ติดตามสถานะการณ์

สหรัฐกับอิสราเอล พันธมิตรทางการเมือง-ขัดแย้งส่วนบุคคล
เรื่องเด่นประเด็นร้อนby มูฮัมหมัด ซากี สันหมาด - ก.พ. 27, 2015



ในประวัติศาสตร์มากกว่า 70 ปีที่สหรัฐและอิสราเอลมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานและปัจจุบันก็ยังเป็นเฉกเช่นเดิม ทั้งสองประเทศมีการหันหน้าเข้าหากันและให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้รับเชิญจากประธานสภาของสหรัฐสู่สภาคองเกรสของประเทศ รัฐบาลสหรัฐมีนโยบายหลักที่สำคัญที่สุดในส่วนของการเมืองระหว่างประเทศ หมายถึงการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน และพวกเขาต้องการที่จะบี้อิหร่านให้ได้

ถ้าหากเราสังเกตคำวิจารณ์ต่างๆซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่สหรัฐและอิสราเอล

หรือวอชิงตันและอิสราเอลกำลังอยู่ในช่วงตีตัวออกห่างซึ่งกันและกัน?

หรือทั้งสองกำลังจะยกตนให้มีสิทธิพิเศษในการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน เพื่อที่จะให้สงครามนี้ยืดเยื้อออกไป?

ความขัดแย้งที่มีมากมายกับอิหร่าน

ไม่เป็นที่น่าสงสัยที่สหรัฐจะมีการถกเถียงและขัดแย้งกับอิสราเอลในเรื่องเกี่ยวกับการเจรจาโครงการนิวเคลียร์กับอิหร่าน ฝ่ายอิสราเอลโหยหาอยากให้มีการรื้อถอนโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน พร้อมกับปฏิกรณ์นิวเคลียร์เสีย ในทรรศนะมุมมองของพวกเขา คือ เมื่อใดก็ตามที่อิหร่านไม่ยอมจำนน การบอยคอตของประเทศต่างๆ ที่มีต่ออิหร่านจะต้องไม่ลดน้อยลงอย่างเด็ดขาด ฝ่ายอิสราเอลยังคงหวังจะสร้างแรงกดดันต่ออิหร่านในประเด็นปัญหานิวเคลียร์ และพฤติกรรมของอิหร่านในพื้นที่ต่างๆ ของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยอมรับอำนาจสูงสุดทางการเมืองจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในทางทหารของอิสราเอล

แม้ว่าสุดท้ายแล้วสหรัฐจะเห็นด้วยกับสิ่งต่างๆที่อิสราเอลหวัง แต่ทว่าลึกๆแล้วพวกเขาเชื่อว่าความต้องการของเทลอาวีฟในปัจจุบันนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มขับเคลื่อนเข้าสู่ความเป็นจริงและหันมาเตรียมความพร้อมในการยอมรับสิทธิในการครอบครองนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยมีเงื่อนไขว่า โครงการเหล่านี้ทั้งหมดที่มีอยู่จะต้องปัดเป่าความกังวลของชาติตะวันตกให้ได้ ด้วยวิธีนี้จะสามารถทำให้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์และยังครอบคลุมไปถึงความร่วมมือทางการเมืองและการรักษาความปลอดภัยระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก และจะทำให้สถานการณ์ที่ร้อนระอุในตะวันออกกลางกลับมาสู่วันเวลาแห่งความสงบอีกครั้ง

ซึ่งในขณะนี้สหรัฐและอิสราเอลกำลังอยู่ในช่วงของการปรับความเข้าใจกันในปัญหาต่างๆ ที่มีความขัดแย้งกัน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องราวปัญหานิวเคลียร์เท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วบารักโอบามาและนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเนทันยาฮูนั้นมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องวิธีการรักษาและการปกป้องการมีอยู่ของอิสราเอลในปัจจุบัน กลุ่มขวาจัดคืออิสราเอลหัวรุนแรงที่มีเนทันยาฮูเป็นแกนหลัก โดยมีนโยบายทางการเมืองคือกำปั้นเหล็กในการเผชิญหน้ากับศัตรูของอิสราเอล ได้รับการสนับสนุนและถูกสร้างมาจากชาวยิวทั่วทั้งแผ่นดินที่เรียกว่าอิสราเอลในปี 1948 ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวมีการก่อตั้งถิ่นฐานในดินแดนปาเลสไตน์โดยให้ความสำคัญกันอย่างเปิดเผย และสุดท้ายก็ได้เข้าสู่ขั้นตอนการปราบปรามชาวปาเลสไตน์พร้อมกับการนองเลือดที่ยิ่งใหญ่และยาวนานในกาซ่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่เสรีนิยมอเมริกันในรัฐบาลประชาธิปไตยของบารัค โอบามา เชื่อว่าการคลั่งไคล้ความรุนแรงของกลุ่มขวาจัดในอิสราเอลนั้นเป็นจะกลายเป็นศัตรูของอิสราเอลนั้นเอง ซึ่งมุมมองของกลุ่มที่โปรอิสราเอลนี้มีชื่อเรียกว่า J Street (กลุ่ม J Street เป็นกลุ่มที่ถูกรู้จักในนามผู้สนับสนุนสันติภาพและปกป้องรักษาผลประโยชน์ของอิสราเอล) อิสราเอลจะต้องปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเพื่อการอยู่รอดในยุคโลกาภิวัตน์ของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด และจะต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ตรงไปตรงมาซึ่งเปรียบเสมือนการตบหน้าสหประชาชาติไม่ว่าจะเป็นการฆ่าผู้คนบริสุทธิ์ การทำลายอาคารบ้านเรือนเป็นต้น กลุ่มเสรีนิยมของอเมริกันได้เน้นอย่างหนักว่า พฤติกรรมที่รุนแรงและสุดโต่งของเนทันยาฮูและเหล่าพลพรรคในรัฐบาลอิสราเอลนั้นเป็นเหตุทำให้อิสราเอลและเหล่าประเทศที่ร่วมทุกข์สุขกับพวกเขาต้องต้องพบกับความเกลียดชัง ซึ่งมันไม่ได้เกิดอยู่ในเฉพาะหมู่มุสลิมทั่วโลกแต่ความเกลียดชังมันได้ลุกลามเข้าสู่ยุโรปและสหรัฐ และปัญหาดังกล่าวนี้ได้มีการกล่าวถึงในสหภาพยุโรบทำให้คาดการณ์ได้ว่าอาจจะมีมาตรการลงโทษแก่รัฐบาลอิสราเอล ซึ่งมีรัฐบาลจำนวนหนึ่งออกมายอมรับการมีอยู่อย่างเอกเทศของประเทศปาเลสไตน์ และมีการยอมรับให้ปาเลสไตน์เข้าร่วมในศาลอาญาระหว่างประเทศ และยังมีการเคลื่อนไหวในเชิงเกลียดชังชาวยิวในยุโรป และรัฐบาลอิสราเอลในปัจจุบันได้ล่วงละเมิดและโกหกต่อกฏหมายระหว่างประเทศ และไม่ใช่เฉพาะแต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลปัจจุบันของสหรัฐเท่านั้นที่กำลังจ้องมองพฤติกรรมของอิสราเอล แต่สหภาพยุโรปก็เช่นเดียวกันที่กำลังพิจารณาพฤติกรรมของอิสราเอล ตัวอย่างเช่น ผลประโยชน์ที่เนทันยาฮูได้รับจากปฏิบัติการก่อการร้ายในยุโรป คือ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าชาวยิวที่อยู่ในยุโรปคิดจะทิ้งทวีปแห่งนี้และไปพำนักถิ่นฐานในอิสราเอลแทน และเป็นตัวจุดประกายการประท้วงขึ้นในยุโรปของเจ้าหน้าที่ทางการเมืองและศาสนา

แคมเปญการเลือกตั้งทั้งสองพรรค

ทุกรัฐบาลของสหรัฐในช่วงเวลา 70 ปีที่ผ่านมาล้วนเป็นรัฐบาลที่ปกป้องและสนับสนุนอิสราเอลเสมอมา และมีการพูดกันว่า รัฐบาล บารัค โอบามา ก็เช่นกัน ถือเป็นรัฐบาลที่สนับสนุนอิสราเอลที่ดีที่สุดจากรัฐบาลต่างๆ ที่ผ่านมา Joe” Biden รองประธานาธิบดีสหรัฐในรัฐบาลโอบามา ได้ออกมาพูดครั้งหนึ่งว่า ฉันเชื่อว่าฉันเป็นไซออนิสต์ และเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นเกียรติยศสำหรับตนเอง แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ใช่ชาวยิวก็ตาม หลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลโอบามามีการร่วมมือทางข้อมูลข่าวสารกับรัฐบาลอิสราเอลถึงขั้นที่ว่าการร่วมมือของรัฐบาลชุดนี้มีความแน่นแฟ้นและมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนของสหรัฐคือ จอร์จ บุช มีการกล่าวกันว่า อาวุธบางชนิดที่ใช้ในสงครามในสมัยที่รัฐบาลพรรครีพับลิคันของบุชบริหารยังไม่สามารถมอบให้อิสราเอล แต่พรรคเดโมแครทได้ให้การสนับสนุนกับพวกเขาทุกรูปแบบ และในไม่กี่เดือนที่ผ่านมาประชาคมโลกได้มีการพยายามที่จะร่างมติเกี่ยวกับการยอมรับรัฐอิสระกับวีโต้ซึ่งตัวแทนของรัฐบาลโอบามาออกมาปฏิเสธรัฐมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ

การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์หลังที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและกว้างขวางระหว่างวอชิงตันและเทลอาวีฟนั้นได้รับอิทธิพลจากการขัดแย้งของบุคคลระหว่างผู้นำสหรัฐและอิสราเอล ปัจจุบันในอิสราเอลโครงการต่างๆ ทางการเมืองและความปลอดภัยของประเทศขึ้นตรงอยู่กับการคัดเลือกของรัฐสภา จึงทำให้เห็นว่า ท่าทีที่รุนแรงและสุดโต่งของเนทันยาฮูโดยเฉพาะในเรื่องของการก่อสร้างตั้งถิ่นฐาน และปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านถูกวางอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของอิสราเอลและความกังวลต่างๆเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศนี้ ซึ่งได้รับผลกระทบมาจากความพยายามของเนทันยาฮูที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป เนทันยาฮูต้องการที่จะใช้สื่อโฆษณาตนเองว่า เขาคือผู้ที่มีความเป็นอิสราเอลมากที่สุดในหมู่ชาวอิสราเอลทั้งหมด ทูตอิสราเอลในกรุงวอชิงตันได้กล่าวในไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า อิสราเอลพร้อมที่จะป้องกันไม่ให้อิหร่านสามารถสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้ แม้ต้องตัดความสัมพันธ์กับสหรัฐก็ตาม และการเปิดเผยเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่อยู่ฝ่ายขวาจัดมีผู้ให้การสนับสนุนอย่างมากมาย



source PressTV-رویارویی تمام عیار آمریکا و اسراییل

สหรัฐกับอิสราเอล พันธมิตรทางการเมือง-ขัดแย้งส่วนบุคคล | abnewstoday

 

ผอ.ข่าวกรองสหรัฐฯ เตือน “กบฏยูเครน” อาจบุกเมืองท่า “มารีอูโพล” ช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 16:09 น.



