ติดตามสถานะการณ์

Erdogan จะทำผิดซ้ำๆ แบบความผิดพลาดของ Saddam หรือไม่
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการพัฒนาในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียที่เริ่มดีขึ้น
แต่ประธานาธิบดีชาวตุรกีชื่อ Recep Tayyip Erdogan ซึ่งไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำตามคำขู่ของเขาเอง แต่เขาทำและกระทั่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมาชายคนนี้คงจะไม่นึกเลยว่าสถานการณ์ของจะมาถึงในวันนี้ เขาสูญเสียความมั่นใจเพื่อนอย่างรัสเซียไป และเช่นเดียวกับที่เขาสูญเสียความมั่นใจในชาวอเมริกันและเขาไม่พบเพื่อนในนาโต้ ที่จะมาแบ่งปันความกังวลใจของเขาได้ และเขาถูกมองว่าเป็นผู้ครอบครองความอยุติธรรม ที่ไปไล่ซีเรียออกจากซีเรีย และตุรกีของเขาถูกโจมตีอย่างดุเดือดในรอบด้าน
สถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ที่ Erdogan จะต้องประสบกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากการสังหารทหารตุรกีหลายสิบคนในช่วงสองวันที่ผ่านมาในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ ปูตินเรียกร้องให้เขาหลีกทางและออกจากซีเรีย และห้ามไม่ให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการ เพราะกองทัพของเขาไม่ได้เข้าไปในซีเรียตามคำร้องขอของประธานาธิบดีอัสซาด แต่เป็นไปตามคำร้องขอของ แก็งค์ผู้ก่อการร้าย
คำพูดของ Erdogan ที่น่าทึ่งดูเหมือนว่าจะไม่พบเสียงสะท้อนกับพันธมิตรตะวันตกในนาโต้เนื่องจากพวกเขายังมองไม่เห็นความจำเป็น และไม่เข้าตามมาตราของกฎบัตรนาโต้ตามที่ Erdogan เรียกร้อง เนื่องจากมาตราของกฎบัตรนาโต้นี้จะเกิดขึ้นได้ถ้าตุรกีเป็นประเทศที่ถูกรุกราน ทหาร แต่นี้ทหารตุรกีจำนวนมากรุกเข้าไปในดินแดนซีเรีย เมื่อไม่ได้รับความสนใจจากยุโรป Erdogan ก็แบล็กเมล์ยุโรปโดยอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเดินทางไปยุโรปอย่างเสรีและอำนวยความสะดวกให้ด้วย
คำพูดของ Erdogan ยังไม่พบว่ามีการสร้างความหวาดกลัวใดๆให้กับฝ่ายรัสเซียและซีเรียในขณะที่ซีเรียยังคงยืนยันสิทธิ์ในการชำระกวาดล้างแก๊ง Takfiri ทั้งหมด และยึกคืนพื้นที่ ที่ถูกกองทัพตุรกียึดครองไป ซึ่งซีเรียทำถูกต้องตามกฎหมายและกฎหมายระหว่างประเทศทุกอย่าง รัสเซียก็ยังปฏิเสธที่จะจัดการประชุมระหว่างประธานาธิบดีปูติน-ตุรกี และซีเรียก็มีสิทธิอันชอบธรรมในการกวาดล้างสังหารผู้รุกรานตามที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ของเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ Vasily Nebenzia ซึ่งเน้นว่า "ชาวเติร์กแจ้งให้ชาวรัสเซียทราบถึงที่ตั้งของพวกเขาและพิกัดเหล่านี้จะถูกโอนไปยังกองทัพซีเรียเพื่อรับรองความปลอดภัยของทหารตุรกี แต่ทหารตุรกีรุกรานเข้ามาในพื้นที่ก่อนและมีกิจกรรมทางทหารกับ Takfiri กลุ่มก่อการร้าย ซึ่งทุกอย่างก็ควรที่จะจบลงเป็นโมฆะตามสัญญา และทุกพื้นที่ ซีเรียสามารถผลักดันผู้รุกรานได้เต็มที่
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของกำหนดเส้นตายที่ Erdogan กำหนดให้กองทัพซีเรียถอนทหารออกจากดินแดนซีเรียใน Idlib เพื่อตุรกีจะใช้ดินแดนนี้เป็นแหล่งรวมแก๊ง Takfiri อีกครั้ง
Erdogan มีทางเลือกเพียงสองทาง ทางแรกคือตัวเลือกที่จะเข้าสู่การเผชิญหน้าทางทหารแบบเปิดกับกองทัพซีเรียและพันธมิตรทั้งหมด โดยอเมริกาหนุนเหมือนกับซัดดัมในการรุกรานของคูเวต
และทางเลือกที่สองคือ การเจรจากันด้วยเหตุผล
และนี้คือสิ่งที่ Erdogan ต้องทำเพื่อการลงจากตำแหน่งปัจจุบันที่เป็นอยู่ของทหารที่รุกเข้าไปในซีเรีย โดยที่จะไม่ปล่อยให้ออตโตมันหลงทางไปมากกว่านี้ และสร้างความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความเข้าใจร่วมกันและเคารพเพื่อนบ้านด้วยกัน กำหนดภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์และศาสนา ร่วมกันโดยไม่ต้องเป็นผู้ต้องหา
BY>>>>>Giant Khan<<<<<

 

อัพเดทสถานการณ์โควิดต่อเนื่อง พร้อมเผยผลกระทบผีน้อยแห่กลับบ้านเพิ่มขึ้น 3 เท่า
#thaikuk #thaikuknews #โควิด #โคโรนา #ผีน้อย #อัพเดท #เกาหลีใต้
https://thaikuk.com/korea-news/gene...ry-departure-of-illegal-alien-also-increased/

