ รัฐบาลยูเครนแล้ว รัสเซียจะถือว่าเป็นภัยคุกคาม ต่ออำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของรัสเซีย ซึ่งในเวลานี้สหรัฐก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่า จะส่งทหารจำนวน 300 นาย พร้อมทั้งอาวุธที่ทันสมัย เข้าไปยังยูเครนภายในสุดสัปห์ดานี้ http://www.zerohedge.com/…/despite-russian-warnings-us-will…
และรัสเซียเองในปีนี้ก็มีแผนซ้อมรบ ด้วยการโจมตีด้วยขีนาวุธกว่า 100 ครั้ง ในปี2015 เพื่อเตรียมทำสงครามนั่นเอง ซึ่งล่าสุดยังซ้อมรบด้วยการใช้เครื่องบินรบ ซู-30 ในการโจมตีเรือรบสหรัฐและนาโตในทะเลดำ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพร้อมทั้ง ซ้อมยิงขีปนาวุธ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า http://www.trunews.com/russias-strategic-missile-forces-co…/
เพราะฉะนั้นนี่คือเค้าลาง ของสงครามที่กำลังคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเค้าลางของหายนะทางเศรษฐกิจที่กำลังรอเวลาประทุ สอดคล้องกับคำเตือนของ มหาเศรษฐที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลก คือ "Rothchild" ที่ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนบรรดานักลงทุนว่า ห้วงเวลานี้ภูมิศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ อยู่ในสถานการณ์อันตรายที่สุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง..
http://www.zerohedge.com/…/lord-rothschild-warns-investors-…

 

Chalee Na Roied

ท่านก็พิจารณาดูเองนะครับ เมื่อตอนเที่ยงผมพูดถึง การปล้นรถขนทองคำในสหรัฐ ตอนนี้ทางการบังกลาเทศ รวบฑูตเกาหลีเหนือ ขณะกำลังขนทองคำกว่า 27 กิโลกรัมเข้าประเทศ
"บ่องตง" นะ ถ้าใครมีเงินตอนนี้ มีที่ทางสำหรับเพาะปลูกแล้ว อย่าไปเสี่ยงกับการลงทุนในตลาดหุ้นเลย ซื้อตู้เซฟและกว้านซื้อทองคำมาเก็บแน่นอนที่สุด ช่วงนี้ราคายังไม่สูงมากนัก ถ้าเป็นทองคำ 99.99% ได้ยิ่งดี เพราะต่างประเทศยอมรับ เงินหยวนของจีน ที่รัฐบาลจีนกำลังผลักดันแทน ดอลลาร์สหรัฐ ก็เพราะจีนเขามั่นใจใน ตัวเลขครอบครองทองคำ ที่ไม่ยอมประกาศออกมานั่นแหละ http://www.telegraph.co.uk/…/China-has-more-gold-than-offic…
เพราะเชื่อว่าเวลานี้ น่าจะมีมากที่สุดในโลก มากกว่าสหรัฐด้วยซ้ำ เพราะสหรัฐมีแต่ตัวเลข แต่ไม่น่าจะมีทองคำ มิเช่นนั้นคงไม่เอาดอลลาร์ ไปผูกกับน้ำมัน(petrodollar) และเป็นเหตุให้ต้องทำสงคราม กับประเทศที่ ขายน้ำมันแลกทองคำอย่าง อิรัก ลิเบีย ซีเรีย เป็นสงครามไม่รู้จบเรื่อยมา จนกระทั่งมาเจอกับ อิหร่านและรัสเซีย สองประเทศที่ ค้าขายน้ำมัน โดยไม่ใช้ดอลลาร์ และแน่นอนว่า รัสเซียไม่ยอมแม้ จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ตาม เพราะวางแผนรับมือมาเช่นกัน เพราะถ้ารัสเซียยอม ก็เท่ากับกลายเป็นเมืองขึ้น ไปโดยปริยายนั่นเอง..
http://www.zerohedge.com/…/russia-just-pulled-itself-out-pe…

รวบทูตโสมแดง ลอบขนทองคำ27กิโลกรัมเข้าบังกลาเทศ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มีนาคม 2558 23:32 น.

ศุลกากรบังกลาเทศควบคุมทูตเกาหลีเหนือรายหนึ่ง ขณะกำลังพยายามลอบขนทองคำราว 27 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(45ล้านบาท) เข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ระดับสูงเผยเมื่อวันศุกร์(6มี.ค.)

