ติดตามสถานะการณ์

Jeerachart Jongsomchai
... "สวิส หย่าร้างเงินยูโร ไปซบอกอุ่นเงินหยวนของ จีน"



... ย้อนเข็มนาฬิกาไปเมื่อปี 2008 ที่เศรษฐกิจยุโรปติดเชื้อวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์จากอเมริกาทำให้ตลาดปั่นป่วนพันธบัตรอเมริกาตกต่ำดิ่งเหว เงินดอลล่าร์อเมริกาและยูโรไม่เป็นที่ต้องการ "เงินฟรังค์สวิส" จึงกลายเป็นดั่ง "หลุมหลบภัยที่ปลอดภัย" ของนักลงทุนทั่วยุโรปและอเมริกา คนต่างระดมมาซื้อเงินฟรังค์เก็บไว้ จนค่าเงินฟรังค์สวิสแข็งขึ้นเรื่อยๆ

... แต่การที่เงินฟรังค์สวิสแข็งเกินไปก็สร้างความเจ็บปวดให้กับประเทศสวิสที่ต้องส่งออกสินค้าไปทั่วโลก ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น เพราะว่า GDP ของสวิสนั้นเกินกว่า 70% มาจากการส่งออกสินค้าและบริการ ( เช่น นาฬิกาที่เป็นสินค้าราคาแพงก็ยิ่งแพงมากขึ้น ลูกค้าอาจจะไปซื้อยี่ห้ออื่นแทน )

... รัฐบาลสวิสจึงหาทางที่จะเยียวยาปัญหา จึงมีความคิดที่จะทำให้เงินอ่อนค่าลง โดยเอาเงินไปซื้อเงินยูโรให้เงินยูโรแข็งขึ้นบ้างและทำให้เงินฟรังค์อ่อนค่าลงบ้าง ทำให้เกิดกระแสการเทขายเงินฟรังค์มากขึ้น และสุดท้ายจบลงด้วยการผูกค่าเงินฟรังค์กับยูโรที่อัตรา 1 ยูโร = 1.2 ฟรังค์สวิส
ในปี 2011 เรื่อยมา

... จนถึงปี 2015 เดือน มกราคม วันที่ 15 สวิสก็ทำให้โลกการเงินช๊อคไปทั่วโลกประหนึ่งสึนามิทางการเงินหรือระเบิดการเงินหลังจากที่สวิสได้ข่าวว่าอียู กำลังจะออกนโนบาย QE ในสัปดาห์หน้า ที่จะพิมพ์เงินออกซื้อพันธบัตรเน่า อัดเงินเข้าระบบมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ "เงินฟรังค์สวิส" จะตกต่ำลงตามเงินยูโรค่อนข้างแน่นอน ซึ่งสวิสไม่ต้องการให้ตกจึงประกาศหยุดการผูกกับยูโรดังกล่าว ( เพราะสวิสต้องพิมพ์เงินออกมาเยอะเพื่อช้อนซื้อยูโรไว้ไม่ให้ตกอย่างมากตามสัดส่วนของ QE ซึ่งคาดว่าน่าจะมหาศาล )

... ถ้าดูผิวเผินอาจจะเป็นเรื่อง QE อย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วปัจจัยอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญมากไม่แพ้กันคือ "ประเทศจีน"

... เพราะเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2013 รัฐบาล "สวิสเซอร์แลนด์กับจีน" ได้ลงนามตกลงเปิดการค้าเสรีร่วมกันและเป็นประเทศแรกในดินแดนยุโรปที่มีเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่มาก ที่ลงนามการค้าเสรีกับจีนที่แน่นอนว่าจะใช้เงิน "หยวนและฟรังค์" ไม่มียูโรและดอลล่าร์มาเกี่ยวข้อง

... โดย "สวิส" มองว่า "จีน" เป็นประเทศทำเงินเพราะการที่ไม่มีกำแพงภาษียิ่งจะทำให้สินค้าของสวิสที่ส่วนมากจะราคาแพงขายได้ง่ายขึ้น ( ยกตัวอย่างนาฬิกาอีกก็ได้ ถ้าไม่มีภาษีนาฬิกาสวิสที่นำเข้ามาขายจีน จะถูกลงมากกว่าเดิมเยอะ ) และยิ่งกว่านั้นถ้า "เงินฟรังค์สวิส" ไม่อ่อนตามเงินยูโร ค่าเงินที่แข็งก็ยิ่งจะทำกำไรในการขายของได้มากขึ้นอีก

... เพราะว่าปี 2013 นั้น การค้าระหว่างสองประเทศนั้นมีมากถึง 26,000 ล้านฟรังค์สวิส และ 22,800 ล้าน นั้นเป็นสวิสส่งออกไปขายในจีน คือสวิสได้กำไรดุลการค้าจากจีนมหาศาลบานเบอะ และยิ่งเปิดเขตการค้าเสรีไร้ภาษีมากั้นขวางด้วย โอกาศการขายของก็ยิ่งง่ายขึ้นมากมาย และอัตราการเติบโตของการค้าของทั้งสองประเทศยิ่งโตวันโตคืน

... นี้คืออีกปัจจัยที่สวิสมองว่าสำคัญมาก จึงได้ผละตัวเองออกจากอ้อมกอดที่ไม่อุ่นเหมือนเดิมของยูโรไปหา "หยวน" และจีนดีกว่า

... เพราะ "สวิสกับจีน" นั้นมีสัมพันธ์กันมาตั้งแต่หลังจีนเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 1949 แค่ปีเดียวคือในปี 1950 ก็สถาปนาความสัมพันธ์ทันที ไม่ได้เดินตามก้นสากๆอเมริกาที่ต่อต้านจีน ( อเมริกาอิงไต้หวัน ลูกน้อง เลยไม่ได้ค้าขายกับจีนมากนัก ) แต่สวิสไม่สนใจค้าขายกับคอมมิวนิสต์จีนเรื่อยมาและมาบูมเอาตอนสมัยของ "เติ้งเสี่ยวผิง" ช่วงทศวรรษ1980s ที่จีนมีการ "ปฎิรูปวัฒนธรรม" เปิดกึ่งทุนนิยมมากขึ้น "แมวสีทุนนิยมก็ดีถ้าจับหนูได้" ( เพราะเหมาเจอตุงนั้นปิดประเทศ ตึงกับคอมมิวนิสต์เกินไป จนประเทศไม่ไปไหน )

... และในเอเชียแล้ว "จีน" คือคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของสวิส มากกว่าญี่ปุ่นเสียอีก และอัตราการเติบโตก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ประมาณว่ามีบริษัทสวิสไปลงทุนในจีนประมาณ 300 บริษัท กว่า 700 สาขาและมีพนักงานกว่า 55,000 คน ขณะที่จีนเองก็ต้องการให้สวิสเป็น "ฐาน" ในการกระจายสินค้าของตนไปในยุโรปด้วยแม้ว่ายังน้อยกว่าสวิสมากโข เช่นเรื่องการทอผ้า รองเท้า เคมีภัณท์ ยา ชิ้นส่วนไฮเทคและการสื่อสารโทรคมนาคม

... และก่อนหน้านี้ ปลายเดือนพฤศจิกายน 2014 สวิสก็มีความพยายามประชาพิจารณ์ที่จะทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นทอง 20% รวมถึงการเรียกเอาทองจาก FED ของอเมริกาคืนมาด้วย ซึ่งก็ตรงกับแนวคิดของจีนที่จะเอาทองเป็นตัวค้ำการพิมพ์เงิน จนหลายคนสงสัยว่าเป็นการเอาใจจีนหรือเปล่า แม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม

... ล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ 2015 ระหว่าง World Economic Forum ธนาคาร Swiss National Bank และ People's Bank of China ได้ทำ MOU เกี่ยวกับข้อตกลงในการก่อตั้งการ Clearing เงินหยวนในสวิสเซอร์แลนด์เรียบร้อยแล้ว

... ดังนั้นจึงไม่เกินเลยไปถ้าจะบอกว่า การหย่าร้างจาก "เงินยูโร" ของฟรังค์สวิสในครั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนผลักดันอย่างลับๆอย่างมากก็คือ "เงินหยวนของจีน" นั่นเอง ซึ่งจะเป็นคลื่นสึนามิที่สะเทือนเลื่อนลั่นแผ่นดินยุโรป โดยเฉพาะกระทบกับเศรษฐกิจของอียูอย่างมากในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

.
http://en.wikipedia.org/…/China–Switzerland_relatio…
http://www.economist.com/…/ec…/2015/01/economist-explains-13
http://www.wsj.com/…/swiss-national-bank-china-agree-curren…

I

 

เตือนภัย พิบัติโลก



1/2/2015 จีนโผทำเหมืองบนดวงจันทร์
สุดขอบโลกใช่จะหยุดยั้งความใฝ่ฝันของมนุษยชาติได้ และในยุคที่โลกมีทรัพยากรร่อยหรอลงไปจากการบริโภคอย่างตะกละตะกลามของมนุษย์ ทำให้ห้วงอวกาศและดวงดาวต่างๆ กลายเป็นจุดหมายใหม่ในการขุดค้นหาทรัพยากรมาป้อนอุตสาหกรรมต่างๆ บนโลกใบนี้

ไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ก็มีดวงจันทร์ ดาวบริวารของโลกที่อยู่ใกล้ที่สุด จึงกลายเป็นฐานการศึกษาและอาจจะเป็นแหล่งทรัพยากรที่ใกล้โลกที่สุดก็เป็นได้ ดังนั้น รัฐบาลของประเทศมหาอำนาจทางอวกาศของโลกจึงส่งยานสำรวจไปสำรวจดวงจันทร์กันหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่โครงการอะพอลโล ขององค์การนาซา สหรัฐอเมริกา จนถึงยานเฉิงเอ๋อ ของรัฐบาลจีน ที่ส่งขึ้นไปสำรวจทรัพยากรบนดวงจันทร์และจะนำตัวอย่างกลับมายังโลกเพื่อทดสอบความเป็นไปได้ ความคุ้มค่า และปัจจัยอื่นๆ เพื่อการทำเหมืองบนดวงจันทร์

ในเวลานี้ ยานสำรวจดวงจันทร์ เฉิงเอ๋อ 3 ของจีน กำลังตื่นขึ้นมาจากการหลับ (Hibernation) ที่ทำให้ยานประหยัดพลังงาน เพื่อรอปฏิบัติภารกิจสำรวจดวงจันทร์ด้วยการใช้สเปคโตรกราฟิก หรือการสำรวจพื้นผิวโดยการตรวจวัดคลื่นแสงและการเจาะพื้นผิวด้วยคลื่นเรดาร์เพื่อประเมินสภาพเบื้องล่าง โดยยานลำนี้จะทำงานร่วมกับยานฉางเอ๋อ 5 ที่จะนำตัวอย่างจากดวงจันทร์ที่ยานฉางเอ๋อ 3 เก็บขึ้นมา ส่งกลับมายังโลก เพื่อตรวจหาธาตุฮีเลียม-3

เหตุผลที่จีนต้องการค้นหาฮีเลียม-3 นั่นคือการสร้างความมั่นคงทางพลังงานนั่นเอง เพราะ ฮีเลียม-3 เป็นไอโซโทป (Isotope) ของฮีเลียม (He) แต่มีนิวตรอนมากกว่าฮีเลียม และเป็นธาตุที่มีความเสถียร ทั้งยังนำมาใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใช้ระบบ "ฟิวชั่น" (Fusion) หรือการหลอมรวมของธาตุตั้งต้นเพื่อปลดปล่อยพลังงานที่อยู่ในพันธะเคมี (Chemical Bond) ที่มีอยู่มหาศาลออกมาและนำไปใช้ผลิตไฟฟ้า

