ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [7 มี.ค. 2020 เวลา 16:00 น.]

    FB_IMG_1583600559994.jpg

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รบ. จีน บริจาคหน้ากาก 1.1 ล้านชิ้น ให้เกาหลีใต้

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #กรมปศุสัตว์ เฝ้าระวังไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) รวมถึงไวรัสกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นโรคอุบัติใหม่ ทั้งในปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง โดยจัดทำแผนการเตรียมรับมือการเกิดโรคในสัตว์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    #COVID #Covid_19 #COVID19 #coronavirus #โควิด19 #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #ทาสหมา #Dog #ฮ่องกง #HongKong

    ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-428618

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อสรุป 25 ผู้เชี่ยวชาญ WHO หลังปฏิบัติงานได้ 9 วันในจีน
    กองบรรณาธิการ TCIJ 7 มี.ค. 2563 |

    0bde864253a972f62e722ae18a4e704a.png

    สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เผยแพร่ รายงานองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยผู้เชี่ยวชาญนานาชาติรวม 25 คน ที่เข้าไปในจีน และต่อไปนี้ก็คือ ข้อสรุปหลักๆ ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ หลังจากปฏิบัติงานผ่านไป 9 วัน แปลโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์, ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.

    เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เผยแพร่ รายงาน 'องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญนานาชาติรวม 25 คนเข้าไปในจีน และต่อไปนี้ก็คือ ข้อสรุปหลักๆ ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้หลังจากปฏิบัติงานผ่านไป 9 วัน' แปลโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์, ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. [ต้นฉบับภาษาอังกฤษเข้าถึงที่ The WHO sent 25 international experts to China and here are their main findings after 9 days การแปลครั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์สาธารณะ ในการทำความเข้าใจกับการระบาดของโรคโควิด-19ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยเช่นกัน เพื่อเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจในประชาชนไทยในวงกว้าง]

    โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

    • กรณีส่วนใหญ่ (78-85%) เกิดจากการติดต่อกันในครอบครัวจากละอองเสมหะ (droplet) ไม่ใช่จากการกระจายจากละอองลอย (aerosol) เป็นหลัก
    • ส่วนใหญ่ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ติดเชื้อ (จากทั้งหมด 2,055 คน) ติดเชื้อจากที่บ้าน หรือไม่ก็ติดเชื้อจากการระบาดในช่วงแรกที่ยังไม่มีการประกาศมาตรการรับมือโรค
    • ราว 5% ของคนที่วินิจฉัยว่าป่วย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อีก 15% ต้องใช้ออกซิเจนเข้มข้นสูง
    • ช่วงการฟื้นตัวโดยเฉลี่ยราว 3–6 สัปดาห์ สำหรับรายที่อาการหนัก และ 2 สัปดาห์สำหรับราย
      ที่ป่วยไม่มาก
    • จำนวนผู้ป่วยและช่วงเวลาที่ใช้รักษาเป็นภาระหนักเกินกว่าระบบที่อู่ฮั่นรองรับได้ จังหวัดหูเป่ย เมืองหลวงมณฑลอู่ฮั่นมีผู้ป่วยราว 65,596 คน (ข้อมูลวันที่ 2 มี.ค. 2563)
    • มีการส่งคนไปช่วยรับมือที่หูเป่ยราว 40,000 คน ในอู่ฮั่นมีโรงพยาบาล 45 แห่งที่ใช้รองรับผู้ป่วย โดย 6 แห่งรองรับผู้ป่วยขั้นวิกฤติ และอีก 39 แห่งรองรับผู้ป่วยหนัก โดยเฉพาะกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี
    • มีการสร้างโรงพยาบาลสนามขนาด 2,600 เตียงอย่างรวดเร็ว
    • ผู้ป่วยราว 80% มีอาการไม่หนัก มีโรงพยาบาลชั่วคราว 10 แห่งที่ปรับใช้จากการดัดแปลงยิมเนเซียมและห้องจัดแสดงนิทรรศการ
    • ขณะนี้ จีนผลิตชุดตรวจโรคโคโรนาไวรัสใหม่นี้ ราว 6 ล้านชุด/สัปดาห์ โดยรู้ผลการตรวจได้ในวันเดียว ใครที่มีไข้และไปพบแพทย์ จะได้รับการตรวจเบื้องต้นด้วยชุดตรวจนี้ ในเมืองกวางตุ้งที่ห่างจากอู่ฮั่น ได้ทดสอบกับคนไปแล้วรวม 320,000 คน และมี 0.14% ที่ตรวจแล้วพบไวรัส
    • คนส่วนใหญ่ที่ได้รับเชื้อ มักจะมีอาการในที่สุด แม้ว่าจะช้าเร็วต่างกัน ในกรณีที่ตรวจพบไวรัสแต่ยังไม่มีอาการนั้น หายาก และส่วนใหญ่จะป่วยในอีกสองสามวันต่อมา
    • อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ มีไข้ (88%) ไอแห้งๆ (68%) ไม่มีเรี่ยวแรง (38%) ไอแบบมีเสมหะ (33%) หายใจลำบาก (18%) เจ็บคอ (14%) ปวดหัว (14%) ปวดกล้ามเนื้อ (14%) หนาวสั่น (11%) อาการที่พบน้อยลงมาหน่อยคือ คลื่นไส้และอาเจียน (5%) คัดจมูก (5%) และท้องเสีย (4%)
    • อาการที่ไม่ใช่สัญญาณโรคของโควิด-19 คือ น้ำมูกไหล
    • จากการตรวจสอบคนจีนที่ติดเชื้อรวม 44,672 คน มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 4%
    • อัตราการเสียชีวิตขึ้นเป็นอย่างมากกับ อายุ, สภาพร่างกายก่อนติดเชื้อ, เพศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบสุขภาพที่รับมือโรค
    • ตัวเลขการเสียชีวิตนับจนถึงวันที่ 17 ก.พ. ทุกรายสะท้อนผลระบบสุขภาพที่ใช้รับมือของจีน ซึ่งจะต่างออกไปเป็นอย่างมากในอนาคต สำหรับที่อื่นๆ
    • ระบบสุขภาพของจีน: คนที่ติดเชื้อในจีนราว 20% ต้องการการรักษาที่โรงพยาบาลนานหลายสัปดาห์ จีนมีโรงพยาบาลเพียงพอจะใช้รักษาประชากรได้ 4% ของทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ มีศักยภาพราว 0.1–1.3% และเตียงส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีผู้ป่วยโรคอื่นใช้อยู่แล้ว
    • วิธีการรับมือที่สำคัญแรกสุดที่จะช่วยป้องกันการกระจายของไวรัสได้อย่างชะงัด คือทำให้จำนวนผู้ป่วยหนักโรคนี้มีจำนวนน้อย และขั้นตอนสำคัญรองลงมาคือ การเพิ่มจำนวนเตียง (รวมทั้งวัสดุและบุคลากร) จนกว่าจะมีเพียงพอสำหรับผู้ป่วยหนัก
    • จีนทดสอบการรักษาด้วยวิธีการที่หลากหลายกับโรคที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และนำวิธีการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดไปใช้ทั่วประเทศ ด้วยวิธีการตอบสนองเช่นนี้เอง ที่ทำให้อัตราการตายลดลงกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้
    • สภาพร่างกายก่อนการติดเชื้อ: อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อที่มีโรคระบบหลอดเลือดหัวใจในจีนคือ 2% ขณะที่สำหรับคนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง (เบาหวานที่ไม่ควบคุม) อยู่ที่ 9.2% และ 8.4% สำหรับโรคความดันสูง, 8% สำหรับโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และ 7.6% สำหรับโรคมะเร็ง
      คนที่ไม่มีอาการป่วยใดๆ ก่อนติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตที่ 1.4%
    • อายุ: ยิ่งอายุน้อย ก็ยิ่งติดเชื้อยาก และแม้จะติดเชื้อ ก็จะป่วยไม่หนักเท่ากับผู้ที่อายุมากกว่า

