ติดตามสถานะการณ์

ลือสะพัดคาสิโนตรงข้ามชายแดน อ.เชียงแสน ติดไวรัสโคโรน่า ตาย 2 เด็กป่วย 1 ส่งรักษา รพ.เชียงราย ลาวสั่งห้ามจีนผ่านไทยเข้าบ่อน สนามบินแม่ฟ้าหลวง ตรวจเข้ม 14 เมือง ไฟร์ทบินตรงจากจีน 9 เมือง ด่านชายแดนแม่สายเข้มสแกนคนเดินเท้า ส่วนผู้ที่นั่งรถเข้าออกพรมแดนยังสะดวกไม่มีการตรวจสแกนไวรัสโคโรน่า

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 63 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง อ.เมือง จ.เชียงราย สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดเชียงราย ตั้งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ร่วมกับ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ นำเครื่องเทอร์โมสแกน 3 เครื่อง ทำการตรวจผู้โดยสารบินตรงขาเข้าจากจีนตามคำสั่งให้ตรวจเข้มจาก 14 เมือง เพื่อคัดกรองเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบรุนแรง จากเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ พร้อมแจกบัตรคำเตือนสุขภาพ (Health Beware Card) ให้กับผู้โดยสาร และลูกเรือที่เดินทางมาจากจีน ซึ่งท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง มีสายการบินตรงจากจีน 9 เมือง 26 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ผลการตั้งด่านตรวจเฝ้าระวังโรค ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.- 27 ม.ค.ุ63 ยังไม่พบผู้ป่วยเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ แต่อย่างใด
ส่วนด่านพรมแดนแม่สาย ไทย-เมียนมา อ.แม่สาย มีเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ คอยใช้เครื่องเทอร์โมสแกน ทำการตรวจนักท่องเที่ยว และประชาชนที่เดินทางเข้าออกพรมแดน ส่วนที่ขับรถผ่านพรมแดน ยังเข้าออกสะดวก ไม่มีการสุ่มตรวจไวรัสโคโรน่าแต่อย่างไร
ล่าสุดโซเซียลในกลุ่มชายแดน มีการแชร์สะพัด แจ้งว่าบ่อนคาสิโนฝั่งลาวตรงข้าม อ.เชียงแสน มีคนจีนติดเชื่อไวรัสโคโรน่า จากอู่ฮั่นตาย 2 คน และมีเด็กติดเชื้อ ส่งข้ามพรมแดนมารักษาตัว ที่โรงพยาบาลฝั่งไทย 1 คน

 

น้ำท่วมใหญ่และแผ่นดินถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 57 คนหลังจากฝนตกหนักที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกบราซิล
โพสต์เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2020

 

Setiawan

ภูเขาไฟเมราปี ,ชวา อินโดนีเซีย เช้าวันที่ 28 มกราคม 2563
Merapi volcano Java, Indonesia this morning Jan28 2020

 

Setiawan

ภูเขาไฟSinabung , สุมาตรา, อินโดนีเซีย 25 มกราคม 2563
Sinabung volcano, Sumatra, Indonesia Jan25 2020

 

Setiawan

Duhok, Kurdistan, Iraq 26 มกราคม 2020
Duhok, Kurdistan, Iraq Jan26 2020.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ศูนย์กลางของการระบาดของโรค coronavirus รายงานผู้ป่วยใหม่ 1,291 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 24 รายจำนวนผู้เสียชีวิตเป็น 106 คน

 

5 ล้านคนออกจากอู่ฮั่นไปไหน ก่อนปิดเมืองกักไวรัสโคโรน่า
28 มกราคม 2563 - 07:32 น.






ชาวจีน 5 ล้านคนเดินทางจากเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย กราวน์ซีโรของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ช่วง 24 วันนับจากยืนยันพบผู้ติดเชื้อคนแรก 30 ธันวาคม จนถึงก่อนใช้มาตรการฉุกเฉินปิดเมืองห้ามเดินทางเมื่อ 22 มกราคม สร้างความแตกตื่น หลังจากนายกเทศมนตรีของเมืองแถลงเมื่อวันอาทิตย์



ตัวเลขนี้สอดคล้องกับผลสำรวจเมื่อปีก่อนที่พบว่า ประชากร 48 % หรือเกือบครึ่งจาก 11 ล้านคน เดินทางออกจากอู๋ฮั่น ช่วงตรุษจีน


สถิติจากสำนักงานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมอู่ฮั่น บ่งว่าถึงวันอาทิตย์ ( 26 ม.ค.) ยังมีประชาชน 4,096 คนที่ยังอยู่นอกจีน และมีแผนกลับอู่ฮั่นในอีกไม่กี่วัน สำนักงานฯเรียกร้องให้สายการบินและโรงแรมในพื้นที่ต่างๆของประเทศ อำนวยความสะดวกให้พวกเขาอยู่นอกอู่ฮั่นไปก่อน


