ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan


    พายุรุนแรงใน coruña สเปน 15 พฤศจิกายน 2019


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan


    อูฐ เมื่อพวกมันอยู่ในพายุลูกเห็บใน al jawf, ซาอุดิอาราเบีย ทะเลทราย 16 พฤศจิกายน 2019


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan


    น้ำท่วมใน ประเทศจอร์แดน 16 พฤศจิกายน 2019


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    วิดีโออื่นเมื่อลมและฝุ่นหนักในเมือง batu, ชวาตะวันออก 17 พฤศจิกายน 2019


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan


    เมือง Magelang , ชวา ประเทศอินโดนีเชีย 17 พฤศจิกายน 2019 13.30 น


    ที่ตั้ง: Bongkotan, Pakis Atas, Kab. Magelang - Lereng Merbabu, Jawa Tengah.


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    ความเอียงและเอนมากของโลก 13 พฤศจิกายน 2019

    (ภาพ BATSRUS ที่เพิ่มเส้น Bz และ Bx สีดำ)

    IMG_4975.JPG

    Extreme tilt and lean of the Earth November 13, 2019.

    (BATSRUS images with the black Bz and Bx lines added.)


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Severe Weather Europe


    หิมะสดคืนนี้ใน elmouhan setif (1200 เมตร) แอลจีเรีย


    รูปภาพโดย user Gold Sand - posted with permission


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวด่วน!! เมื่อสักครู่ได้เกิดแผ่นดินไหวค่อนข้างรุนแรงระดับ 4.8M ที่จังหวัดชิซูโอกะใกล้กับภูเขาไฟฟูจิและโตเกียว

    โดยจุดที่เกิดแผ่นดินไหวอยู่ในทะเลที่ความลึกจากพื้นดิน 10 กิโลเมตร เวลา 20:05 (ตามเวลาท้องถิ่น) ตอนนี้ยังไม่มีเตือนสึนามิหรืออพยพใดๆ คนที่อยู่ระแวกนั้นโปรดระมัดระวังและติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดด้วยครับ..

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวภัยพิบัติ ภูเขาไฟ Sakurajima ประทุอีกแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน !! รอบนี้หนักกว่ารอบที่แล้วมาก

    นี่คือภาพภูเขาไฟซากุระจิมะประทุเมื่อวันที่ 12/11/2019 ที่อยู่ทางใต้ของประเทศญี่ปุ่นและตั้งอยู่ในเกาะคิวชู ภูเขาไฟลูกนี้มีการประทุบ่อยๆเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้อาจจะแรงกว่าครั้งอื่นๆ แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บใดๆ...

    แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่คนญี่ปุ่นทั้งประเทศกลัวนั้นที่สุดก็คือ ภูเขาไฟ "ฟูจิ" ที่รอวันประทุอยู่ ถ้าวันไหนที่เกิดประทุขึ้นมาวันนั้นอาจจะเป็นการเสียหายที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาตร์ญี่ปุ่นเลยก็เป็นไปได้ครับ..ทั้งนี้ให้ทุกคนเฝ้าระวังภัยพิบัติต่างๆในญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยนะครับ..

    *ใครสนใจประกาศหาอะรุไบ้,หรือประกาศพาเที่ยวญี่ปุ่น,และบริการอื่นๆสามารถมาลงประกาศได้ที่เว็บเราเลยครับ มารวมกันเป็นครอบครัวคนไทยในญี่ปุ่นกันครับ ^ ^

    https://thaiinjapan.com/

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตแล้ว 3 รายเนื่องจากร่างกายเกิด Heat Shock คนที่อาศัยอยู่เมืองหนาวควรระวัง !!

    ใกล้จะเข้าหน้าหนาวของญี่ปุ่นแล้ว คนไทยอย่างเราแน่นอนว่าทนหนาวไม่ได้เท่าญี่ปุ่นแน่นอน แอดเองก็ชอบเวลาหนาวจัดๆชอบลงอ่างนํ้าร้อนเลยเหมือนกัน พึ่งรู้ว่ามีคนเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์แบบนี้ด้วย

    สำหรับคนไทยในญี่ปุ่นหรือนักท่องเที่ยวควรระวังร่างกายช็อคกระทันหันด้วยนะครับ รอให้ตัวอุ่นๆก่อนค่อยลงอ่างอาบนํ้าจะดีที่สุด รวมถึงคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ด้วยใครที่ดื่มเยอะๆแล้วลงอ่างอาบนํ้ามีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ร่างกายเกิดการช็อคกระทันหันได้ครับ..

