ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กิ๊ฟจังนั่งเล่า

    #ข่าวด่วน (20 ก.พ. 11:38 น.) มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ชายและหญิงวัย 80 ทั้งสองเป็นผู้โดยสารเรือสำราญ

    รายละเอียด
    ชาย หญิง วัย 80s ชาวญี่ปุ่น มีโรคประจำตัวทั้งคู่
    - ชาย 87 ปี
    - หญิง 84 ปี

    ทั้ง 2 ถูกตรวจพบว่าเป็นโควิด-19 และนำลงจากเรือเพื่อรักษาในรพ. ในวันที่ 11 และ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา
    ถือว่าเป็นเคสเสียชีวิตจากผู้ป่วยบนเรือสำราญเคสแรก
    ตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตในญี่ปุ่นเป็น 3 รายแล้ว ทุกรายเป็นวัย 80 ทั้งหมด (ชาย 1 หญิง 2)

    ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยค่ะ

    ✒️ ญี่ปุ่นกำลังอยู่ระหว่าง 臨床試験 clinical test ยาสูตรไทยและรอการอนุมัติค่ะ

    Source: NHK

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก กิ๊ฟจังนั่งเล่า

    นี่ถึงกับต้องติดแทค #วิวาทะ ค่ะ
    อ่านอีกฝั่ง ผู้โพสต์เป็นคุณหมอด้านโรคติตต่อจากโอกินาว่า คนที่เป็นคนให้อ. อิวาตะเข้าไปค่ะ (ขอเล่าคร่าว ๆ นะคะ ยาวมาก ขืนแปลไม่ได้นอนแน่)
    บอกว่า อ. อิวาตะเข้าไปได้แค่ 2 ชม. ได้เห็นแค่โซน แถว ๆ Lounge ก็ต้องเชิญลง
    สาเหตุก็คือ เค้าคุยกันไว้ล่วงแล้วว่าอย่าพยายามพูดอะไรสอนอะไรมากในช่วงแรก เพราะที่นี่ประกอบด้วยคนมากมาย จากหลายองค์กร ให้เข้ากันทำความคุ้นเคยก่อน แล้วเรามาหาทางกัน
    เพราะที่นี่เป็นที่พิเศษ เป็นพื้นที่ใหม่สำหรับโรคระบาดที่พวกเราไม่มีประสบการณ์ ทำอะไรมันคงไม่ 100% หรอก แต่ทุกคน “พยายามกันเต็มที่”
    ———-
    แต่พออ. เข้าไปไม่นานก็เริ่มติงและสอนว่าควรทำยังไงถึงจะถูก....
    ทำให้คนรอบข้างทุกฝ่าย รู้สึกว่าไม่สามารถทำงานต่อได้ จึงรู้สึกว่าสภาพนี้ไม่ดีแน่เลยต้องเชิญลง...
    ซึ่งผู้โพสต์รู้สึกว่า สิ่งที่อาจารย์อิวาตะติงมาส่วนใหญ่ก็ถูก แต่ การทำงานต้องทำเป็นองค์กร ถ้าทุกคนไม่สะดวกใจ งานก็คงเดินไม่ได้ 
    ———
    นอกจากนี้ มีติงบางจุดของอาจารย์ เช่น มีการแบ่งโซนนะ แต่มันไม่ 100% มีผู้สูงอายุบนเรือเยอะ และมันคือเรือ คนบนเรือ สธ. จนท. ทุกคนก็พยายามเต็มที่แล้ว แต่มันก็ไม่สมบูรณ์ มีความคอนโทรลไม่ได้.... เป็นต้น
    ———
    ✒อ่านแล้วมีความญี่ปุ่นมาก ๆ ค่ะ ใครอ่านญี่ปุ่นออก เคยทำงานกับคนญี่ปุ่นจะเข้าใจคนโพสต์มาก ๆ และเข้าใจอ. อิวาตะเช่นกัน
    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “บิ๊กตู่” สั่ง จนท.เตรียมความพร้อมรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ระยะที่ 3 เผยแพร่: 20 ก.พ. 2563 11:56 ปรับปรุง: 20 ก.พ. 2563 12:49 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    563000001766501.jpg
    “ประยุทธ์” สั่งเตรียมความพร้อมรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ระยะที่ 3 หากแพร่ระบาดในไทย ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง



    วันนี้ (20 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และ แก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ว่าวันนี้สิ่งที่เราต้องเตรียมการ คือ เรื่องการแพร่กระจายและการแพร่ระบาดจากหลายประเทศ ยังคงมีอยู่ในระยะที่ 1 ส่วนไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 คือ สามารถควบคุมได้มากพอสมควรในขณะที่ประเทศอื่น มีการแพร่กระจายมากขึ้น ไทยจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการ เพื่อป้องกัน ควบคุม และลดการแพร่กระจาย กับคนที่เคลื่อนย้ายไปมา โดยเฉพาะจากประเทศต้นทางซึ่งขณะนี้ไทยทำได้ดีแล้ว

    “แต่ยังอยากให้มีการเตรียมความพร้อมรับมือระยะที่ 3 หากมีการแพร่ระบาดภายในประเทศขึ้นมา โดยขอทราบมาตรการการเตรียมการเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาจะได้ปฏิบัติได้ทันที ดังนั้น ในการประชุมวันนี้ขอให้รายงานสรุปผลการดำเนินงานโดยย่อ เพราะต้องการทราบความก้าวหน้าในมิติเชิงรุกต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หลังทราบข่าวว่าทุกคนให้ความสนใจและเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างดี จึงขอมอบความไว้วางใจ พร้อมคำขอบคุณ รวมทั้งขอชื่นชม และให้ความไว้วางใจกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะร่วมกันทำงานต่อไป โดยคาดหวังว่า สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายได้โดยเร็วในทุกประเทศ และในฐานะที่ไทยเป็นมิตรประเทศ ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเดินหน้าความร่วมมือแก้ปัญหาในระดับประชาคมด้วย


    https://mgronline.com/politics/deta...36cR8-oRaDvwXnd3-w2cCPNHDFpGv7ItONXnl-jfwh8TE
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลามหนัก!! เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 31 ราย ยอดรวมทั่วประเทศพุ่ง 82 เผยแพร่: 20 ก.พ. 2563 11:36 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    563000001762801.jpg
    รอยเตอร์ – เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ เพิ่มอีก 31 รายในวันนี้ (20 ก.พ.) ทำให้ยอดรวมทั้งประเทศขยับพุ่งเป็น 82 ราย โดยคาดว่าการระบาดครั้งใหญ่นี้อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับพิธีกรรมทางศาสนาที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองแดกู (Daegu) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

    ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจทำให้รัฐบาลโสมขาวออกมาแถลงเตือนว่าไวรัสอาจกำลังแพร่กระจาย และขอให้ประชาชนในเมืองแดกูพยายามเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัย

    ผู้ติดเชื้อใหม่ 23 รายเคยประกอบศาสนกิจที่โบสถ์พร้อมกับผู้ติดเชื้อรายหนึ่ง ขณะที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคเกาหลีใต้ (KCDC) ยอมรับว่านี่คือ “สถานการณ์การระบาดครั้งใหญ่ของประเทศ”

    พิธีกรรมที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เคยไปเข้าร่วมนั้นเกิดขึ้นที่โบสถ์แห่งหนึ่งของ Shincheonji Church of Jesus, the Temple of the Tabernacle of the Testimony ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1984 โดย “ลี มันฮี” เจ้าลัทธิชาวเกาหลีซึ่งบรรดาสาวกต่างยกย่องว่าเป็น “เมสสิอาห์”

