ติดตามสถานะการณ์

กษัตริย์มาเลเซียขอสมาชิกสภาช่วยผ่านงบปีหน้า
.
กัวลาลัมเปอร์ 29 ต.ค.- สมเด็จพระราชาธิบดีมาเลเซียขอให้สมาชิกรัฐสภาผ่านความเห็นชอบร่างงบประมาณปี 2564 ที่รัฐบาลจะเสนอต่อสภาในสัปดาห์หน้า
.
สำนักพระราชวังมาเลเซียแถลงวานนี้ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอัล สุลต่าน อับดุลลาห์ ทรงมีพระราชดำรัสว่า งบประมาณปีหน้าจำเป็นอย่างยิ่งต่อการช่วยให้ทางการจัดการผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ
.
พระองค์ทรงขอให้สมาชิกสภาปฏิบัติตามคำบัญชาเรื่องยุติความเห็นต่างทางการเมืองทั้งหมด เพื่อให้ร่างงบประมาณปี 2564 ผ่านการพิจารณาอย่างราบรื่น
.
นอกจากนั้นยังทรงเตือน ส.ส.ว่า การต่อสู้ทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวจะสร้างความสูญเสียให้แก่ประเทศชาติ ขณะที่ประชาชนจะตกเป็นเหยื่อในยามที่ประเทศกำลังต่อสู้กับภัยคุกคามจากโรคโควิด-19
.
รัฐบาลนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซินของมาเลเซียจะเสนอร่างงบประมาณต่อสภาในวันที่ 6 พฤศจิกายน ขณะที่กำลังถูกท้าทายจากนายอันวาร์ อิบราฮิม แกนนำฝ่ายค้านที่อ้างว่าได้เสียงข้างมากในสภาสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นอกจากนี้ยังเสียความน่าเชื่อถือหลังจากไม่สามารถขอให้สมเด็จพระราชาธิบดีทรงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามที่กราบทูลได้.

 

เวียงจันทน์ดึงเอกชนช่วยพัฒนาที่ดินขายหาเงินใช้หนี้แบงก์ชาติ
.
สปป.ลาว 29 ต.ค. - กรณีศึกษารูปแบบการชำระหนี้ของหน่วยงานรัฐในลาว โอนสิทธิที่ดินชานเมืองให้เอกชนไปพัฒนา หวังขายนำเงินมาใช้คืนอีกหน่วยงานหนึ่ง
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้มีพิธีลงนามในสัญญามอบ-โอนสิทธิการใช้ที่ดิน ระหว่างนครหลวงเวียงจันทน์ ธนาคารแห่ง สปป.ลาว (แบงก์ชาติลาว) และกลุ่มบริษัทดวงจะเลิน พัดทะนาก่อส้าง จำกัด
.
โดยพิธีจัดขึ้นที่โรงแรมแลนด์มาร์ค แม่โขง ริเวอร์ไซด์ ผู้ร่วมลงนามในสัญญา ประกอบด้วย คำวง ทิบพะวง รองผู้ว่าการแบงก์ชาติลาว อาดสะพังทอง สีพันดอน รองเจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ และคำผาย สีลาชา ประธานกลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ
.
เมื่อปี 2551 องค์การปกครองนครหลวงเวียงจันทน์ มีโครงการสร้างถนนเลี่ยงเมือง ระยะทาง 20.3 กิโลเมตร จากถนน 13 ใต้ บริเวณสี่แยกดงโดก ไปยังคลังสินค้าท่านาแล้ง ถนนท่าเดื่อ เพื่อเป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถนนสายนี้ถูกใช้เป็นวงแหวนเชื่อมถนนสาย 13 เหนือและใต้ โดยไม่ต้องผ่านเข้าตัวนครหลวงเวียงจันทน์
.
และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 450 ปีของการตั้งนครหลวงเวียงจันทน์ จึงตั้งชื่อถนนสายนี้ว่าถนน 450 ปี โดยได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และได้กู้เงินจากแบงก์ชาติลาวนำมาใช้เป็นทุนในโครงการนี้ ซึ่งในแผนชำระหนี้ นครหลวงเวียงจันทน์ จะนำที่ดินตลอดแนว 2 ฝั่งถนน ลึกฝั่งละ 50 เมตร ออกขาย เพื่อนำเงินมาใช้คืนแก่แบงก์ชาติลาว
.
อย่างไรก็ตาม แม้ถนนได้สร้างเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว แต่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ที่ดิน 2 ฝั่งถนนสายนี้สามารถขายออกไปได้เพียง 20% โดยขายได้เฉพาะที่ดินแปลงที่สวย กับแปลงที่อยู่ติดกับตัวเมือง ส่วนที่ดินส่วนที่เหลือซึ่งขายไม่ออก เป็นแปลงที่ไกลจากตัวเมือง รูปที่ดินไม่สวย เป็นท้องทุ่ง หรือหนองน้ำ ไฟฟ้าและประปายังเข้าไปไม่ถึง ที่สำคัญคือราคาที่กำหนดไว้เพื่อขายสูงกว่าราคาตลาด
.
แบงก์ชาติลาวได้ประชุมร่วมกับนครหลวงเวียงจันทน์หลายครั้ง เพื่อหาวิธีการแก้ไขหนี้สินก้อนนี้ ในที่สุดก็ได้เห็นพ้องกันว่า จะโอนสิทธิการใช้ที่ดินส่วนที่ยังขายไม่ได้ให้กลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ นำไปพัฒนา เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่แบงก์ชาติลาว
.
โดยกลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ ต้องลงทุนมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ พัฒนาระบบสาธารณูปโภค สร้างถนน ซอยแยกไปสู่ที่ดิน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ที่ดินเหล่านี้ โดยกลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ มีเวลา 5 ปี เพื่อขายที่ดินให้หมด และนำเงินมาชำระคืนแก่แบงก์ชาติลาว
.
ดวงจะเลินฯ เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งของลาวที่เติบโตขึ้นจากการได้รับสัมปทานจากรัฐ
.
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมปีที่แล้ว บริษัทดวงจะเลิน พัดทะนา กะสิกำ ในเครือกลุ่มดวงจะเลินฯ ได้รับสัมปทานทำสวนกล้วยจากแขวงบ่อลิคำไซ บนเนื้อที่ 150 เฮกตาร์ (937 ไร่) ในเมืองบ่อลิคัน
.
ก่อนหน้านั้น วันที่ 4 มิถุนายน 2561 กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ได้เซ็น MOU ให้บริษัทดวงจะเลิน พัดทะนาก่อสร้าง เป็นผู้ศึกษาความเป็นไปได้โครงการสร้างทางด่วนสายใต้ (เวียงจันทน์-จำปาสัก) ช่วงจากเมืองท่าแขก (แขวงคำม่วน) ไปยังแขวงสะหวันนะเขต ระยะทาง 117 กิโลเมตร
.
ช่วงที่ สปป.ลาว เริ่มต้นพัฒนาประเทศเมื่อหลายสิบปีก่อน ด้วยความที่ยังขาดแคลนเงินงบประมาณ การก่อสร้าง วางระบบสาธารณูปโภคในหลายพื้นที่ของลาว ต้องใช้วิธีให้เอกชนมารับสัมปทาน โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนและออกเงินก่อสร้างไปก่อน และรัฐจะชดใช้คืนให้ในรูปแบบต่างๆ ภายหลัง.

 

โฟล์คสวาเกน-โตโยต้า ตกลงร่วมกันพัฒนารถบรรทุกใช้ไฟฟ้า
.
แฟรงค์เฟิร์ต 29 ต.ค. – บริษัทเทรตัน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถบรรทุกในเครือของดโฟล์คกสวาเกนและบริษัทฮีโน มอร์เตอร์ส ที่ผลิตรถบรรทุกซึ่งอยู่ในเครือของโตโยตา กล่าววานนี้ว่า ทั้งสองบริษัทจะจับมือจัดตั้งกิจการร่วมค้าเพื่อพัฒนารถบรรทุกที่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงาน เพื่อรับมือกับตลาดรถยนต์ใฃ้ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
.
เทรตันและฮีโนกล่าวในแถลงการณ์ร่วมว่า ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนารถบรรทุกที่ใช้แบตเตอรี่และเซลกำเนิดไฟฟ้าไปพร้อมๆ กับชิ้นส่วนประกอบและซอฟท์แวร์ร่วมและส่วนสื่อประสานกัน
.
ผู้บริหารของเทรตัน กล่าวว่า การจัดตั้งกิจการร่วมค้ากับบริษัทฮีโน เป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและผลักดันให้ภาระกิจของบริษัทก้าวไปข้างหน้า
.
สำหรับหน้าตาของกิจการร่วมค้านี้จะยังไม่มีการเปิดเผยอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองบริษัทจะจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญและเปิดตัวโครงการในเมืองเซอเดอร์เตลเย ในสวีเดน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตรถยนต์สแกนเนีย ซึ่งอยู่ในเครือของโฟล์คสวาเกนและจะเปิดตัวที่กรุงโตเกียว ของญี่ปุ่นในภายหลัง
.
เทรตันและฮีโน มีลูกจ้าง 83,000 คนและ 35,000 คน ตามลำดับ และเมื่อปีที่แล้ว เทรตันขายรถยนต์ได้ 242,000 คัน ส่วนฮีโน ขายได้ 190,000 คันทั่วโลก.

