ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อนดล แซ่เล้า ได้แชร์รูปภาพของ สำรวจโลก ไปยังกลุ่ม: ภัยพิบัติ ก่อนวันสิ้นยุค

    'หลุมยุบใหม่ 4 หลุมในไซบีเรีย

    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์พบหลุมยุบปริศนาใหม่ 4 หลุม บริเวณพื้นที่ Permafrost ในไซบีเรีย ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย โดยหลุมยุบหลุมแรงถูกค้นพบในปี 2013 ต่อมาก็มีการพบมาเรื่อย ๆ และจากการสำรวจครั้งล่าสุดพบหลุมยุบอีก 4 หลุม ทางด้านศาสตราจารย์ Vasily Bogoyavlensky หนึ่งในทีมสำรวจเผยว่ามันเกิดจากการระเบิดของก๊าซที่อยู่ใต้ดิน และเชื่อว่าเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนทำให้ก๊าซถูกปล่อยออกมา และคาดว่าอาจมีมากถึง 20 - 30 หลุม
    _________________________________

    สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ สำรวจโลก | Next Step สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้'
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อนดล แซ่เล้า ได้แชร์รูปภาพของ CMS

    [​IMG]

    ในวันจันทร์และวันอังคารสัปดาห์นี้ เราเปิดประตูใต้ดินของเรา สำหรับเด็กนักเรียน จำนวน 700 คนจากโรงเรียนในท้องถิ่น
    https://www.facebook.com/CMSexperim...35328943432/10153052833183433/?type=1&theater
    'On Monday and Tuesday this week, we opened our underground doors to 700 students from local schools!

    Find out more about our "School Days" event: CMS opens doors to 700 students from local schools | CERN

    Photo: CMS guide Achintya Rao with one of the visiting groups of schoolchildren (Credit: Maximilien Brice/CERN)
    More photos: CMS school day 2015 - CERN Document Server'
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Pst Nong ได้แชร์รูปภาพของ บีบีซีไทย - BBC Thai

    'อนามัยโลกเตือนทุกฝ่ายเปลี่ยนไปใช้กระบอกฉีดยาอัจฉริยะเพื่อหยุดยั้งโรคระบาด

    [​IMG]

    องค์การอนามัยโลกประกาศว่าภายในปี 2563 ประเทศต่างๆควรเริ่มใช้กระบอกฉีดยาอัจฉริยะที่จะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง

    การใช้กระบอกฉีดยาซ้ำหลังจากที่เคยใช้แล้วส่งผลให้ในแต่ละปีมีผู้ป่วยติดเชื้อจากโรคติดต่อกว่า 2 ล้านราย เช่น เชื้อเอชไอวี และเชื้อไวรัสตับอักเสบ

    กระบอกฉีดยาอัจฉริยะแบบใหม่นี้จะป้องกันการนำกลับมาใช้ใหม่ โดยผู้ใช้จะไม่สามารถดึงลูกสูบในกระบอกฉีดยาให้หดกลับเข้าไปในกระบอกได้อีก จึงทำให้ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก

    ดร. เซลมา กามาสสิ หัวหน้าคณะวิจัยด้านความปลอดภัยในการฉีดยา บอกกับบีบีซีว่า นี่จะช่วยป้องกันไม่ให้คนติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้ถึง 1.7ล้านราย รวมถึงป้องกันคนไม่ให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้ 300,000 ราย และป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ 35,000 รายต่อปี และอาจรวมถึงเชื้อไวรัสอื่น ๆ เช่น อีโบลาและ มาร์บูร์ก

    ทั้งนี้ราคาของกระบอกฉีดยาอัจฉริยะจะสูงกว่ากระบอกฉีดยาแบบธรรมดาเล็กน้อย โดยกระบอกฉีดยาธรรมดาจะมีราคาตกอยู่ที่ประมาณ 65 สตางค์ ถึง 1 บาท 30 สตางค์ แต่กระบอกฉีดยาอัจฉริยะมีราคาประมาณ 1 บาท 30 สตางค์ถึงเกือบ 2 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นราคาที่ดูสูงขึ้นไม่มาก แต่หากคำนวณค่าใช้จ่ายของการฉีดยาทั่วโลกที่สูงถึง 16,000 ล้านครั้งต่อปีแล้ว การเปลี่ยนมากระบอกฉีดยาอัจฉริยะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่สูงมาก อย่างไรก็ดีดร. กามาสสิระบุว่าราคาของกระบอกฉีดยาอัจฉริยะอาจจะสูงขึ้น แต่เทียบไม่ได้เลยกับค่ารักษาโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายหากใช้กระบอกฉีดยาแบบเดิม

    ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในกัมพูชา ชาวบ้านที่นั่นรวมทั้งพระเจ้าอาวาสวัย 82 ปี เด็กนักเรียน คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านแทบทุกคนติดเอชไอวี โดยเชื่อว่ามาจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมของหมอชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้าน

    นอกจากนั้น องค์การอนามัยโลกยังเรียกร้องให้มีการใช้เข็มฉีดยาแบบมีปลอกหุ้ม เพื่อป้องกันไม่ให้แพทย์เผลอเอานิ้วไปสะกิดโดนเข็มที่ใช้รักษาคนไข้มาแล้ว เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในทวีปแอฟริกาตะวันตก

    อย่างไรก็ดีองค์การอนามัยโลกกำลังเรียกร้องให้ผู้ผลิตกระบอกฉีดยาหาทางที่จะลดค่าใช้จ่ายของกระบอกฉีดยาอัจฉริยะอยู่ ด้านนายมาร์ค คอสคา หัวหน้ากลุ่ม Safepoint ซึ่งกำลังรณรงค์ให้หยุดใช้กระบอกฉีดยาซ้ำระบุว่า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะพวกเขาได้เริ่มโครงการเปลี่ยนมาใช้กระบอกฉีดยาแบบใหม่กับการให้วัคซีนแล้ว และประสบความสำเร็จอย่างดี ตอนนี้จึงกำลังพุ่งเป้าไปยังเรื่องของการฉีดยาเพื่อรักษาโรคต่อไป'
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Ammy Chumnankit

    [​IMG]

    23/2/2015 ระทึก! จู่ๆถนนทรุดเป็นหลุมกว้างที่อิตาลี ต้องอพยพคนหนีอลหม่าน
    เว็ปไซต์เดลิเมล์ของอังกฤษ รายงานว่า เกิดเหตุถนนยุบตัวในเมืองเมเปิล ประเทศอิตาลี ทำให้เกิดหลุดขนาดใหญ่กว้างเกือบ 10 เมตร ลึก 4-5 เมตร กลางถนนสายหนึ่ง เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า สาเหตุที่ถนนทรุดและเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ เพราะท่อระบายน้ำที่อยู่ใต้ถนนเกิดแตกออก
    ผู้หญิงคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า"ประมาณตีห้า ฉันได้ยินเสียงดังมาก และเห็นถนนยุบตัวลงไป รถยนต์ก็ถูกกลืนไปด้วย"
    แม้จะไม่มีรายงานว่าพบเห็นความเสียหายที่อาคารรอบๆบริเวณที่เกิดเหตุแต่ทางการได้อพยพประชาชนที่อาศัยบริเวณนั้นประมาณ 380 คนไปยังที่ปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า "เราได้ติดต่อกับโรงแรมรอบ ๆ เพื่อจัดหาที่พักและเราพยายามที่จะลดความยุ่งยากให้กับผู้อพยพทุกคน"
    นายเดวิดเลซซี ผู้รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว บอกว่าเจ้าหน้าที่จะเริ่มหาขอบเขตของหลุมยุบ ก่อนจะปิดหลุมด้วยคอนกรีต โดยขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวถูกปิดล้อมโดยทางการและยังไม่มีรายงานว่าบรรดาผู้อพยพจะสามารถกลับบ้านได้เมื่อใด
    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Ammy Chumnankit ผ่าน ศุภฤกษ์ วิเชียรปัญญา

    [​IMG]

    “กระถางแก้มลิง” เทคนิคการปลูกพืชลดการให้น้ำ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างตรงจุด เหมาะสำหรับการปลูกพืชในพื้นที่จำกัด รดน้ำครั้งเดียวเอาอยู่ วันเสาร์ 21 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 10:00 น.

    “กระถางแก้มลิง” ถือเป็นนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากในหมู่เกษตรกรและคนทั่วไปที่สนใจการปลูกพืช เพราะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ “ชีวิตคนเมือง” ได้อย่างตรงจุด

    เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะการปลูกพืชโดยใช้กระถางแก้มลิง สามารถปลูกได้ในพื้นที่จำกัดและประยุกต์ใช้กับการปลูกพืชได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังดูแลง่าย เพียงรดน้ำครั้งเดียวก็ทำให้ต้นไม้อยู่ได้เกือบเดือน โดยไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย

    ล่าสุด “อ.นภพล รัตนสุนทร” อาจารย์ประจำวิทยาลัยเทคนิคนครนายก ผู้คิดค้นการใช้กระถางแก้มลิงปลูกพืช ได้พัฒนากระถางแก้มลิงรูปแบบใหม่ โดยดัดแปลงต่อยอดจากกระถางแก้มลิงต้นแบบ เพื่อลบจุดด้อยที่มีปัญหา ทำให้กระถางแก้มลิงโฉมใหม่ ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

    ทั้งนี้ “กระถางแก้มลิงรูปแบบเดิม” จะนำกระถางเปล่าเจาะรูด้านข้าง เพื่อระบายน้ำและนำกระถางที่มีขนาดเล็กกว่าคว่ำไปในกระถางใบแรก โดยมีท่อเชื่อมต่อเข้าไปในกระถางที่คว่ำอยู่สำหรับใส่น้ำและดูดน้ำออก จากนั้นใส่หินให้ปิดก้นกระถางใบคว่ำพร้อมใส่ดินปลูกพืชปกติ แต่สำหรับ “กระถางแก้มลิงรูปแบบใหม่” จะเจาะรูของกระถางให้ใหญ่ขึ้นและเว้าเข้าไปด้านในเล็กน้อย ไม่ใช้ท่อปัก แต่เปลี่ยนมาให้น้ำจากรูที่เจาะไว้ด้านข้างแทน เพื่อลดปัญหาดินอุดตัน ทั้งยังสามารถมองเห็นระดับน้ำในกระถางแก้มลิง มีประโยชน์ในการควบคุมระดับน้ำ ส่วนด้านในจะมีที่ภาชนะเก็บน้ำหรือเราเรียกว่า “แก้มลิง” เป็นภาชนะทรงคว่ำไว้ด้านล่างเพื่อกักเก็บน้ำ หินที่ใส่ลงไปมีหน้าที่ชะลอการซึมของน้ำ เมื่อใส่ดินทับลงไปและรดน้ำ ดินจะแทรกตัวลงไปตามซอกหินทำหน้าที่ดูดซับน้ำจากอุโมงค์แก้มลิง เมื่อดินด้านบนขาดน้ำดินข้างล่างจะดูดความชื้นขึ้นมาทำให้ดินไม่แห้ง เมื่อต้นไม้โตขึ้น รากของต้นไม้จะยาวลงไปดูดความชื้นจากน้ำด้านล่าง เสมือนการปลูกต้นไม้ริมแม่น้ำ ทำให้ต้นไม้ไม่ขาดน้ำ

    หลายคนอาจคิดว่าอุโมงค์น้ำในกระถาง จะทำให้รากเน่าตายได้ แต่ความจริงแล้วการปลูกต้นไม้ลักษณะนี้ ต้นไม้สามารถเจริญเติบโตได้โดยที่รากไม่เน่า สาเหตุเพราะต้นไม้เกิดการปรับตัวในระยะยาว ต่างจากกรณีน้ำท่วมซึ่งต้นไม้จะไม่มีเวลาปรับตัวทำให้รากเน่าตายในที่สุด

    ที่มาที่ไปของการคิดค้นกระถางแก้มลิง “อ.นภพล” เล่าว่า การปลูกพืชในกระถางต้นไม้ จำเป็นต้องรดน้ำเป็นประจำ หากไม่มีเวลาหรือลืม ต้นไม้จะเหี่ยวตายได้ ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้การรดน้ำต้นไม้เป็นเรื่องง่าย หลังจากสังเกตต้นไม้ตามชายทุ่งหรือริมแม่น้ำในหน้าแล้งพบว่าต้นไม้บริเวณดังกล่าวสามารถเจริญเติบโตได้ ทำให้นึกถึงหลักการของน้ำใต้ดิน และเกิดเป็นระบบน้ำใต้ดินในกระถางต้นไม้ที่สามารถทำเองได้ง่ายๆที่บ้าน

    ปัจจุบันกระถางแก้มลิงเคลือบดินเผา ขนาดกว้าง8นิ้ว ราคา100บาท, ขนาด16นิ้ว ราคา 250บาท และขนาด22นิ้ว ราคา350บาท สามารถติดต่อได้ที่สวนเกษตรชีวภาพ สวนพอดี บริเวณข้างวัดหนองทองทราย ต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก หรือติดต่อที่ “อ.นภพล รัตนสุนทร” คลินิกเทคโนโลยีวิทยาลัยเทคนิคนครนายก

    ….................................