"เราพบทองคำทั้งในรูปแบบของทองคำแท่งและเครื่องประดับจากนายซอน ยุง นัม เลขานุการเอกของสถานทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงธากา" โมอินุล คาน อธิบดีกรมข่าวกรองศุลกากรเผย พร้อมระบุว่าทองคำทั้งหมดมีน้ำหนักรวม 27 กิโลกรัม

นายซอน ยุง นัมถูกปล่อยตัวไปหลังจากยอมรับสารภาพ แต่บังกลาเทศกำลังแสวงหาทางดำเนินคดีกับทูตรายนี้ "สิ่งที่เขาทำ อยู่นอกเหนือบรรทัดฐานทางการทูต" คาน บอกกับรอยเตอร์ พร้อมเผยว่าตามกฎหมายแล้ว นักเดินทางสามารถนำทองคำเข้ามายังบังกลาเทศในมูลค่าที่ไม่เกิน 1,282 ดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 41,000บาท) เท่านั้น

คานเผยว่าทูตรายนี้ผ่านเข้ามาทางช่องเขียวของด่านศุลกากร ณ ท่าอากาศยานนานาชาติธากา หลังเดินทางมาจากสิงคโปร์ ด้วยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ส แต่เจ้าหน้าที่ได้ขอดำเนินการสแกนกระเป๋าสัมภาระของเขา

"เขาบอกกับเจ้าหน้าที่ของเราว่าไม่มีอะไรต้องสแกน" นาจิบูระ ราห์มาน ประธานคณะกรรมาการภาษีแห่งชาติเผย "ต่อมา เราได้รับแจ้่งจากกระทรวงการต่างประเทศของเรา และเขาก็รับการปล่อยตัวไปในวันศุกร์(6มี.ค.) ภายใต้อนุสัญญาเวียนนา"

http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000026943

 

น้ำมันดิ่ง-ทองร่วงเกือบ$32 หุ้นสหรัฐฯปิดลบจากข้อมูลภาคแรงงาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2558 05:19 น.



เอเอฟพี - ราคาน้ำมันปิดลบแรง ส่วนทองคำร่วงเกือบ 32 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์(6มี.ค.) หลังข้อมูลภาคแรงงานที่สดใสดันสกุลเงินอเมริกาแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้แล้วตัวเลขดังกล่าวยังฉุดให้วอลล์สตรีทปิดลบหนัก ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 75 เซนต์ ปิดที่ 59.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน มีขึ้นหลังจากข้อมูลภาคแรงงานของสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่งเกินคาดหมาย โดยเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ มีการจ้างงานเพิ่มเติม 295,000 อัตราในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับร้อยละ 5.5 ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008

ตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมาสดใส ผลักให้่ดอลลาร์แข็งค่าที่สุดในรอบ 11 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งปัจจัยนี้ส่งผลให้น้ำมันดิบมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ใช้สกุลเงินต่างประเทศ

ทั้งนี้ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ส่งกระทบแบบเดียวกันมายังตลาดทองคำ และฉุดให้ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์(6มี.ค.) ร่วงลงอย่างหนัก โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 31.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,164.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์(6มี.ค.) ปิดลบหนัก หลังข้อมูลภาคแรงงานอันแข็งแกร่งของอเมริกา กระพือความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้

ดาวโจนส์ ลดลง 278.94 จุด (1.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,856.78 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 29.78 จุด (1.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,071.26 จุด แนสแดค ลดลง 55.44 จุด (1.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,927.37 จุด

นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขการจ้างงานล่าสุด ที่ถูกเผยแพร่ออกมาตามหลังข้อมูลที่สดใสอื่นๆในภาคแรงงาน เพิ่มโอกาสให้เฟดจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น จากเดิมที่วางกรอบไว้ในเดือนมิถุนายน

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000026985

 

รัสเซียจวก “โค้ก-แมคโดนัลด์” ขายอาหารขยะให้ชาวหมีขาว ชี้ไม่ต่างจากทำสงคราม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2558 15:52 น. (แก้ไขล่าสุด 7 มีนาคม 2558 18:33 น.)



เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียกล่าวหาบริษัทเครื่องดื่มโคคาโคลา และร้านฟาสต์ฟูด แมคโดนัลด์ ว่าทุ่มงบโฆษณาหลอกล่อให้ชาวแดนหมีขาวบริโภคอาหารขยะที่บั่นทอนสุขภาพ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการ “ทำสงคราม” โจมตีพลเมืองรัสเซีย

ผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรี ดมิตรี เมดเวเดฟ แห่งรัสเซีย กล่าวตำหนิสองบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ว่าทำให้พลเมืองรัสเซียเสพติดอาหารและเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์โจมตีทางอ้อมเพื่อแก้เผ็ดสหรัฐฯ จากกรณีปัญหายูเครน

