ติดตามสถานะการณ์

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

# Genova Red Alert ในเจนัว พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ Valpolcevera มันถูกน้ำท่วมอย่างสมบูรณ์ 27 คนพลัดถิ่น แม่น้ำ Fegino น้ำล้น

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ตาข่ายลิ้นจี่เต็มไปด้วยลูกเห็บหลังจากพายุเข้ามาในฟาร์มผลไม้ในออสเตรเลีย

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ฝรั่งเศส 2,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ เวลา 13.00 น. ในแผนก Enedis # 23 พ.ย.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


น้ำท่วมใน #โอมาน #21 พ. ย.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ทอร์นาโด ทางตะวันตกของ arizona ใน tonopah #22 พ. ย.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ทางใต้ของ #เจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย #22 พย

 

ชายจีนกินเนื้อหมูไม่สุก หมอผงะเจอพยาธิตัวตืด 700 ตัว ไชทั่วตัว ขึ้นสมอง

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

พวยน้ำ ที่ท่าเรือของ hyères ในฝรั่งเศส ได้สัมผัสดินแดนและกลายเป็นพายุทอร์นาโด

 

เมืองเลยหนาวมาก

 

“ฝากพิเศษ”
ต้นเหตุดราม่าแย่งห้องผ่าคลอด
เรื่องจริงที่กระทรวงสาธารณสุข เพิกเฉย
•
•
กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเมื่อเกิดเหตุ หมอ และ พยาบาล ทะเลาะกันแย่งห้องผ่าคลอดในโรงพยาบาล ด้วยสาเหตุมาจากการ “แซงคิว” ที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญ ซึ่งมีการเปิดเผยภายหลังว่า เรื่อง “ดราม่า” มาจากการที่หมอ 2 คนทะเลาะกัน และไม่ได้คุยกันมานานหลายปี จนต้องคุยผ่าน “พยาบาล” เท่านั้น
•
อาจดูเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับในโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลใหญ่ระดับโรงพยาบาลจังหวัดแล้ว การที่หมอจะ “ไม่กินเส้น” กันนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ และเกิดขึ้นได้ทั่วไป
•
เพราะไม่ว่าหมอระดับไหน ล้วนมี “อีโก้” สูงกว่าปกติ เนื่องจากมักจะได้รับการยกย่องมากกว่าคนทั่วไป และเมื่ออีโก้มาก ก็เป็นเหตุแห่งการทะเลาะเบาะแว้งกัน ตั้งแต่เรื่องน้อยๆ เช่นเรื่อง “ภาระงาน” ที่ไม่เท่ากัน เรื่องการจัดเวรที่ไม่ถูกใจ ไปจนถึงเรื่องผลประโยชน์ และเรื่อง “ไร้สาระ” อย่างการแย่งไปเที่ยวต่างประเทศ จากผลตอบแทนของ “ผู้แทนยา”
•
ทั้งหมดนี้ ทำให้หมอบางคน ไม่คุยกันนานเป็นสิบปี แม้ต้องทำงานด้วยกัน ทำให้หลายครั้ง พยาบาล ในฐานะบุคลากรที่ใกล้ชิดที่สุด ต้องเป็นตัวกลางในการสื่อสารของหมอ 2 คน
•
ที่ซวยที่สุดก็คือพยาบาลที่รับ “จัดคิว” ห้องผ่าตัด ที่ต้องเป็นศูนย์กลางระหว่างหมอหลายคนที่ไม่ถูกกัน และตามแบบไทยๆ หมอที่อาวุโสกว่า อายุงานมากกว่า มักจะได้อภิสิทธิ์ ในการจองห้องผ่าหลายครั้ง เพราะ “เสียงดังกว่า” ส่วนหมอเด็กๆ แม้จะมีเคสฉุกเฉิน ความดันเริ่มตกแล้ว ก็จำต้องรอต่อไป
•
เรื่องนี้แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ นอกจากจะบอกให้บรรดาหมอๆ อีโก้สูงทั้งหลาย ต้องยอมคุยกัน และควรเลิกเสียเถอะ กับการให้บรรดาเจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ เป็นตัวกลาง รองรับอารมณ์ของบรรดาหมอ
•
ส่วนเรื่องการ “ผ่าคลอด” ก็เป็นอีกดราม่าหนึ่ง ที่อยู่คู่กับโรงพยาบาลรัฐมายืนยาว เพราะอย่างที่รู้กัน สูตินรีแพทย์จำนวนหนึ่งในโรงพยาบาลรัฐ เปิดคลินิกรับฝากครรภ์นอกโรงพยาบาลด้วย
•
