ติดตามสถานะการณ์

เทพบุตร ชาวดิน

เปิดแล็บ 'อีโบลา' เคลื่อนที่ในไลบีเรีย
by Patshaya Mahatthanotham
31 มกราคม 2558 เวลา 10:28 น.

องค์การสหประชาชาติ เปิดแล็บเคลื่อนที่สำหรับตรวจเชื้อไวรัสอีโบลาในเมืองซินเจ พื้นที่ห่างไกลทางตอนเหนือของไลบีเรีย

องค์การสหประชาชาติ เปิดแล็บเคลื่อนที่สำหรับตรวจเชื้อไวรัสอีโบลาในเมืองซินเจ พื้นที่ห่างไกลทางตอนเหนือของไลบีเรีย ซึ่งคาดว่าจะทำให้การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาหรือไม่ ตลอดจนการป้องกันรักษาในพื้นที่ห่างไกลเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องส่งตัวอย่างคนไข้ไปตรวจยังกรุงมอนโรเวีย เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่า 1 วัน กว่าผลตรวจจะถูกส่งกลับมา การมีแล็บเคลื่อนจึงทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้สะดวกมากขึ้น แล็บดังกล่าวเป็นตู้คอนเทนเนอร์ดัดแปลง ภายในบรรจุอุปกรณ์ทางการแพทย์ไว้อย่างครบถ้วน โดยงบประมาณที่นำมาสร้างเป็นเงินที่ได้จากการสมทบทุนโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ และ "เซฟ เดอะ ชิลเดรน" องค์กรด้านมนุษยธรรมในอังกฤษ
<iframe width="640" height="360" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=161445" ></iframe>



เปิดแล็บ 'อีโบลา' เคลื่อนที่ในไลบีเรีย - VoiceTV

 

แนะเฝ้าระวังอีโบลาระบาดในหมู
โดย ทีมข่าวการศึกษา 31 ม.ค. 2558 05:01



จากกรณีนักวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศตรวจวิเคราะห์เลือดจากผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาพบว่าผู้ป่วยไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น อีกทั้งยังพบแบบแผนทางพันธุกรรมมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจจะทำให้เปลี่ยนรูปแบบการติดต่อจากคนสู่คนได้ง่ายขึ้นโดยผ่านทางอากาศนั้น

นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านโรคติดเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ข้อมูลนี้ยังไม่ชัดเจน ยังไม่มีหลักฐานบอกว่าเชื้อตัวนี้ติดต่อผ่านทางอากาศได้หรือไม่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว และเท่าที่ตนได้ศึกษาดูการวิจัยเรื่องนี้คาดว่าเป็นการทดสอบเชื้อไวรัสอีโบลาสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในแอฟริกาตะวันตก โดยเทียบเคียงจากการศึกษาแพร่เชื้อไวรัสอีโบลาสายพันธุ์เรสตัน จากลิงสู่หมู และจากหมูสู่คน ในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อปี 2009 แต่คนที่ได้รับเชื้อจากหมูนั้นไม่มีอาการป่วยแต่อย่างใด ดังนั้นการทดสอบครั้งนี้จึงตั้งสมมติฐานว่าหมูเป็นพาหะที่สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสอีโบลาได้ จึงทำการเลี้ยงหมูรวมกับลิงแต่ใช้ผนังลวดกั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้สัตว์ทั้ง 2 ชนิดสัมผัสกัน พบว่าในระยะเวลา 8 วัน ลิงมีอาการเหมือนโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เลยพิสูจน์ว่ามีการแพร่เชื้อจากหมูได้เช่นเดียวกับสายพันธุ์เรสตัน ที่สำคัญคือสามารถแพร่มาสู่คนได้ แต่การทดลองนี้ก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าสายพันธุ์ที่เป็นปัญหานี้ติดต่อจากหมูสู่คนผ่านทางอากาศได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไทยยังต้องคงมาตรการควบคุม ป้องกันโรคเข้มข้น 100% เช่นเดิม เหมือนกับทุกประเทศในโลกทำกัน และที่สำคัญนอกจากจะเฝ้าระวังในลิงและสุนัขแล้วยังต้องเพิ่มการเฝ้าระวังอีโบลาในหมูด้วย.

แนะเฝ้าระวังอีโบลาระบาดในหมู - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Kaokala Fc
30 ม.ค. นาโตส่งทหารไปยุโรปตะวันออก 6 ประเทศ



องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะส่งกำลังทหารขนาดเล็กเข้าไปประจำการอยู่ในประเทศยุโรปตะวันออก 6 ประเทศด้วยกัน เพื่อช่วยประสานงานการตั้งหน่วยเฉพาะกิจรับมือกับปฏิบัติการของรัสเซียในประเทศยูเครน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่30ม.ค.ว่านายเยนส์ สโทลเทนเบิร์กเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)แถลงว่านาโตจะส่งกำลังทหารขนาดเล็กเข้าไปประจำการใน 6ประเทศของยุโรปตะวันออกประกอบด้วย เอสโตเนีย,ลัตเวีย,ลิธัวเนีย,โปแลนด์,บัลแกเรียและ โรมาเนียเพื่อช่วยประสานงานการตั้งหน่วนเฉพาะกิจรับมือกับปฏิบัติการของรัสเซียในประเทศยูเครนถือว่าเป็นครั้งแรกที่นาโตส่งทหารเข้าไปในประเทศในยุโรปตะวันออกเหล่านี้

รัฐมนตรีกลาโหมจาก28ประเทศสมาชิกนาโตจะร่วมหารือกันถึงการเสริมกำลังเต็มอัตราศึกเพื่อตอบโต้กรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ล่อแหลมของทวีปยุโรปโดยจะประชุมหารือกันในวันพฤหัสบดีที่5ก.พ.นี้ซึ่งเลขาธิการนาโตระบุด้วยว่าประเทศไหนจะรับผิดชอบเรื่องการส่งกำลังทหารเข้าร่วมหลายพันคนในกองกำลังเต็มอัตราศึกของนาโตนั้นจะทราบกันในการประชุมดังกล่าว

ส่วนกำลังทหารขนาดเล็กซึ่งจะเป็นกองกำลังส่วนหน้านั้นประกอบด้วยกำลังทหารหลายสิบคนเท่านั้นแต่จะทำหน้าที่เรื่องการฝึกซ้อมรบสายการบังคับบัญชาและควบคุมกำลังเสริมขณะที่ฝรั่งเศสก็ให้คำมั่นว่าจะส่งรถถังรถหุ้มเกราะเสริมกำลังทหารของนาโตในประเทศโปแลนด์

http://www.dailynews.co.th/…/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0…

 

รัสเซียเล็งสร้างกองทัพทันสมัย



รมว.กลาโหมรัสเซียระบุว่า ทางการมีแผนปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยในอีก 5 ปีข้างหน้า และจะไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดมีอำนาจทางทหารเหนือรัสเซีย

วันศุกร์ 30 มกราคม 2558 เวลา 18:07 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโกประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่30ม.ค.ว่า พลเอกเซอร์เก ชอยกู รมว.กลาโหมรัสเซียกล่าวว่า เขาจะไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดมีอำนาจทางทหารเหนือรัสเซียและเขาจะดำเนินแผนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยในปี2563 แม้รัสเซียเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกกรณียูเครนและราคาน้ำมันตกต่ำ จนถูกคาดหมายว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ แต่พลเอกชอยกู บอกว่าเขาจะดำเนินแผนการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับการอนุมัติแล้วจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน

พลเอกชอยกูซึ่งให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์กล่าวว่า ประธานาธิบดีปูตินตั้งภารกิจนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้ชาติอื่นมีอำนาจทางทหารเหนือรัสเซีย และแผนการดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร้เงื่อนไข เพื่อให้ระบบอาวุธของรัสเซียมีความทันสมัย

ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกเพิ่มขึ้นจากกรณีขัดแย้งในเขตตะวันออกของยูเครน ซึ่งสหรัฐกับยุโรปกล่าวหารัสเซียทำให้เกิดการก่อความไม่สงบ ด้วยการส่งทหารและอาวุธเข้าไป แต่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ขณะเดียวกันรัสเซียยังวิจารณ์องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต)ที่ขยายอิทธิพลเข้ามาในเขตยุโรปตะวันออก และประธานาธิบดีปูตินกล่าวหากองทัพยูเครนทำตัวเป็นหุ่นเชิดของนาโต้ที่กำลังดำเนินนโยบายจำกัดรัสเซีย



รัสเซียเล็งสร้างกองทัพทันสมัย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ช่วยไม่สำเร็จ! ไอซิสแพร่คลิปตัดคอ 'เคนจิ โกโตะ' ตัวประกันญี่ปุ่นแล้ว
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 ก.พ. 2558 05:09


ภาพจากคลิปวิดีโอล่าสุดของกลุ่มไอซิส (ภาพ: AP Photo)

กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) เผยแพร่คลิปวิดีโอการฆ่าตัดคอนาย เคนจิ โกโตะ ตัวประกันชาวญี่ปุ่นแล้ว หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นและอีกหลายชาติพยายามหาทางช่วยมาหลายสัปดาห์...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์กรสื่อของกลุ่มไอซิส 'อัล-ฟูร์คาน มีเดีย' เผยแพร่คลิปวิดีโอใหม่ชื่อว่า 'สาส์นถึงญี่ปุ่น' ความยาว 1 นาที 7 วินาที เมื่อวันเสาร์ (31 ม.ค.) แสดงให้เห็นภาพนายโกโตะ ในชุดสีส้มอยู่ในท่าคุกเข่า ในขณะที่มีชายชุดดำสวมหมวกโม่งถือมีดยืนอย่ข้างหลังนายโกโตะ โดยชายคนนี้กล่าวโทษรัฐบาลญี่ปุ่นว่าเป็นสาเหตุให้นายโกโตะต้องตาย จากนั้นคลิปตัดไปในขณะที่ชายชุดดำนำมีดมาจ่อที่คอของนายโกโตะ และจบลงด้วยการแสดงภาพนิ่งของชายที่เชื่อว่าเป็นนายโกโตะ ถูกตัดคอไปแล้ว


