ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลยืนยัน ไม่ปิดศูนย์ผีน้อยสัตหีบ พร้อมรับกลุ่มเสี่ยงจากประเทศอื่น
    โฆษกรัฐบาล โพสต์เฟซบุ๊ก ยืนยันศูนย์เฝ้าระวังที่รัฐบาลตั้งขึ้น ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ยังคงเปิดใช้ และยังมีกลุ่มเฝ้าระวังอยู่ในศูนย์ฯ พร้อมรองรับกลุ่มเสี่ยงที่มาจากประเทศอื่นๆ มากักตัวให้ครบด้วย
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์กักผีน้อยสัตหีบ วันนี้ยังไม่ปิด กองทัพเรือขอแถลงความชัดเจนพรุ่งนี้
    ศูนย์กักผีน้อยสัตหีบ ยันดูแลเข้มงวด ยังไม่ปิด หลังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลยกเลิกการจัดตั้งศูนย์ควบคุมดูแลแรงงานไทยที่กลับจากประเทศเกาหลีใต้ โดยกองทัพเรือรอแถลงความชัดเจนพรุ่งนี้อีกครั้ง
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Breaking News : โดนแล้ว! พาณิชย์ ดำเนินคดีลาซาด้า 3 คดี ฐานค้าขายหน้ากากอนามัยเกินราคา

    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ พร้อมปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน และชุดจับกุม ได้แถลงข่าวการจับกุม “ผู้กักและขายเกินราคาหน้ากากอนามัย”

    โดยนายจุรินทร์ บอกว่า ผลการดำเนินการติดตามเรื่องการค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มที่เราดำเนินการ ขณะนี้จะมีการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้า 3 คดี โดยก่อนหน้านี้ ได้มอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เชิญแพลตฟอร์มที่มีการค้าออนไลน์ ที่หมิ่นเหม่ มาพบที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเตือนให้ระมัดระวัง อย่าทำผิดกฎหมาย จากนั้น ปลัดกระทรวง ก็ทำหนังสือทางการ แจ้งเตือนแพลตฟอร์มต่างๆ ถึงข้อกฎหมาย และโทษที่จะได้รับ

    นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับ 3 คดี ที่จะดำเนินกับลาซาด้า คือ

    คดีที่ 1คดีจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีผู้ร้องมาที่สายด่วน จนเจ้าหน้าที่ติดตาม กระทั่งเข้าดำเนินคดีกับร้านขายยาดีดีฟาร์มมา ที่ประกอบการค้าออนไลน์บนลาซาด้า โดยพบของกลาง หน้ากากอนามัย 28 กล่อง มีโค๊ดลาซาด้าบนกล่อง เตรียมส่งมอบชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ จึงตั้ง 2 ข้อหา คือ ขายเกินราคา และขายเกินราคาอันสมควร

    ส่วนคดีที่ 2 คือ ร้าน 928 ช้อป ที่ขายบนแพลตฟอร์มลาซาด้า โดยคดีนี้ ได้ติดตามจากคำร้องเรียน และล่อซื้อ จึงพบว่า มีการขายเกินราคา อยู่ที่ชิ้นละ 22 บาท

    ส่วนคดี ที่ 3 ร้านในจังหวัดนครปฐม ขายเกินราคา ตกชิ้นละ 26 บาท

    นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบ พบความพยายามที่จะหาลู่ทาง ค้ากำไรเกินควร โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบ ไปขายตามราคาควบคุม แต่คิดค่าขนส่งแพงมาก จึงขอเตือนว่า ผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน เพราะจะเข้าข่าย ขายในราคาสูงเกินควร เพราะราคาควบคุม คือ รวมตัวสินค้า และบริการส่งด้วย

    The post Breaking News : โดนแล้ว! พาณิชย์ ดำเนินคดีลาซาด้า 3 คดี ฐานค้าขายหน้ากากอนามัยเกินราคา appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในสงครามราคาน้ำมันเลือดโชกกันทุกฝ่าย แต่ใครจะยืนหยัดได้นานกว่ากัน

    ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในวันที่ 10มีนาคมที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสปิดบวก$2.74 ไปยืนที่ $33.87ต่อบาเรลล์แต่ยังคงต่ำกว่าสัปดาห์ที่แล้ว$14 ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดบวก$2.90 (+8.44%)ไปยืนที่ $37.26 แต่ยังต่ำกว่าสัปดาห์ที่แล้ว$15

    การเด้งกลับของราคาน้ำมันเป็นเพียงการทำราคาทางเทคนิคเกิ้ล แต่โดยภาพรวมตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะสงครามการตัดราคา นำโดยพี่ปูแห่งรัสเซีย และMBSแห่งซาอุดิ อาราเบีย ที่ได้ล้มโต๊ะโอเปคที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตลง โดยทั้งคู่ประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลกในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับโคขวิด และอุปสงค์ของน้ำมันโลกอ่อนตัวลง

    เกมตัดราคาน้ำมันของพี่ปูและMBSทำให้ราคาน้ำมันร่วง30%ในวันที่ 9มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นเจ๊งท้ังโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นสหรัฐที่เข้าสู่วิกฤติเหมือนปี2008

    รายงานข่าวของสื่อตะวันตกให้ภาพว่า พี่ปูกับMBSกำลังประลองกำลังภายในกันอยู่ ด้วยการทำสงครามราคาน้ำมัน ใครดีใครอยู่ แต่เอาเข้าจริงแล้ว มีความเป็นไปได้สูงกว่าที่พี่ปูและMBSจะแอบจับมือกันก่อสงครามราคาเพื่อทำลายอุตสาหกรรมเชลออยล์ของอีแร้ง เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองที่สูงกว่าในการกำหนดราคาน้ำมัน

    ที่ผ่านมาบริษัทน้ำมันสหรัฐและวอลล์สตรีทเป็นผู้กำหนดราคาน้ำมัน โดยมีเปโตรดอลล่าร์หนุน การที่พี่ปูเพิ่มบทบาทของกองทัพรัสเซียในซีเรีย อิรัค อิหร่านและตะวันออกกลางมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างอิทธิพลทางการเมือง ความมั่นคงเศรษฐกิจและน้ำมันในตะวันออกกลางแทนที่อีแร้ง พี่ปูดึงเอาอิหร่าน ไก่งวงออตโตมันเข้ามาเป็นพวก ช่วยซีเรียปลดแอกจากพวกไอซิส และตอนนี้กำลังดึงเอาMBSที่ถูกอีแร้งหักหลังเข้ามาอยู่ใต้อุ้งมือหมีขาว อันดับต่อไปกลุ่มประเทศอาหรับทั้งหลายที่เคยเป็นสมุนบริวารของอีแร้งจะอยู่ไม่ได้ ถ้าหากว่าไม่ปรับตัวตามลมที่เปลี่ยนทิศ

    มีการคาดการณ์กันว่า บริษัทเชลออยล์ของอีแร้งจะล้มละลายกว่า50%จากสงครามตัดราคาน้ำมันในครั้งนี้ เมื่อ10ปีที่แล้ว เชลออยล์แทบที่จะไม่มีอยู่ในสหรัฐ และราคาน้ำมันที่ไม่สูงนักช่วยทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ แต่การตัดราคาน้ำมันในคร้ังนี้จะทำให้บริษัทน้ำมันในเท็กซัส นอร์ทดาโกต้า และแอพพาลาเชีย และบริเวณอื่นๆเข้าสู่ภาวะล้มละลาย หรือการถดถอยอย่างรุนแรง ถ้าหากว่าราคาน้ำมันอยู่ต่ำกว่า$40 บริษัทน้ำมันของอีแร้งจะอยู่ไม่ได้ เพราะว่าต้นทุนสูงกว่ารัสเซียและซาอุ และจะมีผลกระทบวงกว้างต่อเศรษฐกิจและระบบการเงินของสหรัฐ

    บริษัทเชลออยล์ของอีแร้งมีหนี้สูงทั้งกู้แบงก์และออกบอนด์ ถ้าหากว่าราคาน้ำมันเวสท์เท็กซัสต่ำกว่า$35ต่อบาเรลล์ จะมีกระแสเงินสดอยู่ได้ไม่กี่เดือนหลังจากนี้ ถ้าเชลออยล์ล่ม ทรัมป์จะอยู่ไม่ได้ เพราะคนอเมริกันจะตกงานท้ังโดยตรงและโดยอ้อมเป็นล้าน บอนด์ และเงินกู้แบงก์ของบริษัทน้ำมันจะผิดนัดชำระหนี้ และจะไม่สามารถกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย จะถูกโคโรเมียหยิกหูว่าเซ่อซ่า

    ตอนนี้ ไม่มีเจ้าหนี้ใด หรือนักลงทุนต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยบริษัทน้ำมันเชลออยล์ทำให้ทรัมป์ต้องหามาตรการเร่งด่วนออกมาช่วย ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ฉุกเฉิน การลดภาษีแบบแจกแหลกเพื่อหยุดเลือดไหล

