ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถาบันวัคซีนฯ ระดมสมองวิจัยยับยั้งไวรัสโควิด-19
    16 กุมภาพันธ์ 2563 - 15:10 น.
    ch9kcbk8dhd98c5jadahb.jpg

    สถาบันวัคซีนฯ ระดมสมองผู้เชี่ยวชาญของประเทศ ทำพิมพ์เขียววิจัยวัคซีนยับยั้ง"ไวรัส "โควิด-19"

    สถาบันวัคซีนฯ ระดมสมองผู้เชี่ยวชาญของประเทศ ทำ“พิมพ์เขียว”วิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส COVID- 19 วันที่ 16 ก.พ.2563 นพ.ครรชิต ลิมปกาญจนารัตน์ ประธานอนุกรรมการวิชาการ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (สวช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา สถาบันได้จัดประชุมหารือเรื่องการวิจัยพัฒนาวัคซีนและวิจัยด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของโคโรน่าไวรัส 2019 หรือ COVID-19

    f7kcgbj6866jejka8c5ba.jpg

    โดยมีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย ในหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนกว่า 30 คน เข้าร่วมระดมสมอง ณ ห้องประชุมของสถาบัน เพื่อจัดลำดับความสำคัญของงานวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 เพื่อใช้ในอนาคตอันใกล้ รวมทั้งการจัดเตรียมแผนงานวิจัยระดับประเทศ เรื่องการระบาดใหญ่ ซึ่งทุกคนต่างสนับสนุนให้เดินหน้าวิจัยในเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเรื่องการทำงานแข่งกับเวลาอย่างมาก

    6defkiidbd5e5abk9ahab.jpg

    นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายในการรับมือปัญหาไวรัส COVID-19 ดังนี้

    1.ลดโอกาสการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศไทย 2.ทุกคนในประเทศไทยต้องปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19และ 3. ลดผลกระทบทางสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม ดังนั้นสถาบันจึงได้นำพิมพ์เขียวแนวทางวิจัยและพัฒนาขององค์การอนามัยโลก (WHO R&D Blueprint) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 มาเป็นประเด็นสำคัญในการระดมสมองเพื่อดำเนินการตามเป้าหมายข้างต้นและสอดรับกับภารกิจของสถาบัน ได้แก่ การพัฒนาพิมพ์เขียวของประเทศ การจัดลำดับความสำคัญในการรับมือสถานการณ์ และการหาทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาทั้งจากในและต่างประเทศ

    “ขณะนี้แต่ละหน่วยงานกำลังดำเนินงานอย่างเข้มข้น เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถเพาะเชื้อไวรัส COVID-19 จากสารคัดหลั่งของผู้ป่วยได้สำเร็จ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการวิจัยพัฒนาวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีศักยภาพในการวิจัยพัฒนา virus-like particle,VLP วัคซีน และอยู่ระหว่างการพัฒนาชุดตรวจหาเชื้อไวรัสเบื้องต้น ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 3-5 เดือน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังขอทุนสนับสนุนในการวิจัยวัคซีนชนิด mRNAองค์การเภสัชกรรมก็กำลังเตรียมการในการร่วมงานกับ ม.มหิดลเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันคณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ก็พร้อมร่วมมือสนับสนุนการนำวัคซีนไปทดสอบในสัตว์ทดลอง นอกจากจะได้รับทราบถึงความก้าวหน้าขององค์ความรู้ในหลายมิติแล้วยังได้เห็นสัญญาณของการร่วมมือเพื่อบูรณาการจัดการกับปัญหานี้อีกด้วย” นพ.นคร กล่าว

    bf5chkbj97aaj7i6kbaib.jpg
    สำหรับผู้เข้าร่วมหารือในครั้งนี้ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กรมควบคุมโรค สถาบันบำราศนราดูร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ องค์การเภสัชกรรม บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด บริษัท ไบโอเนท เอเชีย จำกัด และนักวิชาการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ

    6d8kkigba887i9a58didk.jpg

    https://www.komchadluek.net/news/re...HRm5VZoqglrEGFZT-9o0hGajUivPu_QJUYZS-tDWPtdH0
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200219_221155.jpg

    (Feb 19) จีน อนุมัติให้ยา Favilavir เป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 อย่างเป็นทางการ : สำนักข่าวไชน่า เดลี่ รายงานว่า สำนักงานบริหารผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์แห่งชาติของจีนได้ให้การรับรองยาต้านไวรัส Favilavir เป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 และนับเป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ

    โดยยา Favilavir เป็นยาที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Zhejiang Hisun Pharmaceutical โดยคาดว่าตัวยา Favilavir จะมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคที่มาจากเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการใช้ตัวยา Favilavir ในการทดลองรักษาผู้ป่วย 70 รายในเมืองเสิ่นเจิ้นก่อนที่ตัวยา Favilavir จะได้รับการอนุมัติเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ซึ่งนอกจากยาต้านไวรัส Favilavir กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนยังได้ทดลองอีกสองตัวยาคือ ยารักษามาลาเรีย คอลโรควิน ฟอสเฟต (Chloroquine Phosphate) ที่ได้ใช้ในการทดลองกับผู้ป่วยมากกว่า 100 รายในโรงพยาบาล 10 แห่งในกรุงปักกิ่ง และมณฑลกวางตุ้ง โดยล่าสุดได้มีการทดลองเพิ่มเติมที่ โรงพยาบาลในมณฑลหูหนาน

    ขณะที่อีกหนึ่งตัวยาคือยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในสถาบันการแพทย์มากกว่า 10 แห่งในเมืองอู่ฮั่น โดยก่อนหน้านี้สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) เปิดเผยว่า Remdesivir เป็นตัวยาที่สามารถใช้รักษาโรคซาร์ส รวมถึงใช้รักษาเชื้อไวรัสโคโรน่าในลิง

    ทั้งนี้ นักวิจัยและทีมแพทย์ รวมถึงผู้ผลิตยาในประเทศจีน ได้เร่งทำการผลิตยา Favilavir เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในขณะนี้มียอดผู้ป่วยทั่วโลกอยู่ที่ 75,199 ราย

    Source: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
    https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=P&id=NkI1amQ0b0xwRjg9

    เพิ่มเติม
    - China approves first anti-viral drug against coronavirus Covid-19 :
    https://www.pharmaceutical-technology.com/news/china-approves-favilavir-covid-19/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พลูโตในยุคสมัยต่างๆ
    โดย Pallas กันยายน 2551

    ในปี 2551 นี้ มีปรากฏการณ์บนฟ้าที่สำคัญคือ การย้ายราศีจากราศีธนูมาสู่ราศีมกรของดาวพลูโต โดยดาวพลูโตได้เริ่มโคจรเข้าสู่ราศีมกรในวันที่ 26 มกราคม จากนั้นโคจรถอยกลับมายังราศีธนูในวันที่ 14 มิถุนายน และจะยกเข้าสู่ราศีมกรเต็มตัวในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ที่บอกว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญนั่นก็เป็นเพราะว่าดาวพลูโตมีความหมายในทางโหราศาสตร์ว่าด้วยการปฏิรูป การปฏิวัติ การเปลี่ยนแปลง และวิวัฒนาการ ดังนั้น เมื่อโคจรเข้าสู่ราศีใด ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวในราศีนั้นอย่างแน่นอน

    เนื่องจากดาวพลูโตมีคาบการโคจรที่นาน ทำให้ใช้เวลาโคจรในแต่ละราศีมากกว่า 10 ปี ในบางครั้งอาจอยู่ในราศีนั้นนานถึง 30 ปี ซึ่งส่งผลให้เราสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัยได้ชัดเจน บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับดาวพลูโตในหลายๆมิติ ทั้งดาราศาสตร์ เทพปกรณัม โหราศาสตร์ และเหตุการณ์ต่างๆในอดีตเมื่อพลูโตเข้าไปอยู่ในแต่ละราศี นำไปสู่การทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในยุคที่พลูโตเข้าสู่ราศีมกรระหว่าง พ.ศ.2551-2566 และจะเป็นสารสนเทศสำคัญสำหรับผู้สนใจที่จะนำไปวางแผนชีวิตในยุค 15 ปีที่ดาวพลูโตโคจรในราศีมกรรอบนี้

    พลูโตในทางดาราศาสตร์
    Pluto_and_Moon_Charon_350.jpg

    ดาวพลูโตถูกค้นพบครั้งแรกโดยนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันแห่งหอดูดาวโลเวลล์ ชื่อ ไคลด์ ทอมบอก์ วัย 24 ปีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 อย่างไรก็ตาม ชื่อของดาวเคราะห์ดวงนี้มาจากความคิดของ เวเนเทีย เบอร์นี (Venetia Burney) ซึ่งในขณะนั้นเป็นเด็กหญิงชาวอังกฤษอายุเพียง 11 ปี โดยเธอเสนอชื่อนี้ต่อคุณตาของเธอซึ่งเป็นอดีตบรรณารักษ์ของห้องสมุดมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ด้วยเหตุผลว่าเป็นเทพแห่งโลกใต้พิภพตรงกับลักษณะของดาวดวงนี้ที่น่าจะเป็นโลกที่มืดและหนาวเย็น ในที่สุดชื่อนี้ก็สามารถเอาชนะจากการโหวตเหนือชื่ออีก 2 ชื่อ คือ มิเนอร์วา (Minerva) และ โครนุส (Cronus) อย่างเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2473

    ดาวพลูโตเคยถูกจัดเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ของระบบสุริยะ (Solar System) ที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และเพิ่งถูกลดชั้นไปเป็นดาวเคราะห์แคระ (Dwarf Planet) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2549 โดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (IAU) ล่าสุดเมื่อ 11 มิถุนายน 2551 IAU ได้ประกาศให้ใช้ชื่อ พลูตอยด์ (Plutoid) สำหรับดาวเคราะห์แบบพลูโต กล่าวคือ เป็นเทหวัตถุที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ที่วงโคจรไกลกว่าดาวเนปจูน มีมวลมากเพียงพอที่ทำให้มีแรงโน้มถ่วง และไม่มีเทหวัตถุรอบข้างที่อยู่ในวงโคจร ปัจจุบันดาวเคราะห์แบบพลูโตหรือพลูตอยด์ ได้แก่ ดาวพลูโต, ดาวอีริส (Eris) และดาวมาเกะมาเกะ (Makemake)

    คาบการโคจรของดาวพลูโตรอบดวงอาทิตย์นั้น ใช้เวลาประมาณ 248 ปี ลักษณะการโคจรเป็นรูปวงรี โดยระยะห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุด ประมาณ 49 หน่วยดาราศาสตร์ (Astronomical Unit: AU) และระยะใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ประมาณ 29 AU รัศมีของดาวพลูโตเท่ากับ 1,151 กิโลเมตร หรือ 18% เมื่อเทียบกับขนาดของโลกเท่านั้น อีกทั้งยังเล็กกว่าดวงจันทร์ของโลกอีกด้วย มวลของพลูโตมีเพียง 0.22% เมื่อเทียบกับมวลของโลก และอุณหภูมิบนพื้นผิวของดาวหนาวเย็นมากที่ประมาณ -215 องศาเซลเซียส

    [​IMG]
    ระนาบการโคจรของดาวพลูโตนั้นจะแตกต่างไปจากดาวเคราะห์อื่นๆในระบบสุริยะ กล่าวคือ ดาวเคราะห์ดวงอื่นจะโคจรอยู่บนระนาบรวิมรรค (Ecliptic Plane) แต่ระนาบการโคจรของพลูโตจะเอียงมากกว่าระนาบรวิมรรคอยู่ประมาณ 17 องศา และยังมีความรีของวงโคจรมากกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีบางช่วงที่ดาวพลูโตจะโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวเนปจูน

    ในปัจจุบัน มีการค้นพบดวงจันทร์ของดาวพลูโตทั้งหมด 3 ดวง คือ ไฮดรา (Hydra), นิกส์ (Nix) และคารอน (Charon) โดยดวงจันทร์ดวงหลังมีลักษณะคล้ายกับดาวเคราะห์แคระคู่กับพลูโต เนื่องจากมันดูเหมือนโคจรรอบกันและกันมากกว่าที่คารอนจะเป็นแค่ดาวบริวาร

    ปัจจุบันนอกจากดาวพลูโตถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แคระแล้ว ยังมีสถานภาพเป็นวัตถุในกลุ่มวัตถุที่อยู่เลยวงโคจรของดาวเนปจูนออกไปที่เรียกว่า วัตถุทีเอ็นโอ (Trans-Neptunian Object – TNO) หรือวัตถุในแถบไคเปอร์ (Kuiper Belt Object) อีกด้วย

    พลูโตในตำนานเทพปกรณัม

    พลูโต เป็นชื่อเทพเจ้าโรมัน ตรงกับเทพเจ้าฮาเดส (Hades) ของกรีก ซึ่งหมายถึง เทพเจ้าแห่งยมโลก ดาวพลูโตมีความหมายเกี่ยวกับพัฒนาการ การเปลี่ยนรูป การเกิดใหม่ ซึ่งมาจากการที่เทพพลูโตเป็นเจ้าแห่งยมโลก เมื่อคนเราตายไปก็จะลงไปยังยมโลกเพื่อรับคำตัดสินที่จะถูกลงโทษในขุมนรกหรือได้รับรางวัลด้วยการส่งไปยังทุ่งอิลิเซียม (Elysium Field สวรรค์ของชาวกรีกโบราณ) การกลายสภาพจากมนุษย์บนพื้นโลกไปสู่ยมโลกก็สะท้อนถึงการเกิดใหม่หรือการเปลี่ยนรูป หรือถ้าจะเรียกว่าพัฒนาการก็ได้เช่นกัน ส่วนดาวฮาเดส ที่เป็นดาวทิพย์ของโหราศาสตร์ยูเรเนียนเน้นความหมายถึงสภาพทุกขเวทนาในยมโลกมากกว่า

    under%20world%20map%20in%20greek%20myth_310.jpg
    เทพพลูโตหรือเทพฮาเดสเป็นโอรสของเทพโครนัส (Cronus) และเทพีรีอา (Rhea) เป็นพี่น้องร่วมท้องกับ เทพโพไซดอน (Poseidon), เทพีเฮสเทีย (Hestia), เทพีดิมีเตอร์ (Demeter), เทพีฮีรา (Hera) และมหาเทพซุส (Zeus) เมื่อมหาเทพซุส โค่นเทพโครนัสบิดาของตนลงจากบัลลังก์แล้ว เทพซุสได้แต่งตั้งเทพโพไซดอนปกครองมหาสมุทรและแม่น้ำทั้งปวง และให้เทพพลูโตปกครองดินแดนใต้โลกหรือยมโลกนั่นเอง