ชายชุดดำผู้ทำหน้าที่ฆาตกรรมนายโกโตะที่ปรากฏในคลิป ซึ่งคาดว่าเป็น ญิฮาด จอห์น จากการพูดด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงตอนใต้ กล่าวถึงรัฐบาลญี่ปุ่นว่า "คุณ เหมือนกับพันธมิตรที่โง่เขลาของพวกคุณในกลุ่มพันธมิตรซาตาน ยังไม่เข้าใจว่าพวกเรา ด้วยความกรุณาของพระเจ้า คือรัฐบาลอิสลามที่มีทั้งอำนาจและอิทธิพล ทั้งกองทัพกระหายอยากได้เลือดของพวกคุณ"

จากนั้นญิฮาด จอห์น จึงกล่าวถึงนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ตรงๆว่า "เพราะการตัดสินใจสะเพร่าของคุณที่จะเข้าร่วมในสงครามที่ไม่มีทางชนะ มีดนี้จะไม่เพียงแค่สังหารเคนจิ แต่จะสังหารต่อไปและทำให้เกิดการนองเลือด ณ ที่ใดก็ตามที่พบประชาชนของคุณ ฉนั้น ให้ฝันร้ายสำหรับญี่ปุ่นเริ่มต้นขึ้นเถิด"

อย่างไรก็ตาม คลิปวิดีโอนี้ไม่มีการเอ่ยถึงร้อยโท มูอัซ อัล-คาซาสเบห์ นักบินของกองทัพจอร์แดน ที่ถูกจับเป็นตัวประกันตั้งแต่เดือนธ.ค. และถูกขู่สังหารเช่นกัน


ทั้งนี้ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่ากำลังพยายามพิสูจน์ความถูกต้องของคลิปวิดีโอนี้ ขณะที่นายโยชิฮิเดะ สุกะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นรู้สึกเจ็บแค้นต่อวิดีโอนี้อย่างมาก และคณะรัฐมนตรีกำลังประชุมกันเพื่อหารือว่าจะตอบโต้ต่อเรื่องนี้อย่างไร

ด้าน นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ กล่าวย้ำคำเดิมว่าญี่ปุ่นจะไม่ยอมแพ้แก่ผู้ก่อการร้าย และญี่ปุ่นจะประสานงานกับประชาคมนานาชาติเพื่อนำตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการฆาตกรรมนายโกโตะมารับโทษให้ได้

อนึ่ง เมื่อวันอังคารที่ 20 ม.ค. กลุ่มไอซิสเผยแพร่คลิปวิดีโอเรียกค่าไถ่จากประเทศญี่ปุ่นเป็นเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนายเคนจิ โกโตะ นักข่าวอิสระวัย 47 ปี และนายฮารูนะ ยูคาวะ อดีตนักธุรกิจวัย 42 ปี โดยกำหนดเส้นตายไว้ภายใน 72 ชั่วโมง

แต่เมื่อญี่ปุ่นแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าจะไม่จ่ายค่าไถ่ ในวันเสาร์ที่ 24 ม.ค. ไอซิสจึงแพร่คลิปวิดีโอใหม่ เป็นภาพนิ่งแสดงให้เห็นว่านายโกโตะซึ่งยังมีชีวิตอยู่ กำลังถือภาพที่ดูเหมือนเป็นศพของนายยูคาวะถูกฆ่าตัดคอ คลิปนี้ยังมีเสียงซึ่งอ้างว่าเป็นของนายโกโตะบันทึกเอาไว้ โดยเสียงนี้ประกาศข้อเรียกร้องใหม่ของไอซิส คือแลกตัวนายเคนจิกับนางซาจิดา อัล-ริชาวี มือระเบิดฆ่าตัวตายที่กำลังอุทธรณ์โทษประหารในจอร์แดน

ต่อมา ในวันอังคารที่ 27 ม.ค. ไอซิสเผยแพร่คลิปใหม่ แสดงให้เห็นภาพนิ่งของนายโกโตะ ถือรูปภาพนายอัล-คาซาสเบห์ นักบินของกองทัพจอร์แดน และมีเสียงซึ่งเชื่อว่าเป็นของนายเคนจิเช่นเดิมกล่าวว่า เขาเหลือเวลามีชีวิตอีกเพียง 24 ชั่วโมง ขณะที่นักบินเหลือเวลาน้อยกว่านั้น หากจอร์แดนไม่ยอมปล่อยตัวนางริชาวี

ในเบื้องต้น รัฐบาลจอร์แดนมีท่าทีจะยอมปล่อยตัวนางริชาวี ไอซิสจึงขยายเส้นตายไปจนถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดินในวันพฤหัสบดี (29 ม.ค.) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษเกิดขึ้น เนื่องจากจอร์แดนระบุว่า ไอซิสไม่สามารถมอบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า นักบินของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ และในที่สุดคลิปวิดีโอล่าสุดนี้ก็ถูกเผยแพร่ออกมา

ช่วยไม่สำเร็จ! ไอซิสแพร่คลิปตัดคอ 'เคนจิ โกโตะ' ตัวประกันญี่ปุ่นแล้ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

แปลก ! แพะที่แต่งงานกับชายซูดานให้กำเนิดลูกน้อย



กรณีที่ชายชาวซูดานถูกจับแต่งงานกับแพะในปี 2549 หลังจากเจ้าของแพะถูกจับได้ว่า ชายคนดังกล่าวสมสู่กับแพะของเขา มีรายงานล่าสุดในปี 2550 ว่า แพะตัวนี้ตายแล้ว แต่ก่อนตาย 4 เดือน ได้ให้กำเนิดลูกน้อยออกมาตัวหนึ่ง เป็นแพะ ไม่ใช่เป็นคน

วันอาทิตย์ 1 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 11:38 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน เมื่อวัน 31 ม.ค. ว่านายทอมเบ ชายชาวซูดานถูกบังคับให้รับแพะเป็นภรรยาหลังจากเขาถูกจับได้ว่าไปแอบสมสู่กับสัตว์เลี้ยงชนิดนี้ โดยนายอาลีฟี เจ้าของแพะ กล่าวว่า เขารู้สึกประหลาดใจที่ชายคนดังกล่าวไปมีอะไรกับแพะของเขาและนำตัวเขาไปให้สภาผู้นำชนเผ่าพิพากษาโทษ ซึ่งสภาฯ ก็ได้สั่งให้นายทอมเบจ่ายเงินค่าสินสอด 15,000 ดีนาร์ซูดาน (50 ดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่นายอาลีฟีเจ้าของแพะ

นายอาลีฟี กล่าวว่า เราได้ให้แพะแก่เขาไปและจนถึงขณะนี้ ทั้งนายทอมเบและแพะก็ยังอยู่ด้วยกัน นายอาลีฟีจากเมืองไฮ มาลากัล ในรัฐอัปปอร์ไนล์ กล่าวกับหนังสือพิมพ์จูบาโพสต์ ว่าเขาได้ยินเสียงดังอย่างรุนแรงในช่วงกลางดึกของวันที่ 13 ก.พ.2549 และรีบวิ่งออกไปดูด้านนอกก็พบว่า นายทอมเบกำลังมีเพศสัมพันธ์กับแพะของเขาอยู่ "เมื่อผมถามเขาว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ที่นี่เขาก็ก้มลงหลบอยู่ด้านหลังแพะ ดังนั้นผมจึงต้องจับตัวเขาและผูกเขาไว้" จากนั้นนายอาลีฟี ก็เรียกผู้นำชนเผ่าเพื่อให้มาตัดสินว่าจะเอาอย่างไรกับคดีที่เกิดขึ้นนี้

นายอาลีฟี กล่าวกับหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวว่า สภาผู้นำชนเผ่าบอกว่าผมไม่ควรจะแจ้งความตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับเขา แต่ให้เขาจ่ายเงินสินสอดแทนเพราะเขารับมันเป็นเมียแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาในปี 2550 เจ้าแพะตัวนี้ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่าโรส ได้ตายลง แต่มันกลับคลอดลูกน้อยออกมาตัวหนึ่งแต่ไม่ใช่คน เมื่อ 4 เดือนก่อนสิ้นลม

นายอาลีฟี กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาไม่ได้ตั้งชื่อให้เจ้าแพะก่อน แต่ระหว่างขึ้นศาลนั้นสภาผู้นำชนเผ่าได้เอ่ยชื่อแพะตัวนี้ว่าโรส แพะสีดำขาวและโชคร้ายที่มันตายเร็วไป เพื่อนบ้านต้องสงสัยว่าโรสอาจกินถุงพลาสติกขยะใกล้กับบริเวณบ้านของนายทอมเบ โรสให้กำเนิดลูกแพะเพศผู้ตัวใหม่และลูกน้อยก็อยู่กับนายทอมเบ

นายอาลีฟี กล่าวเมื่อครั้งที่เป็นคดีความว่ าการจับแต่งงานจะเป็นการสอนบทเรียนให้นายทอมเบ

แปลก ! แพะที่แต่งงานกับชายซูดานให้กำเนิดลูกน้อย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

รัฐอุตตรประเทศ ไอเดียกระฉูดใช้เงินล่อแต่งข้ามวรรณะ



รัฐอุตตรประเทศของอินเดีย พยายามส่งเสริมการแต่งงานข้ามวรรณะ ด้วยการเสนอมอบเงินรางวัลจูงใจ 50,000 รูปี พร้อมใบทะเบียนสมรสจัดให้ด้วย โดยมีเงื่อนไขเดียวว่า เจ้าสาวและเจ้าบ่าว ต้องเป็นคนละวรรณะ

วันอาทิตย์ 1 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 11:21 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลีประเทศอินเดีย เมื่อวันที่31ม.ค.ว่าหนังสือพิมพ์ไทม์ส ออฟ อินเดียรายงานว่า รัฐอุตตรประเทศทางภคเหนือของอินเดียกำลังพยายามที่จะส่งเสริมการแต่งงานข้ามวรรณะด้วยการเสนอมอบเงินสดเป็นรางวัลจูงใจโดยรัฐบาลในรัฐอุตตรประเทศกำลังเสนอเงินรางวัลสำหรับผู้ที่แต่งงานใหม่จำนวน 50,000รูปี หรือ 810ดอลลาร์สหรัฐพร้อมมอบเหรียญรางวัลและใบทะเบียนสมรสให้ด้วยโดยมีเงื่อนไขเดียวเท่านั้นคือทั้งเจ้าสาวและเจ้าบ่าวต้องเป็นหนึ่งในวรรณะที่กำหนดไว้แล้วของอินเดียเงื่อนไขนี้ยังอ้างอิงถึงวรรณะที่ต่ำที่สุดของระบบวรรณะของฮินดูซึ่งถูกพิจารณาอย่างเป็นทางการว่าด้อยโอกาสทางสังคม