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว เตือนระวัง!!! นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ได้รวบรวมผลการตรวจวิเคราะห์สีอินทรีย์สังเคราะห์ในลูกอมทั้งชนิดแข็ง ชนิดนุ่ม และหมากฝรั่ง โดยเป็นตัวอย่างที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และผู้ประกอบการส่งตรวจระหว่างปี 2560-2562 จำนวน 387 ตัวอย่าง ผลการตรวจพบว่า มีการใช้สีอินทรีย์สังเคราะห์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 30 ตัวอย่าง หรือคิดเป็น 9.8% โดยจำแนก ดังนี้

- ลูกอมชนิดแข็ง ได้แก่ ลูกอมที่มีลักษณะเป็นเม็ดแข็งละลายช้า เมื่อเคี้ยวจะแตก จำนวน 147 ตัวอย่าง พบ-ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 7 ตัวอย่าง ร้อยละ 5.7 ตกมาตรฐานเนื่องจากพบสี erythrosine ในปริมาณตั้งแต่ 2.9 ถึง 18.0 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

- ลูกอมชนิดนุ่ม ได้แก่ ลูกอมที่มีลักษณะเป็นเม็ดนิ่มและอ่อนตัว สามารถเคี้ยวได้ จำนวน 204 ตัวอย่าง พบ-ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 21 ตัวอย่าง ร้อยละ 13.9 ตกมาตรฐานเนื่องจากในจำนวนนี้พบสี erythrosine จำนวน 15 ตัวอย่าง ในปริมาณตั้งแต่น้อยกว่า 1.0 ถึง 38.8 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม และสี amaranth จำนวน 6 ตัวอย่าง ในปริมาณตั้งแต่ 2.2 ถึง 23.7 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งสีทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่อนุญาตให้ใช้ในลูกอม

- หมากฝรั่ง จำนวน 36 ตัวอย่าง ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 2 ตัวอย่าง ร้อยละ 6.3 เนื่องจากพบสี quinoline yellow ซึ่งสีชนิดนี้ไม่อนุญาตให้ใช้ในหมากฝรั่ง ทั้งนี้ สีอินทรีย์สังเคราะห์เป็นวัตถุเจือปนอาหารที่มีการประเมิน ความปลอดภัยแล้ว และอนุญาตให้ใช้เติมในอาหาร แต่ปริมาณที่ใช้ต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (เลขที่ 389) พ.ศ.2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5)

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ลูกอมและหมากฝรั่งเป็นอาหารที่อนุญาตให้ใช้สีอินทรีย์สังเคราะห์ เพื่อเติมแต่งผลิตภัณฑ์ แต่ปริมาณและชนิดของสีที่ใช้ต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลผลตรวจวิเคราะห์ระหว่างปี 2560-2562 ยังคงตรวจพบว่ามีการใช้สีอินทรีย์สังเคราะห์ทั้งในลูกอมและหมากฝรั่งที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอยู่บ้าง โดยสีอินทรีย์สังเคราะห์เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งใช้แต่งสีอาหารให้มีสีสันที่น่ารับประทานมากขึ้น โดยหากร่างกายได้รับในปริมาณมากหรือบ่อยครั้งย่อมก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น สีจะไปเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ทำให้น้ำย่อยอาหารออกมาไม่สะดวก อาหารย่อยยาก เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และขัดขวางการดูดซึมอาหาร ทำให้ท้องเดิน น้ำหนักลด อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หรืออาจมีอาการของตับ ไตอักเสบ และสีอินทรีย์สังเคราะห์บางชนิดอาจก่อให้เกิดมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะอื่นๆ และอันตรายจากสารอื่นที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร เช่น โลหะหนัก นอกจากนี้ ส่วนประกอบหลักของลูกอมคือน้ำตาล หากบริโภคมากเกินไปโดยเฉพาะเด็กอาจทำให้ฟันผุหรือเป็นโรคอ้วนได้.

 

วันนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2563 ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบในขณะนี้ส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศบ้าง ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
.
แต่จากประสบการณ์การทำงานตั้งแต่ต้นปี ทำให้เราสามารถควบคุมโรคได้ดี ตั้งแต่การตรวจคัดกรองอย่างละเอียด ทำให้ค้นพบเร็ว ควบคุมโรคได้ดี ทีมงานสาธารณสุขมีความเข้มแข็ง ค้นหาเชิงรุก และตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่อย่างครอบคลุม สามารถป้องกันควบคุมไม่ให้มีการระบาดในวงกว้าง ภาพรวมในเวลานี้ ประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อสู้โควิด 19 ทั้งทรัพยากร เวชภัณฑ์ แล็บ ยา แพทย์พยาบาล ที่สำคัญไม่มีผู้ป่วยหนักในไอซียู และอัตราการเสียชีวิตต่ำมากน้อยกว่าร้อยละ 2 ทำให้ประชาชนมั่นใจได้
.
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า โจทย์สำคัญในวันนี้ คือการสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพกับเศรษฐกิจบนพื้นฐานความปลอดภัยประชาชน ช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งไทยยังต้องพึ่งพาต่างชาติ การเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติให้สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือการค้าการลงทุน จะช่วยให้เศรษฐกิจของเรากลับมาเดินหน้าอีกครั้ง เรื่องเศรษฐกิจสุขภาพเป็นนโยบายสำคัญทีจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยยังคงความปลอดภัยให้กับประชาชนและสังคมด้วย
.
นายอนุทิน ได้รายงานผลภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบ ร่างนโยบายการกักกันโรคในประเทศ (National Quarantine Policy) รองรับการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว ประกอบด้วย 3 หลักการ คือ
...

1. จัดให้มีระบบการกักกันโรค และสถานที่กักกันผู้สัมผัสโรคหรือพาหะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน เหมาะสมกับบริบทของการปฏิบัติงานและกลุ่มเป้าหมาย และเพียงพอทุกพื้นที่

2. พัฒนากลไกการบริหารจัดการระบบการกักกันโรคและสถานที่กักกันโรคให้เป็นเอกภาพ ทั้งในระดับชาติ และระดับจังหวัด ที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร

3. เร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

...

พร้อมทั้ง ได้กำหนดระบบการจัดการในสถานที่กักกันโรค 10 ข้อ ทั้งด้านการจัดการสถานที่พัก พื้นที่ส่วนกลาง และสถานที่เฉพาะ, มีผู้รับผิดชอบทุกขั้นตอนครบตามจำนวนวันที่กำหนด, การคัดกรองการเจ็บป่วย หรือสงสัยติดเชื้อโควิด 19, การจัดการสิ่งแวดล้อม, การบริการพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิต, การรวบรวม จัดเก็บข้อมูล, ระบบรายงานเหตุการณ์, การพัฒนาทักษะผู้ปฏิบัติงาน, การตรวจประเมินสถานที่กักกันโรค
และมีวิธีการการตรวจสอบย้อนหลังเมื่อพบเหตุการณ์ผิดปกติ รวมทั้งมีการกำกับติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน ทั้งในระดับชาติ และพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ
.
นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นด้วยกับหลักการ เรื่องการลดเวลาการกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน และให้ข้อเสนอแนะให้เน้นเรื่องความปลอดภัย การติดตามตัวได้ มีอาการป่วยหรือไม่ เข้มข้นการปฏิบัติตัวแบบ New normal โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.thairath.co.th/news/politic/1964331

https://pr.moph.go.th/print.php?url=pr/print/2/04/149157/
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

สถานการณ์การระบาดของโควิด ยังคงส่งผลกระทบไปในทุกวงการธุรกิจทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานว่า บริษัทโบอิ้ง ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินของโลก ออกมาเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 3 ในวันนี้ โดยระบุว่า
.
ที่ผ่านมาบริษัทประสบภาวะขาดทุนติดต่อกัน 4 ไตรมาส จากผลกระทบของการชะลอการผลิตเครื่องบินท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการที่เครื่องบินรุ่น 737 MAX ยังคงถูกสั่งห้ามบิน หลังจากที่เครื่องบิน 2 ลำของรุ่นดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุในปี 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คน
.
อย่างไรก็ดี โบอิ้ง ได้เปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่รายได้สูงกว่าคาด ทั้งนี้ โบอิงเปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุน 1.39 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.52 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.414 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.390 หมื่นล้านดอลลาร์
.
ทางด้านสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) อาจพิจารณาทบทวนคำสั่งห้ามบินที่ได้บังคับใช้ต่อเครื่องบินโบอิง 737 MAX หาก FAA ให้การอนุมัติต่อแผนการปรับปรุงระบบซอฟท์แวร์ และการฝึกอบรมของบริษัท ซึ่งจะทำให้เครื่องบินรุ่นดังกล่าว กลับมาให้บริการในปีหน้า
.
ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวหมายความว่า โบอิ้งต้องเลิกจ้างเพิ่มอีกประมาณ 7,000 คน เท่ากับเป็นการปรับลดพนักงานเกือบ 19% หรือราว 30,000 คน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี หลังจากที่เมื่อปลายเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ได้ประกาศแผนเลิกจ้างพนักงาน 12,290 คน เฉพาะในสหรัฐฯ โดยพนักงานที่โรงงานประกอบเครื่องบินของโบอิ้ง ที่เมืองซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน "จะได้รับผลกระทบมากที่สุด"

