ติดตามสถานะการณ์

เมื่อมังกรจีน 'ติดหวัด' ศก.ไทยกำลังป่วยตาม


3 กุมภาพันธ์ 2563 | โดย [บทบรรณาธิการ]

ขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับไวรัสโคโรน่า ที่คร่าชีวิตและมีผู้ติดเชื้อนับหมื่นคน จนต้องปิดเมือง คงต้องติดตามหลังจากนี้หากจีนสามารถแห้ปัญหานี้ได้แล้ว จะรับมือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากปัญหาไวรัสนี้ได้อย่างไร เพราะแน่นอนว่าต้องกระทบกับหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย

ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า โอกาสที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวสูงกว่าระดับ 2.5-3% เป็นไปได้น้อยมาก แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจาก "สงครามการค้า" ระหว่าง "สหรัฐ" กับ "จีน" ซึ่งคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ใน "เฟสแรก" และกำลังเข้าสู่การเจรจาในเฟสสอง แต่ปัจจัยบวกเหล่านี้อาจไม่ได้ช่วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยเลย หลังจากที่ "จีน" กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเวลานี้กำลังแพร่ลุกลามไปทั่วประเทศจีน และยังลามไปสู่ประเทศอื่นอีกในหลายๆ ประเทศ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ กำลังสร้าง "ช็อก" ที่รุนแรงกับเศรษฐกิจไทย โดยหลายสำนักวิจัยทางเศรษฐกิจประเมินว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย "หล่นหาย" ไปถึง 1% จากภาคการท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด คำสั่งปิดเมืองของรัฐบาลจีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยโดยตรง

สัปดาห์ก่อนรัฐบาลจีนมีคำสั่งปิดเมืองที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าในหลายๆ เมือง พร้อมกับสั่งห้ามบริษัททัวร์หยุดการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบินหรือโรงแรมต่างๆ ทำให้ "กรุ๊ปทัวร์" ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ซึ่งกรุ๊ปทัวร์จีนที่มาไทยมีสัดส่วนราว 40-50% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด ประเมินกันว่าในช่วง 1-3 เดือนหลังจากนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนน่าจะหายไปราวๆ 80-90% และทั้งปีตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยรวมๆ น่าจะหายไปราว 3 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายราวๆ 1.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ประมาณ 1%

ตัวเลขประมาณการของสำนักวิจัยต่างๆ ที่ออกมาในเวลานี้ ยังอยู่บนสมมติฐานว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจะจบลงภายใน 3 เดือนนับจากนี้ แต่หาก 3 เดือนข้างหน้า ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ มีการประเมินกันว่า จะเริ่มลามไปสู่ "ภาคการผลิต" และ "การส่งออก" ของไทยในท้ายที่สุด เพราะจีนถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าสำคัญของโลก ขณะที่ไทยเป็นแหล่งซัพพลายเชนหลักของจีน เมื่อแหล่งผลิตสำคัญชะงัก ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศซัพพลายเชนหลักเช่นไทยด้วย

สิ่งที่ต้องติดตามหลังจากนี้ คือ "จีน" จะรับมือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากปัญหาไวรัสนี้ได้อย่างไร เพราะถ้าเศรษฐกิจจีนทรุดหนัก ไม่เพียงการท่องเที่ยวของไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังสะเทือนถึงภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ด้วย เพราะ "กำลังซื้อ" ชาวจีนคงหายไปไม่น้อย ผลกระทบที่เห็นชัดๆ คงผ่านทางภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมานักลงทุนจีนถือเป็นหนึ่งกลุ่มหลักที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ขณะเดียวกันยังอาจสะเทือนถึงภาคการส่งออกด้วย เพราะสินค้าไทยที่ส่งออกไปจีนมีสัดส่วนราว 10% ของการส่งออกทั้งหมด ...ดูแล้วไวรัสที่ระบาดหนักในจีน กำลังทำเศรษฐกิจไทยป่วยตามไปด้วย ถึงเวลาที่ภาคธุรกิจต้องเตรียมแผนรับมืออย่างจริงจัง

https://www.bangkokbiznews.com/news...0mUoXLhWunQrGSoytunR1BtLEPWm5i7Qm68Aod4F9IpRo

 

ไม่ใช่หมอก! กทม.-ปริมณฑล PM 2.5 เกินมาตรฐาน 53 พื้นที่ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากากอนามัย

#MGROnline #ฝุ่นละออง #PM25
https://mgronline.com/onlinesection...CVsFl-KHGF6wLvxdlPGQZWafJ8ttw6mdoBtVmEG5Umw5A

 

จีนสั่งหยุดงาน-หยุดเรียนยาว ออกคำสั่งห้ามจัดงานศพผู้ติดเชื้อ ห้ามเก็บ ห้ามฝัง ต้องเผาเท่านั้น
03 ก.พ. 2563


จากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดในจีน ทางการจีนได้ออกมาตรการเพื่อยับยั้งการระบาด โดยที่เมืองหวงกัง ไม่ไกลจากอู่ฮั่น ประกาศให้พลเมืองอยู่แต่ในบ้าน และอนุญาตให้เพียง 1 คนเป็นตัวแทนของบ้าน ออกจากบ้านได้ทุกๆ 2 วัน เพื่อไปซื้ออาหารเป็นเสบียง

