ติดตามสถานะการณ์

Setiawan

อาร์เจนตินา 2 กุมภาพันธ์ 2020
Argentina Feb2 2020

 

Setiawan

Jerash, Jordan วันที่ 2 ก.พ. 2020
Jerash, Jordan Feb2 2020

 

Setiawan

พายุฝุ่นขนาดใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของบลูมฟอนเทน, แอฟริกาใต้ 3 ก.พ. 2563

Huge duststorm in South West of Bloemfontein, South Africa Feb3 2020

 

สรุปสถานการณ์ล่าสุด...ขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัส (2019-nCoV)
• การพัฒนายาต้านไวรัสขนานใหม่ อาจทำได้จากสองแนวทางหลักด้วยกัน โดยวิธีแรกคือ 'การค้นหาโมเลกุลขนาดเล็กที่มีความเหมาะสมต่อการยับยั้งไวรัสไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้นในร่างกายมนุษย์'...โดยโมเลกุลนี้จะไปขัดขวางแทรกแซงการทำงานของโปรตีนไวรัส
• ยาชนิดนี้สามารถจะผลิตออกมาในรูปของยาเม็ดได้ง่าย ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งสำหรับการผลิตปริมาณมากระดับอุตสาหกรรม แต่ที่ผ่านมากลับมีปัญหาว่า 'โครงการพัฒนายาต้านไวรัสจากโมเลกุลขนาดเล็กประสบความล้มเหลวไปถึง 99% ซึ่งแสดงว่าการคิดค้นยาต้านไวรัสชนิดใหม่ด้วยวิธีนี้ไม่ง่ายนัก และจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี
• มีอีกวิธีหนึ่งในการต้านทานเชื้อไวรัส นั่นก็คือการใช้ 'แอนติบอดี' (Antibodies) ซึ่งเป็นอาวุธแบบเดียวกับที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายคนเราใช้อยู่
• 'แอนติบอดี' คือ 'โปรตีนขนาดใหญ่หลากหลายชนิด ที่สามารถจับเข้ากับตัวรับ หรือ Receptor ของไวรัสแต่ละสายพันธุ์ และกระตุ้นให้เกิดการทำลายไวรัสได้
• ตามปกติแล้วเมื่อคนเราติดเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่ร่างกายไม่เคยรู้จักมาก่อน ระบบภูมิคุ้มกันอาจต้องใช้เวลาถึงสองสัปดาห์ในการผลิต 'แอนติบอดี' ขึ้นมาในปริมาณที่เพียงพอจะต่อสู้กำจัดไวรัสได้
• แต่ในระหว่างนั้นหากฉีดยา 'แอนติบอดี' ที่ได้จากเซลล์ของสัตว์ซึ่งเพาะขึ้นในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (Laboratory) ทั้ง 'เคมีคลินิก ภูมิคุ้มกันวิทยาคลินิก จุลชีววิทยาคลินิก ปรสิตวิทยา พิษวิทยา ชีววิทยาระดับโมเลกุลและมนุษย์พันธุศาสตร์ อณูพันธุศาสตร์' ที่ผลิตได้ครั้งละมาก ๆ ก็จะช่วยควบคุมจำนวนไวรัสในร่างกายไม่ให้เพิ่มขึ้น...ก่อนที่ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจะแข็งแกร่งเต็มที่และเข้ามาจัดการไวรัสจนหมดไปในที่สุด
• ยาฉีด 'แอนติบอดี' นั้นมีแนวโน้มว่าจะมีผลข้างเคียงน้อย เมื่อเทียบกับยาต้านไวรัสที่ทำจากโมเลกุลขนาดเล็ก เพราะมีความจำเพาะเจาะจงในการเข้าจับกับตัวรับของไวรัสแต่ละชนิดมากกว่า
• ผู้เชี่ยวชาญมองว่า 'การค้นหา 'แอนติบอดี' ที่จำเพาะกับไวรัส 2019-nCoV นั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก...แต่ปัญหาอยู่ที่การผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการปริมาณมาก ภายในระยะเวลาอันสั้น'
• ความหวังในการรักษาจากยาต้านไวรัส 2019-nCoV ซึ่งเป็นยาที่ผ่านการทดสอบและใช้รักษาโรคอื่น ๆ กันโดยทั่วไปอยู่แล้ว เช่น ยาต้านไวรัส HIV 2 ตัว คือ
❶ โลปินาเวียร์ : Lopinavir
❷ ริโทนาเวียร์ ; Ritonavir
• ส่วนที่รอการอนุมัติ 'เพื่อขอรับใบอนุญาตใช้วัตถุออกฤทธิ์' จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คือ
❶ ยาเรมเดซิเวียร์ : Remdesivir ที่เคยใช้รักษาโรคอีโบลา
❷ ยาคลอโรควิน : Chloroquine ที่ใช้รักษาไข้มาลาเรีย เพื่อนำมารักษาผู้ป่วยไข้ปอดอักเสบจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ด้วย
• Remark : ความคิดเห็นส่วนตัวผู้เขียน เชื้อโคโรนาไวรัส หรือ Novel Coronavirus (2019-nCoV)
• ขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ Novel Coronavirus (2019-nCoV) และมีอาการหนักขั้นวิกฤต ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องคำนึงทั้ง
❶ ป้องกันอาการช็อกด้วยการให้น้ำเกลือ
❷ ป้องกันภาวะพร่องออกซิเจนและอวัยวะล้มเหลว
❸ ป้องกันและสู้กับการติดเชื้อซ้ำ
❹ การรักษาสมดุลความเป็น 'กรด และ ด่าง' : Acid - Base Balance
❺ สมดุลนิเวศวิทยาของจุลินทรีย์ : Micro-Ecological Balance