“พวกเขาใช้การตลาดที่ก้าวร้าวเพื่อขายผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมการกินของเราแม้แต่น้อย... ทำเช่นนี้ก็เหมือนเปิดสงครามกับชาวรัสเซียดีๆ นี่เอง” เกนนาดี โอนิชเชนโก ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีวิทยุ Russkaya Sluzhba Novostei

โอนิชเชนโกซึ่งเป็นอดีตผู้ตรวจสอบอนามัยของรัสเซีย เคยสั่งแบนอาหารนำเข้าจากประเทศที่เป็นศัตรูการเมืองของมอสโก โดยยกปัญหาด้านสุขอนามัยมาเป็นข้ออ้าง และเมื่อปีที่แล้วเขาถึงกับพูดว่า โคคา-โคลา และเป๊ปซี่ เป็น “อาวุธเคมี” อย่างหนึ่ง ซึ่งตนรู้สึกเสียดายที่เครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ได้ติดโผสินค้าที่ห้ามนำเข้ามายังรัสเซีย

“เยาวชนของเราดื่ม โคคา-โคลา มากกว่านมเสียอีก และถ้าพูดถึงแมคโดนัลด์ พวกเขาควรจะเปลี่ยนเมนูอาหารเสียใหม่เป็นของที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้บริโภคในรัสเซีย ไม่ใช่ของกินเล่นที่หยิบเข้าปากง่ายๆ เท่านั้น” เขากล่าวเสริม

เมื่อวันพฤหัสบดี (5) อเล็กเซย์ พุชคอฟ หัวหน้าคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาดูมา ก็ได้กล่าวท้าทายให้แมคโดนัลด์และ โคคา-โคลา ถอนกิจการออกไปเสีย

“แมคโดนัลด์ กับ โคคา-โคลา ไม่อยากสนับสนุนนโยบายคว่ำบาตรของประธานาธิบดี บารัค โอบามา และปิดกั้นสินค้าของพวกเขาไม่ให้เราบริโภคหรอกหรือ... (ถ้าพวกเขาถอนกิจการ) ก็จะได้ปฏิบัติตามจุดยืนของสหรัฐฯ และประชาชนของเราก็จะสุขภาพดีขึ้นด้วย”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แมคโดนัลด์ตกเป็นเป้าหมายโจมตีของรัฐบาลมอสโก

เมื่อปีที่แล้ว รัสเซียได้ส่งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบสุขอนามัยภายในร้านแมคโดนัลด์มากกว่า 100 สาขา จนเป็นเหตุให้บางสาขาถูกสั่งปิดชั่วคราว รวมถึงสาขาจัตุรัสพุชกินซึ่งเป็นสาขาแรกที่เปิดตัวตั้งแต่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย

รัสเซียปฏิเสธคำครหาที่ว่า การไล่บี้แมคโดนัลด์ซึ่งเป็นตัวแทนวัฒนธรรมการกินของชาวอเมริกันเป็นเรื่องการเมือง


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000027130

 

ยูเครนเริ่มสงบ!โอเอสซีอีเผยเคียฟ-กบฏยึดถือข้อตกลงหยุดยิง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2558 02:30 น.



รอยเตอร์ - องค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป(โอเอสซีอี) ระบุในวันศุกร์(6มี.ค.) ว่าข้อตกลงหยุดยิงทางภาคตะวันออกของยูเครนได้รับการยึดถือและภาพรวมของความเป็นปรปักษ์ลดน้อยลง ขณะเดียวกันทางเยอรมนียังเผยด้วยว่าเคียฟและมอสโกต่างเห็นพ้องขอเพิ่มจำนวนคณะผู้สังเกตการณ์

"จากการประเมินของผม โดยรวมแล้วถือว่าข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ แต่ก็ยังมีการละเมิดอยู่บ้าง" ลัมแบร์โต ซานนิเยร์ เลขาธิการใหญ่องค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ พร้อมเผยว่าในเหตุละเมิดต่างๆนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นการใช้อาวุธขนาดเล็ก

"มีกรณียิงปืนครกบ้าง แต่มันเป็นอาวุธที่มีลำกล้องขนาดเล็ก" ซานนิเยร์ เปิดเผยรอบนอกที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอียู ในกรุงรีกา ประเทศลัตเวีย "ฉะนั้น เราไม่พบเห็นการละเมิดใดๆโดยการใช้ระบบปืนใหญ่ และเราเห็นด้วยว่าพวกมันถูกเคลื่อนย้ายออกมาแล้ว"

คำกล่าวของซานนิเยร์ มีขึ้นในขณะที่นายแฟรงค์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่ารัสเซียและยูเครนเห็นพ้องร้องขอเพิ่มคณะผู้สังเกตุการณ์จากโอเอสซีอีเป็น 2 เท่า จาก 500 คนเป็น 1,000 คน เพื่อสังเกตการณ์ข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามกันในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุสเมื่อเดือนที่แล้ว

