ติดตามสถานะการณ์

ธนากร ใจสุขสกุลดี กำลังรู้สึกฉงนที่ Katsushika Campus, Tokyo University of Science

ปีนี้มีปลาประหลาดโผล่ขึ้นมาเกยตื้นตายตามชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นและติดอวนชาวประมงเยอะจริงๆไม่ได้พูดเล่น เอาแค่ปลา ผู้ส่งสาส์นจากวังบาดาล อย่างเดียวก็โผล่ขึ้นมาตายที่ชายฝั่งเกือบสิบตัวแล้ว ทั้งที่จังหวัดนีงาตะ
โทยามะ ฟุคุย เฮียวโกะ นอกจากนั้นยังมีหมึกยักษ์โผล่ขึ้นมาตายอีกด้วย ยังไม่พอนะ ยังมีปลาสุดประหลาดติดอวนชาวประมงอีกด้วยล่ะ มันคือปลาฉลามปากถ้ำ ปากมันใหญ่โตเหมือนราวกับถ้ำนั่นเองเลยถูกตั้งชื่อแบบนั้น !!
ทุกตัวที่ขึ้นมาตาย ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น

ผู้เชี่ยวชาญทางสัตว์ทะเลบอกว่า มีความเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิของน้ำทะเล กล่าวคืออุณหภูมิบนพื้นผิวของน้ำทะเลญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 12 องศา พอๆกับอุณหภูมิใต้น้ำลึก 150 เมตรที่สัตว์พวกนี้อาศัยอยู่นั่นเอง ทำให้พวกมันว่ายขึ้นมาหาอาหาร หรือตามอาหารขึ้นมา แต่สาเหตุที่พวกมันเสียชีวิตนี่สิ ที่ยังคงเป็นปริศนาดำมืดให้พวกเราค้นหาคำตอบต่อไป คือขึ้นมาแล้วก็ตายไปเฉยๆเลย !!

ส่วนที่บางคนเป็นกังวลว่ามันขึ้นมาส่งสัญญาณเตือนภัยพิบัติอะไรหรือเปล่านั้น นักวิทยาศาสตร์บอกว่า ไม่มีหลักฐานหรือความเป็นไปได้ที่จะบ่งชี้รับรองถึงเรื่องดังกล่าวนี้ เป็นเพียงแค่ตำนานโบราณเท่านั้นนะครับ

#リュウグウのツカイ出没2020

(((o(*ﾟ▽ﾟ*)o)))♡(*⁰▿⁰*)

 

Setiawan

#CENAPRED รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมของ # Popocatépetlใน 24 ชั่วโมงล่าสุดเม็กซิโก 16 ก.พ. 2020

▪การฟุ่งกระจายออกมา 248 ครั้ง
▪แรงสั่นสะเทือน 395 นาที
▪ ปะทุเล็กน้อย 1 ครั้ง

การแจ้งเตือนอยู่ใน #Phase2 สีเหลือง
ขอแนะนำว่าอย่าเข้าใกล้ภูเขาไฟ

 

Setiawan

ฝูงใหญ่ อีกา บินผ่าน Flatwoods, West Virginia วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2020

 

Setiawan

ก่อนอื่น 2 เที่ยวบินเช่าเหมาลำ ที่มีผู้โดยสารที่ถูกกักกันมาถึงสหรัฐฯ

ผู้โดยสาร 14 คนบนเที่ยวบินเช่าเหมาลำของสหรัฐอเมริกาซึ่งอพยพชาวอเมริกันและครอบครัวของพวกเขาจากเรือสำราญ Diamond Princess ได้ทำการทดสอบในเชิงบวกสำหรับ coronavirus ตามแถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯและกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์

ผู้โดยสารอยู่ในหมู่ผู้คนกว่า 300 คนที่ถูกนำออกจากเรือซึ่งจอดเทียบท่าที่เมืองท่าโยโกฮาม่าของญี่ปุ่นในคืนวันอาทิตย์และบินไปยังฐานทัพทหารในสหรัฐอเมริกา

เจ้าหน้าที่สหรัฐได้รับแจ้งว่าพวกเขาได้ทดสอบบวกสำหรับ coronavirus ในระหว่างกระบวนการอพยพหลังจากผู้โดยสารลงจากเรือหน่วยงานกล่าวในแถลงการณ์ร่วมวันจันทร์ ผู้โดยสารได้รับการทดสอบสองถึงสามวันก่อนเที่ยวบินเพื่อการอพยพ
First of 2 chartered flights carrying quarantined passengers arrives in US

14 passengers aboard US chartered flights evacuating Americans and their families from the Diamond Princess cruise ship have tested positive for novel coronavirus, according to a joint statement from the US Departments of State and Health and Human Services.

The passengers are among the more than 300 people removed from the ship, which is docked off the Japanese port city of Yokohama, Sunday night and flown to military bases in the United States.

US officials were notified that they had tested positive for coronavirus during the evacuation process, after passengers had disembarked the ship, the agencies said in the joint statement Monday. The passengers had been tested two to three days before the evacuation flights, the statement said

 

Setiawan
พายุ # เดนนิส
เหตุการณ์สำคัญถูกประกาศในเซาธ์เวลส์ และบางส่วนของอังกฤษขณะที่ พายุ Dennis กระทบอังกฤษ วันที่ 16 ก.พ. 2020

ตำรวจเซาธ์เวลส์รับมือกับแผ่นดินถล่มและน้ำท่วมหลายครั้ง หลายคนติดอยู่ในกับดัก

ที่อยู่อาศัยก็ถูกน้ำท่วมในขณะที่ตำรวจใน Worcestershire กำลังค้นหาบุคคลที่กลัวว่าจะถูกกวาดเข้าไปในแม่น้ำ Teme

มีคำเตือนและการแจ้งเตือนมากกว่า 700 รายการทั่วสหราชอาณาจักรในเวลา 23:45 น. GMT ในวันอาทิตย์

ขณะนี้มีการเตือนภัยน้ำท่วมครั้งรุนแรงในอังกฤษแปดครั้ง ซึ่งหมายความว่ามีอันตรายต่อชีวิต
·





Storm #Dennis
Major incidents have been declared in south Wales and parts of England, as Storm Dennis batters the UK. Feb16 2020

South Wales Police has been dealing with "multiple" landslides and floods - some trapping residents.

Homes have also been flooded, while police in Worcestershire are searching for a person who is feared to have been swept into the River Teme.

More than 700 flood warnings and alerts are in place across the UK, as of 23:45 GMT on Sunday.

There are currently eight severe flood warnings in England, which mean there is a danger to life.