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.marketscreener.com/quot...b-cuts-as-twin-crises-extend-losses-31629578/

https://globaladvisors.biz/2020/10/29/boeing-to-cut-7-000-more-jobs-as-hopes-for-cash-comeback-fade/

https://www.naewna.com/inter/528284
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันนี้ รัฐบาลอินเดียได้แจ้งตัวเลขล่าสุดว่า ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเกิน 8 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 120,000 คน โดยมีแนวโน้มว่า สถานการณ์จะแย่ลง
.
โดย ยอดผู้ป่วยสะสมในอินเดียจนถึงวันนี้อยู่ที่ 8,040,203 คน เสียชีวิต 120,527 คน จากประชากรทั้งประเทศ 1,300 ล้านคน รองจากสหรัฐที่มีผู้ป่วยสะสม 9.1 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 230,000 คน อัตราผู้ป่วยใหม่ในอินเดียลดลงในช่วงหลายวันมานี้
.
แต่ทางการเกรงว่าจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากจะมีเทศกาลดิวาลี หรือเทศกาลแห่งแสงสว่างที่เป็นเทศกาลสำคัญที่สุดสำหรับผู้นับถือฮินดูในวันที่ 14 พฤศจิกายน และอินเดียจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
.
กรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดียที่มีประชากรประมาณ 30 ล้านคน เมื่อวานนี้พบผู้ป่วยใหม่ 5,000 คน มากที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาด เจ้าหน้าที่เตือนว่า อาจมีผู้ป่วยใหม่มากกว่าวันละ 10,000 คน หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ ส่วนนครมุมไบ เมืองหลวงทางพาณิชย์ที่มีประชากรกว่า 20 ล้านคน มีผู้ป่วยมากที่สุดในประเทศกว่า 250,000 คน เสียชีวิตกว่า 10,000 คน และมีผู้ป่วยใหม่รายวันราว 2,000 คน นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีเตือนประชาชนหลายครั้งว่า กำลังละเลยมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และมาตรการป้องกันการติดเชื้ออื่น ๆ
.
ด้าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของด็อกเตอร์ เรดดี้ส์ แลบบอราทอรี่ส์ กล่าวว่า การทดลองวัคซีนสปุตนิก-วีในระยะกลางจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และจะเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคมนี้ โดยระบุเพิ่มเติมว่า การทดลองทางคลินิกในระยะที่ 3 จะสำเร็จอย่างเร็วที่สุดในเดือนมีนาคมปีหน้า
.
แต่อาจจะล่าช้าไปเป็นเดือนเมษายน หรือพฤษภาคมได้ ขึ้นอยู่กับผลการทดลองทางคลินิกในระยะที่ 2 และการผ่านการรับรองจากหน่วยงานควบคุม อินเดีย ซึ่งมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 8 ล้านคน สูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากสหรัฐฯ
.
โดยคาดหวังว่า วัคซีนสปุตนิก-วี จะช่วยควบคุมการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ในประเทศได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของอินเดียเป็นห่วงว่า เทศกาลท่องเที่ยวและการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชนทำให้การควบคุมการระบาดเป็นไปได้ยากขึ้น
.
ซึ่งบริษัท ด็อกเตอร์ เรดดี้ส์ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองไฮเดอราบาดในรัฐอานธรประเทศของอินเดีย และผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานควบคุมให้ทำการทดลองทางคลินิกขั้นสุดท้ายของวัคซีนสปุตนิก-วี หลังอินเดียลงนามในข้อตกลงกับกองทุนความมั่งคั่งของรัสเซีย เมื่อเดือนที่แล้ว

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.dnaindia.com/india/repo...-may-end-as-early-as-march-dr-reddy-s-2852956

https://timesofindia.indiatimes.com...y-as-march-dr-reddys/articleshow/78914664.cms

https://tna.mcot.net/world-573234

https://tna.mcot.net/world-573217
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

อย่างที่โบราณว่าไว้ ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน งานนี้การบินไทยไม่รอช้า หลังส่ง “ปาท่องโก๋” ดังกระหึ่มโซเชียลไปไม่ทันไร คราวนี้ขอมาเอาใจ “สายแฟชั่น” กันสักหน่อย ล่าสุดกับการเปิดตัวกระเป๋า Re-Life Collection จาก THAI Shop ที่ดัดแปลงมาจาก Life Vest (เสื้อชูชีพ) และ Slide Raft (แพยาง) บนเครื่องบิน ที่ไม่ได้ใช้เนื่องจากหมดอายุแล้ว
.
ซึ่งทางการบินไทยเองตั้งใจจะให้เป็นคอลเลคชั่นใหม่ที่จับกระแสรักษ์โลก Circular Economy ด้วยการออกแบบในแนวคิด life vest x lifestyle ตอบสนอง Lifestyle ของนักเดินทาง
.
โดยทางด้าย ชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า “การบินไทย” ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาขยะ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ จึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาตลอด
.
กระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด “Re-Life Collection” จึงเป็นการดำเนินการตามนโยบายด้านการบริหารจัดการทรัพยากร (Waste Management) โดยนำทรัพยากรที่มีอยู่ในธุรกิจมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือ Upcycle ตามแนวทางของ Circular Economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน
.
โดย THAI shop ได้สร้างสรรค์โดยนำ Life Vest และ Slide Raft บนเครื่องบิน ที่หมดอายุการใช้งานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาจะถูกทำลายทิ้งให้กลายเป็นขยะ นำมาเพิ่มคุณค่าโดยออกแบบภายใต้แนวคิด life vest x life-style ที่คำนึงถึง Lifestyle ของลูกค้าเป็นหลัก และผลิตเป็นกระเป๋าทั้งหมด 6 แบบ
.
ได้แก่ Life CON-TAINER, Life CARRIER, Life SAVER, Life ORGANIZER, Life ROAMER, Life TREKKER เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อให้เหมาะกับ Lifestyle ของตนเอง ในราคาเริ่มต้น 390 บาท และบางแบบจะมี Serial Number ของ Life Vest แต่ละชิ้น ซึ่งนอกจากจะเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากรที่มีอยู่เดิมแล้ว ยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ “การบินไทย” อีกทางหนึ่งด้วย
.
“กระเป๋า “Re-Life Collection” เป็นคอลเลคชั่นแรกที่เกิดขึ้นภายใต้ Project : RE (โปรเจกต์ อาร์ อี) โดยมีทีมพนักงานการบินไทยเป็นผู้คิดริเริ่ม สร้างสรรค์ และออกแบบ นอกจากนี้ ชื่อ “Re-Life Collection” ยังเปรียบได้กับ Life Vest และ Slide Raft ที่หมดอายุการใช้งานแล้ว จะถูกทำลายทิ้งให้กลายเป็นขยะ แต่บริษัทฯ นำมาเพิ่มคุณค่าให้กลับมามีชีวิตใหม่และมีประโยชน์อีกครั้ง ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่หยุดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการสูญสียทรัพยากร เพื่อบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน”
.
ซึ่ง กระเป๋าจาก “Re-Life Collection” จะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าที่ THAI Shop ผ่านเว็บไซต์ thaishop.thaiairways.com ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2563 เวลา 14.19 น. เป็นต้นไป จนกว่าสินค้าจะหมด

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/904833
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ผู้ก่อการร้ายถืออาวุธมีดแล้วตะโกนว่า "อัลเลาะห์อัคบาร์" ก่อนทำการตัดศีรษะผู้หญิงคนหนึ่งและฆ่าคนอื่นอีก 2 คน ในเหตุการณ์ก่อการร้ายที่โบสถ์ในเมืองนีซของฝรั่งเศสเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
.
Christian Estrosi นายกเทศมนตรีของเมือง Nice อธิบายว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในโบสถ์ Notre Dame ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
.
Estrosi กล่าวว่าผู้โจมตีได้ตะโกนประโยค "Allahu Akbar" ซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ที่สุดแม้ว่าเขาจะถูกตำรวจควบคุมตัวแล้วก็ตาม
.
ตำรวจกล่าวว่ามีผู้ได้รับการยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 3 คนจากการโจมตีและอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ
.
เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
.
Source : https://www.dailymail.co.uk/wires/r...XrhvcWiZ2gIoHcIYbdXty1acigV6lWvYd6mp1TeXwTU18
.
#ThailandState #ThailandStateUpdate

 

#ม๊อบฮ่องกงเฮ_สาวม๊อบได้วีซ่าลี้ภัยในเยอรมันหลังรอนาน_11_เดือน
#ม๊อบชาวหว่องจี้EUเร่งออกวีซ่าผู้ลี้ภัยให้ชาวฮ่องกงด่วน!

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวที่น่ายินดีสำหรับม๊อบชาวหว่อง หรือ กลุ่มแกนนำผู้ประท้วงเพื่อปลดปล่อยฮ่องกง ที่โดนคดีความจากรัฐบาลฮ่องกง และหลายคนก็ประเดิมคดีจากกฏหมายความมั่นคงใหม่ของจีนไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เริ่มใช้กฏหมายใหม่นี้ตั้งแต่กรกฎาคมที่ผ่านมา

เมื่อมีสาวชาวม๊อบฮ่องกง ที่ใช้ชื่อสมมติว่า "Elaine" ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่เยอรมันว่า ในที่สุดเธอได้วีซ่าลี้ภัยในเยอรมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ยื่นใบสมัครที่เยอรมันไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 และใช้เวลารอคอยวีซ่านานถึง 11 เดือน

ม๊อบสาว Elaine วัย 21 ปีเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ Chinese University of Hong Kong ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงตั้งแต่ที่มีกระแสกฏหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตั้งแต่ปีที่แล้ว และโดนจับข้อหาละเมิดกฏข้อบังคับ ห้ามสวมหน้ากากในที่สาธารณะเมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งตอนนั้นยังไม่มี Covid-19

แต่เธอหนีหมายเรียก และตีตั๋วเครื่องบินหลบหนีมาเยอรมัน และได้ยื่นขอวีซ่าลี้ภัยที่นั่น และหลังจากที่ต้องรอนานถึง 11 เดือนเต็ม เธอก็ได้วีซ่าลี้ภัยในเยอรมันสมใจเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยที่วีซ่าลี้ภัยนี้มีอายุ 3 ปี

