ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    PSX_20200203_173901.jpg
    (Feb 2) อู่ฮั่น CONSPIRACY? มี "คำถาม" เกิดขึ้นมากมายหลัง การแพร่ระบาดของ "ไวรัสอู่ฮั่น" หรือที่มีชื่อทางการแพทย์ว่า "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019-nCoV" เพราะเต็มไปด้วยปริศนาที่ยังไม่สามารถหา "คำตอบ" ได้

    โดยเฉพาะการที่รัฐบาลจีนโดย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศ "ภาวะฉุกเฉินสูงสุด" ทั่วประเทศ และมีคำสั่ง Shutdown คือห้าม "ทัวร์จีนออกนอกประเทศ" รวมทั้งห้ามขายแพกเกจเที่ยวบินและโรงแรมให้ชาวจีนที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ เป็นเวลา 3 เดือน หรือตั้งแต่ 27 ม.ค.-เม.ย.2563 โดยไม่หวั่นผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งระดมสรรพกำลังต่อสู้กับ "ไวรัสนรก" อย่างฉับไวในทุกมิติ ทั้งๆ ที่ถ้าจะว่าไปมีความรุนแรงน้อยกว่าเมื่อครั้งที่ "ซาร์ส" ระบาดเสียด้วยซ้ำไป

    ขณะที่จนถึงวันนี้( 30 มกราคม) รัฐบาลจีนก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่า "ต้นตอ" ของการแพร่ระบาดนั้นมาจากอะไรกันแน่ แม้กระทั่ง "จงหนานซาน" หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญระดับชาติที่จีนแต่งตั้งขึ้นมาควบคุมการแพร่ระบาดของ "ไวรัสอู่ฮั่น" ก็ยังคงเดินหน้าค้นหน้าความลับอันมืดมนอนธการ

    หรือว่า เชื้อนี้จะรุนแรงกว่าที่คิด?หรือว่า มี CONSPIRACY อะไรที่ชาวไทยและชาวโลกยังไม่รู้?

    เศรษฐกิจจีนพินาศยับ ใครได้-ใครเสีย

    คำสั่งอันเด็ดขาดของ "ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง" ในการปิดประเทศจีนเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสอู่ฮั่น เป็นที่ชัดเจนว่า ได้ส่งผลกระทบกับจีนอย่างมิอาจประมาณค่าได้ ทั้งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง-การทหารระหว่างประเทศ

    แค่ปิด "อู่ฮั่น" เมืองเดียวก็กระทบกับจีนอย่างหนัก เพราะอู่ฮั่นถือเป็นเมืองที่เปรียบเสมือนเครื่องจักรสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน โดยข้อมูลจากรัฐบาลเมืองอู่ฮั่น ระบุว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองอู่ฮั่น เมื่อปี 2562 อยู่ที่ระดับ 7.8% แถมเมืองอู่ฮั่นยังเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมและอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน จนได้รับฉายาว่า "เมืองแห่งยานยนต์" มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก

    บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศจำนวนมาก เช่น เจเนอรัลมอเตอร์ส และเรโนลต์ ร่วมทุนกับเหล่าบริษัทจีน โดยมูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนในเมืองอู่ฮั่นอยู่ที่ราวๆ 400,000 ล้านหยวน (57,000 ล้านดอลลาร์) ตามรายงานในหนังสือพิมพ์ฉางเหลียงเดลี่

    จะเห็นได้ว่า เฉพาะการปิดอู่ฮั่นก็ส่งผลกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมหาศาลแล้ว

    จูเลียน อีแวนส์-พริตชาร์ด นักวิเคราะห์แห่ง แคปิตอล อีโคโนมิกส์ ลงความเห็นว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาฯ เป็นการกระหน่ำตีครั้งใหม่ต่อเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะในภาคการขนส่ง การบริโภคในวงกว้าง ทั้งภัตตาคารร้านอาหารต่างๆ และภาคการค้าปลีก

    ทั้งนี้ การที่รัฐบาลจีนสั่งให้ยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ อาจกระทบอย่างร้ายแรงต่อ ภาคการท่องเที่ยว-อุตสาหกรรมสำคัญที่มีมูลค่าเท่ากับ 11% ของจีดีพีรวมของประเทศ ขณะที่การสัญจรทั้งทางรถไฟ และทางอากาศ ต่างลดฮวบ รวมทั้งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่กระทบจากรายได้ก่อนวันตรุษจีนที่ทำได้เพียงแค่ 10% ของปีที่แล้ว

    ขณะที่การบริโภคซึ่งเป็นตัวสร้างอัตราเติบโตของจีนในปี 2019 ถึงราว 3.5% ก็หลีกหนีไม่พ้นปัญหา ซึ่งการบริโภคลดไปเพียง 10% ก็จะทำให้จีดีพีต่ำลงไปราว 1.2% เลยทีเดียว

    นอกจากนี้ บรรดายักษ์ใหญ่ฟาสต์ฟูดสัญชาติสหรัฐฯ อย่าง แมคโดนัลด์ ได้ปิดทุกสาขาในมณฑลหูเป่ย เช่นเดียวกับ อิเกีย ห้างเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่สัญชาติสวีเดน ซึ่งปิดสาขาต่างๆ ราวครึ่งหนึ่งจากที่มีอยู่ทั้งหมด 30 แห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่ก่อนหน้า สตาร์บัคส์ เครือข่ายร้านกาแฟดังได้ประกาศปิดสาขาครึ่งหนึ่งในจีน และ ดิสนีย์ ตัดสินใจปิดให้บริการสวนสนุกที่เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง

    ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังส่งผลทำให้การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง คือ "นโยบายหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" ที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับจีน รวมทั้งสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ก็จะพลอยจะชะงักงันตามไปด้วย

    บรรดานักเศรษฐศาสตร์พากันวิเคราะห์ว่า ไวรัสอู่ฮั่นอาจทำให้จีนมีอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบ 29-30 ปี และกว่าที่จะสามารถฟื้นกลับคืนมาเหมือนเดิมได้ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย

    นอกจากนั้นยังมีผลกระทบที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย เช่น ผลกระทบทางด้านความมั่นคงโลก เพราะเมื่อจีนต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ย่อมทำให้ศักยภาพทางด้านการทหารของจีนที่เบียดขึ้นมาเคียงคู่กับสหรัฐฯ ลดลงไป และไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะฟื้นกลับคืนมาได้ เพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการฟื้นฟูประเทศและดูแลประชาชนของตัวเองเป็นลำดับแรก

    จะว่าไป ความรุนแรงอาจจะมากกว่าเมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์ "9/11" กับสหรัฐอเมริกาเสียด้วยซ้ำไป

    ที่น่าประหลาดยิ่งกว่าก็คือ ในวิกฤตครั้งนี้ปรากฏ "เฟกนิวส์" ทำหน้าที่ไปทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะเฟกนิวส์ที่สร้าง "ความสับสน" และ "หวังผลบางประการ" เช่น โพสต์ต่างๆ นานาบนทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กที่อ้างว่าไวรัสโคโรนาถูกสร้างขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์บางอย่าง

    หรือการที่มีรายงานจาก "เดลิเมล์" รวมทั้งสื่อตะวันตกพาเหรดกันออกมาให้ข้อมูลว่า ที่เมืองอู่ฮั่นเป็นที่ตั้ง "แล็บระดับ 4" แห่งแรกของประเทศจีน ซึ่งเป็นแล็บที่ใช้ในการทดลองวิจัยเชื้อโรคที่มีความอันตรายมากที่สุดในโลก เป็นต้น

    แน่นอนว่า สงครามข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ย่อมสร้าง ความหวั่นวิตกให้กับคนทั้งโลก และซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้เลวร้ายหนักกว่าเก่า ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ก็คือ "ประเทศจีน" ทำให้ดูประหนึ่งว่า จะมี "การเมืองระหว่างประเทศ" เข้ามาเกี่ยวข้องที่รุนแรงมากเสียยิ่งกว่าตัวโรคไวรัสอู่ฮั่นเสียอีก

    จะว่าไปก็ประจวบเหมาะกันการที่ บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ คือ กูเกิล แอปเปิล เฟซบุ๊ก อะเมซอน และไมโครซอฟท์ ที่มีบทบาทในจีนน้อยกว่าประเทศอื่นๆทั่วโลก ส่งสัญญาณลดความน่าเชื่อถือของจีนด้วยการพร้อมใจกันประกาศว่าจะปิดสำนักงานในประเทศจีนจากเหตุการณ์โรคไวรัสอู่ฮั่นในครั้งนี้

