ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    MEXICO

    หลังจากการปะทุอย่างรุนแรงของภูเขาไฟPopocatépetlการตกลงมาของเถ้าถ่านที่ทิ้งไว้ รถยนต์ถูกปกคลุมด้วยวัตถุนี้ ใน เช้านี้ ที่ซานเปโดรโชโลลา, ปวยบลา วันที่ 14 มิถุนายน


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    MEXICO
    ก๊าซถูกปล่อยออกมาจากภูเขาไฟPopocatépetl, เมฆกำลังขยายตัว, เถ้าตกลงมา มีรายงานตั้งแต่เช้านี้ เวลา 10:41, 14 มิถุนายน, 2019

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    MEXICO
    การปะทุที่รุนแรง, ภูเขาไฟขนาดมหึมา Popocatépetl, ลงทะเบียนเวลา 10:41 a.m., วันที่ 14 มิถุนายน 2019

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Emergency Management Associates

    น้ำแข็งกว่า 40% ของกรีนแลนด์มีประสบการณ์ การละลายในวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน โดยมีการสูญเสียน้ำแข็งทั้งหมดประมาณมากกว่า 2 กิกะตัน (หนึ่งกิกะตันเท่ากับ 1 พันล้านตัน) ในขณะที่กรีนแลนด์เป็นเกาะใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งมากมายมันเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากสำหรับน้ำแข็งจำนวนมากที่จะหายไปในกลางเดือนมิถุนายน
    PSX_20190615_125847.jpg D9ALHU6XUAAgoeG.png D9ALKO2UIAEwSLL.png D9ALYltXoAAFNBH.jpeg
    Over 40% of Greenland experienced melting Thursday, June 13, with total ice loss estimated to be more than 2 gigatons (a gigaton is equal to 1 billion tons). While Greenland is a big island filled with lots of ice, it is highly unusual for that much ice to be lost in the middle of June.

    https://edition-m.cnn.com/2019/06/1...Cu3CHoKTwGrcNLs&r=http://m.facebook.com/&rm=1

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อุรุกวัย
    พายุฝนและลูกเห็บที่รุนแรงในTacuarembóเช้าวันที่ 14 มิถุนายน
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    จีน
    ช่วงเวลาการพังทลายของสะพานจือจิน ซึ่งข้ามแม่น้ำกวางตุ้ง ในเมืองเหอหยวนในช่วงเช้าวันที่ 14 มิถุนายน
    จากการตรวจสอบการจราจรในท้องถิ่นสะพานพังทลายลงช่วงมีการจราจรติดขัด เมื่อพวกเขาตกลงไปในน้ำ คนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือ การค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินการอยู่ สาเหตุของการพังทลายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24
    จีน
    ฝนตกหนักได้ก่อให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง สร้างความเสียหายในหลายภูมิภาค โดยพายุที่เข้ามาในประเทศจีนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บ้านและอาคารพังทลาย
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อุรุกวัย
    พายุที่รุนแรง ทำให้เกิดฝนและลมแรงในเช้าวันนี้ที่ San Ramón Canelones วันที่ 14 มิถุนายน
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    FB_IMG_1560581457311.jpg

    หากคุณอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในคืนวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน ดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์จะติดตามกันและกันอย่างใกล้ชิด ตลอดทั้งคืน ตั้งแต่ Moonrise ถึง Moonset เวลา 21:50 น. เวลาตามฤดูกาลของอิสราเอลพวกเขาจะอยู่ใกล้กันมากที่สุด (ภาพประกอบใน Stellarium)
    ดวงจันทร์จะดูเต็มดวงในคืนวันอาทิตย์ แต่ในทางเทคนิคจะไม่ได้เต็มที่จนกว่าจะถึงเช้าวันจันทร์เวลา 11:30 น. IDT
    If you happen to be in Jerusalem on Sunday night, June 16, Jupiter and the Moon will be following each other very closely all night from Moonrise to Moonset. At 9:50 PM Israel Daylight Time they will be at their closest conjunction. (Illustrated in Stellarium)
    The Moon will look full on Sunday night, but won't technically be at its fullest until Monday morning at 11:30 AM IDT.
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Santillana
    รายงานนกที่พลัดถิ่นในประเทศโคลัมเบียวันนี้ เวลาพระอาทิตย์ตก
    2019/06/14
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Santillana
    #EMERGENCY # CLIMATICA
    ฝนตกใน 48 ชั่วโมงในสหราชอาณาจักรสถานการณ์ที่เลวร้ายในเวลานี้
    2019/06/14
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Santillana

    ดังนั้นท้องฟ้าในออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา
    FB_IMG_1560582206364.jpg
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก


    ตอนที่๕๒(ปรินิพพาน)

    http://www.likeseries.com/series-พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก-ตอน-52-

    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆

    ความเดิมตอนที่แล้ว

    เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบข่าว

    อาการป่วยในวาระสุดท้าย

    ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี

    ฆราวาสผู้ถวายวัดเชตวันอันยิ่งใหญ่

    ได้เดินทางไปโปรดเป็นครั้งสุดท้าย

    ให้ฆราวาสผู้ยิ่งใหญ่ได้จากไปอย่างสงบ

    ขณะที่ฝ่ายพระเจ้าอชาติศัตรู

    กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นมคธ

    กำลังประสบกับปัญหาความขัดแย้งอย่างหนักในราชสำนัก

    หลังจากที่พระองค์ถวายตนเป็นศิษย์ของะระพุทธองค์

    หากแต่คำสอนของพระพุทธองค์

    ก็ช่วยชี้ทางสว่างให้แก่มหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่

    ให้พบหนทางแก้ปัญหา

    และมีปัญญารู้แจ้งให้เห็นแนวทาง

    ในการปกครองโดยธรรมได้ในที่สุด

    พระพุทธองค์จะทรงนำมวลมนุษย์

    ให้มีปัญญารู้แจ้ง

    ในหนทางแห่งการดับทุกข์ได้เช่นไร?...


    ★★★★★

    โมคลานะ:

    มีอะไรหรือเกทัน.

    เจ้าหยุดเดินทำไม?

    เกทัน:

    อาจารย์.ข้าบิณฑบาตรที่หมู่บ้านนี้ไม่ได้


    โมคลานะ:

    เกทันเจ้าเป็นภิกษุแล้ว

    และภิกษุ.อยู่เหนือการคัดค้านทั้งมวล

    เราไม่ตัดสินใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา

    เราจะรับหรือไม่

    แต่เราจะอยู่ท่ามกลางผู้คนอย่างสงบมั่นคง

    เรายอมรับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต


    เกทัน:

    นี่คืออดีตของข้าที่ข้าทิ้งเอาไว้


    โมคลานะ:

    เกทัน.ที่แล้วก็แล้วไป

    วันนี้เจ้าเกิดใหม่เป็นภิกษุรูปหนึ่งแล้ว

    จงอย่ากลัวอดีต

    บัดนี้ชีวิตเจ้าเดินอยู่บนเส้นทางที่ดีแล้ว

    เกทัน.เราไม่ได้บิณฑบาตรเพราะความหิวโหย

    ที่จริงเรามีโอกาสดีที่จะเปลี่ยนแปลงคนธรรมดาได้.

    ไป.

    ผู้มีเมตตาทำทานด้วยเถิด


    (ภรรยาเกทันร้องกรี๊ดเมื่อเห็นเกทัน)

    พ่อ:

    มีอะไรหรือลูกพ่อ.

    เจ้า.เจ้าคนไร้ยางอาย

    เจ้ากล้าดียังไงเกทัน.

    ทำไมเจ้ายังกล้ากลับมาที่หมู่บ้านนี้อีก

    ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ


    โมคลานะ:

    เจ้าจะทำอะไร?

    เขาเป็นพระแล้ว


    พ่อ:

    เขาไม่ใช่พระ

    แต่ลูกสาวของข้าคือคนที่โชคร้าย

    ปีก่อนเขาแต่งงานกับลูกข้า

    แล้วหลังจากนั้นเขาก็บวชเป็นพระ

    ลูกสาวข้าต้องเจอกับความทรมาน

    พ่อแม่ของเขาโทษลูกสาวข้าทุกอย่าง

    เขาทำลายชีวิตลูกสาวข้าแท้ๆ

    ถามหน่อย

    ถ้าเขาอยากเป็นพระแล้วแต่งงานกับนางทำไม?


    เกทัน:

    ตอนที่แต่งกับนาง

    ข้าไม่รู้เรื่องของการหลุดพ้น

    ข้าอยากเป็นอิสระจากความทุกข์

    ข้าต้องการความสงบ

    ข้ามีโอกาสฟังพวกเขาเทศนา

    แล้วอาจารย์ก็บวชให้ข้า

    ได้เป็นพระ

    พ่อ:

    หมายความว่า:

    เขาชี้ทางผิดให้เจ้าหรือ?


    เกทัน:

    เขาชี้ทางถูก


    พ่อ:

    ข้าไม่เชื่อคำพูดของเจ้าหรอก

    เจ้าหนีหน้าจากความรับผิดชอบของตัวเอง

    ขี้ขลาดนัก

    เจ้าจะพบกับความทุกข์ของชีวิต


    โมคลานะ:

    เขาละทิ้งทางโลกแล้ว

    ละความสุขทางโลกแล้ว

    ยึดติด เสน่หา

    ความโกรธ ราคะ

    เขาละทิ้งหมดทุกอย่าง

    ท่านยังว่าเขาขี้ขลาดอีกหรือ?


    พ่อ:

    ใช่สิ.


    โมคลานะ:

    ไม่ใช่.

    เขากล้าหาญ

    เขาพังสายใยของการยึดติดและ

    มุ่งหน้าสู่การหลุดพ้น

    มันต้องใช้ความเข้มแข็งมาก

    ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้

    ท่านจงใจเย็นและตั้งสติ

    ลองคิดดู

    หากเขาอยู่กับลูกสาวของท่าน

    เขาจะให้ความทุกข์แก่นาง

    อย่างน้อยลูกท่านก็พ้นจากทุกข์เหล่านั้นแล้ว


    พ่อ:

    เจ้ามันสอนแต่เรื่องที่เหลวไหล

    ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่

    ข้าจะจามเจ้าด้วยขวานนี้ซะ


    ชาวบ้าน:

    เจ้าจะทำอะไร?

    อย่านะ

    เขาคือโมคลานะ.

    ผู้ชี้ทางให้คนหลงผิดมามากมาย

    รีบไปซะเถอะ.รีบไปซี่.


    ★★★★★

    (พุทธะกำลังเดินทางกลับจากการออกบิณฑบาตร

    อานนท์วิ่งเข้ามารับบาตร)


    อานนท์:

    ให้ข้าถือเถอะ

    ท่านต้องลำบากออกไปบิณฑบาตรทุกวัน

    ท่านต้องเทศนาทุกวัน

    ตอนนี้ท่านอายุมากแล้ว

    ไม่อยากนั่งทำสมาธิเฉยๆบ้างหรือ?

    ท่านคิดว่ามีใครที่จะรับผิดชอบเหล่าภิกษุแทนท่านได้ไหม?


