ติดตามสถานะการณ์

Setiawan

☕ เวลาดื่มกาแฟ..

เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่สวยงามในชีวิตของคุณในแบบของคุณเอง

 

ยานวอยาเจอร์ 2 พบ "กำแพงไฟ" แถบพลาสมาร้อนแรงตรงสุดขอบระบบสุริยะ

Image copyrightNASA /JPL-CALTECH
คำบรรยายภาพแถบพลาสมาร้อนแรงแต่มีความหนาแน่นต่ำ ตั้งอยู่ชิดกับแนวสิ้นสุดอิทธิพลลมสุริยะ (Heliopause)

นักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซาเผยว่า ยานวอยาเจอร์ 2 (Voyager 2) อาจจะยังเดินทางไปไม่ถึงห้วงอวกาศระหว่างดวงดาว (Interstellar space) หลังหลุดพ้นจากขอบเขตอิทธิพลลมสุริยะ (Heliosphere) เมื่อปลายปี 2018 เนื่องจากยังติดอยู่ในแถบพลาสมาอุณหภูมิร้อนแรงหลายหมื่นองศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเสมือน "กำแพงไฟ" ตรงสุดขอบระบบสุริยะ

แถบพลาสมาดังกล่าวเป็นกลุ่มก๊าซและอนุภาคมีประจุไฟฟ้า เกิดจากการสะสมตัวของลมสุริยะที่พัดมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งปะทะเข้ากับรังสีคอสมิกทรงพลังนอกระบบสุริยะจนพัดต่อไปไม่ได้อีก ทำให้เกิดเป็นแถบพลาสมาความหนาแน่นต่ำ แต่มีอุณหภูมิร้อนแรงในระดับที่แตกต่างกันไปในจุดต่าง ๆ ระหว่าง 30,000 - 50,000 องศาเซลเซียส

มีรายงานถึงการค้นพบแถบพลาสมานี้ ในงานวิจัยชิ้นหนึ่งของทีมนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซา ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Nature Astronomy เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา โดยรายงานระบุว่าระดับอุณหภูมิของแถบพลาสมาที่ยานวอยาเจอร์ 2 ตรวจวัดได้ สูงกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้นับหมื่นองศาเซลเซียส

อุณหภูมิที่ร้อนแรงนี้อาจเป็นอุปสรรคให้ยานเดินทางออกสู่ห้วงอวกาศระหว่างดวงดาวได้ช้า หรืออาจทำให้ยานได้รับความเสียหายจนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ แต่ในขณะนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ายานวอยาเจอร์ 2 ยังคงอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ และยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความเสียหายรุนแรงเข้ามาแต่อย่างใด

การเดินทางที่ยาวนานถึง 42 ปีของยานวอยาเจอร์ 1 และ 2 ได้เผยถึงรายละเอียดตรงบริเวณ "สุดขอบรั้ว" ของระบบสุริยะ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถจะคาดการณ์ถึงรูปร่างของขอบเขตอิทธิพลลมสุริยะ ซึ่งเป็นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกไปจากดวงอาทิตย์ และมีสภาพคล้ายฟองห่อหุ้มปกป้องระบบสุริยะได้

Image copyrightNASA
คำบรรยายภาพยานวอยาเจอร์ 2 อาจพบกับอุปสรรคในการเดินทางฝ่า "กำแพงไฟ" เพื่อออกสู่ห้วงอวกาศระหว่างดวงดาวต่อไป
ปัจจุบันยานวอยาเจอร์ทั้งสองลำอยู่ห่างจากโลกราว 18,000 ล้านกิโลเมตร โดยในปี 2012 ยานวอยาเจอร์ 1 เดินทางไปถึงแนวสิ้นสุดอิทธิพลลมสุริยะ (Heliopause) ก่อน ในขณะที่ยานวอยาเจอร์ 2 ไปถึงเส้นแนวดังกล่าวในอีกตำแหน่งหนึ่ง 6 ปีหลังจากนั้น

แม้ยานวอยาเจอร์ 1 และ 2 จะมีอายุการใช้งานนานมากแล้ว แต่อุปกรณ์สำรวจต่าง ๆ หลายชิ้นยังคงใช้งานได้ดีอยู่ โดยองค์การนาซาคาดหวังให้ยานทั้งสองลำทำหน้าที่สำรวจห้วงอวกาศระหว่างดวงดาวนอกระบบสุริยะต่อไป จนกว่าแหล่งพลังงานพลูโตเนียมที่ผลิตไฟฟ้าขับเคลื่อนยานจะหมดลง


https://www.bbc.com/thai/features-50535435?ocid=socialflow_facebook

 

เตรียมรับมือ! ทีมวิจัยเตือนไทยเสี่ยงแผ่นดินไหวต่อเนื่อง
24 พฤศจิกายน 2562 12:02

ทีมวิจัยเตือนว่าไทยยังเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว ระบุ ทุกฝ่ายควรเตรียมพร้อมรับมือเนื่องจากผลการติดตั้งเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวในพื้นที่น่านพบอาฟเตอร์ช็อกจำนวนมาก


https://www.tnnthailand.com/content/22368

 

นักวิจัยเตือนอย่าประมาท “แผ่นดินไหว” รับมือด้วยมาตรการทางโครงสร้างและกฎหมาย
เผยแพร่: 22 พ.ย. 2562 20:39 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ทีมวิจัยย้ำไทยยังเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว แต่ชี้ ‘ตระหนักแต่อย่าตระหนก’ ไม่นิ่งนอนใจ ต้องใช้มาตรการทางโครงสร้างภายใต้กฎหมายรองรับเพื่อความปลอดภัยของตัวอาคาร ผลการติดตั้งเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวในพื้นที่น่านพบอาฟเตอร์ช็อคจำนวนมาก เตรียมนำข้อมูลมาประเมินผลและวางแผนลดผลกระทบ

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับสมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย และสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร จัดการแถลงข่าว “ผลกระทบจากแผ่นดินไหวในประเทศลาวต่อประเทศไทยและแนวทางเตรียมความพร้อมรับมือ” 22 พฤศจิกายน 2562 ณ ห้องรัชดาบอลรูม ชั้น 6 โรงแรมเอสซีปาร์ค

ศ. ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย หัวหน้าชุดโครงการลดภัยพิบัติแผ่นดินไหวในประเทศไทย สกสว. จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เปิดเผยว่า การก่อสร้างอาคารจำเป็นต้องมีการออกแบบและก่อสร้างอาคารตามกฎกระทรวงและมาตรฐานของกรมโยธาธิการและผังเมือง ขณะที่อาคารเก่าต้องตรวจสอบว่ามีความมั่นคงแข็งแรงพอที่จะต้านทานแผ่นดินไหวหรือไม่

“อาคารสาธารณะจำนวนมากในภาคเหนือส่วนใหญ่ยังมีความเสี่ยงในพื้นที่ถึงร้อยละ 90 เพราะอาคารควบคุมตามกฎหมายต้องมีความสูงเกิน 15 เมตร แต่อาคารหรือโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นอาคารสองชั้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ลักษณะการสั่นช้า ๆ ต่างจากภาคเหนือที่ไหวเร็วและรุนแรง” ศ.ดร.เป็นหนึ่งกล่าว