เอเอฟพี – ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ เตือนวานนี้ (26 ก.พ.)ว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนอาจมีแผนเผด็จศึกเมืองท่ายุทธศาสตร์มารีอูโพล (Mariupol) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะเกิดพื้นที่ฉนวนเชื่อมต่อดินแดนของฝ่ายกบฏกับคาบสมุทรไครเมียอย่างที่รัสเซียปรารถนา

เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียไม่ได้หวังครอบครองยูเครนทั้งประเทศ แต่ต้องการได้ดินแดนทางบกเพื่อเชื่อมต่อกับแหลมไครเมียที่มอสโกผนวกเอาไว้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว

“เราไม่ได้ประเมินว่า ปูติน ต้องการยึดหรือพิชิตดินแดนทั้งหมดของยูเครน” แคลปเปอร์ แถลงต่อคณะกรรมการด้านกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ

“เขาเพียงต้องการ 2 ภูมิภาคใหญ่ๆ ในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีเส้นทางบกเชื่อมต่อถึงแหลมไครเมีย และอาจจะรวมถึงเมืองท่าอย่างมารีอูโพลด้วย”

“การโจมตีมารีอูโพลยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ผมเชื่อว่าพวกเขาคงจะรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะตัดสินใจบุก”

นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงกรุงมินสก์เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ฝ่ายกบฏก็ได้ยึดศูนย์กลางเชื่อมต่อรถไฟอย่างเมืองเดบอลต์เซเว (Debaltseve) และมีกระแสข่าวว่ากำลังเคลื่อนพลไปปิดล้อมรอบๆ มารีอูโพล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญริมทะเลอาซอฟ

แคลปเปอร์ ระบุว่า ตนเห็นด้วยหากสหรัฐฯ จะส่งอาวุธไปสนับสนุนกองกำลังยูเครน แต่ก็เป็นเพียง “ความคิดเห็นส่วนตัว” ไม่ได้กล่าวในนามของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา อยู่ระหว่างพิจารณาผลที่จะติดตามมาจากการส่งอาวุธช่วยยูเครน และยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรลงไป ขณะที่ชาติพันธมิตรในยุโรปเตือนว่า หากสหรัฐฯทำเช่นนั้นจะยิ่งกระตุ้นความขัดแย้งให้ลุกลามบานปลาย และไม่ทำให้รัสเซียละเลิกความพยายามที่จะรุกรานดินแดนของยูเครน

หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่อว่า การติดอาวุธให้กรุงเคียฟ “จะยิ่งทำให้ ปูติน และฝ่ายรัสเซียหันมาตอบโต้” และมอสโกอาจจะส่งอาวุธที่ทันสมัยเข้าไปหนุนหลังกบฏมากขึ้นอีก

ด้าน พล.ท. วินเซนต์ สจวร์ต หัวหน้าหน่วยข่าวกรองทางทหาร ปฏิเสธที่จะแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ แต่ระบุว่าสำนักงานข่าวกรองกลาโหมพิจารณาเห็นว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถส่งอาวุธเข้าไปได้เร็วพอที่จะรับมือกบฏโปรรัสเซีย และการทำเช่นนั้นก็ “ไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจทางทหาร” ในพื้นที่สู้รบ

รัสเซียปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่เคยให้ความช่วยเหลือทางทหารต่อฝ่ายกบฏ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ยูเครนหันไปรวมกลุ่มกับสหภาพยุโรปหรือนาโต

สจวร์ต เตือนว่า มอสโก “พร้อมที่จะฉวยโอกาสตอบโต้ทุกเมื่อ หากเราส่งอาวุธหรือแสดงท่าทีใดๆ ที่จะเป็นการพลิกสมดุล”


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000023933

 

ไม่อ้อมค้อม! ทูตจีนแนะตะวันตกคิดถึง “หัวอกรัสเซีย” ในเรื่องยูเครนบ้าง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 16:29 น. (แก้ไขล่าสุด 27 กุมภาพันธ์ 2558 18:31 น.)


---
@ฉู ซิง เอกอัครราชทูตจีนประจำเบลเยียม
---
รอยเตอร์ – มหาอำนาจตะวันตกควรนึกพิจารณาถึงความกังวลด้านความมั่นคงที่รัสเซียมีต่อยูเครนโดยชอบธรรม นักการทูตอาวุโสของจีน กล่าว โดยถือเป็นแสดงออกถึงการสนับสนุนต่อจุดยืนของมอสโกในวิกฤตนี้ที่เปิดเผยและตรงไปตรงมาอย่างน่าประหลาดใจ

เมื่อคืนวานนี้ (26) สำนักข่าว ซินหวา ของทางการจีนรายงานโดยอ้างอิงจากคำพูดของ ฉู ซิง เอกอัครราชทูตจีนประจำเบลเยียม ขณะที่เขาวิพากษ์วิจารณ์การขับเคี่ยวกันระหว่างรัสเซียและฝ่ายตะวันตกในเรื่องวิกฤติยูเครน และเรียกร้องให้มหาอำนาจตะวันตกสลัดทิ้งความนึกคิดที่มีกับรัสเซียว่า “ไม่ใครก็ใครต้องเป็นฝ่ายแพ้หรือเสียประโยชน์”

เขากล่าวว่า “สาเหตุรากเหง้าแท้จริง” ของวิกฤตนี้คือ “เกม” ระหว่างรัสเซียและมหาอำนาจตะวันตก ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯและสหภาพยุโรป

เขากล่าวว่า การแทรกแซงภายนอกจากมหาอำนาจสองขั้วเร่งเร้าให้วิกฤตนี้ขยายบานปลายยิ่งขึ้น และเตือนว่า หากตะวันตกไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีของตน มอสโกจะรู้สึกว่าพวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

“ฝ่ายตะวันตกควรสลัดทิ้งความคิดที่ว่าไม่ใครก็ใครต้องเป็นฝ่ายแพ้ และนำความกังวลด้านความมั่นคงของรัสเซียตามความเป็นจริงมาพิจารณา” รายงานระบุ โดยอ้างจากคำพูดของ ฉู

ความคิดเห็นของเขาเป็นการแสดงออกถึงความเข้าอกเข้าใจที่จีนมีต่อจุดยืนของรัสเซียอย่างเปิดเผยจนน่าประหลาดใจ จีนและรัสเซียมีความเห็นพ้องกันในหลายประเด็นทางการทูตระหว่างประเทศ แต่ปกติปักกิ่งจะไม่เต็มอกเต็มใจที่จะสนับสนุนรัสเซียในกรณียูเครน

นอกจากนี้ จีนยังระมัดระมัดวังตัวที่จะไม่ให้ถูกลากดึงเข้าสู่เวทีการขับเคี่ยวระหว่างแดนหมีขาวและตะวันตกในเรื่องอนาคตของยูเครน และไม่ต้องการที่จะบาดหมางกับพันธมิตรรายสำคัญ

จีน เคยระบุว่า อยากที่จะพัฒนา “ความร่วมมือฉันมิตร” กับยูเครนต่อไป และเคารพเอกราช , อำนาจอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของอดีตส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตแห่งนี้

ความคิดเห็นของ ฉู มีขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับการประชุมระหว่างสหรัฐฯและบรรดาชาติพันธมิตรยุโรปในเรื่องการคว่ำบาตรมอสโกให้หนักข้อยิ่งขึ้น

เมื่อวันจันทร์ (23) เซอร์เกย์ ลอฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาว่า มหาอำนาจตะวันตกพยายามที่จะควบคุมและบังคับใช้แนวคิดของพวกตนกับส่วนที่เหลือของโลก ด้านคณะผู้แทนของสหรัฐฯและยุโรปก็กล่าวหามอสโกว่าให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏในภาคตะวันออกของยูเครน

ฉู กล่าวว่า การที่วอชิงตันเข้ามาพัวพันในยูเครนอาจ “กลายเป็นทำให้นโยบายต่างประเทศของพวกเขาเองเสียทิศทาง”

“สหรัฐฯไม่ต้องการที่เห็นอิทธิพลของตนในส่วนใดๆ ก็ตามของโลกถูกทำให้อ่อนแอลง แต่ความจริงคือทรัพยากรของพวกเขานั้นมีจำกัด และมันค่อนข้างจะเป็นงานหนักที่จะรักษาอิทธิพลของตนในกิจการภายนอก” รายงานระบุ โดยอ้างจากคำพูดของ ฉู

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกองทัพยูเครนกล่าวหารัสเซียว่าส่งรถถังและทหารเพิ่มเติมเข้ามายังเมืองโนโวอาซอฟสก์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่าบกบฏ และขยายการแสดงกำลังพร้อมรบเหล่านี้บริเวณที่ทางกองทัพเกรงว่าอาจเป็นแนวหน้าแห่งต่อไป


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000023947

 

“ปิโตรนาส” ขาดทุนไตรมาสสี่ปี 2014 ร่วม 6 หมื่นล้าน หลังราคาน้ำมันดิ่งเหว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 19:36 น.