จากแหล่งข่าวของกลุ่มช่วยเหลือชาวม๊อบฮ่องกงในต่างแดน ระบุว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เยอรมันได้ออกวีซ่าลี้ภัยให้แก่ชาวฮ่องกงที่ขอหนีมาด้วยเหตุผลทางการเมือง

ย้อนหลังไป 2 ปี ทางเยอรมันเคยอนุมัติวีซ่าให้นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง 2 คน คือ นาย เรย์ หว่อง ไถ หยั่ง กับ นาย อลัน ลี ถัง ซิง แกนนำเคลื่อนไหวในช่วงปฏิวัติร่มเหลือง ที่รวมตัวมาตั้งแต่ปี 2014 และได้หลบหนีคดีในฮ่องกงมาเยอรมัน เพื่อขอเป็นผู้ลี้ภัย ซึ่งกว่าจะได้รับวีซ่าลี้ภัยมาก็ต้องรอนานกว่า 11 เดือนเช่นเดียวกัน

และทำให้นายเรย์ หว่อง และ อลัน ลี กลายเป็นผู้ลี้ภัยการเมืองจากฮ่องกง 2 คนแรกในเยอรมัน

แต่สำหรับเคสของม๊อบสาวคนล่าสุด คือ เคสแรกที่ได้ลี้ภัยในเยอรมันหลังจากที่เกิดกระแสประท้วงจาก กฏหมายผู้ร้ายข้ามแดนใหม่ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ที่มีรายงานว่า ไม่ใช่มีเฉพาะ "Elaine" แต่ยังมีม๊อบฮ่องกงอีกกว่า 10 คน ที่กำลังรอวีซ่าอยู่เช่นกัน

แต่ทั้งนี้ การได้วีซ่าลี้ภัยในเยอรมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างที่ได้รายงานไปแล้วว่า ระยะเวลาการดำเนินเรื่องรอการอนุมัติ ต้องใช้เวลานานถึง 11 เดือน หรือนานกว่านั้น และไม่ได้หมายความว่า ยื่นคำร้องขอวีซ่าไปแล้วจะได้ทุกคน

ในช่วงที่รอวีซ่า ผู้ลี้ภัยก็ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้อย่างอิสระ แต่ต้องพักอยู่ในแคมป์ผู้ลี้ภัย ที่รัฐบาลเยอรมันจัดไว้ให้ จนกว่าจะได้วีซ่าลี้ภัยอย่างเป็นทางการ

ถึงแม้ว่าทางการเยอรมัน จะมีอาหาร ที่พัก และสวัสดิการรักษาพยาบาลให้ระหว่างที่รอ แต่ไม่สามารถเลือกศูนย์พักพิงเองได้ และม๊อบสาวก็บ่นว่าเธอต้องย้ายแคมป์พักพิงถึง 3 ครั้งกว่าจะได้วีซ่า

ซึ่งสื่อท้องถิ่นของฮ่องกงเองยังระบุว่า ม๊อบสาวเคยร้องเรียนว่าเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศจากเจ้าหน้าที่ดูแลแคมป์ผู้ลี้ภัยในเยอรมัน และเคยสติแตกจนถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว

แต่ทั้งนี้ สื่อต่างชาติ และตัวม๊อบสาวเอง ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ บอกแต่เพียงว่า รัฐบาลเยอรมันควรให้สิทธิ์ผู้ลี้ภัยได้เลือกเองว่าจะอยู่ที่ไหนก็ได้เพื่อรอวีซ่า

ส่วนกลุ่มนักเคลื่อนไหวเครือข่ายพันธมิตรของม๊อบฮ่องกงในต่างแดนก็ออกมาจี้ให้เยอรมัน รวมถึงประเทศใน EU ให้เร่งออกวีซ่าลี้ภ้ยให้ชาวม๊อบฮ่องกง หรือทำให้กระบวนการขอวีซ่าลี้ภัยมันง่ายกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ

โดยกลุ่มเพื่อนม๊อบต่างแดนเสนอว่า ทาง EU ควรปฏิรูปนโยบายการออกวีซ่าด่วนๆ ให้ม๊อบชาวฮ่องกงโดยเฉพาะ ผ่านช่องทางวีซ่าประเภท Work and Study ที่เป็นเหมือนวีซ่าแพชูชีพให้ชาวม๊อบได้อพยพออกจากฮ่องกงไปยังยุโรป

แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์จริงในเยอรมัน เมื่อหลายปีก่อน การจะข้อวีซ่าลี้ภัยเคยดำเนินเรื่องได้เร็วกว่านี้ จนกระทั่วยุโรปมาเจอวิกฤติผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลางเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากซีเรีย ลิเบีย อิรัก ที่เกิดสงครามกลางเมือง จนชาวบ้านต้องต่อแพ ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน มาตายเอาดาบหน้าที่ฝั่งยุโรปหลายแสนคน

เป็นวิกฤติเรือชูชีพที่แท้จริง แล้วก็มีหลายร้อยชีวิตที่ไม่รอด ต้องทิ้งชีวิตกลางทะเลก่อนจะได้ขึ้นฝั่ง

และเมื่อขึ้นฝั่งได้ ก็ต้องมาเข้าค่ายลี้ภัย เพื่อยื่นเอกสารขอวีซ่าประเภทนี้ ที่กระจายแบ่งๆกันไปทั่วยุโรป

ขนาดกระจาย แบ่งๆกันรับไปแล้ว แต่เฉพาะที่เยอรมัน ก็มีผู้ยื่นวีซ่าขอลี้ภัยในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 1 แสนใบ ที่ดำเนินเรื่องยังไงก็ไม่เสร็จภายใน 1 ปีแน่นอน และมีตัวเลขระบุว่า ตอนนี้ที่เยอรมันมีใบสมัครวีซ่าลี้ภัยทิ้งไว้รอพิจารณาสะสมค้างเติ่งอยู่ถึง 254,000 ใบ

แล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ยื่นจะได้วีซ่า มีตัวเลขสถิติจากปี 2019 ที่ผ่านมามีจำนวนใบสมัครวีซ่าลี้ภัยในเยอรมันที่ถูกปฏิเสธถึง 32.8% เกือบ 1 ใน 3 ของใบสมัครทั้งหมดทีเดียว

ดังนั้นการยื่นขอวีซ่าลี้ภัยสำหรับม๊อบชาวหว่อง อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก หากต้องการได้วีซ่าแบบไวๆ ยิ่งตอนนี้มีกฏหมายความมั่นคงใหม่แล้ว ดังนั้นผู้ประท้วงที่มีคดีติดหลังอาจจะลักลอบเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ง่ายๆเหมือนเมื่อก่อน

เนื่องจากการข้อสถานะลี้ภัย เจ้าตัวอาจจำเป็นไปให้ถึงประเทศนั้นๆแล้ว ถึงจะยื่นขอได้

ดั่งตัวอย่างเช่น นาย โทนี่ ชุง ม๊อบชาวหว่อง วัยเพียง 19 ปี กับผองเพื่อนอีก 5 คน วางแผนที่จะเดินทางเข้าไปในสถานกงสุลสหรัฐในฮ่องกง เพื่อขอลี้ภัยไปสหรัฐ แต่ถูกทางการฮ่องกงจับตัวไว้ได้

ก่อนหน้านี้ โทนี่ และเพื่อนๆ โดนคดีภายใต้กฏหมายความมั่นคงของฮ่องกงใหม่อยู่ก่อนแล้ว และตั้งใจจะบุกเข้าไปขอลี้ภัยในสถานกงสุลสหรัฐ

ซึ่งเรื่องนี้ สหรัฐก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ยูว์อย่าทำเช่นนั้นเลย เพราะสถานกงสุลสหรัฐไม่ได้มีอำนาจพอที่จะออกวีซ่าลี้ภัยให้ใครที่ต่างแดนได้ และระบุว่า โดยปกติสหรัฐจะพิจาณาวีซ่าลี้ภัยให้ต่อเมื่อตัวไปอยู่ที่สหรัฐแล้วเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่มีนักเคลื่อนไหวต่อต้านจีน วิ่งเข้าไปในสถานฑูตสหรัฐเพื่อขอสิทธิ์คุ้มกัน และขอสถานะลี้ภัยจากต่างแดน ทางสหรัฐแจงว่า ก็เคยมี แต่น้อยมากๆ และสร้างความปวดหัวให้ทางฝ่ายต่างประเทศสหรัฐไม่น้อย

อย่างเช่น เคสนาย ฟ่าง หลี่จื้อ ชาวจีนที่หลบหนีทางการจีนเข้าไปในสถานฑูตสหรัฐในปักกิ่ง ในสมัยที่เกิดเหตุกวาดล้างผู้ประท้วงที่เทียนอันเหมิน ในปี 1989 และขอลี้ภัย ซึ่งทางการจีนก็กดดัน ยันเรื่องกันอยู่เป็นปี โดยที่นายฟ่าง ก็ต้องอยู่แต่ให้สถานฑูตสหรัฐ จนจีนยอมให้ลี้ภัยได้

จนผ่านมาอีกนานหลายปี จนถึงปี 2012 ก็มีนายเฉิน กวางเฉิง นักเคลื่อนไหวต่อต้านนโยบายลูกคนเดียว ก็ลักลอบหนีไปหลบในสถานฑูตสหรัฐที่ปักกิ่งอีกครั้ง ก่อนหน้าที่ ฮิลลารี่ คลินตัน จะไปเยือนจีนไม่กี่เดือน ก็ต้องเป็นภาระหน้าที่ของฝ่ายต่างประเทศสหรัฐที่ต้องไปต่อรองกับทางรัฐบาลจีนนานเป็นปีเหมือนกัน กว่านายเฉิน จะได้บินไปลี้ภัยในสหรัฐ