 

#ไวรัลวันนี้ จากบราซิลค่ะ
:
1- เชื่อว่าหลายคนคงเห็นรูปทารกแรกเกิดหน้าตาพร้อมไฝว้คนนี้แล้ว น้องเป็นเด็กผู้หญิงชื่อ “อิซาเบลลา” (Isabela Pereira de Jesus)
2- อิซาเบลลาเกิดเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล
3- ทันทีที่ลืมตาดูโลกน้องก็จ้องหน้าหมอเขม็งเหมือนจะเอาเรื่อง แถมไม่ร้องเลยสักแอะ แม่เอาไปจูบก็ไม่ร้อง จนเมื่อหมอตัดสายสะดือนั่นแหละน้องถึงได้ร้องจ้าออกมา
4- แม่ของอิซาเบลลาได้จ้างช่างภาพให้คอยถ่ายภาพตอนน้องคลอด และเขาบันทึกนาทีที่น้องกำลังมองแรงไว้ได้พอดี พอเขาโพสต์รูปนี้ลงในเฟซบุ๊ก คนก็ชอบใจ แห่แชร์จนกลายเป็นไวรัล
5- คนเอาภาพของน้องไปทำมีมและใส่ข้อความตลก ๆ เป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิ ถามหนูยังว่าอยากเกิดมามั้ย?, ปลุกชั้นทำไม, ขอพบผู้จัดการหน่อย, ชั้นจะไม่ลืมสิ่งที่แกทำกับชั้นในวันนี้ ฯลฯ
6- พ่อกับแม่ของอิซาเบลลาขำหนักมากที่ลูกสาวตัวเองเกิดปุ๊บก็กลายเป็นมีมดังไปทั่วโลกปั๊บ ซึ่งครั้งแรกที่พ่อกับแม่ได้เห็นรูปลูกสาว ทั้งคู่ก็ขำกลิ้งมาก่อนแล้วเหมือนกัน
—————
Credit: ภาพโดย Rodrigo Kunstmann

 