ส่วนการเขย่าของตึกสูงในกรุงเทพฯ นั้น ศ.ดร.เป็นหนึ่ง ระบุว่าล่าสุดไม่รุนแรงมาก แค่ทำให้คนตกใจ จากการวัดข้อมูลในพื้นที่พบว่ามีความรุนแรงเพียงแค่ 1 ใน 10 ของความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้จริง แต่ถ้าเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่อาจจะมีผลกระทบมากกว่านี้อีก 10 เท่าตัว การเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวระยะไกลจึงมีความสำคัญ เพราะอาจเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ เช่น จังหวัดกาญจนบุรีที่ความแรง 7-7.5 ริกเตอร์ หรือจากรอยเลื่อนสกาย 8.5 หรือในทะเลอันดามันที่ขนาด 9 ริกเตอร์

“ประกอบกับสภาพแอ่งดินอ่อนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีขนาดใหญ่และลึกมาก โดยมีก้นแอ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ สามารถขยายความรุนแรงได้มากที่สุด และมีอาคารสูงจำนวนมาก จึงอาจมีผลกระทบอย่างมากในอนาคต”

ขณะที่ ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย และนักวิจัย สกสว. กล่าวถึงความเสี่ยงและมาตรการทางโครงสร้างเพื่อลดกระทบแผ่นดินไหวของอาคารสูงในกรุงเทพฯ ว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่ากรุงเทพฯ ยังมีความเสี่ยง ผู้คนรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนของอาคาร ส่วนความเสียหายทางโครงสร้างคงไม่มากนัก ทั้งนี้เจ้าของอาคารไม่ควรประมาทนิ่งนอนใจ ควรจัดให้มีวิศวกรโครงสร้างเพื่อตรวจสอบองค์อาคารที่สำคัญ เช่น คาน เสา กำแพงรับแรงเฉือน เป็นต้น

“แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่ยังไม่สามารถทำนายได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด เพราะตัวใหญ่ยังไม่มาจึงต้องเตรียมรับมือ อยากให้คนไทยตระหนักแต่อย่าตระหนก ในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้นมีอาคารหนาแน่นซึ่งอาคารบางลักษณะอาจมีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว เช่น ตึกแถวที่มีลักษณะเสาเล็กแต่คานใหญ่ อาคารพื้นท้องเรียบไร้คาน อาคารสูงที่มีลักษณะไม่สมมาตรหรือที่ชั้นล่างเปิดโล่ง อาคารที่ก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่ข้อต่อไม่แข็งแรง อาคารที่ทำการต่อเติมและทำทางเดินเชื่อมต่อกัน”

ดังนั้น เพื่อให้ความเกิดความปลอดภัย ศ.ดร.อมรระบุว่า ควรเตรียมความพร้อมรับมือโครงสร้างอาคารให้แข็งแรง โดยอาคารที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนักความต้านทานความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ที่เริ่มใช้บังคับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา และวิศวกรผู้ออกแบบจะต้องใช้มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านแผ่นดินไหวที่ออกโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง (มยผ.1302)

ส่วนอาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนปี 2550 ศ.ดร.อมรระบุว่า ต้องประเมินอาคารเพื่อตรวจสอบสมรรถนะในการต้านแผ่นดินไหว และหาทางเสริมความแข็งแรงอาคารในกรณีที่ตรวจพบว่าอาคารไม่แข็งแรงพอ ซึ่งการเสริมความแข็งแรงอาคารทำได้หลายวิธี

ด้าน ผศ.ดร.ภาสกร ปนานนท์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งได้ส่งทีมวิจัยลงพื้นที่ไปดำเนินการติดตั้งเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เคียงการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดน่าน จำนวน 4 สถานี เพื่อติดตามการเกิดอาฟเตอร์ช็อค กล่าวว่า พบการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กจำนวนมากในพื้นที่รอบ ๆ ศูนย์กลางแผ่นดินไหว และกำลังศึกษากลไกลการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้เพื่อใช้ในการประเมินผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่มีต่อรอยเลื่อนมีพลังในบริเวณใกล้เคียงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อไป เพื่อช่วยสนับสนุนการวางแผนลดผลกระทบจากแผ่นดินไหวในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อไปในอนาคต

สำหรับแนวทางการตรวจสอบอาคารและสิ่งปลูกสร้างหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว นายวสวัตติ์ กฤษศิริธีรภาคย์ นายกสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร เผยว่า ต้องตรวจสอบ

(1) สิ่งของที่ร่วงหล่นได้ การร่วงหล่นของสิ่งของรอบอาคาร เช่น เครื่องปรับอากาศ กระถางต้นไม้ วัสดุอาคาร

(2) ลิฟต์ ขณะลิฟต์วิ่งมีการติดขัดหรือมีความสั่นสะเทือนผิดปกติหรือไม่

(3) ท่อน้ำ ในช่องท่อน้ำแนวดิ่ง ได้แก่ ท่อน้ำประปา ท่อน้ำระบบปรับอากาศ ว่ามีท่อแตกรั่วซึมหรือไม่

(4) ท่อก๊าซหุงต้ม ทั้งที่ตั้งถังก๊าซและตลอดแนวท่อก๊าซ ว่ามีการรั่วซึมหรือมีกลิ่นก๊าซหุงต้มหรือไม่

(5) สายไฟฟ้าและตัวนำไฟฟ้าแนวดิ่งในห้องไฟฟ้าประจำชั้น มีการลัดวงจร กลิ่นไหม้ ความร้อน หรือมีสิ่งผิดปกติหรือไม่ กรณีอาคารที่ใช้บัสดักแทนสายไฟให้ตรวจความเสียหายของอุปกรณ์ทั้งหมด เพราะหากอาคารเลือกใช้บัสดักที่ไม่รองรับแผ่นดินไหว อาจจะทำให้ฉนวนของบัสดักเสียหายและเมื่อใช้อาจจะระเบิดได้

(6) ท่อระบายความร้อนและถังเก็บน้ำดาดฟ้า ตรวจสอบความเสียหาย ความมั่นคงแข็งแรง มีการแตกร้าว น้ำรั่ว ยึดติดมั่นคงแข็งแรงอยู่กับฐานหรือไม่

(7) ตรวจสอบระบบดับเพลิง ท่อน้ำดับเพลิง สปริงเกอร์ วาล์วควบคุมการจ่ายน้ำ ต้องอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง

(8) กรณีอาคารที่กำลังปรับปรุงอาคารหรือกำลังก่อสร้าง และงานที่มีความร้อน ต้องตรวจสอบการรั่วไหลของก๊าซในอาคารและความพร้อมของระบบป้องกันเพลิงไหม้ก่อนทำงาน

(9) อาคารขนาดใหญ่และอาคารสูง ควรได้รับการตรวจสอบอาคารโดยผู้ตรวจสอบอาคารหรือผู้มีความรู้ด้านงานตรวจสอบอาคารก่อนใช้งานอาคาร



คลื่นแผ่นดินไหวอาฟเตอร์ช็อคที่น่าน



อาฟเตอร์ช็อคที่น่านโดยปภ.


https://mgronline.com/science/detail/9620000112331

 

ประเทศลาวแผ่นดิน ยังไหวไม่หยุด.

 

Cr.คุณมาร์.
24/11/2019
#Earthquakes #เตือนรับมือแผ่นดินไหว
• เดือนนี้ทำสถิติใหม่ของแผ่นดินไหวรุนแรงมากระดับเกิน 6+ และยังมีระดับ 7 อีกด้วย..

> การไหวรุนแรงต่อเนื่องกันใน 6 ชั่วโมง

*** เป็นไปตามที่แจ้งเตือนเมื่อวานนี้ แต่ความรุนแรงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้..ระวังและตื่นตัวกันต่อไปอีก....?

