ติดตามสถานะการณ์

(Jan 30) แจ็ค หม่า’ ทุ่มเงินพัฒนาวัคซีนไวรัสโคโรน่า : แจ็ค หม่า เจ้าของอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน ให้การสนับสนุนเงิน 100 ล้านหยวน(ประมาณกว่า 400 ล้านบาท) ผ่านมูลนิธิแจ็ค หม่าเพื่อให้นำไปพัฒนาวัคซีนรับมือไวรัสโคโรน่า ที่กำลังระบาดหนักในจีนและทั่วโลกขณะนี้
มูลนิธิแจ็คหม่า ระบุว่า มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในจีนคนนี้ ได้จัดสรรเงิน 40 ล้านหยวน( ประมาณ 5.8 ล้านดอลลาร์) ให้กับองค์กรวิจัยของรัฐบาลจีน 2 แห่ง และบริจาคเงินอีก 60 ล้านหยวนเพื่อให้นำไปใช้ในการสนับสนุนการป้องกันและบำบัดรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
เมื่อวันเสาร์(25ม.ค.) บริษัทอาลีบาบา ให้เงินบริจาค 1,000 ล้านหยวน (ประมาณ 144 ล้านดอลลาร์) เพื่อให้นำไปใช้ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ส่งไปยังเมืองอู่ฮั่น และทั่วมณฑลหูเป่ย์ ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ทั้งยังมอบคอมพิวเตอร์ พร้อมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)เพื่อช่วยทีมนักวิทยาศาสตร์ในจีนค้นหาวิธีการรักษาโรคปอดอักเสบจากไวรัสชนิดนี้ ที่ทำให้มีผู้คนในจีนแผ่นดินใหญ่เสียชีวิตกว่า100 คน และมีผู้ติดเชื้อกว่า 6,000 คนในขณะนี้
ขณะนี้ คุณนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐ จีนและอีกหลายประเทศต่างเร่งมือพัฒนาวัคซีนเพื่อรับมือไวรัสโคโรน่า แต่นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ ประเมินว่าอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี ในการพัฒนาวัคซีนพร้อมใช้
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
-Jack Ma donates $14 million to develop coronavirus vaccine:
https://www.cnn.com/2020/01/29/business/jack-ma-coronavirus-vaccine/index.html

 

เรื่องเล่าสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าชนิดใหม่ในญี่ปุ่น: ชาวญี่ปุ่นตื่นตัว แห่ซื้อหน้ากากอนามัย โดยหลายห้าง "จำกัดการซื้อต่อคน เพื่อลดการกักตุน" และสถานการณ์ล่าสุด ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อ 11รายแล้ว โดย3รายล่าสุด คือคนที่อพยพไปกับเที่ยวบินเหมาลำ
.
พอดีเพื่อนอ้ายจงอยู่ที่ญี่ปุ่น โพสต์เล่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนาพันธุ์ใหม่ที่นั่น คนญี่ปุ่นเขาก็ตื่นตัวกันมากเหมือนกัน โดยเฉพาะหลังจากที่ทีวีออกข่าว คนขับรถบัสนำเที่ยวทัวร์จีนซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น ติดเชื้อไวรัสโคโลน่า ทำให้ทุกคนตื่นตัวเรื่องการติดเชื้อจากคนสู่คน และพากันไปซื้อหน้ากากอนามัย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่อ้ายจงชอบจากเรื่องราวที่เพื่อนอ้ายจงเล่า คือ "ที่ห้างแห่งนี้ มีการจำกัดจำนวนการซื้อต่อคน คือดีมากๆอะ จะได้ไม่มีคนกักตุนจนเกินไป"
ทั้งนี้ สถานการณ์ล่าสุด มีคนติดเชื้อในญี่ปุ่นแล้ว 11ราย โดย3รายล่าสุดเป็นคนที่เพิ่งอพยพออกจากอู่ฮั่นโดยเครื่องบืนเหมาลำของรัฐบาลญี่ปุ่น ตามการรายงานของสื่อจีน 人民日报 (People's Daily)
---
ขอขอบคุณรูปภาพจาก คุณลิลลี่สุดสวย เพื่อนอ้ายจง ^^
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