    *ใครสนใจประกาศหางาน,ไกด์,ล่าม หรือสมัครเป็นไกด์ญี่ปุ่น,และบริการอื่นๆได้ที่เว็บเราเลย

    https://thaiinjapan.com/

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวเศรษฐกิจ GDP ของญี่ปุ่นไตรมาสล่าสุดขยายตัวเพียงเล็กน้อยตํ่ากว่าที่ตลาดคาดหวัง

    GDP ของญี่ปุ่นในไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง โดยเศรษฐกิจยังคงเติบโต 4 ไตรมาสต่อเนื่องในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน แต่ว่าอัตราขยายตัวยังต่ำมาก

    การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.4 บรรดาผู้บริโภคได้เร่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนและของใช้ในชีวิตประจำวัน ก่อนหน้าการขึ้นภาษีผู้บริโภคเมื่อเดือนตุลาคม แต่ว่าการเพิ่มขึ้นนี้ยังน้อยกว่าคราวก่อนหน้าการขึ้นภาษีครั้งที่แล้วเมื่อ 5 ปีก่อน

    การใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของญี่ปุ่น ขณะที่การส่งออกถดถอยลงไปอยู่ที่ติดลบร้อยละ 0.7 การจัดส่งเครื่องจักรการผลิตไปยังจีนซบเซาลง เนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ส่วนการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ลดน้อยลงเช่นกัน

    ทางด้านการลงทุนของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ร้อยละ 0.9 บรรดาผู้ผลิตต่างกระตือรือร้นที่จะใช้มาตรการประหยัดแรงงาน เพื่อรับมือกับการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง

    ขอบคุณข้อมูล : NHK

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ เตรียมหยุดผลิตสินค้าที่โรงงานสาขาระนองตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว การแข็งค่าของเงินบาทกระทบรายได้ส่งออก พร้อมจ่ายชดเชยพนักงาน 20-22 ล้านบาท
    IMG_4976.JPG
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.62 บริษัท ห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOTI รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2562 ได้มีมติให้หยุดการผลิตสินค้าที่โรงงานสาขาระนอง ตั้งอยู่เลขที่ 93/17-18 หมู่ที่5 ถนนสะพานปลา ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป เนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2562 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้จากการส่งออกของบริษัท

    ทั้งนี้ การหยุดผลิตของโรงงานสาขาระนอง จะส่งผลให้บริษัทสามารถลดต้นทุนและสามารถบริหารต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นำไปสู่การสร้างโอกาสการแข่งขันในด้านราคาขายกับคู่แข่งทางการตลาดได้ สำหรับในด้านแหล่งวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตที่โรงงานสาขาระนองนั้น จัดหาได้น้อยลงเป็นอย่างมาก

    สำหรับการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องเลิกจ้างพนักงานที่สาขาระนอง โดยบริษัทฯ จะจ่ายชดเชยค่าจ้างตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด และคาดว่าเงินชดเชยค่าจ้างที่ต้องจ่ายให้กับพนักงานรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 20-22 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบในด้านการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า เนื่องจากกำลังการผลิตของโรงงานที่ จ.สงขลา สามารถรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ

    https://workpointnews.com/2019/11/17/choti/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลังจากที่โรงงานหลายแห่งประกาศกิจการ ทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนหลายคนเริ่มตื่นตัว เริ่มรัดเข็มขัด ประหยัดค่าใช่จ่ายทุกวิถีทางเพื่อให้อยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้ แม้แต่ตลาดนัดที่เคยมีผู้คนเดินพลุกพล่านจนดึกดื่น กลับเงียบเหงาไร้คนเดิน พ่อค้าแม่ค้าทยอยปิดร้าน เพราะสู้ต้นทุนไม่ไหว บางคนไม่มีเงินซื้อของมาขาย ก็ต้องเลิกกิจการไป อย่างเช่นที่ตลาดนัดพีเรียลสำโรง เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาเพจ สมุทรปราการ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ผลจากเศรษฐกิจหรืออะไรทำไมตลาดนัดข้างอิมพีเรียล ที่เคยหนาแน่นคนเดินพลุกพล่าน วันนี้ถึงเงียบเชียบและร้านค้าหายไปขนาดนี้