ทั้งนี้ โดยปกติแล้วการแต่งงานข้ามวรรณะนี้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามในอินเดียและมีหลายกรณีที่คู่สามีภรรยาถูกฆ่าโดยครอบครัวของตัวเองซึ่งเรียกกันว่า การฆ่าเพื่อรักษาเกียรติจากผลของความสัมพันธ์ข้ามวรรณะ

นักเคลื่อนไหวทางสังคมในภูมิภาคต่างแสดงความยินดีกับข้อเสนออันเป็นแรงจูงใจใหม่นี้โดยระบุว่ามันอาจช่วยเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของประชาชนได้บ้าง“มันจะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนใจของผู้คนได้อย่างทันทีทันใดแม้หลังจากการเสนอเงินรางวัลแล้วแต่มันก็เป็นความก้าวหน้า”โรฮิต ชอดรีซึ่งตัวเขาเองเลือดในกายครึ่งหนึ่งก็มาจากการแต่งงานข้ามวรรณะกล่าว

“ทุกคนมีสิทธิ์เลือกคนที่เขาหรือเธอต้องการใช้ชีวิตร่วมด้วยไม่ควรจะมีใครถูกลงโทษบนพื้นฐานของวรรณะหรือความศรัทธานอกจากมอบเงินเป็นขวัญถุงคู่สามีภรรยาต้องได้ใบทะเบียนสมรสซึ่งได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองก่อนที่จะถูกส่งต่อไปให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น”เว็บไซต์หลายแห่งระบุไว้

คู่สามีภรรยา 8คู่ในเมืองมีรุตได้ลงชื่อไว้แล้วและมีกำหนดที่จะเข้าร่วมพิธีแต่งงานหมู่ในวันที่8ก.พ.นี้ก่อนวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก



รัฐอุตตรประเทศ ไอเดียกระฉูดใช้เงินล่อแต่งข้ามวรรณะ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

แม่บ้านกรีซเฮ รัฐบาลใหม่กรีซจ้างกลับเข้าทำงาน



แม่บ้านในหน่วยงานรัฐในกรีซ ต่างแสดงความยินดี ที่รัฐบาลชุดใหม่ ประกาศจ้างพวกเธอกลับเข้าทำงานอีกครั้ง หลังถูกเลิกจ้างจากรัฐบาลชุดก่อน ตามเงื่อนไขโครงการเงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจกับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ

วันอาทิตย์ 1 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 11:40 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเอเธนส์ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 1ก.พ.ว่าเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของรัฐบาลที่ถูกปลดออกจากงานในกรีซออกมาฉลองเมื่อวันพุธหลังจากทราบข่าวว่าพวกเธากำลังจะได้รับกลับเข้าทำงานเหมือนเดิมโดยเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเกือบ600 คนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงชุมนุมกันด้านนอกกระทรวงการคลังและเศรษฐกิจตั้งแต่พวกเธอได้รับแจ้งว่าถูกเลิกจ้างในปี2556 ซึ่งตั้งแต่นั้นมาพวกเธอก็ได้ตั้งแคมป์ปักหลักประท้วงกันอยู่ด้านนอกกระทรวงเศรษฐกิจขณะที่คำอุทธรณ์ของพวกเธอที่ระบุว่าการถูกเลิกจ้างดังกล่าวไม่ยุติธรรม ไปถึงศาลสูงสุดแล้วแต่พวกเธอก็แพ้คดี

ผู้หญิงเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำงานภายในอาคารของกระทรวงต่างๆ แต่การสูญเสียงานเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการเลิกจ้างตามคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลกรีซชุดก่อนให้คำมั่นไว้กับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเงินกู้จำนวนมหาศาลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

พวกเธอกล่าวเมื่อวันพุธว่าดีใจมากที่ได้ทราบว่าพวกเธอจะได้รับกลับเข้าไปทำงานเหมือนเดิมซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวก็หมายถึงบ้านและครอบครัวก็ยินดีด้วยและพวกเราก็มีความฝันอีกครั้ง

แรงงานที่ปักหลักประท้วงอยู่ด้านนอกกระทรวงการคลังซึ่งเมื่อนายยานิส วารูฟาคิสรัฐมนตรีคลังคนใหม่ เดินทางมาถึงเขาก็ถูกจูบและได้รับเสียงปรบมือระหว่างทางที่เดินเข้าอาคารของกระทรวงซึ่งถูกรุมล้อมด้วยผู้ประท้วงและนักข่าว

นายวารูฟาคิสกล่าวกับผู้สื่อข่าวขณะเข้ารับตำแหน่งต่อจากศาสตราจารย์กีคัสฮาร์ดูเวลิส ว่าจะมีการปรับโครงสร้างที่กระทรวงการคลังทันทีซึ่งหนึ่งในการเคลื่อนไหวแรกจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่กระทรวงทันทีตัวอย่างเช่นจำนวนที่ปรึกษาและการลดค่าใช้จ่ายนี้จะนำเงินที่เหลือไปจ้างเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดกลับมาทำงานที่กระทรวงมันจะเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง

ทั้งนี้รัฐบาลฝ่ายซ้ายชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิสซีปราส มีแผนการคืนตำแหน่งลูกจ้างในภาครัฐที่ถูกให้ออกจากงานโดยไม่สมเหตุสมผลและประกาศเพิ่มงบประมาณบำนาญสำหรับผู้เกษียณอายุที่มีรายได้ต่ำด้วย

แม่บ้านกรีซเฮ รัฐบาลใหม่กรีซจ้างกลับเข้าทำงาน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

นายกฯคนใหม่กรีซมั่นใจชำระหนี้คืนได้



นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซ ลั่นเชื่อมั่นบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ เชื่อมั่นชำระหนี้คืนได้ และไม่มีเจตนาดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียว

วันอาทิตย์ 1 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 12:22 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเอเธนส์ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 1ก.พ.ว่านายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสผู้นำฝ่ายซ้ายของกรีซแถลงวันนี้ว่า เขามีความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศเกี่ยวกับการชำระคืนหนี้ของกรีซได้โดยนายซีปราสระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งที่ส่งถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะดำเนินการฝ่ายเดียวหนึ่งวันหลังจากกรีซแสดงท่าทีแข็งกร้าวกับเจ้าหนี้

นายยานิส วารูฟาคิสรัฐมนตรีคลังซึ่งจัดการประชุมอย่างคร่ำเครียดกับตัวแทนกลุ่มยูโรในกรุงเอเธนส์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเดินทางเยือนกรุงปารีสฝรั่งเศส,ลอนดอน อังกฤษและโรม อิตาลีเพื่อพบปะหารือกับรัฐมนตรีคลังของประเทศเหล่านี้

นายซีปราส กล่าวว่าเขาไม่เคยคิดดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวและแสดงความมั่นใจว่ากรีซและเจ้าหนี้จะบรรลุข้อตกลงกันได้เขายังให้คำมั่นด้วยว่าจะจ่ายหนี้ให้แก่ธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบีและกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการยุโรปเจ้าหนี้ของกรีซ หรือที่เรียกว่ากลุ่มทรอยกา

นายกฯคนใหม่กรีซมั่นใจชำระหนี้คืนได้ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ไอเอสยอมรับพ่ายแพ้เสียเมืองโคบานี



สมาชิกกลุ่มก่อการร้ายไอเอสออกมายอมรับผ่านคลิปวิดีโอเป็นครั้งแรก ถึงความพ่ายแพ้จากการปะทะกับกองกำลังนานาชาติและกองทัพชาวเคิร์ด จนต้องถอยร่นออกจากเมืองโคบานีของซีเรีย

วันอาทิตย์ 1 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 02:53 น.
สำนักข่าวเอพี รายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ว่า สำนักข่าวอามัคผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายไอเอสในอิรักและซีเรีย เผยแพร่คลิปวิดีโอเป็นภาพของชายที่ปกปิดใบหน้า 2 คน ด้านหลังเป็นป้ายชื่อเมืองโคบานี ที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย ติดพรมแดนตุรกี ถูกสเปรย์ทับด้วยชื่อ "ไอน์ อัล-อิสลาม" ซึ่งเป็นชื่อที่ไอเอสใช้เรียกเมืองนี้ โดยกล่าวถึงการถอนกำลังของกลุ่มไอเอสออกจากเมืองดังกล่าว

นับเป็นครั้งแรกที่ไอเอสออกมายอมรับความพ่ายแพ้ ต่อการต้านทานที่แข็งแกร่งของกองกำลังชาวเคิร์ด และการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่องของกองกำลังผสมที่นำโดยสหรัฐ จนต้องล่าถอยออกจากเมือง ซึ่งเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักเคลื่อนไหวในพื้นที่รายงานว่า กลุ่มไอเอสสูญเสียกำลังพลไปกว่า 1,000 คน หลังเข้ายึดครองหมู่บ้านของชาวเคิร์ดกว่า 300 แห่ง ตั้งแต่เมื่อกลางเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว

ชายในวิดีโอยังกล่าวด้วยภาษาอารบิกสำเนียงแอฟริกาเหนือ ฝากไปถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐว่าพวกเขาจะยังคงเฝ้ารออยู่ที่นี่ และชี้มือไปยังซากปรักหักพังของเมืองโคบานี โดยกล่าวว่าการโจมตีทางอากาศของเครื่องบินรบสหรัฐ เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ไอเอสต้องล่าถอยออกไป เนื่องจากระเบิดเหล่านั้นทำลายทุกอย่างและสร้างความเสียหายในวงกว้าง.