สำนักข่าวสหรัฐก็ได้ชี้แจงให้เข้าใจถึงข้อแตกต่างระหว่างสถานะของ "สถานฑูต" และ "สถานกงสุล" นั้นมีความแตกต่างกัน เนื่องจาก สถานฑูตจะได้สิทธิ์คุ้มครองจากกฏหมายต่างประเทศที่มากกว่า สถานกงสุลมาก

อธิบายง่ายๆคือ ประเทศ A ไม่มีสิทธิ์สั่งปิดสถานฑูตของประเทศ B ถึงแม้จะขัดแย้งแทบอยากจะรบกันแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับสถานกงสุลนั้นไม่ใช่ ดังจะเห็นว่า ท่านเสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ แกสั่งปิดสถานกงสุลจีนที่ฮุสตัน ได้ และจีน ก็เลยสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐที่เฉิงตูเป็นการตอบโต้ได้

แต่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีสิทธิ์สั่งปิดสถานฑูตได้

ดังนั้น ทางสหรัฐจึงขอเลยว่า ชาวม๊อบเสรีนิยมฮ่องกง อย่าไปเลยที่สถานกงสุลสหรัฐ สาขาที่ฮ่องกงเลย ไม่ช่วยอะไร และทางสหรัฐก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะเขาก็ไม่อยากให้จีนหาเรื่องฟาดหนัก สั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐที่ฮ่องกงเหมือนกัน เพราะจะเดือดร้อนคนอเมริกันที่เขาอยู่พำนัก และลงทุนในฮ่องกงอยู่เป็นจำนวนมาก

ดังนั้น ทางเลือกของชาวม๊อบฮ่องกงที่เกิดก่อนปี 1997 ที่ตอนนี้น่าอย่างน้อย 23 ปีที่ดีที่สุดคือ ขอสิทธิ์พลเมือง BN(O) หรือ British National (Overseas) ที่อังกฤษให้โควต้าถึง 3 ล้านสิทธิ์ ติดลูก เมีย เป็นผู้ติดตามไปด้วยได้

หรือ ไปที่ไต้หวัน ที่ยินดีต้อนรับชาวฮ่องกงอพยพให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่สถานะการเป็นพลเมืองไต้หวัน ก็ยังครึ่งๆกลางๆ พอๆกับฮ่องกง แต่อย่างน้อยก็ยังมีที่ มีทาง กว้างขวางกว่าอยู่บนเกาะฮ่องกง

ด้วยสถานะในฮ่องกงตอนนี้ ก็บอกได้เลยว่าหนักใจ ใครอยู่ได้ก็อยู่ ใครไม่อยากอยู่ ก็ต้องหาทางไป แต่จะไปช่องทางไหนก็ต้องเลือกดู เพราะก็มีหลายประเทศออกมาบอกว่ารับพิจารณาม๊อบชาวหว่องหากต้องการย้านถิ่นฐานได้ แต่ก็ต้องตามขั้นตอนของแต่ละประเทศ ต้องใช้เวลา และที่สำคัญ มีสิทธิ์จำนวนจำกัด

ที่ๆเราอยู่ ไม่อยากได้ ที่ๆอยากไป อาจไม่ได้สิทธิ์ ชีวิตคนเราอาจเลือกทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจ อยู่ที่ไหนให้สบายใจก็อยู่ที่ใจของเราเองนาจ๊า

แหล่งข้อมูล
https://hongkongfp.com/2020/10/19/g...ent-arrested-for-rioting-activist-group-says/

https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4038262

https://www.facebook.com/HavenAssistance/

https://www.scmp.com/news/hong-kong...gitives-granted-asylum-germany-say-they-faced

https://www.theguardian.com/world/2...a-criminal-after-granting-asylum-to-protester

https://www.theguardian.com/world/2...protester-announces-asylum-granted-in-germany

https://edition.cnn.com/2020/10/28/asia/hong-kong-chung-arrested-intl-hnk/index.html

https://edition.cnn.com/2020/08/27/politics/chen-guangcheng-rnc-trump-intl-hnk/index.html

 

#ญี่ปุ่นกับเป้าหมายประเทศปลอดคาร์บอนภายในปี2050
#นวัตกรรมแห่งความหวังVSปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ในที่สุดสภา Diet ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โยชิฮิเดะ ชูกะ ก็ประกาศเป้าหมายใหม่ของประเทศ ว่าจะพาญี่ปุ่นไปสู่ประเทศปลอดก๊าซคาร์บอน หรืออย่างน้อยต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้ได้ 80% ภายในปี 2050

ถือเป็นความกล้า และ บ้าบิ่นมาก สำหรับญี่ปุ่น ประเทศที่มีโครงสร้างเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ที่ประกาศจะบรรลุสังคมปลอดคาร์บอนภายใน 30 ปี

ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีนะคะ หากทำได้จริง นับเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ก็มีคำถามคือ ญี่ปุ่นจะมีระเบียบขั้นตอน วิธีการอย่างไร ที่จะไปให้ถึงเป้าหมายดั่งที่ตั้งใจไว้ภายในเวลาแค่ 30 ปี

ถึงแม้จะมีหลายประเทศที่ตั้งธงนโยบาย Zero-Carbon ภายในปี 2050 อาทิ ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน ฮังการี นิวซีแลนด์

แต่ญี่ปุ่นเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นอันดับ 5 ของโลก และพึ่งพาพลังงานจากถ่านหินถึง 1 ใน 3 ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในประเทศ

ส่วนประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุดในโลกตอนนี้คือจีน ที่เขาขอเวลาถึงปี 2060 ที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้ได้ รองลงมาคือสหรัฐ ในยุคของท่านเสี่ยอ่างโดนัลด์ ทรัมพ์ ที่เสี่ยบอกว่า No สน No แคร์ เพราะไม่เชื่อว่าภาวะโลกร้อนมีอยู่จริง แล้วก็ถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงสิ่งแวดล้อม Paris Agreement ไปแล้วนั่นเอง

ดังนั้นจะเห็นว่าญี่ปุ่นอยู่ในโจทย์และปัจจัยที่ยาก ที่ต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เพื่อลดการใช้พลังงานจากถ่านหิน ไปเป็นอย่างอื่นที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเพียงพอต่อการใช้งานในประเทศ

หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน คนญี่ปุ่นคงเชื่อมั่นว่ายังไงก็ทำได้อยู่แล้ว เพียงแค่โยกการใช้โรงไฟฟ้าถ่านหิน มาใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมด ก็น่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไปได้มากโข

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ จัดอยู่ในกลุ่มแหล่งผลิตพลังงานสะอาด หากในแง่ของการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือการเหลือกากของเสียหลังการผลิตถือว่าน้อยมากๆ

ก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่น ก็พยายามลดการพึ่งพาถ่านหิน มาใช้พลังงานทดแทน และ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มมากขึ้น

แต่ทว่าหลังจากเกิดแผ่นดินไหว และทสึนามิในภูมิภาคเซนไดในปี 2011 จนทำให้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมะระเบิด กลายเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ร้ายแรงอีกครั้งหนึ่งของโลก

อีกทั้งปัญหาการกำจัดกาก และน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ที่ต้องใช้เวลานาน และงบประมาณมหาศาล และไม่สามารถการันตีว่าจะไม่มีผลข้างเคียงได้อย่าง 100%

จึงทำให้คนญี่ปุ่นเองก็เริ่มไม่เชื่อมั่นแล้ว หากรัฐบาลจะขยายฐานการผลิตพลังงานด้วยในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นหลัก

ในเมื่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังไม่ใช่ทางเลือกที่ใช่ ดังนั้น นายกฯ ชูกะ จึงประกาศว่า กุญแจสำคัญที่จะพาญี่ปุ่นไปสู่ยุคสังคมปลอดคาร์บอนได้คือ "การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน" รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้กับพลังงานแสงอาทิตย์ แบตตารี่เก็บพลังงานรุ่นใหม่ หรือพัฒนาแหล่งผลิตพลังงานทางเลือกให้มากขึ้น

แน่นอนว่า การประกาศเจตนารมย์ของญี่ปุ่น สร้างความยินดีให้กับนักสิ่งแวดล้อม แต่ทุกอย่างมีราคาของมัน ที่ญี่ปุ่นจะต้องเริ่มเปลี่ยนโครงสร้างนิคมอุตสาหกรรมทั้งระบบ การใช้รถยนต์ในประเทศ ภาคการเกษตร และครัวเรือน ที่ยังใช้พลังงานจากถ่านหิน ปิโตรเลี่ยม และก๊าซธรรมชาติ เป็นหลัก มาใช้พลังงานสะอาดในรูปแบบใหม่ ที่ญี่ปุ่นเขาบอกว่าจะคิดค้นให้ได้ในอนาคตอันใกล้

ยังไงก็ฝากความหวังไว้กับหนึ่งในประเทศยอดนักประดิษฐ์ เจ้าแห่งนวัตกรรมของโลก อย่างญี่ปุ่นที่มักจะออกอะไรมาให้ว้าวอยู่บ่อยครั้ง ในความ "คิดได้ไง" ของเขา ที่คราวนี้จะขอเป็นเสาหลักแถวหน้าในการสร้างสังคมปลอดคาร์บอนให้สำเร็จ เป็นศรีย่านเอเซียของเรานะคะ

แหล่งข้อมูล

https://japantoday.com/category/politics/post-abe-agenda-suga-says-japan-to-go-carbon-free-by-2050

https://www.theguardian.com/world/2020/oct/26/japan-will-become-carbon-neutral-by-2050-pm-pledges

https://www.climatechangenews.com/2019/06/14/countries-net-zero-climate-goal/

https://www.ucsusa.org/resources/each-countrys-share-co2-emissions

https://www.energy.gov/ne/articles/3-reasons-why-nuclear-clean-and-sustainable

 