แน่นอน ห้องตรวจในคลินิก ไม่สามารถ “ผ่าคลอด” ได้ จึงมีอัตราว่าด้วยการ “ฝากพิเศษ” ให้หมอสูติฯ สามารถพาคนไข้ ไปผ่าคลอดที่โรงพยาบาลรัฐ ตามที่หมอว่าง และบางคน ก็ผ่าตาม “ฤกษ์” ที่ผู้ปกครองกำหนด โดยค่าฝากพิเศษอาจสูงตังแต่ 3,000 – 5,000 บาท แต่หมอดังๆ หรือระดับอาจารย์หมอ อาจเก็บได้มากกว่านั้น ถึง 8,000 – 9,000 บาท
•
ขณะเดียวกัน หากผู้ปกครองคนไหนไม่ยอม “ฝากพิเศษ” หมอเจ้าของคลินิกก็จะบอกว่า “คุณแม่ อาจต้องรอคิวทำคลอดหน่อยนะคะ เพราะอย่างที่รู้กัน โรงพยาบาลรัฐ ต้องรอคิวนาน”
•
แต่ถ้าฝากพิเศษ จะสามารถล็อกคิวได้เลย...
•
เรื่องพวกนี้ เรตเหล่านี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หรือแม้แต่คนไข้ที่มีบุตรหลานฝากท้องกับหมอจากคลินิก ก็รู้กันดีว่าเป็น “เรื่องปกติ” ที่หมอจะหารายได้เสริม จากการผ่าคลอด เห็นจะมีแต่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง แล้วออกมาบอกว่า เป็นเรื่องที่ “ทำไม่ได้” ทำให้ใครที่ได้ฟัง ก็ “ขำกลิ้ง” กันทั้งนั้น
•
แน่นอน หากมองให้เป็นเรื่องคอร์รัปชัน เรื่องของผลประโยชน์ เรื่องนี้ผิดเต็มๆ เพราะเงินตั้งแต่ 3,000 – 9,000 บาทนั้น หมอรับไปเต็มๆ อาจมีบ้างที่หมอแบ่งให้พยาบาล แบ่งให้เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัด แต่นั่นก็เป็นเรื่องของ “สินน้ำใจ” ไม่มีระเบียบใดๆ กำหนดไว้ หากแบ่งให้ใครเยอะ พยาบาลก็อาจจะรักหมอคนนั้นมากเป็นพิเศษ
•
ส่วนโรงพยาบาล ในฐานะเจ้าของสถานที่ และในฐานะที่ต้องแบ่งห้องผ่าตัด ไปให้พวกฝากพิเศษพวกนี้ กลับไม่ได้อะไรเลย...
•
ที่สำคัญ ยังไปเบียดบังผู้ป่วยคนอื่น ที่อาจต้องผ่าตัดในช่วงเวลานั้นพอดี ให้ต้องดีเลย์ออกไป เพราะต้องกันห้องไว้ให้บรรดาฝากพิเศษเหล่านี้
•
แล้วเรื่องนี้ควรแก้ปัญหาอย่างไร? ปลัดกระทรวงฯ ตอบแบบ “กำปั้นทุบดิน” ไปแล้ววันก่อน บอกว่าหากคนไข้ต้องการ “บริการพิเศษ” ให้ไปใช้คลินิกนอกเวลาแทน
•
ปัญหาก็คือ ระเบียบที่เกี่ยวกับคลินิกนอกเวลาของกระทรวง “ล้าสมัย” มาก กว่าโรงพยาบาลจะเปิดคลินิกนอกเวลาได้ที ก็มีหืดขึ้นคอ ซ้ำค่าตอบแทน ยังไม่สมน้ำสมเนื้อ กับที่บุคลากร ซึ่งภาระหนักอยู่แล้ว ต้องมาทำ “โอที”
•
ทางที่ดี กระทรวงฯ ควรยอมรับได้แล้วว่าการ “ฝากพิเศษ” นั้น มีอยู่จริง แล้วควรจะเข้ามาจัดระบบเสียที โดยอาจมีห้องผ่าตัดสำหรับฝากพิเศษ กำหนดค่าตอบแทนกรณีฝากพิเศษ ให้กับหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ห้องผ่าตัด เพื่อให้เป็นมาตรฐานก็ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเรื่อง “เทาๆ” แบบในปัจจุบัน
•
แล้วพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรเลิกคิดเสียทีว่าลูกต้องเกิดเวลานั้น เวลานี้ ตามที่บรรดาหมอดูว่าไว้ เพราะเรื่องพวกนี้ ควรเป็น “วิทยาศาสตร์” มากกว่าว่าทารกในครรภ์ “พร้อม” จะออกมาเวลาไหน
•
ขณะเดียวกัน ในบ้านเรายังพบว่ามีสถิติการผ่าคลอด “เกินความจำเป็น” สูงกว่าปกติถึง 40% มากกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึง 2 เท่า ซึ่งแม่ที่ผ่าคลอด มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ หรือบล็อกหลังมากกว่า ส่วนเด็กก็มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่า หากคลอดธรรมชาติได้ ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ และทำให้สุขภาพของทั้งแม่และเด็ก ดีขึ้นได้ด้วย...
•
ทั้งหมดนี้ จึงต้องฝากความหวังไปยังกระทรวง ให้เลิกหลอกตัวเองเสียทีว่า ไม่มีการฝากพิเศษ ไม่มีเรื่องการหารายได้เสริมของหมอเหล่านี้ แล้วหาทางเอาเคสฝากพิเศษเหล่านี้ มาไว้ “บนดิน” เสียที เพื่อลดความขัดแย้งในโรงพยาบาล
•
เพราะหากเริ่มต้นจากการมองปัญหาอย่างผิดทาง เรื่องนี้ก็คงแก้ปัญหาไม่ได้ และหน่วยงานอย่างโรงพยาบาล ก็จะเป็นแหล่งหาผลประโยชน์ต่อไป ไม่จบสิ้น

