ติดตามสถานะการณ์

Ombudsman Thai

รถไฟนิวยอร์กแหล่งรวมแบคทีเรีย โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2558



นักวิจัยสหรัฐ ทำแผนที่จุลชีพรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก พบสารพันธุกรรมแบคทีเรียกว่า 1,600 ชนิด รวมถึงกาฬโรคและแอนแทรกซ์

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เป็นเรื่องที่รับรู้กันทั่วไปว่า รถไฟใต้ดินนิวยอร์ฏค่อนข้างสกปรก แต่ยังน่าตกใจอยู่ดี ที่ผลวิจัยล่าสุดพบว่า มีสายแตกหักดีเอ็นเอ (DNA Fragment) ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อแอนแทรกซ์และกาฬโรคอยู่ด้วย
ทั้งนี้ นักวิจัยมหาวิทยาลัยคอร์แนล ซึ่งจัดทำแผนที่จุลชีพรถไฟใต้ดินนิวยอร์เป็นครั้งแรก ระบุชนิดเชื้อแบคทีเรียได้กว่า 1,688 ชนิด แม้ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้คนกว่า 1,700 คน ที่ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่สุดของอเมริกาความยาว 960 กิโลเมตร ในแต่ละปี แต่ก็มีการพบแบคทีเรียก่อโรคที่ดื้อยา 27% อยู่ในกลุ่มตัวอย่างด้วย
นักวิจัยพบสายดีเอ็นเอของเชื้อแอนแทรกซ์อยู่ในสองตัวอย่าง และพบพลาสมิด หรือสารพันธุกรรมนอกโครโมโซมหลักที่เกี่ยวข้องกับกาฬโรค ใน 3 ตัวอย่าง แต่อยู่ในระดับต่ำมาก ผลวิจัยยังบ่งบอกด้วยว่า การมีอยู่ของเชื้อโรคเหล่านี้กับไม่มีรายงานว่าพบผู้ป่วย คือบททดสอบที่ชัดเจนต่อระบบคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ และความสามารถแต่กำเนิดในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
แต่ที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ 48% ของกลุ่มตัวอย่าง ไม่เข้ากลุ่มสิ่งมีชีวิตใดที่เป็นที่รู้จักเลย ซึ่งผลการศึกษาเน้นว่า "มีสิ่งมีชีวิตไม่เป็นที่รู้จักจำนวนมากอยู่ทุกหนแห่งในเขตเมือง" สำหรับดีเอ็นเอของคน พบมากเป็นอันดับ 4 รองจากแมลงวันผลไม้เมดิเตอร์เรเนียน และด้วงสนภูเขา
ทั้งนี้ นิวยอร์ก มีระบบรถไฟใต้ดินใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลกในแง่ของจำนวนผู้ใช้บริการ
- See more at: รถไฟนิวยอร์กแหล่งรวมแบคทีเรีย

รถไฟนิวยอร์กแหล่งรวมแบคทีเรีย

 

พุฒิพงศ์ ก้อนวิมล

ตอนเขื่อนที่มีน้ำน้อยสุดหลักๆตอนนี้มี4เขื่อนแล้ว

 

Pst Nong ได้แชร์รูปภาพของ Chalee Na Roied



เมื่อวานนี้ผมพูดถึงสถานการณ์ในยูเครน ที่เริ่มส่งสัญญาณ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการสนับสนุน อาวุธร้ายแรงจากสหรัฐระลอกใหม่ และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผู้นำรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ที่เมืองโซชิที่ผ่านมา เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อันเป็นผลมาจาก ความพยายามในการจัดระเบียบโลก เพื่อให้โลก ตกอยู่ภายใต้ขั้วมหาอำนาจเดียวของสหรัฐ และย้ำในจุดยืนเดิมว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดรัฐบาลโลก
ในขณะเดียวกัน ก็ออกมาแสดงความเห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียระลอกใหม่ จะไม่ประสบผลสำเร็จ มิหนำซ้ำยังมีผลกระทบ กับทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีฝ่ายใด ได้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น และรัสเซียไม่ได้วางแผนในการทำสงครามกับใครก็ตาม แต่มีแผนการในความร่วมมือกับทุกฝ่าย"
PressTV-‘Russia opposes unipolar world order’
ก็คงเป็นการย้ำในจุดยืนเดิมว่า ของผู้นำรัสเซีย นั่นแหละครับว่า ยังไงรัสเซียก็คงไม่ยอมรับ.. "ระเบียบโลกใหม่".. ที่นำโดยสหรัฐนั่นเอง...

 

Pst Nong ผ่าน Daily News Online



แผนสันติภาพยูเครน 'ฟางเส้นสุดท้าย'
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครมิวนิก ประเทศเยอรมนีเมื่อวันที่ 8ก.พ.ว่าบรรดาผู้นำตะวันตกท้าทายประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน ผู้นำรัสเซีย เมื่อวันเสาร์เพื่อให้พิสูจน์ว่าเขาต้องการสันติภาพในยูเครนพร้อมเตือนทั้งสองฝ่ายว่าแผนการสันติภาพฉบับใหม่ที่ผลักดันโดยฝรั่งเศสและเยอรมนีนั้นอาจเป็น “โอกาสสุดท้าย”ในการหยุดสงครามเต็มรูปแบบขณะที่ ประธานาธิบดีเปโตรโปโรเชนโก ผู้นำยูเครนซึ่งได้เข้าร่วมประชุมผู้นำโลกในเยอรมนีด้วยได้โชว์พาสปอร์ต และบัตรประจำตัวทหารที่เขากล่าวว่ายึดได้จากทหารรัสเซียที่ล่วงล้ำเข้ายูเครน
“วันนี้ อดีตหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กำลังทำสงครามซ่อนรูปต่อรัฐอธิปไตย”เขากล่าวต่อที่ประชุมความมั่นคงในนครมิวนิกประเทศเยอรมนี หรือเอ็มเอสซี
การปะทะกันครั้งใหม่ในยูเครนอดีตสาธารณรัฐในสหภาพโซเวียตซึ่งอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก12 คน ขณะที่รัฐบาลเคียฟเตือนว่ากบฏแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียกำลังวางแผนโจมตีครั้งใหม่
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลผู้นำเยอรมนีกำหนดประชุมเอ็มเอสซีขณะที่ เธอพยายามผลักดันแผนสันติภาพเฮือกสุดท้ายซึ่งเธอและประธานาธิบดีฟรองซัวส์ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสนำไปหารือกับประธานาธิบดีปูตินถึงกรุงมอสโกเมืองหลวงรัสเซียเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเธอกล่าวว่า ยังไม่มีความแน่นอนว่าแผนสันติภาพนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จหรือไม่แต่จากจุดนี้ของเธอและของผู้นำฝรั่งเศสมันเป็นความพยายามที่ทรงคุณค่าอย่างแน่นอน
ขณะที่ รองประธานาธิบดีโจไบเดน ของสหรัฐ ทั้งสนับสนุนและสงสัยโดยระบุว่าด้วยประวัติศาสตร์ของรัสเซียเมื่อไม่นานมานี้พวกเราต้องการการกระทำไม่ใช่แค่คำพูดอย่าแค่พูดปากเปล่ากับพวกเราจงแสดงให้เราได้เห็นเถอะนะประธานาธิบดีปูตินมีบ่อยครั้งเหลือเกินที่ประธานาธิบดีปูตินให้คำมั่นสร้างสันติภาพแต่เบื้องหลังกลับส่งรถถังหทารและอาวุธ
ส่วนประธานาธิบดีออลลองด์กล่าวว่า เดิมพันครั้งนี้อาจไม่สูง พร้อมเตือนว่าแผนสันติภาพฉบับใหม่เป็น“โอกาสสุดท้าย”ที่จะหยุดความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมา10 เดือน

แผนสันติภาพยูเครน 'ฟางเส้นสุดท้าย' | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 7 ก.พ.58 มะกัน และพันธมิตร ทิ้งระเบิด ยิงจรวดโจมตีค่ายผู้อพยพตายอื้อ
เครื่องบินกองกำลังพันธมิตรอเมริกา ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศฐานที่มั่นของกลุ่ม IS ท้องถิ่น ในซีเรีย ขณะเดียวกัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ก็ทนอเมริกา กดดันบังคับไม่ไหว จึงจะส่งฝูงบินรบ F-16 เข้าประจำการในจอร์แดน เพื่อสนับสนุนการโจมตีทางอากาศต่อชาวมุสลิมท้องถิ่น
กองกำลังพันธมิตร ที่นำโดยสหรัฐโจมตีกลุ่ม IS ท้องถิ่นรอบเมืองรักกา ติดต่อกัน ส่งผลให้มีชาวมุสลิม เสียชีวิตไปแล้วกว่า 30 คน และที่สำคัญ ที่แทบไม่น่าเชื่อ คือ อิสราเอล มีการโจมตีเป้าหมายคนมุสลิม ในค่ายผู้ลี้ภัย อัลยรมูก และค่ายผู้ลี้ภัยในซีเรีย ก็โดนยิงจรวดใส่เช่นกัน จนมีการเสียชีวิต และบาดเจ็บด้วย แต่สื่อใหญ่ยิวไซออนิสต์ ไม่ยอมเสนอข่าว
นี่คือบทพิสูจน์ ว่าผลการสร้างภาพกลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด ครั้งนี้ สามารถใช้คนมุสลิมอีกชาติหนึ่ง ไปเข่นฆ่าคนมุสลิม ด้วยกันเอง อีกชาติหนึ่งได้จำนวนมาก...ใช้เครื่องบิน และจรวด ยิงใส่คนที่อยู่ในค่ายผู้อพยพลี้ภัย...คิดได้อย่างไร ??
อเมริกา และอิสราเอล จะไม่ยอมให้ชาวซีเรีย และอิรัก มีสิทธิมนุษยชน และ เสรีภาพ แม้แต่ในค่ายผู้อพยพลึ้ภัยสงครามเลยหรือ ?? จะไม่ยอมให้มีที่ยืนเลยหรือ ?? การโจมตีครั้งนี้ ไม่มีมติ UN ให้ทำได้ เป็นกระทำเถื่อนนอกมติ UN
และทำไมองค์กรฮิวแมนไรท์ว๊อช ไม่ประนามการละเมิดสิทธิมนุษยชนฆ่าคนจำนวนมากๆ แบบนี้ แบบนี้มันสองมาตรฐานหรือไม่ ??
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ปอกเปลือก ทรราช