 

แบ่งปันจาก Richard Whitt

หยุดประจานให้โลกรู้
• คราวนี้ทั้ง Facebook Twitter and YouTube ได้ร่วมมือออกแถลงการณ์เรื่อง Fake News เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ Novel Coronavirus (2019-nCoV) เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งล่าสุดกล่าวว่า 'มีการปฏิบัติการข่าวสาร หรือ Information Operation เป็นยุคแห่งสงครามสารสนเทศ หรือ Information Warfare ที่ได้ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธห้ำหั่นกัน...ทำลายล้างอย่างไร้ขอบเขต ทั้ง 'ข่าวเท็จ ข่าวปลอม ข่าวลวง' เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ที่เกาะกระแส 'ทันโลกทันเหตุการณ์' สรุปข่าวรอบวัน
• ถึงแม้ว่า Facebook Twitter and YouTube จะไม่ได้เจาะจงประเทศไทยโดยตรง แต่ Icon 'อักษรไทย' ที่ถูกนำมาสื่อเป็น 'ภาษาภาพ' (Pictograph) ไม่ต่างอะไรจาก 'บ้านป่า เมืองเถื่อน ไร้กฎระเบียบ'

 

คิดว่าผลงานใคร



เทียบข่าว
1.Facebook Twitter and YouTube ได้ร่วมมือออกแถลงการณ์เรื่อง Fake News เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ Novel Coronavirus (2019-nCoV) เป็นครั้งที่ 2
2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงการป้องกันเฟคนิวส์ ว่า ทางกระทรวงฯ มีการดำเนินการป้องกันเฟคนิวส์มาโดยตลอด และเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน (3 ก.พ.) ได้พูดคุยกับผู้บริหารเฟซบุ๊กต่างประเทศ เชื่อว่าภายใน 1-2 วันจะมีข่าวดี จากการร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทย กับเฟซบุ๊ก จะมีกระบวนการในการติดตามและทำงานร่วมกัน เพื่อป้องกันข่าวปลอมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่กระทบกับความอ่อนไหวของประชาชน

