ติดตามสถานะการณ์

"คุยกับบัญชา" เศรษฐกิจโลกปี 63 ฟื้นไข้โควิด-19 นิดๆ -4.4% โควิด-19 ยังห่างไกลจุดสิ้นสุด ดันยอดคนจนพุ่งสูงแตะ 90 ล้านคน
.
#IMF #เศรษฐกิจโลก #การขยายตัว #โควิด19 #รายได้ #BTimes #คุยกับบัญชา

 

Oct 17 , 2020 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 10 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 3,679 ราย ยอดเสียชีวิต 59 ราย
.
โดยขณะนี้มีผู้ป่วยในโรงพยาบาล 142 ราย รักษาหายแล้ว 3,478 ราย เสียชีวิต 59 ราย
.
โดยผู้ป่วยรายใหม่ 10 ราย อยู่ในพื้นที่ State Quarantine 8 ราย และมาจากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ผู้ติดเชื้อในประเทศ จากจังหวัดตาก (ชาวเมียนมา)
2 ราย
.
#ศบค #Covid19 #ไวรัส #Misterban

 

Oct 17, 2020 ฮ่องกงจับมือสิงคโปร์ ทำแอร์ ทราเวล บับเบิล บินปลอดภัยยุคโควิด -19
.
รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ของจีน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (15 ตุลาคม 2563) ว่า ฮ่องกงและสิงคโปร์บรรลุข้อตกลงในหลักการว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระเบียงท่องเที่ยวทางอากาศ หรือแอร์ ทราเวล บับเบิล (Air Travel Bubble) ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างศูนย์กลางการบิน 2 แห่งอย่างปลอดภัยและเป็นไปอย่างก้าวหน้า
.
การบรรลุข้อตกลงในหลักการดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมทางวิดีโอเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ระหว่างเลขาธิการสำนักพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ชิวเถิงหัว (Edward Yau) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์ ออง ยี คัง (Ong Ye Kung)
.
ข้อตกลงดังกล่าว ระบุว่า จะไม่มีข้อจำกัดด้านวัตถุประสงค์ของการเดินทาง และผู้เดินทางภายใต้ระเบียงท่องเที่ยวทางอากาศจะไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการกักกันตัวที่บ้าน (Stay-Home Notice) หรือการเดินทางที่ต้องมีการควบคุม แต่ในเบื้องต้นพวกเขาจำเป็นต้องมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ โดยต้องเป็นผลการตรวจเชื้อแบบพีซีอาร์ที่ทั้งสองฝ่ายให้การยอมรับ
.
อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางจะต้องโดยสารเที่ยวบินเฉพาะที่ไม่มีผู้โดยสารที่ต่อเครื่อง หรือผู้เดินทางที่ไม่ได้อยู่ในโครงการดังกล่าว
.
โครงการระเบียงท่องเที่ยวทางอากาศนี้สามารถปรับความครอบคลุมได้โดยการปรับจำนวนเที่ยวบินให้มากขึ้นหรือน้อยลง หรืออาจถูกระงับได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดของสองประเทศ
.
ชิวเถิงหัว แสดงความยินดีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงเงื่อนไขหลักๆ ของระเบียงท่องเที่ยวทางอากาศได้ และมั่นใจว่าข้อตกลงดังกล่าวจะบรรลุผลในไม่ช้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างทั้งสองประเทศ

#โควิด #misterban #สิงคโปร์ #ฮ่องกง

 

Oct 17, 2020 คนอเมริกันตื่นตัว ยอดใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
.
ชาวอเมริกันที่มีสิทธิ์เลือกตั้งตื่นตัวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีปีนี้มาก จนส่งผลให้มีผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าสูงเป็นประวัติการณ์
.
สำนักข่าวเอพี รายงานว่า นับจนถึงขณะนี้ มีชาวอเมริกันที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนกว่า 22 ล้านคนออกไปใช้สิทธิ์เลือกประธานาธิบดีล่วงหน้า ถือเป็นตัวเลขสูงที่สุดของการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ เหตุผลมาจากแรงผลักดันและความกระตือรือร้นของพรรคเดโมแครต และความกลัวการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่เกิดวิกฤตสาธารณสุขที่ส่งผลให้รูปแบบการลงคะแนนเสียงของชาวอเมริกันเปลี่ยนแปลงไป
.
การออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าของชาวอเมริกันที่คึกคักแบบนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งหลายคนมองว่า ในปีนี้ จะมีชาวอเมริกันใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งถึง 150 ล้านคน ซึ่งถ้าเป็นจริงตามที่คาด จะเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นับตั้งแต่ปี2551 เป็นต้นมา
.
#เลือกตั้งอเมริกา #เลือกตั้ง #ทรัมป์ #โจไบเดน #misterban