เรื่องจริงยิ่งกว่าซีรีส์
เมื่อสหายผู้คุมพานักโทษสาวแหกคุก
ที่เกาหลีเหนือ
—————
⚫️ ตอนที่ 1
ทหารของคิมจองอึนกับนายหน้าสาว
:
1- "จาง" (นามสมุติ) เป็นหนุ่มเกาหลีเหนือวัย 26 เขาถูกเกณฑ์เป็นทหารตั้งแต่อายุ 16 จากนั้นถูกส่งตัวมาเป็นผู้คุมอยู่ที่เรือนจำแห่งหนึ่งในเมืองอนซ็อง จังหวัดฮัมกย็องเหนือ ซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนที่อยู่ติดกับจีน
2- จางใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก แต่แล้ววันหนึ่งพ่อก็บอกเขาตรง ๆ ว่า ลูกเป็นตำรวจไม่ได้หรอก เพราะปู่ย่าตายายของลูกเป็นชาวนา พ่อกับแม่ก็เป็นชาวนา การจะเป็นตำรวจได้นั้นครอบครัวต้องมีสถานะที่สูงกว่านี้ รวมทั้งต้องใช้เงินจำนวนมากด้วย พ่อไม่อยากให้ลูกฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
.
นั่นเป็นครั้งแรกที่จางตระหนักว่า คนในประเทศนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้มีฝัน
3- ส่วน "คิม" (นามสมมุติ) หญิงสาวชาวเกาหลีเหนือผู้มีอาชีพเป็นนายหน้าพาคนหนีออกนอกประเทศ โดยเธอคิดค่าใช้จ่ายประมาณ 45,000 - 68,000 บาทต่อคน ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีคนของทางการคอยช่วยเหลือและต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้พวกเขาด้วย
4- งานอีกอย่างของคิมคือ เมื่อคนเหล่านั้นหนีออกนอกประเทศไปได้แล้ว เขาจะถูกเรียกว่า "ผู้แปรพักตร์" คิมจะเป็นตัวกลางเชื่อมให้ผู้แปรพักตร์ได้ติดต่อกับครอบครัวที่ยังอยู่ในเกาหลีเหนือ
5- ผู้แปรพักตร์ส่วนใหญ่จะหางานทำแล้วส่งเงินมาให้ครอบครัวใช้ โดยมีคิมเป็นผู้ลักลอบส่งให้ ซึ่งเธอจะหักค่านายหน้าไว้ 30% หรือถ้าพวกเขาอยากคุยกันทางโทรศัพท์ เธอก็ต่อสัญญาณเถื่อนให้ได้
.
(โทรศัพท์มือถือในเกาหลีเหนือถูกบล็อกไม่ให้โทรข้ามประเทศ แต่คิมลักลอบใช้สัญญาณเถื่อนจากจีน)
6- แน่นอนว่างานของคิมเป็นงานผิดกฎหมาย แต่เธอก็ได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่า คิมทำงานนี้มานาน 6 ปี จนทำให้เธอมีชีวิตที่ดี ครอบครัวอยู่สุขสบายมากกว่าครอบครัวเกาหลีเหนือทั่วไป
7- ชีวิตของจางกับคิมจึงต่างกันมาก ในขณะที่คิมอยู่ดีกินดีและได้รู้เรื่องโลกภายนอกมากมาย แต่จางเหมือนคนถูกปิดหูปิดตา เขาถูกบังคับให้อุทิศชีวิตเพื่อท่านผู้นำมานาน 10 ปีแล้ว ออกจากเวรเฝ้าเรือนจำก็ต้องไปปลูกหญ้าให้ปศุสัตว์ของทางการ และไม่รู้ว่าวงจรนี้จะจบสิ้นเมื่อใด
—————
⚫️ ตอนที่ 2
มิตรภาพของนักโทษสาวกับผู้คุมหนุ่ม
:
8- แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของคิมก็เปลี่ยนไป วันนั้นคิมพาเด็กชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในป่า เพื่อแอบต่อสายให้เขาคุยกับแม่ซึ่งหนีไปอยู่เกาหลีใต้
9- รถของรัฐบาลซึ่งติดอุปกรณ์ดักฟังและขับจับสัญญาณไปเรื่อย ๆ สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ของเธอได้พอดี!
10- คิมถูกจับ เหล่าคอนเน็คชั่นที่เคยได้ส่วนแบ่งจากงานของคิมไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือ แล้วนับแต่วันนั้นสถานะของคิมก็เปลี่ยนเป็น "นักโทษคดีอุกฉกรรจ์”
11- ในเกาหลีเหนือ การมีความสัมพันธ์กับประเทศศัตรู คือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกานั้นโทษหนักมาก คนที่ถูกจับกุมด้วยข้อหาลักลอบดูภาพยนตร์หรือซีรีส์จากประเทศศัตรูอาจได้รับโทษหนักกว่าการฆ่าคนตายเสียอีก ...คิมรู้ดีว่าชีวิตของเธอจบสิ้นลงแล้ว
12- มิตรภาพของจางและคิมเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2019 หลังคิมถูกจับและถูกส่งตัวมาคุมขังในเรือนจำที่จางทำงานอยู่ ทั้งจางและคิมต่างก็รู้ดีว่านักโทษคนใดถูกส่งตัวมาที่นี่ นั่นหมายความว่าพวกเขามีโอกาสริบหรี่มากที่จะได้กลับออกไปเห็นโลกภายนอกอีก
13- จางสะดุดตาคิมทันทีที่เห็นเธอ เพราะบุคลิกที่แตกต่างและการแต่งตัวที่ดูดี (ตอนนั้นคิมยังไม่ได้สวมชุดนักโทษ) จางรู้ว่าคิมถูกจับเพราะงานนายหน้าที่เชื่อมต่อเกาหลีเหนือกับโลกภายนอก นั่นยิ่งทำให้จางผู้ไม่เคยรู้อะไรนอกประเทศเลยสนใจในตัวคิมมากขึ้น
14- คิมร้องไห้ในคุกทุกวันและคิดแต่ว่าจะฆ่าตัวตายอย่างไรดี แต่จางค่อย ๆ ก้าวเข้ามาเป็นเพื่อนใหม่ของเธอ เขาดูแลเธอเป็นพิเศษมากกว่านักโทษคนอื่น ๆ แม้ผู้คุมจะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดุคยกับนักโทษ แต่จางก็แอบมาคุยกับเธอผ่านลูกกรงเสมอ
15- สองเดือนผ่านไป มิตรภาพของคนทั้งคู่งอกงามขึ้นเรื่อย ๆ คิมรู้สึกว่าเธอกับผู้ชายคนนี้ต่อกันติด แล้ววันหนึ่งจางก็เดินมากระซิบบอกคิมว่า เขาจะช่วยพาเธอหนี ถ้าไม่หนีเธอก็ต้องอยู่ในนี้จนตาย
16- คิมตกใจมาก ตอนนั้นเธอไม่เชื่อเขาเลย เธอคิดว่าทางการส่งจางมาสอดแนมเพื่อจะล้วงความลับจากเธอ แล้วจากนั้นก็ฆ่าเธอเสีย แต่จางย้ำหนักแน่นว่าขอให้เชื่อใจเขา เพราะเขาก็จะหนีไปกับเธอด้วย เราจะหนีไปเกาหลีใต้ด้วยกัน
