ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Topic : "มาตรฐานการดูแลรักษาท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท."

    ท่อก๊าซธรรมชาติของ ปตท. นั้นสามารถแบ่งได้เป็นแบบบนบกและท่อในทะเล โดยระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติจะเชื่อมต่อแหล่งก๊าซธรรมชาติต่าง ๆ จากแหล่งผลิตในทะเล สู่โรงแยกก๊าซธรรมชาติและลูกค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ บนบก โดยระบบการบริหารจัดการท่อของ ปตท. เป็นไปตามมาตรฐานสากล ASME B31.8 โดยคำนึงถึงความ ทนทาน มั่นคง และต้องคำนึงถึง ประสิทธิภาพในการในการส่งก๊าซธรรมชาติ ว่าสามารถส่งก๊าซธรรมชาติได้เต็มประสิทธิภาพได้ยาวนาน

    -- มาตรฐานความปลอดภัยของระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ --

    1. วัสดุ และข้อกำหนดท่อส่งก๊าซธรรมชาติ
    • เป็นท่อเหล็กกล้า (Steel) ที่มีความแข็งแรงสูงผลิตจากโรงงานที่ได้รับมาตรฐานสากล และผ่านการทดสอบก่อนส่งมอบ

    2. การป้องกันการผุกร่อน
    • ท่อส่งก๊าซฯ ที่ใช้ต้องมีการเคลือบผิวภายนอกท่อ เพื่อป้องกันการผุกร่อน (Corrosion Coating) และ ใช้ระบบป้องกันการผุกร่อนด้วยไฟฟ้า (Cathodic Proection) ซึ่งออกแบบให้มีอายุการใช้งาน 40 ปี

    3. ระบบควบคุมการทำงานระบบท่อฯ และการสื่อสาร
    • ระบบการส่งก๊าซฯ จะถูกควบคุมการทำงานและตรวจสอบโดยผ่าน ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Supervisory Control and Data Acquistion System) หรือระบบ SCADA ที่ศูนย์ปฏิบัติการชลบุรี มีพนักงานควบคุมตลอด 24 ชั่วโมง
    • สถานีควบคุมก๊าซฯ (Block Valve Station) ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลความดัน อุณหภูมิ และปริมาณการไหลของก๊าซฯ เป็นระยะตลอดแนวท่อ ซึ่งหากมีเหตุผิดปกติ อุปกรณ์เปิด-ปิดวาล์วจะทำงานโดยการสั่งการจากศูนย์ปฏิบัติการโดยตรง ผ่านระบบสื่อสารหลัก เช่น ระบบไมโครเวฟ ระบบใยแก้วนำแสง ระบบวิทยุ และโทรศัพท์ ซึ่งจะเชื่อมโยงทุกจุดตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีระบบดาวเทียมเป็นระบบสำรอง

    4. การตรวจสอบท่อ : ใช้รถยนต์ตรวจการณ์ตรวจสอบตามแนวท่อ หรือเดินตรวจตามแนวท่อ เพื่อสังเกตดูร่องรอยของสภาพแวดล้อม และมีการตรวจสอบสภาพภายในท่อด้วยอุปกรณ์กระสวยอีเล็กทรอนิกส์ หรือ Intelligent PIG (PIG : Pipeline Inspection Gauge) ใส่เข้าไปในท่อ และวิ่งตรวจสอบภายในท่อตลอดแนว พร้อมบันทึกข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ผล สามารถระบุตำแหน่งพิกัดเฉพาะจุดที่คาดว่าจะเสียหายก่อนล่วงหน้าและจำเป็นต้องซ่อมแซมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งดำเนินการทุก ๆ 5 ปี

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ***สาเหตุที่เป็นไปได้ของท่อก๊าซระเบิดที่ อ. บางบ่อ ***
    ข้าพเจ้าเพิ่งเห็นข่าว .. เนื่องเพราะในช่วงที่ฉันทำงานที่ไทยปีที่แล้ว ได้แตะโครงการนึง ทำให้ฉันได้ศึกษาพื้นที่ อ. บางบ่อ ในเชิงวิศวกรรมธรณีและอุทกศาสตร์ จึงพอมีความรู้บ้าง สิ่งที่จะเล่า ขอให้ฟังหูไว้หู และสาเหตุที่แท้จริงควรรอ ปตท. แถลง ..ถือซะว่าอ่านเอาเกร็ดความรู้ทั่วไปและวิเคราะห์ควบคู่ข้อมูลหน้างานต่อไป
    .
    เนื่องจากข่าวหลายสำนักรายงานว่า ที่สันนิษฐานตอนแรกว่ารถแบคโฮไปโดนท่อก๊าซนั้น คนขับปฏิเสธเพราะตนไม่ได้อยู่บนรถในตอนเกิดระเบิด ลงมานานแล้ว (ถ้าอยู่บนรถ เค้าคงเป็นคนที่ใกล้จุดระเบิดมากที่สุด แต่เขายังสบายดี) ดังนั้นเหตุที่ท่อก๊าซเกิดรั่ว เราสามารถสันนิษฐานได้ข้อนึงว่า แนวท่ออาจเกิดการทรุดตัว ซึ่งเป็นไปได้เพราะ อ. บางบ่อ นั้นเป็นพื้นที่ที่อัตราทรุดตัวมากที่สุดที่นึงของ กทม/ปริมณฑล ทรุดใกล้เคียงกับสนามบินสุวรรณภูมิทีเดียว (รูป 3) คือเฉลี่ย 90-100 ซม. ในระยะ 34 ปี (พ.ศ 2521 - 2554)
    .
    รูปแรกแสดงชัดเจนว่า อ. บางบ่อ นั้นเป็นพื้นที่มีระดับต่ำที่สุดในภาคกลาง และราวครึ่งนึงต่ำกว่าระดับน้ำทะเล (สีน้ำเงินเข้ม) ที่ชื่อบางบ่อเพราะมีบ่อหรือสระน้ำเป็นหลายร้อยหรือพันบ่อ เพราะน้ำเค็มรุกจากอ่าวไทยผ่านระบบคลองแม่น้ำเล็กๆแถวนั้น (รูป 4 ในกรอบคือทั้งอำเภอ) เข้าไปในพื้นที่ เกิดการท่วมบ่อยๆและถูกพัฒนาเป็นบ่อสระมากมาย ..ที่ปลาสลิดเขามีชื่อเสียง อร่อยไม่เหมือนที่อื่น เพราะปลาพวกนั้นได้อาหารตามธรรมชาติที่เกิดในน้ำกร่อยเป็นเอกลักษณ์
    .
    ในรูป 2 จะเห็นว่าทั้งอำเภออยู่ในโซน F คือมีชั้นดินเหนียวของเดลต้าเจ้าพระยาหนาที่สุดกว่าพื้นที่อื่นใดใน กทม./ปริมณฑล ..เมื่อชั้นดินเหนียวหนามากก็เกิดการบีบอัดตัว ทรุดตัว (packing or consolidation) ได้มากเช่นกัน เนื่องจากรับน้ำหนักตัวเอง ตามรูป 3 ..ในข่าวรายงานว่า ท่อที่ระเบิดนั้นมีอายุ 25 ปี และยังไม่หมดอายุใช้งาน นั่นคือไม่สึกกร่อน แต่ๆๆ หากเกิดปัญหาพื้นที่ทรุดไม่เท่ากัน แรงกระทำต่อแนวท่อ(เพราะแรงโน้มถ่วง) จะมากพอให้ท่อหรือรอยต่อท่อชำรุดได้ ไม่ว่าท่อจะยังใหม่ดีอยู่ก็ตาม เช่นหากเกิดการหย่อนโค้ง (sagging) ก็จะเกิดความเครียดแบบดึงในด้านล่างของท่อ ... อายุการใช้งาน 25 ปี คร่าวๆ บริเวณนั้นก็คงทรุดตัวราว 70-80 ซม. มากน้อยตามพื้นที่ ซึ่งอาจจะมากพอที่จะทำให้แนวท่อบิดตัว ท่อเหล็กหนักเสียด้วย ท่ออยู่ลึกลงไป 5 เมตร
    .
    (เรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่ได้มโนไปเอง พอเขียนบทความเสร็จ พบว่าเมื่อ 6 ปีก่อน มีเหตุการณ์ท่อก๊าซระเบิดในอินเดีย คนเสียชีวิต 15 คน และศาสตราจารย์มหาลัยอันทรา กล่าวว่า สาเหตุเพราะพื้นที่เป็นแอ่งทรุดตัว และว่าสาเหตุนี้โดยเฉพาะหากกระตุ้นด้วยการขุดหลุมขนาดใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งจะเกิด soil disturbance ในระแวกนั้น เป็นสาเหตุบ่อยกว่าเพราะท่อก๊าซสึกกร่อนถึงสามเท่า อาจบังเอิญที่ท่อก๊าซระเบิดเพราะดินทรุดตัวที่นั่นได้วางท่อมา 20-25 ปี เช่นเดียวกัน และว่ามีรายงานสาเหตุเดียวกันนี้ (ดินทรุดตัวหรือถูกรบกวนจากการขุดขนาดใหญ่)ในประเทศอื่นๆเช่นกัน ดูลิ้งค์ข่าวได้ข้างล่าง)
    .
    การวัดสำรวจระดับผิวดินในพื้นที่แนวท่อเป็นประจำจึงสำคัญ และหากทรุด สามารถแก้ไขโดยการ grout ด้วยดินเสริมลงไปใต้ดินหรือทำเสริม support ให้แนวท่อตรง
    .
    ถนนหนทางแถวบางบ่อต้องใช้วิธีธรณีเทคนิคขั้นสูงมากๆ ไม่งั้นจะทรุดเป็นแนวได้ (ระดับน้ำใต้ดินก็อยู่สูง ใกล้ทะเล เกิด pore pressure ดันคันดินได้) ตึกอาคารแถวนั้นก็ต้องตอกเสาเข็มลึกมากๆ หลายสิบเมตรให้ถึงชั้นหินแข็ง จะได้ไม่ทรุด แน่นอนว่า การวางแนวท่อเหล็กที่น้ำหนักมากทำได้ลำบาก เรื่อง pore pressure (คือความดันเนื่องจากน้ำใต้ดินในช่องว่างเม็ดดิน) นี้สำคัญและอาจกระทบต่อแนวท่อได้เพราะมันลดการต้านแรงเฉือนของดิน
    .
    ตามหลักสากลแล้ว ในการวางท่อก๊าซหรือน้ำมัน วิศวกร/นักธรณีที่รับผิดชอบต้องมองหาความเสี่ยงอันเนื่องจากการทรุดตัว (subsidence threats) ในพื้นที่ที่แนวท่อผ่าน หรือการเสี่ยงแผ่นดินไหวที่อาจทำให้ดินบางชนิดมีพฤติกรรมเป็นของเหลวชั่วขณะ (liquefaction) ดังที่ตึกรามถล่มในเม๊กซิโกซิตี้ในอดีต ถ้าเกิดกับแนวท่อก็คดงอ ชำรุดได้
    .
    เนื่องจากพื้นที่นี้ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โลจิสติกส์มันเลยดี มีอุตสาหกรรมผุดขึ้นมากมาย แต่พื้นที่ต่ำต้องระวังหลายเรื่อง ในตอนน้ำท่วมปี 2554 ก็รับไปเต็มๆ โรงงานต่างๆจึงต้องทำทำนบกันน้ำท่วมพื้นที่ตัวเอง แต่เมื่อน้ำผ่านไปลงอ่าวไทยไม่ได้ก็ไหลอ้อมไปท่วมที่โรงงานอื่น บ้านคนอื่นแทน ..ในระยะยาว ไม่ควรมีนิคมอุตสาหกรรมไปก่อตั้งหนาแน่นนัก เพราะในเชิงวิศวกรรมแล้ว ไม่ค่อยเหมาะสม เจอแบบปี 54 ก็ท่วมนาน.. เหตุการณ์ท่อแก๊ซระเบิดอาจเป็นสิ่งนึงที่เตือนใจเราถึงชั้นดินเหนียวเดลต้าตามธรรมชาตินี้
    .
    ขอแสดงความเสียใจกับชาวบ้านด้วยค่ะ
    .
    Edit: โพสอัพเดทอีกปัจจัยนึง


    ดร. ไพลิน ฉัตรอนันทเวช

    ข่าวในอินเดีย
    https://www.deccanchronicle.com/140...X7zYzBbSF6IkjsXrVINgO8Xy2Hb78wvC_38PPW2Ttuudc