 

Oct 17, 2020 ปลัด มท. สั่งผู้ว่าฯจังหวัดชายแดน 3 มาตรการคุมเข้มขนส่งสินค้าป้องกันโควิด -19
.
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19ในประเทศเพื่อนบ้าน
ได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
.
เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระดับพื้นที่ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
.
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้านทุกจังหวัด ดำเนินการ
.
1) เข้มงวดการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของกลุ่มผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็นตามที่ได้กำหนดไว้ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ที่ 8/2563 เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 7 และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
.
2) ให้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณากำหนดพื้นที่สำหรับจอดยานพาหนะขนส่งสินค้าให้ชัดเจนและจำกัดการเข้าพื้นที่ดังกล่าวเฉพาะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขนส่งสินค้าเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และ
.
3) ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เพื่อเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ (Incident Commander : IC) ประจำช่องทางผ่านแดนทุกแห่งที่มีการอนุญาตให้ใช้ในการผ่านเข้า-ออกของบุคคล สินค้า และยานพาหนะ จำนวนช่องทางละ 1 ราย เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแล สั่งการ และประสานการปฏิบัติในการเข้า-ออกช่องทางให้เป็นไปตามข้อกำหนด คำสั่ง และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
.
พร้อมทั้งพิจารณาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ช่องทางเข้า-ออกในระดับพื้นที่ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทราบหรือพิจารณาดำเนินการ พร้อมรายงานการปฏิบัติมายัง ศบค.มท. ทราบต่อไป

#โควิด19 #misterban #ชายแดน #มหาดไทย #ป้องกันโควิด

 

Oct 17, 2020 ‘ฟินแอร์’ สายการบินแห่งชาติฟินแลนด์ จัดเมนูอาหารที่เสิร์ฟในชั้นบิสสิเนสคลาส จำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต
.
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ‘ฟินแอร์’ สายการบินแห่งชาติของฟินแลนด์ ทดลองโมเดลธุรกิจนำอาหารที่เสิร์ฟในชั้นธุรกิจมาวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อช่วยให้สายการบินยังสามารถจ้างงานพนักงานแผนกจัดทำอาหารได้ ในช่วงที่ยังไม่สามารถทำการบินเป็นปกติเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
.
โดยสายการบินระบุว่า โครงการนี้เป็นการนำร่องภายใต้ชื่อธีม Taste of Finnair และเริ่มขายในซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
.
ซึ่งเมนูอาหารที่ทำขายจะเป็นสไตล์เอเชียและนอร์ดิก เช่น เนื้อย่างซอสเทอริยากิสไตล์ญี่ปุ่น, ลูกชิ้นกวางเรนเดียร์ และปลาอาร์คติกชาร์ โดยมีราคาประมาณ 10-13 ยูโร (12-15 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
.
“นับตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ยอดขายอาหารแบบซื้อกลับบ้านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นช่วงที่คนประมาณ 60% ทำงานจากที่บ้านเนื่องจากการระบาดของโควิด-19”
.
“มาริกา นิเยมีเน็น” รองประธานฝ่ายครัวของฟินแอร์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สายการบินทั่วโลกต้องหยุดเที่ยวบินจำนวนมาก ฟินแอร์เองก็ประสบปัญหารายได้จนต้องเลิกจ้างพนักงานแบบชั่วคราวเกือบ 7,000 คน และลดปริมาณเที่ยวบินลงน้อยกว่าปีก่อนถึง 91% คาดว่าโครงการนี้จะเป็นตัวช่วยให้บริษัทสามารถนำพนักงานที่ถูกเลิกจ้างกลับมาทำงาน

#misterban #สายการบิน #ฟินแอร์ #ฟินแลนด์

 