17- ในเมื่อชีวิตมีให้เลือกแค่ 2 ทาง คือ ตายคาคุกกับหนีไปตายเอาดาบหน้า ในที่สุดคิมก็เลือกที่จะหนีไปกับจาง
18- จางบอกคิมว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ในเรือนจำ แต่ที่นี่ไฟดับบ่อย ถ้าเมื่อไหร่ที่ไฟดับกล้องก็ใช้การไม่ได้ ซึ่งผู้คุมทุกคนรวมทั้งจางสามารถเข้าถึงห้องควบคุมไฟฟ้าได้ เขาจะตัดไฟแล้วมาพาเธอหนี
.
นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเกาหลีเหนือที่นักโทษกับผู้คุมหนีไปด้วยกัน
—————
⚫️ ตอนที่ 3
การหลบหนี
:
19- คืนวันที่ 12 กรกฎาคม 2019 หัวหน้าของจางกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว เป็นเวลาเดียวกับที่คิมถูกย้ายไปอยู่ที่แคมป์สำหรับใช้แรงงานซึ่งการตรวจตราไม่เข้มข้นมาก ...ไม่มีเวลาไหนเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว จางอาสาอยู่เวรดึกแทนเพื่อนผู้คุม ซึ่งเพื่อนก็ตอบตกลงด้วยความดีใจ
20- จางเตรียมกระเป๋าเป้ไว้ 2 ใบ สำหรับตัวเขาและสำหรับคิม ในนั้นบรรจุอาหารและเสื้อผ้า รวมทั้งมีดและยาพิษ
21- หนึ่งในแผนสำรองของจางคือ ถ้าถูกจับได้เขาจะชวนคิมฆ่าตัวตาย อาจจะยิงตัวเองด้วยปืนของเขา แทงตัวเองด้วยมีดหรือกินยาพิษ...ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
22- เมื่อตระเตรียมสัมภาระแล้ว จางก็ลงมือตัดไฟเรือนจำทั้งหมด ไม่มีใครแตกตื่นเพราะคิดว่าไฟดับธรรมดา จากนั้นจางไขกุญแจเข้าไปปลุกคิมให้ตื่น ก่อนพาเธอหนีออกมาทางหน้าต่าง ที่ซึ่งเขาแอบเตรียมรองเท้าไว้ให้เธอสวม
23- ทั้งคู่วิ่งข้ามสนามผ่านสถานีตรวจการไปยังรั้วไฟฟ้าซึ่งตอนนี้ไม่มีกระแสไฟเพราะไฟถูกตัด แผงรั้วนี้สูงลิบแต่ก็มีช่องเล็ก ๆ สำหรับวางเท้าให้ปีนขึ้นไปได้ พวกเขาจะต้องปีนรั้วให้เงียบที่สุด จะพลาดตกลงมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นบรรดาสุนัขก็จะกรูกันออกมา โชคดีที่ทั้งคู่ปีนรั้วออกมาได้อย่างเงียบเชียบและปลอดภัย
24- จากนั้นพวกเขาเดินลัดผ่านทุ่งนาไปจนถึงแม่น้ำทูมัน ซึ่งเป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างชายแดนเกาหลีเหนือกับจีน คนเกาหลีเหนือที่ต้องการหลบหนีมักใช้เส้นทางนี้ เพราะแม่น้ำไม่ลึกและไม่กว้างมาก ในหน้าหนาวที่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งสามารถเดินข้ามไปได้สบาย ๆ
.
คิมเคยส่งคนข้ามแดนไปด้วยแม่น้ำสายนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่สำหรับแม่น้ำช่วงใกล้เรือนจำนี้ เธอก็ไม่รู้ว่ามันลึกแค่ไหน
25- คิมว่ายน้ำไม่เป็น และยิ่งเดินน้ำก็ยิ่งลึกจนในที่สุดมันก็ท่วมมิดหัว คิมคิดว่าเธอคงเอาชีวิตมาทิ้งในแม่น้ำทูมันเป็นแน่แล้ว แต่จางไม่ยอมให้เธอหมดหวัง เขาทั้งประคอง ทั้งพยุง ทั้งลากตัวเธอไปจนถึงอีกฝั่งของแม่น้ำจนได้ ในที่สุดพวกเขาก็มาอยู่ฝั่งจีนเรียบร้อย
26- แม้จะข้ามแดนมาได้แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย จางกับคิมต้องแอบซ่อนตัวอยู่ในป่านานถึง 3 วัน ตอนนี้อาหารในเป้ที่เขาเตรียมมามีประโยชน์เป็นอย่างมาก
27- ทั้งคู่ค่อย ๆ ลัดเลาะอย่างระมัดระวังจนเจอหมู่บ้านและขอยืมโทรศัพท์จากชาวบ้านคนหนึ่ง เพื่อให้คิมโทรหาเพื่อนนายหน้า เพื่อนของคิมบอกว่าตอนนี้ทางการกำลังไล่ล่าคิมกับจาง และประสานมายังชายแดนจีนให้ช่วยตามจับด้วย
—————
⚫️ ตอนที่ 4
ชีวิตใหม่
:
28- เพื่อนของคิมช่วยติดต่อเครือข่ายนายหน้าในจีนให้มาช่วยคิม พวกเขามารับคิมกับจางไปเก็บตัวที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ก่อนจัดการส่งตัวคนทั้งคู่ไปเกาหลีใต้
29- การหลบหนีของจางและคิมส่งผลถึงครอบครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางการจะต้องนำตัวคนในครอบครัวไปสอบสวนอย่างแน่นอน แต่การที่จางจากครอบครัวมาเป็นทหารนาน 10 ปีแล้ว ก็น่าจะทำให้พ่อแม่ของเขาโต้แย้งได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการหลบหนีของลูกชาย เช่นเดียวกับคิมที่หลังติดคุกก็ไม่ได้ติดต่อใครเลย
30- ตอนนี้จางกับคิมปลอดภัยดีอยู่ที่เกาหลีใต้ จางกำลังเรียนภาษาอังกฤษอย่างตั้งใจ เขาขอลี้ภัยไปอยู่ที่อเมริกาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น ในขณะที่คิมต้องการอยู่เกาหลีใต้ต่อไป
31- จางอ้อนวอนให้คิมไปกับเขา เขาบอกเธอตรง ๆ ว่าเขารู้สึกมั่นใจมากกว่าเมื่อมีเธออยู่ด้วย แต่หญิงสาวปฏิเสธและบอกกับเขาว่า...
.
“จงไปเถิด ตอนนี้คุณมีเสรีภาพที่จะไปไหนก็ได้แล้ว แต่ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม...อย่าลืมฉันนะสหาย”
—————
Credit:
- เนื้อหาสรุปและเรียบเรียงจากสำนักข่าว BBC อังกฤษ ในการสัมภาษณ์จางและคิม
- ภาพจากซีรีส์ Crash Landing on You
(ขออนุญาตนำรูปมาใช้เพื่อการมโน )