ขณะที่เมืองเหวินโจว ในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นเมืองที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนอกมณฑลหูเป่ย ได้สั่งปิดหน่วยงานราชการไปจนถึง 9 ก.พ.2563 หน่วยงานเอกชนปิดถึง 17 ก.พ. ขณะที่โรงเรียนสั่งหยุดยาวถึง 1 มี.ค. เช่นเดียวกับมณฑลอื่นๆ เช่น ชานตง, เฮยหลงเจียง ส่วนที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ประกาศหยุดทำงานไม่มีกำหนด ซึ่งทางการจีนได้เพิ่มมาตรการเข้มข้นขึ้นหลายเท่า เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ

ขณะที่โรงพยาบาลพิเศษหั่วเสินซาน ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งแปลว่าภูเขาแห่งเทพเจ้าไฟ พร้อมรับผู้ป่วยเช้าวันนี้ (3 ก.พ.2563) จำนวน 1 พันเตียง หลังใช้เวลาสร้างเพียง 10 วัน ส่วนแห่งที่สอง กำหนดเปิด 6 ก.พ.

นอกจากนี้ทางการจีนยังออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ฌาปนกิจร่างของผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนา ในบริเวณใกล้กับที่อยู่ พร้อมทั้งห้ามจัดพิธีตามธรรมเนียมต่างๆ ด้วย ร่างของผู้ป่วยที่ติดเชื้อต้องไม่ถูกขนย้ายข้ามภูมิภาคระดับมณฑล และต้องไม่ถูกเก็บไว้ไม่ว่าจะด้วยการฝังหรือวิธีอื่นใด

ศพจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อและบรรจุในกระสอบปิดผนึกมิดชิดโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ซึ่งจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดกระสอบหลังจากปิดผนึกแล้ว โรงประกอบพิธีฌาปนกิจจะต้องส่งเจ้าหน้าที่พิเศษและยานพาหนะเฉพาะเพื่อขนร่างผู้เสียชีวิตตามเส้นทางที่กำหนด อีกทั้งการเผาจะต้องทำในเตาเผาที่กำหนดเท่านั้น

ส่วนประเด็นดราม่า ที่มีหนุ่มชาวจีนวัย 17 ปี ป่วยเป็นโรคสมองพิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เสียชีวิตเพียงลำพังที่บ้านในแถบชนบทของมณฑลหูเป่ย เนื่องจากพ่อและน้องชายของเขาที่ป่วยออทิสติกอีกคน ถูกส่งตัวไปกักตัวที่สถานพยาบาล ทำให้หนุ่มพิการรายนี้ต้องอยู่บ้านเพียงลำพังโดยไม่มีคนดูแลและไม่มีอาหาร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ล่าสุดทางการจีนได้ประกาศปลดเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ประจำตำบล ที่กักตัวพ่อของผู้ตายเอาไว้ และอ้างว่าได้ส่งอาหารให้ลูกชายแล้ว แต่ปรากฏว่าลูกชายไม่ได้อาหารตามที่กล่าวอ้าง ทำให้ขาดสารอาหารตายอย่างสลดในบ้าน

https://news.bectero.com/news/16974...xzvAi5BVX2JEkEr-tyqhhhvf-6Zwcg_0Cs0HVrGTENE2Y

 

คิดว่านี่เชื้ออะไร ถึงต้องทำถึงขนาดนี้ ใช่เชื้อในระดับห้องปฏิบัติการ BSL4 หรือเปล่า "ร่างของผู้เสียชีวิตจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อและบรรจุในกระสอบปิดผนึกมิดชิดโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ซึ่งจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดกระสอบหลังจากปิดผนึกแล้ว และโรงประกอบพิธีฌาปนกิจจะต้องส่งเจ้าหน้าที่พิเศษและยานพาหนะเฉพาะเพื่อขนร่างผู้เสียชีวิตตามเส้นทางที่กำหนด อีกทั้งการเผาจะต้องทำในเตาเผาที่กำหนดเท่านั้น"

จีนออกคำสั่งร่างผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา ต้อง "ฌาปนกิจ" เท่านั้น
07:19 | 3 กุมภาพันธ์ 2563 |


ทางการจีนออกคำสั่งให้ทำการฌาปนกิจร่างของผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยห้ามจัดพิธีตามธรรมเนียมต่างๆ พร้อมให้มีการฆ่าเชื้อและบรรจุในกระสอบปิดผนึกมิดชิดและห้ามขนย้ายร่างข้ามมณฑล

วันนี้ (3 ก.พ.2563) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ทางการจีนออกคำสั่งให้ทำการฌาปนกิจร่างของผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในบริเวณใกล้กับที่พวกเขาอยู่ พร้อมทั้งห้ามจัดพิธีตามธรรมเนียมต่างๆ ด้วย

สำหรับข้อกำหนดแนวทางที่กระทรวงกิจการภายในและกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนออกร่วมกัน ระบุว่า ร่างของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้องไม่ถูกขนย้ายข้ามภูมิภาคระดับมณฑล และต้องไม่ถูกเก็บไว้ ไม่ว่าจะด้วยการฝังหรือวิธีอื่นใด