Oct 17, 2020 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพของตนเองในช่วงฝนตก ระวังการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ แนะยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
.
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ประเทศไทยเกือบทุกพื้นที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บางพื้นที่อุณหภูมิลดลงในตอนเช้าจนร่างกายปรับตัวไม่ทัน อาจทำให้พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กและเด็กวัยเรียนที่มีการรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมากในสถานศึกษา
.
สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 12 ตุลาคม 2563 พบผู้ป่วย 112,283 ราย เสียชีวิต 3 ราย
.
สำหรับในปี 2562 ช่วงเดือนมกราคม - กันยายน พบผู้ป่วย 304,225 ราย เสียชีวิต 20 ราย จะเห็นได้ว่าในปี 2563 มีจำนวนผู้ป่วยลดลง จากความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตนตามคำแนะนำในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 โดยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง แยกของใช้ และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ซึ่งส่งผลให้พบผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจลดลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่
.
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังคงมีฝนตกในหลายพื้นที่ นายแพทย์โอภาส แนะนำประชาชนที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น โดยเฉพาะ ในสถานศึกษา ขอให้ระมัดระวังการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ที่สามารถติดต่อจากการไอ จามรดกัน หรือจากการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโรค เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู เป็นต้น สำหรับอาการของโรคจะคล้ายไข้หวัด แต่จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะ อ่อนเพลีย แต่สามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน ดังนั้นหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรรีบพบแพทย์ทันที
.
อย่างไรก็ตามในประเทศไทยมีรายงานพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี โดยพบมากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนสังเกตอาการของโรคโควิด 19 หากมีอาการไข้ ไอ หายใจเหนื่อยหอบ เพราะคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ ควรรีบพบแพทย์ทันที
.
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ปิด คือ ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม โดยใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ ควรใส่หน้ากากอนามัย ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น ลูกบิด ราวบนรถโดยสาร เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือในสถานที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น และ หยุด คือเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรม แม้ผู้ป่วยมีอาการไม่มาก ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

#misterban #โควิด19 #โรคทางเดินหายใจ #ไข้หวัดใหญ่ #ล้างมือ

 

การบินไทย ในช่วงวิกฤติอย่างนี้ จำเป็นต้องจัดโครงการร่วมใจเสียสละ เพื่อช่วยยืดกระแสเงินสดออกไป #ไทยรัฐออนไลน์

 

สะเทือนขวัญ คนร้ายฆ่าตัดคอครู ริมถนน ชานกรุงปารีส ในฝรั่งเศส ก่อนถูกตำรวจวิสามัญ

#ข่าวต่างประเทศ #ไทยรัฐออนไลน์

 

รัฐบาลอนุญาตให้เข้ามาเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อย่างน้อย 28 วันต่อเนื่อง #บทบรรณาธิการ #ไทยรัฐออนไลน์

 

กระสุนยางไม่ใช่ลูกยางเด้ง อันตรายเมื่อยิงใส่โดยตรง

เมื่อคนได้ยินคำว่า “ยาง” กระสุนยาง อาจรู้สึกว่าเวลาโดนตัวมันจะเด้ง ๆ และแค่เจ็บเล็กน้อย” แต่ Andre Andreararles นักถ่ายภาพข่าว วัย 27 ปีได้บอกกับ The Cut เกี่ยวกับประสบการณ์ที่เจ็บปวดของการถูกยิงในระหว่างการประท้วงว่า "ผมเคยโดนลูกเบสบอลขว้างอัดใส่มาก่อนและนี่แย่กว่า 100 เท่า"

"ผมโดนยิงล้มร่วงพื้น มือยังถือกล้องอยู่ ลุกขึ้นได้ขาเดินกะเผลก ผมคิดเลยว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าโดนยิงเข้าที่ตา คงตาบอด ถ้ายิงอัดที่หน้าอกจะเป็นอย่างไร พวกเขาไม่ได้เล็ง ตอนแรกที่โดนเจ็บตรงจุดที่โดนมาก หลังจากนั้นอาการปวดก็ขยาย ทั้งปวดทั้งบวม"

อังเดร โดนกระสุนยางสองครั้งขณะถ่ายภาพเหตุการณ์ประท้วงที่เมืองมินนิแอโพลิส ในคืนวันศุกร์ (29 พ.ค.) ระหว่างเดินไปตามถนน เมื่อตำรวจปรากฏตัว พวกเขาก็เริ่มยิงทุกคน ผมยืนอยู่ในกลุ่มคนเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีอาวุธ แต่ตำรวจไม่สนใจ

อังเดร กล่าวว่า ตำรวจไม่ควรใช้ปืนทุกชนิดเพื่อสลายฝูงชน เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนของจริง รู้สึกเหมือนมีคนกำลังยิงคุณและคุณกำลังวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด

อังเดร โดนกระสุนยางอีกนัดในวันเสาร์ (30 พ.ค.) เมื่อผู้คนออกมาเดินขบวนเลยกำหนดเวลาเคอร์ฟิว 20.00 น. พวกเขาประท้วงอย่างสงบและคิดว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ทำอะไร ทันใดมีเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งออกมาจากอาคาร พวกเขาโยนระเบิดควันเพื่อส่งสัญญาณการมาของพวกเขา ผมเดาว่ามันเป็นคำเตือน จากนั้นการยิงก็เริ่มขึ้นเลย ผมโดนเข้าไปอีกนัด

ผมอยากจะล้มตัว แต่ฝืนวิ่งไปพร้อมกับคนอื่น ๆ บรรยากาศตอนนั้นเหมือนเจ้าหน้าที่กำลังคิดว่า "คนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์ เป็นสัตว์ และมีความสุขกับการยิง” รู้สึกเหมือนกำลังฝึกซ้อมเป้า