#มาครงเรียกฑูตฝรั่งเศสกลับประท้วงตุรกี
#ฝรั่งเศสVSโลกมุสลิม

เขม่นแรงจนเรื่องบานปลายกว่าที่คิด ระหว่างประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอมานูเอล มาครง หรือพ่อมาการ็อง หวานกรอบของเรา กับท่านสุลต่าน ราเซป ไทยิป แอโดแกน ผู้นำตุรกี ที่มีเรื่องกระทบ กระทั่ง กันมาตลอดตั้งแต่สงครามกลางเมืองในลิเบีย ที่ฝรั่งเศสแอบสนับสนุนกองทัพกบฏของนายพลคาลิฟาร์ ฮาฟต้า ขณะที่ตุรกีประกาศสู้ตายฝั่งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติของลิเบีย

ไล่มาจนถึงกรณีข้อพิพาทระหว่างกรีซ - ตุรกี ในการแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติในไซปรัส ที่ฝรั่งเศสก็ถือข้างกรีซ และล่าสุด สงครามตัวแทนระหว่างอาร์เซอร์ไบจาน และ อาร์เมเนีย ในพื้นที่เขต นาการ์โน-คาราบัค ที่ฝรั่งเศส และตุรกีต่างก็ถือข้างคนละฝั่งกัน

จนมาล่าสุด ที่มาเกิดเหตุฆาตกรรมโหด ครู แซมูเอล พาตี้ ครูวิชาสังคม ที่โดนฆ่าตัดศีรษะ หลังจากที่เขาพูดถึงประเด็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ด้วยการยกตัวอย่างรูปการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด ที่เคยลงในหนังสือพิมพ์ชาร์ลี เฮบโด ที่เป็นสาเหตุให้ครูพาตี้ กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มหัวรุนแรง จนกลายเป็นคดีเศร้า ที่เคยแชร์ไปเมื่อไม่นานมานี้

และประธานาธิบดีมาครง ก็ออกมาแสดงความเสียใจ และสนับสนุนหลักการสอนของครูพาตี้ แต่นั่นไม่ได้กลายเป็นประเด็นเท่ากับที่ พ่อมาการ็อง ได้กล่าวถึงกลุ่มชาวมุสลิมในฝรั่งเศส ว่าเขาจะเข้าไปคุมเข้มชุมชนชาวมุสลิมทั่วประเทศฝรั่งเศส และจะผลักดันจนออกมาเป็นกฏหมาย และพร้อมจะต่อสู้กับชาวมุสลิมแบ่งแยกดินแดน ที่สร้างปัญหาอยู่ในขณะนี้

นอกจากนี้ มาครงยังคงสนับสนุนหนังสือพิมพ์ ชาร์ลี เฮบโด ในการเผยแพร่การ์ตูนล้อเลียน รวมถึงภาพล้อศาสดามูฮัมหมัดต่อไป ที่ฝรั่งเศสถือว่าเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

เมื่อมาครงประกาศเช่นนี้ ประธานาธิบดีแอโดแกน แห่งตุรกี ก็เหลือจะทน ออกมาพูดสวนว่า คำพูดของผู้นำฝรั่งเศสไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะยิ่งพูด ยิ่งสร้างความเกลียดชังให้ผู้คนในฝรั่งเศสเกลียดชังชาวมุสลิมยิ่งขึ้นไปอีก และบอกว่า มาครงควรไปเข้ารับการเช็คประสาทได้แล้ว

พอได้ยินทาง ท่านสุลต่านแขวะแรงมาอย่างนี้ ผู้นำแดนน้ำหอมจรุง ฟุ้งกระจายอย่างมาครง ก็จะไม่ทน จึงออกคำสั่งเรียกฑูตฝรั่งเศสในตุรกีบินกลับด่วนเป็นการตอบโต้แล้ว

แต่ทว่า เรื่องนี้มันบานปลายเกินกว่าจะเป็นเรื่องบาดหมางกันเฉพาะตุรกี-ฝรั่งเศส เสียแล้ว เพราะโลกมุสลิมประเทศอื่นเริ่มขยับ มาตอบโต้ฝรั่งเศส ที่สนับสนุนการเผยแพร่ภาพล้อผู้นำจิตวิญญาณของชาวมุสลิม โดยการแบนสินค้าของฝรั่งเศส และนำออกจาก Shelf ของห้างสรรพสินค้าทันที

ประเทศที่ประกาศแบนสินค้าของฝรั่งเศสแล้ว ได้แก่ ตุรกี คูเวต กาตาร์ อิยิปต์ แอลจีเรีย จอร์แดน ซาอุดิอารเบีย ตูนิเซีย พร้อมกับขึ้นแฮชแท็กร้อนแรงในโลกโซเชียลว่า #BoycottFrenchProducts

จากคดีของครูพาตี้ เลยลุกลามกลายเป็นเรื่องบาดหมางความระหว่างประเทศ ที่อาจจะไม่หยุดแค่ไม่กี่ประเทศนี้ก็ได้

และหากกลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง ฝรั่งเศส VS โลกมุสลิม ขึ้นมา จะทำให้หลายประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปลำบากใจ เพราะไม่มีใครอยากออกมารับเผือกร้อนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเผือกของฝ่ายตุรกี หรือ ฝรั่งเศสก็ตาม

แหล่งข้อมูล

https://www.aljazeera.com/news/2020...-french-products-online-against-macrons-islam

https://www.france24.com/en/france/...om-turkey-after-unacceptable-erdogan-comments

https://www.theguardian.com/world/2...-after-erdogan-questions-macrons-mental-state

 

29/10/2563/18.00 น."พายุไต้ฝุ่น “โคนี"ตำแหน่ง ล่าสุด 16.8 N 135.8 E มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 70 kts หรือ 130 กม./ซ.ม. เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 17 กม/ซ.ม. คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศฟิลิปปินส์
แล้วจะเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนกลาง
ที่มาข้อมูล jtwc, windy, tsr storm
#เตือนภัยพิบัติโลก

 

ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับประเทศอื่นอาจจะเป็นเรื่องน่าแปลกใจ แต่สำหรับประเทศอิสระเสรีอย่างสหรัฐอเมริกา กลับมีเหตุการณ์ทำนองนี้ให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
.
อย่างล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานว่า สองพี่น้องในรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ ถูกควบคุมตัวในข้อหาพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนา จากการจ้วงแทง 27 แผลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร้านค้า ที่บอกให้สวมหน้ากากอนามัย และใช้เจลล้างมือก่อนเข้าใช้บริการ
.
ทางตำรวจเมืองชิคาโกเผยว่า สองพี่น้องเดินเข้าร้านค้าปลีกแห่งหนึ่งแล้วมีปากเสียงกับ รปภ.ประจำร้านวัย 32 ปี สำนักงานอัยการเทศมณฑลคุ้กระบุในคำฟ้องว่า รปภ.บอกทั้งสองคนว่าต้องสวมหน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือก่อนเข้าร้าน การโต้เถียงกลายเป็นการทำร้ายร่างกายเมื่อเจสสิกา ฮิลล์ วัย 21 ปี ชักมีดออกมาจ้วงแทง รปภ.ที่หลัง คอ และแขนรวม 27 แผล โดยมีเจย์ลา ฮิลล์ น้องสาววัย 18 ปี ช่วยจิกผม และกดตัว รปภ.ไว้
.
ตำรวจเผยว่า ขณะนี้ รปภ.อาการทรงตัว ส่วนสองพี่น้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลทันทีเพราะมีแผลเล็กน้อย ทั้งคู่ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนา บันทึกเรือนจำระบุว่า ทั้งคู่ถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ประกันตัว ศาลกำหนดเปิดการไต่สวนในวันที่ 4 พฤศจิกายน

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.insider.com/chicago-sisters-accused-stabbing-guard-27-times-face-masks-2020-10

https://www.chicagotribune.com/news...0201027-2mggbvdsafhufitfjttqep2s5y-story.html

https://tna.mcot.net/world-573002

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

พบกับเหตุการณ์ระทึกใจ เมื่อเด็กชายวัย 10 ขวบตัดสินใจโทรศัพท์หาสายด่วน 911 เนื่องจากเขากำลังติดอยู่ในรถกับแม่ของเขาที่เมาไม่ได้สติและอากาศในรถก็ร้อนมาก เด็กน้อยไม่อาจพึ่งพาใครได้นอกจากตัวเองและเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุ

 