หนังสือพิมพ์ ไชนา บิสเนส นิวส์ รายงานว่าประเทศไทย เป็นปลายทางยอดนิยมที่สุดสำหรับคนจากอู๋ฮั่น ที่เดินทางระหว่าง 30 ธ.ค. ถึง 22 ม.ค. หรือก่อนปิดเมือง อ้างอิงตัวเลขจาก ไฟลท์ มาสเตอร์ เวบไซต์ข้อมูลเดินทางยอดนิยม

โดยในช่วงเวลาดังกล่าว มีชาวอู่ฮั่นกว่า 1.1 หมื่นคน เดินทางมาลงที่สุวรรณภูมิ และอีกเกือบ 9,000 คน ลงที่สนามบินดอนเมือง

สนามบินชางงี ที่สิงคโปร์ 10,680 คน
สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น 9,080 คน
ฮ่องกง กว่า 7,000 คน

แต่จาก 5 ล้าน ส่วนใหญ่เดินทางอยู่ในประเทศ โดยจากแผ่นที่ไป๋ตู้ พบว่าชาวอู่ฮั่นเดินทางไปยังมณฑลเหอหนาน หูหนาน และอันฮุย มากที่สุดนับจาก 10 มกราคม

เมืองอู่ฮั่น ซึ่งอยู่ทางภาคกลางของจีน เป็นแหล่งรวมผู้คนจากต่างมณฑล นอกจากคนที่เดินทางไปรวมญาติเนื่องในเทศกาลตรุษจีนแล้ว ยังมีนักศึกษากว่า 1.3 ล้านคน ในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย 89 แห่ง รวมถึงนักศึกษาจากต่างประเทศหลายพันคน กับบางส่วนจากฮ่องกงที่เดินทางกลับบ้านช่วงตรุษจีน

10 มกราคมเป็นวันแรกของเริ่มดินทางกลับภูมิลำเนาในเทศกาลตรุษจีน ที่ถือเป็นการอพยพครั้งใหญ่สุดของมนุษย์ประจำปี อีกมากเดินทางท่องเที่ยวในประเทศใกล้ๆ ที่มีชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่อย่างไทย และสิงคโปร์

สถานทูตจีนประจำประเทศไทย เตือนพลเมืองเตรียมพร้อมรับการตรวจคัดกรองและกักกันที่สนามบิน และพร้อมสำหรับการที่จะต้องเปลี่ยนแผนเดินทาง เพราะเที่ยวบินระหว่างสองประเทศถูกยกเลิกจำนวนมาก

https://www.komchadluek.net/news/foreign/413187?qt=​

 

