ติดตามสถานะการณ์

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ประเทศจีน นักเรียนปากีสถานจากมหาวิทยาลัยหูเป่ย ขอความช่วยเหลือสำหรับเขาและสหายของเขา เขาเรียกร้องให้รัฐบาลปากีสถานดำเนินการและช่วยเหลือพวกเขา ในการอพยพออกจากพื้นที่กักกัน พวกเขากลัวและขาดอาหาร

China estudiante paquistaní de la Universidad de Hubei. Pide ayuda para él y sus camaradas. Hace un llamado al gobierno pakistaní para que actúe y los ayude a evacuar el área de cuarentena. Tienen miedo y les falta comida

 

Setiawan

ทะเลสาบภูเขาไฟแห่งใหม่ที่ #AnakKrakatau มองเห็นได้จาก # Sentinel2 ️วันนี้ 30 มกราคม 2563
The new volcanic lagoon of #AnakKrakatau volcano seen by #Sentinel2 ️ today 30 January 2020

 

Setiawan

โลกสั่นสะเทือนรอบ ๆ ภูเขา Thorbjorn (Þorbjörn) ใกล้กับทะเลสาบ Blue Lagoon และเราสงสัยว่าภูเขาไฟระเบิดกำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่?

มีเพียงแม่ธรรมชาติเท่านั้นที่สามารถบอกเราได้ #volcano #eruption #iceland #perlan #thortbjorn #reykjavik https://t.co/NxShEkmZiJ

The earth trembles around Mt. Thorbjorn (Þorbjörn), close to the Blue Lagoon, and we are wondering, is a volcano eruption about to happen?

Only mother nature can tell us. #volcano #eruption #iceland #perlan #thortbjorn #reykjavik https://t.co/NxShEkmZiJ

 

Setiawan

-60 °C️Yakutia, รัสเซียในสัปดาห์นี้
-60°C️Yakutia, Rusia this week.

 

Setiawan

การระเบิดของอุกกาบาตเหนือเลบานอน 24 มกราคม 2020
Meteor explosion over Lebanon Jan24 202

 

Setiawan

แผ่นดินไหวในทะเลแคริบเบียน: 2001 - 2020

การเกิดแผ่นดินไหวใน #Caribbean: 2001 - 2020

มกราคม 2563 เห็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งสำคัญในภูมิภาคทะเลแคริบเบียน แผ่นดินไหว ขนาด M6.4 เกิดขึ้นที่ชายฝั่งทางใต้ของเปอร์โตริโกเมื่อวันที่ 7 มกราคมและก่อให้เกิดสึนามิขนาดเล็กที่ไม่ทำลาย ฝูงแผ่นดินไหวใหม่ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในวันนี้ (30 มกราคม 2563) แผ่นดินไหว ขนาด M7.7 ที่ใหญ่กว่าเกิดขึ้นระหว่างคิวบาและจาไมก้าเมื่อวันที่ 28 มกราคมและโชคดีที่ไม่ได้สร้างสึนามิที่สร้างความเสียหายเช่นกัน แม้ว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้จะค่อนข้างใหญ่ แต่มันเคลื่อนที่พื้นทะเลในแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง แอนิเมชันนี้เริ่มต้นด้วยการเริ่มต้นของศตวรรษที่ 21 ที่แสดงแผ่นดินไหวทั้งหมดขนาด M4 หรือใหญ่กว่าที่เกิดขึ้นและสรุปด้วยการเกิดแผ่นดินไหวล่าสุดเหล่านี้

ทะเลแคริบเบียนตั้งอยู่เหนือแผ่นเปลือกโลกแคริบเบียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเปลือกโลกที่ล้อมรอบด้วยรอยเลื่อนที่ใช้งานอยู่ ซึ่งแยกออกจากแผ่นเปลือกโลกอื่น ๆ จานอื่น ๆ เหล่านี้รวมถึงแผ่นอเมริกาเหนือไปทางทิศเหนือและทิศตะวันออกและแผ่นแปซิฟิกไปทางทิศตะวันตก การเคลื่อนที่สัมพัทธ์ระหว่างแผ่นเปลือกโลกเหล่านี้ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่ขอบเขตของพวกเขา แนวเขตตะวันออก - ตะวันตกที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ของ Caribbean Plate เป็น“ Strike-slip” หรือเปลี่ยนความผิดพลาดเช่นที่แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนผ่านแนวนอนคล้ายกับ San Andreas Fault ที่มีชื่อเสียงในแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากพวกเขาเคลื่อนที่ไปด้านข้างพวกเขามักไม่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่เคลื่อนย้ายน้ำในมหาสมุทรเหนือพวกเขา (สึนามิ) แม้ว่าพวกเขาจะสามารถก่อให้เกิดดินถล่มที่ก่อให้เกิดสึนามิเช่นแผ่นดินไหว ขนาด M7.0 ในเฮติ ในปี 2010 แต่ขอบเขตของแผ่นแคริบเบียน ทางตะวันออกเฉียงใต้ในอเมริกากลางและในหมู่เกาะ Leeward เป็นเขตเหลื่อมประเภทของแผ่นเปลือกโลกที่สามารถสร้างแผ่นดินไหวขนาดยักษ์ที่มีการเคลื่อนที่ตามแนวตั้งขนาดใหญ่ที่สามารถทำให้เกิดสึนามิ เช่นแผ่นดินไหว M7.3 ในเอลซัลวาดอร์ ในปี 2012

ศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิก (PTWC) จะออกการเตือนภัยสึนามิสำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่อาจเกิดสึนามิในภูมิภาคแคริบเบียน สิ่งเหล่านี้จะถูกโพสต์ไปที่:
https://tsunami.gov
Earthquakes of the Caribbean: 2001 - 2020

Earthquakes of the #Caribbean: 2001 - 2020

January 2020 saw some significant earthquake activity in the Caribbean Sea region. A M6.4 earthquake struck the southern coast of Puerto Rico on January 7 and generated a small, non-destructive tsunami. An active swarm of aftershocks continues today (January 30, 2020). A much larger M7.7 earthquake occurred between Cuba and Jamaica on January 28 and thankfully did not generate a damaging tsunami either. Though this earthquake was quite large, it moved the seafloor horizontally rather than vertically. This animation begins with the start of the 21st Century showing all earthquakes of M4 or larger as they happened and concludes with these latest earthquakes.