    หากใครสนใจวิชาการเกี่ยวกับความเสี่ยงของการทรุดของพื้นที่ต่อการวางท่อก๊าซ (อังกฤษ)
    https://blog.applus.com/identifying...vity or material failure,also can play a role

    ขอบคุณรูปจากกรมแผนที่ทหาร และ GERD วิศวกรรมโยธา ม. เกษตรอินทรีย์ยั่งยืน ทำทันที

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #สิ่งที่ไม่แน่นอนคือความแน่นอนสิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน
    ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม 2563
    (จบตาพายุหมุนเขตร้อน)ติดตามหลังจากพายุโมลาเบผ่านพ้นไป อัพเดทปลายเดือนตุลาคม ต้นเดือนพฤศจิกายน คาดว่าลูกนี้จะตามตูดมาติดๆ ก่อตัวในทะเลจีนใต้ตอนกลาง โดยเคลื่อนที่ตามลูกศรด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ เคลื่อนตัวเข้าเวียดนามตอนใต้ ทะลุเข้าประเทศกัมพูชา windy.com #ภาคใต้อาจจะมีเสียวในปีนี้

    นี่เป็นข้อมูลคร่าวๆยังไม่แน่นอนจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่เกิดก็ได้ ข้อมูล gfs อเมริกา
    อัพเดทล่าสุด 24 ตุลาคม 2563

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [ANALYSIS] - เช้านี้หลายท่านคงได้เห็นสื่อหลายแห่งรายงานว่า #Tesla ประกาศผลกำไรไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่คาด และกลายเป็นการทำกำไรได้ 5 ไตรมาสติดต่อกัน ส่งผลให้ราคาหุ้นยังคงยืนอยู่ในราคาที่สูงกว่าที่หลายๆฝ่ายคาดได้

    ทางเราไม่ได้รายงานข่าวนี้ออกไปตั้งแต่เช้าเพราะว่า #กำไรในไตรมาสนี้คงไม่สำคัญอะไรกับนักลงทุนระยะยาว และทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องที่แฟนเพจเราคงคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า Tesla จะสามารถจะทำกำไรได้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์กับเราแต่อย่างใด และคงไม่มีบริษัทรถยนต์ไหนในโลกจะเข้ามาเป็นคู่แข่งของ Tesla ได้

    #จุดเปลี่ยนที่แท้จริงของอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเข้ามาเร็วกว่าที่เราคิด และ Tesla ก็กำลังจะเข้ากินส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ

    ทำไมทางเพจถึงไม่สนใจกำไรในไตรมาสนี้ ?

    อย่างที่ทางเพจเคยแชร์มุมมองของหัวหน้ากองทุน Baillie Gifford กองทุนใหญ่ระดับโลกที่บริหารเงินมากถึง 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และได้ถือหุ้น Tesla เป็นสัดส่วนมากที่สุดในกอง Baillie Gifford Positive Change Fund ได้ออกมากล่าว #แนะนำนักลงทุนทุกท่านว่า

    “สำหรับพวกเรามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นคือความสามารถในการสร้างรายได้ในระยะยาวของธุรกิจ แต่ตลาดส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญแต่กับรายได้ที่บริษัทจะได้รับในไตรมาสถัดไป ซึ่งเรามองว่ามันมีมูลค่าเพียงเล็กน้อยมาก" Tom Slater หัวหน้ากองทุนกล่าว

    เพราะฉะนั้นทางเพจจึงไม่ได้ให้น้ำหนักอะไรมากกับข่าวนี้ เพราะมูลค่าของหุ้น Tesla นั้นคือการเติบโตในระยะยาว

    ทำไมการประกาศผลกำไรที่ดีกว่าคาดถึงไม่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น ?

    การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นนั้นยากที่จะเดาได้ เพราะปัจจัยที่กระทบนั้นไม่ได้มีแค่ข่าวแต่เป็นมาจากแรงซื้อและแรงขายเป็นส่วนใหญ่ ดั่งคำกล่าวที่ว่า "ในระยะสั้นราคาหุ้นจะเป็นไปตามความคิดเห็นของตลาด แต่ในระยะยาวแล้วราคาหุ้นจะเป็นเครื่องชั่งน้ำหนัก"

    เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครทราบความคิดเห็นของคนหลายล้านคนในระยะสั้นได้ บางครั้งการที่มีข่าวดีออกมาอาจทำให้นักเก็งกำไรหลายท่านเทขายหุ้น เพราะปัจจัยที่พวกเขาเก็งอยู่นั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว

    แต่ในระยะยาวความสามารถของบริษัทที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมในหลายๆด้านเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ประกอบกับการนำของผู้นำที่มุ่งมั่นอย่าง Elon Musk จะเป็นตัวตัดสินราคาหุ้นในอนาคต และ #ทางเพจยังคงเชื่อมั่นกับการเติบโตของ Tesla

    ผลประกอบการในครั้งนี้ยังสื่อถึงแค่เพียงธุรกิจรถยนต์ของ Tesla แต่มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น Tesla นั้น อยู่ที่การเติบโตในธุรกิจอื่นๆ

    สิ่งที่นักวิเคราะห์หลายสำนักพยายามจะคำนวนออกมาคือ รายได้จากการขายรถของ Tesla นั้นทำกำไรได้แค่ไหน ? และจึงนำไปคำนวนมูลค่าหุ้นพื้นฐานของ Tesla #นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เราควรทำในช่วงอดีต หรือช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในช่วง 10 ปีข้างหน้านั้นตัวเลขเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์ต่อการคำนวนมูลค่าหุ้นของ Tesla เลย

    1️⃣ Tesla นั้นได้เอาชนะในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกแล้ว

    2️⃣ Tesla นั้นไม่มีคู่แข่งในตลาดรถยนต์

    3️⃣ Tesla มีเทคโนโลยีนำคู่แข่งไปแล้ว 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย

    4️⃣ Tesla มีสถิติที่สามารถขยายโรงการและผลิตรถยนต์ออกมาได้ตามแผนตามขั้นตอนทุกอย่าง

    เพราะฉะนั้นเราแทบจะไม่จำเป็นต้องติดตามข้อมูลในส่วนของการผลิตและขายรถยนต์เหล่านี้อีกต่อไปแล้ว

    สิ่งที่ทางเพจอาจจะให้น้ำหนักมากกว่าและพยายามติดตามต่อไปนี้ ในธุรกิจของ Tesla คือ

    1️⃣ ความคืบหน้าของระบบรถอัตโนมัติ Autonomous Driving

    2️⃣ ระบบแท็กซี่อัตโนมัติ Robotaxis ใกล้จะออกมาหรือยัง ?

    3️⃣ ความคืบหน้าในเรื่องเทคโนโลยีของแบตเตอรี่

    4️⃣ ความคืบหน้าของระบบ Powerwall หรือที่เก็บแบตเตอรี่สำหรับใช้ทั้งบ้านของคุณ

    5️⃣ ความคืบหน้าของธุรกิจประกันที่ Tesla เตรียมปล่อยออกมา Disrupt ธุรกิจประกันทั่วโลกด้วยข้อมูลการขับขี่ที่ละเอียดมากกว่าหลายเท่า

    6️⃣ และธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย อย่างที่ได้แชร์บนเพจเรื่อยๆ

    นี่คือความคืบหน้าต่างๆที่ทางเพจอยากแนะนักลงทุนรุ่นใหม่เข้ามาติดตาม #เพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีมากของนักลงทุนไทย ที่อาจจะได้เริ่มลงทุนในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอนาคตตั้งแต่เนิ่นๆ

    นักลงทุนท่านใดสนใจมาร่วมกลุ่ม #LINE เพื่อติดตามและแลกเปลี่ยนข่าวสารเรื่องการลงทุนในหุ้น #Tesla ในมุมที่กล่างมาข้างต้นโดยเฉพาะ

    เพียงแค่เลือกแชร์โพสต์ที่เราเขียนเรื่อง Tesla หรือ Elon Musk ของเรา 3 โพสต์แล้วส่ง Inbox - Screenshot รูปที่แชร์ทั้งหมดเข้ามาครับ เดี๋ยวทางเราจะ Invite เข้าไปครับ เรามีความตั้งใจจะรวมกลุ่มนักลงทุน Tesla ในไทยเข้ามาไว้ด้วยกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก

    ส่วนนักลงทุนท่านใดยังสนใจผลประกอบการของ Tesla ในไตรมาสที่ผ่านมา ทางเพจก็ยังได้ยืมข้อมูลมาแชร์ให้ครับ

    Tesla มีรายได้รวม 274,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 261,584 ล้านบาท โดยสัดส่วนของรายได้มาจาก

    1️⃣ ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า 238,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% (มีรายได้จากการขายเครดิตคาร์บอนให้บริษัทรถยนต์รายอื่น 12,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196%)

    2️⃣ ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (แผงโซลาร์) และระบบจัดเก็บข้อมูล 18,117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44%

    3️⃣ บริการและรายได้อื่นๆ 18,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%
    บริษัท มีกำไรจากการดำเนินงาน 25,314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210% และมีกำไรสุทธิ 10,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% เมื่อเทียบกับปีก่อน

    ไตรมาสนี้ Tesla ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้สูงกว่าความคาดหมายของนักวิเคราะห์เล็กน้อย โดยส่งมอบได้ 139,300 คัน (นับเป็นสถิติใหม่ของบริษัท) เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น Model 3 และ Y จำนวน 124,100 คัน, Model S และ X จำนวน 15,200 คัน

    Tesla คาดการณ์ว่าทั้งปี 2020 บริษัทจะส่งมอบรถได้ประมาณ 477,750 - 514,500 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 30-40% เมื่อเทียบกับปีก่อน

    นอกจากนี้ บริษัท มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 39,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% ซึ่งค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ออสติน เท็กซัส, สหรัฐฯ และ เบอร์ลิน, เยอรมนี โดยโรงงานแห่งใหม่ทั้ง 2 จะเริ่มกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ภายในปีหน้า (ข้อมูลจาก Market Think)

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว วิกฤตหนักมาก!!!! เลขาธิการสมาพันธ์ SME ไทยขอภาครัฐ ช่วยตั้งกองทุนแก้หนี้เสีย หรือ NPL เพื่อฟื้นฟูหนี้เสียในระบบ

    โดยเรื่องนี้ นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช เลขาธิการสมาพันธ์ SME ไทยเปิดเผยว่า วิกฤต COVID-19 รวมถึงปัจจัยความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SME ไทยทรุดหนัก ต้องปิดกิจการและโดนยึดทรัพย์จำนวนมาก ซึ่ง SME ที่หายไปคือตำแหน่งการจ้างงานที่หายไปด้วย ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในประเทศก็ไม่ดีขึ้น กำลังซื้อลดต่ำ ตัวเลขผู้ว่างงานพุ่งสูง จำนวนธุรกิจที่ต้องปิดกิจการลงหรือต้องมีการยืดหรือพักชำระหนี้กันประมาณ 2 ล้านล้านบาท รวมกว่า 1 ล้านบัญชีหรือ 1 ล้านราย ก็ต้องรอดูว่าหมดไตรมาสนี้ตัวเลขหนี้เสีย NPL จะเป็นอย่างไร

    ** “เรื่องโครงการปรับโครงสร้างหนี้จะเห็นในกลุ่มที่ปรับได้ กับกลุ่มที่ไม่ไหวจริงๆ ซึ่งกลุ่มที่ไม่ไหวจริงๆ นั้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยหลือ SME ก็ยังมองไม่เห็นว่าจะช่วยอย่างไร โดยที่ผ่านมา นโยบายรัฐจะช่วยเฉพาะคนที่ไหว ไปต่อได้ คนที่ไปต่อไม่ได้-ภาครัฐควรมีมาตรการถึงกลุ่มนี้ให้เขาเดินต่อได้ด้วย คิดว่ารัฐบาลต้องมีการตั้งกองทุนเพิ่มสภาพคล่อง เป็นลักษณะของการทำให้ SME ที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนปกติสามารถเข้าถึงแหล่งทุนรัฐและพาณิชย์ปกติได้”

