ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Adf7TRcObk_aQjbGpVUBRcappMH051uwT7BqhZLvRCQw&_nc_ohc=jubDhxQn_28AX-xWVsK&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    NHK WORLD-JAPAN

    ในญี่ปุ่นประมาณ 200 ผู้อพยพลงจอดในเช้าวันพุธที่สนามบินฮาเนดะของโตเกียว เจ้าหน้าที่บอกว่าหลายคนมีอาการเช่นไอและไข้ พวกเขาบอกว่าผู้โดยสารได้รับการสอบทางการแพทย์บนกระดาน ทั้งหมดถูกส่งไปที่สถาบันการแพทย์เพื่อรับการทดสอบ

    l=https%3A%2F%2Fwww3.nhk.or.jp%2Fnhkworld%2Fupld%2Fthumbnails%2Fen%2Fnews%2F20200129_36_795633_L.jpg

    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20200129_36/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Report ASEAN - Thailand
    ● “มันคือเสรีภาพในการแสดงออก มันคือวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งของประเทศ” นายกฯเดนมาร์กกล่าว
    OTyj65pxflNGEYwgZqH6K0S6d7JLZCZAoXXgxEXFa9BQ&_nc_ohc=ook3Xpjm-dQAX_HvFD7&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    1.หนังสือพิมพ์ Jyllands-Posten ของเดนมาร์ก หน้า 14 ตีพิมพ์ภาพวาดล้อเลียนเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า ‘ไวรัสอู่ฮั่น’ ที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศจีน
    .
    2.ภาพล้อเลียนที่ว่านั้นคือ นำภาพธงชาติจีนมาดัดแปลง เปลี่ยนดาว 5 ดวง เป็นรูปเชื้อไวรัสโคโรน่า
    .
    3.แม้ภาพล้อเลียนจะเป็นที่สนใจของชาวเดนมาร์ก แต่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก เห็นแล้ว ส่งหนังสือประท้วงไปยังสำนักงานหนังสือพิมพ์ Jyllands-Posten
    .
    4.หนังสือประท้วงมีใจความสำคัญ แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง เพราะภาพการ์ตูนล้อเลียน เป็นการดูถูกประเทศจีน ล้ำเส้นของการเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรม เกินเส้นจริยธรรมของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น คุกคามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของมนุษย์
    .
    5.บรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์ Jyllands-Posten ให้ความเห็นหลังได้รับทราบเรื่องจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงโคเปนเฮเกนว่า ไม่ได้มีเจตนาจะล้อเลียนประเทศจีน
    .
    6.แต่....“เราคิดว่า ไม่ต้องขอโทษ ต่อสิ่งที่เรามองว่า ไม่ได้ผิด มันเป็นเพียงความแตกต่าง และความเข้าใจไม่ตรงกันของสองวัฒนธรรม” บรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์ Jyllands-Posten กล่าว
    .
    7.เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงของเดนมาร์กออกมากล่าวถึงประเด็นนี้ด้วยว่า เดนมาร์กมีเสรีภาพในการแสดงออก ภาพการ์ตูนก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางของการแสดงออกอย่างเสรีภาพ
    .
    8.“มันเป็นจุดยืนของเดนมาร์ก ที่เป็นที่รู้จักกันดี เราจะไม่เปลี่ยนแปลงมัน เพราะเดนมาร์กมีวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งมากในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความเห็น โดยเฉพาะภาพวาดล้อเลียน” นายกฯเดนมาร์กกล่าว
    .
    9.นายกฯเดนมาร์กย้ำว่า “จะรักษาวัฒนธรรมนี้สืบต่อไปในอนาคต”
    .
    10.ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2548 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ เคยเผยแพร่ภาพการ์ตูน 12 ภาพ ล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด ผู้เป็นที่เคารพยิ่งของชาวมุสลิม
    .
    11.ครั้งนั้นก่อให้เกิดการประท้วงในหลายประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม และประเทศมุสลิมแบนสินค้าจากประเทศเดนมาร์ก
    .
    ……………………………….
    .
    ● ยอดผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อ ‘ไวรัสอู่ฮั่น’ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
    .
    1.คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนเผบล่าสุดถึงจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ภายในประเทศจีน
    .
    2.จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 132 ราย จำนวนผู้ป่วยอยู่ที่ 5,974 ราย ในจำนวนนี้ 1,239 ราย มีอาการหนักขั้นวิกฤต
    .
    3.จำนวนผู้ป่วยต้องสงสัยว่าติดเชื้อ อยู่ที่ 9,239 ราย ในจำนวนนี้ 103 ราย ได้รับการปล่อยตัวหลังได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว
    .
    4.หลังจากที่จีนเคยประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขทั่วประเทศ ยกเว้นเขตปกครองตนเองทิเบต ล่าสุด พบผู้ป่วยต้องสงสัยรายใหม่ในเขตปกครองตนเองทิเบต 1 คน แล้ว
    .
    5.สำหรับจำนวนผู้ป่วยนอกจีนแผ่นดินใหญ่ มี 23 ราย พบในฮ่องกง 8 ราย มาเก๊า 7 ราย และไต้หวัน 8 ราย
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Amarin News

    คนจีนยังทะลัก! ด่านเชียงของคุมเข้มไวรัสโคโรนา
    .
    บริเวณด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พรมแดนเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชายแดนไทย-สปป.ลาว ยังคงมีนักท่องเที่ยวจีน เดินทางด้วยรถยนต์มาจากมณฑลยูนนาน ผ่านแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว แล้วมาข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 มายัง อ.เชียงของ อย่างต่อเนื่อง
    .
    ซึ่งทางด่านพรมแดนก็มีการตั้งจุดคัดกรองผู้ป่วย โดยเบื้องต้น ทั้งหมดผ่านการคัดกรองและไม่พบการติดเชื้อ บางส่วนในตอนนี้เริ่มทะยอยเดินทางกลับจีนแล้ว

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan
    กรุงแคนเบอร์ร่า ร้ายแรงที่สุด ต้องเผชิญกับ เพลิงไหม้ 2003 จุด และคาดว่าจะขยายเป็น 7000 จุดในคืนวันอังคาร 29 มกราคม 2563
    The most serious Canberra has faced since the deadly 2003 fires and expected to grow to 7000 hectares on Tuesday night. Jan29 2020





    553782_7695420314448035840_n.jpg?_nc_cat=109&_nc_ohc=jw2zXFYZd6UAX-r3o6O&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg

    553779_7309498231384178688_n.jpg?_nc_cat=104&_nc_ohc=bfffTrZp3wIAX-hSj96&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan
    29 มกราคม 2020, การปะทุ #ภูเขาไฟ Sakurajima , ญี่ปุ่น #volcano #sakurajima #japan
    00:20
    January 29, 2020, Eruption #Sakurajima Volcano, Japan #volcano #sakurajima #japan
    00:20
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ตึกหลายตึกกำลังสั่น และมีการอพยพในไมอามี่ ฟลอริด้าหลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขนาด 7.7 ที่โจมตีทะเลแคริบเบียน