อเมริกาถอยกรูด ไม่ส่งอาวุธให้ยูเครนแลกรักษาสัมพันธ์กับยุโรป
------------
วันนี้ (8 ก.พ.58) สำนักข่าว RT News ของรัสเซียรายงานความคืบหน้าการประชุมนานาชาติตะวันตกด้านความมั่นคงที่เมืองมิวนิคประเทศเยอรมันนีว่า ด้านประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครนพยายามกล่าวหารัสเซียว่าส่งกองทัพเข้าไปในยูเครนตะวันออกโดยนำหลักฐานพาสปอร์ตหลายใบอ้างว่าเป็นของทหารรัสเซียที่พบในยูเครนตะวันออกมาแสดงต่อที่ประชุม มุขนี้เด็กๆ เขาเล่นกันอ่ะ ที่ประเทศไทยทำบ่อยงานถนัดของแดงเผาไทยเลยแบบนี้หนะ
อีกพฤติกรรมที่แย่ก็คือกรุงเคียฟไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารที่มีการกล่าวหาว่ากองมีกองทัพรัสเซียปรากฎกายอยู่ในยูเครนให้กับทางรัสเซียเพื่อพิสูจน์หลักฐานด้วยนี่สิ
ฝ่ายจอห์น แคร์รี่ เลขาธิการแห่งชาติของสหรัฐฯพลิกลิ้นทันทีหลังจากที่ดูท่าทีจากฝ่ายยุโรปแล้วว่าไม่สนับสนุนการใช้อาวุธและความรุนแรงเข้าแก้ปัญหาในยูเครนตะวันออกโดยกล่าวว่า "วิกฤตการณ์ในยูเครนนั้นไม่สามารถจบลงได้ด้วยกองกำลังทหาร" และปฏิเสธว่ามีรอยร้าวเกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับยุโรปเนื่องจากวิกฤตยูเครน อ้าว! วันก่อนยังพูดหาเสียงสนับสนุนอยู่เลยว่าสหรัฐฯสนับสนุนทางด้านอาวุธให้ยูเครนไง ไฉนวันนี้จึงพูดตรงกันข้ามอย่างนั้นหละนี่? กลัวอียูจะหันหลังให้สหรัฐฯแล้วไปคบกับรัสเซียแทนหละสิ
ณ วันนี้ฝรั่งเศสชัดเจนมาก เลือกที่จะไม่เป็นศัตรูกับรัสเซีย เพราะไม่ต้องการให้เกิดสงครามเย็นในยุโรปตามที่อเมริกาวางแผนไว้ ในขณะที่เศรษฐกิจของเยอรมันก็ขึ้นอยู่กับรัสเซียเป็นอย่างมาก การแซงชั่นรัสเซียไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีต่ออียูเลยแม้แต่น้อย คนที่เดือดร้อนคือประชาชนชาวยุโรปและรัสเซีย ส่วนสหรัฐฯไม่เดือดร้อนเลย ดูซิว่างานนี้อียูจะเลือกใคร
ส่วนอังกฤษนั้นดูเหมือนจะไม่มีปากมีเสียงเลยในเวทีนี้ อังกฤษจะฝืนมติยุโรปอย่างนั้นหรือ Jean-Yves Le Drian รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมันก็สนับสนุนฝ่ายอียูอีกเสียง โดยกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง iTELE TV ว่าเขาคัดค้านการส่งอาวุธให้ยูเครน และไม่เห็นด้วยที่จะให้ยูเครนเข้าร่วมสมาชิกนาโต้
หนึ่งในความพยายามอย่างยิ่งยวดของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะทำให้เกิดสงครามในภูมิภาคนี้ขึ้นให้ได้ก็คือสนับสนุนให้ยูเครนเข้าร่วมนาโต้นี่แหละ แต่ปรากฏว่าตอนนี้กระแสตีกลับหมดเลย
นาย Sergey Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่าเสียงส่วนใหญ่ของนักการเมืองอียู (หากไม่ใช่ทั้งหมด) ซึ่งรวมถึงรัสเซียด้วยมีมติเป็นลบเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในสนับสนุนด้านอาวุธให้กรุงเคียฟ แนวความคิดเช่นนั้นมีแต่จะเป็นการขยายวิกฤตการณ์ของยูเครนในเชิงลึกให้กว้างออกไปอีก ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของยูเครนไม่มีอำนาจผูกขาดแต่เพียงผู้เดียวเกี่ยวกับโครงสร้างด้านความมั่นคง
ส่วนรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ตีฝีปากว่าปูตินจะต้องออกไปจากยูเครน อ้าว! แล้วคุณหละ? อยู่ตั้งไกลยังบินไปแส่เรื่องชาวบ้านเขาได้ แล้วยังทำเป็นไปไล่คนอื่นที่เขาจะมาคุยกันเรื่องแผนสันติภาพร่วมกันอีก ในขณะที่สื่อฯฝั่งรัสเซียพยายามรายงานความคืบหน้าของที่ประชุมฯ แต่สื่อฯฝั่งสหรัฐฯกับของตะวันตกรายใหญ่กลับพยายามนำภาพความรุนแรงความสูญเสียในยูเครนตะวันออกมานำเสนอ และชี้นำสังคมว่านั่นคือการกระทำของรัสเซียนะ แม้จะไม่พูดตรงๆ แต่เจตนาและนิสัยของพวกนี้เป็นอย่างนี้ตลอด และก็จะพูดเป็นนัยๆว่าต้องมีผู้เข้าไปแทรกแซงและสนับสนุนด้านอาวุธให้กับยูเครนเพื่อหยุดยั้งความโหดร้ายนั้น
อีกด้านหนึ่งของรัสเซียมีการขนเครื่องอุปโภคบริโภคเครื่องบรรเทาทุกข์ไปให้ประชาชนในพื้นที่เมือง Donbas ของยูเครน โดยขบวนรถบรรทุกคอนวอยจำนวน 170 คัน บรรทุกเครื่องนุ่งหุ่ม อาหาร ยารักษาโรค และเครื่องใช้จำเป็นพื้นฐานรวมน้ำหนักกว่า 1,800 ตันเพื่อไปช่วยเหลือประชาชนชาวเมืองโดเนทส์กและเมืองลูฮานส์ก ขบวนคอนวอยจากรัสเซียช่วยเหลือผู้ประสบภัยสงครามและความหนาวเย็นเที่วต่อไปคือวันที่ 15 ก.พ.58 นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว พบว่าขบวนรถคอนวอยของรัฐมนตรีกระทรวง Emergencies Ministry ของรัสเซียได้ส่งมอบอาหารช่วยเหลือไปแล้วถึง 16,000 ตัน ที่น่าแปลกใจก็คืออเมริกไม่เคยส่งความช่วยเหลือด้านอาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งหุ่ม เครื่องบรรเทาทุกข์อย่างที่รัสเซียทำนี้ไปให้ผู้ประสบภัยสงครามในยูเครนตะวันออกเลย แต่ที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนกรุงเคียฟก็คืออาวุธสงคราม ยูเครนก็ไม่ช่วยนะ มีแต่เอาอาวุธหนักไปแจกให้ชาวบ้านจนล้มตายกันระนาวแล้วเอาตัวเลขมาฟ้องประชาคมโลกว่า นั่น! ดูนั่น! ประชาชนผู้บริสุทธิ์ตายไปตั้งห้าพันกว่าคนแล้วฝีมืออาวุธจากรัสเซียทั้งนั้น ฉะนั้นยูเครนของให้สหรัฐฯช่วยสนับสนุนด้านอาวุธด้วย ข่ายการให้ความช่วยประชาชนจากฝั่งรัสเซียแบบนี้จะไม่ปรากฎในสื่อฯหลักของอเมริกาและของอังกฤษอย่าง CNN และ BBC เลย
The Eyes
08/02/2558
--------------
http://rt.com/ne…/230203-munich-security-conference-updates/
TASS: World - Crisis in Ukraine should be settled based on Minsk agreements - French defence minister
TASS: World - Russian truck convoy to deliver relief aid to Donbas, emergencies ministry official says
http://edition.cnn.com/…/politics/joe-biden-puti…/index.html
http://uatoday.tv/…/russian-aid-convoy-arrives-in-the-rebel…