    พี่ปูเลือกที่จะถล่มอีแร้งด้วยสงครามราคาน้ำมันในจังหวะที่เหมาะเหม็งที่สุด โดยออกหมัดในช่วงจังหวะเวลาที่โคขวิดกำลังเริ่มแพร่ระบาดในสหรัฐที่กำลังถูกจีนตอบโต้ด้วยการไม่อิมพอร์ตของจากสหรัฐ และไม่ซับไพลของให้สหรัฐเพื่อเป็นการตอบโต้ที่อีแร้งได้เสกมนต์ดำควายธนูเข้าท้องอู่ฮั่น โดยอ้างว่ากำลังอยู่ในช่วงจัดการป้องกันโคขวิดอยู่ไม่ให้ระบาด

    อีแร้งกำลังโดน3เด้ง -- โคขวิดที่ตัวเองทำเอง, ระบบซับไพลเชนล่มที่จีนทำ และสงครามราคาน้ำมันที่พี่ปูทำ ทำให้ตลาดหุ้นร่วงเละเทะในช่วงที่ผ่านมา และหน่วยกู้ภัยPlunge Protection Teamของกระทรวงการคลังสหรัฐต้องแอบเอาเงินของเฟดเข้ามาอุ้มตลาดหุ้น

    เฟด หรือธนาคารกลางของสหรัฐเห็นเมฆดำลอยทมึนเหนือท้องฟ้าจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่ช่วยสร้างฟองสบู่การเงินมาเป็นเวลา30กว่าปีแล้ว ยังไงฟองสบู่ต้องแตก แต่ต้องสร้างเหตุให้คนเห็นเป็นอย่างอื่น โคขวิดเป็นข้ออ้างที่ดีว่า ทำให้หุ้นตก ไม่ใช่ฟองสบู่จากนโยบายดอกเบี้ยของเฟด หรือจากการปั่นหุ้นของวอลล์สตรีท

    เฟดได้ทีรีบลดดอกเบี้ยลงทันที่0.50%มาอยู่ที่1.0%ในวันที่3มีนาคม และน่าจะลดดอกเบี้ยอีกในสัปดาห์หน้า และในเดือนเมษายนทำให้ดอกเบี้ยของเฟดน่าที่จะมาอยู่ระดับ0-0.25%ในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับพิมพ์เงินทำQEอินฟินีตี้เพื่ออุ้มวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นจนกว่าอังกฤษจะสั่งให้หยุดได้แล้วเมื่อได้เตรียมการเปิดตัวเงินดิจิตัลฟินิกซ์ภายใต้ร่มเงาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หลังจากมีการเจรจาเกี่ยะเซี่ยะกับจีนและรัสเซีย แต่เวลานี้จะมาแบล็คเมล์เฮียสีกับพี่ปูไม่ได้ง่ายเหมือนในช่วงสงครามฝิ่น หรือช่วงการล้มระบอบซาส์

    ในสงครามราคาน้ำมันในคร้ังนี้ รัสเซียพร้อมปั๊มน้ำมันยี่ห้อหมีขาวออกมาเพ่ิม 200,000 - 300,000 บาเรลล์ต่อวันในระยะสั้น โดยสามารถที่จะเพิ่มขึ้นไปอีกเป็น 500,000บาเรลล์ต่อวัน ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัสเซียผลิตน้ำมันโดยเฉลี่ย11.29ล้านบาเรลล์ต่อวัน

    พี่ปูเข้าสู่สงครามตัดราคาน้ำมันด้วยความพร้อม น้ำมันจะเป็นหัวใจของฐานะการคลังของรัสเซีย มอสโควได้ส่งสัญญานว่า รัสเซียอยู่ได้สบาย5-6ปีแม้ว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่$35ต่อบาเรลล์ เนื่องจากรัสเซียมีเงินทุนสำรองฯ $570,000ล้าน และมีเงินจากกองทุนมั่งคั่งเกือบ$200,000ล้านคอยประคับประคองฐานะการคลังของประเทศ

    ส่วนซาอุผลิตน้ำมันวันละ9.7ล้านบาเรลล์ต่อวันในเวลานี้ แต่มีกำลังการผลิตที่สามารถเพิ่มขึ้นไปได้ถึง12.5ล้านบาเรลล์ต่อบัน ซาอุมีเงินทุนสำรองประมาณ$500,000ล้าน งบประมาณของซาอุจะสมดุลถ้าราคาน้ำมันอยู่ที่$85 ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับMBSในการดูแลงบประมาณรายจ่ายเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่$35

    เมื่อ10ปีที่แล้ว สหรัฐผลิตน้ำมันได้7.5ล้านบาเรลล์ต่อวัน แต่หลังจากค้นพบเทคโนโลยี่เชลออยล์จึงมีการลงทุนมหาศาลเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในการผลิตน้ำมัน ทำให้ปีที่แล้วสหรัฐปั๊มน้ำมันออกมา17.1ล้านบาเรลล์ต่อวัน

    ใครจะกระพริบตาก่อนในสงครามราคาน้ำมัน?

    จะเห็นได้ว่า ในสงครามน้ำมัน ปูตินเป็นผู้ริเร่ิมก่อในฐานะผู้นำประเทศ โดยเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง บริษัทน้ำมันรัสเซียต้องยอมทนเจ็บ ยอมกลืนเลือดเพื่อเป้าหมายทางด้านภูมิรัฐศาสตร์คือทำลายเชลออยล์ของสหรัฐ ทำลายเปโตรดอลล่าร์ และสร้างอำนาจการต่อรองของรัสเซียในตลาดน้ำมันโลก

    MBSก่อสงครามน้ำมันเพื่อเป้าหมายคล้ายๆกับรัสเซีย ยอมกลืนเลือด มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของประเทศ เพราะว่าบ่อน้ำมันเป็นของราชวงศ์ หรือเป็นของประเทศซาอุ จึงต้องคำนึงถึงความอยู่รอด เพราะว่าอีแร้งให้การคุ้มครองซาอุทางความมั่นคงมาตลอด เมื่อให้ความคุ้มครองได้ ก็ล้มได้ทุกเมื่อ ทรัมป์เคยขู่ว่า ราชวงศ์ซาอุจะอยู่ได้ไม่เกิน2สัปดาห์ ถ้าหากว่าทหารอเมริกันไม่ให้การคุ้มกันต่อไป

    ส่วนในระบบทุนนิยมแบบอีแร้ง นโยบายน้ำมันไม่ใช่เป็นนโยบายของประเทศ แต่เป็นนโยบายของบริษัทน้ำมันที่พวกอิลิทอเมริกันและอิลิทยุโรปเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ถือหุ้น พวกนี้ไม่ยอมกลืนเลือด กองทัพอเมริกัน หรือเพนตากอนก่อสงครามทั่วโลก เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทน้ำมันที่รัฐไม่ได้เป็นเจ้า ทหารอเมริกันตายเพื่อบริษัทน้ำมัน ไม่ได้ตายเพื่อคนอเมริกัน ส่วนบริษัทเชลออยล์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ในรอบ10ปีที่ผ่านมาเป็นของเอกชนรายเล็กรายกลาง เมื่อโครงสร้างเป็นอย่างนี้ ทำให้ทรัมป์ไม่สามารถดำเนินนโยบายน้ำมันที่เป็นยุทธศาสตร์เหมือนรัสเซียและซาอุได้ เพราะว่ารัสเซียและซาอุมีกองทุนน้ำมันรัฐ มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นก๊อก2คอยดูแล ส่วนสหรัฐ น้ำมันเป็นเรื่องเอกชนที่หาประโยชน์จากรัฐบาล ถ้าเอกชนขาดทุนมากจะไม่ยอม

    เรื่องน้ำมันสำหรับจีนแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ยอมกลืนเลือดได้ทั้งนั้น เพราะว่าเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก บริษัทน้ำมันเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์จีน ของพรรคคอมมิวนิสต์ ในข้อตกลงการค้าเฟสแรก จีนสัญญาจะซื้อสินค้าพลังงานจากสหรับ$54,000ล้านในอีก2ปีข้างหน้า โดยเฉพาะน้ำมันเชลออยล์ แต่สัญญานี้เป็นเพียงเอ็มโอยู ตอนนี้จีนคงไม่นำเข้า ซื้อของถูกจากซาอุดีกว่า แถมต่อไปจะบีบให้ซาอุขายน้ำมันเป็นหยวน เพื่อร่วมมือกับปูตินในการขย่มเปโตรดอลล่าร์

    ในทุนนิยมแบบไทยๆ PTTเป็นของรัฐหรือของเอกชนก็ไม่ทราบ PTTบริหารกิจการน้ำมันเพื่อคนไทย เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือเพื่อยุทธศาสตร์องค์รวมของประเทศ หรือเพื่อผู้ถือหุ้นเอกชนที่แอบขอเข้ามาเอี่ยว ยอมกลืนเลือดเหมือนรัสเซียและจีนได้ไหม อันนี้ตอบไม่ได้ นายกรัฐมนตรีสามารถใช้PTTเพื่อเกมสงครามพลังงานเหมือนกับที่ปูติน MBS หรือเฮียสีใช้ได้หรือไม่ ไทยเรามีstrategic oil reservesหรือคลังน้ำมันสำรองหรือไม่เพื่อรับมือกับยามสงคราม อันนี้ไม่ได้ว่าใครนะ คิดกันเอาเอง อาจจะผิดอาจจะถูกก็ได้

    ขอจบสงครามน้ำมันเลือดท่วมจอแต่เพียงเท่านี้

    11/3/2020
    Cr:Thanong FanClub
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ศึกสามก๊ก ในตลาดน้ำมันครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร ?!?

