ติดตามสถานะการณ์

John Traczyk

เท็กซัส panhandle คืนนี้

 

John Traczyk

อิเลคตรอนนับเพิ่มขึ้นในเข็มขัดรังสีของ Fok

 

John Traczyk

สนามแม่เหล็กโลก เริ่มโดนโจมตีจากพายุสุริยะแล้วหรือจากบางสิ่ง พายุไม่ควรอยู่ที่นี่จนกระทั่งดึกวันนี้ ดังนั้น..????
ความหนาแน่นของโปรตอนถูกโจมตี 151 @ 8:17 am UTC
ความเร็วลมสุริยะเพียง 373 กม. / วินาที
ดัชนี KP มีเพียง 2 @ 9:30 am UTC
ลมสุริยะกำลังขึ้น ตอนนี้ที่ 485 กม. / วินาที และความหนาแน่นลดลงอย่างรวดเร็ว


Magnetosphere has begun taking hits from the solar storm already, or from something. The storm isn't supposed to be here until late today. So..????

Proton density hit 151 @ 8:17 am UTC
The solar wind speed was only 373 km/sec
The KP index was only 2 @ 9:30 am UTC

Solar wind is climbing, now at 485 km/sec and density is falling fast.

 

ฝรั่งเศสค้นพบ "บล็อบ" สิ่งมีชีวิต 720 เพศและยังฆ่าไม่ตาย
25 ตุลาคม 2562 08:31

• วันนี้ (25 ต.ค.62) สิ่งมีชีวิตล่าสุดที่สวนสัตว์แห่งกรุงปารีสนำออกมาแสดงโชว์เป็นครั้งแรกของโลก คือสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีแขนไม่มีขา ไม่มีตาหรือปาก แต่ฆ่าไม่ตายง่ายๆ ถูกตั้งชื่อว่า “บล็อบ” (Blob) เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวสีเหลืองที่ถูกจัดให้อยู่ในตระกูล “ราเมือก” ชนิดหนึ่ง
  
  
  
  ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติฝรั่งเศส ระบุว่า “บล็อบ” เป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ที่สุดชนิดหนึ่งของโลก เพราะมันมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาหลายล้านปีแล้ว แต่ยังไม่มีใครรู้เลยว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่ เพราะบล็อบมีพฤติกรรมของทั้งสัตว์และเชื้อราอยู่ในตัวเดียวกัน
  
  
  
  ความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของบล็อบ คือมันไม่มีสมองหรือระบบประสาท แต่กลับมีความสามารถเรียนรู้ขั้นสูง สามารถจดจำและแก้ปัญหาได้ โดยมันสามารถเรียนรู้ที่จะข้ามสิ่งกีดขวาง หรืออุปสรรคเพื่อไปหาแหล่งอาหาร และยิ่งผ่านการฝึกฝนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแก้ปัญหาเร็วขึ้นเท่านั้น
  
  นอกจากนี้ ถ้านำบล็อบ 2 ตัวมารวมกัน บล็อบตัวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ก็ยังสามารถถ่ายทอดข้อมูลให้กับบล็อบที่ยังอ่อนต่อโลกได้อีกด้วย ที่แปลกยิ่งกว่านั้น คือมันมีมากกว่า 700 เพศ ซึ่งทำให้มันขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
  
  
  
  บล็อบเติบโตได้ดีในพื้นที่มืดและชื้น เช่น ในป่าดิบ ขอนไม้ที่เน่าเปื่อยผุพัง หรือตามซากใบไม้ที่ทับถมบนดินเป็นเวลานาน แต่มันไม่ชอบแดด และยังไม่ถูกกับความแห้ง เกลือ และคาเฟอีน
  
  
  
  ส่วนที่มาของชื่อ “บล็อบ” นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งตามชื่อภาพยนตร์ไซไฟสยองขวัญในปี ค.ศ. 1958 เรื่อง "The Blob" ซึ่งเป็นหนังเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก หน้าตาคล้ายกาละแมสีดำที่เพิ่งกวนเสร็จใหม่ ๆ ที่ออกอาละวาดเข่นฆ่าชาวเมืองเพนซิลเวเนีย และยังไม่มีใครสามารถทำลายหรือหยุดยั้งมันได้ แต่บล็อบตัวจริง ไม่ได้ดุร้ายกินเนื้อคนเหมือนในภาพยนตร์ มันจะกินแต่อาหารประเภทธัญญาหาร และมันสามารถเคลื่อนที่ไปหาอาหารได้ด้วยความเร็วเพียง 4 เซนติเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น คุณสมบัติเดียวที่บล็อบตัวจริงมีเหมือนบล็อบในหนัง คือ ความตายยาก เพราะเมื่อทดลองหั่นบล็อบออกเป็นสองส่วน มันจะใช้เวลาเพียงแค่ 2 นาที ในการรักษาเยียวยาตัวเอง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันอยู่ยงคงกระพันมาได้นานหลายล้านปี
  
  
  
  
  

https://www.tnnthailand.com/content...4D_IOAKKOfpQtgMBjBw7O-RU0ErhZo_F768K_d6VnJ8pY

 

ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น

#ข่าวร้อนในญี่ปุ่น ไต้ฝุ่น "บัวลอย" เริ่มออกฤทธิ์ ชิบะน้ำท่วมแล้ว
.
กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นแจ้งว่า ไต้ฝุ่นบัวลอย ทำให้ฝนตกหนักต่อเนื่องในเขตคันโต โดยเฉพาะในจังหวัด ชิบะ น้ำท่วมแล้ว และอาจเกิดดินถล่มในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่มีการแจ้งเตือนจากทางการ ให้เตรียมอพยพ ตอนนี้ทำให้รถไฟสาย JR Uchibo หยุดวิ่งบางช่วงแล้วเนื่องจากฝนที่ตกหนัก
.
กรุงโตเกียวก็มีฝนตกหนักในขณะนี้ ขอให้เพื่อนๆ ที่จะเดินทางไปไหนช่วงนี้ เช็คข้อมูลเรื่องการเดินทางดีๆ ครับ เพราะรถไฟมักจะมีปัญหาเวลาฝนตกลมแรงอยู่บ่อยครั้ง
.
#พยากรณ์อากาศ #ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #typhoon21 #บัวลอย #ไต้ฝุ่น #เที่ยวญี่ปุ่นต้องรู้

 

