ติดตามสถานะการณ์

รัสเซียแอบส่ง “เรือรบสอดแนม วิกเตอร์ เลโอนอฟ” ทอดสมอที่ท่าเรือในฮาวานาเก่า รับการเยือนเจรจาฟื้นสัมพันธ์ “สหรัฐฯ – คิวบา” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
23 มกราคม 2558 16:36 น.



เอเจนซีส์ - เสมือนกลับไปอยู่ในยุคสงครามเย็นอีกครั้งเมื่อพบว่า เรือรบสัญชาติรัสเซีย “ วิกเตอร์ เลโอนอฟ” หรือ Viktor Leonov CCB-175 แอบเข้ามาเทียบท่าเรือกรุงฮาวานาเก่า คิวบา หนึ่งวันก่อนการเจรจาระหว่างตัวแทนสหรัฐฯและคิวบาจะเริ่มขึ้น ด้านสหรัฐฯย้ำ ถือเป็นเรื่องปกติในขณะที่การเจรจาสองวันของตัวแทนระดับสูงของทั้งสองชาติสิ้นสุดลงในวันพฤหัสบดี(22)ที่สหรัฐฯตั้งความหวังถึงการเปิดสถานทูตสหรัฐฯในกรุงฮาวานาอีกครั้ง

เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(22) ว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับสำหรับการเดินทางมาคิวบาของเรือรบรัสเซีย วิกเตอร์ เลโอนอฟ หรือ Viktor Leonov CCB-175 ที่เทียบท่าอยู่ในกรุงฮาวานาเก่า ซึ่งเป็นท่าเรือที่เรือรบรัสเซียมักจอดอยู่เสมอ แต่เจ้าหน้าที่คิวบาเปิดเผยว่า การเดินทางมาของเรือรบลำนี้ไม่ได้ถูกกำหนดอย่างเป็นทางการ ประกอบกับช่วงเวลาการมายังคิวบา อาจทำให้ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่มายังคิวบาในวันอังคาร(20) หรือ หนึ่งวันก่อนที่จะเริ่มการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอดีตสองชาติปรปักษ์ สหรัฐฯและคิวบา เพื่อหาช่องทางที่จะปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้กลับมาปกติอีกครั้ง

ในขณะที่วอชิงตันตอบปัดไปถึงความผิดปกติในการเดินทางมาของเรือรบรัสเซียครั้งนี้ โดยกล่าวเพียงว่า ถือเป็นเรืองปกติมาก และเป็นสิทธิที่รัสเซียสามารถกระทำได้อย่างชอบธรรม “ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และไม่มีอะไรต้องตื่นตกใจ” แหล่งข่าวเพนตากอนให้ความเห็นกับเอเอฟพี

สื่อรัสเซียรายงานว่า เรือสอดแนมรัสเซีย วิกเตอร์ เลโอนอฟ ในคลาสเมริเดียน ที่มีลูกเรือราว 200 คน ได้เริ่มเข้าประจำการในทะเลดำในปี 1988 ก่อนที่จะถูกย้ายไปประจำในกองเรือเหนือ ซึ่งก่อนหน้านี้เรือรบวิกเตอร์ เลโอนอฟ ได้จอดเทียบท่าที่กรุงฮาวานาในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม ในปีที่ผ่านมา โดยจอดอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 2-3 วัน ซึ่งการเดินทางไปยังคิวบาของเรือรบลำนี้ในช่วงนั้นไม่ได้ประกาศเป็นทางการแต่อย่างใด

เอบีซี สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า เรือสอดแนมรัสเซีย วิกเตอร์ เลโอนอฟ นั้นมาพร้อมกับเครื่องตรวจจับเรดาร์ เทคโนโลยีชั้นสูง รวมไปถึงปืนใหญ่ขนาด 30 มม. และปืนต่อสู้อากาศยาน ซึ่งตามปกติเรือรบลำนี้มักวิ่งตรวจการณ์ในบริเวณน่านน้ำสากลฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ในขณะที่เรดาร์ของเรือชี้ไปยังทิศทางที่ตั้งของสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามในวันอังคาร(20) ในขณะที่เรือรบวิกเตอร์ เลโอนอฟจอดในกรุงฮาวานาเก่า สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ไม่ปรากฏว่าเครื่องเรดาร์หมุนทำงาน แต่สื่อสหรัฐฯยังคงตั้งคำถามถึงช่วงเวลาของการเข้ามาของเรือรบหมีขาวลำนี้

ด้านรัสเซียแย้งว่า กำหนดการเดินทางได้ถูกกำหนดล่วงหน้านานแล้ว และเมื่อวานนี้(21)ได้เปิดเรือรบลำนี้ให้กับลูกหลานของนักการทูตรัสเซีย ซึ่งสื่อสหรัฐฯพยายามเข้าไปข้างในเพื่อเข้าชมเรือเช่นกัน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ปฎิเสธไม่ให้เข้า แต่สำหรับคิวบา ที่ต้องพึ่งรัสเซียเสมอมานับตั้งแต่หลังการปฎิวัติปี 1959 ราฟาเอล เฮอร์นานเดซ (Raphael Hernandez) บรรณาธิการของ Temas ได้เปิดเผยกับ เอบีซี สื่อสหรัฐฯว่า การมาเยือนของเรือรบรัสเซียย้อนให้รำลึกถึงความหลังครั้งเก่า “เป็นเรื่องปกติเพราะคิวบามีความสัมพันธ์ทางการทูตปกติกับรัสเซีย แต่ในวันหนึ่งที่ความสัมพันธ์ระหว่างคิวบาและสหรัฐฯกลับมาปกติ เราคงได้เห็นเรือรบสหรัฐฯแล่นเข้ามาจอดบ้าง”

ซึ่งการเจรจาระหว่างตัวแทนระดับสูงของสองชาติมีขื้นเป็นเวลา 2 วัน และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดี(22)ที่กรุงฮาวานา ซึ่งสื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ทางสหรัฐฯคาดหวังว่าคิวบาจะอนุญาตให้สหรัฐฯสามารถเปิดสถานทูตได้อีกครั้ง และมีการแต่งตั้งเอกอัคราชทูตของทั้งสองฝ่ายดำรงตำแหน่งประจำในประเทศทั้งสองในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้า และสหรัฐฯยังต้องการให้การห้ามเดินทางทางการทูตถูกยกเลิก พร้อมทั้งต้องการให้คิวบาอนุญาตให้สหรัฐฯสามารถส่งสินค้าไปยังหน่วยงานสถานทูตประจำกรุงฮาวานาได้อีกด้วย

การเจรจาในวันพุธ(21) สหรัฐฯยังคงยืนกรานที่จะให้ที่หลบภัยกับชาวคิวบาที่หนีเข้าไปขอความช่วยเหลือ ส่วนคิวบาได้ประท้วงสหรัฐฯในกฎหมายอเมริกันที่ส่งเสริมการอพยพย้ายถิ่นผิดกฏหมายและเป็นอันตราย และได้ประท้วงต่อนโยบายอื่นของสหรัฐฯ ซึ่งตัวแทนคิวบาอ้างว่า เป็นการดึงให้แพทย์คิวบาอพยพนอกประเทศ ซึ่งเท่ากับเป็นสมองไหล

โรเบอร์ตา จาคอบสัน (Roberta Jacobson) ผู้นำทีมเจรจาสหรัฐฯเดินทางมาถึงกรุงฮาวานา ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำจากรัฐฟลอริดา จาคอบสันเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯในรอบ 38 ปีที่เดินทางมายังประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ และถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐฯที่มาเยือนในรอบ 35 ปี ในขณะที่หัวหน้าทีมเจรจาฝ่ายคิวบาคือ โฮเซฟินา วิดาล (Josefina Vidal) ผู้อำนวยการแผนกสัมพันธ์สหรัฐฯประจำกระทรวงต่างประเทศคิวบา ที่เข้าร่วมในการหารือถึงปัญหาหาการอพยพ

ทั้งนี้การประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา และประธานาธิบดีคิวบา ราอูล คาสโตร ร่วมประกาศในวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ถึงความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในการกลับคืนความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติอีกครั้งนับตั้งแต่ปี 1961 และในวันพุธ(21)ที่ผ่านมา จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้แถลงว่า เขารอคอยถึงการที่จะได้เปิดทำการสถานทูตสหรัฐฯในกรุงฮาวานาอีกครั้ง และยังกล่าวความหวังถึงการพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศคิวบา บรูโน โรดริกัซ (Bruno Rodrigue) เมื่อในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาคนทั้งคู่สนทนากันทางโทรศัพท์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000008978

 

หุ้นมะกันพุ่ง-ทองคำขึ้นหลัง ECB อัดคิวอีเกินคาด แต่น้ำมันร่วง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2558 05:15 น.



รอยเตอร์/เอเอฟพี - วอลล์สตรีททะยานปิดบวกในช่วงท้ายของการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดี (22 ม.ค.) หลังอีซีบีแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่คาดหมายไว้ ปัจจัยนี้ก็ดันให้ทองคำขยับขึ้น ผิดจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงแรง ท่ามกลางดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและข้อมูลสต๊อกเชื้อเพลิงที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันอ่อนแอของอเมริกา

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 259.70 จุด (1.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,813.98 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 31.03 จุด (1.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,063.15 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 82.98 จุด (1.78 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,750.40 จุด

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งทะยานตามตลาดอื่นของยุโรป หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)เผยว่าจะดำเนินการเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 60,000 ล้านยูโรต่อเดือน ไปจนถึงเดือนกันยายน 2016 มากกว่าที่ตลาดคาดหวัง

อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิเคราะห์เตือนว่าแม้นักลงทุนจะยินดีปรีดาต่อการตัดสินใจของอีซีบี แต่คำถามมากมายเกี่ยวกับความเข้มแข็งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยูโรโซนก็ยังคงอยู่ “หลายคนบอกว่ามาตรการนี้คงจะไม่สามารถพลิกฝ่ามืออย่างทันทีทันใด” จอห์น คานาลลี นักยุทธศาสตร์การลงทุนของแอลพีแอล ไฟแนนเชียลในนิวยอร์ก กล่าว “มันเป็นเส้นทางที่ยาวไกล และนี่เป็นเพียงก้าวย่างแรกเท่านั้น”

ในส่วนของข้อมูลทางเศรษฐกิจอื่นๆ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยว่ายอดผู้ขอเข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานในสัปดาห์ล่าสุด ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน แต่ก็ยังถือกว่าน้อยกว่าที่คาด

กระนั้นข่าวลือที่ว่ากูเกิลมีความสนใจเข้าซื้อทวิตเตอร์ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก็ช่วยกระพือแรงเข้าซื้อมากขึ้น

ความคาดหวังว่ามาตรการเข้าซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางยุโรปจะช่วยกระตุ้นการเติบโต ส่งผลให้ราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี (22 ม.ค.) ปิดบวกพอสมควร แม้ถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็ตาม โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,300.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาน้ำมันวานนี้ (22 ม.ค.) กลับมาดิ่งลงแรงอีกครั้ง จากข้อมูลเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นตามหลังอีบีซีลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด ของตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 51 เซนต์ ปิดที่ 48.52 ดอลลาร์

กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพฤหัสบดี (22 ม.ค.) ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลก เพิ่มขึ้นถึง 10.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ถึง 4 เท่า ทำให้โดยรวมแล้วคลังน้ำมันสำรองของอเมริกา เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 13.3 ระดับที่ไม่เคยพบเห็นในช่วงเวลานี้มานานกว่า 80 ปีเลยทีเดียว

 

อัยการญี่ปุ่นไม่ตั้งข้อหาผู้บริหารโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ กรณีล้มเหลวในการป้องกัน “วิกฤตนิวเคลียร์” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2558 20:08 น.