--------------------


พุทธิพงษ์ ขู่มือผลิตเฟคนิวส์ระวังหลังคุยเฟซบุ๊ก
3 กุมภาพันธ์ 2563 - 11:42 น.
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2563 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงการป้องกันเฟคนิวส์ ว่า ทางกระทรวงฯ มีการดำเนินการป้องกันเฟคนิวส์มาโดยตลอด และเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน (3 ก.พ.) ได้พูดคุยกับผู้บริหารเฟซบุ๊กต่างประเทศ เชื่อว่าภายใน 1-2 วันจะมีข่าวดี จากการร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทย กับเฟซบุ๊ก จะมีกระบวนการในการติดตามและทำงานร่วมกัน เพื่อป้องกันข่าวปลอมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่กระทบกับความอ่อนไหวของประชาชน รวมถึงเรื่องอื่นๆ ถือเป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้ร่วมมือกัน ตนคิดว่าคนที่ผลิตที่เฟคนิวส์ต่างๆ ต้องระวังแล้ว เพราะเราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเฟซบุ๊กต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวดีที่จะออกมาใน 1-2 วัน จะเป็นลักษณะไหน นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอให้คอยดู จะเป็นมาตรการในการติดตาม และทำให้เฟคนิวส์เกิดขึ้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นครั้งแรกเลย
https://www.komchadluek.net/news/po...j2dOh70TG9KS46Ip1fnKLzGOXR9HjWHrpQah4PzhNqv0k

 

ทุบสถิติ! หน้ากากอนามัยขายในฮ่องกงกล่องละ 1,800 เหรียญฮ่องกง
สำนักข่าว hkej ได้เผยแพร่ภาพร้านค้าแห่งหนึ่งประกาศขายหน้ากากอนามัย kf94 จากเกาหลีในราคา 1,800 เหรียญฮ่องกงจำนวน 50 ชิ้นต่อกล่อง (ราว 7,200 บาท) หรือตกชิ้นละ 36 เหรียญฮ่องกง
ทางด้านร้านค้าทั่วไป ก็ได้เริ่มมีสต๊อกหน้ากากอนามัยทยอยมาขาย ประชาชนจำนวนมากต้องไปต่อแถวรอซื้อเนื่องจากสต๊อกที่มียังมีอย่างจำกัด ราคาตามร้านค้าทั่วไปอยู่ที่ 55-70 เหรียญฮ่องกงจำนวน 50 ชิ้นต่อกล่อง
Source : ,
#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

เดือนแรกแห่งทศวรรษใหม่ เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
- ติดตามรูปสวยๆแบบนี้


instagram.com/longtunman -

 