    จอมสุดา ของดี

    'กระถางแก้มลิง'โฉมใหม่!! รดน้ำหนเดียวอยู่เป็นเดือน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Ammy Chumnankit ได้แชร์รูปภาพของ Chayutt Naowarat

    '"วันที่เป็นกุญแจสำคัญในปี 2015"

    [​IMG]

    - วันที่ 20 มีนาคม: เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง (คืนเดือนดับ)
    - วันที่ 20 มีนาคม: คือวัน Equinox
    - วันที่ 4 เมษายน: เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในคืนวันเพ็ญ
    - วันที่ 21 มิถุนายน: คือวัน Solstice

    - วันที่ 13 กันยายน: เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาไม่เต็มดวง (คืนเดือนดับ)
    - วันที่ 23 กันยายน: คือวัน Equinox
    - วันที่ 28 กันยายน: เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในคืนวันเพ็ญ
    - วันที่ 21 ธันวาคม: คือวัน Solstice

    ซึ่งวันแต่ละวันที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นวันที่ทรงพลังอำนาจในแบบของมันเองด้วยกันทั้งสิ้น และถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่มีการเกิดคราสเหล่านี้จะคาบเกี่ยวและเชื่อมประสานกันอยู่ก็ตาม แต่พลังงานเหล่านี้ ก็อาจจะสามารถจำแนกออกเป็นสองช่วงใหญ่ๆได้ดังนี้ คือ ช่วงแรกนับตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม จนไปถึงวันที่ 21 มิถุนายน ส่วนช่วงที่สองจะเริ่มจากวันที่ 13 กันยายน จนไปถึงวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งแต่ละช่วงก็จะเริ่มต้นด้วยการเกิดคราสเหมือนๆกัน แล้วภายในแต่ละช่วงนี้ก็จะมี Equinox อยู่ในนั้นเหมือนๆกัน และก็ยังจะปิดท้ายด้วย Solstice เหมือนๆกันอีก...

    "วันที่มีการโคจรกลับของดาวพุธในปี 2015 :"

    - 21 มกราคม ถึง 11 กุมภาพันธุ์ 2015
    - 18 พฤษภาคม ถึง 11 มิถุนายน 2015
    - 17 กันยายน ถึง 9 ตุลาคม 2015

    การโคจรกลับของดาวพุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้พลังงานของปี 2015 นี้ จะทำให้มีหน้าต่างพิเศษบางอย่างถูกเปิดขึ้นมา อันจะส่งผลให้สามารถคิดทบทวนดูตัวเองได้อย่างชัดเจน ซึ่งการโคจรกลับของดาวพุธในช่วงวันที่ 18 พฤษภาคม ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2015 นี้ จะเป็นช่วงเวลาแห่งการชุมนุมกัน หรือเป็นช่วงเวลาแห่งการร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์อะไรบางอย่างขึ้นมา

    การเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ในคืนวันเพ็ญ ของวันที่ 28 กันยายน 2015 นี้ จะทำให้การโคจรกลับของดาวพุธในช่วงนี้ กลายเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก เพราะว่ามันจะไปทำให้ความสามารถในการใช้ญาณทัศนะของพวกคุณเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกคุณจะต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า ระดับความกระจ่างชัดของการใช้ญาณทัศนะของพวกคุณแต่ละคนนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแรงสมบูรณ์ของสนามพลังออร่าของพวกคุณเองด้วย และก็ขึ้นอยู่กับระดับความสมดุล และความสามารถในการกราวด์ตัวเองของพวกคุณเองด้วย ซึ่งยิ่งพวกคุณมีญาณทัศนะแจ่มชัดมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้พวกคุณแปลความหมายภาพที่เห็นผิดไป และเห็นภาพลวงตาน้อยลงเท่านั้นด้วย...

    มหาเทพเมตาตรอน
    .............................................................
    ที่มา: บางส่วนของข้อความจากมหาเทพเมตาตรอน เรื่อง 2015 – The Amazing Year Ahead.
    โดย: นาย James Tyberonn, ที่มา: http://www.earth-keeper.com/EKchronicles_100_img.htm
    ..............................................................
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)'
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไอซิสขู่จะยึดกรุงโรม! อิตาลีไม่ประมาท ระดมทหารคุมเข้ม
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 23 ก.พ. 2558 14:30

    ทางการอิตาลี เตรียมพร้อมไว้ก่อน ระดมกำลังทหารรักษาความปลอดภัยในกรุงโรม และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ในประเทศ หลังสมาชิกกลุ่มไอซิสโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ ขู่จะบุกยึดกรุงโรม และโยนพวกรักร่วมเพศลงมาจากหอเอนปิซา

    สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ว่า ทางการอิตาลีได้มีการระดมกำลังทหารถึง 4,800 นายคอยรักษาความปลอดภัย ตามท้องถนนในกรุงโรม เมืองหลวง, หอเอนปิซา ที่เมืองปิซา, และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ในอิตาลี หลังจากกลุ่มติดอาวุธสุดโหด ‘รัฐอิสลาม’ หรือไอซิส โพสต์ข้อความ ขู่ผ่านทางโลกออนไลน์ ระบุ พวกตนจะยึดกรุงโรม และโยนบรรดาคนรักร่วมเพศทิ้งลงมาจากหอเอนเมืองปิซา สถาปัตยกรรมอันเลื่องชื่อ ซึ่งถือเป็น ‘แลนด์มาร์ค’ หรือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ของอิตาลี เลยทีเดียว

    ข่าวแจ้งว่า นอกจากทางการอิตาลีจะระดมกำลังทหารมาช่วยรักษาความปลอดภัยแล้ว ทางผู้บัญชาการของนครรัฐวาติกัน ยังกล่าวด้วยว่า กองกำลัง ‘สวิสการ์ด’ ซึ่งเป็นกองกำลังที่ทำหน้าที่ปกป้องพระสันตะปาปา ได้รับคำสั่งอยู่ในความพร้อมในการคุ้มครองอารักขาพระสันตะปาปา ฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก

    สำหรับเหตุผลที่ทำให้ทางการอิตาลีไม่ประมาทกลุ่มไอซิส เนื่องจากในคลิปวิดีโอที่ไอซิสเผยแพร่เหตุการณ์ฆ่าตัดศีรษะคนงานชาวอียิปต์นับถือคริสต์ถึง 21 คน ริมชายหาดใกล้กรุงตริโปลี เมืองหลวงลิเบียเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น หนึ่งในเพชฌฆาต สมาชิกกลุ่มไอซิสได้พูดเตือนว่า วันนี้ กลุ่มไอซิสกำลังอยู่ทางตอนใต้กรุงโรม และพวกตนจะบุกพิชิตกรุงโรมด้วยการประทานอนุญาตจากองค์อัลเลาะห์

    ข่าวแจ้งว่า กลุ่มไอซิสได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ไม่กี่วันหลังจากการสังหารคนงานชาวอียิปต์ พร้อมกันนั้นยังบอกว่า กลุ่มไอซิสยังจะนำกฎหมาย ‘ชารีอะห์’ มาใช้ในอิตาลีด้วย ขณะที่ ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งในชื่อ อาบู อับดุลเลาะห์ บริตานี ยังได้ติดแฮชแท็กว่า ‘พวกเรากำลังมากรุงโรมพร้อมกับการฆ่า’ หรือ ‘#We_Are_Coming_O_R0me with Slaughter’

    อย่างไรก็ตาม สำหรับปฏิกิริยาของผู้คนในโลกออนไลน์ต่อคำขู่จะยึดกรุงโรมของไอซิสนั้น ดูเหมือนจะใช้คำกระแทกแดกดันตอบโต้กลุ่มไอซิส มากกว่าที่จะแสดงความหวาดกลัว

    ไอซิสขู่จะยึดกรุงโรม! อิตาลีไม่ประมาท ระดมทหารคุมเข้ม - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สมาคมนิยมอาวุธรัสเซีย Russia military fanclub.

    [​IMG]