 

Thanong Fanclub



13. จับตาวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน & วิกฤติ
ลุงปู่Alan Greenspan อดีตประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯเชื่อว่าในที่สุดแล้ว กรีซต้องออกจากเขตยูโร ทั้งนี้เพราะว่าไม่มีใครต้องการให้กรีซเงินกู้เพิ่ม
นอกจากนี้กรีซต้องการแก้ไขเงื่อนไขของสัญญากู้240,000ล้านยูโรอีกด้วย
Greenspanบอกว่ากรีซต้องออกจากยูโรโซน เพราะว่าอยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร และในที่สุดแล้วทุกคนในเขตยูโรโซนต้องยอมรับความจริงว่า การจากกันเป้นวิธีการที่ดีที่สุด
นอกจากนี้Greenspanยังเชื่อว่าค่าเงินยูโรไปไม่รอด เพราะว่ายุโรปแค่รวมตัวกันทางการเงิน และการคลัง แต่ยังไม่ได้รวมตัวกันทางการเมืองจริงๆ ไม่เหมือนสหรัฐฯที่รวมเอา50กว่ารัฐเป็นประเทศเดียวจึงใช้ดอลล่าร์ร่วมกันได้ ยุโรปจะยูโรร่วมกันได้ก็ต่อเมื่อมีการรวมตัวกันทางการเมืองกลายเป็นUnited States of Europe ไม่ใช่เป็นเพียงEuropean Union
เพราะฉะนั้นการเอา19ประเทศมารวมตัวกันในเขตยูโรจะทำให้แต่ละประเทศมีความตึงตัว และเมื่อกรีซออกจากยูโรโซนไปแล้ว ประเทศยุโรปทางใต้อื่นๆจะออกตาม
ลองลุงปูGreenspanพูดอย่างนี้ ยุโรปเตรียมตัวล่มสลายทางการเงินได้แล้ว
เพราะว่าการสร้างเงินยูโรขึ้นมามันฝืนกฎธรรมชาติ เพราะว่าแต่ละประเทศไม่ได้รวมตัวกันทางการเมือง เศรษฐกิจ การเงิน สังคม ฯลฯอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
thanong
8/2/2015
BBC News - Greece: Greenspan predicts exit from euro inevitable

 

Thanong Fanclub

14. จับตาวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน & วิกฤติ
วันพุธชี้ชะตายูเครน
ผู้นำของรัสเซีย ยูเครน เยอรมันและฝรั่งเศสจะพบกันในวันพุธนี้ที่กรุงMinsk เมืองหลวงของเบลารุส เพื่อหาหนทางสันติภาพให้ยูเครน
ยังไม่ชัดเจนว่าแผนสันติภาพสำหรับจะออกมาในรูปใด หรือว่าจะสำเร็จหรือไม่
พุธนี้จะชี้ชะตาอนาคตยูเครน
thanong
9/2/2015
BBC News - Ukraine crisis: Leaders plan new Minsk peace talks

 

Thanong Fanclub



15. จับตาวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน & วิกฤติ
ทั้งAlexis Tsipras นายกรัฐมนตรีกรีก และYanis Varoufakisรมวคลังกรีกบินกลับบ้านมือเปล่า หลังจากไปพบปะผู้นำยุโรป เสียงสะท้อนที่ทั้งคู่ได้รับคือให้เดินตามแผนการเดิมของทรอยก้าในการแก้ไขวิกฤติกรีซเพื่อแลกกับเงินกู้240,000ล้าน แต่ทั้งคู่บอกว่า ถ้าจะย่ำอยู่กับที่โดยใช้สูตรเดิมแบบนี้ทั้งรัดเข็มขัด ทั้งขายทรัพย์สินของชาติ ทั้งไม่มีการลดหนี้ กรีซจะไม่มีวันออกจากวิกฤติได้ เพราะว่าไม่มีปัจจัยอะไรมาหนุนจีดีพีที่ทรุดอยู่ให้กลับมาโตได้
นายTsiprasกล่าวกับสภาผู้แทนของกรีซว่า แผนการช่วยเหลือกรีซโดยทรอยก้าล้มเหลวไปแล้ว และรัฐบาลของเขาไม่มีแผนที่จะขยายการขอความช่วยเหลือทางการเงิน เพราะว่าจะขอให้ทำผิดอีกต่อไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นายVaroufakisจะร่างข้อตกลงชั่วคราวให้เจ้าหนี้พิจารณาเพื่อที่จะต่ออายุหนี้ของกรีซที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ถึงข้อตกลงแผนการเงินที่ถาวรขึ้น
แผนข้อตกลงชั่วคราวนี้จะมีลักษณะคล้ายกับเงินกู้ต่ออายุ (bridge loan) เพื่อให้กรีซเลี่ยงการผิดชำระหนี้ และเพื่อให้มีเวลาได้หายใจในการเตรียมแผนการเงินที่ถาวร
แต่เยอรมันไม่ค่อยจะพิศวาทมากนักกับข้อเสนอของกรีซ เพราะเกรงว่ากรีซเพียงแค่ขอซื้อเวลาทางการเมืองและในท้ายที่สุดแล้วจะขอลดหนี้
รมวคลังของยุโรปจะประชุมกันวันพุธนี้เพื่อพิจารณาวิกฤติกรีซว่าจะมีทางออกร่วมกันอย่างไร
นายAlan Greenspan อดีตประธานเฟดของสหรัฐฯได้แสดงความเห็นว่ามีความเป็นไหได้สูงที่กรีซจะออกจากเขตยูโร เพราะว่าเจ้าหนี้อุ้มกรีซอีกต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน และนอกเหนือจากนั้นเขตยูโรในที่สุดต้องล่มสลาย เพราะว่ายังมีความลดหลั่นกันมาก และรวมตัวกันเพียงแค่ทางการเงิน และการคลัง แต่ไม่ได้รวมตัวกันทางการเมืองอย่างสมบูรณ์เหมือนสหรัฐฯ
thanong
9/2/2015
http://rt.com/news/230423-troika-bailout-failed-greece/

 

Thanong Fanclub

16. จับตาวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน & วิกฤติ
วิกฤติยูเครนทำให้คนตายไปแล้ว50,000คน ช๊อคโลกจริงๆ
ตัวเลขของการเสียชีวิตในสงครามกลางเมืองนี้ทางฝ่ายหน่วยข่าวกรองของเยอรมันเป็นผู้เปิดเผยออกมา ซึ่งขัดแย้งกับตัวเลขทางการที่น้อยกว่า10เท่าหรือประมาณ5,000กว่าคนที่สื่อกระแสหลักโดยทั่วไปชอบอ้างในรายงาน
ประธานาธิบดียูเครน นายเปโตร โปโรเชนโก้พูดที่ประชุมความมั่นคงมิวนิคในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า วิกฤติยูเครนที่ผ่านมาทำให้นักรบเสียชีวิตไปแล้ว1,200นาย และประชาชนตายไป5,400คน
แม้กระนั้น เขาเรียกร้องให้นานาชาติช่วยเหลือรัฐบาลเคียฟของเขาที่กำลังรบกับพวกกบฎทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน โดยเขากล่าวหาว่ารัสเซียให้การหนุนหลังอยู่ ทั้งอาวุธยุโธปกรณ์และกองกำลังทหาร
ในเดือนกันยายน ปี2014มีข้อตกลงสันติภาพMinskขึ้นเพื่อให้1. ฝ่ายกองกำลังของเคียฟและนักรบกบฎหยุดยิงกัน 2. ให้แลกเปลี่ยนเชลยศึกกัน 3. ให้ถอนรถถังและปืนใหญ่ออกจากแนวสงครามที่ปะทะกัน แต่ที่ผ่านมามีการละเมิดข้อตกลงนี้ ทำให้มีการรบพุ่งหนักยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ประเด็นคือยุโรปและสหรัฐฯจะอุ้มนายโปโรเชนโกนานแค่ไหน เพราะว่าถ้าถอดปลั๊ก รัฐบาลเคียฟก็ล้ม เสียเมืองให้ฝ่ายกบฎและอิทธิพลของรัสเซียจะเข้าไปครอบงำยูเครน แต่ถ้าไม่ถอดปลั๊กก็มีความเสี่ยงที่สงครามจะขยายวง และรัสเซียอาจจำเป็นต้องส่งกองทัพเข้าไปยึดยูเครนเลยทีเดียว
ขณะนี้ทั้งเยอรมันและฝรั่งเศสเริ่มรีๆรอๆ ไม่กล้าส่งอาวุธเข้าไปช่วยกองทัพของนายโปโรเชนโก ป้าแองจี้และนายออลลองด์บินไปเจิปูตินที่วังเครมลินแล้ว เจอขู่ว่าถ้าตะวันตกส่งอาวุธให้เคียฟมีหวังเละแน่ หมายถึงเคียฟและยุโรปด้วย
เหลือแต่ท่าทีของสหรัฐฯเท่านั้นว่าจะเอาอย่างไร มีแนวโน้มว่าสหรัฐฯต้องการก่อสงครามในยูเครนต่อไป โดยการส่งอาวุธยุโธปรณ์ให้เคียฟเพื่อรบกับกบฎและยันรัสเซียเอาไว้
ผู้นำของรัสเซีย ยูเครน เยอรมันและฝรั่งเศสจะพบกันในวันพุธนี้ที่กรุงMinsk เมืองหลวงของเบลารุส เพื่อหาหนทางสันติภาพให้ยูเครน และแผนสันติภาพนี้ต้องมีผลบังคับใช้ มิเช่นนั้นสงครามกลางเมืองยูเครนจะขยายวงกลายเป็นสงครามยุโรป
นายออลลองด์แย้มออกมาแล้วว่าถ้าจะแบ่งประเทศออกไป ให้แคว้นทางตะวันออกDonetsk และLuganskมีอิสระภาพปกครองตัวเองได้ ก็น่าจะเป็นทางออก เพราะว่ารัฐเหล่านี้จะเป็นรัฐกันชนให้รัสเซีย
ลูกบอลเทนนิสถูกตีข้ามเข้ามาด้านโอบามาแล้ว อยู่ที่ว่าสหรัฐฯจะเอาอย่างไร สงครามหรือสันติภาพ เดี๋ยวจะได้เห็นกัน
thanong
9/2/2015
ภาพนักรบกบฎที่เสียชีวิต
German Intelligence Estimates Death Toll in Ukraine Ten Times Higher / Sputnik International