สไตน์ไมเออร์ เผยว่าทั้งสองเห็นพ้องกันในเรื่องดังกล่าว ตามหลังการหารือที่กระทรวงการต่างประเทศในกรุงเบอร์ลิน ที่ร่วมด้วยเหล่าเจ้าหน้าที่จากรัสเซีย ยูเครน ฝรั่งเศส และเยอรมนี อย่างไรก็ตามทางซานนิเยร์ บอกว่าจำนวนของคณะผู้สังเกตการณ์ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ "ปัญหาหลักตอนนี้ไม่ใช่จำนวน แต่เป็นการเข้าถึง หากพวกเขาเข้าถึงได้มากขึ้น ผมอาจได้อะไรจากพวกเขามากกว่านี้ นี่นับเป็นความท้าทายที่แท้จริงสำหรับผม"

ซานนิเยร์ ระบุว่าเขาอยากได้เครื่องบินสอดแนมไร้คนขับ(โดรน)ขนาดเล็ก เข้าไปเสริมประสิทธิภาพการทำงานของโดรนที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ลำที่กำลังถูกใช้สังเกตการณ์ข้อตกลงหยุดยิงในตอนนี้

ภารกิจของโอเอสซีอี จะหมดอายุลงในวันที่ 21 มีนาคม แต่ ซานนิเยร์ แย้มมีความเป็นไปได้ที่จะมีการต่ออายุออกไปอีกปี "ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้สึกอุ่นใจหากมีการขยายเวลาออกไปอีกเป็นเวลานาน อย่างน้อยก็ 1 ปี มันแสดงให้เห็นว่าปฏิบัติการนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี"

ยูเครนและชาติตะวันตก กล่าวหารัสเซียส่งทหารและยุทโธปกรณ์สนับสนุนพวกแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครน แต่มอสโกยืนกรานปฏิเสธมาตลอด


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000026976

 

Focus : รอยเตอร์เปิดรายงานพิเศษ แฉ “รายงานลับ” ชิ้นสุดท้ายในมือคู่อริการเมืองปูติน ที่อาจนำไปสู่การถูกลอบสังหาร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
6 มีนาคม 2558 17:01 น.



รอยเตอร์ – รายงานลับชิ้นนี้ที่ถูกเขียนคร่าวๆด้วยปากกาสีน้ำเงินบนกระดาษเปล่าขนาดเอ 4 เป็นชิ้นสุดท้ายที่โบริส เน็มต์ซอฟ (Boris Nemtsov)อดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย และผู้นำฝ่ายค้านในรัสเซีย เกี่ยวกับการตรวจสอบความเกี่ยวพันของรัสเซียในวิกฤตยูเครน ซึ่งรอยเตอร์วิเคราะห์เมื่อวานนี้(5) อาจนำไปสู่การถูกลอบสังหาร

รายงานการสอบสวนที่ทำโดยโบริส เน็มต์ซอฟ (Boris Nemtsov)อดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย และผู้นำฝ่ายค้านในรัสเซียทำให้ค้นพบว่า เน็มต์ซอฟอยู่ในระหว่างการไต่สวนคดีการเสียชีวิตของพลเมืองรัสเซียในยูเครน ซึ่ง 1 วันก่อนถูกลอบสังหาร รอยเตอร์รายงานว่า ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียและ โอลกา โชรินา (Olga Shorina) ที่ปรึกษาของเน็มต์ซอฟกำลังปรึกษาหารือถึงการที่เน็มต์ซอฟเริ่มเตรียมพร้อมในการสืบสวนเครมลินยื่นมือสนับสนุนกลุ่มกบฎยูเครน

และเป็นเพราะเกรงว่าสำนักงานเขาจะถูกฝ่ายตรงข้ามดักฟัง ทำให้เน็มต์ซอฟใช้วิธีจดข้อมูลแทน “มีกองกำลังหน่วยพลร่มรัสเซียมาจากอีวานโนโว(Ivanovo) ได้เข้ามาติดต่อกับผม มีคนราว 17 คนถูกสังหาร และคนเหล่านั้นไม่ได้ให้เงินกับพวกเขา แต่ในขณะนี้คนเหล่านี้เกรงภัยถึงตัวและไม่กล้าเปิดปากพูด” รายงานจากโน้ตของเน็มต์ซอฟที่โชรินาเปิดเผยต่อรอยเตอร์ และเธอกล่าวว่า “เขาไม่ได้พูดอะไรเลย เขาไม่ต้องการพูดส่งเสียงออกไป จึงสาเหตุที่ทำให้เขาจดบันทึกและยื่นให้ดิฉันแทน”

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ชี้ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะยืนยันความถูกต้องและแท้จริงของโน้ตเหล่านี้