ไอเอสยอมรับพ่ายแพ้เสียเมืองโคบานี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ผู้ติดเชื้อหัดดิสนีย์แลนด์พุ่งทะลุ100ราย



สาธารณสุขสหรัฐรายงานสถานการณ์โรคหัดที่เกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ เมื่อวันศุกร์จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงเกิน 100 รายแล้ว ขณะที่รัฐบาลพยายามรณรงค์เรื่องวัคซีน

วันเสาร์ 31 มกราคม 2558 เวลา 23:07 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ว่า กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐ เผยเมื่อวันศุกร์ ผู้ติดเชื้อโรคหัด ซึ่งเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกิน 100 คน พบใน 14 รัฐของสหรัฐ ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย แอริโซนา โคโลราโด อิลลินอยส์ มินเนสโซตา มิชิแกน เนบราสกา นิวยอร์ก ออริกอน เพนซิลเวเนีย เซาธ์ดาโกตา เทกซัส ยูทาห์ วอชิงตัน รวมถึงในประเทศเม็กซิโกด้วย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการทุเลาลงใน 2 - 3 สัปดาห์ ยกเว้นบางรายที่มีอาการรุนแรง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสันนิษฐานว่า การแพร่ระบาดมีต้นตอมาจากชาวต่างชาติที่ติดเชื้อ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังสวนสนุกดังกล่าวระหว่างวันที่ 15 - 20 ธ.ค.

ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) และรัฐบาลสหรัฐ ต่างรณรงค์ให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญและนำบุตรหลายเข้ารับวัคซีนเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ นายจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า แม้การนำเด็กเข้ารับวัคซีนจะเป็นสิทธิในการตัดสินใจของผู้ปกครอง แต่ประชาชนควรพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยปราศจากอคติที่มีต่อวิทยาศาสตร์ และรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

การแพร่ระบาดครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เด็กบางคนไม่ได้รับวัคซีน เนื่องจากผู้ปกครองบางกลุ่มมีแนวคิดต่อต้านวัคซีน เพราะมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น จนนำไปสู่กระแสถกเถียงในวงกว้าง โดยโรคหัดถูกประกาศว่าหมดไปจากสหรัฐตั้งแต่ปี 2543 แต่เพิ่งกลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยเชื่อว่าเป็นเชื้อที่นำเข้ามาจากนอกประเทศโดยนักเดินทางต่างชาติ.



ผู้ติดเชื้อหัดดิสนีย์แลนด์พุ่งทะลุ100ราย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ปชช.นับหมื่นร่วมเดินขบวนหนุน “พรรคซ้ายจัด-ต้านอียู” ในสเปน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กุมภาพันธ์ 2558 03:19 น.



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประชาชนเรือนหมื่นออกมาแสดงพลังร่วมเดินขบวน บนถนนหลายสายทั่วกรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปนในวันเสาร์ (31 ม.ค.) เพื่อหนุนพรรคการเมือง “โปเดโมส” ที่มีจุดยืนต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด และเตรียมลงชิงชัยในการเลือกตั้งทั่วไปในแดนกระทิงดุที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งเคลื่อนขบวนจากศาลาว่าการกรุงมาดริดไปยังจัตุรัส “ปวยร์ตา เดล โซล” พากันตะโกนข้อความว่า “ใช่ เราทำได้” พร้อมชูป้ายข้อความอื่นๆ ซึ่งบ่งชี้ถึงการสนับสนุนพรรคโปเดโมส และการต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดที่กำหนดโดยพวกเจ้าหนี้ต่างประเทศ

ด้านพรรคโปเดโมสออกคำแถลงซึ่งระบุว่า การแสดงพลังบริสุทธิ์ของประชาชนในครั้งนี้ จากผู้คนที่เดินทางมาจากทั่วประเทศสเปน ไม่ต่างจากเป็น “การก้าวเดินเพื่อการเปลี่ยนแปลง” และเป็นสิ่งที่รัฐบาลสเปนซึ่งตกเป็นทาสรับใช้ของพวกเจ้าหนี้ต่างชาติมิอาจละเลยเพิกเฉยได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายอย่างโปเดโมส ภายใต้การนำของนายปาโบล อิเกลเซียส อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยวัย 36 ปีเพิ่งก่อตั้งพรรคเมื่อ 16 มกราคมปีที่แล้ว แต่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากนโยบายต่อต้านสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดต่างๆที่สร้างความบอบช้ำให้กับประชาชนสเปน

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 31 ม.ค.58 ยูเครนจนแต้มแล้ว จ้างทหารชาติอื่นมาร่วมรบในสงคราม
แล้ววันนี้ก็มาถึงยูเครน ประเทศที่ใหญ่อันดับสอง ของอดีตสหภาพโซเวียต จนได้ เมื่อแสดงออกถึงการไร้ศักดิ์ศรีของชาติ ผู้นำยูเครน เชื่อกุนซือ อเมริกา และชาติ NATO มีการรับสมัคร "ทหารรับจ้าง" จากชาติอื่นๆ มาร่วมรบในประเทศตนเอง แม้แต่ทหารฟิลิปปินส์ก็ยังมี
หมดกันศักดิ์ศรี ไม่เหลือหรอ ทหารรับจ้างเขาก็แค่คิดว่าเป็น "พนักงาน" เท่านั้น เขาไม่ได้มีความรู้สึกรัก และหวงแหนแผ่นดิน ของคนยูเครนเอง เขาจะมีความจริงใจในการรบได้อย่างไร
หมดสภาพ จนแต้ม แล้วจริงๆ ยูเครนในยามนี้ ทหารรับจ้างร้อยพ่อ พันแม่ การฝึกฝนมาก็ต่างกัน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว ความมุ่งมั่น ไม่มี แต่ถูกยิงประเคนอาวุธใส่หนักๆ ก็เผ่นป่าราบ เพราะไม่ใช่แผ่นดินพ่อแม่ของเขา
คนที่รับมุกนี้จากชาติตะวันตก ทำไมไม่ดูการแตก และพังทลายของหลายประเทศในตะวันออกกลางเป็นตัวอย่าง การพ่ายแพ้ก็เพราะมีทหารชาติอื่นมาร่วมรบนี่แหละ

@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ขีปนาวุธ “Cornet 4 ” อาวุธที่ฮิซบุลลอฮ์โจมตีทหารอิสราเอล
ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 1, 2015 413



ABNA – หลังกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ได้เปิดฉากโจมตีขบวนรถของกองทัพอิสราเอลในเขตเชบีอาฟาร์ม ( Shebaa Farms) ขณะที่รถเหล่านั้นกำลังบรรทุกเจ้าหน้าที่และทหารไซออนนิสต์ ทำให้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่และบรรดานักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญของอิสราเอล กล่าวว่า ถือเป็นสิ่ง ปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง ที่ไม่คร่าชีวิตของทหารอิสราเอลจำนวนมากกว่านี้ เพราะในการปฏิบัติการของฮิซบุลลอฮ์ในครั้งนี้ ได้ยิงขีปนาวุธ “Cornet 4 ” ซึ่งมีอานุภาพและศักยภาพทำลายล้างสูง

ประเด็นที่สำคัญและเป็นสิ่งที่จับตามองเป็นพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่อิสราเอลในครั้งนี้ ไม่ใช่การปฏิบัติการโจมตีในเขตรถของกองทัพเชบีอาฟาร์ม ( Shebaa Farms) แต่เป็นชนิดอาวุธที่ฮิซบุลลอฮ์ใช้ในการโจมตี อิสราเอลก็รู้ดีว่าฮิซบุลลอฮ์มี ขีปนาวุธ “Cornet 4 ” ในครอบครอง

แหล่งข่าวของอิสราเอล ก็ยังกล่าวว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ของฮิซบุลลอฮ์นั้นไม่อาจจะเปรียบเทียบ กับอาวุธยุทโธปกรณ์ของกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ในกาซ่าได้

นักวิเคราะห์ชี้ว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ของฮิซบุลลอฮ์ทางภาคพื้นดิน เป็นตัวการสกัดกั้นที่ดีสำหรับกาซ่าในการถูกโจมตีจากอิสราเอล ขีปนาวุธ “Cornet 4 ” มีพิสัยประมาณ 3-4 กิโลเมตร และฮิซบุลลอฮ์ สามารถติดอาวุธชนิดนี้สำหรับนักรบของพวกเขาในการสู้รบได้อย่างง่ายดาย

ขีปนาวุธ “Cornet 4 ” เป็นขีปนาวุธที่ผลิตมาจากรัสเซีย ซึ่งเป็นชนิดที่โดดเด่นที่สุด สามารถทำลายรถหุ้มเกราะ รถถัง และยานพาหะนะ ขีปนาวุธชนิดนี้ควบคุมระบบทำงานด้วยเลเซอร์ มีความเม่นยำ และสามารถป้องกันคลื่นรวบกวนได้อย่างดีเยี่ยม ติดหัวระเบิดด้านหน้าขีปนาวุธ และมีอานุภาพทำลายล้างสูง

รัสเซีย มีการเปิดตัวขีปนาวุธชนิดนี้ครั้งแรกในปี 1994 จากนั้นได้ขายให้กับหลายๆประเทศโดยเฉพาะประเทศที่เป็นพันธมิตร

ขีปนาวุธ “Cornet 4 ” สามารถเล็งเป้านิ่งและเป้าเคลื่อนไหว เช่น รถถัง รถหุ้มเกราะ ค่ายที่พักและอื่นๆ ได้อย่างแม่นย้ำ นอกจากนั้นยังใช้อาวุธชนิดนี้ด้วยในการยิงเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ที่บินในระดับต่ำ

ขีปนาวุธชนิดนี้ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 152 มิลลิเมตร ความยาว 1,200 มิลลิเมตร และมีความเร็วเหนือเสียง มีประสิทธิภาพไกลประมานระยะ 100-5,500 เมตร ติดหัวระเบิดขีปนาวุธหนัก 7 กิโลกรัม มีประสิทธิภาพทำลายล้างสูง สามารถทำลายเกราะที่มีความหนา 1200 มิลลิเมตร และคอนกรีต 3 เมตร ได้อย่างง่ายดาย

ขีปนาวุธ “Cornet 4 ” อาวุธที่ฮิซบุลลอฮ์โจมตีทหารอิสราเอล | abnewstoday

 