ประเทศที่ “เคยจนกว่า” ไทย /โดย ลงทุนแมน
ปี ค.ศ. 1960 หรือ พ.ศ. 2503 เมื่อ 60 ปีที่แล้ว
เป็นปีแรกที่ธนาคารโลกได้เก็บข้อมูล GDP ต่อหัวของประเทศต่างๆ
ในเวลานั้น คนไทยมี GDP ต่อหัวเพียง 2,140 บาทต่อปี
(ค่าเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 1960 = 21.2 บาท)
แม้ในวันนี้ประเทศไทยจะยังไม่ใช่ประเทศรายได้สูง แต่เศรษฐกิจของประเทศไทยก็พัฒนามาเรื่อยๆ
จนในปี 2018 คนไทยมี GDP ต่อหัวอยู่ที่ 227,000 บาทต่อปี
ซึ่งหากมองประเทศอื่นๆ ทั่วโลกควบคู่ไปด้วย
เราจะแบ่งประเทศเหล่านี้ได้ 4 กลุ่ม..
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
กลุ่มที่ 1 ประเทศที่ “รวย” กว่าไทยเสมอมา
ผู้คนในประเทศกลุ่มนี้ รวยกว่าคนไทยอยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 1960 จนถึงปี 2018 ก็ยังรวยกว่าไทย
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ประเทศในยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย รัสเซีย
แม้แต่สิงคโปร์ มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ประเทศเหล่านี้ ก็รวยกว่าไทยมาตั้งแต่ปี 1960 แล้ว
กลุ่มที่ 2 ประเทศที่ “จน” กว่าไทยเสมอมา
ผู้คนในประเทศกลุ่มนี้ จนกว่าคนไทยตั้งแต่ปี 1960 จนถึงปี 2018 ก็ยังจนกว่าไทย
ประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชีย
เช่น ไนจีเรีย ซูดาน โซมาเลีย อินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน
แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศทั้ง 2 กลุ่มข้างต้น หากเทียบกับประเทศไทย คงน่าสนใจไม่เท่ากับ..
กลุ่มที่ 3 ประเทศที่ “เคยรวย” กว่าไทย
ผู้คนในประเทศกลุ่มนี้ เคยรวยกว่าคนไทยในปี 1960
แต่ในปี 2018 กลับมี GDP ต่อหัว น้อยกว่าคนไทย
ประเทศเหล่านี้มีอยู่แทบทุกภูมิภาคทั่วโลก
เช่น ฟิลิปปินส์ เวเนซุเอลา ซิมบับเว แอฟริกาใต้ อียิปต์ ซีเรีย ศรีลังกา เปรู
เรื่องราวของประเทศเหล่านี้ ถูกร้อยเรียงอยู่ในซีรีส์บทความชื่อ ประเทศที่ “เคยรวยกว่า” ไทย ที่ลงทุนแมนเคยเขียนไปแล้ว
ในซีรีส์นั้นลงทุนแมนได้บอกเล่าสาเหตุของปัญหาที่นำมาสู่ความล้มเหลว
เพื่อเป็นบทเรียนถึงความผิดพลาดในอดีต และวางแผนไม่ให้ประเทศไทยก้าวเดินซ้ำรอยนั้น
แต่อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่น่าสนใจ ไม่แพ้กับการเรียนรู้ความผิดพลาด ก็คือ การเรียนรู้ความสำเร็จ..
เพราะยังมีกลุ่มประเทศอีกกลุ่มหนึ่ง
ที่มี GDP ต่อหัวน้อยกว่าคนไทยในปี 1960
แต่สามารถพัฒนาจนมี GDP ต่อหัวแซงคนไทยได้ในปี 2018
ซึ่งบนโลกนี้มีเพียง 3 ประเทศเท่านั้น..
นั่นก็คือ บอตสวานา โอมาน และจีน
บอตสวานา
ปี 1960 มี GDP ต่อหัว 1,270 บาทต่อปี น้อยกว่าคนไทย 1.7 เท่า
ปี 2018 มี GDP ต่อหัว 257,000 บาทต่อปี มากกว่าคนไทยเล็กน้อย
โอมาน
ปี 1960 มี GDP ต่อหัว 1,680 บาทต่อปี น้อยกว่าคนไทยพอสมควร
ปี 2018 มี GDP ต่อหัว 511,500 บาทต่อปี มากกว่าคนไทย 2.3 เท่า
จีน
ปี 1960 มี GDP ต่อหัว 1,900 บาทต่อปี น้อยกว่าคนไทยเล็กน้อย
ปี 2018 มี GDP ต่อหัว 304,000 บาทต่อปี เป็น 1.3 เท่าของคนไทย
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ ซีรีส์บทความ ประเทศที่ “เคยจนกว่า” ไทย
ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของประเทศเหล่านี้
เพื่อเป็นบทเรียนของความสำเร็จ นำเอาข้อดี มาปรับใช้ให้เข้ากับเส้นทางของประเทศไทยในอนาคต
ติดตามซีรีส์นี้ได้ในสัปดาห์หน้า
โดยจะเริ่มจาก ประเทศที่ทุกคนรู้จักกันดีที่สุด
ครั้งหนึ่ง ประเทศนี้เคยเป็นมหาอำนาจแห่งโลกตะวันออก
ประเทศนี้มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่สุดในโลกในอดีตหลายช่วงเวลา
แต่การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาด ทำให้ในปี 1960 ผู้คนในประเทศนี้จนกว่าไทย
แต่ท้ายที่สุดก็สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาจนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
และมี GDP ต่อหัว มากกว่าคนไทยในที่สุด
จะเป็นประเทศไหนไม่ได้ นอกจาก
“สาธารณรัฐประชาชนจีน”..
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Reference
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=TH-BW-CN-OM