    563000002326701.jpg


    คำอธิบายตาราง : จากคนที่อาศัยในจีน, มี 13.5% ที่อายุระหว่าง 20-29 ปี จากจำนวนผู้ติดเชื้อในจีน มี 8.1% ที่อยู่ในอายุกลุ่มนี้ (แต่ไม่ได้หมายความว่า มี 8.1% ของคนอายุ 20-29 ปีที่ติดเชื้อ) นี่หมายความว่า มีแนวโน้มที่ใครก็ตามที่มีอายุในช่วงนี้ จะมีโอกาสติดเชื้อค่อนข้างต่ำกว่าเฉลี่ย และในกลุ่มอายุนี้ที่ติดเชื้อจะเสียชีวิต 0.2%


    • เพศ: ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคเท่าๆ กับผู้ชาย มีหญิงชาวจีนเพียง 8% เท่านั้นที่ ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคนี้ ขณะที่ผู้ชายราว 4.7% เสียชีวิต
    • โรคนี้รุนแรงในกลุ่มผู้หญิงมีครรภ์มากกว่ากลุ่มอื่น
    • เด็กที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อด้วยวิธีผ่าคลอดรวม 9 รายที่ตรวจสอบ สุขภาพแข็งแรงและไม่ติดเชื้อ
    • มารดาเหล่านั้นติดเชื้อในช่วงสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์
    • ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า หากเกิดการติดเชื้อในช่วง 3 หรือ 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เด็กในท้องจะเป็นอย่างไร เพราะเด็กเหล่านี้ยังไม่ถึงกำหนดคลอดในปัจจุบัน
    • ไวรัสชนิดใหม่นี้ มีพันธุกรรม 96% เหมือนกับโคโรนาไวรัสที่รู้จักแล้วที่อยู่ในค้างคาว และเหมือนโคโรนาไวรัสในตัวนิ่ม (pangolin) 86-92% ดังนั้น มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่มาของไวรัสใหม่นี้คือ ส่งผ่านไวรัสที่กลายพันธุ์จากสัตว์มายังคน
    • นับตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม จำนวนคนที่มีโคโรนาไวรัสในจีนค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนี้มีเพียง 329 รายที่วินิจฉัยพบใหม่ เทียบกับประมาณหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ที่พบราว 3,000 รายต่อวัน
    • รายงานสรุปว่า “ปรากฏการณ์ลดลงของจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในจีนน่าจะเป็นเรื่องจริง”
    • ผู้จัดทำรายงานสรุปว่า จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ มีการลงลงของผู้ป่วยที่ไปยังโรงพยาบาลในบริเวณที่เกิดการระบาด, มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนเตียงที่ว่าง, และนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนเริ่มประสบปัญหาเรื่องการหาจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ๆ ให้มากพอ สำหรับใช้ในการทดสอบทางคลินิกของยามากมายหลายตัว
    • หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เชื่อว่า ควบคุมการระบาดในจีนได้แล้วก็คือ มีการสัมภาษณ์คนที่ติดเชื้อทุกคนทั่วประเทศ เกี่ยวกับคนที่เคยสัมผัส และทดสอบคนกลุ่มดังกล่าวแล้ว โดยมีทีม 1,800 ทีมในอู่ฮั่นที่ทำเรื่องนี้ แต่ละทีมจัดการกับอย่างน้อย 5 คน แต่ความพยายามนอกอู่ฮั่นก็มากมายเช่นกัน เช่น [1] ในเซินเจิ้น ผู้ติดเชื้อระบุรายชื่อคนที่ติดต่อด้วยรวม 2,842 คน มีการค้นหาจนพบหมดทุกคน และมีการทดสอบไปแล้วถึง 2,240 ราย โดยมี 2.8% ในจำนวนนี้ที่ติดเชื้อ [2] ในจังหวัดเสฉวน มีคนที่ติดต่อด้วยที่ระบุชื่อไว้ 25,493 คน โดยพบตัวแล้ว 99% (25,347 คน) และตรวจสอบไปแล้ว 23,178 คน โดยพบว่ามีการติดเชื้อ 0.9% [3] ในจังหวัดกวางตุ้ง มีคนในรายชื่อที่ติดต่อกัน 9,939 คน พบตัวหมดแล้ว มีการตรวจสอบไปแล้ว 7,765 คน และพบติดเชื้อ 4.8% ซึ่งก็หมายความว่า หากบังเอิญคุณติดต่อโดยตรงกับคนที่ติดเชื้อ จะมีโอกาสติดเชื้ออยู่ระหว่าง 1–5 %
    สุดท้ายนี้ นี่คือ คำกล่าวส่วนน้อยที่มาจากรายงานนี้:
    “ความพยายามอย่างหนักของจีน ที่จะควบคุมการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อโรคชนิดใหม่ในระบบทางเดินหายใจนี้ ช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการยกระดับความรุนแรงและอันตรายของโรคระบาดอย่างรวดเร็วได้ เมื่อเผชิญหน้ากับไวรัสที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จีนได้ลงมือลงแรงความพยายามในการควบคุมโรคอย่างทะเยอทะยานที่สุด รวดเร็วที่สุด และเข้มข้นที่สุด จีนไม่ประนีประนอมใดๆ และใช้มาตรการนอกเหนือจากทงเภสัชวิทยา เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสก่อโรคโควิด-19 ที่หลายอย่างก็ได้มอบบทเรียนสำคัญให้กับการรับมือระดับโลก การตอบสนองเช่นนี้ถือได้ว่า มีความจำเพาะตัวและไม่เคยมีมาก่อนในด้านสาธารณสุขในจีน จนช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการเพิ่มจำนวนขึ้นของผู้ป่วยในหูเป่ย ซึ่งเป็นชุมชนที่เกิดการระบาดของโรคอย่างกว้างขวาง และเป็นจังหวัดที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นแหล่งตั้งต้นของกลุ่มครอบครัวที่ทำให้เกิดการระบาด"

    “ชุมชนส่วนใหญ่ในโลกนี้ยังไม่พร้อมรับมือเรื่องนี้, ทั้งในแง่ของวิธีคิดและทางเครื่องใช้ไม้สอย, ไม่พร้อมที่จะใช้มาตรการแบบที่ใช้ควบคุมโควิด-19 ในจีน แต่มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงมาตรการที่พิสูจน์แล้วในปัจจุบันเท่านั้นว่า สามารถหยุดยั้งหรือทำให้เกิดการแพร่เชื้อเป็นลูกโซ่ต่อถึงกันในมนุษย์ได้ พื้นฐานของมาตรการต่างๆ เหล่านี้ก็คือ การเฝ้าระหวังอย่างเข้มแข็งสูงสุดในการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ได้ไวที่สุด, ให้มีการวินิจฉัยโรคที่รวดเร็วมากๆ และการแยกผู้ป่วยอย่างทันที, การติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และการกักกันตัวผู้ที่ติดต่อใกล้ชิด, รวมไปถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจ และการยอมรับในมาตรการเหล่านี้ในระดับสูงอย่างไม่น่าเชื่อในหมู่ประชากร”