ข้อดีของการใช้ฮีเลียม-3 ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าคือ ตัวฮีเลียม-3 ไม่ก่อให้เกิดกัมมันตรังสี ไม่มีอันตรายเช่นเดียวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบฟิชชั่น (Fission) ที่ใช้การยิงอะตอมเพื่อทำลายพันธะเคมีของธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้เป็นธาตุตั้งต้นในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ในยูเครน และโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ-ไดอิจิ ในญี่ปุ่น

นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าฮีเลียม-3 มีการสะสมตัวอยู่บนพื้นผิวดวงจันทร์จำนวนมหาศาล พอเพียงที่จะนำมาใช้ผลิตพลังงานในโลกได้นานกว่า 1 หมื่นปี จากการพัดพาของลมสุริยะ ที่ส่งฮีเลียม-3 มาสะสมตัวอยู่บนดวงจันทร์ ขณะที่โลกนั้น มีสนามแม่เหล็กที่หนาแน่นกว่าทำให้ธาตุสำคัญชนิดนี้เข้ามาถึงพื้นผิวโลกได้ไม่มากนัก

ความเป็นไปได้ในการทำเหมืองฮีเลียม-3 บนดวงจันทร์ขึ้นอยู่กับตัวอย่างที่ยานเฉิงเอ๋อ 5 ของจีนจะนำกลับมายังพื้นโลก และหากมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน เชื่อว่า มหาอำนาจอย่างจีน และนานาประเทศที่มีศักยภาพในด้านกิจการอวกาศคงจะร่วมมือกันนำทรัพยากรจากต่างดาวมาใช้บนโลกใบนี้อย่างแน่นอน

 

Kaokala Fc
29 ม.ค. นักวิจัย เผย ไวรัสอีโบลา กลายพันธุ์แล้ว



นักวิจัย เผย ไวรัสอีโบลา ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบและกลายพันธุ์แล้ว อาจทำให้อันตรายน้อยลง แต่แพร่ระบาดง่ายขึ้น

เมื่อวันที่ (29 มกราคม 2558) สำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า คณะนักวิจัยจากสถาบันปาสเตอร์ ประเทศฝรั่งเศส กำลังทำการตรวจสอบว่า เชื้อไวรัสอีโบลาแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ซึ่งจากการเร่งตรวจสอบตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วยอีโบลาในกินี พบว่าเชื้อได้มีการกลายพันธุ์ไปจากเดิมแล้ว โดยปัจจุบันมีผู้ติดเชื้ออีโบลากว่า 22,000 และกว่า 8,700 คน เสียชีวิตในกินี, เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย

ทั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะอีโบลาเป็นไวรัสที่คล้ายกับเชื้อเอชไอวี และไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มการกลายพันธุ์สูงมาก และเมื่อกลายพันธุ์แล้วจะทำให้เชื้อปรับตัวเพื่อความอยู่รอดได้เก่งขึ้น และแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และยังพบผู้ป่วยหลายรายที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นพาหะแพร่เชื้อได้ง่ายเพราะไม่รู้ว่าตัวเองป่วย แต่การกลายพันธุ์ของเชื้ออาจทำให้เชื้อเป็นอันตรายน้อยลง เพียงแต่แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น

โดยปัจจุบันมีผู้ติดเชื้ออีโบลากว่า 22,000 และกว่า 8,700 คน เสียชีวิตในกินี, เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย ซึ่งเป็นเรื่องที่นักวิจัยกำลังวิตกกังวลอยู่

นักวิจัย เผย ไวรัส อีโบลา กลายพันธุ์แล้ว

 

Kaokala Fc
30 ม.ค. โดนหรือยัง? เมื่อเฟซบุ๊คเอาจริง บังคับให้เปลี่ยนใช้ชื่อ-นามสกุลจริง
(โดยเริ่มมีนโยบายการสุ่มเปลี่ยนแล้วในขณะนี้)



"ชื่อเฟซบุ๊ค" เป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกตัวตน อาจไม่ใช่ชื่อหรือนามสกุลจริง แต่เป็นฉายา นามแฝง คำเรียกแทนที่แต่ละคนชื่นชอบ แต่จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าเฟซบุ๊คบังคับให้เราเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊คสุดภาคภูมิใจ ที่ใช้มาแสนนาน ให้เป็นชื่อ-สนามสกุลจริงแทน เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน ตอบรับมาตรการช่วยรักษาความปลอดภัยของเฟซบุ๊ค ป้องกันการแอบอ้าง หรือนำเฟซบุ๊คไปใช้ในทางผิดกฎหมาย โดยเริ่มมีนโยบายการสุ่มเปลี่ยนแล้วในขณะนี้

สังเกตกันมั้ยว่า ช่วงนี้เพื่อนของเราในเฟซบุ๊คหลายคน ได้เปลี่ยนแอคเคาท์จากชื่อเล่นหรือฉายาเท่ห์ๆ กลายเป็นชื่อ-นามสกุลจริง ที่ทำเอาไม่คุ้นเลยว่า "คนนี้เป็นใครกัน?" "เราไปเป็นเพื่อนกันตอนไหน" ก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อพยายามอ่านชื่อใหม่อีกครั้ง เนื่องจากตอนนี้เฟซบุ๊คได้บังคับให้เราเปลี่ยนใหม่ ไปใช้ชื่อแอคเคาท์ให้เป็นชื่อ-นามสกุลจริงแล้ว ซึ่งหากใครที่หน้าจอขึ้นคำว่า "Session Expired" ให้รู้ตัวว่าคุณเป็นผู้โชคดีของพี่มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เข้าให้แล้ว ส่วนใครที่กำลังจะหาช่องโหว่ หรือทางเลี่ยงไม่อยากเปลี่ยน บอกเลยว่าไม่มีแน่นอน

ซึ่งนโยบายนี้ต้องการให้ผู้ใช้เปลี่ยนเป็นชื่อจริงทั้งหมด เนื่องจากชื่อที่เป็นนามแฝง หรือภาษาแปลกๆ ที่ตั้งกันตามสไตล์แต่ละคน มันไม่สามารถระบุตัวตนที่แท้จริงได้ ซึ่งการเปลี่ยนไปใช้ชื่อจริง จะช่วยให้ป้องกันจากการถูกแอบอ้าง ช่วยรักษาความปลอดภัยจากโลกออนไลน์ หรือการนำเฟซไปใช้ในทางผิดกฎหมาย แต่ใครที่อยากจะมีชื่อเล่นเอาไว้ให้คนจำได้ ประมาณว่าขอนิดนึงก็ยังดี พี่มาร์กเขายังใจดีจัดให้ สามารถใส่เอาไว้ตรงกลางระหว่างชื่อ-นามสกุล

ส่วนกรณีที่วุ่นวายกว่านั้น เมื่อเปลี่ยนชื่อตามนโยบายแล้ว แต่ทางเฟซบุ๊คก็ยังไม่เชื่อว่าชื่อนั้นคือชื่อจริงของเรา วิธีคือต้องส่งจดหมายเพื่อยืนยันตัวตนของเรา เช่นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบขับขี่ จากนั้นรอทางเฟซบุ๊คตรวจสอบประมาณ 1-3 วัน ถ้าสำเร็จ แอคเคาท์เราถึงจะกลับมาเล่นได้ตามปกติ

ทั้งนี้ หลังนโยบายดังกล่าวเอาจริง มีผู้ใช้เฟซบุ๊คในประเทศไทยหลายคนออกอาการบ่นถึงความวุ่นวาย ขณะที่บางรายเจอเคสส่งเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนเข้าไป น่าจะเซ็งไม่น้อยเลยทีเดียว

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…

 

Kaokala Fc
30 ม.ค. 'บิล เกตส์' เตือนหุ่นยนต์เอไออาจย้อนมาทำลายมุนษย์



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่าบิล เกตส์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ ร่วมการสนทนาและตอบคำถามสดทางอินเตอร์เน็ทกับเว็บไซต์ reddit.com ในช่วง "อาสค์ มี เอนีติง" เมื่อวันพฤหัสบดี แสดงความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมด้าน "ปัญญาประดิษฐ์" ( เอไอ ) ว่าแม้ในปัจจุบันหรืออนาคตอันใกล้นี้ เอไอยังอยู่ภายใต้การควบคุมและสั่งการโดยมนุษย์ แต่หลังจากนั้นอีกราว 10-20 ปี พัฒนาการของเอไอในเวลานั้นอาจกลายเป็นปัญหาและสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ที่สร้างมันขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม เกตส์กล่าวด้วยว่า หากไม่มาเริ่มต้นกับไมโครซอฟท์ ตนอาจกลายเป็นนักวิจัยและพัฒนาเอไอไปแล้ว กระนั้นทรรศนะของเกตส์ในเรื่องเอไอถือเป็นการออกมาโต้แย้งคำกล่าวของเอริก ฮอร์วิตซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของไมโครซอฟท์ ซึ่งเชื่อว่า "โดยพื้นฐาน" มนุษย์จะสามารถควบคุมเอไอได้ และยากที่มนุษย์จะตกอยู่ภายใต้การครอบงำของสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเองกับมือ ขณะที่ไมโครซอฟท์เองกำลังพัฒนาโครงการสร้างเอไอด้วย

ทั้งนี้ ความคิดเห็นของเกตส์สอดคล้องกับของอีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัทอวกาศเอกชน "สเปซเอ็กซ์" ของสหรัฐ และศ.ดร.สตีเฟน ฮอว์กิง นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยาชื่อดังชาวอังกฤษ ซึ่งออกมาแสดงความเป็นห่วงเมื่อไม่นานมานี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่เอไอจะพัฒนาระบบภายในของตัวเอง จนถึงจุดที่มนุษย์ไม่สามารถสั่งการได้อีกต่อไป และอาจกลายเป็นการสิ้นสุดสายพันธุ์มนุษย์ก็เป็นได้

http://www.dailynews.co.th/…/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0…

 

ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร



จากวันนั้นย้อนหลังขึ้นไปกว่า ๒๕๐๐ปีมาแล้ว ณ เชิงเขาคิชฌกูฎ กรุงราชคฤห์ครานั้นองค์พระศากยมุนีพุทธเจ้ากำลังทรงเข้าสู่สมาธิที่ชื่อว่า "คัมภีราวสมาธิ"ท่ามกลางบรรดาพระโพธิสัตต์และพระอรหันต์สาวกจำนวนมากอยู่นั้นเป็นขณะเดียวกันกับที่

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/Y0x76I4p3Ig" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตต์ได้

ดำริขึ้นว่า ขันธ์ทั้ง ๕เป็นความว่างเปล่าอยู่แล้วตามธรรมชาติ ดังนั้น พระอรหันต์สาวกองค์หนึ่งซึ่งมีนามว่า "ท่านสารีบุตร"จึงได้ปรารภขอให้องค์พระมหาโพธิสัตต์อวโลกิเตศวรจงแสดงธรรมเรื่อง

"ความว่าง สุญญตา"

ให้แก่บรรดาพุทธบริษัทที่ชุมนุมอยู่ ณ ที่นั้นด้วยด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีกำเนิดแห่งพระสูตรเลื่องชื่อซึ่งมีความหมาย

"พระสูตรที่ว่าด้วยปัญญาเป็นส่วนสำคัญที่จะพาไปให้ถึงฝั่ง(พระนิพพาน)"


ใจความสำคัญปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร

พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตต์ เมื่อทรงได้บำเพ็ญปัญญาบารมีจนบรรลุถึงโลกุตรธรรมอันลึกซึ้งแล้ว ก็พิจารณาเล็งเห็นว่าที่แท้จริงแล้วขันธ์ ๕นั้นเป็นสูญ(สูญญตาหรืออนัตตาหรือความว่าง) และเมื่อสามารถมองเห็นว่าขันธ์ ๕ เป็นสูญแล้ว จักช่วยให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