ทั้งนี้ตั้งแต่หน้าร้อนที่ผ่านมา มีข่าวหนาหูลือไปทั่วรัสเซียว่า ชาวรัสเซียที่ทำงานให้กับกองทัพเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในการต่อสู้ที่ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งจากสถิติพบว่ามีผู้เสียชีวิตในยูเครนตะวันออกไม่ต่ำกว่า 6,000 คน และถึงแม้จะมีหลักฐานท่วมท้นจากทั้งรัฐบาลยูเครน และโลกตะวันตกแสดงถึงการข้องเกี่ยวระหว่างเครมลิน และกบฏยูเครน แต่กระนั้นเครมลินและประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินยังคงยืนยันว่า ไม่เคยส่งกองกำลังรัสเซียหรืออาวุธข้ามไปยังยูเครนตะวันออก โดยอ้างเพียงว่า ชาวรัสเซียที่พบต่อสู้ในยูเครนตะวันออกเป็นกลุ่มอาสาสมัครโดยสมัครใจไปร่วมรบเอง

และทำให้รอยเตอร์ชี้ว่า นี่อาจเป็นสาเหตุว่าเหตุใดรายงานการสอบสวนชิ้นสุดท้ายของเน็มต์ซอฟนั้น “สำคัญมาก” และบางที่อาจจะสำคัญมากเสียจนกระทั่งในความเห็นของเพื่อนบางคนของอดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียที่วิเคราะห์ว่า อาจนำไปสู่เหตุลอบสังหารตัวเขาในที่สุด ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะชี้ว่า ยังคงเป็นที่น่ากังขาว่า รายงานชิ้นนี้จะเป็นมูลเหตุหลักในการลงมือลอบสังหารบุคคลสำคัญทางการเมืองรัสเซีย

นอกจากนี้ในฐานะที่เป็นหนึ่งในปรปักษ์ทางการเมืองคนสำคัญของประธานาธิบดีรัสเซีย ในหลายปีที่ผ่านมาเน็มต์ซอฟขุดคุ้ยการทำงานและนโยบายที่ผิดพลาด รวมไปถึงปัญหาคอรัปชัน โดยก่อนหน้านี้เน็มต์ซอฟได้เปิดเผยรายงานถึง 8 ฉบับต่อสาธารณชน รวมไปถึง การคอรัปชันโครงการโอลิมปิกฤดูหนาวที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ และการตรวจสอบทรัพย์สินปูตินและในวงคนใกล้ชิด

รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่าโชรินาและคนใกล้ชิดอื่นๆของเน็มต์ซอฟกล่าวว่า ข้อมูลเกือบทั้งหมดที่เน็มต์ซอฟรวบรวมที่เกี่ยวข้องกับสงครามยูเครนได้มาจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้วทั้งสิ้น และเน็มต์ซอฟไม่มีความตั้งใจที่จะเปิดเผยถึงการสอบสวนข้อมูลใหม่ที่ได้รับ แต่อย่างไรก็ตามโชรินาชี้ว่า เน็มต์ซอฟได้ติดต่อกับญาติของบรรดาทหารรัสเซียที่ต้องปฎิบัติหน้าที่ในยูเครนตะวันออก ซึ่งอดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียพยายามหว่าล้อมให้คนเหล่านั้นเปิดเผยเรื่องราวออกสู่สาธารณะ โดยกลุ่มทหารเหล่านั้นมีฐานอยู่ที่เมืองอีวานโนโว ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือร่วม 300กม . รายงานจากการจดบันทึกของเน็มต์ซอฟ ซึ่งเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองกำลังหน่วยพลร่มที่ 98

“เขายังคงติดต่อกับคนพวกนั้นอย่างสม่ำเสมอ แต่การที่เน็มต์ซอฟยังคงสามารถติดต่อกับคนพวกนั้นได้โดยวิธีใด ดิฉันไม่ทราบได้เพราะเขาไม่เคยขอให้ดิฉันติดต่อกับใคร” โชรินาเผย