    นายแสงชัยระบุอีกว่า สำหรับ SME ที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนแต่ยังพอไปได้ ควรได้กองทุนที่บริหารแยกอีกยูนิตเข้ามารองรับ ปัจจุบันมี SME จำนวนมากเข้าไม่ถึงแหล่งทุน ทำให้เข้าไปอยู่ในวังวนของหนี้นอกระบบจนเพิ่มพูนหนี้เสีย โดยอาจจะออกเป็นตัวเงินกู้จำนวนไม่เยอะต่อราย เช่น ไม่เกิน 1 ล้าน หรือ 5 แสนบาท ส่วนกองทุนฟื้นฟูกลุ่มเฝ้าระวังและ NPL เป็นกลุ่มที่จากเดิมเคยถูกยึดหลักประกันและขายทอดตลาด ต้องมีมาตรการมาช่วยรองรับกลุ่มเหล่านี้บ้าง รัฐบาลมีเงินอัดฉีดพยุงหุ้นกู้ มีเงินช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้ภาคธุรกิจมูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป แต่ยังไม่เห็นการช่วยเหลือ SME ควรทำอย่างไรให้มีหลักประกันที่มีกับธนาคาร เมื่อเขาเป็น NPL แต่ยังได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม จึงอยากผลักดันให้ภาครัฐตั้งกองทุนฟื้นฟู NPL ที่สามารถช่วยพยุงหรือยืดระยะเวลาเป็นหลักประกันให้ตั้งหลักได้ก่อน 1-3 ปี โดยดึงเข้ามาลงทะเบียนเข้าระบบ และเจรจาพูดคุยปรับโครงสร้างหนี้

    “ตอนนี้มาตรการที่ภาครัฐช่วยธุรกิจขนาดใหญ่ เรามองเห็นแล้ว แต่สำหรับ SME ยังมองไม่เห็น ส่วนกองทุนสินเชื่อใหม่หรือ Soft loan ที่มีนั้นใช้ไปเท่าไร เหลืออยู่เท่าไร หุ้นกู้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์กล้าใช้หรือไม่ สามารถนำมาช่วยเหลือ SME ได้หรือไม่”

    “เราพยายามผลักดันอีกอย่างคือกองทุน 3 หมื่นล้านของประกันสังคมที่จะมาช่วยภาคธุรกิจ เราผลักดันว่าเป็นแนวคิดที่ดี แต่แนวปฏิบัติเป็นอุปสรรค เราอยากให้กองทุนนี้ตั้งมาแล้วใช้งานได้จริง ซึ่งตอนนี้ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ออกมาหลายเดือน แต่เงินไม่ไปไหนเลย ควรให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ให้ไปเลย 5 % 10% ให้เขาอยู่ได้ เพื่อให้เขารักษาธุรกิจให้ไปต่อได้ หรือส่งเงินเข้ากองทุน 1 ล้าน ออกใบรับรองให้สามารถไปยื่นกู้เงินกับธนาคารได้โดยดูอัตราการจ้างงานประกอบด้วย จากเดิมที่ใช้แค่ EXIM BANK กับยูโอบี ก็ใช้ธนาคารรัฐเข้ามาร่วมด้วย ตอนนี้ บสย. (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) ก็เข้ามาช่วยค้ำประกันด้วย”.
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำรวจกัมพูชาเข้าสลายการชุมนุมประท้วงบริเวณใกล้กับสถานทูตจีนที่กำลังต่อต้าน “แผนการเพิ่มกองทัพจีนในประเทศ” ขณะที่ตำรวจได้ทำการควบคุมตัวผู้ชุมนุมบางคนเพื่อทำการสอบปากคำด้วย
    .
    “เราไม่ต้องการทหารจีนในกัมพูชา” ผู้ประท้วงคนหนึ่งตะโกนพร้อมโบกธงกัมพูชา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศให้สลายการชุมนุมภายใน 5 นาที
    .
    นาย San Sok Seyha โฆษกตำรวจประจำกรุงพนมเปญกล่าวว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวถูกนำตัวไปสอบสวนเนื่องจากการชุมนุมดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกล่าวว่า “เราจำเป็นต้องปกป้องสถานทูตของจีนและรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนทุกคน”
    .
    โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุได้บอกให้นักข่าวบางคนลบรูปภาพและวิดีโอของการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ออกไป
    .
    การประท้วงที่เกิดขึ้นนี้จัดขึ้นโดยพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ถูกยุบไปเมื่อปี 2017
    โดยพรรค CNRP ถูกศาลสั่งยุบตามคำร้องของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน โดยเขากล่าวหาว่าพรรค CNRP วางแผนที่จะยึดอำนาจเขา โดยได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ซึ่งทางสถานทูตสหรัฐฯในกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว
    .
    ที่ผ่านมารัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธรายงานหลายครั้งว่าจีนบรรลุข้อตกลงลับที่จะให้กองกำลังเข้าประจำการที่ฐานทัพเรือเรียมโดยกล่าวว่าการเป็นเจ้าภาพกองกำลังต่างชาติจะขัดต่อรัฐธรรมนูญของกัมพูชา
    .
    กัมพูชาถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย เป็นพันธมิตรที่สำคัญของจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและกำลังถูกกล่าวหาว่า มีการให้อิทธิพลทางทหารแก่จีนเพื่อตอบแทนการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ แต่ทางกัมพูชายืนยันว่านโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของพวกเขายังคงเป็นอิสระ
    .
    เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
    .
    Source : https://www.scmp.com/news/asia/sout...reaks-anti-china-protest-capital-over-alleged
    .
    #ThailandState #ThailandStateUpdate

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ CDC องค์กรระดับต้นๆของโลกเพิ่งจะออกคำแนะนำให้คนอเมริกันสวมหน้ากากตลอดเวลา ขณะเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ รถเมล์ รถแท็กซี่ รถไฟ รถไฟฟ้า รถใต้ดิน เรือ เครื่องบิน รวมทั้งขณะอยู่ในสถานีรถโดยสาร รถไฟฟ้า ท่าเรือ สนามบิน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 (ดูรูป) ทั้งๆที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีคนป่วยและเสียชีวิตจากโรคไวรัสโควิด-19 อันดับ 1 ของโลก และกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดใหญ่ระลอกที่ 2

    ที่เป็นเช่นนี้เพราะตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทำเนียบขาวเชื่อว่าหน้ากากอนามัยไร้ประโยชน์ เข้ามาแทรกแซงการทำงานของ CDC โดยตลอด

    1 วันก่อนหน้าที่ CDC จะออกคำแนะนำนี้ สมาคมโรคติดเชื้อของประเทศสหรัฐอเมริกา Infectious Disease Society of America ได้ออกมารณรงค์ผ่านสื่อให้คนอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยมากขึ้น (ดูรูป)

    คนไทยต่างจากคนอเมริกันร่วมมือร่วมใจกันใส่หน้ากากอนามัยตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของไวรัสโควิดตั้งแต่เดือนมีนาคม เราจะเห็นผู้โดยสารทุกคนในรถไฟฟ้าสวมหน้ากากอนามัย

    ในปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลกให้ความสําคัญของการสวมหน้ากากอนามัยในการลดการป่วยและการตายจากโรคไวรัสโควิด-19

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระบาดหนักกว่าโควิด ก็ RSV

    อาการหนัก ระบาดหนัก ช่วงนี้

    คนไข้เด็กทั่วประเทศทั้งรพ.รัฐ เอกชน
    คลินิก รพ.สต.

    ป่วยด้วย ไข้หวัด หลอดลมอักเสบ
    ปอดอักเสบจาก

    เชื้อไวรัส RSV (อาร์เอสวี)

    เยอะมากๆ

    แน่นทุก รพ.

    อาการ ไข้ ไอ เสมหะ หอบเหนื่อย

    การรักษา ตามอาการ

    ไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะ ทั้งกินและฉีด
    ไม่มีวัคซีน

    การรักษาคือ พ่นยา ดูดเสมหะ ให้ออกซิเจน
    ให้สารน้ำ ยาลดไข้

    การพยากรณ์โรค มีตั้งแต่ไม่รุนแรง หวัด ไอ น้ำมูก
    จนไปถึง ปอดอักเสบ หายใจล้มเหลว

    การป้องกัน ที่พอจะช่วยได้

    1)หลีกเลี่ยงไปชุมชน หรือ ใกล้ผู้ใหญ่ เด็กที่ป่วย
    2)วัคซีนโรคอื่นๆที่พบร่วมได้ เช่น ไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไอพีดี
    3)รักษาความอบอุ่น ช่วงนี้อาการเย็น หนาว
    4)คนมีโรคประจำตัวเช่น หอบหืด โรคหัวใจ โอกาสติด RSV แล้วอาการรุนแรงกว่าเด็กทั่วไป ต้องระวัง อย่าขาดยาประจำ ป่วยรีบมาพบแพทย์
    5)ล้างมือ สวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง ป้องกัน RSV ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบได้ มาตรการเดียวกับป้องกันโควิด

    ❤️ให้กำลังใจผู้ปกครอง
    และเจ้าหน้าที่ ดูดเสมหะ พ่นยาวนไป

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ไหวไหมไทยแลนด์!!! การเมืองไทยที่ร้อนแรงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้สื่อต่างชาติลงบทความเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากโคโรนาไวรัสอยู่แล้วก่อนหน้านี้

    The Wall Street Journal ของสหรัฐฯรายงานว่า ในปีนี้ดัชนี MSCI Thailand index ที่สะท้อนตลาดหุ้นไทยสำหรับนักลงทุนต่างชาติลดลงเกือบ 30% หากคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์ ถือว่าย่ำแย่กว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนั้น การลงแรงเกิดขึ้นไม่นานนี้ หากพิจารณาว่าจากต้นปีจนถึงเดือนมิถุนายน MSCI Thailand index ลดลงไปเพียง 10% ขณะเดียวกัน NikkeiAsia อ้างการประเมินของนักวิเคราะห์บางรายที่ระบุว่า การอ่อนตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจรุนแรงกว่าช่วง 'วิกฤติต้มยำกุ้ง' ที่เกิดหลังไทยลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งในตอนนั้นจีดีพี ปี พ.ศ. 2541 หดตัว 7.6%

    The Wall Street Journal ระบุว่า หากสมมุติว่าไม่มีแรงกดดันจากปัจจัยทางเมือง เศรษฐกิจไทยก็เผชิญกับสิ่งท้าทายที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ 'วิกฤติต้มยำกุ้ง' อยู่แล้ว และอ้างการพยากรณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่ว่า จีดีพีของไทย ณ สิ้นปีหน้าอาจลดลง 3% หากเทียบกับขนาดเศรษฐกิจเมื่อสิ้นปีที่แล้ว

    ** หากเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค การคาดการณ์นี้ของไอเอ็มเอฟชี้ว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นการลดลงที่รุนแรงกว่าคู่แข่งของไทย อนึ่ง สื่อฉบับนี้ยังบอกด้วยว่า นอกจากภาคการท่องเที่ยว สถิติที่น่ากังวลยังเห็นในภาคยานยนต์อีกด้วย.

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้มีรายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า ความขัดแย้งจากข้อพิพาททางทะเลของ 2 ประเทศในยุโรปอย่างกรีซ และตุรกี มีทีท่าว่าจะบานปลาย และพร้อมจะเกิดการปะทุในเวลาอันใกล้
    .
    เมื่อกองทัพเรือกรีซยกระดับการเฝ้าระวังเป็นระดับสีส้ม โดยมีคำสั่งให้เรือรบล้อมเกาะคัสเตลโลริโซ และเกาะใกล้เคียงอื่นๆ ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างกรีซกับตุรกีในทะเลอีเจียน เพื่อปกป้องดินแดนของกรีซไม่ให้ตุรกีเข้ามาสำรวจก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเลียม
    .
    การยกระดับการเฝ้าระวังของกรีซเกิดขึ้นหลังจากเรือสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ Oruc Reis ของตุรกี แล่นอยู่ห่างจากเกาะคัสเตลโลริโซ 14 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่ใกล้ที่สุดที่เรือของตุรกีเคยแล่นผ่านในช่วงที่เผชิญหน้ากัน และจากนั้นเรือของตุรกีได้แล่นเข้าไปในพื้นที่พิพาทที่เรือรบและเรือดำน้ำของกรีซเฝ้ารักษาการณ์อยู่
    .
    รายงานข่าวระบุว่าเรือของกรีซกว่า 60 ลำลอยลำอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อจับตาความเคลื่อนไหวของเรือต่างๆ โดยทางตุรกีส่งเรือสำรวจ Oruc Reis ไปยังเกาะพิพาทอีกครั้งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากเพิ่งเรียกเรือดังกล่าวกลับจากภารกิจสำรวจที่หวุดหวิดทำให้กรีซและตุรกีเปิดศึกแย่งชิงก๊าซธรรมชาติกันก่อนหน้านี้
    .
    ด้านอเล็กซิส ปาปาเคลาส นักวิเคราะห์นโยบายด้านการต่างประเทศและกลาโหมจากหนังสือพิมพ์ Kathimerini ของกรีซเตือนว่า การเสริมกำลังของกองทัพเรือกรีซเป็นการเพิ่มความตึงเครียดซึ่งเข้าทางตุรกี
    .
    โดยการยกระดับ และการเผชิญหน้ากันครั้งนี้ยิ่งทำให้ความพยายามของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในการหาทางให้ทั้งสองประเทศหันหน้าไกล่เกลี่ยกันยุ่งยากยิ่งขึ้น