    อาณาจักรยมโลกของเทพพลูโตนั้นเป็นดินแดนเร้นลับ อยู่ภายใต้พื้นโลกที่แสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของดาวพลูโตนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากภายใน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นไม่ชัด

    ด้วยความที่เป็นเจ้าแห่งยมโลก เทพพลูโตจึงเป็นผู้ที่มีความยุติธรรมทุกขณะ มีความมั่นคงเข้มแข็งไม่อ่อนไหวต่อสิ่งใด ออกจะแข็งกร้าวกระด้าง จึงทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นเทพที่มีน่ากลัว เช่นเดียวกัน อิทธิพลทางโหราศาสตร์ของพลูโตจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างแข็งกร้าว ดูเหมือนไม่มีความเมตตา เพราะเป็นการอวสานของสถานะในปัจจุบันและนำไปสู่สถานะใหม่ของชีวิตต่อไป

    ความหมายของดาวพลูโต

    ในทางโหราศาสตร์ ดาวพลูโตเป็นดาวที่มีอิทธิพลในด้านการปฏิรูป การเปลี่ยนแปลง พัฒนาการ วิวัฒนาการ การเจริญเติบโตจากภายใน การแตกแขนง การสถาปนาใหม่ การปฏิวัติ นอกจากนี้ ดาวพลูโตยังอยู่ในกลุ่มของดาวเคราะห์ทั้ง 4 แห่งเวลา โดยให้ความหมายว่า เป็นพลังงานการสร้างของอดีต ต่างจากฮาเดสที่เป็นพลังงานการทำลายของอดีต

    ดาวพลูโตได้รับการจัดให้เป็นดาวเกษตร (Rulership) ของราศีพิจิก และอุจจ์ (Exaltation) ในราศีเมษ

    เนื่องจากดาวพลูโตเป็นดาวที่มีขนาดเล็ก และโคจรช้า ทำให้อิทธิพลของดาวพลูโตจึงมีลักษณะค่อยๆเปลี่ยนแปลงแทบไม่รู้ตัว แต่ส่งผลลึกซึ้งถึงระดับโครงสร้าง ต่างจากดาวยูเรนัส (มฤตยู) ที่แสดงผลรุนแรงรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ ดาวพลูโตจึงเหมาะที่จะนำมาอธิบายยุคสมัยต่างๆได้อย่างดี

    การใช้พลูโตอธิบายยุคสมัย

    ดาวพลูโตมีวงรอบที่ประหลาดไม่เหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะ เพราะมีวงโคจรที่บางช่วงจะมาทับซ้อนกับดาวเนปจูน อย่างไรก็ตาม เราสามารถประมาณคาบการโคจรของดาวพลูโตได้ว่า จะใช้เวลาประมาณ 248 ปีต่อหนึ่งรอบจักรราศี หรือโคจรผ่านแต่ละราศี ประมาณราศีละ 20 ปี แต่เนื่องจากวงโคจรที่ประหลาดทำให้บางช่วงใช้เวลาผ่านหนึ่งราศีมากกว่า 30 ปี บางช่วงกลับใช้เวลาเพียง 12 ปี

    เนื่องจากความหมายหลักของดาวพลูโต คือ การปฏิรูป (Transformation) ทำให้เราสามารถมาพยากรณ์ยุคสมัยแต่ละยุคได้ โดยยึดหลักว่า เมื่อพลูโตโคจรผ่านราศีอะไร ก็จะมีการปฏิรูปเกิดขึ้นในความหมายของราศีนั้น

    พลูโตในยุคสมัยต่างๆ

    ก่อนที่เราจะพยากรณ์อิทธิพลของดาวพลูโตเมื่อเข้าราศีมกรในรอบนี้ได้อย่างแม่นยำนั้น เราควรที่จะศึกษาประวัติศาสตร์เมื่อดาวพลูโตโคจรในแต่ละราศี ทั้งผลที่เกิดขึ้นในระดับโลกและในระดับประเทศไทยก่อน

    พลูโตในราศีเมษ (ค.ศ.1822-1852 หรือ พ.ศ.2365-2395) ระยะเวลา 30 ปี

    ราศีเมษหมายถึง การเกิด กำเนิด เริ่มต้น ริเริ่ม การผจญภัย บุกเบิก ความกระตือรือร้น ไม่ค่อยมีความอดกลั้น และใจร้อน ด้วยอิทธิพลของดาวพลูโตในราศีเมษทำให้เกิดการปฏิวัติ การประกาศอิสรภาพ ของประเทศต่างๆจำนวนมากทั่วโลก เช่น
    • การประกาศอิสรภาพของประเทศในทวีปอเมริกาใต้จากสเปน ได้แก่ โคลัมเบีย (1819-1828), เม็กซิโก (1821) และบราซิล (1822) รวมถึงการประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐอเมริกากลาง ซึ่งเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆระหว่าง 1823-1840 ในที่สุดก็แยกตัวกลายเป็นประเทศ คอสตาริกา, เอลซัลวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส และนิคารากัว นอกจากนี้ยังมีการประกาศอิสรภาพของโบลิเวียจากเปรู (1825) และอุรุกวัยประกาศอิสรภาพจากบราซิล (1825)
    • ในทวีปยุโรปนั้น นอกจากการประกาศอิสรภาพของกรีกจากอาณาจักรออตโตมันในปี ค.ศ. 1821 และการประกาศอิสรภาพของเบลเยียมจากเนเธอแลนด์ (ค.ศ. 1830) แล้ว ยังมีการปฏิวัติเกิดขึ้นหลายประเทศ ได้แก่ อิตาลี (1848), ฝรั่งเศส (1848), เยอรมัน (1848) และฮังการี (1848)
    จะเห็นว่า การประกาศอิสรภาพนั้น เป็นการเกิดขึ้นใหม่ของประเทศ ซึ่งตรงกับราศีเมษ และในรูปแบบของการปฏิวัติหรือการทำสงครามต่อสู้กันซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของพลูโต นอกจากนี้ ในประเทศจีน มีความพยายามของชาวจีนที่จะประกาศอิสรภาพจากยาเสพติดอย่างฝิ่นที่อังกฤษมอมเมาคนจีนจนประเทศถดถอย ทำให้เกิดสงครามฝิ่นขึ้นระหว่าง ค.ศ.1839-1842 แต่ก็ไม่สำเร็จ

    สำหรับความหมายของราศีเมษที่เกี่ยวกับการบุกเบิก การผจญภัยนั้น ส่งผลในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดยุคตื่นทองในรัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่าง ค.ศ. 1848-1855 ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้าสู่แคลิฟอร์เนียเพื่อหวังจะไปผจญภัยขุดทอง เริ่มต้นชีวิตใหม่ จนเกิดความโกลาหลไปทั่ว

    ในประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นเรียกกันว่า ราชอาณาจักรสยาม อยู่ในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ตลอดรัชสมัยของพระองค์อยู่ในยุคที่ดาวพลูโตอยู่ในราศีเมษโดยตลอด คนทั่วไปมักคิดว่ายุคสมัยของพระองค์มีเฉพาะเรื่องการค้าขายสำเภาและการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม แต่เมื่อค้นคว้าให้ดี เรากลับพบว่า เกิดสงครามหรือกบฏสำคัญๆหลายครั้ง ได้แก่
    • เกิดสงครามอังกฤษกับพม่า ใน พ.ศ. 2467 ทำให้สยามต้องวางตนให้เหมาะสม เพื่อหลีกภัยจากมหาอำนาจอย่างอังกฤษ พร้อมรักษาเกียรติยศและราชอาณาจักรไว้อย่างมั่นคง
    • เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ ใน พ.ศ. 2369 ซึ่งเป็นความพยายามของอาณาจักรล้านช้างที่จะแยกตนเป็นอิสระจากสยาม แต่ก่อการไม่สำเร็จ พ่ายแพ้แก่สยาม
    • เกิดสงครามกับญวน เมื่อญวนพยายามแทรกแซงหาทางเอาเขมรมาเป็นของตน ในปี พ.ศ. 2376 จนสยามต้องยกทัพไปปราบ เมื่อญวนยอมทำไมตรีกับไทยแล้ว และเหตุการณ์เข้าสู่ความสงบ รัชกาลที่ 3 ทรงแต่งตั้งให้ นักองด้วง ที่หนีมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารกว่า 27 ปีเป็น สมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี ครองกัมพูชา เป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์กัมพูชาในปัจจุบัน
    • เกิดกบฏหวันหมาดลีทางภาคใต้ พ.ศ.2380 เมื่อราชวงศ์มลายูร่วมกับโจรสลัดอันดามัน หวันหมาดหลี ถือโอกาสที่เจ้าเมืองทางใต้เข้ามาร่วมพระราชพิธีพระศพของพระชนนีในรัชกาลที่ 3 ในพระนคร เข้าบุกตีเมืองไทรบุรี พัทลุง ตรัง และสงขลา ทางรัชกาลที่ 3 ทรงส่งเจ้าเมืองทางใต้ยกทัพกลับมาปราบกบฏสำเร็จ
    ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในอาณาจักรสยามขณะนั้น มาจากความพยายามแยกตนเป็นเอกราชจากสยาม ตามลักษณะของพลูโตในราศีเมษทั้งสิ้น แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของรัชกาลที่ 3 บ้านเมืองจึงผ่านพ้นมาได้ด้วยดี

    พลูโตในราศีพฤษภ (ค.ศ.1851-1884 หรือ พ.ศ. 2394-2427) ระยะเวลา 33 ปี

    ราศีพฤษภ หมายถึง การกิน การสะสม การเก็บรักษา การดูดซับ ความเพิ่มพูน สมบัติเงินทอง อาหาร การครอบครอง ความหนักแน่น เสถียรภาพ รวมถึงการเงินการคลังอีกด้วย เมื่อพลูโตโคจรเข้ามาในราศีพฤษภระหว่างปี 1851-1884 โลกที่ผ่านความไม่สงบจากยุคพลูโตราศีเมษ ก็เข้าสู่ยุคของการสร้างเสถียรภาพในบ้านเมืองให้เข้าสู่ความสงบ ความมั่นคง

    อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของโลกเรานั้น เมื่อสงบมาระยะหนึ่งก็ย่อมเกิดความวุ่นวาย แต่ความวุ่นวายในโลกยุคนี้มีสาเหตุแบบราศีพฤษภ นั่นคือ ในสหรัฐอเมริกาเกิดสงครามกลางเมือง (Civil War) ระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ โดยมีสาเหตุมาจากความพยายามเลิกทาสของประธานาธิบดีลินคอล์น แต่ฝ่ายใต้ไม่เห็นด้วย จึงเกิดการต่อสู้กันเป็นสงครามกลางเมือง ที่บอกว่าสาเหตุเป็นแบบพฤษภนั้น นั่นเพราะว่าทาสในขณะนั้นถือว่าเป็นสมบัติของนายทาส จึงตรงกับลักษณะราศีพฤษภ ความพยายามที่จะปฏิวัติระบบทาสหรือการเลิกทาสจึงเกิดขึ้นในยุคพลูโตราศีพฤษภ

    การเลิกทาสนั้น ในประเทศไทย รัชกาลที่ 5 ทรงเลิกทาสด้วยความนุ่มนวลกว่าสหรัฐอเมริกามาก โดยได้มีความพยายามเลิกทาสตั้งแต่ พ.ศ. 2417 ให้มีการลดค่าตัวลูกทาสลงทุกปี จนเมื่ออายุครบ 21 ปีก็ให้เป็นไท และรอจนกระทั่ง พ.ศ.2448 จึงมีการเลิกทาสอย่างสิ้นเชิง โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ รวมเวลาที่ทรงดำเนินกุศโลบายนี้กว่า 31 ปี

    ในยุคพลูโตราศีพฤษภนั้น ประเทศไทยมีการพัฒนาระบบการเงินการคลังขึ้นหลายประการ ตั้งแต่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการจัดตั้งศุลกากรสถาน (Custom House) หรือโรงภาษี ใน พ.ศ.2398 เพื่อจัดเก็บภาษีขาเข้าตามสนธิสัญญาบาวริ่ง, จัดตั้งโรงกษาปณ์สิทธิการ (พ.ศ.2403) เพื่อผลิตเหรียญด้วยเครื่องจักร แทนเงินพดด้วง และมาถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิรูประบบการคลังโดยจัดตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ (พ.ศ.2416) เพื่อรวบรวมบัญชีเงินผลประโยชน์ของแผ่นดินและตรวจตราการเก็บภาษีอากร และเร่งเรียกเงินของแผ่นดินด้านภาษีอากรให้ส่งเข้าพระคลังมหาสมบัติตามกำหนด ต่อมาได้พัฒนามาเป็นกระทรวงการคลังในปัจจุบัน

    พลูโตในราศีมิถุน (ค.ศ.1882-1914 หรือ พ.ศ. 2425-2457) ระยะเวลา 32 ปี

    ราศีมิถุน หมายถึง การติดต่อสื่อสาร การคมนาคม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น วรรณกรรม การเรียนรู้ การศึกษาเล่าเรียน เมื่อพลูโตเข้าสู่ราศีมิถุน ย่อมเกิดการปฏิรูปและพัฒนาการในเรื่องเหล่านี้ ยุคนี้เป็นยุคปลายศตวรรษที่ 19 ต่อมายังต้นศตวรรษที่ 20 การคมนาคมได้พัฒนาไปมาก ทั้งทางรถไฟและทางทะเล ถือว่าเป็นยุคของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างชาติต่างๆในโลก