    IMG_4977.JPG IMG_4978.JPG IMG_4979.JPG IMG_4980.JPG IMG_4981.JPG IMG_4982.JPG

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_4983.JPG
    (Nov 17) ทำไมค่าเงินบาทถึงอ่อนลง เมื่อมีการปรับลดดอกเบี้ย ?? ตามที่สัญญาไว้จากโพสต์ที่อธิบายถึงผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครับ ว่าจะมา”เล่า”เรื่องผลกระทบต่อค่าเงินบาทให้ฟังกัน

    ** สำหรับโพสต์ที่เล่าผลกระทบเรื่องดอกเบี้ยเอาไว้ถ้าใครพลาดไปสามารถตามไปอ่านได้ที่ :
    ===============
    จากที่เราได้ทราบกันแล้วว่าผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงนั้นจะทำให้ดอกเบี้ยต่างๆในตลาด ทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ ปรับตัวลดลง
    แค่อีกเหตุผลนึงนั้น กนง. ก็ให้เหตุผลว่าการปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ ต้องการที่จะแก้ปัญหาการแข็งตัวของเงินบาทด้วยเช่นกัน
    ทันทีที่มีข่าวการปรับลดดอกเบี้ยออกมาในวันที่ 6 พฤศจิกายน ในวันถัดมานั้นเงินบาทก็อ่อนค่าลงอย่างเห็นได้ชัดทันที โดยขยับจาก 30.30 บาท/ดอลลาร์ ไปปิดที่ 30.42 บาท/ดอลลาร์
    คำถามของหลายๆคนก็คือ การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ มันไปทำปฏิกิริยาอะไรกับเงินบาท ถึงทำให้มันอ่อนค่าลงมาทันทีได้ขนาดนี้ ??
    วันนี้ผมเลยขอยกตัวอย่างง่ายๆโดยใช้แผนภาพที่ให้มาในการอธิบายเรื่องการอ่อนตัวของค่าเงินครับ
    *** ออกตัวก่อนว่าตัวเลขที่ผมหยิบยกมาอธิบายนั้นเป็นตัวเลขสมมุติง่ายๆ เพื่อความง่ายต่อการทำความเข้าใจ ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันแต่อย่างใด
    — — — — — — — —
    ด้านบนของรูปคือสถานการณ์ที่ประเทศไทยนั้นมีดอกเบี้ยที่สูง สมมุติให้เป็น 5% ส่วนอีกประเทศอย่างสหรัฐฯนั้นมีดอกเบี้ยต่ำกว่าที่ 4%
    ถ้าคุณมองง่ายๆ คิดว่าประเทศไหนน่าลงทุนกว่ากันครับ สมมุติแค่เอาเงินไปฝากง่ายๆไม่ต้องมีความเสี่ยง
    ประเทศไทยแน่นอนเพราะมีอัตราดอกเบี้ย (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ที่สูงกว่า
    ดังนั้นประชาชนจากประเทศอื่นๆ ก็อยากนำเงินมาฝากธนาคารที่ประเทศไทย แต่ถ้าหิ้วเงินดอลลาร์มาธนาคารบ้านเราก็คงไม่รับ
    จะฝากธนาคารไทยก็ต้องฝากเป็นเงินบาท ส่งผลให้มีชาวต่างชาติแลกเงินดอลลาร์เปลี่ยนเป็นเงินบาทมากขึ้น
    ตามหลักของเศรษฐศาสตร์ทั่วไป หรือตามหลักตลาดบ้านๆ ของสิ่งใดที่มีจำนวนจำกัดแต่คนมีความต้องการสูง ราคาก็จะแพงขึ้น (ลองนึกถึงสินค้า limited edition ที่คนไปต่อคิวซื้อกันข้ามวัน แล้วเอามาขายต่อในราคาแพง)
    ในกรณีนี้ก็ไม่ต่างกันครับ เงินบาทมีจำกัดเพราะเราไม่ได้พิมพ์แบงค์กันเล่นๆทุกวัน เพราะฉะนั้นเงินบาทก็จะแพงขึ้น หรือศัพท์ที่เราคุ้นกันก็คือเงินบาทแข็งค่า สมมุติว่าจาก 35บาท/ดอลลาร์ แข็งขึ้นเป็น 30 บาท/ดอลลาร์
    ** สำหรับคนที่สงสัยว่า เอ้าาา 35 ไปเหลือ 30 บาทก็ถูกลงน่ะสิ แพงขึ้นได้ไง อันนี้คุณกำลังโดนการ direct quote หลอกอยู่เพราะอย่าลืมว่านี่คือราคาของเงินดอลลาร์นะครับ เราเอาเงิน 30 บาทไปแลกได้ 1 ดอลลาร์
    ในกรณีที่ฝรั่งมาซื้อเงินบาท ถ้าเค้าจ่าย 1 ดอลลาร์ ได้ 30 บาท เทียบกับจ่าย 1 ดอลลาร์ได้ 35 บาท แบบแรกก็ถือว่าแพงกว่า เพราะจ่ายเท่าเดิมแต่ได้เงินบาทน้อยกว่า (เหมือนซื้อลูกอมได้ 30 เม็ด เทียบกับ 35 เม็ด)