(แฟ้มภาพ) สภาพโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะไดอิจิ" ของญี่ปุ่น หลังได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง และคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011

เอเอฟพี - อัยการญี่ปุ่นแถลงวันนี้ (22 ม.ค.) ว่า คณะผู้บริหารซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “ฟูกูชิมะ” จะไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจจุดประกายให้เกิดการเผชิญหน้ากับคณะกรรมการฝ่ายพลเมือง ที่ต้องการหาตัวคนผิดในอุบัติภัยนิวเคลียร์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

เรื่องนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด ของการงัดข้อกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจด้านกฎหมาย กับสาธารณชนที่กำลังเดือดดาล ภายหลังทั้งสองฝ่ายทุ่มเถียงกันว่า ใครควรเป็นตัวผู้รับผิดชอบต่อเหตุเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลาย หลังถูกคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่ม เมื่อปี 2011 จนผลักให้ประชาชนเรือนแสนต้องละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน

รายงานของรัฐสภาแดนอาทิตย์อุทัยระบุว่า หายนะฟูกูชิมะนั้นเป็นภัยพิบัติจากน้ำมือมนุษย์ ซึ่งเกิดจากวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ที่มักกลัวเกรงไม่กล้าแสดงความคลางแคลงสงสัยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ แต่กลับไม่มีใครถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

เหล่าคลื่นใต้น้ำแสดงความคิดเห็นว่า การที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้ควาสนิทสนมเป็นกันเองกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุม และปฏิบัติการของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้กลายเป็นเกราะปกป้องคณะผู้บริหารของบริษัท “โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์” (เทปโก) ซึ่งเป็นผู้บริหารกิจการโรงไฟฟ้าแห่งนี้

อย่างไรก็ดี อัยการได้ปฏิเสธที่จะตั้งข้อหากับฝ่ายบริหารครั้งแล้วครั้งเล่า โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดกับพวกเขา จึงมีแนวโน้มที่ศาลจะยกฟ้อง

แม้ว่าเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิถล่ม เมื่อเดือนมีนาคม 2011 จะคร่าชีวิตประชาชนไป 18,000 คน แต่อุบัติภัยนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นตามมานั้นกลับไม่ได้เป็นสาเหตุที่ให้ประชาชนล้มตายโดยตรง

เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว คณะกรรมการสืบสวนอิสระ ที่ประกอบด้วยพลเมืองสามัญได้เรียกร้องให้มีการตั้งข้อหากับอดีตผู้บริหาร 3 คนของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ เป็นผลให้อัยการต้องตรวจสอบคดีนี้ใหม่อีกครั้ง

ขณะแสดงผลการสืบสวน พวกเขากล่าวว่า เหล่าผู้บริหารบริษัทเทปโกนั้นไม่สามารถคาดคะเนได้ถึงขนาดความรุนแรงของคลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวความแรงระดับ 9 ตามมาตราแมกนิจูด จึงไม่สามารถป้องกันโรงไฟฟ้าแห่งนี้ให้รอดพ้นจากภัยธรรมชาติ

เรียวอิจิ นากาฮาระ รองอัยการจังหวัดโตเกียว กล่าวว่า “เราได้ข้อสรุปว่า ไม่มีหลักฐานมากเพียงพอที่บ่งชี้ได้ว่า โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ สามารถคาดการณ์ หรือสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด (อุบัติเหตุ) ได้”

นากาฮาระกล่าวว่า อัยการได้สอบถามว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม ภายหลังได้รับคำร้องจากคณะกรรมการฝ่ายพลเมืองเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่ก็ยังคงได้ข้อสรุปเช่นเดิม

ตามกฎหมายญี่ปุ่น หากคณะกรรมการฝ่ายสืบสวนอิสระยังคัดค้านการตัดสินใจของอัยการครั้งที่สอง ทีมทนายความที่ศาลตั้งขึ้นมาก็จำต้องผลักดันให้มีการตั้งข้อหาเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ผู้บริหารทั้งสามที่ถูกเรียกร้องเอาผิด ได้แก่ สึเนฮิสะ คัตสึมาตะ อดีตประธาน, ซากาเอะ มูโตะ ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทขณะเกิดเหตุ และ อิจิโร ทาเคคุโระ อดีตรองประธาน

บรรดานักเคลื่อนไหวได้เรียกร้องให้ทางการดำเนินคดีกับพนักงานบริษัทราว 30 คน ฐานละเลยไม่ได้วางมาตรการป้องกันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้จากคลื่นยักษ์สึนามิ จนจุดชนวนให้เกิดวิกฤตนิวเคลียร์ครั้งเลวร้ายที่สุดในชั่วอายุคน

---
@บ้านพักชั่วคราวซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรองรับชาวญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติฟูกูชิมะ ในเขตคาวามาตะ จังหวัดฟูกูชิมะ ทั้งนี้แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในจังหวัดนี้ ได้จุดชนวนให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ จนเกิดเป็นอุบัติภัยนิวเคลียร์ครั้งเลวร้าย ที่บีบให้ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 150,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่
---

 

สหรัฐฯมอบเงินหนุน “รบ.กบฏซีเรีย” 195 ล้านบาท
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2558 20:11 น.



สมาชิกฝ่ายต่อต้านของซีเรียเข้าร่วมการแถลงข่าวในกรุงดามัสกัสเพื่อพูดคุยเรื่องการประชุมในกรุงมอสโกที่กำลังจะมาถึงนี้ เมื่อวันที่ 19 มกราคม ปี 2015

เอเอฟพี – รัฐบาลรักษาการ ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านในซีเรียเผยวันนี้ (22) ว่า ได้รับเงิน 6 ล้านดอลลาร์ (ราว 195 ล้านบาท) จากสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นการช่วยเหลือทางการเงินโดยตรงครั้งแรกของสหรัฐฯ ที่มีให้กับหน่วยงานของฝ่ายกบฏชุดนี้

พวกเขาระบุในถ้อยแถลงว่า เงินก่อนนี้มีไว้สำหรับการพัฒนาและฟื้นฟูโครงการต่างๆ ใน “พื้นที่ที่ฝ่ายต่อต้านซีเรียสายกลางเข้ามาปลดปล่อย” รวมถึง การจัดส่งอาหาร , บริการสาธารณะ และการสนับสนุนสภาฝ่ายกบฏประจำท้องถิ่นต่างๆ

อาห์เม็ด โทห์มี หัวหน้าของรัฐบาลรักษาการ กล่าวว่า เงินก้อนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยหนึ่งเป็นเงิน 4.4 ล้านดอลลาร์มีไว้สำหรับการบูรณะและจับจ่ายซื้อครุภัณฑ์ต่างๆ รวมถึง เครื่องกำเนิดไฟฟ้า , ปั๊มน้ำ และรถบรรทุกน้ำ

เงินที่เหลืออีก 1.6 ล้านดอลลาร์จะถูกใช้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับฝ่ายปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยึดครองและเพื่อให้การช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงชุดอาหารและการให้ความช่วยเหลือต่อร้านขายขนมปังต่างๆ

เขากล่าว เงินช่วยเหลือนี้จะไม่ถูกนำไปใช้กับค่าปฏิบัติการและค่าใช้จ่ายประจำ ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลจะเอามาจากแหล่งอื่นต่างหาก

รัฐบาลรักษาการชุดนี้ ระบุว่า พวกเขาได้ลงนามข้อตกลงกับองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ในเรื่องการแบ่งสรรเงินทุนเหล่านี้

มัมดาอูห์ โซอุด ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการโครงการแบ่งสรรเงินทุนเหล่านี้ กล่าวว่า สำหรับในตอนนี้เงินเหล่านี้เกือบทั้งหมดจะถูกในใช้ในจังหวัดอเลปโปทางตอนเหนือและจังหวัดอิดลิปทางตะวันตกเฉียงเหนือ และ “ใน 2 เดือนหน้า เราคาดหวังจะขยายวงเข้าไปสู่จังหวัดลาทาเคียและฮามาทางตอนเหนือ” เขาบอกกกับเอเอฟพี


เขากล่าวว่า เงินช่วยเหลือในปัจจุบันนี้จะใช้ต่อไปได้จนถึงเดือนพฤษภาคม และรัฐบาลรักษาการหวังว่าจะเจรจาเรื่องเงินทุนเพิ่มเติมได้ก่อนหน้านั้น

ขณะที่สิ่งของที่ซื้อมาด้วยเงินทุนเหล่านี้ อย่างเช่น ผ้าห่ม ซึ่ง USAID จัดหามาให้ สิ่งของพวกนี้จะไม่ถูกประทับตราของหน่วยงานนี้ เขากล่าว

ทั้งนี้ แนวร่วมแห่งชาติซีเรีย (Syrian National Coalition) และรัฐบาลรักษาการชุดนี้ได้การรับรองจากนานาชาติในฐานะตัวแทนของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาด

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกลุ่มนี้ ซึ่งต่างมีฐานอยู่ในตุรกี มักถูกกล่าวหาว่าไม่ได้รู้และเข้าใจถึงความเป็นจริงของความขัดแย้งในพื้นที่จริง

เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ บรรดากลุ่มกบฏสายกลางที่มีสายสัมพันธ์กับแนวร่วมแห่งชาติซีเรียและรัฐบาลรักษาการต่างสุญเสียพื้นที่ให้กับทั้งรัฐบาลซีเรียและกลุ่มนักรบญิฮาดอย่าง องค์กรรัฐอิสลาม (ไอเอส) และกลุ่มอัล-นุสรา ฟรอนท์ ของกลุ่มอัลกออิดะห์

นับตั้งแต่ความขัดแย้งในซีเรียเริ่มปะทุขึ้นจนถึงตอนนี้มีประชาชนตายไปแล้วมากกว่า 200,000 คน โดยวิกฤตเริ่มต้นมาจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในเดือนมีนาคมปี 2011 และขดเกลียวเข้าสู่สงคราม

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000008638

 

อิรักรับเจอหายนะหลังน้ำมันตกต่ำ กระทบสงครามปราบไอเอส
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2558 02:34 น.



