ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1580608106432.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำนานการระบาดของกาฬโรคในยุโรปยุคกลาง (1)
    เผยแพร่: 15 ก.ค. 2551 10:28 โดย: สุทัศน์ ยกส้าน
    551000008988501.jpg

    ภาพ The Plague ของ Raphael แสดงการระบาดของกาฬโรค ส่วนขวาแสดงเหตุการณ์กลางคืน และส่วนซ้ายแสดงเหตุการณ์กลางวัน

    ในระหว่าง พ.ศ. 1891 - 1893 (รัชสมัยพระเจ้าลือไทย แห่งอาณาจักรสุโขทัย) ได้เกิดเหตุการณ์กาฬโรคระบาดอย่างรุนแรงในยุโรป จนประชากรล้มตายไปประมาณ 25% การไม่รู้สาเหตุทำให้ผู้คนไม่มีวิธีป้องกัน และแพทย์ไม่มีวิธีรักษา ดังนั้น ทุกคนในสมัยนั้นจึงมีชีวิตอยู่ภายใต้เงามัจจุราชตลอดเวลา

    จนกระทั่งปี 2437 แพทย์จึงรู้ว่ากาฬโรคเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อ Baicllus pestis และคนที่เป็นโรคนี้ออกอาการได้ 3 รูปแบบ คือ กาฬโรคปอด (peneumonic) กาฬโรคต่อมน้ำเหลือง (bubonic) และกาฬโรคเลือด (septicemic) ซึ่งกาฬโรคทั้ง 3 ชนิดนี้ สามารถทำให้คนที่เป็นตายได้ภายใน 5 - 6 วัน หลังจากที่ถูกหมัดจากหนูกัด ทำให้มีไข้สูง รู้สึกเจ็บตามตัวและอ่อนเพลีย หลังจากนั้นตัวจะมีตุ่มเป็นจ้ำดำ ต่อมน้ำเหลืองบวม ใต้ท้องน้อย ต้นขา และรักแร้จะบวม การมีตุ่มดำ ก่อนเสียชีวิตเล็กน้อย ผู้คนจึงเรียกการตายด้วยโรคนี้ว่า Black Death แพทย์ยังได้พบอีกว่า การแพร่เกิดจากการไอ จาม และการระบาดมักอุบัติในที่ที่แออัด หรือที่ที่สาธารณสุขไม่ดี

    ในการศึกษาประวัติการระบาดของโรคนี้ นักประวัติศาสตร์ได้พบว่า อาณาจักรโรมันได้เคยประสบเหตุการณ์กาฬโรคระบาดตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 11 แล้วได้สงบไป จนกระทั่งอีก 900 ปีต่อมา เมื่อเหล่าทหารในสงคราม Crusade เดินทางกลับจากตะวันออกกลาง กาฬโรคก็ได้ระบาดอีก โดยเฉพาะในปี 1991 นั้น มีผู้คนล้มป่วยมากมายในอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส อังกฤษ สแกนดิเนเวีย และยุโรปตอนกลาง การระบาดมักเริ่มในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ในยามหน้าร้อน ซึ่งเป็นเวลาที่หนูในเมืองมีเกลื่อนกลาด แต่เมื่อถึงหน้าหนาว ความรุนแรงของโรคก็ลดลง และเริ่มระบาดใหม่อีกในฤดูใบไม้ผลิต่อมา

    ในปี 2208 (รัชสมัยพระนารายณ์มหาราช) สถิติการเสียชีวิตของคนอังกฤษในลอนดอนเท่ากับ 10% (50,000 คน) คนอิตาลีที่เมือง Florence ตาย 45,000 คน คนเยอรมันที่เมือง Hamburg ล้มตายเพราะกาฬโรค 60% คนฝรั่งเศสที่เมือง Marseilles ตาย 40,000 คน

    เมื่อผู้คนล้มตายกันมากมาย และมดหมอช่วยอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งมาตรการป้องกันโรคที่บ้านเมืองกำหนดให้ทุกคนปฏิบัติ ก็ป้องกันอะไรไม่ได้ ดังนั้น ชาวเมืองจึงพากันคิดว่ากาฬโรคเป็นโรคที่พระเจ้าส่งลงมาฆ่าคนที่ทำบาป หลายคนคิดว่าคนยิวลอบเอายาพิษใส่ในบ่อน้ำ ทำให้คนที่ดื่มน้ำจากบ่อล้มตาย บางคนไปโบสถ์เพื่อสวดขอให้พระแม่มาเรียคุ้มครอง บ้างก็ไปพบนักบุญ Sebastian และ นักบุญ Roch เพื่อไถ่บาป บางคนใช้วิธีเปลื้องบาปโดยโบยตีตนด้วยแส้จนเลือดอาบ แต่ถึงจะใช้วิธีใด กาฬโรคก็ยังระบาด และผู้คนก็ยังล้มตายต่อไป ดังนั้น วิธีเอาตัวรอดวิธีต่อไปคือหนี โดยใช้รถม้า เกวียน รถเข็น หรือเรือหนีออกนอกเมืองทันทีที่รู้ว่ากาฬโรคระบาด บรรดาคนที่มีฐานะดี เช่น กษัตริย์ นักบวช พ่อค้า ทนาย ครู อาจารย์ ทหาร และแม้แต่แพทย์เองก็หนี ทิ้งคนจนที่ไม่มีปัจจัยป้องกันตัวเองเผชิญมัจจุราชตามลำพัง ส่วนคนรวยเมื่อหนีไปแล้วก็ไปพำนักในบ้านนอกเมือง โดยปิดประตูบ้านไม่รับแขกใดๆ เพราะเชื่อว่าคนที่มาเยือนคือยมบาลที่มาเรียกตัว

    ดังในปี 2106 ที่กาฬโรคระบาดในลอนดอน สมเด็จพระราชินี Elizabeth ที่หนึ่ง ทรงเสด็จหนีกาฬโรคไปประทับที่พระราชวัง Windsor นอกเมือง และพระองค์ทรงบัญชาให้ฆ่าทุกคนที่หนีมาจาก London เพื่อจะมาพักพิงในพระราชวังของนาง ส่วนรัฐบาลก็ได้กำหนดมาตรการสกัดการระบาด โดยส่งทหารไปล้อมเมืองที่มีการระบาดไม่ให้ใครเข้า-ออก และให้คนในเมืองปิดประตูบ้านของตนไม่ให้ใครไปไหนมาไหน ถ้าไม่จำเป็น สำหรับคนที่ป่วยก็ให้กักตัวอยู่ในบ้านของตน และตามจัตุรัสในเมืองมีการติดตั้งตะแลงแกงขู่ฆ่าคนที่ขัดขืนหรือไม่เชื่อคำสั่ง

    สำหรับวิธีการรักษากาฬโรคในสมัยนั้น แพทย์ใช้ทากดูดเลือดที่เชื่อว่าเป็นเลือดเสีย แพทย์บางคนรักษาไข้โดยการปล่อยเลือดให้ไหลออกจากร่างกาย ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยคนไข้แล้ว ยังทำให้คนไข้ตายเร็วด้วย และแพทย์บางคนให้คนไข้สูบบุหรี่ เพราะเชื่อว่าไอร้อนจากควันบุหรี่รักษากาฬโรคได้ ในปี 2111 ศัลยแพทย์ Ambroise Pare แห่งฝรั่งเศสได้บันทึกว่า เวลาสมาชิกของครอบครัวคนหนึ่งคนใดล้มป่วยด้วยกาฬโรค สถาบันครอบครัวจะล่มสลายทันที สามีจะทิ้งภรรยาที่เป็น ลูกจะทิ้งพ่อแม่ที่เป็น และพ่อแม่ก็จะทิ้งลูกที่เป็นกาฬโรคเช่นกัน ทำให้คนที่ถูกทอดทิ้งกลัวจนเสียสติ และฆ่าตัวตายกลางถนนในเวลาต่อมา ดังภาพ La Peste ที่ Raphael วาด ซึ่งขณะนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Uffizi ในเมือง Florence

    สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.