    จากคำอธิบายด้านบนทั้งหมดสามารถสรุปตามขั้นตอนออกมาได้ดังนี้
    ไทยดอกเบี้ยสูง -> ต่างชาติอยากเอาเงินมาฝาก -> แห่กันมาแลกเงินบาท -> เงินบาทแข็งตัว
    — — — — — — — —
    ด้านล่างของรูปคือสถานการณ์ที่ไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา สมมุติลดเหลือแค่ 3% ในขณะที่อีกประเทศนั้นคงที่
    (นี่คือการเปรียบเทียบสถานการณ์การลดดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นนะครับ แต่อย่างที่บอกไปว่าเป็นตัวเลขสมมุติ)
    สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ประเทศไทยที่ดอกเบี้ยลดลงเยอะ จะไม่น่าลงทุนเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติแห่กันถอนเงินออกมาแล้วแลกกลับไปเป็นสกุลเงินของตนเอง เพื่อนำกลับไปฝากในที่ที่ได้ดอกเบี้ยสูงกว่า
    เมื่อเกิดการแลกเงินกลับ หรือการเทขายเงินบาท เราก็ใช้หลักการตรงกันข้ามของเศรษฐศาสตร์หรือแบบตลาดบ้านๆด้านบน ของอะไรก็แล้วแต่ที่คนไม่ต้องการ เกิดการเทขายราคาก็ตกเหมือนพืชผลเกษตรที่ล้นตลาด
    ส่งผลให้เงินบาทมีราคาถูกลง หรืออ่อนค่าลง จากที่เคยแลกได้ 30บาท/ดอลลาร์ ก็จะถูกลงกลายเป็นแลกได้มากขึ้นถึง 35บาท/ดอลลาร์
    จากเหตุการณ์ทั้งหมดสามารถสรุปออกมาได้ดังนี้
    ไทยดอกเบี้ยต่ำลง -> ต่างชาติถอนเงินกลับประเทศ -> เทขายเงินบาท -> เงินบาทอ่อนค่าลง
    — — — — — — — —
    จากที่ยกตัวอย่างแบบง่ายๆไปจะเห็นว่าดอกเบี้ยมีผลกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนในลักษณะที่ไปในทิศทางเดียวกันครับ
    ถ้าดอกเบี้ยสูง เงินบาทก็จะราคาสูง, ถ้าดอกเบี้ยต่ำ เงินบาทก็จะราคาลง
    แต่ในโลกของความเป็นจริงจะต่างจากที่ผมอธิบายไว้มาก เพราะเราไม่ได้มีแค่ 2 ประเทศ และการปรับลดดอกเบี้ยก็ไม่ได้เยอะอย่างที่ว่าไป (ยังไม่ตำนึงถึงว่าประเทศอื่นๆก็มีการปรับดอกเบี้ยด้วยเหมือนกัน)
    ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นก็จะคล้ายกัน สิ่งที่แตกต่างก็คือการไหลของเงินอาจจะไม่ได้ไหลกลับไปที่สหรัฐฯเหมือนในรูป แต่จะไหลไปยังประเทศที่ให้ดอกเบี้ยสูงแทนได้ครับ
    — — — — — — — —
    เท่านี้แหละครับ ผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยที่ทำให้เงินบาทอ่อนตัวลงแบบง่ายๆ แต่อย่าลืมนะครับว่า กนง. นั้นปรับลดเพียง 0.25% เท่านั้น (ถ้ารวมกับที่ปรับมาแล้วรอบนึงก็รวมเป็น 0.5%)
    ดังนั้นผลกระทบอาจจะไม่เห็นชัดมาก สังเกตุจากการอ่อนตัวลงของเงินบาทในปริมาณที่ถือว่าไม่มากเท่าไหร่
    ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจัยที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนนั้นมีเยอะกว่าดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว ต้องดูหลายๆปัจจัยประกอบกันจึงจะสามารถบอกทิศทางการแข็งค่าหรืออ่อนค่าได้
    หวังว่าเรื่องเล่านี้จะทำให้หลายๆคนเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองเหตุการณ์ได้มากขึ้นนะครับ
    เครดิตรูปประเทศไทยและสหรัฐฯจาก https://www.pmi.com/markets/thailand/en และ
    https://magnetamerica.com/united-states-shaped-american-fl…/