 

ข่าวช่องวัน

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ญี่ปุ่น-สิงคโปร์ มีการระบาดติดต่อของโรคโดยคนในพื้นที่ (สถานการณ์ระบาดขั้นที่ 3) เพื่อความปลอดภัยแนะนำว่า ให้เลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปก่อน หากจำเป็นก็ควรระมัดระวังการป้องกันการติดเชื้อ เมื่อกลับมาขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการคัดกรองเดียวกันกับผู้ที่มาจากจีน #ข่าวช่องวัน #ไวรัสโคโรนา #COVID19

 

Amarin News

"ปลาพญานาค" โผล่ชายฝั่งญี่ปุ่น เชื่อเตือนแผ่นดินไหว-สึนามิ
.
โลกออนไลน์ของญี่ปุ่นเผยภาพสัตว์ทะเลหายากสองตัวที่ปรากฏตัวใกล้กับท่าเรือตกปลาริมชายฝั่งทะเลในจังหวัดฟุกุอิของญี่ปุ่น โดยเป็นภาพปลาออร์ฟิช หรือ "ปลาพญานาค" สองตัวว่ายวนเป็นวงกลม และมีความยาวลำตัวเกือบ 4 เมตร
.
ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยา ระบุว่า มีโอกาสน้อยมากที่ปลาทะเลน้ำลึกสายพันธุ์นี้จะมาโผล่ในเขตน้ำตื้น และที่สำคัญ ยังปรากฏให้เห็นถึงสองตัวอีกด้วย
.
ทั้งนี้ ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ปลาออร์ฟิช หรือ ปลาพญานาค เป็นสัตว์โบราณ ถ้าปลาชนิดนี้ปรากฏตัวให้คนเห็น มักจะเป็นสัญญาณเตือนเหตุภัยพิบัติ เพราะตามปกติ ปลาจะอยู่ในน้ำลึก ไม่ค่อยขึ้นมาบนผิวน้ำ ถ้าขึ้นมาเเปลว่ากำลังจะตาย หรืออาจจะรับรู้เเรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ไปจนถึงการเกิดสึนามิ

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

● CREDIT : matichon. :

#สงขลาเจอภัยแล้งหนัก ทำถนนแยกทรุดตัวจนใช้สัญจรไม่ได้

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 - 11:09 น.

ชาวบ้านในตำบลวัดสน อำเภอระโนด กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก หลังถนนเลียบคลองอาทิตย์ ทรุดตัว ทั้ง 2 ฝั่ง อันเนื่องมาจากฝนทิ้งช่วงยาวนานทำให้ คลองแห้ง ไร้ความชื้นอุ้มดิน จนถนนลูกรังแตก ทรุดตัว ไม่สามารถใช้สัญจรข้ามระหว่างหมู่บ้านซึ่งเชื่อมต่อ 2 อำเภอ

รายงานข่าวจากจังหวัดสงขลาเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ สถานการณ์ฝนทิ้งช่วงยาวนาน นอกจากจะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร แล้ว ขณะนี้ยังทำให้ถนนเลียบคลองอาทิตย์ ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลวัดสน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา แตกและทรุดตัวลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยปัญหาถนนทรุดตัวนั้นเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝั่งคลอง ของถนนเลียบคลองเชื่อมต่อไปยังพื้นที่หมู่ 3 ตำบลโรง อำเภอกระแสสินธุ์ ทำให้ชาวบ้านนับพันครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ ต้องใช้เส้นทางอ้อม ที่ต้องเพิ่มระยะทางและระยะเวลาในการเดินทาง

จากการตรวจสอบพบว่า สภาพน้ำในคลองอาทิตย์นั้นแห้งขอดจนถึงท้องคลอง ถนนเลียบคลอง พังในลักษณะทรุดตัวออกจากกัน จนทำให้มองเห็นชั้นดินที่แตกออกจากกัน บางจุดทรุดตัว ออกจากกัน สูงเกือบ 2 เมตร มีร่องรอยของถนนที่แยกตัวเป็นแนวยาว โดยได้มีการนำแผงกั้นจราจร ไปวางเอาไว้เพื่อเตือนภัยให้ผู้สัญจรทราบ และงดใช้เส้นทาง โดยเกิดอุบัติเหตุมีชาวบ้านขับขี่รถจักรยานยนต์ตกถนนได้รับบาดเจ็บแล้ว1 ราย

นายจรูญ ไชยเวทย์ กำนันตำบลวัดสน กล่าวว่า เหตุที่ถนนทรุดตัวรุนแรงเช่นนี้นั้นมาจากปัญหาน้ำในคลองอาทิตย์ ที่แห้งขอด จนทำให้ไม่มีความชื้นเหลืออยู่ ถนนที่เป็นดินลูกรัง จึงทรุดตัว ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่อง 2 จุดประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ละจุดยาวประมาณ 300 เมตร และมีแนวโน้มที่จะขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากพบรอยแตกเป็นถนนเป็นแนวยาว จึงอยากให้เร่งแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อน เพราะนอกจากถนนจะสัญจรไม่ได้แล้ว ยังส่งผลกระทบต่อนาข้าวและพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่นี้เกือบ 2 พันไร่ โดยเฉพาะนาข้าว ที่กำลังตั้งท้อง เพราะน้ำที่ชาวบ้านเก็บกัดเอาไว้ในนา ได้ระบายลงกลับสู่คลองอาทิตย์ เพราะน้ำในพื้นที่นานั้นสูงกว่าคลอง อาทิตย์ เมื่อถนนทรุดตัว มีรอยแยก น้ำจึงไหลกลับสู่คลอง สร้างความกังวลให้กับชาวนา เกรงผลผลิตจะได้รับความเสียหาย เพราะน้ำที่เก็บกักเอาไว้ ถือเป็นน้ำชุดสุดท้ายของฤดูกาลนี้แล้ว

นายสมพร พิจิตรบรรจง ชาวนาในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลวัดสน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา บอกว่า เกษตรกรกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก น้ำในคลองอาทิตย์แห้งขอด จนทำให้ความชื้นน้อยจนสะเด็ด พื้นดินแตก ถนนทรุด ชาวนา เกษตรกรขาดน้ำ นอกจากนั้น ถนนที่ใช้การไม่ได้ ก็จะส่งผลกระทบเพราะขณะนี้ผลผลิตทางการเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็น พริก มะพร้าว พืชสวน ก็จะเข้าสู่ช่วงเก็บผลผลิต หากเส้นทางไม่สามารถใช้ได้ก็จะเป็นการซ้ำเติมชาวบ้าน และเกษตรกรในพื้นที่ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหา

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่

https://www.matichon.co.th/region/news_1979765

● ขนุนหนัง ●

 

ThaiPBS North

‪(คลิป) ภาพมุมสูงไฟไหม้ป่าในพื้นทีตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง พื้นที่ป่าเสียหายบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกำลังดับไฟเร่งเข้าดับไฟโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่สั่งการอำนวยการในพื้นที่ #ไฟป่า ‬

 

Severe Weather Europe

ในขณะเดียวกันในอิหร่าน... ถ่ายในสัปดาห์นี้ รายงานผ่าน @arab Storms- โพสต์ด้วยการอนุญาต

 

John Traczyk

2020/02/16 Magnetospauseและเส้นสนามแม่เหล็กยังคงถูกรบกวนต่อเนื่อง
2/16/2020. Magnetospause and magnetic field lines disturbances continue..