ทั้งนี้ ร่างของผู้เสียชีวิตจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อและบรรจุในกระสอบปิดผนึกมิดชิดโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ซึ่งจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดกระสอบหลังจากปิดผนึกแล้ว และโรงประกอบพิธีฌาปนกิจจะต้องส่งเจ้าหน้าที่พิเศษและยานพาหนะเฉพาะเพื่อขนร่างผู้เสียชีวิตตามเส้นทางที่กำหนด อีกทั้งการเผาจะต้องทำในเตาเผาที่กำหนดเท่านั้น

https://news.thaipbs.or.th/content/...5QEcZSsh9GC7PktJlH0lD0nFGduPBXykhCK6jiCOpoTBI

 

การลงทุน

เปิดตลาดหุ้นจีนวันแรก ดิ่งนรก Shanghai -259.83 จุด (-8.73%) หลังจากวันหยุดยาวตรุษจีน

 

การลงทุน

ญี่ปุ่นดิ่งต่อ -335.18 (-1.44%) หลังจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา พุ่งกลายเป็น 20 คนแล้ว มากกว่าประเทศไทยและมากที่สุดรองมาจากจีนแล้ว

 

เห็นข่าวนี้ขอให้ทุกคนระวัง ดูแลตัวเองให้ดี

ช่อง8 กำลังถ่ายทอดสด

Live! คืบหน้าสถานการณ์ #โคโรนาไวรัส หลัง แพทย์ รพ.ราชวิถี ค้นพบยารักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา หายภายใน 48 ชม.

:รสริน หนูตอ ข่าวช่อง8 รายงาน

 

ข่าวช่อง 8

เบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่ง!!

คนงานจีนงีบหลับ หลังทุ่มแรงกายทำงานวันละ 2 ผลัดตลอด 24 ชั่วโมง สร้างโรงพยาบาลพิเศษหั่วเสินซาน รักษาผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนา เสร็จภายใน 10 วัน พร้อมเปิดให้บริการวันจันทร์ (3ก.พ.) นี้

#ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ #coronavirus #ข่าวช่อง8 #ใครๆก็ดูช่อง8กดเลข27

Cr.PDChina

 

พร้อมแล้ว! การท่าอากาศยานอู่ตะเภา เตรียมรับคนไทยกลับจากเมืองอู่ฮั่นในวันพรุ่งนี้ เผยแพร่: 3 ก.พ. 2563 10:29 ปรับปรุง: 3 ก.พ. 2563 10:48 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวศรีราชา - พร้อมแล้ว! การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ประชุมร่วม รพ.อาภากรฯ ฐานทัพเรือสัตหีบ และ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ หามาตรการรองรับคนไทยที่จะเดินทางกลับจากอู่ฮั่น มายังสนามบินอู่ตะเภาในวันพรุ่งนี้ เตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนก

จากกรณีที่มีรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ประสานกองทัพเรือ ในการเตรียมแผนรองรับการนำคนไทย จำนวน 161 คน กลับจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยเครื่องบิน Air Asia มาลงที่สนามบินอู่ตะเภา กรมการบินทหารเรือ ในวันที่ 4 ก.พ.นี้

โดยจะนำคนไทยที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วกักตัวเพื่อรอดูอาการว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือไม่ เป็นเวลา 14 วัน และหากพบว่ามีผู้ป่วยหรือต้องสงสัยก็จะนำเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ฯ ฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ในการรักษาพยาบาล สถานที่ประชุม และสถานที่ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนนั้น

วันนี้ (3 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงในการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ว่า ขณะนี้ในส่วนของการท่าฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับคนไทยที่จะเดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ผ่านมา ได้มีการตั้งจุดคัดกรองประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาลงยังสนามบินอู่ตะเภานานเกือบ 1 เดือน

และในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการท่าอากาศยานอู่ตะเภา โรงพยาบาลอาภากรฯ และหน่วยงานอื่นๆ จะประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ในการคัดกรองผู้ป่วย รวมทั้งหาจุดกักตัวผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื่อหรือไม่ ซึ่งจะต้องเป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ และไม่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของประชาชนโดยทั่วไป

โดยการท่าอากาศยานอุู่ตะเภา ยังได้วอนมายังประชาชนในพื้นที่ว่าอย่าตื่นตระหนกกับการเดินทางกลับประเทศของคนไทยในเมืองอู่ฮั่น เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ป่วย แต่เป็นบุคคลที่รัฐบาลต้องช่วยนำตัวกลับบ้านซึ่งการดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะการคัดกรองเป็นไปตามมาตรฐานสากล และจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และผู้ใช้บริการในสนามบินแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เบื้องต้นมีรายงานเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานงานมายังกองทัพเรือ ในการเตรียมมาตรการรับตัว ตรวจสอบและจัดที่พักสำหรับรอดูอาการ และสร้างความมั่นใจทั้งแก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลอาภากรฯ ญาติและประชาชนทั่วไปเพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก หรือวิตกกังวล

ขณะที่กองทัพเรือ ยังเตรียมพร้อมในการจัดหน่วยทหารและบ้านพักรับรอง รวมทั้งเรือนนอนในฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อให้เป็นที่พักของคนไทยที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น เพื่อรอดูอาการแต่สุดท้ายจะต้องรอผลสรุปการประชุมร่วมที่เกิดขึ้นในวันนี้ก่อน











https://mgronline.com/local/detail/...LUzlhQCWO84WOHdiagQVR6jnQINOzml8ynEUuptSOz_ac

 

MGR Infographics

อัพเดตตัวเลขผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตล่าสุด
จากการแพร่กระจายของไวรัสอู่ฮั่นในจีน
พุ่งถึง 17,238ราย เสียชีวิต 361 ราย
ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563
.