    นายทหารอังกฤษกล่าว กองทัพยูเครนไม่มีความเป็นมืออาชีพแถมไร้ระเบียบวินัยที่สุด
    ซันเดย์ ไทม ของอังกฤษ ตีพิมพ์บทความบทสัมภาษณ์...ซึ่งเป็นอดีตผู้ฝึกสอนของอังกฤษที่ทำงานร่วมกับ เจ้าหน้าที่ของยูเครน เขาบอกว่า ทหารยูเครนส่วนใหญ่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่เคารพเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา ไร้วินัย การใช้คำสั่งมีปัญหามากมาย เป็นสาเหตุของความวุ่นวายทุกวันนี้ โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เฉพาะพลเรือนผู้บริสุทธิ์เท่านั้น แม้แต่ในค่ายทหารเองก็มีปัญหา
    คำสั่งของผู้บังคับบัญชาหมายถึงชีวิตของทหาร แต่บ่อยครั้งที่ทหารได้รับคำสั่งที่ไม่ดี พวกเขาสร้างความสับสนให้กับกลยุทธ์ในภาคสนาม เริ่มต้นการโจมตีโดยไม่มีสัญญาณเตือน และไม่มีเหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน รวมทั้งการอัปโหลดวิดีโอและภาพถ่ายของตนเองในโซนการสู้รบผ่าน Facebook และ Twitter
    อาสาสมัครยูเครนผู้ตกเป็นเหยื่อ 6 ใน 10 คนกล่าวว่า พวกเขารู้สึกดีใจที่มีอาวุธอยู่มือ และมีความสุขในการใช้มัน พวกเขาจะทำอะไรก็ได้เพราะมีอาวุธอยู่ในมือ เป็นที่ชัดเจนว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมในยูเครน เพราะทั้งผู้บังคับบัญชาทหาร และผู้นำทางการเมืองกำลังสนใจแต่ชมฉากยิงกันแบบ slow motion ในหนัง (ไม่สนใจในโลกความเป็นจริง)
    ‪#‎Next_Station_PB‬
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    อิลิทของอิลิท
    พี่ปูจับมือกับเฮียสีเพื่อเตรียมตัวรบกับโอบามา คาเมรอน ป้าแองจี้ น้าออลลองด์อยู่ ซึ่งเป็นตัวแทนของมหาอำนาจโลกตะวันตก
    แต่เบื้องหลังของผู้นำเหล่านี้คือพวกนายธนาคารยิวตระกูลร๊อธไชด์ของอังกฤษและตระกูลร๊อคกี้เฟลเลอร์ของอเมริกา
    ระบบการเงินของพวกนายแบงค์ตะวันตกกำลังพัง จะรอดได้ต้องรีเซ็ทล้างหนี้พร้อมจัดกฎกติกาใหม่ ปัญหาคือใครจะเป็นผู้ดูแลการรีเซ็ทระบบการเงิน เพื่อจัดกฎกติกาใหม่ เหมือนกับที่อังกฤษและสหรัฐฯทำในตอนจัดตั้งBretton Woods หลังสงครามโลกครั้งที่2
    เพราะว่าพี่ปูและเฮียสีไม่ยอมเล่นด้วย ลื้อเป็นหมาหางด้วนแล้วจะมาตัดหางอั๊วได้อย่างไร ระบบรัสเซียและจีนไม่ได้เสียหายเหมือนของโลกตะวันตก ที่ไม่มีวันฟื้นจีดีพีได้ ถ้าไม่ล้างหนี้
    ถ้าเหตุการณ์โลกดำเนินไปตามปกติ จีนและรัสเซียจะผงาดในยูเรเซียและเอเซีย ส่วนตะวันตกจะเสื่อมและในที่สุดจะอยู่ใต้อิทธิพลตะวันออก เพราะว่าจะโดนไล่ซื้อหมดในช่วงที่อ่อนแอของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการเงิน
    อิลิทตะวันตกไม่ยอม อันนำมาสู่การสร้างวิกฤติยูเครนและISIS ทำให้นาโต้และรัสเซียกำลังเผชิญหน้าทางทหารในยุโรปตะวันออก มีการถล่มซีเรียและอิรักโดยมีISISเป็นเป้าหลอก ทำให้เกิดความเสี่ยงของสงครามโลกครั้งที่3
    พี่ปูและเฮียสีไม่ได้รบกับโอบามา คาเมรอนหรือป้าแองจี้ แต่กำลังรบกับพวกอิลิทแบงค์เกอร์ต่างหาก
    24/2/2015
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    ร็อธไชด์ vs. ร็อธไชด์
    ในบทความ "ร็อธไชด์ vs. ร็อธไชด์" Jeff Nielson อัดพวกร็อธไชด์เละ ที่น่าสนใจบทความนี้เอาไปลงในSprott Moneyก่อนที่Zerohege.comจะเอามาลงอีกที ปรากฎว่าบทความนี้โดนแฮ๊คหรือไม่ก็โดนถอดเพราะว่าไปแตะพวกอิลิทร็อธไชด์
    บทความ "ร็อธไชด์ vs. ร็อธไชด์"ของนายJeff Nielson มีความน่าเชื่อถือระดับหนึ่ง ไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิด เพราะว่าSprott Moneyเป็นสื่อทางการเงินอยู่ในเครือของนายEric Sprott นักลงทุนและนักค้าโลหะที่ดังที่สุดของแคนาดา นายEric Sprottเป็นเพื่อนของลุงมาร์ก ฟาเบอร์ที่มีบ้านอยู่เมืองไทย ผมเคยคุยกับลุงมาร์ก เขาบอกผมว่าเขาและนายEric Sprottเป็นเพื่อนกัน เพราะนับถือกันนอกจากนี้นายEric Sprottยังได้เชิญลุงมาร์กไปนั่งอยู่ในบอร์ดของบริษัทของตัวเองด้วย นายEric Sprottเบื่อหน่ายกับระบบการเงินโลกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดทองคำที่โดนทั้งทุบ ทั้งปั่นโดยพวกอิลิท นายEric Sprottมีชื่อด้านกองทุนทองและโลหะ เขาเรียกผู้ที่อยู่เบื่องหลังพวกแก๊งทุบทองและแก๊งพิมพ์เงินว่าเป็นพวกcentral planner หรือผู้ควบคุมระบบจากส่วนกลาง
    นายJeff Nielsonเขียนว่าพวกร๊อทไชด์ที่สร้างตัวเองมาจากการค้าทองและเป็นนายแบงค์ยิวยุโรปมาแล้วกว่า200ปีรวยแล้วไม่รู้จักพอหรือ เพราะว่าพวกนี้คุมระบบการเงินโลกและเศรษฐกิจของโลกตะวันตกเกือบเบ็ดเสร็จผ่านOne Bank (เอกธนาคาร ไม่มีตัวตนจริง แต่เป็นชื่อสมมุติขององด์กรที่คุมแบงค์ยักษ์และธนาคารกลางทั่วโลก) แต่ณ ปัจจุบันนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯไปตายแล้ว และเศรษฐกิจของโลกตะวันตกไม่มีวันฟื้น เมื่อเป็นเช่นนั้นความร่ำรวย หรือความหวังในการสร้างระเบียบโลกใหม่(New World Order)ของพวกร็อทไชด์ก็ต้องพังไปด้วยพร้อมกับการล่มสลายของเศรษฐกิจตะวันตก
    หรือว่าพวกร็อธไชด์จะยังคงคุมเกมได้หลังจากการล่มสลายของเศรษฐกิจของโลกตะวันตก
    อย่างไรก็ Jeff Nielsonเขียนว่าตามพฤติกรรมของพวกร็อธไชด์แสดงให้เห็นว่าพวกนี้เป็นโรคจิตที่ต้องการปล้นความร่ำรวยการซากของฟองสบู่การเงิน หลังวิกฤติ2008 พวกนายแบงค์บอกว่าตัวเองใหญ่เกินไปที่จะล้ม (too big too fail)ทำให้รัฐบาลต้องเข้าไปอุ้มแบงค์ ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าไปนับล้านล้านเหรียญ รวมกันแล้วธนาคารกลางตะวันตกพิมพ์เงินรวมกัน$10ล้านล้านหลังวิกฤติ2008เป็นต้นมา และส่วนมากของเม็ดเงินมหาศาลนี้เข้ากระเป๋าพวกร๊อธไชด์ที่คุมแบงค์อีกทีและได้ประโยชน์สูงสุด
    หลังสมัยนิกสันเลิกผูดดอลล่าร์กับทอง พวกร็อธไชด์ถ่ายเททองของสหรัฐฯเข้ากระเป๋าตัวเอง กดราคาทองคำและเดินหน้าทำลายบริษัทเหมืองทองคำเพื่อควบคุมตลาดทองทำให้เกิดปัญหาซับไพล์ทองอย่างรุนแรง
    หลังวิกฤติ2008 มีการกดดอกเบี้ยลง0% แต่เศรษฐกิจของสหรัฐฯและโลกตะวันตก ยกเว้นเยอรมันนีไม่ฟื้น ที่เห็นว่าฟื้นก็เพราะว่ารัฐบาลเพิ่มหนี้และขยายบทบาทของตัวเองในเศรษฐกิจ
    แต่พวกตระกูลที่เกาะสูบเลือดคนที่มีน้ำหนัก300ปอนด์ยังอยู่ในห้องคอยสูบเลือดของโลกตะวันตกที่น้ำหนักเหลืออยู่แค่100ปอนด์
    การไม่รู้จักพอนี้ทำให้เรานึกถึงนิทานโบราณเรื่องห่านที่ฟักไข่เป็นทอง ด้วยความโลภพวกตระกูลเกาะสูบเลือดคนไม่เพียงขโมยไข่ที่เป็นทองเท่านั้น แต่ยังฆ่าแม่ห่านเพื่อหวังจะได้ทองทั้งหมดอีกด้วย
    เศรษฐกิจของโลกตะวันตกได้ประโยชน์จากพวกร๊อธไชด์ผ่านลัทธิล่าอาณานิคมในรูปแบบต่างๆที่ผ่านมา ทำให้เกิดความร่ำรวย แต่หลังจากนั้นโลกตะวันตกผลิตเลือดที่ไม่ขาดตอนให้พวกนี้ดูดกิน
    ในช่วง100-200ปีที่ผ่านมาคนทั่วไปไม่รู้เรื่องนี้ และแทนที่จะค่อยๆดูดเลือดโลกตะวันตกกิน และสามารถทำได้อีกนานเป็นร้อยปี พวกนี้กลับดูดเลือดจนเศรษฐกิจของโลกตะวันตกแทบไม่เหลือซาก มาถึงขึ้นจะฆ่าแม่ห่าน ด้วยการเปลี่ยนถุงมือสีม่วงเป็นกำปั้นเหล็กแทน ผ่านนโยบายฟาสซิสต์ที่กำลังออกอาการ
    ถ้าพวกนี้ชนะจะหยุดดูดเลือดอีกต่อไปหรือไม่ เนื่องจากเป็นพวกโลกจิตจึงต้องทำลายฐานของตัวเอง คือกลับไปดูดเลือดระหว่างกันเองเพื่อให้ได้มากที่สุด น่าสนใจว่าระหว่างพวกอิลิทที่ต้องทำลายกันเอง หรือการต่อสู้ระหว่างร็อธไชด vs. ร็อธไชด์ ใครจะโดนดูดเลือดตายก่อน พาราสิทที่แน่สุดจะอยู่รอด
    24/2/2015
    http://webcache.googleusercontent.com/search…
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมไอซิส ไม่บุกโจมตีอิสราเอล ???
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 20, 2015 2718

    [​IMG]

    อดีตรัฐมนตรีจอร์แดน เผย กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ไม่มีวันบุกโจมตีอิสราเอล แนวทางเดียวในการถอนรากถอนโคนไอซิส คือการส่งกองกำลังร่วมอีรัก-ซีเรีย เพื่อปราบปรามไอซิสให้สิ้นซาก

    อัลอาลัม – มัมดูห์ อัลอิบาดีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจอร์แดน ได้กล่าวในการประชุมสัมมนา “ไอซิส” ว่า ยิวไซออนิสต์ และกลุ่มก่อการร้าย คือเหรียญสองด้าน ไอซิสจะไม่มีวันโจมตีอิสราเอลเป็นอันขาด และอเมริกาเองก็ไม่มีวันทำอะไรไอซิสได้

    เขากล่าวเสริมว่า ไอซิส คือแหล่งบ่มเพาะเชื้อร้ายสำหรับมนุษย์ชาติ การโจมตีทางอากาศและสื่อไม่สามารถปราบไอซิสให้สิ้นซากได้ แนวทางเดียวในการถอนรากถอนโคนไอซิส คือการส่งกองกำลังร่วมอีรัก-ซีเรีย เพื่อปราบปรามไอซิสให้สิ้นซาก แต่ก็ต้องได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนที่เพียงพอและสัจจริงจากชาติอาหรับและนานาชาติด้วย

    มัมดูห์ อัลอิบาดีย์ กล่าวในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ โดยมีนักเคลื่อนไหวและนักการเมืองจอร์แดน จำนวน 200 กว่าคนเข้าร่วมว่า ไอซิส กำลังก้าวไปตามวิถีของทัศนะกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ที่มีชื่อว่า อบูบักร์ อัลนาญี ผู้เขียนหนังสือ “ความปรารถนาแห่งชีวิตป่าเถื่อน” โดยในบทหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ กล่าวย้ำว่า การข่มขู่อย่างต่อเนื่องและการก่อการร้ายจะสามารถก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

    เขากล่าวย้ำว่า กลยุทธ์ของไอซิส ในการบริหารความป่าเถื่อน คือ การเผยตัวตนแห่งความป่าเถื่อนของกองกำลังของตนออกมา เพื่อให้กองกำลังเหล่านี้สามารถแสดงความป่าเถื่อนในการปฏิบัติการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในความนึกคิดของศัตรู พวกเขาถือเอาความสุดโต่งและรุนแรงเป็นบรรทัดฐาน อาทิเช่น หากต้องการทำลายอาคารบ้านเรือน จะต้องทิ้งระเบิดทำลายให้มันพังทลายเป็นจุณ ขณะเดียวกัน หากจะมีการแลกเปลี่ยนตัวประกันก็จะเรียกค่าไถ่ และหากไม่ยอมปฏิบัติตาม ก็จะทำการฆ่าสังหารในรูปลักษณะที่โหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุด เพื่อสร้างความหวาดกลัวและหวาดผวาในหัวใจของบรรดาศัตรู

    อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งทายในความจำเป็นที่จะต้องต่อสู้กับไอซิสในสองรูปแบบ ทั้งทางทหารและความคิด ว่า นอกจากใช้ยุทธ์วิธีทางทหารแล้ว ก็ต้องออกกฎสั่งห้ามและดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับบุคคลที่ใช้สถานที่สาธารณะในการเผยแพร่ความคิดของไอซิส ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การต่อสู้ทางความคิด เป็นยุทธ์ศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้และปราบปรามกับกลุ่มก่อการร้ายโดยเฉพาะกลุ่มไอซิส

    ทำไมไอซิส ไม่บุกโจมตีอิสราเอล ??? | abnewstoday
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ค้นพบเหรียญทองยุคราชวงศ์ฟาฏีมียะห์ อายุ 1,000 ปี ใต้ทะเลปาเลสไตน์
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 23, 2015 427

    [​IMG]

    ABNA – นักดำน้ำสมัครเล่น ชาวไฮฟา 5 คน ได้ค้นพบเหรียญทองคำเก่าแก่ อายุราว 1,000 ปี จำนวนกว่า 2,000 เหรียญ ยุคสมัยราชวงศ์ฟาฏีมียะห์

    สมบัติดังกล่าว มีน้ำหนักรวมประมาณ 9 กก. สำนักงานโบราณวัตถุแห่งอิสราเอล เผยว่า มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่มิอาจประเมินได้

    ในการศึกษาวิจัยเบื้องต้น เหรียญทองคำดังกล่าว อยู่ในยุคสมัย ราวปี 909 -1171 เนื่องจากเรือสิ้นค้าลำหนึ่งล่มจมในทะเลดังกล่าว

    เบื้องต้นนักดำน้ำคิดว่า เป็นเหรียญปลอม ที่เป็นของเล่น แต่เมื่อมั่นใจว่าเป็นเหรียญทองแท้ จึงนำขึ้นจากท้องทะเล แล้วส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่

    ผู้เชี่ยวชาญ เผยว่า ถึงแม้นว่าเหรียญดังกล่าว จะตกอยู่ใต้ท้องเละเป็นพันปี แต่ยังคงอยู่ในสภาพดีเยี่ยม

    ผลตรวจสอบพบว่าเหรียญทองคำดังกล่าวผลิตในยุคคอลิฟะห์ แห่งราชวงศ์อิสลามฟาฏีมียะห์ ประมาณศตวรรษที่ 11 (ประมาณ ปี 909-1171) ซึ่งปกครองดินแดนแถบตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    เหรียญดังกล่าว เทียบกับมูลค่าทองในปัจจุบัน คิดเป็นเงิน 240,000 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7.68 ล้านบาท) แต่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่มิอาจประเมินได้