    ดังนั้น เมื่อมาผสมรวมกับปฏิกิริยาของรัฐบาลจีนที่ใช้มาตรการเข้มข้นกว่าเมื่อเกิดการระบาดโรคซาร์สและโรคเมอร์ส จึงทำให้มีการคาดเดาความเป็นไปได้ไปต่างๆ นานา เช่น เป็นเพราะว่าความรุนแรงของโรคมีมากกว่าที่ปรากฏในรายงานหรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าต้องการแสดงภาวะความเป็นผู้นำยุคใหม่ของจีนที่สามารถจัดการกับโรคภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกลายเป็นที่มาของ CONSPIRACY THEORY หรือ ทฤษฎีสมคบคิด สารพัดสารพัน

    จีนเจ็บ โลกก็เจ็บ

    อย่างไรก็ดี นอกจากประเทศจีนแล้ว การแพร่ระบาดครั้งนี้ยังก่อให้เกิดผลกระทบไปทั่วโลก เนื่องด้วยจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกและยังเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก

    การประเมินของ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม คาดว่าน่าจะสร้างความเสียหายสูงถึง 570,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี ถือเป็นมูลค่าความเสียหายที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

    เจอโรม เพาเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวเมื่อวันพุธ (29 ม.ค.) ในการแถลงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดว่า ขณะที่เศรษฐกิจโลกดูเหมือนจะกลับมามีเสถียรภาพ ไวรัสโคโรนาก็กลายเป็นความเสี่ยงใหม่สำหรับการเติบโตของจีนและที่อื่นๆ

    "มันมีผลกระทบอย่างชัดเจนอย่างน้อยที่สุดก็ในระยะสั้นต่อผลผลิตของจีน ผมขอเดาด้วยว่า ต่อเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับจีนบางรายด้วย" อย่างไรก็ตาม "สถานการณ์จริงๆ แล้วยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น มีความไม่แน่นอนเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องที่

    ว่ามันจะระบาดไปมากน้อย ยาว นานแค่ไหน และผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาคจะเป็นยังไง เรากำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด"

    ทั้งนี้ อุตสาหกรรมขนส่งและท่องเที่ยวซึ่งครอบคลุมทั้งการบิน โรงแรม ฯลฯ ถือว่ากระทบหนักที่สุดเป็นอันดับแรก ลามไปถึงภาคการผลิตจริง การส่งออก ประกันภัย ฯลฯ รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งถ้วนหน้าฉุดราคาน้ำมันร่วง จากความกังวลเศรษฐกิจโลกหดตัวจากผลกระทบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

    รายงานข่าวของเอเอฟพี ระบุว่า นับถึงวันที่ 29 ม.ค. มีสายการบินทั่วโลกประกาศระงับการบินไปยังเมืองอู่ฮั่นและจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น สายการบินแอร์ฟรานซ์ของฝรั่งเศสที่ยกเลิกเที่ยวบินไปอู่ฮั่น, สายการบินบริติชแอร์เวย์สของอังกฤษ ประกาศสั่งหยุดทุกเที่ยวบินทั้งไปและกลับจีนแผ่นดินใหญ่, สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ที่มีฐานอยู่ในฮ่องกง กำลังจะลดเที่ยวบินไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ลง 50%, สายการบินฟินน์แอร์ ของฟินแลนด์ ที่มีเที่ยวบินจำนวนมากเชื่อมต่อระหว่างเอเชียกับยุโรป จะระงับบางเที่ยวบินไปจีนจนถึงเดือนมีนาคม, สายการบินไลออนแอร์ สัญชาติอินโดนีเซียที่มีจำนวนฝูงบินที่ใหญ่ที่สุดประกาศหยุดการเดินทางทุกเที่ยวบินทั้งไปและกลับจีน

    ส่วนสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส ของสหรัฐฯ จะลดเที่ยวบินจากสหรัฐฯไปจีน ตามที่ทำเนียบขาวสั่งการผู้บริหารสายการบินหลายแห่ง พิจารณายกเลิกเที่ยวบินจากจีนมายังสหรัฐฯ, สายการบินอูราลส์แอร์ไลน์สของรัสเซีย แถลงระงับการให้บริการบินไปยังเมืองใหญ่ของยุโรปที่มีนักท่องเที่ยวจีนนิยม ขณะที่คาซัคสถาน ออกคำสั่งปิดการเชื่อมต่อทางคมนาคมกับจีนทั้งหมด โดยเส้นทางถนนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ และการเดินทางทางอากาศตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.

    ทั้งนี้ การสั่งห้ามทัวร์จีนออกนอกประเทศ และการเลี่ยงเดินทางเข้าจีนของพลเมืองโลก ส่งผลสะเทือนต่อธุรกิจท่องเที่ยวมหาศาล จากตัวเลขขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุตัวเลขประมาณการการใช้จ่ายในต่างประเทศของทัวร์จีนปี 2562 อยู่ที่ 277,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (พาต้า) ระบุว่าคนจีนเดินทางไปต่างประเทศในปี 2562 ราว 132 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 มีจำนวน 128 ล้านคนที่ออกเดินทางไปทั่วโลก

    นี่นับเป็นฝันร้ายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก

    ขณะที่รายงานการวิเคราะห์ของบรรดาโบรกเกอร์และสำนักวิจัยต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาฯ กดดันตลาดหุ้นทรุดถ้วนหน้า โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด คาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 และดัชนีตลาดหุ้นยุโรป EUROSTOXX 600 มีโอกาสปรับตัวลดลงประมาณ 3-5% นับจากวันศุกร์ที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหุ้นจีนมีโอกาสปรับตัวลงประมาณ 6-8% และแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีนชะลอตัวลงในระยะสั้น ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งให้ปรับตัวลดลง

    ด้านศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุนและที่ปรึกษา การลงทุน (CIO Office) ธนาคารไทยพาณิชย์ เผยแพร่บทวิเคราะห์"ตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่" โดยชี้แนวโน้มว่า ตลาดหุ้นยังคงได้รับแรงกดดัน และความกังวลนี้จะส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงมีแนวโน้มปรับลดลง ส่วนสินทรัพย์ปลอดภัยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ด้านราคาน้ำมัน มีแนวโน้มปรับลดลงจากความกังวลว่าการแพร่ระบาดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง

    อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นว่า ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่โคโรนาไวรัสจะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจเอเชียปีนี้อาจไม่กระเตื้องขึ้นอย่างที่คาดโดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอาจต่ำกว่า 5.8% ในปีนี้ และอาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ไม่ถึง 6%

    ไทยกระทบหนัก-ท่องเที่ยวสูญแสนล้าน

    สำหรับ "ประเทศไทย" แน่นอนว่า ถือเป็น "ประเทศเสี่ยงลำดับต้นๆ" เนื่องด้วยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามามหาศาล และเป็นประเทศที่ตรวจพบ "ผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนมากที่สุด" ซึ่ง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "มือหนึ่ง" ในด้านนี้ ยืนยันว่า "เราต้องยอมรับความจริง โรคนี้ระบาดแน่ในประเทศไทย และทุกประเทศ"

    จากสถานการณ์และความเป็นจริงที่ปรากฏ แน่นอนว่า ย่อมส่งผลกระทบทางด้าน "เศรษฐกิจ" อย่างรุนแรง และใช้เวลาพอสมควรกว่าที่สถานการณ์ของโรคจะคลี่คลายและการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นปกติ

    ทั้งนี้ ในปัจจุบันจีนเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย และในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 14 เท่าตัว หรือเพิ่มขึ้นจาก 7.97 แสนคนในปี 2545 เป็น 10.99 ล้านคนในปี 2562 หรือคิดเป็นสัดส่วนเกิน 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของไทยที่มีจำนวน 39.7 ล้านคน

    มีการประเมินว่าการระบาดของไวรัสอู่ฮั่น จะสร้าง ความเสียหายให้กับภาคการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจไทย"3 เท่าตัว" เมื่อเทียบกับการระบาดของโรคซาร์สครั้งก่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป 1 ล้านคน ในห้วงเวลาเพียง 3 เดือนเศษ และทำให้ไทยต้องสูญรายได้ 3.1 หมื่นล้านบาท

    นั่นหมายความว่า หากคิดจากค่าใช้จ่ายรายหัวของนักท่องเที่ยวจีนที่อยู่ที่ 5 หมื่นบาท/ทริป จะพบว่าในช่วง 3 เดือนของปีนี้ ไทยจะสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนอย่างน้อย 9.45 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

