ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เรียกได้ว่าทุกประเทศยังคงวิกฤตกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 มา เช่นเดียวกันกับประเทศอินโดนีเซียที่วันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขจีดีพีในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา
    .
    โดยระบุว่า จีดีพี ของประเทศหดตัว 3.49% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งลดลงกว่าปีที่แล้วถึง 5.32% จากสถิตินี้ถือได้ว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียส่งสัญญาณเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคเป็นครั้งแรกหลังวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 1997-1998
    .
    อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมประมาณ 422,000 คน สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และคาดว่าสถานการณ์โรคระบาดใหญ่จะทำให้มีคนตกงานมากถึง 3.5 ล้านคนภายในปีนี้ แม้รัฐบาลและธนาคารกลางจะพยายามออกมาตรการบรรเทาผลกระทบแล้วก็ตาม
    .
    ซูฮารียันโต ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้แจงว่า ถึงแม้จีดีพีรายไตรมาสจะหดตัวลงเมื่อเทียบปีต่อปี ทว่าเศรษฐกิจแดนอิเหนาในไตรมาส 3 ก็เริ่มปรากฏสัญญาณฟื้นตัวในทุกๆ ภาคส่วน เมื่อเทียบกับช่วง 3 เดือนก่อนหน้า
    .
    แม้ภาคเกษตรกรรมจะเป็นองค์ประกอบหลักของระบบเศรษฐกิจ แต่อินโดนีเซียก็พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเกาะบาหลีซึ่งในปี 2019 มีชาวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนมากกว่า 6.2 ล้านคน ทว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวบาหลีลดลงเหลือแค่ราวๆ 800,000 คนในครึ่งปีแรก
    .
    ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ยืนยันว่ารัฐบาลจะอัดฉีดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตของจีดีพีไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีแผนปรับลดอัตราดอกเบี้ยและใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมไปจนถึงปี 2021

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://finance.yahoo.com/news/indonesia-recession-first-time-22-044359076.html

    https://www.sfgate.com/news/article/Indonesia-officially-in-recession-as-GDP-fall-15703314.php

    https://mgronline.com/around/detail/9630000114692
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รายงานเผย ตอนนี้ “จีน” สามารถแย่งชิงดินแดนจาก “อินเดีย” ในบริเวณพื้นที่พิพาทของทั้งสองประเทศมาได้ราวๆ 300 ตารางกิโลเมตรแล้ว แต่ทางอินเดียยังไม่ยอมแพ้ ส่งทหารเข้าค้ำยันจุดยุทศาสตร์ป้องกันการรุกคืบของจีนต่อเนื่อง
    .
    ทางสำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า จากการเผชิญหน้ากันระหว่างกองทัพอินเดียและกองทัพจีนครั้งล่าสุดเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ปรากฎว่าทางอินเดีย “สูญเสียการควบคุมพื้นที่” ไปกว่า 300 ตารางกิโลเมตร ในบริเวณพื้นที่ที่กำลังเป็นกรณีพิพาทของทั้งสองฝ่ายอยู่ในขณะนี้
    .
    โดยข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยโดยเจ้าหน้าที่ของอินเดียที่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดในพื้นที่เป็นอย่างดี ซึ่งพื้นที่ที่จีนสามารถยึดไปได้ “มีขนาดประมาณ 5 เท่าของเกาะแมนฮัตตัน" และตอนนี้ทหารจีนได้วางกำลังป้องกันเพื่อไม่ให้ทหารอินเดียเข้ามายึดคืนพื้นที่ดังกล่าวได้
    .
    แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินต่อไป และได้มีการสร้างแนวรบใหม่บริเวณพื้นที่หิมาลัยสูงเสียดฟ้าและมีอุณหภูมิหนาวสุดขั้ว ซึ่งกองทัพของทั้งคู่กำลังเตรียมปักหลักในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงฤดูหนาว “ซึ่งอุณหภูมิอาจติดลบถึง 40 องศา"
    .
    “ทั้งสองประเทศกำลังปักหลักตั้งแนวรบ แสดงว่าท่าทีกำลังแข็งกร้าวและด้วยเหตุนี้เราจึงอาจจะเห็นความตึงเครียดที่ยืดเยื้อออกไปซึ่งอาจส่งผลที่คาดไม่ถึง” พลโท DS Hooda ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ของอินเดียในแนวเทือกเขาหิมาลัย กล่าว
    .
    ทั้งสองฝ่ายต้องการเข้าควบคุมจุดยุทธศาสตร์ เช่น ช่องเขาคาราโครัม (Karakoram Pass) ซึ่งทอดตัวจากเขตพื้นที่อินเดียไปยังเขตซินเจียงของจีน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีเส้นทางสายไหมโบราณที่จะทำให้จีนสามารถเข้าถึงเส้นทางไปสู่ปากีสถานได้ง่ายยิ่งขึ้น และทางปากีสถานเองก็เป็นพันธมิตรกับจีนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นศัตรูคู่แค้นกับทางอินเดีย และหากจีนสามารถเข้ายึดพื้นที่ดังกล่าวได้ จะทำให้จีนสามารถเปิดเส้นทางการค้าไปยังประเทศในเอเชียกลาง “ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการริเริ่มโครงการ Belt and Road” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนั่นเอง
    .
    เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
    .
    Source : https://www.bloomberg.com/news/feat...nd-on-india-during-bloody-summer-in-himalayas
    .
    #ThailandState #ThailandStateUpdate

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สภาประชาชนสูงสุดเกาหลีเหนือ (Supreme People’s Assembly) ออกกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะบางแห่ง เพื่อให้พลเมืองได้มี “สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตอย่างมีอนามัย”
    .
    สำนักข่าว KCNA รายงานวันนี้ (5 พ.ย.) ว่า กฎหมายห้ามสูบบุหรี่มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของพลเมืองเกาหลีเหนือ โดยใช้มาตรการควบคุมการผลิตและจำหน่ายบุหรี่ทั้งในเชิงกฎหมายและสังคม
    .
    กฎหมายนี้กำหนดให้การสูบบุหรี่เป็นสิ่งต้องห้ามในสถานที่บางประเภท เช่น ศูนย์ฝึกอบรมค่านิยมทางการเมือง, โรงภาพยนตร์, โรงละคร, ศูนย์การแพทย์ และหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ เป็นต้น
    .
    เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรสูบบุหรี่ค่อนข้างสูง คือ 43.9% ของประชากรชายทั้งหมดในปี 2013 ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO)
    .
    ผู้นำ คิม จองอึน เองก็เป็นสิงห์อมควันที่มักจะปรากฏภาพถ่ายขณะถือบุหรี่ในมือ และเมื่อปี 2019 ก็มีคนสังเกตเห็น คิม ยืนพักสูบบุหรี่อยู่ที่สถานีรถไฟในเมืองหนานหนิงทางตอนใต้ของจีน ระหว่างกำลังเดินทางไปยังกรุงฮานอยของเวียดนามเพื่อประชุมซัมมิตครั้งที่ 2 กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
    .
    ที่มา : รอยเตอร์
    .
    https://mgronline.com/around/detail/9630000114510

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หน่วยงานสาธารณสุขแคนาดาแถลงวานนี้ (4 พ.ย.) ว่ามีการพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ H1N2 หนึ่งในสายพันธุ์ไข้หวัดหมู (swine flu) ที่พบได้ยาก ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยยืนยันรายแรกของประเทศ
    .
    เคสดังกล่าวถูกพบที่รัฐแอลเบอร์ตาทางตะวันตกของแคนาดาเมื่อช่วงกลางเดือน ต.ค. โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นระบุว่า น่าจะเป็นการติดเชื้อแบบเฉพาะตัว (isolated case) และไม่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับพลเมืองรัฐแอลเบอร์ตาในขณะนี้
    .
    “ในฤดูไข้หวัดใหญ่ปีนี้ เราเพิ่งพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพียงรายเดียวเท่านั้นในแอลเบอร์ตา” คำแถลงระบุ
    .
    ผู้ติดเชื้อรายนี้มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ที่ไม่รุนแรง และเมื่อเข้ารับการรักษาก็สามารถฟื้นตัวจนหายเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดากำลังสืบหาต้นตอของไวรัส และตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ
    .
    ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา ทั่วโลกมีรายงานการติดเชื้อ H1N2 ในคนเพียงแค่ 27 รายเท่านั้น โดยไวรัสตัวนี้เป็นคนละสายพันธุ์กับไวรัสไข้หวัดหมู H1N1 ซึ่งพบได้บ่อยกว่า และสำหรับแคนาดาก็เพิ่งจะพบผู้ป่วยยืนยันเป็นรายแรก
    .
    ทั้งนี้ ไข้หวัดใหญ่ H1N2 ไม่ใช่โรคที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และไม่ได้ติดต่อสู่มนุษย์จากการรับประทานเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์จากหมู
    .
    “มันเป็นไข้หวัดใหญ่ที่พบได้น้อยมากในมนุษย์ ส่วนใหญ่เกิดจากการไปสัมผัสกับสุกรที่ติดเชื้อ และยังไม่มีข้อมูลว่าไวรัสตัวนี้สามารถแพร่จากคนสู่คนได้โดยง่าย” เทเรซา แทม หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแคนาดา ชี้แจงผ่านทวิตเตอร์
    .
    ที่มา: เอเอฟพี
    .
    https://mgronline.com/around/detail/9630000114540

