ติดตามสถานะการณ์

กระบี่-กักตัวหญิงชาวจีนวัย 35 หลังมาจากเมืองอู่ฮั่นแล้วมีไข้ต้องสงสัยปอดอักเสบไวรัสโคโรน่า ล่าสุดไม่พบไข้แต่ต้องรอให้ครบ 24 ชม



วันที่ 23 มค.63 ที่ รพ.กระบี่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการกักตัวรักษาผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อปอดอักเสบไวรัสโคโรน่า ซึ่งเป็นหญิงชาวจีน ทางนายแพทย์สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่ ได้นำไปตรวจสอบที่ห้องแยกโรคติดเชื้อทางอากาศ ซึ่งเป็นห้องที่ถูกจัดขึ้นสำหรับการป้องกันการระบาดของเชื้อปอดอักเสบภายใน รพ.กระบี่
โดยนายแพทย์ สุพจน์ เผยว่า หญิงชาวจีนรายนี้ ชื่อ นางหลี ลุ่ย อี้ อายุ 35 ปี เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อคืนวันที่ 22 มค.ที่ผ่านมา เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตำบลหนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จากนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่ม คืนที่ผ่านมา ผู้ป่วยรู้สึกว่ามีไข้ จึงเดินทางไปที่ รพ.วัฒนแพทย์อ่าวนาง ซึ่งทาง รพ.วัฒนแพทย์ได้มีการทำข้อตกลงไว้ว่าหากเป็นผู้ป่วยจากจีนในช่วงนี้ ต้องเข้าสู่ระบบกักตัว จึงนำส่งต่อมาที่ รพ.กระบี่
นายแพทย์สุพจน์ กล่าวว่า หลังรับผู้ป่วยมานั้นก็รีบเข้าห้องกักตัวรักษา โดยในช่วงแรกพบมีไข้อ่อนๆ เท่านั้น โดยมีแพทย์และพยาบาลคอยดูแลตลอดเวลา จนวันนี้พบว่าไม่มีไข้แล้ว อุณหภูมิ 37.5 องศา แต่เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยกับโรคดังกล่าว จึงได้ให้คอยดูอาการให้ครบ 24 ชม. หากไม่พบมีอาการเพิ่มเติมใดๆ ก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ในช่วงเย็นของวันนี้
https://www.77kaoded.com/content/12...YvrrAdkqMM_LBhbW7yGeZv3VmX22J5jGQUUtW5BeNwgXA

 

องค์การอนามัยโลกขยายเวลาพิจารณาเพิ่ม 1 วันว่าจะประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระลอกนี้ เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระหว่างประเทศหรือไม่ ขณะที่หลายประเทศยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองเพื่อเฝ้าระวังการระบาด #ThaiPBSnews



https://news.thaipbs.or.th/content/...5JMksRto-FGan4BKJ_mBum4ytsBOeaOYRw6Y--0hw51Po

 

23 ม.ค.63 เมืองอู่ฮั่น ระงับการให้บริการขนส่งสาธารณะทุกประเภท ตั้งแต่ 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 17 คน ผู้ติดเชื้อพุ่งสูงกว่า 500 คน
ส่วนความคืบหน้าการประชุมฉุกเฉินของ องค์การอนามัยโลก (WHO) เกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวในจีน ปรากฏว่าที่ประชุมยังไม่ตัดสินใจว่าจะมีการประกาศให้การระบาดเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณะสุขระหว่างประเทศหรือไม่และจะมีการหารือกันต่อในวันนี้
#ThaiPBSnews #ไวรัสโคโรนา #อู่ฮั่น

 

แผ่นดินไหว ขนาด 6.2
หมู่เกาะอันเดรียน, ALEUTIAN IS.
วันที่ 2020-01-23 เวลา 05: 53: 03.4 UTC
ตำแหน่ง 51.97 N; 177.80 W
ความลึก 10 กม







Magnitude Mw 6.2
Region ANDREANOF ISLANDS
Date time 2020-01-23 05:53:03.4 UTC
Location 51.97 N ; 177.80 W
Depth 10 km
Distances 3795 km NE of Tokyo, Japan / pop: 8,337,000 / local time: 14:53:03.4 2020-01-23
4513 km NE of Pyongyang, Korea, Democratic People's Republic of / pop: 3,222,000 / local time: 14:53:03.4 2020-01-23
4530 km NE of Seoul, Korea, Republic of / pop: 10,350,000 / local time: 14:53:03.4 2020-01-23

https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=822085

 

แฉตลาดปลาต้นตอ “ไวรัสอู่ฮั่น” ขายเนื้อสัตว์ป่าพิสดาร ผงะโคอาลาเป็นๆ พร้อมชำแหละ วันที่ 23 มกราคม 2563 - 13:09 น.