ท่ามกลางการประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมหลังจากการตายของจอร์จฟลอยด์ ตำรวจทั่วประเทศได้ใช้กลยุทธ์รุนแรงเพื่อระงับการประท้วง รวมถึงการยิงกระสุนยางใส่ผู้ประท้วง ในขณะที่กระสุนยางถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่ากระสุนจริง แต่ก็ยังมีอันตราย บางชนิดมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือของคุณ มันไม่ได้ทำจากยางจริง ๆ และแม้จะมีการจัดหมวดหมู่ของพวกเขาเป็นอาวุธที่ "ไม่เป็นอันตราย" ในบางกรณีก็ทำให้เสียชีวิตได้

นี่คือสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการใช้กระสุนยางของตำรวจ

กระสุนยาง ไม่ใช่ยางจริง ๆ
Fast Company รายงานว่า “กระสุนยาง” เป็นการเรียกชื่อที่ผิด ในความเป็นจริง กระสุนยางมักจะมีแกนโลหะหรือส่วนประกอบที่มีการเคลือบโพลีเมอร์บาง ๆ และบางส่วนทำจากโฟมหรือพลาสติกชุบแข็งทั้งหมด ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าตำรวจยิงกระสุนยางไปกี่นัด บ่อยแค่ไหน

ตามรายงานของ NBC ตำรวจไม่จำเป็นต้องแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการใช้กระสุนยาง - กระสุนยางจัดว่าเป็นอาวุธควบคุมฝูงชนมาตรฐาน ไม่คมกระสุนเช่นกระสุนปกติทั่วไปเพื่อไม่ให้คมเจาะทะลุร่างกาย และอาจไม่มีความแม่นยำ จึงใช้เล็งต่ำยิงที่ขาหรือพื้นดินเป็นหลัก

The Cut รายงานว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ผู้ประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ที่กลายเป็นเหยื่อของความโหดร้ายของตำรวจ ผู้ประท้วงได้เผชิญการใช้กำลังทางกายภาพและแก๊สน้ำตา รวมทั้งการขับรถตำรวจพุ่งกระแทกไปยังกลุ่มผู้ประท้วงที่ขวางถนน เจ้าหน้าที่ได้ยิงผู้ประท้วงหลายคนด้วยกระสุนยาง

กระสุนยางนั้น มีจุดประสงค์ของการออกแบบโดยยิงมุ่งไปที่พื้นเพื่อให้ฝูงชนแตกกระจาย แต่เมื่อยิงตรงไปที่ร่างกายผู้ประท้วง ย่อมทำให้ผู้ถูกยิงได้บาดเจ็บสาหัส เช่น กระดูกซี่โครงร้าว กะโหลกศีรษะร้าว หรือแผลแตกอื่น ๆ และนี่คือสิ่งที่ตำรวจทำในการประท้วงทั่วอเมริกากับหลายกรณี

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักข่าวคนหนึ่งกล่าวว่ารู้สึกเหมือน“ใบหน้าของเธอระเบิด” พร้อมกับเลือดพุ่งอาบ หลังจากโดนกระสุนปืนยางในมินนิแอโพลิส นักแสดงเคนดริก แซมป์สัน กล่าวว่าเจ้าหน้าที่แอลเอพีดี เล็งปืนมาที่เขาโดยตรง ก่อนจะยิงกระสุนยาง และมีโพสต์วิดีโอของชายอีกคนหนึ่งที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลหลังจากถูกยิงที่หน้า

......

ภาพจาก - Tamara Dhia@tamaradhia
- Gina@MissGinaDarling
- Adolfo Guzman-Lopez@AGuzmanLopez

ข่าว - ‘Rubber Bullets’ Are Not Rubber
https://www.thecut.com/2020/06/rubber-bullets-are-not-rubber.html
- What It Feels Like to Be Shot by a Rubber Bullet
https://www.thecut.com/2020/05/what-does-a-rubber-bullet-feel-like.html

 

โลกออนไลน์แชร์คลิปวิดีโอขณะที่ขีปนาวุธลูกหนึ่งถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าบริเวณชายฝั่งทะเลดำของตุรกีเมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) ซึ่งเป็นจุดที่คาดกันว่ากองทัพตุรกีจะทดสอบระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ที่สั่งซื้อจากรัสเซีย ในความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามรุนแรงจากอเมริกา

อ่านต่อ >>https://sondhitalk.com/2020/10/17/10328
.............................................
ติดตามคลิป VDO เพิ่มเติมได้ที่
YoutubeSondhitalk: https://www.youtube.com/c/Sondhitalk
Website: https://www.sondhitalk.com
Podcast Sondhitalk: https://sondhitalk.podbean.com/