    "จากช่วงตรุษจีนจนถึงเดือนเม.ย. ปกติจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 2.7 ล้านคน ซึ่งการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ยังรุนแรง คาดว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงประมาณ 70% หรือ 1.89 ล้านคน แต่หากทางการจีนควบคุมการระบาดได้เร็ว ผลกระทบจะน้อยกว่านี้" ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมิน ทั้งนี้ มีการประเมินว่าการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จะจบลงใน 3 เดือน ซึ่งทำให้ภาคท่องเที่ยวสูญเสียรายได้ 6-7.5 หมื่นล้านบาท และกว่าที่การท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวก็ต้องใช้เวลาอีก 3 เดือน นั่นเท่ากับว่ารายได้ของภาคการท่องเที่ยวจะหายไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท

    ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเท่านั้นที่ได้รับ ผลกระทบ "อสังหาริมทรัพย์" ก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะ "คอนโดมิเนียม" ที่ช่วงหลังผู้ประกอบการมุ่งพัฒนาสินค้าออกมาเพื่อรองรับกำลังซื้อกลุ่มนักลงทุนชาวจีนเป็นจำนวนมาก

    ทั้งนี้ จากตัวเลขชาวต่างชาติที่ถือครองกรรมสิทธิ์ห้อง ชุดในปี 2561 พบว่า มีจำนวน 13,113 หน่วย มูลค่า 55,007 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นชาวจีนมากถึง 7,548 หน่วย สัดส่วน 57.6% จากผู้ซื้อชาวต่างชาติทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 29,440 หน่วย ขณะที่ตัวเลข 9 เดือนปี 2562 พบว่า มีชาวจีนถือครองกรรมสิทธ์ทั้งสิ้น 5,430 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 57.6% ของผู้ซื้อต่างชาติทั้งหมด โดยมีมูลค่า 20,117 ล้านบาท

    "ปัญหาเรื่องเงินบาทแข็งค่ายังไม่จบก็ประสบปัญหาไวรัสโคโรนา ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ยิ่งทำให้ผู้ซื้อชาวจีนแทบหายไปจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย"นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซ์ จำกัด นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ข้อมูล

    ด้าน นายลวรรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ปรับประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลง อยู่ที่ระดับ 2.8% จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ที่ 2.3-3.3% เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยก็ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งอาจทำให้ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 4 แสนราย และความล่าช้าของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 อย่างไรก็ดี ยังคงมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงระยะสั้น เชื่อว่าภายใน 3 เดือนจะคลี่คลายลง ทั้งนี้ คาดว่าในเรื่องการส่งออกยังคงเติบโตได้เพียง 1% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.6%

    ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเมื่อ "จีนเจ็บ" โลกทั้งโลกก็ย่อมเจ็บตามไปด้วย ประเทศไทยก็เช่นกัน

    อู่ฮั่นสู้สู้ ประเทศจีนสู้สู้ ประเทศไทยสู้สู้

    Source: ผู้จัดการออนไลน์
    https://mgronline.com/daily/detail/9630000010470
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โกหกสีขาว(White Lies) การกระทำสีเทาๆ

    liar.jpg สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน วันเวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก เพิ่งสวัสดีปีใหม่ไปไม่นาน ตอนนี้จะเข้าสู่เดือนที่สองของปี 2011 แล้ว ได้ข้อคิดว่า เราคงจะบริหารเวลาให้ดีไม่เช่นนั้น วันเวลาจะผ่านไปอย่างเสียเปล่า เราก็จะมาเสียใจและเสียดายเวลาไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้
    ผมมีโอกาสได้คุยกับพี่น้องคริสเตียน มีคำถามประเด็นร่วมสมัย คือ เรื่อง โกหกสีขาว ผิดพระคัมภีร์หรือไม่

    ที่มาของการโกหกสีขาว (White Lies) เป็น การโกหกด้วยเจตนาดี เพื่อถนอมความรู้สึกและรักษาน้ำใจ แทนที่จะบอกความจริงที่เชื่อว่าผู้ฟังคงรับไม่ได้ออกไป บางครั้งการโกหกในลักษณะนี้เป็นการพูดเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นการโกหกเพื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุขนั่นเอง

    การ “รู้จักโกหก” เพื่อเข้าสังคมนั้น ส่งผลให้บุคคลนั้นๆ เป็นที่ชื่นชอบของคนในสังคมมากกว่าผู้ที่พูดแต่ความจริงเพราะการเข้าสังคม บางครั้งจำเป็นต้องปรุงแต่คำพูดซึ่งต่างไปจากความรู้สึกที่แท้จริงเพื่อให้ คู่สนทนาสบายใจและประทับใจ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ใส่หน้ากากเข้าหากัน”

    พอล เอ๊กแมน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซึ่งศึกษาเรื่องการโกหกมานานกว่า 40 ปี ลงความเห็นว่า “มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโกหกได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจเรื่องการโกหกจะเป็นผลดีต่อชีวิต” ฉะนั้นเราต้องรู้จักแยกแยะข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นเวลาที่มีคนมาพูดอะไรให้เราฟัง อย่าเพิ่งเชื่อทันทีต้องใช้สติปัญญาในการกลั่นกรองข้อมูลอย่างถูกต้อง เราคงต้องมาพิจารณาดูประเภทของการโกหกก่อน
    1. โกหกเพื่อปกป้องตนเอง เป็นการโกหกเพื่อการเอาตัวรอด เช่น กลัวความผิด กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวเสียเกียรติ กลัวการเผชิญหน้า กลัวความผิดหวัง ฯลฯ การโกหกประเภทนี้ในบางครั้งอาจร้ายแรงถึงขั้นโยนความผิด ใส่ความผู้อื่น เป็นพยานเท็จ ฯลฯ
    2. โกหกเพื่อหวังผลประโยชน์ เป็นการโกหกเพื่อทำให้ตนเองได้รับการยอมรับ ความไว้วางใจ ได้โอกาสในการทำงาน มักเป็นในรูปของการปลอมแปลงข้อมูลทางคุณวุฒิ คุณสมบัติ ฐานะการเงิน ฯลฯ
    3. โกหกตนเอง มักเกิดกับคนที่สูญเสียความมั่นใจ สับสน และหวาดกลัวความจริง คนประเภทนี้มักสร้างเรื่อง “หลอกตนเอง”ให้คลายจากความทุกข์ชั่วขณะ เช่นหลอกว่าคนรักที่ทอดทิ้งไปยังมีใจให้อยู่เสมอ และสุดท้ายคนเหล่านี้มักโทษตนเอง อาจเลยไปถึงขั้นทำร้ายร่างกายตนเองหรือตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เพราะไม่สามารถรับความเป็นจริงได้
    ดังนั้นในความคิดของผม คิดว่าการโกหกเป็นเพียงการหลีกเลี่ยงความจริง เมื่อคนที่ฟังทราบความจริงแล้วจะเสียความรู้สึกมากกว่าพูดตั้งแต่ครั้งแรก เราต้องใช้สติปัญญาในการพูดความจริงให้เหมาะสม หรือมีวิธีการสื่อสารที่ดีมากกว่าตัดสินใจเลือกวิธีการโกหกแบบบริสุทธิ์ใจหรือโกหกสีขาว

    สิ่งที่ผมคิดในใจก็คือ การโกหกไม่ว่าจะสีอะไร ก็ผิดหลักการพระคัมภัร์อยู่แล้ว เพราะพระคัมภีร์บอกว่า
    มัทธิว 5:37 จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว {หรือ มารร้าย}

    ในพระบัญญัติของพระจ้า พระองค์ก็ทรงตรัสไว้อย่างชัดเจน เช่น ในเลวีนิติ 19:11 กล่าวว่า “เจ้าอย่าลักทรัพย์
    หรือโกง หรือมุสาต่อกัน”


    ดังนั้นชัดเจนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องถอดรหัส ตีความเกินเลยไปกว่านั้น การโกหกไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ถือเป็นความผิดบาปทั้งสิ้น เพราะบาปทุกบาปเป็นสิ่งที่ร้ายแรงในสายพระเนตรพระเจ้าหากเรามีเจตนาดีในการพูด แต่ใช้วิธีโกหก นั่นก็ถือเป็นความผิดบาป เพราะพระเจ้าสนใจวิธีการ เนื้อหาและท่าที ทั้ง 3 สิ่งนี้จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เราต้องพิจารณาให้พระเจ้าทรงชันสูตร
    เพราะการโกหกนำมาซึ่งการปรับโทษ