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.arabobserver.com/greece-puts-its-warships-alert-in-southeast-aegean/

    https://www.posttoday.com/world/636257

    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ❗️ #โควิดฮ่องกงวันนี้ (24 ตค)
    ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด +5, ติดในฮ่องกง +1
    .
    #เคสต่างประเทศ 4 คน
    มาจากฝรั่งเศส อินโดนีเซีย ปากีสถาน และอังกฤษ
    .
    #เคสในฮ่องกง 1 คน (ไม่ทราบต้นตอ)
    - ชายวัย 56 ปี บ้านพักอยู่ที่ Quarry Bay ทำงานอยู่ที่ Mong Kok
    - เริ่มป่วยวันที่ 21 ตค หาหมอวันที่ 22 ตค ตรวจพบเชื้อโควิด
    .
    อื่นๆ รายงานพรุ่งนี้เช้าค่ะ
    .
    #eatlike852 #covid19hongkong

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    24 ต.ค.63 - ที่เกาะสะระนีย์ จ. ระนอง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันโควิดของ กองกำลังเทพสตรี (กกล. เทพสตรี )บริเวณชายแดนจ.ระนองว่า ได้ดูแลป้องกันการข้ามไปมาระหว่างชายแดน เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่ในช่วงระบาดของเชื่อโควิด-19 เพิ่มขึ้นรวดเร็ว ดังนั้นนโยบายรัฐบาลคือไม่ให้คนข้ามเขตแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตก
    .
    ทั้งนี้ จ.ระนองมีชายแดนติดกับเพื่อนบ้านทั้งทางบก และทางทะเล คนสองฝั่งไปมาหาสู่กันใช้ชีวิตประจำวันค้าขาย รวมทั้งการท่องเที่ยว ซึ่งฝั่งตรงข้ามจ.ระนอง คือ จ.เกาะสอง ซึ่งข้อมูลพบว่าภายในหนึ่งวันมีเรือข้ามไปมา 500-700 เที่ยว แต่ปัจจุบันไม่มีการข้ามไปมาแล้ว
    .
    ทั้งนี้ตนจึงได้มาดูวิถีชีวิตคนสองฝั่งว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้ เพราะอย่างไรก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งภารกิจของ กกล. เทพสตรี ดูแลปัญหาเรื่องภัยคุกคามด้านความมั่นคงเป็นหลัก โดยด้านนี้ไม่มีปัญหารุกล้ำแนวชายแดน เพราะสามารถพูดคุยกันได้ จะมีปัญหาแค่เรื่องยาเสพติด หลบหนีเข้าเมิองโดยผิดกฎหมาย ปัจจุบันปิดแนวชายแดนปัญหานี้ก็หมดไป
    .
    “ปัญหาใหญ่ในอนาคตถ้าเรายังอยู่ในลักษณะแบบนี้ ฝั่งเมียนมาร์ ไม่สามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ ฝั่งไทยก็ป้องกันเต็มที่ไม่ให้ลุกล้ำเข้าประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่จะเกิดผลกระทบ ระนองเป็นจังหวัดที่ดีจังหวัดหนึ่งและไม่มีปัญหาเรื่องโควิด-19 เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องพิจารณาว่า เมื่อสถานการณ์ในเกาะสองติดเชื้อจำนวนน้อย ตรวจพบแต่ 3 คน และทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลในพื้นที่ ผมมีความเห็นว่าถ้าใช้จังหวัดนี้เหมือนภูเก็ตเปิดให้มีการผ่อนคลายได้ในระดับหนึ่งจะทำให้วิถีชีวิตคนสองประเทศดีขึ้น และหากดูจากข้อมูลโควิดแล้วคิดว่าน่าจะดูแลกันได้ ต้องพิจารณาว่าจะผ่อนคลายได้แค่ไหน”
    .
    ส่วนฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะฝายทหารจะสามารถอุดช่องโหว่ตามช่องทางต่าง ๆ ได้หรือไม่ พล.อ. ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่ช่องทางที่จะเข้ามาได้ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นเส้นทางที่มีรถยนต์ขนส่ง หรือมีทางเดิน แต่ถ้าเป็นทางธรรรมชาติเองก็ลำบากเพราะไกลจากเส้นทางหลัก แต่ในเส้นทางประเทศเราเดินทางสะดวกทำให้การทำงานของเราสะดวกมากขึ้นและสามารถป้องกันได้ แม้แต่ทางน้ำ ในส่วนของเรามีการป้องกันได้ดีกว่า โดยเฉพาะเครื่องมือที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยเหนือทำให้การดูแลป้องกันสมบูรณ์มากที่สุด แต่จะให้บอกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์คงเป็นไปไม่ได้
    .
    เมื่อถามว่า ศบค.ทบ. จะเสนอข้อมูล คลายล็อค จ.ระนองให้รัฐบาลต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เราจะรวบรวมข้อมูลส่งไปให้รัฐบาลพิจารณาเหมือนกับอำเภอแม่สอดจังหวัดตากถ้ามีความรุนแรงเราก็สั่งปิดด่านแล้วเมื่อสถานการณ์เบาบางลงเราก็เปิดด่านให้สามารถค้าขายและผ่านไปมาได้

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.thaipost.net/main/detail/81620

    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว มังกรเสริมใยเหล็ก!!! จีนอนุมัติปรับปรุงระบบการศึกษาของทหารเพื่อสร้างกองทัพที่ทันสมัย

    โดยเรื่องนี้ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีและประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ได้อนุมัติแนวทางการศึกษาทางทหาร ซึ่งจะปฏิรูประบบใหม่เพื่อฝึกฝนบุคลากรให้มีความสามารถมากขึ้นสำหรับกองทัพที่ทันสมัย อนึ่ง การยกเครื่องทหารเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการขับเคลื่อนการปรับปรุงกองทัพจีนให้ทันสมัยซึ่งเป็นโครงการที่ผลักดันมาตั้งแต่ปี 2017 ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างกองทัพระดับโลกที่มีเทคโนโลยีเป็นจุดแข็งภายในปี 2035 ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจีนทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารและจัดให้มีการฝึกซ้อมมากขึ้นเพื่อเพิ่มความพร้อมในการต่อสู้

    ** สีจิ้นผิงเน้นย้ำให้กองทัพพร้อมรบซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับสหรัฐฯรวมถึงเกาะไต้หวันและทะเลจีนใต้ทวีความรุนแรง และย้ำถึงความสำคัญของการมีทหารที่ได้รับการอบรมและฝึกฝนมาเป็นอย่างดี โดยกล่าวว่า สถาบันการศึกษาของกองทัพก่อตั้งขึ้นเพื่อศึกษาวิธีการต่อสู้และชัยชนะจึงจำเป็นต้องเน้นการปฏิบัติจริงเพื่อให้มีความรู้และความสามารถพร้อมรบในสถานการณ์จริง อย่างไรก็ตาม ระบบการศึกษาทางทหารของจีนไม่ได้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ในกองทัพ ทหารไม่สามารถมีความรู้ทางทฤษฎีเพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีทักษะในทางปฏิบัติด้วย

    โจว เฉินหมิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากปักกิ่ง เผยว่า "ระบบการศึกษาทางทหารของจีนล้มเหลวในการฝึกอบรมบุคลากรสำหรับกองทัพที่สมัย เนื่องจากมหาวิทยาลัยบางแห่งกำลังสอนวิชาความรู้ทั่วไปโดยไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การทหาร การศึกษาบางส่วนวิชาการเกินไปเสมือนเป็นการฝึกให้ทหารกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งพวกเขาจะไม่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของกองกำลังต่อสู้ในปัจจุบัน" ทั้งนี้ จีนมีมหาวิทยาลัยทหารสองแห่งคือ มหาวิทยาลัยป้องกันประเทศแห่งชาติ PLA และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศ นอกจากนี้ ยังมีองค์กรการศึกษาอื่นๆ อีกหลายสิบแห่งที่มุ่งเน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น เรือดำน้ำ และรถหุ้มเกราะ.

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้นายกฯฮุน เซน เดินสายแจกถุงยังชีพ ภาคเช้าเวลา 06.40 น.ที่อำเภอโอร์โจรว จำนวน 5000 ชุด พร้อมเงิน 400 บาท ตกสายๆมาแจกที่อำเภอมาไล (ตรงข้ามบ้านหนองปรือ-อรัญฯ) อีก 5000 ชุดพร้อมเงิน 400 บาท พร้อมเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตในจังหวัดนี้ 22 คน จาก 39 คนทั้งประเทศ....รวม 3 วัน 30000 ชุด

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวเศร้า (24 ต.ค. อุเมดะ/โอซาก้า) ก่อน 6 โมงเย็นวานนี้ เด็กชายม. ปลายวัย 17 ปีกระโดดลงมาจากดาดฟ้าอาคารศูนย์การค้า 「HEP FIVE」แต่ตอนพุ่งลงมาไปชนเข้ากับนักศึกษาหญิงวัย 19 ปีชาวจ. เฮียวโกะที่กำลังเดินคุยกับเพื่อน

    เด็กชายเสียชีวิตแล้ว ส่วนหญิงสาวตอนแรกอาการสาหัส แต่เพิ่งเสียชีวิตวันนี้

    ตำรวจเผยว่า จากกล้องวงจรปิด เด็กชายแอบใช้เส้นทางพนักงานเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้า เมื่อประตูดาดฟ้าเปิด เซนเซอร์ดัง พนักงานจึงรีบไปดู ไม่พบใคร เจอแต่กระเป๋าของเด็กชายเท่านั้น คาดฆ่าตัวตาย

    ———

    ✒️บางทีเวลาแอดเดินใกล้ ๆ ตึกสูง ๆ ก็ชอบมองข้างบน เพราะเคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าคนกระโดดลงมาจะหลบยังไง....

    ✒️ใครเครียดอะไรติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือที่ญี่ปุ่น 0570-064-556

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #ฆ่าตัวตาย

    大阪 梅田で飛び降りか 巻き添えの19歳女子大学生重体 https://www3.nhk.or.jp/news/html/20201023/k10012678341000.html



     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝรั่งเศส : ติดเชื้อโควิดรายใหม่วันเดียว +42,032 ราย เสียชีวิต 298 ราย(ทั้งหมด 1,041,075 รายเสียชีวิต 34,508ราย)
    ฝรั่งเศสประกาศเคอร์ฟิวเพิ่มอีก38 เขต หลังบังคับใช้เคอร์ฟิวในกรุงปารีสและอีก8เมืองไปแล้วก่อนหน้านี้ ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสองที่รุนแรง จำกัดเวลาออกเวลา 21.00-06.00น. และจัดระเบียบข้อกำหนดบังคับใช้ในบาร์ ร้านอาหาร หลังตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่พุ่งสูง / รวมทั้งยุโรปหลายเมืองมีผู้ป่วยรายใหม่พุ่ง

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    24.10.20

    หลังจากที่ เกษตรกร ไม่ได้รับอนุญาตให้ วางก้อนเกลือสำหรับสัตว์อีกต่อไป เหล่าฝูงกวางจึงพากันลงมาที่ถนน เพื่อ เลียกินเกลือ

    1.ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 มีข้อจำกัดที่เข้มงวดในการ วาง ก้อนเกลือ ไว้ให้สัตว์เลียกิน ในพื้นที่ต่างๆ เนื่องมากจากสาเหตุที่ว่า เวลาที่สัตว์หลายๆตัวมาเลีย กินเกลือ ก้อนเดียวกัน แล้ว บังเอิญมีสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งป่วย จะทำให้ทุกตัวในฝูง ป่วย ตามไปด้วย

    *Saltsteinar - บ้านเราจะเรียก ก้อนเกลือ ชนิดนี้ว่า โป่งเทียม ใช้สำหรับเพิ่มแร่ธาตุอาหารให้กับสัตว์ และ ช่วยระบบย่อยอาหาร เช่น แกะ / กวาง / วัว / นก ฯลฯ*