เอเอฟพี- บริษัทน้ำมัน “ปิโตรนาส” ของทางการมาเลเซียขาดทุนสุทธิ 7.3 พันล้านริงกิต (ราว 6.5 หมื่นล้านบาท) ในไตรมาส 4 สืบเนื่องจากราคาน้ำมันโลกดิ่งลง และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สิน (Asset impairment losses) กิจการพลังงานแดนเสือเหลืองเปิดเผยวันนี้ (27 ก.พ.)

เมื่อปี 2013 ปิโตรนาสซึ่งเป็นผู้เสียภาษีรายใหญ่ที่สุดเพียงรายเดียวของรัฐบาลมาเลเซียสามารถทำกำไรในช่วงไตรมาสที่ 4 (ตุลาคม - ธันวาคม) ได้ 1.28 หมื่นล้านริงกิต (ราว 1.14 แสนล้านบาท)

นับเป็นครั้งแรกที่ปิโตรนาส ประสบปัญหาขาดทุนไตรมาส นับตั้งแต่กิจการนี้เริ่มเปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเมื่อ 5 ปีก่อน

ทั้งนี้ ปิโตรนาส ซึ่งเป็นกิจการแห่งเดียวของมาเลเซีย ที่ติดโผบริษัทที่ทำรายได้สูงสุดในโลก 500 อันดับแรก มีแผนจะตัดรายจ่ายฝ่ายทุน (Capital spending) ลงตั้งแต่ 2 ถึง 3 หมื่นล้านริงกิตในช่วง 2 ปีข้างหน้า

ปิโตรนาสแจกแจงว่า ในไตรมาสที่ 4 บริษัททำรายได้ 7.94 หมื่นล้านริงกิต (ราว 7.11 แสนล้านบาท) หรือลดลง 6.4 เปอร์เซ็นต์จากยอด 8.48 หมื่นล้านริงกิต (ราว 7.59 แสนล้านบาท) ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

“เป็นที่คาดหมายว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยในปี 2015 จะลดลงจากปี 2014 ไปมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของกิจการ” บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เจ้านี้ระบุในคำแถลง

แชมซุล อัซฮาร์ อับบาส ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหารปิโตรนาส ซึ่งจะก้าวลงจากตำแหน่งในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ หลังกุมบังเหียนมานาน 5 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ปิโตรนาสจะเริ่มดำเนินกลยุทธ์ “รอบคอบ” เนื่องจากราคาน้ำมันโลกดิ่งฮวบลง โดยมีแผนจะระงับโครงการสำคัญๆ บางโครงการเอาไว้ก่อน

ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ลดน้อยลงเช่นนี้ได้ฉุดให้กำไรสุทธิประจำปี 2014 ลดลง 27 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 4.76 หมื่นล้านริงกิต (ราว 4.26 แสนล้านบาท)

คาดหมายกันว่า ราคาน้ำมันดิบของปิโตรนาส ในปี 2015 นั้นจะยังรั้งอยู่ที่ 55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

จอร์จ ราทิลัล ผู้จัดการฝ่ายการเงินของปิโตรนาสระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปิโตรนาสในไตรมาสที่ 4 เฉลี่ยที่ราว 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากที่ 109 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้า พร้อมกับระบุเพิ่มเติมว่า ความสามารถในการทำกำไรในปี 2015 จะได้รับผลกระทบกระเทือนจากราคาน้ำมันที่ดิ่งฮวบลงอีก

เขาชี้ว่า “แม้ว่าภาพรวมของสถานการณ์ในปี 2015 อาจจะดูแย่ (แต่) เราจะสามารถทำกำไรในปี 2015 ได้”

วัน ซัลกิฟลี วัน อาริฟฟิน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของปิโตรนาสจะเป็นผู้ขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหารต่อจากแชมซุล

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000024036

 

กองทัพสหรัฐฯ “ยุติภารกิจ” ต่อสู้เชื้ออีโบลาในไลบีเรียอย่างเป็นทางการ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 13:48 น.


---
@ทหารสหรัฐฯ เข้าร่วมพิธีประกาศสิ้นสุดภารกิจการต่อสู้เชื้ออีโบลาในไลบีเรียอย่างเป็นทางการ ที่กรุงมันโรเวีย เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.)
---
รอยเตอร์ – กองทัพสหรัฐฯ ประกาศยุติภารกิจก่อสร้างศูนย์รักษาผู้ติดเชื้ออีโบลาในไลบีเรียอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) เร็วกว่าที่กำหนดเอาไว้หลายเดือน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณบ่งชี้ว่าวิกฤตการระบาดของเชื้อมรณะในแอฟริกาตะวันตกที่กินเวลานานข้ามปีกำลังจะสิ้นสุดลง

สหรัฐฯ เริ่มส่งทหารไปยังไลบีเรียเมื่อ 5 เดือนก่อน และทยอยเพิ่มจำนวนขึ้นจนมากกว่า 2,800 นาย ซึ่งเวลานั้นไลบีเรียเป็น 1 ใน 3 ประเทศแอฟริกาตะวันตกที่เชื้ออีโบลาระบาดหนักเป็นประวัติการณ์

ไวรัสไข้เลือดออกชนิดนี้ได้คร่าชีวิตพลเมืองไลบีเรีย, กินี และเซียร์ราลีโอนไปร่วม 10,000 คนในปี 2014 เฉพาะไลบีเรียมียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,000 คน ทว่าในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆ ลดลงอย่างมาก จนศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อหลายแห่งเริ่มที่จะปราศจากคนไข้

“แม้ปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ของเราจะสิ้นสุดลง แต่การต่อสู้เพื่อให้จำนวนผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ยังต้องดำเนินต่อไป และ (ศูนย์บัญชาการร่วม) จะพยายามสร้างกลไกป้องกันที่ยั่งยืนในอนาคต” พล.ต. แกรี โวเลสกี ผู้บัญชาการภารกิจของสหรัฐฯ ในไลบีเรีย แถลง

ทหารอเมริกันถูกส่งเข้าไปช่วยสนับสนุนภารกิจนานาชาติในการต่อสู้เชื้ออีโบลา ซึ่งมีองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) เป็นผู้นำ และเดิมทีคาดว่าจะต้องใช้เวลาระหว่าง 9-12 เดือน

ประธานาธิบดี จอห์นสัน เซอร์ลีฟ แห่งไลบีเรีย ซึ่งเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้ (26) ได้แสดงความขอบคุณสหรัฐฯ ที่ช่วยเหลือไลบีเรียจนกระทั่งวิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้

ทหารอเมริกันได้ช่วยก่อสร้างศูนย์รักษาผู้ติดเชื้อ ห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ ตลอดจนสนับสนุนด้านการขนส่งและการคมนาคม นอกจากนี้ทีมแพทย์ทหารยังได้ฝึกฝนทักษะการดูแลผู้ติดเชื้อให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นราว 1,500 คน

แม้ทหารอเมริกันส่วนใหญ่จะถอนกำลังกลับประเทศในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่จะยังมีทหารกว่า 100 นายประจำการอยู่ในไลบีเรียต่ออีกหลายเดือนเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์

 

น้ำมันร่วงเกือบ $3 ฉุดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ทองคำขึ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 05:18 น. (แก้ไขล่าสุด 27 กุมภาพันธ์ 2558 11:10 น.)



เอเอฟพี/เอพี - น้ำมันตลาดสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) ร่วงลงเกือบ 3 ดอลลาร์ หลังพบอุปสงค์ที่อ่อนแอภายในชาติผู้บริโภคยักษ์ใหญ่ ปัจจัยนี้กระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและฉูดให้วอลล์สตรีทขยับลง ส่วนทองคำปิดบวกพอสมควร ด้วยพบความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจีน

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.05 ดอลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันของทั้ง 2 สัญญาพุ่งขึ้นแรงเมื่อวันพุธ (25 ก.พ.) หลังนักลงทุนให้ความสำคัญโดยเฉพาะกับการลดลงเกินคาดหมายของคลังเบนซินและน้ำมันกลั่นสำรอง ที่ประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ในรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) ตลาดกลับมาให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดและอุปสงค์ที่อ่อนแอท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง ขณะที่ในส่วนของคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ เองก็เพิ่มขึ้นถึง 8.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์

ความเคลื่อนไหวในแดนลบของราคาน้ำมัน ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลายเป็นปัจจัยให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) ปิดลบ โดยดาวโจนส์ ปรับลงมาต่ำกว่าสถิติสูงสุดตลอดกาลเล็กน้อย

ดาวโจนส์ ลดลง 10.15 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,214.42 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 3.12 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,110.74 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 20.75 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,987.89 จุด

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักกว่าภาคอื่นๆ ของตลาด เนื่องจากราคาน้ำมันดิ่งลงหนักอีกครั้ง โดยเชฟรอน และเอ็กซอนโมบิล เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีการปิดลบแรงที่สุด

ด้านราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) ขยับขึ้นพอสมควร แม้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ได้แรงหนุนจากสัญญาณอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในจีน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 8.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,210.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข้อมูลเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ตัวเลขนำเข้าทองคำจากฮ่องกงของจีน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อุปสงค์โลหะมีค่าสีเหลืองของแดนมังกร เพิ่มขึ้นสู่ 71.8 เมตริกตัน ในเดือนมกราคม จากระดับ 58.8 เมตริกตันในเดือนธันวาคม

 

ผู้พิพากษารัฐควิเบกปฏิเสธพิจารณาคดีให้ “หญิงมุสลิม” จนกว่าจะถอด “ฮิญาบ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 12:23 น. (แก้ไขล่าสุด 27 กุมภาพันธ์ 2558 12:28 น.)