• ตรวจสอบ M6.3 เมื่อเวลา 15:54 น. 44 ไมล์ทางใต้ของ Atka Pass ไปตามหมู่เกาะ Andreanof ลึกประมาณ 16 ไมล์ กิจกรรมนี้รู้สึกใน Adak หน้ากิจกรรมมีอยู่ที่นี่ earthquake.alaska.edu/event/019f2gle…

> แผ่นดินไหวอินโดฯ6.1แมกนิจูด สะเทือนทั่วภูมิภาคปาปัว
เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 6.1 แมกนิจูดสร้างความสั่นสะเทือนให้กับภูมิภาคปาปัวทางตะวันออกไกลของอินโดนีเซีย แต่ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากพื้นที่อาศัย และไม่มีความเสี่ยงจากคลื่นสึนามิ

สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 6.1 แมกนิจูด เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พ.ย.สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับภูมิภาคปาปัวทางตะวันออกไกลของอินโดนีเซีย แต่ศูนย์กลางแผ่นดินไหวแม้จะอยู่ลึกลงไปเพียง 10 กม.แต่ก็ห่างจากพื้นที่อาศัยของประชาชน ซึ่งปกติแล้วศูนย์กลางแผ่นดินไหวในระดับตื้นนั้นมักจะสร้างความเสียหายให้ได้มากกว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวระดับลึก

นายราห์มัต ทริโยโน หัวหน้าศูนย์แผ่นดินไหวและสึนามิ สำนักงานอุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศวิทยาและธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า ไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดสึนามิจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ และเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรง ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ นอกจากนั้นแล้ว ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองมานกวารีเมืองเอกของจังหวัดเวสต์ปาปัว ยังไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ สำหรับจังหวัดเวสต์ปาปัวนั้นมีประชากร 877,000 คนเป็นหนึ่งในจังหวัดของอินโดนีเซียที่มีประชากรน้อยที่สุด

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรกว่า 260 ล้านคน ตั้งอยู่ในเขตวงแหวนไฟแห่งแปซิฟิกจุดที่รอยเลื่อนเปลือกโลกมาบรรจบกันจึงเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดได้บ่อยครั้ง ครั้งที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 นอกชายฝั่งเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 230,000 คนในหลายประเทศรอบมหาสมุทรอินเดีย...

อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/foreign/743249

<> สรุปแผ่นดินไหวในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2019 ในส่วนต่าง ๆ ของโลก
M 2+ 159
M 3+ 73
M 4+ 39
M 5+ 8
M 6+ 2 รวม 28
#เกิดแผ่นดินไหวขนาดกลาง 10 ครั้ง

( ฉันสงสัยว่า..ดาวเคราะห์สามดวงแสดงบทบาทอย่างไร
แต่เมื่อไหร่ที่เวียนมาทำมุมทางเรขาคณิตต่างๆ มันมีปฏิกิริยาแผ่นดินไหวแรงทุกทีเลย....!!! ) >ดูกราฟที่ 3

••• ต้องขออภัยที่ไม่ค่อยได้ให้รายละเอียด ทั้งกรอบแห่งเวลาและความไม่สะดวก อีกทั้งภัยพิบัติที่มีมากกว่าปกติมาก รวมทั้งเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทั้งสภาพอากาศและภัยพิบัติแปลกๆ เช่น....พายุฝนควบรวมกับพายุหิมะในยุโรป
ที่อิตาลี หรืออเมริกาเหนือ ไฟป่าในออสเตรเลีย รายงานการสำรวจวิจัยใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ ต่างๆ •••
——————
( จากโพสต์แจ้งเตือนก่อนนี้)

23/11/2019
#Earthquakes #เตือนรับมือแผ่นดินไหว #แจ้งเตือแผ่นดินไหวรุนแรง
#เรขาคณิตของดาวเคราะห์ที่สำคัญมาบรรจบกันในวันที่ 24 อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง
วันที่ 26 อาจเป็นจุดสูงสุดที่ 7.8+

>> ระวังหากคุณอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการสั่นสะเทือน

Seismic & Planetary Update 22 November 2019

Critical planetary geometry converging around the 24th may trigger large seismic activity from the 24th to the 26th, possibly peaking magnitude 7.8+. Be on watch if you're in a quake prone area.

Clue to earthquake lightning mystery
https://www.bbc.com/news/science-envi...

Can electric signals in Earth's atmosphere predict earthquakes?
https://www.sciencemag.org/news/2015/...

Earthquake Alarm - electromagnetic signals:
https://spectrum.ieee.org/computing/h...

Atmospheric Electricity Influencing Biogeochemical Processes in Soils and Sediments:
https://www.frontiersin.org/articles/...

Introduction Video: "Earthquakes & Electromagnetic Waves"

...

Growing Evidence Radiation Pressure Triggers Earthquakes

...

===============
https://timeline.line.me/post/_ddhErL1Jo8ALu3dWhvyTVFdc6afGLf7-Q_cFuHs/1157447498805011733

•https://www.dailynews.co.th/foreign/743249

 

24/11/2019
#สถานการณ์แผ่นดินไหวลาวน่าน #สรุปรายงานแผ่นดินไหว
#ปภ.#เผยผลกระทบแผ่นดินไหวบ้าน198หลังวัด34แห่งใน6จว.เสียหาย

24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 09:07 น.
24 พ.ย.62- นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2562 โดยมีขนาด 6.4 แมกนิจูด ความลึกประมาณ 3 กิโลเมตร

รวมเกิดแผ่นดินไหวตามมา (Aftershock) จำนวน 113 ครั้ง ซึ่งจากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดว่า เกิดจากรอยเลื่อนในประเทศลาว ที่เชื่อมต่อจากรอยเลื่อนปัวในประเทศไทย จึงส่งผลให้พื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รู้สึกถึงแรงสั่นไหว ทั้งนี้ มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 6 จังหวัด ได้แก่ แพร่ น่าน เลย อุดรธานี พิษณุโลก และพะเยา

• จากการสำรวจความเสียหายในเบื้องต้นพบว่า
- บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 198 หลัง

- สถานที่ราชการ 8 แห่ง

- วัด 34 แห่ง

- โรงพยาบาล 4 แห่ง

- สถานบริการสาธารณสุข 3 แห่ง

- อาคารขนาดใหญ่ 2 แห่ง

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานให้กองอำนวยการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดดำเนินการตามแผนการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด โดยจัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ และผลกระทบจากแผ่นดินไหวในประเทศลาว จัดเจ้าหน้าที่สำรวจบ้านเรือน อาคาร สถานที่ที่ได้รับความเสียหายจากผลกระทบของแผ่นดินไหว และเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่กำหนด

Cr.คุณมาร์.
https://www.thaipost.net/main/detail/50972

 

Setiawan


สะพานยุบใน liguria, savona, อิตาลีเช้านี้ 24 พฤศจิกายน 2019

 

Setiawan

บางทีคุณอาจไม่สามารถขายไอศกรีมในหมู่บ้านนี้ได้

Harstad นอร์เวย์ 23 พฤศจิกายน 2019

 

เครื่องบินโดยสารดีอาร์คองโกตกดับ 23ศพ

 

สุสานเก็บขยะนิวเคลียร์ในแปซิฟิคเสี่ยงแตก หลังเจอพิษน้ำทะเลที่เพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
13/11/2019