    551000008988502.jpg

    นักบุญ Roch แห่งเมือง Montpellier ในฝรั่งเศส ผู้อุทิศตนรักษาคนเป็นกาฬโรค จนตัวเองสิ้นบุญด้วยกาฬโรค

    https://mgronline.com/science/detail/9510000083083
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำนานการระบาดของกาฬโรคในยุโรปยุคกลาง (จบ)
    เผยแพร่: 22 ก.ค. 2551 10:31 โดย: สุทัศน์ ยกส้าน
    551000009292701.jpg

    การโบยตีตนที่เชื่อกันว่าสามารถป้องกันกาฬโรคได้ในเนเธอร์แลนด์ ปี 1896 (รัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดี)
    สำหรับการจัดการศพคนเป็นกาฬโรคก็มีปัญหา เพราะการหาสัปเหร่อนั้นยากสุดๆ และถ้าจะให้คนเอาศพใครไปทิ้ง ก็ต้องจ้างด้วยราคาสูงลิบลิ่ว ซึ่งคนที่รับงานประเภทนี้มักเป็นพวกฆาตกร หรือคนจรจัดที่มีชีวิตอยู่อีกไม่นานก็ตาย และทันทีที่มีคนตาย ศพจะถูกเหวี่ยงขึ้นเกวียนเพื่อเอาไปฝังรวมกันในหลุมฝังศพขนาดใหญ่ นอกกำแพงเมือง สำหรับคนที่เคร่งศาสนา เวลาญาติตายก็จะรู้สึกเศร้าเพราะไม่มีพระใดอาสามาสวดศพ ขบวนศพก็ไม่มีคนตาม และถ้าให้ดูดีก็ต้องจ้างคนมาเดินร่วมขบวน

    เมื่อความทุกข์มีท่วมท้นเช่นนี้ บรรดาจิตรกร เช่น Holbein, Delacroix และ Raphale ต่างก็ได้วาดภาพเหตุการณ์นี้ รวมถึงนักประพันธ์ เช่น Daniel Defoe และ Albert Camus ก็ได้เคยเขียนเรื่อง The Plague ที่เกี่ยวกับสังคมในยุคกาฬโรคระบาดด้วย ว่ามีการฆาตกรรม โจรกรรม และความรุนแรงมากมาย เพราะผู้คนไร้ศาสนา จากการไม่มีนักบวชเป็นที่พึ่ง บ้านเมืองไม่มีความยุติธรรม เพราะไม่มีลูกขุน หรือผู้พิพากษามาตัดสิน การขโมยเกิดทุกหัวระแหง บ้านคนที่เสียชีวิตด้วยกาฬโรคจะถูกปล้น แม้แต่เสื้อผ้า และเครื่องประดับศพ ก็ยังถูกฉกก่อนที่ศพจะถูกนำไปทิ้ง หรือเวลาขโมยเข้าบ้านและเห็นคนที่กำลังป่วยอยู่ ก็ช่วยจัดการให้คนนั้นตายๆ ไป เพื่อจะได้เอาทรัพย์สมบัติไป ความเสื่อมทางศีลธรรม และความงมงายจึงมีอยู่ทั่วในสังคมยุคนั้น

    เช่น บางคนนำของไปถวายนักบวชเพื่อให้ช่วย บางคนไปหาพ่อมด แม่มด เพราะเชื่อว่าคนประเภทนี้คือตัวแทนของ Satan และถ้าให้ Satan มีความสุขและพอใจ โรคก็จะหยุดระบาด ดังนั้นคนเหล่านี้จึงปรนเปรอพ่อมด และหมอผี ด้วยบรรณาการต่างๆ บางคนเชื่อว่าระฆังโบสถ์สามารถไล่กาฬโรคได้ จึงใช้วิธีสั่นระฆังจนแรงหมด ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางคนคิดว่ายิวคือตัวแพร่เชื้อโรค จึงจับยิวมาขังรวมในอาคารไม้แล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น จนยิวกว่า 2,000 คน ถูกแขวนคอ และถูกฆ่าตายในเมือง Strasbourg เหตุการณ์นี้ทำให้สันตะปาปา Clement ที่ 6 ทรงออกมาแถลงว่าคนยิวไม่ได้แพร่กาฬโรค แต่ก็ไม่มีใครฟัง นอกจากยิวจะเป็นแพะของเหตุการณ์แล้ว บรรดาแพทย์ต่างๆ ก็ถูกกล่าวหาว่า เป็นใจไม่ช่วยผู้คนด้วย ทั้งๆ ที่ช่วยได้ การคิดเช่นนี้ทำให้แพทย์ถูกชาวบ้านในฝรั่งเศสขว้างด้วยก้อนหินจนตายหลายคน

    สำหรับผลกระทบเชิงเศรษฐกิจนั้น ก็ได้มีการพบว่า ในปี 1891 ที่กาฬโรคระบาดหนักเมื่อประชากรลด เศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย คนที่รอดชีวิตในชนบทมักขายผลิตภัณฑ์เกษตรไม่ได้ เพราะคนเมืองที่จะซื้อสินค้ามีน้อย และคนในเมืองที่รอดชีวิต ซึ่งได้ที่ดินและทรัพย์สินจากคนที่ตาย ก็ไม่สามารถจะครองชีวิตดีๆ ได้ เพราะไม่มีคนใช้และคนงาน ทุ่งนาต่างๆ เป็นทุ่งร้าง ราคาค่าเช่านาตกจนแทบไม่มีค่าใดๆ นี่คือเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

    ในด้านจิตวิทยาก็มีผลกระทบรุนแรงเพราะคนทุกคนกลัวติดโรค กลัวเป็นโรค และกลัวตาย ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นกษัตริย์ เจ้าชาย นายทหาร อาจารย์ คนยากจน คนมั่งมี หรือทาส ทุกคนมีสิทธิ์ตายทั้งนั้น เหตุการณ์นี้ทำให้ Francis Gasquet นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า การที่กาฬโรคระบาดในครั้งนั้นได้ทำให้เกิดคริสต์ศาสนานิกาย Protestant เพราะชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า ศาสนาที่มีคุ้มครองคนไม่ได้ เพราะแม้แต่นักบวชก็ยังหนีวัด ดังนั้นชาวบ้าน จึงต้องหาที่พึ่งใหม่

    ส่วนในดินแดนอื่นของโลกก็มีรายงานการระบาดของกาฬโรคเช่นกัน เช่นในปี 1890 พบการระบาดใน Cyprus ในปี 1917 พบที่ Venice ปี 2206 ที่ Holland มีคนตายด้วยกาฬโรค 10,000 คน ใน Brussels, Flanders และ Amsterdam ในปี 2208 มีการระบาดที่ London และบ้านใดที่มีคนเป็นโรคนี้ประตูบ้านของคนนั้นจะมีกากบาทสีแดงทาที่บานประตู ซึ่งจะถูกเจาะเป็นช่องให้ญาติส่งอาหารเข้าไป และในปี 2224 ที่ Prague มีคนตายด้วยกาฬโรคถึง 85,000 คน