สร้างแฮชแท็ก “อิสราเอลอ่อนแอยิ่งกว่าใยแมงมุม”
ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์ปาเลสไตน์by เอบีนิวส์ทูเดย์ - ม.ค. 30, 2015



ลูกชายซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ์ สร้างแฮชแท็ก “อิสราเอลอ่อนแอยิ่งกว่าใยแมงมุม”
ALALAM – ลูกชายของซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ ได้สร้างแฮชแท็ก (Hashtag) บนหน้าทวิตเตอร์ ทำให้กลายเป็นชัยชนะใหม่ในโลกไซเบอร์ สำหรับกองกำลัง มุกอวะมะฮ์ และฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอน
ในขณะที่ความปีติยินดีในชัยชนะของกองกำลังมุกอวะมะฮ์ ที่มีเหนือรัฐบาลยิวไซออนิสต์ ได้ปกคลุมไปทั่วเลบานอนและประเทศอิสลามทั้งหลายนั้น “ซัยยิด ญะวาด” บุตรชายของซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ได้สร้างแฮชแท็ก (Hashtag) บนหน้าทวิตเตอร์ของตนด้วยข้อความว่า “อ่อนแอยิ่งกว่าใยแมงมุม” ทำให้เกิดกระแสของการสนับสนุนอย่างมากมายกว่า ล้านคนได้เข้าร่วมใน “ทวิต” นี้ และอีกประมาณ 17 ล้านคน จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้เขียนโพสต์ต่างๆ ด้วยข้อความนี้เช่นกัน

ในทวิตนี้ “ซัยยิดญะวาด ฮะซัน นัศรุลลอฮ์” ได้ชี้ถึงส่วนหนึ่งจากคำปราศรัยของซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ ที่มีขึ้นในปี 2000 ในเขตพื้นที่บินตุญะบีล ภายหลังจากการปฏิบัติการทางทหารที่ประสบชัยชนะชัยชนะใน “วันพุธ” ซึ่งท่านได้กล่าวโดยอ้างอิงโองการหนึ่งของ ซูเราะฮ์ อัลอังกะบุต ของคัมภีร์อัลกุรอานที่ว่า “อัลลอฮ์! อัลลอฮ์! อิสราเอลอ่อนแอยิ่งกว่าใยแมงมุม”
การสะท้อนอย่างกว้างขวางของข้อความทวิตของลูกชายของซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์นี้ ถือเป็นอีกชัยชนะหนึ่งในโลกไซเบอร์ ที่ได้ก่อให้เกิดกระแสการแสดงความคิดเห็นต่างๆ และการโพสต์ต่างๆ ลงในทวิตเตอร์
ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบางคน ได้นำภาพต่างๆ ของบรรดาผู้ถูกสังหารชาวอิสราเอลและความพ่ายแพ้ของพวกเขาและการร้องไห้ของบรรดาทหารชาวไซออนิสต์ในสงคราม 33 วัน ในปี 2006 มาตีพิมพ์
บางคนได้ตีพิมพ์ภาพการเฉลิมฉลองของประชาชนในภาคใต้ของเลบานอนและในกรุงเบรุต และอีกบางกลุ่มก็นำเอาคลิปวิดีโอการสัมภาษณ์ประชาชนมาโพสต์
บางคนโพสต์ว่า ประชาชาติที่มีท่านซัยยิด ฮะซันนัศรุลลอฮ์ เป็นผู้นำนั้น จะไม่มีวันพ่ายแพ้
บางคนโพสต์เป็นภาษาฮิบรู ว่า อิสราเอลจงพินาศ ลับบับกา ยานัศรุลลอฮ์…..
บางคนโพสต์ว่า ช่วงเวลาแห่งชัยชนะเหนืออิสราเอลได้มาถึงแล้ว
บางคนโพสต์ว่า ผู้ใดที่ให้การสนับสนุนกลุ่มมุกอวิมัตในเลบานอน ก็ต้องให้การสนับสนุนกลุ่มมุกอวิมัตในบาห์เรนและอีรักด้วย

بمبِ تویتری فرزند سید حسن نصرالله

สร้างแฮชแท็ก “อิสราเอลอ่อนแอยิ่งกว่าใยแมงมุม” | abnewstoday

 

ประวัติฮิสบุลเลาะฮ์ ขบวนการต่อสู้แห่งเลบานอน
สารคดีเรื่องเด่นประเด็นร้อนby ยูซุฟ ญาวาดี - ม.ค. 31, 2015



ฮิสบุลเลาะฮ์ คือ องค์กรทางการเมือง-การทหาร ในประเทศเลบานอน ซึ่งในช่วงต้นปี 1980 ถูกจัดตั้งขึ้น และได้รับการชี้นำด้วย อุดมการณ์ทางการเมือง ของ อยาตุลเลาะฮ์ ซัยยิด รุฮุลลอฮ มูซาวีย์ โคมัยนี ในยุคสมัย สงครามภายในประเทศเลบานอน, ฮิสบุลเลาะฮ์ได้รับการฝึกอบรมทางการทหารและการช่วยเหลือ จากกองกำลังเพื่อความมั่นคงแห่งการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน และได้รับการสนับสนุน ทางการเงิน และการเมือง จาก สาธารณะรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน

โดยฮิสบุลเลาะฮ์จัดตั้งขึ้นโดยการประกาศ 4 เป้าหมายหลักคือ

1 การลบล้างอิทธิพลจากการล่าอาณานิคมของตะวันตก ในเลบานอน

2 การตอบโต้ พรรค Lebanese Phalanges ที่ได้ก่อสงครามภายในประเทศ

3 การจัดตั้งรัฐบาลอิสลาม

4 การปกป้องชาวเลบานอน จากการรุกรานของอิสราเอล

จากการจัดตั้งฮิสบุลเลาะฮ์ ผู้นำหลายประเทศที่ไม่ยอมรับ ความชอบธรรมของฮิสบุลเลาะฮ์ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ฮอลแลนด์, บาห์เรน, อิยิปต์, อังกฤษ, แคนาดา, สหภาพยุโรป และอิสราเอล

บทบาทของฮิสบุลเลาะฮ์ทางการทหาร

หลังจากการทำสงครามกับอิสราเอลในปี 2000 ฮิสบุลเลาะฮ์ประสบความสำเร็จในการขับไล่อิสราเอล ให้ถอยทัพออกจากภาคใต้ของประเทศ ซึ่งภายหลังจากชัยชนะอันนี้ ฮิสบุลเลาะฮ์ได้ทำการเคลื่อนไหวทางการเมือง และก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นพรรคทางการเมือง ซึ่งได้รับตำแหน่งในสภาของประเทศเลบานอนในเวลาต่อมา

แนวคิดและอุดมการณ์อิสลามนิยม

ฮิสบุลเลาะฮ์กลุ่มแรกจัดตั้งขึ้นบนแนวคิดอิสลามนิยม ,โดยในยุคสมัยดังกล่าวกองกำลังและพรรคต่างๆ เช่น ฮิสบุดดะวะฮ , อะมัล, ฟัตฮ และกลุ่มอื่นๆ จัดตั้งขึ้นมาเนื่องจากผลกระทบจากการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน และอยาตุลลอฮ ซัยยิด รูฮุลเลาะฮ์ มูซาวีย์ โคมัยนี , โดยบุคคลระดับแกนนำ ได้แก่ ซัยยิด อับบาส มูซาวี (ถูกโจมตีโดยเฮลิคอบปเตอร์อิสราเอล ในปี 1992 เสียชีวิตทั้งครอบครัว ) ,เชค ซุบฮีย ฏุฟัยลี , เชค รอฆีบ ฮัรบ, อับดุลการีม อุบัยด์, ซัยยิด ฮูเซน มูซาวีย์ , ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลเลาะฮ์, ซัยยิด อิบรอฮีม อามีนอัซซัยยิด, ชะฮีด อัมมาด มุฆนียะฮ และบุคคลท่านอื่นซึ่งอดีตเคยเป็นแกนนำของ ฮิสบุดดะวะฮ และ อามัล ก็ได้เข้าร่วมกับ ฮิสบุลเลาะฮ์ ในภายหลัง

ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลเลาะฮ์ เลขาธิการฮิสบุลเลาะฮ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ สถานีโทรทัศน์ของอิหร่าน ซีดา วะ ซีมาเยญุมฮูรีอิสลาม โดยในการสัมภาษณ์ ซัยยิด นัศรุลเลาะฮ์ ได้ประกาศว่า ผู้นำของฉัน คือ อยาตุลลอฮ ซัยยิด อาลี คาเมเนอีย์ และได้รับการชี้นำ และแนวทางจากซัยยิดอาลีคาเมเนอีย์ ในการทำสงครามกับ อิสราเอล มาโดยตลอด

การเจรจาแลกเปลี่ยน ระหว่าง ฮิสบุลเลาะฮ์ และ อิสราเอล ในปี 2004

ในวันที่ 29 มกราคม 2004 ได้มีการเจรจาตกลงระหว่างฮิสบุลเลาะฮ์กับอิสราเอลให้แลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างเชลยศึกจากชาติอาหรับต่างประมาณ 435 คนกับอดีตนายพลยศพันเอกและทหารอิสราเอลจำนวนหนึ่ง โดยมี เยอรมัน เป็นคนกลาง จากการเจรจาครั้งนี้ ฮิสบุลเลาะฮ์ประสบความสำเร็จ ในการปล่อยเชลยศึกมากกว่า 400 คน คืนถิ่นฐาน โดยมีคณะรัฐมนตรีเลบานอน และเจ้าหน้าที่ระดับสูง และประชาชนจำนวนมากได้ออกมาให้การต้อนรับเชลยศึกเหล่านี้ ซึ่งจากการเป็นอิสระของเชยศึกบรรดามุสลิมทั่วโลกได้ร่วมกันแสดงความยินดีต่อภารกิจนี้

