ติดตามสถานะการณ์

Rodolfo Brenes

จลาจลในเรือนจำโบโกตา เนื่องจากโคโรนาไวรัสมีผู้เสียชีวิต 23 ราย บาดเจ็บ 83 ราย

 

Rodolfo Brenes

พวยน้ำที่น่าทึ่งในหมู่เกาะแบลีแอริก ประเทศสเปน # 22 มีนาคม

 

Rodolfo Brenes

ทหารของกองทัพสเปนกำลังช่วยผลิตหน้ากากและสิ่งของจำเป็นทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อต่อสู้กับ coronavirus

 

Rodolfo Brenes

โรงพยาบาลในสเปนปัญหาการขาดแคลนเตียงทำให้ผู้คนนอนอยู่บนพื้น

 

Rodolfo Brenes

ความโกลาหลในซุปเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักร

 

Rodolfo Brenes

ลูกเห็บตกหนัก กระทบสนามบินดูไบ # 22 มีนาคม

 

Rodolfo Brenes

น้ำท่วมและลูกเห็บตกอย่างกระทันหัน กระทบหลายเมืองในโปรตุเกส # 22 มีนาคม

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Mar 23) น้ำมันดิ่ง-โควิด ทุบยอดส่งออก ก.พ.2563 พลิกเป็นลบ 4.47% จากเดือนก่อนบวก 3.35% : ส่งออกไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ลดลง 4.47% ผลจากราคาน้ำมันลดลง แต่ทั้งนี้ ยังเชื่อมั่นทั้งปี 2563 ว่าการส่งออกไทยยังมีโอกาสขยายตัวเป็นบวกได้ รับปัญหาโควิด-19 ยังประเมินทิศทางผลกระทบส่งออกเร็วไปรอติดตามสถานการณ์สักระยะ

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การส่งออกไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ลดลง 4.47% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าอยู่ที่ 20,641 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และฐานการส่งออกอาวธในช่วงซ้อมรบในปีก่อน แต่หากดูเฉพาะมูลค่าการส่งออกถือว่ามูลค่าการส่งออกของไทยยังทรงตัวดีมีมูลค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 19,871 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างปี 2558-2562 อย่างไรก็ดี หากหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธ ยุทธปัจจัย การส่งออกของไทยในเดือนนี้ยังขยายตัวอยู่ที่ 1.51%

ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 16,745 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.30% ส่งผลให้การค้าไทยเกินดุล 3,897 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี การส่งออก 2 เดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์) ของปี 2563 ไทยส่งออกส่งออกลดลง 0.81% มีมูลค่าอยู่ที่ 40,267 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้การค้าไทยเกินดุลอยู่ที่ 2,341 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 3.0% สินค้าที่ยังขยายตัวดี ได้แก่ ยางพารา อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ส่วนสินค้าที่หดตัว เช่น ข้าว ผลจากตลาดสหรัฐและจีน ผัก ผลไม้สด แช่แข็งและแปรรูป หกตัวจากตลาดจีน น้ำตายทราย เป็นต้น

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัว 5.2% สินค้าที่ยังขยายตัวดี เช่น ทองคำ ขยายตัวทุกตลาด เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภันฑ์ยาง สินค้าที่ส่งออกหดตัว เช่น อาวุธ กระสุน รวมทั้งส่วนประกอบ ซึ่งหดตัวจากตลาดสำหรับ สิงคโปร์ อัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน โดยจะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันโลกผันผวนปรับตัวลดลง เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภันฑ์ เป็นต้น อย่างไรก็ดี สำหรับการส่งออกไปในตลาดสำคัญในช่วงปัญหาโควิด-19 นั้น หดตัวไปในหลายตลาด เช่น สหรัฐ เนื่องจากปีที่ผ่านมาฐานการส่งออกอาวุธสูง แต่ในปี 2563 ลดลง ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี สำหรับทิศทางการส่งออกในเดือนมีนาคม 2563 แม้อาจจะลอตัวอยู่บ้างแต่เชื่อว่าการส่งออกในครึ่งปีแรก 2563 จะกลับมาขยายตัวดี จากสถารการณ์ของจีนดีขึ้นจะมีผลต่อการเร่งนำเข้าสินค้าโดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรและอาหาร และชดเชยจากการส่งออกในตลาดสหรัฐและยุโรป เริ่มชะลอตัวลงจากปัจจัยเรื่องของโควิด-19

ทั้งนี้ หากจะให้การส่งออกของไทยทั้งปี 2563 ต้องการให้ขยายตัวอยู่ที่ 0% ไทยต้องส่งออกเฉลี่ยต่อเดือน 20,598 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือหากต้องการให้โต 2% ไทยต้องส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ



Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/economy/news-436313

เพิ่มเติม
- แถลงข่าวกระทรวงพาณิชย์
http://www.tpso.moc.go.th/th/home

- presentation
http://www.tpso.moc.go.th/th/home

 

Bank of Thailand Scholarship Students



(Mar 23) หุ้นไทยร่วงแตะ 8% ถูก'เซอร์กิต เบรกเกอร์'ครั้งที่3ในรอบเดือน : ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.25 น.ตลาดหุ้นไทยหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว (เซอร์กิต เบรกเกอร์) หลังจากดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงแตะระดับ 8% หรือลดลง 90.19จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,037.05 จุด ซึ่งถือว่าเป็นการใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ครั้งที่3ในรอบเดือนมี.ค.2563

อนึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปรับกฎเกณฑ์หยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) จาก 2 ระดับ เป็น 3 ระดับคือ ระดับที่ 1 จากเดิมที่ดัชนีลดลง 10% จะหยุดพักการซื้อขาย 30 นาที แต่กฎเกณฑ์ใหม่หากดัชนีลดลง 8% จะหยุดพักการซื้อขาย 30 นาที

ระดับที่ 2 จากเดิมที่ดัชนีลดลง 20% จะหยุดพักการซื้อขาย 60 นาที แต่กฎเกณฑ์ใหม่หากดัชนีลดลง 15% จะหยุดพักการซื้อขาย 30 นาที และระดับที่ 3 กฎเกณฑ์ใหม่หากดัชนีลดลง 20% จะหยุดพักการซื้อขาย 60 นาทีหลังจากนั้นหากมีเวลาซื้อขาย ตลาดจะเปิดจนไม่มีการเซอร์กิตเบรกเกอร์อีกแล้ว เพราะฉะนั้นจะเป็นการปรับปรุงเกณฑ์และมีผลตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.และไม่เกินวันที่ 30 มิ.ย.63

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/872166

**************
กลุ่มแบงก์ร่วงยกแผง-ดัชนีกลุ่มร่วง 8.41% นำดิ่งโดย KBANK วิตกความสามารถทำกำไรหลังออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้า

กลุ่มแบงก์ร่วงยกแผง โดยเมื่อเวลา 14.33 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์ร่วง 8.41% มาอยู่ที่ 240.97 จุด ลดลง 22.13 จุด นำดิ่งโดยหุ้น KBANK ร่วง 13.71% มาอยู่ที่ 80.25 บาท ลดลง 12.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 918.75 ล้านบาท

หุ้น LHFG ร่วง 9.57% มาอยู่ที่ 0.85 บาท ลดลง 0.09 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.85 ล้านบาท

หุ้น TCAP ร่วง 9.16% มาอยู่ที่ 29.75 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 95.98 ล้านบาท

หุ้น BBL ร่วง 8.46% มาอยู่ที่ 89.25 บาท ลดลง 8.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 600.36 ล้านบาท

หุ้น KKP ร่วง 8.05% มาอยู่ที่ 34.25 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 73.00 ล้านบาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองว่า ภาพรวมกลุ่มธนาคารยังไม่น่าสนใจ แม้ว่า SETBANK จะปรับตัวลงมาถึง -40% YTD และลงมาซื้อขายที่เพียง 0.5x มูลค่าทางบัญชี เนื่องจากการระบาดของ Covid-19 ที่แพร่กระจายและรุนแรง ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงกลุ่มธนาคารต้องออกมาตรการต่างๆ เช่น พักชำระเงินต้น ยืดระยะเวลาการชำระหนี้ เหล่านี้ล้วนกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มธนาคาร

การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับดอกเบี้ยนโยบายลง อาจเป็นแรงกดดันให้ธนาคารปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลงด้วย เริ่มด้วย KBANK ที่นำร่องลดดอกเบี้ยก่อน ซึ่งเราคาดธนาคารอื่น ๆ จะลดตาม ดังนั้น คาดจะทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มธนาคารที่จะทำให้ Net interest margin (NIM) ปรับลดลง

ทั้งนี้ คาดกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และกลางจะเป็นกลุ่มที่เสียประโยชน์ เนื่องจากมีฝั่งสินทรัพย์ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในสัดส่วนที่สูงกว่าสินทรัพย์ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดังนั้นเมื่อมีการปรับดอกเบี้ยลง ผลตอบแทนฝั่งสินทรัพย์จะปรับลดลงทันที และในด้านเงินฝาก มีเงินฝากที่เป็นฝั่งต้นทุนต่ำและไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงตามการปรับลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากนักอย่างเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (Current and Saving, CASA) ในสัดส่วนที่สูง ทำให้ต้นทุนเงินทุนยังไม่ปรับลงมาก