    Shincheonji ออกมาแถลงยืนยันวานนี้ (19) ว่าได้สั่งปิดโบสถ์ที่เมืองแดกูแล้ว และแนะนำให้สาวกในภูมิภาคอื่นๆ ประกอบศาสนกิจออนไลน์ หรือไม่ก็กระทำเองที่บ้าน

    https://mgronline.com/around/detail...NqJLvWNxOqpx_FlaRw9kr69qNq3oIk3EN_kLkmJLCRrh0
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MGR Infographics

    อิหร่านช็อค!
    เหยื่อโควิด-19 เสียชีวิต ไม่นาน
    หลังยืนยันพบผู้ติดเชื้อ 2 รายแรกของประเทศ
    SXj8tInJKxvO0JbwC_EmaTvZOaARYT0b47R1cMRQlsNg&_nc_ohc=oZXl2HVRgiQAX-Cv07M&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    รอยเตอร์/ซีเอ็นเอ็น/เอเอฟพี - อิหร่านแถลงข่าวสุดช็อคในวันพุธ(19ก.พ.) ระบุพลเมือง 2 คนเสียชีวิตแล้วในโรงพยาบาล ไม่กี่ชั่วโมงหลังออกมายืนยันว่าพวกเขาพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) 2 รายแรกของประเทศ

    "ชาวอิหร่าน 2 คน ซึ่งผลตรวจเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ออกมเป็นบวกก่อนหน้านี้ในวันนี้ เสียชีวิตแล้วจากโรคทางเดินหายใจ" เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ในเมืองกอมเปิดเผยกับสำนักข่าวเมห์รในวันพุธ(19ก.พ.) ขณะที่โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอิหร่านก็ยืนยันเช่นกันผ่านทวิตเตอร์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของพวกเขา

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000017049

    #โควิด19 #โคโรนา #อิหร่าน

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนเนรเทศ 3 นักข่าวมะกัน ฐานเหยียดหยามชาติจีน
    เผยแพร่: 20 ก.พ. 2563 09:38 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    563000001749501.jpg
    เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ สื่อจีน รายงาน (19 ก.พ.) รัฐบาลจีนมีคำสั่งเนรเทศนักข่าว 3 คนของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล อ้างสื่ออเมริกันฉบับนี้พาดหัวบทความเหยียดเชื้อชาติจีนกรณีไวรัสโคโรนาระบาดที่อู่ฮั่น

    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนประณามบทความของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ฉบับวันที่ 3 ก.พ. 62 ที่เขียนว่า "จีนเป็นคนป่วยตัวจริงของเอเชีย" เนื่องจากกระทบความรู้สึกและเป็นการเหยียดเชื้อชาติ และเพิกถอนใบอนุญาตของนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัลที่ประจำกรุงปักกิ่งจำนวน 3 คน

    บทความดังกล่าววิจารณ์ว่ารัฐบาลอู่ฮั่นปกปิดความลับ และความพยายามระดับประเทศของจีนไม่มีประสิทธิภาพ

    สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในจีน (FCCC) เปิดเผยว่า การเพิกถอนใบอนุญาตของนักข่าวเช่นนี้เป็นการตอบโต้ที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ทั้งนี้ คำกล่าว "คนป่วยแห่งเอเชีย" เคยถูกใช้เรียกประเทศจีนในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ที่จีนถูกต่างชาติแสวงหาประโยชน์ หรือที่เรียกว่า "ศตวรรษแห่งความอัปยศ"

    https://mgronline.com/china/detail/...WADrXOet2dm2hEzFqp-6ICVEWaQJFeAPpMvkDECmjRjEI
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “อ.ทวีสุข” ชี้ ไวรัสโควิด-19 ทำ ศก.จีนทรุด แต่พร้อมฟื้นสู่อุตสาหกรรมใหม่ใน 4 ปี แต่ไทยสาหัสยาว เผยแพร่: 20 ก.พ. 2563 08:12 ปรับปรุง: 20 ก.พ. 2563 08:39 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    563000001757901.jpg
    “อ.ทวีสุข” ชี้ ไวรัสโควิด-19 ทำเศรษฐกิจจีนทรุด คาด ยอมปล่อยอุตสาหกรรมที่ไปไม่รอดล้มไป แล้วเอาอุตสาหกรรมใหม่เข้าแทน เพราะมีความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งใช้เวลาฟื้นประมาณ 4 ปี แต่ที่น่าห่วงคือ ประเทศที่เอาเศรษฐกิจผูกกับจีน โดยเฉพาะไทย เชื่อหนักสาหัส เพราะทุกวันนี้พึ่งพาเทคโนโลยีต่างประเทศ ไม่มีองค์ความรู้บนอุตสาหกรรม 4.0 เลย

    วันที่ 19 ก.พ. 63 อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “ไวรัสโควิด19 พ่นพิษเศรษฐกิจจีน-ไทยสาหัส”

    โดย อ.ทวีสุข ได้กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจของจีนอ่อนแอมากอยู่แล้ว ไวรัสโควิด-19 เหมือนเป็นแรงกดดันครั้งใหญ่ที่ทำให้แผลที่อยู่ข้างในเปิดออกมากเร็วและแรง หากมีนาคมไวรัสอยู่ในระดับควบคุมได้ กระบวนการในประเทศยังชะงัก ที่น่าห่วงคือธนาคารเล็กๆ ตามมณฑลเกิดภาวะหนี้เสีย ยิ่งทุกอย่างชะงักแบบนี้มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเข้าสู่วิกฤต ช่วง มี.ค. - พ.ค. จะทำเศรษฐกิจจีนชะงักครั้งใหญ่

    หลังไวรัสคุมอยู่ ก็จะพบวิกฤตเศรษฐกิจต่อเลย สิ่งที่เกิดตอนนี้การพึ่งพาจีนที่มาก จีนคือโรงงานของโลก สินค้าต่างๆ พอชะงัก ทั่วโลกต้องคิดว่ายังควรให้จีนเป็นโรงงานของโลกอีกหรือเปล่า ฐานเศรษฐกิจของไทยทรุดฮวบเลย เพราะเราผูกติดกับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจีน ซึ่งเริ่มแผ่วตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ชะงักเด็ดขาด เราต้องรับมือขนาดหนัก ตอบไม่ได้เลยว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อไหร่

    อ.ทวีสุข กล่าวว่า จุดแข็งของจีนในเรื่องไวรัสนี้ ประชาชนของเขามีระเบียบ เชื่อฟังรัฐบาลกลาง เป็นสัญญาณที่ดีที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ เดือน เม.ย. - พ.ค. ถ้าไม่สามารถควบคุมรูปแบบการล้มของธนาคารได้ เศรษฐกิจจีนจะทรุด 4-6 ปี

    ถ้าไวรัสหยุดได้ แล้ว มี.ค.ทุกอย่างกลับมาปกติได้สัก 50 เปอร์เซ็นต์ การหมุนดีขึ้น แต่ถ้ายืดต่อเตรียมรับแรงกระแทกเศรษฐกิจครั้งใหญ่เลย เพราะทั่วโลก 17 เปอร์เซ็นต์ ผูกกับจีน แล้วกลายเป็นว่าผูกกับสินค้าอุปโภค บริโภค ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ทุกอย่างชะงักงัน