    2.หลังจากที่ไม่ได้รับอนุญาตให้วางก้อนเกลือ ทำให้ ฝูงกวาง ออกไปเลียกินเกลือที่ถนนแทน (จะมีการ โรยเกลือ บน ถนนในนอร์เวย์ที่มีหิมะตกเพื่อไม่ให้ลื่นค่ะ) Ole Bjarne Hovland เกษตรกรเลี้ยงแกะ และสมาชิกของ Sogn og Fjordane Bondelag กล่าวว่า เป็นเรื่องอันตราย เนื่องจาก ผู้ขับขี่หลายคนต้องเบรคกระทันหันเมื่อพบ ฝูงสัตว์ บนถนน

    3.NRK ได้สัมภาษณ์ผู้ที่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้ ในขณะขับขี่รถยนต์ นาย Olav Grøttebø ชี้ให้เห็นว่า เมื่อ ฝูงสัตว์ มาเลียกินเกลือที่ถนน นั่นคือมีสัตว์มากกว่า 2 ชนิด มารวมตัวกัน อาจทำให้เกิดการติดโรคในต่างฝูงได้ ยกตั้งอย่างเช่น กวางเลี้ยง และ กวางป่า เป็นต้น ส่วนตัวเขาเองรู้สึกไม่ชอบที่ เกลือ บนถนน จะดึงดูด ฝูงสัตว์เหล่านี้

    *การเลี้ยงสัตว์ของที่นอร์เวย์ สำหรับสัตว์บางชนิด เช่น แกะ / กวาง จะถูกปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติอย่างอิสระ ในบางช่วงเวลาของปีค่ะ*

    4.ทางด้าน Statens vegvesen คิดว่า ฝูงสัตว์บนถนน เป็นอันตรายต่อการจราจรอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน นาย Henrik Wildenschild ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุจากสัตว์บนท้องถนน กล่าวว่า

    จากการวิเคราะห์เรื่องนี้ในปี 2011 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงของการบาดเจ็บส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ กวางเรนเดียร์ และ กวางขนาดเล็ก นั้น "มีน้อยมาก" ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับ กวาง คือ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ในความเป็นจริงนั้น มีไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีหรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจาก ผู้ขับขี่ ได้ใช้ความระมัดระวังในการขับขี่บนถนนประเภทนี้ รวมไปถึง ใช้ยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับฤดูด้วย

    6.Wildenschild ยอมรับว่ามันอาจดูเหมือนขัดแย้งกับความเป็นจริงเรื่องที่ว่า ไม่อนุญาต ให้ เกษตรกร วางก้อนเกลือสำหรับสัตว์เลี้ยง ในขณะเดียวกันที่ Statens vegvesen ใช้เกลือเฉลี่ยกว่า 200,000 ตัน โรยบนถนนในทุกๆปี และ ถนน นั้นกว้างใหญ่ ทำให้โอกาสที่ สัตว์ 2 ชนิด จะมาเลียกินเกลือที่เดียวกันนั้น มีน้อยลงตามไปด้วย

    5.เกษตรกร Ole Bjarne Hovland กล่าวว่า เขาไม่ได้ต่อต้าน เรื่อง ฝูงสัตว์จะไป หากินเกลือ บนท้องถนน แค่ต้องหาวิธีที่ป้องกันไม่ให้สัตว์ชนิดอื่นๆเข้ามารวมอยู่ในฝูงเท่านั้น เขาเสนอว่า ควรเพิ่มเครื่องปรุงลงไปในเกลือด้วย เพื่อให้ดีต่อสุขภาพสัตว์มากยิ่งขึ้น (ว่าซั่นนน) แต่ทางหน่วยงาน ยังไม่ได้ตอบรับในเรื่องนี้

    เพิ่มเติม : พักอ่านข่าวไวรัสกัน ด้วยข่าว น้องกวาง แต่ แอด ว่า ไอเดียของ คุณ Ole แกเข้าท่าดีนะ เพิ่มเครื่องปรุงด้วย

    .
    อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
    http://norgetiltak.blogspot.com/

    อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
    https://www.blockdit.com/norwaystyle

    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

    ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
    Lidvard Sandven : Journalist

    ข่าวต้นฉบับ NRK :
    https://www.nrk.no/vestland/reinsdy...ikke-salt-_-kan-vere-trafikkfarleg-1.15209556

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PSX_20201024_170338.jpg

    (Oct 24) “กับดักรายได้ปานกลาง” มีความเสี่ยงและอันตราย จีนจะพัฒนาหลุดออกมาได้หรือไม่? The New York Times รายงานว่า ขณะที่ประเทศทั่วโลกกำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จีนกลับแสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ หากว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส

    ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2020 เศรษฐกิจจีนขยายตัวพุ่งขึ้นมา 4.9% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว การเติบโตที่แข็งแรงนี้ ทำให้จีนเริ่มหวนกลับมาสู่เส้นทางการเติบโตในอัตราปีละ 6% ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 การกลับมาเติบโตที่เข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เศรษฐกิจจีนมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก

    การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สัดส่วน 30% จะมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจจีน บริษัทผู้ผลิตของจีนจะมีส่วนแบ่งตลาการส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์การแพทย์ ที่มีความต้องการสูงในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ จีนเริ่มนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น เช่น แร่เหล็กจากบราซิล ข้าวโพดจากสหรัฐฯ และน้ำมันปาล์มจากมาเลเซีย จึงช่วยชะลอกระแสการตกต่ำของราคาสินค้าพวกวัตถุดิบต่างๆ

    การพัฒนาคือ “เกมตารางบันไดงู”

    การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้อย่างรวดเร็ว หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้อนาคตของจีนกลับสดใสอีกครั้งหนึ่ง เพราะการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน ที่มีการคาดหมายทั่วไปนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของจีนในการรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง

    แต่หนังสือ Invisible China (2020) กล่าวว่า การที่จีนประสบความสำเร็จในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ได้หมายความว่า การเติบโตจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาเศรษฐกิจไม่ได้เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปแบบเส้นตรง คือ ลงทุนด้วยการทำงานหนักเท่าไหร่ และลงทุนไปจำนวนเท่าใด ก็จะได้ดอกผลกลับมาจำนวนเท่านั้น

    นักเศรษฐศาสตร์ชื่อ Paul Collier เคยให้ข้อสังเกตว่า กระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจก็เหมือน “เกมตารางบันไดงู” (Snakes and Ladders Game) หากประเทศหนึ่งโชคดี เลื่อนไปในจุดบันได ก็จะได้เลื่อนอันดับสูงขึ้น หากไปตรงอยู่ในช่องงู ก็จะไหลลื่นตกลงมาในจุดที่ต่ำลงมา

    ที่ผ่านมา จีนพัฒนาไปลงอยู่ในจุดที่เป็นบันได ที่สามารถก้าวไปสู่จุดสูงขึ้น บันได้ดังกล่าวคืออุตสาหกรรมการผลิตที่อาศัยค่าแรงถูก แต่ทุกวันนี้ ค่าแรงจีนไม่ได้ถูกอีกต่อไปแล้ว จีนจึงไม่อยู่ในฐานะ ที่จะขึ้นบันไดเดิมนี้ได้อีกต่อไป แต่จะต้องอาศัยบันไดใหม่ เพื่อยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น

    ปัญหาการพัฒนาที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ แต่ละประเทศเผชิญโอกาสและปัญหาท้าทายที่แตกต่างกัน กล่าวอีกทางหนึ่ง ในแต่ช่วงของของระดับรายได้ประเทศ แต่ละประเทศ จะเผชิญกับ “บันได” ที่แตกต่างจากเดิมและ “งู” ที่แตกต่างจากเดิม สำหรับประเทศรายได้ปานกลางอย่างจีน ประเทศไทย และตุรกี ตาราง “งู” คือ สิ่งที่เรียกว่า “กับดักรายได้ปานกลาง” (middle-income trap) หลายประเทศที่พัฒนามาอยู่ในระดับจุดเดียวกับจีนในปัจจุบัน ได้กลายเป็นเหยื่อของกับดักนี้

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จีนเริ่มต้นจากประเทศยากจน เหมือนอยู่ในตารางแรกของ “เกมบันไดงู” จีนสามารถหลีกเลี่ยงตาราง “งู” ที่จะไหล่ลื่นตกต่ำลงมา เพราะจีนไม่ตกอยู่ในวงจรความรุนแรงเหมือนประเทศอย่างรวันดาหรือเอลซาล์วาดอร์ หรือมีปัญหาที่กลุ่มผู้นำแย่งชิงทรัพยากรของประเทศ เหมือนเวเนซุเอลา นับจากปี 1980 เป็นต้นมา จีนสามารถอาศัยตาราง “บันได” การผลิตใช้แรงงานราคาถูก มานำประเทศให้หลุดออกจากความยากจน ทำให้รายได้ต่อคนของจีนที่วัดจากกำลังซื้อ เพิ่มจาก 1,000 ดอลลาร์ต่อคนในปี 1980 มาเป็นมากกว่า 15,000 ดอลลาร์ในปี 2016

    อันตรายของ “กับกัดรายได้ปานกลาง”

    ปี 2004 วารสาร Foreign Affairs พิมพ์บทความของนักรัฐศาสตร์ชื่อ Geoffrey Garrett เรื่อง Globalization’s Missing Middle โดยกล่าวว่า เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจที่ผ่านมา ประเทศร่ำรวยยังคงดำเนินการไปได้ค่อนข้างดี และประเทศยากจนสามารถบรรลุการเติบโตในอัตราที่เข้มแข็ง แต่ประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง กลับเติบโตช้าลง และประสบความสำเร็จน้อยกว่าอีก 2 กลุ่มดังกล่าว

    ในปี 1980 กลุ่มประเทศรายต่ำ มีรายได้ต่อคนเฉลี่ย 300 ดอลลาร์ กลุ่มประเทศรายได้ปานกลางอยู่ที่ 2,500 ดอลลาร์ และประเทศรายได้สูงที่ 20,000 ดอลลาร์ เมื่อถึงปี 2000 รายได้ต่อคนประเทศรายได้สูงเพิ่ม 50% กลุ่มประเทศยากจนเพิ่ม 150% ส่วนประเทศรายได้ปานกลางเพิ่มน้อยกว่า 20%

    บทความของ Foreign Affairs ตอบคำถามที่ว่า ทำไมกระแสโลกาภิวัตน์ไม่ทำให้ประเทศรายได้ปานกลางดำเนินงานได้ดี คำตอบก็คือ ประเทศรายได้ปานกลางไม่สามารถหาพื้นที่ตลาดเฉพาะ (niche) ขึ้นมาได้ คือไม่สามารถแข่งขันในตลาดสินค้ามูลค่าสูง ที่ประเทศร่ำรวยเป็นผู้นำอยู่ เพราะแรงงานไม่มีทักษะ ดังนั้น ประเทศเหล่านี้ไม่มีทางเลือกอื่น แต่ต้องหันไปแข่งกับจีนหรือประเทศยากจนอื่นๆ ในสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีเก่า เนื่องจากมีค่าแรงสูง ประเทศรายได้ปานกลางจึงไม่สามารถแข่งขันได้

    ปี 2012 ธนาคารโลกเผยแพร่รายงานที่สั่นสะเทือนประเทศกำลังพัฒนาอย่างมาก ชื่อ China 2030 ที่กล่าวว่า นับจากปี 1960 มีประเทศ 101 ประเทศที่มีฐานะรายได้ปานกลาง แต่เมื่อถึงปี 2008 หรือในระยะเวลา 48 ปี มีเพียง 13 ประเทศ ที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศรายได้สูง ส่วนที่เหลือยังคงเป็นประเทศรายได้ปานกลาง

    หนังสือ Invisible China กล่าวว่า ภาวะชะงักงันดังกล่าวเรียกว่า “กับดักรายได้ปานกลาง” และภาวะนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตราย ในระยะ 60 ปีที่ผ่านมา ประเทศส่วนใหญ่ติดกับดักรายได้นี้ โดยไม่สามารถพัฒนาก้าวหน้าไปตามตารางเกมบันไดงู อย่างเช่นเม็กซิโก บราซิล ประเทศไทย และแอฟริกาใต้ จากตัวเลขของธนาคารโลก ปี 2019 มีรายได้ต่อคนที่ 9,863, 8,717, 7,808 และ 4,736 ดอลลาร์ ตามลำดับ