นายไฮเดอร์ อัล-อาบาดี นายกรัฐมนตรีอิรัก(กลาง) ขนาบข้างด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯและอังกฤษ

รอยเตอร์/เอเอฟพี - นายไฮเดอร์ อัล-อาบาดี นายกรัฐมนตรีอิรักเมื่อวันพฤหัสบดี(22ม.ค.) ยอมรับว่าความตกต่ำของราคาน้ำมันโลกคือหายนะทางการเงินของประเทศและอาจกระทบต่อแสนยานุภาพในการสู้รบกับกองกำลังรัฐอิสลาม(ไอเอส)

"ราคาลดลงแล้วมาราวร้อยละ 40 จากระดับเมื่อปีที่แล้ว เศรษฐกิจของอิรักและงบประมาณต้องพึ่งพิงน้ำมันถึงร้อยละ 85 และมันคือหายนะสำหรับเรา" เขาบอก ณ ห้องแถลงข่าวในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลังเข้าร่วมประชุมพันธมิตรต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งมีนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกาและเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศชาติอื่นๆเข้าร่วม

"เราไม่ต้องการเห็นทหารของเราพ่ายแพ้เพราะปัญหาทางงบประมาณและด้านการเงิน" เขากล่าว

นายกรัฐมนตรีอิรักรายนี้ยังเรียกร้องพันธมิตรนานาชาติที่กำลังสู้รบกับพวกรัฐอิสลาม สนับสนุนทางอาวุธแก่กองกำลังของเขาเพิ่มเติมเพื่อต่อกรกับนักรบกลุ่มนี้ "อิรักต้องการอาวุธ และประชาคมนานาชาติมีแสนยานุภาพพอที่จะจัดหาอาวุธที่จำเป็นแก่อิรัก " เขากล่าวตามหลังการหารือของเหล่า 21 ชาติพันธมิตร "โดยส่วนตัวแล้ว ผมมาที่นี่เพื่อขอแรงสนับสนันจากคู่หูเพิ่มเติม"

เมื่อถูกถามว่าพันธมิตรจะพอมีทางช่วยอย่างไรบ้าง นายอาบาดี ตอบว่าควรยินยอมให้แบกแดดผัดผ่อนการชำระค่าส่งมอบกระสุนและอาวุธยุทธภัณฑ์ออกไปก่อน

ผู้นำของอิรักรายนี้แถลงข่าวขนาบข้างด้วยนายเคร์รี และนายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ซึ่งทั้งสองให้คำรับประกันเป็นเสียงเดียวกันว่ากองกำลังความมั่นคงของอิรักจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ตามที่ต้องการ

 

In Pics : “หลี่ เค่อเฉียง” ประกาศกลางดาวอส!! ปักกิ่งเอาอยู่ “ไม่กังวลความเสี่ยงการเงิน” หลังตัวเลขเติบโตปี 2014 ช้าสุดในรอบ 24 ปี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2558 18:26 น.



เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(21) กลางที่ประชุมสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจโลก เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม 2015 ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ขึ้นกล่าวยืนยันถึงว่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของจีนยังอยู่ในความคุมของปักกิ่ง พร้อมยังเดินหน้านโยบายเงินตราที่มั่นคง (Prudent Policy) และและนโยบายการคลังแบบเชิงรุก (Proactive Fiscal Policy)ต่อไป หลังจากที่มีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นในเดือนที่ผ่านมาของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพทย์ Kaisa Group Holdings Ltd ที่มีฐานในเฉินเจิ่น ทางตอนใต้ของจีน เป็นผลทำให้มีความกังวลถึงความเสี่ยงทางการเงินของแดนมังกร ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งในปี 2014 มีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจแค่ 7.4 % ช้าสุดในรอบ 24 ปีของประเทศ

บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจรายงานวันนี้(22) ถึงคำแถลงของถึงความมั่นใจในเศรษฐกิจของจีนต่อที่ประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม 2015 ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ในวันพุธ(21) ว่าถึงแม้ในขณะที่ย่างเข้าสู่ปี 2015 ที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะดงหัวลง และมีการเกิดการผิดนัดชำระหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพทย์ Kaisa Group Holdings Ltd ที่มีฐานในเฉินเจิ่น ทางตอนใต้ของจีน เกิดขึ้น แต่นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ให้คำมั่นว่า ปักกิ่งจะไม่ยอมปล่อยให้ประเทศต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจแน่นอน และจะหาเครื่องมือเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อขยายตัวอย่างมั่นคงในระยะยาว

และก่อนหน้าที่หลี่จะขึ้นกล่าวกับผู้นำ โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีนได้ขึ้นกล่าวในที่ประชุมว่า “การชะลอตัวทางเศรษฐกิจนั้นถือเป็นข่าวดี หากมันหมายถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น” ซึ่งจากการเปิดเผยตัวเลขการเติบโตล่าสุดในปี 2014 พบว่ามีเพียง 7.4 % ช้าสุดในรอบ 24 ปีของประเทศ และถือเป็นครั้งแรกที่อัตราการเติบโตไม่ถึงเป้าที่ปักกิ่งกำหนดไว้

“ในขณะนี้ผู้นำปักกิ่งต่างยังเดินหน้าเลื่อนการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษในวงกว้างออกไป (broadbased policy easing )” หลิว ลี กัง ( Liu Li-Gang) หัวหน้า Greater China economics ประจำสถาบันการเงิน Australia & New Zealand Banking Group Ltd ที่มีฐานในฮ่องกงกล่าว และเสริมต่อว่า “แต่หากดัชนีทางเศรษฐกิจในเดือนที่กำลังจะมาถึงนี้ชี้ว่า จะมีความถดถอยมากขึ้น ปักกิ่งคงต้องลงมืออย่างจริงจัง”

ซึ่งหลิวให้ความเห็นว่า นักลงทุนยังไม่เชื่อว่าปักกิ่งจะสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศผ่านอย่างราบรื่นเข้าสู่ศักราชแห่ง “New Normal” ที่มีความเติบโตอย่างคงที่มากขึ้น

นอกจากนี้หลี่ยังตอกย้ำอย่างมั่นใจในที่ประชุมกลางสกีรีสอร์ทว่า ทุกความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ปักกิ่งสามารถรับมืออยู่ “ จีนยังมีศักยภาพอีกมากที่จะมีการเติบโตสำหรับ สังคมในเมือง สังคมกึ่งเมืองกึ่งชานเมือง และการพัฒนาส่วนภูมิภาค รวมไปถึงความต้องการภายในประเทศที่มีศักยภาพสูง ปัจจัยของจีนยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและจีนยังคงทำให้โลกยังเห็นโอกาสในความก้าวหน้าทางการเติบโตตัวเลขทางเศรษฐกิจหากจีนยังคงสามารถรักษาระการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ระยะปานกลางไปจนถึงระยะก้าวกระโดดได้ไปอีก 10 -20 ปี ข้างหน้า”

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีจีนยังกล่าวถึงนโยบายการคลังของประเทศว่า “จีนยังคงเดินหน้าใช้นโยบายเงินตราที่มั่นคง(Prudent Policy) และนโยบายการคลังแบบเชิงรุก (Proactive Fiscal Policy) ต่อไป ซึ่งทางปักกิ่งใช้วิธีการที่มีประสิทธภาพเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน และอัตราการออมของประเทศสูงถึง 50% ซึ่งเป็นฐานที่แข็งกร่งสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ”

ทั้งนี้บลูมเบิร์กชี้ว่า หลี่ถือเป็นนายกรัฐมนตรีจีนคนแรกที่ขึ้นพูดในการประชุมดาวอส ที่จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา จีนได้เริ่มส่งตัวแทนประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมในปี 1979 เมื่ออดีตผู้นำสูงสุดของจีน เติ้ง เสี่ยวผิง เริ่มเปิดสาธารณรัฐประชาชนจีนสู่โลกภายนอก

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000008605

 

WHO แจ้งข่าวดี ยอดผู้ติดเชื้อ “อีโบลา” รายใหม่ “ลดฮวบ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2558 16:28 น.



เอเอฟพี - ยอดผู้ติดเชื้อ “อีโบลา” รายใหม่ ในสามประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้ กำลัง “ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ” องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุวานนี้ (21 ม.ค.) พร้อมสำทับว่าประเทศเหล่านี้มีอุปกรณ์การแพทย์ในการรับมือจัดการกับวิกฤตโรคระบาดมากเพียงพอแล้ว

องค์การชำนาญการด้านสุขภาพของยูเอ็นแห่งนี้ ระบุในการแถลงยอดเหยื่ออีโบลาเมื่อล่าสุดว่า นับแต่เดือนธันวาคม ปี 2013 จวบจนวันที่ 18 เดือนมกราคมนี้ มีผู้เสียชีวิตด้วยอีโบลาแล้ว 8,626 ราย โดยเกือบทั้งหมดเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อซึ่งได้รับการยืนยันอยู่ที่ 21,689 คน

จากการวิเคราะห์ข้อมูลก็พบข่าวดีที่หาได้ยากยิ่งในช่วงที่อีโบลาแพร่ระบาดอย่างรุนแรงที่สุด จนจุดประกายให้คนทั่วโลกพากันหวาดผวา

WHO ระบุว่า “จำนวนผู้ติดเชื้อในกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอนกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง” ตัวอย่างเช่นที่ไลบีเรียซึ่งเคยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสัปดาห์ละกว่า 300 คนในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน พบผู้ป่วยรายใหม่เพียงสัปดาห์ละ 8 ราย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังกล่าวด้วยว่า บรรดาประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเชื้ออีโบลา ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขชำรุดทรุดโทรม ทั้งยังต้องดิ้นรนรับมือกับการแพร่ระบาด ในตอนนี้เริ่มมีเครื่องมือแพทย์ครบครัน เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากนานาชาติ

ตอนนี้ พวกเขามี “ศักยภาพมากพอที่จะให้การรักษาผู้ป่วย (โรคอีโบลา) โดยแยกจากโซนรักษาคนไข้ปกติ”

ทั้งนี้ กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอนนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากการแพร่ระบาดระลอกนี้ โดยผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสไข้เลือดออกชนิดนี้มากถึงร้อยละ 99 อาศัยอยู่ในสามประเทศข้างต้น


WHO

 

ยูเครนถอนกำลังจากพื้นที่หลักใน “สนามบินโดเนต์สค์” ยันยังไม่ทิ้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2558 17:59 น.