ทั้งนี้ทั้งโชรินา และอิลยา ยานิน( Ilya Yashin) ผู้ช่วยอีกคนของเน็มต์ซอฟมีความคาดหวังว่าจะเผยแพร่รายงานการสอบสวนของเน็มต์ซอฟให้ได้ภายใน 1 เดือน ซึ่งจากเท่าที่เธอระบรู้เน็มต์ซอฟได้เขียนสารบันของรายงานไว้แล้ว และเธอกล่าวว่า จากรายงานขุดคุ้ยฉบับก่อนหน้านี้ เน็มต์ซอฟใช้วิธีจดจำข้อมูลไว้ในสมอง และจะบอกให้เธอจดตามก็ต่อเมื่อเขาพร้อมเท่านั้น ส่วนยานินเผยว่า ทั้งเน็มต์ซอฟและตัวเขาได้ถกเถียงเรื่องรายงานยูเครน 1 วันครึ่งก่อนที่เน็มต์ซอฟจะถูกลอบสังหาร “เขาบอกกับผมว่า เขาได้ติดต่อกับญาติของทหารรัสเซียซึ่งถูกสังหารในยูเครน และมีแผนที่จะเดินทางไปเยี่ยมคนเหล่านั้นเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม และยังเปิดเผยว่าในอนาคตอันใกล้จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและจัดหมวดหมู่หลักฐานที่ระบุว่ามีกองกำลังรัสเซียปฎิบัติการในยูเครน เพื่อพิสูจน์คำโกหกของประธานาธิบดีปูตินที่ประกาศว่า ไม่มีกองกำลังรัสเซียในยูเครนตะวันออก”

และจากยานินทำให้รับรู้ว่า เน็มต์ซอฟได้ตั้งชื่อรายงานแฉปฎิบัติการทหารรัสเซียในยูเครนแล้ว ซึ่งอดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียผู้นี้มีความตั้งใจจะตั้งชื่อว่า “ปูตินและสงคราม”

Focus :

 

Weekend Focus:โอบามากับ “ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน” ประเด็นร้อนท้าทาย “ดุลยภาพตะวันออกกลาง” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2558 00:02 น.



การออกโรงโจมตีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามาแบบออกนอกหน้า และเผ็ดร้อนของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โดยเฉพาะในกรณีโครงการพัฒนาด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ถือเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนด้านต่างประเทศที่มีผู้คนติดตามมากที่สุดประเด็นหนึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน “บีบี”เนทันยาฮู ของอิสราเอล ในวัย 65 ปีได้ใช้โอกาสที่ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสภาคองเกรสส์ของสหรัฐฯ ในวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ประณามความพยายามของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ในการจับมือมหาอำนาจอื่นๆ ผลักดันให้เกิดข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมในเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์กับอิหร่าน โดยเนทันยาฮู ชี้ว่า รัฐบาลวอชิงตันในเวลานี้กำลังเปิดช่องทางให้อิหร่านไ ด้กลายเป็นผู้ครอบครองอาวุธมหาประลัยอย่างระเบิดนิวเคลียร์ได้อย่างชอบธรรม

เนทันยาฮูซึ่งครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอลสมัยแรกระหว่างปี 1996-1999 ก่อนได้กลับเข้ามาครองอำนาจอีกครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2009 กล่าวโจมตีโอบามาในการเป็นตัวตั้งตัวตีผลักดันข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน โดยระบุว่าผู้นำเมืองลุงแซมทำผิดพลาดมหันต์ที่ยอมปล่อยให้อิหร่านได้ก้าวเดินบน “เส้นทางสายนิวเคลียร์” ต่อไป ทั้งๆที่โอบามาน่าจะทราบดีอยู่แก่ใจว่า ภูมิภาคตะวันออกกลางที่คุกรุ่นด้วยไฟแห่งความขัดแย้งมาโดยตลอด จะยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเพียงใดหากปล่อยให้อิหร่านแผ่ขยายอิทธิพลของตนได้ตามชอบใจ แถมยังมีสถานะสมาชิกของสโมสรนิวเคลียร์ (nuclear club) พ่วงท้าย

หลังการปราศรัยของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งปฏิเสธไม่ยอมพบปะหารือกับเนทันยาฮูระหว่างที่นายกฯยิวสายเหยี่ยวผู้นี้เดินทางเยือนอเมริกาคราวนี้ ออกมาตอบโต้กลับว่า คำพูดของเนทันยาฮู “ไม่มีอะไรใหม่” และ “ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์” ใดๆในการป้องกันไม่ให้อิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

สำหรับชายที่ชื่อเบนจามิน เนทันยาฮูแล้ว ความก้าวหน้าในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านไม่เพียงแต่จะคุกคามความอยู่รอดของอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นประเด็นร้อนที่สั่นคลอนอนาคตทางการเมืองของเขา ที่ต้องเผชิญบททดสอบสำคัญในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 17 มีนาคมนี้ด้วยเช่นกัน

ด้านมาร์ซีห์ อัฟกัม โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ออกโรงตราหน้าเนทันยาฮูว่าเป็น “นักโกหกลวงโลก” ที่คอยสร้างข้อมูลเท็จมาป้ายสีเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์เชิงสันติของรัฐบาลเตหะราน ขณะที่เฟเดริกา โมเกรินี ประธานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ชี้ว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกำลังทำในสิ่งที่เรียกว่า “โหมกระพือความหวาดกลัว” โดยไม่มีความจำเป็น