#mgronline #ไวรัสอู่ฮั่น #ตัวเลขผู้ติดเชื้อ_เสียชีวิตล่าสุด #wuhan_virus

 

MGR Infographics

ทรัมป์’ โอ่สหรัฐฯ ป้องกันอยู่หมัด ด้าน ‘จีน’ เมินมะกันช่วยเหลือ

ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนขยับขึ้นเป็น 17,205 ราย เสียชีวิตแล้ว 361 ราย จากข้อมูลล่าสุดในวันนี้ (3 ก.พ.) ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันรัฐบาลได้ใช้มาตรการรับมือที่เหมาะสมอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องชาวอเมริกัน และพร้อมยื่นมือช่วยเหลือจีนยับยั้งวิกฤตสาธารณสุขซึ่งสร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลก ทว่าล่าสุดยังไม่มีสัญญาณตอบรับความช่วยเหลือจากปักกิ่ง
.
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ระบุพบผู้ป่วยรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก 2,829 รายในวันอาทิตย์ (2) ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในจีนขยับขึ้นเป็น 17,205 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 57 รวมเป็น 361 ราย แซงหน้าสถิติผู้เสียชีวิตในจีน 349 รายจากโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (SARS) ที่แพร่ระบาดเมื่อช่วงปี 2002-2003
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000010975
#mgronline #จีน #ไม่รับความช่วยเหลือ #สหรัฐอเมริกา

 

บีบีซีไทย - BBC Thai

กาแฟช่วยชีวิตแมวเหมียว

เคนดัลล์ ดิวิช หนุ่มหัวไวใช้กาแฟอุ่น ๆ ของเขาราดไปที่หางของลูกแมวซึ่งติดอยู่บนพื้นน้ำแข็ง เพื่อให้หางของพวกมันหลุดออกมา หลังจากพบพวกมันถูกนำไปปล่อยทิ้งไว้ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเหน็บในรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดา

 

“อนุทิน” ประชุมทีมสอบสวนโรค รับมือและควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่า
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดประชุม เพื่อเป็นการซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติงานและเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตรายและหน่วยปฏิบัติควบคุมโรคในระดับจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งในการตรวจจับโรค วินิจฉัย ดูแลรักษา และควบคุมโรคในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานต้องทราบถึงบทบาทหน้าที่ของตนเอง รวมถึงมาตรการที่ต้องดำเนินการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า และรู้วิธีการป้องกันตนเองเมื่อดูแลผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน นำไปป้องกันตนเองและครอบครัวไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก พร้อมแนะประชาชนยึดหลักการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น รวมทั้งกินร้อนใช้ช้อนกลางทุกครั้งที่รับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงไปในสถานที่แออัด

ขณะที่ นายอนุทิน ระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ตรวจพบผู้ป่วยไวรัสโคโรน่านอกประเทศจีน และได้ยกระดับรับมือสถานการณ์เป็นระดับ 3 ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา และมีการสั่งการทุกหน่วยงานรับมืออย่างเต็มที่ หลังจากนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานแข่งกับเวลา 7 วันต่อสัปดาห์ไม่มีวันหยุด เพื่อสู้รบกับไวรัสโคโรน่าที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ สิ่งเดียวที่จะชนะได้และสามารถควบคุมการระบาดทำให้ประชาชนชาวไทยปลอดภัยนั่นคือ ความพร้อมของทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนจากกระทรวงสาธารณสุข เชื่อมั่นว่าทุกคนจะร่วมมือกันฝ่าฟันสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรน่าไปได้.

https://www.thairath.co.th/news/pol...3UOY6_C4szug_TqlEXF_f5oAwCrMNGtocXvI_69CBpcmw

 

นักวิทยาศาสตร์ตื่นตระหนกที่จะค้นพบน้ำอุ่นที่ "จุดสำคัญ" ใต้ "ธารน้ำแข็งโลกาวินาศ"
โดย SOPHIE LEWIS 1 กุมภาพันธ์ 2020 / 1:34 PM / ข่าวซีบีเอส

นักวิทยาศาสตร์พบน้ำอุ่นใต้ชื่อ "doomsday glacier" ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่ใช้เพราะเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่ละลายเร็วที่สุดในทวีปแอนตาร์กติกา ในขณะที่นักวิจัยได้สังเกตการณ์การถดถอยของธารน้ำแข็ง Thwaites เป็นเวลาสิบปีนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาตรวจพบการปรากฏตัวของน้ำอุ่นซึ่งพบได้ที่ "จุดสำคัญ" ใต้ธารน้ำแข็ง