“สามานาทา, สิมินิทิ, สุมุนุทุ, สูมูนูทู, เสเมเนเท, แสแมแนแท, โสโมโนโท, เสาเมาเนาเทา, สํ มํ นํ ทํ, ส ม น ท”
@ เรื่องใหญ่ๆเกี่ยวกับ “ปืนใหญ่” ตั้งแต่การทำจนถึงคาถากำกับตอนยิง!
ที่มา : ศิลปวัฒนธรรม www.silpa-mag.com
ปืนใหญ่ “พญาตานี” เป็นปืนใหญ่ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คือปืนที่รัชกาลที่ 1 นำมาจากเมืองปัตตานีเพื่อลดทอนกำลังการรบ ต่อมามีการนำพญาตานีมาตั้งอยู่หน้ากระทรวงกลาโหม ก่อนจะมี “จำลอง” พญาตานีเพื่อส่งคืนบ้านเกิดที่ปัตตานี เมื่อ พ.ศ. 2556
สำหรับขนาดของปืนใหญ่พญาตานี คือ มีความยาว 3 ศอกคืบ 2 นิ้ว ขนาดกระสุน 11 นิ้ว น้ำหนักดินปืน 15 ชั่ง ย่อมอยู่ในลำดับต้นๆ หากปืนใหญ่ของไทยยังมีอีกหลายกระบอก และบางกระบอกก็มีขนาดใหญ่กว่าพญาตานี เช่น พระพิรุณแสนห่า ที่มีความยาว 4 ศอกคืบ 3 นิ้ว ขนาดกระสุน 19 นิ้ว น้ำหนักดินปืน 20 ชั่ง, พลิกพสุธาหงาย ที่มีความยาว 6 ศอกคืบ 3 นิ้ว ขนาดกระสุน 19 นิ้ว น้ำหนักดินปืน 20 ชั่ง ฯลฯ
เกี่ยวกับเรื่อง “ปืนใหญ่” นี้ เทพชู ทับทอง เขียนไว้ในบทความชื่อ “เจ้าพระยาสัมมาทิษฐิ” (กรุงเทพฯ แห่งความหลัง หจก.อักษรบัณฑิต, ไม่ระบุปีพิมพ์) ซึ่งขอสรุปบางส่วนมาเสนอดังนี้
เจ้าพระยาสัมมาทิษฐิ เป็นชื่อปืนใหญ่คู่กับเจ้าพระยารักษาศาสนา เดิมปืนใหญ่ทั้ง 2 กระบอก ตั้งไว้ใน โรงหลังคาช่อฟ้าที่ลานช้าง หน้าพระที่นั่งดุสิตมหาประสาทข้างละกระบอก ปัจจุบันตั้งอยู่ที่หน้ากระทรวงกลาโหมทั้งสองกระบอก
ปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกนี้เป็นปืนที่สร้างขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 3 มีชื่อดังกล่าวคร่ำเงินไว้ที่กระบอกปืน ตัวกระบอกปืนทำด้วยเหล็กซึ่งจัดว่าเป็นปืนใหญ่เหล็กรุ่นแรกที่สร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะเมื่อครั้งรัชกาลที่ 1 และที่ 2 ไทยหล่อกระบอกปืนใหญ่ได้แต่กระบอกทองเหลืองเท่านั้น ส่วนปืนใหญ่เหล็กต้องหาซื้อมาจากต่างประเทศ
ความจริงครั้งกรุงศรีอยุธยา ไทยหล่อปืนใหญ่เหล็กได้เอง และไทยเป็นชาติแรกๆ เสียด้วยซ้ำที่รู้จักทําปืนใหญ่ ใช้ยิงกำแพงเมือง ดังจะทราบได้จากพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยารัชกาลสมเด็จพระราเมศวร ทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 1931-1938 ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพอธิบายถึงเรื่องนี้ไว้ในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า
“สมเด็จพระราเมศวรตีเมืองเชียงใหม่ครั้งนี้ปรากฏว่าใช้ปืนใหญ่ยิงกําแพงเมืองเชียงใหม่ ข้าพเจ้าสอนหนังสือเอ็นโซโครมีเดียบริตนิคะ ได้ความว่าปืนใหญ่เพิ่งมีใช้ในยุโรปเมื่อคริสต์ศักราช 1375 ตรงกับปีเถาะจุลศักราช 737 พ.ศ. 1918 ก่อนที่เมืองเชียงใหม่คราวนี้ 9 ปี”
ครั้นถึงรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้หาช่างหล่อเหล็กมาหล่อกระบอกปืนใหญ่จากเมืองจีน ปืนใหญ่เหล็กจึงทําขึ้นได้ในเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง
ปืนใหญ่เหล็กที่ทําขึ้นเมื่อครั้งรัชกาลที่ 3 ได้ความว่ามีจํานวนมาก (หาหลักฐานไม่ได้ว่าที่ร้อยกระบอก) แต่เมื่อรวมกับปืนใหญ่ของเก่าที่เหลือตกค้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรีด้วยแล้ว ปรากฏในทําเนียบนามปืนใหญ่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดพระราชทานนามมีถึง 277 กระบอก