ในอีกด้านหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่าทีของรัฐบาลโอบามาในการ “โอนอ่อน” ต่ออิหร่านในเรื่องนิวเคลียร์ กำลังสร้างความกังวลใจไม่น้อยให้กับบรรดารัฐอาหรับอย่างซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงอียิปต์ ที่ถือเป็นพันธมิตรสำคัญของอเมริกาที่มีอยู่เพียงน้อยนิดใน “โลกอาหรับ” ด้วยเช่นกัน

แหล่งข่าวทางการทูตในภูมิภาคตะวันออกกลางเผยว่า ในยามนี้กระแสความไม่พอใจสหรัฐฯ กำลังเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะในซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงอียิปต์ เพราะชาติพันธมิตรอาหรับเหล่านี้ต่างกำลังรู้สึกว่า ตนเองถูก “หักหลัง” จากวอชิงตันที่หันไปผูกไมตรีกับอิหร่านที่ถือเป็น “ไม้เบื่อไม้เมา” ของรัฐอาหรับสายสุหนี่มาช้านาน

มิชาล อัล-เกอร์กาวี ผู้อำนวยการใหญ่สถาบัน “เดลมา” ในอาบูดาบี ให้ความเห็นไว้อย่างเจ็บแสบว่า รัฐบาลบารัค โอบามากำลังผลักไส “เพื่อนรักที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในโลกอาหรับ” ให้ตกลงไปใต้ท้องรถบัส และพร้อมแล่นทับจนสิ้นใจ แต่ในขณะเดียวกันโอบามากลับอ้าแขนเชื้อเชิญ “ศัตรูคู่อาฆาต” อย่างอิหร่านขึ้นมานั่งจิบไวน์อยู่บนรถบัสหน้าตาเฉย

ด้านอาลี วาเอซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอิหร่านแห่งสถาบัน “International Crisis Group” ออกมาระบุว่า จุดยืนที่ล่อแหลมของรัฐบาลโอบามาต่อโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน นอกจากจะทำให้อิหร่านได้มีโอกาสขยับเข้าใกล้ความเป็น “รัฐนิวเคลียร์” มากขึ้นทุกขณะแล้ว ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลวอชิงตันยังอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ “ดุลอำนาจ” ในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างสำคัญด้วยการผลักดันให้รัฐชีอะห์อย่างอิหร่านรวมถึงซีเรีย ได้ผงาดเหนือฝ่ายสุหนี่ที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำอีกด้วย

ดังนั้น จึงมิใช่เรื่องที่น่าประหลาดในหรือเกินความคาดหมายแต่อย่างใด หากนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะมีโอกาสได้เห็นผู้นำของรัฐอื่นๆในตะวันออกกลาง ออกมากล่าวโจมตีสหรัฐฯในเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่านซ้ำรอย นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลอีก และคงต้องติดตามต่อไปว่าประเด็นร้อนฉ่าเรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านนี้จะจบลงเมื่อใดและในลักษณะใด รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อ “ดุลยภาพของตะวันออกกลาง” ที่แสนเปราะบางมากน้อยเพียงใด

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000026291

 

ตร.เกาหลีใต้ตั้งข้อหามือมีดฟันหน้าทูตสหรัฐฯ'พยายามฆ่า'!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2558 01:04 น.

https://www.youtube.com/watch?v=sGdd8Fk7KG0

เอเอฟพี - ตำรวจเกาหลีใต้ในวันศุกร์(6มี.ค.) ตั้งข้อหาชายที่ก่อเหตุใช้มีดจ้วงฟันใบหน้าและแขนเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซล "พยายามฆ่า" ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนความเป็นไปได้ที่เขาอาจเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่านายคิม คีจอง วัย 55 ปี ยังเจอข้อหามีพฤติกรรมรุนแรงกับทูตต่างชาติอีกกระทง ต่อกรณีที่เขาใช้มีดจ้วงฟันใบหน้านายมาร์ก ลิปเปิร์ต จนทำให้เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซลรายนี้เป็นแผลลึกบริเวณแก้มขวาต้องเย็บถึง 80 เข็ม



เบื้องต้นปรากฎว่า คิม ลงมือเพียงลำพัง เป็นพวกชาตินิยมรุนแรงและมองสหรัฐฯในฐานะอุปสรรคขัดขวางการคืนสู่ความปรองดองของคาบสมุทรเกาหลี แต่ต่อมาก็พบว่าเขาเคยเดินทางไปยังเกาหลีเหนือหลายครั้งช่วงระหว่างปี 2006 ถึง 2007 และเคยพยายามจัดตั้งอนุสรณ์รำลึกถึงคิมจองอิลในกรุงโซล หลังจากอดีตผู้นำเปียงยางรายนี้ถึงแก่อสัญกรรมในปี 2011