 

Paul Watchman Dawson

นางหวู่ฮั่น
Mrs. Wuhan

 

John Traczyk

16 ก.พ. Coronavirus ล่าสุด: ล้าน Brits ในลอนดอนและสหราชอาณาจักรอาจถูกกักตัวไว้ในบ้านของพวกเขา

ชาวอังกฤษหลายล้านคนที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่อาจต้อง "แยกตัวเอง" ที่บ้านเป็นเวลาสองสัปดาห์

หากจำนวนผู้ป่วย coronavirus ที่ยืนยันแล้วเพิ่มขึ้น 100 คน ผู้อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรควรได้รับการแนะนำให้กักตัวตัวเองเพื่อ จำกัด โอกาสในการแพร่กระจายของโรค

ผู้จัดการ NHS อาวุโสได้รับแจ้งว่าแพทย์จะหยุดทำการทดสอบสายพันธุ์ที่เรียกว่า Covid-19“ เมื่อประมาณ 100 รายได้รับการยืนยันแล้ว” Sunday Telegraph รายงาน

Feb 16. Coronavirus latest: Millions of Brits in London and the UK may face being quarantined in their homes.

Millions of Brits who develop flu-like symptoms may have to "self-isolate" at home for two weeks.

If the number of confirmed coronavirus cases rises past 100, UK residents could be advised to quarantine themselves to limit the chance of the outbreak spreading.

Senior NHS managers have been told that medics will stop testing for the strain known as Covid-19 “once around 100 cases have been confirmed”, The Sunday Telegraph reported.
https://www.standard.co.uk/news/uk/school-closures-coronavirus-public-health-england-a4363421.html

 

‘ไวรัสระบาด’ กำลังทำให้การหย่าร้างแยกขาดระหว่าง‘สหรัฐฯ-จีน’ยิ่งเป็นจริงเป็นจัง เผยแพร่: 17 ก.พ. 2563 22:47 โดย: คริสตินา ลิน


(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

Coronavirus solidifies US-China decoupling
By Christina Lin
15/02/2020

วิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาด กำลังเร่งทำให้ความแตกแยกระหว่างตะวันออกกับตะวันตกดำเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ท่ามกลางความหวาดกลัวจะเกิดสงครามความขัดแย้งขึ้นมา ถ้าหากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนยังคงเสื่อมทรามลงเรื่อยๆ

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 เฮนรี คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) อยู่ในกรุงปักกิ่งขณะเข้าร่วมงาน “เวทีประชุมเศรษฐกิจอนาคตข้างหน้าของบลูมเบิร์ก” (Bloomberg Next Economy Forum) เขากล่าวเตือนว่าสหรัฐฯกับจีนกำลังอยู่ตรงบริเวณ “เชิงเขาแห่งสงครามเย็น” (foothills of a Cold War) [1] แล้ว โดยที่สงครามความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นมาได้นั้น สามารถที่จะเลวร้ายยิ่งเสียกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยซ้ำ ถ้าหากปล่อยปละทิ้งให้ดำเนินไปอย่างไม่มีการจำกัดทัดทาน

ความคิดเห็นเหล่านี้ของเขาปรากฏขึ้นมาภายในบริบทของความตึงเครียดที่กำลังบานปลายขยายตัวในช่วงปีหลังๆ มานี้ ทั้งทางด้านการค้า, วาทกรรมแบบความขัดแย้งทางทหารซึ่งกำลังเพิ่มพูนขึ้นทั้งในประเด็นเรื่องไต้หวันและทะเลจีนใต้, การกล่าวหาใส่กันในเรื่องการทำจารกรรมและการรณรงค์สร้างอิทธิพล, รวมทั้งการแข่งขันชิงชัยกันอย่างไม่มีบันยะบันยังเพื่อการนิยามจำกัดความบรรทัดฐานต่างๆ และค่านิยมต่างๆ ซึ่งอยู่เบื้องลึกลงไปของระเบียบระหว่างประเทศ

อีกหนึ่งเดือนให้หลัง นั่นคือในเดือนธันวาคม มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของจีน ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความตระหนกตื่นกลัวไปทั่วโลก และเกิดการกักกันโรคต่อเศรษฐกิจจีนในทางพฤตินัย ทั้งด้วยมาตรการต่างๆ ในการปิดตายการเข้าออกนคร[2], การปิดทำการธุรกิจ, และการที่ประชาคมระหว่างประเทศห้ามการเดินทางไปจีนและห้ามผู้ที่มาจากจีนเข้าประเทศ

ด้วยการที่วอชิงตันมีการปรับเปลี่ยนนโยบายว่าด้วยจีน จากที่เคยใช้นโยบายมุ่งมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ก็กลายมาเป็นการปิดล้อมจำกัดวงและการหย่าร้างแยกขาดจากกัน (decoupling)ในยุคของคณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ผู้สังเกตการณ์บางราย เป็นต้นว่า เคอร์ติส ชิน (Curtis Chin) นักวิจัยด้านเอเชียของสถาบันมิลเคน (Milken Institute) เชื่อว่า ไวรัสโคโรนาคราวนี้กำลังกลายเป็นตัวเร่งการหย่าร้างแยกขาดจากจีน [3] เนื่องจากมีประเทศต่างๆ และธุรกิจต่างๆ “ขบคิดพิจารณาเกี่ยวกับสายโซ่อุปทาน (supply chain) ของพวกเขาในช่วงระยะยาว”

รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ วิลเบอร์ รอสส์ (Wilbur Ross) เห็นดีเห็นงามกับทัศนะเช่นนี้ และมองว่าวิกฤตการณ์โรคระบาดใหญ่ของจีนครั้งนี้ คือโอกาสที่จะนำเอาตำแหน่งงานต่างๆ กลับคืนมาสู่สหรัฐฯ [4] เวลาเดียวกันนั้น พวกเหยี่ยวก็พากันใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้สหรัฐฯต่อต้าน (boycott), ถอนการลงทุน (divest), และลงโทษ (sanction) (ทั้ง 3 ด้านนี้มีการใช้อักษรย่อรวมๆ ว่า BDS) จีน พร้อมกันนั้นก็มีการส่งเสียงเตือนด้วยว่า ปักกิ่งกำลังทำสงครามชีวภาพ ผ่านทางห้องแล็ปวิทยาไวรัส (virology lab) แห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น [5] รวมทั้งเรียกร้องสหรัฐฯให้ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่จีน [6] และเปิดทางให้ไวรัส “อาละวาดไปทั่วเพื่อสร้างความเสียหายให้แก่ระดับชั้นต่างๆ” ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นอกจากนั้นพวกเขายังบอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้กำลังถูกใช้ให้กลายเป็นสายของจีนไปโดยไม่รู้ตัว [7] อีกทั้งพวกเขายังคงสืบต่อผลักดันให้สหรัฐฯใช้ทั้งการขึ้นภาษีศุลกากรทางการค้า [8] และมาตรการลงโทษอย่างอื่นๆ [9] เพื่อเล่นงานเศรษฐกิจจีน