สําหรับปืนใหญ่เจ้าพระยารักษาศาสนาเท่าที่ทราบ ปรากฏในทําเนียบนามปืนใหญ่มีขนาดยาว 3 ศอก 10 นิ้ว ใช้กระสุน 4 นิ้ว ดินหนัก 1 ชั่ง ส่วนเจ้าพระยาสัมมาทิษฐิ ไม่มีรายละเอียดบอกไว้
ส่วนชื่อปืนใหญ่ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดพระราชทานนามนั้น ขอคัดชื่อมาลงไว้เพียงบางส่วน
ส่วนการทําลูกกระสุนปืนใหญ่ก็มีตําราบอกไว้ เรียกว่า “ตําราดินสําหรับพิไชยสงคราม” ซึ่งถ้าจะให้ข้าศึกศัตรูพ่ายแพ้ ท่านให้ประสมดินดังนี้
“ชื่ออัฐธาตุ ดิน 1 ชั่ง มาด (มาศ = กํามะถัน) 10 ตําลึง ถ่านละหุ่ง 2 บาท ชันย้อย 1 ตําลึง กระดูกผีเป็นถ่าน 3 บาท ปั้นดินลูกพรุยิงแห่งใดเป็นไฟไหม้แห่งนั้นแล…
ชื่อมุติชาติ ดิน 1 ชั่ง ถ่านไม้รัก 6 ตําลึง มาด 2 บาท เอามูตโค, กะบือ, ช้าง ต้มแล้วบด หระดาน 3 บาท แมลงภู่ 7 ตัว ถ่านกระดูกแลน 3 บาท ปั้นเป็นลูกปืนยิ่งไปข้าศึกหนีแล”
จากตําราดินปืนดังกล่าวจะเห็นได้ว่า นอกจากจะเอาดินประสิว ถ่าน และกํามะถัน ซึ่งเป็นสารหลักใช้ประสมทําดินปืนแล้ว ยังมีการใช้สิ่งของที่ไม่เป็นมงคล เช่นกระดูกผี กระดูกสัตว์อัปมงคล ขี้ช้าง, ม้า, โค และกระบือประสมเข้าไปด้วย
แต่แค่นั้นยังไม่พอ ลูกกระสุนปืนนั้นต้องเอามาเสกเป่าพระคาถา 108 ที่ (คาบ) 1000 ที่ เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์อีก พระคาถาที่เศกมีดังนี้ “สามานาทา, สิมินิทิ, สุมุนุทุ, สูมูนูทู, เสเมเนเท, แสแมแนแท, โสโมโนโท, เสาเมาเนาเทา, สํ มํ นํ ทํ, ส ม น ท”
หรือบางลูกก็ห่อด้วยยันต์แล้วเสกด้วยพระคาถาอีกที
นอกจากนั้นก็มีการเอาลูกกระสุนชุบน้ำมันที่เคี่ยวเป็นพิเศษ ซึ่งน้ำมันนั้นประกอบด้วย แมงภู่ตายคารูบดละเอียด 1 มะพร้าวจึงออกลูกเดียวด้านทิศตะวันออก 1 สีผึ้งซึ่งไหว้ศักดิ์สิทธิ์สามสถาน 1 สมองสรรพสัตว์ 1 ท่านว่ากระสุนที่ชุบน้ำมันนี้ “ยิงแม่นแล”
ตํารายิงปืนใหญ่สมัยก่อนท่านยังบอกด้วยว่า การยิงปืนนั้นจะยิงให้ตายก็ได้หรือจะยิงเลี้ยงคือยังไม่ให้ตายก็ได้ ถ้าจะยิงเลี้ยง ท่านให้ทําลูกกระสุนดังนี้
“อนึ่งถ้ายิงคนก็ดี สัตว์ก็ดี จะเอาเป็นมิให้ตาย ท่านให้เอาสีผึ้งมานั้นเป็นลูกกระสุนให้รวงกระสุนนั้นเสีย แล้วเอาไม้พลับพลาผ่าเผาเป็นเถ้าแล้ว ปรอทหนัก 3 กะปังทองนั้นด้วยเถ้า แล้วตรอกเข้าในลูกกะสุนที่รวงไว้นั้น แล้วให้เอาผ้าขาวมาขยําด้วยอัลมานห่อลูกกะสุนนั้น และเมื่อจะยิงนั้นให้ค่อยยัดจงดี อย่าให้ลูกกะสุนแตกได้แล้วยิงเถิด ถ้าคนก็ดี สัตว์ก็ดี อยู่ใกล้กัน 4-5 คน, 3-4 ตัว ได้เป็นมิตายก่อน ถ้ามิแก้ 3 วันตายแล ถ้าจะแก้มิให้ตาย เอาดินเหนียวแช่น้ำตรอกให้กินบ้างทาบ้างมีตายแล”
สรุปความได้ว่า การใช้ปืนใหญ่ของไทยเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เพราะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากพอสมควร นับตั้งแต่ทําดินปืน ทําลูกปืน ตลอดจนกระทั่งการยิ่งขึ้น นี่คือวิชาการความรู้แขนงหนึ่งของคนโบราณ
(ภาพจาก กรุงเพทฯ แห่งความหลัง, เทพชู ทับทอง)
Article by : https://www.silpa-mag.com/history/article_33740