    ค้นพบเหรียญทองยุคราชวงศ์ฟาฏีมียะห์ อายุ 1,000 ปี ใต้ทะเลปาเลสไตน์ | abnewstoday
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ขายอาวุธมูลค่ากว่า 5.2 พันล้านยูโรให้อียิปต์ เป็นของขวัญที่ไอซิสมอบให้ฝรั่งเศส
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby อิบรอฮีม อาแว - ก.พ. 22, 2015

    [​IMG]



    หลังจากไอซิส ฆ่าชาวคริสต์อียิปต์ เพียงแค่วันเดียว อียิปต์ตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินรบจากฝรั่งเศสมูลค่ามหาศาล อย่างรวดเร็วฉับไวจนผิดสังเกต

    รัฐบาลอียิปต์ประกาศตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์แบบ 2 เครื่องยนต์ ราฟาล (Rafale) จำนวน 24 ลำ สำหรับกองทัพอากาศอียิปต์ และเรือฟริเกตอเนกประสงค์จากฝรั่งเศส มูลค่า 5,200 ล้านดอลลาร์ โดยได้มีพิธีลงนามในสัญญาซื้อขายอาวุธเมื่อวันที่ 16 ก.พ.2558 ที่ผ่านมาในกรุงไคโร

    แหล่งข่าวระบุว่า การซื้ออาวุธจากฝรั่งเศสครั้งนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของอียิปต์ที่จะยกระดับอาวุธหนักในกองทัพของตัวเอง ท่ามกลางความวิตกถึงภาวะวิกฤติในประเทศเพื่อนบ้านอย่างลิเบีย จะลุกลามเข้ามาในดินแดนของตัวเอง และล่าสุด เกิดเหตุกลุ่มไอซิส ได้สังหารชาวคริสเตียนอียิปต์ไป 21 คน

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ กองทัพอียิปต์เปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นของกลุ่มไอซิสในลิเบีย ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากไอซิสเผยแพร่คลิปวิดีโอสังหารฆ่าตัดคอชาวอียิปต์ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคอปติก 21 คน พร้อมระบุว่า การโจมตีครั้งนี้ พุ่งเป้าไปที่ค่ายต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของบรรดานักรบและที่เก็บอาวุธของกลุ่มไอซิส โดยระบุว่า การแก้แค้นให้กับชาวอียิปต์ที่เสียชีวิต และตอบโต้อาชญากรและฆาตกร เป็นหน้าที่ที่กองทัพต้องดำเนินการ

    แหล่งข่าวในอียิปต์ เปิดเผยว่า อาวุธที่อียิปต์ซื้อในครั้งนี้ รวมถึง เครื่องบินรบราฟาเล ที่ผลิตโดยบริษัทเดสซูลท์ อะวิเอชัน จำนวน 24 ลำ เรือฟริเกตเอนกประสงค์ชั้น FREMM 1 ลำ และขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ

    รัฐมนตรีกลาโหมอียิปต์ “นายซิดกี ศุบฮี” ได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าวกับรัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส “นายฌอง อีฟ เลอ ดริออง” และมีอัลซีซี ประธานาธิบดีอียิปต์ คณะติดตามของฝรั่งเศสร่วมในการลงนามข้อตกลงครั้งนี้ด้วย

    การทำสัญญาซื้อขายครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ที่ไอซิส สังหารชาวคริสต์อียิปต์ 21 คน แค่ 1 วัน ซึ่งการทำสัญญาครั้งนี้ นับว่า เป็นของขวัญชิ้นหนึ่งที่ไอซิส ยืนให้กับฝรั่งเศส ที่สามารถขายอาวุธในมูลค่า 5,200 ล้านดอลลาร์ครั้งนี้ได้สำเร็จ…..

    อย่างไรก็ตาม ยังเกิดคำถามว่ารัฐบาลของ อัล-ซีซี จะชำระค่าเครื่องบินฝูงใหญ่อย่างไร ??? ในขณะที่เศรษฐกิจอียิปต์กำลังชอกช้ำจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมานาน 4 ปี นับตั้งแต่มีการโค่นล้มอำนาจผู้นำเผด็จการ ฮอสนี มูบารัค นอกจากนี้ ประชากรถึงครึ่งหนึ่งจากจำนวนทั้งสิ้น 85 ล้านคนในอียิปต์ ยังคงเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยเงิน 2 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน ทั้งยังต้องรับบริจาคข้าวสาลี และเชื้อเพลิงจากรัฐบาล !!!!

    ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โอลองด์ แห่งฝรั่งเศสกล่าวกับผู้สื่อข่าว ณ กรุงบรัสเซลส์ ของเบลเยียมว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการทำสัญญาส่งออกราฟาเอลไปยังต่างประเทศ จนถึงตอนนี้มีแต่อียิปต์เท่านั้นที่ซื้อเครื่องบินขับไล่ราฟาเอล

    ทั้งนี้ ฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบินราฟาเอล เข้าประจำการในกองทัพมานับตั้งแต่ปี 2006 ก่อนที่อากาศยานรุ่นนี้จะถูกใช้ดำเนินภารกิจสนับสนุนทางอากาศในอัฟานิสถานในปีถัดมา และเมื่อปี 2011 ราฟาเอลยังดำเนินภารกิจต่างๆ ในลิเบีย เป็นต้นว่า สังเกตการณ์การบังคับใช้กฎเขตห้ามบิน การโจมตีจากอากาศสู่พื้นดิน ภารกิจตรวจการณ์ทางอากาศ และบินข้ามแดน นอกจากนี้ ราฟาเอลยังมีบทบาทสำคัญในภารกิจขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งใช้เพียงอำนาจทางอากาศสนับสนุนกบฏในลิเบียโค่นล้มอดีตผู้นำเผด็จการ โมอัมมาร์ กัดดาฟี

    ปิแอร์ คอนเนสซา ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง กล่าวว่า ท่ามกลางคำถามต่อการจัดซื้ออาวุธครั้งนี้ คือ ใครเป็นคนจ่ายเงินค่าอาวุธเหล่านี้ เชื่อว่า ฝรั่งเศส และซาอุดีอาระเบีย อาจให้อียิปต์กู้ยืมเงินก็เป็นได้ เพราะจากการสังเกตของเขา ในข้อตกลงการซื้อขายอาวุธไม่พบถึงการระบุของแหล่งที่มาเงินทุนในสัญญา โดยอียิปต์ตกอยู่ในสถานการณ์กดดันมาเป็นเวลากว่า 3 ปี จากสถานการณ์ความไม่สงบภายในที่ทำลายการท่องเที่ยว รวมถึงประเด็นการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน และการที่กองทัพไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ท่ามกลางความกังวลจากนานาชาติ

    กำหนดการส่งมอบ ราฟาล ลอตแรกให้อียิปต์จะอยู่ในช่วงปี 2018

    ตัวแทนของรัฐบาลอียิปต์ ระบุว่า ได้รับแจ้งถึงการลงนามสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ใหม่ 24 เครื่อง พร้อมเรือฟริเกตอเนกประสงค์ ที่เป็นส่วนหนึ่งในสัญญาสั่งซื้อ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้จะทำให้อียิปต์ เพิ่มความสามารถในหน้าที่ดูแลความมั่นคง และรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค

    สำหรับ บริษัทผู้ผลิตจากฝรั่งเศส ดัซโซลท์ เอวิเอชั่น อียิปต์เป็นชัยชนะครั้งแรกในตลาดส่งออก ที่จะทำให้สายการผลิตของเครื่องบินขับไล่ราฟาลยืดออกไปได้ รวมถึงงานของแรงงานกว่า 7,000 คน นอกเหนือจากการเสนอขาย บ.ราฟาลจำนวน 126 ลำ ให้กับกองทัพอินเดียที่ยังคลุมเครือไม่มีข้อสรุป และกาตาร์ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะสั่งซื้อราฟาล 24 ลำ พร้อมกับออปชั่นสั่งเพิ่มอีก 12 ลำ โดยดัซโซลท์ จะส่งมอบราฟาลลอตแรกในปี 2018

    สายการผลิตของเครื่องบินราฟาล ได้รับการต่อลมหายใจยืดออกไปอีก

    ทางฝรั่งเศสมีแผนจะนำเอาเครื่องบินราฟาล 2-3 ลำทำสีเป็นของ ทอ.อียิปต์ รวมทั้งเรือฟิเกตชั่นนอร์มังดี 1 ลำ เข้าร่วมในพิธีเปิดงานฉลองการสั่งซื้ออาวุธ ในแพ็กเกจการสั่งซื้อได้รวมเอาสัญญาการสนับสนุนการซ่อมบำรุง และอาวุธปล่อยอากาศ-สู่-อากาศ ไมค่า (Mica) ระเบิดนำวิถีด้วยดาวเทียมแบบ Air-to-Ground Modular Weapon หรือ AASM หรือแฮมเมอร์ และขีปนาวุธพื้น-สู่อากาศ แบบ ASTER15 สำหรับเรือฟริเกตลำใหม่ของอียิปต์ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ด้านอาวุธ ยังระบุว่า ราฟาลของอียิปต์มีความสามารถในการใช้งานอาวุธปล่อยร่อนอากาศ-สู่-พื้นแบบ แบล็ก ชาฮีน ที่เป็นรุ่นส่งออกของขีปนาวุธร่อนแบบ สตอร์มแชโดว์ (Storm Shadow) ของฝรั่งเศสที่มีระยะยิงถึง 350 กม.

    เครื่องบินราฟาลพร้อมระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ใต้ปีก

    ทั้งนี้ ทอ.อียิปต์ มีกำลังหลักเป็นเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-16 ของสหรัฐฯ โดยเป็นประเทศที่มีเอฟ-16 ซี/ดี บล็อก 40 และบล็อก 52 มีใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกต่อจากสหรัฐอเมริกา อิสราเอล และตุรกี จำนวนราวๆ 226 ลำ เครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบมิราจ 2000 จำนวน 24 ลำ และ มิราจ 5 ของฝรั่งเศสอีกจำนวนหนึ่ง และเครื่องบิน เจ-7 จากประเทศจีน อีก 57 ลำ โดยราฟาลจะมาทดแทนเครื่องบินรุ่นเก่า คือ มิก 21 และ มิราจ 5 ที่ปลดประจำการไปแล้ว
    ข้อมูลจำเพาะของเครื่องบินขับไล่ ดัซโซลท์ ราฟาล (Dassualt Rafale) 

ราฟาลเป็นเครื่องบินรบไอพ่นแบบแบบ 2 เครื่องยนต์ผลิตในฝรั่งเศส สามารถรบได้หลายแบบ ทั้งภารกิจระยะสั้น และระยะไกล หรือ เครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ (Multirole) มีคุณลักษณะออกแบบมาให้ตรวจจับด้วยเรดาร์ได้ยาก สามารถปฏิบัติการได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน ทุกสภาพอากาศ พร้อมขีดความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ

    เครื่องยนต์ เทอร์โบแฟน สแนคม่า เอ็ม888-3 (SNECMA) จำนวนเครื่องยนต์ 2 เครื่อง พร้อมสันดาปท้าย
แรงขับเครื่องยนต์ 19,558 ปอนด์
กางปีก 10.9 เมตร (35 ฟุต 9 นิ้ว)
ฟื้นที่ปีก 47.5 ตารางเมตร
ยาว 15.3 เมตร (50 ฟุต 3 นิ้ว)
ความเร็ว 2,125 กิโลเมตร/ชั่วโมง (1,321 ไมล์/ชั่วโมง) โดย บินที่ความเร็ว 1,390 กิโลเมตร/ชั่วโมง (864 ไมล์/ชั่วโมง) ที่ความสูงระดับทะเล
ความเร็วสูงสุด 1.8 มัค (2,130 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
น้ำหนักลำตัวว่างเปล่า 21,319 ปอนด์
น้ำหนักสูงสุดวิ่งขึ้น 47,399 ปอนด์
ระยะทางใช้วิ่งขึ้น 400-600 เมตร
ระยะทางวิ่งลง 450 เมตร (1,475 ฟุต)
รัศมีการบิน 1,853 กิโลเมตร (1,151 ไมล์)
เพดานบิน 60,000 ฟุต
จำนวนเจ้าหน้าที่ Rafale B = 2 นาย Rafale C & Rafale M = 1 นาย
ความจุเชื้อเพลิงภายในลำตัว 4,500 กิโลกรัม (9,900 ปอนด์)
น้ำหนักบรรทุกอาวุธ มากกว่า 13,228 ปอนด์
อาวุธ ปืนใหญ่อากาศเดฟา 791 ขนาด 30 มม.