ผมลงข่าวเป็นประจำและก็อาจไม่เคยเห็นข่าวที่บอกว่าชาวหวู่ฮั่น ออกจากเมืองมาประเทศไทย 5 ล้านคน แต่พอมาเห็นข่าวคือมีการออกมาบอกว่ามีข่าวแบบนี้ และเป็นข่าวปลอม ซึ่งผมว่าไม่มีคนทั่วไปเขาเชื่ออยู่แล้ว เพราคนหวู่ฮั่นถึง ออกจากประเทศ 5 ล้าน แล้วจะมาประเทศไทยที่เดียวประเทศอื่น ไม่ไปบ้างหรือและก็มีคนเอาประเด็นนี้มาใช้ หาว่ามีการปล่อยข่าวปลอม ซึ่งจริงๆ ก็ปลอมน่ะแหละ มาใช้ และถ้าผมเข้าใจไม่ผิดว่าต้องการสร้างความปั่นป่วน พวกคุณควรเลิกพฤติกรรมแบบนี้ได้แล้ว ทำแบบนี้ไปทำไม
-----------
เปิดความจริงการแถลงข่าวของนายกเมืองอู่ฮั่น "มีการพูดตัวเลข5ล้านออกนอกอู่ฮั่นจริงหรือไม่?" และ "จริงไหม? ที่พูดว่าออกนอกประเทศหรือมาไทยเป็นเป้าหมายหลัก "
ที่นี่มีคำตอบ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

“เมื่อเทียบกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่ผ่านมา ไวรัสโคโรน่าคือหนังเรื่องยาว ฉากแรกเพิ่งจะเริ่มที่จีน ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น และไปถึงจุดพีคในเวลา 6-9 เดือนนับจากนี้”
....
เผยข้อมูลผู้ป่วยจากจีน ตัวเลขเฉพาะ "ผู้ที่มีอาการรุนแรง"
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข้อมูลที่มีขณะนี้ยังตอบได้ยาก และยังมีหลายกระแส ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลจากจีนเป็นหลัก โดยขณะนี้มีผู้ป่วยเข้ามาประมาณ 5 พันคน เสียชีวิตเกือบ 200 ราย อาจรู้สึกค่อนข้างสูง แต่ตัวเลขนี้ก็นับเฉพาะผู้ที่มีอาการรุนแรง เหมือนเป็นยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะเท่าที่ทราบจีนไม่ได้เฝ้าระวังและติดตามคนไข้อาการน้อย หรือไม่มีอาการ เพราะตรวจเฉพาะคนอาการรุนแรง ผู้ป่วยที่มีอาการน้อยไม่รุนแรงมีเท่าไร
อัตราการเสียชีวิต ประมาณ 2 ต่อ 1,000
"ขณะนี้เป็นตัวเลขคาดการณ์เท่านั้น ก็มีบางหน่วยงานคาดการณ์ว่าอาจจะมีประมาณแสนคน หากอนุมานจากตัวเลขนี้อัตราเสียชีวิตก็จะประมาณ 2 ต่อ 1,000 แต่ทุกอย่างยังเป็นการคาดเดา คิดว่าคงไม่สูง 2-4% เหมือนที่จีนบอกแต่แรก แต่ทั้งนี้ ขึ้นกับนักวิทยาศาสตร์จะพยากรณ์แม่นแค่ไหน
ชี้การระบาดอาจใช้เวลา 6-9 เดือนไปถึงจุดพีค
เมื่อถามถึงการเฝ้าระวังโรคนี้ จะใช้เวลาอีกมานานเท่าใด นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ ใช้เวลาระบาดประเทศใดประเทศหนึ่งใช้เวลา 6-9 เดือน จะเข้าสู่จุดสูงสุดหรือจุดพีคที่มีผู้ป่วยมากที่สุด จากนั้นจะคงที่และรอวันลดลง และจะระบาดเป็นช่วงๆ
ชี้เป็นช่วง"ขาขึ้น"ดูยาวๆ เรื่องนี้หนังชีวิตแน่นอน
สำหรับประเทศจีนขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น และเดือนม.ค.เป็นเดือนแรก เรื่องนี้หนังชีวิตแน่นอน อยากให้ใจเย็น อีกนานกว่าสถานการณ์ในจีนดีขึ้น ส่วนการใช้มาตรการปิดเมือง ห้ามคนออกมานอกบ้านนั้นทำแค่ไม่กี่เมือง แต่การระบาด หากดูจากแผนที่ไปมากกว่า 1 จังหวัด ก็จะค่อยๆ แพร่ระบาดในจังหวัดอื่นๆ ไป ถ้ามาตรการดี ไม่ได้แปลว่า จะหยุดเร็วลง แต่จะยืดระยะเวลาออกไป การทำงานได้ดี ระยะเวลากว่าจะถึงช่วงพีคจะช้าลง หมายถึงเราสามารถชะลอการระบาดได้ ซึ่งจะมีผลดี คือ ชะลอจำนวนผู้ป่วยไปที่ออกันที่โรงพยาบาล แทนที่จะมีวันละพันคนก็อาจจะมีแค่ร้อยคน บุคลากรโรงพยาบาลก็ทำงานง่ายขึ้น ประสิทธิภาพการดูแลรักษาพยาบาลก็ดีมากขึ้น
ทุกประเทศมีความเสี่ยง"แพร่ระบาด"ในประเทศ
"ประเทศใดๆ ก็ตามที่เริ่มมีการแพร่กระจายโรค ถ้าไม่สามารถนำกลับไปสู่จุดที่ไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศได้ และการแพร่ระบาดจะค่อยๆ เดินต่อไปอาจใช้ 6-9 เดือน หรือยาวนานกว่านั้นถ้าฝีมือเราดีกว่าที่จะพีค สำหรับทุกประเทศและไทยเราก็เตรียมการไปในทิศทางนั้น เพราะนับวันสถาบันด้านการสาธารณสุขจะยิ่งออกมาพยากรณ์สอดคล้องกันเรื่อยๆ ว่า ทุกประเทศมีความเสี่ยงระดับปานกลางที่จะมีผู้ป่วยแพร่กระจายของโรคในประเทศ แม้กระทั่งสหภาพยุโรป แม้แต่รายงานของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหภาพยุโรป หรือยูโรซีดีซีก็พยากรณ์ว่า ยุโรปอาจมีการแพร่ระบาดได้"
เมื่อถามถึงกรณีหน้ากากอนามัยขาดแคลน นพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้ทุกคนให้ความสนใจและความสำคัญเรื่องหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นเรื่องดี โดยสามารถใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าได้ หากไม่ป่วย เพราะสามารถซักได้ ใช้ซ้ำได้ ส่วนคนป่วยก็ใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ประกาศแล้วว่า จะให้กรมการค้าภายในควบคุมราคา ก็มั่นใจว่าจะมีการช่วยดูแลให้มีเพียงพอ