    การติดกับดักรายได้ปานกลาง ไม่ได้หมายความว่า การพัฒนาของประเทศเหล่านี้ไม่ได้เคลื่อนไปข้างหน้า หรือการพัฒนาเกิดการชะงักงัน หลายประเทศเดินบนเส้นทางการพัฒนาที่วกวนไปมา ประเทศเหล่านี้เติบโต เติบโต และเติบโต แล้วก็พังทลายลง หรือเติบโต เติบโต และเติบโต แล้วก็เกิดการชะงักงัน ในแต่ระช่วงที่เศรษฐกิจพังทลายหรือเกิดชะงักงัน คนจำนวนมากได้รับความเสียหาย คนทั่วไปต้องตกงาน สูญเสียเงิน สูญเสียความรู้สึกด้านความมั่นคงชีวิต และต้องมาเริ่มต้นชีวิตใหม่
    บราซิลเป็นตัวอย่างของประเทศที่เกือบจะก้าวสู่ประเทศรายได้สูง มาหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถจะก้าวกระโดดข้ามอุปสรรคที่เป็นรั้วกั้นสุดท้าย นับจากทศวรรษ 1960 บราซิลประสบวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ 6 ครั้ง แต่ละครั้งทำให้ดอกผลการพัฒนาที่เกิดขึ้น ต้องถอยหลังกลับ เศรษฐกิจที่ตกต่ำในแต่ละครั้ง หมายความว่า คนบราซิลทั่วไปต้องตกงาน สูญเงินเก็บ และหมดหวังกับแผนงานอนาคต ส่วนบราซิลยังคงเป็นประเทศรายได้ปานกลาง

    เศรษฐกิจตกต่ำทำให้เกิดต้นทุนการเมืองและสังคม คนทั่วไปต้องหันไปมีอาชีพเศรษฐกิจนอกระบบ หรือไปก่ออาชญากรรม การตกต่ำเศรษฐกิจจึงไปเพิ่มความไม่สงบทางการเมืองและสังคม เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลาง ต้องต่อสู้กับปัญหาความยากจน หรืออาชญากรรม ที่ฟื้นคืนกลับมาใหม่ สำหรับประชาชน การติดกับดักรายได้ปานกลาง คือความเสียหาย

    จีนจะก้าวพ้นกับดักได้อย่างไร

    หนังสือ Invisible China เขียนไว้ว่า ในภาวะที่มีความเสี่ยงแบบนี้แหละ ที่จีนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน จีนประสบความสำเร็จอย่างสูง จากประเทศยากจนสู่ประเทศรายได้ปานกลาง ประชากรหลายร้อยล้านคนหลุดออกจากความยากจน แต่เมื่อจีนกลายเป็นประเทศรายได้ปานกลาง เกมเปลี่ยนไปแล้ว ทำอย่างไร ก้าวการพัฒนาต่อไปไม่ใช่เม็กซิโกหรือบราซิล แต่เป็นเกาหลีใต้

    อะไรคือความแตกต่างระหว่างประเทศ ที่สามารถก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง โดยไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ขณะที่อีกหลายประเทศติดอยู่ในกับดักนี้ ประเทศที่สามารถหลุดจากกับดักเช่น สเปน ปอร์ตุเกส และกรีซ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ทำให้ได้ปัจจัยเป็นคุณหลายอย่าง เช่นมีประเทศคู่ค้าสำคัญที่มั่งคั่งของโลก ทำให้สามารถเกาะกระแสสู่การเป็นประเทศรายได้สูง จีนไม่สามารถใช้เส้นทางพัฒนาแบบนี้

    กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง ที่จีนสามารถอาศัยเป็นแบบอย่างคือประเทศเสือเศรษฐกิจของเอเชีย ได้แก่ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และฮ่องกง ที่พัฒนาข้ามขั้นตอนรายได้ปานกลาง โดยไม่มีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เรื้อรังยาวนาน ไอร์แลนด์และอิสราเอลก็มีเส้นทางพัฒนาแบบเดียวกัน

    หนังสือ Invisible China ตั้งคำถามว่า ประเทศกลุ่มที่ 2 นี้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเป็นประเทศรายได้สูงได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มสหภาพเศรษฐกิจใดๆ หรือว่าในอดีต เคยที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจมาก่อน คำตอบก็คือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์ หรือทุนมนุษย์ (human capital)

    สำหรับนักเศรษฐศาสตร์ คำว่า “ทุนมนุษย์” หมายถึงคุณสมบัติหรือคุณภาพในด้านต่างๆ ที่จะทำให้ประชากรในฐานะคนทำงาน สามารถมีคุณูปการต่อเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นคุณสมบัติที่จะทำให้ชีวิตของตัวเองและครอบครัวดีขึ้น

    ดังนั้น ประเทศที่ต้องการจะหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ประเทศนั้นต้องการทุนทรัพยากรมนุษย์ ที่เป็นองค์ประกอบความสำเร็จที่สำคัญที่สุด
    ดัชนีชี้วัดด้านทุนมนุษย์ที่สำคัญคือ สัดส่วนของประชากรที่เป็นผู้ใหญ่ ที่มีการศึกษาระดับมัธยมปลาย ประเทศเพิ่งเริ่มต้นเกมตารางบันไดงู จะมีสัดส่วนดังกล่าวนี้ที่ต่ำ เช่น บังคลาเทศ และเอธิโอเปียอยู่ที่ 15% ประเทศรายได้ปานอย่าง เช่น บราซิล 47% และตุรกี 37% และจีน 30% ประเทศที่รายได้สูงแล้ว เช่น สหรัฐฯ 90% เยอรมัน 87% และญี่ปุ่น 99% ดังนั้น ดัชนีอัตราเฉลี่ยของประเทศรายได้ต่ำอยู่ที่ 20% ประเทศรายได้ปานกลาง 36% และกลุ่มประเทศมั่งคั่ง OECD ที่ 78%

    ความสำคัญของทุนมนุษย์

    ในเส้นทางการพัฒนา ประเทศต่างๆจะมีสภาพการจ้างงานที่แตกต่างกันไป ประเทศรายได้ต่ำ คนทำงานจะมีงานแบบรายได้ต่ำ ประเทศรายได้ปานกลาง คนทำงานจะมีงานแบบรายได้ปานกลาง ที่เป็นเช่นนี้ เพราะงานที่มีรายได้ต่างกัน ต้องการพื้นเพการศึกษาที่ต่างกัน เกษตรกรชาวนาในประเทศยากจน ไม่จำเป็นต้องมีการศึกษาเป็นทางการมาก คนงานก่อสร้างหรือคนงานโรงงานผลิตสินค้า ก็ไม่ต้องการการศึกษาเป็นทางการมากเช่นกัน แต่พนักงานสำนักงาน ช่างโรงงานไฮเทค ผู้จัดการหรือผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจบริการ ต้องมีระดับการศึกษาที่สูง

    ประเด็นสำคัญก็คือว่า ประเทศที่จะก้าวสู่การมีรายได้สูง จะต้องมีแรงงานที่มีการศึกษาสำหรับงานที่รายได้สูง การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ยิ่งทำให้ทักษะแรงงานสำคัญมากขึ้น ดังนั้น หากจีนจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศรายได้สูง จำเป็นต้องมีแรงงานที่สามารถทำงานที่มีรายได้สูง จีนทุกวันนี้ มีสภาพคล้ายกับเม็กซิโกในทศวรรษ 1980 ไม่ใช่เกาหลีใต้ช่วงทศวรรษ 1980

    โดย ปรีดี บุญซื่อ

    Source: ThaiPbulica
    https://thaipublica.org/2020/10/pridi211/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PSX_20201024_170615.jpg

    (Oct 23) รายได้ ‘หัวเว่ย’ ร่วงหนัก หลัง 'สหรัฐ' เล่นงานอ่วม : "หัวเว่ย" เผย รายได้ทรุดรุนแรงจากที่เคยขยายตัวสูงถึง 24.4% หลังรัฐบาลสหรัฐเล่นงานอ่วม

    หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน มีรายได้ชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในไตรมาส 3/25693 ขณะที่กำไรลดลง เนื่องจากการคว่ำบาตรของสหรัฐส่งผลกระทบอย่างหนักกับธุรกิจของหัวเว่ย
    รายได้ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเพียง 3.7% สู่ระดับ 2.173 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 3.191 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.095 แสนล้านหยวนในปีที่ผ่านมา

    รายได้ของหัวเว่ยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 6.713 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 9.857 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9.9% จาก 6.108 แสนล้านหยวนในปีที่ผ่านมา ซึ่งทรุดตัวลงอย่างรุนแรงจากที่เคยขยายตัวถึง 24.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีก่อน

    ส่วนกำไรสุทธิของหัวเว่ยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 8% ลดลงจาก 8.7% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐส่งผลกระทบอย่างหนักต่อหัวเว่ย โดยในปีที่ผ่านมา สหรัฐขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย และกูเกิลได้ตัดความสัมพันธ์กับหัวเหว่ย ซึ่งทำให้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยไม่สามารถใช้ซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิลอีกต่อไป และส่งผลกระทบกับยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยนอกประเทศจีน

    เมื่อต้นปีนี้ สหรัฐได้ดำเนินการเพื่อที่จะคว่ำบาตรหัวเว่ยเพิ่มเติม โดยบีบบังคับบรรดาซัพพลายเออร์ชิปทั่วโลก รวมถึง TSMC ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์หลักให้ยุติการส่งมอบชิปให้กับหัวเว่ย ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับธุรกิจสมาร์ทโฟนด้วย

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/904166

    เพิ่มเติม
    - Huawei's sales growth slows as US sanctions bite : https://edition.cnn.com/2020/10/23/tech/huawei-earnings-china-tech-intl-hnk/index.html
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PSX_20201024_170822.jpg

    (Oct 23) ทำไมต้องเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวจากจีนแบบไม่กักตัว : ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ประสบความสำเร็จสูงในการควบคุมการแพร่ระบาดของโวรัสโควิค-19 แต่ความสำเร็จนี้ก็ตามมาด้วยต้นทุนการเศรษฐกิจที่สูงมหาศาล ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าจีดีพีของไทยปีนี้จะลดลงไม่ต่ำกว่า 7.8% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางสำนักคาดว่าจีดีพีอาจลดลงถึง 8-10% นับเป็นอัตราการติดลบที่รุนแรงที่สุดในอาเซียน หรืออยู่ในกลุ่ม 12 ประเทศ จาก 42 ประเทศที่มีอัตราเติบโตติดลบมากที่สุดตามรายงานของนิตยสาร The Economist

    ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุด คือ คนจำนวนหลายล้านคนทั้งในเมืองและชนบทที่ตกงาน หรือต้องหยุดทำงาน กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก อัตราการฆ่าตัวตายใน 6 เดือนแรกของปีนี้พุ่งสูงขึ้นผิดปกติถึง 22% ธุรกิจจำนวนนับแสนแห่งคงต้องปิดกิจการในไม่ช้า แม้รัฐบาลจะแจกเงินให้คนทั่วประเทศแล้ว 30.5 ล้านคน ๆ ละ 15,000 บาท เงินประทังชีพกำลังหมดไปอย่างรวดเร็ว

    แต่กว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจนประชาชนมีงานและมีรายได้ต่อหัวเท่ากับปี 2562 คงต้องกินเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่เคยเป็นแหล่งจ้างงานใหญ่และเคยทำรายได้ให้ประเทศถึงร้อยละ 18 ของจีดีพี น่าจะฟื้นตัวช้าที่สุด

    คนที่เดือดร้อนเหล่านี้มีจำนวนเท่าไร คือใคร ทำอะไร และเดือดร้อนอย่างไร
    สถิติการสำรวจแรงงานของทางราชการ พบว่าจำนวนผู้ว่างงานรวมทั้งผู้ที่หยุดทำงานชั่วคราวหรือลดชั่วโมงทำงานลงเหลือต่ำกว่าสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง ในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 มีจำนวน 5.464 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านคนจากปี 2562) และมีผู้ถอนตัวออกจากตลาดแรงงานอีก 0.413 ล้านคน (เพราะสิ้นหวังที่จะหางานทำ) แต่ตัวเลขผู้ว่างงาน 0.745 ล้านคน และผู้ที่หยุดทำงานชั่วคราวและลดชั่วโมงทำงานน่าจะต่ำกว่าข้อเท็จจริงมากพอควร สำนักงานสถิติฯ พอทราบสาเหตุและกำลังดำเนินการแก้ไขแล้ว

    ดังนั้น เราจึงต้องอนุมานจำนวนแรงงานที่ถูกผลกระทบของโควิค-19 รวมทั้งผู้ที่อาจจะถูกผลกระทบใน 2 ปีข้างหน้า จากจำนวนแรงงานทั้งหมดในอุตสาหกรรมที่ถูกผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิค-19
    รายงานภาวะเศรษฐกิจของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ปรากฏว่าอุตสาหกรรมที่มีรายได้ลดลงมากที่สุดในไตรมาส 2 ปี 2563 (เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2562) คือ โรงแรมและที่พัก บันเทิง ขนส่งและโลจีสติกส์ บริการสนับสนุน ภาคบริการ การค้าปลีก/ค้าส่ง รถยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