     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปิดทองหลังพระที่แท้จริง! วัยรุ่นจีนนำ "หน้ากากอนามัย 500ชิ้น" มาบริจาคที่สถานีตำรวจเขตยวี่อัน เมืองลู่อัน มณฑลอันฮุย โดยรีบเดินเอาเข้ามาวางและพูดกับตำรวจเพียงว่า "พวกคุณทำงานกันหนักมาก"
    จากนั้นก็รีบวิ่งออกไป ไม่ต้องการแสดงตัว ไม่ระบุนามใดๆ แม้ตำรวจจะรีบวิ่งตามก็วิ่งไม่ทัน โดยคลิปนี้เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดของสถานีตำรวจ สิ่งที่อ้ายจงดูแล้วรู้สึกตื้นตันมากๆ คือ "ตำรวจที่วิ่งตามไป พอรู้ว่าตามไม่ทันแล้ว ก็ยืนตรงตะเบ๊ะ เคารพในการทำความดีของวัยรุ่นคนนี้"
    ที่มาของคลิป
    人民日报 (https://mp.weixin.qq.com/s/Ewd0tHqG4Dk0LFgCqvli1Q)
    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เจาะประเด็นร้อนแผนสันติภาพของเสี่ยอ่าง
    #100ปีโครงการรัฐยิวของZionist
    ประเด็นร้อนแรงจนน่าขนลุก ที่จะขอแชร์ในวันนี้ เชื่อว่าคนที่คลั่งไคล้ทฤษฎีสมคบคิดต้องชอบแน่ๆ คือข่าวการประกาศแผนการสันติภาพตะวันออกกลาง หรือ Middle East Plan ของเสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ กลางทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา
    โดยเสี่ยอ่าง จับมือกระหนุง กระหนิงมากับ บีบี้ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีครึ่งเก้าอี้ของอิสราเอล ออกมาประกาศแผนการณ์ขั้นต่อไปของรัฐอิสราเอล ที่เสี่ยแกเคลมแรงว่ามันคือ "Deal of the Century" หรือ อภิมหาข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในรอบ 100 ปี!!!!
    ตามสไตล์เจ้าพ่อนัก PR ของเสี่ยอ่าง จะพูดอะไร ต้องระดับรัชดาลัยเธียร์เตอร์เสมอ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต้องมาดูกันอีกที
    แต่คราวนี้ขอบอกไว้เลยว่า คำเคลมของเสี่ยอ่างนั้น ไม่ได้ไกลเกินจริงแต่อย่างใดเลย แล้วจะอธิบายว่าทำไม
    แผนข้อตกลงสันติภาพตะวันออกกลางของเสี่ยอ่างนี้คืออะไร?
    Middle East Peace Plan นี้ เป็นแผนการที่เสี่ยอ่างแกว่าจะมาคลี่คลายประเด็นขัดแย้งอันนองเลือด และยาวนานระหว่างอิสราเอล และปาเลสไตน์ โดยเฉพาะ เมืองมรดกโลกอย่างเยรูซาเล็ม
    ข้อตกลงนี้ ช่วยกันร่างมาเกือบ 3 ปี โดย
    - Jared Kushner (ลูกเขยยิวหัวแหวน)
    - David Friedman (อดีตที่ปรึกษากฏหมายของทรัมพ์ ปัจจุบันคือฑูตสหรัฐประจำอิสราเอล-ยิว)
    - Jason Greenblatt (หัวหน้าทีมกฏหมายของทรัมพ์ - ยิว)
    ร่วมกับรัฐบาลอิสราเอล นำโดย บีบี้ เนทันยาฮู (ยิว 1000%)
    โดยไม่มีตัวแทนจากฝ่ายปาเลสไตน์เลยแม้แต่คนเดียว
    แผนการนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ กับ แผนการปกครอง
    ภาคเศรษฐกิจ เสี่ยอ่างแถลงว่า สหรัฐจะเข้าไปลงทุนในพื้นที่เขตปกครองปาเลสไตน์กว่าหมื่นล้าน ทั้งในเขต West Bank และ ฉนวนกาซ่า รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่มีชาวปาเลสไตน์อพยพอาศัยอยู่ เช่นอียิปต์ และจอร์แดน ซึ่งเสี่ยอ่างขายฝันว่าจะให้ชาวอาหรับกินดีอยู่ดี มีงานทำ ลืมตาอ้าปากได้
    ส่วนภาคการปกครองนี่สิ ที่เป็นปัญหา
    สหรัฐยังรับรองเขตปกครองปาเลสไตน์นะ แต่อนุญาตให้ตั้งเมืองหลวงได้ที่เขตรอบนอกของฝั่งเยรูซาเล็มตะวันออก
    ฟังให้ดีๆนะ เมืองหลวงปาเลสไตน์อยู่ได้แค่รอบนอกเยรูซาเล็มตะวันออกเท่านั้นนะ เพราะกรุงเยรูซาเล็ม ไม่อาจแบ่งแยกได้ และจะเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ ตามรัฐธรรมนูญอิสราเอล
    พื้นที่ในส่วน West Bank จะเป็นเขตปกครองของปาเลสไตน์ 70% อีก 30% จะกลายเป็นเขตปกครองของอิสราเอล ที่จะรวมถึงดินแดนริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน ที่ราบสูงโกลานด้วย เพราะอิสราเอลชนะสงคราม 6 วันในปี 1967
    เคลมทุกเม็ด ดอกเบี้ยทบต้น ทบดอก สมเป็นพ่อค้ายิวจริงๆน้า
    ส่วนพื้นที่ในฉนวนกาซ่า จะเป็นเขตของรัฐปาเลสไตน์ได้ต่อเมื่อฝ่ายปาเลสไตน์ยอมตามข้อตกลงนี้เท่านั้น
    งานพีคยังไม่จบ!
    สำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ ที่หนีภัยสงครามไปอยู่นอกประเทศนับล้าน จะไม่มีสิทธิ์กลับคืนถิ่นฐานเก่าตามเงื่อนไขข้อตกลงนี้
    การกลับเข้ามาอยู่ในถิ่นฐานเดิมของชาวปาเลสไตน์ผู้ลี้ภัยทำได้ต่อเมื่อ ต้องเข้ามาอยู่ในเขตปกครองของปาเลสไตน์เท่านั้น ซึ่งจำกัดจำนวนมากๆ แต่ปีละ 5000 คน ถามว่าใครจะเป็นคนออกเอกสารให้ชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นเข้ามาในปาเลสไตน์ได้ - ก็ต้องเป็นอิสราเอลอยู่แล้ว
    ไม่อย่างนั้น ก็ต้องไปอยู่ในประเทศที่ 3 ที่เขายอมให้ชาวปาเลสไตน์ลี้ภัยอยู่ได้ ที่ตอนนี้มีคร่าวๆ นับ 4 ล้านคน
    เหตุผลที่อิสราเอลกีดกันไม่ยอมให้ชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นกลับเข้ามา เพราะตอนนี้ในเขตปาเลสไตน์ มีชาวอาหรับอยู่ราวๆ 4 ล้าน ถ้ารับชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นกลับเข้ามาเพิ่ม จะทำให้ชาวปาเลสไตน์กลายเป็น 8 ล้าน ที่พอๆกัน หรือเผลอๆมากกว่าชาวยิวในอิสราเอล ซึ่งอิสราเอลยอมไม่ได้ ชาวปาเลสไตน์จะได้สิทธิ์อยู่ในพื้นที่ในฐานะชนกลุ่มน้อยเท่านั้น
    และที่สำคัญ เขตปกครองปาเลสไตน์จะมีกองทหารป้องกันประเทศไม่ได้ อิสราเอลมีได้ฝ่ายเดียว
    พอประกาศจบ เสี่ยอ่าง กับ บีบี้ก็จับมือกัน ทีนี้ก็ยุติข้อพิพาทดินแดนอิสราเอล-ปาเลสไตน์ได้แล้ว
    ตรงไหนฟร่ะ
    ข้อตกลงที่ฝ่ายอิสราเอลได้ ไม่มีตรงไหนที่ win-win สำหรับปาเลสไตน์เลยแม้แต่น้อย
    และแน่นอนว่า ฝ่ายปาเลสไตน์ไม่ยอมรับ แล้วดินแดนปาเลสไตน์หรือแม้แต่กรุงเยรูซาเร็ม มันเป็นของสหรัฐตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ดีๆอ้างสิทธิ์ไปยกให้ใครต่อใครเฉยๆ ไม่เคยถามเจ้าของดินแดนเลยน้า
    ชาติอาหรับเพื่อนบ้านก็เครียด ต้องมารับภาระชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่น ถ้านับจำนวนแล้ว นี่มันมากกว่าชาวโรฮิงญาถึง 4 เท่า แถมไล่กันง่ายๆ มีประเทศระดับสหรัฐออกมารับรองเสร็จสรรพ์ มันใช่หรือ??
    นี่คือของตกลงระดับศตวรรษ Deal of Century ของเสี่ยอ่างหรือ?
    ใช่! มันเป็นเช่นนั้น เพราะนี้คือการให้รับรองการตั้งรัฐยิวอย่างเป็นทางการที่สุด นับจากเอกสารประกาศแผนก่อตั้งรัฐยิวฉบับแรก ที่เรียกว่า Balfour Declaration ในปี 1917!!!
    Balfour Declaration คือประกาศที่ออกจากรัฐบาลอังกฤษ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ Arthur Balfour เขียนถึง Lionel Rothschild ตระกูลยิวนายแบงค์ผู้มั่งคั่ง ที่เป็นผู้นำองค์กร Zionist เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 1917 ที่จะสนับสนุนการต่อตั้งรัฐยิว ที่สมัยนั้นเขาเรียกว่า Palestine of a national home เป็นการตอบแทนที่กลุ่มนายทุนชาวยิวที่ร่วมลงขันให้อังกฤษสู้รบกับจักรวรรดิออตโตมาน จนชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1
    และนั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นพิมพ์เขียวในการสร้างรัฐยิว และดำเนินต่อเนื่องตามแผนมาตลอดรุ่น ต่อรุ่น กว่า 100 ปี จนมาถึงการประกาศแผน Middle East Plan ของเสี่ยอ่างในครั้งนี้ ที่เห็นภาพกระจ่างชัดเจน
    ปาเลสไตน์ เป็นดินแดนที่แปลกมาก ที่ผู้ได้สิทธิ์ในการจัดสรรปันส่วนดินแดน ไม่ได้เป็นสิทธิ์ของผู้อยู่อาศัยในท้องที่ อยู่ประเทศนี้มาตั้งแต่เกิด อยู่ดีๆก็กลายเป็นคนไร้สัญชาติซะงั้น
    ถ้าประธานาธิบดีสหรัฐจะถือสิทธิ์ประกาศ รับรองเมืองหลวงให้ประเทศไหนก็ได้ แบ่งดินแดนให้ฝ่ายไหนก็ได้ รับรองผู้นำบ่าวตั้งให้ประเทศไหนก็ได้โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง ก็ไม่รู้จะมี UN ไว้ทำไมนะคะ
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จนท.เก็บ"เนื้อเยื่อในปอด"สาวจีนที่เสียชีวิตในรีสอร์ตที่เชียงใหม่ส่งตรวจ และพบว่าเธอ "ดื่มสุราอย่างหนัก" ในช่วงค่ำ ก่อนพบเป็นศพในตอนเช้า..
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อัปเดต: โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น ยอดผู้ติดเชื้อทะลุ 6,000 คนแล้ว
    รายงานตัวเลขล่าสุดเช้าวันที่ 29 มกราคม 2020 จากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน
    ระบุว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ 2019 หรือที่เรียกว่า "ไวรัสอู่ฮั่น" เพิ่มเป็น 6,052 รายแล้ว
    ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อวานนี้ ซึ่งรายงานผู้ติดเชื้ออยู่ 4,236 ราย
    ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นจาก 106 เป็น 107 รายในเช้าวันนี้ โดยที่ผู้เสียชีวิตอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด
    ซึ่งนั่นเป็นสัดส่วนการตายจากโรคที่ 2-3% ตามข่าวที่ได้รายงานไปก่อนหน้า
    ในขณะที่การรักษาโรค แม้ยังไม่มียารักษา แต่ตัวเลขของผู้ที่รักษาตัวจนหายดี ได้กลับบ้าน มีรายงานมาว่าอยู่ที่ 107 คนทั่วโลก
    จีนแผ่นดินใหญ่ คือดินแดนที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 5,494 ราย
    รองลงมาคือไทย 14 ราย ฮ่องกง 8 ราย และไต้หวัน 8 ราย
    หากมีอะไรเพิ่มเติม ทางทีมงานแคทดั๊มบ์จะอัปเดตให้ได้รับทราบในช่วงถัดไปของวันนี้ครับ...