 

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ยืนยันว่า ที่ผ่านมาดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อดูแลคนไทยในพื้นที่ #ไวรัสโคโรน่า #ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

 

Cr. สมาชิกท่านหนึ่ง
โอ้วว ญี่ปุ่นที่ทำให้ชาวโลกทึ่งอยู่เสมอ วันนี้ผมก็ทึ่งกับพวกเขาอีกแล้ว พวกเขาคือสุดยอดของมนุษย์ นักจัดการ ตัวจริงเสียงจริง เวลาประมาณ 08.40 นาฬิกา เที่ยวบิน NH1952 ได้เดินทางมาถึงสนามบินฮาเนดะแล้วครับ
โดยเที่ยวบินแรกนี้มีชาวญี่ปุ่น 206 คนที่เดินทางกลับบ้าน แต่ที่อยากให้ดูมากที่สุดคือการทำงานและระบบการจัดการของพวกเขามากกว่านะครับ ตั้งแต่การนัดหมายมาพบกันที่จุดนัดพบ เช็คชื่อแล้วขึ้นรถบัสออกมาจากสถานกงสุลเมืองอู่ฮั่น แล้วเดินทางไปสนามบิน ✈️✈️✈️
ข่าวรายงานว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นเที่ยวบินพิเศษก็ตามแต่ก็มีการเช็คอินทีละคนตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นจะเรียกชื่อผู้โดยสารทีละคน แล้วตรวจสุขภาพเบื้องต้น แจกหน้ากาก ถุงมือ อุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรค แจกเอกสารให้กรอก แจกอาหารยังชีพฉุกเฉิน แล้วเช็คอินสัมภาระ เห็นไหมครับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอนในการจัดการที่สนามบิน แสดงว่าระบบการต่างประเทศของพวกเขามีประสิทธิภาพสูงมากจริงๆนั่นแหละ
หลังจากนั้นทุกคนขึ้นเครื่องบินจะมีการตรวจสุขภาพ ตรวจหาเชื้อโรคอีกครั้งทีละคนๆอย่างละเอียด ปรากฎว่ามีสองคนที่มีอาการไข้และไอ สองคนที่มีไข้จะถูกจัดให้นั่งในส่วนห้องที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษบนเครื่องบิน ทีนี้มาดูการจัดการที่สนามบินกันบ้าง มีการจัดเตรียมประตูพิเศษในสนามบินเพื่อไม่ให้ปะปนกับผู้โดยสารทั่วไป และมีการจัดเตรียมรสบัสหลายคันเพื่อนำทุกคนไปที่โรงพยาบาลทันที
มีรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมเจ้าหน้าที่อีก 12 คันเตรียมพร้อมเรียบร้อยที่บริเวณจุดพิเศษของสนามบิน ส่วนคนที่ไม่กลับบ้านก็มี ผู้ชายญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ไม่กลับบ้านได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกขอบคุณรัฐบาลที่มารับแต่เขากลัวว่าถ้ากลับญี่ปุ่นก็ต้องเจอกับครอบครัว เขาไม่อยากทำให้ครอบครัวไม่สบายใจเพราะเกรงว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นตัวแพร่เชื้อไปเสียเอง หลายๆคนจึงเลือกที่จะอยู่ต่อนะครับ
อนึ่ง นอกจากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้จัดเตรียมชุดอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคคุณภาพสูงหลายหมื่นชุดบรรทุกใส่เครื่องบินไปช่วยชาวจีนอีกด้วย ✈️ ✈️✈️✈️
* ส่วนตัวผมคิดว่าที่รัฐบาลจีนยอมให้ญี่ปุ่นนำคนของตัวเองกลับบ้านก็น่าจะมีเหตุผลมาจากความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลญี่ปุ่นน่าจะรับมือได้ดีนั่นแหละครับ *
#新型コロナウイルス対応2020
#การรับมือเชื้อไวรัสโคโรน่าของญี่ปุ่น2020
https://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20200129-00010001-abema-soci