#ฝากพิเศษ #แย่งห้องผ่าคลอด #ผ่าคลอด #กระทรวงสาธารณสุข

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 23) ผู้ว่าฯแบงก์ชาติพร้อมปรับดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจโตต่ำกว่าคาด :“วิรไท สันติประภพ” ผู้ว่าฯ ธปท.ชี้ดอกเบี้ยนโยบายไทยที่ระดับ 1.25% ต่ำสุดในตลาดเกิดใหม่ฝั่งเอเชีย หวั่นไม่สามารถลดดอกเบี้ยรุนแรงได้หากสถานการณ์เศรษฐกิจแย่กว่าที่คาด


นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การทำนโยบายการเงินของธปท.ยังคงยึดหลักการประเมินสถานการณ์ (Data Dependent) โดยจะพิจารณาถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า และจะดำเนินการนโยบายการเงินให้เท่าทันกับความเสี่ยง แม้ว่าธปท.จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปเมื่อเดือน ธ.ค.61 จาก 1.50% เป็น 1.75% แต่เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนไปจากที่ประมาณการไว้ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของ 2562 ธปท.เห็นว่ามาตรการกีดกันทางการค้าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 เมื่อเดือน ส.ค. จาก 1.75% เป็น 1.50% และเดือน พ.ย. จาก 1.50% เป็น 1.25% ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจปี 2563 อยู่ระหว่างการประเมิน ซึ่งธปท.มีการปรับประมาณเศรษฐกิจทุกๆ ไตรมาสในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)


“การทำนโยบายการเงินของเราใช้หลักการที่เรียกว่า ‘Data-Dependent’ ถ้าแนวโน้มเศรษฐกิจไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดการณ์เอาไว้ เราก็พร้อมที่จะปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในช่วงข้างหน้า และการทำนโยบายทุกอย่างนั้นมีต้นทุน ไม่มีอะไรที่ฟรี แต่ละนโยบายจึงมีผลข้างเคียงและข้อจำกัด เช่น ถ้าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ผู้ฝากเงินอาจไม่ได้รับการดูแล และส่งผลให้การออมของประเทศอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงส่งผลให้มีพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง” นายวิรไทกล่าว


ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ โดยต่ำสุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Markets) ในเอเชียที่ระดับ 1.25% ดังนั้น หากสถานการณ์เศรษฐกิจออกมาไม่ดีนัก ประเทศไทยจึงไม่สามารถลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรงได้เหมือนกับช่วงที่เกิดวิกฤตการการเงินโลกระหว่างปี 2551-2552 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้มาก


“การทำนโยบายการเงินจะต้องชั่งน้ำหนักกันระหว่างการเข้าไปช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงสั้น กับการรักษาขีดจำกัดในการทำนโยบายการเงินไว้ในระยะยาว รวมถึงผลข้างเคียงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย โดยย้ำว่าธปท.พร้อมใช้เครื่องมือด้านนโยบายการเงิน ถ้าเกิดว่าประมาณการทางเศรษฐกิจหรือแนวโน้มทางเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้” นายวิรไท กล่าว