---
@ราเนีย เอล-อัลโลล เล่าว่า ผู้พิพากษารัฐควิเบกบอกให้เธอถอดผ้าคลุมศีรษะของเธอออกโดยทันที หรือไม่ก็ขอเลื่อนการพิจารณาคดีเพื่อปรึกษาทนายความก่อน
---
รอยเตอร์ – ผู้พิพากษารัฐควิเบกบอกกับหญิงมสุลิมรายหนึ่งที่ปรากฏตัวในห้องพิจารณาคดีในเมืองมอนทรีออลว่า เธอจะไม่รับพิจารณาคดีของหญิงมุสลิมรายนี้จนกว่าเธอจะถอดผ้าคลุมศีรษะของเธอออก สำนักข่าว ซีบีเอส รายงานวานนี้ (26)

สถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งนี้ ซึ่งอ้างข้อมูลจากบันทึกเสียงที่พวกเขาได้รับมาจากการพิจารณาคดีดังกล่าว ระบุว่า ผู้พิพากษา อีเลียนา มาเรนโก บอกกับ ราเนีย เอล-อัลโลล เมื่อวันอังคาร (24) ว่า ห้องพิจารณาคดีเป็นสถานที่ทางโลก และระบุ เธอแต่งกายไม่เหมาะสม

“เครื่องแต่งกายอย่างเช่นหมวกและแว่นกันแดดไม่อนุญาตให้สวมใส่ในที่นี้ และดิฉันไม่เห็นเหตุผลที่ผ้าคลุมศีรษะจะเป็นข้อยกเว้น” มาเรนโก กล่าวในบันทึกดังกล่าว

รอยเตอร์ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันบันทึกดังกล่าวได้ว่าเป็นของจริง ในตอนนี้กระทรวงยุติธรรมของรัฐควิเบกยังไม่ตอบสนองต่อคำขอความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวหลังเปิดทำการ ด้านผู้พิพากษา มาเรนโก ก็ไม่สามารถติดต่อเพื่อของความคิดเห็นได้

ซีบีซี รายงานว่า เอล-อัลโลล ขึ้นศาลเพื่อขอรับรถยนต์ของเธอคืน หลังจากถูกคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ของรัฐควิเบกยึดไป

ทางคณะกรรมการ ระบุว่า รถยนต์คันนี้ถูกยึดหลังจากตำรวจเรียกหยุดลูกชายของ เอล-อัลโลล ฐานขับขี่รถยนต์ด้วยใบอนุญาตที่ถูกระงับไปแล้ว และคณะกรรมการมีกำหนดที่จะเก็บรถยนต์คันนี้ไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือน ด้าน เอล-อัลโลล จึงร้องขอศาลให้คืนรถเร็วกว่านั้น

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้การแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนาในที่สาธารณะเป็นประเด็นที่มีการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในรัฐแห่งนี้ของแคนาดาที่พูดภาษาฝรั่งเศสกันเป็นส่วนใหญ่

ในปี 2013 รัฐบาลพรรค Parti Quebecois หรือ PQ ที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชได้ออกกฎหมายห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐสวมเครื่องคลุมศีรษะของมุสลิม อย่าง ฮิญาบ , หมวกไม่มีขอบของชาวยิว หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาที่เด่นชัดอื่นๆ แต่กฎหมายดังกล่าวถูกพับไปหลังจากพรรค PQ พ่ายในการเลือกตั้งแคว้นเมื่อปีที่แล้ว

 

วิกฤติแม่น้ำโขง! ลดฮวบฮาบ คนเรือร้องเป็นปัญหาซ้ำซาก
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 ก.พ. 2558 12:52


---
@ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว
---
ระดับน้ำในแม่น้ำโขงช่วงที่ไหลผ่าน จ.เชียงราย ลดลงเร็ว จนเกิดเนินทราย ส่งผลให้เรือสินค้าไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้ ส่วนเรือที่วิ่งไปจีนก็ไปติดอยู่ที่ป่าแหลว ชายแดนเมียนมาร์ ชี้สาเหตุจากเขื่อนจีนลดการปล่อยน้ำ เป็นปัญหาซ้ำซากทุกปี...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.พ. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ที่จุดวัดสามแยกหน้าสถานีตำรวจภูธรเชียงแสนลดลงมาก วัดได้เพียง 1.90 เมตร จากระดับน้ำโขงเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 58 อยู่ที่ 2.70 เมตร ทำให้เกิดเนินทรายขึ้นกลางแม่น้ำโขง หน้าท่าเรือเชียงแสน 1 และหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน เป็นบริเวณกว้างเข้ามาครึ่งแม่น้ำ กระทบกับการเดินเรือสินค้าในแม่น้ำโขงอย่างมาก ทำให้เรือบรรทุกสินค้าจีนไม่สามารถจะแล่นไปรับสินค้าที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ที่อยู่ที่บ้านสบกก ต.บ้านแซว ห่างจากตัวอำเภอไปอีกกว่า 10 กิโลเมตรได้

ขณะที่ระดับน้ำรวก บริเวณปากแม่น้ำรวก ที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ต.เวียง น้ำแห้งเหลือกว้างประมาณ 10 เมตร จนเกาะทรายโผล่ไปเกือบติดกับดินแดนของประเทศเมียนมาร์ โดยเฉพาะท่าลงเรือของบริษัทเอกชน 2 ท่า ที่รับนักท่องเที่ยวข้ามไปบ่อนกาสิโนฝั่งพม่า น้ำรวกกับแม่น้ำโขงแห้งลงมาก เรือเข้าฝั่งไม่ได้ ต้องสร้างทางเดินเป็นสะพานให้คนเดินยาวร่วม 100 เมตร เพื่อเดินไปลงเรือ

นายทอง ผาจอง ผู้ดูแลเรือบรรทุกสินค้าจีนในแม่น้ำโขง ซึ่งมีเรือขนส่งสินค้ากว่า 30 ลำ กล่าวว่า วันนี้ ทางการจีนได้ลดการระบายน้ำจากเขื่อนลงเหลือเพียง 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากเดิมที่เคยระบายน้ำอยู่ระหว่าง 1,200 – 1,500 ลูกบาศก์เมตร ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือสินค้าอย่างมาก ทำให้เรือต้องบรรทุกสินค้าในปริมาณที่น้อยลง จากที่บรรทุก 300 ตันต่อลำ ก็ต้องบรรทุกเพียง 150 ตันต่อลำ เรือถึงจะผ่านไปได้ แต่ต้องไปติดอยู่ที่ป่าแหลว ชายแดนเมียนมาร์ติดต่อกับประเทศลาว ในเขตตอนเหนือของลาว ซึ่งน้ำโขงบริเวณนี้มีเกาะแก่งโขดหินมาก ร่องน้ำแคบ น้ำลึกอยู่ประมาณ 30-50 เซนติเมตร เดินเรือผ่านไม่ได้ เรือที่จะล่องลงมาท่าเรือเชียงแสนก็ติด

"ระดับน้ำโขงช่วงนี้จะน้อยมาก เรือที่บรรทุกสินค้าขึ้นไปต้องหยุดเดินเพื่อรอน้ำ ส่วนที่มาจากจีนก็จอดติดอยู่ในแม่น้ำโขงที่ป่าแหลวในเขตของลาว จะมีเฉพาะเรือสัญชาติลาวที่ยังสามารถขนสินค้าวิ่งในแม่น้ำโขงได้ เพราะเรือบรรทุกสินค้าลาวเป็นเรือขนาดเล็กกว่าเรือสินค้าจีน น้ำระดับ 50-70 เซนติเมตร ก็ยังสามารถผ่านไปได้ จึงอยากให้ภาครัฐที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ เข้ามาช่วยดูแลแก้ไขปัญหาระดับน้ำในแม่น้ำโขงอย่างจริงจังไม่เช่นนั้น เรือสินค้าก็ไม่สามารถเดินเรือได้ ซึ่งปัญหาเรื่องระดับน้ำโขงจะเกิดแบบนี้ทุกปี เป็นปัญหาซ้ำซาก ยิ่งปีนี้ระดับน้ำโขงที่อำเภอเชียงแสนแห้งเร็วมาก ระดับน้ำเริ่มลดลงตั้งแต่กลางเดือนมกราคม และลดลงมาเรื่อยๆ" นายทอง กล่าว

ด้านนายมานพ เวียร์ร่า ผู้จัดการบริษัท แม่โขง เดลต้า อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ทำธุรกิจเดินเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำโขง ระหว่างเชียงแสน–สิบสองปันนา มีเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ หลายลำ กล่าวว่า สำหรับเรือของตนยังสามารถวิ่งรับนักท่องเที่ยวจากเชียงแสน ไปสิบสองปันนาได้ เพราะเรือท่องเที่ยวจะกินร่องน้ำลึกเพียง 80 เซนติเมตร ซึ่งเรือที่วิ่งขึ้นไปจีน จะมีตรงบริเวณป่าแหลวเท่านั้นที่ระดับน้ำแห้งและโขดหินมาก แต่เรือท่องเที่ยวของตนก็ยังสามารถผ่านไปได้ ส่วนเรือสินค้าที่บรรทุกสินค้าไปติดบริเวณนั้น ต้องอาศัยเรือสินค้าหลายๆ ลำติดเครื่องปั่นกระแสน้ำช่วย เพื่อให้เรือที่ติดอยู่ สามารถเคลื่อน และผ่านเกาะแก่งตรงนั้นไปได้.

วิกฤติแม่น้ำโขง! ลดฮวบฮาบ คนเรือร้องเป็นปัญหาซ้ำซาก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ฝนห่าใหญ่ ถล่มยโสธร บ้านพัง 20 หลัง ร้านค้างานกาชาดเสียหาย
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 ก.พ. 2558 21:18



เกิดพายุฝนถล่มอย่างหนักในเมืองยโสธร นานนับชั่วโมง งานกาชาด-บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่สำรวจ ประสาน อสม.เคลียร์พื้นที่ให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน...

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ 26 ก.พ.58 ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า เกิดพายุฝนถล่มลงอย่างหนักในเขตอำเภอเมืองยโสธรเป็นเวลาเกือบ 1 ชม. ประชาชนได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน รวมไปถึงสถานที่จัดงานวันสถาปนาจังหวัดและงานกาชาดจังหวัดยโสธร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 ก.พ.- 8 มี.ค 58 นี้ บริเวณสวนบุ่งน้อยบุ่งใหญ่ ริมแม่น้ำชีในเขตเทศบาลเมืองยโสธร นอกจากนี้ งานนิทรรศการและร้านค้าที่นำมาแสดงภายในงาน ทั้งส่วนราชการและเอกชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก

เวลาต่อมา นายประวัติ ถีถะแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบบริเวณที่จัดงาน และประสานเจ้าหน้าที่อาสาสมัครช่วยเหลือเคลียร์พื้นที่ให้ความช่วยเหลือร้านค้าที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เสร็จทันการเปิดงานวันพรุ่งนี้( 27 ก.พ.)ที่จะมีขึ้น

นายประวัติ กล่าวว่า จากการที่เกิดพายุฝนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นพายุฝนที่ถล่มหนักที่สุดที่จังหวัดยโสธรเคยประสบมา สร้างความเสียหายให้กับชาวยโสธรเป็นอย่างมาก โดยได้ประสานไปยัง นายสมเพชร สร้อยสระคู นายอำเภอเมืองยโสธ ให้สำรวจความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนในครั้งนี้ เท่าที่ทราบมีบ้านประชาชนพังเสียหายที่ ต.เขื่องคำและ ต.ค้อเหนือ ประมาณ 20 หลังคาเรือน เพื่อที่ทางจังหวัดยโสธร จะได้ดำเนินการให้ความช่วยในการซ่อมแซมบ้านเรือนได้อย่างรวดเร็ว.