    “โควิด-19 กำลังแพร่กระจายไปด้วยความรวดเร็วที่น่าทึ่ง; ไม่ว่าจะมองในด้านใด การระบาดของโควิด-19 ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากไปเสียหมด และจนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีหลักฐานที่หนักแน่นแล้วว่า การใช้มาตรการแทรกแซงอื่นที่ไม่ใช่วิธีทางเภสัชวิทยา สามารถช่วยลดหรือแม้แต่หยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคได้ การวางแผนรับมือระดับประเทศและระดับโลก แม้จะด้วยความห่วงใย แต่ก็บ่อยครั้งที่มักจะลังเลที่จะเข้าแทรกแซงด้วยมาตรการเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม การลดการเจ็บป่วยและล้มตายจากโควิด-19, การวางแผนเตรียมความพร้อมระยะใกล้ จะต้องนำเอามาตรการสาธารณสุขต่างๆ ที่ใช้การได้ดี แม้ไม่ใช่วิธีทางเภสัชวิทยามาใช้ด้วย มาตรการต่างๆ เหล่านี้จะต้องได้รับการนำมาใช้อย่างเต็มที่อย่างทันที ทั้งในการตiวจหาผู้ติดเชื้อ, การแยกกักกันตัว, การติดตามการสัมผัสใกล้ชิดอย่างเข้มงวด และการกักกันตัว/ติดตามตัว รวมไปถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน/ประชากรโดยตรง”

    https://www.tcijthai.com/news/2020/3/current/9970
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #โควิด19 ช่วงนี้ คลิปของสาวกังฟูคนนี้เป็นที่นิยมขึ้นทางอินเตอร์เน็ตของจีน เพราะภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ชาวจีนส่วนใหญ่ไม่ค่อยออกนอกบ้าน ไม่ได้ออกกำลังกาย แต่สาวคนนี้ได้เล่นดาบเวลาออกไปทิ้งขยะ เล่นได้เก่งมาก นอกจากนี้ ยังเล่นผ้าเช็ดหน้า ไม้กวาด ตะเกียบได้ ชาวเน็ตจีนชมว่า เป็นจอมยุทธหญิงจริงๆ

    อย่าลืมกด like และกดติดตามกันด้วยนะคะ

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จับตา: แผนรับมือ COVID-19 ระยะระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) ของไทย กองบรรณาธิการ TCIJ 7 มี.ค. 2563 |


    6944969ebf6698e9ad614805f289e247.jpg

    เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบและอนุมัติการ 'ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2)' พร้อมเปิดเผยการดำเนินมาตรการในระยะเวลา มี.ค.-พ.ค. 2563 นี้ | ที่มาภาพประกอบ: Thailand Medical News

    เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้

    1. รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ระยะระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

    2. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 1,233,272,900 บาท

    สาระสำคัญของเรื่อง

    คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2563 เห็นชอบการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่ในช่วงเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา การแพร่ระบาดได้สร้างความกังวลไปทั่วโลกหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นโดยข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.พ. 2563 มีรายงานผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก จำนวนทั้งสิ้น 80,294 ราย มีอาการรุนแรง 9,215 ราย เสียชีวิต 2,707 ราย ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม จำนวน 37 ราย หายป่วยและแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล จำนวน 24 ราย และมีผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้ตามนิยาม [หมายเหตุ : คำนิยาม PUI (Patient Under Investigation) หมายถึง ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค] จำนวน 1,798 ราย โดยประเทศไทยได้ยกระดับการแจ้งเตือนโรคในผู้เดินทางให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด ติดตามสถานการณ์โรคทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการทรัพยากร เสริมสร้าง ความเข้มแข็งของระบบการเฝ้าระวังค้นหาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มาจากต่างประเทศ ทั้งการคัดกรองอุณหภูมิของร่างกาย ณ ช่องทางเข้าออกประเทศ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และเชียงราย เพิ่มการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชน สนับสนุน การเตรียมความพร้อมรับมือโรคติดต่ออุบัติใหม่ ครอบคลุมระบบบริการสาธารณสุข และชุมชนแหล่งท่องเที่ยว โรงแรม โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกกระทรวง อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี หน่วยงานความมั่นคง โดยสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน รวมทั้งประสานงานกับองค์การอนามัยโลก และประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลมาตรการ และประสบการณ์ของประเทศไทยในการเฝ้าระวังให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยมาตรฐานระดับสูงสุดในการป้องกันควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่

    เพื่อลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโนนา 2019 ของประเทศไทย คณะกรรมการโรคติดต่อ มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2563 ประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 รวมทั้งมติ คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563 เห็นชอบมาตรการลดโอกาสการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมีแนวโน้มของการระบาดในวงกว้างและชะลอการระบาดภายในประเทศ ตามแผนบูรณาการความร่วมมือพหุภาคีเพื่อความปลอดภัยและลดผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

    จากแนวโน้มการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโนนา 2019 ในประเทศไทย ประเทศจีนและทั่วโลก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้คาดการณ์จำนวนผู้ป่วยตามหลักการทางระบาดวิทยา คาดว่าจะพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) ผู้ป่วยยืนยัน อาการไม่รุนแรงและรุนแรง ในระยะระบาดของโรคในวงจำกัด ซึ่งจะพบผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางจากประเทศในกลุ่มเสี่ยงและพบผู้ป่วยในประเทศไทยที่มีลักษณะการระบาดเป็นกลุ่มก้อนเป็นวงจำกัด ในเวลา 3 เดือน จากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ พบว่าผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) จำนวน 1,500 รายต่อเดือน รวมผู้ป่วย PUI ทั้งสิ้น 4,500 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ป่วยยืนยัน อาการไม่รุนแรง จำนวน 225 ราย อาการรุนแรง 45 ราย และผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) และวินิจฉัยสุดท้ายเป็นโรคอื่น จำนวน 4,230 ราย

    เพื่อให้สามารถควบคุมการระบาดของโรค ให้อยู่ในวงจำกัด ลดโอกาสการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศ ลดผลกระทบทางสุขภาพ รวมถึงสามารถดูแลคนไทยและผู้เดินทางจากต่างประเทศ ให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามหลักการป้องกันและการแพร่กระจายเชื้อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุข จึงจัดทำโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ระยะระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

    โครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

    หลักการและเหตุผล

    สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่ในช่วงเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา การแพร่ระบาดได้สร้างความกังวลไปทั่วโลกหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นโดยข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.พ. 2563 มีรายงานผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก จำนวนทั้งสิ้น 80,294 ราย มีอาการรุนแรง 9,215 ราย เสียชีวิต 2,707 ราย ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม จำนวน 37 ราย หายป่วยและแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล จำนวน 24 ราย และมีผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้ตามนิยาม (PUI) จำนวน 1,798 ราย โดยประเทศไทยได้ยกระดับการแจ้งเตือนโรคในผู้เดินทางให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด ติดตามสถานการณ์โรคทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการทรัพยากร เสริมสร้าง ความเข้มแข็งของระบบการเฝ้าระวังค้นหาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มาจากต่างประเทศ ทั้งการคัดกรองไข้ ณ ช่องทางเข้าออกประเทศที่ท่าอากาศยานนานาชาติ 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และเชียงราย เพิ่มการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชน สนับสนุน การเตรียมความพร้อมรับมือโรคติดต่ออุบัติใหม่ ครอบคลุมระบบบริการสาธารณสุข และชุมชน แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกกระทรวง อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี หน่วยงานความมั่นคง โดยสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน รวมทั้งประสานงานกับองค์การอนามัยโลก และประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูล มาตรการ และประสบการณ์ของประเทศไทยในการเฝ้าระวังให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยมาตรฐานระดับสูงสุดในการป้องกันควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่นั้น

