ติดตามสถานะการณ์

ระบาดหนัก! โรคปาก-เท้าเปื่อยเล่นงานวัวพัทลุงตายแล้วกว่า 50 ตัว ยารักษาพุ่งเกือบเท่าตัว เผยแพร่: 25 พ.ย. 2562 14:01 ปรับปรุง: 25 พ.ย. 2562 14:22 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พัทลุง - โรคปากและเท้าเปื่อยระบาดใน จ.พัทลุง หลังสภาพอากาศจากฝนที่ตกลงมาเป็นใจ เพียง 1 สัปดาห์ วัวพันธุ์พื้นเมืองตายไปแล้วกว่า 50 ตัว บางรายตายยกคอก ในขณะที่ยารักษาแพงขึ้นเกือบเท่าตัว

วันนี้ (25 พ.ย.) สถานการณ์การระบาดโรคปากและเท้าเปื่อยในพื้นที่ จ.พัทลุงเริ่มระบาดรุนแรง หลังจากสภาพอากาศเป็นใจ เนื่องจากฝนที่ตกลงมา ทำให้วัวพันธุ์พื้นเมืองของชาวบ้านในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม ทั้ง ต.บ้านพร้าว ป่าพะยอม เกาะเต่า และลานข่อย ป่วยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยอย่างรุนแรงและยังไร้การควบคุม โดยพบว่าเพียง 1 สัปดาห์ของการระบาดโรคดังกล่าว ทำให้โคพันธุ์พื้นเมืองของเกษตรกรตายไปแล้วกว่า 50 ตัว เนื่องจากการระบาดของโรคจนทำให้วัวเกิดอาการซูบผอมและตายในที่สุด บางรายมีวัวตายลงหมดคอก เนื่องจากรักษาไม่ทัน

ขณะที่ชาวบ้านระบุอีกว่า ทั้งยา เวชภัณฑ์ และอาหารเสริมกลับมีราคาที่สูงขึ้นหลังมีการะบาดของโรค โดยยาแก้อักเสบที่ชื้อมารักษาจากขวดละ 300 บาทเพิ่มราคาเป็น 500 บาท และเริ่มขาดแคลน

สำหรับโรคปากเท้าเปื่อยที่ระบาดในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ล่าสุด เป็นสายพันธุ์ A และสายพันธุ์ O ส่วนสาเหตุการระบาดยังอยู่ในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์พัทลุง พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลการระบาดของโรคเพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป



https://mgronline.com/south/detail/9620000112939

 

แผ่นดินไหวขนาด 3.7
จุดศูนย์กลาง : ประเทศลาว (Laos)
วันที่ - เวลา (ประเทศไทย) : 25 พฤศจิกายน 2562 12:12 น.
วันที่ - เวลา (UTC) : 25 พฤศจิกายน 2562 05:12 Z.
ละติจูด, ลองจิจูด : 19.37, 101.26
ลึกจากผิวดิน : 6 กิโลเมตร

https://www.tmd.go.th/earthquake.ph...8PyuufqMuflmnE-bSo7ymqz5WRbrmSidMbLjwIX_xOZZ4

 

แผ่นดินไหว ขนาด 4.2
จุดศูนย์กลาง : ประเทศลาว
วันที่ - เวลา (ประเทศไทย) :2019-11-25 13:58:37 พ.ศ. 2562
วันที่ - เวลา (UTC) : 2019-11-25 06:58:37
ละติจูด, ลองจิจูด : 19.486°N , 101.294°E
ลึกจากผิวดิน : 3 Km.
Direction ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ บ้านน้ำช้าง ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ประมาณ 11 กม.



http://www.earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=6278

 

สภาพอากาศและข่าวทั่วไป

ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย เตรียมรับฝนตกหนักถึงหนักมาก จากกลุ่มฝนใหญ่ในอ่าวไทย กลุ่มฝนเคลื่อนตัวทิศตะวันตก
เรดาร์สงขลา (สทิงพระ)12:00น.
ภาพเรดาร์จากกรมอุตุนิยมวิทยา

 

หนีเสือปะจระเข้! พบจุลินทรีย์ฆ่าหญ้า ยัดไส้ “พาราควอต”
15:51 | 24 พฤศจิกายน 2562 |



ผลตรวจจุลินทรีย์เจ้าดังอ้างไม่มีสารพิษ ใช้แทน "พาราควอต" ได้ ล่าสุดผลตรวจแล็บชี้ชัด มี "พาราควอต" ปนกว่า 2 %