แต่คาดการลดดอกเบี้ยจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อธนาคารที่เน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ (auto lender) เนื่องจากสินเชื่อเช่าซื้อส่วนมากมีอัตราดอกเบี้ยคงตัว ดังนั้นรายรับของกลุ่มธนาคารเหล่านี้จะยังไม่ปรับลงทันทีเมื่อดอกเบี้ยลง ประกอบกับด้านเงินฝากมีเงินฝากดอกเบี้ยคงตัวในอัตราสูง ทำให้เมื่อดอกเบี้ยปรับลง และธนาคารมีเงินฝากที่จะครบกำหนดอายุ จะสามารถหาเงินฝากที่ต้นทุนเงินทุนลดลงได้

Source: อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร
https://www.ryt9.com/s/iq05/3108020

 

สิงคโปร์ ไม่อนุญาตให้ผู้ถือว่าวีซ่าระยะสั้น รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศในโลกนี้ เดินทางเข้าประเทศหรือเปลี่ยนเครื่อง โดยจะมีผลหลังเที่ยงคืนวันนี้เป็นต้นไป #สิงคโปร์ #ปิดประเทศ #โควิด19 #COVID19 #ข่าวช่องวัน

 

—— 23 มี.ค.63 เกาะติดสถานการณ์ COVID-19 ——

✅ วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข แถลงจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 122 ราย รวมจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งประเทศขณะนี้อยู่ที่ 721 รายแล้ว โดยไม่ได้แถลงจำนวนผู้ติดเชื้อแยกรายจังหวัดเช่นทุกวัน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า ยอดผู้ติดเชื้อที่รายงานแยกตามจังหวัดนั้น ได้จากระบบการเข้าไปตรวจระบบรายงานจากทางห้องปฏิบัติการ แต่ข้อมูลอาจจะมีการตกค้างในระหว่างการเปลี่ยนถ่ายข้อมูล ซึ่งขณะนี้กำลังทำระบบรวมข้อมูลกลางอยู่ หากเสร็จสิ้นจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน

✅ การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ COVID-19 แบ่งตามพื้นที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา (21-22 มี.ค.) เปรียบเทียบกันระหว่างผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ กับ ต่างจังหวัด พบผู้ติดเชื้อในต่างจังหวัดเริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จาก 127 คน เป็น 236 คน เพิ่มขึ้นถึง 109 คน คิดเป็นร้อยละ 85

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข

#thesharpener #COVID19

 

Bank of Thailand Scholarship Students



(Mar 23) พลังเครื่องมือการเงินการคลังยับยั้งผลกระทบ COVID-19 : เศรษฐกิจไทยเจอมรสุมหลายลูกพัดผ่านเข้ามา ปีที่แล้วก็โดนหางเลขจากสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีนทำให้ส่งออกไทยหดตัว ปีนี้มาเจอภัยแล้งที่ส่อเค้าว่าจะรุนแรงนานถึงกลางปี การผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้ากว่าปกติเพราะเกิดสะดุดในช่วงต้นปีทำให้รัฐบาลใช้จ่ายได้ไม่เต็มที่ ล่าสุดมาเจอไวรัส COVID-19 ที่แพร่ระบาดจากจีนไปทั่วโลกทำให้การท่องเที่ยวไทยซบเซา โยงไปถึงการผลิต การลงทุน และการบริโภค กระทบต่อรายได้ธุรกิจและแรงงานเป็นวงกว้างขึ้น ตั้งแต่ต้นปีมานี้ภาครัฐได้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง วันนี้จึงอยากชวนทุกท่านลองดูว่า ภาครัฐร่วมมือกันทำอะไรไปบ้างแล้ว เพื่อให้เท่าทันสถานการณ์และรับประโยชน์จากมาตรการที่ออกมาได้ ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้

1. มาตรการการเงินช่วยเสริมสภาพคล่องและแบ่งเบาภาระ รัฐบาลออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจาก COVID-19 ผ่านธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Soft Loan) คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ระยะเวลา 2 ปี รายละไม่เกิน 20 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อรวม 150,000 ล้านบาท มาตรการพักต้น ลดดอกเบี้ย และขยายเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รวมถึงให้สินเชื่อใหม่ช่วยเสริมสภาพคล่อง มาตรการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานต่อของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) คิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ระยะเวลา 3 ปี สำหรับผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม วงเงินสินเชื่อรวม 30,000 ล้านบาท มาตรการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ภายใต้โครงการ “บสย. SMEs สร้างไทย ต่อเติม เสริมทุน” สำหรับลูกค้า SMEs รายปัจจุบันและรายใหม่ที่ได้รับผลกระทบ โดยให้วงเงินค้ำประกันเต็มจำนวนเงินกู้ใหม่ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลา 10 ปี ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 60,000 ล้านบาท และให้ขยายระยะเวลาโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะ 5-7 ที่มีอยู่เดิมไปอีก 5 ปี และฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน

ด้านแบงก์ชาติออกมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจ ระยะเวลา 2 ปี ช่วยเหลือลูกหนี้ทุกประเภท เช่น (1) ลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล สามารถขอผ่อนบัตรเครดิตขั้นต่ำน้อยกว่า 10% ของยอดที่ค้าง ขอเปลี่ยนหนี้เป็นสินเชื่อระยะยาวที่ดอกเบี้ยถูกลง (2) ลูกหนี้สินเชื่ออื่นๆ สามารถเจรจาประนอมหนี้ เช่น ขอขยายเวลาชำระหนี้ ขอต่ออายุวงเงิน ขอเปลี่ยนหนี้เป็นสินเชื่อระยะยาว ขอชำระหนี้แบบปลอดเงินต้น ขอลดดอกเบี้ย/เบี้ยปรับ/ค่าธรรมเนียม โดยแบงก์ชาติลดความเข้มงวดของเกณฑ์กำกับดูแลการจัดชั้นลูกหนี้ของสถาบันการเงินลง เพื่อลดผลกระทบความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ที่จะเกิดขึ้นกับสถาบันการเงินในช่วง 2 ปีนี้

2. มาตรการภาษีช่วยบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการ รัฐบาลออกมาตรการคืนสภาพคล่อง ลดอัตราภาษี ณ ที่จ่ายจาก 3% เหลือ 1.5% ของเงินได้พึงประเมินช่วง เม.ย. - ก.ย. 63 มาตรการลดภาระดอกเบี้ยให้ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ Soft Loan หักลดหย่อนภาษีจากรายจ่ายดอกเบี้ยช่วง เม.ย. - ธ.ค. 63 ได้ 1.5 เท่า มาตรการส่งเสริมเสถียรภาพการจ้างงาน SMEs หักลดหย่อนภาษีจากรายจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนได้ถึง 3 เท่า

3. มาตรการอื่นๆ ช่วยลดภาระผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป เช่น มาตรการขยายเวลายื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2562 ออกไป 3 เดือนเป็นภายใน มิ.ย. 63 มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำค่าไฟฟ้า ขยายเวลาชำระ และคืนค่าประกันการใช้น้ำใช้ไฟฟ้า ลดค่าน้ำและค่าไฟ 3% เป็นเวลา 3 เดือน (เม.ย. - มิ.ย. 63) ขยายเวลาชำระค่าน้ำและค่าไฟสำหรับธุรกิจโรงแรมและกิจการให้เช่าพักอาศัย โดยให้ผ่อนผันได้ไม่เกิน 6 เดือนของแต่ละรอบบิล ไม่คิดดอกเบี้ย สำหรับใบแจ้งค่าน้ำค่าไฟรอบเดือน เม.ย. - พ.ค. 63 มาตรการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมจาก 5% เหลือ 4% เป็นเวลา 6 เดือนในช่วง มี.ค. - ส.ค. 63

4. นโยบายการเงินผ่อนคลายเป็นพิเศษและนโยบายการคลังเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ แบงก์ชาติได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันตั้งแต่ COVID-19 ยังไม่แพร่ระบาดรุนแรงมากจนอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือ 1.00% เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 63 และเหลือ 0.75% ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 63 ซึ่งต่ำกว่าระดับในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2552 ที่ 1.25% เพื่อช่วยให้ภาวะการเงินในประเทศผ่อนคลายขึ้นอีก ช่วยเสริมแรงมาตรการการเงินในข้อ 1 และช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลหากต้องกู้เงินเพื่อเร่งใช้จ่าย นโยบายการคลังเร่งจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า แม้การออกใช้ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 จะสะดุดเมื่อต้นปี แต่ก็สามารถเร่งกระบวนการพิจารณาใหม่ได้เร็ว ทำให้ประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณช้ากว่าเดิมไปอีกเดือนเดียว จากนั้นรัฐบาลได้ออกมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายในช่วง 7 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ โดยลดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างให้สั้นลงและเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนโครงการใหม่ให้เร็วขึ้น