    เรียบเรียง #ประธานเหมียว

    ที่มา:
    https://gisanddata.maps.arcgis.com/apps/opsdashboard/index.html
    https://www.scmp.com/news/china/soc...coronavirus-travel-ban-issued-residents-wuhan
    ภาพ: Independent
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เส้นทางผู้ตั้ง “อิลลูมิเนติ” กลุ่มลับที่น่ากลัวน้อยกว่า “ฟรีเมสัน” ทำไมโดนกวาดล้าง?
    ผู้เขียน: รัชตะ จึงวิวัฒน์
    เผยแพร่: ศิลปวัฒนธรรม www.silpa-mag.com
    ในบรรดาทฤษฎีสมคบคิดบนโลกใบนี้อันเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าค้นหา หากขาดหัวข้อเกี่ยวกับองค์กรลับต่างๆ ย่อมเสมือนขาดรสชาติหลายอย่างไป และเหล่าองค์กรลับที่ปรากฏชื่ออยู่ในลิสต์ทฤษฎีสมคบคิดที่ทำให้แวดวงผู้สนใจทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้ได้เติมเต็มการสัมผัสรสชาติก็ต้องมีชื่อองค์กร “อิลลูมิเนติ” หรือ ออกเสียงว่า “อิลลูมินาติ” (Illuminati) ให้ได้พบเห็นกัน
    “อิลลูมิเนติ” แรกเริ่มเดิมทีแล้วอาจไม่ใช่องค์กรแบบเต็มรูปแบบ หากจะใช้คำอธิบายคงต้องใช้คำว่า “สมาคม/ชุมชนลับ” เสียมากกว่า (ดังจะอธิบายเรื่องพัฒนาการต่อไป) นักวิชาการที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกลุ่มสังคมอันลี้ลับนี้บอกตรงกันว่า “อิลลูมิเนติ” คือชุมชนบาวาเรียนแบบลับๆ ที่ทำการอย่างจริงจังอยู่แค่ทศวรรษเดียวเท่านั้น ระหว่างปี ค.ศ. 1776-1785 (บางแห่งระบุวันที่ก่อตั้งคือ 1 พฤษภาคม 1776) กลุ่มนี้ก่อตั้งโดยคนเชื้อสายเยอรมันนามว่า “อดัม ไวส์เฮาฟ์” (Adam Weishaupt)
    **จุดเริ่มต้นในบาวาเรีย
    แจสเปอร์ ริดลีย์ นักประวัติศาสตร์ที่เขียนงานทางวิชาการหลายชิ้น อธิบายว่า อดัม เป็นชาวยิวและเข้าเป็นโรมันคาทอลิก
    เขาถูกเลี้ยงดูโดยลุงของเขา ต่อมาลุงก็นำเขาเข้าเรียนในโรงเรียนเยซูอิต ภายหลังมีตำแหน่งถึงศาสตราจารย์ด้านวินัยทางศาสนาที่มหาวิทยาลัยโรมันคาทอลิกแห่งอิงโกลด์-สตัด ในบาวาเรีย
    ผู้ก่อตั้งเชื่อเรื่องการให้ความรู้แจ้ง มุ่งหวังสอนสมาชิกกลุ่มเรื่องตรรกะ และแนวคิดทำนองค่านิยมต่างๆ ทางโลกเพื่อให้สมาชิกมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักการเมืองเมื่อพวกเขาก้าวขึ้นมามีอำนาจ เชื่อว่า แนวคิดของกลุ่มได้รับอิทธิพลมาจากสภาพบริบทที่เรียกกันว่า ยุคเรืองปัญญา “Enlightenment” ซึ่งแพร่กระจายอย่างกว้างขวางในยุโรป นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าอาจได้รับแนวคิดของคณะเยซูอิทส์ (ซึ่งอดัม เป็นอดีตสมาชิก) และกลุ่มฟรีเมสัน โดยอดัม เกณฑ์คนจากกลุ่มนี้ผ่านการเข้าแทรกซึมในองค์กรฟรีเมสัน เชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อหากำลังคนที่มีฐานะร่ำรวยและมีอิทธิพลมากในยุโรปเข้ามาร่วมกลุ่ม
    แจสเปอร์ ริดลีย์ นักประวัติศาสตร์ผู้ล่วงลับที่เขียนงานทางวิชาการหลายชิ้นเล่าว่า เดิมทีกลุ่มอิลลูมิเนติ มีสมาชิกเพียง 5 คนเท่านั้น
    การรวมตัวกันมีเป้าประสงค์แง่มุมเชิงปัญญาและต่อต้านอิทธิพลทางศาสนา รวมถึงอิทธิพลของชนชั้นสูงที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตผู้คน
    ขณะที่ทิศทางของเนื้อหาในการสอนในมหาวิทยาลัยของอดัม ก็ค่อนข้างน่าฉงนหากมองจากมุมมองหลักศาสนาโรมันคาทอลิกแบบดั้งเดิม แต่ที่ชัดเจนคือการเปิดเผยแนวคิดของเขาให้กับกลุ่มเฉพาะแบบเป็นส่วนตัว (แบบปิด) ซึ่งเขาเขียนเอกสารโดยใช้นามแฝงว่า “สปาร์ตาคัส” (กลาดิเอเตอร์ หรือนักสู้ในโรมันรายหนึ่งที่ปลุกระดมทาสให้ลุกฮือขึ้นในช่วงศตวรรษแรก) การสื่อสารภายในกลุ่มจะใช้ระบบรหัสลับด้วย สมาชิกแต่ละรายจะได้รับนามแฝง อาทิ ของอดัม ก็ใช้นามแฝงว่า “สปาร์ตาคัส”
    **สมาชิกและภารกิจ
    คริส โฮแดปป์ (Chris Hodapp) ผู้ร่วมเขียนหนังสือ Conspiracy Theories and Secret Societies for Dummies ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ว็อกซ์ (Vox) ระบุว่า ในช่วงแรก สมาชิกไม่ไว้ใจบุคคลที่อายุมากกว่า 30 ปี เนื่องจากคิดว่า คนวัยหนึ่งจะมีทัศนคติตายตัวเกินไป
    ริดลีย์ อธิบายแนวคิดของอดัม ต่อไปว่า เขาเชื่อว่าตัวเองและสมาชิกกลุ่มอิลลูมิเนติที่มีเพียงหยิบมือสามารถมีอิทธิพลเหลือคณะผู้ปกครองอย่างกษัตริย์ และบิชอป ในรัฐและโบสถ์ จากนั้นจะเข้าควบคุมการปกครองในโลก
    แนวคิดเรื่องการปกครองโลกนี้ นักประวัติศาสตร์บางรายเชื่อว่า กลุ่มอิลลูมิเนติบรรลุเป้าหมายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (ในแง่การเป็นอิทธิพลทางความคิดต่อบุคคล/กลุ่มอื่นๆ) แต่แน่นอนว่า หากมองจากมุมทฤษฎีสมคบคิด บางคนก็มองว่ากลุ่มอิลลูมิเนติประสบความสำเร็จและยังปกครองโลกอย่างลับๆ มาจนถึงวันนี้ กรณีหลังนี้ ฟิล เอ็ดเวิร์ด คอลัมนิสต์ที่เขียนบทความเกี่ยวกับอิลลูมิเนติในเว็บไซต์ ว็อกซ์ (Vox) ตั้งข้อสังเกตได้น่าคิดทีเดียวว่า หากพวกเขาทำสำเร็จ เราและท่านคงไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับองค์กรเหล่านี้หรอก
    เมื่อรู้จุดตั้งต้น และแนวคิดของกลุ่มนี้แล้ว คำถามต่อมาคือ พวกเขาทำอะไรไปบ้าง?
    การปฏิบัติงานของกลุ่มปรากฏในรายงานหลากหลายแบบ บางแห่งรายงานเกี่ยวกับเรื่องพิธีกรรมซึ่งส่วนนี้อาจเชื่อถือได้ยากกว่าแง่ทั่วไป (ไม่ได้ปฏิเสธว่า กลุ่มอิลลูมิเนติปราศจากกิจกรรมเชิงพิธีกรรม คาดว่ามีบ้างแต่เป็นในแง่พิธีกรรมที่เชื่อมกับการปฏิบัติงาน เช่น การตั้งสัญลักษณ์นกฮูก หรือพิธีปฏิบัติที่ในปัจจุบันอาจเรียกว่า “กรรมวิธีแบบสายลับ” เพื่อปกปิดตัวตน ฯลฯ แต่คาดว่า ไม่ได้ยึดโยงกับพิธีกรรมเชิงจิตวิญญาณแบบฝังรากลึก)