    ในวารสาร History Today ฉบับเดือน มีนาคม 2548 Ole J. Benedictow แห่งมหาวิทยาลัย Oslo ใน Norway ได้รับรายงานว่า ในการค้นหาที่มาของเชื้อกาฬโรค เขาคิดว่า แหล่งกำเนิดของเชื้อนี้มาจากจีน ทั้งนี้โดยการตรวจ DNA ของเชื้อที่พบในแถบทะเลสาบ Caspian และในรัสเซีย แถบแม่น้ำ Volga เขาพบว่าเชื้อได้แพร่จากจีนเข้ายุโรป โดยใช้เส้นทางสายไหม เมื่อกองทัพมองโกลบุกยุโรป และเมื่อถึงปี 1890 พ่อค้าเรือชาวอิตาลีได้นำเชื้อกาฬโรคเข้าสู่กรุง Constantinople และระบาดไปทั้งยุโรป จนคน 50 ล้านคนล้มตาย จากจำนวนประชากร 80 ล้านคนที่มี ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก และประวัติศาสตร์ก็ยังบันทึกด้วยความระทึกกลัวว่าแม้จักรพรรดิ Napoleon จะทรงไม่พิชิตรัสเซีย และ Hitler ก็ยังยึดรัสเซียไม่ได้ แต่กาฬโรคเอารัสเซียอยู่หมัด

    สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.

    551000009292702.jpg

    การใช้ปลิงและทากดูดเลือดในการรักษาคนเป็นกาฬโรคในฝรั่งเศส เมื่อ 500 ปีก่อน

    https://mgronline.com/science/detail/9510000085957
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนพบผู้ป่วย 'กาฬโรคปอด' 2 รายในกรุงปักกิ่ง 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 21:52 น.

    เจ้าหน้าที่จีนยืนยันว่ามีผู้ป่วย 2 รายเข้ารับการรักษากาฬโรคปอดในกรุงปักกิ่ง ขณะรัฐบาลจีนเซ็นเซอร์แฮชแท็กทางโซเชียลมีเดีย หวั่นประชาชนตื่นตระหนกการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงถึงชีวิตชนิดนี้

    เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลมองโกเลียใน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ออกแถลงการณ์ทางออนไลน์เมื่อวันอังคารว่า ผู้ป่วย 2 รายนี้มาจากมองโกเลียในและกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกลางในกรุงปักกิ่ง นครหลวงที่มีประชากรมากกว่า 21 ล้านคน คำแถลงย้ำด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้วางมาตรการป้องกันและควบคุมโรคแล้ว

    ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า กาฬโรคปอดเป็นกาฬโรคชนิดรุนแรงที่สุด สามารถคร่าชีวิตได้ภายใน 24-72 ชั่วโมงหากไม่ได้รับการรักษา ขณะที่กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองนั้นเป็นกาฬโรคชนิดที่อันตรายน้อยที่สุด

    รัฐบาลกรุงปักกิ่งไม่ตอบคำขอทัศนะจากเอเอฟพี และดับเบิลยูเอชโอยืนยันว่าทางการจีนได้แจ้งให้ทราบแล้วว่ามีผู้ป่วยกาฬโรค 2 ราย โดยฟาบีโอ สกาโน ผู้ประสานงานดับเบิลยูเอชโอประจำจีน กล่าวว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนกำลังใช้ความพยายามควบคุมและรักษาผู้ป่วยทั้งสองรายนี้ และเพิ่มการระแวดระวัง

    เว็บไซต์ของดับเบิลยูเอชโอกล่าวไว้ว่า กาฬโรคปอดเป็นโรคติดต่อที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก และสามารถก่อภาวะแพร่ระบาดรุนแรงผ่านการติดต่อระหว่างคนสู่คนได้ง่ายผ่านละอองที่แพร่กระจายในอากาศ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง, หนาวสั่น, อาเจียนและวิงเวียน

    รายงานกล่าวว่า หน่วยงานเซ็นเซอร์ของทางการจีนได้บล็อกแฮชแท็ก "ปักกิ่งยืนยันว่ากำลังรักษาผู้ป่วยกาฬโรค" ในการค้นหาทางโซเชียลมีเดียเว่ยป๋อ เพื่อควบคุมการถกเถียงและความตื่นตระหนกเพราะโรคนี้ ผู้ใช้เว่ยป๋อคนหนึ่งกล่าวว่า เขาเพียงอยากรู้ว่าผู้ป่วยคนนี้เดินทางมาปักกิ่งด้วยวิธีใด อีกคนกล่าวว่า ไข้หวัดนกระบาดในปีระกา, ไข้หวัดหมูระบาดปีกุน ส่วนปีหน้าเป็นปีชวด กาฬโรคกำลังมา.

    https://www.thaipost.net/main/detail/50226
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวจีนขอรัฐบาลอย่าปิดข่าว หลังพบผู้ป่วยกาฬโรคชนิดรุนแรงที่สุด 2 คน NOV 16, 2019
    Thumbnail-plague-in-china-960x720.jpg
    จากรายงานที่พบผู้ป่วยไข้กาฬโรค 2 รายทางตะวันออกเฉียงเหนือประเทศจีน เมื่อวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน ทางการจีนประกาศว่า คู่สามีภรรยาจากเขตปกครองตัวเองมองโกเลียใน ถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลปักกิ่ง เข้ารักษาอาการกาฬโรคปอดที่โรงพยาบาลชาวหยางแล้ว คนไข้รายหนึ่งอาการคงตัว ส่วนอีกคนหนึ่งอยู่ภาวะวิกฤต แต่ก็ไม่แย่ลง

    กองควบคุมโรคติดต่อของจีนให้ความมั่นใจต่อประชาชนผ่าน ‘เว่ยป๋อ’ โซเชียลมีเดียของจีนว่า มีโอกาสน้อยมากที่โรคจะระบาด กรรมการสาธารณสุขของเมืองได้กักตัวผู้ป่วยที่ติดเชื้อ มีมาตรการดูแลป้องกันทั้งคู่ รวมถึงฆ่าเชื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้องแล้ว นอกจากนี้ ยังมีตำรวจเฝ้าหน้าห้องฉุกเฉินที่ถูกปิดกั้นในโรงพยาบาลแรกที่ผู้ป่วย 2 คนนี้เข้ารับการวินิจฉัย นอกจากนี้ ทางการยังยืนยันกับชาวปักกิ่งว่า เรื่องนี้ไม่น่ากลัว ยังคงไปทำงานได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเสี่ยงที่จะติดเชื้อ

    จากกาฬโรคทั้งหมด 3 ชนิด กาฬโรคปอดถือว่ารุนแรงที่สุดและเป็นชนิดเดียวที่แพร่กระจายจากคนสู่คนได้ ชนิดอื่นแพร่กระจายผ่านสัตว์ที่เป็นพาหะ ผู้ติดเชื้อจะมีอาการของระบบทางเดินหายใจล้มเหลวแบบเดียวกับโรคปอด ในศตวรรษที่ 14 กาฬโรคที่มีจุดกำเนิดใกล้จีน แพร่ระบาดไปทั่วยุโรปและแอฟริกา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบล้านคน