    Source: Page เล่า

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_4984.PNG
    (Nov 17) แกะกล่องภาษีที่ดิน 2563 : ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบใหม่ที่จะดีเดย์ 1 มกราคม 2563 นี้ เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ใครถือครองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างจะต้องจ่ายในอัตราเท่าไหร่ มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ และเมื่อเปลี่ยนมือมาเป็น อปท.เก็บเองจะเป็นอย่างไร


    1 มกราคม 2563 ประเทศไทยจะมีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ แทนกฎหมายภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 และภาษีบารุงท้องที่ พ.ศ.2508 ที่ใช้กันมายาวนานกว่า 80 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการกระจายอานาจไปสู่ท้องถิ่น และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย


    แต่ปัญหาคือ กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายใหม่ที่ยังต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เนื่องจากมีความซับซ้อนในเรื่องของการคำนวณภาษีที่มีการแยกรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเติมความรู้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชน เพื่อให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน


    กฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า "ภาษีที่ดินใหม่" เป็นกฎหมายใหม่ที่ถูกนำมาใช้แทนพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 และพระราชบัญญัติภาษีบำรุง ท้องที่ พ.ศ.2508 หรือที่ชาวบ้านเข้าใจกันง่ายๆ คือ กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน และกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ เป็นกฎหมายที่มีการประกาศใช้นานแล้ว ทำให้การจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่มีปัญหา และข้อจำกัดเกี่ยวกับฐานภาษี อัตราภาษี และการลดหย่อนภาษีไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ผลที่เกิดขึ้นก็คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดเก็บรายได้ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาท้องถิ่น รัฐบาลจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณเพื่ออุดหนุนเพิ่มเติม โดยกฎหมายฉบับนี้ใช้เวลานานกว่า 30 ปี ในการผลักดันกระทั่งผ่านเป็นกฎหมายในที่สุด


    ทั้งนี้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบใหม่นี้ มีจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ลดการถือครองที่ดินเพื่อเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ทั้งนี้เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะเป็นผู้จัดเก็บภาษี โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแล ซึ่งหากมีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้จริง ก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับ อปท.นำไปใช้พัฒนาท้องถิ่นต่อไป โดยจะเริ่มต้นดำเนินงานจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 คาดการณ์กันว่า การเก็บภาษีแบบใหม่จะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาท


    ท่ามกลางความตื่นตัวของผู้ถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ลุกขึ้นมาให้ความสำคัญกับการจัดการอสังหาริมทรัพย์ด้วย เกรงว่าจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหน้าที่จัดเก็บรายได้ก็ต้องตื่นรู้และปรับตัวเพื่อรองรับกฎหมายใหม่ฉบับนี้ไม่แพ้กัน


