ติดตามสถานะการณ์

การวิเคราะห์ของดร. Feigl-Ding ที่บอกในโปรไฟล์ว่า เป็นนักวิทย์ และสอนในฮาร์วาร์ด 15 ปี และ coronalvirus มี RO 3.8) นั้นถูกต้องหรือไม่?
Ferris Jabr นักเขียนวิทยาศาสตร์และนักเขียนที่มีส่วนร่วมในนิตยสาร New York Times กล่าวถึงการวิเคราะห์ของ Dr. Feigl-Ding:

การโยงใยไวรัสที่ยกมาด้านล่าง บริบทที่สำคัญและมีข้อผิดพลาดมากมาย มันไม่ได้สะท้อนหลักฐานล่าสุด

สรุปตามความเข้าใจของปมเพิ่มเติมจากการอ่านทวิตเตอร์

Ferris Jabr บอกว่า ค่าที่อ้างว่า coronavirus ใหม่นั้นมีค่า R0 อยู่ที่ 3.8 ของ ดร. Feigl-Ding มาจากนี้ https://medrxiv.org/content/10.1101/2020.01.23.20018549v1 และผู้เขียนของบทความนั้นเน้นความไม่แน่นอนระดับสูงและได้ปรับลดประมาณการของพวกเขาจาก RO 3.8 ไปเป็น R0 2.5 ไปแล้ว และการอ้างว่า "ตอนนี้เรากำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสที่รุนแรงที่สุดในโลกเท่าที่เคยพบมา" และ coronavirus ใหม่นั้นมีอัตราการติดเชื้อเท่ากับ 8 เท่าของโรคซาร์ส ไม่จริง

ถ้าแปลผิดขอโทษด้วย เชื่ออย่างมีเหตุผล ใช้ความคิดของตนเอง อย่าให้ใครชักนำ



https://www.disclose.tv/harvard-sci...ther-of-god-this-virus-has-an-ro-of-38-388573

 

#ระยอง.. พบนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนป่วยเข้าเครือผู้ต้องสงสัยเชื้อไวรัสโคโรน่าเที่ยวเกาะเสม็ด ถูกนำตัวส่งรักษาแยกห้องเฉพาะและสังเกตการณ์ รพ.ระยอง
เมื่อเวลา14.30 น.วันที่ 26 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวมณฑลเจียงซู ประเทศจีน อายุประมาณ 54 ปี เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์มาเที่ยวเกาะเสม็ด ม.4 ต.เพ อ.เมืองระยอง ป่วยมมีอาการที่สงสัยเป็นไวรัสโคโรน่า โดยขณะที่นักท่องเที่ยวรายดังกล่าว เดินเล่นอยู่ชายหาดบนเกาะเสม็ดกับกลุ่มเพื่อนชาวจีน เกิดมีอาการไข้สูง ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อย คล้ายกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 เพื่อนๆ จึงแจ้งไกด์บริษัททัวร์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ รพ.สต.เกาะเสม็ด รับตัวนำขึ้นฝั่ง ส่ง รพ.ระยอง
ทั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่านักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนคนดังกล่าว เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์จากมณฑลเจียงซู ประเทศจีน มาถึงสนามบินดอนเมืองวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะเดินทางต่อมาท่องเที่ยวที่เกาะเสม็ด จากนั้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ม.ค.นี้ จะมีอาการป่วยเป็นไข้คล้ายไวรัสโคโรน่า จึงถูกนำตัวส่ง รพ.ระยองซึ่งขณะนี้แพทย์ได้นำนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนคนดังกล่าว เข้ารักษาตัวอยู่ในห้องแยกเฉพาะ พร้อมกับเฝ้าดูอาการตลอด 24 ชั่วโมง ว่าจะมีเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือไม่..
มาโนช สนองสุข / วฐิต กลางนอก

 

เพิ่มเติมครั้งที่ 2
ห้อง 62 ภาคพื้นแปซิฟิก ได้รับรายงานแผ่นดินไหวขนาด 6.8 มีอาฟเตอช็อกกว่า 600 ครั้ง ประเทศตุรกี เบื้องต้น
/ บ้านเรือนพังเสียหาย 500 หลัง
/ เสียชีวิต 35 คน สูญหาย 12 คน
/ บาดเจ็บ 1340 คน
/ ระบบพื้นฐานเสียหาย 15 %
/ จัดตั้งจุดอพยพ 3 แห่ง/ แห่งละ 3-4000 คน
/ ทีมช่วยเหลือ 20 ทีม จนท 2000 คน สุนัขค้นหากู้ภัย 10 ตัว
/ อยู่ระหว่างการช่วยเหลือ / ห้อง 62