เครื่องบินขับไล่ไต้หวัน F-5E ตกกลางทะเลระหว่างฝึก นักบินดีดตัวออกมาได้แต่เสียชีวิต
.
.
.
เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – นักบินไต้หวันเสียชีวิตหลังเครื่องบินขับไล่ F-5E เกิดตกลงในทะเลวันพฤหัสบดี(29 ต.ค)ทางฝั่งตะวันออกระหว่างการฝึกตามตาราง เป็นเหตุการตกทางอากาศที่เลวร้ายของไต้หวันในรอบ 3 เดือน
.
เอเอฟพีรายงานวันนี้(29 ต.ค)ว่า นักบิน ชู กวง-เม็ง(Chu Kuang-meng) สามารถดีดตัวออกมาจากเครื่องบินขับไล่รุ่น F-5E ลำที่เกิดเหตุได้สำเร็จ หลังรายงานเครื่องยนต์ขัดข้องไม่นานหลังขึ้นเทคออฟ กองทัพอากาศไต้หวันแถลง
.
อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์พบว่า เครื่องบินที่ตกบินออกมาในเวลา 07.29 น.ของวันพฤหัสบดี(29) และเกือบจะทันทีที่นักบินรายงานความผิดปกติเกิดขึ้น โดยนักบินรายนี้มีสถิติการบินทั้งหมด 703 ชั่วโมง และจากทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 510 ชั่วโมงอยู่บนเครื่อง F-5
.
อย่างไรก็ตามชู วัย 29 ปีสามารถได้รับการช่วยเหลือจากทะเลในสภาพที่หมดสติแต่ไม่สามารถกู้ชีพได้ถึงแม้ได้รับการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์เป็นเวลาหลายชั่วโมง
.
บลูมเบิร์กชี้ว่า เครื่องบินขับไล่ไต้หวันตกเกิดขึ้นในวันนี้(29)ระหว่างที่เครื่องบินกำลังอยู่ระหว่างการฝึกตามตารางเหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกทางตะวันออกของประเทศ
.
ซึ่งการตกครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนสร้างความวิตกต่อฝูงบินรบไต้หวันที่มีอายุการใช้งานมานานเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทเปถูกปักกิ่งท้าท้ายด้วยการส่งเครื่องบินล่วงล้ำน่านฟ้าไต้หวันบ่อยครั้ง
.
หน่วยกู้ภัยออกติดตามค้นหาชูทันทีหลังจากเครื่องบินขับไล่ของเขาตกห่างจากฝั่งตะวันออกของเทศมณฑลไต้ตุง( Taitung county)ไปไม่กี่ร้อยเมตร
.
เครื่องบินขับไล่รุ่น F-5E ของบริษัทนอร์ทรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) ของไต้หวันเข้าประจำการมาตั้งแต่กลางยุค 70 และในเวลานี้กองทัพไต้หวันนำมาใช้เพื่อการฝึกเป็นส่วนใหญ่ สหรัฐฯได้ยกเลิกการผลิตเครื่องบินขับไล่รุ่น F-5 ไปตั้งแต่ปี 1989 ส่งผลทำให้ทางไต้หวันต้องพยายามความหาอะไหล่เพื่อบำรุงรักษาให้เครื่องยังคงขึ้นบินได้ตามปกติ
.
แต่เมื่อปีที่ผ่านมาสหรัฐอยู่ในระหว่างการพิจารณาเริ่มการผลิตชินส่วนของรุ่น F-5 ให้สำหรับไต้หวันโดยเฉพาะ อ้างอิงการเปิดเผยจากบริษัทเจนส์(Janes) ด้านความมั่นคงที่ได้เปิดเผย
.
บลูมเบิร์กชี้ว่า ขณะที่สหรัฐฯปฎิเสธคำขอรัฐบาลไต้หวันในการขอซื้อเครื่องบินรบรุ่น F-35 วอชิงตันอยู่ในความพยายามหาช่องทางปรับปรุงฝูงบินรบของไทเปให้มีความทันสมัยมากขึ้น
.
โดยพบว่ารัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามข้อตกลงขายฝูงเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 66 ลำให้ไต้หวันในเดือนสิงหาคม ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯตัดสินใจขายฝูงเจ็ตลำยุคให้ไต้หวันนับตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ เอช-ดับเบิลยู บุชผู้พ่อ อนุมัติข้อตกลงขายเครื่องบิน F-16 จำนวน 150 ลำในปี 1992
.
ขณะที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา อนุมัติข้อตกลงมูลค่า 5.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2011 เพื่อปรับปรุงฝูงบินรบ F-16 ของไต้หวันที่มีอยู่เดิมจำนวน 140 ลำ
.
ไต้หวันตกเป็นเป้าคุกคามของจีนซึ่งตั้งแต่ต้นปีพบว่า เครื่องบินกองทัพไต้หวันต้องขึ้นสกัดเครื่องบินกองทัพจีนที่ล่วงล้ำเขต ADIZ เป็นเวลา 19 วันติดต่อกันแค่เฉพาะในเดือนนี้ และไต้หวันก่อนหน้าได้ถูกจีนส่งเครื่องบินรบเข้าคุกคามมาตลอด

 

‘อินเดีย’ ติดโควิดทะลุ 8 ล้านคน ยอดตายพุ่ง 1.2 แสน คาดหนาวนี้มีสะพรึง
.
ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอินเดียพุ่งทะยานสู่ 8 ล้านคนในวันนี้ (29 ต.ค.) ขณะที่รัฐบาลเตรียมรับมือไวรัสระบาดหนักซ้ำสองในช่วงเทศกาลและฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
.
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 49,881 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 8,040,203 คนจากประชากรทั้งหมด 1,300 ล้านคน และมีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 120,527 คน
.
ตัวเลขดังกล่าวทำให้อินเดียยังคงรั้งอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 8.85 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตราว 227,000 คน ตามฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์
.
อินเดียเป็นประเทศที่มีอัตราการตายจากโควิด-19 ค่อนข้างต่ำ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ก็มีแนวโน้มลดลง หลังจากที่เคยพุ่งถึงจุดพีควันละเกือบ 1 แสนคนในช่วงเดือน ก.ย.
.
กระนั้นก็ตาม รัฐบาลยังคงเตือนให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมรับมือไวรัสที่อาจระบาดหนักขึ้นในช่วงเทศกาลดิวาลี ซึ่งถือเป็นเทศกาลสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาวฮินดูที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 พ.ย.
.
“ทุกรัฐจำเป็นต้องเตรียมมาตรการเฝ้าระวังในช่วงเทศกาลที่จะมาถึง และยังต้องเฝ้าระวังกันต่อไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน” ฮาร์ช วาร์ธาน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย ระบุในถ้อยแถลง
.
คำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศเมื่อเดือน มี.ค. เริ่มถูกผ่อนคลายลงเรื่อยๆ เนื่องจากรัฐบาลอินเดียเองก็ต้องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเข้มแข็ง หลังจากที่มีประชากรตกงานเพราะพิษโควิดนับล้านๆ คน
.
กรุงนิวเดลีพบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 5,000 คนในวันพุธ (28) ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดตั้งแต่โควิดระบาด ขณะที่ทางการคาดว่าเมืองหลวงอินเดียอาจมีผู้ป่วยรายวันสูงถึง 10,000 คนหากไวรัสกลับมาระบาดรุนแรงอีกระลอก
.
รันดีป กูเลเรีย ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลอินเดีย (All India Institute of Medical Sciences) ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไทม์สออฟอินเดียว่า หากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังไม่ชะลอตัวลง ระบบสาธารณสุขของอินเดียอาจจะรองรับไม่ไหว
.
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการที่ประชาชนออกมารวมตัวเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลีและเทศกาลอื่นๆ ตลอดจนอุณหภูมิที่ลดต่ำลงในช่วงฤดูหนาว อาจทำให้สถานการณ์โควิด-19 ในกรุงนิวเดลีกลับมาเลวร้ายลงอีก รวมถังที่รัฐเกรละ, เบงกอลตะวันตก และเบงกอลตะวันออก ซึ่งยอดผู้ป่วยโควิดเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
.
ในส่วนของนครมุมไบซึ่งได้รับผลกระทบหนักสุดจากโควิด-19 ด้วยจำนวนผู้ป่วยสะสมกว่า 250,000 คน และมีคนตายไปแล้วกว่า 10,000 ศพ เวลานี้ยังคงพบผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่ประมาณ 2,000 คนเศษต่อวัน
.
นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ได้ออกมาเตือนประชาชนเมื่อเร็วๆ นี้ว่า พวกเขาเริ่มที่จะ “ประมาท” และไม่ใส่ใจเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมหรือมาตรการเฝ้าระวังอื่นๆ เท่าที่ควร
.
แม้ห้างร้านและโรงภาพยนตร์ในอินเดียจะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการบ้างแล้ว ทว่าโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ยังคงถูกสั่งปิดในหลายเมือง และเที่ยวบินก็มีให้บริการอย่างจำกัด
.
ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์

 

‘โทนี ชุง’ อดีตแกนนำกลุ่มเรียกร้องเอกราชฮ่องกงโดนข้อหา ‘แบ่งแยกดินแดน’
.
โทนี ชุง (Tony Chung) อดีตแกนนำเรียกร้องเอกราชฮ่องกง ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นเพื่อนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนในวันนี้ (29 ต.ค.) กลายเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนแรกที่ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีน
.
ชุง วัย 19 ปี ถูกนำตัวไปขึ้นศาลแขวงเกาลูนตะวันตกเพื่อรับทราบข้อหาแบ่งแยกดินแดน, ฟอกเงิน และสมคบคิดเผยแพร่เนื้อหาปลุกระดมให้เกิดการต่อต้านรัฐ เพียง 2 วันหลังถูกจับในร้านกาแฟตรงข้ามสถานกงสุลสหรัฐฯ ประจำฮ่องกง
.
ชุง จะถูกส่งตัวไปฝากขังเพื่อรอการไต่สวนครั้งถัดไปในวันที่ 7 ม.ค. เนื่องจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว และหากมีความผิดจริงก็อาจต้องโทษจำคุกตั้งแต่10 ปีจนถึงตลอดชีวิต ส่วนเพื่อนอีก 2 คนที่ถูกจับพร้อมกันได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีเงื่อนไข
.
ชุง เป็นอดีตแกนนำกลุ่ม Studentlocalism ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชจากจีน โดยกลุ่มที่ว่านี้ได้ประกาศยุบตัวก่อนที่กฎหมายความมั่นคงจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ทว่ายังคงทำกิจกรรมเคลื่อนไหวในต่างประเทศ
.
กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่กำหนดระวางโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิตสำหรับความผิดฐานล้มล้างการปกครอง, แบ่งแยกดินแดน, ก่อการร้าย และสมคบคิดต่างชาติ ขณะที่การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองซึ่งเข้าข่ายเรียกร้องเอกราชหรือสนับสนุนให้ฮ่องกงมีอำนาจปกครองตนเองมากขึ้นก็ถือเป็นความผิดอาญา
.
ชุง และอดีตสมาชิกกลุ่ม Studentlocalism อีก 3 คนถูกจับครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ค. ฐานโพสต์ข้อความซึ่งมีเนื้อหาสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนลงสื่อสังคมออนไลน์ และได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา กระทั่งมาถูกตำรวจนอกเครื่องแบบจับกุมอีกครั้งเมื่อเช้าวันอังคาร (27) ขณะอยู่ห่างจากสถานกงสุลสหรัฐฯ ไปแค่ไม่กี่เมตร
.
นักเคลื่อนไหวที่เรียกตนเองว่ากลุ่ม Friends of Hong Kong ได้ออกคำแถลงในเวลาต่อมาว่า พวกเขาพยายามช่วยให้ ชุง เข้าไปยังสถานกงสุลสหรัฐฯ ในวันนั้นเพื่อยื่นเรื่องขอลี้ภัย
.
ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์