แดง วงศ์ทวิชาติ
ประชาชน500,000 ชาวแคลิฟอร์เนียตกอยู่ในความมืดเพราะไฟดับและต้องอพยพประชาชนหลายพันคนในเขตโซโนมาและซานเบอร์นาดิโน
โดย Rodrigo Contreras Lopez -24 ตุลาคม 2019
บ้านเกือบ 200,000 หลังและธุรกิจทั่วแคลิฟอร์เนียไม่มีไฟฟ้าใช้ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และ บริษัท สาธารณูปโภคเตือนว่าอีกหลายแสนคนอาจอยู่ในความมืดทันทีที่ลมแรงและสภาพที่เปราะบางเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดไฟป่าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว .



https://www.alertageo.org/2019/10/2...dCgDaJlfya9oIkaGV-ah5KS1G9JCFodyJ8-u4n6kzbtjM

 

AMRIN

#AMRIN : 00252 : Krilard Temple : วิหารไกรลาส สุดยอดวิศวกรรมการก่อสร้างวิหารแห่งเทพเจ้า ด้วยวิทยาการที่ก้าวล้ำหน้าที่สุด เกินระดับศักยภาพของเครื่องมือของมนุษย์ยุค 1300 ปี ก่อน หนึ่งในหลักฐานที่แสดงถึง พลังความสามารถของสิ่งที่เหนือล้ำกว่าสติปัญญาของอัจฉริยะยุคปัจจุบัน ที่จะสามารถไขความลับและเลียนแบบได้

ทีมอัมรินทร์
25 / 10 / 2019

 

พะเยาหมอกลงจัด อากาศเริ่มเย็นแล้ว !
24 ต.ค. 2019 - 09:29 น.

สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดพะเยา ในช่วงเช้าวันนี้ พบมีหมอกลงจัด ส่งผลกระทบต่อการสัญจรไปมาของรถ เนื่องจากทัศนวิสัยต่ำ โดยสามารถมองเห็นได้เพียงระยะ 50 เมตร ขณะที่อุณหภูมิในช่วงเช้าวันนี้เริ่มลดลง โดยอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส





รถที่เดินทางสัญจรไปมาในพื้นที่ของอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษและเปิดไฟหน้ารถทุกคัน หลังในช่วงเช้าวันนี้เริ่มมีหมอกลงจัดเต็มพื้นที่ ในช่วงเช้า ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำมาก โดยสามารถมองเห็นระยะทางเพียง 50 เมตร ซึ่งกระทบต่อการสัญจรไปมาของรถและผู้เดินทาง เนื่องจากภาวะที่มีหมอกปกคลุมอย่างหนาแน่น ขณะที่อุณหภูมิเริ่มลดลงทำให้อากาศในช่วงเช้ามีอากาศที่เย็น ซึ่งอุณหภูมิต่ำสุดในช่วงเช้าวันนี้อยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส ส่วนสภาพบรรยากาศโดยทั่วไปของในพื้นที่จังหวัดพะเยาโดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้นั้น ได้มีหมอกปกคลุมอย่างหนาแน่นเต็มพื้นที่ในช่วงเช้า ซึ่งคาดว่าสภาวะอากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีกในช่วงสัปดาห์นี้







เพิ่มเราเป็นเพื่อน ข่าว ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ทุกวัน @springnews

https://www.springnews.co.th/thailand/north/562885

 

Michael DiFato
23 ตุลาคม เวลา 21:05 น. ·
อีกครั้งในวันนี้เราเห็นข้อมูลที่ขาดหายไปจากการติดตาม schumann resonance ใน tomsk Http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7 http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7

 

Too Young to Die

อเมริกาลาออกอย่างเป็นทางการ จากข้อตกลงParis Agreement

ประธานาธิบดีTrump ประกาศอย่างชัดเจนที่งานประชุมด้านพลังงานล่าสุดที่ Pittsburgh ว่าจะถอนอเมริกาออกจากข้อตกลง Paris Agreement ข้อตกลงที่ประเทศต่างๆทั่วโลก 195 ประเทศจะร่วมมือกันลดก๊าซเรือนกระจก ช่วยโลกจากภาวะโลกร้อน โดนไม่สนใจคำเตือนขององค์กร IPCC ที่ว่า เราต้องลดก๊าซเรือนกระจกและคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 C ก่อนสภาพอากาศจะเสียหายถาวร ( แม้ว่าตอนนี้ อุณหภูมิจะเพิ่มไปแล้ว1.1C ก็ตาม โดย 0.2C มาจาก 5 ปีหลังนี้ที่เพิ่มขึ้นเร็วจนน่ากลัว)

“ในฐานะประธานาธิบดี ผมไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากความอยู่ดีกินดีของประชาชนอเมริกา ข้อตกลง Paris Agreement ทำให้อเมริกาเสียเปรียบอย่างมาก ผู้คนต้องตกงาน รายได้ไม่พอกิน และทำให้เศรษฐกิจถดถอย นั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อเมริกาจะไม่สนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวอีกต่อไป “

Trump สัญญาว่าจะทำให้อเมริกาเป็นแหล่งพลังงานอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง ที่ผ่านมาเขาโละกฏหมายที่ควบคุมมลพิษโรงงานถ่านหินและอุตสาหกรรมน้ำมัน และกล่าวโจมตีนโยบายสิ่งแวดล้อมของ Obama ว่าเป็นภัยต่อภาคพลังงานของอเมริกา
แต่ไม่ใช่ทั้งอเมริกาที่เป็นผู้ร้าย ยังมีบางรัฐเช่นแคลิฟอร์เนียที่เป็นคู่ปรับ เมืองต่างๆและกลุ่มธุรกิจที่ยืนยันจะสนับสนุนข้อตกลง Paris Agreement และกลุ่มเหล่านี้ คิดเป็นปริมาณ 65% ของประชากรทั้งหมด หรือกุม 70% ของ GDP ทั้งประเทศไว้

แต่การกระทำของTrump ย่อมส่งผลให้เกิดการเอาเยี่ยงย่าง และเพิ่มความหละหลวมในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศอย่างบราซิล และซาอุดิอาระเบีย

Trump ยังกล่าวโทษจีนและอินเดียโดยชี้ ว่า “ ข้อตกลงParis Agreement กดดันให้ผู้ประกอบการของเราต้องปิดตัวลงจากข้อบังคับอันเคร่งครัด แต่ประเทศอื่นกลับสร้างมลพิษได้ตามใจชอบ “

จีนและอินเดียเองก็ยังมีตัวเลขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ไม่ค่อยน่าชื่นใจนัก รัฐบาลจีนยังไม่สามารถลดโรงไฟฟ้าถ่านหินได้ตามเป้า อีกทั้งยังสร้างสนามบินเพิ่มเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจอีก

การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในอเมริกาลดลงจริงในช่วงระหว่างปี2005-2018 แต่ก็ยังเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับสองของโลก (รองจากจีน แต่อย่างน้อยจีนก็รับผิดชอบอยู่ในข้อตกลง ) โดยTrump อ้างว่านั่นเป็นผลงานของเขา แต่ที่จริงเป็นเพราะอเมริกาหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกกว่าและสร้างมลพิษน้อยกว่าถ่านหิน บวกกับใช้พลังงานทดแทนบางส่วน แต่Trump กำลังพยายามจะรื้ออุตสาหกรรมถ่านหินให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แถมปี 2018 ปริมาณการปล่อยก๊าซกลับเด้งเพิ่มขึ้นมา 2.7% ด้วยซ้ำ และการประชุมระดับโลก G7 ที่จะมาถึงนี้ จะไม่มีการพูดคุยถึงปัญหาโลกร้อน ตัวแทนของTrump กล่าว

แผนของTrumpจะสำเร็จหรือไม่ ต้องมาลุ้นกัน ว่าTrump ได้เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยต่อหรือไม่ในปี 2020
Trump สามารถส่งจดหมายลาออกจากข้อตกลงอย่างเป็นทางการได้วันที่ 4พฤศจิกายนนี้ การลาออกสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์ในปี 2020 แต่ถ้า Democrat ชนะ อเมริกาต้องรอถึง 20 มกราคม 2021 ถึงจะยื่นเรื่องข้อตกลงใหม่แก่ Unite Nation ได้

ถูกต้องที่การแก้ไขภาวะโลกร้อนย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่จะดีกว่าไหมถ้าจะหาทางออกที่เจอกันครึ่งทางระหว่างการอยู่ดีกินดี และอนาคตของลูกหลาน ที่ต้องประสบกับอากาศร้อนเกินอยู่อาศัย น้ำทะเลหนุนสูงจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระบบนิเวศน์พังทลายถาวร และภัยธรรมชาติที่สุดท้ายก็สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอยู่ดี

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-50165596

https://www.nytimes.com/2019/10/23/climate/trump-paris-climate-accord.html

 

Too Young to Die

หน้าร้อนปีนี้ร้อนจัด แทบจะแผดเผาออสเตรเลีย ในสุดสัปดาห์นี้อุณหภูมิอาจสูงถึง 41องศาเซลเซียส

ชาวออสเตรเลียจะได้เผชิญกับฤดูร้อนเร็วขึ้น พร้อมกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นถึง30องศาภายในสุดสัปดาห์นี้
ชาวSydney ต่างรอคอยที่จะไปอาบแดดริมชายหาด ในช่วงวันศุกร์นี้ เนื่องจากอุณหภูมิอาจสูงถึง35องศาเซลเซียส ในขณะที่ฝั่งตะวันตกอาจร้อนถึง37องศาเซลเซียส
ที่Melbourne นี่จะกลายเป็นเดือนตุลาคมที่ร้อนที่สุดในรอบ4ปี ด้วยอุณหภูมิที่สูงถึง34องศาเซลเซียส ก่อนที่จะเจอกับสภาพอากาศเย็นและฝนตกในวันศุกร์นี้

มีไฟป่ากว่า10แห่งในออสเตรเลียทางใต้ สืบเนื่องจากอากาศที่ร้อนถึง41องศาเซลเซียส ใน Coober Pedy และ Port Augusta เมื่อวันพฤหัสบดี
กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าจะเจอกับอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง12 องศา ในวันใกล้ๆนี้ แต่อากาศร้อนจัดนี้ จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่อุณหภูมิจะลดดิ่งลงในช่วงสุดสัปดาห์ สิ่งที่ตามมาก็คืออากาศเย็นเคลื่อนเข้ามาผ่านทางใต้ของออสเตรเลียในวันศุกร์และเสาร์ทำให้อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว

ในช่วงแรกจะมีฝนตกในวันศุกร์บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย และจะมีฝนตกลมกรรโชกแรงมากขึ้นในวันเสาร์ในบริเวณทางใต้ของรัฐ Victoria และหิมะตกในบริเวณที่ราบสูงของ Tasmania

อากาศร้อนจัดจะตามมาด้วยอากาศที่เย็นจัด
รัฐ Adelaide จะเจอกับอุณหภูมิสูง 37องศาเซลเซียสในวันพฤหัสบดี และตามด้วย 19องศาเซลเซียสในวันศุกร์

ใกล้ชายฝั่งของรัฐ Queensland, Brisbrane จะพบกับอุณหภูมิ 27องศาในวันพฤหัสบดี 31 องศาในช่วงสุดสัปดาห์
Canberra อุณหภูมิจะสูงถึง 31 องศาในวันพฤหัสบดีและจะลดต่ำลงมาถึง 20 องศาในวันเสาร์
Darwin จะร้อนถึง 35 องศาและจะลดต่ำลงมาเล็กน้อย 31 องศาพร้อมกับฝนในช่วงสุดสัปดาห์นี้
Tasmania พบกับอากาศ 27 องศาและลดต่ำลงมาอย่างรวดเร็วเป็น16 องศา
จะเห็นได้ว่าอุณหภูมิค่อนข้างที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งคือสืบเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ที่ทำให้อากาศแปรปรวนอีกด้วย

โลกร้อนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อปี เมื่อต้นปี ออสเตรเลียต้องประสบกับอากาศร้อนถึง50C มาแล้ว นี่ยังไม่ครบปีดี อากาศร้อนวนกลับมาอีกรอบ เราควรรีบเปลี่ยนการใช้ชีวิต รัฐบาลต่างๆควรลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลจึงจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ประหยัดพลังงาน ลดการสร้างขยะ ขับรถให้น้อยลง ก่อนที่จะสายเกินไป จากรายงานขององค์กร IPCC เมื่อปีที่แล้ว เราต้องคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5C ภายในปี 2030 ก่อนที่สภาวะอากาศจะเสียหายถาวร และเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่

https://www.dailymail.co.uk/news/article-7606717/Scorching-heatwave-roast-Australia-heading-weekend-temperatures-reach-sizzling-41C.html

 