    ส่วนการปฏิบัติงานทั่วไปแล้ว พวกเขาเผยแพร่แนวคิดที่สะท้อนถึงหลักคิดแบบ “Enlightenment” อาทิ การปกครองตัวเอง หรือแนวคิดสุดโต่งต่างๆ ต่อต้านหลักคิดแบบศาสนา ราชวงศ์ เชื่อกันว่า พวกเขาแทรกซึมเข้าไปในสถาบันที่ทรงอำนาจอย่างระบอบกษัตริย์
    เวลาต่อมา สมาคม/ชุมชนลับเฟื่องฟูและขยายตัวอย่างมาก จากสมาชิกยุคแรกเพียง 5 คน ต่อมา ในช่วงปี 1782 คาดว่า พวกเขามีสมาชิกราว 600 ราย
    **ปฏิสัมพันธ์กับ “ฟรีเมสัน”?
    ริดลีย์ อธิบายว่า เวลาต่อมา ในยุคที่กลุ่มอิลลูมิเนติรุ่งเรืองน่าจะมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 2,500 ราย (บางแห่งบอกว่าอยู่ระหว่าง 2,000-3,000 คน) กระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญ อดัม ผู้ก่อตั้งกลุ่มอิลลูมิเนติ ตัดสินใจว่า พวกเขาควรแทรกซึมเข้าไปยังกลุ่มฟรีเมสัน
    การปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์กรลับทั้งสองแห่งนี้ปรากฏค่อนข้างชัดเจน ทั้งแง่ข้อมูลความเชื่อมโยง และแนวคิดบางส่วนที่ใกล้เคียงกันอย่างไม่เห็นด้วยกับอิทธิพล/การลงโทษทางศาสนา แต่พวกเขาสนับสนุนการทำความเข้าใจกัน และทำความเข้าใจบุคคลที่มีแนวคิดทางศาสนาที่แตกต่างกัน
    อย่างไรก็ตาม สมาชิกกลุ่มฟรีเมสันหลายส่วนไม่เข้าใจหลักการของอิลลูมิเนติ หรือแม้แต่บางรายยังไม่เคยได้ยินชื่ออิลลูมิเนติ หรือบางรายเมื่อรับรู้ว่าอิลลูมิเนติ พยายามทำอะไรบ้าง พวกเขาปฏิเสธจะเข้ายุ่งเกี่ยวด้วย
    บารอน อดอล์ฟ ฟอน นิก (Baron Adolf von Knigge) อดีตสมาชิกของฟรีเมสันที่มีฐานะสูงส่ง และเดิมทีนั้นยังเป็นเพื่อนของอดัม ไวส์เฮาฟ์ ผู้ก่อตั้งอิลลูมิเนติ บารอนมีบทบาทในการรับอิทธิพลจากฟรีเมสันเข้ามา แต่บารอน ไม่เห็นด้วยกับทิศทางที่กลุ่มฟรีเมสันต้องรับเข้าไปดำเนินการ และมีความคิดเห็นไม่ตรงกับอดัม หลายเรื่องทั้งในแง่ทิศทาง และกระบวนการของกลุ่ม บารอน ถอนตัวออกจากกลุ่มไป
    ความไม่ลงรอยกันนี้เองนำมาสู่ความรุนแรงที่จะปิดฉากกลุ่มอิลลูมิเนติ ขณะที่เวลาเดียวกันนั้นเอง โจเฟซ อุตซ์ชไนเดอร์ (Joseph Utzschneider) อดีตสมาชิกของกลุ่มเขียนจดหมายไปถึงดัชเชสแห่งบาวาเรีย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการบ่งชี้ตัวตนของกลุ่มชุมชนลับ แต่ข้อมูลในการเปิดเผยความลับนี้ก็ไม่แน่ชัด ยังสับสนปนเประหว่างข้อเท็จจริงกับเรื่องแต่ง ขณะที่ทางการบาวาเรีย ก็เริ่มมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับอิลลูมิเนติ เพราะดุ๊กแห่งบาวาเรีย ได้รับคำเตือนจากภรรยาจนออกคำสั่งห้ามตั้งชุมชนลับใดๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ออกก่อนหน้านี้
    **สู่จุดเสื่อม
    ในปี 1785 คาร์ล ธีโอดอร์ ดุ๊กแห่งบาวาเรีย ออกคำสั่งอีกครั้ง ครั้งนี้มีผลคือแบนกลุ่มชุมชนลับอย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงอิลลูมิเนติด้วย และประกาศว่า จะลงโทษผู้ที่เข้าร่วมกลุ่มด้วยโทษหนัก
    อดัม ถูกปลดจากตำแหน่งในมหาวิทยาลัยเนื่องจากถูกมองว่า กระทำการปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อ เขาต้องเดินทางออกนอกบาวาเรีย เลี่ยงการถูกจับกุมและดำเนินคดี นักประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่ง รวมถึงริดลีย์ ด้วยเชื่อว่าระหว่างที่เขารีบเร่งเดินทาง อดัม ทิ้งเอกสารของเขาเองเอาไว้ รัฐบาลบาวาเรียมาพบเข้าและนำเอกสารนี้เผยแพร่ ความลับของอิลลูมิเนติ จึงถูกเปิดโปง
    (เอกสารและงานของอดัม บางชิ้นยังหลงเหลือมาจนถึงวันนี้ และถูกเก็บในพิพิธภัณฑ์ประจำเมืองอิงโกลด์สตัด)
    เอกสารที่เผยแพร่กลายเป็นกระแสในทันที เนื่องจากเนื้อหาในเอกสารนี้บ่งชี้เรื่องแผนการของกลุ่มอิลลูมิเนติ ที่จะพยายามล้มระบบรัฐบาลที่มีในยุโรป แต่ในอีกแง่หนึ่ง เป้าหมายที่พวกเขาวางไว้ซึ่งถูกมองว่าแทบเป็นไปไม่ได้ก็ถูกมองข้ามไป
    เป็นที่ทราบกันดีว่า อิลลูมิเนติ มีสมาชิกซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (แต่อาจถูกลืมไปบ้างในยุคปัจจุบัน) มีบุคคลประเภทดุ๊ก หรือผู้นำระดับสูงในสังคม ในแง่ความสำเร็จของกลุ่มนี้ เป็นเรื่องยากที่จะชี้วัด ความสำเร็จในแง่การเผยแพร่แนวคิด หากเชื่อว่าแนวคิด(กึ่งทฤษฎีสมคบคิด)ว่าการปฏิวัติระบอบการปกครองของอิลลูมิเนติ เผยแพร่ไปสู่กลุ่มองค์กรอื่นในเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสของกลุ่มจาโคแบง (Jacobin) หรือกลุ่มการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ก็อาจบอกได้ว่า อิลลูมิเนติ ประสบความสำเร็จ
    แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนพอที่จะบ่งชี้ว่าข้อสันนิษฐานเรื่องความเกี่ยวข้องของกลุ่มอิิลลูมิเนติ กับการปฏิวัติฝรั่งเศสมีน้ำหนักพอให้เชื่อว่าเป็นความจริง
    **ทฤษฎีสมคบคิดระยะยาว
    ความเชื่อมโยงกลุ่มอิลลูมิเนติ เข้ากับการปฏิวัติฝรั่งเศสปรากฏชัดขึ้นภายหลังการลบล้างกลุ่มอิลลูมิเนติ ข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับกลุ่มนี้ก็ปรากฏต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
    ปี 1797 จอห์น โรบินสัน นักฟิสิกส์รายหนึ่งเป็นอีกคนที่กล่าวว่า กลุ่มอิลลูมิเนติแทรกซึมกลุ่มฟรีเมสัน ขณะที่ออกุสแต็ง บาร์รูเอล (Augustin Barruel) พระเยซูอิตก็เป็นผู้กระพือทฤษฎีสมคบคิดว่า กลุ่มองค์กรลับรวมถึงอิลลูมิเนติ อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ในช่วงเวลานี้เองที่นักประวัติศาสตร์มองว่า ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับกลุ่มอิลลูมิเนติ ก่อตัวขึ้นเป็นระลอกแรก