    #สงครามราคาน้ำมัน ที่ซาอุดิอาระเบียเป็นผู้เริ่มต้นขึ้นในวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ ไม่ต่างอะไรกับศึกสามก๊กที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันมาเลย ถึงแม้จะมีประเทศที่ผลิตน้ำมันน้อยใหญ่อยู่หลายประเทศที่กำลังต่อสู้สงครามในครั้งนี้กันทั่วโลก แต่ประเทศที่กำลังคุมผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้นั้นมีเพียง 3 ประเทศเท่านั้นคือ สหรัฐ รัสเซีย และ ซาอุดิอาระเบีย หรืออยู่ในมือคนเพียง 3 คนอย่าง ทรัมป์ ปูติน และ มุฮัมมัด บิน ซัลมาน (มกุฎราชกุมารซาอุ) เท่านั้น

    เช่นเดียวกับ เล่าปี่ โจโฉ และ ซุนกวน ที่ใครคนใดคนหนึ่งไม่สามารถรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียวได้ด้วยแรงของตัวเอง กำลังพลและทรัพยากรของแต่ละประเทศนั้นเพียงพอกัน ทำให้ 1 ก๊กนั้นไม่สามารถล้มอีก 2 ก๊กได้ จึงต้องพยายามจะใช้กลอุบายทางการเมือง สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันเพื่อที่จะไปรวมหัวตีอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นผู้ถูกโจมตีก่อนและก็ต้องแพ้พ่ายไป

    ⚔️ #ศึกสามก๊กน้ำมันวันนี้ ผมจะพยายามมาเล่าเรื่องโดยเปรียบ

    ทรัมป์ เสมือน โจโฉ (วุยก๊ก)
    มุฮัมมัด บิน ซัลมาน เสมือน เล่าปี่ (จ๊กก๊ก)
    ปูติน เสมือน ซุนกวน (ง่อก๊ก)

    ในศึกสงครามน้ำมันที่มามาอย่างเงียบๆตลอดนั้น ทั้ง สหรัฐ รัสเซีย และ ซาอุดิอาระเบีย ต่างก็เป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1-3 ของโลกสับวนกันไปมาตลอด 10 ปีแล้ว ถึงแม้ซาอุจะดูถือไพ่เหนือกว่าเพราะมีต้นทุนที่ถูกที่สุดและมีน้ำมันสำรองใต้ดินที่เยอะที่สุด ทำให้คุมส่วนแบ่งตลาดได้เหนือคนอื่นมานานที่สุด...

    แต่เมื่อวันนึงที่ทางสหรัฐได้อานิสงค์จากวิวัฒนาการเชลออยล์ จนทำให้กำลังการผลิตสหรัฐนั้นโตขึ้นอย่างทวีคูณและกำลังเร่งแซงหน้าอีกสองฝ่ายเมื่อ 3 ปีก่อน (ช่วงที่การผลิตสหรัฐจะทะลุ 11 ล้านบาร์เรลต่อวันต้นปี 2018) ทำให้สหรัฐนั้นเริ่มกลายมาเป็น โจโฉ แห่งวงการน้ำมัน ผู้ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดและมีกำลังพลทางการเมืองมากที่สุด

    ทางซาอุผู้เหมือนเล่าปี่ ที่พยายามจะไม่มีเรื่องกับใครที่สุด คอยเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มโอเปกแบบไม่พยายามมีเรื่องทางการเมืองกับใคร ในที่สุดจึงอยู่เฉยๆไม่ได้เมื่อกำลังการผลิตของสหรัฐนั้นมากขึ้นทุกวัน ทำให้กำลังในการควบคุมราคานั้นน้อยลง จึงได้ชวนทาง รัสเซีย ซึ่งเหมือนกับทาง ซุนกวน เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรด้วย ไว้คอยลดกำลังการผลิตสู้กันกับสหรัฐ จึงก่อให้เกิดการเป็นกลุ่ม OPEC+ ขึ้น

    หากเราจะมองความต้องการดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นเสมือนความห่วงใยและความจงรักภัคดีต่อฮ่องเต้ อย่างที่ทางฝั่งเล่าปี่และซุนกวนมี ทางรัสเซียและซาอุต่างก็ต้องการให้ราคาขึ้นเช่นเดียวกันเพราะทั้งคู่ต่างมีงบประมาณของประเทศที่ต้องดูแล รายได้จากการขายน้ำมันจึงสำคัญมาก แต่ในฝั่งของสหรัฐนั้นต้องการให้ราคาถูก เพราะไม่ได้มีบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ทรัมป์มีสิ่งเดียวที่ต้องห่วงคือคะแนนเสียงของตัวเอง จึงอยากให้ราคาน้ำมันถูกที่สุด เช่นเดียวกับโจโฉที่ห่วงแต่ชื่อเสียงของตัวเองและไม่ได้ห่วงฮ่องเต้ ทรัมป์จึงได้ออกมาทวีตกดดันราคาให้ลงต่ำอยู่เสมอหลังจากที่ราคาดีดขึ้นแรงๆ

    เราจึงเกิดพันธมิตรที่ชัดเจนระหว่างรัสเซียและซาอุที่พยายามลดการผลิตน้ำมันมาดันราคาสู้กับสหรัฐที่พยายามผลิตเต็มที่ แต่หลังจากสู้มาตลอดสามปีก็ไม่เป็นผล ส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐโตขึ้นเรื่อยๆและด้วยเทคโนโลยีที่สูงขึ้นต้นทุนการผลิตของสหรัฐก็ยิ่งลดลงลดลง เช่นเดียวกับทางกองทัพของเล่าปี่และซุนกวนที่พยายามยกทัพไปตีโจโฉหลายๆครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ต้องพ่ายกลับมาทุกที และนี่ก็เป็นปีที่สามของการลดกำลังการผลิตอย่างไร้เหตุผลของกลุ่ม OPEC+ แล้ว

    อีกสิ่งนึงที่ทำให้การสู้กับโจโฉแล้วไม่ชนะนั้นคือการที่ทางซุนกวนไม่เคยยอมร่วมสู้แบบจริงใจซักที หลายๆครั้งที่เล่าปีส่งกำลังพลขึ้นเหนือไปบุกโจโฉอย่างเต็มกำลังแต่ทางซุนกวนกลับส่งทหารไปแค่บางส่วน ไม่เคยส่งทหารไปเต็มกำลัง หรือบางทีก็ผิดนัด ทำให้ทางเล่าปี่ต้องผ่ายกลับมาทุกที เช่นเดียวกันกับทางรัสเซียที่ไม่เคยให้ความร่วมมือกับกลุ่มโอเปกอย่างเต็มที่เลย ! ถึงแม้จะบอกว่าจะช่วยลดแต่ก็ขอลดโควตาของตัวเองมาโดยตลอด และก็ไม่เคยลดจนเต้มโควตา ในการประชุมเมื่อปลายปีล่าสุดนั้นยังพยายามจะมาขอเปลี่ยนวิธีคำนวนการลดการผลิต โดยพยายามเอาคอนเดนเสท (น้ำมันดิบเบา) เข้ามาร่วมด้วย และในที่สุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางรัสเซียก็เซอไพรส์พันธมิตรของซาอุโดยการไม่ยอมลดกำลังการผลิตแล้วและเดินออกจากห้องประชุม สร้างความประหลาดใจให้ทุกๆฝ่ายจนราคาน้ำมันโดนเทขายลงมา -10% ในคืนนั้น ❌

    แต่สิ่งที่ต่างจากสามก๊กอยู่สิ่งนึงนั้นคือ การที่มุฮัมมัด บิน ซัลมาน ของซาอุไม่ได้เหมือนกับเล่าปี่ไปซะทุกเรื่อง ไม่ได้จะยอมมาง้อซุนกวนครั้งแล้วครั้งเล่าและพยายามคงไมตรีที่ดีแม้ว่าซุนกวนจะผิดสัญญาถึงหลายครั้ง ทางมุฮัมมัด บิน ซัลมาน นั้นกลับตัดไมตรีกับรัสเซียขั้นเด็ดขาด และได้ประกาศใช้อาวุธลับต้องห้าม นั้นคือการเปิดก็อกการผลิตมาถล่มราคากับทุกๆฝ่าย ทำให้สุดท้ายแล้วอาจจะไม่มีผู้ชนะจากสงครามนี้เลยมีแต่ผู้เสียหาย ยอมกดราคาน้ำมันลงตรงกันข้ามกับปฏิภาณที่เคยยึดมาโดยตลอด ต่างจากเล่าปี่ที่ยังจงรักภัคดีต่อฮ่องเต้เสมอ แม้ว่าสหายข้างกายจะขอร้องให้ตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้แต่ก็ไม่เคยยอม

    ⚔️ ทั้ง 3 ประเทศนั้นมีความสัมพัสธ์วนเวียนที่ดูเหมือนจะเข้าใจกันได้ยากมาก ⚔️

    ซาอุนั้นจริงๆแล้วเป็นพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐ ซื้ออาวุธจากสหรัฐ ถึงแม้จะมีผลได้ผลเสียเรื่องราคาน้ำมันที่ตรงข้ามกันมาตลอด ครั้งโรงแปรรูปน้ำมันถูกโดรนโจมตีเมื่อปีก่อนสหรัฐก็เข้ามาช่วย และในเวลาเดียวกันนั้นทางรัสเซียก็เข้ามาเสนอให้ใช้เครื่องป้องกันโดรนของรัสเซียแทน แต่กลับถูกฝั่งสหรัฐขู่ให้ปฏิเสธไป

    ทางสหรัฐกับรัสเซียนั้น ในหลายครั้งเมื่อเจอกันทางทรัมป์ก็จะดูเหมือนเป็นสหายกับรัสเซีย ทั้งๆที่สองประเทศนี้กำลังพยายามแย่งกันเป็นมหาอำนาจอย่างชัดเจน แม้แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งล่าสุดก็มีข่าวว่ารัสเซียแฮกเข้ามาแทรกแซงผล

    ส่วนซาอุกับรัสเซียกลับมีสัมพันธ์ด้านการพยุงราคาน้ำมันที่ดีขึ้นเรื่อยๆได้ โดยซาอุไม่กลัว สหรัฐที่เป็นพันธมิตรเลยหรือ ?