---
@ภาพอาคารผู้โดยสารหลักของสนามบินนานาชาติเซอร์เกย์ โปรโกเฟียฟขณถูกปืนใหญ่ยิ่งใส่ระหว่างการสู้รบกันระหว่างกลุ่มกบฏโปรรัสเซียและกองกำลังยูเครน เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ปี 2014
---
เอเอฟพี – กองทัพยูเครนระบุนี้ (21) ว่า การโจมตีของกลุ่มกบฏโปรรัสเซียนานหลายวันบีบให้กองทหารของพวกเขาต้องถอยร่นออกจากพื้นที่หลักของสนามบินแห่งหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นรางวัลเชิงสัญลักษณ์ของสงครามนาน 9 เดือนนี้

เจ้าหน้าที่กลาโหมในกรุงเคียฟ ระบุว่า การต่อสู้รอซากปรัหหักพังของสนามบินนานาชาติโดเนสต์ยังคงดำเนินอยู่ แม้ว่าจะมีทหารยูเครนเสียชีวิต 6 นายและถูกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนจับตัวไปอีกกว่า 16 นายในช่วงข้ามคืน

ยูเครน ระบุว่า ทหารถูกสังหารไปทั้งสิ้น 10 นายและได้รับบาดเจ็บ 16 นายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาของการต่อสู้ทั่วทั้งภาคตะวันออกของยูเครนที่เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมและประชากรส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย โดยนับเป็นหนึ่งในยอดบาดเจ็บล้มตายที่สูงที่สุดนับตั้งแต่การลงนามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อเดือนกันยายนที่ไม่เป็นผลอย่างเห็นได้ชัด

“เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (21) เราได้ทำการตัดสินใจที่จะออกจากอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่นี้” วลาดิสลาฟ เซเลซนอฟ โฆษกกองทัพ กล่าวโอยอ้างถึงอาคารสนามบินหลักที่ถูกกองกำลังเคียฟยึดครองมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม

การถอยร่นที่เคียฟรายงานนี้มีออกมาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากพลเมือง 13 คนถูกสังหาร ในช่วงที่ทั้งจรวดและปืนใหญ่ถูกยิงมาโดนรถรางไฟฟ้าคันหนึ่งใกล้ใจกลางเมืองโดเนต์สค์

เมืองหลวงของกลุ่มกบฏแห่งนี้เป็นสักขีพยานของการโจมตีที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ซึ่งได้บ่อนทำลายความพยายามของนานาชาติที่จะหยุดยั้งการนองเลือดที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 4,800 ราย

สนามบินนานาชาติเซอร์เกย์ โปรโกเฟียฟแห่งนี้เคยถูกสร้างใหม่ด้วยเม็ดเงินเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อต้อนรับแฟนฟุตบอลที่เดินทางมาเพื่อเข้าร่วมชมการแข่งขันในเมืองนี้ในช่วงศึกชิงแชมป์ยูโร 2012

สถานที่แห่งนี้ถูกกลุ่มกบฏโจมตีครั้งแรกเพียงไม่กี่วันหลังจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของ เปโตร โปโรเชนโก นักธุรกิจโปรตะวันตกที่ประกาศกร้าวว่าจะประสานความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับยุโรปและสหรัฐฯ

สื่อยูเครนเริ่มพูดถึงกองทหารที่พยายามจะรักษาสนามบินแห่งนี้ว่าเป็น “หุ่นยนต์” เนื่องจากความสามารถของพวกเขาที่ดูเหมือนว่าจะทนทานต่อการบุกจู่โจมไม่หยุดหย่อนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธ ทั้งๆที่เคียฟส่งกำลังบำรุงมาได้อย่างจำกัด

ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่นคงของ โปโรเชนโก ระบุว่า เคียฟยังไม่พร้อมที่จะยอมสละสนามบินแห่งนี้ให้พวกกบฏ แม้ว่าจะมีแรงกดดันทางการทูตจากรัสเซียให้ทำอย่างนั้น เนื่องจากมันยังเป็นพื้นที่เป็นกลางภายใต้ข้อตกลงเมื่อเดือนกันยายน

 

กษัตริย์ซาอุฯให้คำมั่นสานต่อนโยบาย

สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน กษัตริย์พระองค์ใหม่ของซาอุดิอาระเบีย ทรงยืนยันเรื่องการเดินตามรอยพระบาทของสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ พระเชษฐาของพระองค์ซึ่งเสด็จสวรรคตในวันนี้



วันศุกร์ 23 มกราคม 2558 เวลา 17:20 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ว่าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน กษัตริย์แห่งซาอุดิอาระเบีย พระชนมพรรษา 79 พรรษา พระราชทานกระแสพระราชดำรัสต่อพสกนิกรผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ทรงยืนยันการสานต่อพระราชกรณียกิจและโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ พระเชษฐาซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อช่วงรุ่งสางของวันนี้ ขณะทรงมีพระชนมพรรษา 90 พรรษา นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเรียกร้องให้กลุ่มประเทศในอาหรับและตะวันออกกลางอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคี เพื่อเสถียรภาพที่มั่นคงและสันติสุขในภูมิภาค

ขณะเดียวกัน พระองค์ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งรมว.กระทรวงกลาโหม คือเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งทรงเป็นพระราชโอรสของพระองค์ และทรงแต่งตั้งให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ซึ่งปัจจุบันทรงดำรงตำแหน่งรมว.กระทรวงมหาดไทย ให้ทรงมีพระอิสรริยยศเป็นรัชทายาทอันดับ 2 ต่อจากเจ้าชายมูคริน มกุฎราชกุมาร

ด้านนานาประเทศที่ทราบข่าวการสวรรคตของกษัตริย์อับดุลเลาะห์ ทยอยส่งสารแสดงความเสียใจมายังรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย และส่งตัวแทนเข้าร่วมพระราชพิธีฝังพระบรมศพของพระองค์ รวมถึงสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทรงยกเลิกกำหนดการเข้าร่วมประชุมด้านเศรษฐกิจที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเสด็จฯมายังกรุงริยาด พร้อมทั้งทรงมีพระบรมราชโองการให้ชาวจอร์แดนร่วมไว้อาลัยเป็นเวลา 40 วันด้วย

กษัตริย์ซาอุฯให้คำมั่นสานต่อนโยบาย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

รายงานพิเศษ : เมื่อเสาหลักโลกสะเทือน

จีน มหาอำนาจด้านเศรษฐกิจเบอร์ 2 ของโลก ประสบปัญหาเศรษฐกิจอ่อนแอที่สุดในรอบเกือบ 25 ปี เมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้ก็จะโตช้าลงอีก



วันศุกร์ 23 มกราคม 2558 เวลา 17:53 น.
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนหรือเอ็นบีเอสเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อวันอังคารที่20 ม.ค.พบว่าเศรษฐกิจของจีนเติบโตในระดับที่อ่อนแอที่สุดในรอบเกือบ25 ปี เมื่อปี2557 ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าการขยายตัวที่ลดลงนี้ ถือเป็น“มาตรฐานใหม่” และมีการวิเคราะห์กันแล้วว่าเศรษฐกิจจะเติบโตช้าลงอีกในปีนี้โดยเอ็นบีเอส แถลงว่าเศรษฐกิจจีนปีที่แล้วโตที่ร้อยละ 7.4ต่ำกว่าร้อยละ 7.7ของปี 2556แต่ก็ยังมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ7.3ในการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์15 คนของสำนักข่าวเอเอฟพี

การเติบโตของประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ2ของโลกระหว่างไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 7.3เมื่อเทียบปีต่อปีซึ่งก็เท่ากันกับ 3เดือนก่อนหน้าแต่มากกว่าการสำรวจของเอเอฟพีที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ7.2

นายหม่าเจียนตั๋ง ประธานเอ็นบีเอสกล่าวว่าเศรษฐกิจจีนก็มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงด้วยคุณภาพที่พัฒนาขึ้นภายใต้มาตรฐานใหม่ในปี2557 อย่างไรก็ตามเราก็ควรตระหนักถึงสถานการณ์ภายในและระหว่างประเทศด้วยว่ายังคงมีความยุ่งยากและการพัฒนาเศรษฐกิจกำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบากและปัญหาท้าทายหลายอย่าง

การขยายตัวของเศรษฐกิจตลอดทั้งปีที่แล้วซึ่งถือว่าเลวร้ายที่สุดตั้งแต่เศรษฐกิจโตได้เพียงร้อยละ3.8 ในปี 2533เกิดขึ้นหลังจากที่หนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการอ่อนแอของการผลิตและการค้ารวมทั้งการลดลงของราคาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อภาคอสังหาที่สำคัญเมื่อปีที่แล้วปักกิ่งตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการไว้ที่ประมาณร้อยละ7.5ซึ่งก็เป็นเป้าหมายที่จีนพึงหวังได้เพราะปกติเศรษฐกิจจีนก็จะโตอยู่ประมาณนี้แต่ก็พลาดเป้าหมายและเป็นการพลาดเป้าครั้งแรกตั้งแต่ปี2541ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชีย

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ยังมองตัวเลขดังกล่าวในแง่ดีแต่ก็กล่าวว่าพวกเขาคงไม่เปลี่ยนมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจอ่อนตัวลงอีกในปีนี้โดยหลิว หลี่-กังนักเศรษฐศาสตร์จากเอเอ็นแซดกล่าวกับเอเอฟพีว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี ปี 2557ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์และพลาดเป้าไปเล็กน้อยผลนี้ไม่ถือว่าแย่จนเกินไปนัก

สำหรับปีนี้นักเศรษฐศาสตร์จากผลการสำรวจของเอเอฟพีต่างมองว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ7.0 ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารระบว่า ไอเอ็มเอฟ คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงอีกเหลืออยู่แค่ร้อยละ 6.8เท่านั้น

มังกรจีนแซงหน้าญี่ปุ่นผงาดขึ้นเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ2 ของโลกในปี2553 และเอ็นบีเอสระบุว่า จีดีพีของจีน พุ่งสูงถึง63.65 ล้านล้านหยวนหรือ 10.24ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ยังห่างไกลสหรัฐซึ่งมีจีดีพี ปี 2556อยู่ที่ 16.8ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากการประเมินของธนาคารโลก

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเศรษฐกิจปีที่แล้วชะลอตัวเจ้าหน้าที่ของจีนก็กล่าวว่าพวกเขายังตั้งใจที่จะยึดมั่นเส้นทางของการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจให้เป็นการขับเคลื่อนการเติบโตโดยอาศัยการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากกว่าการลงทุนขนาดใหญ่และย้ำถึงคุณภาพของการขยายตัวอย่างพอดีโดยไม่คำนึงถึงขนาด