ฝนห่าใหญ่ ถล่มยโสธร บ้านพัง 20 หลัง ร้านค้างานกาชาดเสียหาย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

กรีซประท้วงต้านมาตรการรัดเข็มขัด



ชาวกรีซจำนวนมากออกมาเดินขบวนประท้วงและปะทะกับตำรวจ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลตัดสินใจต่ออายุโครงการเงินกู้ออกไปอีก 4 เดือน หมายความว่าประเทศต้องเผชิญกับมาตรการรัดเข็มขัดต่อไป

วันศุกร์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 08:53 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ว่าเกิดเหตุปะทะกันระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับประชาชนจำนวนมากในกรุงเอเธนส์ ซึ่งออกมาเดินขบวนไปตามท้องถนนเพื่อประท้วงรัฐบาล เมื่อคืนวันพฤหัสบดี โดยกลุ่มผู้ประท้วงหลายคนจุดไฟเผารถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน และทุบทำลายกระจกร้านค้า พร้อมทั้งขว้างปาก้อนหิน และระเบิดเพลิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ด้วย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุมหลายสิบคน

การประท้วงครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาลครั้งแรก หลังผ่านพ้นการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่พรรคซีริซาซึ่งชูนโยบายยุติมาตรการรัดเข็มขัด คว้าชัยชนะได้อย่างถล่มทลาย อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส กลับยื่นแผนปฏิรูปประเทศเพื่อให้บรรดาเจ้าหนี้พิจารณา แลกกับการต่ออายุโครงการเงินช่วยเหลือออกไปอีก 4 เดือน เนื่องจากข้อตกลงฉบับปัจจุบันมูลค่า 240,000 ล้านยูโร ( ราว 8.97 ล้านล้านบาท ) ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2553 กำลังจะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ.

ท่าทีดังกล่าวของซีปราสได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากชาวกรีซ ไม่เว้นแม้แต่ภายในพรรคซีริซาเอง ว่าเป็นการผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงหาเสียง และเป็นการยอมอ่อนข้อของซีปราสให้แก่เยอรมนี ประเทศผู้อุปถัมภ์ทางเศรษฐกิจรายใหญ่ของกรีซ ซึ่งมีกำหนดลงมติในสภาวันศุกร์นี้ ว่าจะมอบความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่กรีซต่อหรือไม่ ขณะที่นายโวล์ฟกัง ชอยเบลอ รมว.กระทรวงการคลังเยอรมนี กล่าวว่าการต่ออายุโครงการเงินกู้ของกรีซคือทางออกดีที่สุดในเวลานี้ แต่ส่วนตัวยังคงกังขากับแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศของรัฐบาลเอเธนส์ แม้ได้รับการรับรองจากยูโรกรุ๊ปแล้วก็ตาม

กรีซประท้วงต้านมาตรการรัดเข็มขัด | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สื่อจีนเหน็บส้วมญี่ปุ่น ส่อยั่วยุให้ต่อต้านสินค้ายุ่น



หนังสือพิมพ์เดอะโกลบอลไทม์ส กล่าวโจมตีค่านิยมในการใช้สินค้าญี่ปุ่นของคนจีน โดยยกตัวอย่างถึงโถชักโครกอัจฉริยะ และกล่าวเสียดสีไปยังประเทศเจ้าของนวัตกรรม

วันศุกร์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 06:34 น.
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า โถชักโครกอัจฉริยะ นวัตกรรมสุดล้ำจากญี่ปุ่น ซึ่งมีปุ่มฉีดน้ำล้างก้นอัตโนมัติ กลายเป็นสิ่งที่ถูกหยิบยกมาใช้โจมตีในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อหนังสือพิมพ์เดอะ โกลบอล ไทม์ส สื่อในเครือของหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตีพิมพ์บทบรรณาธิการทั้งในภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เรื่อง "ความนิยมของส้วมญี่ปุ่นที่กระจายไปทั่วแผ่นดินจีน" ซึ่งในเนื้อหากล่าวว่า การที่ประชาชนชาวจีนอุดหนุนโถชักโครกของญี่ปุ่น นับเป็นการยั่วยุต่อมาตรการต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นของรัฐบาล โดยความนิยมในการจับจ่ายสินค้าญี่ปุ่น ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับความต้องการสินค้าในประเทศที่ซบเซานั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเลย

อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเหตุใดเดอะ โกลบอล ไทม์ส ถึงพุ่งเป้าโจมตีไปที่โถชักโครก แต่คาดว่าน่าจะมีจุดเริ่มต้นมาจากบทความของหนังสือพิมพ์เป่ยจิง ยูธ เดลี ที่ระบุว่า โถชักโครกอัจฉริยะนี้ เป็นสินค้าญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองจากหม้อหุงข้าวไฟฟ้า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยโถชักโครกนี้ยังถูกมองเป็นเครื่องสุขภัณฑ์ไฮเทคที่แสดงถึงสถานะทางการเงินของเศรษฐีชาวจีน ที่มักมีไว้ประดับบ้านด้วย ซึ่งเดอะโกลบอลไทม์ส กล่าวว่า ความนิยมในผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ มาจากการออกแบบและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่ก็ยังเสริมในตอนท้ายว่า แต่เป้าหมายของชาวจีน ไม่ใช่เพียงเป็นแค่ผู้สร้างโถสุขภัณฑ์ระดับโลกเท่านั้น.

สื่อจีนเหน็บส้วมญี่ปุ่น ส่อยั่วยุให้ต่อต้านสินค้ายุ่น | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

คุณนายซาอุฯผวาแม่บ้านโมร็อกโก-ชิลีทำบ้านแตก



บรรดาภรรยาชาวซาอุดีอาระเบีย ไม่ต้องการให้ว่าจ้างแม่บ้านจากโมร็อกโกและชิลี เหตุเพราะส่วนใหญ่เป็นสาวสวยหน้าตาดีที่อาจทำให้สามีของพวกเธอหลงใหล

วันศุกร์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 02:14 น.
เว็บไซต์ข่าว เอมิเรตส์247 รายงานจากกรุงริยาด เมื่อวันที่ 24 ก.พ. โดยอ้างรายงานของหนังสือพิมพ์ซาบก์ สื่อท้องถิ่นภาษาอารบิกของซาอุดีอาระเบียว่า หลังมีข่าวลือว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบีย มีแผนจะเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานคนทำงานบ้านจากประเทศโมร็อกโกและชิลี ซาบก์ได้สัมภาษณ์หญิงชาวซาอุดีอาระเบียจำนวนหนึ่งถึงนโยบายดังกล่าว ปรากฏว่า มีจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ โดยส่วนหนึ่งให้เหตุผลว่า แรงงานจาก 2 ประเทศนี้ไม่มีความอดทนและไม่สู้งานเท่ากับแรงงานจากกลุ่มประเทศในเอเชีย เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา

ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนที่ยอมรับว่า เธอกังวลว่าลูกจ้างจากโมร็อกโกและชิลีจะเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงในชีวิตครอบครัวของพวกเธอได้ โดยประธานสำนักงานนายหน้าจัดหาคนงานแห่งหนึ่งเผยว่า เขาได้รับการติดต่อจากลูกค้าเพศหญิง ที่ต้องการให้เขายืนยันให้แน่ใจว่า คนทำงานบ้านที่มาจาก 2 ประเทศนี้จะต้องไม่ใช่สาวสวย ขณะที่ภรรยาบางคนแจ้งกับเขาล่วงหน้าว่า หากสามีของพวกเธอต้องการแม่บ้านคนใหม่ ว่าที่ลูกจ้างทุกคนจะต้องผ่านการตรวจสอบจากพวกเธอก่อนเท่านั้น.

คุณนายซาอุฯผวาแม่บ้านโมร็อกโก-ชิลีทำบ้านแตก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ศาลยุ่นยกฟ้องเหยื่อระเบิดฉงชิ่งสมัยสงครามโลก



ศาลในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ยกฟ้องคดีที่ผู้เสียหาย 188 ราย ร่วมกันฟ้องร้องรัฐบาลญี่ปุ่น จากเหตุกองทัพญี่ปุ่นทิ้งระเบิดโจมตีนครฉงชิ่งของจีน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

วันศุกร์ 27 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 02:18 น.
สำนักข่าวซินหัว ประเทศจีน รายงานเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่า ศาลแขวงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่โจทก์ 188 ราย ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตและญาติผู้เสียชีวิต จากเหตุกองทัพญี่ปุ่นทิ้งระเบิดที่นครฉงชิ่งทางตะวันออกของจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยื่นฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายและคำขอโทษจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยก่อนหน้าจะมีคำพิพากษา ตัวแทนโจทก์จำนวนหนึ่ง รวมตัวกันเดินขบวนประท้วงในสวนสาธารณะฮิบิยะกลางกรุงโตเกียว พร้อมถือป้ายที่มีข้อความว่า จงยึดมั่นในสันติภาพและต่อต้านสงคราม ผู้เสียหายกลุ่มนี้รวมตัวกันในเดือน เม.ย. 2547 และยื่นฟ้องต่อรัฐบาลญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2549

นายซู หยวนขุ่ย หนึ่งในผู้รอดชีวิตซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มเคลื่อนไหวครั้งนี้ กล่าวว่า แม้ว่าเขาจะหวังให้มีการตัดสินอย่างยุติธรรม แต่การดำเนินคดีในชั้นศาลก็ไม่ใช่เป้าหมายหลัก สิ่งที่เขาต้องการคือเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของประชาธิปไตย ไม่ใช่การบ่มเพาะความเกลียดชังในใจ โดยนายหลิน กัง หัวหน้าทีมทนายฝ่ายโจทก์ เผยว่า คำตัดสินของศาลไม่ได้สำคัญไปกว่า การที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะย้อนกลับไปมองอดีตในช่วงสงครามอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนายเคอิจิโร่ อิจิโนเสะ ทนายความชาวญี่ปุ่นที่ช่วยเหลือฝ่ายผู้เสียหาย กล่าวว่า ประชาชนที่เกิดหลังยุคสงครามกำลังมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน และเขาเหล่านี้ไม่เข้าใจถึงความโหดร้ายที่กองทัพญี่ปุ่นกระทำไว้ มันจึงเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ไม่ทำให้เกิดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง

ทั้งนี้ กองทัพเรือและกองทัพอากาศแห่งจักวรรดิญี่ปุ่น ทิ้งระเบิดใส่นครฉงชิ่งและพื้นที่โดยรอบเป็นเวลายาวนาน นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2481 - 2486 รวมเป็นจำนวนกว่า 11,500 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระเบิดเพลิง โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ย่านที่อยู่อาศัย ย่านการค้า โรงเรียน และโรงพยาบาล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมหาศาล.