 

https://www.tmd.go.th/earthquakeglob.php?id=18532

 

The Great Shift

5.5 (6.5) ทะเล Moluccan ลิสต์แผ่นดินไหวจำนวนมากจาก ขนาด 6+ และ ขนาด 7+ และที่ผิดพลาด ขนาด "11" อีกคู่หนึ่ง เช่นวันอื่น ๆ

5.5 (6.5) Moluccan Sea. Lots of listings of 6+ and 7+ and another pair of "11” errors, like the ones the other day.

 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันจีนมาไทยรวม 930,965 คนไม่ใช่ 5 ล้านคน โดยเดินทางกลับแล้ว 703,574 คน ตกค้าง 227,391 คน ขณะที่ยังให้ผ่อนผันยกเว้นการเก็บค่าปรับคนจีน ที่ยังอยู่ในไทยยังกลับประเทศไม่ได้จากปัญหา #ไวรัสโคโรนา #ThaiPBSnews

 

เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ได้ยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่ปรากฏอาการใด ๆ 2 คนแรกในญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่กล่าวว่า การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ไม่ปรากฏอาการใด ๆ นั้นถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นนอกประเทศจีน
ทางกระทรวงยืนยันว่า ตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในบรรดาผู้อพยพจากเมืองอู่ฮั่นของจีน 3 คน
ทั้ง 3 คนนี้เป็นผู้โดยสารในบรรดา 206 คนซึ่งโดยสารเครื่องบินที่รัฐบาลญี่ปุ่นเช่าเหมาลำเพื่อเดินทางกลับมาญี่ปุ่นเมื่อวันพุธที่ 29 มกราคม
ชายคนหนึ่งวัย 40 ปีเศษและหญิงคนหนึ่งวัย 50 ปีเศษ ไม่ได้แสดงอาการติดเชื้อใด ๆ แต่ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสของพวกเขาเป็นบวก
ชายอีกคนหนึ่งวัย 50 ปีเศษรายงานว่าเขารู้สึกเจ็บคอและต่อมาก็มีไข้ ก่อนที่ผลตรวจจะออกมาเป็นบวก
ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในญี่ปุ่นอยู่ที่ 11 คน
ทั้งนี้ ผู้โดยสารอีก 201 คนจากเที่ยวบินเดียวกันตรวจไม่พบเชื้อไวรัสดังกล่าว ขณะที่ผู้โดยสาร 2 คนปฏิเสธที่จะเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงระบุว่าจะยังคงโน้มน้าวให้ผู้โดยสารทั้ง 2 คนเข้ารับการตรวจ
ทางกระทรวงระบุว่า การยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อ 2 รายที่ไม่เคยเดินทางไปเมืองอู่ฮั่นนั้นได้พิสูจน์ว่ามีการติดเชื้อจากคนสู่คนเกิดขึ้นในญี่ปุ่น
ทว่าทางกระทรวงเรียกร้องให้สาธารณชนอย่าวิตกกังวลจนเกิดเหตุ เนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นยังไม่แพร่กระจายในวงกว้าง
รับชมภาพประกอบข่าวได้จากลิงก์นี้
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20200130_37/
ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

The Great Shift

ลมเหนือและใต้
เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ : |

Surface winds, North and South.
Getting ever stronger. :|

 

The Great Shift

ความสับสนวุ่นวายของลมกรดและการไหลย้อนกลับดำเนินต่อไปและแย่ลง ...

Jet chaos and reverse flow continues and worsens...

 

The Great Shift

การไหลลมกรดขั้วโลกเหนือย้อนกลับ!