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์จัดไป! ยื่นฟ้องกม.ต่อ 3 รัฐใหญ่ อ้างผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งตัวเองเข้าไปดูนับคะแนนถึงข้างในไม่ได้
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์/เอพี – เมื่อวานนี้(4 พ.ย) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลต่อ 3 รัฐคือ รัฐเพนซิลเวเนีย รัฐมิชิแกน และรัฐจอร์เจีย โดยชี้ว่ารัฐเหล่านี้มีกระบวนการเลือกตั้งไม่เหมาะสม ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งไม่สามารถเข้าไปได้ ตั้งใจใช้กระบวนการทางยุติธรรมเพื่อหยุดการนับผลการเลือกตั้งที่อาจส่งให้คู่แข่ง โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้ง
    .
    บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจรายงานวันนี้(5 พ.ย)ว่า ทั้งนี้สำหรับรัฐเพนซิลเวเนียและรัฐมิชิแกนพบว่า ทีมหาเสียงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่า รัฐทั้ง 2 ไม่ให้เปิดโอกาสให้ทางผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งสามารถเข้าไปในจุดที่มีการนับคะแนนได้อย่างเหมาะสมเพื่อเฝ้าดูกระบวนการเปิดซองและการจัดเรียงที่ถูกกำหนดไว้ตามกฎหมายประจำรัฐ
    .
    อย่างไรก็ตามพบว่าการยื่นฟ้องรัฐเพนซิลเวเนียนั้นยังไม่สามารถได้รับการยืนยันในเวลานี้ อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงเช้าวันพุธ(4)ทีมหาเสียงทรัมป์แถลงจะร้องขอการนับคะแนนใหม่ในรัฐวิสคอนซิน
    .
    และในเวลาต่อมาของวันพุธ(4)พบว่าทีมงานหาเสียงได้ยื่นฟ้องทางกฎหมายในรัฐจอร์เจีย โดยอ้างว่า ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งของพรรครีพับลิกันที่แชตแธม เคาน์ตี( Chatham County) พบว่ามีการนำบัตรลงคะแนนล้าช้าเสียบเข้าไปรวมกับบัตรคะแนนเลือกตั้งแบบลับหลังที่ส่งตามกำหนดเวลา
    .
    “เราจะไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เลือกตั้งเดโมแครตขโมยการเลือกตั้งไปจากประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยบัตรลงคะแนนล่าช้าที่ผิดกฎหมายเหล่านี้” ทีมหาเสียงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวผ่านแถลงการณ์ โดยเป้าหมายของการดำเนินคดีอยู่ที่คณะกรรมการเลือกตั้งประจำเคาน์ตี
    .
    ขณะเดียวกันทนายความส่วนตัวทรัมป์ รูดี้ จูลีอานี กล่าวในงานแถลงข่าวที่เมืองฟิลาเดลเฟียเช้าวันพุธ(4)ชี้ว่า อาจจะมีการยื่นฟ้องอีกคดีในรัฐวิสคอนซิน โดยเขาชี้ไปว่า “มีสิ่งที่เหมือนกันเกิดขึ้น” เหมือนที่ในรัฐเพนซิลเวเนียจากการที่ปฎิเสธไม่ให้ทีมสังเกตการณ์ของทีมหาเสียงทรัมป์เข้าไปสังเกตถึงด้านในห้องนับคะแนนเลือกตั้ง
    .
    ทั้งนี้ก่อนหน้าผู้นำสหรัฐฯเคยออกมาประกาศหลายครั้งว่า เขาสามารถพ่ายแพ้การเลือกตั้งได้หากมีการขโมยไปจากเขา และชี้ว่าการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเนื่องมาจากวิกฤตโควิด-19นั้นเป็นหนทางทำให้เกิดการโกงอย่างมโหฬารขึ้นได้
    .
    การออกมายื่นฟ้องทางกฎหมายต่อรัฐต่างๆของทรัมป์เกิดขึ้นในขณะที่คู่แข่ง โจ ไบเดน เข้าใกล้เป้าหมายเก็บคะแนนคณะผู้แทนเลือกตั้ง 270 คะแนน โดย CNN สื่อสหรัฐฯรายงานในเวลา 2.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นตามฝั่งตะวันออกสหรัฐฯของวันนี้(5)ว่า ไบเดนนำ 253 ต่อทรัมป์ 213 และ NBC News รายงานว่า ไบเดนนำ 253 ต่อทรัมป์ 214 ขณะที่เอพีรายงานว่า ไบเดนนำ 264 ต่อ ทรัมป์ 214
    .
    NBC News สื่อสหรัฐฯรายงานล่าสุดว่า การประท้วงนับคะแนนเกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ ทั้งนี้พบว่ามีคนราว 300 คนยืนประท้วงอยู่ด้านนอกศูนย์เลือกตั้งมาริโคปา เคาน์ตี( Maricopa County Election Center) ช่วงกลางคืนวันพุธ(4) เกิดขึ้นก่อนที่คาดว่าผลคะแนนใหม่จะถูกเปิดเผยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯของรัฐแอริโซนาและการเลือกตั้งสภาสูงสหรัฐฯ
    .
    โดยผู้ประท้วงที่เป็นผู้สนับสนุนทรัมป์ถือป้ายข้อความและตะโกนว่า ได้มีการขโมยคะแนนเสียงไปจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่รัฐจอร์เจียเปิดเผยว่า ทางรัฐยังมีบัตรเลือกตั้งอีกราว 98,829 ใบที่ยังไม่ได้ถูกนับ

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯยอดติดโควิด-19เคสใหม่พุ่ง 100,000 คนต่อวัน
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – สหรัฐฯรายงานตัวเลขล่าสุดเคสใหม่ไม่ต่ำกว่า 100,000 คนในรอบ 24 ชั่วโมง และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,100 คนในวันพุธ(4 พ.ย) และมีคนไม่ต่ำกว่าครึ่งแสนทั่วประเทศอยู่ในโรงพยาบาลรักษาตัว

    บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(5 พ.ย)ว่า วิกฤตโควิด-19 ในสหรัฐฯเวลานี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรจากกระแสข่าวเลือกตั้งสหรัฐฯที่เข้ามามีอิทธิพลตามหน้าสื่อต่างๆ แต่ทว่าในวันพุธ(4)พบว่าสหรัฐฯมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 1,100 คน
    .
    ภายใน 24 ชั่วโมงอ้างอิงจากรอยเตอร์พบว่า สหรัฐฯผู้ติดเชื้อใหม่ที่ 102,591 คน โดยในวันพุธ(4)พบว่า 9 รัฐมีเคสใหม่เพิ่มสูงเป็นสถิติที่รัฐโคโลราโด รัฐไอดาโอ รัฐอินดิแอนา รัฐเมน รัฐมิชิแกน รัฐมินนีโซตา รัฐโรดไอร์แลนด์ รัฐวอชิงตัน และรัฐวิสคอนซิน
    .
    และนอกจากนี้ยังพบว่าในวันอังคาร(3) เป็นครั้งแรกที่มีผู้ป่วยอเมริกันรักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศแตะ 50,000 คนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยรัฐนอร์ท ดาโกตารายงานว่ามีเตียงผู้ป่วยว่างแค่ 6 เตียงในห้องไอซียูของทั่วทั้งรัฐวันพุธ(4) และรัฐนอร์ท ดาโกตายังเป็น 1 ใน 14 รัฐที่มีรายงานจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นเข้ารักษาพยาบาล
    .
    รอยเตอร์ชี้ว่า ในปัจจุบันนี้สหรัฐฯเห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 850 คน/วัน เพิ่มจากโดยเฉลี่ยที่ 700 คน/วันในเดือนที่ผ่านมา
    .
    ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดวิทยาสหรัฐฯ ดร. แอนโธนี เฟาซี ที่ถูกประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ข่มขู่จะไล่เขาออกหลังการเลือกตั้ง กล่าวกับหนังสือพิมพ์วอชิงตัยโพสต์วันศุกร์(30 พ.ย)เกี่ยวกับสหรัฐฯใกล้จะมีจำนวนเคสใหม่แตะ 100,000 รายต่อวันว่า “พวกเราอยู่ในขั้นที่เจ็บปวดมากขึ้น”
    .
    และเสริมว่า สหรัฐฯคงจะไม่อยู่ในจุดที่แย่ไปกว่าเดิมจากการที่อากาศหนาวจะส่งผลบังคับให้ผู้คนต้องอยู่แต่ด้านในที่พัก
    .
    แต่โฆษกทำเนียบขาวได้ออกมาวิจารณ์ความเห็นของเฟาซีโดยชี้ว่า เป็นสิ่งที่รับไม่ได้และทำลายขนบธรรมเนียมโดยสิ้นเชิง
    .
    อ้างอิงตัวเลขจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ประจำวันพฤหัสบดี(5) จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก 1,225,913 คน ติดเชื้อรวมทั่วโลกอยู่ที่ 48,136,225 คน ขณะที่สหรัฐฯมีผู้เสียชีวิตรวมล่าสุด 233,729 คน และยอดติดเชื้อรวม 9,487,467 คน