    ชาวจีนบางส่วนไม่พอใจกับท่าทีที่ดูเหมือนจะพยายามปิดข่าวของทางการ พวกเขาแสดงความเห็นผ่านเว่ยป๋อว่า ทางการเปิดเผยเรื่องนี้ล่าช้าเกินไป แพทย์ในโรงพยาบาลชาวหยาง ซึ่งผู้ป่วยทั้งสองคนเข้ารับการรักษาเขียนบล็อกส่วนตัวว่า ทั้งคู่ถูกส่งไปกรุงปักกิ่ง 9 วันก่อนที่รัฐบาลจะแจ้งให้ประชาชนทราบข่าว แต่ทันทีที่มีผู้เผยแพร่เรื่องนี้ผ่านทางวีแชต (WeChat) ก็ถูกลบออกไปอย่างรวดเร็ว

    ผู้ใช้เว่ยป๋อบางคนบอกว่า อย่าปิดบังแบบนี้ เผชิญกับมันด้วยกัน การปกปิดมีแต่จะทำให้แย่ลง ขณะที่มีผู้ใช้บางส่วนตั้งคำถามต่อคุณภาพของโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็ยังสงสัยว่า เชื้อโรคนี้มาจากไหน ทั้งคู่ได้รับเชื้อมาอย่างไร ทางการมีความสามารถและประสิทธิภาพมากพอที่จะรับมือหรือไม่

    คำถามเหล่านี้ยังไร้คำตอบ บางคนบอกว่า ถ้าไม่น่ากลัว ทำไมแพทย์ต้องถามคนไข้ที่มีไข้ว่า “ไปมองโกเลียในมาหรือไม่” เป็นคำถามแรก

    นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า สื่อของรัฐบาลจีนแทบจะไม่รายงานเรื่องนี้ รัฐบาลจีนขอให้สื่อดิจิทัลบล็อคและควบคุมข่าวที่เกี่ยวกับกาฬโรค

    ในปีนี้ ที่มองโกเลีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับภูมิภาคที่พบผู้ติดเชื้อครั้งล่าสุด เพิ่งมีรายงานผู้เสียชีวิต 2 รายจากกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง หลังจากกินตัวมาร์มัตดิบเข้าไป จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่การใช้ยาปฏิชีวนะอาจช่วยป้องกันไม่ให้โรครุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตได้

    อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ของกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองมีอัตราดื้อยาปฏิชีวนะสเตรปโตมัยซินที่มักใช้ในการรักษาเบื้องต้นสูง กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองสามารถเปลี่ยนไปเป็นกาฬโรคปอดได้ หลังจากที่แบคทีเรียกระจายเข้าสู่ปอด



    ที่มา:

    ที่มาภาพ: National Institute of Allergy and Infectious Diseases

    https://themomentum.co/black-death-plague-in-china/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #อัพเดท "ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ในจีน หายและออกจากรพ.328ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งถึง อย่างน้อย 14,411 ราย เสียชีวิต 304ราย(นอกอู่ฮั่นและหูเป่ย 10ราย )
    .
    สำหรับผู้เสียชีวิตยังคงอายุเฉลี่ย 60+ ขึ้นไปและส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว และตอนนี้มีผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อทั่วจีน 19,545ราย โดยจีนได้เฝ้าระวังและสอบสวนโรคผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อและผู้ที่มีความเสี่ยงไปแล้ว 136,987ราย
    .
    ข้อมูลผู้ติดเชื้อในจีน แบ่งตามพื้นที่ ณ 2 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 08.30น. ตามเวลาประเทศไทย
    (สำหรับตัวเลขที่แบ่งตามพื้นที่เป็นข้อมูลอัพเดทเท่าที่มีตอนนี้ครับ อาจจะไม่อัพเดทที่สุด )
    - มณฑลหูเป่ย 9,074 ราย (รวมอู่ฮั่น ) /เสียชีวิต 294ราย/หายดีและออกจากรพ. 215ราย
    - ปักกิ่ง 168ราย/ เสียชีวิต1ราย/หายดีและออกจากรพ. 9ราย
    - กว่างตง 604ราย (รวมกว่างโจว,เซินเจิ้น,จูไห่) /หายดีและออกจากรพ. 14ราย
    - เซี่ยงไฮ้ 177ราย/ เสียชีวิต 1 ราย /หายดีและออกจากรพ.10ราย
    - เจ้อเจียง 599ราย/ หายดีและออกจากรพ.21ราย
    - หยุนหนาน 93ราย (รวมคุนหมิง,ต้าหลี่,ลี่เจียง,สิบสองปันนา,เต๋อหง) /หายดีและออกจากรพ. 4ราย
    - ซื่อชวน 231ราย/ เสียชีวิต1ราย /หายดีและออกจากรพ.3ราย
    - ซานตง 225ราย/หายดีและ ออกจากรพ. 5ราย
    - กว่างซี 111ราย/หายดีและ ออกจากรพ. 2 ราย
    - กุ้ยโจว 38ราย /หายดีและออกจากรพ.2ราย
    - อันฮุย 340ราย /หายดีและออกจากรพ. 5ราย
    - ไห่หนาน 62ราย/ เสียชีวิต1ราย /หายดีและออกจากรพ.1ราย
    - หนิงเซี่ย 26ราย
    - ฝูเจี้ยน 144ราย
    - เจียงซี 333ราย/หายดีและ ออกจากรพ. 10 ราย
    - เทียนจิน 41 ราย
    - เหอหนาน 493 ราย /เสียชีวิต 2 ราย/หายดีและ ออกจากรพ.4ราย
    - ฉงชิ่ง 262ราย /เสียชีวิต 1 ราย/หายดีและ ออกจากรพ.3ราย
    - ซานซี 56ราย/หายดีและ ออกจากรพ.1ราย
    - หูหนาน 389ราย /หายดีและออกจากรพ.8ราย
    - เหลียวหนิง 64ราย/หายดีและ ออกจากรพ.1ราย
    - เหอเป่ย 104ราย /เสียชีวิต1ราย/หายดีและออกจากรพ. 3ราย
    - จี๋หลิน 17 ราย /หายดีและออกจากรพ. 1ราย
    - ซินเจียง 21 ราย
    - ส่านซี 101ราย (รวมซีอาน)
    - ไต้หวัน 10 ราย
    - มาเก๊า 7ราย
    - มณฑลเจียงซู 236ราย (รวม เมืองหนานจิง, เมืองซูโจว) /หายดีและออกจากรพ. 6ราย
    - กานซู่ 40 ราย
    - เฮยหลงเจียง 95ราย (รวมเมืองฮาร์บิน เมืองเอกของมณฑลนี้ ) /เสียชีวิต2ราย/หายดีและอิกจากรพ. 2ราย
    - เน่ยเหมิงกู่ (เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน) 23 ราย/หายดีและ ออกจากรพ. 1ราย
    - ฮ่องกง 14ราย
    - ชิงไห่ 9ราย
    - ทิเบต 1ราย
    ทิเบตเป็นพื้นที่สุดท้ายในจีนที่รายงานพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งตอนนี้จีนมีผู้ติดเชื้อครบทุกพื้นที่ระดับมณฑล-มหานคร-เขตปกครองตนเองและเขตปกครองพิเศษในจีนแล้ว
    นอกจากนี้มีรายงานว่า ในจีน รักษาหายและออกจากรพ.แล้ว 328รายเป็นอย่างน้อย รวมคุณยายวัย87ปีที่อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย
    .
    สำหรับนอกจีน พบผู้ติดเชื้อแล้ว 24 ประเทศ ดังนี้
    - ไทย 19 ราย (รักษาและออกจาก รพ. 7ราย)
    - เกาหลีใต้ 11ราย
    - ญี่ปุ่น 20 ราย (รักษาและออกจากรพ. 1ราย)
    - สิงคโปร์ 18ราย
    -มาเลเซีย 8 ราย
    -เวียดนาม 6ราย
    -อเมริกา 8ราย (รักษาและออกจากรพ. 1ราย)
    -ออสเตรเลีย 12ราย (รักษาและออกจากรพ. 2ราย)
    -เนปาล 1 ราย
    -ฝรั่งเศส 6 ราย
    - แคนาดา 4ราย (รักษาและออกจากรพ. 1ราย)
    -เยอรมัน 8ราย
    -กัมพูชา1 ราย
    - ศรีลังกา 1 ราย (รักษาและออกจากรพ. 1ราย)
    - ฟินแลนด์ 1ราย
    -แองโกลา 1ราย
    - อิตาลี 2 ราย
    - อินเดีย 1ราย
    - ฟิลิปปินส์ 1ราย
    - UAE 5 ราย
    - สเปน 1ราย
    - รัสเซีย 2 ราย
    - อังกฤษ 2ราย
    - สวีเดน 1ราย
    .
    ทั้งนี้ในส่วนของการประกาศของ WHO เมื่อวานนี้ (31มกราคม2563) อ้ายจงได้อ่านรายละเอียดในกรุงเทพธุรกิจ จึงขอตัดรายละเอียดในส่วนที่หลาบคนน่าจะสงสัยว่าประกาศฉุกเฉินแล้วอย่างไรต่อ โดยสรุปได้ประมาณนี้
    "การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ถือเป็นการเปิดทางสำหรับออกคำแนะนำแก่ทุกประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกัน และลดการแพร่ระบาดข้ามพรมแดน ซึ่งอาจทำให้มีการกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับการเดินทางและการค้าต่างๆ
    นอกจากนี้ คำประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังครอบคลุมถึงการออกคำแนะนำต่างๆชั่วคราวแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก รวมถึงการยกระดับเฝ้าระวัง การเตรียมความพร้อมรับมือ และมาตรการต่างๆสำหรับควบคุมการแพร่ระบาด
    อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ย้ำว่าไม่มีเหตุผลที่จะกำหนดข้อจำกัดด้านการเดินทาง หรือการค้ากับจีน ต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า หลังจากสายการบินหลายแห่งประกาศระงับเที่ยวบินไปก่อนหน้านี้ และองค์การอนามัยโลก ไม่แนะนำและคัดค้านการกำหนดข้อจำกัดใดๆในด้านการเดินทางและการค้า"
    อ้ายจงรวบรวมข้อมูลจาก
    -
    https://voice.baidu.com/act/newpneumonia/newpneumonia
    - Weibo:央视新闻, 人民日报
    - https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864401
    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wuhan old man who was infected by Coronavirus committed suicide by jumping off a bridge. Infected and untreated due to shortage of medical resources, hit by food scarcity and helplessness, not wanting to spread the disease onto family, this hopeless man chose to kill himself.Cr.Ausgustus
    ชายชาวจีน กระโดดสะพานฆ่าตัวดาย เพาะติดเชื้อใวรัสโคโลน่า ไม่ต้องการแพ่เเชื้อให้กับคนรอบข้าง และครอบครัว
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ทารกถูกโดดเดี่ยว ติดเชื้อ Coronavirus และพ่อของเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนกล่าวว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ coronavirus ควรได้รับการเผาในทันทีหลังจากเสียชีวิต การฝังศพไม่ใช่ตัวเลือก
    FB_IMG_1580616478230.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2020
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    นี่คือการนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากสิ่งปลูกสร้างในจีน..# 1 ก.พ.[ใส่หมวกทำไม]
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    อาร์เจนติน่า มีพายุลมแรงใน Trelew
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    น้ำท่วม แจมเบอร์, ประเทศอินโดนีเซีย, น้ำหลั่งไหลท่วมท้นริมฝั่งแม่น้ำสายเก่าใน Jl. Bromo, หมู่บ้าน Klungkung, Kec พัดพาทุกอย่างไปในเส้นทาง # 1 ก.พ.
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน: ชายวัย 44 ปีจากหวู่ฮั่นที่เดินทางไปฟิลิปปินส์เป็นคนแรกที่เสียชีวิตนอกประเทศจีนจากเชื้อไวรัส
    BREAKING: A 44-year-old man from Wuhan who traveled to the Philippines is the first known person to have died outside China from the virus.
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ncov virus trimer.jpg EPoORZvWkAAEcWU.jpeg