    เรายังเห็นตัวอย่างที่พระเจ้าไม่พอพระทัยเมื่ออานาเนียและสัปฟีรามุสาและพระองค์ลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง (กจ.5:3-5)
    หรือแม้ว่าตัวอย่างการโกหกของบุคคลที่ถูกบันทึกในพระคัมภีร์

    ตัวอย่างการโกหก Classic ของอับราฮัมโกหกต่ออาบีเมเลคพระราชาแห่งเกราร์ก็ ว่าซาราห์ ภรรยาเป็นน้องสาว (ปฐก.2:2-10) ซึ่งส่งผลเสียมากกว่าผลดีในการปกป้องภรรยาและตนเอง

    กรณีนี้ สามีหลายท่านก็มักจะใช้ไม้เด็ดในการบอกกับคนอื่นที่มาถามไถ่ถึงภรรยาก็บอกว่าเป็นน้องสาว เรียกว่า “เป็นโสดเฉพาะคืนนี้”

    ในทางตรงกันข้าม บางครั้ง การพูดแบบซื่อ ๆ ก็อาจจะไม่ดีเสมอไป โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ประสงค์ดีต่อเรา

    มีคำกล่าวว่า "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนที่พูดความจริงอาจจะตายได้" เช่น โยเซฟ แทบเอาตัวไม่รอดเมื่อเล่าเรื่องความฝันของตนให้พี่ชายฟัง(ปฐก.37)

    ข้อคิดคือ เราจึงควรใช้สติปัญญาในการพูดด้วย ทั้งนี้ โดยไม่บิดเบือนความจริง ดังที่พระเยซูกล่าวไว้

    มัทธิว 10:16 "ดูเถิด เราใช้พวกท่านไปดุจแกะอยู่ท่ามกลางหมาป่า เหตุฉะนั้นจงฉลาดเหมือนงู และไม่มีภัยเหมือนนกพิราบ

    การพูดต้องพูดให้ถูกที่ ถูกเวลาและถูกคนว่าพูดกับใครด้วย

    pinocchioq.jpg

    องค์ประกอบในการพิจารณา

    กล่าวโดยสรุป การพิจารณาว่า คำพูดใดเป็นการโกหกหรือไม่ ควรคำนึงถึงองค์ประกอบ 3 สิ่ง ดังนี้
    1. แรงจูงใจ พระเจ้าสนพระทัยแรงจูงใจของเราแรงจูงใจที่ถูกต้อง คือ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตนเองเป็นหลักแต่เห็นแก่ผู้อื่น ด้วยเห็นแก่สิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม เราเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนจากกรณีของนางผดุงครรภ์ช่วยโมเสสให้รอดจากการถูกฆ่า (อพย .1:1-21) ไม่ได้พูดอย่างตรงไปตรงมาไม่โกหกแต่ใช้สติปัญญาทั้งนี้ เพราะยำเกรงพระเจ้า
    2. วิธีการ วิธีการที่เราเลือกควรจะไม่ขัดแย้งกับหลักการพระคัมภีร์ เช่น ในการทำธุรกิจ เช่น พูดไม่ครบหรือถึงขนาดพูดโกหก แต่คริสเตียนทำเช่นนั้นไม่ได้ แท้ที่จริง การแข่งขันในการทำงานเพื่อให้ได้ผลกำไรไม่ผิด แต่ต้องไม่ใช้วิธีการที่ผิดเช่นโกหก
    3. จิตสำนึก เรารักษาจิตสำนึกชอบเสมอในการทำทุกสิ่ง รวมทั้งในการพูดด้วย เพราะหากเราเลือกวิธีการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่คับขันด้วยการโกหก จิตสำนึกของเราจะเริ่มเสื่อมไป เพราะคิดว่าจะไม่เป็นไร โกหกครั้งแรกได้ก็มีครั้งต่อๆไป จิตสำนึกเราจะถูกครอบงำโดยมารได้ง่าย 1 ทิโมธี 4:2 ซึ่งมาจากการหน้าซื่อใจคดของคนที่โกหก คือคนที่จิตสำนึกเป็นทาสของมาร

    ข้อแนะนำในภาคปฎิบัติ

    1. เลือกใช้วิธีการที่ถูกต้องที่สุดอย่างสุดความสามารถโดยไม่ประนีประนอม

    2. พิจารณาแรงจูงใจเบื้องหลังของผู้ถาม และตอบอย่างเหมาะสม หรือบางครั้งไม่ตอบเสียดีกว่าตอบไปอย่างบิดเบือน

    3. ในการสื่อสารควรคิดพิจารณาอย่างรอบคอบของผลที่จะตามมาก่อนจะสื่อสาร หากไม่แน่ใจ ควรขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์และมีความเข้าใจพระคัมภีร์

    4. คิดก่อนที่จะพูดทุกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องที่สำคัญลงข่าวคริสตชนวันที่ 26 ม.ค.2011
    ลงใน web. ของคริสตจักรวังธรรรม จ.เชียงราย ลงใน web.คริสเตียนไทยในสิงคโปร์

    ที่ มกราคม 26, 2554

    http://pattamarot.blogspot.com/2011/01/white-lies.html?m=1
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การลงข่าวเท็จ หรือการกล่าวหาบุคคลลงข่าวเท็จ โดยความจริง อาจจะเป็นเรื่องจริง ส่วนมากเราจะเห็นการลงข่าวเท็จมักจะพูดออกมาลอยๆ ไม่ต้องใช้ความรู้ เหตุผลประกอบใดๆ ทั้งสิ้น และบางครั้งข่าวที่ลงอาจจะเป็นจริงก็มีคนบางประเภทเลือกที่จะบอกว่าสิ่งนั้นเป็นเท็จโดยไม่รับฟังเหตุผลเลยก็มี ก็แค่พอใจ มีอะไรไหม
    และเรื่องทั้ง ข่าวปลอม และการกล่าวหาว่าเป็นข่าวปลอมอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็เป็นการโกหก ซึ่งมีหลายๆเหตุผลดังนี้

    การทำความเข้าใจเรื่องการโกหกจะเป็นผลดีต่อชีวิต” ฉะนั้นเราต้องรู้จักแยกแยะข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นเวลาที่มีคนมาพูดอะไรให้เราฟัง อย่าเพิ่งเชื่อทันทีต้องใช้สติปัญญาในการกลั่นกรองข้อมูลอย่างถูกต้อง เราคงต้องมาพิจารณาดูประเภทของการโกหกก่อน
    โกหกเพื่อปกป้องตนเอง เป็นการโกหกเพื่อการเอาตัวรอด เช่น กลัวความผิด กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวเสียเกียรติ กลัวการเผชิญหน้า กลัวความผิดหวัง ฯลฯ การโกหกประเภทนี้ในบางครั้งอาจร้ายแรงถึงขั้นโยนความผิด ใส่ความผู้อื่น เป็นพยานเท็จ ฯลฯ
    โกหกเพื่อหวังผลประโยชน์ เป็นการโกหกเพื่อทำให้ตนเองได้รับการยอมรับ ความไว้วางใจ ได้โอกาสในการทำงาน มักเป็นในรูปของการปลอมแปลงข้อมูลทางคุณวุฒิ คุณสมบัติ ฐานะการเงิน ฯลฯ