    ริดลีย์ แสดงความคิดเห็นว่า มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้อดัม และองค์กรของเขาถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของการปฏิวัติหลายเหตุการณ์ระหว่าง 1776-1919 อาทิ เชื้อชาติยิวของอดัม และชื่อแฝงว่า “สปาร์ตาคัส” ซึ่งคำนี้ถูกใช้เป็นชื่อกลุ่มของฝ่ายคอมมิวนิสต์เยอรมัน โรซ่า ลักเซมเบิร์ก (Rosa Luxemberg) และคาร์ล ลิบคเนกท์ (Karl Liebknect) นำกลุ่มที่เรียกว่า “สปาร์ตาคัส ลีก” (Spartacus League) แต่การปฏิวัติในเบอร์ลินของพวกเขาในปี 1919 ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่นี่เป็นเพียงข้อสังเกตของนักประวัติศาสตร์เท่านั้น
    เนสต้า เว็บสเตอร์ (Nesta Webster) นักเขียนบริติชและเป็นอีกคนที่ได้รับอิทธิพลทางแนวคิดจากอดัม และยังเป็นอิลลูมิเนติ ก็คือผู้ก่อตั้งกลุ่ม “บริติช ฟาสซิสต์” (British Fascists) เมื่อปี 1920
    เวลาต่อมา มีบุคคลระดับชนชั้นนำอย่างจอร์จ วอชิงตัน ที่เขียนจดหมายเอ่ยถึงภัยคุกคามจากกลุ่มอิลลูมิเนติิ ในปี 1798
    ภาพจำของกลุ่มอิลลูมิเนติ ที่เป็นองค์กรอันน่าหวาดหวั่นถูกปลุกคืนชีพกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ภายหลังการปฏิวัติรัสเซียเมื่อ 1917 และการปฏิวัติอีกหลายเหตุการณ์ปะทุขึ้น อันจะตามมาด้วยสงครามโลกครั้งที่ 1
    จะเห็นได้ว่า หลายเหตุการณ์ในช่วงเวลาข้างต้นมักถูกเชื่อมโยงเข้ากับอิลลูมิเนติ หรืออิทธิพลของอิลลูมิเนติ ที่ไหลผ่านมาทางฟรีเมสัน กรณีหลังมักพบเห็นได้บ่อยในสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับฟรีเมสันในสหรัฐฯ เติบโตขึ้นมาจากความหวาดระแวงอิทธิพลขององค์กรเหล่านี้ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า บุคคลที่ถือเป็นต้นแบบของสหรัฐฯ หลายรายก็เป็นสมาชิกของฟรีเมสัน
    หากพูดถึงสัญลักษณ์หลายชิ้นที่ปรากฏหรือถูกออกแบบในสหรัฐฯ ก็ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจถูกถอดแบบมาจากกลุ่มฟรีเมสัน อาทิ ดวงตาในยอดสามเหลี่ยมพีระมิดบนธนบัตรของสหรัฐฯ ก็มีทฤษฎีสมคบคิดที่มองว่า มาจากกลุ่มฟรีเมสัน หรือบางแห่งก็โต้เถียงว่ามาจากสัญลักษณ์ของกลุ่มคริสเตียนต่างหาก
    **อิลลูมิเนติในยุคโมเดิร์น
    เดวิด บรามเวลล์ (David Bramwell) ผู้ศึกษาเกี่ยวกับตำนานอิลลูมิเนติ อย่างลึกซึ้งให้สัมภาษณ์กับคอลัมนิสต์ของบีบีซี แสดงความคิดเห็นว่า ในช่วงยุคโมเดิร์น อิลลูมิเนติ กลับมาคืนชีพและอยู่ในการรับรู้ของผู้คนสืบเนื่องมาจากกระแสวัฒนธรรมปรปักษ์ (counter-culture) หรือวัฒนธรรมที่ขัดแย้งหรือไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมหลัก, ยาเสพติด และความสนใจในปรัชญาฝั่งตะวันออก กระแสของอิลลูมิเนติ ในยุคโมเดิร์น กลับมาพร้อมกับปรากฏการณ์แบบฮิปปีในปลายยุค 60s
    ในช่วงเวลานั้นมีหนังสือเชิงจิตวิญญาณอย่าง Principia Discordia ตีพิมพ์ออกมา เนื้อหาโดยสังเขปมาจากแนวคิดแบบผู้นิยมอนาธิปไตยที่นำเสนอความเชื่อเรื่อง “Discordianism” โดยสรุปแล้วเป็นความเชื่อที่โน้วน้ามให้ผู้อ่านเคารพบูชาเอริส (Eris) เทพแห่งความขัดแย้ง-ไม่ลงรอยกัน บางคนมองว่าแนวคิดนี้เป็นแนวคิดเชิงเสียดสี แต่มีนักเขียนที่นำอิทธิพลจากแนวคิดนี้มาเชื่อมโยงกับกิจกรรมในความเป็นจริง
    ตามความคิดเห็นของบรามเวลล์ เขาอธิบายว่า นักเขียนชื่อโรเบิร์ต แอนตัน วิลสัน (Robert Anton Wilson) กับเคอร์รี ธอนลีย์ (Kerry Thornley) นักเขียนที่ร่วมเขียนหนังสือเล่มดังกล่าว ทั้งคู่มองว่าโลกนี้กลายเป็นลักษณะเผด็จการเกินไป ถูกควบคุมเข้มงวด พวกเขาต้องนำความปั่นป่วนมาสู่สังคมเพื่อเขย่าโครงสร้างบางอย่าง
    ช่วงเวลานั้น วิลสัน ทำงานให้นิตยสารปลุกใจชายหนุ่มชื่อดัง พวกเขาเริ่มปั่นกระแสด้วยการปลอมจดหมายจากแฟนๆ ที่เขียนเกี่ยวกับองค์กรลับชื่ออิลลูมิเนติ ส่งเข้ามาเอง พอระลอกแรกผ่านไป พวกเขาก็ปลอมจดหมายอีกชุดที่โต้แย้งจดหมายชุดแรกที่พวกเขาเขียนกันขึ้นเอง
    ภาวะเหล่านี้ (การสร้างสภาวะ “ความขัดแย้งทางความคิด”) เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ในทางทฤษฎีแล้ว เชื่อว่า มันจะทำให้คนเริ่มฉุกใจคิด และตั้งคำถาม เป็นกระบวนการที่มุ่งหวังให้คนตื่นตัวจากสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็น “ความจริง” ที่สัมผัสอยู่ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคิดนัก
    ความคิดที่สับสนและแสนโกลาหลเกี่ยวกับอิลลูมิเนติ แพร่กระจายและมีพลวัตไปไกลกว่านั้น วิลสัน และนักเขียนนิตยสารปลุกใจชายหนุ่มอีกรายเขียนหนังสือ “The Illuminatus! Trilogy” ซึ่งกลายเป็นตัวจุดประเด็นทฤษฎีสมคบคิดที่ชาวอเมริกันยุคใหม่ถกเถียงกันตลอดอย่าง ใครฆ่าจอห์น เอฟ เคนเนดี้ (John F Kennedy) ไปจนถึงทำไมมีพีระมิดบนธนบัตร 1 ดอลลาร์สหรัฐ หนังสือประสบความสำเร็จจนถึงขั้นถูกดัดแปลงเป็นบทละครเวทีแสดงในลิเวอร์พูล
    หลังจากนั้น “อิลลูมิเนติ” ไปปรากฏในวัฒนธรรมร่วมสมัยหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการ์ดเกม ในปี 1975 จนไม่กี่ปีมานี้ ศิลปินอย่างเจย์ซี (Jay-Z) ทำมือเป็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยมระหว่างแสดงบนเวที หรือสัญลักษณ์สามเหลี่ยมไปปรากฏเป็นรอยสักบนร่างกายศิลปินหลายราย ยิ่งในยุคอินเทอร์เน็ตที่ข้อมูลไหลเวียนกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่แปลกที่หัวข้อนี้ไปปรากฏบนพื้นที่ต่างๆ ในสังคมออนไลน์จนกลายเป็นอีกหนึ่งสปริงที่ทำให้ประเด็นอิลลูมิเนติ กลายเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่ยังคงปรากฏอยู่ในทุกวันนี้