บนหมู่เกาะ Marshall เป็นที่ตั้งของ Runit Dome หรืออีกชื่อหนึ่งที่คนรู้จักกันคือ ‘The Tomb’ ซึ่งเป็นสถานที่กักเก็บขยะกัมมันตภาพรังสีที่มีปริมาณมากถึง 87,800 ลูกบาศก์เมตร จากการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ที่มีชื่อว่า แคคตัส ของกองทัพสหรัฐอเมริกา



ตั้งแต่ในปีค.ศ. 1977 – 1980 ทหารสหรัฐฯ ประมาณ 4,000 นายได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดพื้นที่ทดสอบนิวเคลียร์ในพื้นที่ของ Enewetak Atoll ในมหาสมุทรแปซิฟิค ไม่ว่าจะเป็นดินที่ปนเปื้อนพร้อมกับของเสียจากกัมมันตภาพรังสีอื่น ๆ เช่นอุปกรณ์ทางทหาร คอนกรีต และเศษโลหะ โดยการปิดทับหลุมด้วยคอนกรีต

หลุมขนาดมหึมานี้มีขนาดใหญ่จนจุน้ำในสระโอลิมปิคได้ถึง 35 สระ โดยสารที่อยู่ในดินส่วนใหญ่ประกอบด้วยพลูโตเนียมที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งปอดหากสูดดมเข้าไป แต่ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นกำลังทำให้สถานที่แห่งนี้ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะแตกและรั่วไหล เนื่องจากปี 1993 เป็นต้นมาระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 7 มิลลิเมตรต่อปีและเริ่มซึมลงไปในดินใต้โดม ซึ่งไม่ได้มีคอนกรีตรองรับเหมือนกับด้านบน



ก่อนที่จะทำการทดสอบนิวเคลียร์ในช่วงปี 1940s และ 1950s ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะ Enewetak ถูกสั่งให้อพยพจากบ้านและย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะใกล้เคียง ปัจจุบันมีเพียง 3 ใน 40 เกาะเท่านั้นที่มีความปลอดภัยสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์ และมีผู้พักอาศัยอยู่ประมาณ 650 คน

---


ในปี 2013 กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ รายงานว่าอาจมีกัมมันตรังสีบางส่วนรั่วไหลออกมาปะปนในทะเลโดยรอบ แต่มีปริมาณไม่มากพอให้เกิดอันตรายต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้กัน แต่หากน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในปี 2030 น้ำทะเลอาจสูงขึ้นถึง 16 เซนติเมตรเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ผลคือจะทำให้เกิดพายุมากขึ้นและน้ำท่วมบริเวณชายฝั่งจนท่วมโดมอย่างสมบูรณ์ในปี 2100

ชาวท้องถิ่นกังวลกันว่าหากเกิดความเสียหายกับโดมคอนกรีต พวกเขาจะต้องเสี่ยงกับอันตรายด้านสุขภาพ ซึ่งล่าสุดโดมก็เริ่มร้าวและแตกหัก เพิ่มโอกาสเสี่ยงที่คลื่นลมแรงจะทำให้โครงสร้างเปิดขึ้นได้ และทำให้กากกัมมันตภาพรังสีปนเปื้อนในมหาสมุทรหรือทะเลสาบที่อยู่ใกล้เคียงมากขึ้น จนทำให้ชาวบ้านเกรงว่าจะต้องอพยพออกจากเกาะอีกครั้ง



Ken Buesseler นักรังสีวิทยาทางทะเลผู้วางแผนที่จะศึกษาดินโดยรอบโดมกล่าวว่าชาวบ้านอาจวิตกกังวลมากเกินไป เนื่องจากทุกวันนี้มีธาตุซีเซียมและพลูโตเนียมอยู่ในทุกๆ สิ่งที่เรากินและดื่มเข้าไปอยู่แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขายังคงศึกษาเรื่องนี้ต่อไปจนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน เพราะหากเกิดการรั่วไหลจริง คุณจะไม่สามารถรับรส ได้กลิ่น หรือสัมผัสได้ถึงรังสี มันจึงกลายเป็นภัยเงียบที่ร้ายกาจต่อมนุษย์ และไม่มีใครต้องการให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ที่มา Science alert

http://realmetro.com/radioactive-tomb-crack/

 

เวียดนามสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ กฟผ. ถือหุ้น 99.99%

บริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อินเตอร์เนชั่นแนล (EGATi) แถลงการณ์เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงถ่านหิน 'Quang Tri 1' กำลังผลิตขนาด 1,320 เมกะวัตต์ ในจังหวัด Quang Tri ภาคกลางของเวียดนาม โดยกฟผ. ซึ่งถือหุ้น 99.99% ทุ่มทุน 55 ล้านล้านด่อง (2,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 71,498 ล้านบาท)

https://www.tcijthai.com/news/2019/11/asean/9596

 

Signs of the End


ห้องสมุดในปัจจุบันของไดอะแกรมไปยังการเชื่อมโยงดาวพฤหัสบดี - วีนัส ครั้งที่ 7 และวันแห่งพันธสัญญาของโนอาห์ต่อมา

The current library of diagrams to the 7th Jupiter-Venus Conjunction and subsequent Noahic Covenant Day.

 

“ถ้าเป็นมะเร็ง มันมีโอกาสที่จะปะทุเมื่อไหร่ก็ได้” เปิดใจ "หมอดิว" นางฟ้าสุนัข ใจบุญ ประกาศผ่าตัดรักษา "เจ้าบิ๊ก" สุนัขมีเนื้องอกมะเร็งที่ลำคอฟรี!! เพราะทนดูไม่ได้ขอยากให้มีบั้นปลายชีวิตที่ดี แถมใจดีปฏิเสธไม่ยอมรับค่ารักษากว่า 10,000 บาทอีกด้วย!!
.
คลิก>>https://mgronline.com/live/detail/9620000112745
.
#MGROnline #MGRLive #เจ้าบิ๊ก #ป่วยมะเร็ง #กะโรมสัตวแพทย์ #หมอดิว #ผ่าตัดมะเร็งสุนัขฟรี #ผ่าตัดมะเร็ง #ผ่าตัดเนื้องอกช่วยสุนัขฟรี
กะโรม สัตวแพทย์

 

40% ของหมูจีน, สัตว์หลายร้อยล้านตัวเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ในเวลาเพียงหนึ่งปี และไม่ใช่ถ้า แต่เมื่อโรคแพร่ไม่หยุดไปยังตะวันตก

40% of Chinese pigs, hundreds of millions of animals have died from swine fever in just over a year and It's not if but when the unstoppable disease reaches the West

 

24/11/2019@21:18 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.0 ที่ความลึก 10 กิโลเมตร #ทางตะวันตกของอาเจะห์ หมู่เกาะสุมาตรา ห่างจากจังหวัดภูเก็ตไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 886 กิโลเมตร #ไม่มีสึนามิ

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 24) จีนสะสม ‘ทุนสำรองเงา’ ลดพึ่งดอลลาร์รับมือ ‘สงครามค้า’ : ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจของโลกจะแยกตัวออกจากกันในทางการเงิน ทำให้บรรดานักวิเคราะห์พุ่งเป้าสังเกตไปที่ความเคลื่อนไหวของจีนเกี่ยวกับการบริหารจัดการทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยแนวโน้มที่ปรากฏก็คือพยายามลดสัดส่วนของดอลลาร์สหรัฐลง แล้วกระจายความเสี่ยงด้วยการถือเงินสกุลอื่น ๆ ให้หลากหลายขึ้น