แม้เศรษฐกิจไทยอาจโชคไม่ดีที่พึ่งพาการท่องเที่ยวจากจีนเยอะ และเหลือ policy space ของนโยบายการเงินผ่านเครื่องมืออัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่มาก แต่ยังโชคดีที่ policy space ของนโยบายการคลังยังพอมี และภาครัฐยังสามารถออกชุดมาตรการการเงินการคลังช่วยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นระยะเราจึงควรติดตามการผนึกพลังเครื่องมือการเงินการคลังของภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากชุดมาตรการช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา และช่วยกันสะท้อนให้ภาครัฐรู้ว่ายังต้องเร่งทำอะไรเพิ่มอีก เพื่อบรรเทาสถานการณ์ให้ได้ผลจริงและตรงจุดมากขึ้น

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย

โดย ดร.ฐิติมา ชูเชิด
ฝ่ายนโยบายการเงิน

Source: BOT website
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_23Mar2020.aspx

 

Bank of Thailand Scholarship Students



(Mar 23) สถานทูตไทยในอังกฤษ แนะคนไทยรีบกลับประเทศให้เร็วขึ้น หลังเกิดวิกฤต โควิด : สถานทูตไทยในอังกฤษ แนะคนไทยรีบกลับประเทศให้เร็วขึ้น หลังเกิดวิกฤต โควิด เผยโดยเฉพาะนักท่องเที่ยว คนชรา ควรรีบเดินทางกลับบ้านให้เร็วขึ้น

โควิด / เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ออกข้อแนะนำ เรื่องการเดินทางสืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงบริการของสายการบินพาณิชย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางของพี่น้องชาวไทย ที่ประสงค์จะเดินทางกลับไทย และยังไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับพัฒนาการของสถานการณ์โรคระบาด

ขอให้คนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับไทย พิจารณาปรับกำหนดเดินทางกลับบ้านให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว ผู้เยาว์ คนชรา หรือผู้มีโรคประจำตัว โดยขณะนี้สายการบินไทยยังให้บริการตามปกติวันละ 2 เที่ยวบิน ได้แก่ TG911 เวลา 12.30 น. และ TG 917 เวลา 21.35 น.

Source: ข่าวสดออนไลน์
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_3804507

 

Bank of Thailand Scholarship Students



(Mar 23) 'ตลาดบอนด์'หยุดแพนิก หลังธปท.อัด 3 มาตรการดูแล : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเผย 3 มาตรการแบงก์ชาติเพิ่มเติมสภาพคล่องตราสารหนี้ได้ผล ตลาดบอนด์หยุดแพนิก บอนด์ยีลด์ปรับลดลงเล็กน้อยและเห็นกองทุนเข้าซื้อแล้ว2,300ล้านบาทแทนการขาย คาดระยะถัดไปอาจไม่เป็นต้องใช้เงินตามมาตรการทั้งหมด

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ ThaiBMA เปิดเผยว่า สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ ในขณะนี้พบว่าบอนด์ยีลด์5ปี ปรับตัวลง25 bps และ10 ปี ปรับตัวลง 24 bps สะท้อนได้ว่า หลังธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.)ทำออก3มาตรการเพิ่มเติมเข้ามาดูแลตลาดตราสารหนี้ และกองทุนตราสารหนี้ ถือว่ามาตรการได้ผล

โดยในวันนี้ยังเห็นกองทุนกลับเข้ามาซื้อตราสารหนี้ไทยมูลค่าราว 2,300 ล้านบาท ซึ่งจริงๆแล้วมีมูลค่าการซื้อมากกว่านี้เพราะมียอดขายที่ค้างอยู่เมื่อวันศุกร์ค่อนข้างมาก ดังนั้นการที่กองทุนกลับเข้ามาซื้อ สะท้อนว่า นักลงทุนก็กลับเข้าซื้อด้วยเช่นกัน ตลาดหยุดแพนิก จากมาตรการของธปท. และหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ มองว่า ระยะถัดไปมีแนวโน้มที่อาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินตามมาตรการทั้งหมด1ล้านล้านบาท อาจใช้เพียงเงินแค่บางส่วนเล็กน้อยเท่านั้น

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
https://www.bangkokbiznews.com/news...dium=internal_referral&utm_campaign=todaynews

 

แบ่งปันจาก กิ๊ฟจังนั่งเล่า



#ข่าวดี โตไดเผยยารักษาโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน Nafamostat (ชื่อแบรนด์ Fusan/Futhan) “อาจจะ” สามารถป้องกันเชื้อ SAR-CoV2 ต้นเหตุโรคโควิด-19 ได้