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใกล้มิคสัญญี! "เอธิโอเปีย" ใช้ภาวะฉุกเฉินคุม “ภูมิภาคทิเกรย์” หลัง “อาบีย์ อาห์เหม็ด” ส่งทหารเข้ากำราบรบ.ท้องถิ่นTLF
    .
    .
    .
    .เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – เอธิโอเปียประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน 6 เดือนภูมิภาคทิเกรย์ทางเหนือของประเทศเกิดขึ้น 1 วันหลังนายกรัฐมนตรีเอธิโอเปียเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2019 สั่งใช้ปฎิบัติการทหารส่วนกลางเข้าไปกำราบหลังฐานทัพในภูมิภาคถูกโจมตีจากกองกำลังรัฐบาลท้องถิ่นทิเกรย์ TLF
    .
    เอเอฟพีรายงานวันนี้(5 พ.ย)ว่า สภาผู้แทนราษฎรเอธิโอเปียออกเสียงเอกฉันท์อนุมัติกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินครอบคลุมทั้งภูมิภาคทิเกรย์(Tigray)ที่อยู่ทางเหนือเป็นระยะเวลา 6 เดือนหลังเกิดเหตุฐานทัพในภูมิภาคถูกโจมตีจากกองกำลังรัฐบาลท้องถิ่นภายใต้พรรคแนวร่วมปลดปล่อยประชาชนชาวทิเกรย์ TLF ( Tigray People's Liberation Front)
    .
    ซึ่งเมื่อวานนี้(4)นายกรัฐมนตรีเอธิโอเปีย อาบีย์ อาห์เหม็ด ออกคำสั่งเด็ดขาดใช้กำลังกองทัพเอธิโอเปียเข้าจัดการ
    .
    โดยโฆษกหญิงของนายกฯเอธิโอเปียยืนยันในวันพุธ(4)กับรอยเตอร์ว่า ปฎิบัติการทหารในภูมิภาคทิเกรย์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
    .
    เอเอฟพีชี้ว่าเป็นความพยายามของอาบีย์ซึ่งชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีที่ผ่านมาเพื่อให้รัฐบาลส่วนกลางสามารถควบคุมภูมิภาคทิเกรย์ให้ได้ โดยพรรครัฐบาลท้องถิ่น TLF ออกมาต่อต้านอาบีย์อย่างเปิดเผยเป็นเวลาหลายเดือนพร้อมกับกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้นำเอธิโอเปียอย่างไม่ชอบธรรม
    .
    ด้านแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงรัฐบาลเอธิโอเปียชี้ว่า ในเวลานี้ภายในภูมิภาคทิเกรย์นั้นนำมาสู่การใช้เคอร์ฟิว การตรวจค้นโดยที่ไม่ต้องมีหมาย การจำกัดการขนส่งและคมนาคม และการส่งเข้าเรือนจำของบุคคลใดก็ตามที่ทางเจ้าหน้าที่เอธิโอเปียสงสัยว่ากำลังทำผิดกฎหมายที่เป็นการคุกคามต่อเสถียรภาพทางประชาธิปไตย
    .
    แหล่งข่าวชี้อีกว่า คำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถถูกบังคับใช้ขยายออกไปจากพื้นที่ภูมิภาคทิเกรย์ได้หากจำเป็น
    .
    ทั้งนี้ในเช้าวันพุธ(4)อาบีย์ประกาศส่งกองกำลังทหารส่วนกลางเข้าไปที่ทิเกรย์ โดยเขากล่าวหาว่าพรรครัฐบาลท้องถิ่น TLF โจมตีที่ตั้งทางทหารซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง TLF ออกมาปฎิเสธ
    .
    เจ้าหน้าที่ วอนดิมู อาซัมนี (Wondimu Asamne) ของ TLF ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของอาบีย์ว่า “การโจมตีไม่ได้เกิดขึ้นจากเรา”
    .
    ซึ่งในการแถลงผ่านทางโทรทัศน์ช่วงค่ำวันพุธ(4) อาบีย์ อาห์เหม็ดกล่าวว่า อาจจะมีปฎิบัติการเพิ่มเติมเกิดขึ้นในไม่กี่วันนี้
    .
    “ทั้งนี้เมื่อปฎิบัติการสิ้นสุด เราจะเปิดเผยทั้งหมดต่อสาธารณะ” อาบีย์กล่าว
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า ทางเอธิโอเปียไม่ได้เปิดเผยในรายละเอียดปฎิบัติการทางทหาร หรือเป้าหมายของการใช้กำลังทางทหารครั้งนี้ แต่ทว่าโฆษกคณกรรมาธิการฉุกเฉินวิกฤตที่เพิ่งตั้งขึ้นได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวานนี้(4)ว่า เป็นปฎิบัติการเพื่อปลดปล่อยภูมิภาคทิเกรย์จากพรรค TLF
    .
    ขณะที่อาบีย์กล่าวเพียงว่า ปฎิบัติการทหารครั้งแรกนั้นทำให้มีการเสียชีวิตจำนวนมาก โดยการปะทะส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางตะวันตกของภูมิภาคทิเกรย์ แหล่งข่าวนักการทูตและกลุ่มเอ็นจีโอกล่าว
    .
    ขณะที่แหล่งข่าวกลุ่มสิทธิมนุษยชนเปิดเผยกับรอยเตอร์ล่าสุดว่า ได้ยินเสียงการสู้รบในภูมิภาคทิเกรย์ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี(5) พร้อมให้ข้อมูลว่ามีทหารเกือบ 24 คนเข้ารักษาตัวที่คลินิกใกล้พรมแดนติดกับภูมิภาคอัมฮารา(Amhara)

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำรวจผู้ประท้วงในพอร์ตแลนด์-นิวยอร์ก หลังเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ
    .
    .
    .
    .
    รอยเตอร์ – ตำรวจจับกุมผู้ประท้วง 11 คนในเมืองพอร์ตแลนด์ พร้อมยึดพลุไฟ ค้อน และปืนไรเฟิลได้ ด้านผู้ว่าการรีฐโอเรกอนสั่งให้ทหารเนชันแนลการ์ดประจำรัฐออกปฎิบัติหลังเกิดประท้วงหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่วนนิวยอร์ก ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงได้ 50 รายหลังประท้วงขยายเป็นวงกว้างในช่วงคืนวันพุธ(4 พ.ย)
    .
    รอยเตอร์รายงานวันนี้(5 พ.ย)ว่า ขณะที่ตัวเลขคะแนนคณะผู้เลือตั้งที่โจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตยังขึ้นนำอยู่ที่ 253 ต่อ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันที่ 213 ยังคงหยุดนิ่ง อ้างอิงตัวเลขจาก CNN สื่อสหรัฐฯ พบว่าที่รัฐโอเรกอน ผู้ว่าการรัฐ เคท บราวน์ (Kate Brown) ออกคำสั่งให้ทหารเนชันแนลการ์ดประจำรัฐออกมาปฎิบัติหน้าที่เพื่อตอบโต้การประท้วงช่วงข้ามคืนหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    ตำรวจในเมืองพอร์ตแลนด์ประกาศว่าเป็นการจลาจล พร้อมกับจับกุมผู้ประท้วง 11 ราย และยึดพลุไฟ ค้อน และปืนไรเฟิล 1 กระบอก
    .
    ส่วนที่นิวยอร์ก ตำรวจกล่าวว่าได้จับกุมผู้ประท้วง 50 รายที่แพร่ขยายไปทั่วทั้งเมืองในช่วงกลางคืนวันพุธ(4)
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า การประท้วงซึ่งส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็กและเป็นไปอย่างสงบถูกจัดขึ้นตามเมืองต่างๆทั่วสหรัฐฯเพื่อสนับสนุนไบเดน ซึ่งขณะที่ทรัมป์ได้ออกมาอ้างว่า ชนะการเลือกตั้งและเรียกร้องให้มีการหยุดนับบัตรลงคะแนนในรัฐที่เชื่อว่าจะชี้ชะตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันอังคาร(3) ต่างจากไบเดนที่ยืนยันว่า เขากำลังเดินอยู่ในเส้นทางของชัยชนะหลังจากทุกคะแนนเสียงได้ถูกนับแล้ว
    .
    มีการปะทะที่เมืองเดนเวอร์ระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจของเมืองมีผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 4 คน ซึ่งการจับกุมเกิดขึ้นระหว่างการประท้วงในเมืองมินนีอาโปลิสหลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงปิดการจราจร
    .
    นอกจากนี้การประท้วงยังเกิดขึ้นที่เมืองแอตแลนตา เมืองดีทรอยต์ และเมืองโอ๊คแลนด์ เรียกร้องให้การนับคะแนนเสียงเกิดขึ้นโดยไม่มีการขัดขวาง
    .
    ขณะที่องค์กรปกป้องผลการเลือกตั้ง (Protect the Results) ซึ่งเกิดมาจากการรวมตัวของกลุ่มรากหญ้า องค์กรสิทธิมนุษยชน และสหภาพแรงงานร่วม 165 องค์กรได้มีการวางแผนกว่า 100 งานทั่วประเทศระหว่างวันพุธ(4)ไปจนถึงวันเสาร์(7)
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า ทั้งนี้ก่อนหน้ามีผู้ประท้วงราว 100 คนรวมตัวและเดินมาร์ชผ่านย่านดาวทาวน์ของเมืองดีทรอยต์ ซึ่งอยู่ในรัฐแบทเทิลกราวด์สเตท รัฐมิชิแกนที่สามารถชี้เป็นชี้ตายต่อผลการเลือกตั้งได้ เรียกร้องให้นับทุกคะแนนเสียง

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    STOP THE COUNT (หยุดนับคะแนน) กลายเป็นประโยคฮิตไปแล้วสำหรับชาวอเมริกันฝั่งริพับลิกัน