    พุทธะ:

    เราไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกอานนท์

    ขาซ้ายของเรา

    ขาขวาของเรา

    อยู่ด้วยตอนที่เราตรัสรู้

    แล้วมันจะนำทางทุกคนด้วยความร่วมมือร่วมใจ

    มันจะเป็นขาคู่แรกที่ได้ย่ำไปสู่หนทางการหลุดพ้น

    ข้างหนึ่งคือแม่ทัพเราสารีบุตร

    อีกข้างหนึ่งโมคลานะ

    ชัดเจนไร้ความกลัว

    สารีบุตรคือขาขวาของเราอานนท์

    และโมคคลานะคือขาซ้ายเรา

    (พุทธะเดินเตะถูกตั่งไม้ไผ่เลือดออก

    พร้อมกันนั้นก็มีภิกษุวิ่งเข้ามาหาด้วยความร้อนรนและเศร้าโศก)


    ภิกษุ:

    อาจารย์ๆ

    โมคคลานะๆสิ้นอายุขัยแล้ว

    (ถูกโจรฆ่า)


    พุทธะ:

    เราจะไปส่งโมคคลานะเป็นครั้งสุดท้าย

    โมคคลานะรับใช้สำนักมามากแล้ว

    เราไม่ควรส่งเขาด้วยน้ำตา

    โมคคลานะไร้ความกลัวเหมือนเปลวไฟ

    กล้าหาญและตรงไปข้างหน้า

    พวกเจ้าจะได้แรงบันดาลใจจากชีวิตของโมคคลานะ

    ผู้รอบรู้อย่างโมคคลานะจะไม่มีวันตาย

    เขาจะอยู่กับเราเสมือนกับเป็นแหล่งพลังงาน

    สร้างเจดีย์บรรจุอัฏฐิโมคคลานะ

    ให้เขาเป็นที่ระลึกต่อไปในภายภาคหน้าด้วยเถิด


    ★★★★★

    พุทธะ:

    พวกเจ้าทำตามศีล๕กันหรือเปล่า?


    ชาวบ้าน:

    ทำครับ ทำค่ะ!


    พุทธะ:

    ถ้างั้นวันนี้พวกเจ้าจะต้องสาบานตนว่า:

    เราจะต้องมีเมตตาต่อลูกหลานของเรา

    ว่าเราจะต้องมีเมตตาต่อผู้อาวุโสของเรา

    ว่าเรานั้นจะเห็นใจคนที่พยายามจะใช้ชีวิตอยู่

    และคนที่อ่อนแอ

    ไม่ว่าเขาจะแย่แค่ไหน

    เราจะต้องมีเมตตาต่อพวกเขา

    จำไว้ว่า:

    ชีวิตของพวกเรานั้น

    ต้องผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาแล้วเช่นกัน

    ชาวบ้าน:

    พุทธะ.บางครั้งเราก็กลับไปทำเรื่องไม่ดี

    และทำเรื่องอื่นๆแบบไม่ได้ตั้งใจ


    พุทธะ:

    ถ้าหากเจ้านั้นรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ

    และเจ้ายังอยู่อย่างถ่อมตัว

    เจ้าจะแก้ไขตัวเองได้โดยปริยาย

    จงจำไว้ว่าคิดแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้น

    หากความคิดเราแย่

    การกระทำก็แย่ด้วย

    ความทุกข์จะตามติดเราเหมือนเงา

    เหมือนรถเข็นที่ถูกลากไปในทิศทางเดียวกับโคกระบือ

    และถ้าหากว่า

    เรานั้นคิดดีแล้ว

    การกระทำของเราก็จะดีด้วย

    และเมื่อนั้น

    ความสุขก็จะติดตามเราไปเสมอ

    ท้ายที่สุดแล้วมีแค่๓สิ่งเท่านั้นที่สำคัญ

    ๑.คือเรารักทุกสิ่งด้วยหัวใจไหม?

    ข้อ๒.เรามีชีวิตอย่างสมบูรณ์ไหม?

    และข้อ๓.เราจะละทุกสิ่งไปได้ไหม?

    เป้าหมายของเราคือการหาเป้าหมายของชีวิต

    และเมื่อหาพบแล้ว

    จงเสียสละทั้งหัวใจและวิญญาณของเราเพื่อบรรลุมัน


    ★★★★★

    พุทธะ:

    มีข่าวอะไรจากสารีบุตรหรือเสมอจันทร์


    เสมอจันทร์:

    อาจารย์.ท่านสารีบุตรๆบรรลุนิพพานแล้ว

    หลังจากถึงเมืองนาลา

    เขาดูแลแม่ของตัวเองทั้งวันทั้งคืน

    แล้วแม่ของเขาก็สิ้นไป

    เขาเลยตัดสินใจเข้าสู่นิพพาน

    เขาเรียกข้าไปบอกว่า

    หลังเข้าสู่นิพพานแล้ว

    อัฏฐิของเขากับบาตรของเขา

    และสังฆาฏิของเขาให้เอามาถวายแด่ท่าน

    อาจารย์.

    ท่านสารีบุตรบอกว่า:

    เขาจะลาจากโลกนี้ก่อนที่พุทธะจะเข้าสู่นิพพาน.


    อานนท์:

    พุทธะ.ตอนที่ข้ารู้ว่า

    ท่านสารีบุตรเข้าสู่นิพพาน

    ข้าตกใจมากจริงๆ

    ราวกับร่างเป็นอัมพาธ

    ในใจของข้าว่างเปล่า

    มันมีผลกระทบกับข้ามาก


    พุทธะ:

    อานนท์.การเข้าสู่นิพพานของสารีบุตรนั้น

    มันทำให้เจ้าลืมปณิธาน

    ลืมความรู้ ลืมความเข้าใจ

    ลืมการทำสมาธิ

    และทุกอย่างแล้วอย่างนั้นหรือ?


    อานนท์:

    เปล่าพุทธะ.ไม่ใช่แบบนั้น

    ตอนที่ท่านสารีบุตรยังอยู่

    เขาใช้ชีวิตในศาสนา

    เขาชี้แนะภิกษุทั้งหลาย

    เขาสอนและกระตุ้นพวกภิกษุ

    แต่พอท่านโมคคลานะ

    ท่านสารีบุตรเข้าสู่นิพพาน

    สำนักก็ว่างเปล่า

    ท่านไม่แสดงออก

    แต่ข้ามั่นใจว่าท่านต้องเสียใจอยู่ลึกๆแน่


    พุทธะ:

    เจ้าลืมแล้วอานนท์

    จำได้ไหม?

    เราเคยพูดไว้ว่า:

    ควาาตายติดตามความเกิดเหมือนกับเงา

    คนที่เราพบเจอจะต้องจากกันวันหนึ่ง

    ทุกศาสนาล้วนต้องตาย

    อย่ายึดติดกับมัน

    ชีวิต

    ความตาย

    การเกิด

    และการดับ

    เจ้าต้องอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้

    สารีบุตรเหมือนกับกิ่งไม้ที่มีขนาดใหญ่

    เขาอุทิศชีวิตของเขาเพื่อหล่อเลี้ยงต้นไม้ทั้งต้น

    กิ่งไม้นั้นก็ยังติดอยู่กับต้นไม้

    ต้นไม้คือสำนักของภิกษุสงฆ์

    ที่กำลังไปสู่ความจริงอันสูงสุด

    และยื่นออกไปหาเหล่าชาวบ้านด้วย

    อานนท์.

    หากเจ้าลืมตาจะเห็นว่า

    สารีบุตรอยู่ในต้นไม้พวกนี้

    บนดวงจันทร์

    ท่ามกลางผู้คน

    ผู้คนทั้งหลายที่เขาสั่งสอนอยู่ใน"ตถาคต"

    หนทางที่เขาเลือกเดิน

    ทุกสิ่งอยู่ใน"ตถาคต"

    เจ้าจงอย่าคิดสิว่า:

    สารีบุตรจากเราไป

    เขายังอยู่กับเราเสมอ


    [>ปล.ขอเอาคำอธิบาย"ตถาคต"ให้กับอนุรุทธะมาแนบนะคะ<

    พุทธะ:

    อนุรุทธ ความรู้สึกดีงามคือตถาคตหมายความว่า:

    ทุกสิ่งเป็นอย่างที่เป็น

    นี่คือกฏพื้นฐานที่ทำให้ดอกบัวงอกงาม

    ตถาคตนั้นให้กำเนิดอนุรุทธ

    และให้กำเนิดทุกคน

    ให้กำเนิดอานนท์

    ให้กำเนิดจักรวาลทั้งหมด

    สิ่งที่เกิดขึ้นจากตถาคต

    และสิ่งที่ตถาคตกระจายอยู่

    เราเรียกมันว่า"ตถาคต"

    ศาสนาไม่ได้เกิดจากสิ่งใด

    และไม่ได้หายไปไหน

    ศาสนายังอยู่เสมอและอยู่ตลอดไป


    อนุรุทธ:

    นับจากนี้ข้าและภิกษุทั้งหลายจะเรียกท่านว่า"ตถาคต"

    การเรียกท่านแบบนั้น

    เพื่อระลึกว่า:

    มีธาตุของ"ตถาคต"อยู่ในเรา


    พุทธะ:

    ถ้าหากว่าเราเกิดปวดหัว

    และยอมรับว่า:

    การปวดหัวเป็นส่วนหนึ่งของ"ตถาคต"

    ความปวดนั้นก็จะหายไป

    เหตุผลคือพลังครึ่งหนึ่งของเรา

    ต่อสู้อยู่กับความเจ็บปวด

    และอีกครึ่ง

    กำลังรักษาความเจ็บปวดอยู่

    พลังทั้ง๒ส่วนนั้น

    ทำร้ายใจของเรามากกว่าอาการปวดหัว

    หากเรานั้นได้ยอมรับความเจ็บปวดนั้น

    รอยแยกก็จะถูกเติมเต็ม

    และพลังทั้งหมดก็จะได้ช่วยรักษา

    ให้ความปวดนี้หายไป

    ภิกษุ:

    พุทธะท่านใช้ทั้งชีวิตชี้ทางให้เห็น

    ความจริงที่มองไม่เห็นของชีวิต

    และเมตตาวิญญาณที่น่าสงสาร]


    เจริญธรรม

    ***เฒ่า-ถ่าน***


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๕๓(ปรินิพพาน)

    http://www.siamhahe.com/พระพุทธเจ้า-มหาศาสดาโลก-ep-53-5-กันยายน-2558/


    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆

    ความเดิมตอนที่แล้ว

    การเข้าสู่นิพพานของพระโมขลานะและพระสารีบุตร

    ๒อัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา

    ผู้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระธรรมของพระพุทธองค์

    ยังความเศร้าหมองและวิตกกังวล

    ในจิตใจของพระอานนท์และเหล่าภิกษุยิ่งนัก

    หากแต่พระพุทธองค์ยังทรงมีพระทัยตั้งมั่น

    ในอันที่จะชี้นำทางสว่างแก่มวลมนุษย์ต่อไป

    แต่กระนั้น

    เมื่อกาลล่วงเข้าสู่พระชนมายุ๘๐พรรษา

    พระพุทธองค์ก็ได้เสด็จไปเมืองไวสาลีเป็นครั้งสุดท้าย

    และทรงตัดสินพระทัยปลงอายุสังขารณ.ที่นั้น

    สร้างความเศร้าโศกแก่พระอานนท์ผู้เป็นพุทธอุปฐาก

    และหมู่สงฆ์ทั้งมวลยิ่งขึ้น

    เมื่อวาระสุดท้ายแห่งมหาศาสดาผู้ยิ่งใหญ่มาถึง

    พระองค์จะยังนำพามวลมนุษย์ให้ค้นพบแสงสว่าง

    แห่งการพ้นทุกข์ต่อไปเช่นใด...


    ★★★★★


    *****ชีวิตมีเคล็ดลับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    คือ"ขจัดความกลัว"ให้ได้

    อย่าไปกังวลเรื่องอนาคต

    หรืออย่าโศกเศร้ากับเรื่องอดีต

    หรืออย่ายึดติดกับคนที่กลัวอดีตของเรา มีความจริงของชีวิตอีกประการหนึ่งอชาติศัตรู

    หากว่าเรานั้นยึดติดกับคน

    หรือสิ่งของแล้วล่ะก็

    เราต้องเสียมันไปแน่นอน

    เมื่อไรที่เราหยุดยื่นมือเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อนั้นเราจะเป็นอิสระจากทุกอย่าง*****


    ★★★★★

    อชาติศัตรู:

    พุทธะ.เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าที่อีก๓เดือน

    ท่านจะเข้าสู่นิพพาน

    (พุทธะพยักหน้า)


    อชาติศัตรู:

    ท่านจะทิ้งเราไว้ในโลกมืดได้อย่างไร?