    อ.ทวีสุข กล่าวด้วยว่า คาดว่า สิ่งที่จีนจะทำหากธนาคารเล็กๆ จะล้ม ก็คือ ปล่อยล้มแล้วเอาธนาคารใหญ่มาเทกโอเวอร์ การเกิดวิกฤตในจีนคงใช้เวลา 4 ปี เพื่อให้ตัวเองขึ้นมาเป็นผู้นำ อุตสาหกรรมไหนที่ไม่สามารถไปต่อได้ก็ให้จบไป แล้วทำอุตสาหกรรมใหม่ครอบคลุมเลย เรียกว่าเจ็บแต่จบ เพราะเขาปรับโครงสร้างตั้งแต่ระดับการศึกษา พร้อมแล้วเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ เพียงแต่ไวรัสมาทำให้มันเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น ปัญหาคือกลุ่มประเทศที่ผูกกับจีน 2-4 ปี ต้องบริหารความเสี่ยงขั้นสูงสุด ต้องเริ่มหาผูกตลาดใหม่ แล้วอย่าคิดว่าเขาจะกลับมา เพราะเขาต้องใช้เวลา 4 ปีในการฟื้นตัวเอง

    อ.ทวีสุข กล่าวต่อถึงผลกระทบไวรัสต่อเศรษฐกิจไทย ว่า ปี 57-58 เศรษฐกิจไทยเกือบทรุดไปรอบแล้ว แต่โชคดีอยู่ๆ การท่องเที่ยวของจีนบูมกลับเข้ามา ดึงเศรษฐกิจเราให้ทะยานกลับขึ้นมา รอบนี้เราดีใจกับของเก่า แล้วคิดว่ายั่งยืนคนจีนจะเข้ามาตลอด แต่ไม่เห็นว่ามีสัญญาณตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา รูปแบบการมาท่องเที่ยว การลงทุน ชะงักไปเกือบหมดเลย แล้วพอมาตอนนี้ทุกอย่างแช่แข็งหมด นักท่องเที่ยวมาไม่ได้ การลงทุนทุกอย่างหยุดชะงัก เราไปผูกเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของการซื้อขายทั้งหมดอยู่กับบริโภคในจีนเลย ดังนั้นในไตรมาส 1-2 ชะงักงันแน่นอน

    ปัญหาตัวระเบิดเวลาในไทย คือ หนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แล้วเมื่อเทียบกับจีดีพี 13 ล้านล้าน 1 ใน 3 ผูกกับการกู้อสังหาริมทรัพย์ นี่คือ เหตุผลเลยว่าทำไมการบริโภคถึงชะงัก ซึ่งขั้นแรกเราจะเห็นว่าคนไปกู้อสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเยอะ หลังจากนั้น เริ่มไปกู้หนี้สินส่วนบุคคลเพื่อมาโปะและบริโภค ตอนนี้กลายเป็นว่าแรงบริโภคหยุดมาตั้งแต่ไตรมาส 3-4 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้ยิ่งไม่มีการท่องเที่ยวเข้ามาอีก

    พอพูดถึงระดับอุตสาหกรรม เราอยู่บนอุตสาหกรรม 3.0 เราไม่มีนวัตกรรมเป็นของตัวเอง ต้องเอาเทคโนโลยีต่างประเทศมา สิ่งที่น่าวิตกคือ คนอายุ 30 ลงไป เขาเรียนบนโครงสร้างอุตสาหกรรม 3.0 แต่เขาต้องมีชีวิตบนอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งไม่มีองค์ความรู้เลย รัฐบาลแก้ด้วยการอิมพอร์ตคนเข้ามาก่อน แต่ก็เป็นการลูบหน้าปะจมูก เพราะโครงสร้างการศึกษา การสร้างบุคลากรไม่ได้รองรับ ดังนั้น คงไม่ได้มองว่าปีนี้ แต่ในระยะยาว 5-10 ปี จะมีปัญหามากของการสร้างคนขึ้นมาทดแทนอุตสาหกรรมใหม่ เราจะเห็นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

    เราไม่มีบริษัทที่สามารถเข้าสู่เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ได้เลย วันนี้เห็นสตาร์ทอัปเราตายหมดแล้วไม่มีใครขึ้นมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ได้เลย ซึ่งต่างจากจีน เขาเจ็บแต่พร้อมไปสู่โลกอนาคต คนของเขาพร้อมมาก แต่เราลืมที่จะทำของตัวเอง น่าเป็นห่วงในระยะยาว

    https://mgronline.com/onlinesection...JHIiw-ArpklZQJ-KtWrVnVkbxrLJ2fKC63YjRgb40gEik
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Suthichai Yoon

    ข่าวด่วนกรมการกงสุล 19 กุมภาพันธ์: “ ขอให้คนไทยในจีน (ยกเว้นฮ่องกง) ที่ไม่มีความจำเป็นต้องพำนักอาศัยอยู่ในจีนพิจารณาเดินทางออกจากจีนในขณะที่สายการบินยังเปิดให้บริการอยู่...”
    iEsBCL9ILyQe8JCeTngF-BM8wW-sarEyk15ahrOTRCnQ&_nc_ohc=KEl9Zrwl56YAX829DN0&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    และขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงไปจีนขณะนี้ด้วย!

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฟังสาวไทยเล่าประสบการณ์ตรง กลับมาจากเมืองไทยแล้ว ไม่สบาย เลยไปรับการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาจากโรงพยาบาล คุณ อภิญญา ฤทธิ์มหา หรือคุณเจี๊ยบ เธอย้ำ การตรวจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด พร้อมฝากคำแนะนำที่ได้รับจากทีมแพทย์และพยาบาลของออสเตรเลีย ที่ดูแลผู้สงสัยว่าติดเชื้อนี้โดยเฉพาะ ... #SBSThai
    safe_image.php?d=AQAJEz4N20v-DYm9&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fsl.sbs.com.jpg
    https://www.sbs.com.au/language/tha...g0IbaUEtBkDO0Bxsjg_qgo0HbwpuNw1iK9QhWZ_8c4puw
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อ้ายจง
    จีนออก แผนแนวทางการรักษาCOVID-19 โดยเพิ่มเนื้อหา "มีความเป็นไปได้ที่แพร่และติดเชื้อผ่านละอองลอยaerosolในอากาศ"

    .

    หลังจากที่คราวก่อนทางเซี่ยงไฮ้แถลงว่า การแพร่ทางอากาศเป็นหนึ่งในการแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และทางการจีนออกมาบอกว่า "ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน" ล่าสุดตอนนี้ ข้อมูลออกมาจากทางการจีนอีกรอบนะครับว่า "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถแพร่ผ่านละอองลอย aerosol ในอากาศได้"

    โดยการแพร่โคโรนาผ่านทางละอองลอย aerosol จะเป็นการผสมของเชื้อไวรัสกับฝุ่นละอองในอากาศ droplet และตามข้อมูลก็คือสามารถลอยไปได้ไกลและติดเชื้อได้จากการหายใจ ตามการรายงานของ Xinhua ฉบับภาษาอังกฤษ

    ข้อมูลที่รายงานโดย Xinhua ฉบับภาษาอังกฤษตรงกับข้อมูลทางฝั่งจีน ที่อยู่ใน "แผนการรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฉบับที่6" ที่ออกโดยNational Health Commission and National Administration of Traditional Chinese Medicine แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะในแผนการรักษาฉบับที่6 เพิ่มคำว่า "สิ่งแวดล้อมระบบปิด" เข้ามาด้วย

    1ในเนื้อหาที่เพิ่มมาในฉบับล่าสุดฉบับนี้คือ "เป็นไปได้ที่การแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถแพร่ผ่านละอองลอยความเข้มข้นสูงในสภาพแวดล้อมค่อนข้างปิด" ซึ่งตรงนี้ถ้าอธิบายง่ายๆ "สามารถแพร่เชื้อผ่านละอองลอยในอากาศได้ แต่ระบุเพิ่มว่า มันต้องเป็นแบบสภาพแวดล้อมระบบปิด คืออาจจะในห้องหรืออะไรแบบนี้ และมีความเข้มข้นสูงของละอองลอยที่ผสมกับเชื้อไวรัส"