 

#ศรีสะเกษ พบผู้ป่วยอาจติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 1 ราย หลังกลับจากเรียนที่จีน
พบผู้ต้องสงสัยอาจติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู๋ฮั่น 1 ราย รีบส่งตัวเข้ากักกัน ที่ รพ.ศรีสะเกษ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดขยายวงกว้าง โดยพบว่าเป็นหวัด หอบเหนื่อย มีน้ำมูก หลังจากกลับมาจากเรียนที่ประเทศจีน มณฑลกวางสี เมืองกุ๋ยหลิน
วันที่ 26 มกราคม 2563 ที่ โรงพยาบาลศรีสะเกษ ขณะแพทย์ พยาบาล ได้รับตัวภายหลังจากโรงพยาบาลเครือข่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับตัวผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ พยาผู้ป่วย 1 ราย ที่สงสัยว่าอาจจะติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู๋ฮั่น บาล ด้วยอาการที่แจ้งว่า อาจะเป็นไข้หวัด เมื่อทีมแพทย์ พยาบาล ได้ทำการสักประวัติทราบถึงอาการของผู้ป่วยเข้าข่าย อาจมีการติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู๋ฮั่น คือ ผู้ป่วยมีอาการหอบ เหนื่อย มีน้ำมูล มีไข้สูงๆ ต่ำๆ และมีประวัติการเดินทางกลับมาจากประเทศจีน มณฑลกวางสี เมืองกุ๋ยหลิน เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 โดยกลับมาอาศัยอยู่บ้านเกิดตนเอง จังหวัดยะลา ก่อนที่จะเดินทางมาเยี่ยมญาติที่บ้านสีฐาน ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ และอยู่ๆ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563 ก็ได้มีอาการป่วย จึงได้มาพบแพทย์ ที่ รพ.กันทรารมย์ ในเวลา 19.00 น. ภายหลังจากแพทย์ พยาบาล ตรวจซักประวัติ จึงได้มีการประสาน รพ.ศรีสะเกษ ได้เปิดห้องกักกันโรคพิเศษ ก่อนส่งตังเข้ามากักกันเฝ้าระวังในเวลา 20.00 น. เมื่อคืนนี้ (วันที่ 25 มกราคม 2563)
นายแพทย์ อดุลย์ โบจรัส ผอ.โรงพยาบาลกันทรารมย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากทีมแพทย์ พยาบาล ว่า พบผู้ต้องสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู๋ฮั่น ได้มีการประชุมซักซ้อมกับทีมงานในการคัดกรองเฝ้าระวังผู้ป่วยที่เข้ามารักษาโรคหากพบอาการที่ต้องสงสัย และมีประวัติจากการเดินทางมาจากประเทศจีน โดยเฉพาะเมืองที่มีเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู๋ฮั่น ระบาดอยู่ ให้มีการแจ้งตนทันที และเมื่อคืนนี้ก็พบว่ามีน้องศึกษาอายุ 21 ปี ที่เดินทางมาจากประเทศจีน มณฑลกวางสี เมืองกุ๋ยหลิน เข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 ที่บ้านเกิดตนเองในจังหวัดยะลา ก่อนที่จะเดินทางมาเยี่ยมญาติที่อำเภอกันทรารมย์ ในวันที่ 23 มกราคม 2563 และเกิดป่วยกะทันหัน ในวันที่ 25 มกราคม 2563 เมื่อซักประวัติแล้วพบเป็นผู้ต้องสงสัย จึงได้ประสานกับผู้อำนวยการ รพ.ศรีสะเกษ ได้เปิดห้องพิเศษกักกันโรคก่อนส่งตัวเข้าไปทันที
ซึ่งในการกักกันเฝ้าระวังโรคที่จะทราบแน่ชัดว่ามีการติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู๋ฮั่น ต้องรออยู่อาการอย่างน้อย 3 ถึง 16 วัน จึงจะทราบคำตอบแน่ชัดว่ามีการติดเชื้อจริงหรือไม่ ส่วนรายละเอียดอื่น ถึงความชัดเจนในการติดเชื้อหรือไม่ ต้องรอทางโรงพยาบาลใหญ่แถลงอีกครั้ง.
ที่มา_https://www.springnews.co.th/thailand/northeast/606970

 

UPDATE:“อนุทิน ยืนยัน ไทยยังควบคุมสถานการณ์ แพร่ระบาดไวรัสโคโรนาได้ วางมาตรการเตรียมเสนอ ครม.ตั้งคณะทำงานเฝ้าระวังระดับชาติ 28 ม.ค.นี้”
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ในประเทศไทย ก่อนจัดทำมาตรการนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 28 ม.ค.63