    โกหกตนเอง มักเกิดกับคนที่สูญเสียความมั่นใจ สับสน และหวาดกลัวความจริง คนประเภทนี้มักสร้างเรื่อง “หลอกตนเอง”ให้คลายจากความทุกข์ชั่วขณะ เช่นหลอกว่าคนรักที่ทอดทิ้งไปยังมีใจให้อยู่เสมอ และสุดท้ายคนเหล่านี้มักโทษตนเอง อาจเลยไปถึงขั้นทำร้ายร่างกายตนเองหรือตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เพราะไม่สามารถรับความเป็นจริงได้
    ดังนั้นในความคิดของผม คิดว่าการโกหกเป็นเพียงการหลีกเลี่ยงความจริง เมื่อคนที่ฟังทราบความจริงแล้วจะเสียความรู้สึกมากกว่าพูดตั้งแต่ครั้งแรก เราต้องใช้สติปัญญาในการพูดความจริงให้เหมาะสม หรือมีวิธีการสื่อสารที่ดีมากกว่าตัดสินใจเลือกวิธีการโกหกแบบบริสุทธิ์ใจหรือโกหกสีขาว
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนูน้อยเพศหญิงทารกแรกเกิด ลืมตาดูโลกขณะคุณแม่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา รักษาตัวในโรงพยาบาลเมืองฮาร์บิน /ผลตรวจโคโรนาของหนูน้อยเป็นลบ "ไม่ติดเชื้อโคโรนา"
    .
    คณะแพทย์ทำคลอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ตั้งครรภ์38สัปดาห์กับ3วัน ที่เข้ารักษาที่โรงพยาบาลในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงเมื่อวันที่30มกราคมที่ผ่านมา
    โดยช่วงดึกของวันเดียวกัน (30มกราคม) ได้ปวดครรภ์ทางคณะแพทย์จึงทำคลอด ซึ่งผ่านไปอย่างราบรื่น หนูน้อยแรกเกิดคนนี้เป็นเด็กผู้หญิง น้ำหนัก3100กรัม และที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ผลตรวจไวรัสโคโรนาของหนูน้อยทั้งสองครั้ง ได้รับผลNegative คือไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพันธุ์ใหม่จากผู้เป็นแม่ครับ ตามการรายงานของ 人民日报 (People's Daily)
    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Home เรื่องราวรอบโลก
    1648.jpg
    แพทย์ที่เคยถูกจับเพราะปล่อยข่าวโคโรนาจะระบาดถูกปล่อยตัวแล้ว หลังไวรัสระบาดจริงๆBy เหมียวสามสี -3 February 2020
    นายแพทย์ในอู่ฮั่นถูกปล่อยตัวแล้ว หลังจากถูกจับกุมเนื่องจากกระจายข่าวเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาในช่วงแรก ก่อนที่มันจะระบาดเป็นวงกว้าง

    สำนักข่าว Caixin Global รายงานว่าจักษุแพทย์ หลี่ เหวิน เหลียง ได้ส่งข้อความหาศิษย์เก่าจากโรงเรียนแพทย์ผ่านทาง WeChat ในวันที่ 30 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา เพื่อเตือนเกี่ยวกับ 7 ผู้ป่วยอาการแปลกๆ ในโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่

    ซึ่งในตอนนั้นคาดว่าได้รับเชื้อมาจากตลาดอาหารทะเลในอู่ฮั่น และมีเชื้อคล้ายโรคซาร์สในอดีต



    1580476437070034.jpg

    วิดีโอนั้นถูกส่งต่อในโลกออนไลน์ของจีนอย่างรวดเร็ว ทำให้นายแพทย์หลี่ถูกตำรวจเข้าจับกุมในข้อหาเผยแพร่ข่าวลือและสร้างความปั่นป่วนในวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา

    หลังจากเหตุการณ์นั้น หลี่ก็กลับมารักษาผู้ป่วย หนึ่งในนั้นเป็นคนไข้โรคต้อหิน และต่อมาก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดบวม หลังจากผ่านการสแกนปอด

    policea.jpg

    เมื่อวันที่ 12 มกราคม นายแพทย์หลี่ป่วย และต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัส เขาได้เข้ารับการรักษาแยก อีกทั้งครอบครัวของเขาก็ติดเชื้อด้วย และถูกนำส่งโรงพยาบาล

    ต่อมาในวันที่ 30 มกราคม ผลตรวจออกมาเป็นลบ แต่ก็ยังต้องรอดูอาการต่อ

    AP20024520293139.jpg

    ปัจจุบันจีนออกกฎแจ้งจับกุมคนที่เผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา ซึ่งเปิดเผยออกมาว่าผู้ถือปล่อยข่าวเป็นนายแพทย์ถึง 8 คน

    ศาลประชาชนสูงสุดของจีนกล่าวว่าประชาชนและเจ้าหน้าที่ควรฟังคำกล่าวของนายแพทย์หลี่ตั้งแต่แรก ก่อนที่ไวรัสโคโรนาจะลุกลาม