ตามรายงานของเอเอ็นแซด รีเสิร์ช แห่งออสเตรเลีย ระบุว่า การที่สหรัฐเปิดสงครามการค้ากับจีน ทำให้ปักกิ่งกำลังเดินหน้าอย่างเงียบ ๆ เพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐสำหรับถือไว้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยกระจายการถือครองเงินสกุลอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งถึงแม้ไม่ทราบแน่ชัดว่าจีนเพิ่มการถือครองเงินสกุลใดบ้าง แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นสกุลปอนด์ของอังกฤษ เยนของญี่ปุ่น และยู


“ถึงแม้ในตอนนี้ดอลลาร์สหรัฐจะมีสัดส่วนมากที่สุดในทุนสำรองของจีน คือ ประมาณ 59% แต่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นของ 2 ประเทศ จะทำให้จีนเพิ่มความเร็วในการกระจายความเสี่ยงไปถือครองเงินสกุลอื่น”


ทางด้านดีบีเอสระบุเช่นกันว่า ปักกิ่งกำลังค่อย ๆ ลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐ จากเดิมที่เคยเป็นผู้ถือรายใหญ่อันดับ 1 แต่พอถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ ญี่ปุ่นได้แซงจีนขึ้นเป็นผู้ถือครองอันดับ 1 หากคำนวณจากช่วงที่จีนเคยถือครองสูงสุดเมื่อปี 2018 พบว่า จีนลดการถือครองลง 8.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ตลอด 14 เดือนที่ผ่านมา


นอกจากจะลดการถือครองดอลลาร์แล้ว จีนยังตะลุยซื้อทองคำเข้าไว้ในทุนสำรองอีกด้วย เห็นได้จากเดือนตุลาคมที่มีการถือครองทองคำสูงเป็นประวัติการณ์ ที่ 1,957.5 ตัน


ไม่เพียงเท่านั้น ในมุมมองของเอเอ็นแซดยังเห็นว่า วิธีการหนึ่งที่น่าสนใจค่อนข้างมากของจีนในการกระจายความเสี่ยง ก็คือการสร้างสินทรัพย์ในรูปแบบอื่น ที่เรียกว่า “ทุนสำรองเงา” ด้วยการเพิ่มการลงทุนทางเลือก (alternative investments) หลายอย่างในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นการลงทุนผ่านบริษัทและธนาคารของรัฐ รวมทั้งผ่านกองทุนต่าง ๆ ที่จีนร่วมมือกับประเทศเจ้าภาพ ลักษณะการลงทุนก็มีตั้งแต่การลงทุนในหุ้น การปล่อยเงินกู้ผ่านธนาคารรัฐ โดยเฉพาะการปล่อยกู้แก่โครงการเส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 หรือ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”


SAFE ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน มีบริษัทเพื่อการลงทุนต่างประเทศ 4 แห่ง ได้แก่ หัวซินในสิงคโปร์ หัวโอวในลอนดอน หัวเม่ยในนิวยอร์ก และหัวอันในฮ่องกง ซึ่งมีรายงานว่า บริษัทเหล่านี้ร่วมทุนกับบริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้น ขณะที่การลงทุนในกองทุนต่าง ๆ นั้น ประกอบด้วย กองทุนเพื่อการพัฒนาจีน-แอฟริกา กองทุนความร่วมมือจีน-แอลเอซี ซึ่งสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการต่าง ๆ ในละตินอเมริกาและแคริบเบียน เป็นต้น โดยจีนได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการเหล่านี้มาโดยตลอด


ตามการประเมินของเอเอ็นแซดชี้ว่า การลงทุนต่างประเทศทั้งหมดดังกล่าวข้างต้นของจีนที่เรียกว่า ทุนสำรองเงา มีมูลค่า 1.86 ล้านล้านดอลลาร์ ณ เดือนมิถุนายนปีนี้


พอล เสี่ยว นักเศรษฐศาสตร์ของไพน์บริดจ์ อินเวสต์เมนต์ บอกว่า บรรดาบริษัทจีนมีความอ่อนไหวสูงต่อความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากมีหนี้ต่างประเทศรวมกันสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสร้างปัญหามากเมื่อดอลลาร์แข็งค่ามากเมื่อเทียบกับเงินหยวนในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้าอยู่ในจุดสูงสุด ทำให้บริษัทจีนต้องขายทรัพย์สินออกมา


ตามข้อมูลของไอเอ็มเอฟ ปัจจุบันดอลลาร์สหรัฐมีสัดส่วน 58% ของทุนสำรองทั้งโลก ส่วนหนี้ทั่วโลกประมาณ 40% ก็อยู่ในรูปดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ระบบการเงินโลกในปัจจุบันมีดอลลาร์สหรัฐเป็นศูนย์กลางมากเกินไป ทำให้ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ ไม่ว่าจีน หรือกลุ่มประเทศยูโรโซน ต้องการให้โลกมีหลายสกุลเงินเป็นทุนสำรอง การที่จีนลดดอลลาร์ลง นอกจากลดความเสี่ยงแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เงินหยวนมีบทบาทสำคัญมากขึ้น


ชีพจรเศรษฐกิจโลก


นงนุช สิงหเดชะ


Source ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


https://www.prachachat.net/world-news/news-394411

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 24) อิหร่านตัดอินเทอร์เน็ตเป็นวันที่ 6! สกัดปลุกระดมประท้วงออนไลน์ : เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอิหร่านยังคงใช้การไม่ได้เป็นวันที่ 6 มีเพียงจังหวัดทางใต้ของประเทศที่เริ่มเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้เท่านั้น


องค์กรตรวจสอบอินเทอร์เน็ต NetBlocks เปิดเผยว่า รัฐบาลอิหร่านเริ่มผ่อนคลายมาตรการตัดเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศในวันพฤหัสบดี โดยเริ่มปล่อยสัญญาณการเชื่อมต่อราว 5% - 10% ในหลายพื้นที่


เลขาธิการสภาไซเบอร์สเปซสูงสุดของอิหร่าน กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า จะมีการประเมินสถานการณ์ความวุ่นวายทั่วประเทศและคาดว่าจะเริ่มปล่อยสัญญาณอินเทอรืเน็ตทั้งหมดได้ภายในสองวัน


ทางการอิหร่านเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต หลังเกิดการลุกฮือประท้วงราคาน้ำมันสูงขึ้น 50% ทั่วประเทศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งชาวอิหร่านจำนวนมากมองว่าเป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนที่กำลังเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจขั้นวิกฤติอยู่แล้ว สืบเนื่องจากการลงโทษทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


สื่อหลายแห่งในอิหร่านรายงานว่า นโยบายตัดอินเทอร์เน็ตของรัฐบาลเตหะรานยิ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจอิหร่านมากขึ้น รวมทั้งสร้างอุปสรรตต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นด้วย


นอกจากนี้ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ขาดหายยังทำให้เป็นเรื่องยากที่จะยืนยันสถานการณ์ล่าสุดของความวุ่นวายและการประท้วงในอิหร่าน ในขณะที่ทางการอิหร่านเองก็มิได้เปิดเผยตัวเลขผู้ถูกจับกุม บาดเจ็บและเสียชีวิต ออกมาแต่อย่างใด


อย่างไรก็ตาม องค์กร Amnesty International รายงานว่ากองกำลังความมั่นคงของอิหร่านได้สังหารประชานไปแล้วอย่างน้อย 106 คน


Source: VOA Thai

https://www.voathai.com/a/iran-internet-shutdown/5177721.html


- Iran Keeps Internet Mostly Off for 7th Day as US Levies Sanctions : https://www.voanews.com/middle-east...s-internet-mostly-7th-day-us-levies-sanctions

 

Setiawan


Savona อิตาลี ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2019

 