ข่าวการค้นพบที่เรียกว่าการค้นพบที่น่ากลัว

"ความจริงที่ว่าน้ำอุ่นดังกล่าวเพิ่งได้รับการบันทึกโดยทีมงานของเราตามส่วนหนึ่งของเขตดิน Thwaites ซึ่งเราได้ทราบว่าธารน้ำแข็งกำลังละลายแสดงให้เห็นว่ามันอาจอยู่ระหว่างการถดถอยที่ไม่หยุดยั้ง ซึ่งมีผลกระทบอย่างมาก David Holland ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการสิ่งแวดล้อม Fluid Dynamics ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและศูนย์การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลโลกของ NYU Abu Dhabi ซึ่งดำเนินการวิจัยกล่าวในการแถลงข่าว

"น้ำอุ่นในส่วนนี้ของโลกซึ่งห่างไกลอย่างที่ควรจะเป็น สัญญาณเตือนให้พวกเราทุกคนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับดาวเคราะห์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" เขากล่าว

การพังทลายของ Thwaites ที่มีขนาด 74,000 ตารางไมล์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางคนมองว่าเป็นธารน้ำแข็งที่มีความเสี่ยงและสำคัญที่สุดในโลกเมื่อมาถึงระดับน้ำทะเล - สามารถปล่อยน้ำขนาดใหญ่ประมาณฟลอริดาหรือบริเตนใหญ่ การละลายของมันจะเพิ่มระดับน้ำทะเลทั่วโลกมากกว่าสามฟุต นักวิจัยกล่าวว่าเพียงพอที่จะทำให้ประชากรมีความเสี่ยงสูง

ภาพ - น้ำร้อน เจาะรูสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์วัดความปั่นป่วนบนธารน้ำแข็งของ Thwaites
David HOLLAND, NYU และ NYU ABU DHABI

ทีมที่ค้นพบน้ำอุ่นสร้างการเข้าถึงที่ลึกเกือบ 2,000 ฟุตเพื่อทำการวิจัยที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการริเริ่มมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร การใช้อุปกรณ์ตรวจจับมหาสมุทร นักวิทยาศาสตร์บันทึกน้ำมากกว่าสององศาเหนือจุดเยือกแข็งที่ไหลอยู่ใต้ธารน้ำแข็งที่เข้าถึงยากในต้นเดือนมกราคม

“ จากการสังเกตของเราไปสู่โพรงมหาสมุทรที่เขต grounding เราไม่เพียงสังเกตเห็นการมีอยู่ของน้ำอุ่นเท่านั้น แต่ยังมีระดับความปั่นป่วน และประสิทธิภาพในการละลายฐานหิ้งน้ำแข็ง” Aurora Basinski นักศึกษาปริญญาเอกจาก NYU กล่าว การวัดความปั่นป่วน

จากรายงานของ International Thwaites Glacier Collaboration ปริมาณน้ำแข็งที่ไหลออกมาจาก Thwaites และธารน้ำแข็งใกล้เคียงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การละลายน้ำแข็งจาก Thwaites สู่ทะเล Amundsen นั้นมีอยู่ประมาณ 4% ของการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลกในปัจจุบัน - จำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อธารน้ำแข็งแตก


ภาพ - การวัดการเปลี่ยนแปลงความสูงของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกา
TOM SLATER / CPOM / BBC NEWS

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาโพรงขนาดใหญ่ขนาดสองในสามของแมนฮัตตันถูกพบใต้ธารน้ำแข็งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ "การละลายอย่างรวดเร็ว" นักวิทยาศาสตร์ยังคงเตือนต่อไปว่าแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกตะวันตกทั้งหมดอาจยุบได้ภายใน 100 ปีข้างหน้าซึ่งนำไปสู่ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเกือบ 10 ฟุตและแนวชายฝั่งที่มีน้ำท่วมทั่วโลก

ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อผู้คนประมาณสามเท่าในปี 2050 มากกว่าที่คิดไว้ การวิจัยชี้ให้เห็นว่าบ้าน 300 ล้านหลังจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมชายฝั่งในอีก 30 ปีข้างหน้าและ 630 ล้านหลังในปี 2100 หากการปล่อยคาร์บอนไม่ลดลง

Scientists alarmed to discover warm water at "vital point" beneath Antarctica's "doomsday glacier"
BY SOPHIE LEWIS
FEBRUARY 1, 2020 / 1:34 PM / CBS NEWS

Scientists have found warm water beneath Antarctica's "doomsday glacier," a nickname used because it is one of Antarctica's fastest melting glaciers. While researchers have observed the recession of the Thwaites Glacier for a decade, this marks the first time they detected the presence of warm water – found at a "vital point" beneath the glacier.

A news release on the findings called it an alarming discovery.

"The fact that such warm water was just now recorded by our team along a section of Thwaites grounding zone where we have known the glacier is melting suggests that it may be undergoing an unstoppable retreat that has huge implications for global sea-level rise," David Holland, director of New York University's Environmental Fluid Dynamics Laboratory and NYU Abu Dhabi's Center for Global Sea Level Change, which conducted the research, said in the news release.