ด้านนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง กล่าวว่าอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวไม่น่ากังวลเลยตราบใดที่อัตราการจ้างงานในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแห่งนี้ไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งนายหม่าประธานเอ็นบีเอส กล่าวว่าผลการสำรวจของเอ็นบีเอสพบว่าอัตราการว่างงานในปี 2557อยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.1แต่ปฏิเสธที่จะนำไปเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามไอเอ็มเอฟ ยังมองว่าการเติบโตที่ช้าลงในจีนนั้นเป็นเรื่องที่ดีโดยหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอฟเอ็มโอลิวิเยร์ บลองคาร์ด กล่าวว่ามันแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจีนกำลังพยายามปรับเศรษฐกิจให้มีความสมดุล

เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างในเชิงลึกและการฟื้นตัวล่าช้าทำให้รัฐบาลจีนต้องเผชิญหน้ากับภารกิจอันหนักอึ้งในการจัดการกับความยากลำบากนี้


รายงานพิเศษ : เมื่อเสาหลักโลกสะเทือน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 23 ม.ค.58 ไขปริศนา..ทำไมยุโรป จำเป็นต้องเข้าสู่สงครามใหญ่
ท้ายสัปดาห์หุ้นไทยปิดตลาดส่งบวก 37.99 จุด หรือ 2.43% ดัชนีอยู่ที่ 1,598.33 จุด มูลค่าซื้อขายถึง 70,008.94 ล้านบาท ซึ่งปรากฎการณ์ที่สงผลดีนี้ ไทยเป็นเสือนอนกิน จาก การใช้มาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรป
ขำมาก..ฝรั่งเจ๊ง จนต้องพิมพ์เงิน โดยไร้ทองคำประกัน แต่ไทยอยู่เฉยๆ กลับรวยค้าขายดีขึ้นอ่ะ ตลาดหุ้น คือตัวบ่งชี้เศรษฐกิจ ที่สำคัญของประเทศ ซื้อขายกันวันละ 7 หมื่นล้านบาท ย่อมไม่ธรรมดา แม้ไม่หวือหวา แต่เป็นลักษณะเสี่ยงต่ำ ปลอดภัยไว้ก่อน ได้น้อยๆ แต่ได้แน่ๆ
การทำ QE ของ EU เพื่อนำเงินที่พิมพ์เพิ่มนี้ ไปช่วยอุ้มพันธบัตร ของประเทศใน EU เอง ที่แทบจะไม่มีผลตอบแทนดอกเบี้ย เพราะใครๆ ก็ไม่ซื้อ จึงต้องซื้อกันเอง อัฐยายซื้อขนมตาชัดๆ
เปรียบไปก็เหมือนการเล่นแชร์นั่นแหละ EU ทะยอยเปียแชร์ทุกมือ พอได้เงินมาก็หลงระเริงสุรุ่ยสุร่าย เอาเงินไปทำสงครามนอกประเทศตามมะกันจนหมด จนสุดท้าย ทะเลาะกับรัสเซีย เศรษฐในประเทศตนเองจึงขาดรายรับ จึงไม่มีปัญญาจ่ายค่าแชร์ ที่เจ้ามือมาเก็บทุกมือ ( ตอนนี้ EU มีหนี้ 528 ล้านล้านบาท)
หันรีหันขวาง เอาไงดีกว่า...หน้ามืดกู้หนี้นอกระบบละกัน เพราะกู้ธนาคารต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าแชร์ มือที่เปียไปหมดแล้ว..ทีนี้ก็เกิดหนี้ 2 ทางซิ คือ หนี้แชร์พร้อมดอกเบี้ย กับ หนี้นอกระบบดอกมหาโหด
ในการทำ QE แต่ละรอบ ก็เปรียบเหมือนกู้หนี้นอกระบบนั่นแหละ น่าจะเกิดหนี้ใหม่เพิ่มอีกราว 550 ล้านล้านบาท...อีกสักระยะ EU ก็จะไม่มีปัญญาใช้หนี้ทั้ง 2 อย่าง ก็จะทำ QE2, QE3 , QE4....โดยที่ไม่ต้องมีหลักประกันเงินซ้ำอีก
อธิบายเปรียบเทียบแบบชาวบ้าน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า EU กำลังจะเข้าสู่สถานะประเทศที่ล้มละลาย เพราะมีหนี้สินทั้งเก่า และใหม่ล้นพ้นตัว พวกเขาไม่มีปัญญาใช้หนี้คืนหมดแน่นอนแล้ว เมื่ออเมริกา ดันพวกเขาออกหน้า เพื่อเข้าสู่สงคราม จึงจำต้องก้มหน้าทำตามแบบไม่มีทางเลือก
หลายคนอาจสงสัยว่าไทยจะได้รับผลกระทบแรงๆ ไหม..คำตอบคือ "ไม่" เพราะหลังรัฐประหารมา ไทยไม่เดินแนวชาติตะวันตก แต่มาเดินแนวจีน ไทยจึงไม่ได้เล่นแชร์วงนี้กับฝรั่ง เปรียบไปไทยแค่ "เด็กรอบวงแชร์" ที่คอยวิ่งไปซื้อโอเลี้ยง หน้าปากซอยเท่านั้น ใครจ่ายไทยมาก ก็วิ่งไปซื้อให้บ่อยๆ ใครไม่จ่ายก็ใช้ไทยไม่ได้ เรากินทั้ง 2 ฝ่าย แต่เราไม่เล่น
ลูกพี่มะกัน ทำ QE มา 4 รอบ จนหนี้สินล้นพ้นตัว , ญี่ปุ่นก็ทำ QE หลายรอบจนหนี้สินล้นพ้นตัว , EU เพิ่งทำ QE รอบ1 เพราะมีหนี้สินล้นพ้นตัว เห็นความจำเป็นหรือยัง ว่าทำไมเขาจะต้องเข้าสู่สงคราม เพราะมันเป็นทางสุดท้าย ที่จะ Set Zero ล้างหนี้ได้
พร้อมได้ลดจำนวนประชากรลง จำนวน 6,500 ล้านคน เพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ ตามอุดมการณ์อิลลูมินาติ..ทีนี้คนไทยตาสว่างหรือยัง ว่าระบอบประชาธิปไตย มันร้ายกาจเกินกว่าที่เราคิดมากมายนัก !!
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 23 ม.ค.58 ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินซาอุ โลกร้อนระอุขึ้นมาอีกครา
สำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบีย แถลงว่า กษัตริย์อับดุลเลาะห์ บิน อับดุลลาซิส แห่งซาอุดีอาระเบีย สวรรคตแล้วเมื่อเวลา 1.00 น ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ รวมพระชนมพรรษา 90 พรรษา โดยจะมีพิธีฝังพระศพภายในวันนี้ หลังการทำพิธีสวดมนต์ในช่วงบ่าย
ทั้งนี้ กษัตริย์อับดุลเลาะห์ เสด็จเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมาตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จากการประชวรด้วยโรคพระบัปผาสะบวม หรือปอดบวม และหายใจติดขัด ทำให้ต้องถวายท่อช่วยหายใจมาโดยตลอด มกุฏราชกุมารซัลมาน พระชนมพรรษา 79 พรรษา (สถานะเป็นหลาน) เตรียมเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่
----------------------------->
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจ กับประชาชนซาอุฯ ด้วย ที่เพจนี้บอกล่วงหน้าเรื่องซาอุฯ จะผลัดเปลี่ยนแผ่นดินมานานตั้งแต่หลังปีใหม่แล้ว แต่หลายคนไม่เชื่อ ช่วงนั้นไม่อยากบอกอะไรมาก เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน วันนี้เขาแถลงเอง ก็พูดได้แล้ว เพจนี้แม่นอีกแล้ว
ราชวงศ์ซาอุฯ มีหลากหลายถึง 4 สาย และมีเจ้าชายจำนวนมาก ซึ่งเจ้าชายที่เป็นหลักและ รองมีมากถึง 20,000 -25,000 องค์ ความหลากหลายและจำนวนคนในราชวงศ์ ที่มีจำนวนมากถึงขนาดนี้นั้น ย่อมเกิดการแข่งขันช่วงชิงอำนาจสูงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา
ราชวงศ์ซาอุฯ ได้รับการหนุนหลังจากอเมริกา เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันมาตลอด อเมริกาไม่เคยพูดเรื่องเลือกตั้งประชาธิปไตย ในซาอุ ฯ เลย แม้เพียงคิด เพราะอเมริกาไม่เคยมีมาตรฐานโลกใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในไทยนั้นมะกันกับหนุนขบวนการล้มเจ้า เพราะเศรษฐกิจพอเพียง ไปขวางผลประโยชน์อเมริกา
นับแต่นี้ซาอุฯ คงไม่มั่นคงทางการเมืองแล้ว เพราะข่าวว่าเกิดการระส่ำระส่าย ในการผลัดแผ่นดินครั้งนี้ และตอนนี้อิหร่านขยายอิทธิพลรัฐบาลชีอะห์ ไปทั่วตั้งแต่อิรัก ล่าสุดก็เยเมน จนตอนนี้มะกันต้องอพยพทูต หนีตายขึ้นเรือสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ออกไปแน่บจากเยเมนแล้ว เพราะอิหร่านสั่งให้กลุ่มติดอาวุธของตนลุยแหลก
จนเอาชนะประธาบดีเยเมน เด็กฝากมะกัน อย่างราบคาบ ตอนนี้เขาลาออกหนีตายแล้ว ขืนอยู่โดนอิหร่านสั่งกุดหัวแน่ โทษฐานไปซบอเมริกาคู่แค้น แต่ที่น่าหวาดเสียว คือ ซาอุฯ นี่แหละ เพราะเป็นรัฐบาลสุนหนี่ ที่เริ่มถูกอิทธิพลอิหร่าน บีบล้อมทุกด้าน
แม้แต่มหามิตรมะกัน ก็กลับหักหลังเอาเสียดื้อๆ พอรู้ว่าซาอุฯ อ่อนแอ จากการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ฉากหน้าก็โจมตี IS แต่ฉากหลังก็สั่ง IS เคลื่อนพลมาประชิดซาอุฯ จนซาอุต้องยอมจ่ายเงินทำกำแพงยักษ์ กันระหว่างอิรักกับซาอุ บริษัทของรองประธานาธิบดีมะกันก็ได้งานจ้างไปเรียบร้อย
ซาอุฯ ตอนนี้จึงระส่ำมาก เพราะการเมืองภายในก็หนักหนา เริ่มมีกลุ่มสุนนีห์ ในประเทศก่อหวอดประท้วงประปราย และภายในราชวงศ์เองก็ต้องระวังกันเองแบบนอนไม่หลับ เพราะเจ้าชายหลายหมื่นคน ก็อยากเป็นใหญ่บ้าง
ภายนอกก็โดนอิหร่านบีบล้อม และค่อยๆ สอยเอาประเทศพันธมิตรซาอุฯ ไปที่ละประเทศ สองประเทศ และมะกันนี่แสบสุด แบล็คเมล์จะเอาแต่เงิน เมื่อไม่ได้ก็ข่มขู่เอาตามใจ จึงเรียกได้ว่าอาการซาอุฯ อีกไม่นานคงไม่พ้นสภาพอิรัก ซีเรีย
การสวรรคต ของกษัตริย์ซาอุฯ คราวนี้ ส่งผลให้โลกตะวันตกหวั่นไหวมาก ว่าทิศทางกษัตริย์องค์ใหม่ และการเมืองซาอุ จะออกมาแบบไหน เพราะซาอุผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก และเป็นขาใหญ่ของกลุ่มโอเปค ย่อมทำให้ระส่ำไปหมด
แทงหวยว่าราคาน้ำมันโลก จะขยับขึ้นนิดหน่อย แต่ะไม่นานเพราะตราบใดที่มะกันยังยึดระบบเปโตรดอลลาห์ ราคาที่ขึ้นก็แค่ภาพลวงตา แต่ของจริงคือตรงข้าม คอยดูราคาขายน้ำในไทยจะลดลงอีกนิดหนึ่ง
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ช็อก เหล่าแอร์โฮสเตสสาวญี่ปุ่นแห่ขายตัวให้นักบิน เพื่อ "เลี้ยงชีพ" มีรุ่นพี่เป็น "แม่เล้า"! วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 12:00:59 น.