ศาลยุ่นยกฟ้องเหยื่อระเบิดฉงชิ่งสมัยสงครามโลก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

จีนประกาศห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์งาช้าง1ปี



ทางการจีนประกาศระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์งาช้างเป็นเวลา 1 ปี ท่ามกลางกระแสวิจารณ์จากชาวโลก ความต้องการงาช้างของชาวแผ่นดินใหญ่ กำลังจะทำให้ช้างในแอฟริกาสูญพันธุ์

วันพฤหัสบดี 26 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 23:39 น.
สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่า ทางการจีนประกาศห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์งาช้าง เป็นเวลา 1 ปี หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ความต้องการงาช้างจำนวนมหาศาลของชาวจีน กำลังเป็นภัยคุกคามต่อการคงอยู่ของช้างในแอฟริกา แถลงการณ์ของกระทรวงป่าไม้จีน ซึ่งประกาศต่อสาธารณชนในวันนี้ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทางการจะไม่รับพิจารณาคำร้องขอนำเข้างาช้าง ไม่ว่าในกรณีใด คำสั่งห้ามให้มีผลบังคับในทันที

เจ้าหน้าที่ป่าไม่จีน ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อรายหนึ่ง เผยต่อหนังสือพิมพ์ลีกัล อีฟว์นิ่ง นิวส์ ของทางการ ว่า ปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่นำเข้างาช้างลักลอบรายใหญ่ที่สุดในโลก ทางการหวังว่าคำสั่งห้ามจะเป็นขั้นตอนสำคัญ ในการลดความต้องการงาช้างแอฟริกา และคุ้มครองช้างป่า ในช่วงเวลาที่คำสั่งห้ามมีผลบังคับ เจ้าหน้าที่จะทำการประเมินผลกระทบที่มีต่อการคุ้มครองช้าง เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินมาตรการ ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป.

จีนประกาศห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์งาช้าง1ปี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ฮุนเซนเตือนเพิ่มจำเลยคดีเขมรแดงเกิดสงครามกลางเมืองแน่



สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตือนหากศาลยูเอ็นดำเนินคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่ออดีตผู้นำเขมรแดงเพิ่มอีก จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง กัมพูชาจะนองเลือดอีกครั้ง

วันพฤหัสบดี 26 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21:29 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่26ก.พ.ว่าสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่าการดำเนินคดีผู้ต้องสงสัยเขมรแดงเพิ่มเติมในศาลคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของสหประชาชาติในกรุงพนมเปญอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามกลางเมืองโดยฮุน เซน ซึ่งตัวเขาเองก็เคยเป็นผู้บัญชาการระดับล่างในรัฐบาลคอมมิวนิสต์เขมรแดงป่าเถื่อนกล่าวว่าการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่เพิ่มอีกอาจเริ่มความขัดแย้งครั้งใหม่ในประเทศ

ทั้งนี้เขมรแดงฆ่าหมู่ประชาชนชาวกัมพูชา2ล้านคนในช่ว่งปลายทศวรรษที่1970จนถึงวันนี้มีผู้นำเพียง 3คนเท่านั้นที่ถูกดำเนินคดีในศาลปัจจุบันนี้คณะอัยการกำลังสอบสวนถึงความเป็นไปได้ที่จะดำเนินคดีใหม่อีก2คดีต่อกลุ่มแกนนำระดับล่างหลายคนซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวหนึ่งที่ถูกคัดค้านอย่างแข็งกร้าวจากฮุนเซน ซึ่งอยู่ในอำนาจบริหารประเทศมาครบ30ปีเมื่อเดือนที่แล้ว

“การขยายคดีเพิ่มจะทำให้ประชาชนกลับเข้าป่าหากสงครามกลับมาอีกประชาชนจำนวนมากขนาดไหนจะต้องเสียชีวิตอีกคุณค่าของสันติภาพ คุณค่าของชีวิตต้องได้รับการพิจารณาเหนือการแสวงหาความยุติธรรม”ฮุน เซนกล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงพนมเปญ

อย่างไรก็ตามก็มีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการสู้รบครั้งใหม่ตั้งแต่สงครามกลางเมืองของประเทศสิ้นสุดลงในปี2541พวกเขากล่าวหารัฐบาลฮุนเซน พยายามที่จะปกป้องอดีตสมาชิกเขมรแดงซึ่งขณะนี้ อยู่ในรัฐบาล



ฮุนเซนเตือนเพิ่มจำเลยคดีเขมรแดงเกิดสงครามกลางเมืองแน่ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

น้ำท่วมโบลิเวียประชาชนเดือดร้อนหนัก



น้ำท่วมใหญ่ในโบลิเวีย ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก รัฐบาลต่องเร่งส่งสิ่งของบรรเทากทุกข์ไปให้ความช่วยเหลือ

วันพฤหัสบดี 26 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:30 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลาปาซ ประเทศโบลิเซียเมื่อวันที่ 26ก.พ.ว่านายอัลวาโร การ์เซีย ลีเนรารองประธานาธิบดีโบลิเวียช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกือบ4ตันไปยังหลายชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วมในเมืองปันโดเมื่อวันอังคารหลังจากแม่น้ำอัคเรเอ่อล้นฝั่งใกล้ชุมชนแถบป่าอเมซอนโดยสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ เช่นเสื้อผ้า,ที่นอนและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขอนามัยถูกส่งไปยังผู้เดือดร้อนแต่ประมาณ 450ครอบครัวอพยพออกจากบ้านเรือนตัวเองใน 6เขตทางตอนเหนือของประเทศพรมแดนติดกับบราซิล

บ้านเรือนหลายหลังในพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำท่วมที่ระดับน้ำสูงถึงเพดานบ้านหลายครอบครัว เช่นครอบครัวของนายโอเมอร์โรกา ซึ่งเกษียณอายุและอาศัยอยู่กับลูกและหลานต้องสูญเสียทรัพย์สินของมีค่าเกือบทั้งหมด

นายลีเนรารองประธานาธิบดีเสนอให้ความช่วยเหลือชุมชนที่ถูกกระแสน้ำไหลทะลักเข้าท่วมโดยเขากล่าวว่าถือเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในภูมิภาคเท่าที่เคยเห็นมามีบ้านเรือนจำนวนมากเมืองหลายเมืองได้รับผกระทบมันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเราเห็นน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีแต่ในปีนี้ ระดับน้ำสูงกว่าที่เราเคยเห็นมาก่อน

น้ำท่วมโบลิเวียประชาชนเดือดร้อนหนัก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 28 ก.พ.58 ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย โดนลอบยิงตายใกล้ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา นายบอริส เนมต์ซอฟ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านรัสเซีย วัย 55 ปี ถูกยิงเสียชีวิต ห่างจากทำเนียบประธานาธิบดี ใจกลางกรุงมอสโก รัสเซีย เพียงไม่กี่เมตร โดยเขาถูกยิง 4 นัดเข้าที่ด้านหลัง ขณะกำลังเดินอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำมอสควา กับหญิงชาวยูเครนคนหนึ่ง
วิถีกระสุน มาจากรถยนต์สีขาวที่แล่นผ่าน แล้วขับหลบหนีเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ทันทีที่ได้รับแจ้ง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ประณาม และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์สังหารครั้งนี้ พร้อมระบุว่าเป็นการฆาตกรรมที่เหี้ยมโหดโดยคาดว่านายเนมต์ซอฟน่าจะถูกจ้างวานฆ่า
จึงสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงเร่งสอบสวนในเรื่องนี้โดยทันที และคาดว่า เหตุการณ์นี้จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านออกมาประท้วง ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในใจกลางกรุงมอสโก ใน 1-2 วันนี้
------------------------------->
เรื่องนี้มีเงื่อนงำมาก เพราะการเมืองภายในรัสเซีย แทบไม่ปรากฎการใช้ความความรุนแรงด้วยอาวุธต่อกัน และจากการข่าว ผู้นำพรรคฝ่ายค้านรัสเซียคนนี้เขาฝักไฝ่ชาติตะวันตก และรับจ็อบอเมริกา เรื่องกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย มาจุดประเด็นทางการเมือง
ก่อนการตายไม่กี่นาที เขาคุยกับ ส.ส.ฝ่ายค้านคนหนึ่ง และมีความเห็นบางอย่างขัดกัน อีกทั้งมือปืนจงใจยิง ห่างจากทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเพียงไม่กี่เมตร ก่อนหน้าวันนัดประท้วงของกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน
เป็นการจุดชนวนความขัดแย้งให้บานปลาย โดยอาศัยศพของผู้นำฝ่ายค้านเป็นเครื่องมือ และต้องการให้เกิดความรุนแรงเผาบ้านเผาเมืองตามมา ต้องจับตาการแก้ปัญหาของหมีขาวปูติน ว่าอดีต KGB เก่า จะคลี่คดีสังหารนี้ได้กระจ่างอย่างไร
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ปอกเปลือก ทรราช