    นายแพทย์หลี่ได้กล่าวว่าความยุติธรรมสำหรับเขามีค่าน้อยกว่าความจริง

    ที่มา worldofbuzz, caixinglobal

    https://www.catdumb.tv/whistleblower-vindicated-313/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ย้อนรอย คนคิดบวกที่แท้จริง แม้ผลตรวจเลือดจะออกมาบวก-ได้รับเชื้อHIV : กรณีตัวอย่างของการต่อสู้เพื่อกระตุ้นให้สังคมจีนตื่นตัวและรับรู้ "คนติดเชื้อHIVก็สามารถทำงานและใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ" / เรื่องราวการป้องกันHIVและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในจีน
    .
    ย้อนไปเมื่อปี2561 มีข่าวดังในหน้าสื่อจีน เช่น People's Dailyที่อ้ายจงอ่านเจอเรื่องนี้
    Xie Ping ชายชาวจีนคนหนึ่งโดนยกเลิกการจ้างงาน เนื่องจากตรวจพบเชื้อ HIV ซึ่งทางบริษัทได้บังคับให้ตรวจอันเป็นหนึ่งในกระบวนการตรวจร่างกายของบริษัท หลังจากบริษัททราบผลเลือดของเขา ก็ให้เขาอยู่บ้านไม่ให้มาทำงาน และจ่ายเงินให้ 3,000หยวน (ราว 13,000บาท) พร้อมยกเลิกสัญญาจ้างงาน
    แต่ทาง Xie Peng เห็นว่า "ไม่เป็นธรรม" และต้องการเรียกร้องสิทธิเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างของผู้ที่ได้รับเชื้อHIV ก็สามารถทำงานและใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ
    เขาได้ศึกษาข้อมูลจนทราบว่า " ตามข้อบังคับของประเทศจีนว่าด้วยการป้องกันโรคเอดส์ ไม่มีบริษัทหรือสถาบันใดบังคับให้พนักงานต้องตรวจเชื้อเอชไอวี ในขณะที่บทบัญญัติการส่งเสริมการจ้างงานของประเทศจีน ก็กำหนดไว้ว่านายจ้างจะต้องไม่ปฏิเสธการรับสมัครผู้ที่ติดเชื้อHIV"
    เมื่อเขาทราบดังนั้น จึงยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติกับแรงงานในท้องถิ่นและสถาบันอนุญาโตตุลาการเมื่อปลายปี 2560 ก่อนที่เขาจะตัดสินใจยื่นเรื่องต่อศาลในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) จนในที่สุดศาลก็มีคำสั่งให้ Xie Pengชนะ และทางนายจ้างไม่มีสิทธิยกเลิกสัญญาจ้าง โดยศาลมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินเดือนให้เขา สองเท่าของเงินเดือน ราวๆ63,000หยวน คิดย้อนหลังไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน2560 ถึงเดือนมีนาคม2561
    เขาเผยว่าการต่อสู้ของเขา ไม่ได้เป็นการต่อสู้เพื่อตัวเขาคนเดียว แต่ยังเป็นการต่อสู้เพื่อผู้ติดเชื้อคนอื่น ๆ ที่บริษัทเลือกปฏิบัติต่อพนักงานผู้ติดเชื้อและบริษัทควรจะรับผู้ติดเชื้อเข้าทำงานได้อย่างปกติ ตามสิทธิที่ทุกคนมี
    “ผมรักงานนี้และรู้ดีว่าเชื้อ HIV ไม่สามารถติดต่อกันได้ในที่ทำงาน และหวังว่าผมจะกลับไปทำงานแทนที่จะนั่งรออยู่ที่บ้าน
    “และในที่สุดผมก็ได้กลับไปทำงาน รู้สึกเซอร์ไพรส์และดีใจมาก เมื่อทุกคนในบริษัทเห็นด้วยที่จะทำงานร่วมกับผม” เขากล่าว
    .
    เมื่อพูดถึงประเด็นการติดเชื้อ HIV ทำให้อ้ายจงนึกถึงบทความที่เคยอ่านเมื่อปี2560 เป็นบทความในหน้าสื่อจีนรวมถึงมีปรากฎในสื่อต่างประเทศ (https://www.chinadaily.com.cn/china/2017-07/11/content_30064251.htm)
    โดยนำเสนอว่าประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆที่เป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักเพศเดียวกันชาวจีน ที่มักจะมาเที่ยวมาใช้ชีวิต เพราะไทยเปิดกว้างสำหรับเรื่องนี้ และที่สำคัญที่เขาไฮไลท์ในข่าวเลยคือ
    คู่รักเพศเดียวกันชาวจีนแห่มาซื้อยาป้องกันการติดเชื้อ HIV หรือยาเพร็พ PrEP ที่ไทย ซึ่งจริงๆในจีนก็มีขาย แต่ถ้าเป็นยี่ห้อดังน่าเชื่อถือ ค่อนข้างแพง บางแบรนด์ราคาสูงถึง 2,000 หยวน แต่ถ้าทั่วๆไปก็ถูกสุดราวๆ 300 หยวน ใช้ได้ 1 เดือน
    .
    โดยจีนจะให้ความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อHIVและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น เช่น การใช้ถุงยางอนามัย และการใช้เครื่องตรวจHIVที่สามารถตรวจได้ในเบื้องต้น รวมถึงการส่งต่อความรู้และอุปกรณ์ป้องกันอย่างถูกต้องให้เข้าถึงกลุ่มเสี่ยง -กลุ่มวัยรุ่น-นักเรียน
    ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยจีนหลายแห่ง เริ่มขายชุดตรวจเชื้อ HIV ในรูปแบบเดียวกับตู้ขายขนม-มาม่าหยอดเหรียญ หลังพบผู้ตรวจเชื้อในวัยมหาวิทยาลัยมากขึ้น
    อย่างในมหาวิทยาลัยปิโตรเลียมตะวันตกเฉียงใต้ เมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ได้ติดตั้งเครื่องจำหน่ายชุดตรวจ HIV ผ่านตู้หยอดเหรียญในมหาวิทยาลัย ที่ถ้าหากใครไม่ทันสังเกต คงจะคิดว่าเป็นขนมในตู้หยอดเหรียญทั่วไป
    ขณะที่ไปทางอีสานของจีน ราวปี2560 ใครที่ผ่านไปใต้ตึกหอสมุดมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮาร์บิน ก็คงได้เห็นชุดตรวจ HIV ในตู้หยอดเหรียญเช่นกัน โดยจำหน่ายในราคา 30 หยวน (ประมาณ 150 บาท) เท่ากับที่เสฉวน
    ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในจีนเริ่มตื่นตัวในการจำหน่ายชุดตรวจ HIV และถุงยาง-สิ่งป้องกันโรคทางเพศ ในมหาวิทยาลัยมากยิ่งขึ้น ตามการรายงานของสำนักข่าวซินฮว๋าในจีน
    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวไต้หวันกว่า 200 คน จากอู่ฮั่นได้เดินทางกลับไต้หวันแล้ว โดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำไฟลท์แรก...#RtiFanpage
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    4 โมงเย็น วันนี้(3 ก.พ.63)กระทรวงต่างประเทศ #ลาว จะแถลงข่าวเรื่องการดูแลนักศึกษาและพลเมืองลาว ที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่น
    หลายฝ่ายมองว่า หลังการแถลงของรัฐมนตรีสาธารณสุขลาวทำให้ชาวลาวมีความกังวลใจต่อการแนะนำตัวคนลาวออกจากอู่ฮั่น กระทรวงต่างประเทศจึงออกมาแถลงว่ามีการดูแลคนลาวอู่อั้น
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน! “คนจีน”
    มาเที่ยวลาว
    ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
    ***
    กงศุลใหญ่จีน ประจำนครหลวงพระบาง แจ้งว่า จงเปียว ชาวนครฉงชิ่ง เดินมาเที่ยวลาว ช่วงวันที่ 26-31 ม.ค.2563 มีอาการไข้ ตรวจพบติดเชื้อไวรัสโคโรนา เมื่อ 1 ก.พ.2563
    ทางการจีน จึงแจ้งการด่วนถึง สปป.ลาว ให้ตรวจสอบจุดที่นักท่องเที่ยวจีน และควรระมัดระวังการแพร่เชื้อไวรัสอู่ฮั่น
    ***
    จากการตรวจสอบเส้นทางการมาเที่ยวของจงเปียวนั้น โดยสายการบิน จากฉงชิ่ง-นครหลวงเวียงจันทน์ ก่อนจะกลับทางหลวงพระบาง ทางเครื่องบินเช่นเดียวกัน
    26 ม.ค. อยู่นครหลวงเวียงจันทน์
    27 ม.ค. ไปเที่ยววังเวียง
    28-30 ม.ค. เที่ยวหลวงพระบาง
    31 ม.ค. เดินทางกลับนครฉงชิ่ง ตรวจพบเชื่อไวรัสอู่ฮั่น
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงประกาศปิดชายแดนเพิ่มอีก เริ่มเที่ยงคืนนี้...ยอดผู้ติดเชื้อในฮ่องกงเพิ่มเป็น 16 ราย
    ผู้ว่าการฮ่องกง Carrie Lam ได้ออกมาประกาศปิดชายแดนฮ่องกงเพิ่มอีก 4 แห่ง คือ Lo Wu, Lok Ma Chau, Huanggang, และท่าเรือ Hong Kong-Macau
    โดย Shenzhen Bay Bridge, สะพานข้ามฮ่องกง-มาเก๊า-จูไห่ และสนามบินจะยังคงเปิดอยู่
    นอกจากนี้ตัวแทนสาธารณสุขได้ออกมายืนยันยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย โดยหนึ่งในนี้เป็นแม่ของผู้ที่เคยได้รับยืนยันการติดเชื้อก่อนหน้านี้
    Source : ,
    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงประกาศปิดชายแดนเพิ่มอีก เริ่มเที่ยงคืนนี้...ยอดผู้ติดเชื้อในฮ่องกงเพิ่มเป็น 16 ราย
    ผู้ว่าการฮ่องกง Carrie Lam ได้ออกมาประกาศปิดชายแดนฮ่องกงเพิ่มอีก 4 แห่ง คือ Lo Wu, Lok Ma Chau, Huanggang, และท่าเรือ Hong Kong-Macau
    โดย Shenzhen Bay Bridge, สะพานข้ามฮ่องกง-มาเก๊า-จูไห่ และสนามบินจะยังคงเปิดอยู่
    นอกจากนี้ตัวแทนสาธารณสุขได้ออกมายืนยันยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย โดยหนึ่งในนี้เป็นแม่ของผู้ที่เคยได้รับยืนยันการติดเชื้อก่อนหน้านี้
    Source : ,
    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เที่ยวญี่ปุ่นต้องรู้ เมื่อนาริตะ เงียบเหงา
    .
    FB_IMG_1580730401158.jpg
    พอดีอปลุงเดินทางมาสนามบินนาริตะวันนี้ ก็ได้พบกับภาพที่แปลกตาออกไป จากสนามบินที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน วันนี้กลับพบว่าเงียบเหงา ไปมากจากที่เคยพบมา อาจจะด้วยสาเหตุหลายประการ ทั้งเที่ยวบินที่มีผลกระทบกับโรคไวรัสโคโรน่า หรืออาจเป็นวันจันทร์ที่ปรกติจะเป็นการเดินทางของเหล่าซารารี่มังเพื่อไป Business trip แต่วันนี้ก็เห็นไม่เยอะเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พบเห็นได้วันนี้ก็คือ ผู้คนใส่หน้ากากอนามัยประมาณ 60% ไม่ได้ใส่ทุกคน
    .
    อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อาจจะต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเช่น :
    ◾การใส่หน้ากากอนามัยในที่ชุมชน หรือที่อากาศถ่ายเทน้อย
    ◾ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่
    ◾การหลีกเลี่ยงไปที่ๆ มีคนจีนเยอะๆ
    ◾การเช็ดมือด้วยแอลกฮอล์บ่อยๆ
    .
    ก็เป็นสิ่งที่ยังต้องทำเพื่อความปลอดภัยนะครับ หากเพื่อนๆ อยากรู้ว่า ญี่ปุ่นยังโอเคที่จะเที่ยวไหม หรือ การปฎิบัตตัวอย่างไร ชมได้ที่นี่ฮะ