สงครามระหว่าง ฮิสบุลลอฮ กับ อิสราเอล : สงคราม 33 วัน

สงคราม 33 วันเป็นสงครามที่เกิดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2006 โดยกองกำลังฮิสบุลเลาะฮ์โดยมีซัยยิดฮะซัน ศรุลเลาะฮ์ เป็นผู้บัญชาการฝ่ายฮิสบุลเลาะฮ์ และนายดานฮอลูตีส เป็นผู้บัญชาการฝ่ายอิสราเอล โดยทางฮิสบุลเลาะฮ์ได้บุกโจมตีกองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอลในบริเวณชายแดนทางตอนเหนือและได้สังหารทหารอิสราเอลไปสามคนพร้อมจับทหารอิสราเอลอีกสองคนเป็นเชลย และได้ส่งตัวเชลยเข้าเลบานอน โดยฮิสบุลเลาะฮ์ได้เรียกปฏิบัติการนี้ว่า “วะดะตุศอดิก” หรือสัญญาอันเป็นสัจจะ ต่อมากองทัพอิสราเอลได้ออกคำสั่งปฏิบัติการทางทหารเพื่อช่วยนายทหารสองคนที่ถูกจับกุม แต่กลายเป็นว่า ทหารอิสราเอล ถูกสังหารเพิ่มอีก 5 คน และบาดเจ็บอีก 5 คน โดยฮิสบุลเลาะฮ์ ได้เรียกปฏิบัติการนี้ว่า “คำตอบแห่งความยุติธรรม” หลังจากนั้น ซัยยิดฮาซัน นัศรุลเลาะฮ์ ได้วางเงื่อนไขในการปล่อยตัวทหารสองคน กับ สมาชิกฮิสบุลลอฮ 4 คนที่ถูกคุมขังในคุกอิสราเอล
ขณะเดียวกัน Ehud Olmert นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ประกาศสงครามกับฮิสบุลเลาะฮ์ และได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า “เลบานอนจะต้องจ่ายราคาในครั้งนี้” อิสราเอลได้กล่าวหารัฐบาลเลบานอนว่าเป็น “เจ้าหน้าที่ที่ช่วยส่งเสริมให้ฮิสบุลเลาะฮ์เข้าโจมตีแผ่นดินอิสราเอล” และได้ตีความว่า จากการที่ ฮิสบุลเลาะฮ์ เข้าร่วมในรัฐบาลเลบาอน และการวางจัดตั้งกองกำลังฮิสบุลเลาะฮ์ ทำให้ประเทศนี้ คือ ผู้มีบทบาทในการช่วยเหลือให้ฮิสบุลเลาะฮ์ ได้บุกโจมตีแผ่นดินอิสราเอล

ฟุอาด ซีนีวะเราะฮ นายกรัฐมนตรีเลบานอน ได้ออกมาตอบโต้คำกล่าวของอิสราเอล ด้วยการจัดตั้งสภาคณะกรรมการพิเศษ พร้อมทั้งประกาศว่า รัฐบาลเลบานอน ไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่า ฮิสบุลเลาะฮ์ จะออกปฏิบัติการโจมตีอิสราเอล แบบสายฟ้าแลบ และผู้รับผิดชอบการโจมตีในครั้งนี้ คือ ฮิสบุลเลาะฮ์ ”

จากการโยงใยฮิสบุลเลาะฮ์กับรัฐบาลเลบานอนทำให้อิสราเอลมีข้ออ้างในการโจมตีเลบานอน โดยทางอิสราเอลได้ส่งกองกำลังทางอากาศโจมตีอาคารเคหะสถานในประเทศเลบานอนทั้งตึกรามบ้านช่องสะพานบ่อน้ำและสนามบินเบรุตซึ่งจากการโจมตีในครั้งนี้ทำให้ประชากรชาวเลบานอนเสียชีวิต 44 คน

ต่อมาทางกองทัพอิสราเอลได้ใช้ยุทธวิธีในการทำสงครามระยะไกล โดยการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดตามดินแดนต่างๆของเลบานอน ประมาณ 15,000 ครั้ง และส่งกองทัพเรือ ไปปิดกั้นชายหาดเลบานอน พร้อมทั้งยิงกระสุนเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง และทางภาคพื้นดิน อิสราเอล ได้ยิงระเบิดมากกว่า 160,000 ลูก ใส่แผ่นดินเลบานอน

ผลจากการโจมตีด้วยการใช้อาวุธรุนแรงทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตประมาณ 1,200 คนและได้รับบาดเจ็บหลายพันคนในสงครามครั้งนี้สถิติการตายของฝ่ายทหารอิสราเอลพุ่งขึ้นสูงกว่าครั้งก่อนและฝ่ายฮิสบุลเลาะฮ์เป็นชะฮีดเสียชีวิตจำนวน 74 คนและทางฝ่ายอิสราเอลเสียชีวิตประมาณ 117 คน

หากทำการเปรียบเทียบกับสงคราม 6 วันระหว่างชาติอาหรับและอิสราเอลจะเห็นความแตกต่างเพราะในสงคราม 6 วันทหารอิสราเอลเสียชีวิตเพียง 16 คนเท่านั้น

แหล่งข่าวทางกองทัพอิสราเอลได้ประกาศว่าทหารจำนวน 245 คนป่วยมีอาการทางประสาทเนื่องจากการทำสงครามกับฮิสบุลเลาะฮ์ในศึก 33 วัน และในสงครามครั้งนี้ อิสราเอล สามารถใช้กองกำลังทางอากาศในการลอบโจมตีประเทศเลบาอน แต่ไม่สามารถใช้กองกำลังทางอากาศในการจัดการกับฮิสบุลเลาะฮ์ภายในประเทศของตนได้สำเร็จ ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า อิสราเอลไม่ได้ใช้กองกำลังทางอากาศทิ้งระเบิดโจมตีฮิสบุลเลาะฮ์ พวกเขาได้ทิ้งระเบิดมากมาย แต่ไม่มีผลใดๆ ดังนั้น อิสราเอล จึงเลือกไปทิ้งระเบิดใส่พลเรือนที่อยู่ในประเทศเลบานอนเเทน นอกจากนี้เครื่องบินรบอิสราเอล สองลำก็ได้ระเบิดจากการทำสงคราม ซึ่งเป็นการแสดงถึงการไร้ความสามารถในการทำสงครามของรัฐเถื่อนในครั้งนี้

และในสงคราม ยังมีรถถังชนิดล้ำสมัยของอิสราเอลหลายคัน ถูกทำลาย จากการทำสงครามในครั้งนี้ และยังมีเฮลิคอปเตอร์สงครามสองลำถูกทำลาย อิสราเอลไม่สามารถบุกเข้าไปถึงที่มั่นของฮิสบุลเลาะฮ์ได้

การใช้เฮลิคอปเตอร์ในการทำสงครามนั้นเป็นอีกหนึ่งไม้ตายที่อิสราเอลมักจะนำมาใช้ เป็นยุทธวิธีในการทำสงครามปราบปรามฝ่ายต่อต้านสำเร็จเสมอ แต่ในสงคราม 33 วัน แม้ว่าอิสราเอลจะพยายามใช้เฮลิคอปเตอร์โจมตีอย่างไร ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จ และยังทำให้เฮลิคอปเตอร์ถูกทำลายอีกด้วย

สงคราม 33 วันสิ้นสุดลงในวันที่ 14 สิงหาคม 2006 โดยมติที่ประชุม 1701 โดยในสงครามนี้ทั้งอิสราเอลและเลบานอนต่างมีกระแสทั้งต่อต้านและสนับสนุน ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, แคนาดา, ออสเตรเลียได้สนับสนุนการโจมตีของอิสราเอล และได้เรียกการโจมตีนี้ว่าการป้องกันตัวเอง ปธน.บุชได้เรียกสงครามครั้งนี้ว่าสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายและในวันที่ 20 กรกฎาคม 2006 สภาครองเกรสอเมริกาได้ประกาศสนับสนุนอิสราเอล

ส่วนอิหร่านซีเรียและเยเมนได้ประกาศสนับสนุนฮิสบุลเลาะฮ์ และในเวลานั้นสันนิบาตอาหรับและอิยิปต์ก็ได้สนับสนุนฮิสบุลเลาะฮ์เช่นกัน และสมาคมเรียกร้องสันติภาพนานาชาติ ก็ได้เรียกร้องให้ ยุติสงคราม เพื่อยับยั้งจำนวนพลเรือนไม่ให้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก



แหล่งอ้างอิง

آشنایی با پیروزی حزب‌الله در جنگ ۳۳ روزه با اسرائیل

همه چیز درباره جنگ 33 روزه لبنان :: امت اسلامی

Asia Times Online :: Middle East News - Hezbollah's transformation

ประวัติฮิสบุลเลาะฮ์ ขบวนการต่อสู้แห่งเลบานอน | abnewstoday

 

Pst Nong ผ่าน ภัยพิบัติประเทศไทย

เตือนภูเขาไฟเยลโล่สโตน สหรัฐอเมริกา
จะประทุภายใน 2 สัปดาห์ หรือก่อนวัน
เทศกาลวาเลนไทน์

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/AoSEnnF6G1w" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

2015/01/30 - นักธรณีวิทยาเยลโลว์สโตนได้กล่าวว่าจะอาจเกิดการปะทุใน 2 สัปดาห์? ความเงียบเป็นเวลา 2 สัปดาห์? การสัมภาษณ์ลับ

1/30/2015 -- Yellowstone Geologist says Eruption in 2 weeks? Silence for 2 weeks? Cryptic interview

เผยแพร่เมื่อ 30 มกราคม 2015
สองสามสัปดาห์สำหรับความแน่นอนว่ามันจะไม่ระเบิด .. นั่นคือสิ่งที่เขากล่าวว่า หลังจากสองสัปดาห์ .. ไม่มีการรับประกัน
Published on Jan 30, 2015
A couple of weeks for certain it will not erupt.. that's what he said. After two weeks.. no guarantee .

ขอให้ทุกคนหวังว่านี้เป็นแค่สื่อที่ผิดพลาดไป ส่วนใหญ่ของผู้ชมของฉัน / ผู้อ่านทราบว่าฉันยืนอยู่บนเยลโลว์สโตน ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นของกิจกรรมแผ่นดินไหวมากกว่าภัยคุกคามระเบิด
Let's all hope this is a media edit gone wrong. Most of my viewers/readers know where I stand on Yellowstone. I personally think we're at more risk of earthquake activity than eruption threats.


ที่ถูกกล่าวว่า ..
That being said..