    เครื่องบิน ราฟาล บี แบบสองที่นั่ง

    มีจุดติดตั้งอาวุธ 14 จุด สำหรับรุ่น B/C สามารถติดตั้งอาวุธได้หลากหลาย เช่น อาวุธปล่อยอากาศ-สู่-อากาศ แบบ ไมค่า (MBDA Mica) นำวิถีด้วยอินฟราเรด หรือ เรดาร์แอคทีฟ ที่สามารถยิงแล้วลืมได้ และอาวุธปล่อยอากาศ-สู่-อากาศพิสัยไกล เมทิเออร์ (MBDA Meteor) นำวิถีด้วยเรดาร์ แอคทีฟ

    อาวุธปล่อย อากาศ-สู่-พื้น ขีปนาวุธร่อนนำวิถีด้วยเรดาร์แอคทีฟคู่กับพิกัดตำแหน่งดาวเทียม แบบ อาปาเช่ และสตอร์มแชโดว์ หรือ แบล็กชาร์ฮีน อาวุธปล่อย อากาศ-สู่-พื้น AS-30L นำวิถีด้วยเลเซอร์ ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ แบบ GBU-12 Paveway II หรือ GBU-49 Enhanced Paveway II และ GBU-24 Paveway III และอาวุธปล่อย อากาศ-สู่-พื้น โจมตีเรือนำวิถีด้วยเรดาร์แอคทีฟแบบ เอ็กโซเซ่ต์ AM39 เป็นต้น.
    แหล่งอ้างอิง

    فروش ۷ میلیارد دلاری تسلیحات به مصر هدیه داعش به فرانسه! + تصاویر - خبرگزاری اهل بیت (علیهم‌السلام) - ابنا - اخبار شیعیان و تشیع

    อียิปต์เสริมเขี้ยวเล็บ ซื้อเครื่องบินขับไล่ 'ราฟาล' จากฝรั่งเศส - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

    ขายอาวุธมูลค่ากว่า 5.2 พันล้านยูโรให้อียิปต์ เป็นของขวัญที่ไอซิสมอบให้ฝรั่งเศส | abnewstoday
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดอะไรขึ้นกับศพของเหยื่อที่ถูกไอซิสฆ่าอำมหิต ??
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby อิบรอฮีม อาแว - ก.พ. 23, 2015

    [​IMG]

    กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ได้สังหาร ฆ่าตัดคอ และเผาชีวิตผู้บริสุทธิ์ทั้งเป็น เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับขึ้นกับฝ่ายตรงกันข้าม แต่ทว่า คำถามที่ยังคาใจสำหรับผู้คนในที่นี้คือ แล้วศพต่างๆเหล่านี้ไอซิสจัดการศพเหล่านี้อย่างไร ???

    อัลอาลัม – กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ได้ประหารเชลยด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น ฆ่าตัดคอ ยิงเป้า ขว้างป่าหิน และ เผาทั้งเป็น ….. รูปแบบในการก่ออาชญากรรมของไอซิสมีความหลากหลาย และรูปแบบในการทำลายศพก็มีความแตกต่างกันเหมือนกัน ซึ่งสามารถสรุปพอสังเขปดังนี้

    1. ขายอวัยวะ

    แหล่งข่าว BuzzFeed ได้สัมภาษณ์นักรบคนหนึ่งของกลุ่ม “ปลดปล่อยอิสระ” ในซีเรีย โดยเขาได้เปิดเผยว่า กลุ่มก่อการร้ายไอซิส หลังจากที่ได้ฆ่าสังหารนักข่าวชาวอเมริกัน ช่วงเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา ก็ได้มีความพยายามติดต่อนายหน้าเพื่อขายอวัยวะเรือนร่างของศพนักข่าวดังกล่าว

    2. หุ่นทดลองยิงปืน

    แหล่งข่าว alsumaria เปิดเผยว่า กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ในเขตพื้นที่ “เฮาฏ์ ฮัมรัยน์” ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยะอกูบะห์ อีรัก ได้ใช้ศพของเหยื่อ เป็นหุ่นทดลองให้กับบรรดานักรบมือใหม่ในการฝึกซ้อมยิงปืน

    แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน – พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ได้เอาศพของเชลยที่ตกเป็นเหยื่อของพวกเขา ใช้เป็นหุ่นทดลองให้กับบรรดานักรบหลายสิบคน ที่เป็นมือใหม่ในการฝึกซ้อมยิงปืน

    3. ผลักตกเหวลึก

    อัลอาราบีญ่า เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอป่าเถื่อนและสร้างความหวาดกลัว แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกบล็อก ในคลิปดังกล่าว กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ได้นำศพจำนวนหนึ่ง ซึ่งกล่าวอ้างว่าเป็นทหารของรัฐบาลซีเรีย แล้วนำไปโยนทิ้งที่หุบเหวหนึ่ง ชื่อว่า “อัลเฮาตะห์”

    อัลเฮาะตะห์ เป็นหุบเหวลึกอย่างมาก ซึ่งไม่มีใครสามารถรู้ว่ามีความลึกมากแค่ไหน

    4. ราบเรียบกับรถเกลี่ยดิน

    การสังหาร มะอาซ อัลกะซาซะบะห์ นักบินชาวจอร์แดน จะมีความต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากรูปแบบอื่นๆก่อนหน้านี้ ของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในการสังหารเชลยหรือตัวประกัน อันกลายเป็นรูปแบบใหม่ของไอซิสในการฆ่าตัวประกันในเวลาต่อมา ไอซิสได้คุมขังเขาในกรง จากนั้นได้เผาทั้งเป็น เมื่อเป็นศพเถาถ่านแล้ว ได้เอารถเกลี่ยเทก้อนหินดินทราย จากนั้นได้ปรับพื้นดินเรียบเป็นหน้ากลอง

    ชะตากรรมของศพชาวคริสต์อียิปต์ 21 คน ที่ถูกสังหารในลิเบีย ??

    เมื่อเร็วๆนี้ กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ได้เลือกเอาจุดชายหาดของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในลิเบีย เป็นทุ่งสังหารชาวคริสต์อียิปต์จำนวน 21 คน ก่อนที่จะตัดคอเชลยเหล่านี้ โฆษกไอซิส ได้ประกาศสาส์นให้กับชาติตะวันตก ว่า ดังที่พวกคุณทิ้งศพของอุสามะห์ บิน ลาเดน ลงทะเล เราก็จะทำให้ทะเลเต็มไปด้วยเลือดของพวกคุณ

    แม้นว่าไอซิส ไม่ได้มีการแพร่คลิปวิดีโอในการโยนศพลงทะเล แต่พยานหลักฐานที่บ่งชี้ขณะที่ทำการฆ่าตัดคอเชลยเหล่านั้น เห็นภาพทะเลที่มีสีเลือดปนอยู่ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มไอซิสมีการโยนศพดังกล่าวในทะเลจริง

    เกิดอะไรขึ้นกับศพของเหยื่อที่ถูกไอซิสฆ่าอำมหิต ?? | abnewstoday
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รู้จักและฟังมุมมองจาก รองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอิหร่าน
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 23, 2015 244

    [​IMG]

    ในฐานะรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอิหร่าน และหัวหน้าองค์กรปกป้องสิ่งแวดล้อมของอิหร่าน “มะอฺซูเมห์ เอบเตคาร์” อาจจะเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในอิหร่าน

    แต่เมื่อนานมาแล้ว ก่อนหน้าบทบาทปัจจุบันของเธอ ชาวอเมริกันได้รู้จักเอบเตคาร์เมื่อปี 1979 ในชื่อ “แมรี่” โฆษกหญิงที่พูดภาษาอังกฤษของกลุ่มนักศึกษาอิหร่านที่บุกเข้าไปในสถานทูตอเมริกาในเตหะรานและจับตัวประกันชาวอเมริกันไว้ 52 คน

    สามสิบหกปีหลังจากวิกฤตการจับตัวประกัน เอบเตคาร์กล่าวว่า สังคมอิหร่านเปิดกว้างสำหรับการสนทนาและทำความเข้าใจกับประชาชนชาวอเมริกัน แต่ยังมีความคลางแคลงใจอย่างไม่ลดละต่อรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวกับการทำสงครามกับกลุ่มนักรบไอซิซ

    “ฉันคิดว่ามีความสงสัยอยู่มากเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ในการดำเนินการกับไอซิซ เพราะการสนับสนุนแต่แรกเริ่มที่พวกเขาให้แก่ไอซิซในซีเรียได้ทำให้กลุ่มนี้มีความแข็งแกร่งขึ้นในขณะนั้น และต่อมาก็มีเหตุผลอื่นๆ ให้เชื่ออีกด้วยว่านี่ไม่ใช่กลุ่มที่แท้จริง มันถูกยุยงส่งเสริมด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งหรือถูกสร้างขึ้นโดย หน่วยงานข่าวกรองสักแห่ง” เอบเตคาร์กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ในเตหะราน โดยน่าจะเป็นการพาดพิงถึงซีไอเอ


    masumehบทบาทเธอเมื่อ 36 ปีที่แล้ว


    เอบเตคาร์กล่าวต่อไปว่า จำเป็นที่จะต้องมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างความตระหนักถึง “โฉมหน้าที่แท้จริงของอิสลาม” เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการตอบโต้กับอุดมการณ์ของไอซิซ

    “ความเป็นจริงก็คือเราจำเป็นต้องทำงานด้วยเจตนารมณ์ที่แท้จริง และส่วนหนึ่งก็คือวัฒนธรรม ส่วนหนึ่งก็คือการทำงานกับคนหนุ่มสาว แนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกับโฉมหน้าที่แท้จริงของอิสลาม” เอบเตคาร์กล่าว “ความพยายามที่เราเห็นในบางประเทศที่เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ในด้านลบของมุสลิม ของประเทศมุสลิม สนับสนุนความเกลียดกลัวอิสลาม หรือเกลียดกลัวอิหร่าน จะต้องเปลี่ยนเป็นทัศนคติในการเจรจาและการทำความเข้าใจกัน”

    รายการ “On the Radar” ได้ไปเยือนประเทศอิหร่านในโอกาสของการเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปีแห่งการปฏิวัติอิหร่าน และขณะที่ชาวอิหร่านจำนวนมากตะโกนคำขวัญว่า “อเมริกาจงพินาศ” ระหว่างการฉลองนี้ เอบเตคาร์อธิบายว่า คำขวัญนี้ถูกสื่อตรงไปถึงรัฐบาลของสหรัฐฯ ไม่ใช่ประชาชน

    “หมายความว่า ความพินาศจงประสบแก่นโยบายแบบจักรวรรดินิยมที่สหรัฐฯ ใช้ ที่รัฐบาลใช้กับหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ไม่เฉพาะแต่อิหร่าน ไม่ว่าจะเป็นท่าทีในการวางกำลังทางทหาร การแทรกแซง หรือภาพลักษณ์ในเชิงลบที่รัฐบาลอเมริกาสร้างให้แก่ตัวเอง” เอบเตคาร์กล่าว “แต่ในการติดต่อสัมพันธ์กับประชาชนชาวอเมริกัน การติดต่อสัมพันธ์กับสังคม ฉันคิดว่าชาวอิหร่านมีความเปิดกว้างมากๆ และฉันคิดว่าการติดต่อกันแบบเพื่อนมนุษย์ การสนทนาพูดคุย และการทำความเข้าใจระหว่างทั้งสองชาติมีความจำเป็นอย่างยิ่ง”

    เธอยังยกย่องสิ่งที่เธอพูดว่าเป็น “สังคมภาคประชาชนที่สดใส” มากยิ่งขึ้นภายในอิหร่าน และกล่าวว่ารัฐบาลปัจจุบันที่นำโดยประธานาธิบดีฮัซซัน รูฮานี ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการไม่เห็นด้วยมากขึ้น

    “ปัจจุบันนี้เรามีสังคมภาคประชาชนที่สดใสยิ่งขึ้น” เธอกล่าว “รัฐบาลมีการสนับสนุนสังคมภาคประชาชนซึ่งตรงกันข้ามกับรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่ไม่ชอบฟังเสียงของพวกเขา เราชอบรับฟังเสียงของพวกเขาถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะเต็มไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ บางครั้งเป็นการวิจารณ์ที่รุนแรงมาก แต่ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราที่จะต้องฟังเสียงเหล่านั้น”

    เมื่อถูกขอให้ระบุถึงประเด็นที่เธอเป็นห่วงมากที่สุดสำหรับอนาคตของอิหร่าน เอบเตคาร์ได้กล่าวถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

    “ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันตกกำลังประสบกับภาวะแห้งแล้งระยะยาว ฝนน้อย และอุณหภูมิสูง …. สิ่งเหล่านี้เป็นสภาพที่ยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ การขยายเป็นเมือง” เอบเตคาร์กล่าว



    ชมคลิปการให้สัมภาษณ์

    Yahoo!