    ยังมีเรื่องราวของบุคคลอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับฟรีเมสัน และอิลลูมิเนติ ทั้งในช่วงศตวรรษที่ 18 มาจนถึงยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งอิลลูมิเนติ ถูกพาดพิงถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัย โดยเฉพาะในดนตรีฮิป-ฮอป แร็ปเปอร์ชื่อดังหลายรายถูกเชื่อมโยงเข้าไปด้วยจากผลงานและพฤติกรรมของพวกเขา ยิ่งบุคคลเหล่านี้ดังมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้กระแสแพร่สะพัดมากขึ้น และเชื่อมโยงกลับมาสู่ทฤษฎีสมคบคิดทางการเมืองวนเป็นวงจรต่อมาเรื่อยๆ
    การสำรวจโดยนักวิทยาศาสตร์สายสังคมเมื่อปี 2015 พบว่า ครึ่งหนึ่งของชาวอเมริกันรับเอาทฤษฎีสมคบคิดอย่างน้อย 1 เรื่องเข้าไปอยู่ในการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง
    อีกข้อสังเกตคือ ในสหรัฐอเมริกาที่ทฤษฎีสมคบคิดกลายเป็นหัวข้อที่พูดคุยกันมาก ดูเหมือนว่า การรับรู้เกี่ยวกับกลุ่มอิลลูมิเนติ ในความคิดคนทั่วไป กลุ่มนี้ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับฟรีเมสัน ดังเช่นตัวอย่างของการเกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านองค์กรลับโดยเฉพาะกลุ่มฟรีเมสัน เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Anti-Masonic Party เมื่อปี 1828 แม้กลุ่มนี้จะสลายตัวไปในภายหลัง แต่ความวิตกหวาดหวั่นถึงอิทธิพลขององค์กรลับอย่างฟรีเมสันก็ยังคงอยู่ในสังคมอเมริกัน ประเด็นที่น่าคิดคือ คนจำนวนไม่น้อยมักสับสนระหว่างกลุ่มอิลลูมิเนติ กับฟรีเมสัน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะทั้งคู่เกี่ยวเนื่องกันโดยอิลลูมิเนติ เข้าไปเกณฑ์สมาชิกในยุโรปผ่านกลุ่มฟรีเมสัน
    “คนมักใช้ศัพท์อย่าง ‘อิลลูมิเนติ’ มาใช้นิยามทุกอย่างที่พวกเขาไม่ชอบ และเป็นสิ่งที่อาจท้าทายค่านิยมของพวกเขา” โจเซฟ อุสชินสกี นักวิทยาศาสตร์สังคมสายการเมืองจากมหาวิทยาลัยไมอามี่ และผู้ร่วมเขียนหนังสือ American Conspiracy Theories ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ว็อกซ์ (Vox)
    บรามเวลล์ ยังแสดงความคิดเห็นอีกว่า หากวิลสัน ยังมีชีวิตในวันนี้ เขาคงรู้สึกดีใจ แต่อีกครึ่งหนึ่งคงรู้สึกช็อก ในยุค 60s วัฒนธรรมมันดูเข้มงวดเกินไป ปัจจุบันมันรู้สึกเหมือนหละหลวมไปหมด พวกมันถูกปลดปล่อยออก
    “บางทีเสถียรภาพจะมีมากขึ้นถ้าผู้คนต่อสู้กับข่าวปลอม (fake news) และโฆษณาชวนเชื่อ เราเริ่มจะเข้าใจว่าสื่อสังคมออนไลน์ป้อนแนวคิดที่เราต้องการจะเชื่ออย่างไร มันคือ Echo Chambers (การทำซ้ำ ขยาย หรือสนับสนุนข้อมูล ความคิด ความเชื่อผ่านระบบนั้นๆ โดยที่ข้อมูล ความคิด ความเชื่อที่แตกต่างหรือขัดแย้งถูกปิดกั้น ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ หรือนำเสนอไม่ครบถ้วน-กองบก.ออนไลน์)” บรามเวลล์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับบีบีซี
    photo: (ขวา) อดัม ไวเซาท์ Adam Weishaupt ผู้ก่อตั้งกลุ่มอิลลูมิเนติ Illuminati (ซ้ายบน) ดวงตาที่ลอยอยู่บนธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ
    Eye of Providence ที่ปรากฏบนด้านหลังของธนบัตรชนิด 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึงในสัญลักษณ์ที่กลุ่มฟรีเมสันนำมาใช้เช่นกัน (แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แพร่หลายอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ว่าฟรีเมสันสร้างขึ้นมา แล้วสมาชิก หรือใครก็ตามเอาไปใช้เพื่อแสดงความเชื่อโยงกับกลุ่มฟรีเมสัน)
    แต่ไม่ว่าข้อสรุปที่แน่ชัดจะเป็นอย่างไร สิ่งที่พอจะยืนยันได้แล้วคือสัญลักษณ์นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอิลลูมิเนติจากบาวาเรียเลย อิลลูมิเนติที่รับรู้กันหลังยุค 1960s เป็นต้นมา ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอิลลูมิเนติที่มีต้นกำเนิดจากบาวาเรียเลย
    คลิกอ่านเพิ่มเติม : สยามประเทศสมัย ร.6 เคยมี “สมาคมลับ” ลักษณะเดียวกันกับกลุ่ม “ฟรีเมสัน” https://www.silpa-mag.com/history/article_4622
    คลิกอ่านเพิ่มเติม : ชัยชนะของประชาชนในการปฏิวัติต่อการปกครองระบอบซาร์แห่งรัสเซีย https://www.silpa-mag.com/history/article_28972
    __________________________________________________
    อ้างอิง:
    EDWARDS, PHIL. “9 questions about the Illuminati you were too afraid to ask”. Vox. Published 19 JAN 2019. Access 20 JAN 2020. <https://www.vox.com/2015/5/19/8624675/what-is-illuminati-meaning-conspiracy-beyonce>
    Galer, Sophia Smith. “The accidental invention of the Illuminati conspiracy”. BBC. Online. Published 9 AUG 2017. Access 20 JAN 2020. <https://www.bbc.com/future/article/20170809-the-accidental-invention-of-the-illuminati-conspiracy>
    HERNÁNDEZ, ISABEL. “Meet the Man Who Started the Illuminati”. National Geographic. Online. Published 2016. Access 20 JAN 2020. <https://www.nationalgeographic.com/...ile-adam-weishaupt-illuminati-secret-society/>
    RIDLEY, JASPER. A Brief History of The Freemasons. London : Robinson, 2017
    ROTONDI, JESSICA PEARCE. “Five Secret Societies That Have Remained Shrouded in Mystery”. History. Online. Published DEC 12 2019. Access 20 JAN 2020. <https://www.history.com/news/secret-societies-freemasons-knights-templar>
    Article: https://www.silpa-mag.com/history/article_44365
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    PSX_20200129_170214.jpg
    (Jan 29) การบริโภคในประเทศ หายไปไหน? มาไขคำตอบ การบริโภคในประเทศ หายไปไหน? ทำไมคนถึงบ่นกันว่าเศรษฐกิจไม่ดี หรือจริงๆ แล้วเศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ กันแน่