เห็นได้ชัดว่านักธรณีวิทยาเยลโลว์สโตนมืออาชีพ ที่พวกเขากล่าวว่าอยู่ในความดูแลของศูนย์คำสั่งใหม่นั้นเขาบอกว่า "สองสามสัปดาห์" ทันทีหลังจากที่สัมภาษณ์ถามเกี่ยวกับกรอบเวลาของการระเบิดจะไม่ได้เกิดขึ้น ..
Clearly the professional Yellowstone geologist, who they say is in charge of the new command center there, he says "a couple of weeks" right after the interviewer asks about the time frame of an eruption NOT happening in the "foreseeable future".....


เขาถามว่าสิ่งที่คุณหมายถึงโดยไม่ได้เกิดขึ้นใน "อนาคต"? การตอบสนองจากนักธรณีวิทยาเป็นคำพูด "สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา" (2 สัปดาห์)
He asks, what do you mean by NOT happening in the "foreseeable future"? The response from the geologist was quote "a couple of weeks" (2 weeks).

2 สัปดาห์จนกว่าจะไม่ระเบิด? หรือรู้ว่าในอนาคตสำหรับบางอย่าง? 2 สัปดาห์จนไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น?
2 weeks until no eruption? Or knowing the future for certain? 2 weeks until nothing is going to happen?

2 สัปดาห์กับอะไร? ความเงียบ? สองสัปดาห์จนระเบิด? พวกเขาหมายถึงอะไร? มันสับสนมาก
2 weeks of what? Silence? Couple weeks until a blast? What do they mean? It's very confusing.

นักธรณีวิทยาหมายความว่าอะไร? เขารู้ว่าอะไรบางอย่างจะไม่มีการปะทุสำหรับ 2 สัปดาห์ข้างหน้า? ข้อความไม่ทำให้เข้าใจได้ (ดังที่ไม่มีใครสามารถรู้อนาคตได้อย่างชัดเจน)
Does the geologist mean that he knows for certain there will not be an eruption for the next 2 weeks? That statement would make no sense (as no one can know the future for certain).

ข่าวที่สิ้นสุดค่อนข้างลับว่าขณะนี้มี 2 ค่ายของคนที่ ... "ผู้ที่เชื่อว่าภูเขาไฟจะไม่ระเบิด" .... และ "ผู้ที่เชื่อว่ามันจะปะทุขึ้นในวันพรุ่งนี้"
Reporter at the end rather cryptically , saying there are now 2 camps of people ... "those who believe the volcano will never erupt".... and "those who believe it will erupt tomorrow".

Very strange choice... never or tomorrow?

MANY thanks to Mohammad Jawed for sharing this story:

This just was posted late last night, shows as being uploaded January 29, 2015 at 1050pm - from Sioux Falls South Dakota ABC News, talking about potential ash fall over the state from the Yellowstone eruption.


Let's hope this is wrong, otherwise we need to prepare now. Follow the motto, Don't be scared, be prepared.

If nothing happens, then we'll be all good.

 

Pst Nong

MH370 ใกล้จะครบ 1ปีแล้วสำหรับการหายไป
อย่างลึกลับของเครื่องบิน MH370 แต่ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกลับยังมีอยู่น้อยนิดและคลุมเครือ วันนี้เราจะไปดูกันว่า ข้อมูลอะไรบ้างเกี่ยวกับเที่ยวบินนี้ที่คนทั่วโลกอาจไม่มีวันรู้เลย
เกือบ 330 วัน ที่การค้นหาเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จากวันที่เที่ยวบินดังกล่าวขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการบิน มาจนถึงวันนี้ ยังมีหลายสิ่งที่คงเป็นปริศนา และเราอาจจะไม่มีวันรู้ ตราบใดที่การค้นหายังไม่สิ้นสุดลง และยังไม่มีใครพบซากเครื่องบินลำนี้
สิ่งแรกที่ไม่มีวันรู้จาก MH370 ก็คือ ตอนนี้ เครื่องบินลำนี้อยู่ที่ไหน แม้ว่าจะมีการระดมกำลังจากรัฐบาลจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เพื่อร่วมกันค้นหาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และมีการใช้อุปกรณ์ชั้นสูง และเครื่องมือที่ติดตั้งระบบโซนาร์ที่ซับซ้อน เพื่อการค้นหาใต้ทะเลโดยเฉพาะ แต่ก็ยังไร้วี่แววที่จะเจอเครื่องบินลำนี้ ซึ่งการค้นหาจำกัดวงอยู่บริเวณพื้นที่ฝั่งตะวันตกของชายฝั่งออสเตรเลีย แต่ด้วยอุปสรรคอย่างคลื่นลมแรง และความลึกของพื้นทะเล ทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก
ข้อที่ 2 คือ ทำไมระบบการสื่อสารระหว่างเครื่องบินและศูนย์ควบคุมการบินจึงถูกตัดขาด ทำให้ศูนย์ควบคุมการบินของเวียดนาม ไม่สามารถรับทราบความเป็นไปของเที่ยวบินนี้ได้ ตอนนี้มีอยู่หลายเหตุและปัจจัยที่หลายคนสันนิษฐานไว้ เช่น นักบินจงใจปิดระบบสื่อสาร หรืออาจจะเป็นบุคคลที่ 3 ที่เข้ามาก่อเหตุ แต่ข้อสันนิษฐานเหล่านี้ จะยังไม่มีการยืนยัน จนกว่าที่จะมีการค้นพบกล่องดำของเครื่องบิน
ข้อที่ 3 ทำไมการหายไปของ MH370 จึงไม่สามารถตรวจสอบได้โดยทันที อย่างที่ทราบไปแล้วก่อนหน้านี้ ว่าระบบการสื่อสารของ MH370 ล่ม ก่อนที่เครื่องจะหายไป ประกอบกับช่วงรอยต่อของการส่งมอบการควบคุมจากศูนย์ควบคุมการบินของมาเลเซีย ไปยังศูนย์ควบคุมการบินของเวียดนาม ซึ่งอาจจะเกิดความผิดพลาด ทำให้การตรวจสอบข้อมูลระหว่างนั้นทำได้ไม่สมบูรณ์นัก
ข้อที่ 4 ทำไม MH370 ถึงหันหัวกลับไปทางซ้ายและออกนอกเส้นทางไปไกลถึงเพียงนั้น จากข้อมูลของเรดาร์กองทัพมาเลเซีย ชี้ให้เห็นว่า หลังจากที่ระบบสื่อสารของ MH370 ล่มแล้ว เครื่องบินได้เลี้ยวซ้ายออกนอกเส้นทาง และจับสัญญาณได้ครั้งสุดท้ายเหนือช่องแคบมะละกา โดยทฤษฎีหนึ่งที่มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวางจากผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน Chris Goodfellow ก็คือ หลังจากที่ระบบการสื่อสารล่มแล้ว ตามสัญชาตญาณของนักบิน ก็คือนำเครื่องกลับไปลงยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด และในที่นี้อาจจะเป็นที่ปาลัว ลังกาวี
ข้อที่ 5 เครื่องบินถูกจี้หรือไม่ นับตั้งแต่เหตุการณ์ 9/11 เป็นต้นมา การรักษาความปลอดภัยภายในห้องนักบินมีความหนาแน่นมั่นคงมากขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีใครผ่านเข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในขณะเดียวกัน ประตูห้องนักบินก็สามารถเปิดได้ หากนักบินเชิญแขกพิเศษเข้ามา ซึ่งกรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว กับผู้ช่วยนักบินของ MH370 ที่เคยถ่ายรูปคู่กับผู้โดยสารในห้องนักบิน
ข้อที่ 6 นักบินของ MH370 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเครื่องบินหรือไม่ จากการตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดทั้งประวัติของนักบิน และการตรวจค้นบ้านพัก ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ แต่กรณีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนักบินจงใจฆ่าตัวตาย ก็เคยมีมาแล้ว เช่น สายการบิน Egypt Air เที่ยวบิน 990 ในปี 1999 และ Silk Air เที่ยวบิน 185 ในปี 1997
ข้อที่ 7 อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนทำให้เครื่องบินตกหรือไม่ ทฤษฎีนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่จะชี้ให้เห็นว่า อะไรทำให้ MH370 ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการบินไปแบบกะทันหัน นั่นคือ อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้จนทำให้ความกดอากาศในเครื่องแปรปรวน และออกซิเจนลดลงเรื่อยๆ ก่อนที่เครื่องจะตก
ข้อที่ 8 ผู้โดยสารจะรู้ตัวหรือไม่ ว่าเกิดอะไรกับ MH370 ก่อนที่เครื่องจะตก เหตุการณ์ดังกล่าวตอบได้ยาก เพราะช่วงเวลาที่เครื่องหายไปนั้น เป็นช่วงกลางคืน ผู้โดยสารหลายคนอาจจะกำลังหลับอยู่ จึงทำให้ไม่ได้สนใจความเป็นไปของเครื่องบินเท่าใดนัก
และข้อสุดท้าย เครื่องบินลำนี้แล่นลงจอดหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งมองว่า เครื่องบินยังมีเชื้อเพลิงเพียงพอกับการบินไปได้ไกลถึง 2,200 ไมล์ นับจากจุดที่พบเครื่องครั้งสุดท้าย ซึ่งในบริเวณนั้น มีสนามบินที่มีรันเวย์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการลงจอดมากถึง 634 รันเวย์ จึงทำให้มีการสันนิษฐานกันไปว่า เครื่องบินอาจจะแล่นลงจอดที่ใดสักแห่ง ซึ่งทฤษฎีนี้จะสอดคล้องกับกลุ่มที่เชื่อว่า เครื่องบินถูกจี้ จากฝีมือของผู้ก่อการร้าย

<iframe width="640" height="360" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=161001" ></iframe>

9 สิ่งที่เราไม่มีวันรู้จาก MH370 - VoiceTV

 

Pst Nong ได้แชร์รูปภาพของ บีบีซีไทย - BBC Thai



สมาพันธ์ตำรวจอังกฤษเตรียมลงมติข้อเสนอการติดอาวุธด้วยปืนไฟฟ้า
ประธานสมาพันธ์ตำรวจอังกฤษกำลังผลักดันให้สมาชิกลงคะแนนเสียงสนับสนุนแผนการติดอาวุธตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในอังกฤษและเวลส์ด้วยปืนไฟฟ้า