ป้องกันการฟิวชั่นของไวรัส กับ เยื่อหุ้มเซลล์ของเรา host cell membrane

ซึ่งถือเป็นจุดแรกของการป้องกันการติดเชื้อ

ทางโตไดจะเริ่ม clinical test ในเดือนเมษายนนี้

ที่เยอรมันเจอไปแล้วคือ Camostat mesylate (ชื่อแบรนด์: Foypan)

ส่วนยาของโตไดใช้ปริมาณความเข้มข้นน้อยกว่า 1/10 เท่าแต่ได้ผลเหมือนกัน

ยาทั้ง 2 ชนิด (Nafamostat / Camostat) เป็นยาที่ได้พัฒนาในญี่ปุ่น ใช้ในการรักษาตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันมานาน 
- ผ่านการขึ้นทะเบียนแล้ว
- มี clinical data รับรองความปลอดภัยแล้ว

——-

✒️ฟังข่าวแล้วเหมือนญี่ปุ่นอยากไปทางนี้มากกว่า อะวิแกน เพราะ อะวิแกน ยังมีจุดเสี่ยงเรื่องผลข้างเคียงอยู่ค่ะ

อ่านต่อจาก official (ภาษาอังกฤษ)
https://www.u-tokyo.ac.jp/focus/en/articles/z0508_00083.html

✒️ศัพท์เฉพาะเยอะมาก แอดแปล/เข้าใจอะไรผิดบอกได้นะคะ

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

 

แบ่งปันจาก กิ๊ฟจังนั่งเล่า

#ข่าวสั้น (23 มีนา) คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เปิดประชุมอีกครั้งหลังมีมติไม่เลื่อนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่มีเสียงต่อต้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสปอนเซอร์รายใหญ่อย่าง สมาคมว่ายน้ำ/กรีฑาของอเมริกา

จะให้คำตอบภายใน 4 สัปดาห์

นักวิเคราะห์มองว่า IOC อยู่ได้ด้วยสปอนเซอร์ใหญ่จากอเมริกา ถ้า 2 สมาคมไม่มา จะเป็นเรื่องใหญ่มาก เลยขยับทันทีค่ะ

จากการสำรวจของช่อง NTV คนญี่ปุ่นกว่า 70% อยากให้เลื่อน 

(9:11 น.) นายกอาเบะเผยในสภา “หากไม่สามารถจัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเลื่อนก็เป็นอีกหนึ่งทาง” (TVAsahi)
——

✒️คำขวัญว่า “นักกีฬามาที่หนึ่ง....” ก็จริง แต่โลกเราหมุนได้ด้วยเงินนะคะ  (　´д`)

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

ภาพ/ข่าว: NTV

 

แบ่งปันจาก กิ๊ฟจังนั่งเล่า

#ข่าวสั้น (23 มีนา) โตเกียวพบเพิ่มวันเดียว 16 ราย อาการหนัก 2 ราย ด้านจ. อาโอโมริพบรายแรกแล้ว

ที่โตเกียวมีกลับมาจากฝรั่งเศส/อิตาลีด้วย

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

 

'ฮ่องกง' ห้ามนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศเข้า หรือ เปลี่ยนเครื่อง โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นไป พร้อมประกาศปิดผับบาร์ สถานบันเทิง 14 วัน #ข่าวช่องวัน #โควิด19 #Covid19

 

ไวรัสโคโรนา : อยู่ดี ๆ จมูกไม่ได้กลิ่น อาจชี้ว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ

• 
  

Image copyrightGETTY IMAGES
คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิกวิทยาของสหราชอาณาจักรออกมาเตือนว่า คนที่จมูกสูญเสียความสามารถในการรับกลิ่นอย่างฉับพลัน ทั้งที่ไม่ได้มีน้ำมูกไหล เป็นภูมิแพ้ หรือไซนัสอักเสบอยู่แล้วนั้น น่าสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสโรคโควิด- 19 แบบไม่แสดงอาการ ซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นพาหะแอบแฝงที่นำเชื้อโรคไปแพร่กระจายต่อได้

ศ. แคลร์ ฮอปกินส์ ประธานสมาคมนาสิกวิทยาแห่งอังกฤษ และศ. นิรมัล กุมาร์ ประธานสมาคมโสต ศอ นาสิกวิทยาแห่งอังกฤษ แถลงว่าได้รับรายงานจากแพทย์ผู้ตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ถึงกรณีผู้ติดเชื้อที่จู่ ๆ จมูกไม่ได้กลิ่นและไม่สามารถรับรสอาหารได้อย่างฉับพลัน แต่กลับไม่แสดงอาการอื่น ๆ ของโรคโควิด-19 ออกมา โดยไม่เป็นไข้ ไม่มีอาการไอหรือหายใจลำบาก

ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน เกาหลีใต้ และอิตาลีถึงหนึ่งในสาม สูญเสียความสามารถในการรับกลิ่น (anosmia) อย่างฉับพลัน ซึ่งคนเหล่านี้มีอาการป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจโควิด-19 เพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่แสดงอาการออกมาเลย

คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของสหราชอาณาจักรระบุด้วยว่า พบกรณีผู้ติดเชื้อที่มีเพียงอาการจมูกไม่ได้กลิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในอิหร่าน ฝรั่งเศส อิตาลี รวมถึงในสหรัฐฯด้วย

Image copyrightGETTY IMAGES
คำบรรยายภาพเมื่อจมูกไม่ได้กลิ่น อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ได้ว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในโพรงจมูกแล้ว
ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการบางรายบอกว่า ไม่ได้กลิ่นอาหารที่ตัวเองกำลังปรุงอยู่ ทั้งไม่อาจจะรู้รสอาหารขณะที่รับประทานได้ บางคนไม่ได้กลิ่นแชมพูที่ใช้สระผมเป็นประจำ แม่ลูกอ่อนที่ติดเชื้อบางคนไม่ได้กลิ่นของเสียในผ้าอ้อมของลูก ทั้งที่กำลังส่งกลิ่นแรง

ศ. กุมาร์ เรียกร้องให้บุคลากรทางการแพทย์และคนทั่วไป หมั่นสังเกตความสามารถในการรับกลิ่นและรับรสของผู้ต้องสงสัยติดเชื้อและของตนเองให้มากขึ้น เพราะอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ได้ว่า มีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในโพรงจมูกแล้ว แม้จะยังไม่มีอาการอื่นของโรคโควิด-19 เลยก็ตาม

การที่ผู้ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 จำนวนมากไม่แสดงอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ติดเชื้อหนุ่มสาวอายุน้อย ทำให้คนเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพาหะแอบแฝง (hidden carriers) นำเชื้อโรคไปแพร่กระจายต่อในวงกว้างได้ เพราะไม่ถูกตรวจสอบกักกันโรค ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การแพร่ระบาดลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

"ใครที่มีอาการผิดปกติของประสาทรับกลิ่น-รสอย่างฉับพลัน ควรกักตัวเองแยกจากผู้อื่นอย่างน้อย 7 วัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19" ศ. กุมาร์ กล่าว


https://www.bbc.com/thai/features-52001970?at_custom2=facebook_page&at_medium=custom7&at_custom1=[post+type]&at_custom3=BBC+Thai&at_custom4=FA7CA82C-6CE7-11EA-8839-7BF239982C1E&at_campaign=64

 

ไวรัสโคโรนา : ปัจจัยอะไรที่ทำให้หมออิตาลีต้องเลือกว่าจะรักษาคนไหนหรือปล่อยให้ตาย

• 22 มีนาคม 2020

Image copyrightGETTY IMAGES
ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีที่เพิ่มขึ้นวันละหลายร้อยคน แพทย์บอกว่าพวกเขาต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากว่าจะรักษาคนไข้คนไหนและปล่อยให้คนไหนเสียชีวิตไป เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงที่โลกไร้สงคราม

"ถ้าคนไข้อายุระหว่าง 80 ถึง 95 ปี และมีอาการหายใจลำบาก มีแนวโน้มว่าแพทย์จะไม่รักษาต่อ" ดร.คริสเตียน ซาลาโรลิ หัวหน้าฝ่ายฉุกเฉินที่โรงพยาบาลในเมืองแบร์กาโมของอิตาลี ให้สัมภาษณ์ นสพ. .กอร์เรียเร เดลลา เซรา (Corriere della Sera)

"นี่เป็นคำพูดที่ฟังดูแย่ แต่มันเป็นความจริง เราไม่อยู่ในสถานะที่จะไปนั่งรอปาฏิหารย์ได้"

การตัดสินใจอันยากลำบาก
วิกฤตไวรัสโคโรนาในอิตาลีเลวร้ายที่สุดรองแค่จากจีน โดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 4,800 คน และมีผู้ติดเชื้อกว่า 53,000 คนแล้ว (ข้อมูลวันที่ 21 มี.ค.) ข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า อิตาลีมีประชากรสูงอายุมากที่สุดรองจากจีน นั่นหมายความว่ามีความเสี่ยงอาการทรุดสาหัสได้ถ้าติดเชื้อ