“ท่านสารีบุตร รุปไม่ต่างจากความสูญ ความสูญไม่ต่างไปจากรูป

รูปก็คือความสูญ ความสูญก็คือรูปนั้นเอง

เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็เป็นความสูญเช่นเดียวกัน ท่านสารีบุตร ธรรมทั้งปวงมีความสูญเป็นลักษณะไม่เกิด ไม่ดับ ไม่มัวหมอง ไม่ผ่องแผ้ว ไม่หย่อน ไม่เต็มอย่างนี้

เพราะฉะนั้นแหละ ในความสูญจึงไม่มีรูป ไม่มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (อายตนะภายใน ๖อย่าง) ไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์

(อายตนะภายนอก ๖อย่าง) ไม่มีวิญญาณ(ความรู้สึกรับรู้ได้) ในอายตนะภายในทั้ง ๖ด้วย (จักษุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ และมโนวิญญาณ) ไม่มีวิชา ไม่มีอวิชา ไม่มีความสิ้นไปแห่งวิชชาและอวิชชา จนถึงไม่มีความแก่ความตาย และไม่มีสิ้นไปแห่งความแก่ความตาย

ไม่มีทุกข์ สมัทัย นิโรธ มรรค ไม่มีญาณ(ปัญญา) ไม่มีการบรรลุถึงซึ่งปัญญา และไม่มีอะไรที่ต้องบรรลุอยู่ต่อไป

พระโพธิสัตต์ เมื่อได้ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมีแล้ว เป็นผู้ถึงความเป็นผู้มีจิตที่เหลืออยู่ต่อไปแล้ว จึงเป็นผู้มีความเห็นถูกต้องชอบธรรม (สัมมาทิฐิ) และกระทำกิจทั้งปวงอย่างถูกต้องโดยเสมอ ในที่สุดก็บรรลุถึงพระนิพพาน บรรดาปวงพระพุทธเจ้าทุกๆองค์มีทั้งอดีตกาล ปัจจุบันกาล และอนาคตกาล ล้วนต่างได้เคยบำเพ็ญปัญญาบารมีมาด้วยกันแล้วทุกๆพระองค์ และเมื่อได้บำเพ็ญคุณธรรมนี้แล้วจึงได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ

ดังนั้นควรได้ทราบว่าปัญญาบารมีนี้เป็นมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมนต์ที่ไม่อาจมีมนต์บทใดมาเทียบเคียงได้ เป็นมนต์ที่สามารถขจัดทุกข์ภัยทั้งปวง และนำพาไปสู่แดนนิพพานได้แน่นอน จึงไม่ควรจะมีความกงขาใดๆต่อไปเลย

ดังนั้นควรหมั่นสวดภาวนามนต์บทนี้ ด้วยเหตุนี้แล...จงไป ไป ไปยังฟากฝั่งโน้น ไปให้พ้นอย่างสิ้นเชิงไปสู่ความเป็นผู้รู้ไปสู่ความสงบสันติเบิกบานเกษมศานต์เถิด”

ปรัชญาปาระมิตาห์หฤทัยสูตรัม (วิสตะระมาตฤกา)

นะมะห์ สรวะชญายะ

เอวัมฺ มะยา ศรุตัม เอกัสมิน สะมะเย ภะคะวาน ราชะคฤเห วิหะระติ สมะ คฤธระกูเฏ ปรวะเต มะหะตา ภิกษุสัมฺเฆนะ สารธัมฺ มะหะตา จะ โพธิสัตฺตวะสัมฺเฆนะ เตนะ ขะลุ สะมะเยนะ ภะคะวาน คัมภีราวะสัมโพธัมฺ นามะ สมาธิมฺ สะมาปันนะห์ เตนะ จะ สะมะเยนะ อารยาวะโลกิเตศวะโร โพธิสัตฺตโว มหาสัตฺตโว คัมภีรายามฺ ปรัชญาปาระมิตายามฺ จารยามฺ จะระมาณะห์ เอวัมฺ วยะวะโลกะยะติ สมะ ปัญจะ สกันธามฺสตามฺศจะ สวะภาวะศูนยามฺ วยะวะโลกะยะติ

อะถายุษมาน ศาริปุโตร พุทธานุภาเวนะ อารยาวะโลกิเตศวรัมฺ โพธิสัตตวะเมตะทะโวจัต-ยะห์ กัศจิต กุละปุโตร (วา กุละทุหิตา วา อัสยามฺ) คัมภีรายามฺ ปรัชญาปารมิตายามฺ จารยามฺ จรตุกามะห์ กะถัมฺ ศิกษิตะวยะห์ เอวะมุกเต อารยาวโลกิเตศวะโร โพธิสัตตโว มหาสัตตวะห์ อายุษมันตัมฺ ศาริปุตระเมตะทะโวจัต-ยะห์ กัศจิจฉาริปุตระ กุละปุโตร วะ กุละทูหิตา วา (อัสยามฺ) คัมภีรายามฺ ปรัชญาปารมิตายามฺ จรยามฺ จรตุกามะห์ เตไนวัมฺ วยะวโลกิตะวยัม-ปัญจะ สกันธามฺสตามฺศจะ สวภาวะศูนยานสะมะนุปัศยะติ สมะ รูปัมฺ ศูนยตา ศูนยะไตวะ รูปัมฺ รูปปานนะ ปฤถัก ศูนยะตา ศูนยะตายา นะ ปฤถัก รูปัม ยัทรูปัมฺ สา ศูนยะตา ยา ศูนยะตา ตัทรูปัม เอวัมฺ เวทะนาสัมฺชญาสัมฺสการะวิชญานานิ จะ ศูนยะตา เอวัมฺ ศาริปุตระ สรวะธรฺมาห์ ศูนยะตาลักษณา อะนุตปันนา อนิรุทธา อะมะลา วิมะลา อะนูนา อะสัมฺปูรณาห์ ตัสมาตตะรหิ ศาริปุตระ ศูนยตายามฺ นะ รูปัม นะ เวทะนา นะ สัมฺชญา นะ สัมฺสการาห์ นะ วิชญานัม นะ จักษุรนะ นะ ศโรตรัม นะ ฆราณัม นะ ชิหวา นะ กาโย นะ มะโน นะ รูปัมฺ นะ ศัพโท นะ คันโธ นะ ระโส นะ สปรัษฏะวยัมฺ นะ ธรมะห์ นะ จักษุรธาตุรยาวันนะ มะโนธาตุรนะ ธรมะธาตุรนะ มะโนวิชญานะธาตุห์ นะ วิทยา นาวิทยา นะ กษโย ยาวันนะ ชรามะระณัมฺ นะ ชะรามะระณักษะยะห์ นะ ทุห์ขะสะมุทะยะนิโรธะมารคา น ชญานัมฺ นะ ปราปติรนาปราปติห์ ตัสมาจฉาริปุตระ อะปราปติเวนะ โพธิสัตตวานามฺ ปรัชญาปารมิตามาศริตยะ วิหะระติ จิตตาวะระณะห์ จิตตาวะระณะนาสติตวาทะตรัสโต วิปะรยาสาติกรานโต นิษฏฐะนิรวาณะห์ ตรยะธวะวยะวะสถิตาห์ สรวะพุทธาห์ ปรัชญาปารมิตามาศริตยะ อะนุตตุรามฺ สัมยักสัมฺโพธิมอะภิสัมฺพุทธาห์ ตัสมาท ชญาตะวยะห์ ปรัชญาปารมิตามหามันตระห์ อนุตตะระมันตระห์ อะสะมะสะมะมันตระห์ สรวะทุห์ขะประศะมะนะมันตระห์ สัตยะมะมิถยัตวาต ปรัชญาปารมิตายามุกโต มันตระห์ ตัทยะถา คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสัมฺคะเต โพธิ สวาหา เอวัมฺ ศาริปุตระ คัมภีรายาม ปรัชญาปารมิตายามฺ จารยามฺ ศิกษิตะวยัมฺ โพธิสัตตเวนะ

อะถะ ขะลุ ภะคะวาน ตัสมาตสะมาเธรวยุตถายะ อารยาวะโลกิเตศวระสะยะ โพธิสัตตวัสยะ สาธุการะมะทาต-สาธุ สาธุ กุละปุตระ เอวะเมตัต กุละปุตระ เอวเมตัต คัมภีรายามฺ ปรัชญาปารมิตายามฺ จรยัมฺ จรตะวยัมฺ ยะถา ตวะยา นิรทิษฏัม อนุโมทยะเต ตะถาคะไตรัรหัทภิห์

อิทะมะโวจะภะคะวาน อานันทะมะนา อายุษมาน ศาริปุตระห์ อารยาวะโลกิเตศวรัศจะ โพธิสัตตวะห์ สา จะ สรวาวะตี ปะริษัต สะเทวะมานุษาสุระคันธรวัศจะ โลโก ภะคะวะโต ภาษิตะมะภยะนันทัน

อิติ ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตรัม สะมาปตัม

ฉบับย่อ[แก้]
ปรัชญาปาระมิตาห์หฤทัยสูตรัม (สัมฺกษิปตะมาตฤกา)

นะมะห์ สรวะชญายะ

อารยาวะโลกิเตศวระโพธิสัตฺตโว คัมภีรายามฺ ปรัชญาปาระมิตายามฺ จารยามฺ จะระมาโณ วยะวะโลกะยะติ สมะ, ปัญจะ สกันธาห์ สตามฺศจะ สวะภาวะศูนยาน ปัศยติ สมะ

อิหะ ศาริปุตระ รูปัมฺ ศูนยะตา ศูยะไตวะ รูปัมฺ, รูปปานนะ ปฤถัก ศูนยะตา ศูนยะตายา นะ ปฤถัก รูปัม, ยัทรูปัมฺ สา ศูนยะตา ยา ศูนยะตา ตัทรูปัม

เอวัมฺ เวทะนาสัมฺชญาสัมฺสการะวิชญานนิ

อิหัมฺ ศาริปุตระ สรวะธรฺมาห์ ศูนยะตาลักษณา อะนุตปันนา อนิรุทธา อะมะลา นะ วิมะลา โนนา นะ ปะริปูรณาห์, ตัสมาจฉาริปุตระ ศูนยะตายามฺ นะ รูปัม นะ เวทะนา นะ สัมฺชญา นะ สัมฺสการาห์ นะ วิชญานิ, จักษุห์ศโรตระฆราณะชิหวากายะมนามฺสิ, นะ รูปะศัพทะคันธะระสะสปรัษฏะวยะธรมะห์, นะ จักษุรธาตุรยาวันนะ มะโนธาตุห์

นะ วิทยา นาวิทยา นะ วทยากษโย นาวิทยากษโย ยาวันนะ ชรามะระณัมฺ นะ ชะรามะระณักษโย นะ ทุห์ขะสะมุทะยะนิโรธะมารคา น ชญานัมฺ นะ ปราปติตวัม

โพธิสัตตวาสยะ (ศจะ) ปรัชญาปารมิตามาศริตยะ วิหะระติ จิตตาวะระณะห์ จิตตาวะระณะนาสติวาทะตรัสโต วิปะรยาสาติกรานโต นิษฏฐะนิรวาณะห์ ตรยะธวะวยะวะสถิตาห์ สรวะพุทธาห์ ปรัชญาปารมิตามาศริตยะ อะนุตตุรามฺ สัมยักสัมฺโพธิมอะภิสัมฺพุทธาห์

ตัสมาชชญาตวยะห์ ปรัชญาปารมิตามหามันโตร มหาวิทยามันโตรนุตตะระมันโตรสะมะสะมะมันตระห์ สรวะทุห์ขะประศะมะนะห์ สัตยะมะมิถยัตวาต ปรัชญาปารมิตายามุกโต มันตระห์ ตัทยะถา คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสัมฺคะเต โพธิ สวาหา