    ในวงการวรรณกรรมนั้น กลางทศวรรษ 1880 เกิดนวนิยายวิทยาศาสตร์ของ Jules Verne และ H G Wells ซึ่งเป็นรูปแบบของวรรณกรรม รวมถึงแนวคิดปฏิวัติวงการวรรณกรรมของ George Bernard Shaw และ Oscar Wilde และการปฏิวัติวงการศิลปะของแวนโก๊ะ (Van Goh) ด้วยศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสท์ (Impressionism)

    ในประเทศไทย ยุคพลูโตราศีมิถุนตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยุคนี้เป็นยุคของการปฏิรูประบบการคมนาคมสื่อสารของไทย ตั้งแต่การเริ่มต้นกิจการไปรษณีย์ ในพ.ศ. 2426, กิจการโทรเลขใน พ.ศ.2426, กิจการรถไฟใน พ.ศ.2429 และกิจการรถรางไฟฟ้า ใน พ.ศ.2437 ทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปอย่างมาก

    สำหรับการศึกษาเล่าเรียนนั้น ยุคนี้ได้มีการปฏิรูประบบการศึกษา โดยเริ่มต้นโรงเรียนสำหรับราษฎรทั่วไป แห่งแรกที่วัดมหรรณพาราม ใน พ.ศ.2427 มีการริเริ่มจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ เรียกว่า นักธรรม รวมถึงการขยายการศึกษาขั้นพื้นฐานไปยังประชาชนทั่วราชอาณาจักร ผ่านทางวัด เริ่มต้นใน พ.ศ. 2441 เพียง 5 ปีการศึกษาระดับประถมก็ขยายไปยังทั่วประเทศ

    พลูโตในราศีกรกฎ (ค.ศ.1912-1939 หรือ พ.ศ. 2455-2482) ระยะเวลา 27 ปี

    ราศีกรกฎหมายถึง ความเป็นแม่ การพิทักษ์รักษา ความอ่อนไหว และครอบครัว โลกของเราเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคที่ดาวพลูโตโคจรเข้าราศีกรกฎ เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของครอบครัวในหลายระดับ ในระดับกษัตริย์ได้เกิดการต่อสู้ในหมู่ราชวงศ์ในยุโรป จนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้อำนาจของราชวงศ์ในยุโรปเสื่อมถอยลง ในระดับคนทั่วไป เกิดการรณรงค์ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันทางเพศ ในยุคนี้ได้มีการตีพิมพ์หนังสือ “Married Love” โดย Marie Stopes ชาวสก็อต ตีพิมพ์ในปี 1918 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่เปลี่ยนแปลงโลก เหตุที่บอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโลกนั้น เพราะเป็นการพูดถึงความรู้ทางเพศสำหรับผู้หญิงที่มีครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องแปลกใหม่มากในยุคนั้น หนังสือเล่มนี้นำไปสู่การเริ่มต้นการคุมกำเนิด และการเปิดคลีนิควางแผนครอบครัวเป็นครั้งแรก นับว่าเป็นการปฏิรูประบบครอบครัวครั้งใหญ่ของโลกเลยทีเดียว ทางฟากสหรัฐอเมริกา มีการก่อตั้งธนาคารกลางหรือ Federal Reserve ในปี 1913 ทำหน้าที่พิทักษ์คุ้มครองระบบการเงินของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในความหมายของราศีกรกฎเช่นเดียวกัน

    ในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงริเริ่มให้ใช้นามสกุลขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย บังคับใช้อย่างสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2458 การมีนามสกุลถือได้ว่าเป็นการปฏิรูประบบครอบครัวของไทยครั้งใหญ่เลยทีเดียว นอกจากนี้ ในด้านชีวิตส่วนพระองค์แล้ว รัชกาลที่ 6 ทรงเปลี่ยนธรรมเนียมของกษัตริย์ที่มีภรรยาได้หลายคน มาเป็นธรรมเนียมสากลที่ทรงมีพระชายาในขณะใดขณะหนึ่งเพียงองค์เดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน

    สำหรับประเทศไทยแล้ว เรามีเมอริเดียนท้องถิ่นของเมืองหลวงอยู่ที่ตำแหน่ง 9 องศาราศีกรกฎ ทำให้เมื่อดาวพลูโตโคจรผ่านจุดนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยหลังจากดาวพลูโตโคจรผ่านตำแหน่งเมอริเดียนท้องถิ่นกรุงเทพฯไปราว 10 ปีก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ในปี 2475

    พลูโตในราศีสิงห์ (ค.ศ.1937-1958 หรือ พ.ศ. 2480-2501) ระยะเวลา 21 ปี

    ราศีสิงห์ หมายถึง ความเป็นผู้นำ ชนชั้นนำ การต่อสู้ช่วงชิง การเอาชนะ ความต้องการเป็นใหญ่ เมื่อถึงยุคดาวพลูโตในราศีสิงห์ โลกของเราก็เข้าสู่ยุคของการต่อสู้ช่วงชิงเพื่อความเป็นใหญ่ของบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำของประเทศเยอรมนี เมื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจก็ได้นำพาประเทศเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่เหนือชาติใดๆในโลก จนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการระดมกำลังทหารกว่า 100 ล้านนาย มีผู้เสียชีวิตกว่า 60 ล้านคน เกิดสมรภูมิในทุกทวีปของโลก นับว่าเป็นสงครามที่ความสูญเสียมากที่สุดนับแต่เคยมีมา ซึ่งมาจากความทะเยอทยานของผู้นำไม่กี่คนเท่านั้น

    ประเทศไทยจำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามโลกครั้งนี้อย่างหลีกไม่พ้น เพราะอยู่ในเส้นทางยุทธศาสตร์ของญี่ปุ่นที่ตั้งใจรุกไปยังเอเชียกลาง แต่หากเราพิจารณาเฉพาะอิทธิพลที่ดาวพลูโตในราศีสิงห์มีต่อประเทศไทยนั้น พบว่า ยุคนี้เป็นยุคของการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจของชนชั้นนำใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นการช่วงชิงอำนาจภายในคณะราษฎร ระหว่างกลุ่มจอมพล ป. พิบูลสงครามกับกลุ่มของนายปรีดี พนมยงค์ และเมื่อหมดยุคนี้ กลายเป็นว่าผู้ได้รับอำนาจเด็ดขาดกลายเป็น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ในคณะราษฎรเลย

    พลูโตในราศีกันย์ (ค.ศ.1956-1972 หรือ พ.ศ. 2499-2515) ระยะเวลา 16 ปี

    ราศีกันย์ หมายถึง การงาน การวิเคราะห์ ความมีเหตุมีผล ความละเอียดถี่ถ้วน สาธารณสุข การจ้างงาน สวัสดิการ โลกของเราเมื่อผ่านพ้นความวุ่นวายในยุคพลูโตราศีสิงห์ ก็เข้ามาสู่การจัดระเบียบโลกใหม่ในยุคดาวพลูโตในราศีกันย์ งานทางวิศวกรรมที่อาศัยการทำงานเป็นทีม ความคิดวิเคราะห์ระดับสูง และใช้ความอุตสาหะพยายาม มีการปฏิรูปในยุคนี้ องค์การ NASA ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1958 และได้รับภารกิจสำคัญที่จะพามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ให้ได้ และประสบความสำเร็จในปี 1969 ในยุคนี้มีการตื่นตัวเรื่องสิทธิพลเมืองอย่างมาก ในสหรัฐอเมริกา คนผิวดำมีการเรียกร้องสิทธิของพลเมืองที่พึงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน มีการออกกฎหมายสิทธิพลเมืองในปี 1964 มาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ ถือได้ว่าเป็นผู้นำคนสำคัญในการรณรงค์ให้คนดำได้รับสิทธิพลเมืองเช่นเดียวกับคนผิวขาว แม้ว่าในที่สุดเขาถูกฆาตกรรมในปี 1968

    ในประเทศไทยยุคนี้เป็นยุคของการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานครั้งใหญ่ โดยเริ่มมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 1 ในปี พ.ศ. 2504 ทำให้มีการพัฒนาระบบไฟฟ้า น้ำประปา ถนน โทรศัพท์ เขื่อน และการศึกษา ไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ หน่วยงานราชการมีบทบาทสำคัญมากในยุคนี้ เกิดเทคโนแครตหรือขุนนางราชการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาทำงานในหน่วยงานราชการและมีบทบาทมากกว่ากลุ่มอาชีพอื่น ซึ่งตรงกับราศีกันย์ที่หมายถึงผู้เชี่ยวชาญ ข้าราชการ รวมถึงการรับใช้ประชาชน

    พลูโตในราศีตุล (ค.ศ.1971-1984 หรือ พ.ศ. 2514-2527) ระยะเวลา 13 ปี

    ราศีตุล หมายถึง การปรับตน ความสมานฉันท์ ความสวยงาม ศิลปะ การแต่งงาน การทูตระหว่างประเทศ และระบบกฎหมาย โลกในยุคพลูโตราศีตุลนี้ ในด้านการเมืองระหว่างประเทศ มีการสิ้นสุดสงครามหรือการเริ่มต้นสนธิสัญญาระหว่างกันหลายแห่งในโลก เช่น สงครามเวียตนามได้สิ้นสุดลงในปี 1975, การเริ่มสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ในปี 1972, สนธิสัญญาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับอียิปต์ในปี 1979 เป็นต้น ในด้านสังคม มีการปฏิรูประบบความสัมพันธ์ของคู่ครอง ตั้งแต่การออกกฎหมายการหย่า สิทธิของคนรักร่วมเพศ และการรณรงค์ความเท่าเทียมกันทางเพศที่เข้มข้นในยุคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องกฎหมายการหย่าในสหรัฐอเมริกาเป็นการปฏิรูปโครงสร้างครอบครัวสมัยใหม่เลยทีเดียว

    ประเทศไทยในยุคนี้เป็นยุคของการปรับตัวที่สำคัญ เนื่องจากเป็นการปรับเปลี่ยนจากการปกครองโดยคณะปฏิวัติมาสู่ประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่เนื่องจากลัคนาท้องถิ่นกรุงเทพฯตั้งอยู่ที่ 10 องศาราศีตุล ทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงในการเปลี่ยนแปลงนั้น โดยเกิดเหตุการณ์วิปโยคขึ้น 2 ครั้งคือ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 ที่แปลกคือเกิดขึ้นในช่วงที่อาทิตย์โคจรเข้าไปกุมกับพลูโตในราศีตุลทั้ง 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของยุคนี้ ประเทศไทยสามารถยุติปัญหาคอมมิวนิสต์ลงได้ ทำให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบ้านเมือง รวมถึงทางภาคใต้ ก็เกิดนโยบายใต้ร่มเย็น ซึ่งก็ตรงกับความหมายของราศีตุลที่บอกถึงความร่มเย็น

    พลูโตในราศีพิจิก (ค.ศ.1983-1995 หรือ พ.ศ. 2526-2538) ระยะเวลา 12 ปี

    ราศีพิจิก หมายถึง การอุทิศตน การเสียสละ ความตาย และการสูญเสีย โลกในยุคพลูโตราศีพิจิกนี้ ถือว่าเป็นยุคสำคัญ เพราะดาวพลูโตถือกันว่าเป็นดาวเกษตรหรือเป็นดาวครองราศีพิจิก เมื่อพลูโตกลับมาอยู่ในราศีของตนเองย่อมสำแดงอิทธิพลอย่างเต็มที่ ทำให้ยุคนี้เต็มไปด้วยการปฏิวัติ การปฏิรูป การทำลายล้างของเก่าเพื่อสร้างของใหม่ เช่น การล่มสลายของคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกและสหภาพโซเวียต, การทลายกำแพงเบอร์ลินในปี 1989, การสิ้นสุดลงของสงครามเย็น, การเกิดโศกนาฏกรรมที่เทียนอันเหมินในปี 1989 เป็นต้น ในด้านสังคมนั้น เกิดการแพร่ขยายของโรคร้ายที่คร่าชีวิตมนุษย์ที่ยังไม่สามารถรักษาได้นั่นคือ โรคเอดส์ (AIDS)

    ประเทศไทยในยุคนี้กล่าวได้ว่าเข้าสู่ยุคหัวเลี้ยวหัวต่อหรือยุคผลัดใบของการปฏิรูปจากประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจาการเลือกตั้ง มาสู่ประชาธิปไตยแบบเต็มใบที่มีนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง โดยเมื่อพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ปฏิเสธไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อใน พ.ศ. 2531 ทำให้พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรคชาติไทย ในขณะนั้น ก็ก้าวขึ้นสู่นายกรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส. และนายกฯชาติชายก็เริ่มปฏิรูปแนวทางการบริหารแบบอนุรักษ์นิยมของพลเอกเปรม มาสู่การบริหารเชิงรุกที่เต็มไปด้วยสีสัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสนามรบ (ราศีพิจิก) เป็นสนามการค้า, การมุ่งสู่ความเป็น NICs หรือเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่สุดท้ายก็เกิดรัฐประหาร 2534 นำไปสู่ความสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อของคนไทยอีกครั้งในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535

    พลูโตในราศีธนู (ค.ศ.1995-2008 หรือ พ.ศ. 2538-2551) ระยะเวลา 13 ปี

    ราศีธนู หมายถึง ความไกล การขยายตัว การติดต่อสื่อสารระยะไกล การค้าระหว่างต่างประเทศ ศาสนา และวิทยาการต่างๆ โลกในยุคพลูโตราศีธนูเกิดการปฏิรูปหรือการเปลี่ยนแปลงด้านอุดมการณ์และการค้าระหว่างประเทศอย่างมากมาย โดยเกิดองค์การค้าโลก (WTO) ในปี 1995, การขยายตัวอย่างรวดเร็วของโลกาภิวัฒน์ (Globalization), การโคลนนิ่งแกะดอลลี่ (1996) และการขยายตัวของอินเตอร์เน็ตไปทั่วโลก