    ดร.ไกรวุฒิ ใจคำปัน อาจารย์ประจำสำนักวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะทีมวิจัยโครงการการพัฒนาระบบบริหารจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการสนับสนุนของแผนงาน Spearhead เป้าหมายการพัฒนาภูมิภาคและจังหวัด 4.0 ภายใต้ยุทธศาสตร์เป้าหมายด้านสังคม กล่าวว่า นับจากที่ภาครัฐมีนโยบายเรื่องการจัดการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ซึ่งเดิมเรียกว่า "ภาษีโรงเรือน" มีประเด็นที่น่าสนใจคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายๆ แห่งยังไม่มีความพร้อมในการรับมือกับระบบจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ ซึ่งมีรูปแบบการคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจะต้องช่วยกันให้ความรู้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงชาวบ้านเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย


    "การจัดเก็บภาษีแบบเดิมไม่ได้ยุ่งยากมาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ต้องคำนวณอะไรมาก เพราะเจ้าของที่ดินต้องจ่ายเท่ากันทุกปี ขณะที่อัตราภาษีรูปแบบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะมีการคำนวณใหม่ โดยแยกกันคำนวณระหว่างที่ดินกับสิ่งก่อสร้าง ซึ่งในส่วนของที่ดินจะคิดคำนวณจากขนาดของที่ดินและราคาประเมินเป็นหลัก ส่วนสิ่งก่อสร้างที่เป็นที่อยู่อาศัย ก็อาจมีการยกเว้นภาษีได้ หรือหากกรณีที่มีการนำที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างดังกล่าวทำประโยชน์ ก็ต้องมีการคำนวณภาษีตามที่กฎหมายระบุไว้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูเป็นกรณีๆ ไป"


    สำหรับกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่นี้ มีการแบ่งประเภทที่ดินที่ต้องเสียภาษีไว้ 4 รายการ คือ

    1.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ประกอบเกษตรกรรม

    2.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่อยู่อาศัย

    3.ที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจากข้อ 1., 2.

    และ 4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งว่างเปล่า หรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามความแก่สภาพ


    อย่างไรก็ตามเพื่อบรรเทาภาระภาษีให้กับประชาชน จึงมีการกำหนดบทเฉพาะกาลการจัดเก็บภาษีช่วง 2 ปีแรก ดังนี้


    1.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เพื่อเกษตรกรรม หากมูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 75 ล้านบาท เก็บภาษี 0.01 เปอร์เซ็นต์, เกิน 75-100 ล้านบาท จัดเก็บ 0.03 เปอร์เซ็นต์, เกิน 100-500 ล้านบาท เก็บ 0.05 เปอร์เซ็นต์, เกิน 500-1,000 ล้านบาท เก็บ 0.07 เปอร์เซ็นต์ และเกิน 1,000 ล้านบาท เก็บ 0.1 เปอร์เซ็นต์


    2.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของบุคคลธรรมดาให้เป็นที่อยู่อาศัยมีชื่อในทะเบียนบ้าน ไม่เกิน 25 ล้านบาท จัดเก็บ 0.03 เปอร์เซ็นต์ หากเกิน 25-50 ล้านบาท เก็บ 0.05 เปอร์เซ็นต์ และหากเกิน 50 ล้าน บาทขึ้นไป เก็บ 0.1 เปอร์เซ็นต์


    3.สิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่อในทะเบียนบ้าน ที่มีมูลค่า ไม่เกิน 40 ล้านบาท ภาษี 0.02 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิน 40-65 ล้านบาท เก็บ 0.03 เปอร์เซ็นต์ หรือเกิน 65-90 ล้านบาท เก็บ 0.05 เปอร์เซ็นต์ และเกิน 90 ล้านบาทขึ้นไป เก็บ 0.1 เปอร์เซ็นต์


    4.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย กรณีอื่นนอกจากอยู่อาศัยตามข้อ 2. และ 3. ที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท เก็บ 0.02 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิน 50-75 ล้านบาท เก็บ 0.03 เปอร์เซ็นต์ หรือเกิน 75-100 ล้านบาท เก็บ 0.05 เปอร์เซ็นต์ และเกิน 100 ล้านบาท จัดเก็บ 0.1 เปอร์เซ็นต์