The Caribbean Sea lies over the Caribbean Plate, a section of the earth’s crust bounded by active faults separating it from other tectonic plates. These other plates include the North American Plate to the north and east and the Pacific Plate to the west. Relative motions between these plates cause earthquakes at their boundaries. Most of the east-west trending boundaries of the Caribbean Plate are “strike-slip” or transform faults such that the plates move past each other horizontally, similar to the famous San Andreas Fault in California. Since they move sideways they do not usually cause earthquakes that move the ocean water above them, though they can trigger landslides that generate tsunamis, such as the M7.0 earthquake in Haiti in 2010. But the boundaries of the Caribbean Plate that run northwest-southeast in Central America and in the Leeward Islands are subduction zones, a type of plate boundary that can produce megathrust earthquakes with large vertical motions that can cause tsunamis, such as M7.3 earthquake in El Salvador in 2012.

The Pacific Tsunami Warning Center (PTWC) will issue tsunami alerts for any potentially tsunami-causing earthquake in the Caribbean region. These will be posted to:
https://tsunami.gov

 

ไฟกลับมาแล้ว! อุณหภูมิที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส (104 องศาฟาเรนไฮต์) และลมแรงกำลังก่อให้เกิดไฟป่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปีทางตอนใต้ของเมืองหลวงของออสเตรเลียแคนเบอร์รา: เจ้าหน้าที่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน
Fires are back! Temperatures above 40 deg C, (104 deg F) and strong winds are causing the worst bushfire in 20 years south of Australia's capital Canberra: Authorities have declared a state of emergency

 

Richard Whitt

สิงคโปร์ ออกมาตรการประกาศห้ามนักท่องเที่ยวจาก 'จีน' ทุกคน เดินทางเข้าประเทศ
• สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า 'ทางการสิงคโปร์ประกาศห้ามคนจากประเทศจีน รวมถึงชาวต่างชาติที่มีประวัติการเดินทางไปประเทศจีนในช่วงเวลา 14 วันที่ผ่านมา เดินทางเข้า 'สิงคโปร์' นับเป็นมาตรการล่าสุดของประเทศสิงคโปร์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา'
• ทางการ 'สิงคโปร์' สั่งระงับการออกวีซ่าทันที ขณะที่มาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศจะมีผลตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 เวลา 23.59 น. เป็นต้นไป
• ทั้งนี้ 'ประเทศจีน' ถือเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ และสิงคโปร์ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ข้อมูลจากคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ระบุว่า 'ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง ธันวาคม ค.ศ. 2019 มีนักท่องเที่ยวสัญชาติจีนเดินทางเข้ามายังสิงคโปร์ถึง 486,000 คน
• สำหรับ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ล่าสุดวันศุกร์ที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2020 ทางการสิงคโปร์ พบผู้ติดเชื้อแล้วทั้งหมด 13 ราย ทุกคนเป็นบุคคลจากประเทศจีน

 

Setiawan

เมืองดิโกส, ดาเวา เดล ซูร์ มอลล์ ตื่นตระหนก หลังจากแผ่นดินไหว ขนาด 5.2 31 มกราคม 2020
Digos City, Davao Del Sur Mall got Alarmed after 5.2 Magnitude Earthquake. Jan31 2020

 

งานกำลังเข้า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจ.กระบี่ หลังพบนักท่องเที่ยวจีนป่วย เข้าข่ายต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่กว่า 100 ราย..

 

คงต้องใช้ความพยายามและร่วมมือร่วมใจ ทั้งจากเจ้าหน้าที่ ประชาชน ช่วยกันดับไฟป่า เพราะดูแล้วไม่ใช่งานง่ายเลย แอดขอเอาใจช่วยนะคะ

 

The Great Shift

ภาพสองภาพนี้ไม่ได้มาจากระดับเจ็ตสตรีม! พวกเขาอยู่ด้านล่าง! ที่ 500 hPa! ไม่ใช่ที่ 250! (ความดัน)

These two images are not from the jet stream level! They are below! At 500 hPa! Not 250! (Pressure)

 

The Great Shift

ลมพื้นผิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Surface winds continue to increase.

 

กรณีผู้ป่วยที่มีการยืนยัน coronavirus (2019-nCoV) ในประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ยืนยันแล้ว 11,948 รายทั่วโลกรวมถึงผู้เสียชีวิต 259 ราย
The table below shows confirmed cases of coronavirus (2019-nCoV) in China and other countries. To see a distribution map and a timeline, scroll down. There are currently 11,948 confirmed cases worldwide, including 259 fatalities

https://bnonews.com/index.php/2020/01/the-latest-coronavirus-cases/

 

การศึกษา-สาธารณสุข-สิ่งแวดล้อม, สุขภาพ
แพทย์ชี้ PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งปอดชนิดหนึ่ง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุฝุ่นพิษจะกระตุ้นให้เกิดอาการได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
January 31, 2020

หลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยยังคงประสบปัญหามลภาวะฝุ่น PM2.5 ซึ่งถือเป็นสภาวะที่น่าเป็นห่วงเพราะฝุ่นขนาดเล็กนี้สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดได้นายแพทย์ธเนศ เดชศักดิพล อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยว่า ฝุ่นละอองพิษเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดได้ ซึ่งจากการศึกษาของหลาย ๆ สถาบัน พบว่า ฝุ่น PM 2.5 มีความสัมพันธ์และอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะมะเร็งปอด

นอกจาก PM2.5 ที่เป็นปัจจัยในการก่อโรคแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญอื่นที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด ได้แก่

1. การสูบบุหรี่และได้รับควันบุหรี่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการเกิดโรคมะเร็งปอดรวมไปถึงมะเร็งชนิดอื่น ๆ ด้วย เช่น มะเร็งหู คอ จมูก, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น

2. การทำงานในอุตสาหกรรมที่มีสารก่อมะเร็งเช่น โครเมียม แร่ใยหิน แร่เรดอน นิกเกิล เรดอน เป็นต้น

3. ประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด ถึงแม้ว่าโรคมะเร็งปอดจะไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยตรงเหมือนมะเร็งบางชนิด แต่มีผลการศึกษาระบุว่าหากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอดตั้งแต่อายุน้อย ๆ สมาชิกในครอบครัวจะมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

4. ประวัติโรคปอดเรื้อรังเดิม เช่น โรคถุงลมปอดโป่งพองเรื้อรังและภาวะพังผืดที่ปอด จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดมากขึ้น

“พอเราทราบถึงปัจจัยเสี่ยงเบื้องต้นของมะเร็งปอดแล้ว สิ่งที่เราสามารถทำได้ง่าย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงก็คือการเลิกบุหรี่ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และสภาวะแวดล้อมที่เป็นอากาศมลพิษ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค อีกทั้งคนที่มีความเสี่ยงควรตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่ อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป และสูบวันละประมาณ 1 ซอง มานานกว่า 30 ปี ตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วยการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำซึ่งจะมีความละเอียดมากกว่าเอกซเรย์ธรรมดา อีกทั้งโรคมะเร็งปอดนั้นหากรู้เร็วมีโอกาสรักษาหายขาดได้” นายแพทย์ธเนศกล่าว

ด้านแพทย์หญิงญาดา หลุยเจริญ อายุรแพทย์โรคระบบการหายใจ และภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี แนะนำวิธีป้องกันฝุ่น PM2.5 ว่า ควรลดกิจกรรมนอกบ้านและอยู่ภายในบ้านหรือในอาคารให้มากขึ้น แต่ถ้าจำเป็นต้องออกไปในที่โล่งแจ้งจริง ๆ ควรใส่หน้ากากสำหรับป้องกันฝุ่น PM2.5 นอกจากนี้ยังควรงดออกกำลังกายหรือออกแรงในที่ที่มีฝุ่นมาก และหากมีอาการผิดปกติ เช่น มีอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ แสบจมูก แสบคอ หายใจไม่สะดวก เหนื่อยง่าย หรือไอ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

“สำหรับผลกระทบต่อสุขภาพหากสัมผัสกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก หากในระยะสั้นจะก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณดวงตา,จมูก, คอ และทางเดินหายใจ บางครั้งอาจทำให้แสบตา ไอ จาม น้ำมูกไหล หายใจไม่สะดวก หอบเหนื่อย และอาจทำให้โรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืดหรือโรคหัวใจกำเริบได้” แพทย์หญิงญาดากล่าว

ส่วนในระยะยาวนั้น ฝุ่นพิษขนาดเล็กนี้อาจทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง สมรรถภาพปอดลดลง และเกิดโรคมะเร็งปอด เนื่องจากฝุ่นขนาดเล็กเหล่านี้ถือเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ เด็ก และผู้สูงอายุ จะมีความไวต่ออนุภาคขนาดเล็กมากขึ้น คือกระตุ้นให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าในคนปกติ
https://www.plewseengern.com/pm2-5-5/

 

ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสเพิ่มรายที่ 13
ชายชาวฮ่องกงอายุ 39 ปี ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่แล้ววานนี้
ชายคนดังกล่าวพักอาศัยอยู่ที่ Whampoa Garden Eleventh Bauhinia Court เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา และได้ไปโรงพยาบาล Queen Elizabeth Hospital เพื่อทำการรักษา
ผู้ป่วยได้เปิดเผยข้อมูลว่า เขาได้นั่งรถไฟความเร็วสูงขบวน G306 จากฮ่องกงไปอู่ฮั่นเมื่อวันอังคารสัปดาห์ที่แล้ว และได้เดินทางกลับฮ่องกง 2 วันต่อมาด้วยขบวนรถไฟความเร็วสูง G79
ข้อมูลเบื้องต้นเขาไม่ได้เดินทางไปสถานพยาบาล ตลาดสด หรือตลาดอาหารทะเล และไม่ได้จับต้องสัตว์ป่าในอู่ฮั่นในช่วงระยะเวลาที่มีการฟักตัวเชื้อ
ทั้งนี้แม่ของเขา ภรรยา ลูกชายและลูกสาว รวมทั้งแม่บ้าน จะถูกนำตัวส่งไปเพื่อแยกกักเชื้อเพื่อดูอาการต่อไป
Source :
#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ส่งข้าราชการไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยที่นครอู่ฮั่น
การจัดส่งข้าราชการไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยที่นครอู่ฮั่น
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ได้จัดส่งข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่งจำนวน 3 คน ได้แก่ (1) นายนิรัตน์ กาญจนรจิตเลขานุการเอก (2) นายเมธัส ชัยพุฒิ เลขานุการเอก และ (3) นายอัคคณิต
คามเกตุ เลขานุการโท เดินทางไปนครอู่ฮั่นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการประสานงาน อำนวยความสะดวก และบริหารจัดการต่าง ๆ ในการเตรียมการเพื่อนำคนไทยออกจากพื้นที่ โดยข้าราชการทั้ง 3 คน เดินทางโดยรถยนต์จาก
กรุงปักกิ่งไปยังนครอู่ฮั่นระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร (ใช้เวลาขับ 14-15 ชั่วโมง) โดยคาดว่าจะถึงนครอู่ฮั่นในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 และจะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ ทั้งนี้
เมื่อข้าราชการข้างต้นเดินทางกลับหลังจากปฏิบัติภารกิจเรียบร้อยแล้ว จะมีการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดที่ทางการจีนกำหนดโดยเคร่งครัดซึ่งรวมถึงการตรวจร่างกาย และการกักพื้นที่เพื่อ
เฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วัน

 

John Traczyk

สหรัฐอเมริกา ได้ออกคำแนะนำการเดินทาง "ระดับ 4" - คำเตือนระดับสูงสุด - อย่าเดินทางไปยังประเทศจีนเลย วันที่ 31 มกราคม 2020

The U.S. has issued a "Level 4" travel advisory — the highest level of warning — Do not travel to China at all. Jan 31. 2020

https://www.swpc.noaa.gov/products/geospace-magnetosphere-movies

 

John Traczyk

หวู่ฮั่น Coronavirus ณ วันที่ 31 มกราคม 2020 20:19 น.
2019-nCoV เทียบกับ กราฟแท่ง

ยืนยันทั้งหมด - 11,948 ราย
การเสียชีวิตโดยรวม - 259 ราย
ประเทศ / ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบ - 27

กรณีที่ได้รับการยืนยันรวม เมื่อวานนี้ +1,980
ผู้ต้องสงสัย 17,988 ราย

หวู่ฮั่นอัพเดตไวรัสสด
/

Wuhan Coronavirus as of Januray 31, 2020. 8:19 pm EST.
2019-nCoV vs. Sars graph.