    สมมุติว่าไวรัส 2019 ncov หวูฮั่นมีส่วนแทรกของ HIV จริงๆ คิดว่าจะรักษาได้หายขาดไหม ผมคิดว่าไม่หายขาด ถ้าติดเชื้อไม่รุนแรง สุขภาพแข็งแรงภูมิคุ้มกันในร่างการก็อาจจะทำลายเชื้อได้ แค่ถ้ารับเชื้อเข้าไปมาก รักษาแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าหายขาดจริงๆ หรือต้องทานยาไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต

    สมมุติ ยาต้านไวรัสเอชไอวีจะทำให้ปริมาณไวรัสลดลงจนไม่สามารถวัดได้ในเลือด แต่เท่าที่รู้ผู้ป่วยก็ต้องทานยาต้านตลอด " ผลที่ตามมาของการรักษาเอชไอวีก่อนที่ภูมิคุ้มกันต่อเอชไอวีจะพัฒนาอย่างสมบูรณ์ คือ การตรวจแอนติเจน/แอนติบอดีของเอชไอวีตามวิธีปกติแล้วผลยังคงเป็นลบ หรือ ไม่สามารถสรุปผลได้ และการทดสอบเดียวเท่านั้นที่จะใช้ตรวจสอบ คือการตรวจสอบไวรัสโหลด (viral load) ซึ่งจะให้ผลเป็นบวกอย่างชัดเจนในช่วงที่ติดเชื้อในระยะเฉียบพลัน เมื่อบุคคลที่มีผลการตรวจเป็นบวกพร้อมกับได้เริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวีเร็วในระยะติดเชื้อเฉียบพลัน อาจทำให้เกิดการลดระดับของระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชไอวี และทำให้การตรวจแอนติเจน/แอนติบอดีที่เป็นผลบวกนั้นอาจจะกลายเป็นผลลบได้อีก ยาต้านไวรัสเอชไอวีจะทำให้ปริมาณไวรัสลดลงจนไม่สามารถวัดได้ในเลือด"


    ความก้าวหน้าการรักษา เอชไอวี ในปัจจุบัน โดย Thianthip Diawkee|วันที่ 19 กรกฎาคม 2562

    ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์ในประเทศ

    newscms_thaihealth_c_acflnoruyz47.jpg
    แฟ้มภาพ

    ราชวิทยาลัยอายุแพทย์แห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเผยถึง "ความก้าวหน้าการรักษา HIV ในปัจจุบัน"ตั้งเป้าหมายผู้ป่วยเอดส์จากแม่สู่ลูกลดลงให้เหลือ 1 เปอร์เซ็นต์ ในปี พศ. 2563 และจะต้องลดลงให้เหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ หากประชาชนต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับ HIV สามารถติดต่อได้ที่ 1663