    รู้จักและฟังมุมมองจาก รองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอิหร่าน | abnewstoday
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน!!! เห็บกัดคนตาย เสียชีวิตคนแรกของโลก CDC เผย เชื้ออาจพัฒนาระบาดสู่คน

    [​IMG]

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกับข่าวล่าสุด เมื่อมีการค้นพบครั้งใหญ่ของโลกกับข่าวแพร่สะพัดไปทั่วโลกว่า ชายอเมริกันคนหนึ่งโดนเห็บกัด และเชื่อว่าเห็บเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายคนหนึ่งเสียชีวิตที่รัฐแคนซัสเมื่อปีก่อน!

    ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก independent.co.uk

    โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ได้ตั้งชื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ว่า เบอร์เบิน ตามชื่อเทศมณฑลที่ชายคนนั้นอาศัยอยู่ โดยข่าวเผยว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่ไวรัสกลุ่มนี้ (กลุ่มโธโกโทไวรัส) ทำให้มนุาย์เสียชีวิต โดยชายที่เสียชีวิตอยู่ในวัย 50 ปีเศษ ถูกเห็บกัดหลายครั้งในช่วงหลายวัน ก่อนที่จะมีอาการปวดศีรษะและเป็นไข้ แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะ แต่อาการกลับทรุดลง ไตวายและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเขาเสียชีวิตลงในวันที่ 11 นับจากเริ่มมีอาการป่วย

    วิธีกำจัดเห็บ (เมื่อมันไม่ได้อยู่บนผิวหนัง)
    1.ให้นำเศษกระดาษมาไว้ใกล้ๆตัวเห็บ และนำทางให้มันขึ้นมาอยู่บนกระดาษ
    2.นำเศษกระดาษที่มีตัวเห็บมาวางไว้บนที่เขี่ยบุหรี่ และเผามันด้วยไม้ขีดที่จุดไฟ


    วิธีกำจัดเห็บ (หากมันอยู่บนผิวหนัง)

    1. ใช้แหนบหนีบตัวเห็บ
    2.ดึงแหนบหรือที่กำจัดเห็บออกจากผิวหนังโดยบีบมันไว้เป็นเวลา 30 วินาที ดึงขึ้นเป็นแนวตรงห้ามเปลี่ยนทิศทาง
    3.ในกรณีที่เห็บไม่ยอมหลุด ให้หยดแอลกอฮอล์ลงบนตัวเห็บ แต่ระวังอย่าหยดเยอะเกินเพราะมันอาจทำให้เห็บกลับไปติดที่ผิวหนังอีกครั้ง
    4.ตรวจดูให้แน่ใจว่าเห็บได้หลุดออกจากผิวหนังจริง หากส่วนหัวยังคงติดอยู่ที่ผิวหนัง ก็ใช้แหนบดึงออกซ้ำ
    5.ทิ้งเห็บลงในกองไฟ หรือจะบี้เห็บเข้ากับทิชชู่ แต่ต้องนำทิชชู่นั้นไปทิ้งในชักโครก และกดทิ้งหรือจะทิ้งเห็บลงในถ้วยที่ใส่แอลกอฮอล์ แต่อย่าใช้มือเปล่าหรือใช้เท้าเปล่าเหยียบหรือบี้เห็บโดยเด็ดขาด
    6.เช็ดบริเวณที่บี้เห็บด้วยแอลกอฮอล์ให้สะอาด และนำทิชชู่ที่ใช้เช็ดไปทิ้งลงในชักโครก
    7.ใช้ยากำจัดแมลงหรือกำจัดเห็บเพื่อป้องกันไม่ให้เห็บกลับมาคุกคาม

    ขอบคุณรูปภาพจาก lifestyle.iloveindia

    ด่วน!!! เห็บกัดคนตาย เสียชีวิตคนแรกของโลก CDC เผย เชื้ออาจพัฒนาระบาดสู่คน - ข่าววันนี้ เห็บ เห
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Pst Nong‎ภัยพิบัติ ก่อนวันสิ้นยุค

    [​IMG]

    ผวา!! เกาหลีใต้เตือนวิกฤติ "ฝุ่นเหลือง" แนะ สวมหน้ากากป้องกันก่อนออกบ้านทุกครั้ง !! (ประมวลภาพ)
    ทางการเกาหลีใต้เตือนภัยฝุ่นเหลืองพัดปกคลุมหลายเมือง แนะประชาชนไม่ควรออกบ้านโดยไม่จำเป็น และสวมหน้ากากป้องกันทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
    วันนี้ (23 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักอุตุนิยมวิทยาของเกาหลีใต้ ประกาศเตือนภัยประชาชนในกรุงโซลและเมืองอื่นๆ ให้ระวัง "ฝุ่นเหลือง" ที่พัดเข้าปกคลุมพื้นที่หลายเมืองตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์ว่า ฝุ่นอาจเบาบางลงยกเว้นในบางพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ
    โดยทางการเตือนว่า ฝุ่นเหลืองอาจก่อให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินหายใจและขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น และสวมใส่หน้ากากป้องกันทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
    ขณะที่ประชาชนในย่านธุรกิจในกรุงโซล เผยว่า ต้องใส่หน้ากากป้องกันทันทีที่ออกจากบ้านและฝุ่นเหลืองทำให้ทัศนวิสัยในเมืองย่ำแย่มาก
    ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้ ระบุว่า ฝุ่นเหลืองได้ถูกพัดพามาจากทะเลทรายทางตอนใต้ของมองโกเลียและทางตอนเหนือของจีน ผ่านเข้ามายังคาบสมุทรเกาหลีซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2553

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai
    ... "สงครามอิหร่าน - อิรัก : คือการหลอกใช้อิรักของอเมริกา ในการทำลายอิหร่าน"

    [​IMG]

    ... ตำราพิชัยสงครามจีนโบราณบอกเอาไว้ว่า "ถ้าต้องทำศึกไกลบ้าน อย่ารบเอง ให้ใช้ตัวแทน" ซึ่งกลอุบายแบบนี้อเมริกาและยิวใช้บ่อยเพราะอเมริกาอยู่ไกลจากอาหรับจึงต้องใช้คนอื่น เผ่าอื่น ประเทศอื่นรบแทน ซึ่งก็สอดคล้องกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์

    ... หลังจากที่ "อิหร่าน" ได้ "ปฎิวัติศาสนาอิสลาม เมื่อ 1979" ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ที่นำโดย "อยาโตล่า โคไมนี่" ได้โค่นล้มกษัตริย์ชาร์ ปาลาวีย์ หุ่นเชิดของอเมริกาและอังกฤษตั้งแต่ปี 1953 - 1979 ที่ตอนนั้นอเมริกาและอังกฤษร่วมกันล้มรัฐบาลของโมซาเด๊คที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อเหตุผลด้านการต้องการน้ำมันจากอิหร่าน เพราะอิหร่านจะบริหารจัดการน้ำมันเอง

    ... อเมริการู้ตัวดีว่านานไป แนวคิดแบบการปกครองโดยศาสนาอิสลามจะเป็นภัยกับแนวคิดเสรีนิยม ทุนนิยม ของตน จึงรีบตัดไปแต่ต้นลม ช่วงที่อิหร่านยังไม่มีระบบการปกครองที่ยังไม่เข้ารูปเข้ารอย จึงเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนกันยายนปีต่อมา 1980 โดยอิรักเป็นฝ่ายบุกก่อนเข้าไปในดินแดนที่เป็นพิพาษกันมานาน ( มุขเดิมๆของอเมริกาในการทำให้ก๊กเล็กน้อยฆ่ากันเอง คือการอ้างเรื่องดินแดน ตอนนี้ทั้งกรณี จีน-ญี่ปุ่น, จีน-เวียนตนาม, ฟิลิปปินส์ ก็ล้วนเป็นเรื่องดินแดนทั้งนั้น หรือแม้แต่กรณีเขาพระวิหาร ไทยเขมรก็ฝีมืออเมริกา )

    ... โดยตอนที่มีสงครามนั้น ตามสื่อกระแสหลักนั้นอเมริกาประกาศตัวเป็นกลางมาตลอด ( ซึ่งประชาชนทั้งอเมริกาและชาวโลกที่ไม่ไตร่ตรองอาจจะเชื่อตามสื่ออเมริกาได้ง่าย ) แต่แล้วปี 1986 ก็มีนักการเมืองอเมริกาได้ออกมาเปิดเผยว่าอเมริกาได้แอบให้ความช่วยเหลืออิรักมานานแล้วตั้งแต่ปี 1984 ( ซึ่งความจริงในภายหลัง เร็วกว่านั้นคือตั้งแต่ปี 1982 )

    ... ตอนนั้นชาวอิรักนิกายชีอะห์ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ในอิรักรวมทั้งชาวเคิร์ดในอิรักร่วมรบเข้าข้างอิหร่าน ส่วนชาวอิหร่านมูจาฮิดีนบางส่วนเข้าข้างอิรัก

    ... แต่ความจริงแล้วอเมริกาแอบขายและส่งอาวุธให้ทั้งสองประเทศ ( ยุให้ฆ่ากันเอง ) แม้จะเข้าข้างอิรักมากกว่าอิหร่าน เพราะศักยภาพอิรักโดยทั่วไปจะต่ำกว่า

    ... ช่วงแปดปีที่มีการรบกันนั้น 1980- 1988 "ซาอุดิอาระเบียและอิสราเอล" รู้สึกปลอดภัยมากเพราะทั้งคู่ต่างกลัวการขยายอิทธิพลของทั้งอิหร่านที่ประกาศชัดเจนว่าจะ "ส่งออกการปฎิวัติอิสลาม" ไปทั่วดินแดนอาหรับ ขณะที่ "ซัดดัม ฮุสเซน" ก็มีความทะเยอทยานจะเป็นใหญ่ในแถบนี้โดยเล็งสายตาไปที่บ่อน้ำมันในซาอุและทางออกทะเลในคูเวต

    ... ซึ่งก็สมหวังเพราะทั้งสองประเทศหมดเงินเป็นหนี้เป็นสินไปกับการทำสงครามมากมาย อิรักเป็นหนี้มาก ส่วนทหารทั้งสองฝ่ายตายไปประมาณ 500,000 คน ซึ่งเท่าๆกับจำนวน พลเรือนชาวบ้านผู้บริสุทธฺ์ตายอีก 500,000 คน ไม่นับบาดเจ็บพิการอีกมากกว่านั้น

    ... และในปี 1988 อเมริกาก็รู้ว่าตอนนั้นอิรักกำลังจะเพลี้ยงพร้ำแก่อิหร่านและ "ซัดดัมแห่งอิรัก" จะใช้ "แก๊สพิษ ทั้ง mustard และ sarin" เพื่อทำลายอิหร่าน ตอนนั้นอเมริกาก็รู้ดี โดยยืนยันจากนายทหารอากาศอเมริกาที่อยู่ในพื้นที่บอกเองว่า อเมริการู้ว่าจะมีการใช้ แต่ไม่ขัดขวางแต่อย่างใด ( แม้ตอนหลังอิหร่านจะฟ้อง สหประชาชาติ แต่ก็ไร้ผล เหมือนที่เวียตนามฟ้องฝนเหลืองก็เอาผิดอเมริกาไม่ได้ ) เพราะอเมริกาจะใช้แก๊สพิษเป็นไม้ตายในการบีบอิหร่านยุติสงคราม

    ... หลังการใช้ "แก๊สพิษ" ทำให้อิหร่านต้องยอมเจรจาหยุดยิงและสงครามสงบในที่สุดและ ทั้ง "อิรักและอิหร่าน" ฝ่ายต่างบอบช้ำและพ่ายแพ้ทั้งคู่ แต่ "อเมริกา อิสราเอล และซาอุดิอาระเบีย" เป็นผู้ชนะที่แท้จริงในสงครามครั้งนั้น ในการรบแบบที่ใช้ตัวแทนที่ชื่อว่า "ซัดดัม อุสเซน" แห่งอิรัก ซึ่งก็ถูกกำจัดโดยอเมริกาเองในที่สุดในปี 2003 เมื่อไร้ประโยชน์กับพวกเขาแล้ว

    .
    U.S. Secretly Gave Aid to Iraq Early in Its War Against Iran - NYTimes.com
    Iran–Iraq War - Wikipedia, the free encyclopedia
    Exclusive: CIA Files Prove America Helped Saddam as He Gassed Iran | Foreign Policy
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รู้เท่าทัน "หินสี" โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2558 07:23 น. (แก้ไขล่าสุด 18 กุมภาพันธ์ 2558 17:37 น.)