    5.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจากเกษตรกรรมและอยู่อาศัย ไม่เกิน 50 ล้านบาท เก็บ 0.03 เปอร์เซ็นต์, เกิน 50-200 ล้านบาท เก็บ 0.4 เปอร์เซ็นต์, เกิน 200-1,000 ล้านบาท เก็บ 0.5 เปอร์เซ็นต์, เกิน 1,000-5,000 ล้านบาท เก็บ 0.6 เปอร์เซ็นต์ หรือ เกิน 5,000 บาทขึ้นไป เก็บ 0.7 เปอร์เซ็นต์


    6.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งว่างเปล่า หรือไม่ได้ทำประโยชน์ควรแก่สภาพ เก็บภาษี 0.3-3 เปอร์เซ็นต์ ของราคาประเมิน และเพิ่มขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์ ทุก 3 ปี ต่อเนื่อง ไม่เกิน 27 ปี หรือจนกว่าจะมีการใช้ประโยชน์จากที่ดิน และจากข้อมูลของกรมพัฒนาที่ดินพบว่ามีที่ดินทิ้งไว้ไม่ได้ทำประโยชน์ทั่วประเทศ 8.31 ล้านไร่ จากที่ดินทั้งประเทศประมาณ 300 ล้านไร่


    และเพื่อบรรเทาภาระภาษี 3 ปีแรก ให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีสำหรับเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบุคคลธรรมดาและใช้ประโยชน์เพื่อเกษตรกรรม นอกจากนี้กรณีต้องเสียภาษีสูงกว่าภาษีโรงเรือน หรือภาษีบารุงท้องที่ ให้ผู้เสียภาษีชำระภาษีในจำนวนที่เพิ่มขึ้นในปีที่หนึ่ง 25 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนภาษีที่เหลือ ปีที่สอง 50 เปอร์เซ็นต์ และปีที่สาม 75 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนภาษีที่เพิ่มขึ้น


    ดร.ไกรวุฒิ อธิบายเพิ่มว่า เมื่อรูปแบบการเรียกเก็บภาษีเปลี่ยน การคำนวณภาษีก็ต้องเปลี่ยน ขณะที่กลุ่มงานที่รับผิดชอบเรื่องการจัดเก็บภาษีโดยตรงใน อบต.หลายแห่งยังขาดความพร้อม โดยเฉพาะบุคลากรที่มีภาระงานรับผิดชอบค่อนข้างมาก จึงเกิดเป็นโครงการวิจัยดังกล่าว


    "โครงการวิจัยนี้ดำเนินงานพร้อมกัน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายคือ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั่นหมายความว่าหลังจบโครงการ อปท.จะต้องมีศักยภาพในการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึง อบต.มีรายได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง

    กระบวนการวิจัยของโครงการนี้คือ การหาตัวแบบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพในการจัดเก็บภาษี จนพบว่าองค์การบริหารส่วนตาบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม มีความพร้อมมากที่สุดทั้งบุคลากร นโยบายของผู้บริหาร ขณะเดียวกันเป็นองค์กรดีเด่นด้านการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ เพราะฉะนั้นถ้าที่นี่ประสบความสาเร็จก็จะใช้เป็นโมเดลให้กับพื้นที่อื่นต่อไป"


    สำหรับแนวทางการดำเนินงานวิจัยเบื้องต้นคือ การจัดประชุมเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มคนผู้เสียภาษี ซึ่งจะเป็นการเชิญแกนนำ ผู้ใหญ่บ้าน และในส่วนของภาคราชการที่หลายแห่งมีการนำเอาที่ดินไปใช้ประโยชน์และเกิดรายได้ ซึ่งกฎหมายที่ดินฉบับใหม่ก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับหน่วยงานราชการ