ลมกรดขั้วโลกเหนือกำลังดึงออกมาจากกระแสขั้วโลกใต้และหวนกลับลมในทางกลับกัน!

REVERSE NORTH POLAR VORTEX FLOW!
North Polar vortex is drawing from the south polar stream and returning wind in REVERSE!

 

แสงแห่งความหวัง
Three Drugs Fairly Effective on Novel Coronavirus at Cellular Level
• สำนักข่าว China Xinhua News รายงานว่า...นักวิจัยชาวจีนพบยาที่มีอยู่ 3 ชนิด ที่มีผลยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCov) ค่อนข้างดีในระดับเซลล์ ได้แก่
❶ คลอโรควิน (Chloroquine)
❷ เรมเดซิเวียร์ (Remdesivir)
❸ ริโทนาเวียร์ (Ritonavir)
• ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเพื่อรับการอนุมัติในการใช้ทางการแพทย์
• การค้นพบดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือโดยนักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร และสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ภายใต้สถาบันวิทยาศาสตร์ของจีน
• ก่อนหน้านี้ นักวิจัยจากสถาบันเครื่องยาแห่งเซี่ยงไฮ้ Shanghai Institute of Materia Medica ภายใต้สถาบันวิทยาศาสตร์ของจีนเช่นกัน และมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เทค ร่วมกันคัดเลือกยาที่มีอยู่ ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพ และยาแผนโบราณจีน ทั้งหมด 30 ชนิด ซึ่งอาจมีผลทางการรักษาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
• ยาที่ผ่านการคัดเลือกประกอบด้วย ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี 12 ชนิด ได้แก่
❶ คาร์ฟิลโซมิบ (Carfilzomib)
❷ อินดินาเวียร์ (Indinavir)
❸ โลปินาเวียร์ (Lopinavir)
❹ ซาควินาเวียร์ (Saquinavir)
• ยาต้านเชื้อไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus ที่ก่อโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ จำนวน 2 ชนิด ยาต้านโรคจิตเภท ยากดภูมิคุ้มกัน และยาตามแพทย์จีน เช่น ผักไผ่ญี่ปุ่น หรือ Polygonum Cuspidatum
• นับตั้งแต่การระบาดของเชื้่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มีต้นตอจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ตอนกลางของจีน คณะนักวิจัยที่นำโดยสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ดำเนินการวิจัย 5 อย่าง ได้แก่
❶ ผลิตภัณฑ์ที่ตรวจโรคอย่างรวดเร็ว
❷ ยาหรือวัคซีนต้านไวรัส
❸ การวิจัยตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของสัตว์
❹ ตลอดจนการวิจัยสาเหตุของโรค
❺ ระบาดวิทยา (Epidemiology)
• คณะนักวิจัยที่นำโดย Shi Zhengli นักไวรัสวิทยาผู้มีชื่อเสียงแห่งสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น กล่าวว่า...เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจมีต้นกำเนิดในค้างคาว
• คณะนักวิจัยสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นยังพัฒนากระดาษทดสอบแอนติบอดี สำหรับการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCov)
• บรรณานุกรม :
Credit : http://www.xinhuanet.com/english/2020-01/30/c_138742163.htm

 

Setiawan

ทุกอย่างเกี่ยวกับ Coronavirus เรื่องในหวู่ฮั่นพื้นที่ 28 มกราคม 2563
ผู้ที่ตื่นตระหนกกับปัญหาการขาดแคลนอาหารหน้ากากและความเร็วในการแพร่กระจายของไวรัสที่รุนแรงมาก
It's all about Coronavirus story in Wuhan area Jan28 2020
People who panic of food shortage, mask shortage, and the spreading speed of virus that are very extreme.

 

Setiawan

คาซัคสถาน 28 มกราคม 2020

 

#สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับ...#จุดความร้อน (Hot Spot)
.
ช่วงนี้บ้านเมืองเราในหลายพื้นที่ยังคงเกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง กลุ่มควันปกคลุมเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด พอจะเข้าไปเช็คจุดความร้อนที่แนะนำไว้ในบทความก่อนหน้านี้ (http://bit.ly/2OalZnU) แต่มันเกิดอะไรขึ้นกับจุดความร้อน! ทั้งๆที่เป็นข้อมูลวันเดียวกัน แต่บางคนอ่านได้หลักร้อย บางคนอ่านได้หลักพัน สรุปจะเชื่อจากแหล่งไหนกันแน่ ก่อนอื่นอยากจะบอกว่า ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งหัวร้อนนะครับ เดี๋ยวบทความนี้เราจะมาขยายความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาของจุดความร้อนกัน
.
#จุดความร้อน (Hot Spot) คืออะไร ? >> จุดความร้อน พูดง่ายๆก็คือ จุดที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลก ซึ่งส่วนมากก็คือความร้อนจากไฟ แสดงในรูปแบบแผนที่เพื่อนำเสนอตำแหน่งที่เกิดไฟในแต่ละพื้นที่แบบคร่าวๆ การได้มาซึ่งข้อมูลจุดความร้อนอาศัยหลักการที่ว่า ดาวเทียมสามารถตรวจวัดคลื่นรังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนที่เกิดจากไฟ (อุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียส) บนพื้นผิวโลก จากนั้นก็ประมวลผลแสดงในรูปแบบจุด ซึ่งปัจจุบันทุกคนสามารถตรวจสอบจุดความร้อนเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองจากเว็บไซต์เหล่านี้ (http://bit.ly/2OalZnU)
.
#ดาวเทียมดวงไหนบ้างที่สามารถตรวจวัดรังสีความร้อนได้ ? >> ปัจจุบันมีดาวเทียมหลายดวงที่สามารถตรวจวัดรังสีความร้อนได้จากหลากหลายประเทศ สำหรับบทความนี้ขอยกตัวอย่างกลุ่มดาวเทียมที่เป็นที่นิยม ได้แก่ ดาวเทียม Terra ดาวเทียม Aqua ดาวเทียม Suomi-NPP และดาวเทียม NOAA-20 ซึ่งในบรรดา 4 ดวงนี้ ก็จะแบ่งเป็น 2 เซนเซอร์หลักที่ใช้เพื่อการตรวจวัดรังสีความร้อน ได้แก่ เซนเซอร์ MODIS (ติดตั้งบนดาวเทียม Terra และ Aqua) และเซนเซอร์ VIIRS (ติดตั้งบนดาวเทียม Suomi-NPP และ NOAA-20)
.
#จุดความร้อนที่ได้จากเซนเซอร์ #MODIS และ #VIIRS #เหมือนหรือต่างกัน ? #อย่างไร ? >> ต่างกันที่ขนาดจุดภาพ (Pixel) โดยเซนเซอร์ MODIS มีขนาดจุดภาพ 1 กิโลเมตร เท่ากับว่าครอบคลุมพื้นที่ 1x1 กิโลเมตร หรือ 1,000 x 1,000 เมตรบนพื้นโลกจริง ส่วนเซนเซอร์ MODIS มีขนาดจุดภาพ 375 เมตร ก็เท่ากับว่าครอบคลุมพื้นที่ 375 x 375 เมตรบนพื้นโลกจริง
.
#ขนาดจุดภาพที่ต่างกันส่งผลอะไรบ้าง ? >> ส่งผลให้จำนวนจุดความร้อนต่างกัน ทั้งๆที่บันทึกข้อมูลในพื้นที่ขอบเขตเท่ากันและช่วงเวลาเดียวกัน โดยถ้าลองนับจำนวนจุดความร้อนในพื้นที่เดียวกันจากทั้ง 2 เซนเซอร์ จำนวนจุดความร้อนที่ได้จากเซนเซอร์ VIIRS จะมากกว่าจำนวนจุดความร้อนที่ได้จากเซนเซอร์ MODIS ประมาณ 3 เท่าตัว ดังนั้นจำเป็นต้องระบุเสมอว่า จำนวนจุดความร้อนที่กำลังพูดถึงนั้นมาจากเซนเซอร์อะไรเพื่อป้องกันการนำไปเปรียบเทียบต่างเซนเซอร์กัน แล้วจะตกอกตกใจไปกันใหญ่
.