แฉตลาดปลาต้นตอ “ไวรัสอู่ฮั่น” ขายเนื้อสัตว์ป่าพิสดาร ผงะโคอาลาเป็นๆ พร้อมชำแหละ
แฉตลาดปลาต้นตอ – วันที่ 23 ม.ค. เดลีเมล์ รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่พบใน เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตะวันออกของ ประเทศจีน หลังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 571 คน และเสียชีวิตแล้ว 17 ราย ว่า ทางการจีนสันนิษฐานว่าต้นตอของเชื้ออาจมาจากเนื้อสัตว์ป่าที่ขายในตลาดค้าส่งอาหารทะเลหัวหนาน เมืองอู่ฮั่น


นายกั๋ว ฟู่ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน กล่าวว่าแม้ยังไม่มีข้อมูลชี้ชัดว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีที่มาจากอะไร แต่หลักฐานและข้อมูลของผู้ติดเชื้อทำให้คาดการได้ว่ามาจากสัตว์ป่าที่ขายในตลาดหัวหนาน


A list of prices for one of the businesses operating at the market showed ‘live tree bears’ which is the Chinese for ‘koala’ (circled above). /Twitter/Muyi Xiao/
ด้านเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ระบุว่าตลาดที่อาจเป็นต้นต่อของไวรัสร้าย มีร้านค้าจำหน่ายเนื้อสัตว์ป่า รวมทั้งสัตว์เป็นๆ พร้อมชำแหละ มากถึง 112 ชนิด อาทิ สุนัขจิ้งจอก จระเข้ ลูกหมาป่า ซาลาแมนเดอร์ อูฐ งู หนู นกยูง เม่น ตัวพอสซั่ม และหมีต้นไม้ ซึ่งในภาษาจีนหมายถึงโคอาลา มีป้ายติดราคาที่ 70 หยวน หรือราว 307 บาท

ขณะที่โลกสังคมออนไลน์จีนแสดงความคิดเห็นตกใจเพราะไม่คิดว่าตลาดค้าอาหารทะเลจะขายเนื้อสัตว์ป่า ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหลายคนโพสต์แสดงความไม่พอใจ และว่าเนื้อสัตว์หลายชนิดที่พบในตลาดแห่งนี้เป็นเนื้อที่แม้แต่คนจีนก็ไม่กิน


Wuhan Huanan Seafood Market (above) is allegedly selling wild animals including live wolf pups, civets and even koalas. /Twitter/Muyi Xiao/

Wild animals ready to be sold at The Huanan Seafood Market in Wuhan in China. /Twitter/

Huanan seafood market has been closed while Authorities carry out checks and cleaning. /AFP/
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_3445639

 

Setiawan

หลุมยุบในซานดิเอโก

ถนนหลายถนนถูกปิดในย่าน southcrest ของซานดิเอโกในช่วงบ่ายวันอังคารหลังจากมีหลุมยุบเปิดขึ้นกลางถนน แคลิฟอเนีย 21 มกราคม 2020

หลุมยุบขนาดใหญ่ที่จู่ๆก็เกิดขึ้น ทำให้เกิดน้ำท่วมในซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย

การแตกของสายส่งน้ำหลัก ได้ทำให้เกิดหลุมยุบ และน้ำไหลพราก บนถนนในย่าน southcrest ของซานดิเอโก

Sinkhole in San Diego

Several streets are closed in San Diego’s Southcrest neighborhood Tuesday afternoon after a sinkhole opened up in the middle of the road.
California, Jan21 2020

This huge sinkhole that suddenly caused flooding in San Diego, California.

A major water main break has caused a sinkhole to form and water to rush down a street in the Southcrest neighborhood of San Diego roughly.

 

'วิกฤติอากาศ' ทำลาย 'จีดีพีโลก' เกิน 50%

20 มกราคม 2563

ผลการวิจัยฉบับใหม่เผยว่า วิกฤติสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นสร้างความเสียหายให้กับสภาพธรรมชาติเป็นอันตรายต่อจีดีพีโลกกว่าครึ่งหนึ่ง

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในวาระการประชุมประจำปีของเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์นี้ ดับเบิลยูอีเอฟร่วมกับพีดับเบิลยูซี สหราชอาณาจักร จัดทำรายงาน “เศรษฐกิจธรรมชาติใหม่” ศึกษาพบว่า ปี 2562 เป็นปีที่มหาสมุทรโลกร้อนเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงสุดเป็นปีที่ 2 และเกิดไฟป่าหลายพื้นที่ตั้งแต่สหรัฐไปจนถึงป่าอเมซอนและออสเตรเลีย สร้างความเสียหายให้กับจีดีพีโลกกว่าครึ่ง เนื่องจากผลผลิตเหล่านี้ที่คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 44 ล้านล้านดอลลาร์ ต้องพึ่งธรรมชาติในระดับปานกลางหรือระดับสูงมาก จึงเกิดความเสี่ยงหากธรรมชาติเสียหาย

รายงานระบุด้วยว่า การก่อสร้าง (4 ล้านล้านดอลลาร์) การเกษตร (2.5 ล้านล้านดอลลาร์) และอาหารและเครื่องดื่ม (1.4 ล้านล้านดอลลาร์) เป็น 3 อุตสาหกรรมใหญ่สุดที่พึ่งพาธรรมชาติมากที่สุด

เมื่อรวมกันมูลค่าของธุรกิจเหล่านี้ใหญ่กว่าเศรษฐกิจเยอรมนีราว 2 เท่า ว่ากันว่าทั้ง 3 อุตสาหกรรมไม่พึ่งพาธรรมชาติทางตรง เช่น ใช้ทรัพยากรจากป่าและมหาสมุทร ก็พึ่งพาทางอ้อม กล่าวคือระบบนิเวศของอุตสาหกรรมต้องใช้ดินดี น้ำสะอาด การถ่ายละอองเกสร และสภาพอากาศที่แน่นอน เท่ากับว่าถ้าธรรมชาติเสียหาย ขีดความสามารถของอุตสาหกรรมเหล่านี้จะต้องปั่นป่วนเป็นอย่างมาก