เดลี่ เมล์ รายงานว่า สื่อ "Shukan Post" ของญี่ปุ่น ได้ตีพิมพ์รายงานแฉว่า แอร์โฮสเตสญี่ปุ่น ต้องกลายเป็นหญิงค้าบริการ เพื่อแก้วิกฤตค่าแรงต่ำ โดยต้องขายตัวให้กับเหล่านักบินเพื่อแลกกับเงิน ขณะที่สถานการณ์ดังกล่าวชี้ว่า ชีวิตนางฟ้าญี่ปุ่นแท้จริงแล้ว ไม่ใช่อาชีพที่มีรายได้และไลฟ์สไตล์หรูหราเหมือนอย่างที่หญิงญี่ปุ่นทั่วไปเข้าใจกัน

โดย "ชูกัน โพสต์" สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นรายงานอ้างแอร์โฮสเตสหญิงหลายราย ระบุว่า ขณะนี้ แอร์โฮสเตสของสายการบินญี่ปุ่น ต้องขายตัวให้แก่บรรดานักบิน เพื่อหาเงินเพิ่ม เพราะพวกเธอมีเงินเดือนต่ำ หรือมีรายได้ปีละ 28,000 ปอนด์ (ราว 1.4 ล้านบาท) โดยพวกเธอมีรายได้จากการขายตัวให้นักบินครั้งหนึ่งเป็นเงิน 300 ปอนด์ (ราว15,000) หรือราว 90 นาที ซึ่งแอร์โฮสเตสที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี จะสามารถเพิ่มค่าตัวให้แก่ตัวเองได้มากที่สุดเท่าที่เธอต้องการ และลูกค้าสามารถรับได้

สื่อรายนี้ระบุด้วยว่า แต่ละปี จะมีหญิงสาวญี่ปุ่นนับหมื่นคนต่างแห่ไปสมัครแอร์โฮสเตสยังสายการบินใหญ่ของประเทศ แต่ในความจริงแล้ว อาชีพนี้ถือว่ามีรายได้แย่มาก และต้องทำงานหลายชั่วโมง ขณะที่รายได้หรือเงินเดือนของแอร์โฮสเตสญี่ปุ่น ก็ได้ลดลงอย่างฮวบฮาบในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขของกระทรวงแรงงานญี่ปุ่นระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2004-2014 แอร์โฮสเตสญี่ปุ่นได้ถูกตัดเงินเดือนจากปีละ 28,000 ปอนด์ (ราว 1.4 ล้านบาท) เหลือเพียง 22,000 ปอนด์ (ราว 1.1 ล้านบาท)

ขณะที่แอร์โฮสเตสรายหนึ่งเผยว่าหากแอร์โฮสเตสรายใดที่ต้องการจะขายตัว จะมีแอร์รุ่นพี่ทำหน้าเป็น "แม่เล้า"คอยหาลูกค้าซึ่งเป็นนักบินให้ และว่า แอร์ฯเหล่านี้อาจขายตัวเป็นงานพาร์ทไทมส์ พร้อม ๆ กับการให้บริการเป็นเพื่อนเที่ยว ที่เชี่ยวชาญในการเสนอแอร์ฯรายอื่น ๆ ให้แก่ลูกค้า

โดยธุรกิจนี้จะมี "สัญญาณมือ" สื่อสารกัน จากนักบินเมื่อยามที่นักบินเกิดสนใจและต้องการมีเซ็กส์กับแอร์โฮสเตสที่หน้าตาดึงดูดพวกเขา รวมทั้งการพูดคุยเรื่องค่าตัว ขณะที่มีแอร์โฮสเตสบางรายถึงขนาดเปิดธุรกิจแม่เล้า ที่จะคอยแนะนำแอร์โฮสเตสให้แก่เหล่านักบิน

ด้านแอร์โฮสเตสวัย 30 ปีรายหนึ่งบอกว่า จ๊อบขายตัวของเธอมีระยะเวลาหมดอายุ โดยแอร์โอสเตสที่เป็นแม่เล้าจะต้องออกจากวงการเมื่ออายุการเป็นแอร์โฮสเตสของพวกเธอสิ้นสุดลง แต่วงจรนี้ก็จะดำเนินต่อไปเหมือนเดิม เพราะจะมีแอร์โฮสเตสที่อาวุโสขึ้นก้าวขึ้นมาเป็นแม่เล้า และข่าวลือเรื่องวงจรขายตัวของวงการแอร์ฯนางฟ้าญี่ปุนเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว นับต้ังแต่เธอเป็นแอร์โฮสเตสตั้งแต่ปี 2007


ช็อก เหล่าแอร์โฮสเตสสาวญี่ปุ่นแห่ขายตัวให้นักบิน เพื่อ "เลี้ยงชีพ" มีรุ่นพี่เป็น "แม่เล้

 

Pst Nong ได้แชร์โพสต์ของ In & Outside World



สีฟ้าเรืองแสง ชายหาด ฮ่องกง
เกิดจาก สาหร่าย Noctiluca ชื่อเล่นทะเล Sparkle เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่เป็นทั้งพืชและสัตว์กินแพลงก์ตอน และสาหร่ายอื่น ๆ
Noctiluca เป็นทั้งเหยื่อและผู้ล่า และแสดงให้ทราบว่าน่านทะเลแถบนั้นมีพิษจากสาหร่ายแน่นอน Sparkle สามารถทำลายล้างชีวิตทางทะเลและการประมงในท้องถิ่นก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน
(งามแต่ อย่ามาทะเลไทย)

http://m.appeal-democrat.com/…/article_5230a6c1-f03a-584c-9…

 

Pst Nong ผ่าน ASTV Around the World

((เส้นตายดังกล่าวคือเวลา 05.50 ตามเวลามาตรฐานกรีนิช วันศุกร์ (23) หรือ 12.50 น. ตามเวลาไทย))
เอเจนซีส์ – ญี่ปุ่นแข่งกับเวลา อาเบะติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้นำหลายประเทศในตะวันออกกลาง พร้อมสั่งรัฐบาลใช้ทุกช่องทางช่วยพลเมืองสองคนที่ถูกไอเอสขู่สังหาร หากไม่ได้เงินค่าไถ่ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเที่ยงวันศุกร์ (23) แต่ยังยืนยันจะไม่ยอมก้มหัวให้ผู้ก่อการร้าย
รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (22) ว่า กำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เคนจิ โกโตะ ผู้สื่อข่าวอิสระ และฮารูนะ ยูกาวะ ผู้รับเหมาสัญญาเอกชนที่ถูกกลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลาม (ไอเอส) จับกุมและเรียกค่าไถ่ 200 ล้านดอลลาร์ภายใน 72 ชั่วโมง ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย แต่ก็ยอมรับว่า ยังไม่ได้เจรจากับไอเอส แม้เหลือเวลาอีกเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น
โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นสำทับว่า ไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของพลเมืองทั้งคู่
อนึ่ง ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะเผยว่า ญี่ปุ่นกำลังแข่งขันกับเวลาและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตโกโตะ และยูกาวะ
ผู้นำญี่ปุ่นเสริมว่า ได้สั่งการให้รัฐบาลใช้ช่องทางทางการทูตและช่องทางอื่นๆ ทั้งหมดที่สามารถทำได้ เพื่อให้พลเมืองทั้งสองได้รับการปล่อยตัว
อาเบะที่รีบรุดกลับญี่ปุ่นหลังเดินทางเยือนตะวันออกกลางยังเปิดเผยว่า ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจาก มะห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ตลอดจนประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซีแห่งอียิปต์, สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์แห่งจอร์แดน และประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิป เออร์โดแกนของตุรกี

นับถอยหลังเส้นตายเรียกค่าไถ่ไอเอส อาเบะสั่งใช้ทุกช่องทางช่วยตัวประกัน
กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) แพร่คลิปวีดีโอขู่สังหารตัวประกันชาวญี่ปุ่น เคนจิ โกโตะ (ซ้าย) และฮารูนะ ยูกาวะ (ขวา) หากรัฐบาลญี่ปุ่นไม่จ่ายค่าไถ่ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ญี่ปุ่นจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ลัทธิก่อการร้าย และจะร่วมกับนานาชาติต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายอันขี้ขลาดอย่างดีที่สุด” อาเบะสำทับ