4 ข้อสังเกต‘อิศรา’คดีหุ้น‘วี-ลัค มีเดีย’ สอดคล้อง คำวินิจฉัยศาล รธน.-หลักฐานเชิงประจักษ์ เขียนวันที่ วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 19:30 น. เขียนโดย
isranews

ย้อน 4 ข้อสังเกต ‘อิศรา’คดีหุ้น บ.วี-ลัค มีเดีย ‘ธนาธร’ สอดคล้อง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ เอกสารวัตถุประสงค์- แบบแสดงประกอบการธุรกิจ-งบการเงินปี 61 หลักฐานเชิงประจักษ์ ลูกหนี้ 2.8 ล้าน มิใช่ 11 ล้าน หักล้างไม่ได้



20 พ.ย.2562 ศาลรัฐธรรนูญ มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง วินิจฉัยให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลง โดยนับตั้งแต่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2562 เนื่องจากในการสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2562 ยังถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจสื่อ ซึ่งเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)

ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ข้ออ้างการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2562 มีข้อพิรุธหลายประการ และพยานหลักฐานของนายธนาธร มีพยานอื่นที่มีน้ำหนักหักล้างพยานของนายธนาธรได้ จึงวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลง โดยนับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่คือ ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2562

คดีหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร หากติดตามข้อมูลที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานมาก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศราได้ตั้งข้อสังเกตไว้หลายประการและสอดคล้อง กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 4 ประการดังนี้

1. ประเด็น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ทำธุรกิจสื่อ หรือไม่

ข้อสังเกตของสำนักข่าวอิศราก่อนหน้านี้

-สำนักข่าวอิศราสืบค้นข้อมูลมารายงานว่า ข้อมูลวัตถุประสงค์ (แบบ ว.) ,แบบ สสช.1 หรือ แบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัท, ข้อมูลงบการเงิน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ยืนยันว่า มีรายได้จากการประกอบธุรกิจสื่อชัดเจน

นอกจากนี้ยังเทียบเคียงแนวคำวินิจฉัยในศาลฎีกา คดีผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร( ส.ส.) ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ไม่ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ กรณีเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อมวลชน 3 คดีจาก 9 คดี ได้แก่ คดีนายอนุสรณ์ เกษมวรรณ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ 1 กรุงเทพฯ พรรคชาติพัฒนา เจ้าของหนังสือพิมพ์ สื่อกลางสภาไทย คดีนายสุวัฒน์ชัย สวัสดี ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. นครราชสีมา เขต 1 พรรคความหวังใหม่ เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ โคราชการเมือง และคดีนายทวีป ขวัญบุรี ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์สื่อกลางรายวัน ทั้งสามคนอ้างว่า เป็นเจ้าของจริงแต่หยุดตีพิมพ์มาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว แต่ในข้อเท็จจริงไม่ได้จดทะเบียนยกเลิกต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 30 วันตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 ศาลฎีกาวินิจฉัยถือว่าบุคคลดังกล่าวยังเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส. เทียบเคียงกรณีบริษัท วี-ลัคฯ แม้อ้างว่าเลิกกิจการไปแล้วแต่ไม่ได้มีจดทะเบียนเลิกกิจการต่อกรมพัฒนาธุรกิจ จึงถือว่ายังประกอบการสื่ออยู่ (อ่านเรื่องประกอบ: ชำแหละ 10 คดีผู้สมัคร ส.ส. ถือหุ้นสื่อ เทียบ ‘ภูเบศวร์ - คมสัน’)



-คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้

ข้อเท็จจริงปรากฏเอกสารในสำนวนบริษัท วี-ลัคฯ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2551 โดยมีวัตถุประสงค์ข้อ 23 ระบุว่า ประกอบกิจการของหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ และพิมพ์หนังสือ พิมพ์จำหน่าย และข้อ 25 ระบุว่า ประกอบกิจการโฆษณา ด้วยสื่อการโฆษณาทุกอย่าง การโฆษณาในหนังสือพิมพ์ กระจายเสียงผ่านสื่อวิทยุ โทรทัศน์ โทรเลข เคเบิ้ลทีวี การสื่อสารด้วยระบบดาวเทียม และสื่ออื่นใด

ขณะเดียวกันแบบแสดงรายการประกอบการธุรกิจของบริษัท (สสช.1) ระบุว่า บริษัทประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์จำหน่าย และเมื่อครั้งใช้ชื่อว่า บริษัท โซลิดฯ ได้ยื่นจดแจ้งการพิมพ์ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ฯ ตามมาตรา 11 ตามเอกสารหนังสือสำคัญจดแจ้งการพิมพ์ ลงวันที่ 12 พ.ค. 2551 และวันที่ 17 พ.ย. 2553

ส่วนแบบนำส่งงบการเงิน (สสช.3) ที่บริษัท วี-ลัคฯ ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปีบัญชีสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2559 2560 และ 2561 ระบุว่า บริษัท มีรายได้จากการให้บริการโฆษณา

ประกอบกับไม่ปรากฏหลักฐานว่า บริษัท วี-ลัคฯ ได้จดแจ้งยกเลิกเป็นผู้พิมพ์โฆษณา บรรณาธิการ หรือเจ้าของกิจการตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ มาตรา 18 ก่อนวันที่ 6 ก.พ. 2562 เป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ส่งรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อต่อ กกต. โดยมีรายชื่อนายธนาธรลำดับที่ 1 แม้นายธนาธร อ้างว่า บริษัท วี-ลัคฯ ได้เลิกจ้าง ผลิตนิตยสาร เลิกจ้างพนักงาน เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 เป็นต้น รวมทั้งแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงของนายจ้างต่อประกันสังคม หยุดดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2562 ก็ตาม แต่บริษัท วี-ลัคฯ ก็ยังสามารถประกอบกิจการเมื่อไหร่ก็ได้ ตราบใดที่ยังไม่ยกเลิก บริษัท วี-ลัคฯ ยังสามารถดำเนินการได้ตามที่จดแจ้งตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ

2.นายธนาธรถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ในวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่

2.1 ประเด็นเรื่องการนำส่ง บอจ. 5 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นายธนาธร ระบุว่า โอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้แก่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 ปรากฏตามเอกสารการโอนหุ้น โดยมีลายมือชื่อของ น.ส.กานต์ธิดา อ่วมงามขำ และ น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม เป็นพยาน และมีการจ่ายค่าตอบแทนในการโอนหุ้น จำนวน 6,750,000 บาท โดยสั่งจ่ายเป็นเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา ลงวันที่ 8 ม.ค.2562 ต่อมามีการโอนหุ้นจำนวนดังกล่าวให้นายทวี จรุงสถิตย์พงศ์ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2562 และ นายทวี โอนคืนให้นางสมพร ในวันที่ 21 มี.ค.2562

ข้อสังเกตของสำนักข่าวอิศรา

บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด นำส่งงบการเงินและบัญชีผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ต่อจดทะเบียนต่อนายทะเบียนหุ้นบริษัทกรุงเทพมหานครทุกปี โดยนายธนาธร และภรรยา เข้ามาถือหุ้นเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2558 โดยนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2558 เหตุใดการโอนหุ้นของนายธนาธรและภรรยาให้นางสมพร เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2562 (ตามคำกล่าวอ้าง) , การโอนหุ้นของนางสมพร ให้แก่หลานชาย 2 คน (หุ้นของนายธนาธรเดิมและของภรรยาที่อ้างว่าขายให้นางสมพร) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2562 มีผู้ถือหุ้น 10 คน และ การโอนหุ้นของหลานชาย 2 คน กลับมาให้นางสมพร เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 (ตามคำกล่าวอ้าง) จึงไม่ยื่นจดทะเบียนนำส่งบัญชีผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กลับยื่นจดทะเบียนนำส่งบัญชีผู้ถือหุ้น เฉพาะมีผู้ถือหุ้น 5 คน ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 ซึ่งเป็นฉบับที่ไม่มีชื่อนายธนาธร ภรรยา และหลานชาย 2 คน