ความผูกพันที่เสื่อมทรามลงเรื่อยๆ

ในระยะไม่กี่ปีหลังๆ มานี้ พวกนักจับจ้องมองจีน (China watcher) กำลังสั่นระฆังเตือนภัยเสียงดังขึ้นทุกทีในเรื่องที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนกำลังเสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปแล้วที่จะต้องได้ยินเหตุผลข้อโต้แย้งที่เตือนว่า เศรษฐกิจโลกกำลังแตกแยกออกมาเป็นเขตอิทธิพลอเมริกันและเขตอิทธิพลจีนซึ่งต่างฝ่ายต่างก็กีดกันไม่ต้อนรับอีกฝ่ายหนึ่ง เควิน รัดด์ (Kevin Rudd) [10] อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เพิ่งเตือนว่าถ้าหากเราเคลื่อนตัวไปสู่ “โลกที่หย่าร้างขาดออกจากกัน” อย่างเต็มที่จริงๆ แล้ว มันก็จะเหมือนกับการหวนกลับไปสู่ยุคที่มี “ม่านเหล็ก” กางกั้นระหว่างฝ่ายตะวันออกกับฝ่ายตะวันตก และ “การเริ่มต้นขึ้นของการแข่งขันอาวุธครั้งใหม่ทั้งอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธตามแบบแผนธรรมดา โดยที่ผู้เข้าร่วมในการชิงชัยนี้ทุกๆ รายล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญความไร้เสถียรภาพทางยุทธศาสตร์และความเสี่ยงทางยุทธศาสตร์”

อย่างไรก็ตาม หยุน ซุน (Yun Sun) [11] จากศูนย์สติมสัน (Stimson Centre) บอกว่า แท้ที่จริงสหรัฐฯกับจีนได้เข้าสู่ภาวะการทำสงครามทอนกำลังกัน (war of attrition) เรียบร้อยแล้ว โดยที่ตัวแสดงทั้งสองรายนี้และฝ่ายที่สามอื่นๆ มีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบและทิศทางของสายโซ่อุปทานของพวกตน และหันเหสายโซ่อุปทานเหล่านี้ไปยังที่อื่นๆ เธอเตือนว่าถ้าหากการหย่าร้างแยกขาดจากกันนี้ส่งผลทำให้ในทั้งสองประเทศเกิดการตัดขาดผลประโยชน์ที่มีอยู่ร่วมกันอย่างหมดสิ้น เหลือทิ้งเอาไว้แต่พวกผลประโยชน์ซึ่งมีความขัดแย้งกันอยู่อย่างดิบเถื่อนและถ่องแท้แล้ว มันก็จะเป็นเส้นทางที่มีอันตราย –เป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันทางทหาร ทัศนะเช่นนี้ปรากฏว่าต้องตรงกันกับของ พลโท คาร์ล ไอเคนเบอร์รี (Lt. Gen. Karl Eikenberry) นายทหารอาวุโสที่เกษียณอายุแล้วของกองทัพบกสหรัฐฯ

พลโทไอเคนเบอร์รี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) กำลังกล่าวเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิด “อุบัติเหตุทางทหาร (military accident) [12] หรือ การคาดคำนวณผิดในทางยุทธการ (operational miscalculation)” ระหว่างกองทัพของประเทศทั้งสองท่ามกลางกระบวนการหย่าร้างแยกขาดจากกันนี้ ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมามีตัวอย่างอยู่มากมายทีเดียวเกี่ยวกับเหตุการณ์ซึ่งจวนเจียนจะเกิดการปะทะกันระหว่างกำลังทหารของสองประเทศอยู่แล้ว เป็นต้นว่า ในปี 2018 เรือพิฆาตลำหนึ่งของจีน กับเรือพิฆาตลำหนึ่งของนาวีสหรัฐฯ เกือบแล่นชนกันในเขตทะเลจีนใต้ ส่วนในเดือนเมษายน 2001 เครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯลำหนึ่งได้ชนปะทะกับเครื่องบินขับไล่ไอพ่นลำหนึ่งของฝ่ายจีน และถูกบังคับให้ต้องร่อนลงจอดในเกาะไห่หนาน (ไหหลำ) หรือเมื่อปี 1996 สหรัฐฯได้ทิ้งระเบิดใส่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงเบลเกรด โดยบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ ทว่าสถานการณ์ร้อนฉ่าเหล่านี้ยังไม่ได้อันไหนนำไปสู่สงคราม

อย่างไรก็ตาม จากความตึงเครียดที่พุ่งพรวดขึ้นสูงระหว่างประเทศทั้งสอง สมทบด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันรวดเร็วในภาคผู้บริโภค ขณะเดียวกันนั้น ปริมณฑลของการทำสงครามก็ได้ขยายเข้าไปในภาคไซเบอร์และภาคเทคโนโลยี ไอเคนเบอร์รีบอกว่าเวลานี้วอชิงตันกำลังเน้นหนักโฟกัสไปที่ “กระบวนการสร้างความมั่นคงให้แก่การแลกเปลี่ยนต่างๆ ในทางเศรษฐกิจ” (securitization of economic exchanges) และด้วยเหตุนี้ การทำข้อตกลงต่างๆ ทางการค้าจึงไม่ใช่เรื่องความพยายามแก้ไขการขาดดุลอีกต่อไปแล้ว หากแต่เพื่อให้บรรลุผลพวงทางด้านความมั่นคงในวงกว้างออกไป ดังนั้น ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ในทางการทูตหรือในทางทหารขึ้นมาอีกครั้งภายในบริบทที่เต็มไปด้วยความเครียดเค้นนี้แล้ว ไอเคนเบอร์รีเชื่อว่า “ผลต่อเนื่องที่ติดตามมาจะใหญ่โตยิ่งกว่าอดีตที่ผ่านมามากมายนัก”

นอกเหนือจากในแวดวงเศรษฐกิจและแวดวงการทหารแล้ว กระบวนการหย่าร้างแยกขาดจากกันยังกำลังเกิดขึ้นในระดับท้องถิ่นของการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและในระดับท้องถิ่นของการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชนอีกด้วย บทความชิ้นหนึ่งของสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อเดือนมิถุนายน 2019 [13] เปิดเผยให้ทราบว่า สหรัฐฯกำลังพยายามมุ่งกำจัดพวกนักวิทยาศาสตร์เชื้อสายจีน โดยรวมไปถึงพวกที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯด้วย ให้ออกไปจากการทำงานวิจัยด้านมะเร็งในสถาบันระดับท็อปทั้งหลาย ตลอดจนในโครงการอื่นๆ หลายหลากในแวดวงวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, และคณิตศาสตร์ (science, technology, engineering, mathematics ใช้คำย่อโดยรวมว่า STEM) ทั้งนี้สถาบันจำนวนมากได้จับมือเป็นหุ้นส่วนกับสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ในการกำหนดเป้าหมายเพ่งเล็งพวกนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการชาวจีนที่จะถูกตรวจตราเฝ้าระวัง จนก่อให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในหมู่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียว่า นี่อาจจะเป็นการโซซัดโซเซอย่างน่ากลัวอันตรายจนกระทั่งเข้าสู่เส้นทางแห่งโรคจิตหวาดระแวง (paranoia) และการเลือกปฏิบัติเนื่องจากเชื้อชาติ (racial profiling) [14] ทำนองเดียวกับการรณรงค์ของจีนที่มุ่งเลือกปฏิบัติเอากับคนชาติพันธุ์อุยกูร์ในซินเจียง