พฤติกรรมดังกล่าวของนักเคลื่อนไหวรายนี้สอดคล้องกับปฏิกิริยาของเกาหลีเหนือต่อเหตุโจมตีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ซึ่งทางสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยาง เรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น ลงโทษอันชอบธรรม” และเป็น “การแสดงออกซึ่งการต่อต้าน” อย่างหนักแน่นมีเหตุมีผลต่อการซ้อมรบร่วมระหว่างโสมขาวกับอเมริกา
---
@นายมาร์ก ลิปเปิร์ต เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซล อาการดีขึ้นมากแล้ว และน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า
---
คดีของลิปเปิร์ต ถูกมอบหมายแก่คณะสืบสวนพิเศษที่ประกอบด้วยอัยการและตำรวจมากกว่า 100 คน ภายใต้การนำของหน่วยงานต่อต้านก่อการร้ายของสำนักงานอัยการเขตกลางแห่งกรุงโซล "เรากำลังสืบสวนความเป็นไปได้ที่เขาอาจเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ" ยูน มยุง-ซูน ผู้บัญชาการตำรวจเขตโซลกลางบอกกับผู้สื่อข่าว "เรากำลังพยายามตรวจสอบว่าเขาละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติหรือไม่"

กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 1948 เพื่อป้องกันเกาหลีใต้จากการถูกแทรกซึมโดยเกาหลีเหนือ โดยกฎหมายฉบับนี้ห้ามพูดถึงหรือเขียนสนับสนุนอุดมการณ์ของเปียงยาง หรือดำเนินกิจกรรมใดๆที่มองได้ว่าเป็นการต่อต้านรัฐ ด้วยมีบทลงโทษคือจำคุกสูงสุด 7 ปี

ตำรวจเข้าค้นบ้านและสำนักงานของนายคิมทางตะวันตกของกรุงโซลในตอนเช้าวันศุกร์(6มี.ค.) โดยได้มีการยึดเอกสารและฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์เพื่อนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม ต่อมา ผู้บัญชาการตำรวจเขตโซลกลางเผยว่า "เจ้าหน้าที่ยังพบหนังสือกบฏหลายๆเล่มที่บ้านพักของผู้ต้องหารายนี้ และให้ความสนใจโดยเฉพาะกับข้าวของต้องสงสัยที่มีลักษณะฝักใฝ่เกาหลีเหนือ" แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม

ในระหว่างที่เขาถูกนำตัวจากสถานีตำรวจไปยังศาลเมื่อวันศุกร์(6มี.ค.) คิมถูกถามว่าเขาลงมือตามคำสั่งของเกาหลีเหนือหรือไม่ เขาตอบว่า "ไม่ ไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น เป็นความคิดที่บังอาจมาก" ส่วนอัยการเผยว่าจะแสวงหาข้อหาพยายามฆ่าแก่ผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากลักษณะของการโจมตีที่มีการไตร่ตรองไว้ก่อน

---
@นายคิม คีจอง วัย 55 ปี ผู้ต้องหาคดีใช้จ้วงมีดฟันนายมาร์ก ลิปเปิร์ต เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซล ถูกนำตัวจากสถานีตำรวจไปยังศาล
---
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยยอนเซ ในกรุงโซล สถานที่พักรักษาตัวของนายลิปเปิร์ต ออกถ้อยแถลงระบุว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯวัย 42 ปี น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า และในเวลานี้อยู่ภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาของเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ

เหตุโจมตีในที่สาธารณะต่อทูตของพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีใต้ สร้างความตกตะลึงในประเทศที่มีการประท้วงทางการเมืองอย่างดุเดือดเป็นเรื่องปกติ แต่พฤติกรรมรุนแรงแบบนี้แทบไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนี้ยังก่อความอับอายและวิตกกังวลต่อคำถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงปล่อยให้ชายผู้ซึ่งมีประวัติกระทำรุนแรงกับทูตต่างชาติรายนี้ลงมือโจมตีได้อีก หลังจากนายคิม เคยถุกสั่งจำคุกในปี 2010 ฐานปาหินเข้าใส่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น แต่โทษให้รอลงอาญาไว้ก่อน

ทั้งนี้ระหว่างการจู่โจมนั้นนายคิมตะโกนเรียกร้องให้เกาหลีเหนือและใต้รวมประเทศ รวมทั้งต่อต้านการซ้อมรบประจำปีระหว่างโซลกับวอชิงตันที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์(2มี.ค.)ที่ผ่านมา

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000026964