 

Thanong Fanclub



17. จับตาวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน & วิกฤติ
จุดยืนของสหรัฐฯต่อวิกฤติยูเครนชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อรองประธานาธิบดีJoe Bidenกล่าวที่ประชุมความมั่นคงที่มิวนิค เยอรมันในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯจะช่วยเหลือเคียฟทางด้านความมั่นคง ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นการสนับสนุนการทำสงครามแต่เป็นการป้องกันตัวเองจากการรุกรานของรัสเซีย
ชัดเจนว่าสหรัฐฯต้องการก่อสงครามในยูเครนต่อไป
Bidenบอกว่าปูตินมักจะย้ำว่าเขาต้องการสันติภาพในยูเครน แต่เอาเข้าจริงแล้ว รัสเซียส่งรถถัง กองกำลังทหารและอาวุธเข้าไปสู่ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น
เขาย้ำว่าเราต้องตัดสินรัสเซียด้วยการกระทำ ไม่ใช่คำพูด
สภาคอนเกรซที่ครองเสียงข้างมากโดยฝ่ายรีพับรีกันก็ต้องการส่งอาวุธไปช่วยเคียฟรบกับพวกกบฎ และเพื่อเป็นการปิดล้อมรัสเซียไปในตัวในสงครามตัวแทน
สหรัฐฯกำลังอยู่ในระหว่างมีรมวกลาโหมคนใหม่ คือนายAshton Carter ซึ่งมีความเห็นคล้อยกับโอบามาว่าสหรัฐฯจำต้องส่งอาวุธช่วยรัฐบาลเคียฟรบ
เท่ากับว่าสหรัฐฯกำลังจะประกาศสงครามกับรัสเซียทางอ้อมนั่นเอง
thanong
9/2/2015
http://www.voanews.com/…/french-president-says…/2632895.html

 

Thanong Fanclub



18. จับตาวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน & วิกฤติ
ในระหว่างการพูดคุยกับป้าแองจี้และออลลองด์ในวันศุกร์ที่6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปูตินส่งสัญญานชัดเจนกับคู่เจรจาว่าสงครามเต็มรูปแบบจะเกิดขึ้น ถ้ายุโรปและสหรัฐฯส่งอาวุธให้กับเคียฟภายใต้การนำของนายเปโตร โปโรเชนโก
หมายความว่ารัสเซียจะส่งกองกำลังทหารเข้าไปยึดเคียฟให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แล้วดูซิว่าตะวันตกจะตอบโต้อย่างไร
แองจี้ถึงกับต้องยอมรับความจริงว่าขู่ปูตินไม่ได้ และออลลองด์พูดว่าถ้าไม่มีแผนสันติภาพที่ถาวรสำหรับยูเครน จะเกิดสงครามใหญ่เกิดขึ้น
ปูตินค่อนข้างจะมีอารมณ์ เพราะว่าสงครามในยูเครนที่ผ่านมาทำให้คนตายไปแล้วทั้งหมด50,000คน ที่มีอารมณ์เพราะว่าในยูเครนมีประชาชนเชื้อสายรัสเซียอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีชาวรัสเซียหลายพันคนอาสาเดินทางกลับเข้าไปในยูเครนเพื่อต่อสู้และปกป้องญาติพี่น้องของตัวเองจากเคียฟ
และถ้ายุโรปและสหรัฐฯตัดสินใจส่งอาวุธยุโธปกรณ์ช่วยเคียฟในการรบ เท่ากับว่าอาวุธเหล่านั้นจะมาประหัตประหารชาวรัสเซีย เท่ากับว่าตะวันตกทำสงครามกับรัสเซีย
ยิ่งนายJoe Bidenรองประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมาแสดงท่าทีว่าจะส่งอาวุธไปช่วยเคียฟรบกับพวกกบฎ ยิ่งจะเป็นการสร้างความตรึงเครียดมากยิ่งขึ้นระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ
ปูตินถึงจำต้องออกมาย้ำกับสื่ออีกครั้งว่า รัสเซียไม่ต้องการก่อสงคราม ต้องการสันติ แต่มีความพยายามโดยตะวันตกที่จะยับยั้งการพัฒนาของรัสเซียโดยเอาเรื่องวิกฤติยูเครนมาเป็นเหตุ
เขาไม่ได้เอ่ยชื่อตรงๆ แต่บอกว่ามีความพยายามที่จะแช่แข็งระเบียบโลกปัจจุบันที่ดำเนินมากว่า2ทศวรรษแล้วหลังจากล่มสลายของสหภาพโซเวียตเพื่อที่จะให้มีเพียงมหาอำนาจของโลกเพียงประเทศเดียว
ปูตินกล่าวเพิ่มเติมว่า ระเบียบโลกที่มีมหาอำนาจโลกด้วยจะไปไม่ได้กับรัสเซีย มีบางคนชอบ หรือต้องการอยู่ด้วยสภาพแบบกึ่งๆยึดครองโลก ทำไปเลย แต่เราไม่ต้องการเห็นเช่นนั้น
ในสงครามกลางเมืองของยูเครนขณะนี้ ทางเคียฟกำลังเสียเปรียบ มีโอกาสสูงที่จะโดนพวกกบฎเอาชนะได้ เคียฟมีทหารประจำการ41,000นาย และทหารที่ไม่ประจำการ21,000นาย เปรียบเทียบกับพวกกบฎที่กำลังเพิ่มกำลังทหาร100,000นาย ที่ผ่านมาเคียฟเสียรถถังไปแล้ว220คัน รวมทั้งรถหุ้มเกราะ480คัน
ด้วยเหตุนี้นายโปโรเชนโกถึงได้เรียกร้องอ้อนวอนให้นานาชาติช่วยส่งอาวุธให้เคียฟรบกับพวกกบฎที่ทางรัสเซียหนุนหลัง มิฉะนั้นเคียฟอาจจะต้องล่มสลาย
ตอนนี้วัดดวงดู ระหว่างกรีซออกจากยูโรแล้วจะจุดปะทุวิกฤติค่าเงินยูโร และเคียฟโดนกองทัพรัสเซียเข้าไปก่อสงครามเต็มรูปแบบเพื่อยึด อย่างไหนจะเกิดก่อนกัน
ความจริงกองทัพพิเศษของสหรัฐฯได้เข้าไปช่วยเคียฟรบอยู่แล้ว เพราะว่ามีหลักฐานวีดิโอของทหารสหรัฐฯใส่ชุดนักรบยูเครนแต่พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน นอกจากนี้ นายพล Ben Hodgesผู้บัญชาการทหารของสหรัฐฯในภาคพื้นยุโรปได้เข้าร่วมพิธีแจกเหรียญกล้าหาญให้ทหารยูเครนเพื่อปลุกขวัญกำลังใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางรัสเซียถือว่า รัสเซียได้เข้าสู่สงครามกับสหรัฐฯเรียบร้อยแล้ว
thanong
9/2/2015
Putin Warns Europe: Total War If Obama Arms Ukraine

 