    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

    ZxK7jZT8PUC-S2XTqV9cLTUk8T0dUe9Pavy283OX0iXw&_nc_ohc=t_VRizpF8qoAX_FDlLT&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    BXiQl6nKJbJKSvat6YwnqpPQZ3hj4eqHw9QdhTi_kp6Q&_nc_ohc=uaFQvCznbhcAX8kH-wG&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    dm6PAjVSqyBCfexEZuJOYY7gJdnggV88Cm0XfxLewOUQ&_nc_ohc=JFlm1wrn5pEAX9-JFpR&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    ENgLKu2cOAaPZ3XiIa8QbyeO9wRTIA_tXJDIpxmkAWCA&_nc_ohc=4RSpTT0V7BoAX9FgLgZ&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไต้หวันยืนยันพบผู้ป่วยโควิค-19 เพิ่มอีก 2 ราย พร้อมกำหนดอุณหภูมิวัดไข้ช่วงเปิดเรียน 25 ก.พ. 20 February, 2020 มนภรณ์ ไชยวุฒิ

    20200219000082M.jpg
    ไต้หวันยืนยันพบผู้ป่วยโควิค-19 เพิ่มอีก 2 ราย

    ช่วงบ่ายวานนี้ (19 กุมภาพันธ์) ศูนย์บัญชาการป้องกันโรคติดต่อไต้หวันแถลงว่า พบผู้ติดเชื้อรายที่ 23 เป็นหญิงวัย 60 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งเป็นน้องสาวของคนขับรถแท๊กซี่ที่ติดเชื้อโควิด-19 (COVID-19) และเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงกลางดึกวันเดียวกันก็ได้มีการแถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย เป็นหญิงวัย 60 ปี อาศัยอยู่เขตภาคเหนือ ไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยหญิงรายนี้มีอาการป่วยเป็นไข้และไอมาตั้งแต่วันที่ 22-29 มกราคมที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดปกติ จากนั้นมีอาการหายใจติดขัดจึงนำตัวส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 30 มกราคม แพทย์วินิจฉัยว่าปอดติดเชื้อจึงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันที่ 10 กุมภาพันธ์มีอาการทรุดลง แพทย์จึงส่งตัวเข้าห้อง ICU จนกระทั่งวันที่ 17 กุมภาพันธ์โรงพยาบาลจึงทำการแจ้งมาศูนย์ฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและยืนยันผลเป็นบวกคือติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นคาดว่ามีญาติพี่น้อง เพื่อน และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อรายที่ 24 จำนวน 360 คน ซึ่งทางศูนย์ฯ เตรียมเรียกทั้งหมดมาเข้ารับการตรวจคัดกรอง

    7378347.jpg

    สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงเรื้อรัง จนกระทบการเปิดภาคเรียนที่ต้องเลื่อนเวลาออกไปนั้น ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ โรงเรียนทุกระดับชั้นจะเริ่มเปิดภาคเรียนแล้ว ทางศูนย์บัญชาการป้องกันโรคติดต่อไต้หวันจึงแถลงกำหนดอุณหภูมิของการมีไข้เป็นระดับเดียวกัน เพื่อให้โรงเรียนนำไปใช้เป็นมาตรฐานในการวัดไข้นักเรียนก่อนเข้าเขตสถานศึกษาคือ เครื่องวัดไข้ที่หน้าผาก 37.5 องศาเซลเซียส เครื่องวัดไข้ที่หู 38 องศาเซลเซียส หากเป็นไข้ต้องหยุดเรียนและรีบพบแพทย์ทันที

    นอกจากนี้หลังเปิดภาคเรียนแล้วต้องเพิ่มระยะห่างการปฏิสัมพันธ์ ให้ที่นั่งของนักเรียนมีระยะห่างภายในห้องเรียนประมาณ 1.8 เมตร และแบ่งเวลาเลิกเรียน ทั้งนี้ควรหยุดกิจกรรมในร่มขนาดใหญ่และกีฬาที่ต้องสัมผัสร่างกายกัน ในโรงเรียนก็ต้องไม่แบ่งอาหารให้กันและไม่ใช้อุปกรณ์การรับประทานอาหารร่วมกัน มือก็ไม่ควรใช้สัมผัสอาหาร กล่องข้าวเมื่อใช้เสร็จแล้วก็ต้องทำความสะอาดทันที หลังหมดคาบเรียนควรฆ่าเชื้อบนโต๊ะและเก้าอี้ หมั่นล้างมือบ่อยๆ และต้องให้อากาศถ่ายเทสะดวก จึงจะลดความเสี่ยงได้

    1579930227_4.jpg


    https://th.rti.org.tw/news/view/id/...lBEKg8_ZGJlGPpo2kbHnumq2dG0gdor5UHyAn1txLv218
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝูงตั๊กแตนขนาดใหญ่ปกคลุมท้องฟ้าในรัสเซียตอนนี้!
    19 ก. ค. 2019

    ตื่นได้แล้ว!!!!!!!!!

    Massive swarms of locusts cover the sky in Russia Now!
    Feb 19, 2019

    WAKE UP!!!!!!!!!
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    คลื่นร้อนทำพิษ นิวซีแลนด์พบหอย 5 แสนตัวตาย
    เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น! ลวกสุกทั้งเป็น ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่ว ชี้โลกร้อนจะทำให้สถานการณ์แย่ลง

    หอยแมลงภู่กว่าครึ่งล้านตัว ถูกคลื่นความร้อนลวดสุกตายเกลื่อนหาดบนเกาะนิวซีแลนด์เหนือ! นักวิทย์ชี้จะตายเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลกระทบภาวะโลกร้อน

    Brandon Ferguson พบว่าหอยแมลงภู่นับ 500,000 ตัวตายบนหาด Maunganui Bluff Beach ในเกาะเหนือประเทศนิวซีแลนด์

    การตายของหอยแมลงผู้กว่า 500,000 ตัวได้ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่ว บ้างก็มีแต่เปลือก บ้างก็ลอยอยู่ในทะเล มันสร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก โดยเขากล่าวว่าเพราะอุณหภูมิและน้ำที่ร้อนขึ้น

    Andrew Jeffs นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ชี้หอยแมลงภู่ตายเพราะสภาวะอากาศที่อุณหภูมิสูงขึ้น Heat stress ประกอบกับน้ำช่วยน้ำลงในช่วงกลางวัน ทำให้หอยแมลงภู่หลายแสนตัวสุกตาย

    "คุณลองจินตนาการว่าคุณนอนกลางแดดทุกวัน วันละสี่ชั่วโมงแรงๆทุกวัน ผิวหนังคุณก็จะเผาใหม่" Andrew Jeffs ระบุ

    เขากล่าวว่าเมื่ออุณหภูมร้อนขึ้น เราอาจจะไม่เห็นหอยอีกเลยในนิวซีแลดน์ สัตว์น้ำจะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมากขึ้น

    จากการศึกษาพบว่าหอยแมลงภู่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่สูงขึ้นมานาน แต่ ณ ขณะนี้ปัญหาดังกล่างได้ทวีคูณความรุนแรงขึ้น จนมันกระทบต่อความเป็นอยู่สัตว์อย่างใหญ่หลวง

    หอยแมลงภู่มีความสำคัญต่อห่วงโซ่อาหารมันเป็นทั้งแหล่งอาศัย และอาหารของหลายสายพันธุ์