 

John Traczyk

3 ก.พ. ผู้หญิงเดินมาตามพื้นดินที่ติดไฟในรัสเซีย
เปลวไฟเกิดขึ้นจากรอยแตกบนพื้นดิน Svetly (วิดีโอ)

[คุณเคยเห็นไฟออกมาจากพื้นดินหรือไม่? คุณทุกคนอาจรู้ว่าการดำรงอยู่ของไฟใต้ดินนิรันดร์ แต่เปลวไฟพุ่งสูงขึ้นจากพื้นดินไม่มีทาง! ที่จริงแล้วนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Evelina Razinkova ในขณะที่เธอและครอบครัวของเธอเดินไปรอบ ๆ Svetly Put ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในภูมิภาค Temryuk ของรัสเซีย]




Feb 3. Woman comes along path of ground that is on fire in Russia.
Flames emerge from cracks in the earth. Svetly. (Video)

 

Setiawan

ภูเขาไฟ #Kuchinoerabujima ส่งเสียงดังลั่นสร้างการไหลของของที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ(pyroclastic flows) ที่ยาว และปล่อยเถ้าได้สูงถึง 7,000 ม. (23,000 ฟุต) a.s.l. , ญี่ปุ่น
#Kuchinoerabujima erupts, generating long pyroclastic flows and ejecting ash up to 7 000 m (23 000 feet) a.s.l., Japan

 

ทางการหูเป่ย ประกาศปลด 2 เจ้าหน้าที่ ปมเด็กชายสมองพิการเสียชีวิต หลังพ่อและพี่ชายถูกกักพื้นที่เพื่อดูอาการและเฝ้าระวังเชื้อ #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 โดยมีรายงานว่า เด็กชายได้รับอาหารเพียง 2 ครั้งใน 1 สัปดาห์ #ThaiPBSnews #ThaiPBS

 

นานแค่ไหนก็จะรอ
การนำรถเข็นมารอรับน้ำเป็นกิจวัตรประจำวันของชาวบ้านหนองพลอง เป็น 1 ใน 4 หมู่บ้านในตำบลขามเฒ่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา แม้บางวันจะต้องรอนานกว่าครึ่งวัน แต่หลายคนเลือกที่จะมารอรับน้ำที่ทางการมาแจกให้ เพราะกลัวว่าจะไม่มีน้ำใช้ในครัวเรือน #ภัยแล้ง2563 #นครราชสีมา #ThaiPBSศูนย์ข่าวภาคอีสาน

 

Setiawan

#ภูเขาไฟ Taal ปล่อยเถ้าถ่านออกมาและทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่อาจทำให้เกิดการระเบิดอีกครั้งตาม Phivolcs วันที่ 3 ก.พ. 2020

 

Setiawan

ลาวาเล็ก ๆ ไหลมาจากทางเหนือของปล่องภูเขาไฟของ #Stromboli เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2020
# INGV-Osservatorio Etneo
Small lava overflow from northern portion of the crater terrace of #Stromboli on 3 February 2020.
#INGV-Osservatorio Etneo

 

Setiawan

การระเบิด ~ ภูเขาไฟ # DeFuego, กัวเตมาลา 2 กุมภาพันธ์ 2020
Explosions ~ Volcan #DeFuego, Guatemala February 2, 2020

 

หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ค่ำๆวันนี้คนไทยทั้ง 144 คน จะได้ออกจากเมือง"อู่ฮั่น"ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนาฯ กลับถึงบ้านเกิดเมืองนอน เข้าสู่กระบวนการ"กักโรค"14 วัน