    เรียกได้ว่าเป็น 3 ก๊กของโลกน้ำมันยุคใหม่จริงๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ต้องการจะให้ตัวเองไม่เป็นมิตรกับใครมากหรือน้อยเกินไป

    #สงครามราคาน้ำมัน ในปัจจุบันนี้จะจบอย่างไร ?

    มันสามารถจบลงง่ายๆเลยหากว่า ปูตินจะยอมกลับมาจับมือกับซาอุอีกครั้ง และขอโทษที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด ?

    หรือทางทรัมป์จะเริ่มใช้กำลังภายในจากการที่เป็นผู้นำของประเทศที่มีอิทธิพลและกำลังทหารมากที่สุดในโลกเข้ามาบังคับซาอุหรือไม่ ? เพราะล่าสุดวันนี้หลังการผลิตน้ำมันสหรัฐเริ่มจะตายแล้วทางทรัมป์ก็ได้ต่อสายตรงไปหาทางซาอุทันที หรือจะรีบมาจับพวกกับทางนี้แล้วหาทางโจมตีรัสเซีย ?

    ทรัมป์คงไม่ยอมอยู่นิ่งแล้วปล่อยให้ธุรกิจเชลออยล์ของสหรัฐที่ตัวเองทำให้เฟื่องฟูค่อยๆตายลงไปในสมัยที่ตัวเองยังเป็นประธานาธิบดีอยู่แน่ๆ

    หรือ #จะไม่มีใครเป็นผู้ชนะเลย แล้วเราจะเห็นราคาน้ำมันอยู่ที่ต้นทุนของโลกที่ 30 เหรียญไปอีกนาน ? ดังที่ในสามก๊กนั้นการต่อสู้กันของทั้งสามตระกูลกลับไม่มีผู้ชนะ ผู้ที่สามารถรวบรวมแผ่นดินกลับเป็นหนึ่งได้นั้นกลับเป็นตระกูลของสุมาอี้ หลังทั้ง 3 ตระกูลเพลี่ยงพลํ้า

    เวลานี้ผู้ที่รู้คำตอบในอนาคตคงมีเพียง ทรัมป์ ปูติน และ มุฮัมมัด บิน ซัลมาน ผู้นำของแต่ละก๊กเท่านั้นครับที่จะรู้ ว่า #ศึกสามก๊ก ในตลาดน้ำมันนี้จะลงเอยเช่นไร

    หรือ จีนจะกลับมาเป็นสุมาอี้ได้ เพราะถึงแม้จะผลิตน้ำมันไม่ได้เยอะ แต่กำลังเร่งอาศัยจังหวะราคาน้ำมันที่ถูกตอนนี้ เข้าซื้อกักตุนน้ำมันไว้เป็นคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)

    แล้วมาติดตามไปกับเพจเราครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    FB_IMG_1583934255214.jpg FB_IMG_1583934260922.jpg FB_IMG_1583934269445.jpg

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Nowhere to run

    แม้แต่ธุรกิจทางด่วนก็ไม่พ้นผลกระทบจาก COVID-19 ???

    ก่อนหน้านี้โดยส่วนตัวผมได้แนะนำเพื่อนๆหรือคนรู้จักว่าถ้าจะซื้อหุ้นช่วงนี้ก็เอาพวกสัมปทาน หรืออะไรที่มันได้รับผลกระทบไม่มากไปก่อน แต่ต้องได้ราคาที่โอเคด้วยนะ แต่พอแนะนำไปแล้วก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้เช็ค Fact ให้ดีก่อน วันนี้เลยนั่้งดูรายงานตัวเลขการจราจรและการเดินทางของบริษัท BEM ในตลาดหลักทรัพย์

    ปรากฎว่าตัวเลขที่เห็นก็ไม่น่าพึงพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอเข้าใจได้ 2 ภาพบนที่แนบมา คือตัวเลขปริมาณการจราจร ของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ (หน่วยคือพันเที่ยวต่อวัน) เราจะเห็นว่าตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา การจราจรในเดือนมกราคมจะเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดทุกปี (รถถึงได้ติดขึ้นทุกปี - -'') มาสะดุดในปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่มีการชุมนุมในกรุงเทพ แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ปรากฎว่าในเดือนมกราคมกับกุมภาพันธ์ของปีนี้ จำนวนเที่ยวการเดินทางกลับลดลง (1.8% ในม.ค. และ 4.2% ใน ก.พ.) ซึ่งก็ไม่ต้องอธิบายเหตุผลกันอยู่แล้ว

    ตัวเลขที่น่าสนใจอีกอย่างคือปริมาณการเดินทางโดยเส้นทางรถไฟใต้ดินที่ BEM เป็นผู้บริหาร (หน่วยคือ พันเที่ยวต่อวัน) ตรงนี้ใช้การเปรียบเทียบต่างออกไปนะครับ คือเอาเดือนกุมภาพันธ์มาเทียบกับมกราคมแทนเป็นรายๆปีไป เนื่องจากว่าเมื่อปีที่แล้วเพิ่งมีการเปิดเส้นทางใหม่ ทำให้จำนวนผู้โดยสารจะเทียบกันแบบปีต่อปีไม่ได้

    ก็ปรากฎว่านับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา เดือนกุมภาพันธ์ก็มีการเดินทางต่อวันมากกว่าเดือนมกราคมมาโดยตลอด ก็เป็นปกติเพราะมกราคมเราจะยังมีช่วงวันหยุดค้างๆมาจากปีใหม่ วันหยุดขี้เกียจ นู้นนี้เยอะ การเดินทางจึงน้อยกว่าโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ แต่ปีนี้กลับเป็นปีแรกที่ การเดินทางในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงจากในเดือนมกราคมและลดลงถึง 8%

    การลงทุนในช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความผันผวนมาก การได้ซื้อหุ้นในราคาถูก ถือเป็นความใฝ่ฝันของนักลงทุนระยะยาวทุกคน แต่ก่อนจะซื้อเพราะราคาถูก เราก็ควรเข้าใจธุรกิจให้ดี ติดตามข้อมูลที่เป็น fact เสมอ แล้วค่อยตัดสินใจว่าถึงเวลารึยังครับ

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลศึกษาโดยทีมนักระบาดวิทยาของรัฐบาลจีนพบว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ลอยอยู่ในอากาศได้อย่างน้อย 30 นาที และเดินทางกระจายไปไกลถึง 4.5 เมตร มากกว่าระยะปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลก แนะนำให้อยู่ห่างจากผู้ติดเชื้อ 1-2 เมตร
    .
    นักวิจัยพบว่าเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานหลายวันบนวัตถุที่มีฝอยละอองจากระบบทางเดินหายใจตกลงบนพื้นผิว ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ หากมีใครสัมผัสฝอยละอองบนวัตถุแล้วไปสัมผัสใบหน้า แต่ระยะเวลาที่เชื้ออยู่บนวัตถุขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อุณหภูมิ และชนิดของวัตถุ เช่น ที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน 2-3 วัน บนแก้ว ผ้า โลหะ พลาสติก หรือ กระดาษ
    .
    ผลการศึกษาที่ได้รวบรวมจากนักวิจัยจากมณฑลหูเป่ย ที่สอบสวนโรคกรณีการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนหนึ่ง (cluster) เมื่อ 22 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงที่มีการเดินทางมากที่สุดเพื่อฉลองเทศกาลตรุษจีน ผู้โดยสารคนหนึ่งที่มีอาการป่วย และเดินทางด้วยรถบัสขนาด 48 ที่นั่งที่เป็นการเดินทางระยะไกล โดยนั่งแถวหลังสุดแถวที่สอง แบบไม่สวมหน้ากาก ผู้โดยสารส่วนใหญ่ และคนขับก็ไม่สวมหน้ากาก โดยขณะนั้นจีนยังไม่ได้ประกาศให้การระบาดเป็นวิกฤตระดับประเทศ