Jeerachart Jongsomchai



... "นายกกรีซประกาศ : การกู้ยืมเงินจากอียูและไอเอ็มเอฟล้มเหลว ไม่ขอกู้เพิ่ม"
... นาย Alexis Tsipras นายกรัฐมนตรีกรีซได้ประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัฐสภาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าโครงการ "Troika" ที่ช่วยเหลือทางการเงินจากอียูและไอเอ็มเอฟล้มเหลว ไม่ขอกู้เพิ่ม ( สังเกตว่าทั้งนายกและ รมว.การเงินแต่งตัวธรรมดาไม่ผูกเน็คไทตลอด ต้องการสื่อสารอะไรสักอย่าง อาจจะเช่น ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องการพิธีรีตรอง เปลือกนอก แต่เน้นสาระล้วนๆ ตั้งใจทำงาน )
... โดยจะมีการประชุมกับประเทศผู้ให้กู้อีกครั้งเกี่ยวข้อตกลงในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยเส้นตายวันสุดท้ายที่กรีซจะขอกู้เงินช่วยเหลือคือ 28 กพ. นี้, :ซึ่งเมื่อเอาคำประกาศนายกไปเปรียบกับคำพูดของ รมว.การเงินของกรีซ นาย Yanis Varoufakis ยิ่งเพิ่มน้ำหนักว่า แนวโน้มที่กรีซจะไปขอกู้เพิ่มมีโอกาศสูงมาก
... แต่ว่ากรีซจะขอเวลาสักระยะในการนำเสนอข้อเสนอใหม่กับผู้ให้กู้เพื่อจะบริหารหนี้สินและแผนการปฎิรูปในสัปดาห์หน้า ส่วนรมว.การเงินของอียูต้องการประชุมกับกรีซในวันพุธนี้
... ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา , นาย Jean-Claude Juncker ประธานของอียูบอกว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่อียูจะยกเลิกหนี้สินให้กรีซ เพราะจะทำให้ประเทศอื่นๆรับไม่ได้แน่ๆ และนี่ไม่ใช่การขู่กรีซ และอียูยังต้องการเปิดการเจรจาเรื่องหนี้ด้วยกัน
... โดยประเด็นหลักคือ กรีซไม่พอใจเงื่อนไขในมาตรการ "รัดเข็มขัด" ของอียูและไอเอ็มเอฟ ที่ต้องให้กรีซปลด ลดพนักงานข้าราชการออกไปมากหลายตำแหน่ง ตัดลดงบประมาณลงในหลายกระทรวง ทำให้คนตกงานนับหมื่นตำแหน่ง และต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อขายให้ต่างชาติในราคาถูกเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ที่รัฐบาลก่อนสร้างไว้ ( เหมือนไทยเราตอนปี 2540 ที่ต้องขายสมบัติชาติภายใต้คำสวยหรูว่า "แปรรูปรัฐวิสาหกิจ" ให้ต่างชาติในราคาถูกๆเลหลังเหมือนเปิดท้าย )
... โดยนายกนาย Alexis Tsipras ยังต้องขายรถประจำตำแหน่งของรัฐมนตรีและขายเครื่องบินของนายกรัฐมนตรีไป เพื่อประหยัดเงินของประเทศอีกด้วย ( ถึงว่าแกไม่สวมเน็คไท สงสัยเอาไปขายด้วยแล้ว อีโมติคอน smile ) โดนตอนนี้เตรียมการจัดอาหารและไฟฟ้าฟรีให้กับผู้ที่ไม่มีเงินจ่ายและซื้อหาโดยด่วน
... นอกจากนั้นเขายังจะออกมาตรการกวดขันการโกงกินคอร์รัปชั่นและการหลีกเลี่ยงภาษีอีกด้วย
... ขณะที่นาย Anton Siluanov รมว.การเงินของรัสเซียบอกว่าจะไม่ไปแทรกแทรงเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินของกรีซถ้ากรีซยังไม่ร้องขอมาอย่างเปิดเผยและตรงๆ
.
http://rt.com/news/230423-troika-bailout-failed-greece/

 

Pst Nong ได้แชร์รูปภาพของ Bank of Thailand Scholarship Students



(Feb 8) ธนาคารกลางทั่วโลกขยับรับทิศทางเศรษฐกิจ : เมื่อกลางสัปดาห์ ธนาคารกลางจีนได้ลดสัดส่วนเงินสดที่ธนาคารต่างๆ ต้องกันไว้สำรอง ถือเป็นการลดสัดส่วนกันสำรองทั้งภาคธนาคารครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นไม่ถึง 3 เดือนหลังจากจีนลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ทั้งยังเป็นไปตามการคาดหมายของนักลงทุนที่ว่าจะต้องมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมหลังจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 24 ปี

สัดส่วนเงินสดที่ธนาคารต่างๆ ต้องกันสำรองไว้ จะลดลง 0.50% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. ทำให้ธนาคารใหญ่ๆ ต้องกันสำรองเงินสดไว้เพียง 19.5%

นายเหวิน บิน นักเศรษฐศาสตร์แห่งธนาคารหมินเฉิน กล่าวว่ากระแสเงินทุนไหลออกและการอ่อนค่าของเงินหยวน ทำให้มีขายอัตราแลกเปลี่ยนออกไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางจึงพยายามใช้เครื่องมือด้านนโยบายระยะสั้นเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องให้มีมากขึ้น แต่เครื่องมือดังกล่าวไม่เพียงพอ จึงต้องลดสัดส่วนกันสำรองเงินสด นายบินคาดว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวด้านนโยบายเพิ่มเติมอีกในไตรมาสแรกนี้

นอกจากนั้น ธนาคารกลางยังระบุว่าจะมีการลดสัดส่วนกันสำรองเงินสดลงอีก 0.50% สำหรับธนาคารพาณิชย์ในเมืองและชนบทที่ปล่อยกู้ให้บริษัทขนาดกลางและเล็ก อันเป็นการตอกย้ำความวิตกของรัฐบาลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่าการผ่อนคลายนโยบายล่าสุดอาจมีสาเหตุมาจากการสำรวจภาคอุตสาหกรรมการผลิตเดือนม.ค. ที่หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีครึ่ง

ก่อนหน้านี้จีนลดสัดส่วนกันสำรองเงินสดแก่บางธนาคารเมื่อต้นปีนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลดลงทั้งระบบตั้งแต่เดือนพ.ค.2555 โดยธนาคารกลางระบุว่าจะส่งเสริมเศรษฐกิจให้มีสภาพดีและมีเสถียรภาพ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางเผยว่าการลดสัดส่วนกันสำรองเงินสด ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่และไม่ถือเป็นจุดเปลี่ยนด้านนโยบาย เพราะการลดสัดส่วนกันสำรองเงินสดเป็นการดำเนินนโยบายธรรมดาพิจารณาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเงื่อนไขด้านสภาพคล่อง พร้อมชี้ถึงเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้จะมาถึงซึ่งน่าจะทำให้มีความต้องการเงินสดมาก

บรรดานักการธนาคารจีนยินดีกับการตัดสินใจของรัฐบาลกรุงปักกิ่งที่ลดสัดส่วนกันสำรองเงินสด ด้วยหวังว่าจะทำให้มีเงินสดมากขึ้นไปใช้จ่ายให้เกิดผลกำไร แต่บรรดาภาคธุรกิจที่หวังจะได้รับเงินกู้มากขึ้นในอัตราดอกเบี่ยถูกลง อาจต้องผิดหวัง เพราะนักการธนาคารระบุว่าการเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้ปล่อยกู้มากขึ้น หรือปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง พิจารณาจากผู้กู้ที่น่าเชื่อถือซึ่งหายาก

นักวิเคราะห์ชี้ว่าการเคลื่อนไหวนี้จะหมายถึงการมีเงินทุนมากขึ้นสำหรับใช้ลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีผลตอบแทนสูง และนักการธนาคารบางคนกล่าวว่าอาจปล่อยสินเชื่อให้แก่รัฐวิวสหกิจ เพราะปลอดภัยมากกว่า

นักเศรษฐศาสตร์มองว่าการลดสัดส่วนกันสำรองเงินสดครั้งนี้ เป็นความพยายามชดเชยผลกระทบการไหลออกของเงินทุนจากสินทรัพย์สกุลเงินหยวนในช่วงที่เงินหยวนอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์ ไม่ใช่มาตรการกระตุ้น

บรรดานักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าแดนมังกรจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น อยู่ที่ว่าจะเป็นเมื่อไรและอย่างไร

นอกจากจีนแล้ว ยังมีธนาคารกลางอีก 16 ประเทศที่เคลื่อนไหวเพื่อรับมือกับสภาพในประเทศและระหว่างประเทศที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ส่วนใหญ่เพื่อ

รับมือแรงกดดันเงินฝืดผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ดิ่งลง โดยธนาคารกลางอูซเบกิสถานเป็นชาติแรกที่เคลื่อนไหวตั้งแต่ 1 ม.ค. ด้วยการลดดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เหลือ 9% จาก 10% จากนั้นธนาคารกลางโรมาเนียก็ลดดอกเบี้ยลง 0.50% เหลือต่ำเป็นประวัติการณ์ 2.25%

ช่วงกลางเดือนม.ค. ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ช็อคตลาดเงินด้วยการยกเลิกการผูกติดเงินฟรังก์กับยูโรที่ระดับ 1.2 ฟรังก์ต่อยูโรซึ่งใช้มา 3 ปีตั้งแต่เกิดวิกฤติหนี้ยุโรป ด้วยเหตุผลว่าไม่จำเป็นต้องใช้ระบบดังกล่าวอีกต่อไป อีกทั้งระบบดังกล่าวยังไม่สามารถดำเนินไปได้ในระยะยาว โดยนอกจากยกเลิกการผูกติดแล้ว ธนาคารกลางยังพยายามสกัดกระแสการเข้าถือครองเงินฟรังก์สวิสด้วยการลดดอกเบี้ยเงินที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่น ฝากไว้กับธนาคารกลางลงอีก 0.5% เป็นติดลบ 0.75% หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วได้กำหนดดอกเบี้ยติดลบเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทศวรรษ 70