    เพื่อลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศไทย คณะกรรมการโรคติดต่อ มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2563 ประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 รวมทั้งมติ คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563 เห็นชอบมาตรการลดโอกาสการแพร่เชื้อโคโรนา 2019 ซึ่งมีแนวโน้มของการระบาดในวงกว้างและชะลอการระบาดภายในประเทศตามแผนบูรณาการความร่วมมือพหุภาคีเพื่อความปลอดภัยและลดผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากแนวโน้มการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ประเทศจีนและทั่วโลก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้คาดการณ์จำนวนผู้ป่วยตามหลักการทางระบาดวิทยาคาดว่าจะพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) ผู้ป่วยยืนยัน อาการไม่รุนแรงและรุนแรง ในระยะระบาดของโรคในวงจำกัด ซึ่งจะพบผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางจากประเทศในกลุ่มเสี่ยงและพบผู้ป่วยในประเทศไทยที่มีลักษณะการระบาดเป็นกลุ่มก้อนเป็นวงจำกัด ในเวลา 3 เดือน จากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ พบว่าผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) จำนวน 1,500 รายต่อเดือน รวมผู้ป่วย PUI ทั้งสิ้น 4,500 รายโดยแบ่งเป็นผู้ป่วยยืนยัน อาการไม่รุนแรง จำนวน 225 ราย อาการรุนแรง 45 ราย และผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) และวินิจฉัยสุดท้ายเป็นโรคอื่น จำนวน 4,230 รายเพื่อให้สามารถควบคุมการระบาดของโรค ให้อยู่ในวงจำกัด ลดโอกาสการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศ ลดผลกระทบทางสุขภาพ รวมถึงสามารถดูแลคนไทยและผู้เดินทางจากต่างประเทศ ให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามหลักการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุข จึงจัดทำโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

    วัตถุประสงค์

    1. เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

    2. เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้อยู่ในวงจำกัด ช่วยลดผลกระทบทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม และเพิ่มความมั่นคงของประเทศ

    3. เพื่อยกระดับสมรรถนะการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ของประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

    ระยะเวลาการดำเนินการ

    3 เดือน (เดือน มี.ค. - พ.ค. 2563)

    กิจกรรมการดำเนินงาน :

    (จากตารางกิจกรรมเอกสารแนบการประชุมคณะรัฐมนตรี)

    ภาพ
    49625498083_5161483924_o_d.png

    49626016811_1761e4758e_o_d.png

    49625498088_6d701a2e01_o_d.png

    49626290467_0d45b43de5_o_d.png

    งบประมาณ

    จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น โครงการความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวนทั้งสิ้น 1,233,272,900 บาท

    กลุ่มเป้าหมาย

    1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    2. ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง

    3. ผู้เดินทางระหว่างประเทศ

    ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

    1. ทุกคนในประเทศไทย ลดป่วย ลดตายและปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

    2. ประเทศไทย สามารถควบคุม การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้อยู่ในวงจำกัด ช่วยลดผลกระทบทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม และเพิ่มความมั่นคงของประเทศ

    3. ประเทศไทย มีระบบการป้องกัน ควบคุมโรค ที่มีสมรรถนะการป้องกัน ควบคุมโรคที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล สามารถลดการแพร่กระจายเชื้อภายในประเทศ

    ผู้รับผิดชอบโครงการ

    กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ



    โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการจัดทำหน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกันตนเอง ของ มท.

    ในวันเดียวกันนี้ (3 มี.ค.) คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอดังนี้

    1. รับทราบการจัดทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการจัดทำหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเอง

    2. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินงบประมาณ 225,000,000 บาท สำหรับเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำหน้ากากอนามัยในโครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยการจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 7,774 แห่ง (เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล)

    สาระสำคัญของเรื่อง

    มท. เสนอว่า เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มิให้เกิดการแพร่กระจายหรือขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น และมิให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ระบบการสาธารณสุข และเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การป้องกันตนเองมิให้สัมผัสกับโรคด้วยการสวมหน้ากากอนามัย จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในปัจจุบันพบว่า หน้ากากอนามัยทั้งในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จัดหาหรือจัดซื้อยากขึ้นและมีราคาแพง ในการนี้ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้และมีส่วนร่วมในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยการจัดอบรมให้ความรู้ในการจัดทำหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนในการนำไปใช้ป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และสามารถขยายผลนำไปประกอบเป็นอาชีพและสร้างรายได้ในการดำเนินชีวิต

    มท. โดย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการปกครอง และกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยกระทรวงสาธารณสุข จึงได้บูรณาการความร่วมมือในการดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินการ ดังนี้

    1. จัดทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการจัดทำหน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกันตนเอง โดยมีกรอบการดำเนินการดังนี้

    (1) การสร้างทีมวิทยากร หรือทีมครู ก. ในพื้นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเผยแพร่วิธีการจัดทำหน้ากากอนามัยป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการปกครอง และกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยกระทรวงสาธารณสุข โดยให้มีผู้เข้ารับการอบรมจากบุคลากรในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำหมู่บ้าน (กำนันและผู้ใหญ่บ้าน) ผู้นำชุมชน อาสาสมัครในพื้นที่ (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)) กลุ่มสตรี จิตอาสา และประชาชนที่สนใจ เพื่อให้เป็นทีมประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้และทักษะการจัดทำหน้ากากอนามัย สำหรับป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

    (2) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดอบรม เพื่อสร้างทีมวิทยากร หรือทีม ครู ก. ในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผู้เข้ารับการอบรมตาม (1) โดยให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม และการเข้ารับการฝึกอบรมของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. 2557 กรณีจัดอบรมบุคคลภายนอก

    2. จัดทำ “โครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID-19)” เพื่อขยายผลการดำเนินโครงการตามข้อ 1 โดยมีกรอบการดำเนินการ ดังนี้

    (1) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบูรณาการความร่วมมือประสานทีมวิทยากร หรือ ทีมครู ก. ผู้นำหมู่บ้าน (กำนันและผู้ใหญ่บ้าน) และผู้นำชุมชน อาสาสมัครในพื้นที่ (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)) กลุ่มสตรี จิตอาสา และประชาชนที่สนใจ เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำหน้ากากอนามัย สำหรับป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

    (2) การจัดทำหน้ากากอนามัยป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อประชาชน โดยการขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 7,774 แห่ง (เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล) ภายในวงเงินงบประมาณ 225,000,000 บาท สำหรับเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำหน้ากากอนามัย จำนวน 50,000,000 ชิ้น ให้แก่ประชาชนในพื้นที่เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล

    สำหรับโครงการตามข้อ 1 และ 2 กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการดังกล่าวให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว

    โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับมาตรการเร่งด่วน สำหรับการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) จำนวน 14 ข้อ ได้แก่

    1. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และหากมีความจำเป็นให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการกำหนดมาตรการเป็นการภายในต่อไป

    2. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ ระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษา ดูงาน อบรมหลักสูตร หรือประชุม ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) และประเทศเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยในส่วนของการดูงานหรืออบรมหลักสูตร ขอให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงงบประมาณเป็นการดูงาน หรือจัดอบรมหลักสูตรภายในประเทศแทนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

    เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องได้รับอนญาตให้เดินทางออก นอกราชอาณาจักรจากหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ทั้งนี้ให้ กระทรวงการคลัง พิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีผลกระทบต่อเอกชนคู่สัญญาน้อยที่สุด

    3. ให้เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เดินทางกลับมาจาก หรือ เดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน (Tiansit/Tiansfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) หรือ มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) และจำเป็นต้องสังเกตอาการ ปฏิบัติงานภายในที่พัก 14 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา

    ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน จัดทำหลักเกณฑ์สำหรับให้ข้าราชการปฏิบัติงานภายในที่พัก โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในส่วนของประชาชนทั่วไปที่เดินทางกลับมาจาก หรือ เดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน (Transit/Transfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการคัดกรองประชาชนกลุ่มดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด

    ในกรณีที่มีความจำเป็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการขนส่งประชาชนกลุ่มดังกล่าวกลับภูมิลำเนาหรือไปยังสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม รวมถึงการกำกับดูแล การกักกันตนเอง ณ ที่พักอาศัย โดยให้มีการบูรณาการการดำเนินงานระหว่างชุมชน จิตอาสาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม) และสถานพยาบาลในพื้นที่ ในการติดตาม ฝ้าระวัง ตรวจสอบ และป้องกันอย่างใกล้ชิด

    4. จัดให้มีศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกส่วนราชการ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้กับสาธารณชน โดยเฉพาะในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVD-19) ในทุกมิติ รวมถึงจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงทุกกลุ่ม เพื่อสร้างการรับรู้ ตระหนัก และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยเฉพาะขั้นตอนการเฝ้าระวังและการป้องกัน

    5. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพิจารณาปริมาณความต้องการของสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อ และจัดหาให้เพียงพอกับความต้องการดังกล่าวในแต่ละช่วงเวลา โดยควรจัดลำดับความสำคัญในการกระจายสินค้าที่จำเป็นดังล่าวตามระดับความเสี่ยงของบุคคล หน่วยงาน และสถานที่ เช่น สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) และประชาชนทั่วไป

    6. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการป้องกันการกักตุน และควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVD-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อ อย่างเคร่งครัด โดยครอบคลุมถึงซ่องทางการขายสินค้าออนไลน์ด้วย

    7. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ สถานีรถไฟฟ้า สถานีขนส่งผู้โดยสาร และท่ารถ อย่างเคร่งครัด

    8. ให้กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน ติดตามและดูแลคนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) และ ประเทศเฝ้าระวังตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด อย่างใกล้ชิด

    9. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม จัดเตรียมสถานที่พื้นที่สำหรับสังเกตอาการในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายโรคระบาด หรือพาหะนำโรคตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

    10. ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเพิ่มเติมให้ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อให้มีเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่งๆ สำหรับดำเนินการอย่างเพียงพอ

    11. ให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีรับทราบสถานการณ์และข้อมูลต่างๆ รวมถึงร่วมพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา

    12. ให้กระทรวงสาธารณสุข ดูแลบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสม และจัดให้มีสวัสดิการพิเศษเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง และครอบครัว

    13. ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข บูณาการและเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) เพื่อรองรับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 หากมีความจำเป็น

    14. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชนให้หลีกเลี่ยง หรือเลื่อนการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนเป็นจำนวนมาก และอาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยไม่จำเป็น เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดคอนเสิร์ต และการจัดมหรสพเว้นแต่เป็นกิจกรรมที่เป็นการดำเนินการของสถานประกอบการตามปกติ ให้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด

    ในกรณีที่เป็นกิจกรรมที่ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตพิจารณาความเหมาะสมของกิจกรรมอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่อสาธารณชนโดยรวมต่อการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ






    https://www.tcijthai.com/news/2020/3/watch/9966
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ศึกสายเลือดในKorean_Air
    #เมื่อท่านหญิงถั่วแผลงฤทธิ์

    เมื่อไม่นานมานี้ ได้เคยแชร์เรื่องราวดราม่า เคร้าน้ำตาของตระกูล Lotte หนึ่งในกลุ่มอาณาจักรครอบครัวที่เรียกว่า Chaebol ที่กุมเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดในเกาหลีใต้ กันมาแล้ว มาวันนี้ ขอแชร์เรื่องราวศึกสายเลือดในตระกูล Chaebol อีก 1 ครอบครัว ที่กำลังเข้มข้นสุดๆ นั่นก็คือกลุ่มธุรกิจ Hanjin Group ของบ้านตระกูล Cho ที่เป็นเจ้าของสายการบิน Korean Air

    ศึกสายเลือดนี้ ระเบิดขึ้นแทบจะทันทีหลังจากที่ โช ยัง-โฮ ผู้พ่อ จากไปอย่างกระทันหันเมื่อช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว โดยทิ้งมรดกเป็นหุ้นในกิจการของ Hanjin Group ไว้ให้แก่ลูก 3 คน และ ภรรยา ตามสัดส่วนที่ต่างกันเล็กน้อย และ โช ยัง-โฮ ผู้พ่อก็ได้สั่งเสียด้วยวาจาก่อนตายไว้ว่า อยากให้ลูกชายคนรอง คือ โช วอน-แท หรือ Walter Cho เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดต่อจากพ่อ

    ครอบครัวของ โช ยัง-โฮ ผู้พ่อก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ท่านโชมีลูกอยู่ 3 คน ได้แก่ ลูกสาวคนโต โช ฮยึน-อา หรือ Heather Cho ลูกชายคนกลาง คือ โช วอน-แท - Walter Cho และ ลูกสาวคนแล็ก โช ฮยึน-มิน หรือ Amy Cho และภรรยา ลี เมียง-ฮี ที่เป็นแม่ของลูกๆทั้ง 3 นี่แล

    โดยธรรมเนียมคนเกาหลี ก็มักจะให้บุตรชาย เป็นคนสืบทอดกิจการอยู่แล้ว สัดส่วนผู้ถือหุ้นจากมรดก ก็บอก กลายๆว่าใครจะเป็นผู้สืบทอดกิจการ ไล่เรียงดังนี้

    Walter Cho - 6.52%
    Heather Cho - 6.49%
    Amy Cho - 6.47%
    Lee Myung-hee - 5.31%

    แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะนี่คือครอบครัว Cho แห่งตระกูล Hanjin Group นาค้า

    เพราะก่อนหน้าที่พ่อ โช ยัง-โฮ จะจากไป คนที่เข้ามาช่วยคุมกิจการบ้านตระกูลโฮ หรือพูดตรงๆก็คือ เข้ามามีอิทธิพลในบริษัทก็ บุตรสาวคนโต โช ฮยึน-อา หรือ ท่านหญิง Heather Cho ที่เคยดำรงตำแหน่งสูงถึงรองประธาน รองจากพ่อคนเดียว

    แต่มันเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ในประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว กับบริษัทระดับ Flagship เรือธงระดับประเทศ ที่ทำให้สายการบิน Korean Air ดังไปทั่วโลก เหตุเพราะถั่วถุงเดียว ในปี 2014 เมื่อ ท่านหญิง Heather Cho นั่งสายการบินของตัวเองเดินทางออกจากสนามบิน John F. Kennedy ในนิวยอร์ค เพื่อกลับเกาหลีใต้ ในขณะที่เครื่องบินกำลัง take off แอร์โฮสเตสสาวก็เอาถั่วแมคคาเดเมีย มาบริการให้ตามหน้าที่ แต่กลับไม่ได้แกะถุงเสิร์ฟมาบนจานหรูตามมาตรฐานชั้น First Class ให้เธอ