ยิ่งใกล้เส้นตายแบน 3 สารเคมี ภาครัฐยิ่งออกอาการโลเล เพราะอะไรนะหรือ ? ก็เพราะไม่มีแผนรองรับทั้งการระบายสต๊อกที่ค้างท่อในหมู่ผู้ค้าและเหลือคามือชาวนา-ชาวไร่

ที่เดือดร้อนหนักคือกลุ่มที่เคยใช้ยาฆ่าหญ้าตระกูล "พาราควอต" ที่ยังไม่มีสารทดแทน จะมีก็แต่เจ้าอื่นอย่าง "กลูโฟซิเนต" ที่ใช้แทนกันได้แต่ราคาสูงกว่าลิ่ว

แต่ภาครัฐจะดันให้คนใช้สารตัวนี้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็โดนโยงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน!

ทางลงอันเป็น "ทางเลือก" ให้กับภาครัฐ เลยหนีไม่พ้นการดัน "จุลินทรีย์" กำจัดวัชพืช ที่หลายยี่ห้อโฆษณาสรรพคุณฆ่าหญ้า-แต่ไม่ฆ่าคน

ทันทีที่มีมติแบน 3 สาร เมื่อ 22 ต.ค. กระทรวงเกษตรฯ เลยตั้งโต๊ะกลมหาทางออกใน 1 สัปดาห์ถัดมา มี 1 บริษัทยืดอก ยื่นเอกสารงานวิจัยให้กระทรวงเกษตรฯ ตรวจ คือ บริษัทวอน ซิสเต็มส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ "ไบโอกรีนเสท" ที่สกัดจากสาหร่ายทะเลน้ำลึก

เอกชนเจ้านี้ อ้างว่าเป็นจุลินทรีย์เข้มข้น 100% และทดลองใช้มาแล้ว ไม่เชื่อก็ลงไปดูได้ที่ บ้านดอนกล่ำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

กระทรวงเกษตรฯ จึงตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะมีทางลง เพราะว่ากันว่าราคาค่างวดของ "ไบโอกรีนเสท" ไม่ต่างจากยาฆ่าหญ้ายี่ห้อดังที่มี "พาราควอต"




เล่ากันว่าวงประชุมวันที่ 28 ต.ค. อื้ออึงไปด้วยเสียงโต้เถียง แต่ล่าสุด ไทยพีบีเอส ไปล้วงข้อมูลจากแล็บที่ตรวจในประเทศ ที่สำคัญเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ด้วย

หวยออก! แทบดับฝันกระทรวงเกษตรฯ เพราะตรวจแล้ว "ไบโอกรีนเสท" ผลิตภัณฑ์ของบริษัทวอน ซิสเต็มส์ จำกัด เคยตกเป็น 1 ใน 7 ตัวอย่าง ที่ "สารวัตรเกษตร" ล่อซื้อ-สุ่มตรวจ (ค้นโรงงานผลิตไบโอกรีนเสท จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 18 ต.ค.2562)

"ไบโอกรีนเสท" มี "พาราควอต" อยู่ถึง 2.158%

พูดแล้วจะหาว่าโจมตีอยู่เจ้าเดียว แต่ผลการตรวจสอบรอบนี้ 7 ตัวอย่าง พบว่ามีถึง 5 ตัวอย่าง ที่มี "พาราควอต" ปนอยู่ในจุลินทรีย์ที่ขายในตลาด

เช่น 3 ตัวอย่างจากผลิตภัณฑ์ยี่ห้อ "จ๊าบ" พบว่ามี 2 ตัวอย่างที่มี "พาราควอต" ผสม 2.556% และ 2.85% ตามลำดับ

ไม่แปลก! ถ้าคนใช้แล้วจะติดใจเพราะหญ้าตายเรียบ เพราะมันมี "พาราควอต" หรือหญ้าฆ่าหญ้าที่ท่านเชื่อว่าอันตรายผสมอยู่นี่ แต่ที่ไม่ตรงปกก็คือบรรดาสรรพคุณที่กล่าวอ้าง "จุลินทรีย์ 100%" ไฉนพบ "พาราควอต" อยู่ 2% กว่าๆ ละนะ

พูดไปพูดมาเหมือนว่า "ไทยพีบีเอส" จะเล่นลิ้น ไม่แบนก็ไม่ได้ ครั้นจะหาทางลงด้วย "จุลินทรีย์" ก็มาโจมตีกันเสียนี่