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ม็อบหนุนทรัมป์ ประท้วงเรียกร้องนับคะแนนใหม่
    พอร์ตแลนด์ นิวยอร์ก ฟินิกซ์ พบม็อบพกปืน-ระเบิด
    .
    ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ประชาชนผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาชุมนุมประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยตำรวจพอร์ตแลนด์ประกาศว่า ได้เกิดการจลาจลกลางเมืองขึ้น มีการทุบทำลายทรัพย์สิน รวมทั้งทุบหน้าต่างร้านค้าในย่านใจกลางเมือง ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ก่อจลาจลแล้วอย่างน้อย 11 คน
    .
    ส่วนที่มหานครนิวยอร์ก เมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มีการเผยพร่คลิปวิดีโอที่ถูกแชร์บนโซเชียลมีเดีย เผยให้เห็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเดินประท้วงผลการเลือกตั้งเช่นกัน โดยมีจังหวะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมเผชิญหน้ากัน ซึ่งตำรวจสามารถยึดอาวุธหลายอย่างรวมทั้งมีด ปืนช็อต และระเบิด
    .
    ส่วนที่รัฐแอริโซนากลุ่มผู้สนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รวมตัวกันที่สำนักงานของ Maricopa County Recorder หน่วยนัคะแนนเลือกตั้งซึ่งตั้งอยู่ชานนครฟีนิกซ์ซึ่งผู้ประท้วงได้ตะโกนว่า “นับคะแนน”
    .
    สำนักข่าว Fox News รายงานโดยอ้างจากเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยนับคะแนนซึ่งเฝ้าดูแลทั้งด้านนอกของอาคารและการตรวจนับผลคะแนนเลือกตั้งอยู่ภายในว่า พบเห็นผู้ประท้วง 2-3 คนถือปืนไรเฟิลแบบจู่โจมในการชุมนุมด้านนอกอีกด้วย
    .
    ส่วนในเมืองมินนีแอโพลิส ในรัฐมินิโซตา ที่เคยเกิดเหตุการณ์จลาจลจากประเด็นการเหยียดสีผิวเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ก็มีกลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาชุมนุมบนถนนทางหลวงระหว่างรัฐสาย 94 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องทำปิดถนนเพื่อป้องกันเหตุอันตรายและกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่
    .
    ล่าสุดสถานเอกอัคราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ออกประกาศเตือนคนไทยที่อยู่ใกล้พื้นที่การชุมนุมให้ระมัดระวังตัว และหากไม่มีเหตุจำเป็นให้หลีกเลี่ยงเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุม

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PSX_20201105_223030.jpg

    (Nov 5) Joe Biden หรือ Donald Trump ใครชนะเลือกตั้ง จะส่งผลดีต่อเอเชียมากกว่ากัน? นับตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกาจนครบวาระและกำลังช่วงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับโจ ไบเดน ทรัมป์สร้างผลงานให้โลกจดจำแบรนด์ Make America Great Again ได้มากมาย

    Donald Trump จุดยืนแข็งกร้าวในเวทีโลก พร้อมต่อกรกับจีนอย่างหนักหน่วง

    ทรัมป์สู้รบกับนักข่าว สำนักข่าว และด่ากราดว่าเป็นสำนักข่าว Fake news จนสำนักข่าวสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการผลิตเนื้อหาที่เป็น Fact check เพื่อให้โลกได้ตรวจสอบความจริงและพิสูจน์ให้รู้ว่าใครกันแน่ที่โป้ปด โกหกคำโต ไม่ใช่ Alternative fact อย่างที่ฝ่ายทรัมป์ขยันนำเสนอ

    ตลอดจนการถอนตัวออกจากความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านองค์การระหว่างประเทศ เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดระบาด ออกจากกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศอย่าง TPP (Trans-Pacific Partnership) สร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก ยกระดับมาตรการคุมเข้มแรงงานต่างชาติและคนเข้าเมือง ไปจนถึงการแบน TikTok และเดินสายทั่วยุโรปเพื่อให้ร่วมกันแบนการใช้ TikTok เช่นกัน

    ในส่วนของเอเชีย ทรัมป์มีจุดยืนในการต้านจีนชัดเจน ก่อสงครามการค้าระหว่างประเทศกับจีนอย่างยาวนานจนเศรษฐกิจระหว่างประเทศสั่นสะเทือนต่อเนื่อง พยายามลดบทบาทจีนในทะเลจีนใต้ ตอบโต้จีนจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการใช้กฎหมายความมั่นคงใหม่ในฮ่องกง อุยกูร์ ไปจนถึงสานสัมพันธ์ในอินโดแปซิฟิกจนเกิดกรอบความร่วมมือขนาดย่อมๆ ภายใต้ชื่อว่า QUAD เพื่อลดอิทธิพลจีนในภูมิภาคนี้

    ไบเดน มีแนวโน้มร่วมมือและกดดันจีน ในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้น
    ถ้าเทียบกับสมัยเดโมแครตเป็นรัฐบาลในยุคบารัค โอบามาดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบไม่แข็งกร้าว และยังเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ที่เยือนจีนในปีแรกหลังการขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ การขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ รอบนี้ ถ้าหากเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า น่าจะดำเนินนโยบายแบบเดิมต่อเนื่องจากทรัมป์สมัยแรก

    ขณะที่ถ้าเป็น Joe Biden ถ้าได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ การดำเนินนโยบายต่างประเทศน่าจะเป็นการนำอเมริกาให้ชนะคู่แข่งอย่างจีน ไบเดนน่าจะลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นภายใต้วาระทางเศรษฐกิจ “Buy American” มีแผนยกเครื่องเทคโนโลยีใหม่ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึง 5G และ AI งบประมาณราว 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.31 ล้านล้านบาท อีกทั้ง แคมเปญไบเดนยังเสนอให้มีมาตรการต้านบริษัทเทคโนโลยีจีนด้วย

    ทั้งนี้ Scott Kennedy ที่ปรึกษาอาวุโสและ Trustee Chair ด้านธุรกิจและเศรษฐกิจจีนจาก CSIS ระบุว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารของไบเดน น่าจะผสมผสานระหว่างความร่วมมือกับความกดดันเข้าด้วยกัน แต่น่าจะมีทิศทางในการเน้นความร่วมมือมากกว่า

    ไบเดนอาจจะใช้วิธีเดียวกับทรัมป์ เช่น การควบคุมการส่งออกและมีข้อจำกัดในการลงทุน แต่อาจจะมีความแตกต่างออกไป ประชาชนจำเป็นต้องเข้าใจนโยบายสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสิ่งที่จีนทำ ถ้าจีนยังดำเนินนโยบายตามแผน 5 ปีและแผน 15 ปี ยุทธศาสตร์ของจีนจะส่งผลลบต่อสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ

    โลกลุกเป็นไฟภายใต้ทรัมป์ v.s. โลกที่สันติภายใต้ไบเดน?
    Peterson Institute for International Economics มองว่า สหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ทำสงครามการค้ากับจีนอย่างหนัก ความตกลงการค้า Phase 1 ทำให้ภาษีสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีนอยู่ที่ 19.3% ถ้าเทียบกับตอนที่ยังไม่มีความขัดแย้งในช่วงปี 2018 อัตราภาษีสูงกว่า 6 เท่า ขณะที่สินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ มีภาษีสูงถึง 20.3%

    Edward Alden นักวิจัยอาวุโสจาก Council on Foreign Relations มองว่าในด้านการค้า ไบเดน น่าจะมุ่งไปที่การแก้ปัญหามากขึ้น ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรและระวังการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกการใช้ภาษีในการรับมือกับความขัดแย้งดังกล่าว ไบเดนเรียกความตกลง Phase 1 ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนว่า ความว่างเปล่า คือนอกจากไม่เกิดความยุติธรรมขึ้นแล้ว ยังมีการขโมยลิขสิทธิ์ทางปัญญาด้วย เป็นไปได้ว่า ไบเดน อาจร่วมมือกับชาติพันธมิตรเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจีน

    ด้านทะเลจีนใต้ ความมั่นคงในทะเลจีนใต้ เป็นไปได้ว่าไบเดนน่าจะใช้นโยบายเผชิญหน้ากับจีนผ่านความร่วมมือประเทศชาติพันธมิตร หลีกเลี่ยงการเพิ่มกำลังทางทหารที่เป็ฯผลมาจากการสื่อสารที่ผิดพลาด เข้ามาเกี่ยวพันกับอาเซียนอย่างสร้างสรรค์ผ่านกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ ที่มีอยู่

    ประเด็นไต้หวัน ฮ่องกง ไบเดนวิพากษ์วิจารณ์ สี จิ้นผิงในการจัดการกับผู้ประท้วง และไบเดนยังเป็นแคนดิเดตคนแรกจากพรรคเดโมแครตที่ร่วมแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินที่ชนะการเลือกตั้ง เป็นไปได้ที่ไบเดนจะยังรักษาความสัมพันธ์กับไต้หวันต่อไปแต่ก็มีท่าทีระมัดระวังต่อท่าทีจีนเช่นกัน

    เกาลีเหนือ ไบเดนเคยกล่าวว่าต้องการจะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อกดดันเกาหลีเหนือ พันธมิตรในที่นี้ก็คือญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอาจจะรวมประเทศอื่นๆ และจีนเข้าไปด้วยเพื่อไม่ให้เกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

    กล่าวโดยสรุป ถ้าได้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง การดำเนินโยบายต่างประเทศจะถูกสานต่อ ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก มีแนวโน้มที่จะแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าได้ไบเดน ทิศทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศจะเน้นสันติมากขึ้น ไบเดนน่าจะเป็นมิตรกับจีนมากกว่าทรัมป์ แต่ก็เป็นความร่วมมือที่มีทั้งควบคุมและร่วมมือไปด้วยพร้อมๆ กัน สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือการฟื้นฟูประเทศหลังทรัมป์ทำให้ภาพสหรัฐฯ ในเวทีระหว่างประเทศแข็งกร้าว เสียหายมากกว่าสานประโยชน์ให้สหรัฐฯ และชาติพันธมิตร