Too Young to Die

คุณควรรู้สึกผิดที่ขึ้นเครื่องบิน เพราะการบินแต่ละครั้งมีผลทำให้โลกร้อน

ชาวสวีเดน มีคำศัพท์ที่ประนามการขึ้นเครื่องบินว่า “flygskam” หรือ “flying shame” เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนงดการโดยสารเครื่องบิน อันเป็นแหล่งสร้างคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศมหาศาล สาเหตุของภาวะโลกร้อน แม้แต่Greta Thunberg เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอปฏิเสธการบินทุกรูปแบบ ความท้าทายคือเธอเดินทางจากยุโรปไปอเมริกาเพื่อประท้วงโลกร้อน Fridays for Futureโดยเรือพลังงานทดแทนเป็นเวลาสองอาทิตย์

12% ของชาวอเมริกันเดินทางโดยเครื่องบินมากกว่า 6 รอบไปกลับต่อปี เพิ่มคาร์บอน คิดเป็น 2/3 ของคาร์บอนที่ถูกปลดปล่อยมาจากการบินของอเมริกาทั้งหมด จากข้อมูลสถิติขององค์กร International Council on Clean Transportation

ผู้โดยสารเหล่านี้สร้างคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ 3 ตันต่อปีต่อคน!ถ้าหากชาวอเมริกันโดยสารเครื่องบินมากกว่า 6 ครั้งต่อปี ต้องมีการใช้น้ำมันสำหรับการบินมากขึ้น 6 เท่า!

“โลกของเราไม่สามารถแบกรับการบินที่ถี่เกินไปได้อีกต่อไป เราควรจะต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าการบินแบบไหนจำเป็น และแบบไหนไม่จำเป็น เพียงเพื่อความสะดวกสบาย” Dan Rutherford ผู้อำนวยการขององค์กรกล่าว

ปริมาณการคาร์บอนที่มาจากการบินของอเมริกา มีค่าเท่ากับ1/4ของคาร์บอนที่มาจากการบินทั่วโลก
แต่อเมริกาจัดอยู่อันดับที่ 11 ของประเทศที่สร้างคาร์บอนจากการบินมากที่สุดต่อจำนวนประชากร เพราะกว่าครึ่งของประชากรอเมริกาไม่โดยสารเครื่องบิน

การลดคาร์บอนจากการบินสามารถทำได้โดยการใช้เครื่องบินที่มีประสิทธิภาพการเผาผลาญเชื้อเพลิง แต่ปัญหาสำคัญคือ ธุรกิจการบินเติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่าการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน

ปัจจุบัน คาร์บอนจากภาคการบินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าที่คาดไว้ ปี 2018 ปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับ 918 ล้านตัน หรือเทียบเท่ากับปริมาณคาร์บอนทั้งปีที่ประเทศเยอรมันและเนเธอร์แลนด์สร้าง

ที่ประเทศอังกฤษมีไอเดียที่จะรณรงค์ให้ลดการบินที่เกินจำเป็นโดยการคิดภาษีการบินเพิ่มจากการบินครั้งต่อไปในปีหนึ่ง หรือ นโยบายที่จะลดการให้สะสมแต้มการบิน หรือโปรโมชั่นสำหรับ frequent flyer

30% ของผู้โดยสารการบินของอเมริกา มีจุดประสงค์เพื่อการทำงานและธุรกิจ ซึ่งก่อให้เกิดการตั้งคำถามว่า การบินเหล่านี้จำเป็นหรือไม่ หากเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นการประชุมทางไกลTeleconference หรือ email แทน ในขณะที่ทางฝั่งยุโรป มีนโยบายเพิ่มวันหยุดสำหรับพนักงานที่มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยใช้รถไฟ และทางฝั่งอังกฤษแนะนำว่าสายการบินต่างๆ ควรชี้แจงข้อมูลคาร์บอนที่ปล่อยจากแต่ละเที่ยวบินของตนเอง

ในฐานะผู้บริโภค เราสามารถช่วยลดโลกร้อนได้โดยเลือกเส้นทางการบินและสายการบินที่ใช้เครื่องยนต์ที่ทันสมัย และที่สำคัญ ควรคิดก่อนที่จะเลือกเดินทางแต่ละครั้งว่าการบินของคุณจำเป็นหรือไม่ เพราะความสะดวกสบายในการเดินทางของคุณครั้งหนึ่งสร้างคาร์บอนมหาศาลต่อชั้นบรรยากาศ

เรามีเวลาเหลือแค่ 10 ปี ในการลดการปล่อยคาร์บอนและคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 C ก่อนที่สภาวะอากาศจะเสียหายถาวร แม้ว่าการเดินทางในประเทศไทยอาจจะไม่ได้สะดวกสบายเท่ายุโรป หากเป็นไปได้ อยากให้เราพิจารณาการบินแต่ละครั้งของเราว่าจำเป็นแค่ไหน และสามารถเดินทางด้วยรถไฟหรือรถแทนได้หรอไม่ ยอมเสียเวลาเพื่อโลกของเราก็ยังดี

https://www.nytimes.com/interactive...l6ai34xM74zgBNOuj5_e2CG1fDR1iP2y5yc3jGVrhsNAI

 

Too Young to Die

กวางดังเมืองนารา พลาสติกตันกระเพาะเสียชีวิต

กวางเพศเมียแห่งสวนนารา ประเทศญี่ปุ่นได้กินเอาพลาสติกเข้าไปถึง 4 กิโลกรัม เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต

จากผลชันสูตรของ Nara Deer Welfare Association แถลงว่า เหล่ากวางได้กินพลาสติก นำมาสู่การตายเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่เดือนนี้

กวางอายุ 17ปี ถูกพบว่าไม่สามารถทรงตัวได้ในวันที่ 23 มีนาคม ณ วัด Todaiji มีความพยายามช่วยเหลือมัน ซึ่งขณะนั้น เจ้ากวางมีน้ำหนักเพียง 30 กิโลกรัม ต่ำกว่ามาตรฐานถึง 10 กิโลกรัม แต่เจ้ากวางกลับปฏิเสธที่จะกินอาหาร ในวันต่อมาเจ้ากวางได้เสียชีวิตลง ผลการชันสูตรพบถุงpolyethylene ในกระเพาะของมันถึง3.2 กิโลกรัม

Asahi Shimbun สัตวแพทย์กล่าวว่า "บางครั้งเราก็พบพวกขยะในท้องของกวาง แต่ไม่เคยเยอะขนาดนี้เลย"

"เจ้ากวางตัวนี้แก่แล้ว และอาจจะตายตามอายุมัน แต่ขณะที่เราพบมัน มันผอมมากและขนก็ไม่เป็นมันเลย เห็นได้ชัดๆว่ามันไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากที่ถุงพลาสติกอุดกระเพาะมันอยู่"