เปล่าเลยครับ... เจตนาของผู้เขียน คือประเทศไทยจะเดินต่อยังไงถ้าเราแบน 3 สารไปแล้ว

ไม่ใช่ 3 สารเคมีที่เคยอยู่ "บนดิน" หายไป แต่กลับมา "ยัดไส้" อยู่ในจุรินทรีย์ หลอกชาวบ้านว่าไม่มีสารพิษ ไม่เป็นอันตราย แต่ "ตายผ่อนส่ง" เหมือนเดิม

ผลพวงจากการแบน 3 สารเคมี แบบปุ๊บปั้บ! จึงเหมือน "หนีเสือปะจระเข้" หนียาฆ่าหญ้า แต่ดันมาเจอจุลินทรีย์ "ยัดไส้"

คราวเคราะห์ จะโทษดิน-โทษฟ้าไม่ได้ แต่ต้องโทษ "คนตัดสินระดับนโยบาย" แต่จะแก้ได้ก็ด้วยคนในระดับกุมนโยบายเช่นกัน การอ้างแบนสารเคมีเพื่อสุขภาพประชาชนนั้นฟังขึ้น แต่การ "ยัดทางเลือก" ที่ท่านๆ เชื่อว่าดีให้กับมือประชาชนอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง

อย่างรอบนี้ เกือบยัดยาฆ่าหญ้าผสมพาราควอตใส่มือคน แทบไม่ต่างจาก 3 สารเคมี "ผีตัวเดิม" ที่ท่านเคยแบนไปนั้นแล

เตือนอีกครั้ง! ถ้าความตั้งใจของท่าน ทำไปเพราะคุณภาพชีวิตคนนั้นย่อมฟังขึ้น แต่ด้านหนึ่งชาวไร่-ชาวนา ก็ต้องมี "ทางเลือก" ที่จะได้ใช้ชีวิตต่อไปด้วย

แหม่... แต่ไล่เรียง "ทางเลือก" ที่ท่านจัดลิสต์รอบแรกนี้น่ากลัวเหลือเกิน อย่างผลตรวจข้างต้นก็ชัดเจน แค่ชื่อแรกๆ ก็เจอยัดไส้เสียแล้ว

หรือจะมีอะไรมากกว่านี้ หรือจะมี "คน" พยายามยัดทางเลือกพวกนี้ใส่มือคน... โปรดติดตามตอนต่อไป


https://news.thaipbs.or.th/content/..._vpQWt3OKjmGI3FNBZHgzK0JI9-WEUIcXmoSu1mXkaqZU

 

Too Young to Die

โคอาล่า เสี่ยงสูญพันธุ์ เหตุจากไฟป่าออสเตรเลีย

ในปีนี้ออสเตรเลียเผชิญปัญหาไฟป่าและความแห้งเป็นประวัติการณ์ ทำให้จำนวนโคอาล่าและถิ่นที่อยู่ของมันลดลงจนอาจทำให้สูญพันธุ์

Deborah Tabart ประธานมูลนิธิเพื่อโคอาล่าประเมินว่า โคอาล่ากว่าพันชีวิต และ 80%ของที่ถิ่นที่อยู่อาศัยตายและถูกทำลายจากไฟป่า ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญพันธุ์

การสูญพันธุ์เกิดมาจากจำนวนที่ลดลงอย่างมากจนไม่มีผลกระทบต่อวัฏจักรของธรรมชาติ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และสูญพันธุ์ไปในที่สุด

การทำลายป่าและไฟป่าทำให้แหล่งอาหารหลักของโคอาล่าได้แก่ ต้นยูคาลิปตัส ถูกทำลายลง ซึ่งในแต่ละวัน โคอาล่าเต็มวัยต้องกินใบยูคาลิปตัสถึง 2 ปอนด์เพื่อให้ได้สารอาหารที่เพียงพอ ซึ่งกว่าต้นยูคาลิปตัสจะเติบโตใหม่ต้องใช้เวลาหลายเดือนหลังไฟป่า ทำให้โคอาล่าขาดแหล่งอาหารที่เพียงพอ

มีความพยายามในการปกป้องโคอาล่าจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการล่าตั้งแต่ปี 2016 โดยมีต้นแบบมาจากการปกป้องอินทรีหัวล้านในสหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่ผ่านร่างกฏหมายในออสเตรเลีย