ย้อนหลังไปเมื่อปี 2015 หลังจากเกิดกรณีอันผิดพลาดจนเกิดความเสียหายขึ้นมาหลายๆ กรณี ส.ส.เท็ด ลิว (Ted Lieu) (สังกัดพรรคเดโมแครต จากเขตทอร์แรนซ์ Torrance รัฐแคลิฟอร์เนีย) [15] และ ส.ส.สหรัฐฯอีก 42 คน [16] ได้หยิบยกความวิตกกังวลเหล่านี้ขึ้นมาพูดจากับกระทรวงยุติธรรม ทว่าเมื่อประสบกับสภาพแวดล้อมแห่งความหวาดกลัวและตึงเครียดซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในบรรดาสถาบันวิชาการทั้งหลายเวลานี้ เรื่องการแลกเปลี่ยนนักวิชาการและความร่วมมือประสานกันในการทำวิจัยระดับทวิภาคีจึงกำลังตกอยู่ในภาวะเย็นชา อีกทั้งการหย่าร้างแยกขาดจากกันเช่นนี้ทำท่าว่าน่าจะดำเนินต่อไปอีก

“ช่วงขณะที่อยู่ในจุดสูงสุด” ?

เมื่อคำนึงในแง่ที่ว่า คิสซิงเจอร์นั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่องความสามารถสังเกตเล็งการณ์เกี่ยวกับอนาคตได้อย่างแม่นยำ ณ จุดหัวเลี้ยวหัวต่ออันสำคัญยิ่งยวดนี้จึงดูเหมือนว่าคำเตือนของเขาว่าด้วยสงครามเย็นครั้งใหม่ทำท่าจะเป็นไปได้ทีเดียว พอล เฮเนิล (Paul Haenle) [17] ผู้เคยเป็นที่ปรึกษาด้านเอเชียให้แก่ทั้งประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวเอาไว้ดังนี้: “ถ้าคุณไปพูดคุยกับพวกเจ้าหน้าที่ในเพนตากอน พวกเขาจะบอกว่าพวกเขาไม่ได้ถกเถียงอภิปรายกันในเรื่องที่ว่าจีนเป็นศัตรูใช่หรือไม่กันอีกต่อไปแล้ว หากแต่พวกเขากำลังวางแผนเพื่อสงคราม ... และถ้าคุณไปพูดเกี่ยวกับความร่วมมือ (กับจีน) คุณก็จะ (ถูกมองว่า) ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน”

อีแวน ออสนอส (Evan Osnos) [18] แห่งนิตยสาร “เดอะ นิวยอร์กเกอร์” (The New Yorker) ชี้ให้เห็นว่า คิสซิงเจอร์นั้นเปรียบเทียบสถานการณ์ทวิภาคีในปัจจุบันว่ามีความละม้ายคล้ายคลึงอย่างไม่ชวนให้สบายใจเลยกับสงครามโลกครั้งแรก ในมุมมองเช่นนั้น สงครามการค้าคือสัญญาณแห่งลางร้ายของการแยกขั้วแบ่งข้างในทางเศรษฐกิจ แบบเดียวกับที่ทำให้อังกฤษเป็นปรปักษ์ต่อต้านเยอรมนีในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 (สงครามนี้เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 1914 - 1918) โดยบ่อยครั้งที่สงครามการค้าเช่นนี้เองเป็นอารัมภบทของสงครามจริงที่จะเกิดติดตามมา

“ถ้ามัน (ความขัดแย้ง) แช่แข็งยืดเยื้อ จนกลายเป็นความขัดแย้งอันถาวรขึ้นมา แล้วคุณก็มีกลุ่มใหญ่ๆ 2 กลุ่มกำลังเผชิญหน้ากันและกันอยู่” คิสซิงเจอร์กล่าว “เมื่อนั้นอันตรายแบบสถานการณ์ก่อนหน้าสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็อยู่ในระดับใหญ่โตมหึมา หากมองย้อนเข้าไปในประวัติศาสตร์ ไม่มีผู้นำคนไหนเลยซึ่งเริ่มต้นก่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นมา จะยังคงทำเช่นนั้นหรอก ถ้าพวกเขาเกิดทราบขึ้นมาว่าโลกทำท่าจะถึงจุดจบแล้ว นี่แหละคือสถานการณ์แบบที่เราจะต้องคอยหลีกเลี่ยง”

อ็อด อาร์น เวสตัด (Odd Arne Westad) [19] นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเยล เห็นพ้องกับทัศนะเช่นนี้ เขาชี้เอาไว้ว่า “แน่นอนทีเดียว ข้อเปรียบเทียบ (ระหว่างปัจจุบัน) กับช่วงก่อนหน้าปี 1914 ไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องการเติบโตขยายตัวขึ้นเป็นมหาอำนาจของเยอรมนีเท่านั้น ผมคิดว่า สิ่งที่เราจำเป็นต้องเน้นหนักให้ความสนใจก็คือ จริงๆ แล้วอะไรคือตัวที่นำไปสู่สงคราม สิ่งที่นำไปสู่สงครามคือความหวาดกลัวของฝ่ายเยอรมันที่ว่า พวกเขากำลังต้องตกอยู่ในฐานะซึ่งพลังอำนาจของพวกเขาจะไม่สามารถเข้มแข็งยิ่งขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า จากความเข้มแข็งที่พวกเขามีอยู่แล้ว นี่แหละคือสิ่งที่พวกเขาคิดกันเมื่อช่วงฤดูร้อนของปี 1914 ช่วงขณะที่อยู่ในจุดสูงสุด”

ออสนอสยังพูดเตือนภัยเอาไว้ว่า ในปัจจุบันความเสี่ยงที่ใหญ่โตที่สุดได้แก่ความมืดบอดซึ่งถือกำเนิดจากความโง่เขลา, ความโอหัง, หรือไม่ก็จากอุดมการณ์ อย่างที่เราสามารถมองเห็นเป็นประจักษ์พยานจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งได้นำเอาทั้งสองประเทศเข้าไปสู่ปากขอบเหวแห่งสงคราม ความรับรู้ความเข้าใจอย่างผิดๆ นั้น สามารถที่จะนำไปสู่การคาดคำนวณอย่างผิดๆ [20] ตลอดจนการขยายตัวบานปลายของความขัดแย้ง