อิติ ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตรัม สะมาปตัม

คำ ส ว ด ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
( พระสูตรว่าด้วยปัญญาอันเป็นหัวใจพาไปถึงฝั่งพระนิพพาน )

อายาวะโลกิติซัวรา โบดิสัตจัว กรรมบิรัม ปรัชญาปารมิตาจารัม จารา มาโน
วียาวะโลกิติสมา ปัญจะ สกันดา อะสัตตัสจา ซัวปาวะสูญนิยะ ปาสัตติสมา
อีฮา สารีบุทรา รูปังสูญญะ สูญนิยะตา อีวารูปา
รูปานา เวทะสูญนิยะตา สูญญา นายะนา เวทะ ซารูปัง
ยารูปัง สา สูญนิยะตะยา สูญนียะตา ซารูปัง
อีวา วีดานา สังญาสัง สการา วียานัม
อีฮา สารีบุทรา ซาวาดามา สูญนิยะตะ ลักษาณา
อานุภานา อานิรูตา อะมะระ อะวิมะลา อานุนา อาปาริปุนา
ทัสมาต สารีบุทรา สูญนิยะตายะ นารูปัง นาวิยานา นาสังญานา สังสการานา วียานัม
นา จักษุ โสตรา กรรณนา ชิวหา กายา มะนา ซานะรูปัง
สัพพะ กันดา รัสสัส สปัตตะ วียา ดามา
นาจักษุ ดาตุ ยาวะนา มะโนวีนยะนัม ดาตุ นาวิดียา นาวิดียา เจียโย
ยาวัดนา จาระมา ระนัม นะจาระมา ระนัม เจียโย
นาตุขา สมุดา นิโรดา มาคา นายะนัม นาประติ
นาอะบิส สะมะยัง ตัสมาตนะ ปรัตติถา โพธิสัตวะนัม
ปรัชญา ปารมิตา อาสริดะ วิหะรัชชะ จิตตา อะวะระนา
จิตตา อะวะระนา จิตตา อะวะระนา นัสติ ตวะนะ ทรัสโส
วิปาริยะซา อาติกันดา นิสทรา เนียวานัม
ทรียาวะ เรียววะ สิทธะ สาวา บุดดา ปรัชญา ปารมิตา
อาสวิชชะ อะนุตตะระ สัมยัก สัมโบดิม อะบิ สัมโบดา
ทัสมาต เนียทาวียา ปรัชญา ปารมิตา มหามันทรา
มหาวิทยะ มันทรา อะนุตตะระ มันตรา อสมา สมาธิ มันทรา
สาวา ตุขา ปรัชสา มานา สังญา อามิ เจียจัว
ปรัชญา ปารมิตา มุขา มันทรา ตะติติยะ
"คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โบดิซัวฮา"

 

ยูเครน-กบฏ ปะทะเดือดดับอีก 19 ศพ หลังคุยหยุดยิงเหลว
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 ก.พ. 2558 22:29


(ภาพ: AP Photo)

กองทัพยูเครนและกบฏแบ่งแยกดินแดนปะทะกันอย่างต่อเนื่องมาหลายวัน มีผู้เสียชีวิตอีก 19 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังการเจรจาหยุดยิงเมื่อวันเสาร์ล้มเหลว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพรัฐบาลยูเครนและกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซีย ปะทะกันอย่างรุนแรงทั่วภาคตะวันออกของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนรวมอย่างน้อย 19 ราย หลังจากการเจรจาหยุดยิงระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายที่กรุงมินสก์ เมืองหลวงของประเทศเบลารุส ประสบความล้มเหลวเมื่อคืนวันเสาร์

ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี อ้างคำพูดของทหารยูเครนนายหนึ่งซึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (1 ก.พ.) ว่า มีทหารเสียชีวิต 13 นาย และบาดเจ็บกว่า 20 รายในการต่อสู้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้จำนวนทหารที่เสียชีวิตในเหตุปะทะตั้งแต่เมื่อ 2 วันก่อน เพิ่มขึ้นเป็น 28 รายแล้ว

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนและนักรบฝ่ายกบฏ ระบุตรงกันว่า มีพลเรือนเสียชีวต 6 คนในการต่อสู้ในสาธารณรัฐโดเนตสก์ของฝ่ายกบฏ และหลายเมืองที่รัฐบาลควบคุมในแคว้นลูฮานสก์ทางตะวันออกของประเทศ

ทั้งนี้ ในการเจรจาหยุดยิงเมื่อวันเสาร์ ตัวกลางเจรจาและผู้แทนรัฐบาลยูเครนกล่าวหาฝ่ายกบฏว่า ปฏิเสธข้อตกลงแม้จะมีแรงกดดันจากนานาชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ด้านองค์การสนับสนุนความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ไอเอสซีอี) ซึ่งมีส่วนร่วมในการเจรจาด้วย ระบุว่า ผู้แทนเจรจาของฝ่ายกบฏ ไม่แม้แต่จะเตรียมพร้อมเพื่อหารือเรื่องการหยุดยิง และการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ และเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแผนสันติภาพฉบับก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและลงนามเมื่อเดือนก.ย. 2014 ใหม่ทั้งหมด

ส่วนฝ่ายกบฏ ระบุว่า ตอนนี้พวกเขาต้องการร่างเส้นแบ่งเขตระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายใหม่ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ใหม่ที่พวกเขายึดได้ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลปฏิเสธและย่ำว่าจุดยืนเช่นนี้ของฝ่ายกบฏ จะทำให้การเจรจาสันติภาพในอนาคตอาจไม่เกิดขึ้น

ยูเครน-กบฏ ปะทะเดือดดับอีก 19 ศพ หลังคุยหยุดยิงเหลว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

จีนเดินหน้าสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่2



สื่อจีนเผย รัฐบาลจีนเดินหน้าสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สองแล้ว ต่อจากเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกชื่อเหลียวหนิง ที่จีนซื้อจากยูเครน แล้วนำมาปรับปรุงใหม่

วันจันทร์ 2 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 17:21 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองฉางโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 2 ก.พ.อ้างหนังสือพิมพ์ฉางโจวอีฟนิ่ง นิวส์ รายงานว่า จีนกำลังเดินหน้าสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สอง ชื่อบลู วอเตอร์ หรือทะเลสีคราม เพื่อทำให้กองทัพมีความทันสมัยและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ทางการเมืองฉางโจวบอกว่าปี 2558 จีนจะพุ่งเป้าไปที่โครงการใหญ่รวมทั้งเจียงซู ชางชาง เคเบิลกรุ๊ปที่ชนะการประมูลสำหรับการต่อเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สองของประเทศ

โดยบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองฉางโจวได้ทำข้อตกลงจัดหาอุปกรณ์สำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สอง แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดมากไปกว่านี้ นอกจากนั้นทางการจีนสั่งให้ลบรายงานข่าวเกี่ยวกับการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สองบนหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด แต่นักวิจารณ์ชั้นนำของจีนกล่าวว่า การเดินหน้าสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สองของจีนเพื่อเผชิญการยั่วยุต่างๆที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก ขณะที่ นายหวัง หมิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำสาขามณฑลเหลียวหนิงบอกว่า จีนได้ดำเนินการต่อเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สองแล้วและจะแล้วเสร็จประมาณปี2563

ส่วนเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีนชื่อเหลียวหนิง ซึ่งจีนซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินเก่าจากยูเครนมาดัดแปลงและต่อเติม จีนตั้งเป้าสร้างกองเรือบรรทุกเครื่องบินไม่ต่ำกว่า4 ลำในอนาคต อย่างไรก็ตามจีนกำลังเผชิญหน้าญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์กรณีพิพาทอาณาเขตทางน้ำในทะเลจีนตะวันออกกับทะเลจีนใต้ ท่ามกลางความหวาดวิตกว่าจะเกิดสู้รบ

จีนเดินหน้าสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่2 | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เศรษฐกิจฟิลิปปินส์กระฉูด เติบโตแข็งสุดแซงจีนปีนี้



ฟิลิปปินส์ ผงาด คาดเศรษฐกิจปีนี้ ขยายตัวเร็วที่สุดในเอเชีย และจะแซงหน้าจีน ด้วยอัตราการขยายตัวร้อยละ 7-8 ขณะที่จีนตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 7

วันจันทร์ 2 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 17:12 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่2 ม.ค.ว่าฟิลิปปินส์อาจแซงหน้าจีนผงาดเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในเอเชียปีนี้แต่ความท้าทายที่ใหญ่กว่าคือทำอย่างไรที่จะเก็บเกี่ยวการเติบโตของเศรษฐกิจให้ยั่งยืนเหมือนเมื่อ5 ปีที่ผ่านมาเพื่อรักษาความมั่งคั่งในระยะยาวเอาไว้ได้ทั้งนี้ ตั้งแต่ประธานาธิบดีเบนิกโนอาคีโน เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศในปี2553 และเริ่มดำเนินการปฏิรูปและขับเคลื่อนการบริหารจัดการฟิลิปินส์กลายเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดและเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลกไปแล้ว

ขณะนี้นักลงทุนต้องการรู้ว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้จะสามารถรักษานโยบายงบประมาณการเงินและเศรษฐกิจให้ยั่งยืนได้อย่างไรหลังจากนายอาคีโนพ้นจากวาระการบริหารประเทศในปีหน้าเนื่องจากเป็นนโยบายที่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตและลดปัญหาความยากจน

เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ถือว่าสวนกระแสภาวะชะลอตัวในภูมิภาคในช่วงไตรมาสที่4 ของปีที่แล้วโดยเศรษฐกิจตลอดปี โตถึงร้อยละ6.1เป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในเอเชียเป็นรองแค่จีนเท่านั้นแต่ในปีนี้ นายอาคีโนตั้งเป้าว่าจะนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้โตได้ร้อยละ7-8 ในขณะที่อัตราการเติบโตของจีนคาดว่าจะช้าลงเหลือประมาณร้อยละ7

นายอาคีโนกวาดล้างปัญหาการคอร์รัปชั่นในประเทศและให้ความสำคัญกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานมาเป็นอันดับต้นๆซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการว่างงานสูงอยู่



เศรษฐกิจฟิลิปปินส์กระฉูด เติบโตแข็งสุดแซงจีนปีนี้ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สหภาพแรงงานน้ำมันสหรัฐสไตรค์ใหญ่สุดในรอบ 35 ปี



สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมหนักของสหรัฐประกาศผละงานประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 35 ปี หลังตกลงเรื่องเงินเดือนกับนายจ้างไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 9 แห่งในประเทศ

วันจันทร์ 2 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 14:55 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ว่าสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมหนักแห่งชาติของสหรัฐ ( ยูเอสดับเบิลยู ) ออกแถลงการณ์เรื่องการผละงานประท้วงครั้งใหญ่อย่างไม่มีกำหนด เริ่มตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ หลังไม่สามารถตกลงกับบริษัทนายจ้าง ที่รวมถึงบริษัท รอยัล ดัตช์ เชลล์ เกี่ยวกับข้อเรียกร้อง 5 ข้อที่รวมถึงารเพิ่มค่าแรงและปฏิรูประบบสวัสดิการ เพื่อการต่ออายุสัญญาจ้างฉบับใหม่ซึ่งเดิมทีต้องเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. ได้

ทั้งนี้ นายเลโอ เจราร์ด ประธานของยูเอสดับเบิลยู แถลงเรียกร้องให้คนงานราว 3,800 คน จากโรงกลั่นน้ำมัน 9 แห่งในสหรัฐ ที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐเทกซัสและรัฐแคลิฟอร์เนีย เข้าร่วมการผละงานประท้วงครั้งใหญ่นี้ด้วย หลังสัญญาการจ้างงานอายุ 3 ปี ครบกำหนดเมื่อเวลาเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่นของวันอาทิตย์ คาดว่าจะส่งผลกระทบกับกระบวนการทำงานของโรงกลั่นน้ำมันในประเทศราวร้อยละ 10

ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของยูเอสดับเบิลยูซึ่งมีสมาชิกกว่า 30,000 คน จากอุตสาหกรรมหนักทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นโรงกลั่นน้ำมัน ปิโตรเคมี และเหมืองแร่ ถือเป็นการผละงานประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523 ซึ่งการประท้วงในครั้งนั้นกินเวลานานถึง 3 เดือน กว่าบริษัทนายจ้างกับสหภาพแรงงานจะสามารถเจรจาฝ่าวิกฤติได้

สหภาพแรงงานน้ำมันสหรัฐสไตรค์ใหญ่สุดในรอบ 35 ปี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

พายุหิมะเล่นงานมิดเวสต์สหรัฐ



อิทธิพลของพายุหิมะกำลังลมรุนแรงทำให้เกิดหิมะตกหนักโดยทั่วไปในแถบมิดเวสต์ หรือภาคกลางตอนบนของสหรัฐ โดยเฉพาะที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งปริมาณหิมะอาจสูงถึง 40 เซนติเมตร

วันจันทร์ 2 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 10:50 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ว่านายบรูซ เราเนอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ แถลงเตือนให้หน่วยงานรัฐทุกแห่งตื่นตัวและเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินจากสภาพอากาศที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในระยะนี้ หลังอิทธิพลของพายุฤดูหนาวมาเยือนรัฐอิลลินอยส์เร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ และอาจทำให้เกิดหิมะตกสะสมหนาระหว่าง 25-40 เซนติเมตร ขณะที่กระแสลมมีความเร็วสูงสุด 72.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แม้เราเนอร์ยังไม่ลงนามประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่สำนักงานศึกษาธิการเมืองชิคาโกสั่งปิดโรงเรียนหลายสิบแห่งในพื้นที่ตลอดทั้งวันจันทร์นี้ ส่วนใหญ่เป็นสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ซึ่งตั้งอยู่ในแนวพาดผ่านของพายุหิมะ ขณะที่สนามบินโอแฮร์และมิดเวย์ประกาศยกเลิกเที่ยวบินรวมกันกว่า 1,950 เที่ยวบินแล้ว

ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ( เอ็นดับเบิลยูเอส ) รายงานว่าภูมิภาคมิดเวสต์ หรือภาคกลางตอนบนของสหรัฐ ที่รวมถึงรัฐอิลลินอยส์ มิชิแกน วิสคอนซิน มินนิโซตา มิสซูรี และเนแบรสกา ต้องเผชิญกับคลื่นความหนาวเย็นที่จะแผ่อิทธิพลปกคลุมภูมิภาคไปอีกระยะหนึ่ง และอาจส่งกระทบต่อการเดินทางกลับบ้านของประชาชนที่เดินทางลงใต้ไปชมการแข่งขันชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอลประจำปีของเอ็นเอฟแอล หรือ "ซูเปอร์โบล" ที่รัฐแอริโซนา

พายุหิมะเล่นงานมิดเวสต์สหรัฐ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

อังกฤษเตรียมจัดแสดง 'แม็กนา คาร์ตา' ฉบับจริง



รัฐบาลอังกฤษเตรียมนำ "แม็กนา คาร์ตา" หรือมหากฎบัตร ฉบับจริง 4 ฉบับสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ออกมาจัดแสดงเพื่อฉลองครบรอบ 800 ปี การตรามหากฎบัตรฉบับนี้โดยพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษ เมื่อปีพ.ศ .1758

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/4qj2vpp9Wf4?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

วันจันทร์ 2 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 13:07 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ว่าหอสมุดแห่งชาติของอังกฤษเตรียมนำ "แม็กนา คาร์ตา" หรือมหากฎบัตร ฉบับจริง 4 ฉบับสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ออกมาจัดแสดงที่รัฐสภาในกรุงลอนดอนเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้เป็นต้นไป เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 800 ปี การตรามหากฎบัตรฉบับนี้โดยพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษ เมื่อปีพ.ศ .1758

อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันจันทร์ถึงวันพุธนี้ ผู้โชคดีจำนวน 1,215 คนจากการจับสลากโดยรัฐบาลเวสต์มินสเตอร์ จะได้รับโอกาสให้ทยอยเข้าชมแม็กนา คาร์ตาของจริง 2 ใน 4 ฉบับอย่างใกล้ชิดที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่นำเอกสารต้นฉบับซึ่งเก็บรักษาอยู่ที่มหาวิหารลินคอล์นและมหาวิหารซาลิสบิวรี มาจัดแสดงที่หอสมุดแห่งชาติในกรุงลอนดอน

พระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษ ซึ่งทรงครองราชย์ระหว่างปีพ.ศ.1742 ถึง 1759 ทรงเป็นผู้ตราแม็กนา คาร์ตาขึ้น โดยมีสาระสำคัญคือการกำหนดขอบเขตพระราชอำนาจและสิทธิ์ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระองค์ทรงบัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อยุติความขัดแย้งในเวลานั้นระหว่างพระองค์ กับคณะผู้นำทางศาสนา และเหล่าขุนนาง ทั้งนี้ แม็กนา คาร์ตาได้รับการยกย่องจากทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ให้เป็นเอกสารต้นแบบการออกกฎหมายกำหนดสิทธิพื้นฐานของประชาชน และเป็นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ

อังกฤษเตรียมจัดแสดง 'แม็กนา คาร์ตา' ฉบับจริง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

กบฎยูเครนประกาศเคลื่อนกำลัง 100, 000 คนปะทะเคียฟในโดเนตสค์ - “รัสเซีย” สั่งเกณฑ์พลพร้อมส่งฝึกติดพรมแดนยูเครน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กุมภาพันธ์ 2558 18:31 น.



เอเอฟพี - อเล็กซาเดอร์ ซาคาร์เชนโก (Alexander Zakharchenko ) หัวหน้ากลุ่มแบ่งแยกตัวเองยูเครนตะวันออกได้ประกาศวันนี้(2)ที่จะเคลื่อนกำลังร่วม 100, 000 คนเ ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ หรือศูนย์กลางที่ทำการของกบฎยูเครน เพื่อปะทะแนชันแนลการ์ดยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ในเหตุปะทะล่าสุดของทั้ง 2 ฝ่ายที่ทำให้ทหารยูเครนเสียชีวิต 5 คน และบาดเจ็บอีก 29 คน ในขณะเดียวกันกลุ่มสิทธิมนุษยชนและครอบครัวทหารรัสเซีย Soldiers' Mothers of Saint Petersburg ได้เปิดเผยถึงคำร้องจำนวนมากนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2014 ที่ถูกส่งเข้ามาจากครอบครัวชาวรัสเซียที่ถูกเรียกเกณฑ์ทหาร ที่ในสัญญาจะต้องถูกส่งเข้ารับการฝึกทางใต้ของประเทศที่มีพรมแดนติดยูเครน และเกรงว่าจะถูกมอสโกส่งเข้าไปยังทางตะวันออกของยูเครนหลังเสร็จสิ้นการฝึก

“จะมีการเคลื่อนกำลังครั้งใหญ่ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ในอีก 10 10 วันข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้กำลังถึง 100, 000 คน” อเล็กซาเดอร์ ซาคาร์เชนโก (Alexander Zakharchenko ) หัวหน้ากลุ่มแบ่งแยกตัวเองยูเครนตะวันออกได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวของกบฎยูเครน DAN

การประกาศเคลื่อนพลล่าสุดมีขึ้นหลังจากฝ่ายแบ่งแยกดินแดนยูเครนสาบานที่จะใช้กำลังที่มีปฎิบัติการในเขตโดเนตสค์และลูแกนสค์หลังจากข้อตกลงสงบศึกล่าสุดได้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงแล้ว และดูเหมือนการต่อสู้ระหว่างเคียฟและกลุ่มแบ่งแยกยูเครนตะวันออกดูเหมือนจะหนักหน่วงเพิ่มมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่เคียฟได้เปิดเผยตรงกันในวันจันทร์(2) ว่า ทหารแนชันแนลการ์ดยูเครนจำนวน 5 คน และชาวบ้านอีก 3 คนถูกสังหารในการปะทะ 24 ชม. ล่าสุด “ทหารยูเครน 5 นายเสียชีวิต และมีอีก 29 คนได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้” Vladyslav Seleznyov โฆษกกองทัพยูเครน ได้แถลงกับผู้สื่อข่าวในเคียฟ และเสริมต่อว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนถูกตกเป็นเป้ากระสุนปืนใหญ่ถล่มมาจากกลุ่มกบฎยูเครนถึง 104 ครั้ง

นอกจากนี้พบว่า มีประชาชนในพื้นที่เพศชาย 2 คนเสียชีวิตในระหว่างมีการสู้รบ เกิดจากกลุ่มกบฎได้ยิงขีปนาวุธเข้าไปยังหมู่บ้านคริมสกี (Krimske) ราว 40 กม.ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโดเนตสค์ เกนนาดี มอสคาล (Gennadiy Moskal) ผู้ว่าการสนับสนุนเคียฟกล่าว

และนอกจากนี้ยังมีชายอีก 1 คนเสียชีวิตจากการถูกยิงในคืนที่ผ่านมาในการสู้รบอีกแห่งในโดเนตสค์ ซึ่งนักข่าวเอเอฟพีในโดเนตสค์เปิดเผยว่า ในช่วงกลางคืนยังคงมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มกบฎและแนชันแลการ์ดยูเครนแต่ทว่าในคืนรุ่งสางวันนี้(2) ไม่มีความรุนแรงมากเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตไปถึง 50 คน และทำให้สัญญาสงบศึก 3 ฝ่ายครั้งที่ผ่านมาของมินสค์ได้สิ้นสุดลงในวันเสาร์(29 มกราคม)

ในขณะเดียวกันในมอสโก ลุ่มสิทธิมนุษยชนและครอบครัวทหารรัสเซีย Soldiers' Mothers of Saint Petersburg ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีในวันนี้(2) ถึงคำร้องจำนวนมากกว่า 24 เรื่องที่ถูกส่งมานับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา ถึงความกังวลในการเรียกเกณฑ์กำลังพลของกองทัพรัสเซียครั้งใหญ่ล่าสุด โดยเอลลา โพลยาโกวา (Ella Polyakova ) หัวหน้ากลุ่มSoldiers' Mothers of Saint Petersburg เปิดเผยว่า ผู้คนต่างหวาดวิตกถึงการเกณฑ์กำลังพลของกองทัพรัสเซีย และจากเรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อผู้ถูกเรียกตัวได้ลงนามในหนังสือเรียกตัวแล้ว คนเหล่านั้นสามารถถูกส่งไปฝึกยังทางใต้ของยูเครน ซึ่งมีพรมแดนติดยูเครน “ผู้คนต่างเสียขวัญ ซึ่งจากคำร้องเรียน พวกเขาไม่เปิดเผยโดยตรงว่ากลัวอะไร แต่ความกลัวนั้นเปิดเผยชัดเจน” โพลยาโกวากล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า กลุ่มของเธอเห็นเรื่องร้องเรียนที่ถูกส่งเข้ามาสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งสุดท้ายระหว่างเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2014 ที่เชื่อว่ามีกองกำลังรัสเซียจำนวนมากถูกส่งเข้าไปเสริมทัพกลุ่มติดอาวุธกบฎยูเครนตะวันออกที่มอสโกหนุนหลัง

นอกจากนี้ ไอรินา ไพคาเชวา (Irina Paikacheva) นักส่งเสริมสิทธิมนุษยชนที่ทำงานอยู่ในเมอร์มานสค์ (Murmansk) ร่วมกับกองกำลังรัสเซียและครอบครัวของกองกำลังเปิดเผยว่า เมื่อสัญญาถูกลงนามอย่างครบถ้วน ทหารที่ลงนามแล้วจะต้องเตรียมพร้อมต่อคำสั่งโยกย้ายเพื่อปฎิบัติตามหน้าที่ซึ่งถูกมอบหมายโดยทันที ซึ่งเห็นได้ชัดว่า อยู่ตามแนวพรมแดนติดยูเครน หรือไกลกว่านั้น “นี่เป็นครั้งหใม่ของการเรียกกองกำลังครั้งใหญ่” ไพคาเชวาให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมถึงเบาะแสบ่งชี้ว่า รัสเซียเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตยูเครนตะวันออกจากหลักฐานจากเรื่องราวของผู้ประสบด้วยตนเอง รวมไปถึงงานศพที่จัดขึ้นแบบเงียบๆทั่วรัสเซีย

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000013045

 

สื่อหมีขาวชี้ “โอบามา” ยอมรับกับ CNN เป็นครั้งแรก “สหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังทำรัฐประหารยานูโควิช” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กุมภาพันธ์ 2558 14:39 น. (แก้ไขล่าสุด 2 กุมภาพันธ์ 2558 17:09 น.)