    ท่านเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว

    ได้โปรดอย่าทิ้งเราไปเลยพุทธะ

    พอคิดว่าท่านจะจากไปก็ทำให้ใจของข้าร้อนรน

    ถ้าท่านทิ้งเราไปจริงๆ

    เราจะอยู่กันยังไง?


    พุทธะ:

    อชาติศัตรู.

    คนที่ใช้ชีวิตอย่างฉลาดนั้นหนะ

    เขาย่อมที่จะไม่กลัวความตาย

    สังขารมันเน่าเปื่อยได้

    แต่เสียงของเรานั้นจะดังก้องอยู่ในใจของท่าน

    และคอยชี้ทางให้


    อชาติศัตรู:

    ได้โปรดพาข้าไปด้วยเถิดพุทธะ

    ทั้งชีวิตของข้า

    ข้าไม่เคยทำความดีเลย

    ให้โอกาสกับข้า

    ได้รับใช้ท่านแสวงการหลุดพ้นด้วย


    พุทธะ:

    อชาติศัตรู หากท่านไปกับเราด้วยแล้ว

    ชาวเมืองมคธของท่านจะเป็นอย่างไรกันเล่า?

    ท่านคือราชา

    ท่านจะหันหลังให้หน้าที่ของท่านได้อย่างไรกัน?

    ท่านต้องรับผิดชอบผู้คนมากมาย

    นั่นคือหน้าที่ของท่านอชาติศัตรู

    อย่าละทิ้งจากหน้าที่

    ข้าเคยบอกแล้วว่า:

    ราชานั้นถ้าปกครองอย่างดีงาม

    ชาวเมืองก็จะดีงามไปด้วย

    เมื่อท่านลืมตามันคือเช้าของวันใหม่

    ทำตัวให้เป็นเสียงดนตรี

    เมื่อเป็นเสียงดนตรีแล้ว

    ท่านจะเห็นหลักธรรมในตัวของท่าน

    แล้วจากนั้น

    ทั้งพราหมณ์ และเสนาอำมาตย์ทุกคน

    จะหวั่นไหวเพราะหลักธรรม

    พวกเขาจะถูกดูดกลืนเข้าไป

    และเมื่อพวกเขาเคร่งหลักธรรม

    ชาวเมืองทั้งหมดจะเคร่งหลักธรรมด้วย


    อชาติศัตรู:

    พุทธะ ข้าจะไม่ได้เห็นท่านอีกแล้ว

    ความกลัวกำลังรัดคอข้าพุทธะ


    พุทธะ:

    ชีวิตมีเคล็ดลับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    คือ"ขจัดความกลัว"ให้ได้

    อย่าไปกังวลเรื่องอนาคต

    หรืออย่าโศกเศร้ากับเรื่องอดีต

    หรืออย่ายึดติดกับคนที่กลัวอดีตของเรา

    มีความจริงของชีวิตอีกประการหนึ่งอชาติศัตรู

    หากว่าเรานั้นยึดติดกับคน

    หรือสิ่งของแล้วล่ะก็

    เราต้องเสียมันไปแน่นอน

    เมื่อไรที่เราหยุดยื่นมือเพื่อขอความช่วยเหลือ

    เมื่อนั้นเราจะเป็นอิสระจากทุกอย่าง


    อชาติศัตรู:

    พระองค์ ถึงแม้ท่านจะจากโลกนี้ไป

    แต่ท่านจะอยู่กับข้า

    จนวาระสุดท้ายของข้า

    เหมือนแสงแดดที่แผดเผาสำนึกของข้า

    แสงของท่านจะส่องทางให้ข้าเสมอ

    ★★★★★

    สังคหวัตถุ๔

    ***จงคบหาคนดีๆ

    คนที่ไม่ตั้งใจใช้ชีวิต

    พวกเจ้าไม่ควรเข้าใกล้

    พวกเขาจะพาเสียความตั้งใจไปด้วย จงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีรอบๆตัวของเจ้า

    ให้สะท้อนถึงจิตวิญญาณ

    เมื่อสำนึกของเจ้าสะอาดแล้ว

    ทุกการกระทำของเจ้าจะดี***


    จุนทะ:

    พวกเรานั้นช่างมีบุญที่ได้พบตัวจริงของท่าน

    การที่ท่านรับคำเชิญของข้านั้น

    เท่ากับท่านแสดงความเมตตาต่อเรา

    เราเป็นแค่ปุถุชนธรรมดา

    แต่ว่าท่านจะช่วยชี้ทางสู่ความดีงาม

    ให้แก่พวกเราได้หรือไม่?


    พุทธะ:

    จุนทะ. ชีวิตแต่งงานนั้นสำคัญคือต้องมีคุณภาพ

    ถ้าสามีภรรยานั้นมีสัมพันธ์ที่งดงาม

    ครอบครัวจะเจริญก้าวหน้า

    และความเจริญจะกระจายออกไปไกล

    ทำให้ทุกคนรอบข้างมีความสุข

    สามีและภรรยาต้องยืนหยัดไปด้วยกัน

    ต้องอยู่เหนือความสัมพันธ์ทางกาย

    และความหวงแหนในทรัพย์สินเงินทอง

    ภรรยา.

    ภรรยาถือเป็นส่วนหนึ่งของสามี

    ส่วนสามีควรที่จะเคารพภรรยาเสมอ

    และต้องให้เกียรตินาง

    สามีนั้น

    ไม่ควรจะทำให้ภรรยาของตนนั้นต้องอับอายต่อหน้าคนอื่น

    ส่วนภรรยานั้นต้องปฏิบัติตามหน้าที่

    สามีก็ต้องปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน

    เขาควรอยู่ห่างจากสิ่งไม่ดี

    เขาจะต้องคิดถึงภรรยาก่อนที่จะตัดสินใจการใหญ่ทุกครั้ง

    หน้าที่ของภรรยา

    คือรักสามีของนางเสมอ

    รักครอบครัวของสามีมาเป็นดุจดังครอบครัวของตัวเอง

    ต้องดูแลเอาใจใส่คนในครอบครัวของสามีเสมอ

    และให้ความเคารพแขกเหรื่อของสามี

    หากเจ้า๒คนเชื่อใจกัน

    เมื่อนั้นแล้วพวกเจ้า๒คน

    ก็จะเข้าถึงการหลุดพ้นพร้อมๆกัน


    ภรรยาจุนทะ:

    พระองค์โปรดชี้ทางให้เราด้วยเถิด

    ให้เราได้ใช้เดินไปบนทางที่ท่านสอน


    พุทธะ:

    จงคบหาคนดีๆ

    คนที่ไม่ตั้งใจใช้ชีวิต

    พวกเจ้าไม่ควรเข้าใกล้

    พวกเขาจะพาเสียความตั้งใจไปด้วย

    จงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีรอบๆตัวของเจ้า

    ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณ

    เมื่อสำนึกของเจ้าสะอาดแล้ว

    ทุกการกระทำของเจ้าจะดี

    ไม่ว่าจะทำอะไร?

    ไม่ว่าจะการงาน

    หรือทำกิจวัตรอะไร?

    จงเข้าใจมันเสียก่อน

    แล้วพยายามให้ดีที่สุด

    หากเจ้าทำอาหาร

    อย่าทำเหมือนเป็นงาน

    แต่จงคิดว่ามันคือโอกาส

    ที่ได้ดูแลตัวเอง

    ดูแลพ่อแม่ของสามี

    ดูแลลูกๆ

    และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเจ้า

    ด้วยจิตใจที่ดี

    อย่าเห็นแก่ตัว

    และอย่าอยู่กับแต่ตัวเองเท่านั้น

    จงแบ่งปันความสุข

    ความร่ำรวยและความมั่งมีของเจ้า

    ให้กับทุกๆคนด้วย

    จงอยู่ห่างจากการพนันและของมึนเมา

    จนทำตัวให้สุภาพอ่อนโยนและเรียบง่าย

    เมื่อไรที่มีเวลา

    จงเฝ้าดูภิกษุ

    และฝึกทำสมาธิไปด้วย

    มันจะช่วยคลายกังวลของเจ้าได้

    และเจ้าจะรู้สึกถึงความสงบในจิตใจ

    จำไว้ว่า

    ทุกเช้าตอนที่เจ้าลืมตา

    มันคือเช้าวันใหม่อีกครั้ง

    สิ่งสำคัญคือ

    เราต้องรู้ว่า:

    เรากำลังทำอะไรอยู่

    คนเรานั้น

    ลืมที่จะรู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆ

    คนเราควรจำไว้ว่า:

    สิ่งที่เรามีอยู่นั้น

    ต้นไม้ ดอกไม้ อากาศ น้ำ และท้องฟ้า

    เราไม่ได้เป็นเจ้าของมัน

    เพราะฉนั้น:เราควรที่จะขอบคุณสิ่งเหล่านี้

    รู้สึกขอบคุณสิ่งรอบตัวและใช้ชีวิตของตัวเอง

    และคิดว่าเราเรียนรู้บางอย่าง

    ไม่ใช่ไม่เรียนรู้เลย

    หากไม่เรียนรู้เลย

    เราจะรู้สึกหงุดหงิดไหม?

    หากเรารู้สึกหงุดหงิดแล้วล่ะก็

    เราหนะจะตายลงไหม?

    หากเรารู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆรอบตัว

    เราก็จะเบ่งบานเหมือนดอกไม้งามในโลกนี้


    จุนทะ:

    พุทธะ.เชิญท่านฉันอาหารเถิด.


    (ภรรยาจุนทะนำสุกรมัทวะ)

    ดูสิ.ท่านไม่ได้ถวายอาหารนี้ให้พุทธะ

    นำไปถวายให้พระองค์ด้วยสิ.


    จุนทะ:

    จริงด้วย

    ข้าลืมไป.

    ข้าจะไปถวายเขาเดี๋ยวนี้เลย


    ข้าลืมถวายอาหารนี้ให้กับท่านหนะ.

    (พุทธะนำมือปิดบาตร)


    เออ!

    ข้าได้สมุนไพรนี่ด้วยความบากบั่นที่ป่าไม้จันทร์โน่น

    ข้าทำให้ท่านด้วยความรัก

    โปรดรับเอาไว้ด้วยเถิด


    (พุทธะพยักหน้ารับ)

    หลังฉันแล้วตรัสกับจุนทะว่า:

    จุนทะ.

    เทอาหารที่เหลือนี้เทลงดินให้หมด

    อย่าเอามันไปให้ใครอีก.


    ★★★★★

    อานนท์:

    พุทธะ.ท่านเป็นอะไรไป.


    พุทธะ:

    อานนท์.เราจะพักที่นี่สักครู่

    อนุรุทธะ.เจ้าล่วงหน้ากันไปก่อนเถอะ

    ไปพร้อมกับภิกษุรูปอื่นๆ

    แล้วค่อยไปเจอกันที่ริมแม่น้ำหิรัญวดี

    อานนท์พาเราไปนั่งใต้ต้นไม้ที

    เราจะพักที่นี่กันสักครู่

    อานนท์.เรากระหายน้ำมาก

    รีบไปเอาน้ำมาเร็วเข้า


    (อานนท์วิ่งไปตักน้ำเห็นน้ำสกปรก)

    อานนท์:

    ข้าเอาน้ำสกปรกให้พุทธะดื่มไม่ได้

    พุทธะ.


    พุทธะ:

    อานนท์ได้มาไหม?