Total Confirmed - 11,948
Total Deaths - 259
Countries / Regions affected - 27

Total Confirmed Cases yesterday +1,980
Suspected Cases 17,988

Wuhan Virus Live Updates
https://wuhanviruslive.com/

 

Coronavirus มี "การแทรก HIV", ยั่วความกลัวมากกว่า Bioweapon ที่สร้างขึ้นเอง โดย Tyler Durden วันศุกร์, 01/31/2020 - 17:35

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาสื่อกระแสหลักได้ผลักดันทฤษฎีที่เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ coronavirus ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อกว่า 70,000 คนในหวู่ฮั่นเพียงแห่งเดียว (ขึ้นอยู่กับคนที่คุณเชื่อ) ทฤษฎีคือจีนได้รับ coronavirus ผ่านโครงการวิจัยของแคนาดาและเริ่มปั้นมันเป็น bioweapon ที่สถาบันไวรัสวิทยาในหวู่ฮั่น Politifact ชี้นิ้วไปที่ Zero Hedge โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้ว่าเรื่องราวดังกล่าวจะถูกแบ่งปันอย่างกว้างขวางในสื่ออิสระ

ทฤษฎีคือไวรัสซึ่งพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ เพื่อทำหน้าที่เป็นอาวุธชีวภาพ มีต้นกำเนิดในห้องปฏิบัติการของหวู่ฮั่น ของดร. เป็งโจว นักวิจัยระดับแนวหน้าของจีนในระบบภูมิคุ้มกันของค้างคาว โดยเฉพาะในระบบภูมิคุ้มกันของพวกมัน การปรากฏตัวของไวรัสเช่น coronavirus และไวรัสทำลายล้างอื่น ๆ ยังไงก็ตามไวรัสก็หนีออกจากห้องแล็บและตลาดปลาหูหนานที่มีเชื้อไวรัสเกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยม

ตอนนี้นักระบาดวิทยาที่น่านับถือซึ่งเพิ่งถูกจับ เมื่อไม่นานมานี้ โดยอ้างว่าเป็นภัยคุกคามที่ทวีตว่าไวรัสดูเหมือนจะเป็นโรคติดต่อมากกว่าที่เชื่อกันในตอนแรก ชี้ให้เห็นความผิดปกติในจีโนมของไวรัสที่บ่งชี้ว่า และไม่ใช่แค่อาวุธใด ๆ แต่เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่ง

ใน "ความคล้ายคลึงอันน่าทึ่งของสิ่งที่แทรกที่ไม่เหมือนใครใน 2019-nCoV spike โปรตีนกับ HIV-1 gp120 และ Gag" นักวิจัยชาวอินเดียรู้สึกงงงวยกับเซ็กเมนต์ของ RNA ของไวรัสที่ไม่มีความสัมพันธ์กับ coronaviruses อื่น ๆ เช่น โรคซาร์ส , และดูเหมือนว่าจะใกล้ชิดกับ HIV แทน ไวรัสยังตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา HIV

[ภาพที่ 1]


นี่เป็นข้อค้นพบที่สำคัญจากกระดาษซึ่งเน้นไปที่ลักษณะเฉพาะของ 2019-nCoV ก่อนจากนั้นสังเกตลำดับกรดอะมิโนสี่ลำดับในหวู่ฮั่นโคโรนาไวรัส ซึ่งเป็นลำดับที่คล้ายคลึงกับลำดับกรดอะมิโนใน HIV1:

[ แผนภูมิต้นไม้ (phylogentic tree) ของ coronaviruses แบบเต็มความยาวของเรา แสดงให้เห็นว่า 2019-nCoV มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ SARS CoV [รูปที่ 1]

[ภาพที่ 2]


นอกจากนี้การศึกษาล่าสุดอื่น ๆ ได้เชื่อมโยง 2019-nCoV กับ SARS CoV ดังนั้นเราจึงเปรียบเทียบลำดับ glycoprotein ที่ขัดขวางของ 2019-nCoV กับของ SARS CoV (หมายเลขการเข้าถึง NCBI: AY390556.1) ในการตรวจสอบอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการจัดเรียงลำดับเราพบว่า 2019- nCoV spike glycoprotein ประกอบด้วย 4 ส่วน [รูปที่ 2] ในการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าการแทรก เหล่านี้มีอยู่ในไวรัสโคโรนาตัวอื่นหรือไม่ เราได้ทำการจัดเรียงลำดับลำดับของ glycoprotein amino acid ที่เรียงตามลำดับของ coronaviruses ที่มีอยู่ทั้งหมด (n = 55) [ดูตาราง S.File1] ใน NCBI refseq (ncbi.nlm) .nih.gov) สิ่งนี้รวมลำดับหนึ่งของ 2019-nCoV [รูปที่ 1] เราพบว่าการแทรก 4 ตัวเหล่านี้ [แทรก 1, 2, 3 และ 4] นั้นไม่ซ้ำกับ 2019-nCoV และไม่ได้อยู่ใน coronaviruses อื่นที่วิเคราะห์ อีกกลุ่มจากประเทศจีนได้บันทึกการแทรกสามครั้งเปรียบเทียบลำดับ glycoprotein spike ที่น้อยลงของ coronaviruses อีกกลุ่มจากประเทศจีนได้บันทึกการแทรกสามครั้งเปรียบเทียบลำดับ glycoprotein spike ที่น้อยลงของ coronaviruses (Zhou et al., 2020)