    .
    #ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #narita #นาริตะ #สนามบินนาริตะ
    แค่กด see first หรือ “ดูเป็นอันดับแรก” ก็จะไม่พลาดทุกข่าวสาร
    ติดตามพวกเราต่อได้ที่..
    ✅ Youtube goo.gl/NWSwGs
    ✅ Instagram goo.gl/du8YKp
    ✅ Twitter https://bit.ly/327LLgU
    ✅ Website https://bit.ly/2NCxPYs
    .
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น ⛰ ข่าวด่วน ภูเขาไฟชินดาเกะ ในญี่ปุ่น ปะทุ
    .
    FB_IMG_1580730583572.jpg
    วันนี้ 3 กุมภาพันธ์ 2020 สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) แถลงว่า เมื่อเวลาประมาณ 5.30น ตามเวลาในญี่ปุ่น ได้มีการปะทุหินและก๊าซออกมาบนเกาะ Kuchinoerabu ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น
    .
    โดยมีการพวยพุ่งของมวลก๊าซและหินสูงประมาณ 900 เมตร ของภูเขา Shindake บนเกาะคุจิโนเอราบุ ในจังหวัดคาโกชิมะ อย่างไรก็ตาม ยังไม่กระทบเขตที่อยู่อาศัย ไม่มีรายการการบาดเจ็บ หรือความเสียหายต่อบ้านคน ตามการยืนยันจากเทศบาล Yakushima
    .
    จากรายงานของ JMA การระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 5:30 น. มีการปล่อยก๊าซ สูงประมาณ 7,000 เมตรเหนือปล่องภูเขาไฟในตอนแรก พบเถ้าถ่านหินขนาดใหญ่กระจายอยู่ในพื้นที่ห่างจากปล่องภูเขาไฟออกไป 600 เมตร นับเป็นครั้งแรกที่มีการปะทุ นับตั้งแต่ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา
    .
    JMA ได้แจ้งเตือนภัยระดับ 3 สำหรับภูเขา Shindake ที่ 3 คืออย่าเข้าใกล้ภูเขาไฟ และเตือนว่า คราบขี้เถ้าขนาดใหญ่ อาจกระจัดกระจายลอยตกได้ในระยะ 2 กิโลเมตรจากปล่องภูเขาไฟ
    .
    #ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #kagoshima #ภูเขาไฟปะทุ #ภูเขาไฟ #Shindake #ชินดาเกะ
    ขอบคุณที่มา https://bit.ly/2to1LQp
    แค่กด see first หรือ “ดูเป็นอันดับแรก” ก็จะไม่พลาดทุกข่าวสาร
    ติดตามพวกเราต่อได้ที่..
    ✅ Youtube goo.gl/NWSwGs
    ✅ Instagram goo.gl/du8YKp
    ✅ Twitter https://bit.ly/327LLgU
    ✅ Website https://bit.ly/2NCxPYs
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝูงอีกาขนาดยักษ์และยุงยักษ์บุกท้องฟ้าและเมืองรอบ ๆ Coronavirus กราวด์ซีโรโซนในจีน #crow #mosquito #coronavirus #China #endtimes
    ผู้ใช้โซเชียลมีเดียของจีนทั่วประเทศรายงานว่ามีการพบฝูงอีกาหนาแน่นและฝูงยุงยักษ์จำนวนมากในฤดูหนาว…
    และสิ่งที่พวกเขาต้องการรู้ก็คือถ้าปรากฎการณ์สัตว์แปลก ๆ เหล่านั้นเกี่ยวข้องกับ coronavirus และการระบาดของมัน
    ฝูงใหญ่ของอีกาและยุงยักษ์บุกพื้นที่ที่ติดเชื้อ coronavirus ของจีน ลางร้าย?
    บางคนในชุมชนออนไลน์ให้คำตอบที่เป็นไปได้:“ อีกาเป็นผู้กินซากศพ ผู้สูงอายุบอกว่าอีกาดูเหมือนจะคาดการณ์ความตาย เพราะพวกมันสามารถดมได้ก่อนที่คนจะตาย กล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเขาสามารถดมกลิ่นของคนที่กำลังจะตาย แต่มนุษย์เราทำไม่ได้ จากนั้นพวกมันจะวนรอบบุคคลนี้เพื่อรอให้เขาตาย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมอีกาวัฒนธรรมจีนจึงถือว่าไม่เป็นมงคลและเชื่อมโยงกับความตายอยู่เสมอ”
    Giant Flocks of Crows and Huge Mosquitoes Invade Skies and Cities Around Coronavirus Ground Zero Zone in China #crow #mosquito #coronavirus #China #endtimes
    https://strangesounds.org/2020/02/c...-coronavirus-effection-areas-china-video.html
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ยานพาหนะประมาณ 750 คันติดอยู่เป็นเวลา 2.5 ชั่วโมงในปริมาณหิมะตกหนักในใจกลางเมือง Bitlis ประเทศตุรกี ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563
    About 750 vehicles were stuck for 2.5 hours in heavy snowfall traffic in the center of Bitlis, Turkey Feb1 2020

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สลัมไม่น่าจะใช่แหล่งท่องเที่ยวที่คุ้นเคย แต่ทำไมมัคคุเทศก์ที่มุมไบถึงพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมสลัมดาราวี ซึ่งเป็นสลัมแห่งใหญ่ที่สุดของเมือง
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก พณาไพรสิน

    เป็นวิทยาทานคะ เผื่ออีกหน่อยในอนาคตจะไม่ได้พบเจออีก นี่เค้ากำลังหีบอ้อย ด้วยหีบอ้อยโบราณ แต่ใช้รถแทนวัวควายเท่านั้นเองคะ ไม่ใช่ภาพในอดีต ณ ปัจจุบันนี้ เวลานี้เลยคะ
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของญี่ปุ่นกำลังเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากเรือสำราญ ไม่กี่วันหลังพบว่าผู้โดยสารเรือดังกล่าวติดเชื้อ
    เรือลำนี้กลับไปที่เมืองโยโกฮามา ใกล้กรุงโตเกียวแล้ว ในคืนวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์
    ทางการฮ่องกงระบุว่าชายชาวฮ่องกงวัย 80 ปีถูกพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลังนั่งเรือสำราญจากโยโกฮามากลับไปยังฮ่องกง และว่าชายคนนี้บินไปกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 17 มกราคม จากนั้น 3 วัน เขาได้ขึ้นเรือที่ท่าเรือโยโกฮามา ก่อนจะกลับถึงฮ่องกงเมื่อวันที่ 25 มกราคม
    ชายคนนี้เริ่มไอ 1 วันก่อนขึ้นเรือและมีไข้เมื่อวันที่ 30 มกราคม จากนั้นเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ผลตรวจก็พบว่าเขาติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
    รับชมภาพประกอบข่าวได้จากลิงก์นี้
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20200203_38/
    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #สุรินทร์
    แม่น้ำมูลแล้งวิกฤตหนักในรอบ 50 ปี ผู้เลี้ยงปลาในกระชังขาดทุนยับนับล้าน #คมชัดลึก
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บากวิกฤต ก็น่าจะนำมาพลิกให้เป็นโอกาส ได้ แต่บางวิกฤต ถึงจะมองเห็นถึงโอกาส แต่บางวิกฤตก็ไม่น่าจะนำมาใช้ ถ้าหมายถึงความปลอดภันัย และชีวิตของผู้อื่น สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่ก็สร้างทรราชได้เช่นกัน
    5 เทคนิคและวิธิคิด พลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างธุรกิจให้ STRONG
    By Ataman Thongyou -November 23, 2017

    ขึ้นชื่อว่าเป็น ผู้ประกอบการ ปัญหามักจะเข้ามาหาโดยที่คุณไม่ได้ร้องขอ เรียกว่าลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ลงทุน บริหารจัดการพนักงาน ไหนยังจะต้องจัดการกับค่าใช้จ่ายจิปาถะที่กำลังจะถึงกำหนดเวลาต้องจ่ายอย่างไร ขณะเดียวกันสมองอีกซีกก็ต้องคิดว่าจะวางแผนการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างไรดีนะ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นบททดสอบในแต่ละวันที่ว่าที่ผู้ประกอบการต้องก้าวข้ามผ่าน ทว่า จะมีสักกี่คนที่สามารถพลิกวิกฤต ความวุ่นวาย ยุ่งยากที่เกิดขึ้นให้เป็น โอกาส ในการสร้างกำไรให้ธุรกิจ
    John D. Rockefeller, Thomas Edison, Steve Jobs บุคคลเหล่านี้ ล้วนเป็นต้นแบบของการล้มลุกคลุกคลาน จนกระทั่งสามารถเปลี่ยนวิกฤต เปลี่ยนอุปสรรค ให้เป็นโอกาสมาแล้วแทบทั้งสิ้น และเทคนิคที่พวกเขาใช้เพื่อนำทางสู่ความสำเร็จ ลองมาดูตัวอย่าง 5 เทคนิคและแนวคิด สุดคลาสสิคต่อไปนี้กัน