สมาคมวิสัญญีวิทยา การระงับปวด การกู้ชีพ และการดูแลผู้ป่วยวิกฤตแห่งประเทศอิตาลี ตีพิมพ์คำแนะนำให้แพทย์ให้ความสำคัญกับคนไข้ที่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวได้มากกว่าจะยึดตามระบบคิว มาก่อนได้ก่อน

สมาคมฯ อธิบายว่านี่ไม่ใช่การบอกให้แพทย์รักษาเฉพาะบางคน และจำกัดการรักษาสำหรับคนไข้คนอื่น แต่ "เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่บังคับให้แพทย์มุ่งความสนใจให้การรักษาที่เหมาะสมกับคนที่จะได้รับประโยชน์ที่สุด"

อิตาลีมีเตียงสำหรับดูแลผู้ป่วยขั้นวิกฤตราว 5,200 เตียง แต่ในช่วงหน้าหนาว ก็มีคนไข้ที่มีปัญหาทางด้านทางเดินหายใจใช้เตียงอยู่แล้วจำนวนมาก

แคว้นลอมบาร์ดีและเวเนโตทางตอนเหนือของอิตาลีมีเตียงลักษณะนี้ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนรวมกันเพียง 1,800 เตียง และทางการของทั้งสองแคว้นบอกว่าเตียงพิเศษนี้กำลังจะหมดแล้ว

รัฐบาลกำลังเร่งจัดตั้งเตียงไอซียูหลายร้อยเตียงชั่วคราวที่ศูนย์จัดนิทรรศการฟิเอรา มิลาโน (Fiera Milano) แต่ก็ยังไม่มีเครื่องช่วยหายใจและพยาบาลเพียงพอ

ดร.สเตฟาโน แมกโนเน ซึ่งทำงานในโรงพยาบาลในแคว้นลอมบาร์ดีบอกกับบีบีซีว่า สถานการณ์แย่ลงทุกวัน เตียงแผนกไอซียูและแผนกธรรมดาใกล้เต็มแล้วจากผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา

"ในเมืองเรา ทรัพยากรไม่เหลือแล้ว ทั้งด้านบุคลากรและเทคโนโลยี เรากำลังรอเครื่องช่วยหายใจใหม่"

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ดร.ดาเนียล มาชินี จากแผนกห้องไอซียูที่เมืองแบร์กาโมเขียนข้อความซึ่งถูกตีแผ่ไปอย่างกว้างขวางในทวิตเตอร์ บอกเล่าว่าทีมของเขาเหมือนเผชิญกับ "สึนามิ" อุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับช่วยเรื่องการหายใจ โดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจกลายเป็นสิ่งมีค่าเหมือนทอง

เขาบอกว่าผู้ติดเชื้อมากขึ้นทุกวัน มีคนถูกนำมาส่งโรงพยาบาลวันละ 15-20 คนจากสาเหตุการป่วยเดียวกัน

"เพื่อนร่วมงานเราบางคนติดเชื้อและก็พาเชื้อไปติดญาติ และญาติพวกเขาบางคนก็ต้องต่อสู้กับความเป็นความตาย"

ดร.ซาลาโรลิ บอกกับ นสพ. .กอร์เรียเร เดลลา เซรา ว่า เพื่อนร่วมงานเขาบางคนต้องใจสลายเมื่อต้องตัดสินใจในการรักษา

"มันอาจจะเกิดขึ้นกับหัวหน้าแพทย์หรือแพทย์รุ่นเด็ก พวกเขาต้องกำหนดชะตากรรมของคนจำนวนมาก

"ผมเห็นพยาบาลที่มีประสบการณ์เป็น 30 ปี จู่ ๆ ก็ร้องไห้"

ขอยุโรปช่วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอิตาลีลุยจิ ดิไมโอ ขอให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของสหภาพยุโรปช่วยประสานขอทรัพยากรจากโรงพยาบาลและคลินิกจากทั่วยุโรป

แต่เขาก็เริ่มเห็นสัญญาณบวก ไม่มีรายงานการติดเชื้อใน 10 เมืองทางตอนเหนืออิตาลีที่เป็นเขตฉุกเฉิน

"อิตาลีเป็นชาติยุโรปชาติแรกที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ผมหวังว่าอิตาลีจะเป็นชาติแรกที่ผ่านพ้นสถานการณ์ฉุกเฉินไปได้"


https://www.bbc.com/thai/international-51988794?at_custom1=[post+type]&at_custom3=BBC+Thai&at_custom2=facebook_page&at_medium=custom7&at_campaign=64&at_custom4=B7655FC0-6BA2-11EA-AF94-20E339982C1E