    เมื่อกฎหมายใหม่ประกาศใช้ การทำความเข้าใจกับผู้เสียภาษีถือเป็นเรื่องสำคัญ ตัวงานวิจัยเองอยากทราบว่า รูปแบบภาษีแบบเดิมและแบบใหม่แตกต่างกันอย่างไร รายได้จะเพิ่มขึ้นตามที่ประมาณการไว้หรือไม่ ซึ่งคงต้องรอข้อมูลหลังจากงานวิจัยจบลง แต่สิ่งที่ต้องดำเนินงานในปัจจุบันคือ การค้นหารูปแบบและวิธีการจัดเก็บภาษีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการพัฒนาศักยภาพบุคคลกรให้มีทักษะเพิ่มขึ้น เนื่องจากสิ่งที่ อปท.หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขาดคือ ทักษะ เครื่องมือ และองค์ความรู้ที่ใช้ในการสารวจข้อมูล เพื่อนำมาจัดทำเป็นฐานข้อมูลภาษี เพราะระบบการเก็บภาษีตามกฎหมายใหม่จะมีความละเอียดมากขึ้น การลงพื้นที่สำรวจจึงเป็นหัวใจสำคัญของการจัดเก็บภาษีตัวใหม่ เพราะเป็นวิธีการจัดเก็บที่ถูกต้องที่สุด


    ในมุมขององค์กรท้องถิ่น นพดล ณ เชียงใหม่ นายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงแรกๆ ค่อนข้าง กังวลกับวิธีการจัดเก็บ เนื่องจากเป็น กฎหมายใหม่ เกรงว่าเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


    "จากการศึกษารายละเอียดของกฎหมายฉบับนี้ เห็นว่าเป็นกฎหมายที่ดี เพราะมีความพยายามแก้ไขกันมานานแล้ว แต่ในฐานะผู้ปฏิบัติ ช่วงแรกๆ ก็มีข้อกังวลว่าการเก็บภาษีแบบใหม่จะทำให้ ท้องถิ่นมีรายได้ลดลง โดยเฉพาะภาษีที่ดิน เนื่องจากกฎหมายใหม่มีข้อยกเว้นหลายเรื่อง ซึ่งตนจะพยายามชี้แจงและทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงตัวชาวบ้านเอง


    นับเป็นโอกาสดีที่เราได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งจากจุฬาลงกรณมหาวิยาลัย มหาวิยาลัย เชียงใหม่ รวมทั้งหน่วยงานสนับสนุนงานวิจัยอย่าง สกสว. ที่เข้ามาสนับสนุนกระบวนการและองค์ความรู้ เพราะที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่าการเก็บภาษี เราจัดเก็บภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย


    กระบวนการนี้น่าจะทำให้วิธีการจัดเก็บภาษี ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ ง่ายและสะดวกมากขึ้น และเมื่อเข้าสู่การประกาศใช้อย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า เชื่อว่าคณะทางานจะสามารถดำเนินงานได้อย่างทันท่วงที"


    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    https://www.bangkokbiznews.com/news...homepage_hilight&utm_medium=internal_referral
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ประเทศอินโดนีเชีย ภูเขาไฟ Merapi แสดงกิจกรรมของเธออีกครั้ง # 17 พ.ย.


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2019
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ม้วนแอฟริกาได้ทำลายล็อคที่เก่าแก่ที่สุดในโมร็อกโกปิดไปถึง แผ่นดินไหว ขนาด 7+ ดูภูมิประเทศที่นั่นในอดีตเมื่อแอฟริกาย้ายเข้าไปในแผ่นยูเรเชียเพื่อสร้างเทือกเขาแอลป์มันก็สร้างภูเขาในโมร็อกโก ตอนนี้มันกลับด้าน ฉันสงสัยว่าจะมีการสูญเสียระดับความสูงตามแนวชายฝั่งแอฟริกา ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    IMG_4985.JPG

    The African roll has broken its oldest lock in Morocco, closter to a 7+. Look at the topography there, in the past when Africa moved into the Eurasian plate to create the Alps, it also created mountains in Morocco. Now it is reversed. I suspect some elevation loss along the African coast of the Mediterranean is to be expected in the weeks ahead.


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ลูกเห็บตกอย่างรุนแรงใน melilla, สเปน #16 พ. ย.


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


    หิมะที่น่าทึ่งที่ madonna di campiglio อิตาลี #17 พ. ย.


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    #อิหร่าน พื้นที่สีขาวทางตอนเหนือของเตหะราน


     

แชร์หน้านี้

Loading...