----
@อาร์เซนียัคเซนยุค (ขวา๗ อดีตแกนนำการประท้วงขับไล่อดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียูเครน หลังยานูโควิชหนีออกนอกประเทศ
---

เอเจนซีส์ - เป็นครั้งแรกของสหรัฐฯ ที่ยอมรับอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ถึงการยื่นมือข้องเกี่ยวของรัฐบาลสหรัฐฯ ในวิกฤตยูเครน โดยผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยอมรับกับ CNN สื่อสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกว่าวอชิงตันเป็นตัวกลางสำคัญในการช่วยจัดการหาข้อตกลงปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารยูเครนในช่วงประท้วงขับไล่อดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ที่ยังอยู่ในอำนาจ

RT และสปูนิก สื่อรัสเซีย รายงานเมื่อวานนี้ (1) ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ยอมรับเปิดใจผ่านรายการของ ฟารีด ซาคาเรีย (Fareed Zakaria) ในช่องสื่อสหรัฐฯ CNN ยอมรับเมื่อวานนี้ (1) ว่า สหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการช่วยส่งผ่านอำนาจรัฐบาลยูเครนในระหว่างการเกิดวิกฤตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 โดยโอบามาเปิดเผยว่า “นับตั้งแต่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้เริ่มแนวนโยบายเคลื่อนไหวกับยูเครนและไครเมีย ซึ่งไม่ใช่เกิดมาจากยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเขา แต่เป็นเพราะปูตินพลาดต่อผลการประท้วงยูเครนจัตุรัสเอกราชไมดาน (Maidan) และยานูโควิช ซึ่งภายหลังได้หลบหนีจากยูเครน โดยที่ก่อนหน้านั้นในช่วงการประท้วง ทางวอชิงตันเป็นตัวกลางช่วยจัดการในข้อตกลงเปลี่ยนถ่ายอำนาจไปสู่รัฐบาลยูเครนใหม่แล้ว” โอบามาเผย

RT รายงานเพิ่มเติมว่า สิ่งที่โอบามาเผยดูไม่น่าแปลกใจเมื่อพบว่า การดำเนินงานของสหรัฐฯภายใต้ USAID ที่ดำเนินผ่านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในนามความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมได้มีปฏิบัติการในยูเครนได้เริ่มต้นยาวนานนับตั้งแต่อดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย และสหรัฐฯ ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในโปรเจกต์ประชาธิปไตยล่าสุดในยูเครน ที่ RT สื่อถึง “การปฎิวัติประชาชนในเดือนกุมภาพันะ 2014 เพื่อขับไล่ยานูโควิช” ซึ่งไม่เพียงแต่เงินที่ได้จากภาษีของพลเมืองอเมริกันที่ถูกใช้ผ่านUSAID เพื่อเปลี่ยนแปลงยูเครนเท่านั้น แต่สื่อรัสเซียชี้ว่าในเดือนพฤษภาคม 2014 จอร์จ โซรอส (George Soros) พ่อมดทางการเงินชาวสหรัฐฯได้ยอมรับเช่นกันผ่านรายการของซาคาเรียของ CNN ว่า “ผมได้ก่อตั้งมูลนิธิในยูเครนมานานก่อนที่ยูเครนจะได้รับอิสรภาพจากรัสเซีย และมูลนิธิยังคงดำเนินงานมาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นตัวจักรสำคัญในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงต่าางๆในประเทศ” โซรอสเผย

สื่อรัสเซียชี้ว่า เงินต่างๆไม่เพียงแต่ใช้เพื่อมนุษยธรรม เช่น การซื้ออาหารแจกจ่ายผู้ชุมนุมที่บริเวณจตุรัสเอกราชกลางกรุงเคียฟในช่วงการประท้วงที่ยาวนานเท่านั้น แต่ทว่าพบว่า ชาติตะวันตก และสหรัฐฯใช้สถาบันระหว่างประเทศ IMF เป็นเครื่องมือในการควบคุมยูเครนด้วยการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ โดยไมเคิล ฮัดสัน (Michael Hudson) จากสื่อ Counterpunch ได้สรุปถึงชัยชนะของชาติตะวันตกในสงครามตัวแทนยุคสงครามเย็นรอบใหม่นี้ว่า ในเดือนเมษายน 2014 ในขณะที่ยูเครนเพิ่งเสร็จสิ้นจากวิกฤตความขัดแย้งทางกลางเมืองที่ยาวนาน ขับไล่ประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิชออกจากตำแหน่งสำเร็จ หลังจากมียอดผู้เสียชีวิตในการปะทะไม่ต่ำกว่า 100 คนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่ผ่านมา และไม่ถึงเดือนก่อนจะถึงเหตุการณ์ปะทะที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่โอเดสซา ทางตะวันออกของประเทศ กลับพบว่า IMF ได้ทำการอนุมัติความช่วยเหลือทางการเงินให้กับรัฐบาลเคียฟรักษาการชุดที่โลกตะวันตกหนุนถึง 17 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขความมช่วงเหลือสูงเป็น 8 เท่าของยอดปกติที่ IMF ในธรรมเนียมปฏิบัติจะปล่อยกู้แค่ 2 เท่าของรายได้ประเทศที่มีใน 1 ปี และฮัดสันชี้ว่า นอกจากตัวเลขการปล่อยกู้ในวงเงินที่สูงผิดปกติ และยังอนุมัติในช่วงประเทศยูเครนมีสงครามกลางเมือง ทำให้ชี้ได้ว่า IMF ถูกสหรัฐฯ ใช้เป็นเครื่องมือในยุคสงครามเย็นยุคใหม่

โดยฮัดสันอธิบายเพิ่มเติมว่า เคียฟใช้เม็ดเงินที่ได้จาก IMF ในครั้งนั้นในกิจการทหารเพื่อโจมตีผู้ประท้วงในยูเครนตะวันออก “เคียฟใช้เงินกู้ของ IMF เพื่อมาจัดการกับยูเครนตะวันออก ซึ่งการให้ความช่วยเหลือการเงินของสถาบันระหว่างประเทศมักมาพร้อมกับเงื่อนไขการรัดเข็มขัดทางการคลัง แต่การใช้เงินกู้ในกิจการทหารของยูเครน ทำราวกับว่าจะทำให้สถานการณ์ทางการเงินของยูเครนมีเสถียรภาพขึ้นมาได้” ฮัดสันกล่าว


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000012856

 

กรีซผ่อนท่าทียันไม่คิดเบี้ยวสัญญากู้ หลัง “แมร์เคิล” กร้าวเบรกแผนขอลดหนี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กุมภาพันธ์ 2558 22:18 น.



เอเจนซีส์ - รัฐบาลใหม่ซึ่งมีนโยบายต่อต้านมาตรการควบคุมเศรษฐกิจอย่างเข้มงวดของกรีซ เริ่มเดินสายในวันอาทิตย์ (1 ก.พ.) เพื่อหาพันธมิตรสนับสนุนการเจรจาปรับเงื่อนไขเงินกู้ช่วยไม่ให้ล้มละลายจำนวน 240,000 ล้านยูโร (270,000 ล้านดอลลาร์) ที่ผู้นำเอเธนส์ยืนยันว่าไม่ได้คิดบิดพริ้ว เพียงต้องการเวลานอกเพื่อวางแผนการฟื้นตัวในระยะกลาง ทั้งนี้หลังจากนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี ออกมาประกาศเสียงแข็ง ลั่นปากว่าเจ้าหนี้ยอมให้กรีซมามากพอแล้ว และจะไม่ยอมลดหนี้ให้อีก

ก่อนที่ ยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีคลังกรีซ จะออกเดินทางสู่กรุงปารีสในวันอาทิตย์ (1) ไม่กี่ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก นิวส์ แสดงความเชื่อมั่นว่า แม้มีความเห็นแตกต่างกันหลายข้อ แต่ตนมั่นใจว่า เอเธนส์จะสามารถตกลงกับสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ พร้อมยืนยันว่า กรีซจะไม่ดำเนินการฝ่ายเดียวในเรื่องหนี้สินของตน

เขาเสริมว่า กรีซไม่มีเจตนาผิดสัญญาที่ตกลงไว้กับอียูและไอเอ็มเอฟ เพียงแต่ต้องการเวลานอกเพื่อวางแผนการฟื้นตัวระยะกลาง ซึ่งจะมุ่งจัดการแก้ไขปัญหารากเหง้าต่างๆ ในเศรษฐกิจของตน เป็นต้นว่า การหนีภาษี, การทุจริตคอร์รัปชัน และประดานโยบายที่มุ่งส่งเสริมเฉพาะคนรวยกลุ่มเล็กๆ

ชีปราสนั้นได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในคืนวันเสาร์ (31 ม.ค.) อีกทั้งได้นัดหมายจองคิวที่จะพบปะหารือในสัปดาห์นี้กับประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี ของอิตาลี และ ฌอง-โคลด จุงค์เกอร์ ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารอียู

ขณะที่ รัฐมนตรีคลัง วารูฟากิส มีกำหนดหารือกับรัฐมนตรีคลัง มิเชล ซาแปง และรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอ็มมานูเอล มาคร็อง ของฝรั่งเศสในวันอาทิตย์ ก่อนมุ่งหน้าสู่ลอนดอนและโรม

ซีปราสและวารูฟากิสต่างไม่มีแผนเยือนเยอรมนี ที่คัดค้านแผนการขอลดหนี้ของเอเธนส์อย่างแข็งกร้าว ตรงข้ามกับซาแปงของฝรั่งเศสที่มองว่า อียูควรเปิดกว้างในการหารือกับรัฐบาลใหม่ของกรีซ เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้หรือการผ่อนปรนเงื่อนไขเงินกู้


เมื่อวันศุกร์ (30) เอเธนส์ได้ปะทะกับเหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซน เกี่ยวกับแผนการเงินกู้และการที่กรีซจะให้ลดหนี้ลงครึ่งหนึ่ง ระหว่างการพบกันครั้งแรกนับจากรัฐบาลชุดใหม่ของกรีซเข้าบริหารประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ต่อมาในวันเสาร์ (31) นายกรัฐมนตรีแมร์เคิล ของเยอรมนี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฮัมบูร์เกอร์ อาเบนด์แบลตต์ ว่า ก่อนหน้านี้พวกเจ้าหนี้เอกชนตกลงลดหนี้ตามความสมัครใจให้กรีซไปแล้วหลายพันล้านยูโร และตนไม่คิดว่าจะมีการลดหนี้ให้อีก

การให้สัมภาษณ์เช่นนี้ออกมาพร้อมกับโพลจากสถานีทีวีแซดดีเอฟที่ระบุว่า ชาวเมืองเบียร์ 76% ไม่เห็นด้วยกับการลดหนี้