    [​IMG]

    ฮอตฮิตติดลมบนมาแล้วสักพักหนึ่งสำหรับ “กำไลหินสี” เครื่องประดับหินหลากสีที่นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ที่ไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างต้องไปเสาะแสวงหามาประดับไว้บนข้อมือ ด้วยความสวยงามสีสันแปลกตาและสรรพคุณนานาเฉกเช่นของขลัง ทำให้วันนี้ “หินสี” กลับมาตีตลาดวงการอัญมณีได้อีกครั้ง ด้วยราคาค่าตัวตั้งแต่หลักร้อยบาทจนถึงหลักหมื่นบาท

    ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ พาไปทำความรู้จักกับ “หินสี” ให้มากขึ้นในแง่มุมของวิทยาศาสตร์ที่จะมาไขข้อข้องใจให้รู้ชัดกันว่า “หินสี” ที่สวมใส่อยู่บนข้อมือเรานี้ที่จริงแล้วคืออะไร ? จากปากของนักอัญมณี และนักธรณีวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านหินและแร่คนสำคัญของประเทศไทย

    รศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักธรณีวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านหินและแร่ เผยแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า เรื่องหินสีตอนนี้เป็นที่นิยมมากสังเกตได้ทั้งจากคนใกล้ตัวและลูกศิษย์ของเขาที่พยายามไปหากำไลหินสีมาใส่กันจนเต็มข้อมือพะรุงพะรังทั้งที่บางคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าความจริงแล้ว “หินสี” คืออะไร


    ในมุมนักธรณีวิทยา "หินสี" คืออะไร ?

    รศ.ดร.จักรพันธ์ ไล่เรียงถึงจุดกำเนิดหินสีว่า เป็นการให้นิยามแบบรวมๆ กันของหินหรือแร่ ซึ่งหินสีที่นิยมนำมาร้อยเป็นกำไลมีทั้งแบบที่เป็น “หิน” และแบบที่เป็น “แร่” ซึ่งหินสีธรรมชาติทั้งหมดล้วนเกิดจากจุดกำเนิดเดียวกัน คือกระบวนการทางธรณีวิทยาใต้ชั้นเปลือกโลก แหล่งเก็บรวมรวมแร่ธาตุที่จะปะทุตัวขึ้นมาในรูปแบบลาวาของภูเขาไฟ หรือรูปแบบอื่นๆ ก่อนจะแข็งตัวกลายเป็นหินอัคนี ที่จะสามารถแตกกลุ่มหินออกได้อีกเป็น 2 แบบคือ “หินชั้น” ที่เกิดจากทับถมกันของหินประเภทต่างๆ เป็นเวลานานจนเกาะตัวเป็นนื้อเดียวกัน และหินแปรที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของหินอัคนีหรือหินชั้นแบบเดิม จากอุณหภูมิและความดันสูงๆ จนเกิดเป็นหินชนิดใหม่ที่มีโครงสร้างทางเคมีที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหินสีในปัจจุบันสามารถเป็นได้ทั้งหินอัคนี หินชั้น และหินแปร

    “ก่อนอื่นเราต้องรู้จักก่อนว่าหินกับแร่ เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร เริ่มต้นจาก “แร่” คือสารประกอบเนื้อเดียว ที่มีโครงสร้างทางเคมีที่ชัดเจน เป็นผลึกบริสุทธิ์ เช่น แร่ควอตซ์ แร่เหล็ก และเพชร เป็นต้น แต่ในขณะที่ “หิน” คือก้อนที่รวมแร่หลายชนิดไว้ด้วยกัน ไม่มีคุณสมบัติทางเคมีที่แน่นอน เพราะเป็นสารประกอบที่เกิดจากการรวมหลายหลายๆ ชนิดเอาไว้ โดยทั้งหินและแร่มีสมบัติเป็นอนินทรีย์เคมีเหมือนกัน แต่ในปัจจุบันทั้งหินและแร่ที่มีสีสันสวยงามถูกเรียกรวมๆ กันว่า “หินสี” ทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นหินหรือแร่ชนิดใดหากยังไม่ได้ดูด้วยตา แต่ก็ถือว่าพอเข้าใจได้ในหมู่คนทั่วไป แต่ไม่ถูกต้องนักสำหรับนักธรณีวิทยา” รศ.ดร.จักรพันธ์ อธิบายถึงความแตกต่างระหว่างหินกับแร่

    ด้วยความไม่แน่นอนในส่วนประกอบ “หินสี” จึงจัดให้เป็นอัญมณีคุณภาพต่ำ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับพลอยแต่เป็นพลอยแฟชั่น ที่ไม่มีคุณค่าทางการลงทุนเหมือน เพชร หรือพลอยน้ำดี เพราะหินสีส่วนมากจะมีเนื้อขุ่นและมีมลทินอยู่ภายใน ทำให้หินสีมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับอัญมณีชนิดอื่น ซึ่ง รศ.ดร.จักพันธ์ระบุว่า เป็นข้อดีที่ทำให้คนทุกระดับสามารถเข้าถึงหินสีได้ แต่ก็ไม่วายที่ในขณะนี้มีการผลิตหินสีปลอมจำนวนมากออกมาจำหน่ายเพื่อย้อมแมวขายให้กับคนที่ต้องการโดยรู้เท่าไม่ถึงการ ที่สนนราคาจำหน่ายตั้งแต่ถูกระดับหลักสิบจนถึงราคาเป็นหมื่นบาทเกือบเท่าพลอยแท้ ทำให้ผู้ซื้อต้องระมัดระวังจากการถูกหลอกให้มากยิ่งขึ้น

    สีของหินเกิดจากอะไร?

    “ขึ้นชื่อว่าหินสี เรื่องสีจึงเป็นสิ่งสำคัญแต่หินแบบที่ใสไม่มีสีก็มี สีที่แตกต่างกันของหินเกิดจากสีในแร่ที่แตกต่างกัน โดยธาตุให้สีอาจเป็นองค์ประกอบในสูตรเคมีของแร่ ถ้าเป็นแร่ชนิดเดียวกันจะทำให้เกิดสีสันสวยงามที่ความเข้มระดับแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณแร่สี แต่ถ้าเกิดแร่นั้นเข้าไปอยู่กับเนื้อหินหรือเนื้อแร่ที่เป็นคนละชนิดกัน แร่นั้นจะถูกเรียกว่า "มลทิน" หรือขยะที่อยู่ในหิน ซึ่งพวกเรามักรู้จักกันดีในชื่อของ “ไหมทอง” ที่เกิดจากแร่รูไทล์เข้าไปอยู่ในแร่ควอตซ์เกิดเป็นเส้นสีทองสวยงาม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหินบางประเภทได้ ทั้งที่ความจริงแล้วเราเรียกว่ามันว่าสิ่งสกปรก" รศ.ดร.จักรพันธ์ อธิบายแก่ทีมข่าววิทยาศษสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์

    สำหรับแร่ที่ทำให้เกิดหินสีที่พบได้บ่อยจะเป็นจำพวกแร่เหล็ก โครเมียม เบริล อะลูมิเนียมออกไซด์ ไทเทเนียม ซึ่ง รศ.ดร.จักรพันธ์ ระบุว่าไม่ใช่เพียงแค่แร่เท่านั้นที่จะทำให้เกิดสีสันบนอัญมณีที่แตกต่างกัน สีที่เกิดยังขึ้นอยู่กับแร่ตั้งต้น การสะท้อนของแสง และการหักเหของแสงด้วย เพราะบางครั้งถึงแม้จะเป็นแร่สีชนิดเดียวกัน แต่หากเข้าไปอยู่ในเนื้อหินต่างกัน สีที่ได้ก็จะไม่เหมือนกัน เช่น การเกิดสีของทับทิบ ไพลิน นิล มรกต เป็นต้น


    หินสีแท้จากธรรมชาติมาจากไหน?

    ด้าน ผศ.ดร.ปัญจวรรณ ธนสุทธิพิทักษ์ อาจารย์ประจำสาขาอัญมณีวิทยา ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ใช้เวลาอยู่กับวิทยาศาสตร์ของเพชรนิลจินดามามากกว่าครึ่งชีวิต ระบุว่า กระแสความฮิตของหินสี ไม่ได้เพิ่งมีเมื่อเหล่าดาราคนดังพากันใส่แล้วถ่ายรูปลงสื่อสังคมออนไลน์ หากแต่กระแสและความเชื่อเรื่องหินสีมีมานานแล้วเป็นร้อยๆ ปีในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศธิเบต อียิปต์ และแอฟริกา ที่หินสีมักจะถูกนำมาโยงกับเรื่องราวลี้ลับจนกลายเป็นตำนานเล่าขานของผู้คนรุ่นต่อรุ่น เราจึงมักเห็นหินสีอยู่ในรูปของเครื่องประดับเป็นกำไล สร้อย แหวน ยอดมงกุฏ ที่นอกจากจะใช้เป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงามแล้ว ยังถูกใช้เป็นเครื่องรางประจำตัวอีกด้วย

    “เมืองนอกนี่แหละที่เป็นผู้นำเทรนด์หินสี ความจริงส่วนตัวอาจารย์คิดว่าพวกความเชื่อเหล่านี้น่าจะมาพร้อมๆ กับประวัติศาสตร์ของมนุษย์เลยทีเดียว เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมนุษย์ก็ดำรงชีวิตด้วยหินมาตลอด ซึ่งประเทศที่มีความเชื่อเกี่ยวกับหินสี ส่วนมากจะเป็นประเทศที่มีเหมืองหินสีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งประเทศเหล่านี้นี่เองที่ส่งหินสีมาขายยังประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น ประเทศทางแถบแอฟริกาใต้ แทนซาเนีย ยุโรป อียิปต์ อัฟกานิสถาน ธิเบต พม่า เพราะตอนนี้แหล่งหินสีในประเทศไทยแทบไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว แต่ก็มีประวัติการขุดเหมืองหินสี ที่บ้านโป่งข่าม จ.ลำปาง เช่นกัน แต่หินสีที่นั่นไม่ค่อยสวยงามเสียเท่าไหร่ หินสีแท้ๆ ที่เห็นในประเทศไทยจึงมาจากการนำเข้าแทบทั้งสิ้น” ผศ.ดร.ปัญจวรรณระบุ

    ผศ.ดร.ปัญจวรรณ ให้ข้อมูลอีกว่า หินสีที่ขุดได้จะมาในรูปแบบหินก้อน ตั้งแต่ขนาดเล็กหนักไม่ถึงกิโลกรัม จนถึงขนาดยักษ์หนักเป็นตันๆ แล้วนำมาผ่านกรรมวิธีการตัดแต่งเชิ้นส่วนหินไม่มีค่าออกก่อน จากนั้นจึงนำเข้ากระบวนการกลึงให้เป็นทรงกลม หรือทำเหลี่ยมตามความพึงพอใจด้วยเครื่องมือของโรงงานทำอัญมณี ซึ่งกระบวนการเหล่านี้คล้ายๆ กับการเจียระไนเพชรให้มีรูปแบบและเหลี่ยมที่สวยงาม เป็นอีกขั้นตอนที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าและราคาให้หินสีเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ขายได้มากยิ่งขึ้น แต่ราคาหลักก็ยังขึ้นกับความนิยมของหินหรือแร่ชนิดนั้นๆ บวกกับความแข็ง และสีสันที่จะมีผลต่อกลไกการตลาดอีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี หินสีก็ยังถือว่ามีราคาต่ำมากเมื่อเทียบกับอัญมณีชนิดอื่นๆ

    หินย้อมสีได้

    ในวงการอัญมณีสามารถเปลี่ยนสีพลอยได้ โดย รศ.ดร.เสรีวัฒน์ สมินทร์ปัญญา อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหินและอัญมณีกล่าวแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ว่าการเปลี่ยนสีพลอยถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักอัญมณีใช้สำหรับการปรับปรุงคุณภาพพลอยที่มีการทำสืบต่อกันมานานแล้วตั้งแต่อดีต เพื่อให้พลอยหรืออัญมณีมีสีที่สวยขึ้น ใสขึ้น ขายได้ราคาดีขึ้น หรือทำให้มีสีสันลวดลายแบบที่ต้องการซึ่งนิยมทำกันมากทั้งในพลอยธรรมชาติ และพลอยสังเคราะห์ จนบางครั้งผู้เชี่ยวชาญยังไม่สามารถแยกได้ว่าอันไหนเป็นของจริง หรืออันไหนเป็นของปลอม

    รศ.ดร.เสรีวัฒน์ ให้ความรู้ว่าวิธีการเปลี่ยนสีพลอยหรืออัญมณีที่นิยมใช้ในเชิงพาณิชย์มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี คือ การเผาด้วยอุณหภูมิสูง ในเตาที่ออกแบบมาจำเพาะสำหรับการเผาอัญมณีเพื่อให้โครงสร้างภายในบางส่วนเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีสีสันตามแบบที่ต้องการ ซึ่งวิธีนี้จะใช้กับอัญมณีคุณภาพสูงอย่างเพชร เพื่อให้มีสีสวยตรงกับความต้องการของตลาด ช่วยเพิ่มมูลค่ากับตัวอัญมณีได้ค่อนข้างมาก, วิธีการฉายรังสี หรือการให้รังสี จำพวกแกมมา นิวตรอน หรืออิเล็กตรอน รวมถึงความร้อน และความดัน เพื่อทำให้มลทินในเม็ดอัญมณีสลาย กลายเป็นเพชรเม็ดใสเนื้อดีไม่มีมลทินเพิ่มราคาได้อีกเท่าตัว และการใช้สารเคลือบสี หรือการย้อมสีซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุดกับพลอยสังเคราะห์ที่ทำจากแก้วหรือเรซิ่นให้ดูมีสีสันเหมือนของจริง โดยการใช้สีเคมีย้อมเข้าไปที่ตัวพลอย ให้เม็ดสีเข้าไปเคลือบที่บริเวณช่องว่างและผิวหน้าของเม็ดพลอย แต่เมื่อเวลาผ่านไปสีก็จะค่อยๆ หมองและหลุดลอกในที่สุด