    ในประเทศไทยนั้น ผลของโลกาภิวัฒน์ทำให้ประเทศไทยมีการขยายตัวอย่างมากในช่วงต้นยุคพลูโตราศีธนู แต่เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจทำให้หยุดชะงักไปพักใหญ่ จนเมื่อทักษิณ ชินวัตรขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ. 2544 ก็นำพาประเทศไทยให้มีการขยายตัวในทุกๆด้าน แต่ในแง่ลบก็ทำให้หนี้สินของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาเมื่อพลูโตเข้าสู่ราศีมกรต่อไป

    พลูโตในราศีมกร

    ปัจจุบัน โลกของเราได้เริ่มเข้าสู่ยุคดาวพลูโตในราศีมกรแล้ว เมื่อดาวพลูโตโคจรเข้าสู่ราศีมกรเมื่อ 26 มกราคม 2551 แม้ว่าจะถอยกลับไปราศีธนูเมื่อ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ก็จะโคจรกลับเข้าราศีมกรอีกครั้งในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 และจะอยู่ในราศีมกรนี้เป็นเวลา 15 ปีจนถึงปี 2566

    ในทางโหราศาสตร์ ราศีมกร หมายถึง รัฐบาล ชนชั้นปกครอง สถาบัน องค์กรขนาดใหญ่ และโครงสร้างอำนาจ การที่ดาวพลูโตโคจรในราศีมกร ย่อมหมายถึง การเปลี่ยนแปลง การปฏิรูป การปฏิวัติ ในเรื่องราวที่ว่ามาทั้งสิ้น แต่หากเราต้องการจะทำความเข้าใจอิทธิพลที่ดาวพลูโตมีต่อโลกในช่วง 15 ปีนี้ให้ลึกซึ้ง เราควรที่จะกลับไปพิจารณาดูว่า ในอดีตเมื่อดาวพลูโตโคจรในราศีมกร โลกของเราเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมจึงได้ศึกษาย้อนกลับไป 3 ครั้ง เมื่อดาวพลูโตอยู่ในราศีมกรในศตวรรษที่ 13, 16 และ 18 ดังนี้

    [​IMG]
    รอบศตวรรษที่ 13 (ค.ศ. 1269-1287 ตรงกับ พ.ศ. 1812-1830)

    ยุคนี้ดาวพลูโตใช้เวลาโคจรอยู่ในราศีมกรนาน 18 ปี ในขณะนั้นโลกของเราอยู่ในยุคที่โครงสร้างอำนาจกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เมื่อจักรวรรดิมองโกลรุกรานแผ่ขยายอาณาเขตไปทั่วโลกทั้งเอเชียและยุโรป เราพบว่า ในปี ค.ศ. 1279 อาณาจักรมองโกลมีอำนาจเหนือดินแดนกว่า 33 ล้านตารางกิโลเมตร หรือ 22% ของพื้นดินบนโลก และมีประชากรภายใต้ปกครองกว่า 100 ล้านคน ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อที่ชนเผ่าเร่ร่อนที่แทบไม่มีอารยธรรมของตนเองกลับสามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเอาชนะอาณาจักรซ้องอันยิ่งใหญ่ของชาวจีน แผ่ขยายอาณาเขตผ่านอาณาจักรมุสลิมในตะวันออกกลาง และรุกรานไปถึงรัสเซีย โปแลนด์ และฮังการี จนกล่าวได้ว่า เป็นยุคปฏิวัติโครงสร้างอำนาจของโลกครั้งใหญ่เลยทีเดียว

    ในประเทศไทยนั้น ตรงกับยุครุ่งเรืองอาณาจักรสุโขทัย รัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ซึ่งเป็นการปฏิวัติโครงสร้างอำนาจของดินแดนแถบนี้เช่นกัน เมื่อพ่อขุนรามคำแหงสามารถสร้างสมบารมีจนก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยที่มีอำนาจเหนืออาณาจักรข้างเคียง ขณะเดียวกันอาณาจักรเขมรก็เริ่มเสื่อมถอยอำนาจและอิทธิพลที่มีต่อดินแดนแถบนี้ลงไป

    รอบศตวรรษที่ 16 (ค.ศ. 1516-1532 ตรงกับ พ.ศ. 2059-2075)

    ในศตวรรษที่ 16 ดาวพลูโตโคจรอยู่ในราศีมกรนาน 16 ปี และส่งผลต่อการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจของศาสนจักร นำโดย มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นการเริ่มต้นของนิกายโปรแตสแตนท์ ที่ไม่ยอมรับอำนาจจากวาติกันอีกต่อไป ตามด้วยการประกาศแยกนิกายของราชวงศ์อังกฤษ ออกจากวาติกัน ของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ทำให้อำนาจรวมศูนย์ของคริสตจักรที่มีต่อการเมืองยุโรปเสื่อมถอยลงไปอย่างชัดเจน

    ในประเทศไทย ยุคนี้ตรงกับรัชสมัยของ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 หรือพระเชษฐาธิราช ของอาณาจักรอยุธยา ตอนที่ผมค้นคว้าถึงยุคนี้ก็ค่อนข้างแปลกใจ เพราะตอนแรกผมคิดว่ายุคพลูโตราศีมกรน่าจะเป็นยุคที่มีการปฏิรูปการปกครอง แต่กลับพบว่าพระราชบิดาของพระองค์คือสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครองมาเป็นระบบจตุสดมภ์ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อค้นคว้าเพิ่มเติมก็พบว่า อิทธิพลพลูโตราศีมกรว่าด้วยการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจก็ส่งผลชัดเจนในยุคนี้ เพราะสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงจัดทำบัญชีกำลังพล เมื่อปี พ.ศ. 2461 ทำให้เกิดการเกณฑ์พลเมืองเข้ารับราชการทหารและพลเรือน ในรูปแบบของไพร่สม ไพร่หลวงและไพร่ส่วย ซึ่งผมคิดว่าส่งผลต่อคนจำนวนมากกว่าการใช้ระบบจตุสดมภ์ เพราะกระทบกับชายไทยทุกคนในราชอาณาจักร และมีผลจนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ในยุครัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ พระองค์ยังแผ่ขยายอิทธิพลของอยุธยาไปถึงคาบสมุทรมลายู โดยส่งกองทัพไปทำสงครามกับมะละกาถึง 2 ครั้ง แม้ไม่สำเร็จแต่ทำให้หัวเมืองทางใต้ยอมอยู่ในอำนาจของอยุธยาโดยส่งบรรณาการมาให้ทุกปี

    รอบศตวรรษที่ 18 (ค.ศ. 1762-1778 ตรงกับ พ.ศ. 2305- 2321)

    ในศตวรรษที่ 18 ดาวพลูโตโคจรอยู่ในราศีมกรนาน 16 ปี และเช่นเคยโลกก็ตกอยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจอย่างขุดรากถอนโคนและยาวนาน ในยุคนี้ เกิดสงคราม 7 ปี (1756-1763) ระหว่างมหาอำนาจกลุ่มอังกฤษ กับมหาอำนาจกลุ่มฝรั่งเศสและออสเตรีย ผลลัพธ์จบลงด้วยการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจของอังกฤษ ตามด้วยการปฏิวัติอุตสาหกรรมเนื่องจากการประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำของเจมส์ วัตต์ในปี 1769 และส่งท้ายยุคนี้เมื่อเกิดสงครามอิสรภาพในสหรัฐอเมริกา และสหรัฐอเมริกาประกาศอิสรภาพในปี 1776 ซึ่งทำให้อิทธิพลของยุโรปที่มีต่อทวีปอเมริกาลดถอยลงอย่างมาก

    ส่วนในประเทศไทยนั้น อยู่ในยุคปลายกรุงศรีอยุธยา บ้านเมืองเกิดความแตกแยก ขาดความสามัคคี ผู้นำไม่มีความสามารถและไม่มีคุณธรรม ทำให้เกิดการเสื่อมถอยจนถูกพม่าเข้าทำลาย เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ทำให้ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอยุธยาที่สืบทอดมานานกว่า 400 ปีต้องถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ต่อมาเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีกอบกู้เอกราชของชาติมาได้ ต้องย้ายเมืองหลวงมายังกรุงธนบุรี เพื่อสถาปนาอาณาจักรแห่งใหม่โดยไม่สามารถฟื้นคืนราชอาณาจักรเก่ามาได้

    อิทธิพลของดาวพลูโตในราศีมกรระหว่าง ค.ศ. 2008-2023

    ในทางโหราศาสตร์ เราไม่สามารถพยากรณ์เหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำหากพิจารณาปัจจัยเพียงปัจจัยเดียว การที่ดาวพลูโตโคจรเข้าราศีมกร เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น หรือพูดได้ว่า เป็นเข็มสั้นที่ชี้เรื่องใหญ่ไว้แล้ว รอแต่เข็มยาวและเข็มวินาทีมาเคาะ จึงจะเกิดเหตุการณ์ชัดเจนออกมา ดังนั้น เราจึงต้องพิจารณาปัจจัยและโครงสร้างอื่นๆบนท้องฟ้าประกอบด้วย จึงจะพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ แต่การพิจารณาอิทธิพลของดาวพลูโตซึ่งเป็นดาวยุค ย่อมเป็นสารสนเทศสำคัญที่นักโหราศาสตร์จะได้นำไปประกอบการพยากรณ์ในเรื่องต่างๆ

    จากวงรอบดาวพลูโตราศีมกรที่ผ่านมาในอดีตทั้ง 3 รอบ เราพบว่า เกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจทางการเมืองอย่างถอนรากถอนโคน และส่งผลไปยังทุกๆประเทศในโลก ดังนั้น เมื่อเรามาพิจารณาวงรอบในปัจจุบัน ก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าจะมีการปฏิรูปโครงสร้างของสังคม โครงสร้างอำนาจ และโครงสร้างการบริหาร ของโลก เชื่อได้เลยว่า จะมีมหาอำนาจที่เสื่อมอำนาจลง และจะเกิดมหาอำนาจใหม่ขึ้นมาแทน

    หากตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วใครจะเป็นผู้แพ้ หรือใครจะเป็นผู้ชนะในยุคนี้ คำตอบก็คือ “ผู้ที่สามารถปฏิรูปเปลี่ยนแปลงตนเองได้เท่านั้นจึงจะเป็นผู้ชนะ” แต่ไม่ใช่ว่าผู้ชนะในตอนแรกของยุคนี้ จะเป็นผู้ชนะในตอนสุดท้าย ดังที่เราเห็นว่าในศตวรรษที่ 18 อังกฤษเป็นผู้ชนะฝรั่งเศสในตอนแรก แต่กลับต้องสูญเสียโลกใหม่อย่างอเมริกาไปในตอนท้ายของยุค ดังนั้น หากต้องการเป็นผู้ชนะ การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงจะต้องเป็นการทำอย่างจริงจังและเห็นผล ไม่ใช่ทำๆหยุดๆ

    เท่าที่เห็นในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้สูงว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจของโลก กำลังอยู่ในภาวะถดถอยอย่างรุนแรง จากพฤติกรรมความโอหังในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะได้รับผลตอบแทนจากการกระทำของตนเอง การที่ผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างนายบารัก โอบามา ประกาศนโยบาย “Change” นั้น ถือว่าตรงกับปรากฏการณ์ดาวพลูโตในราศีมกรอย่างยิ่ง หากสหรัฐอเมริกาได้นายโอบามาเป็นประธานาธิบดีจริงและมีการปฏิรูปประเทศตนเองอย่างจริงจัง ก็ยังมีโอกาสที่จะรักษาอำนาจของตนในระดับโลกไว้ได้

    ในยุคพลูโตราศีมกรระหว่างปี 2008-2023 นี้ คาดว่า เราจะเห็นการปฏิรูปการปกครองเกิดขึ้นในประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยของเรา ระบบการปกครองและบริหารราชการแผ่นดินกำลังอยู่ในภาวะถูกท้าทายอย่างวิกฤติ คนไทยจะต้องร่วมกันคิดอ่านหาทางปฏิรูปการเมืองการปกครองของเราให้ทันต่อยุคสมัยและเกิดประโยชน์ต่อประเทศสูงสุด มิฉะนั้น ความเป็นผู้นำของไทยในภูมิภาคก็จะเสื่อมถอยลงไป จนถูกประเทศอื่นแซงขึ้นไปอย่างน่าเสียใจ อย่างไรก็ดี คนไทยเรามีแนวทางการปฏิรูปสำคัญที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นที่รักยิ่งของคนทั้งหลาย นั่นคือ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เพราะความพอเพียงคือราศีมกร พลูโตคือการปฏิรูป รวมความกันคือ การปฏิรูปไปสู่ความพอเพียง หากเรารวมใจทำเช่นนั้นจริง ประเทศไทยของเราย่อมก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน

    หากเรามาคิดเรื่องเรื่องใกล้ตัวเข้ามา เราย่อมมองเห็นว่าในยุคพลูโตราศีมกรนี้ บริษัทองค์กรห้างร้านต่างๆจะต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารอย่างแน่นอน พวกไดโนเสาร์เต่าล้านปีที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงก็จะตกยุคหายไปจากเวที หากเราต้องการอยู่รอดในยุคนี้ จำเป็นจะต้องปรับตัวปฏิรูปตัวเองให้เป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ล้าสมัยหรือล้าหลัง คำว่ารุ่นใหม่ ไม่ได้หมายถึง ความฟุ่มเฟือย ความฟุ้งเฟ้อ เพราะนั่นคือยุคราศีธนูซึ่งผ่านไปแล้ว แต่หมายถึง ความพอเพียง ในแบบฉบับของราศีมกร นั่นเอง

    ข้อควรระวังสำหรับลูกจ้างประจำ คือให้ระวังการปรับโครงสร้างและการลดขนาด โดยเฉพาะบริษัทองค์กรขนาดใหญ่ที่ตรงกับความหมายของราศีมกร โดยเราได้เเห็นว่าตลอดปี 2551 ที่ผ่านมา เราพบข่าวการลดพนักงานของบริษัทชั้นนำทั่วโลก เช่น Citibank, Merrill Lynch ฯลฯ สำหรับเจ้าของกิจการ ให้ดูว่าธุรกิจที่เราทำอยู่ มีอะไรที่ต้องปรับปรุงบ้าง อย่าไปยึดติดกับความสำเร็จเก่าๆ เพราะมันจะไม่มีอีกแล้ว เมื่อหลายปีก่อน Michael Hammer ผู้คิดค้น Re-engineering เคยเขียนไว้ว่า "If you think you're good, you're dead" ผมยังเชื่อว่าคำพูดนี้ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคพลูโตราศีมกร

    จำไว้นะครับ ถ้าจะอยู่รอดในยุคพลูโตราศีมกร อย่าเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี แต่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปไปสู่ความพอเพียง ดังปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระเจ้าอยู่หัวของเราพระราชทานมาให้คนไทยทุกคน

    เอกสารอ้างอิง

    1. Michelsen, Neil F., Tables of Planetary Phenomena, 3rd edition, (Starcrafts Publishing, Inc. 2007)
    2. Gillett, Roy; Astrology and Compassion the Convenient Truth, (Kings Hart Books, 2007)
    3. Brown, Philip; Cosmic Trends: Astrology connects the dots, (Llewellyn Publications, 2006)
    4. สมาคมดาราศาสตร์ไทย; พจนานุกรมศัพท์ดาราศาสตร์อังกฤษ-ไทย, (สมาคมดาราศาสตร์ไทย, 2548)
    5. พลตรีประยูร พลอารีย์; คัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ, (โรงเรียนโหราศาสตร์กรุงเทพ, 2521)
    6. Solarsystem.nasa.gov
    7. Thaiastro.nectec.or.th
    8. En.wikipedia.org


    http://www.horauranian.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538705618&Ntype=2
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โควิด-19 รายที่24ในไต้หวัน
    ศูนย์บัญชาการป้องกันโรคระบาดไต้หวัน ระบุตอนดึกวันนี้ (19 ก.พ.) ว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 อีก 1 รายในไต้หวัน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในไต้หวันเพิ่มเป็น 24 ราย เป็นหญิงวัย 60 เศษ ทางภาคเหนือของไต้หวัน ไม่เคยไปต่างประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เริ่มเป็นไข้และไอเมื่อวันที่ 22 ม.ค. ไปหาหมอที่คลินิก 4 ครั้ง ระหว่างวันที่ 22-29 ม.ค. อาการหนักขึ้น หายใจหอบ จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อตอนดึกของวันที่ 29 ตรวจพบอาการปอดบวม จึงเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 30 ม.ค. แต่อาการหนักขึ้นจึงส่งเข้าห้องไอซียูในวันที่ 10ก.พ. หลังจากนั้นในวันที่ 17 ก.พ. จึงย้ายไปยังห้องแยกรักษาความดันลบ และตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในวันนี้ กลายเป็นรายที่ 24 ในไต้หวัน
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาวะโลกร้อนเริ่มส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต‼️
    สำนักข่าว The Inquisitr รายงานว่า มีคนโพสต์คลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นหอยแมลงภู่นับแสนๆ ตัวตายเกลื่อนกลาดอยู่บนชายหาดของประเทศนิวซีแลนด์
    แบรนดอน เฟอร์กูสัน (Brandon Ferguson) ชายผู้เป็นเจ้าของคลิป เล่าว่าเขาไปที่หาด Maunganui Bluff ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองที่เกาะเหนือ ของนิวซีแลนด์ ด้วยความตั้งใจที่ว่าจะไปเก็บหอยแมลงภู่ไปทำอาหารกินกับครอบครัว
    “ผมอยู่ในพื้นที่พอดี ผมเลยออกไปที่ชายฝั่งเพื่อหาของกินให้กับครอบครัว วันนั้นผมออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ และครอบครัว ขณะที่พวกเขากำลังตกปลากันอยู่ เราขุดทรายให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศเพื่อที่เราจะลงไปเก็บหอยได้” – เฟอร์กูสัน กล่าว
    แต่เฟอร์กูสันกับเพื่อนๆ กลับพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเห็นหอยแมลงภู่นับร้อยนับพันตัวมีสีเขียวตามตัวของมัน
    “กลิ่นมันเหมือนอาหารทะเลกำลังเน่า หอยแมลงภู่บางตัวมีแต่เปลือก บางตัวตาย บางตัวลอยอยู่กลางสายน้ำ มีหอยและเปลือกหอยมากกว่า 500,000 ตัวตายเกลื่อนไปตามแนวชายฝั่ง”
    แม้ว่าเฟอร์กูสันจะกล่าวว่าเขาไม่เคยเห็นหอยแมลงภู่ในสภาพเช่นนี้มาก่อน แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นสิ่งมีชีวิตในทะเลถูกซัดมาที่ชายฝั่ง แสดงให้เห็นสัญญาณของการถูกต้มจนสุก เนื่องจากในอดีตเขาเคยเห็นหอยตายและชาวนิวซีแลนด์ก็อ้างว่าอุณหภูมิของท้องทะเลที่สูงขึ้นเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ครั้งนั้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าอุณหภูมิของทะเลโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นระหว่าง 0.1-0.2 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษจริง
    ในขณะเดียวกัน หอยแมลงภู่ไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หมีขั้วโลกกำลังผอมลงและไม่มีการสืบพันธุ์เท่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากผลกระทบของน้ำแข็งที่กำลังละลายอย่างต่อเนื่อง
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ฮุนเซน’ ป้องไฟเขียวเรือเวสเตอร์ดัมเทียบท่า ยันไม่มีชาวเขมรติดเชื้อไวรัส
    .
    เอเอฟพี.19 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีฮุนเซน กล่าวปกป้องการตัดสินใจของตนเองที่อนุญาตให้เรือสำราญของสหรัฐฯ เข้าจอดเทียบท่า แม้ในเวลาต่อมาจะพบว่ามีผู้โดยสารของเรืออย่างน้อย 1 คน ได้รับการวินิจฉัยว่ามีเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งติดตามผู้โดยสารอีกหลายร้อยคนที่สัมผัสติดต่อกับผู้ติดเชื้อคนดังกล่าว
    .
    เรือเวสเตอร์ดัม ถูกปฏิเสธเข้าจอดเทียบท่ามาแล้วหลายแห่งก่อนที่กัมพูชาจะตกลงเมื่อสัปดาห์ก่อน และอนุญาตให้ผู้โดยสารและลูกเรือมากกว่า 2,000 คน ขึ้นฝั่งได้
    .
    แต่เรื่องที่น่ายินดีดังกล่าวต้องถูกทบทวนใหม่ เนื่องจากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หญิงอเมริกันวัย 83 ปี ถูกกักตัวที่สนามบินในมาเลเซีย และได้รับการวินิจฉัยว่ามีเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในช่วงเวลาที่เธอได้รับการวินิจฉัย เพื่อนผู้โดยสารของเธอได้เดินทางต่อไปยังประเทศต่างๆ ที่รวมทั้งสิงคโปร์และไทย โดยที่ไทยมีผู้โดยสาร 4 คน กำลังถูกกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการ
    .
    แต่อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ยังคงกล่าวอย่างท้าทายว่า “บางคนบอกว่าเรือจะนำไวรัสมาสู่กัมพูชา แต่กัมพูชาไม่มีประชาชนป่วยเป็นโรคนี้”
    .
    ด้านบริษัทฮอลแลนด์ อเมริกา ผู้ประกอบการเรือสำราญ กล่าวว่า ผู้โดยสาร 406 คน ที่พักอยู่ในโรงแรมในกรุงพนมเปญ มีผลทดสอบเป็นลบ และพวกเขาสามารถเดินทางกลับประเทศของพวกเขาได้ สำหรับผู้ที่เดินทางไปถึงสหรัฐฯ แล้ว หน่วยงานด้านสุขภาพท้องถิ่นที่ทำงานร่วมกับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ กำลังติดตามผู้โดยสารที่อาจเคยติดต่อกับหญิงอเมริกันที่ติดเชื้อคนดังกล่าว
    .
    ฮุนเซน ระบุว่า ผู้โดยสาร 300 คน ที่อยู่ในกรุงพนมเปญจะเดินทางไปที่ดูไบ ส่วนผู้โดยสารอีก 100 คน จะโดยสารเที่ยวบินเช่าเหมาลำเดินทางไปญี่ปุ่น
    .
    เจ้าหน้าที่กำลังจัดเตรียมเที่ยวบินอีกเที่ยวหนึ่งสำหรับผู้โดยสารที่ยังอยู่ที่สีหนุวิลล์ แต่ฮุนเซน ไม่ได้ระบุว่า เที่ยวบินดังกล่าวจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายใด
    .
    ผู้นำเขมรเดินทางไปต้อนรับผู้โดยสารที่ขึ้นฝั่งด้วยตนเองเมื่อวันศุกร์ (14) พร้อมกับสวมกอดและมอบดอกไม้ให้แก้ผู้โดยสาร
    .
    ในขณะที่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเร่งดำเนินการที่จะควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของบรรดาผู้โดยสารจากเรือเวสเตอร์ดัม แต่ผู้โดยสารที่อยู่ในกรุงพนมเปญกลับได้รับของขวัญจากทางการเป็นทัวร์ชมเมืองหลวงโดยมีสื่อพันธมิตรของรัฐบาลทำข่าวประชาสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด
    .
    ยังมีคนเกือบ 1,000 คน อยู่บนเรือเวสเตอร์ดัม และถูกห้ามขึ้นฝั่งจนกว่าพวกเขาจะได้รับการตรวจสอบ
    .
    ลอร์เรน โอลิเวียรา ผู้โดยสารเรือเวสเตอร์ดัมกล่าวกับเอเอฟพีว่า เธอกังวลเกี่ยวกับผลตรวจ
    .
    “ฉันกังวลเรื่องผลที่จะออกมา จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ถ้ามีใครบนเรือมีผลเป็นบวก” โอลิเวียรา กล่าว
    .
    กัมพูชายืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพียงรายเดียว เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งหายดีแล้ว ประเทศที่เป็นพันธมิตรเหนียวแน่นของจีนแห่งนี้ได้รับทุนหลายพันล้านดอลลาร์จากสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและการลงทุนจากจีน และฮุนเซนได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งเมื่อต้นเดือนเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน.
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทูตไทยในญี่ปุ่น เผย คนไทยติดเชื้อ 3 คน บนเรือสำราญ รักษาในโตเกียว ยังเหลือลูกเรือคนไทย 21 คน ที่ยังต้องรอตรวจละเอียด
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดช็อก เครื่องบินเล็กชนกันกลางอากาศ ในออสเตรเลีย ดับยกลำ 4 ศพ
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    GDP ไตรมาสแรกคาดว่าจะอยู่ที่ -8.4%
    .
    เศรษฐกิจของฮ่องกงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการชุมนุม รวมไปถึงสงครามการค้าแล้ว แต่ในปีนี้เคราะห์ซ้ำจากผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ทำให้รัฐบาลฮ่องกงเองจะต้องเตรียมงบไว้กระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเช่นเดิม
    .
    #HongKong #Economic #Recession #Brandinside
    .
    https://brandinside.asia/hong-kong-...rotest-and-trade-war-also-jobless-to-concern/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “เชฟโรเลต” ปิดตัวในไทย เต็นท์รถมือสองอ่วม ไฟแนนซ์ไม่รับจัดทุกรุ่น!
    วันที่ 19 ก.พ. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เชฟโรเลตประเทศไทย ได้มีการประกาศปิดโรงงานในไทยในปี 2563 นี้ นอกจากจะส่งผลกระทบไปยังพนักงานของเชฟโรเลต และดีลเลอร์ผู้แทนขายแล้ว ยังได้ส่งผลกระทบต่อเต็นท์รถมือสองในจังหวัดกระบี่เป็นอย่างมาก
    โดย นายธีระศักดิ์ สุดดวง ผู้จัดการเด่นยนตรการ ซึ่งจำหน่ายและจัดซื้อรถมือสองรายใหญ่ในจังหวัดกระบี่ ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่เชฟโรเลตได้มีการประกาศปิดตัวนั้น ก็ได้มีการสอบถามไปยังไฟแนนซ์ต่างๆ ปรากฏว่าทุกไฟแนนซ์ไม่รับจัดสินเชื่อรถทุกรุ่นขอเชฟโรเลตแล้ว โดยให้เหตุผลว่าทางบริษัทใหญ่สั่งการมา
    นายธีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเต็นท์รถมือสองของตนมีอยู่ 3 คัน รวมยอดที่ซื้อมาล้านกว่าบาท ก็ยอมรับสภาพว่าขาดทุนก็จำเป็นที่จะต้องลดราคาลงและขายเงินสดเท่านั้น แต่ก็ไม่ทราบว่าจะมีผู้มาซื้อหรือไม่ ส่วนรถรุ่นต่างๆของเชฟโรเลตนั้น หากมีผู้เข้ามาขายก็ไม่สามารถรับซื้อได้ ต้องหยุดซื้อเช่นกัน เพราะซื้อมาแล้วก็ไม่รู้จะขายใคร เนื่องจากไม่มีไฟแนนซ์รับจัดสินเชื่อให้ผู้ซื้อ สิ่งที่จะกระทบหลังจากนี้ก็คงจะเป็นผู้ที่ใช้รถอยู่ หากจะขายก็ขายไม่ได้ และนานไปก็คืออะไหล่ที่จะกระทบขึ้นราคาแน่นอน เพราะหยุดการผลิตหา
    The post “เชฟโรเลต” ปิดตัวในไทย เต็นท์รถมือสองอ่วม ไฟแนนซ์ไม่รับจัดทุกรุ่น! appeared first on SpringNews.
    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวดี! ทางการแพทย์แห่งชาติของจีนได้ให้การรับรองยาต้านไวรัส Favilavir(ไวรัสฟาวิลาเวียร์) เป็นยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 Zโควิด-19) ซึ่งนับเป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ ❤️
    โดยยา Favilavir เป็นยาที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท เภสัชกรรม เจ้อเจียง ไฮซัน (Zhejiang Hisun Pharmaceutical) ซึ่งคาดว่าตัวยานี้จะมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคที่มาจากเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ได้มีการทดลองใช้ตัวยา Favilavir ในการรักษาผู้ป่วย 70 รายในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง พบว่าตัวยามีประสิทธิภาพในการรักษา อีกทั้งมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย ซึ่งตัวยา Favilavir ได้รับการอนุมัติผลิตแล้วเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
    -----------------------------------------------
    นอกจากยาต้านไวรัส Favilavir แล้ว กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนยังได้ทดลองอีกสองตัวยาคือ ยารักษามาลาเรีย คอลโรควิน ฟอสเฟต ที่ได้ใช้ในการทดลองกับผู้ป่วยมากกว่า 100 รายในโรงพยาบาล 10 แห่งในกรุงปักกิ่ง และมณฑลกวางตุ้ง โดยล่าสุดได้มีการทดลองเพิ่มเติมที่ โรงพยาบาลในมณฑลหูหนาน
    อีกหนึ่งตัวยาคือยา Remdesivir (เรมเดซิเวียร์) ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในสถาบันการแพทย์มากกว่า 10 แห่งในเมืองอู่ฮั่น โดยก่อนหน้านี้สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) เปิดเผยว่า Remdesivir เป็นตัวยาที่สามารถใช้รักษาโรคซาร์ส รวมถึงใช้รักษาเชื้อไวรัสโคโรนาในลิง
    -----------------------------------------------
    ทั้งนี้ นักวิจัยและทีมแพทย์ รวมถึงผู้ผลิตยาในประเทศจีน ได้เร่งทำการผลิตยา Favilavir เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในขณะนี้มียอดผู้ป่วยทั่วโลกอยู่ที่ 75,199 ราย
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่นานมานี้มีงานเขียนที่น่าสนใจของคอลัมนิสต์ใน Asia Times อย่าง Christina Lin ที่ชื่อ “Coronavirus solidifies US-China decoupling” ที่เว็บไซต์ “ผู้จัดการ” เอามาแปลเกี่ยวกับสถานการณ์ของโลกปัจจุบันโดยใช้ชื่อว่า “ไวรัสระบาดกำลังทำให้การหย่าร้างแยกขาดระหว่างสหรัฐฯ-จีน เป็นจริงเป็นจัง”
    .
    โดยเหตุผลที่น่าสนใจ และควรต้องอ่านก็เพราะมันอาจพอช่วยให้เกิด “สติ-ปัญญา” ในการ “มองโลก” มากไปกว่าการ “หูแหก-ตาแหก” แบบไร้สติ-ไร้ปัญญา เพราะมัวเอาแต่ “มองโรค” กลัวติดเชื้อ ติดโรค จนพล่านกันไปทั้งโลกอยู่ในทุกวันนี้ เพราะสิ่งที่มันอาจน่ากลัวซะยิ่งกว่าก็คือบรรยากาศแห่งความขัดแย้ง เกลียดโกรธ อาฆาต พยาบาท และริษยา ระหว่างสองอภิมหาอำนาจระดับโลกอย่างจีน และอเมริกา ที่นับวันมันจะแรงขึ้นๆ หนักขึ้นๆ
    .
    จนทำให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญ ชำนาญการด้านกิจการระหว่างประเทศ ผู้ที่มีความลุ่มลึก ลึกซึ้ง ในการมองความเป็นไปของโลก ไม่ว่าตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต อย่างคุณปู่ “เฮนรี คิสซิงเจอร์” อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกายุคนิกสันเคยออกมาเตือนๆ เอาไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ในลักษณะที่แทบไม่ต่างไปจากการคาดการณ์ หรือการพยากรณ์เอาไว้ประมาณว่า “ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน และอเมริกา อาจทำให้โลกทั้งโลกหนีไม่พ้นต้องเจอกับฉากสถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งหนักซะยิ่งกว่ายุคสงครามโลกครั้งแรก”
    .
    แม้ว่าคำเตือนที่ว่าของคิสซิงเจอร์จะมีมาก่อนหน้าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่รู้กี่เดือนต่อกี่เดือน แต่ก็ดูจะไม่ได้ช่วยให้เกิดการลดราวาศอก เกิดความพยายามที่จะบรรเทาเบาบาง ความโกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท และริษยาใดๆ ลงไปได้เลยแม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้าม เมื่ออุบัติการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวใหม่คราวนี้ กลับยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเกลียด ความชิงชัง ที่ฝังลึกลงไปในจิตสำนึก ทัศนคติ อารมณ์-ความรู้สึก
    .
    โดยเฉพาะในหมู่นักการเมือง และผู้มีบทบาทอำนาจในอเมริกา ที่มีต่อ “คู่แข่ง” อย่างจีน ชนิดที่ยากจะหาทางกลบเกลื่อ ลบเลือนกันได้ง่ายๆ หรือยิ่งทำให้ “การหย่าร้างแยกขาด” ระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างที่คอลัมนิสต์ Asia Times ว่าไว้ ยิ่งเป็นจริง เป็นจัง หรือยิ่งเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปทุกที ดังที่เคยไล่เรียงมาให้เห็นไปบ้างแล้วว่า ขณะที่จีนกำลังเผชิญกับวิกฤต เผชิญความฉิบหายเพราะโรคระบาด รัฐมนตรีพาณิชย์อเมริกาอย่างนายวิลเบอร์ รอสส์ กลับมองเป็นโอกาสของอเมริกาไปซะนี่
    .
    ไม่ต่างไปจากที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจทำเนียบขาวอย่างนายแลร์รี คัดโลว์ ที่ได้จังหวะตามไปกระทืบรัฐบาลจีน หาว่าปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้อโรค หรือนายทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกรัฐอาร์คันซอ ที่ฉวยโอกาสแพร่ไวรัสทางการเมือง ตั้งข้อสมมติฐานว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจเป็นเชื้อที่หลุดออกมาจากห้องแลปของรัฐบาลจีนไปซะอีกต่างหาก
    .
    ล่าสุดก็นายริค สก็อตต์ วุฒิสมาชิกรัฐฟลอริดา ที่ออกมาเรียกร้อง WHO ให้กดดันรัฐบาลจีน ด้วยข้อกล่าวหาว่าพยายามปกปิดข้อมูลการติดเชื้อ และอะไรต่อมิอะไรที่ล้วนแสดงให้เห็นถึงความพยายามรุมเหยียบ รุมกระทืบซ้ำ อย่างไม่คิดจะปรานี-ปราศรัยใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
    ยิ่งระดับรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศนายมาร์ค เอสเปอร์ นายไมค์ ปอมเปโอ หรือแม้แต่ประธานสภาคองเกรสนางแนนซี เพโลซี ที่เป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามของประธานาธิบดีอเมริกันเอง แต่ในแง่จิตสำนึก ทัศนคติ และอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อจีน แทบไม่ได้ผิดแผกแตกต่างกันเอาเลยแม้แต่น้อย คือขณะที่เพื่อนร่วมโลกกำลังต้องเผชิญกับโรคระบาด อันไม่ได้มีเชื้อชาติ สัญชาติ ไม่ได้อยู่ฝ่ายใด ไม่ได้คิดเป็นพันธมิตรกับชาติไหนๆ แต่พร้อมจะเป็นศัตรูมวลมนุษยชาติไปในทุกๆ ชาติ
    .
    ภายใต้ภาวะเช่นนี้ แทนที่ควรแสดงออกถึงความเห็นอก เห็นใจ หรืออยู่เฉยๆ ก็ยังดี แต่ทั้งนายมาร์ค นายไมค์ รวมทั้งนางแนนซี กลับฉวยโอกาสหันไปรุมกระทืบจีน หรือรุมกระทืบบริษัทเทคโนโลยีของจีน อย่างบริษัท “หัวเว่ย” ซะแทนที่ ท่ามกลางความจงเกลียด จงชัง ความเคียดแค้น อาฆาตพยาบาท และริษยา ในลักษณะเช่นนี้นี่เอง
    .
    กลับทำให้ความพยายามที่จะเอาชนะ “เชื้อโรค” อันถือเป็นศัตรูของมวลมนุษยชาติ ไม่ว่าชาติไหนต่อชาติไหนก็แล้วแต่ และไม่ว่าจะเป็น “คอมมิวนิสต์” หรือ “ประชาธิปไตย” ก็ตาม ยิ่งทำได้ยากลำบากยากเย็นยิ่งขึ้นไปอีก
    .
    ดังที่ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายแห่งบริษัท “RAND” นางเจนนิเฟอร์ โบอี้ ได้ให้การกับคณะกรรมาธิการด้านกิจการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่วันมานี้ หรือเมื่อช่วงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่าก่อนหน้านี้ ความร่วมมือระหว่างแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์มืออาชีพของจีน และอเมริกา ในเรื่องการควบคุมและป้องกันโรคระบาดแต่ละรูป แต่ละแบบ ต่างมีมาโดยตลอด และเป็นไปโดยใกล้ชิดนับจากการแพร่ระบาดของ “โรคซาร์ส” เป็นต้นมา
    .
    อันทำให้การป้องกัน และควบคุมโรคระบาดต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลพอสมควร แต่ภายใต้ช่วงระยะเวลาประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา หรือช่วงระยะที่ “ทรัมป์บ้า” ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกา พร้อมกับความพยายามแพร่เชื้อโรค “Sinophobia” หรือ “โรคกลัวจีน” กันอย่างเป็นระบบ บรรดาความร่วมมือเหล่านี้เลยค่อยๆ ลดลงๆ จนถึงขั้นสะดุด หยุดกึกในอีกไม่นาน ไม่ช้า และนั่นเองที่ทำให้การเอาชนะโรคระบาดทั้งหลาย จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นไปในแบบยากลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และก็คงไม่ใช่แค่ความพยายามเอาชนะโรคระบาดเท่านั้น ที่อาจต้องลดทอนประสิทธิภาพ ประสิทธิผลไป
    .
    เพราะความสัมพันธ์ที่แย่ลงๆ ระหว่างสองอภิมหาอำนาจอย่างจีน และอเมริกา แต่แม้กระทั่งความพยายามเอาชนะ “ความถดถอยทางเศรษฐกิจ” ซึ่งกำลังปรากฏให้เห็นกันระดับโลก ความย่ำแย่ของ “เศรษฐกิจจีน” ที่ว่ากันว่า อาจต้องเจอกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงเหลือแค่ไม่ถึง 6% ระหว่างที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคระบาดคราวนี้ ก็ไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจอเมริกาโตวันโตคืนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามแนวโน้มแห่งการถดถอยทางเศรษฐกิจของอเมริกา ที่ส่งสัญญาณให้เห็นค่อนข้างจะชัดเจน ไม่ว่าในปีนี้ หรือปีหน้าก็ตาม ก็ยิ่งน่าจะถดถอยยิ่งขึ้นไปใหญ่
    .