จากนั้นเราแปลจีโนมที่ปรับแล้วพบว่าการแทรกเหล่านี้มีอยู่ในไวรัสหวู่ฮั่น 2019-nCoV ทั้งหมด ยกเว้นไวรัส 2019-nCoV ของ ค้าวคาว ในฐานะโฮสต์ [รูปที่ 4] ทึ่งกับ 4 การแทรกที่มีการอนุรักษ์สูงซึ่งไม่เหมือนใครใน 2019-nCoV เราต้องการเข้าใจต้นกำเนิดของพวกเขา เพื่อจุดประสงค์นี้เราใช้การจัดตำแหน่งโลคอล 2019-nCoV กับแต่ละส่วนแทรกเพื่อสืบค้นจีโนมไวรัสทั้งหมด และพิจารณาความนิยมที่มีการครอบคลุมตามลำดับ 100% น่าแปลกใจที่การแทรกทั้งสี่ที่เรียงกันนั้นสอดคล้องกับส่วนสั้น ๆ ของโปรตีน Human Immunodeficiency Virus-1 (HIV-1) ตำแหน่งกรดอะมิโนของการใน 2019-nCoV และสารตกค้างที่เกี่ยวข้องใน HIV-1 gp120 และ HIV-1 Gag แสดงในตารางที่ 1

[ภาพที 3]


ส่วนแทรก 3 อันแรก (แทรก 1,2 และ 3) เรียงตามส่วนสั้น ๆ ของกรดอะมิโนตกค้างใน HIV-1 gp120 ส่วนแทรก 4 ที่เรียงชิดกับ HIV-1 Gag ส่วนแทรก 1 (6 กรดอะมิโนตกค้าง) และส่วนแทรก 2 (6 กรดอะมิโนตกค้าง) ในสไปค์ไกลโคโปรตีนใน 2019-nCoV เป็น 100% เหมือนกับสารตกค้างที่จับคู่กับ HIV-1 gp120 ส่วนแทรก 3 (12 กรดอะมิโนตกค้าง) ใน 2019 - nCoV จับคู่กับ HIV-1 gp120 พร้อมช่องว่าง [ดูตารางที่ 1] ส่วนแทรก 4 (8 กรดอะมิโนตกค้าง) จับคู่กับ HIV-1 Gag พร้อมช่องว่าง]

เหตุใดผู้เขียนจึงคิดว่าไวรัสอาจเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพราะเมื่อดูที่ส่วนแทรกข้างต้นซึ่งไม่ได้อยู่ในตระกูล coronavirus ที่ใกล้เคียงที่สุด "มันค่อนข้างยากที่ไวรัสจะได้รับส่วนแทรกแบบพิเศษดังกล่าว ตามธรรมชาติในช่วงเวลาสั้น ๆ " แต่สามารถพบได้ในการระบุเซลล์และโปรตีนที่จับกับพังผืดที่อยู่ในจีโนม HIV

[เนื่องจากโปรตีน S ของ 2019-nCoV แบ่งปันบรรพบุรุษที่ใกล้เคียงที่สุดกับโรคซาร์ส GZ02 จึงมีการเปรียบเทียบลำดับการเข้ารหัสโปรตีนสไปค์ของไวรัสทั้งสองนี้โดยใช้ซอฟต์แวร์ MultiAlin เราพบส่วนแทรกใหม่สี่อย่างในโปรตีนของ 2019-nCoV-“ GTNGTKR” (IS1),“ HKNNKS” (IS2),“ GDSSSG” (IS3) และ“ QTNSPRRA” (IS4) (รูปที่ 2) ด้วยความประหลาดใจของเราส่วนแทรกลำดับเหล่านี้ไม่เพียง แต่ขาดในโปรตีน S ของโรคซาร์สเท่านั้น แต่ยังไม่พบในสมาชิกตัวอื่น ๆ ของตระกูล Coronaviridae (รูปเพิ่มเติม) นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจเพราะมันค่อนข้างยากสำหรับไวรัสที่จะได้มาซึ่งส่วนแทรกตัวที่ไม่เหมือนใครตามธรรมชาติในช่วงเวลาสั้น ๆ

พบว่ามีส่วนแทรกอยู่ในลำดับจีโนมทั้งหมดของไวรัส 2019-nCoV ที่มีอยู่ในไอโซเลตทางคลินิกล่าสุด หากต้องการทราบแหล่งที่มาของส่วนแทรกเหล่านี้ใน 2019-nCoV การจัดตำแหน่งแบบโลคอลนั้นใช้ BLASTp โดยใช้ส่วนแทรกเหล่านี้เป็นแบบสอบถามที่มีจีโนมของไวรัสทั้งหมด โดยไม่คาดคิดส่วนแทรกทั้งหมดนั้นสอดคล้องกับ Human immunodeficiency Virus-1 (HIV-1) การวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่าลำดับที่สอดคล้องของ HIV-1 กับ 2019-nCoV มาจากพื้นผิว glycoprotein gp120 (ตำแหน่งลำดับกรดอะมิโน: 404-409, 462-467, 136-150) และจาก Gag โปรตีน (366-384 กรดอะมิโน) ( ตารางที่ 1) Gag โปรตีนของเอชไอวีมีส่วนร่วมในการผูกเมมเบรนของโฮสต์บรรจุภัณฑ์ของไวรัสและการก่อตัวของอนุภาคคล้ายไวรัส Gp120 มีบทบาทสำคัญในการรับรู้เซลล์โฮสต์โดยการผูกกับตัวรับหลัก CD4 การผูกนี้ทำให้เกิดการจัดเรียงโครงสร้างใหม่ใน GP120, สร้างไซต์ที่มีผลผูกพันสูง สำหรับ ตัวรับร่วม chemokine เช่น CXCR4 และ / หรือ CCR5]

และการมองเห็นบางอย่างซึ่งนำไปสู่ผู้เขียนกระดาษสรุปได้ว่า "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างนี้อาจเพิ่มช่วงของเซลล์โฮสต์ที่ 2019-nCoV สามารถติดเชื้อได้":