สวณ Nara ประกาศไม่ให้นักท่องเที่ยวให้อาการแก่กวาง ยกเว้นแครกเกอร์ Senbai ที่ขายอยู่บริเวณรอบพื้นที่เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มยังฝ่าฝืนกฏนี้ และให้อาหารจากถุงพลาสติก ซึ่งพวกมันก็มักจะเผลอกินถุงไปด้วย

https://greenworldwarriors.com/2019...5DoHEEsVgZRBZ6ungBnBRdV6mbJMEmbmazLK_a74vIdhk

 

Too Young to Die

รัสเซียตกลงเข้าร่วมข้อตกลง Paris Agreement

ในที่สุด รัสเซีย หนึ่งในประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจดมากที่สุดอันดับ4ของโลกยอมลงนามในข้อตกลงParis Agreement ข้อตกลงที่ประเทศต่างๆจะช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้า โดยทางรัฐบาลคำนึงถึงอันตรายของภาวะโลกร้อนที่มีต่อภาคเกษตรกรรมและ permafrost (แผ่นดินเยือกแข็ง แหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจกใต้ดินที่มีปริมาณมากเป็น 2 เท่าของในชั้นบรรยากาศ) ที่กินพื้นที่2 ใน3 ของประเทศ ถ้าวันหนึ่ง permafrost ละลาย จะเกิดอันตรายต่อโลกมาก

รัสเซียตั้งใจจะลดก๊าซเรือนกระจกลง 25-30% เทียบกับปี 1990 ภายใน 2030 ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะฟังดูดี แต่NGO มองว่าเป็นการตั้งเป้าที่ค่อนข้างต่ำ ปัจจุบันปี 2017 รัสเซียปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าสมัยที่ยังเป็นโซเวียต 32 % การตั้งgoal ดังกล่าว เปิดโอกาสให้รัสเซียสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มได้อีกพอสมควรในอนาคต รัสเซียเองก็เป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันอันดับต้นๆและยังคงลงทุนในอุตสาหกรรมถ่านหิน ก๊าซ และน้ำมัน

ไม่ใช่ว่ารัสเซียจะไม่กลัวภาวะโลกร้อนเลย ล่าสุดอุณหภูมิโดยรวมของประเทศสูงขึ้นเร็วกว่าบริเวณอื่นบนโลก 2.5 เท่า จังหวัด Irkutsk ต้องประสบกับภัยน้ำท่วมและไฟไหม้เป็นประวัติการณ์ทั่วไซบีเรีย

เมื่อเดือนกค.ที่ผ่านมาประธานาธิบดีปูตินยอมรับว่า รัสเซียได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างรุนแรง และสิ่งเดียวที่จะช่วยกู้ภาวะโลกร้อนขณะนี้คือพลังงาน Nuclear fusion มากกว่าการฝันแบบลมๆแล้งๆจากพลังงานทดแทนอื่น

Greenpeace ชี้ว่าไม่ใช่แค่นโยบาย แต่รัสเซียควรลงมือทำอย่างจริงจังด้วย เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ low carbon อย่างเป็นรูปธรรมและรัสเซียเองก็ยังคงล้าหลังจากแผนของตัวเองตั้งแต่ปี 2009 ที่ตั้งเป้าจะเพิ่มพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น4.5% ในปี 2020

การที่รัสเซียยอมเข้าร่วมข้อตกลงParis Agreement อาจจะเป็นเพราะแรงกดดันจากกระแสประเทศยุโรปรอบตัวโดยเฉพาะเยอรมันที่เข้มงวดขึ้น และกลัวที่จะเสียคู่ค้าไปก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ดี ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่ประเทศมหาอำนาจเล็งเห็นปัญหาและหันมาร่วมมือช่วยเหลือโลก เรามีเวลาแค่ 10 ปี เท่านั้นในการคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกิน 1.5 C มิเช่นนั้นสภาพอากาศจะเสียหายถาวร ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น น้ำทะเลหนุนสูง ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ลดการสร้างcarbon footprint และผู้นำประเทศต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทน ลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล จึงจะได้ผลอย่างท่วงที

https://www.climatechangenews.com/2019/09/23/russia-formally-joins-paris-climate-agreement/

https://www.telegraph.co.uk/news/2019/09/23/russia-ratifies-paris-climate-accord-targets-critically-insufficient/

 

Too Young to Die

Jane Fonda ดารา Hollywood ถูกจับระหว่างการประท้วง Climate change

Jane Fonda เป็นนักแสดงชาวอเมริกันเจ้าของรางวัลออสก้าถึง2ครั้ง เธอถูกควบคุมตัวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในระหว่างการเข้าร่วมต่อสู้เพื่อ Climate change เธอกล่าวว่าการประท้วงเป็นสิ่งที่เธอสามารถทำได้ และการถูกจับ จะทำให้คนมาหันสนใจโลกร้อนมากขึ้น เธอเริ่มสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสาวน้อยชาวสวีเดน Greta Thunberg

ในวันศุกร์ที่ผ่านมา หน้าอาคารรัฐสภาของสหรัฐ ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้เข้าร่วมชุมนุม 16 คน ซึ่งJane Fonda เป็นหนึ่งในนั้น นั่นเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจไว้อยู่แล้ว เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลได้มีกฎหมายออกมาเกี่ยวกับClimate change การประท้วงครั้งนี้ Fonda เรียกว่า ‘Fire Drill Friday’ ซึ่งจะประท้วงที่หน้ารัฐสภาทุกๆวันศุกร์ เธอกล่าวกับ The Times หัวข้อในแต่ละสัปดาห์จะแตกต่างกันออกไป มี Greenpeace, Friends of the earth, Oil Change International เข้าร่วมด้วยเพื่อรณรงค์เรื่อง Climate change

Fonda กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหยุดการอนุมัติการผลิตพลังงานถ่านหินรายใหม่ เพราะสิ่งที่พวกเราทำมาจะไม่มีความหมายเลย ถ้าไม่หยุดพลังงานถ่านหิน พวกเรากำลังแย่ เธอเรียกร้องให้มีการหยุดใช้พลังงานถ่านหินภายใน30ปี และหางานใหม่ให้ลูกจ้างเหล่านั้นด้วยอุตสาหกรรมถ่านหินมีรายได้มหาศาล และพวกเขาต้องชดใช้สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น และเธอก็ไม่รู้สึกผิดต่อความจริงข้อนั้น เพราะว่าถ้าหากพวกเขาบอกความจริงนี้ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน การเปลี่ยนแปลงก็จะค่อยเป็นค่อยไป แต่เป็นเพราะพวกเขาปกปิดความจริง ตอนนี้พวกเราต้องเปลี่ยนแปลงแบบจริงจังเด็ดขาด