 

Laura Wells

ศูนย์กลางของ coronavirus ระบาดรายงาน 1,291 คดีใหม่และผู้เสียชีวิตใหม่ 24 ราย รวมผู้เสียชีวิตเป็น 106 ราย

4,295 เคสยืนยัน และมีผู้เสียชีวิต 106 ราย

จำไว้ว่าตัวเลขนั้นสูงกว่ามาก
นี่เป็นตัวเลขที่ได้รับการยืนยันเท่านั้น

 

Laura Wells

WHO แก้ไขระดับความเสี่ยงทั่วโลกของไวรัสจีนเป็น 'สูง'

องค์การอนามัยโลกในวันจันทร์ยอมรับข้อผิดพลาดในการประเมินความเสี่ยงทั่วโลกของไวรัสร้ายแรง ในประเทศจีนว่า "สูง" และไม่ "ปานกลาง"

หน่วยงานด้านสุขภาพของสหประชาชาติที่กรุงเจนีวากล่าวในรายงานสถานการณ์ที่ตีพิมพ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่ามีความเสี่ยง "สูงมากในประเทศจีน สูงในระดับภูมิภาคแ ละสูงในระดับโลก"

ในเชิงอรรถองค์ องค์การอนามัยโลกอธิบายว่าได้ระบุว่า "ไม่ถูกต้อง" ในรายงานก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันเสาร์ ที่ว่าความเสี่ยงทั่วโลกอยู่ในระดับปานกลาง

ถามว่าการแบ่งประเภทความเสี่ยงหมายถึงอะไร WHO กล่าวว่าเป็น "การประเมินความเสี่ยงระดับโลก ครอบคลุมความรุนแรงการแพร่กระจาย และความสามารถในการรับมือ"



WHO corrects China virus global risk level to 'high'

The World Health Organization on Monday admitted an error in its assessment of the global risk of a deadly virus in China, saying it was "high" and not "moderate".

The Geneva-based UN health agency said in a situation report published late Sunday that the risk was "very high in China, high at the regional level and high at the global level."

In a footnote, the WHO explained that it had stated "incorrectly" in its previous reports on Thursday, Friday and Saturday that the global risk was "moderate".

Asked what the risk categorisation meant, the WHO said it was "a global evaluation of risk, covering severity, spread and capacity to cope".

https://news.yahoo.com/corrects-china-virus-global-risk-level-high-155257924.html

 

Laura Wells
ข้อควรจำ - คุณต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของ CDC เพื่อให้สามารถทดสอบ Coronavirus ได้

พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะไม่ทดสอบคุณถ้าคุณไม่ผ่านเกณฑ์ .. นั่นหมายความว่า -

A. - ผู้คนที่ถูกทดสอบในรัฐของคุณต้องเดินทางไปหวู่ฮั่นประเทศจีนในช่วง 14 วันที่ผ่านมาหรือติดต่อกับคนที่เคยเดินทางไปหวู่ฮั่นในช่วง 14 วันที่ผ่านมาและอยู่ระหว่างการสอบสวน
รวมทั้งคุณต้องแสดงไข้หรืออาการของโรคทางเดินหายใจ ..
หากคุณยังไม่เคยไปหวู่ฮั่นประเทศจีนหรืออยู่ใกล้ใครซักคนที่อยู่ภายใต้การสอบสวนคุณจะไม่ถูกทดสอบ ..

B. Coronavirus แพร่กระจายจากคนสู่คนดังนั้นถ้ามีคนอื่นมอบให้คุณและคุณไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขามีมัน (เพราะคนสามารถแพร่กระจายได้โดยไม่แสดงอาการใด ๆ ) คุณยังไม่ได้รับการทดสอบเพราะคุณไม่ รู้ว่าคนอื่นเคยไปประเทศจีนหรืออยู่กับคนอื่นที่เคยไปประเทศจีนและดังนั้นคุณจึงไม่ผ่านเกณฑ์
จะเป็นอย่างไรถ้ามีคนกลับมาและมอบมันให้กับใครบางคน .. คนที่มอบให้กับคนอื่นในช่วงสองสามวันแรกที่มอบให้คุณในสองสามวันแรกที่พวกเขามี ... ถ้าพวกเขาไม่ติดตามคุณอย่างถูกต้อง คุณจะไม่ผ่านเกณฑ์

ดังนั้นทุกคนที่ถูกทดสอบจึงอยู่ในหวู่ฮั่นประเทศจีนในช่วง 14 วันที่ผ่านมาและมีไข้ / เจ็บป่วยหรือได้ใกล้ชิดกับคนที่อยู่ในหวู่ฮั่นประเทศจีนในช่วง 14 วันที่ผ่านมาและอยู่ระหว่างการสอบสวน
พวกเขาจะไม่ทดสอบบางคน ...

นี่คือ ถูกส่งต่อจากคนถึงคน .. soooo
Imo ไม่ทดสอบคนที่แสดงอาการไม่ดี ..
ถ้ามีคน 4 คนผ่านมันไปได้ อย่างไรในโลกที่คุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ ถ้าพวกเขาไม่ติดตาม มันกลับมาหาคุณอย่างสมบูรณ์แบบ (ติดเชื้อจ่ะ) .. มันเกินกว่าฉัน ..



Remember - You Have To Meet The CDC Criteria To Even Be able To Be Tested For Coronavirus.

They say they won’t test you if you don’t meet the criteria.. What that means —

A. - The People that are being tested in your states have to have traveled to Wuhan China within the last 14 days OR been in close contact with someone who has traveled to Wuhan in the last 14 days and is already under investigation.
Plus you have to show fever or symptoms of a respiratory illness..
If you haven’t been to Wuhan China or been around someone who has and is already under investigation, you aren’t being tested ..