(อ่านประกอบ:9 ข้อเสี่ยงจุดตาย 'ธนาธร' ปมโอนหุ้น 8 ม.ค.62 อยู่ที่ไหน - เช็ค 6.7 ล. หลาน 2 คน)

นอกจากนี้ สำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า นับตั้งแต่จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2551- 21 มี.ค.2562 บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น 5 ครั้ง ในการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง ปรากฎว่า 4 ครั้ง บริษัทฯนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้แก่ ครั้งที่ 1- ครั้งที่ 4 ระบุ สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 เท่านั้น ที่ ไม่ได้ระบุว่า เป็นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญ แต่ระบุว่า “คัดมาจากทะเบียนผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562”



การยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นครั้งที่ 5 (21 มี.ค.2562) ไม่มีการประชุมผู้ถือหุ้น เพราะไม่ได้ระบุในเอกสารนำส่ง และ บริษัทฯไม่ได้ส่งคำรับรองการจดทะเบียนประกอบคำขอต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 (อ่านประกอบ: เปิดหนังสือนำส่งบัญชีผู้ถือหุ้น บ.วี-ลัคฯ 5 ฉบับ ปมศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคดี'ธนาธร')

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้นทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงขึ้นว่า ผู้ถูกร้องได้โอนหุ้นของผู้ถูกร้องจำนวนดังกล่าวไปให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในวันที่ 8 ม.ค.2562 จริงหรือไม่ กล่าวคือ

ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ได้มี หนังสือส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยเร็วเป็นปกติทุกครั้ง ดังเห็นได้จากหนังสือบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) ในวันประชุมวิสามัญ ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 หนังสือบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ลงวันที่ 12 มกราคม 2558 ซึ่งส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) ในวันประชุม วิสามัญ ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2558 ซึ่งเป็นการโอนหุ้นของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้กับผู้ถูกร้อง และหนังสือบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ลงวันที่ 21 มีนาคม 2562 ซึ่งส่งสําเนาบัญชี รายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) โดยคัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 แต่การโอนหุ้นของผู้ถูกร้องให้แก่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในวันที่ 8 มกราคม 2562 กลับไม่ปรากฏ การส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) ที่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทั้งที่การส่งสําเนาบัญชี รายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) ดังกล่าวจะเป็นหลักฐานที่สําคัญหากผู้ถูกร้องมีความประสงค์เข้าสู่ การเมือง การที่ไม่มีการส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร จึงเป็นการผิดปกวิสัยที่เคยปฏิบัติมาทั้ง ๆ ที่การโอนหุ้นครั้งนี้มีความสําคัญต่อการเข้า ดํารงตําแหน่งทางการเมืองของผู้ถูกร้องอย่างยิ่ง เพราะถ้ามิได้โอนไปก่อนวันที่ผู้ถูกร้องสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมจะทําให้ผู้ถูกร้องมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) แม้ผู้ถูกร้องชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาและเบิกความเป็นพยานต่อศาลให้เหตุผลในการไม่ส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครทันทีหลังจากที่มีการโอนหุ้นดังกล่าวว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ได้เลิกจ้างพนักงานบริษัทไปแล้วทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 จึงไม่มีนักบัญชีที่คอยดําเนินการติดตามจัดการเอกสารทางทะเบียนดังเช่นตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา ประกอบกับการโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคม 2562 เป็นการโอนหุ้นภายในครอบครัว จึงรุ่งเรืองกิจ แต่คําชี้แจงดังกล่าวขัดแย้งกับคําเบิกความของนางสาวลาวัลย์ จันทร์เกษม พยานบุคคล ที่ว่าตนสามารถทําได้ ถ้ามีคําสั่งให้ทํา ซึ่งนางสาวลาวัลย์ จันทร์เกษม เป็นเจ้าหน้าที่ที่ดําเนินการ เกี่ยวกับการแจ้งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) และเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ดําเนินการเกี่ยวกับ สําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ด้วย ประกอบกับ ในทางปฏิบัติการยื่นสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) นั้น สามารถมอบหมายให้บุคคลอื่น ไปดําเนินการแทนได้ และการยื่นเอกสารดังกล่าวสามารถกระทําได้โดยไม่มีความยุ่งยากแต่ประการใด เพราะบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ใช้วิธีการส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) งบดุลประจําปี ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครทางอิเล็กทรอนิกส์มาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปี 2561

2.2 ประเด็นเรื่องระยะเวลานำเช็คไปขึ้นเงิน

นายธนาธรอ้างว่าได้โอนหุ้นให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2562 นางสมพรได้จ่ายเช็คคธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราด เซ็นทรัลซิตี้ มาให้ในวันเดียวกัน นายธนาธรนำเช็คให้นางรวิพรรณภรรยาเก็บไว้ แต่นางรวิพรรณไม่ได้นำเช็คไปขึ้นเงินทันที โดยอ้างว่าลูกอ่อน ไม่สะดวก และนำเช็คไปขึ้นเงินเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2562

ข้อสังเกตของสำนักข่าวอิศรา



การนำเช็คไปขึ้นเงิน เกิดขึ้นภายหลังจากอ้างว่าโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2562 กว่า 4 เดือน เกิดขึ้นภายหลังจากนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2562 เกือบ 2 เดือนและเกิดขึ้นวันเดียวกับ วันที่ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิก ส.ส. (อ่านประกอบ:ข้อมูลใหม่! คดีหุ้นวี-ลัคมีเดีย ‘ธนาธร’ เพิ่งเอาเช็คขึ้นเงิน 16 พ.ค.62)

-คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้

นายธนาธร อ้างว่า นางสมพร ได้ชำระค่าหุ้นให้แก่นายธนาธร ด้วยเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราด เซ็นทรัลซิตี้ ฉบับวันที่ 8 ม.ค. 2562 สั่งจ่ายนายธนาธร เป็นเงิน 6.75 ล้านบาท ปรากฏนำฝากเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562 ตรงกับวันที่ กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และใช้ระยะเวลานานถึง 128 วัน หลังจากวันที่ระบุในเช็ค
ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ระบุว่า ให้ผู้ส่งเช็ค ต้องนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร เพื่อให้มีการใช้เงินภายใน 30 วัน หากเช็คออกเมืองเดียวกับเมืองที่ธนาคารตั้งอยู่ตามเช็ค หรือภายใน 3 เดือน หากเช็คต่างเมือง สถานที่ออกเช็ค และธนาคารอยู่คนละเมืองกัน อย่างไรก็ดีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราด เซ็นทรัลซิตี้ ตั้งอยู่ที่ กทม. ขณะที่สถานที่ออกเช็คดังกล่าวไม่ระบุสถานที่ ต้องถือว่าออกเช็ค ณ ภูมิลำเนาผู้สั่งจ่ายคือนางสมพร มีภูมิลำเนาใน กทม.