[ การสร้างแบบจำลอง 3 มิติของโครงสร้างโปรตีนแสดงให้เห็นว่าส่วนแทรกเหล่านี้มีอยู่ที่ไซต์ที่ผูกพันของ 2019-nCoV เนื่องจากการปรากฏตัวของ gp120 motifs ใน 2019-nCoV spike glycoprotein ที่ขอบเขตผูกพันเราเสนอว่าการแทรก motif เหล่านี้อาจให้ความสัมพันธ์ที่ดีต่อตัวรับเซลล์โฮสต์ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างนี้อาจเพิ่มช่วงของเซลล์โฮสต์ที่ 2019-nCoV สามารถติดเชื้อได้ เท่าที่ความรู้ของเราดีที่สุดหน้าที่ของลวดลายเหล่านี้ยังไม่ชัดเจนในเอชไอวีและจำเป็นต้องได้รับการสำรวจ การแลกเปลี่ยนวัสดุทางพันธุกรรมระหว่างไวรัสเป็นที่รู้จักกันดีและการแลกเปลี่ยนที่สำคัญดังกล่าวเน้นถึงความเสี่ยงและความจำเป็นในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลไวรัสที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง

[ภาพที่ 4]


สรุปการค้นพบครั้งนี้จัดทำขึ้นโดยดร. เฟยล์ล - ชิงซึ่งเป็นผู้อธิบายหัวข้อของเขาโดยชี้ให้เห็นว่าอัตราการส่งสัญญาณนอกประเทศจีนนั้นสูงกว่าอัตราภายในประเทศจีน

[
ดร. Eric Feigl-Ding
@DrEricDing
กราฟมีค่าหนึ่งพันตัวอักษร #coronavirus ที่มา: NYTimes https://www.nytimes.com/interactive/2020/world/asia/china-coronavirus-contain.html ...

[ภาพที่ 5]


2) ใคร - อัตราการเพิ่มขึ้นของ *** นอกประเทศจีน *** นั้นสูงกว่าภายในประเทศจีนหรือหวู่ฮั่น! รูปที่ 1A จาก:
@TheLancet
“ กำลังออกอากาศและพยากรณ์การแพร่กระจายในและต่างประเทศที่มีศักยภาพในปี 2019-nCoV http://bit.ly/2GF6gZP”)

[ภาพที่ 6]


3)“ มีคนประมาณ 75815 คนที่ติดเชื้อในหวู่ฮั่น” -> ซึ่งสูงกว่ารายงานปัจจุบันหรือสื่อจีนรายงาน ~ 10k ครั้ง (ประมาณ 75k จากบทความ Lancet ด้านบน)
ดร. Eric Feigl-Ding
@DrEricDing
·

4) ... ” ในเส้นทางปัจจุบัน 2019-nCoV อาจจะกลายเป็นโรคระบาดระดับโลกในกรณีที่ไม่มีการบรรเทา ... อย่างมีนัยสำคัญแม้มาตรการเข้มงวดที่ จำกัด การเคลื่อนย้ายประชากรควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังและทันทีในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ .. .””

5) สหรัฐอเมริกา
@CDCgov
ได้กักกันประชาชนชาวอเมริกันทั้งหมด 195 คนที่อพยพจากหวู่ฮั่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว - เป็นเวลา 14 วัน https://twitter.com/cdcgov/status/

6) BREAKING: ตอนนี้สหรัฐฯกล่าวว่าคนต่างชาติที่เดินทางไปประเทศจีนในช่วง 14 วันที่ผ่านมาจะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสั่งให้เป็นสิ่งต้องห้ามชั่วคราวสำหรับผู้ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของสหรัฐอเมริกา

16. ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ GENOME : รายงานฉบับใหม่ที่น่าสนใจอย่างมากในการตรวจสอบความลึกลับของเซกเมนต์กลางดังกล่าวที่มีโปรตีนขัดขวาง“ S”: น่าจะมาจากเชื้อเอชไอวี “ ความคล้ายคลึงกันของส่วนแทรกที่ไม่เหมือนใครใน 2019-nCoV spike protein กับ HIV-1 gp120 และ Gag” จาก https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.01.30.927871v1 …

[ภาพที่ 7]


17. ... WHOA- ผู้เขียนกล่าวว่าการค้นพบนี้เกี่ยวข้องกับยีนจากไวรัสเอชไอวีโดยไม่คาดคิด สะดุดตามีการแทรก 4 ยีน (ดูรูปข้างบนโพสต์ # 16) แล้วโปรตีนยีนเอชไอวีชนิดใดที่พบใน #coronarvirus ใหม่ Gag protein และ Gp120- โปรตีนเอชไอวีที่สำคัญ ...

18. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในSผู้เขียนกล่าวว่าการติดเชื้อเอชไอวี:“ โปรตีนปิดปากของเอชไอวีมีส่วนร่วมในการเชื่อมเมมเบรนของโฮสต์บรรจุภัณฑ์ของไวรัสและการก่อตัวของอนุภาคคล้ายไวรัส Gp120 มีบทบาทสำคัญในการจดจำเซลล์โฮสต์โดยเชื่อมโยงกับตัวรับสัญญาณหลัก CD4”

19. อีกครั้งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ค้นพบใหม่ที่เผยแพร่แล้วและยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยเพื่อน ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่หลักฐานชี้ให้เห็นว่ามียีนเอชไอวี 2 สายพันธุ์ที่แตกต่างกันอยู่ในภูมิภาคยีน #coronarvirus S (ที่ไม่ได้จับคู่กับ coronavirus อื่น ๆ ตามการศึกษาอื่น)

20. เพิ่มเติมผู้เขียนเสริมว่า“ นี่บ่งชี้ว่าการแทรกเหล่านี้ได้มาโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดย 2019-nCoV ให้มันมีความอยู่รอดและความได้เปรียบการติดเชื้อเพิ่มเติม จากการเจาะลึกเราพบว่าการแทรกเหล่านี้คล้ายคลึงกับ HIV-1” 

21. กองกระดาษบน:“ การแทรกเหล่านี้มีอยู่ในไซต์รวมของ 2019-nCoV เนื่องจากการมี gp120 motifs ในปี 2019-nCoV spike glycoprotein ที่โดเมนรวมของมันเราจึงเสนอว่าการแทรก motif เหล่านี้อาจให้ความสัมพันธ์ที่ดีต่อตัวรับเซลล์โฮสต์”

22. ผู้เขียน dunked ข้อสรุปสุดท้ายนี้: "ความคล้ายคลึงกันที่แปลกประหลาดของส่วนแทรกใหม่ใน2019 - nCoV มีการ spike proteinกับ HIV-1 gp120 และ Gag ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" ว้าวพวกเขาแน่ใจว่าตรงไปที่นั่น! เป็นกระดาษหนา ... ฉันไม่รู้จะพูดอะไร