    โดย Parichat Chk

    Source: Brandinside.asia
    https://brandinside.asia/biden-or-trump-who-will-win-for-better-asia/

    เพิ่มเติม
    - What would a Biden presidency mean for Asia?
    https://asia.nikkei.com/Spotlight/Asia-Insight/What-would-a-Biden-presidency-mean-for-Asia

    - หุ้นไทยปิดพุ่ง41.88 จุด ขานรับ ‘ไบเดน’จ่อคว้าชัยเลือกตั้งสหรัฐ: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/906385
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PSX_20201105_223228.jpg

    (Nov 5) ถ้าหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง คือจุดเริ่มต้นการตกต่ำแบบถาวรของสหรัฐฯ : ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ หากโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถเอาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นสมัยที่ 2 นโยบายหลายอย่างคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลของทรัมป์ในสมัยที่ 2 จะยังคงมีทัศนะที่มองโลกแบบคับแคบ และทัศนะนี้จะยังมีอิทธิพลที่กำหนดนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ รวมทั้งท่าทีของทรัมป์ที่รังเกียจบรรดาประเทศพันธมิตร หรือข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ แต่กลับไปชื่นชมผู้นำเผด็จการ

    แต่ชัยชนะของทรัมป์ในสมัยที่ 2 จะมีนัยยะความหมายสำคัญที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงแบบสิ้นเชิง ที่จะเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆในโลก จะเป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐฯได้ละทิ้งเป้าหมายการที่จะเป็นประเทศผู้นำโลกไปแล้ว ดังนั้น ปัญหาความขัดแย้งต่างๆในโลก แต่ละประเทศต้องหาทางปกป้องตัวเอง

    รัฐบาลทรัมป์ในสมัยที่ 2 จะเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นในสิ่งที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่า การเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯได้กลายเป็นตำนานในอดีตไปแล้ว

    ทำไมทรัมป์ชนะการเลือกตั้งปี 2016
    โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นมหาเศรษฐีและดารารายการโทรทัศน์ Reality Show ที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่นโครงการสร้างตึกสูง รีสอร์ทที่พักราคาแพง และสนามกอล์ฟ แต่ทว่าโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2016 ได้อย่างไร ทั้งๆที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน และยังสามารถเอาชนะคู่แข่ง อย่างนางฮิลลารี คลินตัน นักการเมืองที่มาจากตระกูลการเมืองชั้นนำและเก่าแก่ของสหรัฐฯ

    ทรัมป์ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน เช่นบริหารงานหรือดำรงตำแหน่งในภาครัฐ การรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาก็จัดการได้ไม่ดี เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานที่เคยเป็นอยู่ นโยบายหาเสียงของทรัมป์ก็คลุมเครือ ไม่ชัดเจนในเชิงนโยบาย การหาเสียงมักจะมาจบลงเป็นคำพูดเช่น “เราจะสร้างกำแพง” ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนความหมายทั้งหมดของนโยบายทรัมป์ ในเรื่องผู้อพยพและการปกป้องการจ้างงานในสหรัฐฯ

    ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/dd/Trump-Pence_2020.svg
    หนังสือชื่อ American Discontent (2018) เขียนไว้ว่า ชัยชนะของทรัมป์ในปี 2016 ไม่ใช่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาฉับพลัน แต่เป็นแนวโน้มและพัฒนาการในด้านการเมือง เศรษฐกิจ เชื้อชาติ และอุดมการณ์ ที่เกิดขึ้นมานานแล้วในสหรัฐฯ แนวโน้มดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่คนอเมริกัน และทรัมป์ได้ใช้ประโยชน์กระแสความไม่พอใจดังกล่าวนี้ เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

    การขึ้นมามีอำนาจของทรัมป์ เปรียบเหมือนเป็นขั้นตอนสุดท้ายของแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ที่เริ่มเกิดขึ้นในช่วงระยะ 50 ปีที่ผ่านมา โดยนับจากทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐฯเริ่มเข้าสู่ภาวะตกต่ำลงจากยุคทอง ที่เคยเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แนวโน้มดังกล่าวนี้ ทำให้คนอเมริกันเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ เพราะการแข่งขันระหว่างประเทศมีมากขึ้น และจากกระแสโลกาภิวัตน์

    ปัจจัยดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ค่าแรงเพิ่มขึ้นช้า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น และความฝันของคนอเมริกันเลือนหายไป เกี่ยวกับการเลื่อนฐานะทางสังคมสูงขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยเหล่านี้ยังทำให้เกิดเกิดทัศนะคติที่ว่า ปัญหาความยากลำบากทางเศรษฐกิจ มีสาเหตุมาจากผู้อพยพ ที่เข้ามาแย่งงานคนอเมริกัน ส่วนการเมืองก็เกิดการแบ่งขั้วระหว่างพรรครีพับลิกันกับดีโมแครท ทำให้เกิดการชะงักงันทางด้านนิติบัญญัติ สภาพดังกล่าว ทำให้คนอเมริกันเบื่อหน่ายต่อสถานภาพแบบเดิม และมองว่าทรัมป์เป็นคนที่จะเข้ามากอบกู้สถานการณ์ ด้วยคำขวัญที่ว่า “ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง”

    ที่มาภาพ : https://www.foreignaffairs.com/articles/united-states/2020-10-27/end-american-power
    ความหมายของอีก 4 ปีของทรัมป์
    บทความของ foreignaffairs.com ชื่อ The End of American Power กล่าวว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ของทรัมป์ จะหมายถึงจุดเริ่มต้นการตกต่ำ “แบบถาวร” ของอิทธิพลอำนาจของสหรัฐฯ นโยบายสมัยแรกของทรัมป์ สามารถเป็นแนวทางที่จะบอกให้รู้ว่า ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรัฐบาลในสมัยที่สองของทรัมป์

    ในสมัยแรก รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกพันธะกรณีของสหรัฐฯ ที่มีต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่นข้อตกลงปารีสเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ มีท่าทีเย็นชาต่อประเทศพันธมิตรกลุ่มนาโต้ มีนโยบายเผชิญหน้ากับจีน สนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ ทำให้ประเด็นเรื่องฐานะการเป็นประเทศของปาเลสไตน์ เลือนหายไป แต่ไปสร้างกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ที่ต่อต้านอิหร่านกับตุรกีขึ้นมา ส่วนท่าทีต่อความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชีย ก็มองผ่านแง่มุมทางการค้าเสียเป็นส่วนใหญ่

    บทความ The End of American Power กล่าวอีกว่า แม้ทรัมป์กับที่ปรึกษาจะมีทัศนะต่อโลกแบบง่ายๆ แต่ก็เป็นทัศนะที่ชัดเจนด้วยคำขวัญที่ว่า “อเมริกามาก่อน” (America first) คำขวัญนี้เกิดขึ้นมาครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1940 โดยมีความหมายที่ต้องการให้อเมริกา ออกห่างไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับจากสงครามโลกครั้งที่ 2

    ทรัมป์และที่ปรึกษาก็ไม่สนใจความหมายเดิมของคำว่า “อเมริกามาก่อน” เพราะรัฐบาลทรัมป์เองก็ไม่สนใจที่จะไปส่งเสริมเรื่องเสรีภาพในต่างประเทศอยู่แล้ว แต่คำขวัญนี้สะท้อนท่าทีของทรัมป์ ที่ไม่นิยมชมชอบองค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งองค์การที่สหรัฐฯสร้างขึ้นมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่รัฐบาลสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ใช้เป็นเป็นเครื่องมือทางอำนาจของสหรัฐฯอย่างหนึ่ง

    แต่รัฐบาลทรัมป์มองโลกเป็นแค่เวทีการแข่งขันทางการค้าและทางทหารเท่านั้น โดยที่สหรัฐฯไม่มีมิตรประเทศ มีแต่ผลประโยชน์ ส่วนองค์การระหว่างประเทศคือ เครื่องมือของบรรดาประเทศที่ต้องการจะจำกัดและลดทอนอำนาจอิทธิพลสหรัฐฯ

    แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯทุกคน ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง จะคิดเรื่องมรดกที่ตัวเองต้องการจะทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์

    เนื่องจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการจ้างงานภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่สูญหายไป เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว รัฐบาลทรัมป์คงไม่สามารถจะไปหยุดยั้งกระแสนี้ได้

    เรื่องนโยบายต่างประเทศจึงเป็นโอกาสที่ทรัมป์ จะสร้างประวัติศาสตร์และทิ้งมรดกไว้

    บทความ The End of American Power กล่าวว่า นอกจากความไม่แน่นอนในเรื่องสไตล์ท่วงทำนองแล้ว ทรัมป์ยังเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่มีความไม่แน่นอนในเรื่องสาระหรือนโยบายอีกด้วย ในสมัยที่สองนี้ ทรัมป์คงต้องการเห็นว่า การเป็นประธานาธิบดีของตัวเอง จะมีฐานะทางประวัติศาสตร์อย่างไร ในแง่นี้ ทรัมป์คงจะหาทางสร้างผลงานที่เป็นความตกลงในเรื่องใหญ่ๆ