    “การปรับปรุงคุณภาพพลอยธรรมชาติด้วยกรรมวิธีที่กล่าวไปข้างต้นเรามีมานานแล้วกว่า 40 ปี ซึ่งคนจังหวัดจันทบุรีนี่แหละ ที่เป็นผู้บุกเบิกวงการโดยเฉพาะการเผาเพื่อเพิ่มสีและกำจัดมลทิน ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นเจ้าแห่งพลอยน้ำดีของโลกอยู่ ในขณะที่อัญมณีเทียมทั้งพลอยเทียม เพชรเทียม ประเทศรัสเซียจะมีชื่อเสียงมาก การแยกระหว่างของแท้และของเทียมสำหรับนักอัญมณีจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือ แม้กระทั่งหินสีตอนนี้ก็มีการทำปลอมขึ้นมาแล้ว ขายเส้นละไม่กี่บาท ทั้งๆ ที่ของแท้ก็ถูกแสนถูก คนที่จะซื้อจึงต้องควรดูให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะถูกขายแก้วย้อมสีด้วยราคาสูงลิ่วก็ได้” รศ.ดร.เสรีวัฒน์ระบุ

    แยกหินสีของจริง-ของปลอม

    หินสีที่มีอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ มีทั้งหินสีธรรมชาติที่เป็นของจริง หินสีปลอมที่ทำจากแก้ว เรซิ่น และพลาสติก ซึ่ง รศ.ดร.เสรีวัฒน์ ให้ข้อสังเกตว่า มีวิธีเบื้องต้นสำหรับตรวจสอบดังนี้

    1.ใช้ลูปส่องพระ ขนาดกำลังขยาย 10 เท่าส่องเข้าไปที่เม็ดหิน หากเป็นหินปลอมที่ทำขึ้นจากแก้วหรือเรซิ่น ภายในจะเต็มไปด้วยฟองอากาศขนาดเล็กเต็มไปหมด ที่เกิดจากกระบวนการหล่อของโรงงานที่สามารถยืนยันได้ทันทีว่าหินนี้เป็นของปลอม

    2.เมื่อนำไปตากแดดแล้วนำมาสัมผัส หรือนำมาอังไว้ที่แก้ม หินสีธรรมชาติจะยังคงความเย็นอยู่ ในขณะที่แก้วหรือเรซิ่นจะร้อน เพราะมีคุณสมบัติในการดูดความร้อน

    3.ดูเส้นไหล หินปลอมจากพลาสติกหรือแก้วจะมีเส้นไหล ที่มีลักษณะเหมือนเป็นลายน้ำเชื่อมที่เกิดจากการหลอมของพลาสติก ซึ่งจะไม่พบในหินแท้จากธรรมชาติ

    4.ดูแนวเชื่อม ถ้าหากมีแนวเชื่อมของเม็ดหินแสดงว่าเป็นหินปลอมที่เกิดจากเครื่องหล่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ

    5.ดูลวดลาย หากลวดลายหรือตำหนิบนหินมีลักษณะเหมือนๆ กัน หรือตรงกันทุกจุด ก็สันนิษฐานได้ทันทีว่ามาจากโรงงาน เพราะหินในธรรมชาติแทบจะไม่มีก้อนไหนเลยที่มีลักษณะเหมือนกัน

    6.ราคาอาจใช้เทียบไม่ได้ เพราะเกิดจากความพึงพอใจระหว่างคนขายคนซื้อ และเครดิตของร้านค้า

    7.น้ำหนัก ใช้เทียบไม่ได้ เพราะแก้วบางชนิดมีน้ำหนักใกล้เคียงกับหินสีของแท้

    8.วิธีสุดท้ายที่ง่ายที่สุด สำหรับการแยกหินสีแท้กับพลาสติก คือ การนำไปเผาไฟ แต่อาจไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ค้า

    หากทดสอบด้วยตัวเองแล้วยังไม่มั่นใจ ทีมข่าววิทยาศาสตร์ฯ ได้สอบถามไปยังอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีอีกคนเพื่ออธิบายถึงวิธีการตรวจสอบอัญมณี รวมถึงหินสี ที่ได้มาตรฐานสากลและนิยมใช้ในห้องปฏิบัติการอัญมณีศาสตร์ทั่วไปอีกด้วย

    ตรวจสอบ “หินสี” ด้วยวิทยาศาสตร์

    ดร.ภูวดล วรรธนะชัยแสง อาจารย์ประจำคณะอัญมณี มหาวิทยาลัยบูรพา แจกแจงวิธีตรวจสอบอัญมญีทางวิทยาศาสตร์ให้แก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า การตรวจสอบอัญมณีเพื่อขอรับใบประกาศยืนยันคุณภาพทางวิทยาศาสตร์มีหลายขั้นตอน ทั้งการตรวจโครงสร้างภายในและภายนอก เริ่มตั้งแต่การดูรูปทรง ดูรอยสึกหรอ ดูสีสัน ดูมลทิน ชั่งน้ำหนัก วัดความแข็ง วัดขนาด จากนั้นจึงนำไปเข้าเครื่องมือต่างๆ เพื่อตรวจวัดค่าดัชนีหักเห ความถ่วงจำเพาะ การเรืองแสงกับหลอดยูวี (UV light) การเปล่งแสงของอัญมณี และตรวจดูสเปกตรัม แล้วนำมาเทียบกับค่ามาตรฐาน ซึ่งการตรวจสอบแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง อัญมณีที่มีราคาต่ำอย่างหินสีจึงไม่คุ้มทุนกับการนำมาตรวจสอบในห้องแล็บ

    อย่างไรก็ดี ดร.ภูวดล แนะนำว่าหากประชาชนไม่สบายใจ และอยากตรวจสอบว่าหินสีของตัวเองเป็นของแท้หรือปลอม สามารถนำไปตรวจสอบกับห้องปฏิบัติการทางอัญมณีได้ แต่ต้องเป็นห้องปฏิบัติการที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรอง และมีเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน), ห้องปฏิบัติการของสถาบันการศึกษาบางแห่ง เช่น ห้องปฏิบัติการของคณะอัญมณี มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

    “การตรวจสอบหินสี ทำได้ครับ ก็เหมือนกับการตรวจเพชรพลอยนั่นแหละ อาจจะตรวจด้วยตัวเองเช่น การดูฟองอากาศหรือลวดลายต่างๆ ประเมินเบื้องต้น หรืออาจจะส่งมาที่แล็บเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญดูก็ได้ เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหินปลอมสมัยนี้ทำได้เหมือนของจริงมาก แต่ก็ต้องดูด้วยนะว่าส่งมาแล้วมันจะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะบางทีซื้อหินมา 1,000 บาท แต่ต้องมาเสียค่าตรวจประมาณ 2,000 บาท นี่คิดว่ามันคุ้มกันหรือเปล่า” ดร.ภูวดลกล่าว

    นักธรณีมองกระแสคลั่งหินสี

    “ผมว่ามันดีมากเลยนะ ที่คนหันมาให้ความสนใจ เพราะไม่บ่อยที่วงการอัญมณีจะเป็นที่สนใจจากประชาชนทุกระดับ การกลับมาฮิตหินสีในครั้งนี้ทำให้วงการอัญมณีกลับมาคึกคักอีกครั้ง ต้องขอบคุณเหล่าดาราเซเลปด้วยซ้ำที่พากันสวมใส่หินสีจนกลายเป็นกระแสของคนในสังคม เพราะเมื่อก่อนนี้หินสี หรือที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเรียกว่า พลอยคุณภาพต่ำ ไม่เคยขายได้ราคามาก่อน ต้องชั่งขายกันเป็นกิโลๆ แต่ตอนนี้พวกควอตซ์ (Quartz) อะเมทิซ (Amethyst) ลาพิซ ลาซูรี (Lapis Lazuri) กำลังเป็นที่นิยมมากกว่าเพชร พลอยเสียอีก เรียกว่าทำมาเท่าไรก็ไม่พอขาย แต่ตอนนี้มันได้ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนลืมตาอ้าปากได้เลย” ดร.ภูวดลกล่าว

    ท้ายสุด ดร.ภูวดล ยังได้ฝากข้อคิด ถึงผู้ที่กำลังมองหาซื้อหินสี และผู้ประกอบการหินสี ผ่านทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ด้วยว่า สำหรับผู้ซื้อก่อนจะซื้อควรมีสติและหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อ โดยเฉพาะหินที่มีราคาแพงมากๆ ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วยว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ในขณะที่คนขายก็ต้องต้องรู้ข้อมูล รู้ประวัติของหินสีบ้าง

    "ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ศึกษาทางด้านอัญมณีมาโดยตรง ก็ควรจะหาความรู้เกี่ยวกับหินชนิดนั้นๆ ด้วย ไม่ใช่ไม่รู้จักหินเลย แต่ไปเที่ยวหลอกชาวบ้านว่านี่คือ หินถูกหวย หินหายอัมพาต หินอารมณ์ดี เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่จะยืนยันได้ว่าการใช้หินสีช่วยแก้ปัญหา หรือรักษาโรคได้จริง แต่อย่างไรก็ดีความเชื่อก็เป็นสิ่งที่อยู่กับหินสีมานาน แยกออกจากกันไม่ได้ มันคือศาสตร์และศิลป์ที่ผสมกัน นอกจากนี้ผมก็อยากเน้นย้ำเนื่องจรรยาบรรณของพ่อค้าแม่ค้าด้วย หากหินสีไม่ใช่ของจริง หรือมีการปรับปรุงคุณภาพก็ควรจะบอกกับลูกค้าไปตามตรง และที่สำคัญอย่าโก่งราคาเอาเปรียบผู้บริโภคจนมากเกินไป” ดร.ภูวดลทิ้งท้าย

    http://manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019128
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียเตรียมตัดแก๊สยูเครนภายใน 2 วันเหตุยูเครนเบี้ยวค่าแก๊ส

    [​IMG]

    -------------
    บริษัท Gazprom ยักษ์ใหญ่ของรัสเซียประกาศเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.58) ว่าทางรัสเซียจะหยุดส่งแก๊สให้ยูเครนทั้งหมดภายใน 2 วันหากกรุงเคียฟไม่ยอมจ่ายค่าแก๊สให้รัสเซีย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อยุโรปแน่นอน ทั้งนี้ทางรัสเซียรายงานว่ายูเครนยังไม่ได้จ่ายค่าส่งแก๊สสำหรับเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการชำระค่าแก๊สล่วงหน้าโดยมีปริมาณถึง 219 ล้านคิวบิคเมตร โดยทางรัสเซียขู่ว่าจำเป็นต้องงดส่งแก๊สปริมาณ 144 ล้านคิวบิคเมตรให้ยูเครนภายในสองวันนี้ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงและมีผลกระทบต่อชาวยุโรปบางส่วนที่รับซื้อแก๊สต่อจากยูเครนอีกทอดหนึ่ง รัสเป็นผู้ขายแก๊สรายใหญ่ที่สุดให้กับยุโรป ซึ่ง 30 เปอร์เซ็นต์ของทวีปยุโรปใช้แก๊สที่ส่งผ่านยูเครนถึง 50%
    เมื่อต้นเดือนนี้ทางรัสเซียแจ้งว่ายูเครนยังค้างหนี้ค่าแก๊สรัสเซียอยู่ถึง $2.3 billion (ประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท) และช่วงสิ้นปีที่แล้วกรุงเคียฟเป็นหนี้ค่าแก๊สของรัสเซียอยู่ถึง $5 billion (ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท)
    ไม่มีตังค์จ่ายค่าแก๊สให้ชาวบ้านใช้แต่มีตังค์ซื้ออาวุธแพงๆจากอเมริกามาถล่มประเทศตัวเอง เอาเข้าไปรัฐบาลยูเครน ประเทศนี้เละและย่อยยับก็เพราะรัฐบาลชุดนี้แท้ๆ
    The Eyes
    25/02/2558
    -----------
    No Deal: Gazprom Refuses to Supply Gas Until Ukraine Actually Pays For It / Sputnik International
    http://rt.com/business/234963-gazprom-naftogaz-trasit-gas/
     

แชร์หน้านี้

Loading...