ด้วยเหตุนี้ ออสนอสจึงเตือนว่า ถ้าวอชิงตันประสงค์ที่จะเล่นพนันในเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ โดยอาศัยการทำนายทายทักอย่างลวกๆ สะเพร่า ตลอดจนอุดมการณ์ในทางการค้าแล้ว ผลต่อเนื่องซึ่งเกิดติดตามมาจะร้ายแรงสาหัสนัก และถ้าหาก สี เห็นดีเห็นงามกับภาพสถานการณ์ที่ว่าอเมริกามุ่งมั่นตั้งใจที่จะกีดกันจีนออกจากความเจริญมั่งคั่ง และพยายามทำให้จีนตกต่ำแล้ว เขาก็อาจจะเกิดความรับรู้ความเข้าใจอย่างผิดๆ ขึ้นมาว่า เวลานี้แหละ คือ “ช่วงขณะที่อยู่ในจุดสูงสุด” ของเขาแล้ว

เชิงอรรถ

[1] https://www.bloomberg.com/news/arti...says-u-s-and-china-in-foothills-of-a-cold-war
[2] https://foreignpolicy.com/2020/02/0...coronavirus-government-propaganda-xi-jinping/
[3] https://www.cnbc.com/2020/02/12/cor...china-decoupling-versus-trade-war-milken.html
[4] https://www.nytimes.com/2020/01/30/business/economy/wilbur-ross-coronavirus-jobs.html
[5] https://www.buzzfeednews.com/articl...o-steve-bannon-is-writing-fake-news-about-the
[6] https://www.dailymail.co.uk/news/ar...ronavirus-rampage-Chinas-Communist-Party.html
[7] https://www.the-american-interest.com/2020/02/13/pompeo-to-governors-china-is-using-you/
[8]
[9] https://economictimes.indiatimes.co...-succession/articleshow/73723531.cms?from=mdr
[10] https://china.ucsd.edu/_files/11042019_ellsworth-lecture-speech.pdf
[11] https://www.stimson.org/2019/managing-fallout-us-china-trade-war/
[12] https://www.cnbc.com/2019/11/21/ex-...military-accident-amid-us-china-tensions.html
[13] https://www.bloomberg.com/news/feat...ng-chinese-americans-from-top-cancer-research
[14] https://raskin.house.gov/media/pres...cern-about-racial-profiling-chinese-americans
[15] https://www.vice.com/en_us/article/59eybd/why-does-the-fbi-keep-arresting-asian-american-scientists
[16] https://www.latimes.com/politics/la-pol-ca-ted-lieu-espionage-letter-story.html
[17] https://www.newyorker.com/magazine/2020/01/13/the-future-of-americas-contest-with-china
[18] https://www.newyorker.com/magazine/2020/01/13/the-future-of-americas-contest-with-china
[19] https://www.newyorker.com/magazine/2020/01/13/the-future-of-americas-contest-with-china
[20] https://www.nytimes.com/2020/02/13/us/politics/iran-trump-administration.html

https://mgronline.com/around/detail...hrVj65ICiCVeGk7BdJc-SdE2ikeslf5iPRvXrdFLL-I88

 

Manager Online VDO Clip

หนักกว่าลมพัดตึง “ไฟป่าภูกระดึง” ผลาญป่าสน 100 ปี

 

หมอเตือนอย่าเล่นเกม Skull Breaker Challenge อันตรายถึงชีวิต

Skull Breaker Challenge คือการเล่นโดยให้เด็ก 3 คนมา
กระโดด โดย 2 คนข้างๆ จะขัดขาคนตรงกลางให้ล้ม ซึ่งเริ่มมีการเลียนการเล่นนี้มากขึ้น
#mgronline #SkullBreakerChallenge

 

แอบเผาไร่! ไฟลามไหม้ป่าภูแลนคาชัยภูมิสูญแล้วกว่า 3 พันไร่ ระดมจนท.ดับยังโหมหนักต่อเนื่อง

https://mgronline.com/local/detail/9630000016169

#MGRonline #เผาป่า #ภูแลนคา

https://mgronline.com/local/detail/...dHMUXOZYX53OzFpVs1GwBbOqvJJNjGBQi2hbrk6_jKINs

 

ด่วน: ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหวู่ฮั่นเสียชีวิตจากโรค coronavirus, สื่อจีนกล่าว

Liu Zhiming ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Wuchang มีรายงานว่าเสียชีวิตจากไวรัสวันนี้

เขาเป็นหัวหน้าโรงพยาบาลคนแรกที่ 'เสียสละ' ตัวเองต่อสู้กับไวรัสสื่อกล่าว

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานางพยาบาลอายุ 59 ปีในโรงพยาบาลเดียวกันเสียชีวิตโดยโรคนี้
COVID-19 ได้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,775 ชีวิตและติดเชื้อมากกว่า 71,440 แห่งทั่วโลก
โดย TRACY คุณสำหรับ MAILONLINE

เผยแพร่: 16:56 GMT, 17 กุมภาพันธ์ 2020 | ปรับปรุง: 17:31 GMT, 17 กุมภาพันธ์ 2020

Liu Zhiming ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Wuchang เสียชีวิตจาก coronavirus ในปัจจุบันตามสื่อของจีน

ดร. Liu Zhiming ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Wuchang เป็นผู้นำโรงพยาบาลคนแรกที่ 'เสียสละ' ตัวเองในการต่อสู้กับ coronavirus รายงาน Red Star News

ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนางพยาบาลอายุ 59 ปีในโรงพยาบาลเดียวกันเสียชีวิตจากไวรัสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

Red Star News ..ข่าวในฉงชิ่งกล่าวว่าได้รับการยืนยันข่าวจากหลายแหล่ง

แพทย์คนหนึ่งที่โรงพยาบาล Wuchang บอกกับหนังสือพิมพ์ว่าเขารู้สึกเศร้าใจที่ดร. หลิวเสียชีวิต

วงในอีกคนหนึ่งกล่าวว่ามิสเตอร์หลิวเป็นคนที่มีสุขภาพดีมาตลอดและเขารู้สึกประหลาดใจกับข่าวการเสียชีวิตของเขา

โรงพยาบาลยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นในรายงาน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Liu Fan พยาบาลจากโรงพยาบาล Wuchang เสียชีวิตจาก coronavirus หลังจากติดเชื้อในที่ทำงาน

บัญชีออนไลน์ชี้ให้เห็นว่า Ms Liu ติดเชื้อด้วยโรค หลังจากล้มเหลวในการรับชุดวัตถุอันตรายเนื่องจากการขาดแคลนเวชภัณฑ์ในหวู่ฮั่น

..
โรงพยาบาล Wuchang กล่าวว่าได้พยายามอย่างดีที่สุดในการช่วยชีวิตคุณ Liu แต่เธอเสียชีวิตเมื่อเวลา 18:30 น. ในวันศุกร์