นับถอยหลังเส้นตายเรียกค่าไถ่ไอเอส อาเบะสั่งใช้ทุกช่องทางช่วยตัวประกัน
ไกด์ชาวซีเรียโชว์วีดีโอบันทึกภาพ เคนจิ โกโตะ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศชาวญี่ปุ่น ขณะให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดนิวส์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20) กลุ่มไอเอสได้เผยแพร่คลิปที่เป็นภาพนักรบชุดดำถือมีดยืนอยู่ตรงกลางระหว่างชายญี่ปุ่นสองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ในทะเลทราย และประกาศให้รัฐบาลญี่ปุ่นจ่ายเงิน 200 ล้านดอลลาร์ แลกกับชีวิตของทั้งคู่ภายใน 72 ชั่วโมง ด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเดียวกับนักรบชุดดำในคลิปหลายชุดก่อนหน้านี้ที่ออกมาขู่และสังหารพลเมืองตะวันตกรวมทั้งสิ้น 5 คนนับจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
โตเกียวนั้นคาดว่า เส้นตายดังกล่าวคือเวลา 05.50 ตามเวลามาตรฐานกรีนิช วันศุกร์ (23) หรือ 12.50 น. ตามเวลาไทย
ในคลิป ไอเอส ได้โยงเงินค่าไถ่กับเงินจำนวนเดียวกันที่อาเบะประกาศว่า จะมอบให้ประเทศที่ต้องรองรับคลื่นผู้อพยพจากประเทศที่สู้รบกับไอเอส ซึ่งไอเอสถือว่า เป็นการให้เงินสนับสนุนเพื่อต่อสู้กับตน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นยืนกรานว่า ญี่ปุ่นไม่มีเจตนาต่อสู้กับโลกอิสลาม แต่เพียงแค่ต้องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพนับสิบล้านคนในตะวันออกกลาง และไม่เกี่ยวข้องกับการทหารแต่อย่างใด
ทางด้านฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์จากลอนดอน ขณะเดินทางไปร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้งหมด 21 ชาติเพื่อหาทางจัดการกับกลุ่มไอเอสที่ยึดครองพื้นที่กว้างขวางในอิรักและซีเรียในขณะนี้ว่า สถานการณ์การจับพลเมืองญี่ปุ่น และการโจมตีสำนักงานนิตยสารชาร์ลี เอ็บโดของฝรั่งเศสเมื่อต้นเดือน เป็นการกระทำที่ต่ำช้าของลัทธิก่อการร้าย
ขณะเดียวกัน สื่อญี่ปุ่นพยายามตรวจสอบความถูกต้องของคลิปของไอเอส และตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการตัดต่อ โดยอ้างอิงเงาของวัตถุในภาพ รวมถึงการเคลื่อนไหวของชุดของตัวประกัน และข้อเท็จจริงที่ว่า ทั้งคู่ไม่ทีท่าทีหวาดกลัวหรือตกใจเลย ทั้งที่นักรบไอเอสโบกมีดเล่มใหญ่ไปมาใกล้ศีรษะ
ซูกะกล่าวถึงเรื่องนี้เพียงว่า ผู้เชี่ยวชาญกำลังตรวจสอบคลิปดังกล่าว แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ ตัวประกันทั้งคู่คือโกโตะ และยูกาวะจริง
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์ไมนิชิชิมบุน ฉบับวันพุธ (21) ยังรายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของคนที่รู้จักโกโตะว่า โกโตะถูกไกด์ที่นำทางในซีเรียหักหลังด้วยการนำไปส่งให้ไอเอส และไม่กี่วันหลังจากนั้น ครอบครัวของเขาก็ได้รับอีเมลจากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็น สมาชิกไอเอส เรียกเงินค่าไถ่ 17 ล้านดอลลาร์
นับถอยหลังเส้นตายเรียกค่าไถ่ไอเอส อาเบะสั่งใช้ทุกช่องทางช่วยตัวประกัน
โก นากาตะ นักวิชาการด้านกฎมายอิสลาม และอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยโดชิชา ระบุในการแถลงข่าวที่กรุงโตเกียวว่า เขาจะอาสาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในการเจรจาขอปล่อยตัวประกันชาวญี่ปุ่นทั้งสองคน

 

MySci
ดาวเคราะห์น้อย 2004 BL86 จะเดินทางเข้าใกล้โลกอีกไม่กี่วันข้างหน้า



2004 BL86 เป็นดาวเคราะห์น้อย ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.440-1.000 กิโลเมตร มีคาบการโคจรประมาณ 200 ปี จะเดินทางเข้าใกล้โลกมากที่สุดในวันที่ 26 มกราคม 2015 ด้วยระยะห่าง 1.2 ล้านกิโลเมตร ซึ่งห่างเป็น 3 เท่าของระยะห่างจากโลกไปดวงจันทร์ ถือเป็นอีกหนึ่งดาวเคราะห์น้อยที่ดาราศาสตร์ทั่วโลกเฝ้ารอคอย
______________________________

สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ www.nextsteptv.com

 

ธุรกิจติดหล่มดิ้นหนี"กับดัก"ราคา เพิ่มมูลค่าสินค้าใหม่เร่งตลาด-แก้ปม"ไม่ลดไม่ซื้อ"
updated: 19 ม.ค. 2558 เวลา 09:00:06 น.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ธุรกิจติดกับดักราคา ชี้กำลังซื้อซบหนักทำพฤติกรรมจับจ่ายเปลี่ยน ยอมรับสภาพลูกค้าเสพติดลดราคา "ไม่ลดไม่ซื้อ-ลดน้อยไม่ช็อป" ลด 70% ยังเมิน "ค้าปลีก-ร้านอาหาร-สินค้าอุปโภคบริโภค-แฟชั่นสินค้าหรู " กุมขมับเจอกันถ้วนหน้า เร่งเฟ้นหากลยุทธ์ใหม่หวังไม่ให้เข้าเนื้อ มุ่งพัฒนาสินค้า-วางราคาสูง รับการแข่งขันโปรโมชั่นราคา

กลายเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจอย่างต่อเนื่องที่ต้องเผชิญกับโจทย์ "สงครามราคา" ท่ามกลางกำลังซื้อที่ยังไม่กระเตื้อง แต่ยอดขายกลับต้องเร่งสร้างการเติบโตแคมเปญและโปรโมชั่นการ "ลดราคา" กลายเป็นไม้ตายอมตะที่เข้ามากระทุ้งและเร่งปลุกแรงซื้อ แต่เมื่อยิ่งลดยิ่งเหมือนติดกับดักราคาเข้าไปทุกวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาเสพติด "โปรโมชั่นลดราคา" เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และขยายวงไปแทบทุกกลุ่มสินค้า ทั้งในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าในศูนย์การค้า ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต คอนวีเนี่ยนสโตร์ โมเดิร์นเทรดค้าปลีกต่างๆ ฯลฯ แต่ขณะนี้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น

นายชัยประนิน วิสุทธิผล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีบีดับบลิวเอ (ประเทศไทย) จำกัด และอดีตนายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ให้มุมมองกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันเปลี่ยนไป ซับซ้อนและเอาตัวเองเป็นเกณฑ์มากขึ้น เปรียบเทียบและหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าในทุกมิติ และถ้าแบรนด์หรือสินค้าไม่ลดราคา ไม่แถม และจูงใจมากพอ ผู้บริโภคก็ไม่ซื้อ ผู้บริโภคมีอิสระในการเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกส่งมาก็ได้ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สินค้าต่าง ๆ จะต้องเร่งปรับตัวและหาทางออกเพื่อรองรับกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

โจทย์หนักซัพพลายเออร์

นายสรรชัย เตียวประเสริฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคและฝ่ายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โปรโมชั่นราคาที่แต่ละค่ายทำเพื่อกระตุ้นยอดขายมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคอ่อนไหวต่อราคา ขาดความจงรักภักดีต่อแบรนด์สินค้า ถือเป็นงานหนักของซัพพลายเออร์ที่จะต้องเร่งแก้โจทย์ในปีนี้ ซึ่งอาจจะเป็นในรูปแบบการพัฒนาสินค้าให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น มีนวัตกรรมมากขึ้น และวางราคาขายใหม่ได้ทดแทนการขึ้นราคาในสินค้าตัวเดิม แต่คาดว่าจะยังได้เห็นการทำโปรโมชั่นราคาเป็นระยะ ๆ ในปีนี้ จากสภาพกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว

ด้านนางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัทเทสโก้โลตัส บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผู้บริโภคยังมีความกังวลเรื่องราคาสินค้า กลยุทธ์ราคาจึงมีความสำคัญ ทำให้รู้สึกว่าสินค้าไม่ได้ราคาแพง อาทิ ซื้อ 1 แถม 1, นาทีทอง ซึ่งมีฟีดแบ็กจากลูกค้าอย่างดี กลยุทธ์ราคาช่วยกระตุ้นคนให้เข้ามาซื้อสินค้าที่นำมาจัดรายการ ขณะเดียวกันก็มีโอกาสซื้อสินค้าอื่น ๆ ด้วย

"เป็นปกติของธุรกิจที่ต้องเก็บยอดขายให้ได้มากที่สุดตั้งแต่ต้นปี เดือนมกราคมผู้บริโภคจับจ่ายสินค้าตั้งแต่ช่วงสิ้นปีต่อเนื่องปีใหม่และวันเด็กไปแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีเทศกาลอื่น ๆ อีก ดังนั้นจึงต้องพยายามนำเสนอโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ"

สอดคล้องกับแหล่งข่าวจากวงการสินค้าคอนซูเมอร์กล่าวว่า กลยุทธ์ราคายังเป็นสิ่งที่จะกระตุ้นการซื้อจากผู้บริโภคได้ ทั้งผู้ผลิตและค่ายค้าปลีกจะยังใช้กลยุทธ์นี้ต่อไป และการพัฒนาสินค้าใหม่แล้ววางราคาสินค้าสูง ๆ ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่ผู้ผลิตจะหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น เพื่อรองรับการทำโปรโมชั่นราคาแบบไม่เจ็บตัวไม่กระทบกับต้นทุนสินค้ามากนัก

นางอัจฉรา อัมพุช รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส เดอะมอลล์ กรุ๊ป ส่งแคมเปญ "Goldgeous Sale" ลดราคาทั้ง 3 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ปลุกกำลังซื้อชาวไทยและชาวต่างชาติ ใน 14 วัน โดยมีแบรนด์ที่เข้าร่วม อาทิ MSGM, Manish Arora, Joseph, Victoria Beckham, Timberland, Levi"s, Wrangler, Dior, La Mer, Lancome, Estee Lauder และ Shiseido ลดสูงสุด 30-70% ตั้งแต่วันที่ 15-28 มกราคม

เล่นแล้ว "ถอนตัว" ยาก

นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การแข่งขันของตลาดร้านอาหารในปีนี้จะแข่งที่ราคามากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวนัก จึงจำเป็นต้องใช้โปรโมชั่นเข้ามากระตุ้น สำหรับ โออิชิ ปีนี้จะหันไปพัฒนาเรื่องการทำแบรนดิ้ง เพื่อให้ผู้บริโภคมีความลอยัลตี้ ทำให้แบรนด์มีความมั่นคงในระยะยาวมากกว่า ไม่เน้นการทำโปรโมชั่นมากนัก