 

โลกร้อนทำพิษ นักวิทย์ชี้หมีขั้วโลกกินกันเองมากขึ้นเพราะมนุษย์! เข้าไปแทรกแซงพื้นที่ และทำโลกร้อน ทำลายแหล่งอาศัย ทำให้ขาดแหล่งอาหาร!
•
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียพบว่า หมีขั้วโลกฆ่าและกินกันเองมากขึ้น Cannibalism ในขั้วโลกเหนือ จากการละลายของน้ำแข็ง และกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำลายที่อาศัยของบรรดาหมี
•
Ilya Mordvintsev ผู้เชี่ยวชาญด้านหมีขั้วโลก นักวิจัยจาก Moscow’s Severtsov Institute of Problems of Ecology and Evolution ระบุว่า กรณีที่หมีมีพฤติกรรมล่ากันเองเป็นพฤติกรรมที่หายากมาก แต่ช่วงนี้เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้น โดยมีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
•
โดยเขาให้ความเห็นว่าคาดว่าพฤติกรรมดังกล่าวเกิดจากการขาดแคลนอาหาร ในบางฤดูหากอาหารไม่พอหมีขั้วโลกตัวผู้จะเข้ามาทำร้ายแม่หมีขั้วโลกและลูก ๆ
•
โดยนอกจากนี้ยังมียังมีกรณีที่เกิดจากมีผู้คนเข้ามาทำกิจกรรมในบริเวณขั้วโลกเหนือมากขึ้น จากจำนวนผู้ทำงานด้านน้ำมัน และเจ้าหน้าที่เข้ามามากขึ้น Mordvintsev เผยว่าในบริเวณ Gulf of Ob จนถึง Barents Sea ที่หมีเคยออกล่า ขณะนี้กลายเป็นสถานที่ที่วุ่นวาย เป็นเส้นทางเรือขนส่งก๊าซ LNG
•
รัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซเบอร์ใหญ่ของโลก และต้องการที่จะพัฒนาการทำงานด้านก๊าซ LNG บริเวณขั้วโลกเหนือ รวมถึงการพัฒนาฐานการทหารในที่นั่นเช่นกัน
•
นอกจากนี้ Vladimir Sokolov นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียในปีนี้ ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่อุ่นขึ้นอย่างผิดปกติ ทำให้ไม่มีแผ่นน้ำแข็ง และหิมะตกน้อย!
•
นักวิทยศาสตร์ชาวรัสเซียระบุว่าจำนวนของหมีขั้วโลกที่ย้ายถิ่นไปสู่ผืนดินมีมากขึ้นเนื่องจากน้ำแข็งละลาย จากผลกระทบของภาวะโลกร้อน
•
โดยไม่นานมานี้ก็มีข่าวหมีขั้วโลกเหนือเข้าใกล้แหล่งผู้คนเพื่อคุ้ยกินขยะหลายตัวเช่นกัน
•
ที่มา
https://www.theguardian.com/world/2...ance-increasing-cannibalism-among-polar-bears
•
ภาพ

•
เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
environman

 

⛔️ ด่วน ⛔️ สหรัฐพบผู้เสียชีวิตรายแรกในประเทศจากไวรัส Covid-19 แล้ว ทรัมป์ออกมาขออย่าให้ทุกฝ่ายตื่นตระหนก แต่ข่าวนี้จะส่งผลลบตอนตลาดเปิดอาทิตย์แน่ๆ
เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคมบ้านเราโฆษกกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐแถลงการณ์ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตรายแรกในประเทศแล้ว เป็นผู้หญิงอายุ 50 ปลายๆ และยังมีผู้ติดเชื้ออีก 4 รายที่อาการน่าเป็นห่วงมากๆ พร้อมกับขอให้ประชาชนอย่าแย่งกันซื้อหน้ากากอนามัย เพราะหน้ากากไม่สามารถใช้กันไวรัส Covid-19 นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทางด้านทรัมป์ออกมาแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ แต่ก็ขอร้องอย่าให้ประชาชนชาวอเมริกันตื่นตระหนก
อัพเดทข่าวไวรัสที่สำคัญอื่นๆ
ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ 85,964 ราย และเสียชีวิต 2,942 ราย
ยอดผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้ทะลุ 3,000 รายแล้วเช้านี้ อยู่ที่ 3,15 คน และมีผู้เสียชีวิต 17 ราย
ยอดผู้ติดเชื้อในอิตาลีทะลุ 1,000 รายแล้วเช้านี้ อยู่ที่ 1,128 คน และมีผู้เสียชีวิต 29 ราย
อาทิตย์ที่ผ่านมาอาทิตย์เดียวตลาดหุ้นสหรัฐที่โดนเทขายไป 10% นั้นทำให้ผู้คนสูญเงินรวมกันกว่า 3.2 ล้านล้านเรียญสหรัฐ หรือกว่า 100 ล้านล้านบาทภายในอาทิตย์เดียว ! และหากรวมข่าวร้ายต่างๆที่ออกมาในอาทิตย์นี้เชื่อว่าตลาดยังจะโดนเทขายอยู่ในวันจันทร์เปิดตลาดพรุ่งนี้ครับ
⚠️ นักลงทุนทุกท่านระวังตัวให้ดีครับ ⚠️
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ
https://www.bloomberg.com/news/arti...urce=facebook&utm_campaign=socialflow-organic

 