ให้เหตุผลเพิ่มเติมครับ เนื่องจากเซนเซอร์ MODIS (ขนาดจุดภาพ 1 กิโลเมตร) ตรวจวัดตำแหน่งที่เกิดไฟไหม้ภายในพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร แล้วประมวลผลเป็น 1 จุดความร้อน หรือถ้ามีตำแหน่งไฟไหม้มากกว่า 1 จุดภายในพื้น 1 ตารางกิโลเมตรเดียวกัน ก็จะนับเป็น 1 จุดความร้อนเช่นกัน ส่วนเซนเซอร์ VIIRS (ขนาดจุดภาพ 375 เมตร หรือขนาดที่ละเอียดกว่า MODIS) จะตรวจวัดตำแหน่งไฟไหม้ได้ละเอียดกว่า ก็คือจะนับตำแหน่งไฟไหม้ที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่ 375 x 375 เมตร เป็น 1 จุดความร้อน หรือไม่ว่าจะมีกี่ตำแหน่งไฟไหม้ในพื้นที่ 375 ตารางเมตร ก็จะนับแค่ 1 จุดความร้อน ทำให้ในขนาดพื้นที่เท่ากันจำนวนจุดความร้อนจากเซนเซอร์ VIIRS มากกว่าเซนเซอร์ MODIS เสมอนั่นเองครับ
.
#ทำไมต้องออกแบบขนาดจุดภาพให้แตกต่างกัน ? >> ด้วยการออกแบบเซนเซอร์ MODIS สามารถตรวจวัดไฟที่มีขนาดใหญ่ประมาณ 100 x 100 เมตรขึ้นไปในพื้นที่จริง หากมีกลุ่มไฟที่ขนาดเล็กกว่านี้ ก็ไม่สามารถตรวจวัดได้ ดังนั้นเซนเซอร์ VIIRS จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตรวจวัดตำแหน่งกลุ่มไฟไหม้ได้ละเอียดกว่าหรือที่มีขนาดเล็กกว่า อีกทั้งประสิทธิภาพในการตรวจวัดกลุ่มไฟในตอนกลางคืนที่ดีกว่าอีกด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับพี่ๆนักผจญเพลิงที่ต้องเข้าไปจัดการกับไฟกลุ่มเล็กๆก่อนที่มันจะขยายพื้นที่กลายเป็นกลุ่มไฟขนาดใหญ่เกินที่จะควบคุมได้ ดังนั้นข้อมูลจุดความร้อนที่ได้จากเซนเซอร์ MODIS จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการประเมินสถานการณ์และวางแผนควบคุมไฟป่าในภาพรวมมากกว่า
.
#ความถี่ของการบันทึกข้อมูลจุดความร้อนเป็นอย่างไร >> ดาวเทียม Terra, Aqua, Soumi-NPP และ NOAA-20 มีวงโคจรที่คล้ายกันคือโคจรผ่านประเทศไทยวันละ 2 รอบ แบ่งเป็นช่วงกลางวันและช่วงกลางคืนของแต่ละดวง (เวลาที่ดาวเทียมแต่ละดวงโคจรผ่านจะแตกต่างกันไปด้วย) ทั้งนี้เนื่องจากความแตกต่างของเวลาที่โคจรผ่านในวันเดียวกัน จึงทำให้ระบบสามารถตรวจสอบตำแหน่งของไฟได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยที่หากเป็นตำแหน่งไฟป่าจริงก็จะมีรังสีความร้อนทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนที่สัมพันธ์กัน แต่หากเป็นการสะท้อนรังสีความร้อนจากหลังคาโรงงานหรืออื่นๆเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน ระบบก็จะไม่นับว่าจุดนั้นคือไฟ
.
#ข้อจำกัดของดาวเทียมในการตรวจวัดรังสีความร้อน >> ในบางสถานการณ์ที่กลุ่มไฟขนาดเล็กและอยู่ใต้ต้นไม้ มีกลุ่มควันหนา หรือกลุ่มเมฆหนา ก็จะทำให้กลุ่มดาวเทียมดังกล่าวข้างต้นไม่สามารถตรวจวัดรังสีความร้อนจากกลุ่มไฟเหล่านั้นได้ และนอกจากไฟแล้วยังมีการสะท้อนรังสีความร้อนบนลานหินกว้าง หลังคาสังกะสี หรือหลังคาโรงงานอุตสาหกรรม ที่อาจจะทำเกิดเป็นจุดความร้อนขึ้นบนข้อมูลจากดาวเทียมได้เช่นกัน
.
จะเห็นว่ากว่าจะนำข้อมูลจุดความร้อนมาใช้งานได้ เราจำเป็นต้องเข้าใจคุณสมบัติมากมายโดยเฉพาะในเรื่องของขนาดจุดภาพ เพื่อให้นำไปใช้ได้ตรงกับลักษณะของงานและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้สถานการณ์ไฟป่าหลายพื้นที่ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความเข้าใจเกี่ยวกับจุดความร้อน จะช่วยสนับสนุนให้การจัดการไฟป่าให้ยุติลงโดยเร็วนะครับ
.
แหล่งอ้างอิง
- https://modis.gsfc.nasa.gov/
- https://ladsweb.modaps.eosdis.nasa.gov/
- https://earthdata.nasa.gov/
- เอกสาร MODIS Collection 6 Active Fire Product User’s Guide Revision B
- เอกสาร NASA VIIRS Land Science Investigator Processing System (SIPS) Visible Infrared Imaging Radiometer Suite (VIIRS) 375 m & 750 m Active Fire Products
#จิสด้าก้าวสู่ปีที่20 #จิสด้า #GISTDA