สตีฟ ไวท์ ประธานสมาพันธ์ตำรวจอังกฤษ กล่าวว่าตำรวจอังกฤษควรมีความสามารถในการตอบโต้ “บุคคลอันตราย” ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดการก่อการร้าย ความสามารถในการตอบโต้ของเจ้าพนักงานดังกล่าว มิได้เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าพนักงานเอง แต่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

นายไวท์เผยกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์การ์เดียนว่า ผู้ก่อการร้ายพร้อมที่จะปฏิบัติการได้ทุกเมื่อเพื่อเรียกร้องความสนใจ โดยสมาพันธ์ฯ จะจัดให้มีการลงมติข้อเสนอดังกล่าวเพื่อจัดการฝึกอบรมการใช้ปืนไฟฟ้าแก่ตำรวจที่อยู่ในแนวหน้าทุกคนในเดือนหน้า โดยเจ้าหน้าที่บางคนที่ไม่ต้องการใช้อาวุธดังกล่าวขณะปฏิบัติหน้าที่ สามารถแจ้งความจำนงได้
คริสโตเฟอร์ แซลมอน สมาชิกคณะกรรมาธิการอาชญากรรมของอังกฤษระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการตัดสินใจที่ผิดและเป็นการทำลายประเพณีดั้งเดิมของการปฏิบัติงานของตำรวจอังกฤษ

ในขณะเดียวกัน ซิมอน เชสเตอร์แมน แห่งสมาคมหัวหน้าพนักงานตำรวจ ได้สนับสนุนข้อเสนอของนายไวท์อย่างมีเงื่อนไข โดยกล่าวในทวิตเตอร์ของตนว่า “ผมให้การสนับสนุนแผนการใช้อาวุธไฟฟ้าตราบใดที่มีการประเมินความเสี่ยงและอันตรายของสถานการณ์อย่างถูกต้อง และเป็นการใช้ที่เป็นไปตามหลักการและเกิดจากความสมัครใจเท่านั้น”

โอลิเวอร์ สปราก ผู้อำนวยการโครงการใช้อาวุธของแอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล บอกว่า “องค์การฯ พูดเสมอว่าปืนไฟฟ้าสามารถเข้าไปมีบทบาทในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจได้ เมื่อมีความเสี่ยงอย่างชัดเจนในการเกิดการบาดเจ็บและการตายของตำรวจและประชาชน แต่เจ้าหน้าที่ต้องใช้อาวุธดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น”

ปืนไฟฟ้าเริ่มเข้ามามีบทบาทในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจอังกฤษเมื่อปี 2546 โดยจัดเป็นอาวุธทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดความตายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ต้องสงสัยที่ประเมินแล้วว่าจะก่ออันตราย

ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2557 มีการยิงปืนไฟฟ้า 826 ครั้ง จากการนำออกไปใช้ทั้งหมด 5,107 ครั้ง

 

Jeerachart Jongsomchai
... "เกษตรกรรายย่อย : คือเหยื่อของอเมริกากับยุโรปในการแซงชั่นรัสเซีย"



... หลังจาก "อเมริกากับอียู" แซงชั่นรัสเซียกรณียูเครน ทั้งเรื่องการเงิน การทหาร วิทยาศาตร์ พี่ปูตินก็สวนหมัดคืนโดยการ "งดการนำเข้าสินค้าการเกษตรและอาหาร"จากประเทศทั้งหมดดังกล่าว คือ อเมริกา อียู แคนาดา นอร์เวย์ ออสเตรเลีย ซึ่งในความเป็นจริงคนที่เป็น "เหยื่อ" ของการตอบโต้กันกลับเป็น "เกษตรกรรายย่อย" ชาวบ้านทั่วไป เพราะโรงงานขนาดใหญ่นั้นรัฐบาลมีมาตรการการช่วยเหลือชัดเจน แต่ชาวบ้านรายย่อยนั้นการช่วยเหลือยังไม่ทั่วถึง

... ในแต่ละปีสินค้าการเกษตรที่ อียูส่งออกนั้น 10% คือไป "รัสเซีย" มูลค่าประมาณ 11,000 ล้านยูโรต่อปี และผลกระทบนั้นก็ได้ลามไปทั่วยุโรปแล้ว เช่น

... "นอร์เวย์" : ปลาแซลม่อนราคาตกทันที 10% เพราะขายไม่ออก ( สินค้าเหลือจากรัสเซีย ต้องกลับมาขายในประเทศ ไม่มีตลาดใหม่รองรับ )

... "สก๊อตแลนด์" : ปลาแมคเคอเรลกระทบทันที ตอนนี้กำลังหาทางแก้ไขไม่เจอ

... "ไอร์แลนด์ เดรมาร์ก ฟินแลนด์" : อุตสาหกรรม นม เนย มีปัญหาเช่นในไอร์แลนด์ผลผลิต 70 ล้านยูโรจากทั้งหมด 230 ล้านยูโรของประเทศที่ต้องส่งไปรัสเซีย ขายไม่ออก กระทบทันที ส่วนฟินแลนด์ยอดขายที่ตกลงอาจจะกระทบต่อการจ้างงานทันทีประมาณ 800 ตำแหน่ง ส่วนเดนมาร์กยอดขายของ Arla Foods ยักษ์ใหญ่ด้านอาหารรายได้หายไปทันที 1 พันล้านโครน ... โดยทั้งหมดตอบทำนองเดียวกันว่า ต้องรีบ "หาตลาดใหม่รองรับโดยด่วน" ไม่งั้นอาจจะถึงขั้นปิดโรงงาน

... "กรีซ" : ลูกพีช จากกรีซส่งออกไปขายรัสเซียประมาณ 160,000 ตันต่อไป คิดเป็นเงินประมาณ180 ล้านยูโร ที่ตอนนี้ 8,000 ตันกำลังถูกระงับการส่งออกทันทีและเก็บรอแบบไร้อนาคตในตู้แช่ ที่สถานการณ์ลูกพีช ตอนนี้ก็ล้นตลาดอยู่แล้ว ยิ่งจะทำให้ราคาตกลงไปอีก และคาดว่าเหตุการณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงเป็น "ความวุ่นวายทางการเมือง" ได้ถ้ายังไม่ได้รับการแก้ไข และยังไม่รวม ผัก ผลไม้อื่นๆอีก ( นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ผู้นำคนใหม่ของ "กรีซ" ล่าสุดกำลังเดือดร้อนและไม่พอใจอียูอย่างมาก ที่ไปเล่นเกมแซงชั่นตามอเมริกา แต่ประเทศกรีซกลับมารับกรรม )

... "สเปน" : ก็โดนเรื่องผัก ผลไม้ นอกจากนั้นแล้วยังโดนเรื่องท่องเที่ยวอีก ปีที่แล้วเงินจากรัสเซียมาเที่ยวสเปนเป็นเงินถึง 1.6 พันล้านยูโร

... ส่วน "โปแลนด์" : ก็โดนเรื่องมะเขือเทศ แอบเปิ้ล และเรียกร้องได้แสบทรวงมากให้ "อเมริกา" หันมารับซื้อแอปเปิ้ลแทนรัสเซียเลยสิ ( เพราะอเมริกาเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมด )

... นี่เป็นเพียงสินค้า "การเกษตร" ยังไม่นับสินค้าอุตสาหกรรมที่ "เยอรมัน" เจออย่างหนักที่ส่งไปขายรัสเซียไม่ได้ ยังไม่นับ "ฝรั่งเศส" ที่ส่งมอบเรือรบ Mistral สองลำให้รัสเซียยังไม่ได้เลย

... ช่วงเดือน สิงหาคม ปีที่แล้ว ( รัสเซียเริ่มประกาศงดการนำเข้าสินค้าจากประเทศดังกล่าวเป็นการตอบโต้ เมื่อ 7 สิงหาคม 2014 ) "กรีซ" ประเทศที่บอบช้ำจากพิษเศษฐกิจหนักกว่าใครอยู่แล้วเคยขอร้องต่อทางสภาอียู ให้ยกเลิกการแซงชั่น "รัสเซีย" มาแล้ว เพราะว่าการที่รัสเซียตอบโต้กลับนั้นมันรุนแรงเหลือเกิน ที่ผู้รับกรรมกลับกลายเป็น "เกษตรกรรายย่อย" เสียส่วนใหญ่

... รายงานล่าสุดเมื่อ มกราคม 2015 ปีนี้เอง มีสมาชิกสหภาพยุโรป 7 ชาติ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส สาธารณรัฐเช็ก สโลวาเกีย ไซปรัส อิตาลี ฮังการี และออสเตรีย ประกาศจุดยืนร่วมกันหนุนให้มีการ "ยกเลิกหรือผ่อนปรน" มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แล้ว

... นี่เองอาจจะเป็น "จุดอิ่มตัวของความเบื่อหน่าย" ต่อเกมการเมืองของอเมริกาที่ชักพาอียูแซงชั่นรัสเซียและชาวอียูก็เรื่มทนไม่ไหว จนเริ่มแสดงออกบ้างแล้ว เช่น การประกาศให้เงินฟรังค์สวิสไม่ผูกกับเงินยูโรอีกต่อไปเมื่อ 15 มกราคมที่ผ่านมา รวมทั้งล่าสุด ผู้นำกรีซ ก็เริ่มจะเอนเอียงมาผูกมิตรกับรัสเซียเพื่อจะขายสินค้าการเกษตรให้ได้ ไม่งั้นประเทศกรีซป่วนแน่ ( ยังไม่นับกิจการรัฐวิสาหกิจ หลายอย่างที่ขายให้ "จีน" ไปก่อนแล้ว เช่น ท่าเรือ สนามบินเก่า เป็นต้น ) และถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อียูเองที่จะแตกสลายและเสื่อมลงเรื่อยๆ ขณะที่อเมริกา อิสราเอลได้แต่มองดูด้วยความบันเทิงใจอยู่ห่างๆ

... การเปลี่ยนแปลงใน อียู และ ยุโรป กำลังจะเปลี่ยนในเร็ววันนี้

.
http://www.reuters.com/…/ukraine-crisis-sanctions-food-idUS…
Sanctions bite-back: Bickering, EU infighting over Russia retaliation — RT News
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…