โควิด-19มียินส์ที่เชื่อมกับHIV และอีโบล่า
นักวิทยาศาสตร์ของจีนได้ค้นพบว่า โควิด-19ที่กำลังแพร่ระบาดทั้วโลกในเวลานี้มีความสามารถในการเกาะผนังเซลล์ของมนุษย์มากกว่าซาร์ส เนื่องจากมันมียีนส์ที่เชื่อมกับ HIV และอีโบล่า
งานวิจัยนี้ทำโดยนักวิทยาศาสตร์จีนที่มหาวิทยาลัยNankai University ในเมืองเทียนจินทางตอนเหนือของจีน ปรากฎว่ามีคนเข้ามาอ่านงานวิจัยนี้มากที่สุดในจีนและต่างประเทศ เพราะว่ามันเป็นการค้นพบล่าสุดถึงโครงสร้างลักษณะของไวรัสตัวนี้
เป็นที่ทราบกันดีในตอนนี้ว่า กว่า80%ของดีเอ็นเอของเชื้อโควิดมีความคล้ายคลึงกับดีเอ็นเอของซาร์ส ทำให้เชื้อโรค2ตัวนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ซาร์สแพร่ระบาดในจีนในช่วงปี2002-2003 แต่สงบลงในปี2004 หลังจากระบาดสู่คน8,000คน แต่โควิดระบาดสู่คนมากกว่า80,000รายแล้วทั่วโลกในเวลานี้
ซาร์สโจมตีร่างกายมนุษย์ด้วยการเกาะติดโปรตีนตัวรับ เรียกว่าACE2บนเมมเบรนของเซลล์ แต่นี้คือข้อจำกัดของซาร์ส เนื่องจากACE2มีอยู่น้อยในร่างกายมนุษย์ที่แข็งแรง ทำให้การแพร่ระบาดของซาร์สไปได้ไม่ทั่วถึง
รายงานของนักวิทยาศาสตร์จีนพบว่า โควิดไม่เหมือนซาร์ส เพราะว่ามีส่วนหนึ่งในยีนส์ที่ในจีโนมของซาร์สไม่มี ในขณะเดียวกันยีนส์ของโควิดเหมือนกับจีนของHIV และอีโบล่า ยีนส์ของโควิดอาจถูกใส่รหัสในเส้นทางอื่นเพื่อพุ่งเป้าไปที่โปรตีนของเซลล์มนุษย์ เหมือนกับการโจมตีเซลล์มนุษย์ของHIVและอีโบล่าโจมตี ถ้าหากโควิดทำงานเหมือนไวรัสอื่นๆ มันสามารถแพร่ระบาดขยายพันธุ์ได้ 1,000เท่าในการเกาะผนังเซลล์มนุษย์ได้เหนี่ยวแน่นกว่าซาร์ส
ก่อนหน้านี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า โควิดมีความคล้ายคลึงกับHIV นักวิจัยอินเดียได้เขียนรายงานและเผยแพร่บนแล็ตฟอร์มbioRxiv ชื่อว่า“Uncanny similarity of unique inserts in the 2019-nCoV spike protein to HIV-1 gp120 and Gag” โดยสรุปว่ายีนส์ของHIVถูกใส่เข้าไปในโควิด ทำให้โควิดมีความสามารถในการแพร่กระจายได้มาก และมีอันตราย
งานวิจัยชินนี้ถูกกดดันหนักและถูกโจมตีเป็นอันมาก ทำให้นักวิจัยอินเดียจำต้องถอนการเผยแพร่ จนกว่าจะมีการวิจัยอื่นๆที่ก้าวหน้ากว่าทำให้โครงสร้างของโควิดกระจ่างกว่านี้
https://www.rt.com/news/481837-coronavirus-research-cell-binding-hiv/
สรุปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะมีความเห็นอย่างไรว่า โควิดเป็นไวรัสที่เกิดตามธรรมชาติ หรือไวรัสที่เกิดจากการดัดแปลงพันธุกรรม ตามรายงานล่าสุดของวิทยาศาสตร์จีนที่พบว่ากว่า80%ของดีเอ็นเอของโควิดคล้ายกับซาร์ส และยีนส์ของโควิดเชื่อมโยงกับHIV และอีโบล่า
ผู้เชี่ยวชาญทางการเดินหายใจของจีนได้ออกมาแย้มว่า โควิดอาจจะไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากจีน
COVID-19 'may not originate in China
https://www.globaltimes.cn/content/1181005.shtml
ที่น่าสนใจคือ มีผู้หญิงชาวอเมริกันที่รัฐแคลิฟอร์เนียติดเชื้อโควิด โดยไม่มีประวัติว่าไปยุ่งเกี่ยว สัมผัส หรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ใดที่มีเชื้อโควิดเลย Centers for Disease Control and Preventionของสหรัฐได้ออกมายืนยันเรื่องนี้
The CDC has changed its criteria for testing patients for coronavirus after the first case of unknown origin was confirmed
https://edition.cnn.com/2020/02/27/health/us-cases-coronavirus-community-transmission/index.html
อยู่ดีๆ ผู้หญิงอเมริกันติดเชื้อโควิดได้อย่างไร
29/2/2020

 

คนอังกฤษแห่ตุนของ จนเกลี้ยงชั้นวางของของห้าง

 