    เราเห็นคนบ่นกันเรื่องเศรษฐกิจไม่ดีกันมาซักระยะ และยิ่งถ้าเราได้อ่านข่าวรายวัน ก็จะพบเห็นข่าวร้าย ข่าวไม่ดี ถูกฟอร์เวิร์ดส่งต่อกันเป็นทอดๆ ในกรุ๊ปไลน์ หรืออยู่บนหน้าฟีสในเฟซบุ๊คของเพื่อนๆ เรา ให้ตัวเราเองไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจ เจอข่าวแย่ๆ เข้ามาทุกๆ วันแบบนี้ ก็ต้องมีเสียทรงตัวบ้างเป็นธรรมดา และพาลคิดไปว่า นี่เศรษฐกิจไทยไม่ดีจริงๆ หรือเนี่ย

    พาไปดูตัวเลขเศรษฐกิจที่มีการเก็บรวบรวมจริงบางตัว ที่ผมคิดว่า เราควรรู้ไว้หน่อยนะครับ จะได้ทำให้เราเห็นภาพในทางเดียวกัน และอ่านสนุกขึ้นจนจบบทความนี้ ตัวเลขแรกเลยก็คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค หรือ Consumer Confidence Index ซึ่งทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีนี้ เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2563 โดยตัวเลขของเดือน ธ.ค.2562 อยู่ที่ 68.3 จากเดือน พ.ย.2562 ที่อยู่ในระดับ 69.1 ที่น่าสนใจคือ ตัวเลขนี้เป็น ตัวเลขต่ำสุดในรอบ 68 เดือน ขณะที่อีกตัวเลขที่ทาง

    หอการค้าไทย เปิดเผยก็คือ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมเดือน ธ.ค.อยู่ที่ 56.0 ลดลงจากเดือน พ.ย.2562 ที่อยู่ในระดับ 56.4 ซึ่งสะท้อนว่า เราไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในอนาคตซักเท่าไหร

    สิ่งนี้สอดคล้องกับประมาณการเศรษฐกิจไทยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่ปรับลดคาดการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2562 จากเดิม 2.8% ลดลงเหลือ 2.5% ขณะที่ตัวเลขของปี 2563 ปรับลดลงจากเดิม 3.3% เหลือ 2.8% ถึงแม้จะมีนักวิชาการออกมาให้ความเห็นในเชิงปลอบใจกับเราว่า ถ้าดูจากตัวเลขประมาณการแล้ว มองในแง่ดีคือ ปี 2563 นี้ เศรษฐกิจดูขยายตัวได้ดีกว่าปีที่แล้วนะ (จาก 2.5% ขยับขึ้นมาที่ 2.8%)

    ความเป็นจริงอีกด้านก็คือ หากจำกันได้ ประมาณการเศรษฐกิจไทย ที่ทาง กนง.มองเป้า GDP Growth ของปี 2562 อยู่แถวๆ 3.5% นับตั้งแต่ต้นปี พอจบปี ต่างจากที่มองไว้ถึง 1.0% ก็ทำให้สงสัยว่า เปิดปีใหม่มาคาดว่าเศรษฐกิจเราจะโต 2.8% แล้วจบปีมันจะกลายเป็นลบจนต่ำกว่า 2.0% เป็นไปได้ไหม?

    เอาละครับ ไม่ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร แต่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า เศรษฐกิจไทยเราอยู่ในขาชะลอตัวจริงๆ คำถามคือ แล้วมันจะดีขึ้นไป มากกว่านี้ได้ไหม?

    เผื่อคุณไม่รู้ เศรษฐกิจไทยเราพึ่งพาการส่งออกในสัดส่วนราวๆ 70% ถือเป็นเครื่องยนต์หลักของไทยเราเลยก็ว่าได้ และเครื่องยนต์ตัวที่ 2 ใหญ่ไม่แพ้การส่งออกก็คือ การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 50% ซึ่งในช่วงเวลาเกิดสงครามการค้าที่ ปธน.ทรัมป์แห่งสหรัฐ เป็นจุดประเด็นขึ้นจนทำให้ภาคการส่งออกของไทยเรามีปัญหามาอย่างยาวนานนั้น เศรษฐกิจไทยก็ได้การเติบโตภาคการบริโภคนี่ละครับ ที่เป็นตัวค้ำยันให้ภาพของเศรษฐกิจเรา ดูไม่แย่มากไปกว่าที่เราเห็นในปัจจุบัน

    ถึงตรงนี้ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมรัฐบาลถึงพยายามทุกวิถีทาง ในการดึงและกระตุ้นภาคการบริโภคกลับมาให้ได้นะครับ

    แต่จนแล้วจนรอด สัญญาณการฟื้นตัวที่เป็นรูปร่าง เราก็ยังไม่เห็นชัดเจนว่า มันจะกลับมาขยายตัวได้ดีเมื่อไหร่ ซึ่งจากที่ผมได้ลองนั่งดู ด้วยประสบการณ์ตรง และสอบถามจากผู้ประกอบการทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็กจำนวนหนึ่ง สิ่งที่ผมสรุปได้ก็คือ จริงๆ แล้ว คนไทย โดยส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้จ่ายเงินในการบริโภคลดลงมากขนาดนั้น แต่เราเปลี่ยนที่ในการใช้จ่ายเงินโดยที่เราไม่รู้ตัวครับ

    ยกตัวอย่าง Baby Boomer ซึ่งมีกำลังซื้อมากสุด หลายๆ คนกำลังเข้าสู่ช่วงรีไทน์ ในช่วงเวลาที่อายุขัยของประชากรไทยกำลังขยับสูงขึ้น เขาเหล่านี้ก็รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังจะไม่ได้มีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยมาก เช่น เดิมก่อนที่ตัวเองจะเกษียณ ก็ต้องเก็บเงินมากขึ้น แต่เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ก็เริ่มขยับเอาเงินออมไปลงทุนมากกว่าจะเอาไปใช้

    ขณะที่กลุ่ม Gen Y และ Gen Z ซึ่งกำลังเข้ามาสู่ตลาดแรงงาน ก็มีอำนาจการจับจ่ายที่ไม่ได้มากเท่า Baby Boomer แถมให้คุณค่ากับสินค้าและบริการที่ต่างไปจากรุ่นพี่ๆ คือ ซื้อได้ถ้าได้ความสะดวกสบาย โดยไม่เกี่ยงราคา และแคร์สิ่งแวดล้อม รักษ์โลก ความเป็น Global Citizen มากๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของโลกไม่ใช่แค่เพียงส่วนหนึ่งของประเทศ ปัญหาคือ สินค้าที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ เมื่อสำรวจตลาดในประเทศ จะพบเรื่องน่าเศร้าว่า เราแทบไม่พบผู้ประกอบการไทย ที่ทำสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้มากเท่าที่ควร

    ลองมาย้อนดูตัวเอง ผมก็พบว่า ตัวเองซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์เยอะมากขึ้น เป็นสมาชิกของ Platform Online หลายอย่างที่เจ้าของ ไม่ใช่คนไทย และพอลองกางค่าใช้จ่ายรายเดือนของตัวเอง เปรียบเทียบกับช่วง 10 ปีก่อน พบว่า จริงๆ เราไม่ได้จับจ่ายใช้สอยน้อยลงเลย เพียงแต่มันเข้ากระเป๋าคนอื่นที่มากขึ้น และเข้ากระเป๋าคนไทยด้วยกันน้อยลง เขียนมาถึงตรงนี้ คุณคิดว่า การบริโภคไทยเราจะฟื้นได้อย่างไร ไว้ตอนหน้า ผมจะลองมาบอกความคิดของผมให้ได้อ่านกันครับ

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news...edium=internal_referral&utm_campaign=economic
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    PSX_20200129_170635.jpg
    (Jan 29) สหรัฐเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันไวรัส : รัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา ให้ครอบคลุมสนามบินในเมืองใหญ่ทั้งหมด 20 แห่ง (เพิ่มเติมจากเดิมที่มุ่งเน้นเพียงสนามบินนานาชาติ 5 แห่ง) รวมถึงเร่งผลักดันการพัฒนาวัคซีน และการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาตามอาการ

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ความเชื่อมั่นว่า สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯ ไม่น่ากังวล เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพียง 5 ราย พร้อมคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสโคโรนามีความรุนแรงน้อยกว่าเชื้อไวรัสซาร์ส เนื่องจากมีสัดส่วนผู้เสียชีวิตต่อผู้ติดเชื้อน้อยกว่า

    อนึ่ง นาย Anthony Fauci, Director of the National Institute of Allergy and Infectious Diseases กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันยังคงไม่มีการรักษาที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลต่อเชื้อไวรัสโคโรนาโดยตรง แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการศึกษาประสิทธิภาพของยาต้านไวรัสที่มี ณ ปัจจุบัน และคาดว่าจะสามารถเริ่มการทดลองทางคลินิกเบื้องต้นได้ภายในไม่กี่เดือนนี้

    Source: BOTSS

    เพิ่มเติม
    - White House tells airlines it may suspend all China-US flights amid coronavirus outbreak : https://www.cnbc.com/2020/01/28/whi...l-restrictions-amid-coronavirus-outbreak.html
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้ ทางการจีนได้สั่งปลดนายหวัง เจิงเทียน หนึ่งในคณะกรรมการด้านสาธารณสุขแห่งเทศบาลนครเทียนจินออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ ละทิ้งหน้าที่และไร้ความรับผิดชอบอย่างรุนแรง หลังไวรัสโคโรน่าแพร่ระบาด นอกจากนี้ ที่ประชุมซีพีซียังได้สั่งให้มีการลงโทษผู้ที่ตั้งใจปิดบังข้อมูลอีกด้วย
    15802919579f850927f43d6f362abfa862f2131876.jpg
    เครดิต: https://www.bangkokbiznews.com
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สธ.เอาผิด 7 ราย ปล่อยข่าวปลอม "ไวรัสโคโรนา" ขยายเฝ้าระวังคนไทยทำงานใกล้ชิดคนจีน
    เผยแพร่: 29 ม.ค. 2563 16:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    563000000991701.jpg