    เรากระหายเหลือเกิน


    อานนท์

    พุทธะ.น้ำมันสกปรกมาก

    ท่านไม่ควรจะดื่มนะ

    อย่างน้อยให้ถึงกูตาคารก่อน

    ที่นั่นน้าหวานเย็นชื่นใจ

    เดี๋ยวพอเราไปถึงที่นั่น

    ข้าจะเตรียมน้ำดื่มน้ำอาบให้


    พุทธะ:

    อานนท์.ตักน้ำใส่บาตรมาเร็วเข้า

    น้ำใสแล้ว

    เร็วเข้า


    อานนท์:

    ครับพุทธะ.

    (ตักน้ำ)

    หา.หา.เป็นไปได้ยังไง?

    พอเราจุ่มบาตรลงไปน้ำก็เกิดใสขึ้นมา


    พุทธะ.

    พุทธะ.ตอนแรกที่ข้าไปถึง

    น้ำในลำธารสกปรกมาก

    แต่พอข้ากลับไปอีกครั้ง

    ข้าจุ่มบาตรลงไป

    น้ำกลับสะอาดขึ้นมา

    มันเกิดปาฏิหารย์อะไรขึ้นหรือ?


    พุทธะ:

    เจ้าจงตั้งใจฟังให้ดีอานนท์.

    ข้าวที่จุนทะสาวกเราได้เชิญให้เราไปฉันนั้น

    คือมื้อสุดท้ายของเรา

    ผู้คนจะกล่าวหาเขา

    ว่าอาหารของเขานั้นทำไม่ดี

    เจ้าจงบอกพวกเขาว่า

    มีอาหารแค่๒มื้อในชีวิตที่เรานั้นไม่มีวันลืม

    มื้อแรก

    เราฉันก่อนที่จะตรัสรู้ได้ดวงตาเห็นธรรม

    มื้อที่๒

    เราฉันก่อนที่เราจะเข้าสู่นิพพาน

    จุนทะไม่ควรรู้สึกผิด

    เขาควรมีความสุขที่เป็นคนทำอาหารมื้อนั้นแก่เราในวันนี้

    อานนท์.เราจะต้องข้ามแม่น้ำหิรัญวดี

    ใกล้กับกูตาคารนั้น

    ในช่วงนี้ของปีมีดอกไม้งาม

    เบ่งบานอยู่บนต้น

    เป็นดอกไม้สีแดง

    สวยงามราวกับทับทิม

    เราอยากไปที่ประตูเมืองมัลละเร็วๆ

    เร็วเถอะอานนท์.

    เราช้ามากแล้ว.


    เจริญธรรม

    ***เฒ่า-ถ่าน***


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๕๓-๒(ปรินิพพาน) http://www.siamhahe.com/พระพุทธเจ้า-มหาศาสดาโลก-ep-53-5-กันยายน-2558/

    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆


    พุทธะ:

    อนุรุทธ ความรู้สึกดีงามคือตถาคตหมายความว่า:

    ทุกสิ่งเป็นอย่างที่เป็น

    นี่คือกฏพื้นฐานที่ทำให้ดอกบัวงอกงาม

    ตถาคตนั้นให้กำเนิดอนุรุทธ

    และให้กำเนิดทุกคน

    ให้กำเนิดอานนท์

    ให้กำเนิดจักรวาลทั้งหมด

    สิ่งที่เกิดขึ้นจากตถาคต

    และสิ่งที่ตถาคตกระจายอยู่

    เราเรียกมันว่าตถาคต

    ศาสนาไม่ได้เกิดจากสิ่งใด

    และไม่ได้หายไปไหน

    ศาสนายังอยู่เสมอและอยู่ตลอดไป


    อนุรุทธ:

    นับจากนี้ข้าและภิกษุทั้งหลายจะเรียกท่านว่า"ตถาคต"

    การเรียกท่านแบบนั้น

    เพื่อระลึกว่า:

    มีธาตุของตถาคตอยู่ในเรา


    พุทธะ:

    ถ้าหากว่าเราเกิดปวดหัว

    และยอมรับว่า:

    การปวดหัวเป็นส่วนหนึ่งของตถาคต

    ความปวดนั้นก็จะหายไป

    เหตุผลคือพลังครึ่งหนึ่งของเรา

    ต่อสู้อยู่กับความเจ็บปวด

    และอีกครึ่ง

    กำลังรักษาความเจ็บปวดอยู่

    พลังทั้ง๒ส่วนนั้น

    ทำร้ายใจของเรามากกว่าอาการปวดหัว

    หากเรานั้นได้ยอมรับความเจ็บปวดนั้น

    รอยแยกก็จะถูกเติมเต็ม

    และพลังทั้งหมดก็จะได้ช่วยรักษา

    ให้ความปวดนี้หายไป


    ภิกษุ:

    พุทธะท่านใช้ทั้งชีวิตชี้ทางให้เห็น

    ความจริงที่มองไม่เห็นของชีวิต

    และเมตตาวิญญาณที่น่าสงสาร

    (อนุรุธร้องไห้)

    เกิดอะไรขึ้นน่ะอนุรุธ

    เจ้าอดทนเป็นเลิศ

    แล้วทำไมถึงร้องไห้ได้ล่ะ


    อนุรุธ:

    ภิกษุทั้งหลาย...

    ข้าเพิ่งจะตระหนักได้ว่า:

    พุทธะจะเข้าสู่นิพพานคืนนี้

    พุทธะ:

    อานนท์.

    ศรีษะของเราควรจะหันไปทางทิศเหนือ

    เราจะนอนตะแคงขวา


    อานนท์:

    ครับพุทธะ.


    พุทธะ:

    ดูสิอานนท์.

    ฤดูใบไม้ผลิยังมาไม่ถึงเลย

    แต่พุ่มไม้เหล่านี้สั่นไหว

    สลัดดอกสีแดงของมันให้หล่นลงมามากมาย

    ดูสิ.ดอกไม้สีแดงพวกนี้หล่นลงบนตัวเรามากมาย

    เหมือนหยดน้ำฝนไม่มีผิด

    ป่าแห่งนี้ช่างงดงามนัก

    ตอนนี้.

    พระอาทิตย์นั้นกำลังลับตาทางทิศตะวันตก

    และส่องแสงสว่างกระจายไปทั่ว

    เจ้าได้ยินเสียงของดนตรี

    จากพุ่มไม้ที่สั่นไหวพวกนี้ไหม

    ใจของเรานั้นปีติกับภาพที่เห็นนี้ยิ่งนัก

    ภิกษุทั้งหลาย:

    หากพวกท่านทั้งหลายนั้น

    จะแสดงความเคารพและให้เกียรติเรา

    พวกท่านจงทำแต่กรรมดี

    และมีสมาธิทุกขณะจิต

    อนุรุทธ. อานนท์ล่ะเจ้าไปเรียกมาซิ

    อนุรุทธ:

    สงบใจเถอะอานนท์

    การที่เจ้าร้องไห้จะทำให้พุทธะทุกข์ใจ

    สงบใจซะ

    ไปเถอะ

    พุทธะเรียกหาเจ้า


    พุทธะ:

    อย่าเป็นทุกข์ไปเลยอานนท์

    เราเตือนเจ้าอยู่เสมอไม่ใช่หรือ

    ว่าทุกศาสนาเท่าเทียมกัน

    ชีวิตหนะคือหนทางสู่ความตาย

    ความสามัคคีเตือนเรื่องความแตกแยก

    กระแสน้ำที่สูงขึ้นย่อมลดต่ำลงได้เช่นกัน

    หากไม่มีการตายแล้วจะมีการเกิดได้อย่างไร?

    เจ้ารับใช้เราด้วยใจและวิญญาณ

    เราซาบซึ้งใจยิ่งนัก

    เจ้ามีคุณสมบัติหลายอย่าง

    แต่เจ้ายังมี

    มีมากกว่านี้ได้อีกเยอะเลยอานนท์

    จงหมั่นเพียร

    แล้วเจ้าจะอยู่เหนือสายใยแห่งชีวิตและความตาย

    เจ้าจะเข้าถึงการหลุดพ้นได้

    ลัคนามันขึ้นจากความเจ็บปวด

    เรารู้ดี เจ้าสามารถทำได้

    เราจะยินดีกับความพยายามของเจ้าอย่างแน่นอน

    อานนท์มีคุณสมบัติ๔ข้อ

    เขาพูดจานุ่มนวล

    เขายินดีกับสิ่งที่พึ่งได้เสมอ

    อานนท์มีความสุภาพต่อคนทุกคน

    และความเงียบของอานนท์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบ

    แม้แต่เราเอง

    อานนท์เจ้าเชื่อฟังเราเสมอ

    โดยไม่เคยซักถามอะไร

    หลังจากเราละสังขารแล้ว

    เจ้าต้องสานต่อหลายสิ่งที่เราทำไว้


    อานนท์:

    ตถาคต.โปรดอย่าละสังขารที่นี่เลย

    มีหมู่บ้านเล็กๆอยู่ใกล้ๆกับที่นี่

    มันเหมาะกับการนิพพานของท่านมากกว่าที่นี่นะ

    มีเมืองราชคฤห์

    หรือท่านจะชอบเมืองสาวัตถี

    โกสัมพี พาราณสี

    ขอท่านได้โปรดเลือกสถานที่

    ที่คนจำนวนมากมาหาท่านได้

    และมาพบท่านเป็นครั้งสุดท้าย


    พุทธะ:

    อานนท์.

    ตถาคตนั้นพบว่าเมืองกุสินาราน่าสนใจ

    หมู่บ้านเล็กๆที่ทำจากดินโคลน

    มีดอกไม้สีแดง

    ร่วงจากต้นร่วงลงใส่เรามากมาย

    เหมือนหยดน้ำ

    อานนท์.

    ดูสิว่ามันกำลังอาบน้ำให้เราก่อนจะละสังขาร

    อานนท์.

    จงช่วยเราอย่างหนึ่ง

    ไปที่กุสินาราแล้วไปแจ้งแก่พระเจ้ามัลละ

    ว่าพุทธะรอเขาอยู่ในป่านี้

    และบอกเขาว่า:

    ในคืนนี้ตอนยามสามพุทธะจะเข้าสู่ปรินิพพาน


    อานนท์:

    คืนนี้ตอนยามสามท่านจะนิพพานงั้นหรือ?


    พุทธะ:

    ใช่แล้วอานนท์

    ดังนั้นจงรีบไปแจ้งแก่เจ้าเมืองมัลละให้รู้


    อานนท์:

    แต่ถ้าข้าไปแล้ว


    พุทธะ:

    ไม่หรอกอานนท์.