    ศ.นพ.สมชาย เอี่ยมอ่อง ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า จากสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทยในปัจจุบัน มีสัญญาณเตือนที่ดีในการแพร่ระบาด ซึ่งอยู่ในสัดส่วนผู้ป่วยโรคเอดส์โดยรวมทั่วประเทศลดลง ดังนั้นราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย จึงร่วมกับสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย กรมควบคุมโรค คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย จึงออกมาเปิดเผยถึง "ความก้าวหน้าการรักษา HIV ในปัจจุบัน" ในประเด็นเรื่องของสถานการณ์เอดส์และความก้าวหน้าการรักษา มาตรฐานการดูแลรักษาผู้ป่วย HIV ประเทศไทย รวมถึงมาตรฐานและความก้าวหน้าการป้องกันการติดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูกในประเทศไทย

    รศ.นพ.วินัย รัตนสุวรรณ นายกสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทยกล่าวถึงสถานการณ์เอดส์และความก้าวหน้าการรักษาว่า สถานการณ์การติดเชื้อ HIV ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ HIV นับตั้งแต่มีการระบาด 38 ปี ล่าสุดจำนวน 77.3 ล้านคน และ 35.4 ล้านคนเสียชีวิต นับตั้งแต่มีการระบาด และมีจำนวน 36.9 ล้านคน ติดเชื้อ HIV ที่ยังมีชีวิตในปี 2560 และมีผู้ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ใหม่ในปี 2560 อีกจำนวน 1.8 ล้านคน สำหรับในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อมากกว่า1 ล้านคนในเวลา 35 ปี และมีผู้ติดเชื้อประมาณ6 แสนคนเสียชีวิต นับตั้งแต่มีการระบาด และผู้ติดเชื้อประมาณ 6 แสนคนติดเชื้อ HIV ที่ยังมีชีวิตในปี 2560 (ประมาณ 2% ของทั้งโลก) และมีผู้ติดเชื้อใหม่ประมาณ 6,000 คน เฉลี่ยวันละ 17 คน (ประมาณ 0.3 % ของทั้งโลก) ทั้งนั้การวิวัฒนาการการรักษา HIV เริ่มตั้งแต่ปี 2524-2538 ไม่มียาต้านไวรัสที่ได้ผล ทำได้เพียงรักษาโรคติดเชื้อแทรกซ้อน ผู้ติดเชื้อ HIV อายุสั้น ต่อมา ปี 2538 จนถึงปัจจุบัน มียาต้านไวรัสที่ได้ผล ผู้ป่วยกลับมามีภูมิต้านทาน ปกติ แข็งแรงทำงานได้ปกติ

    การพยากรณ์โรคผู้ติดเชื้อ HIVก่อนยุคยาต้านไวรัส HIV ผู้ป่วยที่เริ่มมีโรคติดเชื้อแทรกซ้อน สภาพไม่ต่างกับมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ตั้งแต่ ปี 2538 เป็นต้นมา ผู้ติดเชื้อ HIV มีชีวิตยืนยาวได้ใกล้เคียง คนปกติ หากได้รับการวินิจฉัย การรักษาอย่างถูกต้อง และผู้ป่วยปฏิบัติตัวดี รับประทานยายาครบถ้วน ตรงเวลา และไม่ไปรับเชื้อใหม่ U=U udetectable=untransmittable คือการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งผู้ติดเชื้อ HIV สามารถพักอาศัย ทำงานร่วมกับคนปกติได้โดยไม่มีอันตราย ไม่ต้องตรวจ HIV ก่อนเข้าเรียน ก่อนเข้าทำงาน ก่อนบวช การติดต่อรHIV ติดต่อ 3 ทางที่สำคัญคือ 1.การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน 2.การใช้ของมีคมร่วมกัน และ3. การติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ซึ่งกล่าวโดยสรุปคือ ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุกปี, การป้องกันการติดเชื้อดีที่สุด, ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ได้รับยาต้านไวรัส HIV อย่างถูกต้อง จะมีชีวิตยืนยาวได้ใกล้เคียงคนปกติ, U=U (Undetectable=Untransmittable)สามารถมีชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ตามปกติ เพราะทางติดต่อไม่ได้เกิดในวิถีชีวิตประจำวันตามปกติ, รับยาต้านไวรัส HIV ฟรีทุกสิทธิรักษาพยาบาลเช

    "ความก้าวหน้าในการป้องกันการติดเชื้อ เอชไอวี จากแม่สู่ลูก"

    ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ในวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ประเทศไทยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ที่สามารถบรรลุเป้าหมายในการกำจัดการติดเชื้อเอชไอวีในทารก คือเหลือการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกน้อยกว่า 2% ได้ นับเป็นประเทศที่ 2 ในโลก และเป้าหมายถัดไปคือลดให้เหลือ 1% ในปี พศ. 2563 ซึ่งก็คือในปีหน้านั่นเอง ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกนั้นจะต้องทำ 4 เรื่องหลัก คือ 1.การป้องกันไม่ให้ผู้หญิงเชื้อ ซึ่งต้องใช้วิธีการหลายๆ รูปแบบ ที่สำคัญคือ ต้องพยายามวินิจฉัยผู้ที่ติดเชื้อให้พบ และให้การรักษาเร็วที่สุด เพื่อที่ไม่ให้ไปแพร่เชื้อกับคู่ของตน และรักเดียวใจเดียวไม่มีคู่นอนหลายคน 2.การป้องกันไม่ให้หญิงที่ติดเชื้อตั้งครรภ์โดยไม่วางแผนล่วงหน้า ส่งเสริมตรวจการติดเชื้อทั้งสามีและภรรยาก่อนตั้งครรภ์ หากพบว่าติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีบุตรได้โดยอย่างปลอดภัย โดยมีการวางแผนการตั้งครรภ์อย่างเหมาะสม หากพบว่าสามีติดเชื้อฝ่ายเดียวแต่ฝ่ายหญิงไม่ติดเชื้อ ก็สามารถวางแผนตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัยจากการติดเชื้อ 3.การป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก จะต้องมีการตรวจเอชไอวีในหญิงตั้งครรภ์ทุกคนโดยเร็วที่สุด หากพบว่า หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวี จะต้องรีบให้ยาต้านไวรัสโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ทารกในครรภ์ และจะต้องกินยาให้สม่ำเสมอระหว่างตั้งครรภ์ เพราะการติดเชื้อสู่ทารกนั้น เกิดได้ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วงท้องแก่และระหว่างคลอด ในระหว่างคลอด แพทย์จะมีการให้ยาเพิ่มและให้ยาป้องกันในทารกหลังคลอดด้วย นอกจากนี้ จะต้องให้ทารกงดนมแม่อย่างเด็ดขาด เพราะการติดเชื้อจะผ่านทางน้ำนมได้ หากปฏิบัติได้ครบถ้วน ทารกจะมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับไม่ให้การป้องกันใด ๆ เลย ทารกจะมีโอกาสติดเชื้อสูงถึง 25% ถ้าไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสในระหว่างตั้งครรภ์เลย หรือกรณีไม่มาฝากท้องเลย จะมีการตรวจเอชไอวีแบบด่วนในห้องคลอด และถ้าบวกจะให้ยาในระหว่างคลอดไปก่อน ซึ่งอาจได้ผลไม่ดีเท่าการให้ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ที่สำคัญคือ จะต้องพาสามีมาตรวจเลือด เพื่อจะได้รักษาถ้าพบว่าติดเชื้อ จะได้ไม่แพร่เชื้อต่อ โดยเฉพาะกรณีที่หญิงตั้งครรภ์ยังไม่ติดเชื้อด้วยแต่สามีติดฝ่ายเดียว และหญิงตั้งครรภ์จะได้ป้องกันการติดเชื้อด้วยการกินยาเพร็พ และการตรวจเลือดสามียังจะได้ตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกด้วย เช่น ตับอักเสบบี ซิฟิลิส ธาลัสซีเมีย และ4.การดูแลแม่และครอบครัวหลังคลอด คุณแม่ควรที่จะได้รับการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สุขภาพดี และจะต้องมีการตรวจติดตามทารกและสามีด้วย รวมทั้งมีการวางแผนครอบครัวอย่างเหมาะสม