รายงานจำแนกชัดว่า อุตสาหกรรมที่พึ่งพาธรรมชาติสูงสร้างรายได้ 15% ของจีดีพีโลก (13 ล้านล้านดอลลาร์) ส่วนอุตสาหกรรมที่พึ่งพาธรรมชาติปานกลาง สร้างรายได้ 37% ของจีดีพีโลก (31 ล้านล้านดอลลาร์)




“เราจำเป็นต้องกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเสียใหม่ จะต้องไม่มองว่าการที่ธรรมชาติเสียหายจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องภายนอกอีกต่อไป รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นแล้วว่า ธรรมชาติเสียงหายส่งผลสำคัญต่อธุรกิจทุกภาคส่วน ทั้งยังเป็นความเสี่ยงเร่งด่วนในแนวดิ่งต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคตของเราทั้งผอง” โดมินิก วาเกรย์ กรรมการผู้จัดการดับเบิลยูอีเอฟกล่าวในรายงาน

ธีมงานประชุมดับเบิลยูอีเอฟในปีนี้คือ “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อโลกที่เหนียวแน่นและยั่งยืน” ถูกวิจารณ์หนาหูว่าแปลกแยกจากโลกแห่งความเป็นจริง แต่ดับเบิลยูอีเอฟแจ้งว่า วัตถุประสงค์การประชุมคือช่วยเหลือรัฐบาลและสถาบันระหว่างประเทศติดตามความก้าวหน้าของข้อตกลงปารีสว่าด้วยโลกร้อน และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (เอสดีจี) ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

ยูเอ็นยอมรับแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น “ปัญหาสำคัญในยุคสมัยของเรา” รายงานเมื่อเร็วๆ นี้เรียกวิกฤติสภาพภูมิอากาศว่า "ความท้าทายใหญ่สุดต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน


อลัน โจป ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ยูนิลีเวอร์ ระบุ รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นถึงเรื่องสำคัญอย่างมากว่าเราอยู่ในความทุกข์ยากแสนสาหัส ผู้นำภาคธุรกิจและรัฐบาลยังมีเวลาลงมือทำตามข้อเสนอของรายงาน

"ถ้าเราร่วมมือกันการประชุม COP15 และ COP26 สามารถบรรลุข้อตกลงที่เราต้องการให้เกิด เพื่อขับเคลื่อนโลกออกจากห้องฉุกเฉินไปอยู่ห้องพักฟื้นได้" ซีอีโอยูนิลีเวอร์กล่าว

รายงานฉบับก่อนของดับเบิลยูอีเอฟเผยด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม บริษัทเอกชน ตลอดจนหน่วยงานรัฐบาลโดยถ้วนหน้า ก่อต้นทุนแก่บริษัทขนาดใหญ่สุดของโลกจำนวนกว่า 200 แห่งเป็นเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะ5ปีข้างหน้า หากไม่มีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเห็นผล

นอกจากนี้ ดับเบิลยูอีเอฟ ยังระบุว่า สำหรับประเทศกำลังพัฒนาต้องใช้งบประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปีเพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยน และภายในสิ้นศตวรรษนี้ ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของสหรัฐประมาณ 10% และการที่สหภาพยุโรป (อียู) ตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้เหลือ 0% ภายในปี 2593 จำเป็นต้องใช้งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์

https://www.bangkokbiznews.com/news...02J8XWQWaqxwd3yKdgZYHd9BI_YDkck88E6TuHSVzI6rw

 

Too Young to Die

มนุษย์บริโภคทรัพยากรเกิน 100 พันล้านตันต่อปี ในขณะที่การrecycle กลับลดลง 15% ของการบริโภคกลายเป็นก๊าซเรือนกระจกสาเหตุภาวะโลกร้อน

ทุกวันนี้ภาวะโลกร้อนและความเสียหายทางชีวภาพ เกิดจากการใช้ทรัพยากร พลังงานฟอสซิล เหล็ก แร่ธาตุ วัตถุดิบก่อสร้างต่างๆ และการตัดไม้ทำลายป่าอย่างฟุ่มเฟือยของมนุษย์ นักวิจัยชี้ว่าการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีขีดจำกัดแบบนี้ จะทำให้โลกเข้าใกล้หายนะ

ทรัพยากร วัตถุดิบถูกใช้เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า เทียบกับยุค 1970 ในขณะที่ประชากรเพิ่มขึ้นเพียง 2 เท่า เพียงแค่ 2 ปีล่าสุด อัตราการบริโภคของมนุษย์เพิ่มขึ้นมากกว่า 8% แต่ในขณะที่อัตราการ recycle ลดลงจาก 9.1% เหลือ 8.6%

รายงานของกลุ่ม Circle Economy ที่งานประชุม World Economy Forum ล่าสุดเผยว่า มนุษย์หนึ่งคนใช้ทรัพยากรมากกว่า 13 ตันต่อปี แม้ว่ายังมีข่าวดีคือ บางประเทศเริ่มปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น ( คือเศรษฐกิจที่เน้นการใช้สอยทรัพยากรอย่างประหยัด จัดการของเสียจากการผลิตและบริโภค นำวัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการผลิตและบริโภคมาใช้ซ้ำ rematerial และ reuse เน้นการพัฒนาและรักษาทรัพยากรอย่างนั่งยืน)

“ โลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่หายนะ ถ้าเรายังใช้ทรัพยากรในระดับนี้อยู่ ทุกประเทศต้องเปลี่ยนระบบของตนเองให้เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน และต้องลดปริมาณการบริโภคทรัพยากรให้เหลือเพียง 10 ตันต่อปี ภายในครึ่งศตรวรรษนี้ “ Harald Friedl ผู้บริหาร Circular Economy กล่าว

รายงานปี 2017 ( ปีล่าสุดที่มีข้อมูล) เผยว่า มนุษย์ใช้ทรัพยากรไปถึง 100.6พันล้านตัน 50% ครึ่งหนึ่งเป็น ทราย กรวด อิฐ ซีเมนต์ สำหรับการก่อสร้างตึก และแร่ธาตุต่างๆ ที่นำไปใช้ผลิตปุ๋ย , 15% เป็นถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ , 10% เเร่เหล็กต่างๆ , 25% ที่เหลือเป็นพืชพรรณ ต้นไม้ต่างๆ ถูกนำไปใช้เป็นอาหารและเชื้อเพลิง

40% ของทรัพยากรถูกแปรรูปไปเป็นบ้านเรือน อาคาร อาหาร การคมนาคม เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์การรักษาทางการแพทย์ ,แม้ 1/3 ของวัตถุดิบจะกลายเป็นสิ่งของที่จับต้องได้ สามารถใช้ต่อได้ เช่น ตึก ยานพาหนะ แต่ 15% กลายเป็นก๊าซเรือนกระจก ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ 1/3 กลายเป็นขยะ และกว่า 25% กลายเป็นขยะ เช่นพลาสติกต่างๆ ถูกทิ้งลงทะเล แม่น้ำ มีเพียงแค่ 8.6% ถูกนำกลับมา recycle

ประเทศต่างๆ ต้องปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ การปรับตัวดังกล่าวก่อให้เกิดการแข่งขัน ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือลดก๊าซเรือนกระจก ลดการทำลายป่าไม้ รายงานในที่ประชุมเผยว่า มี 13 ประเทศที่เริ่ม roadmap ด้านนี้แล้ว ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน โคลัมเบีย

รัฐบาลควรมีนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ มิเช่นนั้นไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาขยะที่เพิ่มมากขึ้น แต่การบริโภคที่ฟุ่มเฟือยสร้างก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม และประเทศต่างๆ ก็จะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนไปตามๆกันโดยไม่รู้ตัว การนำเข้าขยะจากต่างประเทศ นอกจากจะเป็นการเพิ่มภาระให้ประเทศตนเองแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการหมุนเวียน recycle ขยะภายในประเทศอีกด้วย ราคาขยะลดลง และคงไม่มีแรงจูงใจ สนับสนุนให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการrecycle ขยะอีกด้วย

https://www.theguardian.com/environment/2020/jan/22/worlds-consumption-of-materials-hits-record-100bn-tonnes-a-year

 

เตรียมให้พร้อมนะครับ จะมีฝนลมแรงแล้วหลังจากนั้นจะหนาวลงฮวบฮาบ!!!

 

ในขณะที่ไฟไหม้อย่างต่อเนื่องในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ถึงระดับเหตุฉุกเฉินอีกครั้ง เกิดเรื่องเศร้าเครื่องบิน ที่เครื่องบินบรรทุกน้ำอเมริกันชน ทำให้ชาวอเมริกันสามคนเสียชีวิต
As the ongoing fires in NSW, Australia, again reached Emergency levels, sadly, a contracted American water tanker plane crashed, killing its three American crew members. All of the Coulson company planes have been grounded as the company deals with this shock of this event.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

เลขาธิการสหประชาชาติเตือนถึง "นักขี่ม้าแห่งคติ" ทั้งสี่ที่คุกคามโลก

 

เปิดตำนาน 4 คนม้าแห่งวันโลกาวินาศ ก่อนจะเป็น Darksiders
NecrosS 50,609 27 ส.ค. 2555



หลายคนทราบว่า Darksiders นั้นเป็นเกมที่สร้างโดยดึงเนื้อเรื่องมาจากพื้นฐานในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ในบท "วิวรณ์ 6" ที่กล่าวถึงวันสิ้นโลก ซึ่งในบทนี้ได้กล่าวถึง ผนึกทั้ง 7 (Seven Seals) ที่จะถูกปลดออกในวันพิพากษา ซึ่งการปรากฏตัวของ 4 Horsemen ตัวเอกตามท้องเรื่องของ Darksiders ทั้ง 4 คน แท้จริงแล้วพวกเขามีลำดับในการปรากฏตัวตามตำนานดังนี้ครับ

หมายเหตุ : เนื่องจากเนื้อหาในบทความนี้ถูกถอดมาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล และรวบรวมมาจากหลายเว็บไซต์ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ถือเป็นความผิดของผู้เขียนเอง และขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