Source: ประชาชาติธุริจออนไลน์

https://www.prachachat.net/finance/news-394595


- Bank of Thailand ‘Ready to Act’ If GDP Growth Disappoints https://www.bloomberg.com/news/arti...ates-central-bank-head-says?srnd=premium-asia

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 23) ผู้ว่า ธปท. ระบุมีข้อจำกัดในการทำนโยบายการเงิน เหตุดอกเบี้ยนโยบายต่ำเป็นประวัติการณ์ : ผู้ว่าธปท. ยอมรับมีข้อจำกัดในการทำนโยบายการเงิน เพราะดอกเบี้ยนโยบายต่ำเป็นประวัติการณ์ และไม่คิดว่าไทยจะมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ติดลบ พร้อมเตือน เอกชนรับมือความผันผวนของค่าเงินบาท

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) เปิดเผยว่า การดำเนินนโยบายการเงินมีกรอบจำกัด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน ที่ร้อยละ 1.25 เป็นอัตราที่ต่ำสุดในประวัติการณ์และในภูมิภาค นับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี 2551 - 2552 และไม่คิดว่าไทยจะมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ติดลบด้วย เนื่องจากอาจสร้างผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจได้


“การใช้นโยบายการเงิน และการคลังของไทยเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น โดยเฉพาะเชิงโครงสร้าง เราไม่มีความสามารถในการทำนโยบายแรงๆ หรือใช้ยาแรงๆ ได้อีกมาก และไม่ควรทำ เพราะอาจจะสร้างความเสี่ยงด้านเสถียรภาพตามมา ขณะที่การส่งผ่านนโยบายที่มีความยากลำบากขึ้น ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังศึกษาการส่งผ่านนโยบายการเงิน ผ่านผู้เล่นรายใหม่ นอกเหนือจากการส่งผ่านสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้นโยบายการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายวิรไท กล่าว


ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากนั้น นายวิรไท ยอมรับว่าเป็นการแข็งค่าเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในปีหน้ายังมีอยู่สูงมากโดยไม่สามารถตอบได้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าหรือจะอ่อนค่า โดยเป็นไปได้ทั้งสองทิศทาง ซึ่งเงินบาทอาจจะมีการปรับทิศได้เร็ว หากสถานการณ์ภายนอกเปลี่ยนแปลง เพราะที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่ามาก ดังนั้นเอกชนต้องบริหารความเสี่ยง อัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น


“ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในปีหน้าสูงขึ้น ดังนั้น ถ้าเอกชนต้องทนทานและบริหารความเสี่ยงให้ดี โดยความผันผวนของเงินบาทมาจากปัจจัยต่างประเทศทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่เข้ามากระทบตลาดเงินและตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง” นายวิรไท กล่าว


Source - สำนักข่าวไทย


https://tna.mcot.net/view/QAnISj0

 

Setiawan

น้ำท่วมใน genova อิตาลี 23 พฤศจิกายน 2019

 

Setiawan

น้ำท่วมฉับพลัน ใน thasos กรีซ 22 พฤศจิกายน 2019

 

Setiawan

แผ่นดินไหวล่าสุดที่ลงทะเบียนบน usgs
เวลา 2019 น. 09:32 pm



Latest Earthquake registered on USGS

Nov23 2019 09:32 pm

 

Setiawan

ความเสียหายจากทอร์นาโดใน waterval utrecht, แอฟริกาใต้เมื่อคืน 22 พฤศจิกายน 2019

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

เมื่อมันขี้เกียจเกินไปที่จะทำความสะอาดรถหลังจากหิมะตกในอิตาลี เทือกเขาแอลป์, Livigno, # 22 พฤศจิกายน

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

หิมะตกที่น่าทึ่งใน #ฟินแลนด์ #16 พ. ย.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

รัศมีแสงอาทิตย์เหนือภูเขา volchikha ภูมิภาคของ sverdlovsk #20 พ. ย.

 

แผ่นดินไหว ขนาด 5.8

M 5.8 - 51km NNE ของ Whakatane, นิวซีแลนด์

2019-11-23 16:34:44 (UTC)

37.532 ° S 177.222 ° E

ความลึก123.0 km



M 5.8 - 51km NNE of Whakatane, New Zealand

• 2019-11-23 16:34:44 (UTC)37.532°S 177.222°E 123.0 km depth

https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us70006c81/executive