    ในฐานะนักธุรกิจที่โด่งดัง ทรัมป์ชอบที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จในเรื่องความตกลงใหญ่ๆ ในรัฐบาลในสมัยที่สอง ความตกลงใหญ่ๆของทรัมป์อาจจะเป็นความตกลงการค้ากับจีน รองลงมาอาจเป็นความตกลงสันติภาพอิสราเอลกับปาเลสไตน์ หรือการผ่อนปรนกับรัสเซีย หรือกับเกาหลีเหนือ ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ก้าวข้ามพรมแดนไปเกาหลีเหนือ ในเขตปลอดทหารมาแล้ว และยังยกเลิกการฝึกซ่อมร่วมทางทหารกับเกาหลีใต้

    บทความของ spiegel.de ชื่อ The Mess Created By Trump Will Be with Us for Years กล่าวว่า ทรัมป์ทำความเสียหายอย่างมากต่อระบอบการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการแก้ไขปัญหา หากว่าทรัมป์จะแพ้การเลือกตั้งในที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ความแตกแยกและเกลียดชังกันในหมู่คนอเมริกัน ที่ทรัมป์เองมีส่วนช่วยกระพือขึ้นมา จะทำให้ประเทศนี้ ยังไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างปกติ เป็นเวลานานหลายปี

    บทความของ spiegel.de บอกว่า ความแตกแยกแบ่งขั้วที่ฝังลึกในสังคมอเมริกัน ไม่ใช่มีสาเหตุมาจากทรัมป์อย่างเดียว แต่การบริหารงานของรัฐบาลทรัมป์ใน 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ความแยกแยกรุนแรงขึ้น

    หลายสิบปีที่แล้ว ศาลสูงสหรัฐฯได้รับการยอมรับในเรื่องความเที่ยงธรรม ทั้งจากคนของพรรครีพับลิกันและดีโมแครท คนอเมริกัน 2 ใน 3 ให้ความเชื่อถือ แต่ปัจจุบัน การยอมรับต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้เพราะทรัมป์ดึงเอาศาลสูงมาเป็นสนามรบระหว่างค่ายการเมือง

    ทรัมป์ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหน่วยงานรัฐ ที่มีศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิสูงมาก ตำแหน่งสำคัญๆไม่ได้รับการแต่งตั้งนับเวลาเป็นปีๆ คนมีฝีมือที่ห่วงกังวลต่อชื่อเสียงตัวเอง ก็หลีกเลี่ยงที่จะร่วมงานกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่มีความจงรักภักดีอย่างมากต่อทรัมป์

    บทความของ Spiegel.de วิจารณ์ว่า ไม่เคยมีตัวอย่างในประวัติศาสตร์สหรัฐฯมาก่อน ที่ประธานาธิบดีจะทำความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานด้านประชาธิปไตยของอเมริกา ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ทรัมป์บอกว่า สื่อมวลชนส่วนใหญ่เป็นพวกโรงงานผลิตข่าวปลอม (fake news) เมื่อผลการสำรวจคะแนนนิยมที่ตามหลังคู่แข่ง ทรัมป์ก็ประกาศว่า “หนทางเดียวที่เราจะแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ คือถูกโกง”

    เมื่อทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ในวันที่ 20 มกราคม 2017 โฆษกทำเนียบขาวบอกว่า คนอเมริกันมาร่วมงานพิธีมากที่สุดกว่าครั้งใด เมื่อสื่อมวลชนนำภาพงานสาบานตนของบารัค โอบามา มาเปรียบเทียบ ก็รู้ว่าทางทำเนียบขาวโกหก ที่ปรึกษาทรัมป์ชื่อ Kellyanne Conway อธิบายว่า โฆษกประธานาธิบดีเพียงแค่เสนอสิ่งที่เป็น “ข้อเท็จจริงทางเลือก” (alternative fact)

    บทความ spiegel.de กล่าวว่า ทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงบทบาทและหน้าที่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แตกต่างไปจากเดิม ลักษณะพิเศษการเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ คือการขาดความเข้าใจต่อความสำคัญของตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ ทรัมป์ไม่เข้าใจในสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนก่อนหน้านี้ทุกคนที่ได้ทำไว้ คือหน้าที่การงานในตำแหน่งนี้ ใหญ่โตกว่าตัวบุคคลคนที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้

    ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสร้างขึ้นมา เพื่อทำให้อเมริกามารวมตัวกันเป็นประเทศหนึ่งเดียว โดยสิ่งที่เชื่อมโยงคนอเมริกัน คือความคิดที่ยึดถือเรื่องเสรีภาพและความรับผิดชอบของคนแต่ละคน

    Source: ThaiPublica
    https://thaipublica.org/2020/11/pridi213/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #รัสเซียเตรียมออกกฏหมายใหม่ให้สิทธิ์คุ้มกันประธานาธิบดีตลอดชีพ
    #เมื่อปูตินวางแผนลงหลังเสือ

    ในวันนี้ ที่รัสเซียจะมีการยื่นร่างกฏหมายใหม่ เกี่ยวกับสิทธิ์คุ้มกันให้กับประธานาธิบดี เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว จะได้สิทธิพิเศษในการงดเว้นการไต้สวย ดำเนินคดีอาญาจากคำสั่ง เรื่องที่ได้ทำไว้ขณะที่ดำรงอยู่ในตำแหน่ง

    ซึ่งระยะเวลาของสิทธิ์คุ้มกันพิเศษนี้คือ ตลอดชีพ!

    นั่นหมายความว่า ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคดีความที่ป๋าปูตินเคยสั่งการไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกๆ ลับ ลวง พราง หรือไม่ลับ สั่งการซึ่งๆหน้าเลย ก็จะไม่สามารถถูกหยิบขึ้นมาฟ้องร้องไล่หลังอีกแล้ว แม้ป๋าปูตินจะลาตำแหน่ง

    กฏหมายใหม่นี้ เป็นหมวดที่ 2 แล้วในรอบสัปดาห์ ที่มีการหยิบมาพิจารณา เกี่ยวกับผู้นำที่จะกลายเป็นอดีต

    เมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีการยื่นพิจารณาให้อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ที่นั่งพิเศษเป็นวุฒิสมาชิกได้ตลอดชีพ

    ซึ่งตำแหน่งวุฒิสมาชิก ก็ได้สิทธิ์คุ้มกันทางการเมืองอยู่แล้ว แต่ท่านป๋าคงกลัวชาวบ้านไม่เข้าใจ เลยมีหมวดแยกออกมาอีกข้อ ว่าด้วยเรื่องสิทธิ์คุ้มกันให้กับอดีตประธานาธิบดีโดยเฉพาะ

    แต่ทั้งสองร่างกฏหมายใหม่นี้ จะต้องพิจารณาผ่านทั้ง สภาล่าง และสภาบน แต่ดูทรงแล้ว ท่านป๋าน่าจะเอาอยู่ นั่งรอเซ็นอย่างเดียวก็พอ

    จึงมีเสียงลือ เสียงเล่าอ้าง จากจิ้งจกเครมลินทักกันหนาหูมากๆว่า หรือป๋าปูตินแกจะเกษียณแล้ว?

    หลังจากที่ป๋าปูตินได้ดันร่างกฏหมายใหม่ ผ่านประชามติให้สิทธิ์ประธานาธิบดีในตำแหน่ง ลงเลือกตั้งตำแหน่งผู้นำได้ตลอดไป ไม่จำกัดวาระ ก็ฟันธงกันแล้วว่า ป๋าปูตินวางแผนอยู่ยาวแน่ๆ ในเมื่องที่จีน ยังมี ฮ่องเต้สี่ จิ้นผิงได้ แล้วทำไมที่รัสเซียจะมีพระเจ้าซาร์ ปูติน ไม่ได้เล่า

    แต่มาคราวนี้ ดูเหมือนป๋าปูตินอาจจะไม่อยู่ยาวอย่างที่คิด จึงมีแผนสำรองเป็นเหมือน Exit plan ไว้รอเมื่อลาตำแหน่ง

    และก็ไม่ใช่ว่าสิทธิ์คุ้มก้นเรื่องคดีความอดีตประธานาธิบดีรัสเซียจะไม่เคยเกิดขึ้น ท่านป๋าปูตินก็เคยออกกฏหมายพิเศษ ให้ละเว้นการดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีบอริส เยลต์ซิน ในคดีเกี่ยงกับการฉ้อโกงในสวิสเซอร์แลนด์ และจะไม่มีการไต่สวน บุกยึดทรัพย์ ค้นบ้านใดๆอีก

    หลายคนก็เลยมองว่าเป็นการตอบแทนให้กับบอริส เยลต์ซิน ที่ได้มอบตำแหน่งประธานาธิบดีใส่พานมาให้ปูตินเมื่อตอนสิ้นปี 1999

    แต่สำหรับปูติน ที่กลายเป็นผู้นำรัสเซียที่อยู่ยาวววว ที่สุดตั้งแต่หลังยุคสหภาพโซเวียต ถึงปีนี้ขี่หลังเสือมานานถึง 20 ปี แผลการเมืองย่อมเหวอะหวะเป็นธรรมดา หากจำเป็นต้องลาตำแหน่งจริงๆ ก็ต้อง เตรียมร่มชูชีพ 2 ชั้นให้กับตัวเอง หวังพึ่งใครไม่ได้

    ถ้าร่างกฏหมายใหม่ทั้ง 2 หมวดนี้ผ่านได้ ป๋าแกก็สบายหล่ะ จะอยู่ต่อก็ได้ จะขอลาตำแหน่งก็สบายตัว ยอมรับว่าป๋าแกนี่ 2 เขี้ยวไม่ใช่ลากพื้นธรรมดา ปักแน่นฝังดินเลยทีเดียว

    แหล่งข้อมูล

    https://www.theguardian.com/world/2...lifetime-immunity-for-former-presidents-putin

    https://www.aljazeera.com/news/2020...xtend-ex-presidents-immunity-from-prosecution