 

เวียดนาม : ภาคกลางเวียดนาม กำลังเจอพายุถล่มอีกครั้งวันนี้ มีฝนตกหนักซ้ำจุดเดิมที่ท่วม ทางการเตือนฝนตกหนักถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2563

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ชี้การใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงกับผู้ชุมนุมในไทย สะท้อนถึงมาตรการปราบปรามการประท้วงที่รุนแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ

เมื่อ 17 ต.ค.63 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์การนอกภาครัฐที่ทำงานเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและทั่วโลก ออกแถลงการณ์ สืบเนื่องจากการใช้กำลังตำรวจของไทยเพื่อสลายการชุมนุม รวมทั้งการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสารระคายเคืองและสีย้อม

มิงยู ฮาห์ รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า การใช้กำลังเกินกว่าเหตุเพื่อสลายการชุมนุมโดยสงบเมื่อคืนที่ 16 ต.ค. เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และไม่สอดคล้องอย่างสิ้นเชิงกับหลักการตามกฎหมายที่ได้รับการยอมรับ ในหลักการความจำเป็น และหลักการที่ได้สัดส่วนอย่างที่ทางการไทยอ้าง

“การใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงที่ผสมสารระคายเคืองและสีย้อม ไม่เพียงอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บ การใช้สีผสมในน้ำยังเป็นการกระทำที่ไม่เลือกเป้าหมาย และอาจนำไปสู่การพุ่งเป้าเพื่อจับกุมโดยพลการต่อผู้ชุมนุมโดยสงบ ผู้สื่อข่าว และผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ ซึ่งอาจถูกน้ำฉีดใส่จนเปื้อนสี

ในการควบคุมการชุมนุม ทางการไทยควรเคารพ คุ้มครองและประกันการใช้สิทธิมนุษยชนของผู้จัดการชุมนุมและผู้เข้าร่วม รวมทั้งยังต้องประกันความมั่นคงปลอดภัยของผู้สื่อข่าว ผู้สังเกตการณ์การชุมนุม และประชาชนทั่วไปที่ร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมด้วย

เราขอเรียกร้องทางการไทยให้ปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศของตน และอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ ทางการไทยต้องอนุญาตให้ผู้ชุมนุมโดยสงบสามารถแสดงความคิดเห็นของตน โดยต้องไม่ทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มมากกว่านี้”

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว เศรษฐกิจไทยหายใจรวยริน!!?? ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 อยู่ในจุดตั้งหลัก เพราะผ่านจุดหนักที่สุดมาแล้วไตรมาส 2 ที่ขยายตัวติดลบ 12.2% ล่าสุด ธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะติดลบ 8% จากเดิมที่คาดไว้ลบ 5% โดยปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวได้ 2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.8% โดยประเมินว่าเศรษฐกิจต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี ถึงจะกลับมาขยายตัว 3-4% เหมือนก่อนที่มีการระบาดของ COVID-19

สาเหตุที่ธนาคารฯยังให้เศรษฐกิจปีนี้ติดลบมาก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัญหาไม่ฟื้นตัว การส่งออกของไทยคาดว่าจะติดลบ 8% นอกจากนี้ มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกระตุ้นการบริโภคในประเทศยังต้องดูว่าจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังไม่สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศได้ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้และปีหน้ายังไม่ฟื้น ธนาคารประเมินว่าประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเที่ยวปีละ 40 ล้านคน เหมือนเดิมต้องใช้เวลา 3-5 ปี

** "เศรษฐกิจไทยมีช่วงเว้นว่างในไตรมาส 3 ที่ไม่มีทีมเศรษฐกิจที่ชัดเจนของรัฐบาล มีการลาออกของ รมว.คลัง 2 คนคือ นายอุตตม สาวนายน และ นายปรีดี ดาวฉาย ตอนนี้รัฐบาลมีทีมเศรษฐกิจใหม่ มี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ มาเป็น รมว.คลังคนใหม่ ต้องรอดูว่าจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมทำให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมาได้หรือไม่" ดร.ทิม กล่าว.
----------------------------------
อ่านต่อ : https://www.posttoday.com/finance-s...4i2xpAJt8dvZj-4D3MOF6XXVq2reZi3jnUzqEUOieTOcg

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ไทยยางงายยยย!!!?? มาเลเซีย กำลังเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับจีน หลังจากที่ประชาชนพากันนิยมทุเรียนมาเลเซียกันอย่างมากแล้ว มาเลเซียก็เตรียมสร้างฮับธุรกิจทุเรียนไม่พอ ล่าสุด จีนเตรียมซื้อน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียด้วย