    ต้องรอคืนนี้ยามสามก่อน

    เรามองเห็นอนาคต

    หลังจากเรานิพพานไปแล้วนั้น

    เจ้าเมืองมัลละต่างบอกว่า

    เราเข้าถึงการหลุดพ้นในป่าของเขา

    แต่ว่าเขากลับไม่รู้เรื่อง

    อานนท์:

    ตราบใดที่อานนท์ยังอยู่

    ประสงค์ของท่านจะเป็นจริง

    ข้าจะไปแจ้งแก่เจ้าเมืองมัลละเดี๋ยวนี้


    ★★★★★

    ***คนที่นอนไม่หลับนั้น

    สำหรับเขากลางคืนย่อมยาวนาน

    คนที่เหนื่อย

    สำหรับเขาจุดหมายย่อมอยู่ไกล

    คนที่ใช้ชีวิตอย่างมือบอดและไม่เข้าใจความดีงาม ชีวิตของเขาจะมีแต่ความทุกข์***


    พุทธะ:

    ★จำไว้ว่าเส้นทางของเรา

    ไม่ได้ทำให้พวกท่านทั้งหลายจะละทิ้งโลกนี้ไป

    เราไม่เชื่อในโชคชะตา

    ที่ไม่พึ่งพากรรม

    เราเชื่อในโชคชะตาที่มนุษย์นั้นเป็นผู้สร้างขึ้นมา

    และเขาต้องรับผลการกระทำของตน


    ★พวกเราทำให้โลกที่เคารพ

    เต็มไปด้วยความทุกข์

    ทั้งโลกทรมานกับความเศร้าและเจ็บปวด

    แต่ว่าโลกนี้ไม่ใช่ที่สำหรับความเจ็บปวดทรมาน

    ที่นี่สามารถเป็นที่พักของสาวกพุทธะ

    แต่การจะทำแบบนั้น

    เราต้องปลูกความรู้ให้กับทุกคน

    และนั่นก็คือหน้าที่ของพวกท่านทั้งหลาย


    ★ความไม่รู้สร้างความเจ็บปวด

    โศกเศร้าและมายา

    ความโกรธ

    ความโลภ

    ความอวดดี

    ความถือดี

    ความริษยา

    คือผลพวงของความไม่รู้

    มายาแสดงแต่เรื่องไม่ดี

    ล่อหลอกเรา

    แต่ชีวิตและความตายนั้น

    ไม่ต่างกัน

    เป็นสิ่งเดียวกัน

    เราต้องล้างภาพมายาออก

    เมื่อใดก็ตามที่ภาพมายาหายไป

    พวกเราจะสามารถใช้ชีวิตได้

    ยังเป็นปัจเจก

    โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด

    ศีลสมาธิและปัญญา

    การใช้หนทางความดับทุกข์หรือมรรค๘

    ช่วยให้กำจัดภาพมายาไปได้

    เราขอย้ำกับพวกท่านว่า:

    ด้วยการรู้ชอบ

    ด้วยการคิดชอบ

    ด้วยการเจรจาชอบ

    ด้วยการปฏิบัติชอบ

    ด้วยการเลี้ยงชีพชอบ

    ด้วยการเพียรชอบ

    ด้วยการมีสติชอบ

    และด้วยการมีสมาธิชอบ


    ★คนที่นอนไม่หลับนั้น

    สำหรับเขา

    กลางคืนย่อมยาวนาน

    คนที่เหนื่อย

    สำหรับเขา

    จุดหมายย่อมอยู่ไกล

    คนที่ใช้ชีวิตอย่างมืดบอด

    และไม่เข้าใจความดีงาม

    ชีวิตของเขาจะมีแต่ความทุกข์


    ★ความรู้ใดก็ตาม

    ไม่ว่าจะได้อ่านจากตำรา

    หรือถูกผู้มีปัญญาพร่ำสอนก็ตาม

    หรือแม้แต่สิ่งที่เราพูดให้ฟังก็ตาม

    จงอย่าเชื่ออะไรโดยง่าย

    จนกว่าจะทดสอบด้วยความรู้ของตัวเอง

    และปัญญาของตัวเองเสียก่อน


    ภิกษุ:

    พุทธะ แล้วถ้าเราได้พบท่านบนเส้นทางสู่ตรัสรู้ล่ะ


    พุทธะ:

    หากพวกท่านได้พบใครบนเส้นทางตรัสรู้

    อย่ายอมรับเขาอย่างง่ายดาย

    แม้พวกท่านเจอพบพุทธะระหว่างทาง

    ก็อย่าถูกเขาลวงตาได้

    ต่อให้พวกท่าน

    พบพ่อตัวเองระหว่างทาง

    ก็อย่าให้เขาเบี่ยงเบนท่านได้

    จงใช้ชีวิตของตนอย่างเป็นอิสระ

    อย่าได้ยึดติดกับผู้ใด


    ภิกษุ:

    ★ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

    ไม่มีใครกล้าหาญ

    ยิ่งใหญ่และเชื่อมั่นในตัวเอง

    เหมือนพุทธะของเราอีกแล้ว


    ★ท่านผู้มีพระเมตตา

    เข้ามาสู่ความคิดเรา

    และให้ความรู้อันเป็นนิรันด์


    ★เขาอธิบายถึงหนทางการดับทุกข์

    ได้อย่างเรียบง่าย


    ★เขาข้ามกำแพงแห่งเวลา

    และคิดถึงคนรุ่นต่อไปในอนาคต

    พวกเขาควรใช้ชีวิตยังไง?


    *****พุทธังสรณังคัจฉามิ*****

    เจริญธรรม

    ***เฒ่า-ถ่าน***


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๕๒-๒(ปรินิพพาน) http://www.likeseries.com/series-พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก-ตอน-52-

    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆


    ★★★★★

    อานนท์:

    วันนี้ท่านกลับมาช้ามาก


    พุทธะ:

    อานนท์.วันนี้เราได้พบกับต้นไม้ทุกต้นในป่า

    ข้าเห็นสารีบุตรในต้นไม้เหล่านั้นทุกต้น


    อานนท์:

    ท่านมองอะไรบนท้องฟ้างั๊นหรือ?


    พุทธะ:

    เรามองดูใบหน้า

    ที่หายไปตามธรรมชาติ

    คนที่ไม่อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว

    อานนท์เราจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว

    เราจะไปเมืองไวสาลี

    โดยผ่านไปยังป่าสาลีหัต


    อานนท์รำพัน:

    ทั้งที่เสียขาขวาและขาซ้ายไป

    แต่คงไม่มีใครเดินได้อย่างมั่นใจเหมือนท่านอีกแล้ว

    การเสียท่านโมคลานะและท่านสารีบุตร

    มันเจ็บปวดสำหรับเรา

    ข้าสงสัยว่า:ท่านจะพบเจอใครที่ดีมีเมตตา

    มีความรักมากกว่าเราอีก


    ★★★★★

    พุทธะ:

    เมืองไวศาลีช่างงดงามนัก

    แม้แต่วัดวายังส่องรัศมีเจิดจ้ามาถึง

    อานนท์.เราว่าจะพักที่ปาลเจดีย์นี้สักพัก


    อานนท์:

    เชิญท่านพักตรงนี้สักครู่เถิด

    ข้าจะไปบิณฑบาตร


    (ขณะออกบิณฑบาตร)

    อานนท์รู้สึกสงสัยและรำพึงว่า:

    ทำไมนกถึงได้เงียบนัก

    แล้วก็เกิดแผ่นดินไหว

    (อานนท์ตกใจวิ่งพร้อมอุทาน:)

    พุทธะขออย่าให้พุทธะเป็นอะไรเลย!

    พุทธะ.ข้าหวังว่าท่านจะปลอดภัย

    อยู่ๆนกก็หยุดร้องเจื้อยแจ้ว

    มีแต่ความเงียบเข้ามาปกคลุม

    แล้วก็จู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหว

    พุทธะ.มันคือลางหายนะของสิ่งใด?


    พุทธะ:

    อานนท์.เจ้ามานั่งข้างเราสิ

    อานนท์:

    บอกข้าสิตถาคต


    พุทธะ:

    อานนท์.เราตัดสินใจแล้ว

    อีก๓เดือนต่อจากนี้ไป

    เราจะเข้าสู่นิพพานแล้ว


    อานนท์ตกใจ:

    ตถาคตๆท่านพูดอะไรน่ะ?

    ข้าต้องหูฝาดไปแน่ๆ


    พุทธะ:

    อีก๓เดือนข้างหน้านี้

    เราจะเข้าสู่นิพพานแล้ว


    อานนท์:

    ทำไมตัดสินใจเยี่ยงนี้

    บอกสิว่ามันไม่จริง

    ท่านพูดเพื่อที่จะทดสอบข้าใช่ไหม?


    พุทธะ:

    มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาล้วนแล้วต้องตาย

    อานนท์เราคือพุทธะ

    แต่สังขารของเราก็เสื่อมลงทุกวัน

    เรามาถึงบั้นปลายของชีวิตแล้ว

    ในวัย๘๐ปีเราเห็นมามากมายหลายสิ่ง

    สิ่งที่เกิดขึ้นและแล้วก็ดับไป

    เราฝืนอนิจจังไม่ได้หรอก


    อานนท์:

    ตถาคต.ท่านจะไปจากโลกนี้ได้ยังไง?

    ท่านคือความเมตตา

    ท่านจะทิ้งพวกเราเหล่าภิกษุไปได้ยังไง?

    ได้โปรดเถิดตถาคต

    ได้โปรดเถิดท่าน

    โปรดเมตตาเราด้วย(ก้มลงสะอื้นอย่างแรงด้วยความเสียใจ)


    พุทธะ:

    อานนท์.จงมองหน้าเราสิ

    (พุทธะประคองมืออานนท์):

    เจ้าเชื่อใจในตัวตถาคตไหม?


    (อานนท์พยักหน้ารับด้วยความเศร้า)

    งั้นจงคิดว่า:

    การตัดสินใจของเราถูกต้องและก็ดีงาม

    อีก๓เดือนข้างหน้านี้

    เราจะละสังขารจากโลกนี้

    เช็ดน้ำตาเถิดอานนท์

    ตั้งสติให้ดี

    จากนี้เจ้ามีความรับผิดชอบใหญ่หลวงนัก

    อานนท์.เจ้าจงไปตามภิกษุทั้งหมด

    มายังที่กฏาคารด้วยเลย

    เราจะเทศนาเป็นครั้งสุดท้าย


    อานนท์:

    ข้าทำไม่ได้หรอกพุทธะ

    ข้าทำไม่ได้พุทธะ


    พุทธะ:

    ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

    คือการหนีจากความสามารถของตน

    เจ้าไม่รู้หรอกว่า:

    เจ้าทนอะไรได้บ้าง?


    อานนท์:

    ท่านจะจากเราไปจริงๆหรือ?


    พุทธะ:

    อานนท์.เจ้าเดินบนเส้นทางธรรมไม่ได้หรอกนะ

    หากเจ้าไม่เป็นเส้นทางซะเอง!


    ★★★★★

    อานนท์:

    วันี้ท่านยังแจกจ่ายของที่ได้มาอีกเหมือนเดิม


    พุทธะ:

    เห็นเด็กๆได้กินอาหาร

    เราก็รู้สึกหายหิว


    อานนท์:

    อาจารย์.ภิกษุ ภิกษุณีทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่ภูตาคารแล้ว

    ท่านจะไปเลยไหม?

    พุทธะพยักหน้า:

    ไวศาลีช่างสวยงามยิ่งนักอานนท์

    ข้ากำลังเห็นมันเป็นครั้งสุดท้าย

    อานนท์.