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พิษ COVID-19 ทำให้อินโดนีเซียเศรษฐกิจถดถอยครั้งแรกในรอบ 20 ปี

    สำนักงานเศรษฐกิจของอินโดนีเซียเผยว่าเศรษฐกิจของอินโดนีเซียไตรมาสที่ 3 หรือระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน หดตัวลงอีก 3.49% เป็นการเข้าสู่ภาวะถดถอย (recession) ครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี สืบเนื่องจากผลพวงของโรคระบาดโควิด-19 ที่บั่นทอนการบริโภคและกิจกรรมทางธุรกิจในประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน โดยพบว่าภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการก่อสร้าง และการค้าได้รับผลกระทบมากที่สุด

    https://www.tcijthai.com/news/2020/11/asean/11128

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อตอนเย็นๆ หลายๆท่านคงได้เห็นกันแล้วว่าที่สหรัฐอเมริกานั้นกำลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นภายในหลายๆมลรัฐทั่วประเทศ ทั้งม็อบของกลุ่มผู้สนับสนุน Joe Biden และม็อบของกลุ่มผู้ที่สนับสนุน Donald Trump ต่างพากันลงมาเดินถนนเพื่อประท้วงอีกฝ่ายหนึ่งอย่างแข็งขัน

    โดยที่น่าจับตามองมากที่สุดก็คือกลุ่มแฟนคลับของ Donald Trump จำนวนมากที่นัดกันไปยืนล้อมศูนย์การนับคะแนนแห่งต่างๆกันร่วมหลักร้อยคน พร้อมกับอาวุธปืนเต็มมือ (อันนี้ใครสนใจสามารถไปค้นๆๆดูตามอัลบั้มของเพจสำนักข่าวที่เข้าไปทำข่าวเอาได้นะครับ)

    พวกเขาให้เหตุผลว่า พวกเขาไม่เชื่อมั่นในระบบการนับคะแนน และหลายๆคนเชื่ออย่างเต็มอกว่า Biden และพรรค Democrat กำลังพยายามจะหาวิธีการโกงเลือกตั้งเพื่อเอาชนะ Trump กันอยู่ จึงได้ออกมารวมตัวเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ Trump

    อนึ่ง เรื่องการโกงเลือกตั้งของพรรค Democrat นี้ยังเป็นแค่เพียงข้อกล่าวหาเท่านั้นนะครับ ยังไม่มีการพิสูจน์ ตรวจสอบใดๆเกิดขึ้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย เป็นเหมือนคำพูดลอยๆเพียงไม่กี่ประโยคที่ Trump ทวีตออกมาเท่านั้นเองให้สถานการณ์เหมือนตัวเองกำลังถูก Biden โกง

    มีใครสงสัยกันบ้างมั้ยครับ ว่าทำไมแฟนคลับ และกองเชียร์ของ Trump ถึงรีบเชื่อเสียเต็มเปากันจนออกนอกหน้าขนาดนั้น ทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรชัดเจนเลย และการนับคะแนนเสียงของหมวด Mail-in ballots ในบางรัฐก็เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ (บางรัฐเขาห้ามเปิดหีบนับก่อนก็เลยทำให้มีการนับเสร็จช้า)

    ณ จุดนี้ในมุมผมนั้นเห็นว่า เหตุผลหลักๆเลยน่าจะมาจากวิธีการพูดของ Trump ที่ใช้การพูด และวลีเชิง Divisive tone หรือก็คือการเน้นพูดใส่ไฟเพื่อให้เกิดความแตกแยก ความเข้าใจผิด แล้วพยายามแบ่งมวลชนให้เป็นศัตรูกับอีกฝ่ายอย่างชัดๆ ด้วยการกล่าวหา และการทวีตข้อความแรงๆ เช่น ทวีตเมื่อคืนนี้เป็นต้นที่ Trump เขียนว่า:

    "Last night I was leading, often solidly, in many key States, in almost all instances Democrat run & controlled. Then, one by one, they started to magically disappear as surprise ballot dumps were counted. VERY STRANGE, and the “pollsters” got it completely & historically wrong!"

    พอพูดแบบนี้ออกไปใน Twitter ขึ้นมา ฐานเสียงของ Trump ที่เดิมทีก็มองคนจากพรรค Democrat เป็นขั้วตรงข้ามกับตนเองอยู่แล้ว ก็ยิ่งโกรธกันใหญ่ พอ Trump ทวีตหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยข้อความจำพวก "Stop counting" (หยุดนับคะแนน) ขึ้นมา ทางกลุ่มฐานเสียงเขาก็เลยจัดให้ (ยกขบวนไปปิดศูนย์นับคะแนนกันซะเลย)

    จริงๆนอกจากข้อความใน Twitter แล้ว ที่ผมเห็นว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ฐานเสียงของ Trump ปักใจเชื่อว่า Democrat นั้นโกงเลือกตั้งจริงๆโดยที่ยังไม่ได้ผ่านการสอบสวน หรือตรวจสอบเลย น่าจะเป็นผลมาจากตอนที่ Trump ออกมาพูดเรื่อง Mail-in ballots (การเลือกตั้งทางไปรษณีย์) เมื่อช่วง 2-3 เดือนก่อนประกอบด้วย

    Trump พูดขึ้นมาบ่อยมากๆว่าเขาไม่ต้องการให้มีการใช้ระบบเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ เพราะมันจะทำให้เกิดการโกงเลือกตั้งขึ้นอย่างง่ายดาย (ในมุมของ Trump) ช่วงนั้นเขาก็จะพูดอยู่ตลอด เวลาขึ้นปราศรัยก็ปราศรัยโจมตีระบบไปรษณีย์บ้าง สลับไปด่าพรรค Democrat บ้าง ทั้งๆที่ระบบ Mail-in ballots ก็มีมานานแล้ว

    ช่วงนั้นสื่อฝ่ายอนุรักษ์นิยม พวก Fox News อะไรพวกนี้ก็พยายามตีข่าวอยู่เรื่อยๆ ละนึกสภาพคนที่เป็นฐานเสียงของ Trump อยู่ตามบริเวณ Bible-belt states (รัฐแถบตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกา) เคร่งศาสนา และแถบ Sunbelt states (แถบทางใต้) ไม่ได้มีภูมิต้านทานการรับข่าวสารมากนัก

    รับสื่อและข้อมูลจากแหล่งช่องทางไม่กี่ช่องทาง ฟังคำพูดของ Trump พูดซ้ำไปซ้ำมาในทีวีบ่อยๆ ก็ไม่พ้นที่จะเชื่อง่ายๆครับ แล้วคนเหล่านี้เขามีแนวโน้มจะเชื่ออย่างสนิทใจด้วยนะ ว่า Biden และพรรค Democrat โกงเลือกตั้งกันจริงๆ

    อีกตัวแปรหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะมีส่วนไม่มากก็น้อยเลย คือ คนกลุ่มที่เป็นฐานเสียงของฝั่ง Trump นั้นเป็นกลุ่มคนที่มีการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรีครับ อันนี้ไม่ใช่การดูถูกนะครับ แต่ในภาษาของการเลือกตั้งที่ต่างประเทศเขาจัดแบ่งกลุ่มคนเป็นพวกๆ บล็อคๆแบบนี้กันจริงๆ เรียกกันว่า "Non-college educated" แปลว่าคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือสูงถึงขั้นปริญญา

    มีการทำงานสำรวจกลุ่มฐานเสียงกันมาตั้งแต่ช่วงปี 2016-2017 กันแล้วว่าฐานเสียงของ Trump จำนวนมากที่มาจากแถบๆรัฐทางตอนใต้ และแถบรัฐเคร่งศาสนานั้น ส่วนมากก็เป็นคนกลุ่มนี้ทั้งนั้น ความคิดความอ่าน และลักษณะของคนกลุ่มนี้จึงคล้อยตามคำพูดแนวปั่นๆ หรือปลุกปั่นของ Trump ได้ง่ายครับ

    ** อันนี้คือว่ากันตามฐานของความเป็นจริงปัจจุบันก่อนนะ ผมไม่ปฏิเสธว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการโกงเลือกตั้งทางไปรษณีย์นั้นมันมีอยู่จริง แต่มันยังไม่ได้มีการสืบสวนกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็ขออนุญาตพูดถึงแต่ในส่วนของท่าที และ Effect ที่เกิดขึ้นในกลุ่มฐานเสียงของ Trump ที่ออกมาพยายามจะปิดล้อมศูนย์นับคะแนนการเลือกตั้งก่อน

    _______
    UPDATE:
    กรณีเลขเด้ง 100,000 กว่าคะแนน ที่รัฐมิชิแกนนั้นทางกรรมการการเลือกตั้งที่อเมริกาเขาออกมาชี้แจงแล้วนะครับว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด และเป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่ถูกนำไปใส่ความจนเข้าข่ายบิดเบือนเกินกว่าความเป็นจริงไปมาก เลิกแชร์ได้แล้วครับ

    ที่มา: https://www.factcheck.org/2020/11/clerical-error-prompts-unfounded-claims-about-michigan-results/
    _______

    ส่วนเรื่องเลือกตั้งนั้นขอเลื่อนไปก่อนนะครับเนื่องจากรอประกาศผลทีเดียวเลยละค่อยมาคุยกันครับ เพราะตอนนี้จากความเคลื่อนไหวล่าสุดของกลุ่มนับคะแนนเห็นว่าบางมลรัฐอาจต้องรอจนถึงวันจันทร์-อังคารหน้าถึงจะเสร็จเรียบร้อยทั้งหมด