'เพื่อสูญเสียพยาบาลที่ดีเช่นนี้

โรงพยาบาลอ้างว่าได้กระตุ้นให้แพทย์ทุกคนปกป้องตัวเองระหว่างการทำงาน

มันยังคง: 'คลีนิกเขตทั้งหมดต้องบังคับใช้มาตรการป้องกันส่วนบุคคลตามความต้องการ

ในการต่อสู้ครั้งนี้ไวรัสร้ายกาจ เราแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งสำหรับการส่งผ่านของ Liu Fan

'เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะยังคงมีสุขภาพดีและจะกลับมาอย่างปลอดภัยหลังจากการต่อสู้'

ผู้ที่เสียชีวิตจากไวรัส COVID-19 หลังจากติเชื้อในหน้าที่ควรได้รับการตั้งชื่อว่าสักขีเจ้าหน้าที่จีนเรียกร้องในวันนี้

สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาควรได้รับค่าตอบแทนทางการเงินและได้รับความสำคัญในนโยบายต่าง ๆ ฝ่ายการเมืองของคณะกรรมาธิการทหารกลางกล่าว

ก่อนที่ดร. หลิวนักการแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดที่เสียชีวิตไปกับ coronavirus คือดร. ลี่เหวินเหลียนซึ่งทำงานที่โรงพยาบาลกลางหวู่ฮั่น

จักษุแพทย์จับความสนใจของสาธารณชนหลังจากที่เขาถูกตำหนิจากตำรวจและถูกกล่าวหาว่าแพร่ข่าว 'ข่าวปลอม' เพื่อเตือนสื่อโซเชียลของ 'โรคซาร์สที่ตลาดอาหารทะเลหวู่ฮั่น' ในวันที่ 30 ธันวาคม...

เขาเสียชีวิตในชั่วโมงแรกของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โรงพยาบาลของเขากล่าว

การผ่านของเขาทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ประชาชนชาวจีนซึ่งนำสื่อสังคมออนไลน์เพื่อระบายความโกรธของพวกเขาที่มีต่อรัฐบาลก่อนที่จะโพสต์ข้อความของพวกเขาถูกเซ็นเซอร์อย่างรวดเร็ว

...
ครอบครัวของดร. หลี่ได้รับเงินจำนวน 90,000 ปอนด์หลังจากปักกิ่งตัดสินว่า 'บาดเจ็บในที่ทำงาน' หลังจากที่เขาได้รับความทุกข์และความโกรธแค้นจากการเป่านกหวีดออนไลน์

ปัจจุบันมีผู้คนเกือบ 1,800 คนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคโคโรนาไวรัสซึ่งกำลังกวาดดาวเคราะห์โลกอย่างรวดเร็ว

และมากกว่า 71,430 คนติดเชื้อไวรัสหรือที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการว่า COVID-19 รวมถึง 454 ลำบนเรือสำราญที่ถูกกักตัวนอกชายฝั่งของญี่ปุ่น

ร้อยละเก้าสิบห้าของผู้ป่วยใหม่ 2,000 รายที่ถูกบันทึกเมื่อวานนี้ได้รับการวินิจฉัยในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นจังหวัดร้างของจีน ที่เป็นศูนย์กลางของวิกฤต


BREAKING: Head of Wuhan hospital dies of coronavirus, says Chinese media

• Liu Zhiming, the director of Wuchang Hospital, reportedly died of the virus today
• He is the first hospital head to 'sacrifice' himself fighting the virus, media said
• Last Friday, a 59-year-old nurse in the same hospital was killed by the disease
• COVID-19 has claimed at least 1,775 lives and infected more than 71,440 globally

By TRACY YOU FOR MAILONLINE

PUBLISHED: 16:56 GMT, 17 February 2020 | UPDATED: 17:31 GMT, 17 February 2020



+1
Liu Zhiming, the director of Wuchang Hospital, died of the novel coronavirus today, according to Chinese media

The head of a hospital in Wuhan today died of the novel coronavirus, according to Chinese media.

Dr Liu Zhiming, the director of Wuchang Hospital, is the first hospital leader to have 'sacrificed' himself in the fight against coronavirus, reported Red Star News.

The news comes after a 59-year-old nurse in the same hospital lost her life to the virus last Friday.

Red Star News, a news outlet based in Chongqing, said it had confirmed the news from multiple sources.

One doctor at Wuchang Hospital told the newspaper that he was saddened by Dr Liu's passing.

Another insider said Mr Liu had always been a healthy man and that he was surprised by the news of his death.

The hospital is yet to comment on the report.

Last week, Liu Fan, a nurse at Wuchang Hospital, died of the coronavirus after contracting the disease at work.

Online accounts suggested that Ms Liu was infected with the disease after failing to get a hazmat suit due to the shortage of medical supplies in Wuhan.

The hospital denied the allegations, adding that the 59-year-old was working in the injection room of a neighbourhood clinic, not on the front line.

In a statement, Wuchang Hospital said it had tried its best to resuscitate Ms Liu, but she died at 6:30pm on Friday.

'To lose such a good nurse, we are deeply distressed,' it said.

The hospital claimed that it had urged all medical workers to protect themselves during work.

It continued: 'All neighbourhood clinics need to enforce personal preventative measures according to requirement.

'In this battle, the virus is cruel. We express our deepest condolences for comrade Liu Fan's passing.

'We sincerely hope all medical workers remain healthy and will return safe and sound after the battle.'

Those who die of the COVID-19 virus after contracting it on line of duty should be named martyrs, Chinese authorities urged today.

Their family members should receive financial compensation and enjoy priorities in various policies, the Political Work Department of the Central Military Commission said.

Before Dr Liu, the most high-profile medical worker who lost his life to the coronavirus was Dr Li Wenliang, who worked at Wuhan Central Hospital.

The ophthalmologist caught the public's attention after he was reprimanded by police and accused of spreading 'fake news' for warning on social media of 'SARS at a Wuhan seafood market' on December 30. Li's post came two weeks before coronavirus broke out in the city of 14 million which has been locked down since January 20.

He died in the early hours of February 7, his hospital said.

His passing caused an uproar among the Chinese public, who took to the social media to vent their anger towards the government before their posts were quickly censored.

'He wasn't allowed to speak. He wasn't even allowed to die,' wrote one person on popular messaging app WeChat as she commented on a circulating notice which apparently instructed all media outlets to suppress the coverage of the passing of Dr Li Wenliang.

'Dr Li Wenliang was only allowed to 'die' after most web users had gone to bed,' condemned another person on Twitter-like Weibo, claiming that Dr Li's hospital was quick to deny relevant reports and declared the medic's death in the wee hours.

Dr Li's family was paid £90,000 after Beijing ruled his death a 'work place injury' following outpourings of grief and fury online for the whistle-blower.

Nearly 1,800 people across the world have now died from the killer coronavirus that is rapidly sweeping the planet.

And more than 71,430 have caught the virus, formally known as COVID-19, including 454 on a cruise ship quarantined off the coast of Japan.