ไม่นานมานี้ มีคลิปวิดีโอชาวออสเตรเลียช่วยเหลือโคอาล่าจากไฟป่า ทำให้มีการบริจาคเพื่อช่วยเหลือโคอาล่าบาดเจ็บทั้งหลาย

Port Macquarie Koala Hospital ได้ก่อตั้งpage Go Fund Me เป็นช่องทางให้บริจาคช่วยเหลือโคอาล่าบาดเจ็บ ปัจจุบันมีผู้บริจาคแล้วถึง 30,000 คนเป็นเงิน 1.33 ล้านดอลล่าห์ มากกว่าที่คาดไว้ที่ 25,000 ดอลล่าห์

เงินบริจาคจะนำไปใช้ติดตั้งสถานีให้น้ำแก่โคอาล่าในตำแหน่งที่มีไฟป่า ใช้สร้างที่พำนักแก่โคอาล่าที่บาดเจ็บจากไฟป่่าในช่วงพักฟื้นต่อไป

https://www.forbes.com/sites/trevornace/2019/11/23/koalas-functionally-extinct-after-australia-bushfires-destroy-80-of-their-habitat/

 

Too Young to Die

นายกฯออสเตรเลียอ้าง ไฟป่าออสเตรเลียไม่เกี่ยวอะไรกับการปล่อยคาร์บอน

เป็นที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์โลกร้อนปัจจุบันแย่ขึ้น สภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งทำให้ไฟป่าทั่วโลกรุนแรงขึ้น แต่ผู้นำประเทศบางคนกลับไม่คิดเช่นนั้น
นายกรัฐมนตรีScott Morrison โต้แย้งว่าความรุนแรงของไฟป่าออสเตรเลียในตอนนี้ไม่เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังกล่าวอีกว่าออสเตรเลียสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากขึ้นโดยไม่ทำให้สถานการณ์ไฟป่าเลวร้ายลง อีกทั้ง Morrison ยังสนับสนุนการเปิดเหมืองเพิ่มเติมในออสเตรเลียขณะนี้ โดยไม่ได้สนใจปัญหาโลกร้อนแต่อย่างใด

จากความกดดันจากสถิติไฟป่าในปีนี้ที่มาเร็วกว่าปกติ และการถกเถียงที่ว่ารัฐบาลจงใจหลีกเลี่ยงปัญหาสภาพอากาศ นายMorrison จึงได้ออกมากล่าวว่า "ไม่มีหลักฐานทาง วิทยาศาสตร์" ยืนยันว่าการลดการปล่อยก๊าซจะทำให้สถานการณ์ไฟป่าดีขึ้น

Morrison กล่าวว่า ออสเตรเลียปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 1.3% ของโลก นั่นไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จะมายืนยันได้
หรอก ว่ามันทำให้สถานการณ์ไฟป่าเลวร้ายขึ้น

องค์กรวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ได้กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับไฟป่านั้นซับซ้อน แต่อากาศที่อุ่นขึ้นทำให้เพิ่มจำนวนวันที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่ามากขึ้นเรื่อยๆ

การตอบสนองต่อภาวะโลกร้อนของออสเตรเลีย เป็นที่โหล่ในกลุ่ม G20 โดยออสเตรเลียยังปล่อยคาร์บอนมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ปี 2014

สิ่งที่ประเทศออสเตรเลียทำเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนนั้น ได้ผลในการลดคาร์บอนเพียง 0.01%จากการปล่อยก๊าซรวมกันทั้งปีของประเทศนี้ และมีเพียง 3 โครงการที่ทำแล้วได้ผลจริง

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา Morrison ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเรื่องข่าวที่เขาจะทำลายการประท้วงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและพวกที่ออกมาบอยคอร์ต

การจะแก้ปัญหาโลกร้อน ไม่สามารถทำได้สำเร็จเลย หากขาดความร่วมมือและนโยบายที่จริงจังจากผู้นำประเทศ(พูดง่ายๆลองเปรียบเทียบนายกฯออสเตรเลียกับนายกฯนิวซีแลนด์ Jacinda Ardern ที่ผุดโครงการใหม่ๆ อีกทั้งตั้งพรบ.โลกร้อนอีกด้วย) แหล่งก๊าซเรือนกระจกมาจากแหล่งพลังงานมากที่สุด รองลงมาคือภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคมนาคม ลำพังระดับประชาชนเพียงแค่การถือกระติก หรือถุงผ้า คงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันการ นักวิทยาศาสตร์ขีดเส้นตายไว้ว่าอุณหภูมิโลกไม่ควรเพิ่มเกิน 1.5C ภายในปี 2030 มิเช่นนั้น ระบบนิเวศน์ สิ่งมีชีวิตจะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้วมหาศาล มนุษย์จะขาดแคลนอาหารและต้องย้ายที่อยู่จากน้ำทะเลที่สูงขึ้น และอุณหภูมิที่ร้อนเกินอาศัย แต่จากแนวโน้มการปล่อยก๊าซในปัจจุบัน เราคงแตะ3C ภายในปี 2030 แต่ผู้นำประเทศส่วนมากยังคงนิ่งดูดายไม่ได้สนใจรายงานนักวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด

Cr photo Steven Saphore
https://www.theguardian.com/australia-news/2019/nov/21/scott-morrison-says-no-evidence-links-australias-carbon-emissions-to-bushfires

 

Magcarzine.com ข่าวสารยานยนต์ ให้คุณรู้จริงก่อนใคร

#เบนซ์ยกเลิกแผนทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย #ผู้บริหารชี้รัฐส่งเสริมไม่ตรงจุด


เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวประชาติธุรกิจรายงานการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ เกี่ยวกับการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และสาเหตุที่ต้องยกเลิกแผนการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น EQC ออกไปอย่างไม่มีกำหนด


นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่า การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นไปได้ยาก เนื่องจากนโยบายของรัฐบาล ไม่สอดคล้องกับแนวทางการทำตลาดของบริษัท


จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้มีการเปิดช่องให้ค่ายรถสามารถนำรถยนต์ไฟฟ้า 100% เข้ามาทำตลาดได้ โดยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า แต่มีเงื่อนไขทางด้านจำนวนซึ่งเป็นข้อจำกัดในการทำตลาดของค่าย


"เราอยากให้ภาครัฐทบทวน อย่างน้อยวอลลุ่มต้องมี 300-500 คันในปีแรกเพื่อสร้างตลาด ทำให้ลูกค้าสามารถจับต้องรถยนต์ไฟฟ้าด้ก่อน

วันนี้เบนซ์ส่งรถยนต์ไฟฟ้า EQC ไปขายทั่วโลกแล้ว แต่ประเทศไทยกลับไม่ได้ใช้" คำให้สัมภาษณ์ของนายโรลันด์ โฟล์เกอร์ จากประชาชาติธุรกิจ


เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ได้ออกมายืนยันว่า Mercedes-Benz EQC จะเป็น 1 ใน 20 โมเดลที่ทางค่ายจะนำมาทำตลาดในบ้านเราปีนี้ แต่กลับต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด


รายงานจากประชาชาติธุรกิจยังระบุอีกว่า ทางบริษัทแม่กำลังพิจารณาเรื่องการลงทุนใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า EQC อาจมีโอกาสที่จะประกอบในประเทศไทย


เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในแผนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ยื่นขอพิจารณากับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า


หลังจากล้มแผนนี้ ถ้าอยากจะขายในประเทศไทย อนาคตทางบริษัทอาจหันไปลงทุนผลิตในประเทศจีน และนำเข้ามาขายในประเทศไทยแทน


ทั้งนี้เพื่อหวังสิทธิพิเศษเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ตามข้อตกลงทางการค้าแทน


ที่มา https://www.grandprix.co.th/new-mercedes-eqc-thailand-sale/

.https://www.prachachat.net/motoring/news-392401

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

วันนี้ฝนตกหนักโซมาเลียกระทบโมกาดิชู และถนนบางสายถูกตัดขาด

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ทะเลสาบใน chuvash รัสเซียปกคลุมด้วยดอกไม้น้ำแข็ง #25 พ. ย

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

หิมะถล่มในเขตของ vallemaggia ในสวิตเซอร์แลนด์.# 23 พ. ย.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

อุบัติเหตุชิลๆในเมืองไฮเดอราบาด ประเทศอินเดีย

 

Setiawan

Brazil 25 พฤศจิกายน 2562

 

Setiawan

กรีซ 25 พฤศจิกายน 2562

 

Setiawan

ภูเขาไฟ Sangeang Api (อินโดนีเซีย):
กิจกรรมปะทุยังคงดำเนินต่อไป 25 พฤศจิกายน 2019