    เหมือนงูพิษที่จะต้องลอกคราบ

    กลายเป็นตัวใหม่

    เจ้าเองนั้นก็ต้องละทิ้งอดีตเอาไว้เช่นกัน

    หลังการให้โอวาทครั้งนี้แล้ว

    เราจะไปที่เมืองปาวา


    ★★★★★

    ณ.กูฏาคารป่ามหาวัน

    พุทธะระลึกถึงคำพูดที่พูดกับอาจารย์โกณฑัญะ:

    ทุกคนที่ต้องการเดินบนเส้นทางแห่งความดี

    ประตูโอกาสของเราเปิดรับพวกเขา

    ไม่ว่ามาจากวรรณะหรือชุมชนแบบไหน

    ไม่มีการแบ่งแยกทั้งนั้น

    เรากำลังไหลไปเหมือนสายน้ำในแม่น้ำใหญ่

    มีสายน้ำนับล้านมารวมตัวกันที่นี่


    พุทธะ:

    วันนี้เราได้เห็นแล้วว่า:

    น้ำทุกหยดไหลมารวมกันเป็นมหาสมุทร

    มีกรรมดีอยู่๓ประการ

    ที่ทุกคนควรยึดถือปฏิบัติคือ

    กรรมดีทางใจ

    กรรมดีทางวาจา

    และกรรมดีทางการประพฤติกาย

    ๓ข้อนี้คือมนตรา

    ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าโลกมนุษย์ไปตลอดกาล

    จงให้ความเมตตากับทุกคน

    ไม่ว่าจนหรือว่ารวย

    ทุกคนล้วนมีความเจ็บปวด

    เพียงแต่จะมากหรือว่าน้อยต่างกัน

    ภิกษุและภิกษุณีทั้งหลาย:

    สิ่งที่เราสอนพวกท่านจนถึงวันนี้นั้น

    จงตั้งใจศึกษาจากมัน

    และเรียนรู้จากมัน

    จงร่ำเรียนอย่างต่อเนื่อง

    จงทดสอบกับตัวเองก่อน

    จากนั้นค่อยแจกจ่ายให้เพื่อนมนุษย์

    วันนี้พวกท่านทุกคน

    มีความรับผิดชอบอันสูงสุด

    ที่จะต้อง

    เผยแผ่ความรู้

    เผยแผ่ความจริงอันสูงสุดให้แก่ทุกคน

    จงอย่าเชื่อสิ่งใดง่ายๆ

    แม้แต่คำพูดของเราเอง

    จนกว่าจะได้พิสูจน์แล้วด้วยปัญญาและเหตุผลของตัวเอง

    ภิกษุและภิกษุณีทั้งหลาย:

    ศาสนาคือการแตกดับ

    มันเกิดขึ้นมาและหายไปหลังความตาย

    จงมานะเพื่อไปถึงการหลุดพ้น

    อีก๓เดือนหลังจากนี้

    เราจะเข้าสู่ปรินิพพาน

    "พุทธังสรณังคัจฉามิ"

    "ธัมมังสรณังคัจฉามิ"

    "สังฆังสรณังคัจฉามิ"

    ★★★★★

    (พุทธะได้ยินเสียงที่ท่านอานนท์พูดคุยกัยอนุรุทธะ)


    อานนท์:

    อนุรุทธะ.ทุกครั้งที่เราออกไปขอทาน

    เราต้องได้ยินคำพูดที่ต่อต้านพุทธะ


    อนุรุทธะ:

    พุทธะมีชีวิตอยู่อย่างผ่าเผยดังช้างศาล

    ใครที่พยายามทำลายชื่อเสียงของเขา

    ต้องมีอันเสื่อมลงทุกที

    ท่านจำคำตอบที่ให้แก่พราหมณ์แห่งไวศาลีได้ไหม?


    (พุทธะระลึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น)


    พราหมณ์๑:

    ท่านพูดจาสับสนแล้ว

    ท่านเชื่อเรื่องเกิดใหม่

    แต่ไม่เชื่อว่ามีวิญญาณอยู่จริง

    ถ้าไม่มีวิญญาณแล้วจะกลับมาเกิดใหม่ได้ยังไง?


    พุทธะ:

    ท่านพูดถูกแล้ว

    แต่ว่าเรานั้นไม่ได้สับสน

    ไม่มีวิญญาณก็สามารถเกิดใหม่ได้

    พราหมณ์:

    ยังไง!


    พุทธะ:

    ท่านเคยเห็นผลมะม่วงไหม?

    หากเราเอาเมล็ดของมันมาฝังดินรดน้ำ

    มันจะเติบโตเป็นมะม่วงเอง

    มีผลมะม่วงออกมากมาย

    มันคือการเกิดใหม่ของมะม่วง


    พราหมณ์๒:

    ท่านมีความคิดแง่ลบพุทธะ

    ความจริงข้อแรกของท่านคือมีความทุกข์อยู่ทุกที่

    โลกมีแต่ความทุกข์

    การเกิดและตายคือความทุกข์

    ชีวิตนี้มีแต่ความทุกข์

    มันคือการคิดในแง่ลบใช่ไหม?


    พุทธะ:

    ท่านพูดถูกแล้ว

    แต่ว่าหลังจากความจริงข้อแรก

    เราพูดถึงความจริงข้อหลัง

    คือหนทางของการดับทุกข์

    เมื่อจะพูดถึงหนทางการดับทุกข์

    เราจึงพูดถึงความทุกข์ก่อน

    หนทางที่บอกว่าจะชนะความทุกข์ได้ยังไงนั้น

    มันจะเป็นเรื่องแง่ลบได้หรือ?


    ชาวบ้าน:

    ท่านมาเพื่อทำลายโลก

    ทำให้คนหนุ่มบวชพระ


    พุทธะ:

    เราไม่ได้ทำลายโลก

    เราบอกให้ทุกคนละทิ้งความสุขจอมปลอมทางโลก

    และเดินหน้าสู่แหล่งกำเนิดชีวิต

    มันต้องใช้พลังอย่างมากบนเส้นทางนี้

    มีแต่มหาบุรุษถึงจะเดินได้

    ในโลกอันกว้างใหญ่

    มือทั้ง๒อุ้มบาตรเอาไว้

    และมีสติอยู่ทุกชั่วขณะจิต

    มันก็ไม่ต่างจากการเดินบนคมดาบ

    มนุษย์ที่ยังไม่ตื่นนั้น

    มีความเป็นไปได้ว่า:

    เขาจะทำให้ครอบครัวสูงส่งขึ้น

    แต่ว่า:

    ก็มีโอกาสสร้างความสูญเสียเช่นกัน

    เช่นเดียวกับภิกษุที่ถือว่า:

    โลกทั้งใบคือครอบครัว

    ภิกษุที่ตื่นแล้วนั้น

    จะยกโลกใบนี้ให้สูงขึ้น


    ชาวบ้าน:

    มันก็จริงนะ


    ปุโรหิต:

    การไม่ใช้ความรุนแรงแบบที่ท่านพูด

    ทำให้ทหารมากมายออกบวชไปเป็นพระ

    พวกเขารักษาความถูกต้องแต่กลายเป็นว่า

    มีความผิด


    พุทธะ:

    ถูกต้องแล้ว

    แต่ว่า:ไม่ใช้ความรุนแรงคือการเปลี่ยนแปลง

    ความรุนแรงไม่อาจหยุดความรุนแรงได้

    ความรุนแรงนั้นหยุดได้ด้วยความเมตตา

    นี่คือกฏของธรรมชาติที่เปลี่ยนไม่ได้

    มนุษย์ทุกคนล้วนกลัวความตาย

    หากพวกเราเห็นความรู้สึกนี้ในใจของทุกคน

    เราจะหยุดความรุนแรงได้โดยปริยายในที่สุด.


    ★★★★★

    อานนท์:

    ตถาคตรู้ไหมว่าข้ากำลังนึกถึงอะไรอยู่?

    (พุทธะส่ายหน้า)

    ครั้งหนึ่งที่ท่านมาให้โอวาท

    แต่ท่านเอาแต่นิ่งเงียบ

    ไม่พูดอะไรสักคำ

    ท่านเพียงแค่

    เด็ดดอกบัวมาจากสระแล้วเอาให้ภิกษุดู

    แถมรากของบัวนั้นยังเปื้อนโคลนอยู่เลย

    มันถูกเรียกว่าสุตะปาสูตร

    พวกเราไม่เข้าใจแต่มหากัสสปะเขากลับเข้าใจ


    พุทธะ:

    บางสิ่งที่กล่าวด้วยคำพูดได้

    เราได้พูดไปหมดแล้ว

    บางสิ่งที่กล่าวเป็นคำพูดไม่ได้

    เราได้ส่งต่อให้มหากัสสปะ


    อานนท์.หากความอัศจรรย์ของดอกไม้บาน

    สามารถเห็นได้ดวงตาของจิตในสมาธิ

    จากนั้นชีวิตของเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไป


    อานนท์:

    ข้ายังไม่เข้าใจ


    พุทธะ:

    ดอกบัวดอกนั้นน่ะ

    เริ่มการเดินทางของมัน

    ตั้งแต่ตอนอยู่ใต้น้ำ

    มันเบ่งบานและโตมากขึ้น

    จนมันโผล่พ้นจากน้ำ

    เพื่อเป็นปัจเจกเช่นเดียวกับ

    ที่เราพ้นจากโลกใบนี้

    เพื่อบรรลุความจริงอันสูงสุด

    อานนท์.เราอยากจะไปยังเมืองปาวา

    แต่ว่าจุนทะสาวกของเรา

    เชิญให้เราไปกินอาหารเที่ยงที่บ้าน

    เราต้องตอบรับน้ำใจของเขาก่อนไป


    เจริญธรรม

    ***เฒ่า-ถ่าน***


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก


    ตอนที่๕

    http://www.9dek.com/ดูละครย้อนหลัง/พระพุทธเจ้า21มีค58.html

    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆

    ***อ.โกณฑัญญะสอนเจ้าชาย:

    หน้าที่ของพราหมณ์คือ

    ชี้ทางที่ถูกต้องแก่สังคม

    คล้ายกับหน้าที่ของกษัตริย์จึงต้องปกป้องสังคม และกษัตริย์จะไม่สมบูรณ์หากขาดอาวุธ

    อาวุธคือเครื่องป้องกันของเรา.***


    ★★★★★

    กูรี:ท่านสอนให้ข้าเดินบนทางแห่งความจริง

    ข้าไม่ได้ทำผิด

    แต่ความไว้ใจที่ท่านมีให้กับข้าคนนี้

    ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวัง...


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    ความจริงจะปรากฏเมื่อถึงเวลา

    สักวันหนึ่งคนทำผิดจะต้องรับโทษ

    (ประคองกูรีลุกขึ้น)***


    ★★★★★

    (ห่านบาดเจ็บจากการยิงของเทวทัต)

    เทวทัต:

    เห็นไหมสิทธัตถะว่าข้าล่าห่านที่บินอยู่ได้

    เอามานี่

    ข้าจะไปอวดราชาอมิโตธนะ

    เจ้าไม่ได้ยินหรือ?

    ข้าเป็นคนจับมันได้นะ


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    ข้าช่วยมันเอาไว้

    มันเป็นของข้า.


    เทวทัต:

    เจ้ากำลังดูหมิ่นพี่ชายเจ้านะ

    สิทธัตถะ.


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    ข้ากำลังทำหน้าที่ของข้าท่านพี่


    เทวทัต:

    การล่าสัตว์เป็นคุณสมบัติของกษัตริย์


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    การปกป้องก็เป็นหน้าที่ของกษัตริย์


    เทวทัต:

    ข้าจะไปขึ้นศาลเดี๋ยวนี้

    ไปร้องเรียนต่ออำมาตย์


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    ได้.ไปเถอะ.

    ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอคำสั่งของฝ่าบาทตรงนี้.

    ★★★★★

    (ในศาลการตัดสินว่าห่านจะเป็นของใคร)

    เทวทัต:

    ใต้เท้าข้ายิงห่านตกลงมา

    ห่านต้องเป็นของข้า.


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    ใต้เท้า.

    ข้าช่วยห่านตอนมันบาดเจ็บ

    ข้าปกป้องมัน

    มันต้องอยู่กับข้า.


    สุทโธทนะ:

    ข้าต้องตัดสินว่าห่านควรจะเป็นของใคร?

    คนที่ล่ามันจะได้ไป

    หรือว่า:

    คนที่ช่วยมันไว้จะได้ไป


    พระทัณฑปนี:

    การล่าสัตว์เป็นคุณสมบัติและธรรมชาติของกษัตริย์


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    หน้าที่ของกษัตริย์คือ

    ปกป้องผู้อ่อนแอฝ่าบาท


    พระทัณฑปนี:

    เจ้าเห็นไหมว่าลูกธนูเทวทัตทำห่านบาดเจ็บใช่หรือไม่?

    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    แต่มันอยู่การคุ้มครองของข้า

    ท่านยอมรับเรื่องนี้หรือไม่!


    เทวทัต:

    ข้าสงสัยว่าเจ้าใช่กษัตริย์หรือเปล่า?


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    ข้าก็สงสัยว่าเจ้ามีความเป็นคนไหม?