    แค่ดูจากราคาน้ำมันที่หล่นวูบ หล่นวาบ ลดลงไปแล้วกว่า 20% นับจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีนเจอปัญหาเข้าจังๆ สิ่งเหล่านี้นี่แหละที่กำลังส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำมัน “Shale Oil” ของอเมริกาซึ่งเคยบูมๆ ทำท่าว่าอาจต้องเจ๊งกันไปเป็นราย อันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าราคาน้ำมันในตลาดยิ่งเข้าไปทุกที
    .
    เพียงเท่านี้ก็พอสะท้อนให้เห็นถึง “ฉากสถานการณ์อันเลวร้าย” พอสมควรแล้ว แต่ถ้าบรรดาความเกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท และริษยา ในหมู่ผู้มีบทบาทอำนาจทางการเมืองในอเมริกายังไม่ทุเลาเบาบาง หรือไม่ลดๆ ลงไปได้มั่ง โอกาสที่เราๆ ท่านๆ หรือบรรดาชาวโลกทั้งหลาย จะมีโอกาสได้เห็น “ฉากสถานการณ์ที่เลวร้ายซะยิ่งกว่าครั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างที่คุณปู่คิสซิงเจอร์ ท่านได้เตือนๆ หรือได้พยากรณ์เอาไว้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย
    -------------------------------------
    แหล่งข้อมูล
    https://mgronline.com/daily/detail/9630000016454
    https://asiatimes.com/2020/02/coronavirus-solidifies-us-china-decoupling/
    -------------------------------------
    กด Like และ ติดตามเพจ เพื่อรู้เท่าทันโลก
    กับ Thailand Vision
    .
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า หวังอี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวชื่นชมในมิตรไมตรีของชาวไทยทุกระดับที่หยิบยื่นให้จีน ในห้วงเวลาที่จีนกำลังรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะพบปะกับดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์
    .
    หวังอี้กล่าวว่า ไทยและจีนเป็นครอบครัวเดียวกัน หลังเชื้อไวรัสแพร่ระบาดในครั้งนี้ ไทยยื่นมือเข้าช่วยเหลือจีนตั้งแต่ระดับราชวงศ์ รัฐบาล ไปจนถึงภาคส่วนต่างๆ ในสังคม สะท้อนถึงมิตรภาพอันพิเศษระหว่างประชาชนจีนและไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังถ่ายวิดีโอให้กำลังใจประเทศจีนโดยเฉพาะนครอู่ฮั่น
    .
    นอกจากนี้ จีนยังชื่นชมที่ไทยเคารพคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ดำเนินมาตรการรับมือที่เหมาะสม มีคำกล่าวว่ายามยากจึงจะเห็นมิตรแท้ เชื่อว่าหลังภัยครั้งนี้ผ่านพ้นไป ความสัมพันธ์ของประชาชนจีนและไทยจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มิตรไมตรีที่มีมาแต่เดิมย่อมจะลึกซึ้งยิ่งขึ้น
    .
    หวังอี้เสริมว่า การต่อสู้กับโรคระบาดของจีนนั้นประสบผลสำเร็จมากขึ้นเป็นลำดับ แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนที่มีโชคชะตาเกี่ยวเนื่องกัน ไม่ว่าจะเผชิญภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจในเอเชีย ภัยจากโรคซาร์ส หรือภัยธรรมชาติสึนามิ จีนและอาเซียนต่างร่วมหัวจมท้าย ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน
    .
    ในช่วงเวลาสำคัญที่จีนกำลังต่อสู้กับโรคระบาดอย่างเช่นตอนนี้ ทั้งจีนและไทยต่างสนับสนุนให้จัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจีน-อาเซียนสมัยพิเศษ ว่าด้วยการต่อสู้โรคระบาด แสดงความกลมเกลียวและความมุ่งมั่นที่จะผ่านช่วงเวลายากลำบากไปด้วยกันของทั้งสองฝ่าย และตนเชื่อว่าการประชุมสมัยพิเศษในวันพรุ่งนี้จะประสบผลสำเร็จด้วยดี
    .
    ด้านดอน ปรมัตถ์วินัย กล่าวถ้อยคำให้กำลังใจว่า “อู่ฮั่นสู้ๆ” ก่อนจะกล่าวว่าไทยและจีนช่วยเหลือและเข้าใจกันมาโดยตลอด การประชุมสมัยพิเศษที่จัดขึ้นนี้เป็นไปเพื่อหารือเรื่องการรับมือกับโรคระบาดร่วมกันอย่างทันท่วงที และเป็นการประชุมที่มุ่งเน้นเรื่องสาธารณสุขเป็นครั้งแรก นับว่ามีความสำคัญยิ่ง
    .
    เขาเสริมว่าฝ่ายไทยชื่นชมอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ในการต่อสู้กับโรคระบาดของจีน ด้านผู้ติดเชื้อในไทยเองก็กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โรคระบาดคือความท้าทายร่วมกันของภูมิภาคต่างๆ เชื่อว่าการประชุมในวันพรุ่งนี้จะประสบผลในเชิงบวก สร้างเสริมความร่วมมือและความสามัคคีในหมู่ประเทศอาเซียนกับจีนให้มากขึ้นและสร้างคุณูปการด้านสาธารณสุขให้แก่ภูมิภาคและโลก
    -------------------------------------
    แหล่งข้อมูล
    https://www.xinhuathai.com/high/ยามยากพบมิตรแท้-หวังอี้_20200219
    -------------------------------------
    กด Like และ ติดตามเพจ เพื่อรู้เท่าทันโลก
    กับ Thailand Vision
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Global Research
    Will China Virus Trigger New Great Depression? US Economy Already Fragile
    ไวรัสจากจีนจะจุดชนวน Great Depression หรือไม่
    By F. William Engdahl Feb 12, 2020
    ในประวัติศาสตร์ การเกิด depressions ทางเศรษฐกิจใหญ่ ๆ ทุกครั้งมักจะเริ่มจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงจากส่วนนอกของตลาดการเงิน เช่นในเคสของเมื่อเดือนพฤษภาคม 1931 ที่เกิดเซอร์ไพร้ส์การเจ๊งของธนาคาร Austrian Creditanstalt Bank ในเวียนนา ที่ไปทำให้ระบบแบ้งกิ้งที่บอบบางช่วงหลังสงครามของเยอรมันพังไปด้วยกัน เป็นชนวนให้เกิด Great Depression ในสหรัฐ เพราะธนาคารใหญ่ ๆ ในสหรัฐถูกเขย่าจนถึงฐานราก ....แล้วเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดที่อยู่นอกตลาดการเงินจะมาเขย่าให้เกิดดีเปรสชั่นเศรษฐกิจหรือเปล่า เช่นเรื่องไวรัสโคโรน่าที่ก่อผลในวงการค้าของโลก
    เมื่อตอนที่ข่าวเรื่องไวรัสที่เกิดขึ้นที่อู่ฮั่นและเมืองรอบ ๆ ประมาณวันที่ 20 มกราคม ระบบการเงินของโลกโดยเฉพาะที่สหรัฐก็ยังไม่ได้มองในแง่ร้าย ...Fed ก็ยังคงปั้มพ์เงินต่อไป ทรัมพ์ก็ยังคงเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นก็ยังคงติบโตแบบเทียม ๆ ทุกอย่างดูดีสำหรับเดือนมกราคม
    แต่พอหลังจากนั้น จีนประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ศูนย์การผลิตและแหล่ง supply chains ขนาดยักษ์ของโลกแห่งนี้ต้องเผชิญผลร้ายทางเศรษฐกิจ จากการที่ต้องปิดเมืองที่มีคนถึง 77 ล้านคน ...ที่ทำให้งานการผลิตแห่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมีปัญหาตามไปด้วย เหตุการณ์นี้จะลากเอาทั้งโลก โดยเฉพาะ USA พังในช่วงเวลาที่มีความเปราะบางที่สุดแล้ว
    US Economy Already Fragile
    สื่อกระแสหลักส่วนใหญ่ไม่เคยให้ข่าวเลย ว่าประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก..สหรัฐอเมริกา..มีสัญญานเตือนถึงเศรษฐกิจที่กำลังถอยหลังมาก่อนแล้วแม้ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ไวรัสช้อคโลกที่จีนซะอีก
    หนึ่งในสัญญานเตือนในอดีตหลายเดือนที่ผ่านมาก่อนมกราคม..ก็คือภาคพลังงานของสหรัฐ shale oil ที่ครั้งหนึ่งเคยบูมมาแล้ว ...สหรัฐเคยสร้างเซอร์ไพร้ส์ให้กับโลก ขึ้นมาเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก แซงหน้าทั้งรัสเซียและซาอุดิอราเบีย เมื่อตอนต้นเดือนมกราคม สหรัฐผลิตน้ำมันมากถึงวันละ 13 ล้านบาเรล เป็นการผลิตจากบ่อ shale oil ที่ส่วนใหญ่อยู่ในเท้กซัส
    อุตสาหกรรมน้ำมัน shale มีการคาดหวังตลาดจีนจากการที่มี US-China Trade Deal ที่จีนตกลงจะซื้อน้ำมันจากสหรัฐเพิ่มมูลค่า $18,500 ล้านในปี 2020 ซึ่งมากกว่าเมื่อปี 2017 ที่ $9,100 ล้านถึงสองเท่า และจะยังมีอีก $33,900 ล้านในปี 2021 ...จะเห็นว่าโควต้าเหล่านี้เพิ่มจากปีที่แล้วสองเท่า และจะเป็นสามเท่าในปีถัดไป
    ทั้งหมดนี้เป็นแผนก่อนจะเกิดโคโรน่าไวรัส และก่อนจะเกิดการแบนการเดินทางของชาวจีนโดยสายการบินใหญ่ รวมถึงการปิดโรงงานจำนวนมากในประเทศจีน ...มาถึงวันนี้ ราคาน้ำมันร่วงดิ่งลงจากการคาดว่าจีนคงนำเข้าน้ำมันน้อยลงในอีกหลายเดือนจากนี้ ...นับจากสิ้นเดือนมกราคมเป็นต้นมา ดีมานด์น้ำมันดิบของจีนลดลงไปถึง 3 ล้านบาเรลต่อวัน หรือ 20% ของปริมาณการใช้ ...ราคาน้ำมัน US West Texas Intermediate อยู่ต่ำกว่า $50 นี่คือเรื่อง oil demand shock ที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่มีวิกฤตการเงินเมื่อปี 2008
    เมื่อเดือนมกราคม ราคาน้ำมัน WTI ตกไป 15% เลวร้ายที่สุดนับจากปี 1991....หลังจากนั้นที่มีรายงานการเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไวรัสที่จีนเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งเลวร้ายลง ราคาน้ำมันร่วงลงไปอีกถึงแม้จะมีการลดการผลิตจากลิเบียถึง 1 ล้านบาเรลต่อวันจากเหตุการณ์สงครามกลางเมือง ....เรื่องเลวร้ายจากโรคระบาดในจีนคงจะทำให้ดีมานด์น้ำมันของโลกลดลงอีก และนั่นหมายถึงหายนะของอุตสาหกรรมน้ำมัน shale ของสหรัฐ ถึงแม้ OPEC จะตัดสินใจลดการผลิตลง
    เมื่อเดือนธันวาคม 2019 ก่อนที่จะมีข่าวไวรัส จำนวนของบริษัทน้ำมัน shale ในสหรัฐที่มีการยื่นไฟลิ่งล้มละลายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ เมื่อราคาเริ่มลงต่ำกว่าการทำกำไร
    จาก monitor ของอุตสาหกรรมน้ำมัน Baker Hughes ....จำนวนหัวเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงถึง 265 หัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมี 790 หัว หลาย ๆ บริษัทของสหรัฐ ต่างก็คาดหวังการส่งออกไปจีนครั้งใหญ่ ....แต่นี่กำลังจะเป็นฝันร้ายครั้งใหญ่
    USA Transportation in Crisis
    ภาคเศรษฐกิจแท้จริงขึ้นอยู่กับการดำเนินงานการขนส่งในตลาด ...ไม่เหมือนกับบริษัทในตลาดหุ้น ที่มีการทำราคาโดยใช้สภาพคล่องเทียมที่สร้างจาก Fed ในการซื้อคืนหุ้นของตนแทนที่จะเป็นการลงทุนด้านเครื่องจักร
    ในสหรัฐ..การขนส่งใช้รถบรรทุกเป็นหลัก ซึ่งดัชนีชี้วัดก็ไม่ได้เป็นบวกแม้แต่ก่อนเหตุการณ์ไวรัสในจีน ...เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มขนส่งโดยรถบรรทุกที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา Celadon of Indiana ยื่นขอล้มละลาย ....เป็นกลุ่มขนส่งที่ขอล้มละลายที่ใหญ่ที่สุดที่มีคนขับถึง 3,000 คน
    ในสามไตรมาสแรกของปี 2019 บริษัทขนส่งเกือบ 800 บริษัทประสบการขาดทุน มากว่าสองเท่าของปี 2018 จากแหล่งข่าวของบริษัทข้อมูลอุตสาหกรรมการขนส่ง Broughton Capital
    การลดลงของการขนส่งในสหรัฐไม่ได้มีเฉพาะรถบรรทุก แต่เป็นทั่วไปหมด ...จากแหล่งข่าว Cass Index for Freight Shipments เมื่อเดือนมกราคม การขนส่งโดยรถไฟ เรือ ทางอากาศและทางบก ร่วงลง 7.9% YoY ...นั่นเป็นการตกไปเป็นเดือนที่ 13 ต่อเนื่อง ที่นับว่าหนักหนาที่สุดนับจากวิกฤตเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 เรื่องนี้กระทบไปถึงการผลิตรถและอะไหล่อีกด้วย อีกเหตุผลหลักของการลดลงนี้มาจากความอ่อนแอด้านการผลิตของสหรัฐเอง ....ตำแหน่งงานไม่เคยกลับมาจากจีนอีกเลย ...ดัชนีวัตถุดิบ Purchasing Manager Index ในเดือนธันวาคมร่วงลงไป 0.9% จากเดือนก่อนหน้าที่ 47.2% เป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 5 ต่อเนื่อง ...มีการลดลงอย่างต่อเนื่องของ การจ้างงาน..ออร์เดอร์..การส่งออก..การผลิต..backlog..และสินค้าคงคลัง.....
    เหนือสิ่งอื่นใด คือความอ่อนแอของเกษตรกรอเมริกันที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศมาตั้งแต่ปี 2019 ตามมาด้วยการยุติการส่งออกไปจีนจากผลของ trade war ....จากเฟสหนึ่งของ trade deal จีน-สหรัฐในเดือนธันวาคมที่จีนจะมีการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐถึง $50,000 ล้าน ซึ่งถ้าจริง จะเป็นการยกฐานะเกษตรกรอเมริกันให้สูงขึ้นจากเดิม ซึ่งในปี 2017 มีเพียงแค่ $19,000 ล้าน ...แต่ตอนนี้จะเป็นฝันสลายเนื่องจากการระบาดของโคโรน่าไวรัส ...ที่จริงปักกิ่งได้เรียกร้องให้มีการเจรจาการค้าใหม่อันเนื่องจากผลกระทบของไวรัสแล้ว
    ในปี 2019 การล้มละลายของเกษตรกรสหรัฐ สูงกว่าปี 2018 อยู่ 24% ..เลวร้ายที่สุดนับจากปี 1980s ....การสูญเสียในปี 2020 นี้จะทำให้เกษตรกรรับพัน ๆ คนไม่อาจอยู่รอดได้
    อาการช้อคแบบไม่ได้คาดฝันจากวิกฤตครั้งนี้จะเป็นการ disrupting supply chains ณ ศูนย์กลางของการผลิตของโลก..จีน.. และจะมีผลต่อบริษัทอเมริกัน เช่น Boeing, GM, Apple และอีกมาก ถ้าวิกฤตยังเกิดต่อเนื่อง ...ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะเกิดต่อเนื่องซะด้วย
    สำหรับคนนับล้าน ๆ..การที่ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นสูงมาตลอดนับสิบปีมานี้ นับเป็นแหล่งรายได้จากเงินออมของพวกเขา ....มาถึงวันนี้ เริ่มได้เห็นถึงตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีแรงขายอย่างรุนแรงจากความกลัวผลกระทบจากไวรัสโคโรน่าไวรัสต่อเศรษฐกิจโลก นี่อาจกลายเป็น panic ที่กวาดเอาเงินออมของคนอเมริกันนับล้านหายวับไปได้เลย และจากการที่ชาวอเมริกันแค่ 41% เท่านั้นที่มีเงินออมเกิน $1,000 ..ผลกระทบจะขนาดไหน
    ความแตกต่างของเศรษฐกิจจากผลของวิกฤตครั้งนี้ กับของเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว คือผลกระทบในระดับโลก ....การที่จีนได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากการ outsource การผลิตจากตะวันตก
    อุตสาหกรรมการผลิตรถยนตร์ของเกาหลีต้องประกาศหยุดการผลิตชั่วคราว เพราะส่วนประกอบจาก supply chains จากจีนต้องหยุดไปเนื่องจากโคโรน่าไวรัส ..อุตสาหกรรมของเยอรมันที่ต้องพึ่งพิงการส่งออกชิ้นส่วนจากจีน ตั้งแต่อะไหล่รถจนถึงเครื่องจักร ตอนนี้ถึงกับยุติเลย ฝรั่งเศส อิตาลี และอีกหลายประเทศในอียูก็กำลังอยู่ในอาการเดียวกัน
    Stephen Innes แห่ง AxiCorp เตือนว่า .."อาการช้อคทางเศรษฐกิจที่เกิดกับจีน จะกระจายอย่างรวดเร็วสู่ประเทศอื่น ๆ ที่มีการค้าและความสัมพันธ์ทางการเงินต่อกันในระดับโลกาภิวัฒน์".. บางประเทศจะเปราะบางมากกว่าต่อการช้อคโลกครั้งนี้ ...แม้เมื่อครั้งการระบาดของ SARS เมื่อปี 2003 ในจีนและฮ่องกง ดีกรีของอาการที่เกิดในระดับโลกาภิวัฒน์ก็ยังน้อยกว่าครั้งนี้มากนัก
    เมื่อดูจากปริมาณรวมของหนี้ที่มีอยู่มากเป็นประวัติการณ์ในเศรษฐกิจโลก รวมถึงหนี้ของสหรัฐด้วย ...ผลกระทบต่อโลก..ที่เกิดจากเรื่องที่ไม่ได้คาดฝันในจีนครั้งนี้ มันเกินจินตนาการถ้าเป็นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนี้ ....เรายังไม่มีรายงานละเอียดถึงจำนวนการผลิตในจีนที่ปิดตัวลง มันจะปิดตัวอีกนานไหม .....หรือ supply chains ที่ต้องขาดตอนลงครั้งนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น
    นี่เป็นเรื่องเขย่าโลก ...แต่ตลาดการเงินก็ดูเหมือนยังไม่มีทีท่าว่าจะให้ความสนใจแต่อย่างใด
    Note to readers: please click the share buttons above or below. Forward this article to your email lists. Crosspost on your blog site, internet forums. etc.
    F. William Engdahl is strategic risk consultant and lecturer, he holds a degree in politics from Princeton University and is a best-selling author on oil and geopolitics, exclusively for the online magazine “New Eastern Outlook” where this article was originally published. He is a frequent contributor to Global Research.
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    YouTube - SilverDoctors
    All Bubbles Must Blow Up At Some Point.
    John Rubino Feb 15, 2020
    2:20...John....หลังจากมีการผ่อนคลาย (easing) อยู่หลายปีที่ทำให้เงินจำนวนมากหมุนเวียนอยู่ในระบบแบ้งกิ้ง ..พอ Fed มีการทำ tightening ดูดเงินกลับจากระบบ รวมทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่ทำให้ตลาดหุ้นเกิดอาการสติแตกในเดือนธันวาคม ปี 2018 ....Fed จึงเกิดความคิดว่าคงจะต้องทำการพิมพ์เงินเข้าระบบไปจนตลอดชั่วอายุของระบบนี้ซะแล้ว รวมถึงการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบและงบประมาณขาดดุลไปเรื่อย ๆ
    ดังนั้นในปี 2019 จึงต้องกลับมาทำเหมือนเดิม ตลาดการเงินทั้งหลายก็สนองตอบด้วยดีเหมือนเดิม เราจึงได้เห็นราคาหุ้นทำสถิติ ตลอดถึงราคาทรัพย์สินทางการเงิน
    3:20....พอมาวันนี้ เรากำลังพบกับเรื่องการระบาดของไวรัสในจีนที่นำไปสู่การปิดส่วนใหญ่ของประเทศ ในขณะที่จีนถือได้ว่าเป็นเครื่องจักรสร้างความเติบโตของเศรษฐกิจโลกมาตั้งแต่เกิด great recession ....ซึ่งจีนเป็นผู้ซื้อสินค้าโภคภัณท์รายใหญ่ของโลก ทำให้โลกพ้นจากปัญหามาได้
    มาตอนนี้จีนดูเหมือนจะไม่มีการเติบโตของ GDP ในปีนี้ และนี่เองที่จะเป็นการ disrupt supply chains ไปทั่วโลก เช่นสินค้าที่มีการประกอบในจีน iPhone..Tesla..หรือสินค้าจากจีนที่ต้องไปประกอบในประเทศอื่น ๆ ก็จะเกิดปัญหา ...หลาย ๆ บริษัทมากที่ได้รับผลกระทบ ...นี่อาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยติดลบในสหรัฐก็ได้
    สิ่งที่ผิดปกติคือราคาบ้าน ราคาหุ้นและพันธบัตรในสหรัฐพุ่งสูงแบบไม่เคยเห็นมาก่อน น่าแปลกที่ทุกอย่างถูกมองเป็นข่าวดีไปหมด ....ประชาชนถูกสนับสนุนให้สร้างหนี้เพิ่มมากขึ้นจากธนาคารกลางทั่วโลก ....มันต้องมีสักวันที่การใช้ leverage ในระบบการเงินทั้งโลกจะต้องพังครืนลงมา เพราะไม่สามารถควบคุมหนี้เสีย bad debt ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ....ระบบต้องพังลง ไม่ว่าธนาคารกลางจะทำอย่างไร ....แล้วเมื่อใดที่เมื่อมูลค่าของดอลล่าร์เริ่มตก ผู้คนจะเริ่มเปลี่ยนเงินให้เป็นทรัพย์สินแท้จริง ...Fed ก็จะหมดอำนาจการควบคุมอีกต่อไป ...Game Over
    สิบปีที่ผ่านมานี้ ถือได้ว่าเป็นสิบปีแห่งความบ้าคลั่งทางการเงิน..ที่มีการพิมพ์เงินออกมาหนุนการเก็งกำไร การกู้ยืมและการขาดดุลงบประมาณกันอย่างน่ามหัศจรรย์ ....น่าแปลกที่เรามีนักการเมืองทั้งซ้ายและขวาบอกว่า สหรัฐเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สามารถทำอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไปได้ชั่วนิรันดร์....
    11:50....SD....คุณคิดว่าในเรื่องของงบประมาณของสหรัฐ ทั้งสองพรรคจะยังคง kick the can ต่อไปเรื่อย ๆ อีกหรือเปล่า
    John Rubino....ตอนนี้มีการขาดดุลไปแล้วนับล้านล้านดอลลาร์ต่อปี มันลึกเกินกว่าตอนเกิด Great Recession เสียอีก มันเป็นการใช้จ่ายแบบ open-end ...เรากำลังอยู่ในฟองสบู่เงินเฟียต ถามว่าเราจะไปต่อในความไม่สมดุลนี้ได้หรือไม่ อะไรจะมาทำให้ฟองสบู่แตกได้ ถ้าไม่ใช่โรคระบาดในระดับโลกก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรอีก ในขณะที่หลาย ๆ อย่างก็เปราะบางซะขนาดนี้ ...แม้กระทั่งการลอบสังหารผู้นำทางทหารของอิหร่านก็ไม่ได้ทำให้เกิดสงครามใหญ่อย่างที่กังวลกัน
    19:05.....John Rubino...พูดถึงเรื่องของทองคำที่ดูเหมือนถนนทุกสายกำลังจะมุ่งไปหา เราก็ต้องดูถึงเหตุของมันที่มาจาการที่รัฐบาลทำลายค่าเงินโดยการใช้จ่ายเกินตัวมาตลอด ...ทำ QE จนมูลค่าเงินหายไปปีแล้วปีเล่า ....คนที่มองเหตุการณ์ออกก็พยายามหลีกหนีและป้องกันตนจากการมุ่งเปลี่ยนเงินเป็นทรัพย์สินถาวรหรือทองคำ
    ในประวัติศาสตร์ เคยมีการทำลายค่าเงินโดยรัฐบาลมานับสิบ ๆ ครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้ง ทองคำและซิลเวอร์จะมีค่าพุ่งสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงิน ตั้งแต่ยุคจักรวรรดิ์โรมัน ..ยุคก่อนการปฏิวัติในฝรั่งเศส ..และตอนที่มันเกิดที่ Weima Republic ถ้าลองเซิร์ชในกูเกื้ลถึงคำว่า hyperinflation list ก็จะเห็นเองถึงจำนวนประเทศและเปอร์เซ็นต์เงินเฟ้อ ...สิ่งที่แตกต่างที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ..ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นระดับประเทศ แต่เป็นระดับโลก ที่คุณ ๆ จะไม่มีที่หลบภัยได้เลย
    ในอดีตเมื่อเกิดขึ้นที่ประเทศหนึ่ง ประเทศอื่น ๆ ยังอยู่รอดเพราะมี sound money ที่อิงกับมาตรฐานทองคำ แต่คราวนี้ไม่มีประเทศไหนมี sound money พอจะเป็นที่หลบภัยได้เลย .....และนี่เป็นเหตุผลที่ทองคำเป็นสิ่งที่ถนนทุกสายกำลังมุ่งไปหา
    การแก้ปัญหาของธนาคารกลางที่ทำอยู่ตอนนี้คือการสร้างปริมาณเงินเพิ่มเข้าระบบซึ่งมีแต่จะไปเพิ่มปัญหา ...แต่พวกเขาไม่อาจสร้างปริมาณทองคำเพิ่มได้เลย
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยืนยันกรณีของ coronavirus (2019-nCoV) ในประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ปัจจุบัน จาก BNO News อัปเดตข้อมูลผู้ติดเชื้อใหม่ครั้งล่าสุด 19 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 6:33 p.m. ET
    .
    มีผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วทั่วโลก 75,640 รายทั่วโลก เฉพาะในจีน 74,516 ราย
    .
    เสียชีวิตทั่วโลก 2,121 ราย เฉพาะในจีน 2,113 ราย
    .
    ป่วยหนักทั่วโลก 12,024 ราย เฉพาะในจีน 11,977 ราย
    .
    หายทั่วโลก 14,545 ราย เฉพาะในจีน 14,376 ราย