นายอนุทิน กล่าวในที่ประชุม ว่า แนวทางปฏิบัติในประเทศไทย ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แม้จะพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ก็รักษาจนหายและส่งกลับประเทศภูมิลำเนา และบริเวณสนามบินหลักที่ต้นทางมาจากจีน จะมีการสแกนบุคคลที่จะเข้ามาอย่างเข้มงวดทั้งจากต้นทางที่จรน และด่านตรวจคนเข้าเมืองในประเทศไทย
นายอนุทิน หวังว่าสถานการณ์จะไม่พัฒนาไปรุนแรงถ้าทุกคนเข้าใจและร่วมมือกันในการป้องกัน ซึ่งการประชุมวันนี้ เป็นการวางมาตรการเพิ่มเสนอคณะรัฐมนตรี ตั้งคณะทำงานในระดับชาติในการบริการจัดการ โดยประเทศไทยมีการรับมือกับสถานการณ์ข้ามประเทศมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้ก็จะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน และผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ไวรัสโคโรนา #ไทย #สาธารณสุข

 

Richard Whitt

อย่าได้เป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หรือผีซ้ำด้ำพลอยเลย
• ผู้เขียนไม่อยากเห็นและไม่ต้องการให้เกิดอุบัติการณ์ 'โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง' หรือ Middle East Respiratory Syndrome Coronavirus (MERS-CoV) ฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพราะจะเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้ว..เลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีก

 

โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง
Middle East Respiratory Syndrome Coronavirus (MERS-CoV)
• โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ Middle East Respiratory Syndrome (MERS) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจรุนแรง..ที่มีต้นกำเนิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม 'โคโรนาไวรัส' Corona Virus (CoV) จากประเทศเขตตะวันออกกลาง โรคนี้จึงเรียกอีกชื่อตามชื่อไวรัสที่ก่อเหตุว่า 'เมอร์ส โควี' (MERS - CoV)
• 'โคโรนาไวรัส' หรือ Coronaviridae เป็นชื่อวงศ์ (Family) ของไวรัสกลุ่มนี้ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ย่อย..ทั้งสายพันธุ์ที่ก่อโรคในคนในสัตว์..และที่ก่อโรคในคนที่พบบ่อยคือ โรคหวัด (Common Cold) นอกนั้นเช่น โรคซาร์ส์ (SARS) โรคปอดอักเสบ (Pneumonia)
• โรคเมอร์สเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (Zoonosis) โดยมีรายงานเกิดโรคครั้งแรกในประเทศซาอุเดียอารเบีย เมื่อกันยายน ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) สัตว์ที่เป็นรังโรคของโรคนี้จากการศึกษาเชื่อว่าคือ 'อูฐ'
• แต่การศึกษายังพบว่า 'ค้างคาว' ในตะวันออกกลางก็อาจเป็นสัตว์รังโรค (Reservoir) สำหรับไวรัสสาเหตุโรคเมอร์สได้เช่นกัน
• จากสาเหตุที่เป็นไวรัสตัวใหม่ที่พบในปี ค.ศ. 2012 ในระยะแรกที่พบโรค โรคนี้จึงมีชื่อว่า Novel Coronavirus (NCoV) 2012 หรือ Coronavirus 2012
• ซึ่งมีชื่อตามโรงพยาบาลที่พบโรคนี้ครั้งแรกว่า HCoV - EMC/2012 หรือ Human Coronavirus Erasmus Medical Center/2012
• โรคเมอร์สพบได้ในทุกเพศ..แต่พบในเพศชายบ่อยกว่าเพศหญิงประมาณ 2 - 3 เท่า เป็นโรคพบได้ในทุกอายุแต่พบในเด็กได้น้อยกว่าในวัยอื่น ๆ มาก โดยมักพบในผู้มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป
• นอกจากนั้น..ยังพบได้สูงกว่าในผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำเช่น โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease) โรคระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Tract Disorder) และผู้กินยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรค (Immunosuppressants)
• โรคเมอร์สเกิดจากคนติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจ..จากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย ที่ชื่อว่า Lineage C Betacoronavirus หรือที่เรียกว่า CoV ซึ่งเป็นไวรัสที่เชื่อว่ามี 'อูฐ' และ 'ค้างคาว' ในแถบตะวันออกกลางทุกประเทศเป็นแหล่งรังโรค
• ผู้มีปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อโรคเมอร์สได้แก่
❶ ผู้เดินทางท่องเที่ยว หรือทำงาน หรืออยู่อาศัย ในถิ่นอยู่อาศัยของสัตว์รังโรค
❷ บุคคลากรห้องปฏิบัติการที่ศึกษาเรื่องไวรัสชนิดนี้
❸ บุคคลากรห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาล
❹ บุคคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะที่ดูแลผู้ป่วยนอก
❺ ผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคเมอร์ส
❻ ผู้สัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยโรคเมอร์ส
❼ ผู้สูงอายุ
❽ ผู้มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำเช่น
• ผู้มีโรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง โรคปอดเรื้อรัง โรคมะเร็ง
• ผู้กินยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคเช่น ในโรคหืด (Asthma) โรคภูมิต้านตนเอง (Autoimmune Disease)
• 'โรคเมอร์สมีอาการอย่างไร'..อาการของโรคเมอร์สมักเกิดภายใน 2 - 14 วันหลังได้รับเชื้อ 'ส่วนใหญ่ประมาณ 5 - 6 วัน' และเป็นอาการไม่จำเพาะ..โดยเป็นอาการเช่นเดียวกับโรคติดเชื้อรุนแรงในระบบทางเดินหายใจทั่วไป
• อาการหลักของโรคเมอร์สประกอบด้วย..มีไข้สูงเฉียบพลันที่มักเกิดร่วมกับอาการหนาวสั่น 'พบได้ประมาณ 87% ของผู้ป่วย' ร่วมกับมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ..นอกจากนั้นคือ 'อาการรองที่เกิดกับระบบทางเดินอาหารและอาการทั่วไป'
• อาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น
❶ ไอมีเสมหะพบได้ประมาณ 83%
❷ หายใจหอบเหนื่อย..หายใจลำบากพบได้ประมาณ 72%
❸ เจ็บคอพบได้ประมาณ 21%
❹ ไอเป็นเลือดพบได้ประมาณ 17%
❺ และเมื่อตรวจภาพปอดด้วยเอกซเรย์พบความผิดปกติ 'ลักษณะเป็นปอดอักเสบ' ได้ 100% ของผู้ป่วย
• อาการทางระบบทางเดินอาหาร: เช่น
❶ ท้องเสียพบได้ประมาณ 26%
❷ อาเจียนพบได้ประมาณ 21%
❸ ปวดท้องพบได้ประมาณ 17%
• อาการอื่น ๆ เช่น ปวดกล้ามเนื้อพบได้ประมาณ 32% ของผู้ป่วย
• นอกจากนั้น..ประมาณ 25% ของผู้ป่วยโรคเมอร์สจะไม่มีอาการ..หรือมีอาการน้อยมากเหมือนโรคหวัดทั่วไป อาจคล้ายไข้หวัดใหญ่ที่ไม่รุนแรง
• ผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการมีอาการโรคเมอร์สที่รุนแรงและเสียชีวิตที่พบได้ประมาณ 30 - 40% ของผู้ป่วยทั้งหมดคือ 'ผู้ที่มีโรคประจำตัวและมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ'
• 'แพทย์วินิจฉัยโรคเมอร์สได้อย่างไร'..การวินิจฉัยโรคเมอร์สที่สำคัญที่สุดคือ 'ประวัติสัมผัสโรคได้แก่..ประวัติเดินทางโดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง และอาการเกิดระหว่างเดินทางหรือภายใน 14 วันนับจากกลับจากต่างประ เทศ'..ดังนั้นผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายโรคหวัดจึงต้องแจ้งแพทย์ถึงประวัติเดินทางเสมอ
• นอกจากประวัติสัมผัสโรค..ซึ่งเป็นการวินิจฉัยโรคเมอร์สในเบื้องต้น การวินิจฉัยโรคเมอร์สจำเป็นต้องได้รับการตรวจยืนยันว่าโรคเกิดจากเชื้อไวรัส MERS CoV ด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงที่ให้การตรวจได้เฉพาะในโรงพยาบาล..หรือในสถาบันทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ เช่น