    เท่านั้นก็เป็นเรื่อง ท่านหญิง Heather ปรี๊ดแตก กรี๊ดลั่นห้องผู้โดยสาร ปาถาดอาหารใส่หน้าแอร์สาว ผู้เคราะห์ร้าย แล้วเดินเข้าไปสั่งกัปตันให้ถอยเครื่องบินกลับสนามบิน เพราะเธอจะไล่แอร์สาวคนนั้นออกทันที

    เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะผิดกฏหมายการบินระหว่างประเทศ ผิดกฏมาตรฐานความปลอดภัยทุกข้อ เพราะถ้าเครื่องบินต้องถอยกลับสนามบิน มันต้องเป็นเรื่องร้ายแรงระดับ เครื่องบินขัดข้อง หรือเกิดเหตุระดับจี้เครื่องบิน หรือก่อการร้ายเท่านั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเสิร์ฟถั่วไม่ใส่จาน

    จากเหตุการณ์นั้น รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ ต้องออกมาเคลียร์กับทางสนามบินที่สหรัฐ สายการบิน Korean Air ถูกสอบสวนอย่างหนัก เกิดกระแสต่อต้าน กลุ่มครอบครัว Chaebol อื่นๆในเกาหลีใต้ โช ยัง-โฮ ผู้พ่อ ต้องออกมาก้มหัวขอโทษสังคม และถูกผู้ถือหุ้นกดดันจนต้องลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ถูกลดบทบาทมาอยู่แค่เบื้องหลัง ส่วนท่านหญิง Heather ถูกปลดออกจากตำแหน่งรองประธานบริษัท แล้วต้องเข้าไปสงบสติในคุกอีก 5 เดือน

    หลังจากนั้น ก็มีข่าววงในออกมาแฉเรื่อยๆ ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ท่านหญิง Heather ปรี๊ดแตก แหกแอร์บนเครื่องบิน เรื่องปาถั่วนี่ยังน้อย เพราะเธอเคยเขวี้ยงชามบะหมี่ใส่แอร์บนเครื่องมาแล้ว

    นั่นคือวีรกรรมของ Heather ที่จะหลอนติดตัวเธอไปตลอดชีวิต ดั่งคำคมที่ว่า ปลาหมอตายเพราะปาก ฉันใด ทายาทก็ตายเพราะถั่ว ฉันนั้น

    แต่วันนี้ Heather เธอกลับมาแล้ว

    การที่พ่อ โช ยัง-โฮ กำชับว่าให้น้องชาย Walter Cho ดูแลกิจการต่อ อาจไม่ใช่เพราะเป็นธรรมเนียมของเกาหลีเพียงอย่างเดียว แต่พ่อโช อาจต้องการกัน Heather ออกจากอำนาจบริหารงานโดยรวมในบริษัท โดยที่มีภรรยา (แม่) และ น้องสาวคนเล็ก ที่สนับสนุนน้องชาย

    แต่นั่นอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นวางใจได้ 100% เพราะในบ้านนี้ ไม่ใช่จะมีแค่ Heather ที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ แต่ดูเหมือนจะประสาทกินกันทั้งบ้าน

    Amy Cho น้องสาวคนเล็กเคยอารมณ์แตกจนคลุ้มคลั่ง อาละวาดสาดน้ำใส่หน้าเอเจนซีโฆษณากลางที่ประชุมมาแล้ว ส่วน Walter Cho ทะเลาะกับแม่ แล้วก็คว้าแจกันเขวี้ยงใส่หน้าบ้านจนเป็นข่าวซุบซิบกันไปทั่ว สุดท้ายก็ไม่พ้นผู้เป็นแม่ที่ต้องออกหน้ามาขอโทษสังคมกับเรื่องวุ่นวายในครอบครัว

    และเมื่อ โช ยัง-โฮ ผู้พ่อจากไป Heather ต้องการอำนาจในการบริหารกลับคืนมาในฐานะบุตรคนโต แต่น้องชายไม่ยอม เธอจึงกว้านซื้อหุ้นเพิ่ม และรวบรวมพันธมิตรผู้ถือหุ้น เพื่อให้กลายเป็นเสียงข้างมากในการปลดน้องชายออกจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด แล้วแต่งตั้งคนอื่นที่เธอคัดเลือกไปนั่งแทน

    แต่ก็มีผู้ถือหุ้นบางรายที่ไม่ต้องการให้ Heather กลับมากุมอำนาจในบริษัท โดยเฉพาะสายการบิน Delta ที่ถือหุ้น Korean Air อยู่ราวๆ 11% ก็รีบซื้อหุ้นเพิ่ม เพื่อโหวตสวนฝ่ายของ Heather โดยที่มี Walter น้องสาว และ แม่ ที่ไล่รวบรวมพันธมิตรฝ่ายของตัวเอง

    ด้วยเหตุนี้เลยทำให้หุ้นของ Korean Air ราคาสูงขึ้น สวนกระแสตลาด แต่ไม่ใช่เพราะบริษัททำกำไรอะไร แต่เป็นเพราะศึกการเมืองในตระกูลโดยแท้

    ล่าสุดมีการประเมินว่า หุ้นส่วนในฝ่ายของ Heather ถือไว้ได้ 32% ส่วนฝ่ายของ Walter มีอยู่ 33.45% การประชุมผู้ถือหุ้นใหญครั้งต่อไปกำหนดไว้วันที่ 27 มีนาคม ที่จะถึงนี้

    ศึกสายเลือด Hanjin ยังอีกยาว แต่ชาวบ้านเกาหลีใต้นั้นยิ้มไม่ออก เพราะนี่คือกลุ่มเครือข่ายธุรกิจที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ แต่เอาไปฝากไว้ในมือคนที่ผีเข้า ผีออกอย่างนี้จะดีหรือ และเริ่มมีการเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้ทำอะไรสักอย่างกับกลุ่มธุรกิจ Chaebol เช่น ออกกฏหมายป้องกันการกินรวบตลาด หรือจำกัดการเข้าซื้อกิจการธุรกิจรายย่อยได้ไหม หรือ ห้ามการสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงโดยพิจารณาจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดเพียงอย่างเดียว

    ก็เป็นเรื่องที่น่าจับตา กับศึกสายเลือดใน Korean Air ครั้งนี้ ว่าจะออกถั่ว หรือ แจกัน หรือจะมีอะไรบินออกจากห้องประชุมกันอีกนะค้า

    แหล่งข้อมูล

    https://www.straitstimes.com/asia/e...s-leads-coup-to-overthrow-younger-ceo-brother
    http://koreajoongangdaily.joins.com/news/article/article.aspx?aid=3071963
    https://time.com/5755090/nut-rage-hanjin-group-family-business/
    https://en.wikipedia.org/wiki/Nut_rage_incident
    https://en.wikipedia.org/wiki/Hanjin
    https://www.straitstimes.com/asia/e...eiress-cho-hyun-min-denies-assault-allegation