Jane Fonda ยังเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อเดือนที่แล้ว เธอขึ้นพูดที่งาน Climate Strike และในปี 2016 เธอเข้าร่วมต่อต้านการสร้างท่อขนส่งน้ำมัน Dakota Access Pipeline อีกด้วย นอกจากนี้Jane ยังสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน เรื่องขัดแย้งต่อต้านในสงครามเวียดนาม และสนับสนุนBlack Panthers

ในช่วงปี 1970 Fonda เคยโดนจับที่สนามบินClaveland ในข้อหามียาเสพติด แต่ภายหลังตรวจสอบแล้วว่ายาของเธอนั้นคือวิตามิน เธอไม่กลัวที่จะต้องถูกจับเข้าคุกอีกเพราะเธอเคยมาแล้ว เธอกล่าวว่า ‘ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว พวกเค้าจะทำอะไรฉันได้’

https://www.latimes.com/entertainme...xZ5aLmZwKp5mQNMFPm7vyee821AHU8IyF3TLB-lvPoXIo

https://edition.cnn.com/2019/10/11/...a-in-custody-trnd/index.html?no-st=1571981983

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-50021146

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน

บังกลาเทศเตรียมย้ายชาวโรฮิงญาแสนคนไปอยู่เกาะบาซัน ชาร์

บังกลาเทศ 25 ต.ค.-บังกลาเทศจะเริ่มอพยพผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายพันคนไปพักพิงที่เกาะบาซัน ชาร์ ปัจจุบันมีผู้อพยพชาวโรฮิงญาพักพิงอยู่ในบังกลาเทศกว่า 1 ล้านคน
.
ทางการบังกลาเทศ เตรียมที่จะเริ่มอพยพผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายพันคนไปพักพิงที่เกาะบาซัน ชาร์ ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนของเมียนมาร์ที่ชาวโรฮิงญาอพยพหนีภัยการสู้รบและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาพักพิงอยู่ในบังกลาเทศ
.
โดยตั้งเป้าจะอพยพชาวโรฮิงญาจำนวน 100,000 คนไปยังเกาะบาซัน ชาร์ และได้เริ่มสร้างบ้านเรือน โรงเรียน มัสยิด รวมทั้งสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม เพื่อรองรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
.
ปัจจุบันมีผู้อพยพชาวโรฮิงญาพักพิงอยู่ในบังกลาเทศกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่า 700,000 คน อพยพหนีการปราบปรามชาวโรฮิงญาของกองทัพเมียนมาร์ช่วงปี 2560.

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน

ภัตตาคารในสิงคโปร์ระงับการใช้ตู้คีบปู หลังมีกระแสไม่พอใจ

สิงคโปร์ 25 ต.ค. – ภัตตาคารในสิงคโปร์แห่งหนึ่งระงับแผนการโปรโมทร้านที่ให้ลูกค้าใช้อุปกรณ์ที่เหมือนกับตู้คีบตุ๊กตาตามสวนสนุกต่างๆ มาใช้ในการคีบปูเป็นๆ มาทำอาหาร หลังจากเกิดกระแสไม่พอใจทางอินเทอร์เน็ต
.
คลิปภาพตู้คีบปูสีชมพู ที่มีปูเป็น ๆ บรรจุอยู่ และมีภาพปูตัวสีแดงยิ้มประดับอยู่ที่ตู้พร้อมกับข้อความเชิญชวนให้มาจับปู เผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วในสื่ออินเทอร์เน็ตหลังจากที่มีผู้โพสต์คลิปในสัปดาห์นี้
.
การใช้งานของตู้คีบปูนี้ก็เหมือนกับตู้คีปตุ๊กตาทั่วไป ลูกค้าจะต้องหยอดเงิน 5 ดอลลาร์สิงโปร์ หรือ ประมาณ 110 บาท เพื่อให้ตัวคีบทำงาน ลูกค้าจะบังคับตัวคีบไปจับปูในตู้ให้ได้ หากทำสำเร็จก็สามารถนำปูไปปรุงอาหารได้ฟรี หรือ จะนำกลับบ้านก็ได้ หรือ จะฝากไว้กับภัตตาคาร ที่มีชื่อว่า เฮาส์ ออฟ ซีฟู้ด เพื่อกลับมากินในวันหลังก็ได้ แต่บรรดาผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมองว่า เป็นการกระทำที่ทารุณเกินไป
.
สมาคมป้องกันการทารุณกรรมต่อสัตว์ กล่าวว่า เจ้าตู้ดังกล่าว ทำให้ปูบาดเจ็บโดยไม่จำเป็นและทำให้ประชาชนมองว่าสัตว์เป็นแค่วัตถุที่จะเล่นสนุกด้วย
.
นอกจากนี้ทางสมาคม ยังกล่าวด้วยว่า ปูเป็นสิ่งมีชีวิตไม่ใช่ของเล่น ทางด้านหน่วยงานดูแลสัตว์กล่าวว่า กำลังเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้
.
ในขณะเดียวกัน ฟรานซิส เอ็ง ผู้บริหารภัตตาคารเฮ้าส์ ออฟ ซีฟู้ด กล่าวว่า แผนการโปรโมทดังกล่าว ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนนี้ จะถูกระงับไว้ก่อน หลังจากมีกระแสร้องเรียน เขายังกล่าวด้วยว่า รู้สึกประหลาดใจกับปฎิกิริยาของประชาชน
.
เขากล่าวอีกว่า ไม่ได้มีเจตนาจะทรมาณสัตว์ และปูก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มีการหุ้มตัวหนีบด้วยพลาสติกและมีการบุภายในตู้เป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้ปูบาดเจ็บเวลาถูกหย่อนลงไปในช่องรับ แต่เขาก็โพสต์ข้อความขออภัยไว้ในเฟสบุ๊คของภัตตาคารแล้ว
.
เอ็งกล่าวในตอนท้ายว่า แผนโปรโมทแบบเดียวกันนี้ที่ภัตตาคาร 2 แห่งของเขาในจีนประสบความสำเร็จด้วยดี เขามีแผนการที่จะไปพบกับเจ้าหน้าที่สิงคโปร์และจะยกเลิกการใช้ตู้คีบปู หากเจ้าหน้าที่สั่งมา.