"Warm waters in this part of the world, as remote as they may seem, should serve as a warning to all of us about the potential dire changes to the planet brought about by climate change," he said.

The collapse of the 74,000-square-mile Thwaites — which some scientists see as the most vulnerable and significant glacier in the world when it comes to sea-level-rise — could release a mass of water roughly the size of Florida or Great Britain. Its melting would raise global sea levels by more than three feet, enough to potentially overwhelm vulnerable populations, the researchers said.

Hot waters drilled an access hole for the deployment of a turbulence device on Thwaites Glacier.DAVID HOLLAND, NYU AND NYU ABU DHABI

The team that found the warm water created a nearly 2,000-foot deep access hold to conduct unprecedented research, part of a multimillion-dollar initiative between the United States and the United Kingdom. Using an ocean-sensing device, scientists recorded waters more than two degrees above freezing flowing beneath the hard-to-reach glacier in early January.

"From our observations into the ocean cavity at the grounding zone we observed not only the presence of warm water, but also its turbulence level and thus its efficiency to melt the ice shelf base," said Aurora Basinski, an NYU graduate student who made the turbulence measurement.

According to the International Thwaites Glacier Collaboration, the amount of ice flowing out of the Thwaites and nearby glaciers has nearly doubled over the last 30 years. Melting ice from the Thwaites into the Amundsen Sea already accounts for approximately 4% of current global sea-level rise — a number that would significantly increase when the glacier crumbles.


Measuring the change in the height of the ice across Antarctica.TOM SLATER / CPOM / BBC NEWS
Last January, a massive cavity the size of two-thirds of Manhattan was found under the glacier, a sign of "rapid decay." Scientists continue to warn that the entire West Antarctic Ice Sheet could collapse within the next 100 years, leading to a sea-level rise of nearly 10 feet and flooding coastlines around the world.

Rising sea levels are on track to affect about three times more people by 2050 than originally thought. Research suggests that 300 million homes will be affected by coastal flooding in the next 30 years — and 630 million by the year 2100 if carbon emissions don't decrease.

https://www.cbsnews.com/news/climat...vBSUrJl7lJTrs8DUMr20H0PeDcERFykrgpTWdU3edCO8w

 

แดง วงศ์ทวิชาติ


#ภูเขาไฟระเบิดทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นที่มีการไหลของ pyroclastic
โดย Rodrigo Contreras Lopez -3 กุมภาพันธ์ 2563
***ภูเขาไฟบนเกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นระเบิดเมื่อเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น
มีการไหลของ pyroclastic ซึ่งทอดตัวยาวประมาณ 900 เมตรทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของ Mount Shindake สูง 626 เมตรบนเกาะ Kuchinoerabu ในจังหวัด Kagoshima แต่ไม่มีรายงานว่าได้สร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยและไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ ได้รับการยืนยันตามที่เทศบาล Yakushimaแจ้งไว้

https://www.alertageo.org/2020/02/0...ce3vOCnt5eWnO3-UlRxXm89CVUvMaqvFCmx1yn0zdz_Jg

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน

จีนเผยยอดผู้ติดเชื้อ ‘ไวรัสโคโรนา’ รวม 17,205 ราย ดับแล้ว 361 ราย
.
ซินหัว 3 ก.พ.- คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยการตรวจพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายใหม่ 2,829 ราย และผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายใหม่ 57 ราย ในภูมิภาคระดับมณฑล 31 แห่ง สรุปเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.)
.
ผู้ป่วยที่เสียชีวิต 56 ราย อยู่ในมณฑลหูเป่ยทางตอนกลาง และอีก 1 ราย อยู่ในเทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ พร้อมกับมีรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยรายใหม่ 5,173 ราย ผู้ป่วยอาการหนัก 186 ราย และผู้ป่วยที่หายดีจนออกจากโรงพยาบาลได้ 147 รายในวันเดียวกัน
.
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสฯ ที่ได้รับการยืนยันผลบนจีนแผ่นดินใหญ่รวมอยู่ที่ 17,205 ราย และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 361 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวันอาทิตย์ (2 ก.พ.)
.
คณะกรรมการฯ เสริมว่าจำนวนผู้ป่วยอาการหนักรวมอยู่ที่ 2,296 ราย ผู้ป่วยต้องสัยรวมอยู่ที่ 21,558 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้รวมอยู่ที่ 475 ราย
.
นอกจากนั้นมีการเฝ้าติดตามผู้มีประวัติติดต่อใกล้ชิดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผล 189,583 ราย โดยมี 10,055 ราย ได้รับการปล่อยตัวจากการสังเกตการณ์ทางการแพทย์ในวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) และ 152,700 ราย ยังคงอยู่ระหว่างการสังเกตอาการ
.
ด้านจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสฯ ที่ได้รับการยืนยันผลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเกาะไต้หวันของจีน รวมอยู่ที่ 15, 8 และ 10 รายตามลำดับ เมื่อนับถึงสิ้นวันอาทิตย์ (2 ก.พ.).