[ภาพที่ 8]


]

[Anand Ranganathan

✔ @ ARanganathan72

กำลังตอบกลับถึง @fondoflinux

แน่ใจ 2019-nCoV เป็นไวรัส RNA + veand ที่เข้าสู่เซลล์มนุษย์และเข้ารหัส RNA-replicase เป็นครั้งแรกเพื่อสร้าง -ve stranded RNA ที่ทำหน้าที่เป็นแม่แบบในการสร้าง + ve Strand RNA ที่ถูกแปลสำหรับลูกแบบ nCoV (daughter nCoV).ยา Lopinavir และ Remdesivir กำหนดเป้าหมายป้องกันตัวเองและจำลองของมัน


]

จนกว่าฉันจะรู้ว่ามีอะไรรบกวน

[โอ้พระเจ้า นักวิทยาศาสตร์อินเดียเพิ่งค้นพบการแทรกตัวของเชื้อไวรัส (HIV) ในไวรัส 2019-nCov ที่ไม่พบใน coronavirus อื่น ๆ พวกเขาบอกใบ้ถึงความเป็นไปได้ว่าไวรัสจีนตัวนี้ได้รับการออกแบบ ["ไม่ได้โชคดี"] น่ากลัวหากเป็นจริง Https://t.co/h6xPX1gYvj pic.twitter.com/kCpd1I00uE

- Anand Ranganathan (@ ARanganathan72) 31 มกราคม 2563
]


"น่ากลัว" ... แต่ผ่อนคลายมันเป็นเพียงการสมรู้ร่วมคิดที่ไร้สาระอีกอย่าง "

stranded RNA that serves a template to make +ve strand RNA that is then translated for daughter nCoV. Drugs Lopinavir and Remdesivir target its protease and replicase.

Coronavirus Contains "HIV Insertions", Stoking Fears Over Artificially Created Bioweapon
by Tyler Durden
Fri, 01/31/2020 - 17:35

Over the past few days, the mainstream press has vigorously pushed back against a theory about the origins of the coronavirus that has now infected as many as 70,000+ people in Wuhan alone (depending on whom you believe). The theory is that China obtained the coronavirus via a Canadian research program, and started molding it into a bioweapon at the Institute of Virology in Wuhan. Politifact pointed the finger at Zero Hedge, in particular, though the story was widely shared across independent-leaning media.

The theory is that the virus, which was developed by infectious disease experts to function as a bio-weapon, originated in the Wuhan-based lab of Dr. Peng Zhou, China's preeminent researcher of bat immune systems, specifically in how their immune systems adapt to the presence of viruses like coronavirus and other destructive viruses. Somehow, the virus escaped from the lab, and the Hunan fish market where the virus supposedly originated is merely a ruse.

Now, a respected epidemiologist who recently caught flack for claiming in a twitter threat that the virus appeared to be much more contagious than initially believed is pointing out irregularities in the virus's genome that suggests it might have been genetically engineered for the purposes of a weapon, and not just any weapon but the deadliest one of all.

In "Uncanny similarity of unique inserts in the 2019-nCoV spike protein to HIV-1 gp120 and Gag", Indian researchers are baffled by segments of the virus's RNA that have no relation to other coronaviruses like SARS, and instead appear to be closer to HIV. The virus even responds to treatment by HIV medications.

For those pressed for time, here are the key findings from the paper, which first focuses on the unique nature of 2019-nCoV, and then observe four amino acid sequences in the Wuhan Coronavirus which are homologous to amino acid sequences in HIV1:

[Our phylogentic tree of full-length coronaviruses suggests that 2019-nCoV is closely related to SARS CoV [Fig1].

In addition, other recent studies have linked the 2019-nCoV to SARS CoV. We therefore compared the spike glycoprotein sequences of the 2019-nCoV to that of the SARS CoV (NCBI Accession number: AY390556.1). On careful examination of the sequence alignment we found that the 2019- nCoV spike glycoprotein contains 4 insertions [Fig.2]. To further investigate if these inserts are present in any other corona virus, we performed a multiple sequence alignment of the spike glycoprotein amino acid sequences of all available coronaviruses (n=55) [refer Table S.File1] in NCBI refseq (ncbi.nlm.nih.gov) this includes one sequence of 2019-nCoV[Fig.S1]. We found that these 4 insertions [inserts 1, 2, 3 and 4] are unique to 2019-nCoV and are not present in other coronaviruses analyzed. Another group from China had documented three insertions comparing fewer spike glycoprotein sequences of coronaviruses . Another group from China had documented three insertions comparing fewer spike glycoprotein sequences of coronaviruses (Zhou et al., 2020).

We then translated the aligned genome and found that these inserts are present in all Wuhan 2019-nCoV viruses except the 2019-nCoV virus of Bat as a host [Fig.S4]. Intrigued by the 4 highly conserved inserts unique to 2019-nCoV we wanted to understand their origin. For this purpose, we used the 2019-nCoV local alignment with each insert as query against all virus genomes and considered hits with 100% sequence coverage. Surprisingly, each of the four inserts aligned with short segments of the Human immunodeficiency Virus-1 (HIV-1) proteins. The amino acid positions of the inserts in 2019-nCoV and the corresponding residues in HIV-1 gp120 and HIV-1 Gag are shown in Table 1.

The first 3 inserts (insert 1,2 and 3) aligned to short segments of amino acid residues in HIV-1 gp120. The insert 4 aligned to HIV-1 Gag. The insert 1 (6 amino acid residues) and insert 2 (6 amino acid residues) in the spike glycoprotein of 2019-nCoV are 100% identical to the residues mapped to HIV-1 gp120. The insert 3 (12 amino acid residues) in 2019- nCoV maps to HIV-1 gp120 with gaps [see Table 1]. The insert 4 (8 amino acid residues) maps to HIV-1 Gag with gaps.]

Why do the authors think the virus may be man-made? Because when looking at the above insertions which are not present in any of the closest coronavirus families, "it is quite unlikely for a virus to have acquired such unique insertions naturally in a short duration of time." Instead, they can be found in cell identification and membrane binding proteins located in the HIV genome.