Ninety-five per cent of the 2,000 new cases recorded yesterday were diagnosed in Hubei, the deserted Chinese province at the centre of the crisis.

https://www.dailymail.co.uk/news/ar...wrTpvFpBacfMJAbPajNmiPoOFGKProXaQ09DXKT-tpsbU

 

China Report ASEAN - Thailand
ยกระดับมาตรการปิดเมือง ยกระดับควบคุมโรคในพื้นที่
.


1.หลังจากที่จีนมีมาตรการ ‘ปิดเมือง’ อู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเมืองอู่ฮั่นเป็นต้นกำเนิดของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’
.
2.วันนี้ จีนเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการปิดเมืองไปอีกขั้น เพื่อยกระดับการควบคุมโรคในพื้นที่
.
3.มาตรการแรกคือ ขยายพื้นที่ปิดเมืองออกไปอีก จะมีการปิดล้อมชุมชนในเขตนอกตัวเมืองอู่ฮั่นและชนบท รวม 200,000 แห่ง ให้เหลือทางเข้าและทางออกเดียวในแต่ละแห่ง
.
4.มาตรการที่สองคือ แต่ละครัวเรือนสามารถส่งตัวแทนออกจากเคหะสถานได้เพียง 1 คนในทุก 3 วัน จากเดิมคือ 2 วัน เพื่อออกมาจับจ่ายซื้อของและทำธุรกรรมที่จำเป็น
.
5.ตัวแทนของแต่ละครัวเรือนที่ออกจากบ้าน ต้องสวมหน้ากากอนามัยให้มิดชิด และอยู่ห่างจากบุคคลอื่นเป็นระยะไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร
.
6.มาตรการที่สาม สถานบันเทิงและสถานที่บริการเพื่อการสันทนาการทุกประเภท ให้ปิดบริการอย่างไม่มีกำหนด
.
7.มาตรการที่สามรวมไปถึง งานมงคลสมรส ให้เลื่อนออกไป / งานศพ ให้มีขนาดเล็กและขั้นตอนสั้นที่สุด / ห้ามเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านหรือเดินทางไปยังบ้านหลังอื่น โดยเด็ดขาด
.
8.มาตรการที่สี่ การสัญจรบนท้องถนน อนุญาตเพียงพาหนะของตำรวจ สถานพยาบาล และพาหนะซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น
.
9.จากแถลงการณ์ของมณฑลหูเป่ย์ เกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการปิดเมืองนั้น ถ้าวิเคราะห์ให้ดีๆแล้ว หมายความว่า ‘ประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในมณฑลหูเป่ย์ ไม่ควรออกนอกบ้านในช่วงนี้’
.
10.การเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการปิดเมืองของมณฑลหูเป่ย์ เป็นมาตรการต่อยอดจากการปิดเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลจีนมีมาตรการควบคุมโรคแบบบังคับต่อเมืองอู่ฮั่นมากที่สุด เข้มงวดที่สุด เนื่องจากอู่ฮั่นเป็นแหล่งกำเนิดของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’
.
11.เฉพาะในมณฑลหูเป่ย์ นับตั้งแต่เดือนธันวาคมจนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1,696 คน มีผู้ป่วย 58,182 คน ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว 1,016 คน
.
12.สำหรับสถิติทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลงว่า ผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิต อยู่ที่ 1,770 ราย ผู้ป่วยติดเชื้อ 70,548 ราย กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของจีน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้ 10,844 ราย
.

 

China Report ASEAN - Thailand
เตือนจริง ไม่ล้อเล่น! บินโดรนเตือนประชาชน ที่ไม่ใส่หน้ากาก ให้ใส่หน้ากาก
.
1.รัฐบาลจีนมีมาตรการมากมายในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ แพร่กระจาย
.
2.หนึ่งในนั้นคือ อยู่ในที่สาธารณะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และจะมีการเตือนประชาชนที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ให้สวมใส่หน้ากากด้วย
.
3.วีดิโอนี้ นาทีที่ 01.43 เป็นต้นไป แสดงให้เห็นว่า ทางการจีนเข้มงวดกับมาตรการนี้จริงๆครับ มีการใช้โดรนบินลาดตระเวน สอดส่องดูแลประชาชน และเมื่อเจ้าหน้าที่พบประชาชนที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ก็จะส่งเสียงเตือนแบบเรียลไทม์
.
4.ซึ่งก็มีจริงๆครับ มีชายคนหนึ่งไม่ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ จึงมีเสียงแจ้งเตือน แล้วชายคนนั้นก็รีบใส่หน้ากากอนามัยทันที
.
5.มาตรการอื่นๆ อาทิ...
-ทำความสะอาดสถานที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน
-ปิดเมือง ที่ถูกพิจารณาว่าเป็นพื้นที่วิกฤต
-ควบคุมการรายงานข่าวสาร ป้องกันข่าวปลอม
-สร้างโรงพยาบาลพิเศษ เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโดยเฉพาะ (น่าทึ่งมาก! จีนสร้างโรงพยาบาลเสร็จใน 10 วัน)
-เปลี่ยนสถานที่ เช่น โรงยิม ศูนย์ประชุม ให้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว
-ใช้หุ่นยนต์ 5G กำจัดเชื้อโรคในพื้นที่กักกันในโรงพยาบาล ป้องกันเชื้อโรคติดต่อจากคนสู่คน เป็นต้น
.
6.ไม่พูดถึงคงไม่ได้ 'ฮีโร่ของชาวจีน' นั่นคือ บุคลากรทางการแพทย์ที่รับมือ ดูแลผู้ป่วยอยู่ในแนวหน้า สวมใส่หน้ากากจนหน้าตาเป็นรอย และมีความเสี่ยงสูงมากที่จะติดเชื้อ / ไม่เฉพาะชาวจีนเท่านั้น แต่ชาวโลก ต่างชื่นชมในความเสียสละ
.
7.รัฐบาลจีนขอบคุณนานาประเทศที่ส่งความช่วยเหลือ และส่งกำลังใจ เพราะแม้ว่าไวรัสจะแพร่ไว แต่กำลังใจแพร่ไวกว่าไวรัสเสียอีก | อ่านเพิ่มเติม: จีนขอบคุณนานาประเทศ ที่เข้าใจ แม้ไวรัสจะแพร่ไว แต่ ‘กำลังใจ’ แพร่ไวกว่าไวรัส https://www.facebook.com/ChinaReportAseanThailand/posts/526361394750875
.
8.สำหรับเมืองอู่ฮั่น เมืองต้นตอของไวรัส แม้ว่าเมืองจะเงียบเหงา ร้างผู้คน แต่ชาวโลกก็ส่งกำลังใจ ให้ชาวอู่ฮั่นและเมืองอู่ฮั่น ฟิ้นคืนกลับมาโดยเร็ว | อ่านเพิ่มเติม: อู่ฮั่นขอเวลา แล้วจะกลับมา งามสง่ายิ่งกว่าเดิม https://www.facebook.com/ChinaReportAseanThailand/videos/838318083260276/