 

รัฐบาลสิงคโปร์อพยพปชช.กลับจากอู่ฮั่นแล้ว พร้อมแจกหน้ากากอนามัยฟรีกว่า 5 ล้านชิ้น
กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ แถลงการณ์ว่าเที่ยวบินพิเศษที่รัฐบาลเช่าเหมาลำเครื่องบินโดยสารของสกู๊ตแอร์ ได้รับพลเมืองสิงคโปร์จำนวน 92 คน เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย์ ถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติชางงี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ที่เดินทางกลับมาทุกคนรวมถึงนักบินจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพ และกักบริเวณตามมาตรฐานสาธารณสุขเป็นเวลา 14 วัน นอกจากนี้รัฐบาลสิงคโปร์ยังได้ประกาศแจกหน้ากากอนามัยฟรีให้แก่พลเมือง โดยจะแบ่งแจกให้ครัวเรือนละ 4 ชิ้น เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 5.2 ล้านชิ้น
https://www.tcijthai.com/news/2020/1/asean/9828

 

มีคนหกพันคนที่ถูกกักไว้บนเรือสำราญในอิตาลีเนื่องจากผู้โดยสารหนึ่งรายแสดงอาการของโรคหวู่ฮั่น โคโรนาไวรัส
Six thousand people are being kept on a cruise ship in Italy as one passenger shows symptoms of the Wuhan coronavirus.

 

ชาวอเมริกันที่ได้รับการอพยพจากอู่ฮั่น แสดงอาการไม่พอใจรัฐบาลอย่างหนักหลังชาร์จค่าเครื่องบินกว่า 30,000 บาท ในการพาพวกเขากลับบ้าน
.
จัสติน สตีซ ชาวอเมริกันวัย 26 ปี ให้สัมภาษณ์กับไทม์ ว่าตอนที่ทราบข่าวว่าจะได้อพยพออกจากอู่ฮั่น สิ่งที่เขากังวลมากที่สุด คือกลัวว่าจะเอาเชื้อโรคไปติดลูกน้อย และคู่สมรส โดยสหรัฐฯ ทำการอพยพชาวอเมริกันรอบแรก 240 คนออกจากเมืองอู่ฮั่น ตั้งแต่เวลา 03.00 น. (ตามเวลาที่อู่ฮั่น) ของวันที่ 29 มกราคม 2563
.
โดยยังมีชาวอเมริกันอีกกว่า 1,000 คนที่ยังไม่ได้รับการอพยพออกมา ซึ่งทางสหรัฐฯ จัดสรรให้ผู้ที่ได้รับอพยพชุดแรก เป็นเจ้าหน้าที่กงสุล และครอบครัวก่อน โดยประชาชนทั่วไปจะต้องจ่ายค่าเดินทาง 30,000 บาท ซึ่งก็มีโควต้าที่นั่งจำกัด
.
“สำหรับคนทั่วไป พวกเขาไม่มีทางได้ตั๋วเดินทางกลับสหรัฐฯ เลย ตอนรู้ข่าวพวกเราคิดว่าเครื่องบินลำนี้จะมาช่วยชีวิตเรา แต่สุดท้ายแล้วไม่เป็นแบบนั้นเลย” จอร์จ กู้ดวิน อาจารย์ชาวอเมริกันที่อยู่ที่อู่ฮั่นกล่าวด้วยความผิดหวัง
.
ด้านสตีซซึ่งมีภรรยาเป็นชาวจีน และลูกที่อายุเพียง 1 เดือน ครอบครัวของเขายังไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน และคนที่มีสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่อเมริกันก็ไม่มีสิทธิ์เดินทางกลับมาพร้อมเครื่องบินลำแรก ทำให้ภรรยาของเขาหมดสิทธิ์ไปโดยปริยาย
.
“ผมไม่เข้าใจ และโกรธมาก ในฐานะที่เป็นคนอเมริกันแท้ๆ แต่ต้องมาจ่ายเงินหลักพันเหรียญเพื่อได้กลับบ้าน และหมดสิทธิ์พาภรรยากลับไปด้วยกันอีก” จัสติน สตีซ ผู้ซึ่งเคยรับราชการทหารสหรัฐฯ กล่าวด้วยความไม่พอใจ นอกจากสตีซแล้วยังมีชาวอเมริกันอีกหลายคนที่ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน คือมีคู่รักหรือภรรยาเป็นชาวจีน ซึ่งด้วยกฎของสหรัฐฯ ยังไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศได้ในตอนนี้
-------------------------------------
แหล่งข้อมูล
https://time.com/5773546/americans-trapped-wuhan-coronavirus/
https://www.posttoday.com/social/general/613307
-------------------------------------
กด Like และ ติดตามเพจ เพื่อรู้เท่าทันโลก
กับ Thailand Vision