เสาร์มังกร มฤตยูเมษ (1)
สำหรับผู้ติดตามข้อมูลข่าวสาร สถานการณ์โลกปัจจุบัน “ผิดปกติ” และน่าวิตกกังวลอย่างมาก แต่นี่ยังนับเป็นช่วงเวลาที่ดีเมื่อเทียบกับอนาคตข้างหน้า
.
ในมุมโหราศาสตร์ โลกกำลังเปลี่ยนแปลง พลิกผัน ปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ ในทิศทางที่มุ่งหน้าสู่วิกฤติ ถ้าไม่เตรียมพร้อมวันนี้ โอกาสรอดของวันพรุ่งนี้ก็ลดน้อยลงไป
.
ทำไม ? เพราะจะเกิดปรากฏการณ์ดาวสำคัญประการหนึ่ง ซึ่งเพิ่มความยากลำบากในการปรับตัวกับสถานการณ์ทั้งหลาย หมายความว่าปรากฏการณ์นี้เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดวิกฤติ หรือจากวิกฤติเล็กกลายเป็นวิกฤติระดับโลก นั่นคือเสาร์ยกเข้ามังกร
.
มังกรคือจรราศี จรราศีเป็นราศีที่ดูดซับและตอบสนองต่อพลังงานได้ดีและมีพลวัตสูง เมื่อมีดาวจรถึง พลังดาวจะเข้มข้น รุนแรง และส่งผลอย่างรวดเร็ว มังกรเป็นราศีที่โลกเข้าสู่ฤดูหนาว หมายถึงราศีแห่งการกระทำ(เพื่อเอาชีวิตรอด) มังกรคือแม่ธาตุดิน ดินคือความคงที่ คงตัว แข็งเกร็ง ไม่ยืดหยุ่น ไม่เปลี่ยนแปลง ดาวที่เข้าราศีนี้มักสูญเสียอิสระในการแสดงคุณสมบัติของตน เช่น พฤหัสเป็นดาวแห่งการเติบโตขยายตัว เมื่อเข้ามังกร พฤหัสจะสูญเสียศักยภาพของตนไป (นิจจ์)
.
เสาร์คือดาวแห่งการหดตัว ถดถอย ล่าช้า ตีกรอบ ขัดขวาง ควบคุม บังคับ กดดัน ฯลฯ คุณสมบัติเหล่านั้นขัดกับความต้องการของมนุษย์ เสาร์จึงถือเป็นดาวประธานฝ่ายบาปเคราะห์ อันที่จริง แม้เสาร์สร้างปัญหาอุปสรรคและความยากลำบากนานัปการ แต่ถ้าอดทนสู้จนผ่านไปได้ ชีวิตย่อมประสบความสำเร็จ โหราศาสตร์ฝรั่งบอกว่าเสาร์คือ The Great Teacher ขณะที่โหราศาสตร์อินเดียถือว่าเสาร์คือ Lord of Karma เทพผู้บันดาลให้มนุษย์ต้อง (1) ชดใช้กรรมของตนและเรียนรู้จากมัน (2) กระทำกรรมใหม่เพื่อพัฒนาศักยภาพและจิตสำนึกไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
.
เมื่อเสาร์เข้ามังกร-เป็นเกษตร์ พลังดาวย่อมเพิ่มพูน ปัญหาอุปสรรคและความยากลำบากย่อมมากขึ้นด้วย ดาวเกษตร์ให้คุณมิใช่หรือ? ใช่ แต่การให้คุณต้องเข้าเงื่อนไขของคุณสมบัติดาว กล่าวคือต้องผ่านบททดสอบเสียก่อน เสาร์มังกรให้โทษหนักกับทุกคนก่อนและให้คุณมากทีหลังกับคนที่สอบผ่านเท่านั้น นี่คือประเด็นที่ต้องเข้าใจให้ตรงกัน
.
วัฏจักร Sidereal ของเสาร์ที่โคจรครบรอบจักรราศีคือ 30 ปี เสาร์เข้ามังกรครั้งก่อนเกิดขึ้น 21 มีนาคม 2533 ถอยกลับธนู 20 มิถุนายน และเข้าจริง 15 ธันวาคม ครั้งนี้เสาร์ยก 24 มกราคม 2563 เวลา 11:22 น. เดินหน้าถอยหลังไปเรื่อยจนเข้ากุมภ์ 29 เมษายน 2565 เวลา 9:13 น. เสาร์ถอยกลับมังกร 12 กรกฎาคม เวลา 16:33 น. และอยู่จนถึง 17 มกราคม 2566 เวลา 19:28 น. จึงยกเข้าราศีกุมภ์อย่างแท้จริง
.