โดยเรื่องนี้ Wang Yi รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวในโอกาสพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย โดยประเด็นที่ให้ความสำคัญคือเรื่องทะเลจีนใต้และการค้าระหว่างประเทศ ซึ่ง Wang Yi กล่าวว่า ให้ชาติเอเชียระวังความเสี่ยงที่เกิดจากยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันด้านภูมิรัฐศาสตร์ในทะเลจีนใต้และในมิติอื่นของภูมิภาค ทั้งนี้-ยังย้ำอีกว่า จีนและชาติสมาชิกอาเซียนควรทำงานร่วมกันเพื่อขจัดการดิสรัปจากนอกภูมิภาคที่เข้ามาเกี่ยวพันในทะเลจีนใต้ ด้าน Hishammuddin รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ระบุว่า จีนเตรียมสั่งซื้อน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียราว 1.7 ล้านตันจนถึงปี 2023 ทั้งนี้ ได้หารือกับจีนถึงโอกาสที่จะเกี่ยวพันกันแบบความสัมพันธ์สามฝ่าย โดยใช้น้ำมันปาล์มมาเลเซียและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์มเพื่อที่จะทำให้เกิดความมั่นคงทางอาหารแก่ประเทศที่สาม.
-----------------------------------
อ่านต่อ : https://brandinside.asia/china-will...2d9Fh0t-oHL3qayRhi7-gCibyfbhBdNWBspgBhSwdJKWo

 

Oct 17, 2020 จนได้! เจอเมียนมาติดโควิด 5 คนในไทยที่แม่สอด จ.ตาก กักตัวอีก 55 คน ปิดล็อคดาวน์แม่สอด

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก แถลงข่าวเป็นทางการว่า พบผู้ติดโรคโควิด-19 เป็นชาวเมียนมารวมทั้งสิ้น 5 ราย ประกอบด้วย สามีอายุ 63 ปี ภรรยาอายุ 53 ปี ซึ่งมีบัตรเข้ามาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย อีก 3 ราย ประกอบด้วย ลูก 1 ราย ซึ่งเป็นลูกติดมาจากสามีและภรรยาที่ติดก่อนหน้านี้ หลานผู้ชาย 1 ราย และหลายผู้หญิง 1 ราย รวมพบชาวเมียนมาที่อยู่ใน อ.แม่สอด รวมทั้งสิ้น 5 คน สำหรับ 3 รายหลังนั้นอยู่ในกลุ่มคนที่สัมผัสใกล้ชิดจำนวน 9 ราย ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง เนื่องจากอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ผลการตรวจทั้งหมด ยืนยัยโดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก และกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่มีกลุ่มเสี่ยงอีกจำนวน 55 ราย ซึ่งนำไปตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งหมด ซึ่งผลการตรวจเชื้อของทุกคนจะทยอยออกมา และรอยืนยันอีกครั้งช่วงค่ำวันนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก แถลงต่อไปว่า การประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดและการประชุมศูนย์สั่งการชายแดนเมียนมา ได้มีมติประกาศการยกระดับการควบคุมโรค ได้แก่ การควบคุมพื้นที่ชุมชนพื้นที่ไข่แดงรอบบ้านของผู้ติดเชื้อ และมีการดูความเสี่ยงพบมีชุมชนย่อย 2 ชุมชน คือ ชุมชนมะดีนะห์ มีคนมุสลิมอาศัยอยู่มาก และชุมชนถุงทอง ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ ได้มีการคัดกรองเบื้องต้น ควบคุมการเข้าออกให้มีการเคลื่อนที่น้อยที่สุด สำหรับชุมชนที่เกี่ยวข้องมี 5 ชุมชนมัสยิดในพื้นที่ได้ติดต่อประสานงานกับคณะกรรมการอิสลาม อ.แม่สอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มัสยิด อ.แม่สอดเสนอให้งดศาสนกิจในมัสยิดบนความพร้อมใจของคนในชุมชน รวมถึงประสานกับเจ้าคณะอำเภอของวัดต่างๆ ให้งดกิจกรรมที่มีความสุ่มเสี่ยงในการชุมนุมทุกแห่ง ขณะที่การเรียนการสอน และโรงเรียนในพื้นที่ดังกล่าวนั้น ปรากฎว่า มีโรงเรียนในชุมชนรวม 5 แห่ง และศูนย์เด็กเล็กอีก 1 แห่ง จึงขอให้หยุดการเรียนการสอนตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยมีผลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ โรงเรียนในชุมชนดังกล่าวให้จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ด้านสถานบริการนั้น ขอให้ปิดบริการเป็นเวลา 7 วัน