B. Coronavirus is spread from person to person, so if someone else gave it to you and you never even knew they had it (because people can spread it without showing any symptoms) you still aren’t being tested because you don’t know that the other person had been to China or been around someone else that had been to China, and  therefore you don’t meet criteria.
What if someone comes back and gives it to someone .. that someone gives it to someone else in the first few days who gives it to you in the first few days they had it... if they don’t trace it to you properly you won’t meet criteria.

So all people being tested was either in Wuhan China within the last 14 days and has a fever/sickness OR has been in close contact with someone who has been in Wuhan China in the last 14 days and is already under investigation.
They aren’t just testing anyone ...

This is  transmitted Person to person .. soooo
Imo not testing people who show signs isn’t good..
If 4 people passed it around how in the world do you meet criteria if they don’t trace it back to you perfectly .. This is beyond me ..

 

คลื่นลมหนาวกำลังรุนแรงสุดในรอบ 2 ปีมาแล้ว ❄️❄️
อุณหภูมิบนพื้นที่ราบลดเหลือ 8°c บนเขา -5°c หิมะตก
#RtiFanpage

https://th.rti.org.tw/news/view/id/...o2Uc6bkJnbNoqOqeyfLMhtD6_VLH73yvkUDVU9vYrbzNY

 

อ้ายจง

โลกโซเชียลแห่ชื่นชม "พยาบาลคนหนึ่งที่กำลังปฏิบัติงานในการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ในเมืองอู่ฮั่น โกนผมของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและลดเวลาในการใส่ชุดป้องกัน จะได้ช่วยเหลือคนได้มากขึ้น"

.

โดย 人民日报 (People's Daily) สื่อจีน รายงานอีกว่า พยาบาลคนนี้เผยความรู้สึก "ผม เดี๋ยวก็ยาวใหม่ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการปกป้องตัวคุณเองและช่วยเหลือคนอื่นให้มากที่สุด"

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

อ้ายจง



ข่าวดี ทั่วจีนตอนนี้ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ รักษาหายและออกรพ.แล้ว 60ราย

สำหรับจำนวนผู้ที่รักษาหายและออกจากรพ. ทั่วจีน แบ่งเป็น

- มณฑลหูเป่ย 47 ราย
- กว่างตง (กวางตุ้ง) 4 ราย
- เจ้อเจียง 1 ราย
- ปักกิ่ง 2 ราย
- เจียงซี 2 ราย
- เจียงซู 1 ราย
- เซี่ยงไฮ้ 3 ราย

อัพเดท ณ เวลา 10.30น. มีผู้ติดเชื้อทั่วจีน 4,515 ราย, อาการหนัก 976ราย, เสียชีวิต 106 ราย และต้องสงสัยว่าติดเชื้ออีก 6,973ราย ตามข้อมูลจาก People's Daily สื่อจีน

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

อ้ายจง

#อัพเดท "ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ในจีน พุ่งถึง 4,465 ราย เสียชีวิต 106ราย(นอกอู่ฮั่นและหูเป่ย 6ราย ) และออกจากรพ.แล้ว 59ราย"

.

สำหรับผู้เสียชีวิตรายใหม่ เพิ่มขึ้นมาที่ ไห่หนานและปักกิ่ง โดยส่วนใหญ่อายุ 65+

ข้อมูลผู้ติดเชื้อในจีน แบ่งตามพื้นที่ ณ 28มกราคม 2563 เวลา 09.00น. ตามเวลาประเทศไทย

(สำหรับตัวเลขที่แบ่งตามพื้นที่เป็นข้อมูลอัพเดทเท่าที่มีตอนนี้ครับ อาจจะไม่อัพเดทที่สุด )