บูมเมอแรงของการแซงชั่นรัสเซียทำให้ ExxonMobil ของสหรัญฯสูญรายได้กว่า 1 พันล้านเหรียญ
-----------------
รายงานประจำปี 2014 ของ ExxonMobil บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯระบุว่าสืบเนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯสั่งให้มีการแซงชั่นรัสเซียเมื่อปีที่แล้วส่งผลให้ ExxonMobil สูญเสียรายได้จากขุดเจาะสำรวจน้ำมันร่วมกับบริษัท Rosneft ของรัสเซียกว่า $1 billion (ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท) การแซงชั่นดังกล่าวส่งผลให้ต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ในทะเลรัสเซียในทะเลดำ พื้นที่อาร์คติก และพื้นที่บนบกในไซบีเรียตะวันตกด้วย
ทั้ง Rosneft และ ExxonMobil ได้มีสัญญาร่วมกันในโครงการสำรวจและวิจัยในปี 2013 และปี 2014 ในทะเล Kara จากการสำรวจพบว่าในบริเวณพื้นที่ทะเลการาของรัสเซียอาจจะมีปริมาณน้ำมันสำรองมากถึง 13 พันล้านตัน ซึ่งมากกว่าอ่าวเม็กซิโกหรือทั่วประเทศซาอุดิอาระเบียเสียอีก โครงการร่วมกันอีกแห่งหนึ่งคือ Sakhalin–1 Consortium ในตะวันออกไกลของรัสเซียในพื้นที่คาบสมุทร Pacific Berkut ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกและผลิตน้ำมันได้ 27,000 ตันต่อวัน โครงการ Sakhalin–1 Consortium นี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1996 เป็นโครงการร่วมมือระหว่างบริษัทน้ำมันต่างประเทศซึ่งประกอบด้วย ExxonMobil ของสหรัฐฯ (30 %), Sodeco ของญี่ปุ่น (30 %), Rosneft ของรัสเซีย (20 %) และ ONGC Videsh ของอินเดีย (20 %) มีมูลค่าการลงทุนทั้งหมดประมาณ 10-12 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.2 - 3.8 แสนล้านบาท) เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถดึงการลงทุนจากต่างประเทศมาให้รัสเซีย
ดูผลกระทบจากการแซงชั่นรัสเซียสิ ตอนแรกอเมริกาทำเป็นไม่ได้รับผลกระทบใดๆ หรืออาจจะมีบ้างแบบจิ๊บๆ ที่ไหนได้ข้อมูลค่อยๆ เปิดออกมาทีละนิดๆ ที่แท้ตัวเองก็เจ็บไม่แพ้อียูเหมือนกัน แม้ว่ารัสเซียจะไม่สามารถผลิตน้ำมันจากบางแหล่งที่มีการลงทุนร่วมกันกับบริษัทสหรัฐฯ แต่ก็มีแหล่งอื่นๆ อีกเพรียบที่ไม่มีการลงทุนร่วมกับสหรัฐฯและอียู รัสเซียสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันจากแหล่งเหล่านี้ส่งออกให้ประเทศพันธมิตรของตัวเองได้ตลอด การที่รัสเซียรู้จักแบ่งแหล่งน้ำมันบางส่วนให้สหรัฐฯร่วมลงทุนและสงวนบางส่วนไว้ให้ชาติอื่นที่ไม่เป็นมิตรกับอเมริกาและรัสเซียสำรวจเองแบบนี้ถือว่าเป็นการดำเนินนโยบายความมั่นคงด้านพลังงานของตัวเองได้อย่างชาญฉลาดมาก เพราะถ้าขืนให้สหรัฐฯมาถือหุ้นหรือรับสัมปทานบ่อน้ำมันของตัวเองทุกแห่ง ในกรณีที่เกิดการแซงชั่นแบบนี้รัสเซียก็จะไม่สามารถผลิตน้ำมันได้เลย เพราะบริษัทเหล่านั้นเป็นของอเมริกาก็ย่อมปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลอเมริกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าขณะนี้ทางสหรัฐฯขู่จะแซงชั่นรัสเซียอีกรอบ แต่ที่แน่ๆ อียูไม่เอาด้วยแน่นอน
The Eyes
28/02/2558
-----------------
http://rt.com/b…/236067-exxonmobil-rosneft-sanctions-report/
Biggest oil rig ever: 200k-ton Sakhalin giant begins production — RT News

 

ปอกเปลือก ทรราช
กรณีนาย Boris Nemtsov ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซียถูกลอบสังหาร



----------------
เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 27 ก.พ.58 เวลาประมาณ 23.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น มีการลอบสังหารนาย Boris Nemtsov อายุ 55 ปี ผู้นำพรรค RPR-PARNAS (Republican Party of Russia – People's Freedom Party) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของรัสเซีย ที่บริเวณสะพาน Vasilyevsky Spusk ไม่ไกลจากจตุรัสแดง (Red Square) ในกรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย จากการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่านาย Boris Nemtsov ได้เดินข้ามสะพานดังกล่าวมากับหญิงสาวคนหนึ่งวัย 24 ปี หลังจากที่ทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้จตุรัสแดง จากนั้นก็มีคนร้ายขับรถยนต์สีขาว มาลอบยิงเขา 4 นัด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีปลอกกระสุน 6 นัดในตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนหญิงสาวคนดังกล่าวกำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญไปสอบปากคำเพิ่มเติม
กรณีนี้แกนนำพรรคฝ่ายค้านบางคนรีบมาดูที่เกิดเหตุ ส่วนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน หลังจากที่ได้รับข่าวและยันยืนแล้ว ก็ออกมาประมาณการก่อเหตุดังกล่าวว่าเป็นการฆาตกรรมที่โหดร้ายและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซื้งต่อครอบครัวของนาย Boris Nemtsov และเร่งให้เจ้าหน้าที่รีบคลี่คลายคดีโดยเร็ว
ส่วนโอบามาก็รีบออกมากล่าวประณามการก่อเหตุในครั้งนี้เช่นกัน ที่น่าแปลกใจก็คือสื่อฯของสหรัฐฯและตะวันตกรีบประโคมข่าวนี้ทันที ทั้งๆ ที่เมื่อวันก่อนนี้ก็มีเหตุฆาตกรรมในสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตถึง 8 รายแต่ไม่เห็นมีข่าวลงหน้าหนึ่งใน CNN และ BBC เป็นข่าวใหญ่อย่างนี้เลย
นาย Boris Nemtsov กับพวกมีกำหนดการที่จะจัดเดินขบวน "Spring Anti-Crisis March" หรือที่เรียกสั้นว่า "Spring March" ในอำเภอ Maryino ทางตะวันออกเฉียงใต้ในกรุงมอสโคว์ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็จะจัดการเดินขบวน "The Red Spring" แถว Tverskoy Boulevard แยกจากกลุ่มของนาย Boris Nemtsov ต่างหาก ทั้งสองกลุ่มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเดินขบวนต่อต้านและวิพากวิจารณ์นโยบายการบริหารประเทศของปูติน แต่แยกกันเดิน
นาย Boris Nemtsov เคยเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีในสมัยนาย Boris Yeltsin เป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย เคยเป็นรัฐมนตรีพลังงาน และเคยเป็นผู้ว่าเมือง Nizhegorodsky มาก่อน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯมาก เป็นพวกนิยมสหรัฐฯคล้ายๆกับโปโรเชนโก้ของยูเครนนั่นแหละ พรรคหลังนี้นาย Boris Nemtsov ได้ให้ความสนใจในการทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่าจะมาเป็นนักการเมือง ซึ่งพึ่งจะกลับมามีบทบาทเป็นนักกิจกรรมก็ในช่วงที่เกิดวิกฤตในยูเครนและช่วงที่รัสเซียถูกแซงชั่นนี่แหละ มีข่าวว่าเขาพึ่งจะเดินทางกลับมาจากยูเครนได้เพียง 1 วันก่อนถูกลอบสังหาร และทันทีที่เกิดเหตุการณ์กลุ่ม HRW ในรัสเซียรีบออกมาพูดเลยว่าการสืบสวนสอบสวนต้องเป็นไปอย่างละเอียดและเป็นกลาง แหม… พวกนี้รับลูกกันเร็วดีเหลือเกิน
วุฒิสมาชิก Ben Cardin ของสหรัฐฯออกมาแสดงความคิดเห็นว่านาย Boris Nemtsov ถูกฆ่าตายเพราะหุ้นส่วนและพันธมิตรของเขาเอง ซึ่งเกี่ยวกับกฎหมายฉบับหนึ่ง "Rule of Law Accountability Act" ที่ก่อนหน้านี้นาย Boris Nemtsov ได้เคยออกมาเสนอให้ระงับบัญชีและแบนวีซ่าของพลเมืองชาวรัสเซียทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนักกฎหมายและนักกิจกรรมชาวรัสเซียชื่อ Sergei Magnitsky
บางคนวิจารณ์ว่านี่คงจะเป็นอีกหนึ่งภารกิจของของ เจมส์ บอนด์ ส่วนพวกตะวันตกและสหรัฐฯก็รีบออกมากล่าวหาปูตินทันทีเลยว่าเป็นฝีมือของปูตินแน่ๆ ว่าไปนั่น งานนี้อเมริกาเล่นไม่เลิกแน่ๆ เพราะวันก่อนมีข่าวว่าทางสหรัฐฯอยากจะมาทำรายการทีวีของสหรัฐฯแต่เป็นภาษารัสเซียแทน ก็ถูกชาวรัสเซียสั่งสอนกลับไปว่าชาวรัสเซียส่วนมากรักชาติและไม่ชอบอเมริกันเลย งานนี้ก็เลยกร่อย ก่อนหน้านี้ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้แหละ มีการสำรวจความนิยมปูตินจากชาวรัสเซียพบว่าปูตินมีคะแนนนิยมถึง 87% เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นจาก 75% ในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว (ถ้าจำตัวเลขไม่ผิดนะ ที่ไม่ได้เอามาลงข่าวให้ฟังนีี่เกรงว่าจะมีคนมาเหน็บว่าผมคลั่งปูตินเกินไป ฮ่าๆๆ )
จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนขาวรัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับพรรคฝ่ายค้าน มีผลออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าต้องการให้มีพรรคฝ่ายค้าน แต่… เสียงส่วนใหญ่บอกว่ายังไงก็จะไม่เลือกพรรคฝ่ายค้าน จะเลือกแต่ปูตินเท่านั้น เมื่อสหรัฐฯกับอียูได้ยินอย่างนี้แล้วจะว่าอย่างไรหละ? และเมื่อเร็วๆนี้จีนก็พึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน-รัสเซีย-อียู ประมาณว่าอียูจะขาดรัสเซียไม่ได้ ต้องร่วมมือกันว่างั้นเถอะ วิธีการฆ่าพวกเดียวกันเองเพื่อโยนความผิดให้ฝ่ายตรงข้ามแบบนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ถามว่านาย Boris Nemtsov เป็นภัยต่อสถานทางการเมืองของปูตินกับรัฐบาลนี้ไหม? ไม่เลยปูตินไม่แยแสด้วยซ้ำไป หากปูตินต้องการจะเก็บคู่แข่งจริงๆ ทำไมถึงต้องทำในเวลาที่ทั้งรัสเซียและยูเครนมีวิกฤตอย่างนี้ด้วยเล่า เพราะชาวโลกก็จะคิดง่ายๆว่าต้องเป็นฝีมือของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน เรื่องแบบนี้ปูตินจะคิดไม่ได้เลยเชียวหรือ?
ในกลุ่มฝ่ายค้านด้วยกันเองก็มีข่าวว่าไม่ค่อยจะลงรอยกันซักเท่าไรอยู่นะ ส่วนท่าทีของสื่อฯฝั่งรัสเซียไม่เห็นแสดงท่าทีที่เป็นการกล่าวหาหรือว่าพูดในลักษณ์ที่เป็นลบต่อปูตินในคดีนี้เลยนะ ต่างจากสื่อฯฝั่งตะวันตกกับอเมริกามาก ถามว่าคดีนี้จะมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในรัสเซียไหม? คิดว่าไม่น่าจะมีผลมากขนาดนั้นนะ ดูที่ยูเครนสิคนตายไปตั้งประมาณ 5,600 คนในสงครามกลางเมืองโปโรเชนโก้ก็ยังเป็นปธฯ.อยู่เลย และดูเหมือนว่ายิ่งตายเยอะเท่าไรอเมริกายิ่งชอบใจผู้นำคนปัจจุบันของยูเครนมากขึ้นเท่านั้น แต่ที่รัสเซียคิดว่าคดีนี้อาจจะมีผลต่อคะแนนนิยมของปูตินบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของปูตินในการดึงคะแนนนิยมกลับมาให้ตัวเองอีกครั้ง หากสามารถคลี่คลายคดีนี้ได้เร็วและโปร่งใสมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดีต่อปูตินมากขึ้นเท่านั้น และหากพิสูจน์ได้ว่าปูตินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ คิดดูสิว่าคะแนนนิยมของปูตินจะเพิ่มขึ้นมากขนาดไหน และแทนที่จะเป็นการทำลายปูตินกลับกลายเป็นว่าช่วยปูตินซะงั้น
The Eyes
28/02/2558
-------------
http://rt.com/news/236363-nemtsov-killed-politician-moscow/
http://rt.com/ne…/236387-reaction-provocation-nemtsov-muder/
Boris Nemtsov killed in Moscow LIVE UPDATES — RT News
http://rt.com/op-edge/236407-babich-nemtsov-death-putin/
http://rt.com/polit…/236007-russia-opposition-attitude-poll/
http://rt.com/polit…/235315-russian-opposition-rally-moscow/
https://www.youtube.com/watch?v=_aeijcg6Umo
TASS: Russia - Investigative Committee opens criminal case over deputy Boris Nemtsov's murder
TASS: Russia - Russian politician Boris Nemtsov shot and killed in Moscow — Interior agencies
TASS: Russia - Opposition cancels march scheduled for March 1 in southeast Moscow - opposition politician
TASS: Russia - Russian opposition activist Navalny gets 7-day jail term for disobedience to police
Russian Politician Boris Nemtsov Killed in Moscow / Sputnik International
Sponsor of Magnitsky Act Calls Killed Russian Politician Nemtsov Ally / Sputnik International
http://rt.com/usa/236239-shooting-range-missouri-killed/
Putin’s trust rating hits 85% historical high — RT Russian politics