    เนื่องจากจีนกำหนดให้รถโดยสารทางไกลทุกคันต้องติดตั้งกล้องวงจรปิด คลิปที่ได้จึงเป็นประโยชน์มาก สำหรับนักวิจัยในการศึกษาวิธีการแพร่เชื้อในรถบัสที่ปิดหน้าต่างหมดทุกบาน จึงสามารถยืนยันได้ว่าในสภาพแวดล้อมแบบปิด มีเครื่องปรับอากาศ ไวรัสโควิด-19 จะแพร่ได้ไกลกว่าในระยะปลอดภัยที่เข้าใจกัน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่ไวรัสอาจยังคงอยู่หลังจากที่พาหะลงจากรถบัสไปแล้ว
    .
    “คำแนะนำของเราคือ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในรถโดยสาร” นักระบาดวิทยากล่าว และระบุว่ากรณีนี้ ผู้ป่วย “เอ” ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครเลยตลอดการเดินทาง 4 ชม. แต่เมื่อรถคันเดียวกันจอดที่เมืองต่อไป ไวรัสได้แพร่จากพาหะไปยังผู้โดยสารคนอื่นอีก 7 ราย และไม่ใช่คนที่นั่งใกล้ แต่เป็นสามีภรรยาที่นั่งอยู่แถวที่ 6 ถัดจากเขา ซึ่งห่างออกไป 4.5 เมตร
    .
    หลังจากผู้โดยสารกลุ่มนี้ลงจากรถแล้ว 30 นาที มีผู้โดยสารขึ้นมาอีกกลุ่ม ปรากฏว่าผู้โดยสารคนหนึ่งที่นั่งแถวหน้าคนละฝั่งก็ติดเชื้อด้วย นักวิจัยกล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้ซึ่งไม่ได้สวมหน้ากาก น่าจะสูดละอองฝอยเล็กๆ ที่ปล่อยออกมากับลมหายใจของผู้โดยสารติดเชื้อ เหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะในพื้นที่ปิด การถ่ายเทอากาศหลักๆ มาจากอากาศร้อนจากเครื่องปรับอากาศ อากาศร้อนจะหอบละอองฝอยที่มีไวรัสไปไกลมากขึ้น หลังลงจากรถโดยสารคันนี้แล้ว พาหะคนแรกต่อรถมินิบัส และเดินทางอีก 1 ชม
    .
    ผลคือมีผู้โดยสารอีก 2 คนติดเชื้อ ซึ่งนั่งห่างออกไป 4.5 เมตร จากผู้ป่วยเอเช่นกัน โดยเวลาที่ผลศึกษานี้เสร็จสมบูรณ์กลางเดือนก.พ. จึงสรุปว่า คนไข้เอแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอย่างน้อย 13 ราย

    -------------------------------------
    แหล่งข้อมูล

    https://www.bangkokbiznews.com/news...medium=internal_referral&utm_campaign=foreign
    -------------------------------------
    กด Like และ ติดตามเพจ เพื่อรู้เท่าทันโลก
    กับ Thailand Vision

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 10 มีนาคม 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่าสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวหลังเป็นประธานในพิธีเปิดทางหลวงหมายเลข 55 ที่จังหวัดโพธิสัตว์ ทางตะวันตกของประเทศ เมื่อวันจันทร์ ว่าเขามีแผนจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ รวมถึงการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากตอนนี้เริ่มมีอาการคัดจมูก
    .
    ขณะเดียวกัน ผู้นำกัมพูชาขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของประเทศ ว่าสามารถให้การรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือแม้แต่ตัวเขาในฐานะผู้นำประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องมีการส่งตัวไปรักษายังประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ไทย หรือสิงคโปร์ และแนะนำชาวกัมพูชา ซึ่งมีอาการน่าสงสัยว่าอาจล้มป่วยด้วยเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เข้ารับการตรวจจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกัมพูชา
    .
    นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน เตือนทุกฝ่ายโดยเฉพาะโลกออนไลน์ เกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน และข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศ มิเช่นนั้นเขาจะใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด และกล่าวถึง “ชายคนหนึ่ง” ในจังหวัดไพรแวง ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ให้ยุติการสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับโรคระบาดนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่ารัฐบาลกัมพูชาส่งตัวเขาไปรับการรักษาโรคโควิด-19 ที่สิงคโปร์อย่างลับๆ หากทำอีกครั้งเขาจะส่งตำรวจไปจับถึงที่บ้าน
    .
    ท่าทีดังกล่าวของสมเด็จฮุน เซน เกิดขึ้นหลังกระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชารายงานเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เรื่องการพบพลเมืองกัมพูชาคนแรก ซึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นชายอายุ 38 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเสียมราฐ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ มีประวัติการสัมผัสโดยตรงกับชายชาวญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางมายังจังหวัดเสียมราฐเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 และพลเมืองญี่ปุ่นรายนี้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเดินทางกลับถึงบ้านเกิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา
    .
    อนึ่ง กัมพูชารายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรกของประเทศเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีนอายุ 60 ปี เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคในจีน โดยผู้ป่วยรายแรกของกัมพูชาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดพระสีหนุ หรือสีหนุวิลล์ และออกจากโรงพยาบาลแล้วเดินทางกลับประเทศเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563
    .
    ขณะเดียวกันหลายฝ่ายทั้งใน และต่างประเทศ ต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อการที่สมเด็จฮุน เซน สัมผัสใกล้ชิดกับผู้โดยสารทุกคนบนเรือสำราญ “เวสเตอร์ดัม” ซึ่งเทียบท่าในจังหวัดสีหนุวิลล์ เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และหนึ่งในผู้โดยสารเป็นหญิงชาวอเมริกัน อายุ 83 ปี ได้รับการตรวจโดยหน่วยงานทางการแพทย์ของมาเลเซีย ปรากฏว่าหญิงชาวอเมริกันรายนี้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

    -------------------------------------
    แหล่งข้อมูล
    https://www.dailynews.co.th/foreign/762100
    -------------------------------------
    กด Like และ ติดตามเพจ เพื่อรู้เท่าทันโลก
    กับ Thailand Vision