ด้านนายกรัฐมนตรีปาสโซส โคเอลโฮ ของโปรตุเกส และนายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ของฟินแลนด์ คัดค้านการลดหนี้ให้กรีซเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้แม้ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ไปเมื่อปี 2012 แต่เอเธนส์ยังมีหนี้สินอยู่อีกกว่า 315,000 ล้านยูโร หรือ 175% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

กระนั้น ทันทีที่ขึ้นบริหารประเทศ รัฐบาลใหม่ของกรีซก็ยกเลิกแผนการแปรรูปท่าเรือสำคัญ 2 แห่งและรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า แถมประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งใหญ่

วารูฟากิสยังท้าทายด้วยการระบุว่า กรีซต้องการเข้าถึงเจ้าหนี้อียู-ไอเอ็มเอฟโดยตรง และไม่ต้องการร่วมมือกับทีมตรวจสอบการคลัง 3 ฝ่ายหรือ “ทรอยกา” อีกต่อไป

มาร์ติน ชูลซ์ ประธานสภายุโรปจากเยอรมนี ตอบโต้รัฐมนตรีคลังกรีซทันทีว่า “ไร้ความรับผิดชอบ” หลังจากนั้นดูเหมือนวารูฟากิสจะยอมผ่อนปรนท่าทีลงเล็กน้อยโดยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่งว่า ทรอยกาไม่มีอำนาจในการเจรจาเงื่อนไขการปล่อยกู้ใหม่ จึงไม่ควรต้องเสียพลังงานและเวลามาข้องเกี่ยวด้วย

การให้สัมภาษณ์ของวารูฟากิสมีขึ้นหลังการประชุมเครียดเมื่อวันศุกร์กับ เจอโรน ดิจเซลโบลม ตัวแทนรัฐมนตรีคลังจาก 19 ชาติยูโรโซน ที่เตือนว่า การใช้มาตรการฝ่ายเดียวหรือการเพิกเฉยต่อข้อตกลงเดิม ไม่ใช่วิธีการที่สร้างสรรค์

กรีซนั้นยังเหลือเงินกู้ที่จะได้รับจากแพกเกจช่วยไม่ให้ล้มละลายของ 3 เจ้าหนี้อย่าง อียู, ไอเอ็มเอฟ และอีซีบี อีก 7,200 ล้านยูโร แต่จะได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบของ “ทรอยกา” ในเรื่องความคืบหน้าในการปฏิรูป โดยตามกำหนดเดิมที่วางไว้นั้น จะตรวจสอบเสร็จสิ้นปลายเดือนนี้

แม้วารูฟากิสบอกว่า เอเธนส์ไม่ต้องการเงินกู้ที่เหลือดังกล่าว แต่มีความกังวลกันมากว่า กรีซไม่สามารถอยู่รอดถ้าไม่ได้เงินกู้งวดใหม่ๆ เข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแบงก์กรีซที่ช่วยรัฐบาลด้วยการรับซื้อพันธบัตร และได้รับการอัดฉีดจากอีซีบี

เออร์กี ลีคาเนน ผู้ว่าการธนาคารกลางฟินแลนด์ที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาอีซีบี กล่าวว่า คงไม่สามารถอัดฉีดเงินให้ได้ เว้นแต่กรีซขยายโปรแกรมรับเงินช่วยเหลือจากทรอยกาต่อ

ขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่ง ชัยชนะเกินความคาดหมายของพรรคฝ่ายซ้ายจัด “ซีริซา” ของซีปราสในการเลือกตั้งของกรีซเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (25) กำลังสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วยุโรป และเป็นกำลังใจให้พรรคการเมืองที่มุ่งต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัดในประเทศอื่นๆ

ตัวอย่างล่าสุดคือในวันเสาร์ (31) ที่ผ่านมา ผู้คนชาวสเปนหลายหมื่นรวมตัวบนท้องถนนในกรุงมาดริด เพื่อสนับสนุนพรรค “โปเดมอส” ที่โพลระบุว่ากำลังมาแรงมาก โดยสเปนมีกำหนดจัดการเลือกตั้งปลายปีนี้

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000012584

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 2 ก.พ.58 ตูม..ภูเขาไฟในญี่ปุ่นระเบิดอย่างรุนแรงกัมปนาท
เมื่อ 2 วันที่แล้ว เกิดการระเบิดอย่างดุเดือด เกรี้ยวกราด ของภูเขาไฟ ซากุราจิมา ในญี่ปุ่น พ่นเถ้าลาวาร้อน ออกมาอย่ารุนแรง ทำลายต้นไม้ในพื้นที้ต่ำกว่า และพ่นเถ้าถ่านกำมะถันออกมาจำนวนมากเต็มท้องฟ้า
นี่ก็อีกหนึ่งในอิทธิพล จากการระเบิดของดวงอาทิตย์ ส่งความร้อน 4 แสนองศา ความเร็ว 2.3 ล้าน กม.ต่อ ชม. พุ่งมาปะทะสนามแม่เหล็กโลก เกิดแรงอัดกดที่เปลือกโลก ตรงไหนมีรอยแยกใหญ่ ก็พ่นลาวาออกมาแบบนี้
เมืองไทยอากาศภาคเหนือ อีสานก็จะลดลง 1-2 องศา และมีลมแรง ถึงวันนี้ พอพรุ่งนี้เป็นต้นไปก็จะเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ส่วนภาคใต้คลื่นลมทะเลก็ไม่แรงมาก กำลังพอเหมาะ และไม่มีพายุใหญ่เข้า
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Chalee Na Roied



เมื่อครู่นี้มีบางท่าน แชร์ข้อมูลมานะครับว่า เวลานี้เกิดอะไรขึ้นใน กรีซภายหลังการชนะเลือกตั้ง ของนักการเมืองหนุ่มวัย 40 ที่ต้องการปลดล็อค ตัวเองออกจากอ้อมอก สหภาพยุโรปและสหรัฐ ทำให้ชะตากรรมของ นักการเมืองหนุ่มไฟแรงคนนี้ ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทันที ภายหลังมีแหล่งข่าว ที่เชื่อถือได้ว่ามีแผนการลอบสังหารเขา ทำให้ทางผู้นำรัสเซีย ต้องส่งหน่วยรบพิเศษ บินจากกรุงมอสโคว์ มารักษาความปลอดภัย แทบจะเป็นไข่ในหินทันที ภายหลังได้รับการร้องขอ ผ่านฑูตรัสเซียประจำกรีซ http://www.eutimes.net/…/putin-orders-special-forces-to-pr…/
แน่นอนครับคำว่า "ประชาธิไปตย" แทบจะไร้ค่าไปโดยปริยาย ตราบใดที่ไม่ตอบสนองผลประโยชน์ ของสหรัฐและตะวันตก เพราะฉะนั้นนี่คือ ชะตากรรมของประเทศเล็กๆ เมื่อถึงคราต้องเลือก ระหว่างผลประโยชน์ของชาติ และความมั่งคั่งของ นักการเงินการธนาคาร และรัสเซียและประเทศกลุ่มBRICS เวลานี้พร้อมยื่นมือ ให้กู้ยืมเงินให้รัฐบาลกรีซทันที ถ้ากรีซขอรับการช่วยเหลือ และภายหลังชนะการเลือกตั้ง ไม่ถึงสัปห์ดากรีซ ก็ทยอยกว้านซื้อทองคำ เข้ามาเก็บแทนเงินยูโร http://www.zerohedge.com/…/greeks-turn-gold-bank-bail-and-d…
สถานการณ์เช่นนี้ จะทำให้"ดอลลาร์และยูโร" ที่พิมพ์ออกมา เริ่มถูกปฏิเสธจาก สมาชิกสหภาพยุโรป คือ กรีซเป็นชาติแรก ซึ่งประเทศที่กำลังจับตาดูกรีซ ก็คือ สเปน โปรตุเกส และอิตาลี ที่อาการกำลังร่อแร่ เกมส์นี้จึงเป็นเกมส์ชี้ชะตา สหภาพยุโรปและสหรัฐ ซึ่งจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด เพราะแม้รัฐบาลสหรัฐ จะสามารถพิมพ์เงินดอลลาร์ ออกมาได้ในช่วงแรก แต่จะลากไปได้ไม่นาน เพราะพอเงินดอลลาร์จะเริ่ม ถูกปฏิเสธไปทีละประเทศๆ เงินหยวนและรูเบิล ก็จะค่อยๆเข้ามาแทนที่ ดอลลาร์จะถูกทำลายทันที
เกมส์ที่รัสเซียเอง และประเทศในกลุ่ม BRICS กำลังจะผลักดันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะรัสเซียนั้นต้องการ แยกยุโรปและกองกำลังนาโต ออกไปทีละประเทศเช่นเดียวกัน เพราะตัวเองกำลังถูกปิดล้อมแทบทุกเส้นทาง http://kingworldnews.com/paul-craig-roberts-putins-ultimat…/
และรัสเซียเองเดือนมกราคมที่ผ่านมา เดินหน้าเทขายดอลลาร์ และกว้านซื้อทองคำ ซึ่งเพื่มขึ้น 123% จากปี 2014 นะครับ ประมาณว่า ดอลลาร์พิมพ์ได้พิมพ์ไป แต่รัสเซียไม่เอาแล้วประมาณนั้น นอกจากนี้ยังมี คาซัคสถาน เนเธอร์แลนด์ ก็เป็นอีกประเทศที่กว้านซื้อทองคำ มาเก็บมากที่สุด ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตามรายงานของ ไอเอ็มเอฟ http://www.wsj.com/…/russia-kazakhstan-acquire-more-gold-ne…
ก็เห็นจะมีแต่พี่ไทย ที่กำลังถูกสหรัฐถล่มอยู่เวลานี้ นั่นแหละครับ ที่ยังเดินหน้ายกทั้งสัมปทานให้เขา มิหนำซ้ำยังเข้าใจว่า "ดอลลาร์" คือ สรณะอันประเสริฐ แต่ที่พูดนี้ไม่ได้ ยุให้เทขายดอลลาร์แบบ"โจ่งครึ่ม" นะครับ เดี่ยวพี่กันเขาเอาตาย ค่อยเป็นค่อยไป หรืออาศัยกระตุ้นให้ เอกชนในประเทศ กว้านซื้อทองคำก็ได้ จะได้ไม่ถูกจับตา แบบที่ผมกระตุ้นพวกท่านอยู่ในเวลานี้(เพราะตัวเองไม่มีเงิน..555) และไม่จำเป็นต้อง เปิดเผยตัวเลขครอบครอง ทองคำที่แท้จริง ถ้าทำได้ก็ออกกฎหมาย ควบคุมส่งขายทองคำไปต่างประเทศ จีนเขาก็ใช้วิธีนี้ทั้งนั้น แบ็งชาติไม่จำเป็นต้อง ลงไปเล่นเอง (ถ้าไม่ติดขัดข้อกฎหมายนะครับ) http://www.uncommonwisdomdaily.com/chinese-gold-checks-in-n…
แต่ถ้าแบ็งชาติจะเล่นเอง ถ้าให้ผมแนะนำก็คือ สัดส่วน 30:30:30:10 ทองคำ:หยวน:ดอลลาร์:สกุลเงินอื่นๆ เสี่ยงน้อยที่สุดครับ เพราะดอลลาร์ไร้ค่า ยังมีทองคำและหยวน หรือหยวนไม่สามารถผงาด ยังมีดอลลาร์และทองคำเป็นหลักประกันอีก 60% แต่ถ้าจะเล่นทองคำทั้งหมดก็ได้ มันจะเร็วและเสี่ยงเกินไป เพราะยังต้องทำมาค้าขาย และจะถูกจับตามากขึ้น
เพราะผมเองก็เกรงว่าเราจะเป็นอีกประเทศ ที่ไม่ต่างจากตะวันออกกลาง และยูเครน ถ้าเกมส์มหาอำนาจไม่ทัน..