    โดยเมื่อปีที่แล้วในแคลิฟอร์เนียได้เกิดเหตุการใกล้เคียงกันนี้เช่นกัน ที่แคลิฟอร์เนีย เกิดการตายหมู่ครั้งใหญ่จากคลื่นความร้อนลวกหอยจนสุก

    ที่มา

    https://www.theguardian.com/world/2020/feb/18/hundreds-of-thousands-of-mussels-cooked-to-death-on-new-zealand-beach-in-heatwave

    https://www.seafood.co.nz/show-species/greenshelltm-mussels/

    https://www.channelnewsasia.com/news/world/mussels--cooked-alive--in-balmy-new-zealand-ocean-12450240

    https://www.businessinsider.com/video-photos-mussels-cook-to-death-new-zealand-beach-2020-2

    https://www.facebook.com/1523107561151019/posts/2071277526334017/?d=n

    ภาพ https://www.balljoyhub.com/half-a-million-mussels-have-been-cooked-from-the-sea-due-to-the-increase-in-temperatures/

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    ครูชาวฟินแลนด์แชะภาพ ลูกหมีน่ารัก 3 ตัว กำลังเต้นรำกลางป่า ยืนด้วยสองขาดูร่าเริง!

    ภาพลูกหมี 3 ตัวกำลังยืนล้อมวง ถูกถ่ายโดยครูพละชาวฟินแลนด์ในขณะที่กำลังออกเดินป่าผ่าน Instagram ท่าทางการเล่นแสนน่ารักของพวกมันคล้ายกับการออกสเต็ปการเต้น จนทำให้ภาพนี้ก็กลายเป็นภาพดังที่ชาวเน็ตแห่แชร์กันอยู่ในตอนนี้

    Vatteri Mulkahainen ครูพละชาวฟินแลนด์มักจะใช้เวลาว่างของเขาถ่ายรูปธรรมชาติของประเทศเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี ภาพลูกหมี 3 ตัวก็เป็นอีกช่วงเวลาอันน่ารักๆของธรรมชาติที่เขาสามารถจับภาพออกมาได้ ซึ่งจริงๆแล้วภาพนี้ถูกถ่ายมาตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2013 แล้ว

    เขาเล่าว่าในขณะที่เขากำลังเดินป่าไทกา เขาเจอหมีตัวใหญ่ออกมาเดินเล่นในที่โล่งกับลูกของมันอีก 3 ตัว เขาอยู่ห่างจากครอบครัวหมีประมาณ 50 เมตร คอยดูและถ่ายภาพอันน่ารักของมัน

    “เจ้าตัวน้อยต่างทำตัวเหมือนเด็กตัวเล็กๆ พวกมันเล่นกัน และเริ่มฉกต่อยกันเล็กน้อย ผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังดูเด็กน้อยเล่นกันอย่างร่าเริงอยู่หน้าบ้านของผมเอง หลังจากนั้นลูกหมีทั้ง 3 ก็ยืนขึ้นล้อมวงด้วย 2 ขาและเริ่มออกท่าออกทาง พวกมันผลักกันไปมา จนมันเหมือนกับว่าเจ้าตัวน้อยกำลังเต้นล้อมวงกันอยู่” Valtteri กล่าว

    เราจะเจอหมีพวกนี้ทั่วประเทศฟินแลนด์ ยกเว้นในหมู่เกาะ Åland ส่วนใหญ่หมีพวกนี้จะอาศัยอยู่ในบริเวณตะวันออกของประเทศและแถวภูมิภาคตอนเหนือ Lapland แต่อาจจะมีหลายครั้งที่คนเจอมันทางตอนใต้และตอนตะวันตก

    เจ้าลูกหมีทั้ง 3 ตัวได้แสดงให้พวกเราเห็นถึงด้านที่น่ารักและอ่อนโยนของมัน ปกติเราจะเห็นหมีเป็นสัตว์ที่แข็งแรง ที่ใช้ขาทั้งสี่ข้างของมันหาอาหารเดินทางไปในที่ต่างๆ ว่ายน้ำ ปีนเขา หรือแม้กระทั่งจู่โจมฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นภาพลูกหมีเต้นรำเหล่านี้จึงแสดงให้เราเห็นว่าหมีเป็นได้ทุกอย่างทั้งด้านที่เข้มแข็ง ดุร้าย และน่ารัก อ่อนโยน

    อย่างไรก็ตาม การที่ครู Valterri สามารถจับภาพของทั้งครอบครัวได้ชัดขนาดนี้เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก เพราะโดยธรรมชาติแล้ว หมีจะไม่ออกมาให้เจอได้ใกล้ขนาดนี้ มันสามารถรู้ได้ว่าคนอยู่ที่ไหนและหลบพวกเราได้อย่างแนบเนียน

    ที่มา

    https://www.boredpanda.com/dancing-baby-bears-cubs-photography-valtteri-mulkahainen/?utm_source=animal.catdumb&utm_medium=referral&utm_campaign=organic

    ณิชากร บัวทรัพย์
    environman

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    โลกร้อนทำพิษ วิจัยพบหมีขั้วโลกผอมลง และออกลูกน้อยลง! เหตุโลกร้อนทำน้ำแข็งละลายเร็วขึ้น ล่าเหยื่อน้อยลง ผสมพันธุ์น้อยลง

    หมีขั้วโลกโดนเข้าอย่างจัง! เมื่อโลกร้อนส่งผลกระทบให้แผ่นน้ำแข็งซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกมันถูกทำลาย อาหารน้อยลง น้ำหนักลดฮวบ

    วิกฤตโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และโลกอย่างมาก โดยมันกำลังส่งผลกระทบต่อหมีขั้วโลก หรือหมีขาวอย่างแรง

    หมีขั้วโลกพึ่งพา แผ่นน้ำแข็งในทะเลสำหรับทุกอย่างในการอยู่รอดอาศัย ทั้งเป็นแหล่งอาหาร ท่องเที่ยว และหาคู่ โดยเมื่อน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นในแต่ละฤดู ทำให้พวกมันมีเวลากิน สืบพันธุ์และให้กำเนิดที่น้อยลง

    ผลวิจัยจาก Ecological Application พบว่าหมีขั้วโลกกำลังผอมลง และมีลูกน้อยลง สุขภาพที่แย่ลงของมันเป็นผลกระทบมาจากการที่น้ำแข็งในทะเลละลาย

    "การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดกายเปลี่ยนแปลงในขั้วโลกเหนือโดยส่งผลกระทบต่อหมีขั้วโลก" Krisin Laidre นักวิจัยเผยจาก Univeristy of Washington ระบุ "พวกเขาคือสัญลักษณ์ของภาวะโลกร้อน แต่พวกเขาก็เป็นตัวชี้วัดหายนะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเช่นกันเนื่องจากพวกเขาต้องพึ่งพาน้ำแข็งในทะเล"

    หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ที่เกือบจัดอยู่ในข่ายสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และถ้าโลกยังร้อนขึ้นต่อเนื่อง แน่นอนว่าประชากรของพวกมันจะลดลงเรื่อยๆ โดยที่อยู่อาศัยที่ลดลง อาจเป็นสิ่งที่บอกให้เราเร่งลงมือแก้ไขโดนทันที

    Laidre ได้ติดตามหมีขั้วโลกเพศเมียโตเต็มวัยตัวหนึ่งในอ่าว Baffin ตั้งแต่ทศวรรษ 1990 จนถึงทศวรรษ 2010 ปรากฎว่าในระหว่างปี 2009-2015 พวกมันใช้เวลาอยู่บนพื้นดินมากว่าช่วงปี 1991-1997 เป็นเวลามากกว่า 30 วัน สาเหตุมาจากน้ำแข็งทะเลละลายเร็วกว่าแต่ก่อนมาก

    ด้วยน้ำแข็งทะเลที่น้อยลงทำให้พวกมันต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว และกลับมาเมื่อน้ำแข็งหนาขึ้นพอที่จะให้มันล่าแมวน้ำได้

    การที่พวกมันต้องอพยพไปอยู่บนฝั่ง ทำให้มันล่าแมวน้ำได้น้อยลง นอกจากนี้เมื่อเวลามันอยู่บนฝั่งมันจะไม่ออกล่าแมวน้ำ แต่มันจะใ้ช้พลังงานไขมันที่มันกักเก็บเอาไว้ อดอาหาร และส่งผลให้มันผอมอย่างไม่ได้ตั้งใจ!!!