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน!!! ธนาคารกลางอังกฤษลดดอกเบี้ยรวดเดียวจาก 0.75% เหลือ 0.25% รับมือโควิด 19
    .
    #ลงทุนนอกโลก โดยถามอีก กับอิก
    .
    1.เป็นการเรียกประชุมฉุกเฉินของแบงค์ชาติอังกฤษครับ โดยมีความเห็นตรงกันว่าควรจะลดดอกเบี้ยลงมา 0.5% จาก 0.75% เหลือ 0.25%
    .
    2.เหตุผลคือ การลดดอกเบี้ยจะช่วยพยุงการทำธุรกิจพร้อมๆกับช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชน
    .
    3.และยังเป็นการช่วยให้ภาคธุรกิจและประชาชนมีกระแสเงินสด เงินในกระเป๋ามากขึ้น ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้
    .
    4.และเพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าครองชีพ และการช่วยให้มีสายป่าน และสภาพคล่องมากขึ้น
    .
    5.ล่าสุด ณ เวลา 14.23 น. อังกฤษมีผู้ติดเชื้อ 383 ราย, เสียชีวิต 18 ราย
    .
    คิดว่าที่ไหนจะเป็นรายถัดไปครับ?
    ========
    .
    เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต
    .
    อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย
    .
    ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
    คลิกเลย
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'ไกด์ภูเก็ต' โวย‼️ เดือดร้อนหนักเจอโควิด รายได้หดหาย การท่องเที่ยวแย่หนัก. วอนหน่วยงานรัฐบาลเข้ามาดูแลภาระหนี้สิน ซึ่งล่าสุดได้มีไกด์จำนวนมากที่ทำงานหากินในภูเก็ตร่วมลงชื่อเพื่อขอการเยียวยาแล้วที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตแล้วเกือบพันคน
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไวรัสโควิด-19 จะถูก ‘ควบคุมได้ในที่สุด’
    เช่นเดียวกับที่โลกเคยเผชิญกับโรคระบาด มาแล้วหลายครั้ง
    .
    1.นายแพทย์ เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงล่าสุด ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เกี่ยวกับสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’
    .
    2.ถ้อยแถลงมีใจความสำคัญว่า ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปแล้วอย่างน้อย 113 ประเทศ มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 4,000 คน และมีจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 110,000 คน สถานการณ์เช่นนี้ ‘เข้าใกล้’ คำว่า Pandemic มากขึ้น นั่นคือ เป็นโรคระบาดขนาดใหญ่ เป็น ‘โรคระบาดวงกว้าง’
    .
    3.หากองค์การอนามัยโลกประกาศให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในระดับโรคระบาดขนาดใหญ่/โรคระบาดวงกว้าง นั่นหมายความว่า ประชากรทั้งโลกมีความเสี่ยงติดเชื้อ และมีตัวเลขผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก
    .
    4.แม้สถานการณ์ตอนนี้จะดูตึงเครียด แต่ไวรัสโควิด-19 จะถูก ‘ควบคุมได้ในที่สุด’ เช่นเดียวกับที่โลกเคยเผชิญกับโรคระบาดมาแล้วหลายครั้ง
    .
    5.องค์การอนามัยโลกเปิดเผยด้วยว่า อัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 3.4% กลุ่มเสี่ยงที่สุดคือ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี
    .
    6.สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน: 93% ของผู้ติดเชื้ออยู่ใน 4 ประเทศ คือ จีน อิตาลี เกาหลีใต้ และอิหร่าน
    .
    7.จีน: สถานการณ์ในจีนนั้นอยู่ในขั้นควบคุมได้ เนื่องจาก 70% ของผู้ป่วยหายดีและทยอยออกจากโรงพยาบาลได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว (8, 9, 10 มี.ค.) ที่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยรายใหม่นอกมณฑลหูเป่ย์ พื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด
    .
    8.สถานการณ์นอกจีนที่รุนแรงที่สุดคือ อิตาลี มีผู้เสียชีวิตแล้ว 463 คน จำนวนผู้ป่วย 9,172 คน รักษาหาย 724 คน
    .
    9.เกาหลีใต้: มีผู้เสียชีวิต 54 คน จำนวนผู้ป่วย 7,513 คน รักษาหายแล้ว 247 คน
    .
    10.อิหร่าน: มีผู้เสียชีวิต 237 คน จำนวนผู้ป่วย 7,161 คน รักษาหายแล้ว 2,394 คน
    .
    11.องค์การอนามัยโลกระบุด้วยว่า พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ใหม่ๆ เช่น บรูไน ไซปรัส ปานามา บูร์กินาฟาโซ มองโกเลีย และเกาะเกิร์นซีย์ (ดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร) ขณะที่ทวีปแอฟริกา มีผู้เสียชีวิตรายแรกแล้ว เป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน เสียชีวิตที่ประเทศอียิปต์
    .
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลังจาก #สงครามราคาน้ำมัน ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นอาทิตย์ ราคาน้ำมันดิบ Brent โดนเทขายลงมา 30-40% แล้วจากอาทิตย์ก่อน นักวิเคราะห์จากหลายๆสำนักก็ได้รีบออกมาปรับลดราคาคาดการณ์กันโดยเร็ว
    โดยสรุปราคาคาดการณ์ที่เปลี่ยนไปใน 2-3 วันล่าสุดได้ดังนี้
    1️⃣ Barclays - เป็นผู้ที่มองว่าราคาน้ำมันจะลงไปได้ต่ำสุด เพราะไม่เห็นว่าทางซาอุและรัสเซียจะกลับมาจับมือกันเร็วๆนี้ และปัญหาไวรัสยังไม่จบด้วย จึงมอง Brent ลงไปเฉลี่ยต่ำถึง 23 เหรียญต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 2 นี้ หรือต่ำกว่าปัจจุบันอยู่ถึงอีก 30% !
    2️⃣ Goldman Sachs - เป็นอีกสำนักที่มองว่าเหตุการณ์จะไม่คลี่คลายเร็วๆนี้ น่าจะลากยาวไปจนถึงสิ้นปี โดยวิเคราะห์จากราคาต้นทุนน้ำมันดิบทั่วโลกแล้ว คิดว่าราคาที่ 30 เหรียญต่อบาร์เรลคือราคาพื้นฐานที่ Brent จะไปเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ ส่วนสิ้นปีถ้าเหตุการณ์ไวรัสดีขึ้นราคาก็จะดีดขึ้นได้
    3️⃣ UBS - นั้นมองคล้ายๆ Goldman Sachs แต่ให้ราคา 30 เหรียญนี้อยู่ถึงแค่สิ้นสุดไตรมาสที่ 2 เท่านั้น แล้วอาจมีการดีดขึ้นไปใหม่ได้เร็วกว่าที่คิด
    4️⃣ Standard Chartered Bank - มองว่าเหตุการณ์นั้นจะยืดเยื้อเช่นกัน แต่ให้ราคาสูงขึ้นมาหน่อยที่เฉลี่ย 35 เหรียญต่อบาร์เรลทั้งปีนี้
    5️⃣ Bank Of Tokyo-Mitsubishi - มองคล้ายๆกับ Goldman sachs ว่าราคาน่าจะลงไปต่ำที่สุดถึงแค่ไตรมาสที่ 3 แล้วจะเด้งขึ้นในไตรมาสที่ 4 ให้ราคาเฉลี่ย Brent อยู่ที่ 34 เหรียญต่อบาร์เรลในไตรมาส 2-3 และเด้งไปที่ 46 เหรียญต่อบาร์เรลในไตรมาส 4
    6️⃣ EIA - กระทรวงพลังงานสหรัฐเพิ่งออกรายงานเปลี่ยนราคาคาดการณ์ออกมาคืนนี้เอง มอง Brent เฉลี่ยทั้งปีนี้อยู่ที่ 43.3 เหรียญต่อบาร์เรล
    7️⃣ Bank Of America - เป็นหนึ่งคนที่มองว่า #สงครามราคา ไม่น่าอยู่ได้นานเพราะทั้งสองฝ่ายกำลังเสียหายอย่างหนัก คาดว่าราคาน่าจะเด้งขึ้นได้เร็วและไปเฉลี่ยที่ 45 เหรียญต่อบาร์เรลทั้งปีนี้
    และนี่ก็คือสรุปของมุมมองราคาน้ำมันดิบ Brent ที่เปลี่ยนไปทั้งหมดครับ
    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝาก #กดไลค์ และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    #OilTradingKP
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    14.00 น.ซาอุดิอารามโก้ บริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุ ได้รับคำสั่งอย่างชัดเจนให้เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 13 ล้านบาร์เรลต่อวันโดยทันมี ไม่ใช่แค่ 12.3 ล้าน อย่างที่มีรายงานก่อนหน้านี้
    ราคาน้ำมันเริ่มโดนเทขายแล้ว
    https://m.facebook.com/groups/384699798760722?view=permalink&id=624868948077138
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในยุคของ #สงครามน้ำมัน หากเราจะวาดแผนที่โลกใหม่ โดยใช้ปริมาณน้ำมันดิบสำรองใต้ดินของแต่ละประเทศ มาเป็นขนาดของประเทศนั้นๆ เพื่อวัดกันดูว่าใครเป็นมหาอำนาจในโลกน้ำมันตัวจริง ? หรือถ้าราคาจะต้องต่ำไปนานๆใครจะเป็นคนเจ็บตัวที่สุด ?
    พอเราวาดรูปออกมาก็จะได้แผนที่โลกตามแบบในรูป โดยมีจุดที่น่าสนใจสรุปได้ดังนี้

    FB_IMG_1583937896991.jpg

    1️⃣ ใครหาประเทศ ไทยของเราเจอบ้างครับ ? คงต้องเพ่งหน่อยนะครับ เพราะเรามีปริมาณน้ำมันดิบน้อยมาก แต่ทำให้ไทยจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากสงครามราคาครั้งนี้ เพราะจะได้ใช้น้ำมันที่ถูกและไม่เสียหายจากมูลค่าน้ำมันใต้ดินที่ด้อยค่าลง
    2️⃣ ประเทศเวเนซุเอลา จะมีขนาดใหญ่ที่สุด ! เพราะมีปริมาณสำรองที่ค้นพบแล้วมากกว่าซาอุดิอาระเบียเสียอีก เวเนซุเอลานั้นมีน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก แต่ด้วยคุณภาพน้ำมันที่หนักมาก ยากที่จะขนส่งและกลั่นออกมาก็ได้น้ำมันสำเร็จรูปที่มูลค่าน้อย ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจปละการโดนคว่ำบาตรจากสหรัฐในปัจจุบัน ทำให้เวเนซุเอลาจะไม่ค่อยมีบทบาทมากในสงครามครั้งนี้
    3️⃣ ตะวันออกกลางจะกลายเป็นทวีปมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ! นำโดยมหาอำนาจอย่าง ซาอุดิอาระเบีย ที่เป็นคนประกาศเริ่มสงครามราคา และตามมาด้วย อิรัก อิหร่าน คูเวต และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีปริมาณสำรองตามลงมา
    ⚠️ โดยเมื่อเวลาเที่ยงวันของวันที่ 11 มีนาคมนี้ ทางคูเวต (ผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับ 10 ของโลก) ก็เพิ่งเข้าร่วม #สงครามราคาน้ำมัน แล้ว ด้วยการลด Premium ราคาน้ำมันของตัวเองลง -5.5 เหรียญ ตามซาอุและอิรัก
    4️⃣ ประเทศออสเตรเลีย จะกลายเป็นขนาดเล็กมากๆ แทบจะไม่มีบทบาทเลยถึงแม้ว่าประเทศจริงๆจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากๆ แต่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบนั้นน้อยเหลือเกิน
    5️⃣ ประเทศสหรัฐ จะกลายเป็นประเทศเล็กไปเลย ! ถึงแม้จะเป็นผู้ผลิตอันดับที่ 1 ของโลกแต่ปริมาณสำรองนั้นน้อยเมื่อเทียบกับมหาอำนาจอื่นๆ โดยหากวาดแผนที่ก่อนที่จะเกิดเทคโนโลยีในการขุด Shale oil ขึ้นมา เราอาจจะต้องใช้เวลาในการตามหาประเทศสหรัฐในแผนที่
    6️⃣ ขนาดของประเทศใหญ่ๆ ในแผนที่นั้น เป็นความบังเอิญหรือไม่ ที่ล้วนแต่จะเป็นประเทศที่สหรัฐมีเรื่องราวและมีคดีทางการเมืองระหว่างประเทศด้วยตลอด ? คงไม่ได้เป็นแค่ความบังเอิญที่สหรัฐไม่ค่อยไปยุ่งกับประเทศที่มีขนาดเล็กๆเลย ?
    7️⃣ ประเทศจีน เกือบจะหลุดกรอบแผนที่โลกไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะที่สุดในโลก แต่น้ำมันที่ใช้นั้น ต้องพึ่งพาต่างชาติทั้งนั้น ทำให้ในช่วงสงครามราคานี้ ทางจีนกำลังเร่งนำเข้าน้ำมันที่ราคาถูกมาสำรองเก็บทางยุทธศาสตร์ในประเทศอย่างเต็มที่
    8️⃣ แถบสหราชอาณาจักร หรือ แถบ North Sea นั้น แม้จะมีปริมาณสำรองน้ำมันเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถผลักดันให้ตลาดตัวเองเป็นตลาดราคาอ้างอิงน้ำมันของโลก หรือเป็นราคาพิ้นฐาน Benchmark น้ำมันที่สำคัญที่สุดได้ ด้วยท่าการนำเข้าส่งออกที่สะดวกและตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ทันสมัย
    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    #OilTradingKP
    ที่มา: https://howmuch.net/articles/worlds-biggest-crude-oil-reserves-by-country
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #อากาศร้อน
    11/03/20
    ประเทศไทย 10 จังหวัดร้อนที่สุด
    อุณหภูมิ แตะ 40 องศา
    CR: THE STANDARD
    #Watchers