ด้านธุรกิจค้าปลีกในพื้นที่ดังกล่าวนั้น ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ได้มีการยกระดับมาตรการแต่ยืนยันว่าไม่มีการปิดบริการใดๆทั้งสิ้น นอกจากนั้นในการดูแลภาพรวมทั้งหมดทุกอำเภอที่มีรอยต่อกับอ.แม่สอด จะมีการตั้งด่านคัดกรองโควิด-19 โดยมีการสนธิกำลังระหว่างฝ่ายทหาร และฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข ร่วมกันดูแลคนที่จะเข้าออกจากอ.แม่สอด

สำหรับด่านชายแดนไทย-เมียนมา ที่บริเวณ อ.แม่สอดนั้น ที่ประชุมเสนอมาตรการปิดด่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ซึ่งเป็นที่ใช้ขนส่งสินค้าตามข้อกำหนด โดยปิดชั่วคราว เพื่อจัดระเบียบใหม่ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อจัดระบบเสร็จมั่นใจในมาตรการต่างๆ การเปิดผ่อนคลายให้ขนส่งสินค้าได้จะเป็นการพิจารณาในลำดับถัดไป นอกจากนี้ เสนอให้ปิดด่านช่องทางธรรมชาติที่มีอยู่ตลอดแนวชายแดนมีทั้งหมด 33 จุด เสนองดการขนส่งสินค้าทั้งหมดเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน หรือจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ การปิดสะพานจะดำเนินการได้อย่างช้าที่สุดภายในวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคมนี้ หรือในกรณีอย่างเร็วที่สุด คือในวันพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม) ซึ่งขึ้นกับการประสานงานระดับประเทศกับทางเมียนมาด้วย

พ้นวันนี้ไป โอกาสโควิด-19 ระบาดรอบ 2 ในไทย มีสูงหรือไม่? มั่นใจมากน้อยแค่ไหนที่จะคุมอยู่? อยากรู้ อยากฟัง

#โควิด19 #แม่สอด #ตาก #ปิดด่าน #btimes

 

Oct 17, 2020 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ยืนยันข่าวจริง “ตาเหลือง ตัวเหลือง อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคมะเร็งตับ”
.
จากข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง “ตาเหลือง ตัวเหลือง อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคมะเร็งตับ” กรมการแพทย์ โดย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ตาเหลือง ตัวเหลือง เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนมะเร็งตับและท่อน้ำดี
.
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งตับและท่อน้ำดีเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย แต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 20,000 คน มะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับ และมะเร็งท่อน้ำดีตับ สาเหตุของมะเร็งเซลล์ตับ หลายคนอาจทราบแต่เพียงว่าเกิดจากการดื่มเหล้า แต่ในความเป็นจริงยังมีสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งที่พบบ่อยในบ้านเราคือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิดบีและซี
.
ส่วนมะเร็งท่อน้ำดีตับพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับจากการกินปลาน้ำจืดดิบ การรับประทานอาหารที่มีดินประสิว และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนมไส้กรอกเป็นประจำ รวมถึงการมีภาวะท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง
.
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า ผู้ป่วยแต่ละรายอาจอาจมีอาการแสดงของโรคแตกต่างกันและมักไม่มีอาการในระยะแรก โดยอาการส่วนใหญ่ที่พบ คือ แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
.
ส่วนการป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิด ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน อาหารที่มีดินประสิว และอาหารหมักดอง เป็นต้น

#มะเร็งตับ #กรมอนามัย #กระทรวงสาธารณะสุข #misterban

 

[ANALYSIS] - การประท้วงในฮ่องกงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง ?

การประท้วงในฮ่องกงที่ยังมีมาต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้นั้น ได้เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนเมื่อปีที่แล้ว ความขัดแย้งทั้งหมดโดนจุดชนวนมาจากเรื่อง #กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่ชาวฮ่องกงไม่พอใจว่าทางจีนแผ่นดินใหญ่อาจเข้ามาครอบงำกฎหมายต่างๆในประเทศมากขึ้น จนความไม่พอใจต่อจีนที่สั่งสมมาตลอดทำให้มีผู้ออกมาชุมนุมมากมาย (ในบางครั้งมากถึง 2 ล้านคน) เพื่อต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนนี้

#แต่วันนี้เราไม่ได้จะมาคุยรายละเอียดเรื่องการประท้วงกันครับ แต่อยากมาแชร์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจมากกว่า ว่าการการประท้วงในฮ่องกงได้ทำให้เศรษฐกิจเสียหายของประเทศเสียหายไปแค่ไหนแล้ว ?