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน

‘ซูจี’ ติงประชาคมโลกไม่ค่อยให้ความสนใจตรวจสอบเรื่องผู้ก่อการร้ายในรัฐยะไข่
.
เอเอฟพี.25 ต.ค.- ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเกอิของญี่ปุ่น นางอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนของพม่า กล่าวตำหนิถึงการขาดการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มคนหัวรุนแรงและผู้ก่อการร้ายในรัฐยะไข่ พื้นที่ที่กองทัพของประเทศถูกกล่าวหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญา
.
ความเห็นจากเจ้าของรางวัลโนเบลนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยืนหยัดปกป้องการปราบปรามโรฮิงญาของกองทัพ ที่ขับไล่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมเกือบ 700,000 คน จนต้องอพยพหลบหนีไปบังกลาเทศในปี 2560
.
การปราบปรามของกองทัพดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับบุคลากรทางทหารระดับสูง และข้อกล่าวหาล้างเผ่าพันธุ์โดยผู้สืบสวนของสหประชาชาติ
.
ทหารพม่าได้กล่าวว่าการกระทำของพวกเขาเป็นสิ่งจำเป็นและเหมาะสมที่จะกำจัดกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา การแก้ต่างที่ซูจีได้เน้นย้ำในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเกอิเมื่อวันพุธ
.
“ยังมีองค์ประกอบของพวกหัวรุนแรงที่ไม่ต้องการสันติภาพในรัฐยะไข่ เพราะสำหรับผู้ก่อการร้าย ปัญหาเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาเติบโต” ซูจี อ้างถึงการโจมตีของกลุ่มกบฎโรฮิงญาในปี 2560 ที่นำมาสู่ปฏิบัติการกวาดล้างของกองทัพ
.
“ดังนั้นเราจึงรู้สึกผิดหวังที่ประชาคมโลกให้ความสนใจน้อยมากต่อองค์ประกอบการก่อการร้ายของปัญหาในรัฐยะไข่” ซูจี กล่าว
.
กบฎชาติพันธุ์ยะไข่ที่เป็นชาวพุทธ กำลังต่อสู้กับกองทัพในรัฐที่แตกแยกจากความขัดแย้งและความเกลียดชังในระดับชุมชน
.
ซูจี ที่ถูกกักบริเวณในบ้านพักนาน 15 ปี ในช่วงการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหาร เคยถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ แต่ชื่อเสียงในระดับนานาชาติของซูจีต้องมัวหมองจากการปราบปรามโรฮิงญาที่เกิดขึ้น
.
พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจีต้องแบ่งอำนาจกับทหารที่ปกครองประเทศด้วยกำปั้นเหล็กมานานเกือบ 5 ทศวรรษ ซึ่งภายใต้รัฐธรรมนูญที่ทหารร่างขึ้นนั้น ได้สงวนที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภาให้กับผู้แทนจากกองทัพ รวมทั้งกระทรวงที่ดูแลด้านความมั่นคงทั้งหมด
.
คำมั่นสัญญาของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่สำเร็จ และซูจีได้กล่าวกับนิกเกอิว่า การแก้ไขไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งปีหน้า
.
“เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงแก้ไขจะเกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นได้เร็วเพียงใดนั้นก็เป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะคาดเดา ทหารไม่ได้กระตือรือร้นมากนักเกี่ยวกับการปรับแก้ในสิ่งที่เราเสนอ” ซูจี กล่าว.

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน

อินโดนีเซียบอกครอบครัวไลอ้อนแอร์ตกว่าเป็นเพราะกลไกและการออกแบบเครื่องบิน
.
จาการ์ตา 23 ต.ค.- คณะผู้สอบสวนของอินโดนีเซียแจ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินสายการบินไลอ้อนแอร์ตกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมปีก่อนเสียชีวิตหมดทั้งลำ 189 คนว่า เกิดจากกลไกและการออกแบบของเครื่องบินโบอิง 737MAX รุ่นที่ประสบเหตุ
.
คณะผู้สอบสวนสรุปให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตทราบในวันนี้ก่อนที่จะเปิดเผยรายงานสรุปอุบัติเหตุต่อไป แผ่นภาพในการสรุประบุว่า สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกเป็นเรื่องการสันนิษฐานผิดพลาดเกี่ยวกับการทำงานของอุปกรณ์ป้องกันเครื่องบินหยุดกลางอากาศที่เรียกว่าระบบช่วยควบคุมท่าทางการบินหรือเอ็มแคส (MCAS) และปฏิกิริยาที่นักบินจะมีต่อระบบนี้ การพึ่งพาตัวรับสัญญาณมุมปะทะที่มีเพียงตัวเดียวทำให้ระบบเสี่ยงผิดพลาด อีกทั้งตัวรับสัญญาณนี้ยังแสดงค่าผิดพลาดมาก่อนในเที่ยวบินก่อนหน้าเกิดเหตุ
.
นอกจากนี้สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกยังเกิดการขาดเอกสารแจกแจงการทำงานของระบบในกรณีที่เครื่องบินกำลังตก เช่น กระตุ้นการทำงานของระบบสั่นคันบังคับเตือนว่าความเร็วของเครื่องบินกำลังเข้าใกล้ความเร็วร่วงหล่น ขณะที่ลูกเรือถูกเบี่ยงเบนความสนใจหลายด้านและบกพร่องในการควบคุมเครื่องบินด้วยมือและการสื่อสาร
.
ด้านโฆษกของโบอิง ผู้ผลิตเครื่องบินไม่ขอให้ความเห็น เนื่องจากการสรุปนี้ไม่ใช่รายงานที่เจ้าหน้าที่เผยแพร่อย่างเป็นทางการ จึงเร็วเกินไปที่โบอิงจะแสดงความเห็น ขณะที่ตัวแทนไลอ้อนแอร์ก็ไม่ขอแสดงความเห็นเช่นกัน
.
เครื่องบินโบอิง 737MAX ลำนี้ตกลงในทะเลชวา หลังทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตาในกรุงจาการ์ตาได้เพียง 13 นาที หลังจากนั้นเครื่องบินรุ่นเดียวกันของสายการบินเอธิโอเปียตกในลักษณะเดียวเมื่อวันที่ 10 มีนาคมปีนี้ หลังทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติแอดดิสอาบาบาในเอธิโอเปียได้เพียง 6 นาที เสียชีวิตหมดทั้งลำ 157 คน เป็นเหตุให้เครื่องบินรุ่นนี้ถูกสั่งจอดทั่วโลกจนถึงขณะนี้.