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โดย: ทับทิม พญาไท

    มาถึง ณ ขณะนี้...ก็น่าจะเป็นที่สรุปได้แบบแจ่มแจ้งชัดเจนแล้วว่า จาก “ศึกราคาน้ำมัน” หรือจากรายการ “เกทับ-บลัฟแหลก” ระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างซาอุฯ กับรัสเซียตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ที่ “เจ๊ง” เป็นรายแรก และถือว่า “เจ๊งหนักที่สุด” ชนิดแทบไม่มีโอกาสเงยหน้าอ้าปากขึ้นมาได้อีก ก็น่าจะหนีไม่พ้น “บริษัทน้ำมัน Shale Oil” หรือบริษัทที่นิยมขุดหาน้ำมันและแก๊สจากชั้นหินดินดานของอเมริกานั่นเอง!!!
    .
    เรียกว่า...จะเป็น “กูรู” หรือ “กูรู้” จากสำนักไหนต่อสำนักไหนก็ตาม ต่างมองเห็นภาพดังกล่าวค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัย “Saint Mary’s College” แคลิฟอร์เนีย อย่าง “Dr.Jack Rasmus” หรือประธานบริษัท “Oil Associates LLC” อย่าง “Andrew Lipow” ที่ให้ความเห็นกับสำนักข่าวต่างประเทศหลายต่อหลายสำนักว่า การที่ราคาน้ำมันในตลาดตกลงมาถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงแค่ประมาณ 29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนั้น ผู้ที่ “เจ็บหนักสุด” หรือผู้ที่ต้องอ้วกแตก-อ้วกแตน ไม่ว่าในระยะสั้น-ระยะยาว ก็คือบรรดาบริษัทน้ำมันสหรัฐฯ ที่หันมาขุดเจาะหาพลังงานด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า “Fracking” ทั้งหลายนั่นเอง...
    .
    และโดยความคิด ความเห็น ดังกล่าว ก็ใช่ว่าจะปราศจากหลักฐาน ข้อมูล ที่มา-ที่ไป เพราะแค่ดูจาก “ราคาหุ้น” ของบรรดาบริษัทน้ำมัน Shale Oil ประมาณ 57 บริษัท ที่อยู่ในตลาด “S&P Oil & Gas Exploration” นับตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา ต่างก็ “รูดมหาราช” ไปเป็นแถบๆ โดยเฉพาะบริษัทอย่าง “Oasis Petroleum” หรือ “California Resource and Occidental Petroleum” รูดลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนบริษัท “Diamondback Energy and Parsley Energy” ถึงกับประกาศปิดหลุมขุดเจาะไม่รู้กี่หลุมต่อกี่หลุม ไปเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถสู้กับ “ภาวะต้นทุน” การขุดเจาะที่อยู่ที่ประมาณ 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้อีกต่อไปแล้ว...
    .
    แม้ว่าในช่วงวันอังคาร (10 มี.ค.) ที่ผ่านมา...ราคาน้ำมันจะเด้งกลับขึ้นมาประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ หรือกลับไปอยู่ที่ประมาณ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเนื่องมาจากผู้นำอเมริกาประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดภาษี และการปล่อยเงินกู้ให้กับบรรดาบริษัทธุรกิจรายย่อย แต่นั่นคงไม่ได้ช่วยให้บรรดาบริษัทน้ำมันรายเล็ก รายน้อย ในอเมริกา มีโอกาส “หายใจทางเหงือก” ขึ้นมามากมายสักเท่าไหร่ เพราะถ้าหากราคาน้ำมันยังต้องเป็นไปในรูปนี้ “อีกหลายเดือน” อย่างที่รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย “นายAlexander Novak” ได้ประมาณการเอาไว้ ระหว่างการสัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ “Rossiya-24” ในวันเดียวกัน โอกาสที่จะ “กู้หนี้” เพื่อเอามา “หมุนหนี้” ของบรรดาบริษัทน้ำมันอเมริกันทั้งหลาย ก็น่าจะไม่ทันกับ “ภาวะล้มละลาย” ที่ทำให้หลายต่อหลายบริษัท ตัดสินใจปิดฝา ปิดโลง ไปแล้วก่อนหน้านี้...
    .
    การตัดสินใจ “เกทับ-บลัฟแหลก” ของอภิมหาเศรษฐีน้ำมันซาอุฯ ที่ประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาด จากวันละ 9.7 ล้านบาร์เรล ไปเป็นวันละ 12.3 ล้านบาร์เรล จนทำให้ราคาน้ำมันซึ่งทำท่าว่าจะล้นตลาด ควงสว่านลงมาเหลือแค่ 29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเท่านั้นเอง ไม่ว่าโดย “เหตุผลเบื้องหน้า-เบื้องหลัง” จะเป็นไปในลักษณะใดก็ตาม แต่ภายใต้สภาพการณ์ดังกล่าว จึงแทบไม่ต่างไปจาก “กระบวนการขจัดผู้ผลิตน้ำมัน Shale Oil ออกไปจากระบบตลาด ด้วยการสร้างความล้มละลายให้เกิดขึ้น” ตามคำพูด คำอธิบาย ของ “Dr. Jack Rasmus” ที่ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “รัสเซีย ทูเดย์” เอาไว้นั่นเอง และด้วยกระบวนการดังกล่าว คงไม่ได้จำกัดวงอยู่แค่เฉพาะ “อุตสาหกรรมน้ำมัน” ในอเมริกา ที่กำลังบูมๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่แนวโน้มที่มันอาจลุกลามไปสู่ส่วนอื่นๆ หรือสู่ “ระบบเศรษฐกิจอเมริกา” แทบทั้งระบบ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...
    .
    ดังที่นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระดับโลก “นายPeter Schiff” แห่งบริษัท “Euro Pacific Capital” ได้ให้ความเห็นเอาไว้ในเวลาต่อมานั่นแหละว่า ไม่ใช่แต่เฉพาะบริษัทน้ำมัน Shale Oil ในสหรัฐฯ เท่านั้น ที่ต้องกู้หนี้ยืมสินเอามาโปะ แล้วรอเวลาที่ราคาน้ำมันจะหวนกลับเข้าสู่สภาพเดิม จนใครที่รอไม่ไหว หนีไม่พ้นต้อง “ล้มละลาย” ไปเป็นแถบๆ แต่บริษัทธุรกิจอื่นๆ ของอเมริกา ก็มีสภาพแทบไม่ต่างอะไรไปจากบริษัทน้ำมัน Sale Oil ของอเมริกานั่นแหละ รวมทั้ง “รัฐบาลอเมริกัน” เองด้วย ที่ต่างสร้างหนี้ สร้างสิน ไว้เยอะแยะมากมาย จนไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติหน้า ก็แทบไม่มีโอกาสใช้หนี้ได้เลย อันส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจอเมริกาแทบทั้งระบบ รวมไปถึงสถานะของเงินดอลลาร์ ตกอยู่ในสภาพ “ฟองสบู่” ระดับ “อภิมหามารดาแห่งฟองสบู่” มานานแล้ว ยิ่งเมื่อเจอการล้มละลาย ล้มระเนนระนาดของบรรดาบริษัทน้ำมันทั้งหลาย ในลักษณะแทบไม่ต่างไปจากการล้มละลายของสถาบันการเงิน เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2008 โอกาสที่ “ฟองสบู่ในอเมริกา” จะแตกดังโพล๊ะตามมา อีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

    .