❶ การตรวจหาสารพันธุกรรมไวรัสนี้ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Polymerase Chain Reaction (PCR) และการตรวจเลือดดูสารภูมิต้านทานไวรัสนี้ที่เรียกว่า The Enzyme - Linked Immunosorbent Assay (ELISA)
• 'รักษาโรคเมอร์สอย่างไร'..ปัจจุบันยังไม่มียารักษาเฉพาะโรคเมอร์สและยังไม่มีวัคซีน แต่เป็นการรักษาในหอวิกฤตที่แยกผู้ป่วยเฉพาะเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในระดับสูงสุด โดยการรักษาเป็นการรักษาประคับประคองตามอาการ..และการแยกผู้ป่วยเพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดระดับสูงสุดของโรค
• การรักษาประคับประคองตามอาการ..เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ สร้างภูมิคุ้มกันต้านโรคขึ้นมาเองเพื่อกำจัดไวรัสนี้ เช่น
❶ ยาลดไข้ (Antipyretics) ยาแก้ปวด (Analgesic or Pain Killer)
❷ ยาแก้ปวดและยาพาราเซตามอล (Analgesics and Paracetamol)
❸ ยาแก้ไอ (Tips Cough)
• การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ การให้ออกซิเจน และการให้ยาปฏิชีวนะเมื่อสงสัยมีการติดเชื้อในปอดซ้ำซ้อนจากเชื้อแบคทีเรีย
• ในกรณีที่ไม่สามารถรอผลการตรวจ PCR หรือ ELISA ได้เพราะผู้ป่วยมีอาการมาก มีการแนะนำให้รักษาไปก่อนด้วยยาต้านไวรัส Oseltamivir ที่ใช้รักษาโรคในตระกูลไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรง
• อย่างไรก็ตาม...ขณะนี้กำลังมีการศึกษาในเรื่องวัคซีนและมีการทดลองใช้ยาชนิดต่าง ๆ ในการรักษาโรคนี้ แต่ผลยังไม่สามารถนำมาใช้ทางคลินิกได้
• ยาที่กำลังมีการศึกษาเช่น ยา Chloroquin , Interferons (IFNs) และยาต้านไวรัส Ribavirin
• 'โรคเมอร์สมีผลข้างเคียงอย่างไร'..ผลข้างเคียงแทรกซ้อน (Complication) จากโรคเมอร์สที่มักทำให้เสียชีวิตคือ 'การติดเชื้อในปอด..ปอดบวมที่รุนแรงจนเกิดภาวะหายใจล้มเหลว และการติดเชื้อในร่างกายที่รุนแรงจนเกิดไตวายเฉียบพลัน'
• 'โรคเมอร์สมีการพยากรณ์โรคอย่างไร'..โรคเมอร์สโดยทั่วไปเป็นโรครุนแรง เป็นโรคที่มีการพยากรณ์โรค (Prognosis) ไม่ดี ผู้ป่วยมักต้องได้รับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต
• และถึงแม้จะได้รับการรักษาประคับประคองตามอาการอย่างเหมาะสม อัตราเสียชีวิตจะประมาณ 30 - 40% โดยมักเกิดในผู้สูงอายุ ในผู้มีโรคประจำตัว และในผู้มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ ซึ่งการเสียชีวิตมักเกิดภายใน 14 วันหลังเกิดอาการ
• 'การดูแลตนเองที่เกี่ยวข้องกับโรคเมอร์ส'..เมื่อหายจากโรคและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว การดูแลตนเองที่บ้านได้แก่
❶ ปฏิบัติตามแพทย์พยาบาลแนะนำอย่างเคร่งครัด
❷ กินยาต่าง ๆ ที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วนถูกต้อง
❸ รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน 'สุขบัญญัติแห่งชาติ' (Ten National Healthy Articles) ที่สำคัญคือ ล้างมือบ่อย ๆ กินอาหารปรุงสุกใหม่ ไม่กินอาหารค้าง ใช้ช้อนกลาง
❹ กินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ให้ครบในทุก ๆ วัน
❺ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว ถ้าแพทย์ไม่แนะนำให้จำกัดน้ำดื่ม
❻ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
❼ รู้จักใช้หน้ากากอนามัยกับตนเองถ้ายังมีอาการไออยู่
❽ รู้จักใช้หน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปในที่แออัด
❾ หลีกเลี่ยงการไปในที่แออัด
❿ พักผ่อนให้เพียงพอ
⑪ ออกกำลังกายทุกวันตามควรกับสุขภาพ (Exercise Concepts For Healthy Lifestyle)
⑫ พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
• เมื่อกลับจากการเดินทางไปต่างประเทศ..โดยเฉพาะประเทศกลุ่มเสี่ยงที่มีการระบาดของโรคนี้ การดูแลตนเองคือ
❶ ควรแยกตัวอยู่ในบ้านและในพื้นที่ของตนเองประมาณ 14 วันนับจากเดินทางถึงบ้าน..ทั้งนี้เพื่อเฝ้าสังเกตุอาการเพราะระยะฟักตัวของโรคจะประมาณ 2 - 14 วัน
❷ วัดไข้ทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง 'เช้า เย็น' และช่วงเวลาที่รู้สึกมีไข้ จดไว้เพื่อแจ้งแพทย์และพยาบาล
❸ ถ้ามีไข้ 'อุณภูมิสูงตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป'..ต้องรีบไปโรงพยาบาล ใช้หน้ากากอนามัย และแจ้งแพทย์ว่า 'เพิ่งกลับจากต่างประเทศและประเทศใด'
❹ หลังจากนั้นรวมทั้งครอบครัวให้ปฏิบัติตามแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนะนำอย่างเคร่งครัด
• 'ครอบครัวผู้ป่วย'..ต้องดูแลตนเอง ผู้ป่วย และคนในบ้าน ตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด..โดยเฉพาะการจำกัดตนเองอยู่ในบ้าน และวัดอุณหภูมิร่างกายอย่างสม่ําเสมอ..และรีบไปโรงพยาบาลทันทีเมื่อมีไข้ โดยแจ้งแพทย์ว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วย
• 'ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร'..เมื่อเป็นโรคเมอร์สที่แพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อมีอาการดังต่อไปนี้
❶ อาการเลวลงเช่น ไอมากขึ้น 'ท้องเสีย ท้องร่วง' (Diarrhea) 'อ่อนล้า อ่อนเพลีย' (Fatigue) มาก
❷ อาการที่เคยหายไปแล้วกลับมามีอาการอีกเช่น มีไข้ ไอ
❸ มีอาการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่น ชัก (Seizure) ปวดศีรษะมาก
❹ วิตกกังวลในอาการ (Warning Sign of Anxiety Disorder)
• บรรณานุกรม :
Credit : https://www.who.int/emergencies/mers-cov/en/
Credit : https://www.who.int/news-room/fact-...t-respiratory-syndrome-coronavirus-(mers-cov)