 

คำต่อคำจดหมาย“มะกัน”เปิดหน้าค้านไทยแบน3สารพิษ
24 Oct 2019

สหรัฐฯ ร่อนหนังสือ “นายกฯ-สุริยะ” ค้านไทยแบน 3 สารพิษ อ้างเกษตรกรต้นทุนเพิ่มนับแสนล้านบาท แถมยังไม่สามารถการนำเข้าการถั่วเหลือง ข้าวสาลี กาแฟ แอปเปิ้ล องุ่น กระทบอุตสาหกรรมขนมอบ บะหมี่สำเร็จรูป


นายเท็ด เอ. แมคคินนีย์ ปลัดกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ใจความว่า เขาเองมีความกังวลใจว่าคณะกรรมการวัตถุอันตรายของไทยอาจจะพิจารณาห้ามการใช้สารไกลโฟเซตโดยมิได้คำนึงถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างรอบถ้วน จึงอยากจะขอให้ไทยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจมาตรการต่างๆที่จะนำมาใช้เป็นข้อบังคับ เฉกเช่นที่ประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลกทั้งหลายพึงกระทำ

เขาเห็นว่าถ้าหากไทยออกกฎห้ามการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อการนำเข้าผลผลิตการเกษตร เช่น ถั่วเหลืองและข้าวสาลี จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไทยจะตระหนักและคำนึงถึงสิ่งที่เป็นความกังวลใจเหล่านี้ และคงไว้ซึ่งข้อจำกัดเดิมว่าด้วยปริมาณสารตกค้างขั้นสูงสุดที่อนุญาตสำหรับสารไกลโฟเซต

สารไกลโฟเซตนั้นเป็นหนึ่งในสารเคมีการเกษตรสำหรับกำจัดแมลงศัตรูพืชที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายและมีการศึกษาวิจัยมาแล้วอย่างมากทั่วโลก ในเดือนธันวาคม 2560 สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (อีพีเอ) ได้เผยแพร่ร่างผลการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ ซึ่งสรุปว่าสารไกลโฟเซตไม่ได้มีความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์ เมื่อมีการนำมาใช้อย่างมีการควบคุม ผลศึกษาของอีพีเอนั้นสอดคล้องกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งในญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) ออสเตรเลีย รวมทั้งหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ (FAO และ WHO)

ปลัดกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ เรียกร้องให้ไทยชะลอการตัดสินใจห้ามการใช้สารไกลโฟเซตออกไปจนกว่าทางกระทรวงเกษตรสหรัฐฯจะสามารถจัดสรรโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคของสหรัฐฯได้มาแบ่งปันประสบการณ์ตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้องและตอบโจทย์ข้อกังวลใจของไทยมากที่สุด

“กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (ยูเอสดีเอ) ใคร่ขอเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีและทีมงานเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงของหน่วยงานอีพีเอ การตัดสินใจเกี่ยวกับไกลโฟเซต และยุทธศาสตร์การสื่อสาร-ประสานงานกันเกี่ยวกับความเสี่ยง ทางสหรัฐฯยินดีรับฟังข้อคิดเห็นของฝ่ายไทยเกี่ยวกับประเด็นที่จะนำเสนอขึ้นหารือกันระหว่างการเยือนดังกล่าว หากฝ่ายไทยมีข้อสงสัยใดๆ หรือต้องการหารือเกี่ยวกับการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ก็สามารถติดต่อนายรัส ไนซ์ลีย์ ที่ปรึกษาทูตฝ่ายกิจการเกษตร สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย”

ขอแสดงความขอบคุณมาล่วงหน้า ณ โอกาสนี้ หวังว่าไทยจะพิจารณาคำขอของเขาและเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้สารไกลโฟเซตออกไป เขาหวังว่านายกรัฐมนตรีจะตอบรับคำเชิญเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี




นอกจากนี้นายรัส ไนซ์ลี ที่ปรึกษาทูตฝ่ายกิจการเกษตร สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยังทำหนังสืออีกฉบับถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ระบุว่า ทางกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ โดยฝ่ายกิจการการเกษตรต่างประเทศและการค้า ได้ทำการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะมีต่อประเทศไทยจากกรณีการห้ามใช้สารเคมีการเกษตร 3 ชนิดที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณานั้น พบว่าการห้ามใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวและการกำหนดระดับของการตกค้างขั้นต่ำสุดที่ศูนย์จะส่งผลทำให้เกิดต้นทุนหลักๆ 3 ประการตามมา คือ

เกษตรกรไทยจะมีต้นทุนเพิ่ม 75,000-125,000 ล้านบาท (คำนวณตามราคาตลาด) จากการใช้สิ่งอื่นทดแทนสารเคมีดังกล่าว

ถ้าหากไม่สามารถหาสารเคมีอื่นที่เหมาะสมมาใช้ทดแทน (กลูโฟสิเนท-แอมโมเนียมมีความเป็นพิษมากกว่าไกลโฟเซต แต่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับพาราควอต) เกษตรกรก็จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นอยู่ดีจากการที่ต้องควบคุมวัชพืช ขณะที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อยลง คาดว่าต้นทุนส่วนนี้จะสูงได้ถึง 128,000 ล้านบาท


สุดท้ายคือสิ่งที่เป็นความกังวลใจมากที่สุดสำหรับสหรัฐฯและประเทศอื่นๆที่เป็นคู่ค้าสินค้าเกษตรกับไทย นั่นคือการค้าถั่วเหลือง ข้าวสาลี กาแฟ แอปเปิ้ล องุ่น และอื่นๆที่จะต้องหยุดลงในทันที (จากการกำหนดให้ปริมาณตกค้างขั้นต่ำของสารเคมีดังกล่าวเหลือเพียง 0) ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการค้า (ในแง่ของการนำเข้าจากประเทศไทย) คิดเป็นมูลค่าสูงได้ถึง 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 51,850 ล้านบาท

ต้นทุนเหล่านี้ยังไม่ได้คำนวณรวมไปถึงผลกระทบที่จะตามมาจากความเสียหายของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตอาหารของไทย เช่นผู้ผลิตขนมอบและบะหมี่สำเร็จรูปซึ่งมีมูลค่าตลาด 40,000 ล้านบาท ที่ต้องพึ่งพาข้าวสำลีนำเข้า 100%

จึงหวังว่าไทยจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้ประกอบการพิจารณาด้วย


https://www.thansettakij.com/conten...ryrcd3dbIQI3-YwmIGdGgI0#.XbJLT9WXPsB.facebook