มาถึงในฟากของเอเชียคืออินเดีย ธนาคารกลางได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดด้วยการลดดอกเบี้ยที่ปล่อยกู้แก่ธนาคารพาณิชย์ลง 0.25% เหลือ 7.75% ถือเป็นการปรับลดครั้งแรกตั้งแต่เดือนมี.ค. 2556 นายรากูราม ราจัน ผู้ว่าการธนาคาร กล่าวว่าธนาคารกลางมั่นใจในการลดดอกเบี้ย เพราะราคาอาหารในประเทศและราคาน้ำมันในตลาดโลก ทำให้เงินเฟ้อลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

"พัฒนาการเหล่านี้ทำให้มีช่องว่างในการปรับทิศทางนโยบายการเงิน" นายราจันแถลง พร้อมเสริมว่าการลดดอกเบี้ยในอนาคตจะมีขึ้นได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลดำเนินมาตรการระมัดระวังแค่ไหน รวมถึงดำเนินการรัดเข็มขัดทางการคลังอย่างต่อเนื่องหรือไม่ และราคาสินค้าลดลงหรือไม่

ที่ผ่านมา ธนาคารกลางถูกกดดันจากรัฐบาลและผู้นำภาคธุรกิจให้ลดดอกเบี้ยเพื่อเพิ่มการปล่อยกู้และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่นายราจันยืนยันว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกคือการควบคุมเงินเฟ้อ โดยเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปีที่แล้วขยายตัว 5.3% ซึ่งต่ำเกินสร้างงานสำหรับหนุ่มสาวหลายสิบล้านคน

จากนั้นธนาคารกลางอียิปต์ก็เคลื่อนไหวด้วยลดดอกเบี้ย 0.50% พร้อมปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ลงสู่ 8.75% และ 9.75% ตามลำดับ

สำหรับตุรกีก็ปรับลดลงเช่นกัน 0.50% ตามด้วยแคนาดาที่ลดเหลือ 0.75% จาก 1% จากนั้นในการประชุมนโยบายนอกวาระ ธนาคารกลางสิงคโปร์ก็ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างเหนือความคาดหมาย โดยจะชะลอการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สิงคโปร์ด้วยการปรับลดช่วงซื้อขายเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ด้วยเหตุผลว่าแนวโน้มเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่การประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากสินค้านำเข้าลดน้อยลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มจะซบเซาต่อเนื่องปีนี้

ธนาคารกลางกล่าวว่าจะยึดมั่นกับนโยบายปล่อยให้เงินดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้นในระดับพอประมาณและค่อยเป็นค่อยไปเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นในตะกร้าเงิน ทั้งนี้ ธนาคารกลางบริหารนโยบายการเงินด้วยการปล่อยให้เงินดอลลาร์สิงคโปร์ขึ้นหรือลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นของประเทศคู่ค้าหลัก ภายในกรอบที่ไม่เปิดเผย

นักวิเคราะห์แห่งซิตีประเมินว่าก่อนหน้านี้ช่วงซื้อขายเปิดโอกาสให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นได้ปีละ 2% แต่การปรับลดช่วงน่าจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นได้เพียงปีละ 1% หรือ 0.5%

รัสเซียปิดท้ายเดือนม.ค.ด้วยการลดดอกเบี้ยลง 2% เหลือ 15% หลังจากปรับขึ้นไป 6.5% เป็น 17% ไม่ถึงเดือน จากนั้นออสเตรเลียก็ลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ 2.25% ขณะที่ธนาคารกลางเดนมาร์กลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ เหลือ 0.75% เท่ากับสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งต่ำที่สุดในโลก

'ธนาคารกลาง 17 ประเทศรับมือสภาพในประเทศและระหว่างประเทศที่เปลี่ยนไป'

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

Pst Nong ผ่าน PostToday



ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เตรียมเปิดการหารือการร่างสันติภาพวิกฤตยูเครนกับผู้นำฝรั่งเศส เยอรมนี และยูเครน ที่กรุงมินส์ก เมืองหลวงของเบลาลุสในวันพุธที่จะถึงนี้
นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เกิล แห่งเยอรมนี และประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ตกลงที่จะผลักดันแผนสันติภาพนี้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยุติการสู้รบที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครน อันเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ฉุดความเชื่อมั่นในภูมิภาคยุโรปในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้นำเมืองเบียร์และฝรั่งเศสได้พบกับผู้นำรัสเซียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และทั้งสามฝ่ายตกลงเมื่อวันอาทิตย์ที่จะร่วมการเจรจากับประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน ซึ่งในขณะนี้นับตั้งแต่การสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครนปะทุขึ้นมาตั้งแต่เดือน เม.ย.ปีที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,000 คน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการริเริ่มการเจรจาแผนสันติภาพดังกล่าวขึ้น แต่กระนั้นก็มีรายงานว่าฝ่ายกองทัพของยูเครนได้เปิดฉากระดมยิงอย่างหนักเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และกล่าวหาว่าฝ่ายกบฏนั้นกำลังเตรียมการที่จะเปิดแนวรุกครั้งใหม่ ขณะที่ฝ่ายกบฏก็โต้กลับว่าฝ่ายรัฐบาลนั้นเปิดฉากโจมตีข้ามเส้นเข้ามาในดินแดนก่อน
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โปโรเชนโก แห่งยูเครน ได้เรียกร้องในที่ประชุมด้านความมั่นคงที่มิวนิกของเยอรมนี ขอให้พันธมิตรตะวันตกส่งการสนับสนุนให้กับยุูเครนอย่างเร่งด่วน รวมไปถึงการส่งอาวุธด้วย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเยอรมนีจะไม่เห็นด้วยกับการส่งอาวุธสนับสนุนดังกล่าว

4ชาติถกแผนสันติภาพยุติศึกยูเครน - โพสต์ทูเดย์ ข่าวรอบโลก

 

Pst Nong

ภูเขาไฟในกัวเตมาลาปะทุ ปิดสนามบินอพยพคน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2558



เกิดเหตุภูเขาไฟปะทุในกัวเตมาลา ต้องปิดสนามบิน อพยพประชาชน
หน่วยงานภัยพิบัติแห่งชาติของกัวเตมาลาระบุว่า เกิดเหตุภูเขาไฟปะทุ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดสนามบินและอพยพประชาชนอย่างน้อย 100 ราย ภูเขาไฟดังกล่าวที่มีชื่อท้องถิ่นว่า ฟูเอโก โวลคัน ปะทุขึ้นเมื่อวานนี้ และเถ้าจากภูเขาไฟลอยขึ้นไปจนถึงระดับความสูง 5,500 เมตร (18,000 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล
สนามบินนานาชาติลา ออโรร่าจึงระงับการจราจรทางอากาศทั้งหมดในบริเวณโดยรอบ เนื่องจากควันและเถ้าภูเขาไฟดังกล่าว

ภูเขาไฟในกัวเตมาลาปะทุ ปิดสนามบินอพยพคน

 