"โปรโมชั่นเล่นแล้วถอนตัวยาก เมื่อทำเยอะ ๆ ลูกค้าก็จะไม่รู้สึกว่ามันพิเศษอะไร ธุรกิจอื่น ๆ ก็เช่นกัน เมื่อก่อนเราเห็นภาพของการลดราคา 50% คนแน่นร้าน แต่เดี๋ยวนี้ 70% ยังไม่มีคนเข้าร้านเลย มันสะท้อนว่าสิ่งที่ทำนั้นผิดพอสมควร"

นายโชคดี วิศาลสิงห์ ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เอฟโวลูชั่นแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านกาแฟคอฟฟี่บีนแอนด์ทีลีฟ, โดมิโนพิซซ่า, ร้านไก่ทอดเคียวโชน กล่าวว่า สงครามราคาเป็นอีกความท้าทายของการบริหารธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบัน ด้วยสภาพกำลังซื้อที่ถดถอยทำให้แต่ละแบรนด์ต้องหันมาทำโปรโมชั่นราคา และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อคู่แข่งทำเราก็ต้องทำ

"กลยุทธ์ราคาจะมีผลต่อต้นทุนของบริษัท และต้องพยายามบริหารจัดการต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของวัตถุดิบที่ต้องหันมาใช้ของประเทศที่มีคุณภาพทดแทนการนำเข้า รวมถึงการพยายามใช้ประโยชน์จากครัวกลางให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น กำลังซื้อที่มีมากขึ้น อาจจะทำให้สงครามราคาค่อย ๆ ลดลง"

ธุรกิจติดหล่มดิ้นหนี"กับดัก"ราคา เพิ่มมูลค่าสินค้าใหม่เร่งตลาด-แก้ปม"ไม่ลดไม่ซื้อ" : ประช

 

น้ำในเขื่อนใหญ่แห้งขอด! บราซิลประสบภัยแล้งหนักสุดในรอบ 80ปี
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 ม.ค. 2558 14:30



ชาวบราซิลเจอปัญหาภัยแล้งหนักสุดในรอบ 80 ปี ระดับน้ำในเขื่อนใหญ่ที่รัฐรีโอเดจาเนโร แห้งขอด ลดเหลือ 0 รมว.สิ่งแวดล้อมแดนแซมบ้าสุดกังวล เตือนประชาชนให้ประหยัดน้ำ ชี้บราซิลกำลังประสบวิกฤติภัยแล้งที่ยากลำบากและน่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง...

สำนักข่าวบีบีซี รายงานเกิดภาวะภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำรุนแรงที่สุดในรอบ 84 ปี ในประเทศบราซิล โดยนางอิซาเบลลา เทเซียรา รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของบราซิล กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งในบราซิล ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ หลังร่วมประชุมฉุกเฉินกับรัฐมนตรีอีก 5 กระทรวง ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงบราซิเลีย เมืองหลวง ว่าบราซิลกำลังประสบวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำที่มีความยากลำบากซับซ้อนและน่าวิตกกังวลอย่างย่ิง

นางเทเซียรา กล่าวว่า ประชาชนในรัฐ เซา เปาโล, รีโอเดจาเนโร และมินัส เกไรส์ จะต้องประหยัดน้ำ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรก็จะได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติ ในขณะที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนพลังน้ำ ผลิตกระแสไฟฟ้ากำลังพุ่งสูงขึ้นมาก


ข่าวแจ้งว่า วิกฤติภัยแล้ง เริ่มจากที่รัฐเซาเปาโล เมื่อประชาชนหลายแสนคนต้องเจอกับปัญหาน้ำประปาไม่ไหลบ่อยครั้ง ขณะที่ผู้ว่าการรัฐเซาเปาโล ได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ส่วนที่รัฐรีโอเดจาเนโร ปรากฏว่า ปริมาณน้ำที่เก็บสำรองไว้ในเขื่อนใหญ่ได้แห้งขอดจนเหลือระดับ 0 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนแห่งนี้ จนทำให้ประสบปัญหาภัยแล้งที่ร้ายแรงสุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ


น้ำในเขื่อนใหญ่แห้งขอด! บราซิลประสบภัยแล้งหนักสุดในรอบ 80ปี - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ยูเครนยังเดือด! จรวดยิงถล่มเมืองมาริอูปัล ดับ 20 ศพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 ม.ค. 2558 01:12


(ภาพ: AFP PHOTO)

รัฐบาลยูเครนออกมากล่าวโทษกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนว่าเป็นฝ่ายที่ยิงจรวดโจมตีเมืองมาริอูปัล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย แต่ฝ่ายกบฏยืนกรานปฏิเสธ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กบฏแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซียในภาคตะวันออกของประเทศยูเครน ยิงจรวดโจมตีเมืองท่ามาริอูปัล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนหลายระลอก จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย แต่โฆษกฝ่ายกบฏออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว


ผู้บังคับการตำรวจของเมืองท่า มาริอูปัล ซึ่งอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลยูเครน เผยในวันเสาร์ (24 ม.ค.) ว่า จรวด 'แกรด' ตกลงมาถูกตลาดในเขตทางตะวันออกของเมือง ขณะที่ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวบีบีซีระบุว่า การโจมตีมาจากเครื่องยิงจรวดแบบหลายลำกล้อง ยิงโจมตีพื้นที่เป็นวงกว้าง แต่ไม่ยืนยันชนิดของอาวุธ

ขณะเดียวกัน มีคลิปวิดีโอที่ไม่ได้รับการยืนยันเผยแพร่บนโลกออนไลน์ในวันเสาร์ แสดงให้เห็นภาพรถยนต์หลายคัน, บ้านและอพาร์ตเมนต์จำนวนหนึ่ง ถูกโจมตีและตกอยู่ในกองเพลิง ขณะที่พลเมืองคนหนึ่งของเมืองมาริอูปัล เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีผ่านทางโทรศัพท์ว่า "เห็นได้ชัดว่าทุกคนในเมืองกำลังหวาดกลัวมาก กบฏยึดเอาสนามบินประจำเมืองไปแล้ว และตอนนี้พวกเขากำลังเริ่มทำลายตัวเมืองมาริอูปัล"

ด้านนาย จอฟฟรีย์ เพียตต์ ทวีตข้อความบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า การโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าในเมืองมาริอูปัลในวันนี้ ดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการรุกรานที่มีรัสเซียเป็นผู้หนุนหลัง ซึ่งละเมิดข้อตลงหยุดยิงที่กรุงมินสก์ ของเบลารุสอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกบฏออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนร่วมกับการโจมตีที่เมืองมาริอูปัล โดยสำนักข่าว 'อินเทอร์แฟ็กซ์' รายงานอ้างคำพูดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ (ดีอาร์พี) ว่า นี่เป็นการบิดเบือนข้อมูลและการโกหกอย่างโจ่งแจ้ง กองกำลังกบฏไม่ได้เปิดฉากโจมตีใดๆ ไปยังทิศทางของเมืองมาริอูปัลเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่อยู่อาศัยของประชาชน

อีกด้านหนึ่ง มีการพบศพนาย เยฟเฮน อิชเชนโก นายกเทศมนตรีของเมืองเพอร์โวมาอิสก์ ทางตะวันตกของเมืองโดเนตสก์ อยู่ในรถยนต์คันหนึ่ง และพบศพชายอีก 3 คนซึ่งเชื่อว่าเสียชีวิตพร้อมๆกับนายอิชเชนโกด้วย โดยผู้นำฝ่ายกบฏท้องถิ่น กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ยูเครน แต่แหล่งข่าวบางแห่งระบุว่านายอิชเชนโกเสียชีวิตในการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ เหตุความรุนแรงในภาคตะวันออกของประเทศยูเครนซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2014 ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 5,000 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 10,300 คน โดยมีผู้อยู่อาศัยท้องถิ่นต้องอพยพจากบ้านอย่างน้อย 1 ล้านคน โดยที่ 633,523 คนกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในยูเครน และอีก 593,622 คนต้องอพยพไปต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่คือที่รัสเซีย

ยูเครนยังเดือด! จรวดยิงถล่มเมืองมาริอูปัล ดับ 20 ศพ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

อินโดฯกู้ซากลำตัว QZ8501 ล้มเหลว แต่พบศพเพิ่มอีก 4 ราย
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 ม.ค. 2558 22:06



ทีมเก็บกู้ของอินโดนีเซียล้มเหลวในการกู้ซากส่วนลำตัวของเที่ยวบิน QZ8501 จากก้นทะเลชวา แต่พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ราย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทีมเก็บกู้ของประเทศอินโดนีเซียประสบความล้มเหลวในการกู้ซากส่วนลำตัวของเที่ยวบิน QZ8501 ของสายการบินแอร์เอเชียอินโดนีเซีย ขึ้นจากก้นทะเลชวาเมื่อวันเสาร์ (24 ม.ค.) แต่สามารถเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตได้เพิ่มเติมอีก 4 ราย ทำให้ศพผู้เสียชีวิตที่พบจนถึงขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 69 รายแล้ว

นายซูร์ยาดี บัมบัง สุปรียาดี ผู้อำนวยการหน่วยค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติอินโดนีเซีย (บาซารา์นาส: Basarnas) เปิดเผยต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า "เราไม่ประสบความสำเร็จในวันนี้ สายสลิงหลุดออกจากซากชิ้นส่วนหลักของเครื่องบิน ทำให้มันตกลงสู่ก้นทะเลอีกครั้ง" และมีศพผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งหลุดออกมาในขณะที่มันจมลงอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ ความพยายามในการเก็บกู้ซากส่วนลำตัวของเเครื่องบินแอร์บัส A320-200 ลำนี้ เกิดขึ้นหลังจากนักประดาน้ำสามารถเข้าถึงซากชิ้นส่วนดังกล่าวได้แล้ว หลังพยายามมากกว่าสัปดาห์ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย และปฏิบัติการยกซากส่วนลำตัวเครื่องบินนี้จะเริ่มต้นอีกครั้งในวันอาทิตย์

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยค้นหายังเปิดเผยด้วยว่า การค้นหาด้วยคลื่นโซนาร์ในวันเสาร์ พวกเขาพบวัตถุต้องสังสัยที่คาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนห้องนักบิน หากออกไปจากจุดที่พบซากส่วนลำตัวเครื่องบินประมาณ 500 เมตร แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ขณะนี้พวกเขาให้ความสำคัญกับการกู้ซากส่วนลำตัวเครื่องบินมากที่สุด

อินโดฯกู้ซากลำตัว QZ8501 ล้มเหลว แต่พบศพเพิ่มอีก 4 ราย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์