    การวิเคราะห์ฐานะการเงินของบริษัท 473,324 แห่งในอุตสาหกรรม 60 สาขา โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาพบว่าอุตสาหกรรมไทยเกือบครึ่งหนึ่ง (26 สาขาจาก 60 สาขา) ที่ถูกผลกระทบอย่างหนักจากโควิค-19 จะไม่สามารถฟื้นตัวกลับสู่ระดับเดิมก่อนเกินโควิค-19 ภายในปี 2565 อุตสาหกรรมกลุ่มนี้มีผลผลิตสูงถึงร้อยละ 46 ของผลผลิตรวมของทุกอุตสาหกรรม

    ตัวอย่างเช่น โรงแรม ร้านอาหาร กิจการบันเทิง การขนส่งทางอากาศ การขนส่งทางเรือ บริการด้านธุรกิจ รถยนต์และการซ่อมแซม อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ส่วนอีก 24 สาขา ที่มีผลผลิตรวม 48% ถูกผลกระทบระดับปานกลาง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า การก่อสร้างที่อยู่อาศัย เป็นต้น

    ในแง่จำนวนบริษัท การวิเคราะห์พบว่า ก) 30% ของบริษัททั้งหมด (รวม 473,324 แห่ง) อาจประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง (คือมีรายได้ไม่พอขำระหนี้) หรือมีฐานะการเงินที่แย่ลงในปี 2021 ธุรกิจที่จะถูกผลกระทบอย่างหนักจากผลของโควิค-19 ได้แก่ กลุ่มบันเทิงและสนทนาการ กลุ่มโรงแรม กลุ่มร้านอาหารและกลุ่มประมง ส่วนอีก 132,980 บริษัท (28% ของทั้งหมด) จะมีความเปราะบางและมีความเสี่ยงมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มถ่านหิน กลุ่มสันทนาการ กลุ่มสิ่งทอ และ กลุ่มเครื่องหนัง ข) บริษัทส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง เป็นบริษัทขนาดเล็กถึง 95% (136,152 แห่ง)

    อุตสาหกรรมที่ถูกผลกระทบอย่างรุนแรงจำนวน 26 สาขา เคยจ้างแรงงานเป็นจำนวน 14 ล้านคน ในไตรมาสสองของปี 2563 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่มีการศึกษาต่ำ คือเป็นผู้มีการศึกษาแค่ชั้นประถม 4 ล้านคน มัธยมต้น 2.3 ล้านคน มัธยมปลาย 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานที่อยู่ในครัวเรือนเกษตรไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านคน (โดยไม่รวมเกษตรกรที่ทำงานนอกภาคเกษตรอีกหลายล้านคน)

    แต่ถ้าวิเคราะห์จำนวนผู้มีโอกาสตกงานในบริษัททั้งหมดในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกผลกระทบของโควิด ธนาคารฯประมาณการว่าอาจจะมีแรงงานจำนวน 11.8 ล้านคน ที่เสี่ยงตกงาน หรือถูกลดเงินเดือน แรงงานกลุ่มที่จะมีปัญหาการเงินชักหน้าไม่ถึงหลังส่วนใหญ่จะเป็นลูกจ้างและผู้ประกอบอาชีพอิสระ (sef-employed)

    ผลการสำรวจแรงงานล่าสุด (ก.ค.-ก.ย. 2563) แบบไม่เป็นทางการพบว่ามีแรงงานถึง 19.96 ล้านคน (หรือ 52.6% ของผู้มีงานทำ 37.93 ล้านคน) ทีถูกผลกระทบในการประกอบอาชีพจากโควิด- 19 ในภาคบริการมีผู้มีงานทำที่ถูกผลกระทบจากโควิดมากที่สุดถึง 70.2% ส่วนภาคการผลิตมีผู้มีงานทำถูกผลกระทบ 65.3% และภาคเกษตรมีผู้ถูกกระทบ 23.9%

    คนที่ตกงานหรือรายได้ลดลงปรับตัวอย่างไร

    ข้อมูลเหล่านี้เป็นประจักษ์พยานว่ากลุ่มแรงงานที่กำลังประสบความเดือดร้อนมากที่สุด เป็นผู้ที่มีการศึกษาไม่สูง เป็นคนชั้นกลางระดับล่างที่มีรายได้แค่พอเพียงกับรายจ่าย วิกฤติโควิดกำลังทำให้คนเหล่านี้อยู่ในฐานะเปราะบาง ชักหน้าไม่ถึงหลังและลำบากมากขึ้น

    นอกจากการปรับลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้านแล้ว คนจำนวนมากได้ขายทองที่เคยสะสมไว้ เพราะโชคดีที่ราคาทองพุ่งทะยานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ขณะนี้เงินที่ได้จากการขายทอง เงินออม และเงินที่รัฐให้ความช่วยเหลือ กำลังหมดไป รายได้ก็ไม่มี ทางออกคือ ขายทรัพย์สิน หรือกู้เงินมาใช้จ่าย ทว่าปัญหาคือครัวเรือนไทยมีหนี้สินคงค้างอยู่ก่อนแล้วเป็นจำนวนมาก

    การศึกษาของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ พบว่าก่อนวิกฤติโควิค-19 คนไทยเกือบหนึ่งในสามมีหนี้ และมูลหนี้คงค้างสูงถึง 128,384 บาท/คน ผลการวิเคราะห์ทางสถิติพบว่าหลังเกิดโควิค-19 ผู้กู้ 2.1 ล้านคน (หรือ 9.1% ของผู้กู้ที่อยู่ในระบบเครดิตบูโร) จะมีปัญหาการชำระหนี้หากไม่มีมาตรการช่วยเหลือใด ๆ ผู้กู้เหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด

    ผลที่ตามมา คือ ในไม่ช้าครัวเรือนจำนวนมากจะสูญเสียหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตความเป็นอยู่ของเขา ความยากจนจะพุ่งสูงขึ้น เด็กและเยาวชนจำนวนมากอาจจะต้องออกจากโรงเรียน ยิ่งกว่านั้นหากครัวเรือนที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นครัวเรือนเกษตรที่สูญเสียที่ดินทำกินไป ไทยจะเริ่มสูญเสียความมั่นคงด้านอาหาร กลายเป็นวิกฤติการณ์ใหญ่ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม

    เราจะหลีกเลี่ยงวิกฤติดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อเราเปิดเมืองให้นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ปลอดภัยจากโควิค-19มากที่สุด เข้ามาท่องเที่ยว แม้รัฐบาลจะพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวในหมู่คนไทยด้วยทุกวิถีทาง แต่จำนวนนักท่องเที่ยวไทยยังต่ำมากเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (เกือบ 40 ล้านคนในปี 2562) และรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยก็เพียง 1.1 ล้าน ๆ บาทเทียบกับรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 2 ล้าน ๆบาท

    แต่ทำไมรัฐบาลและคนไทยส่วนหนึ่งยังไม่ต้องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ ส่วนหนึ่งเกิดจากความกลัวว่านักท่องเที่ยวเหล่านั้น จะเป็นผู้นำเชื้อไวรัสมาแพร่ในไทย ความกล้วนี้เกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การให้ข่าวและความเห็นของบุคคลบางคนในลักษณะที่สร้างความน่ากลัวเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสระลอกที่ 2-3 รวมทั้งการให้ข่าวของ ศบค.เองที่ตอกย้ำเรื่องการติดเชื้อไว้รัสของคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ (แม้จะไม่มีเจตนาในการสร้างความกลัวก็ตาม)

    เหตุผลสำคัญที่คนไทยจำนวนมาก ไม่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ น่าจะเกิดจากความไม่ไว้วางใจรัฐ กรณีทหารอียิปต์ และทูตจากประเทศๆหนึ่งไม่ถูกกักตัว นอกจากจะสร้างความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชนแล้ว ยังทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มไม่ไว้วางใจ “เจ้าหน้าที่รัฐ”

    เหตุผลอีกประการหนึ่งน่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง คนที่มีฐานะและคนชั้นกลางในเมืองที่ไม่ตกงานกับข้าราชการส่วนใหญ่คงไม่เข้าใจความเดือดร้อนของคนที่ตกงาน ส่วนหนึ่งเพราะรัฐขาดข้อมูลจำนวนผู้ว่างงานดังกล่าวแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะคนตกงาน/คนเดือดร้อนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนชั้นกลางระดับล่าง/คนจนจากชนบทที่ไม่มีเสียงทางการเมือง

    ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่นโยบายของรัฐจะตอบสนองต่อความต้องการของข้าราชการและคนเมืองที่ไม่เดือดร้อนเป็นหลัก แม้กระทั่งกรณีมาตรการ Special visa ของจังหวัดภูเก็ตที่มีการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ผู้ที่จะเดินทางเข้าประแทศต้องถูกตรวจโควิคและกักตัว 14 วัน ฯลฯ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจทานกระแสความกลัวและการเมืองของฝ่ายที่ไม่ถูกผลกระทบของโควิด มาตรการ special visa จึงถูกคนกลุ่มนี้ไฮแจ๊คไปต่อหน้าต่อตา

    ทางออกคืออะไร

    ทางออกที่สำคัญที่สุด คือ นโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว/จากประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิคมากที่สุด โดยเฉพาะจีน โดยไม่ต้องกักตัว (ยกเว้นการกักตัวสั้นๆระหว่างรอผลตรวจ) เพราะรัฐบาลจีนสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้ผลที่สุด ทำให้เวลานี้คนจีนสามารถเดินทางไปเที่ยวมณฑลต่างๆได้อย่างเสรีตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน

    จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนน่าจะมากพอที่จะช่วยชีวิตของธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องในไทยได้เป็นจำนวนมาก และอาจช่วยได้มากกว่านโยบายไทยเที่ยวไทย แต่ไม่ต้องใช้เงินภาษีมาจ้างให้คนเที่ยว เมื่อธุรกิจมีลูกค้า รัฐบาลก็ไม่ต้องเสียเงินกับมาตรการพักชำระหนี้ มาตรการ refinance หรือแม้กระทั่งมาตรการช่วยเพิ่มทุนให้ธุรกิจ

    ยิ่งกว่านั้นผลสำคัญ คือ เกิดการจ้างงานจำนวนนับล้านคนในภาคท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแรงงานที่มีการศึกษาไม่สูงซึ่งมีปัญหาการปรับตัวมากที่สุด ฉะนั้นในด้านเศรษฐกิจ นโยบายนี้จึงเป็นนโยบายแบบ “ได้กับได้” (win-win)

    แต่ขณะเดียวกัน เราจะต้องมีมาตรการด้านสาธารณสุขและการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มข้น ฉับไว และมีความพร้อมที่จะดำเนินการในเชิงรุก เพื่อป้องกันมิให้ความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัส เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แน่นอนไม่มีประเทศใดสามารถลดความเสี่ยงให้เป็นศูนย์ได้ แต่รัฐบาลกับภาคประชาสังคมสามารถร่วมกันกำหนดระดับความเสี่ยงจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ว่าเราจะยอมรับความเสี่ยงได้เท่าไร จึงจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และสังคมกับผลกระทบด้านสาธารณสุข และสุขภาพของคนไทย

    หลังจากตกลงกันได้ เราต้องกำหนดมาตรการป้องกันการระบาดอย่างเข้มข้นอย่างน้อย 4 มาตรการดังนี้

    มาตรการแรก คือ การตรวจเชื้อไวรัสนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวดทั้งก่อนเข้าประเทศ และวันที่เดินทางมาถึงประเทศไทยและตรวจซ้ำหลังเข้ามาอยู่เกิน 5-6 วัน รวมทั้งมีประวัติการเดินทางในช่วง 1 เดือนโดยละเอียด รายละเอียดเป็นเรื่องที่คณะทำงานต้องร่วมกันจัดทำในภายหลัง

    ประเด็นสำคัญของมาตรการที่ใช้คัดกรองนักท่องเที่ยว คือการควบคุมความเสี่ยงจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะนำเชื้อไวรัสมาแพร่ในหมู่คนไทย สิ่งที่ต้องตกลงกันให้ได้ก่อนคือ ระดับความเสี่ยงที่สังคมยอมรับได้ คือ เท่าไร เช่น 5% หรือ 3% แต่คงไม่ใช่ 0% (เช่นกักตัวนาน 21 วัน) และรัฐต้องใช้มาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวอย่างไร จึงจะลดความเสี่ยงสู่ระดับที่ยอมรับได้