Pst Nong ผ่าน ASTV Around the World



((( พัฒนาความรู้ แล้ว..อย่าลืมถีบหัวส่ง )))
เอเจนซีส์ – หลังจากข่าวไทยหันไปจับมือกับจีนในการร่วมมือทางทหารมากขึ้น ล่าสุดวอชิงตันโพสต์ สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(7) แหล่งข่าวสหรัฐฯยืนยันว่า จะจัดส่งทหารอเมริกันจำนวน 3,600 นายเดินทางมาในสัปดาห์นี้เพื่อร่วมฝึกกับคอบบร้าโกลด์กองทัพไทยอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าประเทศยังอยู่ภายใต้การบริหารโดยพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ที่ขึ้นสู่อำนาจจากการทำรัฐประหารในปีที่ผ่านมา
วอชิงตันโพสต์ รายงานเมื่อวานนี้(7) ว่า หลังจากเกิดการทำรัฐประหารในไทยในปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้หยุดให้ความช่วยเหลือทางทหารจำนวน 4.7 ล้านดอลลาร์ และโครงการแลกเปลี่ยนต่างๆกับไทย ซึ่งแม้จะย่างเข้าสู่ปี 2015 แต่ไทยยังอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมความมั่นคงทางทหาร และตัวรัฐบาลรักษาการที่อยู่ภายใต้การนำของบิ๊กตู่ดูเหมือนจะไม่ยอมให้ไทยกลับเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่กระนั้นทำเนียบขาวตัดสินใจให้สหรัฐฯยังคงส่งทหารร่วมฝึกคอบบร้าโกลดด์ประจำปีกับกองทัพไทยต่อไปในปีนี้
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า โครงการฝึกคอบบร้าโกลด์ถือเป็นการฝึกผสมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งไทยและสหรัฐฯได้ฝึกร่วมกันในโครงการนี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งการฝึกในปีนี้จะมีทหารจำนวน 13,000 คนจากประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกร่วม 12 ชาติ รวมไปถึง ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เข้าร่วม โดยวอชิงตันลังเลที่จะถอนไทยออกจากการฝึกด้วยเกรงจะกระทบความสำพันธ์อันยาวนานทางทหารระหว่างทั้งสองชาติ โดยไทยเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ของสหรัฐฯเกือบ 2 ศตวรรษ และนอกจากนี้วอชิงตันเกรงว่า ผู้กุมบังเหียนของไทยในขณะนี้จะหันไปจับมือกับจีนมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่ออิทธิพลของสหรัฐฯในย่านเอเชียแปซิฟิก และในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวสหรัฐฯเผยว่า วอชิงตันเกรงว่า อาจจะเป็นการส่งสัญญาณผิดให้เห็นว่า สหรัฐฯนั้นสนับสนุนการทำรัฐประหาร และหนุนหลังพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งต่างจากในปีที่ผ่านมา เพนตากอนให้ความสำคัญน้อยมากกับการฝึกผสมคอบบร้าโกลด์ ที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 – 20 กุมภาพันธ์
ด้านเจฟรี พูล โฆษกเพนตากอนปฎิเสธที่จะตอบข้อสงสัยในเรื่องนี้ แต่ให้วอชิงตันโพสต์สอบถามสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยแทน
และในแถลงการณ์ของสถานทูตสหรัฐฯประจำไทย เมลิสซา สวีนีย์ (Melissa Sweeney) โฆษกสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่สหรัฐฯตัดสินใจที่จะยังคงดำเนินการฝึกผสมคอบบร้าโกลด์ต่อไป แต่ได้ปรับเปลี่ยนและจำกัดการฝึกในปี 2015 ลงอย่างมาก เนื่องจากเหตุการณ์ทำรัฐประหารในไทย” สวีนีย์ชี้ว่า ในปีนี้การฝึกจะเน้นหนักในการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมมากขึ้น แต่การฝึกจู่โจมสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก หรือ amphibious landing exercise ได้ถูกยกเลิกไป แต่กระนั้นโฆษกสถานทูตสหรัฐฯประจำไทยยอมรับว่า มีการนำการฝึกยิงภาคสนามในสถานการณ์จริงมาแทน และนอกจากนี้ตัวเลขของทหารสหรัฐฯที่จะมาเข้าร่วมลดลงจาก 4,300 นายในปีที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ 3,600 นายที่จะเข้าร่วมในปีนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ เพนตากอนได้ป่าวประกาศการฝึกผสมคอบร้าโกลด์ ว่า เป็นความร่วมมือใกล้ชิดทางการทหารระหว่างสหรัฐฯและไทย มีการนำนักข่าวเข้าร่วมชมการฝึกในป่าลึก เพื่อฝึกให้เอาตัวรอดโดยมีครูจากกองทัพไทยนำชมสาทิตการดื่มเลือดจากงู และกินแมลงเพื่อประทังชีวิต
และสวีนีย์ยังเผยว่า ในเดือนหน้า จะมีการฝึกผสมร่วมระหว่างสหรัฐฯและไทยภายใต้ชื่อ “Cope Tiger” ที่เป็นการฝึกผสมที่มีทหารป้องกันทางอากาศยานและบินรบหลายสิบหน่วยเข้าร่วม ซึ่งในเดือนมีนาคม ปี 2014 มีทหารสหรัฐฯจำนวน 160 คนเข้าร่วมฝึกที่กองบิน 1 นครราชสีมา ของกองทัพอากาศไทย และทหารอากาศสิงคโปร์เข้าร่วมฝึกด้วยเช่นกัน
วอชิงตันโพสต์รายงานต่อว่า หลังการทำรัฐประหารในไทย เพนตากอนพยายามที่จะรักษาระยะห่าง แต่จะไม่ด่วนตัดสัมพันธ์กับไทย ซึ่งพบว่าในเดือนที่ผ่านมา แดเนียล อาร์ รัสเซล (Daniel R. Russel) นักการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดจากรัฐบาลโอบามาเดินทางมายังไทยนับตั้งแต่เกิดการทำรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2014 และในสุนทรพจน์ของรัสเซลเมื่อวันที่ 26 มกราคม ล่าสุด ตัวแทนสหรัฐฯได้กล่าวชื่นชมถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานของสองชาติ แต่กระนั้นรัสเซลได้กล่าวตำหนิถึงความไม่เป็นประชาธิปไตยหลายอย่างของไทย “ผมจะขอพูดตรงไปตรงมาว่า ในการที่ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งถูกทำให้หลุดจากอำนาจจากการทำรัฐประหาร และยังถูกยัดด้วยข้อกล่าวหาทางอาญา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้สังคมนานาชาติเข้าใจได้ว่า เกิดมาจากแรงจูงใจทางการเมือง”
และการวิจารณ์ของรัสเซลนี้ส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องขอคำอธิบายอย่างเป็นทางการจากสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงเทพฯ และไม่กี่วันต่อจากนั้นพลเอกประยุทธได้ตอบโต้สหรัฐฯอย่างเผ็ดร้อน ด้วยการพบกับรัฐมนตรีกลาโหมของจีนที่กรุงเทพฯ พร้อมปรึกษาหารือความร่วมมือที่มากขึ้นทางทหารระหว่างสองชาติ พร้อมทั้งขอบคุณจีนที่เข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองในไทย

 

ข้อมูลชี้ เงินบริจาคนานาชาติเพื่อต่อสู้เชื้อ “อีโบลา” ในแอฟริกาตะวันตกเกินครึ่ง “ไปไม่ถึงมือผู้รับ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2558 03:50 น.



เอเจนซี-ข้อมูลจากรายงานล่าสุดของสำนักงานสหประชาชาติเพื่อการประสานงานกิจการมนุษยธรรมชี้กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของเงินช่วยเหลือที่ทั่วโลกประกาศทุ่มเทให้กับชาติในแอฟริกาตะวันตก เพื่อต่อกรกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะ “อีโบลา” ในช่วงที่ผ่านมานั้น “ไปไม่ถึงมือผู้รับ”

รายงานล่าสุดซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสหประชาชาติเพื่อการประสานงานกิจการมนุษยธรรมและมีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (8 ก.พ.) ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาประเทศต่างๆทั่วโลกมีการประกาศให้คำมั่นว่าจะมอบเงินช่วยเหลือแก่ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกเป็นวงเงินสูงถึงเกือบ 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 94,670 ล้านบาท) เพื่อรับมือกับการระบาดของเชื้ออีโบลา

อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงแล้วกลับพบว่า มียอดเงินเพียงแค่ราว 40 เปอร์เซ็นต์หรือราว 1,090 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35,580 ล้านบาท) เท่านั้น ที่ไปถึงมือของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแอฟริกาตะวันตก ขณะที่อีก 60 เปอร์เซ็นต์“ไปไม่ถึงมือผู้รับ” ในปี 2014 ที่ผ่านมา

แคเรน เกรพิน หนึ่งในทีมงานนักวิจัยที่จัดทำรายงานชุดนี้ระบุว่า ความล่าช้าของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแอฟริกาตะวันตก รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศอย่างองค์การอนามัยโลก(WHO) ในการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะอีโบลา กลายเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้บรรดาประเทศผู้บริจาคไม่ยอมบริจาคเงินตามที่เคยประกาศเอาไว้

นอกจากนั้น ปัญหาการทุจริตโกงกินของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในแอฟริกาตะวันตก ยังถือเป็นอีกมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เงินบริจาคจากนานาชาติไปไม่ถึงมือผู้รับที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลกนับถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้วส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 9,019 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 22,560 ราย

 

Hot Issue:ขุนคลังกรีซขู่ฟ่อ ยูโรโซน-เงินยูโร “ล่มสลายแน่” ถ้ากรีซถูกบีบออก ยัน “ไม่ใช้หนี้” ถ้าไม่เลิกรัดเข็มขัด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2558 05:13 น.



เอเจนซีส์-ยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีคลังกรีซออกโรงเตือนในวันอาทิตย์ (8 ก.พ.) ระบุ ถ้ากรีซถูกบีบให้ออกจาก “ยูโรโซน” จะมีอีกหลายประเทศตบเท้าเดินตามรอยกรีซออกมา และเงินยูโรจะถึงคราวต้อง “ล่มสลาย”

ท่าทีล่าสุดของขุนคลังในรัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซ มีขึ้นระหว่างการให้สัมภาษณ์ผ่านเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ “RAI” ของรัฐบาลอิตาลี โดยวารูฟากิสย้ำ ปัญหาหนี้สินของกรีซจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่าน “กระบวนการเจรจาใหม่” ที่ไม่อิงกับมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจและเงื่อนไขทางเศรษฐกิจแบบเดิมที่ผูกติดไว้กับแพ็คเกจความช่วยเหลือของสหภาพยุโรป กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารกลางยุโรป

“เงินยูโรและอนาคตของกลุ่มยูโรโซนยังคงเปราะบางไม่ต่างจากการสร้างปราสาทโดยใช้ไพ่เรียงต่อๆกัน ถ้าคุณดึงเอาไพ่ที่ชื่อกรีซออก ปราสาททั้งหมดก็จะพังครืนลงมาในทันที ถึงเวลาแล้วที่ยุโรปจะต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า กรีซและอีกหลายประเทศจะไม่มีปัญญาใช้หนี้คืนได้สำเร็จ หากเรายังคงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่มีอยู่ในปัจจุบัน” รัฐมนตรีคลังกรีซกล่าว

ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นหลังผู้ชุมนุมหลายพันคนรวมตัวกันบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภากรีซในกรุงเอเธนส์ ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (5 ก.พ.) ที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลใหม่ของกรีซที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ให้เจรจาหนี้ใหม่กับเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติและยุติมาตรการรัดเข็มขัดอันเข้มงวด

โดยการประท้วงครั้งนี้มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศยกเลิกไม่ยอมรับพันธบัตรคลังกรีซเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ส่งผลให้แบงก์ชาติกรีซต้องแบกรับภาระหนักในการอัดฉีดสภาพคล่องแก่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ

Hot Issue:

 

ยุโรปดันแผนสันติภาพยูเครนสุดลิ่ม เตือนโอกาสสุดท้ายยับยั้ง “สงคราม”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กุมภาพันธ์ 2558 21:52 น. (แก้ไขล่าสุด 9 กุมภาพันธ์ 2558 10:16 น.)