ในดวงเมืองไทย เสาร์คือดาวเจ้าเรือนภพ 10 เมื่อเข้ามังกร การเมืองจะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อบ้านเมือง เสาร์เดิมอยู่ธนู เสาร์เพิ่งเข้าวงรอบ (Saturn Return) ที่ 9 เมื่อ 25 ตุลาคม 2561 เกิดเป็นยุคใหม่ของการเมืองไทย เป็นยุคแห่งการตื่นรู้ทางปัญญาและตระหนักถึงพลังอำนาจทางการเมืองของประชาชน ใน “วันเลือกตั้ง (5)” เมื่อ 15/3/2562 ผู้เขียนกล่าวว่า “...ในช่วงรอยต่อก็เป็นเช่นนี้ ผู้เล่นหลักของยุคเดิมพยายามดำรงสถานะและรักษาอำนาจของตน ยุคหนึ่งยาว 30 ปี สถานการณ์ที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้อาจกินเวลาหลายปี เหมือนที่รสช.แทรกเข้ามาต้นยุคธุรกิจคุมการเมือง (วงรอบที่ 8)...” (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646807)
ความสับสนวุ่นวายเกิดจาก (1) ธนูเป็นราศีที่ 12 ของมังกร เสาร์เดิมจึงเป็นวินาสของภพตัวเอง เมื่อจรเข้ามังกร เรื่องราวที่ปกปิดซ่อนเร้นจะถูกเปิดเผยและกลายเป็นประเด็นใหญ่ทางการเมือง (2) เสาร์เบียน 4 จุดสำคัญ คือ ทับทศมลัคน์ เล็งจันทร์ และ 90 ลัคนาอาทิตย์ ข้อนี้อันตรายยิ่งกว่า หลายคนเชื่อว่าถ้าเสาร์เข้ามังกร การเมืองจะเข้มแข็งมั่นคง ข้อนี้ไม่น่าจะถูก จันทร์คือประชาชน อาทิตย์คือผู้นำรัฐบาล ลัคนาคือบ้านเมือง ทศมลัคน์คือการเมืองการปกครอง เมื่อทั้งหมดถูกเบียน การเมืองย่อมไร้เสถียรภาพและมากด้วยปัญหาอุปสรรคทั้งปวง
.
ตัวอย่างมีมากมาย เสาร์เข้ามังกรครั้งแรก 28 พฤศจิกายน 2327 – 20 กุมภาพันธ์ 2330 เกิดสงคราม 9 ทัพระหว่างไทยพม่าในปี 2328 อังกฤษยึดเกาะปีนังและไทรบุรีปี 2329 เสาร์มังกรครั้งที่ 5 ตั้งแต่ 6 พฤศจิกายน 2445 – 5 กุมภาพันธ์ 2448 ไทยเสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง คือ ตราด เกาะใต้ แหลมสิงห์ ลงไปถึงเกาะกงให้กับฝรั่งเศสในปี 2446 ทำไมเป็นเรื่องดินแดนอาณาเขต ? เพราะเสาร์เล็งภพ 4 และจันทร์ดาวเจ้าเรือน
.
ที่ชัดเจนสุดคือครั้งที่ 6 ตั้งแต่ 24 ธันวาคม 2474 – 16 มีนาคม 2477 เกิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 เสาร์พักร 90 อาทิตย์เดิมสนิทพอดี ในครั้งที่ 8 ช่วง 15 ธันวาคม 2533 – 5 มีนาคม 2536 แทนที่การเมืองจะเข้มแข็งมั่นคง กลับเกิดปฏิวัติรสช. 23 กุมภาพันธ์ 2534 (เสาร์ 90 อาทิตย์เดิม) และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 17 – 20 พฤษภาคม 2535 ที่เสาร์ 90 ลัคน์สนิท
.
ข้อสังเกตคือในวันเปลี่ยนแปลงการปกครองและปฏิวัติรสช. เสาร์มังกร (เกษตร์) เล็งพฤหัสกรกฎ (อุจจ์) ตำรากล่าวว่า ทุกครั้งที่ทั้งคู่กุมเล็งกัน โลกจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ ในครั้งที่ 9 นี้ จะมีช่วงเวลาที่พฤหัสเสาร์กุมกันในมังกร 3 ช่วง คือ 30 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2563 และ 20 พฤศจิกายน 2563 – 6 เมษายน 2564 และ 14 กันยายน – 21 พฤศจิกายน 2564 โดยทั้งคู่กุมกันสนิทและเริ่มวัฏจักร Synodic 20 ปีรอบใหม่ 22 ธันวาคม 2563 ที่ 6:20 องศามังกร คงมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นเป็นแน่
.
สิ่งที่น่าห่วงคือเสาร์เล็งจันทร์เดิม จันทร์คือการท่องเที่ยว สถานการณ์จะซึมลงไปอีก จันทร์หมายถึงกิจการ SME กลุ่มนี้อาการหนักอยู่แล้ว ปีหน้าคงล้มหายกันไปอีกมาก จันทร์บอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของภาคเกษตร ภาคนี้ก็ทรุดตัวเช่นกัน จันทร์คือภาคประชาชน เสาร์คือเงินฝืด ประชาชนจะเดือดร้อนแสนสาหัสจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เสาร์อยู่ภพ 6 ของจันทร์ ภพ 6 คือหนี้สิน หนี้ครัวเรือนจะพอกพูนและท่วมทับประชาชนจนโงหัวไม่ขึ้น
.
เมื่อประชาชนทนไม่ไหว เสาร์ 90 อาทิตย์เดิมบอกถึงแรงกดดันต่อผู้นำรัฐบาล เสาร์ทับทศมลัคน์และ 90 ลัคน์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและบ้านเมืองย่อมเกิดขึ้นในที่สุด
.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

เกาหลีใต้ระดมกำลังทหารของตนเพื่อฉีดยาฆ่าเชื้อใน Daegu ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของ coronavirus เพื่อพยายามหยุดยั้งการแพร่กระจายของโรค

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ความตื่นตระหนกในซูเปอร์มาร์เก็ตใน Costco, สหรัฐอเมริกา # 29 กุมภาพันธ์

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

สหรัฐอเมริกา ประชาชนต่อแถวยาว ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต Costco, Coronavirus

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่บ้านในหวู่ฮั่นประเทศจีน

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ผู้ป่วยชาวอเมริกันถูกเคลื่อนย้ายจากบริเวณที่มีการระบาดของโรคโคโรนาไวรัส ในวอชิงตัน

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ผู้ทรมานกับโรค coonavirus ในอ่าวเปอร์เซีย เมืองชีราซ อิหร่าน ผู้คนกลัวที่จะเข้าใกล้

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

คนๆ นี้ล้มลงในร้านแห่งหนึ่งในเตหะรานว่ากันว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและมีไข้สูงมาก

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ฝนตกหนักในบราซิลทำให้เกิดน้ำท่วมใน Prata ในสามเหลี่ยม Minas Gerais ทำให้มีผู้คนมากมายไร้ที่อยู่อาศัย

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

อิหร่านบนถนนที่เงียบสงบในเตหะราน Yousef Abad เด็กหายใจลำบากแล้วทรุดตัวลง ในตอนแรกไม่มีใครสังเกตเห็นจนกระทั่งมีคนมาและเรียกหน่วยฉุกเฉินและโชคดีที่ความช่วยเหลือมาอย่างรวดเร็ว

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ดร. เซีย เจียง ฉันต้องเตือนคนอื่น ๆ ในโลกว่าคุณควรระวังอย่าละเลยโรคนี้ ไม่มีเมืองใดในโลกที่จะมีอุปกรณ์พิเศษเพียงพอที่จะจัดการกับมัน เขากล่าว ดร. เจียง กำลังต่อสู้กับการระบาดของโรคโคโรนาไวรัสในประเทศจีน

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

การล้มลงของเจ้าหน้าที่ที่สนามบินอิหร่าน # 29 ก.พ.