 

ถึงคนไทยในจีนทุกคนนะครับ ทางสถานทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ฝากแจ้งมาอีกครั้ง ขอให้ชาวไทยที่อยู่ในจีน โปรดลงทะเบียนแจ้งชื่อและข้อมูลการติดต่อ โดยสแกน QR Code ที่อยู่ด้านล่างหรือผ่านเว็บไซต์
http://thaiconsulpek.mikecrm.com/UP1YCSG
เพื่อที่สถานเอกอัครราชทูตฯ สามารถติดต่อหรือแจ้งข้อมูลข่าวสารในกรณีเกิดสถานการณ์เร่งด่วนฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ได้ให้เบอร์ติดต่อฉุกเฉินมาด้วย สำหรับคนไทยในพื้นที่ต่างๆลองดูในรูปได้เลยนะครับ
หากใครมีปัญหาต้องการความช่วยเหลือสามารถทักมาหาอ้ายจงได้เช่นกัน ยินดีเป็นสื่อกลางครับ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

ทางการไทยกำลังเตรียมการอพยพคนไทยในอู่ฮั่นแล้วครับ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

เพื่อลดการแพร่ระบาดของโคโรนาพันธุ์ใหม่ "ปักกิ่งประกาศให้สถาบันศึกษาตั้งแต่อนุบาลถึงมหาวิทยาลัยในกรุงปักกิ่งเลื่อนเปิดเทอม" โดยแต่ละโรงเรียนสามารถกำหนดนโยบายและเลื่อนเปิดเทอมได้เอง
ขณะที่มหาวิทยาลัยทั่วเมืองอู่ฮั่นและพื้นที่มณฑลหูเป่ยก็ประกาศเลื่อนเปิดเทอมแล้ว ส่วนสถาบันการศึกษาระดับอื่นๆในหูเป่ยก็เลื่อนเช่นกัน
สำหรับคนที่เรียนในจีนหรือกำลังจะไปเรียนที่จีนเร็วๆนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดราวๆต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก็ขอให้ติดตามประกาศจากทางมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่นะครับ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

ข้อมูลจากคนไทยในเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) : ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทำงานกันหนักและตรวจเข้มมาก อย่างวันนี้มีเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจ เคาะประตูทุกบ้าน (ห้อง) ในแต่ละเขต และย่านที่พักอาศัย เพื่อสอบถามว่ามีใครที่เดินทางมาจากนอกเมืองเฉิงตู โดยเฉพาะมาจาก "อู่ฮั่น" บ้างหรือเปล่า
ในเมืองเฉิงตู ยังไม่ปิดการจราจนและขนส่งมวลชน แต่ตรวจเข้มงวดมาก เช่น ตามสถานีรถไฟใต้ดิน จะมีเครื่องสแกนอุณหภูมิร่างกายเพื่อคัดกรองผู้เสี่ยงติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

พบนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนป่วยเข้าเครือผู้ต้องสงสัยเชื้อไวรัสโคโรน่าเที่ยวเกาะเสม็ด ถูกนำตัวส่งรักษาแยกห้องเฉพาะและสังเกตการณ์ รพ.ระยอง
เมื่อเวลา14.30 น.วันที่ 26 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวมณฑลเจียงซู ประเทศจีน อายุประมาณ 54 ปี เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์มาเที่ยวเกาะเสม็ด ม.4 ต.เพ อ.เมืองระยอง ป่วยมมีอาการที่สงสัยเป็นไวรัสโคโรน่า โดยขณะที่นักท่องเที่ยวรายดังกล่าว เดินเล่นอยู่ชายหาดบนเกาะเสม็ดกับกลุ่มเพื่อนชาวจีน เกิดมีอาการไข้สูง ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อย คล้ายกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 เพื่อนๆ จึงแจ้งไกด์บริษัททัวร์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ รพ.สต.เกาะเสม็ด รับตัวนำขึ้นฝั่ง ส่ง รพ.ระยอง

ทั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่านักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนคนดังกล่าว เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์จากมณฑลเจียงซู ประเทศจีน มาถึงสนามบินดอนเมืองวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะเดินทางต่อมาท่องเที่ยวที่เกาะเสม็ด จากนั้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ม.ค.นี้ จะมีอาการป่วยเป็นไข้คล้ายไวรัสโคโรน่า จึงถูกนำตัวส่ง รพ.ระยองซึ่งขณะนี้แพทย์ได้นำนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนคนดังกล่าว เข้ารักษาตัวอยู่ในห้องแยกเฉพาะ พร้อมกับเฝ้าดูอาการตลอด 24 ชั่วโมง ว่าจะมีเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือไม่..
มาโนช สนองสุข / วฐิต กลางนอก

 

จีนสั่งงดบริการ ‘รถโดยสารระหว่างมณฑล’ ไม่มีกำหนด ภานใน 24 ชั่วโมง มีผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 688 ราย
China reports 1,975 confirmed cases of new coronavirus pneumonia, 56 deaths
• สำนักข่าว China Xinhua News รายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เผยข้อมูลนับถึงวันเสาร์ที่ 25 มกราคม ระบุว่าจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ภายในประเทศอยู่ที่ 1,975 ราย โดยเป็นผู้ป่วยขั้นวิกฤต 324 ราย ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 56 ราย และผู้ป่วยสงสัย 2,684 ราย
Credit : http://www.xinhuanet.com/english/2020-01/26/c_138734617.htm

 

แผ่นดินไหวขนาด 6.1 - 57 กม. ทางตะวันตกของเกาะ Amatignak รัฐ Alaska เป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งที่สองเพื่อเขย่าพื้นที่ในสัปดาห์นี้พร้อมกับaftershocks เกือบ 200 ครั้ง: แผ่นดินไหวใหญ่ครั้งที่ 11 ของเดือนมกราคม 2563
A magnitude 6.1 - 57km, West of the Amatignak Island, Alaska is the second major quake, to rock the area this week along with nearly 200 aftershocks: Is the 11th major quake of January 2020.

 

มู่หลาน 2020! พยาบาลจีนยอม ‘ตัดผม’ ก่อนบุกอู่ฮั่น สู้ศึกไวรัสร้าย
.
พยาบาลหญิงคนหนึ่งในนครเฉิงตูทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ร้องขอเพื่อนร่วมงานช่วยตัดเส้นผมของเธอให้สั้นลง ก่อนที่เธอจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญในนครอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
.
หลี่ฉยง พยาบาลผู้กล้าตัดเส้นผมยาวทิ้งอย่างไม่เสียดายเพื่อที่จะทำงานได้สะดวกรวดเร็ว นับเป็นหนึ่งในกองทัพบุคลากรทางการแพทย์หลายร้อยชีวิต ที่กำลังทุ่มเทแรงกายแรงใจสู้รบกับไวรัสร้ายสายพันธุ์ใหม่ในวินาทีนี้
.
ชมคลิปวิดีโอ
: https://www.xinhuathai.com/vdo/พยาบาลจีนยอม-ตัดผม-ก่อ_20200125

 

Workpoint news

วันที่ 26 ม.ค. นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต ถึงแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยระบุว่า
.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ประชาสัมพันธ์ เฝ้าระวังการแพร่ระบาดและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ในโรงเรียนตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้ง ดังนี้
- ดื่มน้ำอุ่น เมื่อรู้สึกกระหายน้ำ (เด็ก 30 - 50 ซีซี, ผู้ใหญ่ 50 - 80 ซีซี)
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด
- สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ชุมชน
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์ และไม่สัมผัสหรืออยู่ใกล้กับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์ที่ป่วยหรือตาย
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือ แอลกอฮอล์ เจลล้างมือ
- ห้ามรับประทานของดิบ รับประทานอาหารที่สะอาดปลอดภัย มีสารอาหารครบถ้วน
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
.
และหากพบนักเรียนมีอาการไข้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดยาก ปวดศีรษะและลำตัว มีอาการไอต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีน้ำมูก ให้รีบพาไปพบแพทย์ หรือโทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
.
ทั้งนี้ หากพบผู้มีภาวะเสี่ยงต่อโรคให้ประสานและส่งต่อหน่วยงานด้านสาธารณสุขทันที
.
และหากมีความจำเป็นต้องปิดโรงเรียนให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการโรงเรียนต่อไป