    ต้องสงสัยเฉพาะในจีน 5,248 ราย
    PSX_20200220_065616.jpg PSX_20200220_065645.jpg PSX_20200220_065658.jpg PSX_20200220_065723.jpg PSX_20200220_065738.jpg
    https://bnonews.com/index.php/2020/02/the-latest-coronavirus-cases/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรงพยาบาลในมณฑลกานซู่ ให้กลุ่มพยาบาลโกนหัว เพื่อแสดงความมุ่งมั่นก่อนจะเดินทางไปต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่น ขณะที่ชาวเน็ตจีนตั้งคำถามว่า จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรือไม่
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยังกลายเป็นประเด็นร้อน สำหรับเรือสำราญสุดหรู “เวสเตอร์ดัม” ที่เคว้งทั้งเรือ เคว้งทั้งผู้โดยสารและลูกเรือรวมกว่า 2,200 คน ที่ล้วนอยู่ในระดับคนมีฐานะทั้งสิ้น #เรือเวสเตอร์ดัม #COVID19 #โควิด19 #coronavirus #ไวรัสโคโรนา #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #ไวรัสอู่ฮั่น #ฐานเศรษฐกิจ
    หลังจากท่าเรือแหลมฉบังปฏิเสธการขอเทียบท่า “ฉุกเฉิน” เป็นการปฏิเสธการเข้าเทียบท่าเช่นเดียวกับ 3 ประเทศ/ดินแดน คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ทำให้กัมพูชา กลายเป็นประเทศที่ 5 ที่กล้าอนุญาตให้เรือเวสเตอร์ดัมเทียบท่า แต่ทว่าก็เป็นการเทียบท่าเพื่อหยุดลอยเคว้ง กระจายการเดินทางต่อไปในประเทศมาเลเซียและไทย จนมีปัญหาตามมาอย่างไม่จบไม่สิ้นย้อนไปคืนวันที่ 12 และ 13 กุมภาพันธ์ ที่รัฐบาลและหน่วยงานของไทยปฏิเสธเสียงแข็งในการไม่อนุญาตให้เทียบท่า แต่ว่าให้ดูแลตามหลักมนุษยธรรมได้ หากต้องการยา อาหาร นํ้ามันเรือ กลายเป็นว่าสังคมไทยต้องถกเถียงกันเอง ฝั่งหนึ่งมองว่าทำถูกแล้วที่ปฏิเสธ อีกฝั่งตั้งคำถามว่ารัฐบาลใจร้ายเกินไปหรือไม่