    _______

    Blockdit: https://www.blockdit.com/articles/5fa48e3d1fd17f06b6657d69

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มาดูโร : ชาวอเมริกันไม่ควรสอนประชาธิปไตยให้เรา

    ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ชี้ถึงความล่าช้าของวอชิงตันในการประกาศผลการเลือกตั้งสหรัฐและคำพูดของโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งโดยย้ำว่า เราเกลียดที่อเมริกาพยายามสอนบทเรียนเรื่องประชาธิปไตยให้เรา

    นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา วิจารณ์ความล่าช้าในการประกาศผลการเลือกตั้งสหรัฐในวันนี้ (พุธ) และได้เน้นย้ำว่าเวเนซุเอลามีระบบการเลือกตั้งที่โปร่งใสและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าแตกต่างจากสหรัฐอเมริกา

    สำนักข่าว Anatolia รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มาดูโร ในระหว่างการปราศรัยที่ออกอากาศทางโทรทัศน์แห่งชาติเวเนซุเอลา เขากล่าวถึงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า ในเวเนซุเอลา "ผลการเลือกตั้งจะถูกนำเสนออย่างแม่นยำในคืนวันเลือกตั้ง"

    ข่าวโลกที่3

    https://www.farsnews.ir/news/13990815000421/مادورو-آمریکایی‌%D

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตุรกี: เราจำเป็นต้องปรับปรุงความสัมพันธ์กับอียิปต์ ซาอุดีอาระเบียและอิสราเอล

    รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีย้ำถึงความสัมพันธ์ของอังการากับระบอบไซออนิสต์ อียิปต์และซาอุดีอาระเบีย และต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค

    เมฟเลิต ชาวูโชลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีกล่าวว่าตุรกีเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับปัญหาปาเลสไตน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์กับอิสราเอล

    เกี่ยวกับอียิปต์เขากล่าวว่า: "ตุรกียืนหยัดเคียงข้างประชาชนอียิปต์และรัฐบาลและไม่มีปัญหาระหว่างเรา"

    เมฟเลิต ชาวูโชลู กล่าวว่า เราคาดหวังว่าความสัมพันธ์ของเรากับประเทศเหล่านี้และประเทศอื่น ๆ จะไม่ จำกัด อยู่เพียงผลประโยชน์ร่วมกันที่ จำกัด เพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค

    เกี่ยวกับซาอุดีอาระเบียรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกียังระบุว่า เราพยายามเปิดช่องทางการเจรจาอยู่เสมอ

    ข่าวโลกที่3

    https://www.isna.ir/news/99081409306/ترکیه-باید-روابط-با-مصر-

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประกาศเขตห้ามบิน รอบ ๆ ที่พักของ Biden

    ด้วยความตึงเครียดหลังการเลือกตั้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในสหรัฐอเมริกา สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐได้ประกาศให้พื้นที่รอบ ๆ ถิ่นที่อยู่ของผู้ท้าชิงพรรคเดโมแครตเป็นเขตห้ามบิน

    ตามรายงานของ The Independent -สำนักงานบริหารการบินของรัฐบาลกลางสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่าอย่างน้อยจนถึงวันศุกร์พื้นที่รอบบ้านของ Biden และสถานที่อื่น ๆ อีกหลายแห่งในเวลลิงตันรัฐเดลาแวร์จะอยู่ในสถานะ "น่านฟ้าป้องกันประเทศ"

    สำนักงานบริหารการบินของรัฐบาลกลางสหรัฐกล่าวว่า การ จำกัด เที่ยวบินชั่วคราวนี้มักใช้ในสถานการณ์อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นตามสถานที่จัดงานพิเศษหรือคำเตือนทั่วไปไปยังหน่วยงานต่างๆ

    ข่าวโลกที่3

    https://www.farsnews.ir/news/13990815000242/اطراف-اقامتگاه-بایدن-

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักคิดชาวรัสเซีย: การเลือกตั้งของสหรัฐฯพิสูจน์ให้เห็นถึงความเท็จของการเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศนี้

    ในการให้สัมภาษณ์กับ IRNA วันนี้(5 พฤศจิกายน) - นาย Alexander Dugin นักคิดและหัวหน้าของ Russian Eurasian International Movement กล่าวย้ำว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯพิสูจน์อีกครั้งว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยระดับสูงสุดของประเทศนี้เป็นเท็จและจอมปลอม

    เขากล่าวเสริมว่า สหรัฐอเมริกาอ้างเสมอว่าระบอบประชาธิปไตยปกครองในประเทศนี้และเจ้าหน้าที่ทุกคนในประเทศนี้โดยเฉพาะประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งตามเกณฑ์ประชาธิปไตย ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าวของสหรัฐฯไม่เป็นความจริง การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯแสดงให้เห็นความจริงที่ว่าสหรัฐฯไม่ใช่แบบอย่างของประชาธิปไตย ระบบการเลือกตั้งในประเทศนี้มีความบกพร่องและไม่มีความถูกต้องเลย

    เขากล่าวเสริมว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ถูกบังคับให้เลือกหนึ่งในสองผู้สมัครที่พวกเขาไม่ปรารถนาให้เป็นประธานาธิบดี และระบบที่มีข้อบกพร่อง ไม่แน่นอนและไม่เป็นประชาธิปไตยนี้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นรูปแบบการเลือกตั้งสำหรับประเทศอื่น ๆ ได้

    เขากล่าวว่า “ สหรัฐอเมริกาไม่สามารถสอนประชาธิปไตยให้กับผู้อื่นด้วยระบบการเลือกตั้งและการเมืองที่มีข้อบกพร่องนี้” และกล่าวเสริมว่า สหรัฐอเมริกาต้องปฏิรูประบบที่ไม่โปรงใส่ก่อนซึ่งอาจเกิดการฉ้อโกงได้

    ข่าวโลกที่3

    https://www.irna.ir/news/84099309/متفکر-روسی-انتخابات-آمریکا-کذب-بودن-ادعای-دمکراسی-در-این-کشور

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,324
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วัน 5 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีการประท้วงเกิดขึ้นในเมืองนิวยอร์ก วอชิงตัน ดี.ซี. ลอสแองเจลิส แซนดิเอโก ฮูสตัน มินนีอาโพลิส พอร์ตแลนด์ ซีเอเทิล และอีกหลายเมืองทั่วประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการประท้วงที่เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อวัน 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
    .
    การประท้วงในเมืองต่าง ๆ ของสหรัฐฯนั้น มีหลายกลุ่มที่ออกมาประท้วง ทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต และผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นการประท้วงหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความชัดเจน และยังไม่มีการประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการ
    .
    ในตอนนี้ผลการรับคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College Votes) ทางฝั่งของนายโจ ไบเดน (Joe Biden) จากพรรคเดโมแครต ได้คะแนนเสียงแล้ว 264 เสียง ในขณะที่ฝั่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จากพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนเสียงแล้ว 214 เสียง ซึ่งฝ่ายที่เป็นผู้ชนะ จะต้องได้เสียงข้างมากไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง โดยในขณะนี้ ฝั่งของนายโจ ไบเดน ยังเหลืออีก 6 คะแนน ทำให้นายโจ ไบเดน และพรรคเดโมแครต ยังไม่สามารถประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการได้
    .
    กลุ่มผู้สนับสนุนนายโจ ไบเดน และผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ ได้ออกมาเดินขบวนประท้วงบนท้องถนน เรียกร้องให้มีการนับคะแนนการเลือกตั้งทั้งหมด ทั้งการโหวตจากการเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน การเลือกตั้งล่วงหน้า และการโหวตผ่านไปรษณีย์ ในขณะที่ฝ่ายผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ และผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน ไม่มั่นใจในความโปร่งใสของการเลือกตั้งในครั้งนี้ จึงออกมาประท้วงเรียกร้องให้หยุดการนับคะแนน พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบกระบวนการการเลือกตั้ง ที่อาจมีการทุจริตเกิดขึ้น
    .
    เช่นเดียวกับที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศว่า จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ เพื่อร้องขอศาลฯ ให้ออกคำสั่งระงับการนับคะแนนในรัฐมิชิแกน และรัฐเพนน์ซิลเวเนีย ด้วยเหตุผลว่า พบความผิดปกติที่อาจเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง ใน 2 รัฐนี้
    .
    ทั้งนี้ การประท้วงที่เกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ มีกลุ่มผู้ประท้วงที่เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้ความรุนแรง และมีการทำลายทรัพย์สิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนนายโจ ไบเดน และผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต โดยสามารถยืนยันได้แล้วว่า มีผู้ประท้วงก่อเหตุรุนแรงในกรุงนิวยอร์ก ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 50 คน
    .
    ในขณะที่กำลังทหารกองกำลังรักษาดินแดน (US National Guard) ถูกส่งไปยังเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เพื่อควบคุมสถานการณ์การประท้วง โดยมีผู้ประท้วง 11 คน ที่ถูกควบคุมตัวในเมืองพอร์ตแลนด์ ส่วนเมืองซีเอเทิล รัฐวอชิงตัน (ไม่ใช่หลวงวอชิงตัน ดี.ซี.) มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 7 คน ถูกตำรวจจับกุม

    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://www.cbsnews.com/news/protests-post-election-many-cities-some-heated/
    - https://metro.co.uk/2020/11/05/doze...lash-with-police-during-us-election-13540782/
    - https://www.rt.com/usa/505654-manhattan-protest-clashes-fires/
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

     

แชร์หน้านี้

Loading...