[Since the S protein of 2019-nCoV shares closest ancestry with SARS GZ02, the sequence coding for spike proteins of these two viruses were compared using MultiAlin software. We found four new insertions in the protein of 2019-nCoV- “GTNGTKR” (IS1), “HKNNKS” (IS2), “GDSSSG” (IS3) and “QTNSPRRA” (IS4) (Figure 2). To our surprise, these sequence insertions were not only absent in S protein of SARS but were also not observed in any other member of the Coronaviridae family (Supplementary figure). This is startling as it is quite unlikely for a virus to have acquired such unique insertions naturally in a short duration of time.

The insertions were observed to be present in all the genomic sequences of 2019-nCoV virus available from the recent clinical isolates. To know the source of these insertions in 2019-nCoV a local alignment was done with BLASTp using these insertions as query with all virus genome. Unexpectedly, all the insertions got aligned with Human immunodeficiency Virus-1 (HIV-1). Further analysis revealed that aligned sequences of HIV-1 with 2019-nCoV were derived from surface glycoprotein gp120 (amino acid sequence positions: 404-409, 462-467, 136-150) and from Gag protein (366-384 amino acid) (Table 1). Gag protein of HIV is involved in host membrane binding, packaging of the virus and for the formation of virus-like particles. Gp120 plays crucial role in recognizing the host cell by binding to the primary receptor CD4.This binding induces structural rearrangements in GP120, creating a high affinity binding site for a chemokine co-receptor like CXCR4 and/or CCR5.]

And some visuals, which lead the paper authors to conclude that "this structural change might have also increased the range of host cells that 2019-nCoV can infect":

[3D modelling of the protein structure displayed that these insertions are present at the binding site of 2019-nCoV. Due to the presence of gp120 motifs in 2019-nCoV spike glycoprotein at its binding domain, we propose that these motif insertions could have provided an enhanced affinity towards host cell receptors. Further, this structural change might have also increased the range of host cells that 2019-nCoV can infect. To the best of our knowledge, the function of these motifs is still not clear in HIV and need to be explored. The exchange of genetic material among the viruses is well known and such critical exchange highlights the risk and the need to investigate the relations between seemingly unrelated virus families.]

A good recap of the findings was provided by Dr. Feigl-Ding, who started his explanatory thread by pointing out that the transmission rate outside China has surpassed the rate inside China

[Dr. Eric Feigl-Ding
@DrEricDing
A graph is worth a thousand letters. #coronavirus. Source: NYTimes https://www.nytimes.com/interactive/2020/world/asia/china-coronavirus-contain.html …

2) Whoa- the rate of increase ***outside of China*** is steeper than inside of China or Wuhan! Figure 1A. From:
@TheLancet
“Nowcasting and forecasting the potential domestic and international spread of 2019-nCoV http://bit.ly/2GF6gZP”)

3) “An estimated 75815 individuals have been infected in Wuhan” —> this is substantially higher than current reports or ~10k reports by China media. (75k estimate from above Lancet article)
Dr. Eric Feigl-Ding
@DrEricDing
·

4) ...”On the present trajectory, 2019-nCoV could be about to become a global epidemic in the absence of mitigation...substantial, even draconian measures that limit population mobility should be seriously and immediately considered in affected areas...”

5) The US
@CDCgov
has quarantined all 195 US citizens who were evacuated from Wuhan last week - for 14 days. https://twitter.com/cdcgov/status/

6) BREAKING: US now says any foreign national who traveled to China in last 14 days will be denied entry to the US. The President ordered that this would be a temporary ban on people who could pose a health threat to the US.

16. UPDATE ON GENOME : a very intriguing new paper investigating the aforementioned mystery middle segment w/ “S” spike protein: likely origin from HIV. “Uncanny similarity of unique inserts in the 2019-nCoV spike protein to HIV-1 gp120 and Gag” from https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.01.30.927871v1 …

17. ...WHOA- the authors said the finding was “Unexpectedly” related to genes from HIV virus. Notably there were 4 gene insertions (see figure in above post #16). And so, which HIV gene proteins were found in the new #coronarvirus? Gag protein and Gp120- key HIV proteins...

18. Notably, in S , authors say for HIVinsertions: “Gag protein of HIV is involved in host membrane binding, packaging of the virus and for the formation of virus-like particles. Gp120 plays crucial role in recognizing the host cell by binding to the primary receptor CD4”

19. Again, these are new express published findings and not peer reviewed yet. Let’s not draw conclusions yet. But evidence suggest that 2 different HIV genes are present in the #coronarvirus S gene region (that didn’t map to any other coronavirus, according to other studies).

20. Further the authors add that “This indicates that these insertions have been preferably acquired by the 2019-nCoV, providing it with additional survival and infectivity advantage. Delving deeper we found that these insertions were similar to HIV-1.”

21. Paper piles on: “these insertions are present at binding site of 2019-nCoV. Due to presence of gp120 motifs in 2019-nCoV spike glycoprotein at its binding domain, we propose that these motif insertions could have provided an enhanced affinity towards host cell receptors.”

22. The authors dunked this final conclusion: “This uncanny similarity of novel inserts in the 2019- nCoV spike protein to HIV-1 gp120 and Gag is unlikely to be fortuitous”. Wow, they sure just went straight there! What a bold paper... I don’t know what to say ‍♂️
]

[
Anand Ranganathan
✔
@ARanganathan72
Replying to @fondoflinux
Sure. 2019-nCoV is a +ve strand RNA virus that enters human cell and first encodes its RNA-replicase to make -ve stranded RNA that serves a template to make +ve strand RNA that is then translated for daughter nCoV. Drugs Lopinavir and Remdesivir target its protease and replicase.
]

Until he realized something disturbing.

[Oh my god. Indian scientists have just found HIV (AIDS) virus-like insertions in the 2019-nCov virus that are not found in any other coronavirus. They hint at the possibility that this Chinese virus was designed ["not fortuitous']. Scary if true. https://t.co/h6xPX1gYvj pic.twitter.com/kCpd1I00uE

— Anand Ranganathan (@ARanganathan72) January 31, 2020]

"Scary"... but relax, it's just another ridiculous "conspiracy."

https://www.zerohedge.com/geopoliti...pSNO9nZEqwKWoq2LSJDN34xKVaeFRUHBmepJ8tQvcAJ1c