    โดยนักวิจัยได้ประเมินสภาพร่างกายหมีขั้วโลก โดยให้ scale 1-3 ซึ่งหนึ่งคือผอม สามคืออ้วน อ้วนจะดีตรงที่จะทำให้พวกมันอบอุ่น โดยจาก 352 ตัวที่วิเคราะห์ มีไม่ถึง 50 ตัวที่อ้วน

    โดยเรื่องนี้เป็นผลต้องโทษที่มีน้ำแข็งน้อยลงทำให้น้ำหนักของพวกมันลดลง นักวิจัยระบุ เมื่อพวกมันผอมลง พวกมันจะมีลูกน้อยลง

    นักวิจัยกล่าวว่าอนาคตของหมีขั้วโลกนั้นขึ้นอยู่กับนักวิทยาศาสตร์ ที่จะต้องเร่งมือให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาวะโลกร้อนจะส่งผลกระทบต่อหมีขั้วโลกต่อไปอย่างไร

    ภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อการล่าอาหารของหมีขั้วโลกเป็นอย่างมาก เมื่อปลายปีที่แล้วหมีขั้วโลกกว่า 56 ตัว ลงมาหาอาหารในรัสเซีย เนื่องจากน้ำแข็งในทะเลละลาย ทำให้พวกมันต้องมาล่าอาหารบริเวณชายฝั่ง เข้าใกล้ผู้คนมากขึ้น

    ควรถึงเวลาเราลงมือทำอะไรจริงจังกับเรื่องนี้เสียที

    https://edition.cnn.com/2020/02/14/world/polar-bears-thinner-fewer-cubs-scn-trnd/index.html

    https://www.matichon.co.th/foreign/news_1792554

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    อิหร่านคิดกรีนวางแผนติดแผงโซลาร์เซลล์ให้ครอบครัวยากจน! รวม 20,000 แผงทั่วประเทศ รับซื้อไฟคืน เพิ่มรายได้ ลดพึ่งฟอสซิล

    แผงโซลาร์เซลล์ทั้งหมด 2,000 แผง จะถูกนำไปติดบนหลังคาบ้านของผู้ยากไร้ที่ North Khorasan ภายในเดือนมีนาคม 2021

    โดยนอกจากเป็นการขยายพลังงานสะอาดแล้ว โซลาร์เซลล์ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวยากจน โดยกระทรวงพลังงานสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดเป็นเวลา 20 ปี

    อิหร่านเป็นประเทศที่พึ่งพาพลังงานความร้อนเป็นหลัก และพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนเพียงแค่ 900 เมกะวัตต์เท่านั้น จากพลังงานทั้งหมด 82,000 เมกะวัตต์ที่ผลิตได้ต่อปี

    กระทรวงพลังงานยังวางแผนที่จะติดตั้งแผลโซลาร์เซลล์เพิ่มอีกเป็นจำนวน 18,000 แผงในจังหวัดอื่น เป็นจำนวนเงิน 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    โครงการนี้ถือเป็นการกระตุ้นการให้บริษัท และครัวเรือนหันมาใช้พลังงานโซลาร์ ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนและสามารถช่วยสร้างรายได้ให้แก่คนยากไร้ภายในประเทศ แถมยังช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อีกด้วย

    https://financialtribune.com/articles/energy/101995/solar-rooftops-will-augment-income-of-deprived-families

    http://www.xinhuanet.com/english/2020-02/04/c_138755803.htm

    http://www.nst.or.th/powerplant/pp04.htm

    ภาพ http://www.us-iran.org/resources/2019/2/10/industry-spotlight-renewable-energy

    https://www.bourseandbazaar.com/articles/2018/9/4/as-skies-darken-in-irans-economy-what-next-for-the-solar-industry

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    โลกร้อนทำพิษนักวิทย์เผย ฝูงเพนกวินขั้วโลกใต้
    จำนวนลดฮวบเพราะโลกร้อน บางกลุ่มลดลงกว่า 75% ภายใน 50 ปี ทำน้ำร้อนขึ้น น้ำแข็งหด อาหารลดลง

    ภาวะโลกร้อนกำลังส่งผลกระทบต่อเพนกวิน Chinstrap ที่อาศัยอยู่ในแอนตาร์กติกา!

    เพนกวิน Chinstrap เป็นพันธุ์ที่ปรับตัวเข้าสู่สิ่งแวดล้อม พวกมันอาศัย ขยายพันธุ์ในสถานที่ที่มีสภาพยากต่อการอาศัย วางไข่ในถสานที่ที่ลมแรง มีแต่หินในคาบสมุทร Antarctica

    นักวิทยาศาสตร์ได้ลงสำรวจพื้นที่ของแอนตาร์กติกาและพบว่าจำนวนของเจ้าเพนกวินชินสแตรป (chinstrap penguin) ลดลงไปอย่างมาก โดยมีกหนึ่งกลุ่มที่ลดไปถึง 77% ภายในระยะเวลา 50 ปี ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้เจ้าเพนกวินชินสแตรปเป็นสายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วงน้อยที่สุด

    โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stony Brook and Northeastern University พบว่าจำนวนของเพนกวินบน Elephant Island เหลือเพียง 52,786 คู่เท่านั้น! ซึ่งลดลงไปจากปี 1917 ที่มีอยู่ 122,550 คู่ คิดเป็นการลดลงถึง 58%

    การลดลงของจำนวนเพนกวินมีนัยสำคัญ เพราะมันเกี่ยวข้องกับระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงไปของมหาสมุทรทางใต้จากเมื่อ 50 ปีก่อน ที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารของเพนกวินชินสแตรป โดยนักวิจัยพุ่งเป้าไปที่สภาวะโลกร้อนเป็นหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

    "มันน่าจะมีสิ่งผิดปกติในมหาสมุทรตอนใต้" Noah Strycker หนึ่งในทีมที่ทำวิจัยกล่าว "สิ่งที่คาดการณ์ไว้คือมันเป็นเพราะภาวะโลกร้อน ที่เรารู้ว่ากำลังส่งผลกระทบต่อขั้วโลกใต้แรงขึ้นกว่าทุกที่ทั่วโลก" น้ำที่ร้อนขึ้น น้ำแข็งที่ลดลง และแพลงก์ตอนพืช phytoplankton ที่ตัวเคยต้องพึ่งในการอยู่รอด รวมถึงมหาสมุทรเป็นกรดที่เป็นผลกระทบจากการปล่อยมลพิษคาร์บอนที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสืบพันธุ์เช่นกัน

    นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าระบบนิเวศทางท้องทะเลได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากตั้งแต่ทศวรรษ 1970