    ปัญหาในขณะนี้คือ แม่ไม่มาฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ ไม่พาสามีมาตรวจ ทำให้ไม่ทราบว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้ออยู่ ดังนั้นสิ่งที่จะต้องเน้นย้ำคือ การหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ในขณะที่ไม่พร้อม หรือไม่ได้วางแผน การมาฝากท้องเร็ว การพาคู่มาตรวจขณะไปฝากครรภ์ด้วย หากพบว่าติดเชื้อไม่ต้องตกใจ ให้รีบกินยาอย่างสม่ำเสมอ และนำทารกมาตรวจติดตามหลังคลอด พร้อมกับกินยารักษาตนเองและสามีอย่างต่อเนื่องหลังคลอด และวางแผนครอบครัวอย่างเหมาะสม หากทำทุกอย่างได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทารกก็จะปลอดภัยไม่ติดเชื้อ และครอบครัวก็จะแข็งแรงมีความสุข

    มาตรฐานการดูแลรักษาผู้ป่วย HIV ในประเทศไทย

    พญ.เสาวนีย์ วิบุลสันติ นายแพทย์เชี่ยวชาญ/รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะยุติปัญหาเอดส์ ในปี พ.ศ. 2573 คือ ไม่มีเด็กติดเชื้อเอชไอวีเมื่อแรกเกิด การติดเชื้อรายใหม่น้อยกว่าปีละ 1,000 คน ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อทุกคนเข้าถึงบริการยาต้านไวรัสเอชไอวี และไม่มีการตีตรารังเกียจและเลือกปฏิบัติต่อผู้อยู่ร่วมกับเชื้อและประชากรหลักที่มีภาวะเปราะบางต่อการติดเชื้อ การที่จะบรรลุเป้าหมายได้ ต้องมีการทำงานที่บูรณาการด้านป้องกันและรักษาอย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงกันตั้งแต่การป้องกันการติดเชื้อ การออกเชิงรุกเข้าหาประชากรเป้าหมาย การให้การปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อ การส่งต่อเพื่อเข้าสู่บริการดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัส การติดตามการรักษาและกินยาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ในรูปแบบการมีส่วนร่วม ทั้งจากผู้ให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ภาคประชาสังคม และเครือข่ายผู้ติดเชื้อ

    การดำเนินงานจะมุ่งเน้นความต่อเนื่องของการเข้าถึง-การเข้าสู่บริการ-การตรวจเอชไอวี-การรักษา-การคงอยู่ในระบบ (Reach-Recruit-Test-Treat-Retain : RRTTR) โดย "การเข้าถึง" ต้องเข้าถึงกลุ่มประชากรเป้าหมายที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพื่อสร้างความต้องการตรวจเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ "การเข้าสู่บริการ" ต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายมีความต้องการตรวจเอชไอวีและเข้าสู่บริการป้องกันและดูแลรักษา "การตรวจเอชไอวี" มีการให้บริการตรวจเอชไอวีที่เข้าถึงได้ มีบริการตรวจเอชไอวีที่สามารถทราบผลได้ภายในวันเดียว โดยประชาชนไทยสามารถตรวจฟรีปีละ 2 ครั้ง ทั่วประเทศ ทุก รพ.ที่ให้บริการภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นอกจากนี้ยังมีการกระจายบริการตรวจเอชไอวีลงสู่ระดับชุมชน มีการจัดบริการตรวจเอชไอวีเชิงรุก "การรักษา" ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี สามารถเริ่มยาต้านไวรัสฯ ได้ทุกระดับ CD4 และเริ่มยาต้านไวรัสได้แต่เนิ่น ๆ ตามแนวทางของประเทศ และ "การคงอยู่ในระบบ" จะต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายยังคงป้องกัน หรือรักษาอย่างต่อเนื่อง เป็นการมุ่งเน้นให้ผู้ที่ผลการตรวจเอชไอวีเป็นลบ ยังคงป้องกันและตรวจเอชไอวีโดยสม่ำเสมอ ส่วนผู้ที่ติดเชื้อฯ เมื่อเข้าสู่การรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ แล้วต้องกินยาสม่ำเสมอ หรือหากยังไม่เริ่มยาต้านไวรัส ต้องติดตามให้เริ่มรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ ให้เร็วที่สุด

    นอกจากการดำเนินงานดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรคร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาศักยภาพบุคลากรและสนับสนุนวิชาการ โดยจัดทำแนวทางการตรวจรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ประเทศไทย ผลักดันนโยบายต่าง ๆ ที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบริการดูแลรักษาเอชไอวีในหน่วยบริการสุขภาพให้มีมาตรฐานและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    การวิจัยและการรักษา

    นพ.ยูจีน ครูน (Dr. Eugene Kroon) ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า เอชไอวี คือเชื้อไวรัสชนิดอาร์เอ็นเอ จัดอยู่ในกลุ่มรีโทรไวรัส (Retrovirus) เอชไอวีเปลี่ยนอาร์เอ็นเอของไวรัสเป็นดีเอ็นเอ และทำการแทรกดีเอ็นเอของมันเข้าไปในดีเอ็นเอของมนุษย์ เซลล์ส่วนมากที่มีดีเอ็นเอของไวรัสอยู่จะสามารถสร้างอนุภาคใหม่ของไวรัสออกมา และเซลล์นั้นจะตายไปจากภาวะเหนื่อยล้าหรือถูกกำจัดด้วยภูมิคุ้มกันของร่างกาย อย่างไรก็ตาม บางเซลล์ที่มีดีเอ็นเอไวรัสอยู่ เรียกว่า "เซลล์ในภาวะแฝง" ซึ่งเซลล์นี้อาจจะถูกกระตุ้นและผลิตไวรัสได้อีกในภายหลัง ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะไม่เห็นว่าเซลล์ที่มีเชื้อหลบซ่อนอยู่นี้จัดเป็นเซลล์ผิดปกติ ทำให้ไม่ถูกกำจัดและคงอยู่ในร่างกายได้เหมือนเซลล์ปกติอื่น ๆ ความสามารถในการหลบซ่อนของเชื้อ HIV หรือแหล่งสะสมของเชื้อเอชไอวี เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในการกำจัดเชื้อให้หมดไปจากร่างกาย เพราะการรักษาด้วยยาต้านไวรัสจะไม่สามารถกำจัดเชื้อที่ซ่อนอยู่ในเซลล์เหล่านี้ ได้ เมื่อผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัส มักจะมีแหล่งสะสมเชื้อขนาดใหญ่อยู่แล้ว และจะลดลงด้วยอัตราครึ่งชีวิตที่ 44 เดือน ผู้ที่เริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวีในระยะติดเชื้อเฉียบพลัน (ผู้ติดเชื้อในระยะเฉียบพลัน คือผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายหรือตรวจพบว่ามี viral load แต่ยังไม่สามารถตรวจหาแอนติเจนของเชื้อและแอนติบอดี้ต่อเชื้อได้) จะมีขนาดของแหล่งสะสมเชื้อเอชไอวีน้อยกว่าคนที่ได้รับยาต้านเมื่อติดเชื้อมานาน โอกาสที่จะพบคนที่ติดเชื้อในระยะเฉียบพลันนี้ได้ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2009-2019 เราสามารถตรวจหาผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีในระยะเฉียบพลันจำนวน 777 รายจาก 333,713 รายของผู้ที่เข้ามารับการตรวจที่คลีนิคนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย

    มีเพียง 2 รายในโลกที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% ทั้ง 2 รายนี้ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยทำการปลูกถ่ายด้วยเซลล์จากผู้บริจาคที่ดื้อหรือต้านทานต่อเชื้อเอชไอวี (พบประมาณ 1% ของชาวยุโรป) การรักษานี้อันตราย (อัตราการตายสูง) กระบวนการรักษาทำได้ยาก ราคาแพงและยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ส่วนเทคโนโลยีการรักษาให้หายขาดอื่น ๆ ยังอยู่ในขั้นทดสอบในสัตว์ทดลอง การศึกษานี้ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ "เนเจอร์ คอมมูนิเคชั่น (Nature Communication)" เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พบว่าการใช้เทคโนโลยีคริสเปอร์ (อังกฤษ: CRISPR) (กระบวนการหรือเทคนิคการแก้ไขดัดแปลงพันธุกรรมหรือยีน โดยการตัดแล้วต่อส่วนของสารพันธุกรรมที่รู้จักกันดีว่า ดีเอ็นเอ) ร่วมกับการใช้ยาต้านเอชไอวีนั้นสามารถกำจัดเชื้อเอชไอวีในหนูได้ ถ้าเทคโนโลยีนี้สามารถพัฒนาต่อได้และอาจจะนำมาใช้ในคน การวิจัยเพื่อพัฒนาให้การรักษานี้มีความปลอดภัย และทำให้ราคาไม่แพงจะเป็นความท้าทายอย่างมากและอาจต้องใช้เวลานาน

    อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่าบางคนที่ได้รับยาต้านไวรัสเร็วตั้งแต่ติดเชื้อเอชไอวีระยะเฉียบพลัน สามารถควบคุมเชื้อเอชไอวีได้นานหลายปีหลังหยุดยาต้านไวรัส การควบคุม หมายถึง ตรวจไม่พบปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดด้วยการตรวจวิธีปกติ (routine test) นอกจากนี้อาจจะมีปริมาณไวรัสในเลือดเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย และปริมาณเม็ดเลือดขาวซีดีสี่ปกติ (แสดงถึงสภาวะภูมิคุ้มกัน) บุคคลกลุ่มนี้ก็เหมือนกับบุคคลอื่น ๆ ที่ยังกินยาต้านไวรัส คือเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีแต่มีสุขภาพดี เรารู้ว่าอาจเกิดจากปริมาณของเชื้อที่หลบซ่อนอยู่น้อยมากร่วมกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำให้สามารถควบคุมเชื้อได้ ปัจจุบันพวกเราได้พยายามช่วยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในอาสาสมัคร 67 รายที่เริ่มการรักษาในระยะติดเชื้อเฉียบพลัน อย่างเช่น การให้วัคซีน และแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวีและหยุดยาต้านไวรัส เพื่อดูประสิทธิภาพของการรักษาด้วยวัคซีนหรือแอนติบอดี้ เราพบว่าหลังการหยุดยาต้าน พบปริมาณเชื้อไวรัสกลับมาเพิ่มขึ้นในเลือด และอาสาสมัครทั้ง 67 รายเมื่อเมื่อตรวจพบปริมาณเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น จะกลับมาเริ่มยาต้านไวรัสและพบว่าสามารถควบคุมเชื้อไวรัสในเลือดได้ ปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การรักษาด้วยหลายวิธีร่วมกัน พบว่าการรักษาด้วยหลายวิธีร่วมกันนี้ในลิงที่ติดเชื้อเอชไอวี สามารถควบคุมเชื้อไวรัสในลิงได้ดี

    ผลที่ตามมาของการรักษาเอชไอวีก่อนที่ภูมิคุ้มกันต่อเอชไอวีจะพัฒนาอย่างสมบูรณ์ คือ การตรวจแอนติเจน/แอนติบอดีของเอชไอวีตามวิธีปกติแล้วผลยังคงเป็นลบ หรือ ไม่สามารถสรุปผลได้ และการทดสอบเดียวเท่านั้นที่จะใช้ตรวจสอบ คือการตรวจสอบไวรัสโหลด (viral load) ซึ่งจะให้ผลเป็นบวกอย่างชัดเจนในช่วงที่ติดเชื้อในระยะเฉียบพลัน เมื่อบุคคลที่มีผลการตรวจเป็นบวกพร้อมกับได้เริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวีเร็วในระยะติดเชื้อเฉียบพลัน อาจทำให้เกิดการลดระดับของระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชไอวี และทำให้การตรวจแอนติเจน/แอนติบอดีที่เป็นผลบวกนั้นอาจจะกลายเป็นผลลบได้อีก ยาต้านไวรัสเอชไอวีจะทำให้ปริมาณไวรัสลดลงจนไม่สามารถวัดได้ในเลือด

    https://www.thaihealth.or.th/Content/49614-ความก้าวหน้าการรักษา เอชไอวี ในปัจจุบัน.html
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หกชั่วโมงผ่านไป จาก 12,036 เป็น 14,495 หรือ อีกเว็ป 14,548 ล่าสุด
    ไวมาก ...!!!!
    อัตรา รอดกับไม่ สูสีมาก
    ขอให้ทุกอย่างดีขึ้น
    #กัปตันแอน
    09:33am. 2 กพ63
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สภาพมือของจนท. ทางการแพทย์ของจีนที่อู่ฮั่น
    อาจเพราะต้องล้างมือบ่อยๆ
    #coronarovirus #武汉加油
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘โคโรนา’ ทุบราคาไข่ไก่ร่วง #ฐานเศรษฐกิจ
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ยืนยันคลิปเสียงอ้างพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่สนามบินถูกส่งตัวเข้า รพ.ในภูเก็ตไม่เป็นความจริง ชี้แค่คัดกรองผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัย

    #MGROnline
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มี “คำถาม” เกิดขึ้นมากมาย หลังการแพร่ระบาดของ “ไวรัสอู่ฮั่น”
    เพราะเต็มไปด้วยปริศนาที่ยังไม่สามารถหา “คำตอบ” ได้
    หรือว่า เชื้อนี้จะรุนแรงกว่าที่คิด?
    หรือว่า มี CONSPIRACY อะไรที่ชาวไทยและชาวโลกยังไม่รู้?
    https://mgronline.com/daily/detail/9630000010470
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อัพเดตตัวเลขผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตล่าสุด
    จากการแพร่กระจายของไวรัสอู่ฮั่นในจีน
    พุ่งถึง 14,411ราย เสียชีวิต 304 ราย
    ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563
    .
    #mgronline #ไวรัสอู่ฮั่น #ตัวเลขผู้ติดเชื้อ_เสียชีวิตล่าสุด #wuhan_virus
     

แชร์หน้านี้

Loading...