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน
นศ.พม่าอพยพออกจากอู่ฮั่น ถูกกักตัวดูอาการที่มัณฑะเลย์ 14 วัน

รอยเตอร์ 3 ก.พ.- นักศึกษาชาวพม่าหลายสิบคนได้อพยพออกจากนครอู่ฮั่นวานนี้ (2) ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่นับเป็นชาวต่างชาติกลุ่มล่าสุดที่เดินทางกลับประเทศจากพื้นที่ดังกล่าว
.
กลุ่มนักศึกษา 59 คน จะถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ในโรงพยาบาลที่เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของพม่า ตามการเปิดเผยของโฆษกกระทรวงสาธารณสุข และในขณะเดียวกัน ได้ระบุว่า ยังมีชาวพม่าอีก 4 คน ที่ยังอยู่ในนครอู่ฮั่น
.
“มีสองคนที่มีไข้สูง ทำให้รัฐบาลจีนต้องกักตัวพวกเขาไว้ในอู่ฮั่น” โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ระบุ
.
ส่วนคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศของพม่า กล่าวว่า ชาวพม่าอีกสองคน หนึ่งในนั้นเป็นนักศึกษาที่มีกำหนดบินกลับพม่า แต่ได้เดินทางออกจากอู่ฮั่นด้วยวิธีการอื่นแล้ว ขณะที่อีกคนหนึ่งไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบตรวจคนเข้าเมืองของจีนทำให้ไม่สามารถเดินทางออกมาได้
.
ปัจจุบันพม่ายังไม่มีการยืนยันว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ปรากฏขึ้นครั้งแรกในนครอู่ฮั่นของจีน และมีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้แล้วมากกว่า 14,000 คน
.
เมื่อวันศุกร์ (31) เจ้าหน้าที่พม่าได้ส่งกลับเที่ยวบินของสายการบินไชน่าเซาท์เทิร์นที่เดินทางมาจากกว่างโจว หลังผู้โดยสารบนเครื่องรายหนึ่งมีอาการไข้หวัด
.
พม่ายังไม่สามารถตรวจสอบไวรัสได้ภายในประเทศ จำเป็นต้องส่งตัวอย่างจากผู้ป่วยต้องสงสัยไปที่ไทย ซึ่งต้องใช้เวลาราว 1 สัปดาห์เพื่อทราบผล.

 

ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจแพร่กระจายผ่านทางอุจจาระ แนะอย่าประมาทกับห้องน้ำสาธารณะ เผยแพร่: 3 ก.พ. 2563 11:35 ปรับปรุง: 3 ก.พ. 2563 11:50 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี เผยข้อมูลสำคัญว่าอาจมีความเป็นไปได้ว่าการใช้ห้องน้ำสาธารณะจะเป็นแหล่งแพร่ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 เนื่องจากมีการตรวจพบสารพันธุกรรมของไวรัสจากผู้ป่วย หลังเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2 วัน แนะอย่าประมาทในการเข้าห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น

จากการแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ที่มีศูนย์กลางการแพร่เชื้ออยู่ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน ล่าสุด วันนี้ (3 ก.พ.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนเผยยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ในจีน อยู่ที่ 17,205 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 361 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาหายรวมอยู่ที่ 475 ราย

ทั้งนี้ การแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ สามารถติดต่อได้จากทางเดินหายใจเป็นหลัก จึงได้มีการเตือนในเรื่องของ การสวมหน้ากากอนามัย และไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรวมถึงเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 ก.พ. เพจ “Virology and Cell Technology Lab - BIOTEC” ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอีกข้อ เกี่ยวกับการแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าอาจจะสามารถติดต่อได้จากห้องน้ำสาธารณะ โดยทางเพจได้ระบุข้อมูลว่า

“ตามที่หลายๆ คนเข้าใจว่า nCoV เป็นไวรัสโคโรนาที่ติดต่อผ่านทางเดินหายใจเป็นหลัก การป้องกันตัวเองจะเน้นไปที่การป้องกันไวรัสไม่ให้เข้าสู่ทางเดินหายใจ หรือป้องกันการสัมผัสกับเชื้อเข้าสู่บริเวณเยื่อบุต่างๆ หลังจากที่มีรายงานเกี่ยวกับผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกในสหรัฐอเมริกา ในวารสาร New England Journal of Medicine มีอีกข้อมูลหนึ่งที่อาจจะต้องตระหนัก และอาจจะต้องระวังตัวเองมากขึ้น

ผู้ป่วย nCoV มีอาการท้องเสีย และถ่ายเหลว หลังจากเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2 วัน เมื่อทำการนำตัวอย่างอุจจาระไปตรวจหาเชื้อ nCoV พบว่า สามารถตรวจพบสารพันธุกรรมของไวรัส nCoV ได้ แต่น่าเสียดายที่นักวิจัยไม่ได้ทำการแยกเชื้อต่อว่าสามารถทำได้หรือไม่ แต่เพียงแค่หลักฐานดังกล่าวก็น่าจะบ่งชี้ได้ว่า nCoV น่าจะแพร่กระจายได้ทางอุจจาระ ผ่านอาการท้องเสีย ซึ่งเมื่อมองไปที่สุขอนามัยที่ไม่ค่อยดีในประเทศจีน การล้างห้องน้ำที่ไม่สะอาดทำให้อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