    แต่ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล ที่ไม่อาจจะอธิบายให้สังคมเห็นภาพความจำเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉินและท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาตอนนี้ ซึ่งผมมีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนมุมมองกับ “ผู้ใหญ่” ท่านหนึ่งในรัฐบาล ก็นำมาขยายให้เห็นภาพต่อ
    คำตอบที่ได้จากคำถามแรกคือ ทำไมไม่ให้เรือจอดที่เวสเตอร์ดัม คือ “ถ้า 2,200 คน ลงจากเรือแล้ว ให้เขาไปอยู่ที่ไหน” นั่นเพราะประเทศไทยไม่มีสถานที่รองรับตามแนวชายฝั่งที่พร้อมรับคนจำนวนมากขนาดนั้น ในการ “ขอจอดฉุกเฉิน” และอยู่ในการควบคุมการระบาดของโรค จะใช้หน่วยทหารของกองทัพเรือ เหมือนกับคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น 138 คน ที่ใช้พื้นที่กองทัพเรือสัตหีบ ก็ไม่พอทั้งสถานที่และกำลังคนที่จะต้องดึงมาร่วมภารกิจแม้ว่าหาสถานที่รองรับคนได้ 2,200 คนจริง ก็ต้องแยกการนอน คัดกรอง แยกคนป่วยไปยังโรงพยาบาล ถามว่า สถานพยาบาลพร้อมหรือไม่ ที่ไหนรับไหว
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    น้ำท่วมรุนแรงของสหรัฐในแจ็คสัน, มิสซิสซิปปี น้ำท่วมบ้าน อพยพประชาชน
    ที่อยู่อาศัยและอาคารอื่น ๆ กว่า 2,400 หลังในและรอบ ๆ แจ็คสันสามารถเกิดน้ำท่วมได้ # 18 ก.พ.
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ออสเตรเลียมีพายุรุนแรงฝน ลูกเห็บ และลม ในเมลเบิร์น # 18 ก.พ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...