 

ทางการมาเลเซียมีคำสั่งให้ตำรวจ 10,000 นายทำการกักตัว หลังพบเจ้าหน้าที่ 200 นายติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษา ซึ่งทำให้การปฏิบัติงานของตำรวจแดนเสือเหลืองในเวลานี้อยู่ในภาวะตึงตัวอย่างหนัก
.
ฮัมซาห์ ไซนุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย แถลงว่า ตำรวจเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเนื่องจากลักษณะการทำงาน และมีคำสั่งแยกกักเจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยงเพื่อยับยั้งการแพร่เชื้อ
.
“โควิด-19 เริ่มแพร่เข้าสู่มาเลเซียเมื่อต้นเดือน ก.พ. และภายในระยะเวลา 7 เดือนมีผู้ติดเชื้อถึง 10,000 คน ทว่าในการระบาดระลอกที่ 3 นี้ เราพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นถึง 11,000 คนในเวลาแค่ 2 สัปดาห์” ฮัมซาห์ ระบุ
.
กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 801 รายในรอบ 24 ชั่วโมงเมื่อวันพุธ (28) ซึ่งทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมในแดนเสือเหลืองเพิ่มเป็น 29,441 คน
.
รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซียย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการอันเข้มข้น ขึ้นอยู่กับว่ากฎหมายสาธารณสุขในปัจจุบันเพียงพอที่จะรับมือการแพร่ระบาดที่กลับมาพุ่งแรงอีกระลอกหรือไม่
.
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์หลายคนชี้ว่าคำสั่งล็อกดาวน์เข้มงวดจะนำไปสู่การปิดประชุมสภาชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้นายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน หลบเลี่ยงการถูกซักฟอกในสภาผู้แทนราษฎรไปได้อีกพักใหญ่
.
“นี่ไม่ใช่เรื่องของการเมือง หรือการช่วยเหลือนักการเมืองบางคนให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่คือการปกป้องชีวิตผู้คน” ฮัมซาห์ กล่าว
.
ที่มา: Straits Times

 

ฟิลาเดลเฟีย'ประท้วงเดือดคืนที่สอง แค้นตร.รุมยิง'คนดำสติไม่ดี'เสียชีวิต

สถานการณ์ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ยังคงตึงเครียดเป็นคืนที่สองเมื่อวันอังคาร (27 ต.ค.) สืบเนื่องจากกรณีตำรวจกระหน่ำยิงชายผิวดำถือมีดที่ญาติบอกว่าเป็นโรคจิตไบโพลาร์ เสียชีวิตในคืนวันจันทร์ (26) ทำให้ชาวเมืองโกรธแค้นและออกไปชุมนุมประท้วงก่อนลุกลามเป็นความรุนแรงและการปล้นห้างร้านในย่านธุรกิจ

หนึ่งคืนหลังเหตุการณ์รุนแรงและการปล้นชิงในย่านเวสต์ฟิลาเดลเฟีย ใกล้ๆ กับจุดที่ วอลเตอร์ วอลเลซ หนุ่มผิวดำวัย 27 ปี ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตเมื่อบ่ายวันจันทร์ มีผู้ประท้วงหลายร้อยคนชวนกันเดินขบวนรอบใหม่เรียกร้องความยุติธรรมด้านเชื้อชาติ ขณะที่ตำรวจและกองกำลังป้องกันชาติเตรียมพร้อมรับสถานการณ์

การเดินขบวนในคืนวันอังคาร (27) เริ่มต้นอย่างสงบเช่นเดียวกับในวันจันทร์ ก่อนที่จะค่อยๆ แปรสภาพเป็นการเผชิญหน้าเมื่อเวลาย่างเข้าสู่ยามวิกาล

ตำรวจฟิลาเดลเฟียเตือนผ่านทวิตเตอร์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงย่านแคสเตอร์และอรามิงโก เนื่องจากมีฝูงชนราว 1,000 คนเข้าไปปล้นในย่านธุรกิจดังกล่าวซ้ำรอยกับเมื่อคืนวันจันทร์

อย่างไรก็ดี การปะทะในวันอังคารมีขนาดและความรุนแรงน้อยกว่าวันจันทร์ที่มีเจ้าหน้าที่ถึง 30 นายได้รับบาดเจ็บ และผู้ประท้วงถูกจับกุมกว่า 90 คน

ทอม วูล์ฟ ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต เรียกระดมกองกำลังป้องกันชาติ ซึ่งเป็นกองทหารระดับท้องถิ่นสังกัดกับรัฐ ให้ไปช่วยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินของฟิลาเดลเฟียรักษาความสงบเรียบร้อย

เหตุรุนแรงในวันจันทร์ปะทุขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการเผยแพร่คลิปที่วอลเลซผลักแม่ของตัวเองและเดินถือมีดเข้าไปหาตำรวจโดยไม่ฟังคำสั่งให้ทิ้งมีด ก่อนถูกตำรวจทั้ง 2 นายกระหน่ำยิงคนละ 7 นัด

ทนายความของครอบครัวเผยว่า ภรรยาของวอลเลซแจ้งกับตำรวจทั้งคู่แล้วว่า สามีของเธอป่วยเป็นโรคจิต “ไบโพลาร์” ก่อนที่ตำรวจจะเผชิญหน้าและยิงวอลเลซ ทั้งนี้ ไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์สองแบบเปลี่ยนแปลงไปมาสลับกัน คือ อารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ และอารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติ

เหตุการณ์นี้ทำให้ฟิลาเดลเฟียเป็นจุดร้อนใหม่ในกระแสประท้วงซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วอเมริกานับจากวันที่ 25 พฤษภาคมที่ จอร์จ ฟลอยด์ ชายแอฟริกัน-อเมริกันที่ไม่มีอาวุธและสวมกุญแจมืออยู่ ถูกตำรวจผิวขาวในเมืองมินนิอาโปลิสนั่งใช้เข่ากดทับลำคอจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต

การประท้วงและการตอบโต้ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทำให้ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติและการใช้ความรุนแรงของตำรวจกลับมาเป็นประเด็นร้อนในศึกชิงทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต

ทรัมป์นั้นสนใจเหตุการณ์รุนแรงเพียงเพื่อใช้สนับสนุนนโยบายการรักษาความสงบเรียบร้อยของตัวเองเท่านั้น และทำเนียบขาวออกคำแถลงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า เป็นผลลัพธ์ล่าสุดจากสงครามระหว่างฝ่ายเสรีนิยมของเดโมแครตกับตำรวจ

ส่วนไบเดนและคามาลา แฮร์ริส ผู้ร่วมทีมที่ลงสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ออกคำแถลงร่วมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของวอลเลซ ก่อนเรียกร้องให้ผู้ประท้วงงดใช้ความรุนแรงและระบุด้วยว่าการปล้นเป็นอาชญากรรมซึ่งเบี่ยงเบนความสนใจไปจากโศกนาฎกรรมที่แท้จริง

ฟิลาเดลเฟียเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามเลือกตั้งที่แนวโน้มยังไม่แน่นอน และผู้สมัครทั้งสองต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตนเองเป็นผู้ชนะในการโหวตวันที่ 3 พฤศจิกายน

จิม เคนนีย์ นายกเทศมนตรีเมืองฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า คลิปวอลเลซถูกยิงทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี เคนนีย์แสดงความเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างรับมือการประท้วง รวมทั้งเจ้าของธุรกิจที่ร้านถูกปล้น

ด้านแฟรงก์ วาโนร์ ผู้บังคับการฝ่ายสอบสวน แถลงว่า ตำรวจเดินทางไปยังที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งว่า มีผู้ชายตะโกนส่งเสียงดังและถือมีด และตำรวจทั้งคู่ยิงใส่วอลเลซคนละ 7 นัด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเนื่องจากคดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน

ส่วนจอห์น แมคเนสบี ประธานฟราเทอร์นัล ออร์เดอร์ ออฟ โปลิส ลอดจ์ 5 ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนตำรวจฟลอริดา ปกป้องตำรวจว่าต้องแก้ไขสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมากและวอลเลซถือมีดเดินเข้าหาด้วยท่าทีก้าวร้าว

ทว่า รูสเวลต์ แบรนต์ ญาติของวอลเลซโต้ว่า เหตุการณ์คงจะจบลงต่างจากนี้มากถ้าตำรวจใช้ปืนช็อตไฟฟ้าแทน