ในมุมมองของนักไวรัสวิทยา การพบ nCoV ทั้งระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร เป็นเรื่องที่ไม่เกินการคาดเดา จริงๆ แล้ว SARS-CoV สามารถตรวจพบได้ในลักษณะเดียวกัน เป็นที่น่าสนใจว่าในวันเดียวกันมีเอกสารทางวิชาการออกมายืนยันว่า เซลล์ในปอด และเซลล์ในลำไส้เล็ก ล้วนมีการแสดงออกของโปรตีน ACE2 ซึ่งเป็นประตูที่เปิดให้ nCoV เข้าไปเพิ่มจำนวนได้เหมือนๆ กัน อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นจึงน่าจะเกิดจากการที่ไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์ในผนังลำไส้ ทำให้ดูดซึมน้ำและสารอาหารได้น้อยลง ส่งผลออกมาให้เกิดอาการท้องเสีย จริงๆ แล้วไวรัสโคโรนาหลายชนิดทำให้เกิดการท้องเสีย โดยเฉพาะตัวที่แพร่จากค้างคาวมาที่สุกร สร้างปัญหาให้กับเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังโชคดีที่ไวรัสเหล่านี้ยังไม่แพร่มาติดในคน ข้อมูลนี้จะช่วยให้เราไม่ประมาทว่า ในห้องน้ำสาธารณะ หรือ ห้องน้ำที่เราอาจจะต้องใช้ร่วมกับบุคคลอื่น อาจจะเป็นที่แพร่กระจายเชื้อได้ อาจจะต้องระวังเป็นพิเศษล้างมือให้เยอะๆ และทำความสะอาดสุขภัณฑ์ก่อนใช้งาน”





https://mgronline.com/onlinesection...pdOOW9giFUrHmWBXPTyzCddb2lixEP3yM31YofMTk0RxU

 

'หมอเลี้ยบ' ระบุ สูตรยารักษา 'ไวรัสโคโรนา' อาจได้ผลแค่คนไข้บางราย
Feb 3, 2020 ( Last update Feb 3, 2020 12:51 )

"นพ.สุรพงษ์" ระบุ สูตรยารักษาผู้ป่วย "ไวรัสโคโรนา" ของ รพ.ราชวิถี อาจใช้ได้ผลแค่คนไข้้บางราย ย้ำกระบวนการป้องกันยังสำคัญที่สุด
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี ใช้สูตรยาต้านไวรัสเอดส์และยาต้านไข้หวัดใหญ่ รักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มีอาการรุนแรงให้มีอาการดีขึ้น ภายใน 48 ชั่วโมง ผ่านรายการ Voice Go ว่า ถือเป็นความน่ายินดีอย่างยิ่งที่คนไข้รายนี้สามารถเข้าสู่ภาวะฟื้นตัว และเป็นความสามารถของแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี ที่มีความตั้งใจให้ยาตัวนี้ แต่การใช้สูตรยาดังกล่าวยังไม่ใช่งานวิจัยที่สรุปออกมาชัดเจน ทางการแพทย์ถือว่าเป็นการรายงานผู้ป่วยหนึ่งรายเท่านั้น (Case report) ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลทุกราย

ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ได้มีรายงานจาก The Lancet ออกมาว่าที่ประเทศจีนก็มีการใช้สูตรยาดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยมีรายงานว่า ผู้ป่วย 99 ราย มีการใช้สูตรยาดังกล่าวรักษา 75 ราย ปรากฏว่าหลังจากให้ยา มีผู้เสียชีวิต 11 ราย

• นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ดังนั้น ไม่ได้หมายความว่าทุกรายที่ได้รับยาจะหายทุกคน ยังต้องสรุปกันอีกมากพอสมควร ไม่ใช่อยู่ๆจะบอกว่าสบายใจแล้ว ต่อไปไม่ต้องป้องกันแล้ว ย้ำว่าการป้องกันยังเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุด การรักษาดังกล่าวเป็นการรักษาแบบประคับประคองเท่านั้น

นอกจากนี้ ในรายงานยังระบุด้วยว่าผู้ที่มีความเสี่ยงคือ คนอายุเกิน 60 ปี มีการติดเชื้อที่ปอดหลายจุด เม็ดเลือดขาวต่ำ ความดันโลหิตสูง สูบหรี่ ดังนั้นผู้ชายสูงอายุจึงมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก จึงอาจเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้หญิง ซึ่งอาจจะไม่สูบบุหรี่ ไม่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับความดัน จึงมีโอกาสพัฒนาภูมิต้านทานขึ้นมากำจัดไวรัส แต่ถ้าเป็นรายอื่นโอกาสอาจจะไม่ได้ขนาดนี้

นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ยาที่ใช้เป็นยาที่ผ่านการรับรองจาก องค์การอาหารและยาสหรัฐ และ องค์การอาหารและยาของไทย ผลิตจากองค์การเภสัชกรรม จึงเป็นยาที่เคยใช้กันอยู่ แต่ในไม่ได้ให้ยาโอเซลทามิเวียร์ เป็น 2 เท่า จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายหรือไม่

https://voicetv.co.th/read/7jpQ6rDU4