1️⃣ GDP ฮ่องกงกำลังจะหดตัวเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันและอาจติดลบถึง -8% ในปีนี้

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจตัวแรกที่น่าจะชัดเจนที่สุดคือผลิตภัณฑ์รวมในประเทศหรือ GDP และการประท้วงในปี 2019 ได้ทำให้ GDP ของฮ่องกงหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ในปี 2008

GDP ฮ่องกงที่เติบโตเฉลี่ยที่ 2%-3% มาตลอด 11 ปีที่ผ่านมากลับหดตัวลงที่ -1.2% ในปีที่่แล้ว และประกอบกับโดนไวรัสโควิดเล่นงานด้วยในปีนี้ทำให้ GDP อาจหดตัวถึง -6% หรือ -8% ในปีนี้

2️⃣ ตลาดหุ้นฮ่องกงดัชนี Hang Seng ได้หดตัวลง -16% แล้วหลังจากเกิดการประท้วงขึ้น

ดัชนีชี้วัดที่สำคัญอันดับที่ 2 น่าจะเป็นตลาดหุ้น เพราะดัชนี Hang Seng คือสิ่งที่สะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง

ก่อนการประท้วงเกิดขึ้นดัชนี Hang Seng เคยซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ 30,000 จุดเมื่อต้นปีที่แล้ว ก่อนที่จะปิดปีที่ระดับ 26,000 จุด

ต่อมาในปีนี้ประกอบกับผลกระทบของไวรัสโควิด ทำให้ดัชนี Hang Seng ร่วงลงไปต่ำสุดถึง 21,000 จุดเมื่อเดือนมีนาคมก่อนที่จะดีดกลับขึ้นล่าสุดที่ระดับ 24,000 จุด หรือหดไป -16% จากต้นปีที่แล้ว

3️⃣ นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปเกินครึ่งหลังการประท้วงเริ่มขึ้น

โดยปกติแล้วฮ่องกงจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาที่ 1.5 แสนคนถึง 2 แสนคนต่อวันมาตลอด (ตัวเลขเฉลี่ยปี 2014-2019) แต่หลังจากการประท้วงเกิดขึ้น นักท่องเที่ยวก็เริ่มกลัวที่จะเดินทางเข้ามาจนตัวเลขหดลงไปเหลือแค่วันละเกือบไม่ถึง 1 แสนคนช่วงสิ้นปี 2019 (หายไปเกือบครึ่งเพราะการประท้วง)

และแน่นอนว่าในช่วงปี 2020 หลังเกิดไวรัสโควิดระบาดนั้นทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวฮ่องกงหดลงมาเหลือเพียงหลักพัน

4️⃣ การใช้จ่ายและบริโภคในประเทศหดตัวลงไปอย่างรุนแรง

การบริโภคของภาคเอกชนคิดเป็นประมาณ 65% ของ GDP ฮ่องกง และแน่นอนว่าการประท้วงได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางออกไปนอกบ้านของชาวฮ่องกง หลายคนเลือกที่จะไม่เดินทางออกไปนอกบ้านเพราะกลัวเจอเหตุการณ์ประท้วงที่รุนแรง

การใช้จ่ายในประเทศหลังเกิดการประท้วงหดไปมากกว่า 25% จากที่การใช้จ่ายในประเทศเคยอยู่ที่เดือนละสูงกว่า 4 แสนล้านเหรียญฮ่องกง แต่ภายในสิ้นปีที่แล้วตัวเลขหดลงมาเหลือเพียงไม่ถึง 3 แสนล้านเหรียญต่อเดือน

5️⃣ ไวรัสโควิดระบาดท่ามการการประท้วงยิ่งทำให้ผลกระทบทวีความรุนแรงขึ้น

ไวรัสโควิดระบาดเป็นสิ่งสุดท้ายที่เศรษฐกิจฮ่องกงต้องการ เพราะนอกจากจะทำให้การใช้จ่ายในประเทศยิ่งหดลง + คนยิ่งไม่ออกนอกบ้าน + นักท่องเที่ยวยิ่งไม่เข้ามาแล้ว ยังทำให้การชุมนุมมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดอีกด้วย #ทำให้การระบาดของไวรัสโควิดและการประท้วงนั้นแทบจะเป็นสองสิ่งที่เข้าขากันมารุมทำลายเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก

และจากข้อมูลที่ได้รายงานไปจะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจฮ่องกงที่แย่อยู่แล้ว ยิ่งแย่ลงอีกมากมายในปีนี้เพราะโดนผลกระทบจากไวรัสควบคู่ไปกับการประท้วงด้วย

✅ ติดตามข่าวสารในตลาดโลกและการลงทุนไปกับทางเพจอย่างรวดเร็วและทันตลาด !

แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

มาเลเซีย : + 869 ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่วันนี้
ภาพ : Mohamed Yazidi