เมื่อตราที่ 1 ถูกเปิดผนึก



"เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงหนึ่งในเจ็ดดวงนั้นออกแล้ว ข้าพเจ้าก็แลเห็น และได้ยินสัตว์ตัวหนึ่งในสี่ตัวนั้นร้องเสียงดังดุจเสียงฟ้าร้องว่า "มาเถอะ" ข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่งออกมา และท่านที่ขี่ม้านั้นถือธนู และได้รับพระราชทานมงกุฎ แล้วท่านก็ขี่ม้าออกไปอย่างมีชัย และเพื่อได้ชัยชนะ"

* พระเมษโปดก หมายถึง พระเยซูคริสต์

นี่คือการปรากฏตัวของ 4 จตุรอาชาคนที่ 1 นั่นก็คือ Strife ใน Darksiders แต่อีกหลายๆ คนอาจจะตีความชื่อของ Strife เป็น Plague หรือ Pestilent (แล้วแต่คนจะเรียกขาน) ที่แปลว่าโรคระบาดที่ลงมาสร้างความทุกข์ยากให้มนุษย์อย่างยิ่งยวด แม้ในพระคัมภีร์ จะบันทึกไว้ให้ Strife มีมงกุฎ และถือคันธนู แต่ใน Darksiders ได้เพิ่มความเป็นแฟนตาซีโดยการให้ Strife สวมหน้ากากแทนมงกุฎ และถือปืนสั้นแทนคันธนูนั่นเอง

เมื่อตราที่ 2 ถูกเปิดผนึก



"เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สองนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินสัตว์ตัวที่สองร้องว่า "มาเถอะ" และมีม้าอีกตัวหนึ่งเข้ามาเป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ได้รับพระราชานุญาตให้นำสันติสุขไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้คนทั้งปวงรบราฆ่าฟันกัน และท่านผู้นี้ได้รับพระราชทานดาบใหญ่เล่มหนึ่ง"

ในบทนี้กล่าวถึงการปรากฏตัวของ Horsemen คนที่ 2 ผู้กำดาบมหึมานั่นก็คือ War บุรุษผู้ขี่ม้าแดงเพลิงที่พระเจ้าอนุญาติให้เขานำสันติสุขไปจากโลก ซึ่งหมายถึงสงครามจะเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า และผลจากสงครามจะทำให้ประชากรมากถึง 1 ใน 3 ของโลกล้มตายไป
ในเกม Darksiders นี่คือความผิดปกติของเนื้อเรื่องในเกม เมื่อ War ได้จุติมาบนโลกโดยที่ไม่มี Strife ลงมาก่อน ซึ่งเดือดร้อนถึงพี่น้องทั้ง 4 ที่ต้องตระเวณออกค้นหาความจริงว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันแน่

เมื่อตราที่ 3 ถูกเปิดผนึก



"เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สามนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินสัตว์ตัวที่สามร้องว่า "มาเถอะ" แล้วข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด ม้าดำตัวหนึ่งเข้ามา และท่านที่ขี่ม้านั้นถือตราชู แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียง เหมือนกับว่าดังออกมาจากท่ามกลางสัตว์ทั้งสี่นั้นว่า "ข้าวสาลีราคาทะนานละหนึ่งเดนาริอัน {หนึ่งเหรียญเดนาริอัน เป็นจำนวนเงินที่จ้างคนงานให้ทำงานวันหนึ่ง} ข้าวบารลีสามทะนานต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าอย่าทำอันตรายแก่น้ำมันและน้ำองุ่น"

Black Horseman Fury หรือ Famine ผู้ถือตราชูตัวแทนความอดอยาก ,ข้าวยากหมากแพง และความแห้งแล้ง แต่ในเกม Darksiders นั้น Fury ถูกออกแบบให้เป็นหญิง พร้อมถือแส้ที่พร้อมจะตวัดด้วยความเกรี้ยวกราด ซึ่งตามตำนานแล้วเธอคือผู้ทำลายในคราบนักบุญนั่นเอง

เมื่อตราที่ 4 ถูกเปิดผนึก



"เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สี่นั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงสัตว์ตัวที่สี่ร้องว่า "มาเถอะ" แล้วข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่งเข้ามา ผู้ที่นั่งบนหลังม้านั้นมีชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย พระองค์ทรงให้ทั้งสองนี้มีอำนาจล้างผลาญแผ่นดินโลกได้หนึ่งในสี่ส่วน ด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน"

เมื่อผนึกที่ 4 ถูกเปิดออก นั่นหมายถึงการมาของ Horseman คนสุดท้ายนั่นก็คือ Death ตัวเอกของ Darksiders 2 ผู้นำความตายมาสู่มวลมนุษย์ ซึ่งการมาของ Death นั้นจะทำให้ประชากรโลกตายไปอีก 1 ใน 4 ของที่เหลืออยู่ ส่วนผนึกหลังจากนี้จะไม่เกี่ยวกับ Horseman แล้ว แต่จะขอเล่าให้จบเพื่อให้บทความนี้สมบูรณ์

เมื่อตราที่ 5 ถูกเปิดผนึก

"เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้านั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็แลเห็นดวงวิญญาณใต้แท่นบูชา เป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น เขาเหล่านั้นร้องเสียงดังว่า "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และตอบสนองต่อคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก" แล้วพระองค์ทรงประทานเสื้อสีขาวแก่คนเหล่านั้นทุกคน และทรงกำชับเขาให้รอต่อไปอีกหน่อย จนกว่าเพื่อนผู้รับใช้ของเขา คือพวกพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนกับเขาครบจำนวน"

เมื่อตราที่ 6 ถูกเปิดผนึก

จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง กลางวันกลับมืดมิด กลางคืนดวงจันทร์ทอแสงเป็นสีเลือด ทุกคนจะรู้ดีว่าวันที่พระเจ้าทรงพิโรธ ได้มาถึงแล้ว วิญญาณที่ได้รับเสื้อขาว จะถูกนำตัวไปยังน้ำพุแห่งชีวิต พวกเขาจะไม่หิวกระหายอีกต่อไป ไม่เจ็บป่วยอีกต่อไป

เมื่อดวงตราที่ 7 ถูกเปิดผนึก

ความเงียบเข้าครอบคลุมสวรรค์ประมาณครึ่งชั่วโมงเทวทูตทั้ง 7 องค์ จะได้รับแตร 7 อันมีอยู่หนึ่งองค์ที่ถือกระถางไฟทองคำมาด้วยและเตรียมที่จะโยนมันลงมายังโลก เพื่อเผาผลาญคนชั่วให้สิ้นซาก
หลังจากดวงตราผนึกทั้ง 7 ได้ถูกปลดออกก็จะมีเหตุการณ์ช่วงที่เทวทูตทั้ง 7 ได้เป่าแตร และทุกๆ ครั้งที่เสียงแตรดังขึ้นก็จะเกิดภัยพิบัติขึ้นกับโลกอีกนานับประการแต่ผู้เขียนจะขอจบบทความไว้แต่เพียงเท่านี้ และขอเวลาเพื่อไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเขียนบทความในโอกาสต่อๆ ไป

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

- http://decibelperoxide.exteen.com/20120802/darksider-2
- http://mrvop.wordpress.com/2010/03/26/4horsemenalbrechtdurer/
- http://en.wikipedia.org/wiki/File:Apocalypse_vasnetsov.jpg
- http://www.christianthai.net/reveTH.html

https://www.online-station.net/movie/view/61595

 

4 จตุรอาชาวันสิ้นโลก ตำนานวันสิ้นโลกจากคัมภีร์ไบเบิ้ล



1. โรคระบาด (White Horse Strife)
“ข้าพเจ้าได้ยินหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทั้งสีกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเหมือนฟ้าร้องว่า “มาเถิด” ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าข้าวตนหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ผู้ขี่ม้านี้ถือธนู เขาได้รับมงกุฏแล้วควบม้าไปอย่างผู้พิชิตที่ตั้งใจออกไปพิชิตศึก” จตุรอาชาตนแรกคือ โรคระบาด ที่ในพระคัมภีร์ได้ระบุมาว่าจะปรากฎในรูปลักษณ์อัศวินขี่ม้าขาว ที่สวมมงกุฎและถือคันศรไว้ในมือ เป็นตัวแทนของโรคระบาดที่ทำให้เหล่ามวลมนุุษย์ต้องทนทุกข์กับการแพร่กระจายของโรคร้ายที่คร่าชีวิตของเพื่อน คนรักหรือครอบครัวไป โดยการแพร่การจ่ายของโลกระบาดที่โหดร้ายมีมาตั้งแต่อดีตกาล และเป็นการฆ่าล้างบางมนุษย์ได้จริงอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น

โดยโรคระบาดที่ร้ายแรงที่เคยเกิดขึ้นบนโลกก็เช่น
-กาฬโรค มหากาพย์การติดเชื้อที่ลุกลามไปเกือบทั่วโลกเพราะว่าหนู ที่ทำให้ผู้คนถึง 75 ถึง 100 ล้านคนต้องจบชีวิตลง ซึ่งโดยส่วนมากเป็นชาวยุโรป ซึ่งเชื้อกาฬโรคนี้ระบาดครั้งใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 และเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งคราวไปจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19
-ฝีดาษ อีกหนึ่งโรคร้ายที่เกิดขึ้นมานานแล้วบนโลก ซึ่งมันระบาดอย่างหนักและคร่าชีวิตของผู้ตนในยุโรป แอฟริกาและเอเชียไปเป็นจำนวนมาก โดยซึ่งที่ทำให้เรารู้ว่าฝีดาษเกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณก็คือ มัมมี่ของฟาโรห์รามเสสที่ 5 แห่งอียิปต์โบราณที่มีการตรวจพบว่าพระองค์สวรรคตเพราะฝีดาษ นอกจากนี้หลังการค้นพบโลกใหม่ของโคลัมบัสก็ทำให้โรคฝีดาษแพร่กระจายจากชาวยุโรปเข้าสู่ชาวอินเดียนพื้นเมืองทำให้พวกเขาล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ส่วนที่ไทยเราก็มีบันทึกว่าด้วยโรคฝีดาษตั้งแต่สมัยอยุธยา ที่สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ต้องมาเสด็จสวรรคตเพราะโรคนี้ในปี ค.ศ.1533 ซึ่งในปัจจุบันโรคฝีดาษได้หยุดการแพร่ระบาดแล้วจากการค้นพบวัคซีนรักษาโรคโดย เอ็ดวาร์ด เจนเนอร์ ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นไม่ทราบแน่นอนแต่อาจจะไม่ต่ำกว่า 300 ล้านคน
-อีโบร่า โรคติดต่อที่เมื่อเป็นแล้วอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90 % ส่วนมากระบาดในทวีปแอฟริกา

โดยเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทนต่อได้ ผนึกดวงที่ 2 ก็จะทำงานทันทีและ จตุรอาชาคนที่สองก็จะออกมาโลดแล่นอยู่ในดินแดนแห่งคนเป็นนั้นก็คือ


2. สงคราม (Red Horse War)
“เมื่อพระเมษทรงโปรดแกะดวงตราที่สอง ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สองกล่าวออกมาว่า “มาเถิด” แล้วม้าอีกตนที่มีสีแดงเพลิงก็ปรากฏออกมา ผู้ขี่ม้านี้ได้รับอำนาจที่จะนำสันติภาพไปจากโลกและทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน” จตุรอาชาตนที่สอง มาในรูปลักษณ์อัศวินขี่ม้าสีแดงและกวัดแกว่งดาบที่มีประกายไฟขนาดใหญ่ออกมาซึ่งจตุรอาชาตนนี้เป็นตัวแทนของสงคราม สิ่งทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน จากทั้งการแย่งชิงดินแดน แย่งชิงสิ่งของที่มีค่าหรือเพียงเพราะไม่ต้องการให้มีสิ่งนั้นอยู่ โดยสงครามนั้นทำให้มนุษย์มากมายต้องตายไปเป็นจำนวนมากจากการเข่นฆ่ากันเอง และตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันสงครามก็ยังคงเกิดขึ้นบนโลกอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะหายไปได้ง่ายๆ

สงครามที่เกิดความสูญเสียอย่างหนัก
- สงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารกว่า 40 ล้านคนต้องมาจบชีวิตลงในสงครามแห่งนี้ ซึ่งสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นจากการที่ออสเตรีย-ฮังการีรุกรานเซอร์เบีย จากการที่อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันด์แห่งออสเตรียถูกลอบปลงพระชนม์ ซึ่งจากการรุกรานนี้พันธมิตรของทั้งสองประเทศถูกดึงให้เข้าร่วมสงครามทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 อุบัติขึ้น โดยหลังจากจบสงครามครั้งนี้แล้วเหล่าจักรวรรดิต่างๆในยุโรปล่มสลายลง ตามด้วยการปฏิวัติในหลายๆประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังทำให้เกิดปัญหาดศรฐกิจครั้งใหญ่อีกด้วย
- การรุกรานของจักรวรรดิมองโกล กองทัพบนหลังม้าอันเกรียงไกรที่บุกยึดตีอาณาจักรต่างๆ จนสามารถตั้งเป็นจักรวรรดิมองโกลได้ในศตวรรษที่ 13 โดยการแผ่อำนาจและอิทธิพลของมองโกลนั้นไปทั่วทั้งเอเชียกลาง เอเชียตะวันออก รวมไปถึงบางส่วนของทวีปยุโรป ทำให้มีคนตายไปกว่า 53,000,000 คน
- สงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในสงครามที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก โดยเริ่มขึ้นหลังจากนาซีเยอรมันรุกรานโปแลนด์ โดยจากสงครามนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 72,000,000 คน จากทั้งการสู้รบ การสังหารหมู่ การกวาดล้างชาวยิวและการกามิกาเซ่ โดยสงครามครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรหลังระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงไปในญี่ปุ่น ซึ่งสงครามนี้นับเป็นสงครามที่เกิดความสูญเสียมากที่สุด พื้นที่การสู้รบกว้างขวางมากที่สุด ใช้เงินทุนสูงที่สุดและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดด้ยเช่นกัน

โดยเมื่อสงครามสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับมวลมนุษย์แล้ว ผนึกดวงที่ 3 ก็จะถูกคลายออก และจตุรอาชาตนที่สามก็จะมาโลดแล่นบนโลกใบนี้อีกครั้ง


3. ความอดอยาก (Black Horse Famine )
“เมื่อพระเมษทรงโปรดแกะดวงตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตคนที่สามกล่าวขึ้นมาว่า “มาเถิด” ข้าพเจ้ามองเห็นม้าสีดำตัวหนึ่งอยู๋ข้างหน้า ผู้ขี่ม้านี้ชูตราขึ้นมาแล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากสิ่งมีชีวิตนี้ว่า ข้าวสาลี ลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรหนึ่งเดนาริอัน แต่อย่าทำให้น้ำมันและเหล้าองุ่นเสียหาย”จตุรอาชาตนที่สาม มาในรูปลักษณ์อัศวินบนม้าสีดำ ในมือถือตราชั่ง เป็นสัญลักษณ์ของความอดอยากทั้งมวล ซึ่งเป็นผลพวงจากการทำสงคราม ที่ทำให้ทรัพยากรจำนวนมากต้องหมดไปจากการเข่นฆ่ากันเอง โดยความอดอยากนั้นก็สามารถคร่าชีวิตของมนุษย์ที่ยังเหลือดรอดจากจตุรอาชาตัวก่อนได้เป็นจำนวนมาก แต่ในความเป็นจริงนั้นความอดอยากไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะสงครามเท่านั้น ภาวะเศรฐกิจและภัยพิบัติทางธรรมชาติก็สามารถทำให้เกิดความอดอยากได้เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างความอดอยากที่เคยเกิดขึ้นบนโลก
- ความอดอยากในรัสเซีย ค.ศ. 1921 เริ่มเกิดขึ้นในช่วก่อนการปฏิวัติรัสเซียลามไปถึงในช่วงสงครามกลางเมืองรัสเซีย โดยเป็นความอดอยากที่เกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติประกอบกับสงครามที่เกิดขึ้นอีก ทำให้มีผู้สังเวยไปกับความอดอยากนี้กว่า 5 ล้านคน
- การปกครองของเขมรแดง ที่สั่งให้ประชาชนทุกคนต้องทำงานในชนชั้นกรรมกรอย่างหนักและมีเวลาพักที่น้อย ทำให้ประชานนั้นมีแต่ความอดอยาก โดยมีผู้เสียชีวิตจากความอดอยากในช่วงการปกครองของเขมรแดงราว 2 ล้านคน
- ทุพภิกขภัยในเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นจากการปกครองแบบปิดของเกาหลีเหนือในช่วง ปี 1994-1998 ที่ทำให้เกิดปัญหาด้านการปกครองและภัยธรรมชาติ ผู้คนเริ่มเป็นโรคขาดสารอาหารจากการเกษตรที่มีผลผลิตไม่ดี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า

โดยเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งในช่วงเวลาที่มนุษย์ไม่มีอันจะกิน ผนึกอันสุดท้ายจะคลายออก และจตุรอาชาตนสุดท้ายก็จะปรากฏตัวออกมา


4. ความตาย (Pale Horse Death)
“เมื่อพระองค์ทรงแกะดวงตราที่สี่ ข้าพเจ้าได้ยินเสียง “มาเถิด” ข้าพเจ้าเห็นม้าสีเขียวหม่นตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ผู้ขี่ม้านี้ชื่อว่าความตาย”จตุรอาชาตนสุดท้าย มีรูปลักษณ์เป็นอัศวินโครงกระดูกขี่บนม้าสีเขียวหม่น จตุรอาชาตนนี้มีนามว่าความตาย เป็นจตุรอาชาที่มีอำนาจมากที่สุด เพราะจตุรอาชาตนนี้มีพลังของจตุรชาทั้งสามตนนั้นที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ และเป็นจตุรอาชาที่จะปรากฎขึ้นมาหลังพี่น้องทั้ง 3 คนมาโลดแล่นในโลกใบนี้แล้ว จตุรอาชาตนนี้ก็จะมามอบความตายให้กับมนุษย์โลกที่ยังเหลืออยู่จากการอาละวาดของจตุรอาชาตนก่อนจนหมดสิ้น และไม่มีใครที่จะสามารถหนีรอดจากจตุรอาชาตนนี้ได้เลย

4 จตุอาชาเป็นความเชื่อทางศาสนา ที่หยิบยกเอาเรื่อง โรคระบาด สงคราม ความอดอยาก และ ความตาย ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นปกติบนโลกมนุษย์ คาดว่าด้วยเหตุนี้เอาทางศาสนาจึงได้หยิบเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาสะท้อนให้เห็นผ่านคำสอน และ รูปลักษณ์ที่น่ากลัวเพื่อให้มนุษย์โลกส่วนใหญ่ได้ตระหนักถึงสิ่งจำเป็นที่ควรมีให้แก่กัน และพยายามให้มนนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้ทำก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และสามารถช่วยเสริมความถูกต้องได้ในคอมเม้นต์นะครับ

https://saihistory.blogspot.com/2018/11/4.html?m=1

 

ผลการวิเคราะห์ด้านพันธุศาสตร์พบว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในจีนและคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อไปแล้ว 17 ราย อาจมีต้นกำเนิดมาจากสัตว์จำพวก ‘ค้างคาวและงู’
คลิก>>https://mgronline.com/around/detail/9630000007436
#MGROnline #ไวรัสโคโรนา

 

อู่ฮั่นประกาศปิดเมืองตั้งแต่ 10 โมงเช้า ตามเวลาท้องถิ่น (9.00น. ตามเวลาไทย) ของวันนี้ (23 ม.ค.) โดยสถานีรถไฟ และสนามบินจะถูกปิดให้บริการ รถประจำทาง, รถไฟใต้ดิน, เรือเฟอร์รี และรถโดยสารทางไกลก็จะหยุดให้บริการชั่วคราว เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งล่าสุดคร่าชีวิตประชาชนแล้ว 17 คน และมีการแพร่กระจายไปแล้วหลายประเทศ รวมถึงไทย
#โคโรนาไวรัส #อู่ฮั่น

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

กองทัพในหวู่ฮั่น ประเทศจีน ควบคุมไม่มีใครออกจากเมือง

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

พายุกลอเรียก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงบนชายฝั่งตะวันออกของสเปน และหมู่เกาะแบลีแอริก รูปภาพของทางเดินเล่น ที่เสียหายอย่างรุนแรงใน S'Algar บนเกาะ Menorca

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ปรากฏการณ์วงกลมสีดำในท้องฟ้าของปากีสถาน # 22 ม.ค.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

อุกกาบาตที่เห็นจาก Aguadilla, เปอร์โตริโก # 21 ม.ค.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ผู้ต้องสงสัย coronavirus หวู่ฮั่น รายงานที่สนามบิน Pulkovo ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, รัสเซีย