---
@(จากซ้าย) นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน และประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส จับมือกันในการประชุม ณ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ก.พ.)
---

เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย พูดคุยหารือทางโทรศัพท์ในวันอาทิตย์ (8 ก.พ.) กับผู้นำของเยอรมนี, ฝรั่งเศส และยูเครน หลังจากนั้นเขาแถลงว่ากำลังดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดการเจรจาสันติภาพระหว่าง 4 ชาตินี้ที่กรุงมินสก์ในวันพุธ (11) แต่บอกด้วยว่าในระหว่างพวกเขายังจำเป็นที่จะต้องตกลง “ประเด็นจำนวนหนึ่ง” ให้ได้ก่อน ทั้งนี้ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของแดนน้ำหอมก็เตือนว่า นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายในการป้องกัน “สงครามเต็มรูปแบบ” ขณะที่อเมริกาดักคอประมุขหมีขาวให้ “ทำดีกว่าพูด” พร้อมกันนี้วอชิงตันยังพยายามแก้ข่าวที่ระบุว่า สหรัฐฯ กับชาติพี่เบิ้มในยุโรปอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศส มีความเห็นแตกต่างในเรื่องหนทางแก้ไขวิกฤตยูเครน

“พวกเราตกลงกันว่าจะพยายามจัดการประชุมในรูปแบบอย่างเดียวกันนี้ ในระหว่างประมุขของรัฐและของรัฐบาลเหล่านี้ในกรุงมินสก์” ปูตินบอกกับ อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีของเบลารุส ในการสนทนาที่มีการถ่ายทอดทางทีวี ทั้งนี้ มินสก์ เป็นเมืองหลวงของเบลารุส

“พวกเราตั้งจุดมุ่งหมายที่จะประชุมกันในวันพุธ ถ้าหากว่าเมื่อถึงเวลานั้นพวกเราสามารถที่จะใช้ความพยายามจนตกลงกันได้เกี่ยวกับประเด็นต่างๆ จำนวนหนึ่ง ซึ่งเราได้พยายามหารือกันอย่างเข้มข้นในช่วงหลังๆ นี้” ปูตินกล่าวที่เมืองโชชิ เมืองตากอากาศริมทะเลดำของรัสเซีย ภายหลังหารือทางโทรศัพท์ กับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี, ประธานาธิบดีออลลองด์ของฝรั่งเศส และประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน

แมร์เคิล กับ ออลลองด์ กำลังเป็นตัวตั้งตัวตีผลักดันให้เกิดการเจรจาสันติภาพ 4 ฝ่ายที่มินสก์คราวนี้ โดยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ผู้นำทั้งสองได้รีบเร่งเดินทางไปกรุงเคียฟในวันพฤหัสบดี (5) เพื่อหารือกับโปโรเชนโก จากนั้นก็ไปมอสโกในวันศุกร์ (6) เพื่อพูดคุยกับปูติน

ผู้นำเมืองเบียร์ออกตัวว่า ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่ตนและออลลองด์เห็นว่า คุ้มค่าที่จะผลักดัน


---
@ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย (ขวา) ต้อนรับอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีของเบลารุส (ซ้าย) ณ ที่พำนักประธานาธิบดี ในสกีรีสอร์ตเมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย ในวันอาทิตย์ (8 ก.พ.)
---
ขณะที่แฟรงก์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีให้สัมภาษณ์สถานีทีวีท้องถิ่นว่า ความพยายามดังกล่าวจะรู้ผลภายใน 2-3 วัน

สไตน์ไมเออร์ยังวิจารณ์เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียว่า แทนที่จะช่วยผลักดันการแก้วิกฤตยูเครน กลับกล่าวหายุโรปและอเมริกาเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ปล่อยให้ยูเครนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยซึ่งหมายถึงประชาชนในยูเครนที่ฝักใฝ่ในรัสเซีย แถมพยายามส่งอาวุธสังหารให้เคียฟ

ทางด้านรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า หากดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมา ควรพิจารณาจากการกระทำของรัสเซีย ไม่ใช่คำพูด

เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้หนึ่งเผยว่า แผนการสันติภาพที่แมร์เคิลกับออลลองด์พยายามผลักดันในคราวนี้ ส่วนใหญ่ยังคงอิงกับข้อตกลงหยุดยิงฉบับที่ตกลงกันไว้ที่มินสก์ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เพียงแต่มีรายละเอียดมากขึ้น แต่ตั้งข้อสังเกตว่า แผนการดังกล่าวยังไม่แน่นอนและอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน ออลลองด์กล่าวกับสถานีทีวีฟรานซ์ 2 ว่า ข้อเสนอของเขากับแมร์เคิล มีเรื่องการตั้งเขตปลอดทหารเป็นระยะทาง 50-70 เมตรโดยอิงกับแนวรบปัจจุบัน พร้อมเตือนว่า แผนการสันติภาพฉบับใหม่นี้เป็นหนึ่งในโอกาสสุดท้ายเพื่อยับยั้งวิกฤตที่ยืดเยื้อมาถึง 10 เดือน และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 5,400 คน

ทว่า แนวคิดดังกล่าวได้รับการคัดค้านจากประธานาธิบดียูเครนที่สูญเสียพื้นที่ให้กบฏโปรรัสเซียนับจากข้อตกลงหยุดยิงฉบับก่อนมีผล โดยยืนกรานว่า เขตปลอดทหารต้องอิงกับบริเวณเดียวกับที่กำหนดในข้อตกลงมินสก์ฉบับก่อน


----
@สมาชิกกลุ่มติดอาวุธใฝ่รัสเซียขับรถถังลาดตระเวนไปตามท้องถนนในจังหวัดโดเนตสค์ ทางภาคตะวันของของยูเครน
----
เวลานี้สหรัฐฯ เริ่มมีความโน้มเอียงมากขึ้นที่จะติดอาวุธไฮเทคให้กองทัพยูเครน แต่แมร์เคิลโต้แย้งว่า การกระทำดังกล่าวรังแต่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เนื่องจากจะทำให้ปูตินเชื่อว่า รัสเซียกำลังจะพ่ายแพ้ทางการทหารและตัดสินใจเพิ่มเดิมพันหนักขึ้น

ความคิดเห็นดังกล่าวเรียกเสียงวิจารณ์จาก ลินด์ซีย์ เกรแฮม และจอห์น แมคเคน 2วุฒิสมาชิกอเมริกันสายเหยี่ยวของพรรครีพับลิกัน ซึ่งกล่าวหาว่าเบอร์ลินกำลังทอดทิ้งพันธมิตรที่มีปัญหา

เหตุการณ์เช่นนี้ฟ้องว่า ยุโรปกับสหรัฐฯ ซึ่งต่างเป็นสมาชิกขององค์กานาโต เกิดขัดแย้งกันในการหาทางรับมือปูติน

ไบเดนพยายามปิดบังรอยร้าวโดยกล่าวว่า ตนและประธานาธิบดีบารัค โอบามา เห็นด้วยว่า ไม่ควรพยายามบ่อนทำลายการแก้ไขวิกฤตด้วยสันติวิธี แต่ขณะเดียวกัน ก็ประกาศชัดเจนว่าวอชิงตันพร้อมให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ยูเครนสามารถป้องกันตัวเองได้

ทั้งนี้ แมร์เคิลมีกำหนดเดินทางไปวอชิงตันเพื่อหารือกับโอบามาในวันอาทิตย์

ระหว่างที่เหล่าผู้นำพยายามผลักดันมาตรการทางการทูต การต่อสู้ในยูเครนตะวันออกก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยกลุ่มกบฏเผยว่า มีพลเรือนเสียชีวิต 8 รายเมื่อวันเสาร์ และเคียฟกล่าวหากลุ่มกบฏว่า ใช้อาวุธหนัก อาทิ รถถัง ยานยนต์หุ้มเกราะ และระบบยิงจรวด รวมทั้งระดมกำลังเพิ่มเพื่อรุกคืบยึดพื้นที่ในเมืองเดบัลต์เซเบ และเมืองมาริวโพล