    โดยนักวิจัยพบว่า ทุกกลุ่ม colony บน Elephant Island ลดลงหมดเลย ซึ่งกลุ่มที่ลดลงมากที่สุดลดลงไปถึง 77% นักวิจัยคาดว่าสาเหตุมากจากภาวะโลกร้อนทำให้มันลดลงเพราะว่าเพนกวินเกล่านี้พึ่งพาน้ำแข็งในทะเลเพื่ออาหาร

    นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราการผสมพันธุ์ breeding ของเพนกวิน Chinstraps ไม่ได้ลดลงเลย หมายความว่าภัยคุกคามของพวกมันเกิดขึ้นหลังที่พวกมันเกิดแล้ว

    "ชีวิตของเพนกวิน แมวน้ำ และวาฬ ขึ้นอยู่กับอาหารของมันอย่าง Antarctic krill (ตัวเคย) โดยสัตว์เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับน้ำแข็งที่อยู่ในทะเ รวมถึงอุณหภูมิของน้ำ" Stryker ผู้ศึกษาจำนวนเพนกวินกล่าว โดยระบุเพิ่มเติมว่าหากการเปลี่ยนแปลงของของสภาพอากาศกระทบต่อน้ำแข็ง มันก็จะกระทบไปถึงสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่นกัน

    นักวิจัยพบว่าเพนกวินเจนทู (Gentoo penguin) จะเข้ามาแทนที่เพนกวินชินสแตรปเพราะมันพึ่งพา Antarctic krill และนำ้แข็งน้อยกว่า จนมันได้รับฉายาว่าเป็น นกพิราบในหมู่นกเพนกวิน (pigeon of the penguin world) เพราะการปรับตัวของมัน

    กรีนพีชกล่าวว่าเราควรรักษาพื้นที่มหาสมุทรไว้ 30% เพื่อให้สิ่งมีชีวิตสายพันธ์ุต่าง ๆ ได้ฟื้นตัว

    ที่สหรัฐอเมริกามีการติดตั้งประติมากรรมรูปเพนกวินที่กำลังละลายเพื่อสร้างแรงผลักดันให้รัฐบาลออกมาปกป้อง 30% ของพื้นที่มหาสมุทรภายในปี 2030

    https://www.youtube.com/watch?v=UgQLnO3E2-k

    https://www.ecowatch.com/penguins-in-antarctic-2645098457.html?rebelltitem=3#rebelltitem3

    https://time.com/5781302/climate-change-is-decimating-the-chinstrap-penguins-of-antarctica/

    https://edition.cnn.com/2020/02/10/world/chinstrap-penguin-decline-scli-intl-scn

    https://www.theguardian.com/world/2020/feb/11/antarctic-alarm-collapse-chinstrap-penguin-numbers-global-heating

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman — ใน แอนตาร์กติกา

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    เมื่อเราตายร่างกายสลายเป็นปุ๋ยเป็นประโยชน์ต่อต้นไม้! บริษัทอเมริกันที่เปิดบริการกรีน "นำศพทำปุ๋ยมนุษย์" ชี้กระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า รัฐวอชิงตันที่แรกอนุญาตให้ทำได้!

    บริษัทสหรัฐอเมริกาให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกระบวนการทำปุ๋ยมนุษย์ Human composting ของเขาสำหรับการจัดการศพอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    บริษัท Recompose จากสหรัฐอเมริกาเริ่มโดย Katrina Spade ที่เปิดบริการนำร่างไปทำเป็นปุ๋ย Human Composting ชี้ว่ากระบวนการนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเผา หรือฝังแบบปกติ ซึ่งจะเปิดบริการที่แรกในรัฐ Washington

    โดยวิธีของ Recompose จะนำร่างของผู้เสียชีวิตนำเข้าภาชนะหมุนได้ที่เรียกว่า composting pods พร้อมกับวัสดุธรรมชาติต่าง ๆ อย่างไม้สับ ฟางข้าว มีการควบคุมอุณหภูมิ สภาพก๊าซต่างๆให้เหมาะสมกับการย่อยสลาย โดยตัวเครื่องจะหมุนร่างกายให้จุลินทรีย์ ให้เกิดกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ กระบวนการจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาประมาณ 4-7 สัปดาห์ กลายเป็นปุ๋ยออกมาและใส่ต้นไม้ได้

    ล่าสุดจากการศึกษาบนร่างของอาสาสมัครที่เสียชีวิตแล้ว เผยให้เห็นว่าทุกส่วนย่อยสลายอย่างปลอดภัยหมดจดภายใน 30 วัน ไม่ว่าจะเป็นกระดูก ฟันก็กลายเป็น compost โดยรายงานว่าวิธีนี้ใช้พลังงานต่ำกว่า ปล่อยคาร์บอนต่ำกว่าการทำศพแบบอื่น

    ขณะนี้มีผู้สนใจกระบวนการนี้เป็นจำนวนมาก จากความตระหนักถึงปัญหามลพิษและภาวะโลกร้อนที่มากขึ้น

    เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐวอชิงตันได้เป็นที่แรกอนุญาตให้ประชาชนใช้ร่างศพทำปุ๋ยธรรมชาติได้อย่างถูกกฏหมายเป็นที่แรกของโลกเรียกว่า Human Composting โดยจะเริ่มเป็นผลในพฤษภาคมปี 2020

    นอกจากนี้กฎหมายนี้ยังรวมถึงการอนุญาตการจัดการศพด้วยวิธีเผาเตาน้ำ Alkaline Hydrolysis หรือ Water Cremation โดยวิธีการหลักๆ คือนำร่างกายของเราเข้าไปอยู่ในเตา ซึ่งด้านในจะมีน้ำและสารเคมี Potassium hydroxide บวกกับใช้ความร้อนราวๆ 200-300 องศา ที่ช่วยละลายร่างกายถูกละลายหายไปเหลือเป็นโครงกระดูกภายในเวลาราวๆ 12 ชั่วโมง โดยการละลายนี้ ไม่ได้ทำให้ร่างกายทั้งหมดมันหายไปหรอกนะ คือยังเหลือกระดูกอยู่เหมือนเดิม แต่ข้อสำคัญคือ มันยังจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาศพ และทิ้ง carbon footprint ไว้ในปริมาณนี้น้อยกว่า

    มากไปกว่านั้นยังมีการทำโลงศพแคปซูลต้นไม้โดยดีไซเนอร์ชาวอิตาลีเรียกว่า Capsula Mundi รูปทรงไข่ ทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ เมื่อฝังลงดินแล้วจะย่อยสลายทำให้ร่างกายกลายเป็นปุ๋ยอีกด้วย

    และยังมีชุดเห็ดย่อยศพ ที่ทำมาจากเห็ดให้ร่างสวมใส่ก่อนฝังดิน เพื่อย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยกลับสู่ธรรมชาติได้อีกด้วย เรียกว่า Mushroom Burial Suit

    ถือเป็นวิธีลาโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราก็สามารถเลือกวิธีลาโลกได้ ที่เป็นการตอบแทนและให้คืนกับโลกอีกด้วย

    ที่มา

    https://www.bbc.com/news/science-environment-51389084

    https://www.theguardian.com/society/2020/feb/16/human-composting-could-be-the-future-of-deathcare

    https://www.bioedge.org/bioethics/ashes-to-ashes-and-dust-to-dust/13226?fbclid=IwAR0pmMmRj2t5DSfR4E7SaaV50WiX-kHctig8Eicm-rOa1Ys27WdEju9rsWw



    https://www.sciencealert.com/the-world-s-first-human-composting-facility-will-turn-you-into-soil-in-2021

    ภาพ

    https://olsonkundig.com/news/olson-kundig-designs-worlds-first-facility-for-converting-human-remains-into-soil/

    https://www.nbcnews.com/news/us-news/washington-could-become-first-state-legalize-human-composting-n952421

    ร่มธรรม ขำนุรักษ์
    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman — ที่ Washington

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    ผ้าห่มทะเล! ช่างภาพตะลึงพบกระเบนสีชมพู สุดแปลกตาหายาก! ในแนวปะการัง ออสเตรเลีย คาดเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน ในเม็ดสีผิว!