- มณฑลหูเป่ย 2,714ราย (รวมอู่ฮั่น ) เสียชีวิต 100ราย
- ปักกิ่ง 80ราย เสียชีวิต1ราย
- กว่างตง 188ราย (รวมกว่างโจว,เซินเจิ้น,จูไห่) เสียชีวิต 1ราย
- เซี่ยงไฮ้ 66ราย เสียชีวิต 1 ราย
- เจ้อเจียง 173ราย
- หยุนหนาน 26ราย (รวมคุนหมิง,ต้าหลี่,ลี่เจียง,สิบสองปันนา,เต๋อหง)
- ซื่อชวน 90ราย
- ซานตง 87ราย
- กว่างซี 51ราย
- กุ้ยโจว 9ราย
- อันฮุย 106ราย
- ไห่หนาน 33ราย เสียชีวิต1ราย
- หนิงเซี่ย 11ราย
- ฝูเจี้ยน 59ราย
- เจียงซี 72ราย
- เทียนจิน 23 ราย
- เหอหนาน 168 ราย เสียชีวิต 1 ราย
- ฉงชิ่ง 132ราย
- ซานซี 20ราย
- หูหนาน 100 ราย
- เหลียวหนิง 27 ราย
- เหอเป่ย 33 ราย เสียชีวิต1ราย
- จี๋หลิน 6 ราย
- ซินเจียง 10 ราย
- ส่านซี 35ราย (รวมซีอาน)
- ไต้หวัน 5 ราย
- มาเก๊า 6ราย
- มณฑลเจียงซู 70ราย (รวม เมืองหนานจิง, เมืองซูโจว)
- กานซู่ 19 ราย
- เฮยหลงเจียง 21ราย (รวมเมืองฮาร์บิน เมืองเอกของมณฑลนี้ ) เสียชีวิต1ราย
- เน่ยเหมิงกู่ (เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน) 11 ราย

- ฮ่องกง 8ราย
- ชิงไห่ 6ราย

ชิงไห่มีผู้ติดเชื้อแล้ว ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ "ทิเบต" เป็นพื้นที่เดียวที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อและต้องสงสัย

นอกจากนี้มีรายงานว่า ในจีน รักษาและออกจากรพ.แล้ว 59 รายเป็นอย่างน้อย

.

สำหรับนอกจีน มีผู้ติดเชื้อดังนี้

- ไทย 8 ราย (รักษาและออกจาก รพ. 5 ราย) อ้างอิงจาก https://www.thairath.co.th/news/society/1756790
- เกาหลีใต้ 4ราย
- ญี่ปุ่น 4 ราย (รักษาและออกจากรพ. 1ราย)
- สิงคโปร์ 5 ราย
-มาเลเซีย 4
-เวียดนาม 2
-อเมริกา5 (รักษาและออกจากรพ. 1ราย)
-ออสเตรเลีย 5
-เนปาล 1
-ฝรั่งเศส 3
- แคนาดา 2ราย
-เยอรมัน 1ราย
-กัมพูชา1

อ้ายจงรวบรวมข้อมูลจาก https://voice.baidu.com/act/newpneumonia/newpneumonia

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

แพทย์เตือน "ฝุ่น" กระตุ้นไวรัสทำงานดีขึ้น
12:12 | 28 มกราคม 2563 |



งานวิจัยทางการแพทย์ของจีนเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้วงการแพทย์ทั่วโลกได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น ซึ่งในงานวิจัยยังระบุด้วยว่าฝุ่นเป็นตัวกระตุ้นให้ไวรัสทำงานดีขึ้น

เมื่อวานนี้ (27 ม.ค.2563) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยข้อมูลงานวิจัยทางการแพทย์ของจีนเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ฝุ่น PM2.5 กับไวรัสเป็นปัจจัยเกื้อหนุนกัน เพราะฝุ่น PM2.5 ทำให้เกิดอาการระคายเคือง เยื่อบุตา ปาก ทางเดินหายใจ






ทั้งนี้ หลังจากเกิดการอักเสบแล้ว ไวรัสก็เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย การแพร่เชื้อผ่านเยื่อบุตาได้ คนจาม ไอ เข้าเยื่อบุตาได้ เอามือลูบหน้าถูกเยื่อบุตาได้ แต่ไวรัสโคโรนาตัวนี้ยังมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายคนทั่วๆ ไป เกิดการอักเสบมากกว่าที่ควรจะเป็น แม้แต่ภูมิคุ้มกันที่ปกติจะต้องสร้างมารับมือ ก็ยังรับไม่ไหว

คนทั่วไปเสี่ยงเท่ากับหญิงตั้งครรภ์-เด็ก-คนชรา
ภาวะเช่นนี้ ประชาชนทั่วไปที่มีร่างกายแข็งแรง หรือวัยหนุ่มสาว ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ ไม่ใช่แค่หญิงตั้งครรภ์ เด็ก คนชรา ซึ่งอ้างอิงมาจากการรายงานของจีน ผ่านวารสารทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือในอังกฤษและสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิต 41 คนแรกในจีน 60% ของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง คือประชาชนทั่วไป ไม่ได้มีอาการป่วยด้วยโรคใดๆ มาก่อน สมมติฐาน คือเชื้อไปกระตุ้นอาการอักเสบ






ปัจจุบัน ยังไม่ทราบว่าเชื้ออยู่นอกร่างกายมนุษย์ได้กี่ชั่วโมง สมมติมีเชื้อผ่านเสมหะ พอสารคัดหลั่งพอแห้ง เชื้อไม่ได้หายไป ถ้าจะดูว่าติดง่ายหรือยาก ดูจากละอองฝอยมีปริมาณเชื้อที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแค่ไหน และการสัมผัส