    มาตรการที่สอง คือ รัฐต้องลงทุนในเทคโนโลยีและระบบการติดตามตัวนักท่องเที่ยวตลอดเวลา (แบบตามเวลาจริง) รวมทั้งกรณีที่เกิดการระบาดขึ้น รัฐต้องมีระบบติดตามผู้ที่ติดต่อหรือสัมผัสกับนักท่องเที่ยวที่มีผลตรวจเป็นบวก (tracing) ที่รวดเร็วและครอบคลุม คณะทำงานจะต้องศึกษารายละเอียดของการลงทุน ในระบบดังกล่าว การฝึกอบรมบุคคลากรและการร่วมมือกับธุรกิจการท่องเที่ยว

    มาตรการที่สาม คือ การลงทุนเพิ่มเติมในระบบสาธารณะสุข โดยเฉพาะจำนวนเตียงคนป่วย ห้องไอซียู โรงพยาบาล ศูนย์บริการตรวจวัดเชื้อโคววิค-19 ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าหากเกิดการระบาดที่ไม่คาดหมายไว้ ไทยจะมีอุปกรณ์และเครื่องมือเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ ข้อสังเกตคือที่ผ่านมาฝ่ายสาธารณสุขใช้เงินค่อนข้างน้อยมากแต่มีประสิทธิผลสูง รัฐบาลจัดสรรงบเงินกู้ให้ 45,000 ล้านบาท แต่ใช้ไปแค่ 1,677.3 ล้านบาท

    ดังนั้นรัฐสามารถนำเงินที่เหลือบางส่วนมาลงทุนเพิ่มศักยภาพการป้องกันและการรับมือกับการระบาดรอบใหม่ เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจให้แรงงานจำนวนนับล้านๆคนและธุรกิจได้

    แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการตรวจเชื้อไวรัสรวมทั้งค่ารักษาพยาบาล (ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อ) ย่อมต้องเป็นค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว

    มาตรการสำคัญประการที่สี่ คือ การสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องมาตรการป้องกันความเสี่ยง การขอความร่วมมือด้านต่างๆจากประชาชน รวมทั้งควรจัดกระบวนการรับฟังสาธาณะ เพื่อให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมเสนอแนะ และให้ข้อคิดเห็น

    ก่อนที่จะนำเสนอนโยบายนี้ รัฐควรจัดให้มีการศึกษาความคุ้มค่าและประเมินความเสี่ยงของข้อเสนอชุดนี้ รวมทั้งการเสนอนโยบายทางเลือกที่สามารถช่วยแรงงานจำนวนหลายล้านคนและธุรกิจทั้งเล็กใหญ่นับแสนกิจการ โดยทีมศึกษาต้องประกอบไปด้วยนักระบาดวิทยา แพทย์ พยาบาล นักเศรษฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการทั้งเล็ก/ใหญ่ ตลอดจนแรงงานในภาคบริการ เป็นต้น

    นอกจากนั้น รัฐบาลควรมีนโยบายเร่งด่วนที่ช่วยสร้างงานหรือสร้างทักษะให้ผู้ว่างงานและแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิดที่มีการศึกษาต่ำ ได้แก่ (1) การผ่อนผันให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถขายของขายอาหารบนทางเท้าในกทม. และเมืองใหญ่ๆ ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา กทม. ยกเลิกเขตผ่อนผันให้ค้าขายไปถึง 512 จุดจาก 683 จุดในพื้นที่ 50 เขต

    แต่ขณะนี้มีคนตกงานที่เคยมีอาชีพทำอาหารจำนวนมาก ข้อมูลจากผู้กู้เงินสินเชื่อฉุกเฉินตามมาตรการโควิดของธกส.จำนวน 2 ล้านคน ปรากฏว่าผู้กู้จำนวน 8.5 แสนคน เคยมีอาชีพประกอบอาหาร ส่วนการสำรวจแรงงานพบว่ามีผู้ประกอบอาชีพอาหารมากกว่า 2.5 ล้านคน การผ่อนผันให้คนเหล่านี้ค้าขายบนทางเท้าจะสามารถบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจของคนกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด โดยแทบไม่ต้องใช้งบประมาณจากเงินกู้ กทม. และเทศบาลเมืองใหญ่ๆเพียงแต่ลงทุนเรื่องระบบสุขาภิบาล ดูแลควบคุมเรื่องความปลอดภัยของอาหาร ความปลอดภัยบนถนน ฯลฯ

    (2) รัฐบาลควรเร่งจัดทำโครงการ/แผนงานการจ้างแรงงงานและการฝึกอบรมอาชีพ โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ที่ยังเหลืออยู่ 3.217 แสนล้านบาทจากเงินกู้สำหรับแผนงานการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ดังนี้ (ก) โครงการจ้างงานผู้ที่ตกงานจากธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนอุตสาหกรรมที่ถูกผลกระทบอย่างหนัก (เช่นรถยนต์ อสังหาริมทรัพย์) การจ้างงานดังกล่าวจำเป็นต้องคำนึงถึงทักษะและภูมิลำเนาของคนตกงาน

    นอกจากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรือซ่อมแซมอาคาร/ถนนหนทาง และระบบสาธารณูปโภค (เพราะมีแรงงานก่อสร้างและช่างตกงานจำนวนมาก) แล้ว รัฐควรอุดหนุนให้ภาคเอกชน หรือบริษัทต่าง ๆเสนอโครงการจ้างแรงงานที่ตกงานและมีการศึกษาต่ำ รวมทั้งการให้กระทรวงแรงงานและบริษัทจัดหางานเอกชนจัดบริการจัดหางานให้คนตกงานมีโอกาสพบปะหางานกับนายจ้างโดยตรงในจังหวัดต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19 (ข) โครงการฝึกอบรมพัฒนาทักษะและอาชีพสำหรับแรงงานที่มีการศึกษาต่ำกว่าอุดมศึกษา โดยเฉพาะผู้ที่เคยทำงานในภาคท่องเที่ยว/ภาคบริการ และอุตสาหกรรมที่ถูกผลกระทบรุนแรง เช่น รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ แต่การฝึกอบรมอาชีพต้องเน้นหลักสูตรและการวัดผลตามสมรรถนะ หรือความสามารถในการประยุกต์ใช้ทักษะความรู้ (competency based curriculum) และมีเป้าหมายให้ผู้เข้าอบรมมีงานทำหลังจบการอบรม โดยการสนับสนุนสถาบันการศึกษาร่วมพัฒนาหลักสูตรกับภาคเอกชน

    ประเด็นสุดท้าย คือ แนวทางการบริหารจัดการนโยบายฟื้นฟูและปรับโครงสร้างเศรฐกิจที่จะใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาทส่วนที่เหลือ และเงินงบประมาณในอนาคต ควรเป็นอย่างไร จึงจะสัมฤทธิ์ผล นอกจากการกำหนดเป้าหมายการเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว ควรกำหนดเป้าหมายการลดจำนวนผู้ว่างงาน ตลอดจนเป้าหมายการพัฒนาทักษะของแรงงานที่เคยทำงานในสาขาเศรษฐกิจที่ถูกผลกระทบหนักให้สามารถหันไปประกอบอาชีพอื่นที่ตลาดต้องการได้

    นโยบายฟื้นฟูฯ ควรประกอบด้วยแนวทางการบริหารจัดการอย่างน้อย 3 แนวทาง คือ ก) การกระจายอำนาจตัดสินใจคัดเลือกโครงการและดำเนินงานไปยังจังหวัดต่าง ๆ โดยให้คณะกรรมการระดับจังหวัดที่รัฐบาลเพิ่งแต่งตั้งเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้เพราะคนในพื้นที่จะมีความรู้เรื่องศักยภาพ ความต้องการของธุรกิจ ข้อมูลและข้อจำกัดต่าง ๆ ดีกว่ากรรมการไม่กี่คนในส่วนกลาง การบริหารจัดการในระดับจังหวัดจะต้องไม่ใช่การแยกส่วนให้หน่วยราชการแต่ละหน่วยงานต่างคนต่างทำ แต่จะต้องจัดทำในรูปบูรณาการร่วมมือกันระหว่างหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และนักวิชาการ

    ส่วนคณะกรรมการระดับประเทศควรมีบทบาทด้านการกำหนดเป้าหมาย แนวทางและหลักเกณฑ์การพิจารณาโครงการและจัดสรรงบประมาณ จังหวัดที่เดือดร้อนที่สุด โดยเฉพาะจังหวัดพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญควรได้รับการจัดสรรงบประมาณมากกว่า รวมทั้งการวางแผนและนโยบายโดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลเกี่ยวกับผู้ว่างงาน และผู้ที่ถูกผลกระทบจากโควิดที่หน่วยงานรัฐได้จากการจดทะเบียนในโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะฐานข้อมูลเราไม่ทิ้งกัน และบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย

    การดำเนินการตามแนวทางนี้หมายความว่าสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมต้องส่งคืนโครงการกว่า 40,000 โครงการที่หน่วยราชการในพื้นที่ต่างคนต่างเสนอ เพื่อให้มีการทบทวนเป็นโครงการที่มีการบูรณาการร่วมมือกันทุกฝ่าย ซึ่งจะทำให้จำนวนโครงการของแต่ละจังหวัดลดน้อยลงเหลือจังหวัดละไม่เกิน 10-20 โครงการ/แผนงาน วิธีนี้จะทำให้การบริหารจัดการโครงการมีต้นทุนต่ำลง และสามารถก่อผลสัมฤทธิ์อย่างมีนัยสำคัญ การติดตามและประเมินผลก็จะง่ายและรวดเร็วขึ้น

    ข) แนวทางที่สอง คือ การจัดตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขึ้นในสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ โดยให้องค์ประกอบของคณะกรรมการเป็นผู้บริหารมืออาชีพและผู้ทรงคุณวุฒิคล้ายกับคณะกรรมการด้านศรษฐกิจมหภาคและงบประมาณจาก 4 หน่วยงานที่ประสบความสำเร็จในการดูแลเสถียรภาพเศรฐกิจไทยตลอดเวลากว่า 60 ปี (ได้แก่ สภาพัฒนาการฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรฐกิจการคลัง และสำนักงบประมาณ) แต่กรรมการฟื้นฟูฯ ชุดนี้จะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้งจาก 4 หน่วยงานและหน่วยงานราชการที่ดูแลภาคเศรษฐแท้จริง (เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม พาณิชย์ แรงงาน) ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน รวมทั้งนักวิชาการจำนวนหนึ่ง

    เหตุผลที่ต้องมีคณะกรรมการฟื้นฟูฯ มืออาชีพที่เป็นสถาบันค่อนข้างถาวร เพราะงานฟื้นฟูและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเป็นงานที่ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี และต้องการผู้รับผิดชอบที่มีความรู้และประสบการณ์ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คำแนะนำแก่รัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณ การกู้เงิน การเก็บภาษีเพื่อชำระหนี้ การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม การพัฒนาทักษะความรู้ของแรงงานไทย ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือกับบริษัทและรัฐบาลต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายการทำงานก็เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงเป็นธรรมและยั่งยืน

    ค) การบริหารจัดการประการสุดท้าย คือ การฟื้นฟูและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจควรเน้นการการสร้างงานและพัฒนาอุตสาหกรรมและสร้างทักษะแรงงานตามความต้องการของตลาด ไม่ใช่ความต้องการของหน่วยราชการ รวมทั้งการลงทุนโครงสร้างพี้นฐานด้านต่างๆ เพื่อกระจายความเจริญจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกและกรุงเทพฯ

    โดยมีหลักการที่คล้ายกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐต้องเป็นการลงทุนที่เกื้อหนุนการลงทุนของภาคเอกชน (crowding-in investment) เพราะเงินที่ใช้ในนโยบายฟื้นฟู และปรับโครงสร้างฯ ครั้งนี้เป็นเงินกู้ ยิ่งกว่านั้น รัฐควรสร้างกติกาและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อชักจูงใจให้เอกชนเข้ามาเป็นผู้ลงทุนในโครงการต่างๆ ร่วมกับรัฐ วิธีนี้จะทำให้รัฐไม่ต้องกู้เงินจำนวนมากเพื่อลงทุนในอนาคต เศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้มากขึ้นตามศักยภาพที่แฝงอยู่ในจังหวัดต่างๆของประเทศ แต่ไม่มีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลาง

    โดย นิพนธ์ พัวพงศกร
    สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/columns/news-541691
     

แชร์หน้านี้

Loading...