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยุ่งแน่... ถ้าสกัด COVID-19 ไม่อยู่ก่อนหน้าฝนนี้
    .
    ผู้ใช้เฟสบุ๊คคุณหมอชื่อ Kittima Noppakaorattanamanee โพสต์เรื่อง COVID-19 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้ประเทศจีนกำลังจะเอาชนะภัยนี้ได้แล้ว แต่นอกประเทศจีน กลับปะทุรุนแรง ตอนนี้มี 3 ประเทศที่อัตราเร่ง จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ เหมือนอู่ฮั่นในช่วงแรกเลย คือ เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี และเชื้อกำลังคืบคลานไปทวีปแอฟริกา
    .
    ทำไมต้องออกมาพูดเรื่องนี้อีก อย่างที่บอก ชาติไทย จะเหลือเวลาแค่ 2 เดือน คือ มีนาคม และเมษายน ที่ธรรมชาติความร้อนของบ้านเรา จะช่วยปกป้องคนไทยที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ได้ แต่ถ้าเมืองไทย มีจำนวนคนที่ไปรับเชื้อจากต่างประเทศมาก และมีการกระจายเชื้อจากการรวมกลุ่มคนหนาแน่นมาก เชื้อจะมีอยู่ในประชากรมากเกินไป เราจะไม่สามารถจับตามองใครได้ ไม่สามารถ early detection ได้ และจะไม่สามรถขจัดเชื้อให้ทันหน้าร้อนได้
    .
    แล้วถ้าประเทศเราเข้าสู่หน้าฝน โดยมีประชาชนแบกเชื้อได้จำนวนมาก มันจะเกิดการระบาดในวงกว้างทันที

    ประเทศไทย ไม่รวยเลย ไม่สามารถเอา lab มาทดสอบเชื้อได้ทุกคน ลองคิดดูว่า ราคาค่า lab ทดสอบเชื้อ 5,000 บาท ถ้าเจอคนเข้ามาทดสอบ 10,000 คน ไทยเสียไปแล้ว 50 ล้านบาท โดยยังอาจจับตัวผู้ป่วยไม่หมด และยังไม่เริ่มการรักษาเลย
    .
    ถ้ามีโรคระบาดครั้งนี้เกิดที่ไทยจริง ประเทศอาจถึงขั้นล้มครืน ประชาชนจะตายเป็นเบือ เพราะ รพ.มีไม่เพียงพอกับการรองรับผู้ป่วย
    .
    ทุกคนในประเทศต้องช่วยกัน ต้องรักกัน ฝ่าภัยพิบัตินี้ไปกันให้ได้
    .
    1. งดการเดินทางต่างประเทศช่วงนี้ เพื่อลดการนำเชื้อเข้ามา
    2. งดการชุมนุม การแพทย์ไม่อิงการเมืองอยู่แล้ว ไม่เคยฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโรคที่มองไม่เห็น ลดความเสี่ยงกัน
    3. ใครไม่ป่วย อย่าเพิ่งมาขอตรวจ เพราะน้ำยามันแพงมาก แต่ขอให้ดูแลตัวเองที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน
    4. ทุกคนกินร้อน ช้อนกลาง ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือสม่ำเสมอ
    5. ดูแลและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เจ้าหน้าที่บุคลากรหลายท่านเริ่มป่วย เพราะตรากตรำทำงานหนัก คอยเฝ้าระวังให้พวกท่าน อย่างเช่นกรณี รพ. B care เขากล้าหาญและเก่งมากที่สามารถตรวจสอบจนช่วยพวกเราไว้ได้ อย่ารังเกียจคนที่ช่วยพวกเรา
    6. เดินตากแดดบ้าง เอารถจอดในแดดเป็นครั้งคราว รักแดดเมืองไทยไว้ เขาปกป้องพวกเราอยู่
    .
    การกระจายของไวรัส COVID-19 จะต้องให้จบก่อนเข้าหน้าฝนนี้ให้ได้
    มิฉะนั้นไทยอาจตกในสภาพไม่ต่างจาก เกาหลีใต้ อิหร่าน ญี่ปุ่น อิตาลี
    คนไทยต้องช่วยกันสกัดกั้นให้ได้
    ขอให้ทุกคน รักและสามัคคีกัน ...มีเวลาแค่ 2 เดือนเอง
    .
    ขอบคุณเรื่องจาก FB: Kittima Noppakaorattanamanee

    #covid19

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนังที่หลาย ๆ คนนึกถึง Contagion สัมผัส ล้างโลก



     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ผีน้อย ไทยป่วน #เกาหลี ขโมย #หน้ากากอนามัย “ตกเกรด” จากโรงงานไปเร่ขายเป็นของ “เกรดเอ”
    ตำรวจเขตชุงช็องนัมโดจับกุมแรงงาน #ไทย 2 คน ที่ขโมยหน้ากาก 7,900 ชิ้นจากโรงงานผลิตแห่งหนึ่ง โดยส่วนหนึ่งเป็นหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่โรงงานเตรียมกำจัดทิ้ง แต่แรงงานผีน้อยได้นำไปขายต่อ โดยโฆษณาว่าเป็นหน้ากากชั้นดี ได้รับการรับรองจากองค์การเภสัชกรรมของเกาหลี
    .
    แรงงานไทย 2 คนนี้ ทำงานในโรงงานผลิตหน้ากาก และขโมยหน้ากากทั้งที่ชำรุดและหน้ากากที่ใช้งานได้ ออกจากโรงงานตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยเขาแกล้งทำเป็นทิ้งหน้ากากที่มีข้อบกพร่องในถังขยะ แต่ได้ลักลอบนำออกไปขายให้กับคนไทยอีก 4 คน เพื่อไปขายต่อทางเฟสบุ๊ค
    .
    ตำรวจได้ติดตาม และจับกุมแรงงานผีน้อยชาวไทยทั้ง 6 คน ทั้งข้อหาลักขโมยสินค้า และ ขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน พร้อมได้ยึดหน้ากาก 710 ชิ้นและเงินสดจำนวน 3 ล้าน 2 แสนวอนจากบ้านผู้ต้องหาคนหนึ่ง
    .
    คนไทยทุกคนที่ถูกจับนั้นเป็นแรงงานผิดกฎหมายหรือผีน้อยทั้งหมด
    ก่อนหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจเกาหลี ก็ได้จับกุมผีน้อยชาวไทย 2 คน ที่ขายหน้ากากอนามัยและเจลทำความสะอาดมือโก่งราคา ผ่านทางอินเทอร์เน็ต กำไรกว่า 1 ล้านวอน ซึ่งผิดกฎหมายที่ทางรัฐบาลเกาหลีออกมาตรการควบคุมช่วงวิกฤติ #โควิด.

    หากแชร์โปรดกด รวมโพสต์ต้นฉบับด้วย ข้อความจึงจะแชร์ไปพร้อมกัน



     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้โดยสารคนหนึ่งสวม "หน้ากากประดิษฐ์เอง" ในรถใต้ดินกรุงลอนดอน ของอังกฤษ ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา อังกฤษมีผู้ติดเชื่อมากกว่า 100 คน และมีผู้เสียชีวิตรายแรกแล้ว