    สธ.แจ้งความเอาผิดคนปล่อยข่าวปลอม "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่" 7 ราย เตือนอย่าแชร์ต่อมีความผิดด้วย ขยายคัดกรองเฝ้าระวังคนไทยที่สัมผัสใกล้ชิดคนจีนด้วย เช่น ไกด์ หมอนวด หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ ต้องเข้าระบบ ย้ำ 5 ข้อ "WUHAN" ต่อสู้โรคระบาด ยันไม่มีการเมืองแทรกแซงทำงานด้านระบาด

    วันนี้ (29 ม.ค.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์โรคปอดอักเสบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยของประเทศไทยยังอยู่ที่ 14 ราย ไม่มีรายใหม่ โดยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 5 ราย ที่เหลือยังอยู่ในห้องแยกโรคของสถาบันบำราศนราดูรและ รพ.ราชวิถี อาการดีขึ้น ไม่มีอะไรน่ากังวล และยืนยันว่ายังไม่พบการติดเชื้อในประเทศไทย ทั้งหมดเป็นผู้ที่รับเชื้อมาจากประเทศจีน ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมตั้งแต่วันที่ 3 – 28 ม.ค. มี 158 ราย คัดกรองได้ที่สนามบิน 29 ราย เดินเข้ามาที่สถานพยาบาลเอง 126 ราย โดยให้กลับบ้านแล้ว 62 ราย พบว่าเป็นการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โนโรไวรัส และติดเชื้ออื่นๆ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเฉพาะเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา มีคนที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 22 ราย เท่ากับว่าวันนี้เรามีการแลผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่มาจากหลายเมืองของจีน ไม่เฉพาะแค่เมืองอู่ฮั่นเท่านั้น ทั้งนี้เรียนว่าการเจอผู้ป่วยเข้าเกณฑ์นั้นจะเจอได้ทุกวัน
    "ขออย่าเชื่อข่าวลือใดๆ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามมาที่กระทรวงสาธารณสุข หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง และขอความร่วมมืออย่าแชร์ข่าวลือ ข่าวลวงจนทำให้เกิดความตื่นตระหนก โดยวันนี้ สธ.ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ปล่อยข่าวลวงเกี่ยวกับเชื้อดังกล่าวแล้ว 7 ราย เพราะฉะนั้นขอความร่วมมืออย่าแชร์ข่าวลวง หากแชร์จะมีความผิดไปด้วย" นพ.ธนรักษ์กล่าว

    563000000991702.jpg


    นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า มาตรการรับมือโรคดังกล่าวมีการเตรียมความพร้อมสำหรับขั้นต่อไป รวมถึงกรณีหากเกิดสภาพเลวร้ายที่สุดไว้ด้วย อย่างการระบาดในประเทศไทยก็บอกไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไร อาจจะวันนี้ พรุ่งนี้หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ แต่เราต้องเตรียมการเผื่อไว้ ดังนั้น ในวันที่ 30 ม.ค.จะมีการประชุมร่วมกับทีมที่เกี่ยวข้องในทุกจังหวัดเพื่อวางแผนรับมือ หากมีการระบาดในวงจำกัดในบางพื้นที่ของจังหวัดจะทำอย่างไร แล้วถ้าขยายวงกว้างจะทำอย่างไร โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม นอกจากการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนทุกคนทุกเมืองแล้ว ยังขยายการคัดกรองในคนไทยกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิดกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนด้วย เช่น ไกด์นำเที่ยว หมอนวดไทย เป็นต้น หากคนกลุ่มนี้มีไข้ ไอ เจ็บคอ จะต้องนำเข้าระบบการเฝ้าระวังด้วย

    เมื่อถามว่ามีการประเมินสถานการณ์อาจจะลากยาวถึง 6 เดือน ต้องเตรียมการอะไรเพิ่มหรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ที่ทำอยู่ตอนนี้ถือว่าเพียงพอ ทางกรมการแพทย์ และกองทัพก็ส่งบุคลากรมาเสริมการทำงาน นับว่าเป็นเรื่องดี แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการอีกมาก คือ เครื่องวัดอุณหภูมิแบบมือถือแบบ ใช้วัดอุณหภูมิโดยไม่สัมผัสตัวบุคคล อาจจะต้องสั่งซื้อเพิ่ม อย่างไรก็ตาม การต่อสู้กับโรคระบาดต้องขอความร่วมมือกับประชาชนอย่างมาก ด้วยการฝึกปฏิบัติตนเอง ด้วยการยึดหลักอู่ฮั่น(W-U-H-A-N) คือ ล้างมือ (W - wash hands) ใช้หน้ากากอนามัย (U - use mask properly) วัดอุณหภูมิร่างกายว่ามีไข้หรือไม่ (H - have temperature checked regularly) หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด (A - avoid large crowds ) และอย่านำมือที่ไม่สะอาดมาสัมผัสใบหน้า(N - never touch your face with unclean hands)

    ส่วนกรณีที่มีหลายคนกังวลว่าทำไมถึงไม่สั่งห้ามคนจากพื้นที่ระบาดเข้าไทย เรื่องนี้ต้องดูหลายอย่าง ตอนนี้มีจีน ญี่ปุ่น และเยอรมนีที่พบผู้ป่วยในประเทศโดยไม่เคยออกนอกประเทศ ถามว่าเราต้องปิดการเดินทางทั้ง 3 ประเทศเลยหรือไม่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกระบุว่า การปิดการค้า การเดินทางเป็นวิธีที่ไม่แนะนำ และตอนนี้องค์การอนามัยโลกก็ยังไม่ประกาศห้ามการเดินทาง

    เมื่อถามว่าขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคทำงานลำบาก เพราะมีการเมืองแทรกแซง นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทีมเฝ้าระวังควบคุมโรคของเราทำงานอย่างมีอิสระมาก ไม่มีการแทรกแซงจากภาคการเมือง กลับกันยังได้รับการสนับสนุนการทำงานอย่างสะดวกมากขึ้นด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สธ. ยังสั่งการให้เราทำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนมั่นใจ พวกเราเป็นนักสู้ ถ้าอนาคตจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงเราจะไม่ยอม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ป้องกันไม่ให้บอบช้ำให้มากที่สุด
    https://mgronline.com/qol/detail/9630000009611
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กระทบธุรกิจการท่องเที่ยวไต้หวันอ่วม คาดมูลค่าความเสียหาย 500 ล้านเหรียญไต้หวัน..#RtiFanpage
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วอนหยุดแชร์! ผอ.สุวรรณภูมิ ยืนยันภาพชายจีนล้มตึงที่สนามบิน แค่เมาหลับตกเก้าอี้
    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL25zLzAvdWQvMTYwNC84MDIxNzg2L2NoaW5lc2UtZHJ1bmstbWFuLXRuLmpwZw==.jpg
    29 ม.ค. 63 (12:59 น.)


    นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กเช็กอินสถานที่ว่าอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วบอกว่า ที่สนามบินสุวรรณภูมิคนจีนอยู่ดีๆ ล้มตึงต่อหน้าต่อตาบริเวณชั้น 3 ของสนามบินและ รปภ.ห้ามถ่ายภาพ เมื่อมีคนมาแย้งก็เถียงกลับแล้วบอกว่า ไม่เชื่อก็ไปดูที่สนามบินสุวรรณภูมิ “เพื่อนถ่ายรูปส่งมาให้ดู” นั้น

    ข้อเท็จจริงคือ ชายที่นอนกับพื้นเป็นชายชาวจีนเมาสุราแล้วนั่งหลับตกเก้าอี้ เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.22 น. ของวันที่ 27 ม.ค. 63 ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่สนามบินห้ามถ่ายภาพ เป็นเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นเขตการบิน ซึ่งตามระเบียบห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ และจากการตรวจสอบไปยังบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ปรากฏว่าได้ลบภาพและข้อความไปแล้ว หลังเพิ่งปล่อยโพสต์ดังกล่าวออกมาตอน 10.00 น. ของวันนี้ (29 ม.ค. 63)

    ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ปล่อยข่าวลวงไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกและหวาดกลัวนั้น ถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีไปแล้ว 7 ราย

    https://www.sanook.com/news/8021786/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในเมืองหลวงของคาซัคสถาน, กรุงนูร์-ซุลตัน ประกาศภาวะฉุกเฉินหลังจากพายุฤดูหนาวทำให้เกิดหิมะตกหนักและลมแรงทั่วเมือง ...
    เมืองหลวง กรุงนูร์-ซุลตัน (Nur-Sultan) คาซัคสถานเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากอัสตานา (Astana) เป็นนูร์-ซุลตัน เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๒
     

แชร์หน้านี้

Loading...