 

มหานครเซี่ยงไฮ้ ปิดให้บริการรถบัสข้ามมณฑลรวมถึงรถชัตเติลบัส/รถเหมา ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อลดการแพร่ไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้26มกราคม2563 เป็นต้นไป
โดยถนนเชื่อมมณฑลทั้งทางที่เข้ามาเซี่ยงไฮ้ และออกจากเซี่ยงไฮ้ จะมีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจเช็คเพื่อแจ้งให้วกรถกลับ หากใครฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยกฎหมายบังคับใช้เมื่อประกาศภาวะรัยมือสถานการณ์ระดับสูงสุดที่ตอนนี้ทางเซี่ยงไฮ้และพื้นที่อื่นในจีนได้ประกาศใช้ เพื่อรับมือต่อการแพร่ระบาดของโคโรนาชนิดใหม่
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

อัปเดตล่าสุดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
เชียงใหม่พบเพิ่มอีก 4 ราย‼️ ผู้ต้องสงสัยป่วยไวรัสปอดอักเสบจากเมืองอู่ฮั่น ยังไม่ยืนยันติดเชื้อไวรัสหรือไม่ อยู่ระหว่างรอผลตรวจ
>> อ่านต่อได้ที่ https://www.cm108.com/w/19956/

 

#การรับมือโคโรน่าไวรัส
3 กระทรวงหลักเตรียมรับมือ โคโรนาไวรัส เสนอตั้งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดประเทศ
• นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า..การประชุมวันนี้เพื่อจัดทำมาตรการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อบริหารจัดการ และอาจจะต้องมีการยกระดับเป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลต้องช่วยกันและมีอำนาจพิเศษในการบริหารสถานการณ์ ขอให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นภาวะสุขภาพ ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขอให้มีสุขอนามัยที่ดี กินร้อนช้อนกลางล้างมือ ไม่ไปสถานที่แออัด โอกาสที่จะติดเชื้อนี้น้อยมาก
• ส่วนการหามาตรการต้องไม่ใช่แบบกำปั้นทุบดิน ต้องคิดอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนมาเมืองไทยมาก หากเราเจอแค่นี้แล้วปิดกั้นเลย ปิดประเทศไปเลย ก็อาจเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วเกินไป และสถานการณ์ยังไม่ถึงจุดนั้น
• ส่วนที่ประเทศจีนปิดเมืองและห้ามการเดินทางได้ในหลายเมือง ขณะที่ฮ่องกง ไต้หวัน มีมาตรการหยุดเรียน ห้ามคนเข้าประเทศจีน เรียนว่าแต่ละประเทศมีเงื่อนไขและวิธีการรับมือกับสถานการณ์แตกต่างกันไป แต่ประเทศไทยมีประสบการณ์ในการรับมือความเป็นไปได้ในการระบาดของโรคแบบข้ามประเทศมาหลายครั้งและทำได้เป็นอย่างดี
#ประชาชนทั่วไป ติดตามข่าวสารและทำความเข้าใจ
เกี่ยวกับการปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง
ไม่ตื่นตระหนก แต่ต้องตระหนัก
และป้องกันตนเองก่อน
______
ﾠ
แหล่งข้อมูล : Richard Whitt
https://nationthailand.com
https://natioNweekend.com

 

แผ่นดินไหวตุรกีเสียชีวิตอย่างน้อย 29 คน บาดเจ็บกว่า 1,600 คน
.
ทางการตุรกี เปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 29 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 1,600 คน
.
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของตุรกี เปิดเผยว่า จนท.สามารถช่วยผู้ประสบภัยได้มากกว่า 40 คน และคาดว่า น่าจะยังมีผู้ประสบภัยติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกมากกว่า 20 คน
.
เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ วัดความรุนแรงได้ขนาด 6.8 โดยจุดศูนย์กลางอยู่ในเมืองทางตะวันออกของตุรกี ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวซ้ำ หรือ อาฟเตอร์ช็อค อีกมากกว่า 400 ครั้ง #ThaiPBS