    หรือดังคำพูด คำอธิบาย ที่ว่าไว้ว่า... “การตกต่ำของราคาน้ำมัน เป็นเพียงแค่...ส่วนหนึ่ง...ของกระบวนการเงินเฟ้อ ที่จะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ และเกิดผลกระทบต่อเนื่องไปถึงสถานะของเงินดอลลาร์ โดยจะกระทบกระเทือนไปถึงระบบเศรษฐกิจทั้งมวลของอเมริกา ด้วยเหตุเพราะปัญหาที่แท้จริงของระบบเศรษฐกิจอเมริกา ก็คือ...ปัญหาหนี้ เราเป็นหนี้มาก และไม่ใช่แค่หนี้ของบริษัทน้ำมันเท่านั้น แต่ธุรกิจแทบทุกสาขา ต่างเต็มไปด้วยปัญหาหนี้ด้วยกันทั้งนั้น” ฟองสบู่ หรืออภิมหามารดาแห่งฟองสบู่ของเศรษฐกิจอเมริกา ที่กำลังจะแตกในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ จึงมีแนวโน้มที่จะส่งผลหนักหนาสาหัส ซะยิ่งกว่าการแตกของฟองสบู่ของบรรดาบริษัทและสถาบันการเงิน เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2008 หลายต่อหลายเท่า เพราะช่วงจังหวะเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สถานะของเงินดอลลาร์อเมริกา ยังพอมีผู้เชื่อมั่น เชื่อถือ อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย หรือยังพร้อมที่จะซื้อเอามาเก็บไว้เป็นทุนสำรอง หรือเป็นเครื่องมือในการซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนใดๆ ก็ตามแต่ แต่มาถึงทุกวันนี้ สถานะของเงินดอลลาร์อเมริกา กำลังเปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังตีน หรือ “ทุกคนพร้อมที่จะขายดอลลาร์ออกไป” ดังที่ “นายPeter Schiff” ได้ระบุเอาไว้ การแก้ปัญหาวิกฤตฟองสบู่ในปี ค.ศ. 2008 จึงมิอาจนำมาใช้ได้กับวิกฤตอภิมหาฟองสบู่ ที่กำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้าได้เลยแม้แต่น้อย...
    .
    ส่วนผู้ที่ได้รับชัยชนะสูงสุดจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำคราวนี้...จึงกลายเป็น “ทองคำ” ดังที่ “นายAlexandro Bruno” ผู้อำนวยการ “NX Tana lytic” ได้ให้ความเห็นเอาไว้ ที่ทำราคาพุ่งพรวดๆ พราดๆ ไปถึง 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยเผอิญว่ามหาอำนาจคู่แข่งของอเมริกา อย่างคุณพี่จีนและคุณน้ารัสเซีย ต่างได้พยายามกวาดซื้อเอาไว้เป็นตันๆ มาแล้วก่อนหน้านี้ และนั่นเองที่อาจทำให้นักวิเคราะห์เศรษฐกิจซึ่งอาจมีสไตล์ออกไปทาง “หวือๆ หวาๆ” อยู่สักหน่อย อย่าง “นายMax Keiser” แห่งโทรทัศน์ “รัสเซีย ทูเดย์” ถึงกับออกมา “ฟันธง” แบบชนิดเต็มผืน เต็มด้าม ว่า “วิกฤตราคาน้ำมัน” คราวนี้ ที่มีลักษณะไม่ต่างไปจาก “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ภาค 2” กำลังทำให้ยุคแห่งเงินดอลลาร์ในฐานะทุนสำรอง “จบลงไปเรียบร้อยแล้ว” หรือทำให้ “อวสานแห่งPetro-Dollar” ปรากฏให้เห็นชัดเจน พร้อมกับการอุบัติขึ้นมาของ “Petro-Yuan” หรือ “Petro-Ruble” กันแทนที่ จริง-ไม่จริง...ก็ลองไปคิดกันเอาเอาก็แล้วกัน...
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทั้งที่ประเทศสเปนเองมีตัวเลขผู้ติดเชื้อ ติดอันดับมากที่สุด 1 ใน 5 ของโลก ไม่รวมจีน

    สตรีหลายพันได้ออกมารวมตัว แสดงพลัง ในวันสตรีสากล เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ท่ามกลางการระบาดของ Covid-19

    ในทำนองเดียวกับเมือง Philadelphia ที่จัดพาเหรด รวมคนในเมืองนับพัน ท่ามกลางการระบาดของไข้หวดสเปนในปี 1918 (เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ)

    ทำให้ Philadelphia มีอัตราการเสียชีวิตต่อประชากรทั้งหมดที่พุ่งสูงมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเมืองอื่น อย่าง St. Louis ที่เน้นให้ประชากรกักตัวเอง

    _____

    หลายประเทศตะวันตกไม่ได้เรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์ หรือการระบาดที่จีนเลย และกำลังขุดหลุมให้ตัวเอง
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อ่านเกมสงครามน้ำมัน "ซาอุฯ-รัสเซีย" การทะเลาะกันเรื่องการผลิตและราคา จะกระทบชิ่งไปถึงการมีบทบาทนำของพลังงานสหรัฐได้อย่างไร ?
    .
    ตามที่ตลาดน้ำมันผันผวนหนักเมื่อวันจันทร์ (9 มี.ค.) ราคาดิ่งลงกว่า 20% จากที่ดิ่งลงอยู่แล้วเพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า แต่รอบนี้ได้ปัจจัยใหม่ เมื่อโอเปคกับพันธมิตรเห็นต่างเรื่องลดเพดานการผลิต โดยรัสเซียไม่ยอมลด ซาอุดีอาระเบียจึงประกาศหั่นราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการในเดือน เม.ย. รวมทั้งมีแผนเพิ่มการผลิต
    .
    โรเบิร์ต จอห์นสตัน ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานโลก บริษัทที่ปรึกษายูเรเชียกรุ๊ป เผยกับเว็บไซต์ซีเอ็นบีซีว่า การเล่นกับรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินนั้นเป็นงานยาก ทั้งซาอุดีอาระเบียและรัสเซียต่างรอว่าใครจะเป็นฝ่ายยอมก่อน การเผชิญหน้ากันจะดำรงอยู่ระยะหนึ่ง ที่นักวิเคราะห์รายนี้มองว่า 2-3 เดือนเป็นอย่างน้อย การทะเลาะกันเรื่องการผลิตและราคา จะกระทบชิ่งไปถึงการมีบทบาทนำของพลังงานสหรัฐด้วย
    .
    ทั้งนี้ อุตสาหกรรมหินน้ำมันของสหรัฐได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ภาคพลังงานโลก เมื่อสหรัฐเดินหน้าสู่การเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิ
    .
    “รัสเซียจึงต้องสกัดอิทธิพลของสหรัฐที่ส่งไปทั่วโลก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกัน ผมไม่คิดว่าจะคลี่คลายลงได้ใน 2 หรือ 3 สัปดาห์ข้างหน้า” จอห์นสตันกล่าวและว่า ความเคลื่อนไหวของมอสโกเสี่ยงและต้นทุนสูง ยังต้องดูกันต่อไปว่าวิธีนี้จะสามารถฆ่าหินน้ำมันสหรัฐ หรือตัดกำลังให้สงบนิ่งได้หรือไม่แต่รัสเซียยังกระสุนดินปืนอีกมากให้เล่น
    .
    ด้าน ริชาร์ด กอร์รี กรรมการผู้จัดการเจบีซีเอเนอร์จีเอเชีย มองว่า ปีนี้น้ำมันดิบล้นตลาดวันละราว 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ซัพพลายในสหรัฐหายไปเพราะผู้ผลิตถูกกดดันจากน้ำมันราคาถูก ก็คงไม่ช่วยหนุนราคาได้
    .
    “ถ้าทั้งสองฝ่ายเหนี่ยวไกปืน ทั้งคู่ก็จะเล่นเกมแรง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ราคาน้ำมันก็จะลดลงอีก” กอร์รีกล่าว
    .
    บ่ายวานนี้ (10 มี.ค.) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซื้อขายล่วงหน้าในตลาดเอเชียอยู่ที่ราว 37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอของสหรัฐ อยู่ที่ราว 33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
    .
    กอร์รีกล่าวต่อว่า ราคาที่ดิ่งลงอาจพลิกกลับโดยง่ายด้วยการทำข้อตกลง เอาซัพพลายส่วนเกินออกจากตลาด
    .
    “ยังมีเวลาให้จัดการ แต่ก็อาจมีผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้อนาคตซับซ้อน”
    .
    เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ไตรมาส 2 ของปีนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยที่ 37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมัน 10.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เฉลี่ยทั้งปีราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #Earthquake #สุมาตรา
    วันที่ 11 มี.ค. 2563
    เวลา 06:08 น. ตามเวลาประเทศไทย
    แผ่นดินไหว Northern Sumatra, Indonesia
    (99km SW of Langsa, Indonesia)
    พิกัด (3.82°N,97.23°E)
    ขนาด 5.0 ลึก 108.8 กม.

    [USGS] : https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us60008dfc/executive

    ไหวแถวนี้ไม่ชอบ วันนี้ครบรอบแผ่นดินไหวญี่ปุ่นด้วย ครบ 9 ปี
    11 มีนาคม 54 แผ่นดินไหว 9.0 และสึนามิครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น

    โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ หมายเลข I ระเบิด

    เสียชีวิตมากกว่า 15,000 ราย
    #Watchers

     

แชร์หน้านี้

Loading...