แม้นายธนาธรอ้างว่า มีการนำเช็คเรียกเก็บเงินล่าช้าเช่นนี้ประจำ แต่เมื่อตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปี พบว่า การเรียกเก็บเงินเช็คตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไประหว่างปี 2560-2562 มีการเรียกเก็บเงินตามเช็คหลังจากวันที่ลงในเช็คประมาณ 42-45 วัน แต่การเรียกเก็บเงินเช็คเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับใช้เวลาถึง 128 วัน แสดงให้เห็นว่าเช็คเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 มีความแตกต่างจากที่ผ่านมา

แม้นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธร เบิกความว่า ช่วงนั้น ไม่สะดวกไปเรียกเก็บเงิน เนื่องจากต้องดูแลบุตรที่ยังเป็นทารก และเป็นเช็คที่มีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดีศาลเห็นว่า นางรวิพรรณ สามารถนำเช็คฝากเข้าบัญชีได้ตั้งแต่ 9 ม.ค. 2562 ข้ออ้างเรื่องการไม่นำเช็คตามทางปกติ จึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ เพราะเป็นเช็คชนิดระบุชื่อนายธนาธร ต้องนำเข้าบัญชีธนาคาร ไม่สามารถสลักหลังโอนได้ การนำเช็คขึ้น อาจมอบบุคคลอื่นดำเนินการแทนตนเองได้ จึงไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือนเศษ

2.3 ประเด็นลูกหนี้ของ บริษัท วี-ลัค มีเดีย

นายธนาธรยืนยันว่า โอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ให้นางสมพร เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 โดยแสดงหลักฐานเป็นตราสารการโอนหุ้น เช็คชำระค่าหุ้น และสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น



ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ชี้แจงอีกว่า นายธนาธร และผู้ร่วมหุ้น ตัดสินใจจะปิดกิจการบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ทว่ามีลูกหนี้ที่ค้างชำระอีกประมาณ 11 ล้านบาทเศษ นางสมพร เห็นสมควรว่าควรติดตามหนี้ที่เหลือคืน ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2562 นางสมพร โอนหุ้นของตนให้นายทวี และนายปิติ จรุงสถิตพงศ์ (หลานเอ และหลานบี) ซึ่งมีสถานะเป็นหลานโดยมุ่งหมายให้เข้ามาดูแลกิจการบริษัท และติดตามหนี้จากลูกหนี้ค้างชำระ โดยมีหลักฐานเป็นสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของนายทวี และนายปิติ อย่างไรก็ดีภายหลังพบว่า ยอดหนี้ 11 ล้านบาทเศษเป็นหนี้คงค้างชำระสมทบมาหลายปี กลายเป็นหนี้เสีย ไม่สามารถทวงคืนได้ จึงดำเนินการปิดบริษัทต่อไป (อ่านประกอบ: อนค.งัดหลักฐานโชว์ปมโอนหุ้น‘ธนาธร’-หลาน 2 คนมาเพื่อตามหนี้ หอบเอกสารแจง กกต.แล้ว)

ข้อสังเกตของสำนักข่าวอิศรา



จากการสืบค้นงบการเงินบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด พบว่า เมื่อ 28 พ.ค.2562 บริษัท วี-ลัค มีเดีย นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2561 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2562 งบแสดงฐานะการเงิน ระบุ มีลูกหนี้การค้า 2,875,818.34 บาท (อ่านเรื่องประกอบ: งบการเงินปี 61 บ.วี-ลัคฯ ก่อนโอนหุ้น‘ธนาธร’-แจ้งเลิกกิจการ รายได้ 13 ล.- ลูกหนี้ 2.8 ล.)

ลูกหนี้การค้าตามที่ปรากฎในงบการเงินรอบปี 2561 จึงขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างว่าของฝ่ายนายธนาธรว่ามีจำนวน 11 ล้านบาท

-คำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้

กรณีนางสมพร เบิกความว่า นายทวี ศึกษาแล้วต้องใช้เงินลงทุนอีกหลายล้านบาท จึงมีความประสงค์ปิดบริษัท และให้นายทวีโอนหุ้นกลับไปให้นางสมพร ข้อเท็จจริงส่วนนี้ ย่อมขัดกับปกติวิสัยกับนักลงทุนทั่วไปที่ประสงค์จะฟื้นฟูบริษัทต้องใช้ระยะเวลาศึกษาพอสมควร และลงมือตามแผนธุรกิจเสียก่อน เมื่อพิจารณาจากจำนวนเงินลงทุน หากเทียบกับฐานะเศรษฐกิจของนางสมพรแล้ว เห็นว่าเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้ยังขัดแย้งกับที่นายธนาธร อ้างว่า บริษัทมียอดหนี้ และสิทธิเรียกร้องประมาณ 11 ล้านบาท แต่ตามแบบนำส่งงบการเงินรอบปี 2561 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2561 นำส่งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งว่า มีลูกหนี้การค้า และลูกหนี้อื่นเพียง 2,875,818.34 บาท จำนวนเงินดังกล่าที่มีจำนวนไม่ตรงกัน ประกอบกับหนี้จำนวนไม่มากเช่นนี้ ทางทวงถามหนี้ก็ดี หรือการวิเคราะห์ว่าบริษัทจะดำเนินต่อไปหรือไม่อย่างไร บริษษัท สามารถใช้ทนายความหรือบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางธุรกิจดำเนินการได้ ยิ่งไปว่านั้นการเป็นเพียงผู้ถือหุ้นไม่ทำให้มีอำนาจในการบริหารจัดการบริษัท ไม่มีอำนาจติดตามหนี้สิน และยิ่งไม่มีสิทธิที่จะบริหารเงินสดแต่อย่างใด

การที่นายธนาธร อ้างว่า ได้โอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 โดยอ้างถึงพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตราสารการโอนหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งได้แก่ สำเนาเอกสารรับรองการโอนหุ้นของทนายความผู้ทำคำรับรอง ,ตราสารการโอนหุ้น ,เช็คสั่งจ่ายค่าหุ้น ,สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ,ต้นขั้วเช็ค และต้นขั้วใบหุ้น ล้วนแล้วแต่เป็นเอกสารที่บริษัท วี-ลัคฯ จัดทำ และเก็บรักษาไว้ที่บริษัท วี-ลัคฯ ทั้งสิ้น จึงเป็นการกล่าวอ้างเพยงเพื่อให้เจือสมกับที่ปรากฏหลักฐาน ในสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ซึ่ง บริษัท วี-ลัคฯ ได้ยื่นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 21 มี.ค. 2562 ว่านางสมพร รับโอนหุ้นหมายเลข 1350001 ถึง หมายเลขหุ้น 2025000 จำนวน 670,000 หุ้น กลับคืนมาจากนายทวี จรุงสถิตย์พงศ์ เท่านั้น

ทั้งหมดเป็นข้อสังเกตใน 2 ประเด็นรวม 4 ข้อ

เห็นได้ว่า ข้อมูลแบบแสดงรายการวัตถุประสงค์ (แบบ. ว) ในการประกอบธุรกิจบริษัท วี-ลัค มีเดีย ด แบบ สสช.1 หรือ แบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัท ,ข้อมูลงบการเงิน ยืนยันว่า มีรายได้จากการประกอบธุรกิจสื่อ และ

งบการเงินรอบปี 2561 ที่ระบุว่า บริษัทฯ มีลูกหนี้ 2.8 ล้านบาท ล้วนเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ไม่สามารถหักล้างได้และนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

https://www.isranews.org/isranews/8...6fk1dNNYQvAJPmPV1r9aQ2q-2Tk4lQnkqNn_gMqnBpqQQ