    ช่างภาพใต้น้ำจับภาพกระเบนแมนตาสีชมพู สุดน่ารักที่ถูกตั้งชื่อว่า “Inspector Clouseau” ใน Pink Panther ต้อนรับช่วงเทศกาลแห่งความรัก

    โดยกระเบนแมนตา Manta Ray สีชมพูพันธุ์เดียวของโลกถูกจับภาพโดย Kristian Laine ขณะกำลังเล่นน้ำอยู่แถวเกรตแบร์ริเออร์รีฟ เข้ากับช่วงเทศกาลวันแห่งความรักที่ผ่านมา สร้างเสียงฮือฮาทั่วโลก

    เคยมีการพบเจ้ากระเบนแมนตาสีชมพูเพศผู้ยาว 11 ฟุตแล้วในปี 2015 ขณะที่มันกำลังว่ายน้ำอยู่แถวเกาะ Lady Elliot ประเทศออสเตรเลีย หลังจากนั้นการพบเจอมันก็เป็นเรื่องยาก

    ยากขนาดที่ Kristian Laine ช่างภาพผู้ที่จับภาพรอบล่าสุดถึงกับสงสัยในตอนแรกว่าสีที่ออกมาเป็นสีชมพูนั้นเป็นเพราะกล้องของเขาที่มีปัญหาหรือเปล่า

    กระเบนแมนตา Clouseau สีชมพูตัวนี้ที่ถูกตั้งชื่อตามตัวละคร “Inspector Clouseau” จากเรื่อง Pink Panther ถูกพบขณะว่ายน้ำพร้อมกับกระเบนแมนตาท้องขาวอีก 7 ตัว ซึ่งเชื่อว่าทั้ง 8 ตัวนี้ออกมาว่ายน้ำเพื่อออกตามหากระเบนตัวเมีย เนื่องจากปกติกระเบนตัวเมียจะปล่อยฟีโรโมนลงไปในน้ำ ล่อให้กระเบนตัวผู้ออกมาตามล่าหาตัวเมียนั้นเอง

    โดยด้าน The University of Queensland’s Project Manta ที่ศึกษากระเบนยืนยันว่ากระเบนสีชมพูนี้คือของจริง โดยเชื่อว่าปลากระเบนตัวนี้มีภาวะการกลายพันธุ์ของยีน (Genetic Mutation) ในเมลานินหรือหรือเม็ดสีผิว

    ปกติกระเบนแมนตาจะมีสามสี คือ ดำ ขาว หรือสีผสมดำขาว ที่เราพบกันบ่อยจะเป็นตัวสีผสม หลังสีดำมีไว้เพื่อพรางตัวกับความมืดใต้น้ำเมื่อมองมาจากด้านบน และเมื่อมองมาจากด้านล่างท้องสีขาวจะทำให้มันกลมกืนไปกับแสงอาทิตย์

    กระเบนราหู หรือกระเบนแมนตา Manta Ray มีฉายาว่าผ้าคลุมไหล่หรือผ้าห่มใต้ท้องทะเล มันเป็น กระเบนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเมื่อเทียบกับปลาทั้งหลาย เจ้ากระเบนราหูยังมีสมองที่ใหญ่ที่สุดและอาจจะฉลาดที่สุดอีกด้วย ความน่ารักของผ้าคลุมไหล่ตัวนี้ถูกคุกคามอย่างหนักใน 20 ปีที่ผ่านมา ด้วยน้ำมือของมนุษย์ที่อยากจะเอาเหงือกของมันมาทำยาจีนแทนที่หูฉลาม

    ที่มา

    https://metro.co.uk/2020/02/13/worlds-pink-manta-ray-spotted-swimming-off-great-barrier-reef-12233309/?fbclid=IwAR08x2cIfv6mhzltYtBDHWAcQwmwIwyrT1UxvFYH9f6nsd5ZfKPunnMAeYA

    https://www.smithsonianmag.com/smart-news/rare-pink-manta-ray-spotted-near-australias-lady-elliot-island-180974196/?fbclid=IwAR0PSeRa0jqosNYK2VTEOeiPc0z2L_eSYHP9Rr7Tg4ELUuYUCZHb3Wm5nmA

    https://www.forbes.com/sites/melissacristinamarquez/2020/02/11/yes-that-pink-manta-picture-is-real/#62f3f69b1bf7

    ณิชากร บัวทรัพย์
    environman — ที่ Great Barrier Reef

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    Jeff Bezos ชายที่รวยสุดในโลก! เจ้าของ Amazon เศรษฐีใหญ่ใจกรีน บริจาค 3 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน! ให้นักวิทย์ นักเคลื่อนไหว NGO ให้ผู้ทำงานปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม

    เมื่อวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Jeff Bezos เจ้าของ Amazon เศรษฐีใหญ่หมายเลขหนึ่งของโลก ตั้งกองทุน “ Bezos Earth Fund “ เพื่อต่อสู้กับสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

    Bezos ทุ่มเงินกว่า 300,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เพื่อสนับสนุนแก่ นักวิทยาศาสตร์ นักเคลื่อนไหว หรือองค์กรเอกชนใด ๆ ที่มุ่งหวังที่จะแก้ไขโลกร้อน เรียกว่า Bezos Fund โดยเขามองว่าปัญเรื่องภาวะโลกร้อนเป็นภัยคุมคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโลก

    "เราปกป้องโลกได้ มันจำเป็นต้องมีส่วนร่วมจากบริษัทใหญ่ และเล็ก ภาครัฐ องค์ระดับโลก บุคคล ร่วมกัน" Bezos เขียนผ่าน Instagram

    "ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาภัยคุกคามใหญ่ของโลก ผมอยากจะช่วยแก้ปัญหาโดยขยายวีธีที่ทำอยู่แล้ว รวมถึงหาวิธีแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ที่จะแก้ปัญหาผลกระทบภาวะโลกร้อนบนโลกที่เราอยู่ร่วมกันนี้" ผู้ก่อตั้ง Amazon กล่าว

    Besoz เสริมว่าเขาหวังว่า The Earth Fund จะเริ่มบริจาคเพื่อแก้ปัญหาต่างเร็วๆนี้

    พนักงานของ Amazon ออกมาชื่นชมที่ Bezos หันมาให้ความสำคัญกับโลก แต่พวกเขาก็หวังว่า Bezos จะเลิกสนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำมันและแก็ส

    เมื่อปีที่แล้ววางแผนที่จะเตรียมการรับมือกับสภาวะโลกร้อนตาม Paris Agreement โดยทาง Amazon แจ้งว่าจะมีการซื้อรถพลังงานไฟฟ้าเพื่อจัดส่งพัสดุเริ่มใน 2021 โดยจะมีจำนวนทั้งสิ้น 100,000 คันภายใน 2030

    ทางบริษัทได้ตั้งเป้าเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 80% จากเดิม 40% ภายในปี 2024

    ที่มา

    https://www.instagram.com/p/B8rWKFnnQ5c/?igshid=1fjwdslll3kwx

    https://www.cnbc.com/2020/02/17/amazons-jeff-bezos-pledges-10-billion-to-launch-earth-fund-for-combating-climate-change.html


    ภาพ https://www.flickr.com/photos/seattlecitycouncil/39074799225/

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     

แชร์หน้านี้

Loading...