    ทำสมองให้ว่าง สงบ เย็น

    quote.jpg

    เมื่อ John D. Rockefeller นักธุรกิจชาวอเมริกัน ทำงานได้เพียง 2 ปี ก็ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจในช่วง The Panic of 1857 ซึ่งกระทบโดยตรงกับการทำงานของเขา แต่ด้วยหลักคิดที่ว่า “มองทุกปัญหาและอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาว่าเป็น โอกาส ที่จะได้เรียนรู้” เขาจึงใช้เวลาไปกับการศึกษาโมเดลของธุรกิจที่เคยต้องเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจ จนสามารถหาโอกาสธุรกิจในช่วงเวลายากลำบากเช่นนั้น แล้วปรับการดำเนินธุรกิจของตนเอง ทำให้ Rockefeller ใช้เวลาเพียง 20 ปีนับจากวิกฤตเศรษฐกิจนี้ ก้าวสู่เจ้าของกิจการน้ำมันสแตนดาร์ดออยล์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ในกิจการน้ำมันที่อเมริกาขณะนั้น

    หนึ่งในเคล็ดลับที่ Rockefeller มักจะแชร์ให้ทุกคนฟัง คือ เมื่อไรก็ตามที่คุณมัวแต่ไปหมกมุ่นกับคู่แข่งทางธุรกิจ ว่าเขาไปลงทุนซื้อกิจการที่ไหนแล้วบ้าง หรือกิจการคู่แข่งดูไปได้สวยจังเลย เมื่อนั้นจิตใจคุณจะขุ่นมัวโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น Rockefeller จึงเลือกที่จะใช้ความสุขุมและความสงบนิ่งสยบความวุ่นวาย เมื่อมองเห็นโอกาสขยายธุรกิจเขาจะไม่รีรอเลยที่จะพุ่งเข้าชนโอกาสนั้น

    มองต่างอย่างท้าทาย quote3-300x300.jpg

    Steve Jobs คือบุคคลที่ทุกคนจะยอมรับในความอัจฉริยะ ที่สำคัญเขายังเป็นเจ้าของทฤษฎี Reality Distortion Field หรือแปลเป็นไทยว่า สนามพลังงานที่ความจริงถูกบิดเบือน นั่นคือเขาเชื่อมั่นว่า “สิ่งที่ยากควรถูกเปลี่ยนให้เป็นความท้าทาย และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นโอกาส ที่คนอื่นมองไม่เห็น” แนวคิดนี้ผ่านการพิสูจน์ว่าเป็นจริง เมื่อครั้งเขาตั้งใจผลิตหน้าจอกระจกชนิดพิเศษเพื่อนำมาผลิตไอโฟนรุ่นแรกให้เสร็จทันภายในเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งหุ้นส่วนของเขาทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าไม่มีทางที่จะทำเสร็จทันเวลาได้แน่นอน แต่ด้วยความเชื่อมั่นและมองว่าเป็นโอกาสในการท้าทายความสามารถของเขาและทีมงาน เขาสั่งเดินหน้าผลิต ปรากฎว่าภายในเวลาเพียง 6 เดือน Jobs ก็ได้หน้าจอกระจกที่ผ่านการทดสอบความแข็งแรงที่พร้อมสำหรับการผลิตไอโฟนรุ่นแรกภายในเวลาอย่างที่ตั้งใจไว้ ดังนั้นจำไว้ว่า สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ใช่ว่าจะทำให้เกิดขึ้นไม่ได้

    อย่ายอมจำนนกับกฎเกณฑ์

    quote1-300x300.jpg

    บทเรียนจาก Samuel Zemurray เขาคือเจ้าของกิจการผู้ผลิตผลไม้รายเล็กในสหรัฐอเมริกา บอกเราว่าอย่ายอมจำนนกับกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่มาขัดขวางการทำธุรกิจของคุณ ครั้งหนึ่งเขาต้องการที่จะขออนุญาตทางการสร้างสะพานเพื่อประโยชน์ในการขนส่งสินค้า แต่กลับไม่สามารถก่อสร้างได้ เพราะผลประโยช์ขัดกับ United Fruit บริษัทผลิตผลไม้ยักษ์ใหญ่ที่ติดสินบนภาครัฐไว้ Zemurray จึงตัดสินใจให้วิศวกรของเค้าสร้างท่าเรือเล็กๆและโป๊ะเพื่อร่องเรือเล็กข้ามฝากแทนในการขนส่งสินค้าของเขา เมื่อ United Fruit เห็นก็ถึงกับโวย Zemurray จึงตอบกลับไปแบบอารมณ์ดีว่า “ก็ไม่ได้สร้างสะพานแล้วไง นี่แค่สร้างท่าเรือเก่าๆแค่ 2 ท่าเท่านั้นเอง ไม่น่ามีปัญหานะ”

    ใช่แล้ว นี่คือชัยชนะของการไม่ยอมจำนนกับกฎเกณฑ์เก่าๆทั้งหลายที่มาขัดขวางการทำธุรกิจ มีตัวอย่างให้เห็นในอีกหลายธุรกิจ อย่าง Uber และ Tesla ที่โดดเข้ามานั่งอยู่ใจผู้ใช้บริการ แม้ต้องเจอกับการต่อต้านอย่างหนัก แต่ “แล้วไงใครแคร์”

    คาดการณ์ล่วงหน้าถึงสถานการณ์เลวร้าย แล้วเตรียมแผนสำรองเพื่อรองรับมันซะ

    quote4-300x300.jpg

    “เมื่อชีวิตของคุณพบกับความยุ่งยาก ปรัชญาเกี่ยวกับความอดทน จะช่วยให้คุณผ่านพ้นช่วงเวลาที่ลำบากไปได้” เทคนิคนี้เป็นนิยมใช้โดยบเหล่าที่ startups และ Fortune 500 บริษัทที่ Harvard Business Review ซึ่งการฝึกนี้ถูกเรียกว่า pre-mortem ออกแบบโดยนักจิตวิทยา Gary Klein คือการฝึกฝนการล่วงรู้ล่วงหน้า(ในทางที่เลวร้าย) ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการ ถ้าเราสามารถอดทน ฝึกซ้อมจิตใจของเราได้ว่าถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดอย่าตื่นตระหนกหรือแปลกใจ กระบวนการนี้จะสามารถทำให้เราเอาชนะคู่แข่งของเราที่ตกใจและไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเตรียมใจมาก่อน

    เชื่อมั่นและศรัทธาในโชคชะตาของตน

    quote5.jpg

    มีคนเคยพูดว่า สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ แนวคิดนี้สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกิจได้เช่นกัน เพราะวันดีคืนดีก็ต้องมีบ้างล่ะที่คนริเริ่มธุรกิจจะคิดไปในทางว่า โชคชะตาทำไมไม่เข้าข้างเราเอาซะเลย ถ้าทุกครั้งที่เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดหรือเรื่องร้ายที่ไม่น่าพึงพอใจ แล้วคุณมัวแต่เอาเวลาไปคิดโทษโชคชะตาหรือฟ้าดิน นั่นย่อมไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีอะไรขึ้นมา สู้เอาเวลานั้นไปคิดดีกว่าว่าจะหาทางตั้งรับกับสถานการณ์เลวร้ายนั้นอย่างไร และพยายามพลิกวิกฤตนั้นให้เป็นโอกาส มองโลกแง่บวกและสร้างความเชื่อมั่นว่าโชคชะตาคงไม่เล่นตลกส่งแต่เรื่องร้ายๆมาให้เจอะเจอ สักวันต้องเป็นวันของเราบ้างสิน่า

    ดูตัวอย่างความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับ Thomas Edison ต้องสูญเสียเอกสารงานค้นคว้าวิจัยทั้งหมดไปในกองเพลิงที่ลุกไหม้สถานที่ทำงานของ แต่เขาไม่ได้ใช้เวลาไปกับการก่นด่าในความโชคร้ายที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดนี้เลย แต่สิ่งที่เขาทำคือการยอมรับและพยายามกู้ข้อมูล เอกสาร ที่พอจะกู้คืนได้กลับได้มากและเร็วที่สุด สุดแล้วเขาใช้เวลาเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น ในการกู้คืนข้อมูลบางส่วนและเดินหน้าศึกษาค้นคว้าต่อ เพื่อก่อร่างสร้างธุรกิจต่อจนกระทั่งประสบความสำเร็จในฐานะผู้ก่อตั้ง บริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก (General Electric) บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก นี่เป็นเพราะเขาเชื่อในหลัก amor fati หรือ love of fate จงเชื่อมั่นและศรัทธาในโชคชะตาของตนนั่นเอง

    https://www.salika.co/2017/11/23/5-mindset-and-technique/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2020

แชร์หน้านี้

Loading...