 

Chalee Na Roied



ตอนนี้มีบางท่าน แชร์ข้อมูลมานะครับว่า กำลังมีการใช้เครื่องมือ ทางโซเชียลมีเดีย ปลุกระดมเพื่อให้เกิดการ เกลียดอเมริกา เพราะรัฐบาลสหรัฐจะได้หาข้ออ้าง ส่งทหารเข้ามารักษาผลประโยชน์สหรัฐ ภายในประเทศไทยได้ ถามว่ากรณีเกิดขึ้นได้หรือไม่?
ถ้าพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง บางประเทศแล้ว เคยใช้วิธีนี้ครับ เช่น ในตะวันออกลาง จากการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปล่าสุด เพราะสถานการณ์ความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ http://www.zerohedge.com/…/aircraft-carrier-stennis-has-big…
แต่ผมเชื่อว่า โดยนิสัยคนไทยแล้ว เกมส์นี้ของสหรัฐอาจจะใช้ไม่ได้ คือ คนไทยแม้จะรักชาติแค่ไหน แต่คงไม่ถึงขั้นบุกสถานฑูต หรือไปเผาห้างร้านต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลสหรัฐ "เว้นแต่" สร้างสถานการณ์ ขึ้นมาเสียเอง เหมือนที่เกิดในหลายๆประเทศ
ตอนนี้รัฐบาลต้องทำงานเชิงรุกแล้วครับ จะตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เพราะเราไม่ใช่ชาติมหาอำนาจ ที่จะสามารถไปเจรจาต่อรองได้ ดูรัสเซียเป็นตัวอย่างนะครับ ทั้งๆที่มีหัวรบนิวเคลียร์เท่าๆกับสหรัฐ แต่มิวายถูกกดดันทางเศรษฐกิจ แม้กระทั่งการสร้างสถานการณ์ เพื่อโยนความผิดมาให้ รัสเซียเขามีสื่อในการเผยแพร่ ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง ให้ชาวโลกได้รับทราบคือ RT news และ Sputnik ทั้งในสหรัฐและอังกฤษ แต่บ้านเราไม่มีแม้แต่ช่องทางเดียว
ผมอยากจะย้ำว่า .."เราสามารถโจมตี(นโยบาย)รัฐบาลสหรัฐได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดชาวอเมริกัน".. เพราะคนอเมริกันส่วนใหญ่ เขาก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆทั่วโลก บางคนแทบไม่รู้จักประเทศไทยด้วยซ้ำ ผมเองมีเพื่อนทหารอเมริกัน ที่เคยฝึกร่วมผสมเป็นจำนวนมาก ก็ไม่ได้ไปต่อต้านแต่อย่างใด 2 ปีที่แล้วก็ยังพาครอบครัว ชาวอเมริกันตระเวนเที่ยว เชียงใหม่ตามปรกติ
คนไทยต้องรู้จักแยกแยะระหว่าง "นโยบายรัฐบาลสหรัฐ กับพลเมืองชาวอเมริกัน" ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เวลานี้ เขาก็เบื่อหน่ายรัฐบาลของพวกเขาเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะยังมีกลุ่มคนที่มีอิทธิพล ครอบงำรัฐบบาลวอชิงตันอีกที
แต่ต้องยอมรับว่า ภายในรัฐบาลสหรัฐเอง ก็ยังมีความแตกแยก เป็นอันมาก แต่เราต้องแยกให้ออกระหว่าง รัฐบาลกับประชาชน และแสดงออกในกรอบของกฎหมายนะครับ เพราะเวลานี้คาดว่า รัฐบาลสหรัฐคงไม่สามารถ รอให้ถึงเลือกตั้ง เพราะต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในรัฐบาลไทยโดยเร็วที่สุด
เพราะรู้ดีว่าเวลานี้ จีนและประเทศในกลุ่ม BRICS กำลังแสวงหาความร่วมมือกันทางการค้าเป็นเส้นทางสายไหม ทางทะเลในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐ ไม่สามารถยอมได้ เพราะยิ่งมีการค้าและความร่วมมือกับจีน มากขึ้นเท่าไหร่ "เงินดอลลาร์" ก็ไหลกลับสหรัฐเร็วขึ้นเท่านั้น
ไทยเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าได้ไทยกลับไปเป็นพันธมิตร นโยบายปักหมุดในเอเชีย(Asia pivot) ก็จะง่ายขึ้นนั่นเอง
อย่างที่เคยบอกตั้งแต่ห้วงปีใหม่นั่นแหละครับ ประเทศเล็กๆกำลังจะถูกกดดัน และบีบให้เลือกข้าง ถ้าไม่ยอมตามย่อมต้องเผชิญกับ ความท้าทายในรูปแบบต่างๆ ตามมาอีกเป็นอันมาก
http://thesilkroads.me/…/the-american-pivot-defining-geopo…/

 

Thanong Fanclub

โอบามาออกมาหนุนรัฐบาลกรีซต่อรองยุโรป
หลังจากฝรั่งเศสหักหน้าเยอรมันไปแล้วด้วยการหนุนให้กรีซสามารถเจรจาได้เงื่อนไขที่ดีขึ้นในการปรับโครงสร้างหนี้ โอบามาแสดงท่าที่เห็นอกเห็นใจกรีซอีกคน โดยให้สัมภาษณ์ในวันอาทิตย์ว่ามันมีขีดจำกัดที่เจ้าหนี้ยุโรปจะไล่บี้กรีซในขณะที่กรีซจำต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และเมื่อการเป็นอยู่ของประชาชนตกลงไป25% ระบบการเมืองหรือภาคสังคมจะรับไม่ได้
โอบามาคงจะไม่ได้หัวงดีอะไรกับกรีซมาก แต่คงเห็นแล้วว่าถ้ายุโรปยังบีบกรีซแบบนี้มีความเสี่ยงที่กรีซจะตีจากยุโรปไปซบออกรัสเซียและBRICSแทน จะทำให้ยุโรปอาจจะล่ม และจะทำให้การเผชิญหน้าระหว่างยุโรป+สหรัฐฯและรัสเซียในยูเครนอาจจะต้องออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง
เยอรมันต้องจ๋อยเพราะว่าก่อนหน้านี้ขู่กรีซว่าอย่ามาต่อรองหรือแบล๊คเมล์นะ ไม่มีทางหรอก แต่ตอนนี้ปรากฎว่ากรีซถือไพ่เหนือกว่าแล้ว ต้องการให้ลดหนี้กว่า50% ถ้าเยอรมันไม่ยอม กรีซก็จะพูดกู๊ดบาย
ร้อนก้นถึงโอบามาต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย
thanong
2/2/2015
Obama Expresses Sympathy for New Greek Government - WSJ

 

Thanong Fanclub



ญี่ปุ่นกำลังเป็นรัฐทหาร
อาเบะเตรียมแก้รัฐธรรมนูญให้ญี่ปุ่นส่งกองกำลังรบไปต่างประเทศได้ เพิ่งจะเพิ่มงบประมาณทหาร $2,000กว่าล้านเพื่อเสริมกองทัพญี่ปุ่น การที่พวกISISฆ่าชาวญี่ปุ่น2คน ยิ่งทำให้อาเบะได้แรงหนุนที่จะเปลี่ยนญี่ปุ่นเป็นรัฐทหาร
*************
นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ชี้ญี่ปุ่นต้องร่วมมือกับประชาคมโลกในการสกัดกั้นลัทธิก่อการร้าย และหาวิธีที่จะปกป้องพลเมืองจากอันตราย หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้เผยแพร่คลิปยืนยันการสังหารนักข่าวชาวญี่ปุ่น
กลุ่มไอเอสซึ่งยึดพื้นที่กว้างขวางในอิรักและซีเรียประกาศเมื่อวานนี้(1)ว่า เคนจิ โกโตะ นักข่าวสายสงครามชาวเมืองปลาดิบได้ถูกสังหารแล้ว หลังความพยายามเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันไม่เป็นผล โดยก่อนหน้านี้เพียง 1 สัปดาห์ นักรบไอเอสก็ได้ฆ่าตัดหัว ฮารูนะ ยูกาวะ ตัวประกันญี่ปุ่นอีกรายหนึ่ง
อาเบะ ได้กล่าวประณามพฤติกรรมโหดร้ายป่าเถื่อนของกลุ่มไอเอส และยืนยันว่าญี่ปุ่นพร้อมที่จะร่วมมือกับประชาคมโลกในการต่อสู้ลัทธิก่อการร้ายอย่างเต็มกำลัง
“หากเราไม่ยอมร่วมมือกันเพราะหวาดกลัวผู้ก่อการร้าย ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามที่คนเลวทรามพวกนั้นต้องการ” ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวต่อสื่อมวลชน
เมื่อวานนี้(1) อาเบะ ยังได้ประกาศกร้าวว่าญี่ปุ่นจะสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อภูมิภาคตะวันออกกลางมากยิ่งขึ้น
กลุ่มไอเอสได้เผยแพร่คลิปวีดีโอยืนยันการสังหาร โกโตะ วัย 47 ปี ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และก่อนหน้านั้นก็ได้เปิดเผยภาพถ่ายร่างที่ไร้ศีรษะของ ยูกาวะ ซึ่งตกอยู่ในเงื้อมมือผู้ก่อการร้ายมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม หลังจากเดินทางไปซีเรียเพื่อร่วมพิธีเปิดบริษัทด้านความมั่นคงแห่งหนึ่ง
ความตายของพลเมืองญี่ปุ่นทั้ง 2 รายนำมาซึ่งกระแสเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลดทอนข้อจำกัดและเปิดทางให้กองกำลังญี่ปุ่นสามารถปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือในต่างแดนได้
อาเบะ แถลงต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาในวันนี้(2)ว่า เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญทำให้ญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าร่วมภารกิจโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอเอส และไม่อาจสนับสนุนแม้กระทั่งในด้านการขนส่ง แต่ควรมีการอภิปรายถึงความเป็นไปได้ในการส่งกองกำลังไปช่วยเหลือพลเมืองญี่ปุ่นที่ตกอยู่ในอันตราย
ปัจจุบัน ภารกิจลักษณะนี้ยังถูกจำกัดด้วยข้อกฎหมาย ทว่าโตเกียวมีแผนที่จะเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อผ่อนคลายข้อจำกัดดังกล่าวต่อรัฐสภาเร็วๆ นี้
รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยชีวิตของ โกโตะ ซึ่งตกเป็นตัวประกันรายที่ 2 ของกลุ่มไอเอส หลังจากที่เขาเดินทางไปซีเรียเพื่อหาทางช่วยชีวิต ฮารูนะ ยูกาวะ ที่ถูกจับไปก่อนหน้า
รินโกะ ภริยาของนักข่าวผู้นี้ ระบุว่า เธอและครอบครัวหัวใจสลายเมื่อรู้ข่าวการตายของสามี
“ฉันยังภาคภูมิใจในตัวสามีเสมอ เขาปฏิบัติหน้าที่ของสื่อในการรายงานความทุกข์ยากของประชาชนในพื้นที่ขัดแย้ง เช่น อิรัก โซมาเลีย และซีเรีย” รินโกะ ระบุในคำแถลง ซึ่งถูกโพสต์ลงบนเว็บไซต์กองทุน โรรี เพ็ค องค์กรสนับสนุนผู้สื่อข่าวอิสระซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงลอนดอน
“เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ทั่วโลกได้เห็นว่า ความขัดแย้งส่งผลกระทบต่อชีวิตพลเมืองทั่วไปอย่างไร โดยเฉพาะในสายตาของเด็กๆ และทำให้พวกเราที่เหลืออยู่ได้ตระหนักถึงความเลวร้ายของสงคราม”
2/2/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…