 

#ข่าวหน้า1 พบ 2 สัตว์ป่าหายาก “งูหางแฮ่ม-กบสังขละ” หลังไม่เห็นตัวมานานกว่า 20 ปี นึกว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว นักวิจัยจับฝังไมโครชิปติดตามพฤติกรรมงู 11 ตัว

 

จีนเผยยอดผู้ติดเชื้อ ‘ไวรัสโคโรนา’ รวม 20,438 ราย ดับแล้ว 425 ราย
.
วันอังคาร (4 ก.พ.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยการตรวจพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายใหม่ 3,235 ราย และผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายใหม่ 64 ราย ในภูมิภาคระดับมณฑล 31 แห่ง เมื่อวันจันทร์ (3 ก.พ.)
.
ผู้ป่วยที่เสียชีวิต 64 ราย ล้วนอยู่ในมณฑลหูเป่ยพร้อมกับมีรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยรายใหม่ 5,072 ราย (3,182 รายอยู่ในมณฑลหูเป่ย) ผู้ป่วยอาการหนัก 492 ราย และผู้ป่วยที่หายดีจนออกจากโรงพยาบาลได้ 157 รายในวันเดียวกัน
.
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสฯ ที่ได้รับการยืนยันผลบนจีนแผ่นดินใหญ่รวมอยู่ที่ 20,438 ราย และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 425 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวันจันทร์ (3 ก.พ.)
.
คณะกรรมการฯ เสริมว่าจำนวนผู้ป่วยอาการหนักรวมอยู่ที่ 2,788 ราย ผู้ป่วยต้องสัยรวมอยู่ที่ 23,214 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้รวมอยู่ที่ 632 ราย
.
นอกจากนั้นมีการเฝ้าติดตามผู้มีประวัติติดต่อใกล้ชิดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผล 221,015 ราย โดยมี 12,755 ราย ได้รับการปล่อยตัวจากการสังเกตการณ์ทางการแพทย์ในวันจันทร์ (3 ก.พ.) และ 171,329 ราย ยังคงอยู่ระหว่างการสังเกตอาการ
.
ด้านจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสฯ ที่ได้รับการยืนยันผลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเกาะไต้หวันของจีน รวมอยู่ที่ 15, 8 และ 10 รายตามลำดับ เมื่อนับถึงสิ้นวันจันทร์ (3 ก.พ.)
.
#อู่ฮั่น #ไวรัสโคโรนา
.
ติดตามข่าวอื่นๆ ได้ที่: www.xinhuathai.com

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน

สินค้าเกษตรเวียดนามค้างด่านชายแดนอื้อไวรัสส่งผลกระทบการส่งออก
.
รอยเตอร์ 4 ก.พ.- รัฐบาลเวียดนาม ระบุว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีน ที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ
.
รัฐบาลกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า การค้าข้ามพรมแดนระหว่างเวียดนามและจีนนั้น ‘ไม่ได้รับการสนับสนุน’ และเมื่อวันอาทิตย์ (2) ทางการได้ประกาศว่าจะห้ามทุกเที่ยวบินไปและกลับจากจีนเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
.
“กิจกรรมการขนส่งที่จำกัดจะขัดขวางธุรกรรมการผลิตทางการเกษตรระหว่างบริษัทต่างๆ จากสองประเทศ” รัฐบาลระบุในคำแถลง
.
จนถึงคืนวันอาทิตย์ (2) มีรถบรรทุก 175 คัน ที่บรรทุกแก้วมังกร 3,500 ตัน ติดค้างอยู่ที่บริเวณด่านชายแดนใน จ.ลางเซิน ทางภาคเหนือของประเทศ ขณะที่การส่งออกนมและอาหารทะเลก็ประสบปัญหาเช่นกัน เนื่องจากผู้นำเข้าจีนเลื่อนการรับสินค้า รัฐบาลระบุ
.
กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามยืนยันว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศ 8 ราย.