 

ปอกเปลือก ทรราช
อ้าว! มวยล้มต้มคนดูซะแล้วโปโรเชนโก้แหกตาชาวโลกว่าตกลงซื้อขายอาวุธจาก UAE



----------------
ช่วงเย็นวันนี้ (27 ก.พ. 58) รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอาหรับอีมิเรทส์ (UAE) ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างของประธานาธิบดีปิโตร โปโรเชนโก้ ของยูเครนที่ออกมาประกาศข่าวลวงโลกและหลอกพวกเดียวกันเองก่อนหน้านี้ว่าทาง UAE จะมีการส่งออกอาวุธให้กับยูเครนนั้นไม่เป็นความจริงซักอย่าง
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมามีงานแสดงอาวุธนานาชาติ IDEX-2015 ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง Abu Dhabi ประเทศสหรัฐอาหรับอีมิเรทส์ ทางปธน.โปโรเชนโก้ก็รีบพาทีมงานบินไปเที่ยวงานนี้ด้วย แล้วก็มีการเซ็นสัญญาลงนามกันประมาณ 20 สัญญากับ UAE อ้างว่าเป็นสัญญาเกี่ยวกับการสนับสนุนอาวุธร้ายแรงให้กับยูเครนทั้งจาก UAE ยุโรปและสหรัฐฯ แต่ฝ่าย UAE ออกมาตบปากโปโรเชนโก้อย่างแรงซะหัวหมุนไปเลยว่า สัญญาระหว่าง UAE กับยูเครนนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการส่งออกอาวุธให้ยูเครนเลย เป็นเพียงข้อตกลงความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีการป้องกันประเทศในอนาคตระหว่างทั้งสองประเทศเท่านั้น ไม่มีส่วนไหนในสัญญาที่ระบุว่า UAE จะส่งมอบอาวุธไปให้ยูเครนเลย
อ้าว! ตายละหว่า... แบบนี้มันก็โกหกพวกเดียวกกันเองดิ หลอกให้พวกกองกำลังอิสระที่หนุนตัวเองหลงดีใจอยู่ได้ตั้ง 2-3 วันว่าจะได้อาวุธใหม่มาเล่นซะแล้ว สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฎกลายเป็นว่าไม่ใช่อย่างที่โปโรเชนโก้พูดไว้ซะหน่อย โอยยยย.... อายแทนอ่ะ อันที่จริงหมอนี่เขาเก่งเรื่องการทำ PR สร้างภาพสร้างเรื่องโกหกโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อเขาเป็นเพียงพ่อค้าขายคุกกี้เท่านั้น ไม่ได้มีนโยบายอะไรที่จะพัฒนาประเทศของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เป็นแค่หุ่นเชิดของอเมริกาเท่านั้น นักวิเคราะห์ชาวยุโรปบางคนออกมาพูดว่าเขาเก่งเรื่องความรักชาติ แต่ไม่ได้เรื่องในเรื่องการปฏิรูปประเทศและพัฒนาด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศตัวเองเลย หมายความว่าดีแต่เรื่องปลุกระดมคนให้ออกมาประท้วงอาศัยเลือดรักชาติเป็นเชื้อ แต่ในเรื่องการปฏิรูปประเทศแล้วห่วยว่างั้นเถอะ เออ… เท่าที่สังเกตมาตั้งแต่เขาเป็นปธน.ของยูเครนนี่ยังไม่เห็นเขาพูดถึงนโยบายการปฏิรูปและพื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศของเขาเองเลยนะ มีแต่ออกมาเรียกร้องว่าจะเอาอาวุธไปสู้กับรัสเซีย วันๆก็ขยันแต่สร้างข่าวปลอดหลักฐานเท็จออกมาตบตาชาวโลกและประชาชนของตัวเอง
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พี่แกไม่สามารถหาหลักฐานได้ว่ารัสเซียสนับสนุนอาวุธให้พวก NAF ก็สั่งให้ลูกน้องไปลากเอารถถังและอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยโซเวียตที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งออกมาโชว์กลางแจ้ง มีป้ายคำอธิบายทุกอย่างครบถ้วน ก็เหมือนๆ กับที่เห็นตามพิพิธภัณฑ์ทั่วไปนั่นแหละ แล้วก็เชิญสื่อฯกับพวกผู้นำอียูบางประเทศและผู้นำกลุ่มประเทศบอลติคไปชมของเก่า แล้วบอกว่านี่คืออาวุธที่ฝั่งรัสเซียสนับสนุนพวก NAF ทางทหารยูเครนยึดมาได้ ดูจากสภาพรถและอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาแสดงละครในครั้งนี้ปรากฎว่ามันไม่เปลื้อนฝุ่น หรือดิน หรือโคลนเหมือนพึ่งมาจากสนามรบเลยนะ ก็แค่ลากอาวุธสมัยโซเวียตจากในตัวอาคารออกมาโชว์แล้วก็บอกว่าเป็นของที่พึ่งยึดมาได้จากฝั่งรัสเซียซะงั้น เรื่องแบบนี้หมอนี่ถนัด
The Eyes
28/02/2558
--------------
TASS: World - Emirates Foreign Ministry refutes Kiev's claims on plans for weaponry exports
TASS Experts opinions: Ukraine: Arms dealing in a truly presidential style
Poland likely to send military advisers to help Ukraine – defense aid — RT News
http://rt.com/n…/235043-normandy-quartet-weapons-withdrawal/
Poroshenko's Big Haul: What Exactly Did Ukraine Bring Back From the UAE? / Sputnik International
Poroshenko Gets His Guns in UAE:'Unlike Europe, Arabs Aren't Afraid of WW3' / Sputnik International
TASS: World - Ukraine signs multi-million dollar arms contracts, gets lethal weapons — defense official
http://uatoday.tv/…/russian-army-s-military-equipment-captu…
https://www.youtube.com/watch?v=37kcouZC9s8