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ญี่ปุ่น-#เกาหลีใต้ เปิดศึกคำรบใหม่กลางสมรภูมิไวรัส #โควิด19 สั่งยกเลิกฟรีวีซ่าตอบโต้กัน พร้อมให้ผู้ที่เข้าประเทศมาแล้วกักกันโรค 14 วัน ส่วน #จีน สวมบทหล่อ ยอมรับเข้าใจว่าต้องป้องกันโรคระบาด
    รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ 6 มี.ค. โดยให้ให้กักโรคผู้ที่เดินทางจากเกาหลีใต้และจีนมายังญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พร้อมยกเลิกวีซ่าที่เคยออกไปแล้ว และขอให้นักท่องเที่ยวจากทั้ง 2 ประเทศนี้หลีกเลี่ยงการมาญี่ปุ่น
    .
    นายโยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่าจำเป็นต้องหยุดคนที่เป็นพาหะของไวรัส ไม่ให้เข้ามาญี่ปุ่น และว่าเฉพาะวันอังคารที่ 3 มีนาคมเพียงวันเดียว มีคนเดินทางจากจีนเข้ามายังญี่ปุ่น 800 คนและ 1,700 คนจากเกาหลีใต้
    .
    รัฐบาลญี่ปุ่นยังชี้ว่า เกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเกิน 5,000 คนแล้ว ญี่ปุ่นจะอธิบายจุดยืนของตน และร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาด
    .
    พลันที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศมาตรการนี้ นางคัง คย็องฮวา รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ เธอเรียกร้องให้ญี่ปุ่นยกเลิกมาตรการดังกล่าว โดยกล่าวว่าเป็นมาตรการที่ทั้ง "ไม่เป็นมิตร" และ "ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์"
    .
    ฝ่ายแดนโสมโต้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสในญี่ปุ่นมีมากกว่า 1,000 คนแล้ว และในวันเดียวกัน เกาหลีใต้ก็ประกาศยกเลิกฟรีวีซ่าที่ให้กับชาวญี่ปุ่น และผู้ที่เดินทางเข้าเกาหลีใต้ก็ต้องกักกันโรค 14 วันเช่นเดียวกัน
    .
    เกาหลีใต้อ้างว่า ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากนั้น เพราะรัฐบาลแดนโสมได้เร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อวันละหลายพันคน ขณะที่ในญี่ปุ่นตรวจหาเชื้อได้แค่วันละไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น รมต.สาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุว่า ใกล้จะเสร็จสิ้นการตรวจหาเชื้อจากคนที่เกี่ยวข้องกับโบสถ์ที่เมืองแทกูมากกว่า 2 แสนคนแล้ว สื่อนัยว่าในญี่ปุ่นยังมีผู้ติดเชื่้ออีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกตรวจพบ❗️❗️
    .
    รมต.ของเกาหลีใต้ยังบอกว่า "ญี่ปุ่นจะสูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาคมนานาชาติ จากการรับมือการระบาดของไวรัสที่ล่าช้าและไม่โปร่งใส"
    *** จีนยอมรับมาตรการ ***
    .
    ทางด้านจีน ซึ่งได้รับผลจากมาตรการของญี่ปุ่นเช่นกันกลับมีท่าทีที่แตกต่างไป นายเจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า “แต่ละประเทศมีขั้นตอนที่มีเหตุผลและเป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของประชาชนของตน และพิทักษ์ระบบสาธารณสุขของโลก”
    .
    ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังไม่ได้ห้ามชาวเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเดินทางเข้าประเทศ แต่ทางการกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และหลายเมืองของจีน ก็ได้ออกมาตรการให้ผู้ที่เดินทางมาจากทั้ง 2 ประเทศนี้ ต้องกักกันโรคเป็นเวลา14 วัน ซึ่งเป็นมาตรการแบบเดียวกับที่ญี่ปุ่นใช้.

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    WHO เตือนอย่าหวังลมๆแล้งๆกับฤดูร้อน ไวรัสจะหายไป
    7 มีนาคม 2563 - 12:29 น.
    had5jafgaekj9g6fajajj.jpg

    องค์การอนามัยโลกย้ำให้ทุกประเทศ มุ่งยับยั้งไวรัสแพร่กระจาย ไม่มีหลักฐานหน้าร้อนจะช่วยได้
    .
    ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการฉุกเฉิน องค์การอนามัยโลก กล่าวระหว่างแถลงความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโรคโควิด-19 ที่นครเจนีวา วานนี้ ว่า ยังไม่มีองค์ความรู้ว่า กิจกรรมและพฤติกรรมของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (ซาร์ส-โควี2) ในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน จะเป็นอย่างไร การคิดว่าโรค โควิด-19 จะหายไปในฤดูร้อน เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ เป็นความหวังลมๆแล้งๆ เพราะยังไม่เคยมีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้
    .
    ดร.ไรอัน กล่าวเรียกร้องให้ทุกประเทศมุ่งเน้นทุกมาตรการที่สามารถทำได้ อย่านอนใจให้โรคระบาดยุติไปเองตามธรรมชาติ
    .
    การแถลงขององค์การอนามัยโลก มีขึ้นขณะยอดผู้ติดเชื้อไวรัสยืนยันทั่วโลก ทะลุหลักแสน
    .
    ด้าน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส วิตกอย่างมากที่ประเทศรายได้ต่ำ และระบบสาธารณสุขอ่อนแอ พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาย้ำว่ามีความจำเป็นที่จะต้องชะลอการแพร่เชื้อ ให้โรงพยาบาลและรัฐบาลได้เตรียมพร้อมและรักษาผู้ป่วย ตลอดจนรอการพัฒนาวัคซีนและยารักษา
    .
    ดร.ไรอัน ยังกล่าวถึงมาตรการที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ จำกัดการเดินทางตอบโต้กัน ว่าเป็นการกระทบกระทั่งทางการเมือง และให้ทุกประเทศละวางไว้ก่อน เพราะการจำกัดเดินทางเช่นนี้ ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
    .
    https://www.komchadluek.net/news/fo...ULmEZ-9JkjSeU-kmuJuc2aKJMS-D8fESBWftfA2ViAntQ
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ไก่จีนตายโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อิตาลีเริ่มเกณฑ์หมอที่เกษียณอายุไปแล้วให้กลับมาทำงานเพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 แล้ว หลังจากจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีรายงานว่าอุกกาบาตชนกับพื้นใกล้กับสถานีรถไฟใน Ghaziabad รัฐอุตตรประเทศ โพสต์โดย Teo Blaškovićเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 20:02 UTC
    Ghaziabad-meteorite-impact-march-2020.jpg
    .
    มีรายงานว่าอุกกาบาตตกกระทบใกล้กับสถานีรถไฟ Sahibabad ในเมือง Ghaziabad รัฐ Uttar Pradesh ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563
    .
    ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่มีฝนตกหนัก ได้ยินเสียงฟ้าร้องดัง ๆ ก่อนที่วัตถุจะกระแทกกับพื้นทำให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่คนท้องถิ่น
    .
    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเมืองกล่าวว่าวัตถุยังคงระอุแม้หลังจากที่พวกเขาทำการดับเพลิงแล้ว นักวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบมันบอกว่าวัสดุที่ตกลงมาจากท้องฟ้าดูเหมือนจะเป็นโซเดียมเพราะมันทำให้เกิดควันเมื่อสัมผัสกับน้ำ
    .
    ตัวอย่างถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการในลัคเนาสำหรับการทดสอบเพิ่มเติม
    .
    ผู้อยู่อาศัยหลายคนกล่าวว่าพวกเขาเห็นวัตถุสามชิ้นที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
    .

    .


    https://watchers.news/2020/03/07/me...adesh/?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โอคลาโฮมา - สหรัฐอเมริกา

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานีมิลานตอนนี้ผู้คนกำลังเร่งรีบ

    Stazione di Milano ora, gente in fuga. Ci saranno risate presto.

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตะลึง ซาอุฯ จับพระอนุชาคิงซัลมาน กับ 2 เจ้าชาย ข้อหากบฏ
    ทางการซาอุดีอาระเบียควบคุมตัวสมาชิกราชวงศ์ 3 พระองค์รวมทั้งองค์ชายอาวุโส 2 พระองค์ ในข้อหาพยายามก่อกบฏ
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     

แชร์หน้านี้

Loading...