รายงานแพทย์จีนระบุไม่แสดงอาการก็แพร่เชื้อได้
ทางการจีนพบว่าหลังจากสัมผัสโรคแล้ว โดยประมาณ 7 วัน จะมีไข้วันแรก พอวันที่ 8 เริ่ม หายใจเหนื่อย วันที่ 9 เริ่มหายใจไม่พอ หายใจลำบาก และวันที่ 10 ครึ่ง จะเข้าไอซียู ซึ่งเป็นลำดับพัฒนาการของโรค ผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้เสียชีวิตทุกคน แต่ข้อมูลจากจีน พบว่าถ้าไปโรงพยาบาลตอนออกอาการแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตได้ถึง 14-15%






ส่วนสิ่งที่น่ากังวล คือไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนที่ออกอาการอย่างในประเทศไทย พบว่าคนไข้ 3-4 คนแรก เข้ามาในไทย ไม่มีไข้ตลอดเวลา ถึงมีก็ไม่สูง ไม่มีอาการเจ็บป่วย เพราะเชื้อจะมีช่วงเวลาฟักตัว 1-2 วัน หรือ 14 วัน แต่ถ้าเอ็กซเรย์ปอด จะพบว่าผิดปกติอย่างมาก คนกลุ่มนี้มีเชื้อสะสมในปอดสูง แต่ไม่รู้สึกป่วย ไม่แยกตัวออกจากสังคม แต่แพร่เชื้อได้คราวละมากๆ

เชื้อไวรัสตระกูล RNA สามารถหลบในอวัยวะอื่นได้
ขณะที่ผู้ป่วยอีกประเภท ซึ่งจีนพบว่าในจีนมีผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการอะไรเลย แต่รับเชื้อมาแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าแบบนี้มีระยะการแพร่เชื้อกี่วัน ทำให้การแพร่เชื้อไปไกลแบบที่พบในปัจจุบัน ถ้าป่วยแล้ว รักษาได้ แต่เชื้อนี้เป็นไวรัสในตระกูล RNA เมื่อหายไปแล้ว อาจจะไปหลบในอวัยวะอื่นๆ ไม่จบทีเดียว รอเวลาประทุได้ใหม่ เช่น อีโบลา หลบเข้าลูกตา สมอง ทั้งที่อาการเป็นไข้เลือดออก ไวรัสชนิดนี้สามารถเลือกหลบเข้าไปในจุดที่ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายเข้าไม่ถึงได้





https://news.thaipbs.or.th/content/...9HrH1e_mFVTVHdTqT2tpwykzeMi0mqc6xPYtE2uO8oBqU

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

นี่คือตลาดอาหารทะเลหวู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของไวรัส

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ฝนตกมากขึ้น น้ำท่วมมากขึ้น ฝน 62mm กระทบเมือง São Mateus, บราซิล # 27 มกราคม

 

โรงเรียนอนุบาลบ้านเหนือเขมราฐ จ.อุบลราชธานี ปิดเรียน 2 วัน 28-29 ม.ค.นี้ หลังเจอนักเรียนป่วยไข้หวัดใหญ่เกือบ 200 คน กรมควบคุมโรค ระบุแนวโน้มผู้ป่วยสูงตั้งแต่วันที่ 1-20 ม.ค.มีรายงานผู้ป่วยแล้ว 16,348 คน เสียชีวิต 1 คน #ThaiPBSnews

 

#เกาะติดสถานการณ์โคโรนาไวรัสในญี่ปุ่น ข่าวด่วน ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ไม่เคยไปจีน !!
.
วันนี้ 28 มกราคม 2020 ทางรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันแล้วว่า ได้พบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสใหม่อีก 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นคนขับรถทัวร์ที่ไม่เคยไปประเทศจีนมาก่อน การพบครั้งนี้ยืนยันว่า นี่จะเป็นเคสแรกที่เป็นการติดจาก "คนสู่คน" ได้เกิดขึ้นแล้วในญี่ปุ่น
.
โดยคนขับรถทัวร์ท่านนี้อายุ 60 ปี อาศัยอยู่เมืองนารา ไม่เคยไปประเทศจีนมาก่อน แต่เคยรับส่งลูกทัวร์ชาวจีนมาก่อนหน้านี้ ทำให้ตอนนี้ญี่ปุ่นมีคนติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วทั้งหมด 6 คน
.
#ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #coronavirus #japan #virus #โคโรนาไวรัส #โคโรนา #corono #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น
ขอบคุณแหล่งที่มา The Mainichi https://bit.ly/2U09tee