กิจกรรมปะทุจากปล่องภูเขาไฟที่ใช้งานอยู่ที่มีการปล่อยการปล่อยที่ใกล้ถึง 8,000 ฟุต (2,400 เมตร) ระดับความสูงและลอยไปในทิศทางต่างๆแต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นทิศทางของ nw

 

Setiawan

ดาวตกที่สดใสเหนือทะเลสาบของ madison mendota, wisconsin ถูกถ่ายโดยกล้อง roottop ของเราเย็นวันเสาร์ หลังจากพระอาทิตย์ตก 23 พฤศจิกายน 2019

 

Setiawan

พายุลูกเห็บในคูเวต 23 พฤศจิกายน 2019

 

Setiawan
ดินถล่มหลายแห่งในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส 24 พ.ย. 2019

 

28-30 พ.ย.นี้ รอชม "ดาวเคียงเดือน" มาพร้อม "ปรากฏการณ์แสงโลก"
06:19 | 26 พฤศจิกายน 2562 |



สดร.ชวนจับตาดาวเคียงเดือน ช่วงค่ำวันที่ 28 - 30 พ.ย. 62 ชมดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ เคียงดวงจันทร์เสี้ยวตามลำดับ มาพร้อมปรากฏการณ์แสงโลก หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สังเกตได้ด้วยตาเปล่าทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2562 นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผยว่า ปลายเดือน พ.ย.นี้ จะมีปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนติดต่อกัน ในช่วงระหว่างวันที่ 28-30 พ.ย.2562 เริ่มวันที่ 28 พ.ย.2562 ดาวพฤหัสบดีเคียงดวงจันทร์เสี้ยว ข้างขึ้น 2 ค่ำ ห่างประมาณ 0.8 องศา

จากนั้นวันที่ 29 พ.ย.2562 ดวงจันทร์ข้างขึ้น 3 ค่ำ จะเคลื่อนขึ้นไปปรากฏระหว่างดาวศุกร์กับดาวเสาร์ และในวันที่ 30 พ.ย.2562 ดวงจันทร์ข้างขึ้น 4 ค่ำ จะเคลื่อนขึ้นไปปรากฏใกล้ดาวเสาร์ ห่างประมาณ 6.8 องศา (การวัดระยะเชิงมุมท้องฟ้า ใช้มือเหยียดสุดแขนขึ้นบนฟ้า ระยะ 1 องศา จะห่างกันประมาณ 1 นิ้วก้อย) ดาวเคียงเดือนทั้ง 3 วันสังเกตได้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 18.00 น. เป็นต้นไป มีเวลาสังเกตการณ์ประมาณ 1-2 ชั่วโมง




นายศุภฤกษ์ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว สภาพท้องฟ้าใสไร้เมฆ จึงมีโอกาสสังเกตเห็น “ปรากฏการณ์แสงโลก” (Earth Shine) เกิดจากแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบผิวโลก สะท้อนไปยังดวงจันทร์ ทำให้ผู้สังเกตบนโลกมองเห็นพื้นผิวส่วนที่มืดของดวงจันทร์ นอกจากนี้ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ ในช่วงนี้ยังปรากฏให้เห็นทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ทุกเย็น ผู้สนใจชมปรากฏการณ์ท้องฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถดูได้ด้วยตาเปล่าทั่วประเทศ

ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน ถือเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์หนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เนื่องจากดวงจันทร์และดาวเคราะห์เปลี่ยนตำแหน่งบนท้องฟ้าไปเรื่อย ๆ ตามแนวสุริยะวิถี ดังนั้น การที่ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ปรากฏบนท้องฟ้าในทิศเดียวกัน หรือเคลื่อนที่มาอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกันจึงถือเป็นเรื่องปกติ


https://news.thaipbs.or.th/content/...dFfcHsr8hIL5xEBc4PJKLcQcBrFZpYrjD0P3VOiU8B-SA

 

Magnitude Mw 6.4
ภูมิภาค ADRIATIC SEA
วันที่เวลา 2019-11-26 02: 54: 11.3 UTC
ตำแหน่ง 41.45 N; 19.44 E
ความลึก 10 กม







Magnitude Mw 6.4
Region ADRIATIC SEA
Date time 2019-11-26 02:54:11.3 UTC
Location 41.45 N ; 19.44 E
Depth10 km
Distances
34 km NW of Tirana, Albania / pop: 375,000 / local time: 03:54:11.3 2019-11-26
16 km NW of Shijak, Albania / pop: 14,200 / local time: 03:54:11.3 2019-11-26
https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=807751