    เมื่อเจ้าทำคนบาดเจ็บ

    มันสร้างความเจ็บปวด

    แต่การปกป้องช่วยเพิ่มความรัก

    ในโลกนี้ควรมีความรัก

    หรือความเจ็บปวดล่ะ!

    เมฆทุกก้อนไม่ได้ทำให้ฝนตก

    ที่นาไม่ได้ให้ผลผลิตเหมือนกันทุกปี

    แต่ละนิ้วของคนเรายังไม่เหมือนกัน

    การล่าสัตว์ย่อมไม่ใช่คุณสมบัติของกษัตริย์ทุกคน

    กษัตริย์ที่แท้จริงคือผู้ปกป้อง

    อาจารย์ของข้าสอนไว้

    ปกป้องศาสนาคือหน้าที่ของกษัตริย์

    ปกป้องสิ่งมีชีวิตคือหน้าที่อันยิ่งใหญ่


    สุทโธทนะ:

    พวกเขาคือลูกหลานของข้า

    กูรูวชัสบดีท่านช่วยตัดสินที


    กูรูวชัสบดี:

    ฝ่าบาท.

    คนหนึ่งมีคุณสมบัติความเป็นกษัตริย์

    อีกคนทำหน้าที่กษัตริย์

    ข้าเองก็มิอาจตัดสินได้

    มีแต่ห่านตัวนี้เท่านั้นที่ตัดสินได้.

    (อุ้มห่านมาวางตรงกลางแล้วให้ห่านเป็นผู้เลือกด้วยว่าเดินเข้าหาใคร?)

    ห่านเดินเข้าหาเจ้าชายสิทธัตถะน้อย.


    ★★★★★

    เจ้าหญิงยโสธราน้อย:

    (รับของฝากจากเจ้าชายน้อย):

    นี่อะไร?น่ะ


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    ผืนป่าไง!


    เทวทัต:

    มันคือเมล็ดพันธ์

    นี่หรือของขวัญของเจ้า!


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    อาจารย์สอนข้าว่า:

    มีความฝันมากมายในแววตาของทุกคน

    มีทะเลอยู่ในน้ำตา

    มีหัวใจกล้าในทุกคมดาบ

    เหมือนกับที่ในผืนป่ามีทุกเมล็ดพันธ์

    ทั้งเมืองเทวทหะจะได้มีดอกไม้เต็มไปหมดยังไงล่ะ!

    เจ้าหญิงยโสธราน้อย:

    ข้าจะคิดถึงเจ้า.


    เจ้าชายสิทธัตถะน้อย:

    การคิดถึงนำไปสู่ความรัก

    โลกนี้ควรมีความรักมากขึ้น

    อาจารย์ของข้าสอนไว้


    เจริญธรรม


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ... “นางเจียงชิง : กับแก๊งสี่คน, พาเยาวชนจีนลงเหว ประเทศจีนแตกแยก เกิดกลียุค”
    ... “นางเจียงชิง” นักการเมืองหญิงแก้มอ้วนที่คิดว่าตัวเองหัวก้าวหน้าฉลาดกว่าใครในแผ่นดิน เป็นหนึ่งในสมาชิกของ “แก๊งสี่คน” ที่ทำให้ประเทศจีนเกิดบาดแผลลึกและถอยหลังเข้าคลอง
    ... “เจียง ชิง” เกิดเมื่อ 19 มีนาคม 1914 และเสียชีวิตเมื่อ 14 พฤษภาคม 1991 เดิมทีเป็นนักแสดงหญิง ใช้ชื่อในการแสดงว่า หลาน ผิง มีบทบาทสำคัญทางการเมืองในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมระหว่าง 1966–1976 ฐานะที่เป็นภริยาคนที่สี่ของเหมา เจ๋อตง ผู้เป็นประธานกรรมการกลางพรรคสังคมนิยมจีน และผู้นำสูงสุด ของประเทศจีน
    ... เธอออกจากอาชีพนักแสดงเมื่อ 1938 ในวัย 24 ปี เพื่อสมรสกับเหมาเจ๋อตง ในเดือนพฤศจิกายน ปีนั้น จึงได้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนแรกของประเทศ เธอมีบทบาทสำคัญมากในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม และในการสร้างพันธมิตรทางการเมืองหัวรุนแรงที่เรียกว่า "กลุ่มสี่คน" หรือ "แก๊งออฟโฟร์" (Gang of Four)
    ... เมื่อสมรสกับเหมา เจ๋อตง แล้ว ช่วงแรกเธอทำหน้าที่เป็นเลขานุการส่วนของเขาในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1940 และเป็น “หัวหน้ากองภาพยนตร์ในกรมประชาสัมพันธ์” ของพรรคสังคมนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 ( นางจึงเก่งเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ ) เธอยังเป็นตัวแทนคนสำคัญของเหมา เจ๋อตง ในช่วงต้น “ปฏิวัติวัฒนธรรม” ต่อมาใน 1966 เธอได้เป็นรองหัวหน้ากลุ่มปฏิวัติวัฒนธรรมส่วนกลาง ของพรรคสังคมนิยม แล้วร่วมมือกับ "นายพลหลิน เปียว" ส่งเสริมคตินิยมของเหมา เจ๋อตง และช่วยกันโหมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับบารมีของเหมา เจ๋อตง ( เหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยบางแห่ง อวยอาจารย์เก่าแก่เป็นรัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ ) เธอมีอิทธิพลมากในวงราชการช่วงที่การปฏิวัติวัฒนธรรมมาถึงขีดสุด โดยเฉพาะในด้านศิลปวัฒนธรรมใหม่ของคอมมิวนิสต์
    ... “การปฏิวัติทางวัฒนธรรมใหญ่ของกรรมาชีพ” ( Great Proletarian Cultural Revolution) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “การปฏิวัติวัฒนธรรม” ( Cultural Revolution) เป็นขบวนการทางสังคม-การเมืองซึ่งเกิดขึ้นในจีนใหญ่ตั้งแต่ปี 1966 ถึง 1976โดย “เหมาเจ๋อตง” ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน คือ เพื่อบังคับใช้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในประเทศ “โดยการขจัดองค์ประกอบที่เป็นทุนนิยม ประเพณีและวัฒนธรรมจีน” ออกจาก “วัฒนธรรมคอมมิวนิสต์” และเพื่อกำหนดแนวทางแบบใหม่โดยเหมาภายในพรรค การปฏิวัติดังกล่าวส่งผลให้เหมาเจ๋อตงกลับมามีอำนาจอีกครั้งหลัง “การก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้า” หรือ Great Leap Forward ระหว่างปี 1958 – 1962 ที่ล้มเหลวมาก่อนหน้า ( เหมาเจ๋อตุง นั้น หลังจากชนะสงครามการทหารต่อเจียงไคเช็คอย่างยิ่งใหญ่ในปี 1949 แล้ว แต่บทบาท “การบริหารประเทศจีนยามสงบ” ไม่เคยสำเร็จแบบยิ่งใหญ่เลย รัฐบาลประเทศในย่านอาเซี่ยนต้องลองดูตัวเองเช่นกัน )
    ... “การปฏิวัติวัฒนธรรม” เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 1966 “เหมาเจ๋อตุง” อ้างว่ากระฎุมพีกำลังแทรกซึมรัฐบาลและสังคมอย่างไม่มีขอบเขต โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูทุนนิยม เขายืนกรานให้ขจัด "ลัทธิแก้" (revisionist) เหล่านี้ผ่านการต่อสู้ของชนชั้นอย่างรุนแรง “เยาวชนจีน” สนองตอบการเรียกร้องของเหมาโดยตั้ง “กลุ่มเรดการ์ด” ขึ้นทั่วประเทศ ขบวนการดังกล่าวแพร่ไปสู่ทหาร กรรมกรในเมือง และผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เอง
    … ต้นทศวรรษ 1960 “เรื่องเริ่มจากเกิดเกมการเมืองภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน” ฐานะของ “เหมาเจ๋อตุง” ในพรรคคอมมิวนิสต์ถูกลดบทบาทลง เขาจึงได้เริ่มรุกกลับในปี 1962 เพื่อ “ปกป้องพรรค” จากในสิ่งที่เขาเชื่อว่าการคืบคลานเข้ามาของ “ทุนนิยม” และการต่อต้านสังคมนิยมกำลังเป็นภัยต่อประเทศ ในฐานะนักปฏิวัติที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจากสถานการณ์อันเลวร้าย เหมาเชื่อว่า “ระบบการให้รางวัลแก่ชาวนา” ตามแนวทางปรับปรุงและฟื้นฟูของ “เติ้งเสี่ยวผิง” กระทำลงไปเป็นวิธีการฉ้อราษฏร์บังหลวงและต่อต้านการปฏิวัติ
    ... โดยคำขวัญของเหมาเจ๋อตุงและแก๊งสี่คนในการล้างสมองคนในประเทศ โดยเฉพาะเด็กเยาวชนคือ “โค่นล้มพวกลัทธิทุนนิยม และวิพากษ์ศิลปวัฒนธรรมที่แบ่งแยกชนชั้น”
    ... การต่อสู้ทางความคิดในพรรคนำไปสู่การกวาดล้างพวกที่ถูกเรียกว่า “พวกปฏิปักษ์ปฏิวัติ” หรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดสุดโต่งของเหมา ซึ่งมีตัวแทนคือ “หลิวส้าวฉี กับเติ้งเสี่ยวผิง” เหมากล่าวว่า “ขณะนี้ เพียงมีเนื้อหมูสามกิโลกับบุหรี่ไม่กี่ซอง ก็สามารถทำให้คนขายอุดมการณ์ได้แล้ว จึงมีเพียงการศึกษาแนวทางลัทธิสังคมนิยมเท่านั้น ที่จะยับยั้งลัทธิแก้ได้”
    ... โดยต่อมาการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นไปอย่างแพร่หลาย ผู้นำสังคมในยุคนั้นปลูกฝังประชาชนให้ให้ยึดมั่นอย่างเคร่งครัด ใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง โดยมีหน่วยงานสนับสนุนที่สำคัญ คือ “พวกกองทัพพิทักษ์แดง” ( เรดการ์ด Red Guard) หรือก็คือ “เยาวชนที่ผลิตโดยคอมมูนผ่านการเลี้ยงดูและล้างสมอง” นั่นเอง... ( ในไทยเราปี 2562 นี้ ก็มี กองทัพแดงของพรรคการเมืองอายุน้อยพวกหนึ่งกำลังเฟื่องฟูตามรอยการปฏิวัติวัฒนธรรมอันล้าสมัยของเหมาเช่นกัน ... ไม่เอาการไหว้ผู้อาวุโส ไม่เอาไ่หว้ครู ไม่เอาร้องเพลงชาติ ไม่เอาศาสนา ใครไม่เห็นด้วยตามไปโจมตีเพจ ในสงครามไซเบอร์ )
    ... นอกจาก “การหลอกใช้เยาวชนเรดการ์ด” แล้ว กลุ่มนี้ยังหลอกใช้ ทหารด้วย โดยได้การร่วมมืออย่างดีจาก “นายพลหลินเปียว”
    ... การปฏิวัติส่งผลให้ “เกิดการแตกแยกและต่อสู้” กว้างขวางในทุกย่างก้าวของชีวิตคนจีน และในหมู่ผู้นำระดับสูง การปฏิวัตินำไปสู่ “การกวาดล้าง” ข้าราชการอาวุโสที่ถูกกล่าวหาว่าเดิน "ถนนทุนนิยม" คือ ประธานาธิบดีหลิวส้าวฉีและเติ้งเสี่ยวผิง พร้อมด้วยจอมพล หลิวป๋อเฉิง จอมพล เฉินอี้ จอมพล เย่เจี้ยนอิงและจอมพล เผิงเต๋อฮว้าย ... ( แนวความคิดนี้แพร่ขยายไปสู่เขมรแดง รัฐบริวารของจีนในกัมพูชาด้วยในตอนหลัง ทำให้เขมรแดงกวาดล้างชนชั้นกระฎุมพีทั้งเชื้อสายจีนและเวียตนามมากมาย )
    ... ในเวลาเดียวกัน “ลัทธิมากซ์” ของประธานเหมา เติบโตขึ้นเป็นอันมาก “กลุ่มกรรมกร” ใช้สัญลักษณ์ค้อนกดขี่ข่มเหง “ชาวนาและกลุ่มเกษตรกรรมอื่นๆ” เกิดการแตกแยก รอยร้าว การต่อสู้ฆ่ากันเองมากมายในหมู่คนจีน
    … “ผลของการปฏิวัติวัฒนธรรม”
    ... คือ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่แสดงถึงวัฒนธรรมของจีนมาตั้งแต่โบราณต้องถูกทำลาย เช่น โครงกระดูกมนุษย์โบราณ หลุมฝังศพ ป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ หนังสือที่เขียนขึ้นไม่ใช่ลัทธิของประธานเหมา เครื่องดนตรีโบราณ ศาสนสถาน พระราชวัง กำแพงเมืองจีน รูปปั้นบุคคลที่ประกอบคุณงามความดี งานศิลปะอันประมาณค่ามิได้ต่าง ๆ และทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันระหว่างครอบครัว เพื่อนบ้าน เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าใครจะเป็นผู้แจ้งให้ทางการรู้เกี่ยวกับละเมิดกฎการปฏิวัติวัฒนธรรม
    ... ประชากรจีนจำนวนหลายล้านคนถูกเบียดเบียนเอาเปรียบข่มเหง ในการต่อสู้อย่างรุนแรง ระหว่างกลุ่มลัทธิแก้ และกลุ่มปลดปล่อยประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศ อันทำให้เกิดการละเมิดหลายรูปแบบ รวมถึง “การประจานคนอื่นที่เห็นและปฏิบัติต่างกับพวกตนในที่สาธารณะ การกักขังตามชาวบ้านตามอำเภอใจ การทรมาน การก่อกวนอยู่เนือง ๆ และการยึดทรัพย์สินของชาวบ้าน” หลายภาคส่วนถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน “ส่วนวัตถุมงคลและสิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์จีนถูกทำลาย สถานที่ทางวัฒนธรรมและศาสนาถูกปล้นพร้อมกับทำให้เสียหาย” แม้แต่พระสงฆ์ แม่ชีและนักบวชก็ไม่เว้น พวกที่มีญาติอยู่ต่างประเทศก็โดนข้อหา “มีความสัมพันธ์กับต่างประเทศ” หลายคนทนรับเหตุการณ์ไม่ได้ก็ถูกทรมานให้ฆ่าตัวตาย
    … หลายแห่งประชาชนเดือดร้อนหนัก จนถึงขั้นได้นำไปสู่การพยายามแยกตัวออกจากการปกครองของจีน เช่นในเขตของชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยในหลายส่วน เช่น Shadian Town, Gejiu , Honghe Hani และ Yi , Yunnan
    ... ในส่วนของผู้นำในพรรคคอมมิวนิสต์เองก็ใช่ว่าจะได้รับการยกเว้น “เติ้งเสี่ยวผิง กับหลิวส้าวฉี” (ตอนหลังตายในที่คุมขัง) ถูกปลด จอมพล เผิงเต๋อหวาย กับเฮ่อหลง ถูกทรมานจนเสียชีวิตแล้ว ต่อมาวันที่ 22 สิงหาคม 1966ประธานเหมา ประกาศ “ห้ามตำรวจขัดขวางขบวนการเคลื่อนไหวปฏิวัติของนิสิตนักศึกษา” และ “อ้างถึงพลังบริสุทธิ์ของวัยหนุ่มสาว” ในช่วงเวลาดังกล่าวเรียกว่า “แดงสยอง” เฉพาะในปักกิ่ง มีคนถูกฆ่าตายถึง 1,700 คน และทั่วประเทศมีคนถูกบีบบังคับทรมานทางจิตใจอย่างรุนแรงให้ฆ่าตัวตายเอง เพื่อพ้นจากความเจ็บปวดถึง 2 แสนคน จากนั้นวันที่ 5 กันยายน ทางพรรคคอมมิวนิสต์ประกาศสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับนักศึกษาและอาจารย์สถาบันการศึกษาที่จะเข้ามาเคลื่อนไหวในปักกิ่ง โดย นายกรัฐมนตรี โจวเอินไหล กระทั่งวันที่ 9 ตุลาคม หลินเปียวกล่าวหา เติ้งเสี่ยวผิง กับ หลิวส้าวฉี เป็นตัวแทนของทุนนิยม ... ( การล้างสมองและหลอกใช้นักเรียนนักศึกษา เยาวชนคนอายุน้อยที่ไฟร้อนแรง “เรดการ์ด” มาเป็นเครื่องมือให้เหมาเจ๋อตุง และ แก๊งสี่คนกลับมามีอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์อีกครั้ง )
    ... ( ศาสนาพุทธ อิสลาม ต่างก็เดือดร้อนจากเรื่องนี้ จากแนวคิดนโยบายของคนที่คิดว่าตัวเองหัวก้าวหน้า ฉลาดกว่าคนอื่น ในไทยเราก็มี ไม่เอาการร้องเพลงชาติ ไม่เอาการไหว้ครู ไม่เอาประเพณีเก่าแก่ของประเทศ เรื่องเหล่านี้ ไม่ได้เพิ่งมีกับ “นักการเมืองอายุน้อย” พรรคอนาคตไหม้ ของไทย แต่มีมานานแล้ว )
    ... จนตอนหลังอำนาจของเรื่องนี้ไปอยู่ในมือของ “แก๊งสี่คน” หมดแบบเบ็ดเสร็จ แต่นโยบายของพวกเขาก็ไม่เคยสำเร็จ ถูกต่อต้านและเกิดสงครามกลางเมือง การขัดแย้งไปทั่วประเทศ สุดท้าย ประธานเหมาก็ประกาศให้ “การปฏิวัติทางวัฒนธรรมสิ้นสุดลง” อย่างเป็นทางการในปี 1969 แต่ยังมีผลดำเนินไปกระทั่ง หลินเปียว ตายในปี 1971, หลังเหมาถึงแก่อสัญกรรมในปี 1976 ไม่มีใครเอาบารมีมาคุ้มหัว จึงมีการจับกุมแก๊งออฟโฟร์ในปี 1976 ทำให้คณะปฏิรูปการปกครอง นำโดย “เติ้งเสี่ยวผิง” ยุติการปฏิวัติของเหมาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติทางวัฒนธรรมอย่างเด็ดขาด ( เหมาเจ๋อตุง ล้มเหลวในการบริหารประเทศในยามสงบอีกครั้ง )
    ... ก่อน “เหมา เจ๋อตง” เสียชีวิตใน 1976 “แก๊งสี่คน” ของ “นางเจียงชิง” มีอำนาจมาก ควบคุมสถาบันการเมืองหลายแห่งของจีน รวมถึงหน่วยงานสื่อและประชาสัมพันธ์ แต่เธอมักผิดใจกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคสังคมนิยมเวลาที่อ้างว่าตนเองได้รับความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะภริยาของเหมา เจ๋อตง ครั้นเหมา เจ๋อตง สิ้นใจแล้ว ความรุ่งเรืองทางการเมืองของเธอก็สิ้นสุดตามไปด้วย ผู้สืบทอดตำแหน่งของเหมา เจ๋อตง คือ "หฺวา กั๋วเฟิง" สั่งจับกุมเธอไปไต่สวนเหตุที่สร้างความเสื่อมเสียมากมายแก่ประเทศอันเนื่องมาจาก “การปฏิวัติวัฒนธรรม” เดิมที เธอถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่มีการลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตใน 1983 และเมื่อเธอได้รับการปล่อยออกจากคุกไปรักษาพยาบาล เธอก็แขวนคอตายในห้องน้ำของโรงพยาบาลเมื่อเดือนพฤษภาคม 1991
    ... และเรื่องราวการ “การปฏิวัติวัฒนธรรมจีน” นั้น ได้ให้บทเรียนราคาแพงแก่คนจีนและชาวโลกว่า “อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น อย่าคิดว่าวิธีการของกลุ่มตัวเองดีเลิศกว่าคนอื่น จนไม่ฟังคนอื่น ไม่ศึกษาอดีตให้รอบคอบก่อนการกระทำอะไร จนพาให้ประเทศเกิดกลียุค สังคมแตกแยก เกิดการรบราฆ่าฟันไปทั่วประเทศ บ้านเมืองหยุดการพัฒนาเจริญเติบโต และเป็นบาดแผลลึกของประวัติศาสตร์ของชาติ”
    .
    .
    https://th.wikipedia.org/wiki/เจียง_ชิง
    https://th.wikipedia.org/wiki/การปฏิวัติทางวัฒนธรรม
    .https://en.wikipedia.org/wiki/Gang_of_Four
    .
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระแสลมมรณะ ไมโครเบิร์สต์
    Posted on มิถุนายน 22, 2012by Mr.Vop
    ไมโครเบิร์สต์ (Microburst) เป็นกระแสลมที่มีลักษณะพุ่งลงในแนงดิ่ง จากฐานเมฆสู่พื้นดินด้วยความเร็วมหาศาล บางครั้งอาจถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนจะกระจายออกไปในทุกทิศทาง มีขอบเขตการทำลายล้างราว 4 กิโลเมตร (หากกว้างกว่า 4 กิโลกเมตร จะเปลี่ยนชื่อเป็น มาโครเบิร์สต์ (Macroburst)

    microburstnasa.jpg รูปลมไมโครเบิร์สต์ จากนาซา และวิกิพีเดีย

    ลมไมโครเบิร์สต์ (Microburst) สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือแบบลมแห้ง และแบบมีหยาดน้ำฟ้าด้วย หรือแบบเปียก โดยมีช่วงชีวิต 3 ช่วง คือ downburst, outburst และ cushion กระแสลมมไมโครเบิร์สต์ มีพลังสูงมาก ในช่วง downburst หรือช่วงพุ่งลงพื้นสามารถทำให้เครื่องบินตกมามากมายหลายลำแล้วจากบันทึกต่างๆ และในช่วง outburst หรือช่วงที่กระแสลมกระจายออกข้างๆ จะมีพลังทำลายวัตถุบนพื้นตั้งแต่การพัดเอาตู้คอนเทนเนอร์หนักหลายตันให้ปลิวไป หรือถอนต้นไม้ขนาดหลายคนโอบให้หลุดออกมาได้

    ncar-microburst-photo.jpg

    https://mrvop.wordpress.com/2012/06/22/microburst/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๗(อารมณ์เทวทัตผู้แพ้ต่อสิทธัตถะ)

    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    เทวทัต:
    สิทธัตถะๆ.ถ้าเจ้าอยากประกาศว่าตัวเองเก่งที่สุด
    ทำไมต้องแสร้งว่าไม่ชอบความรุนแรง
    เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าข้าเหี้ยมโหดหรือ?
    ถ้าเจ้าบอกข้าก่อน
    ข้าจะยิงลูกปัดไม่ใช่ยิงนก
    แต่น้องชายข้ากลับไม่ให้โอกาสข้า
    เจ้าหลอกข้าแบบนี้ทำไม?
    ใช่สิ!
    เจ้ามันไม่ชอบความรุนแรง
    อย่าลืมนะว่าสิทธัตถะ.
    ว่าข้างในลึกๆแล้ว
    เจ้าชอบความรุนแรง
    เจ้า"ฆ่าอารมณ์"ของคนอื่น
    เจ้าเป็นฆาตรกร
    อย่าลืมนะสิทธัตถะ.
    ว่าเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ของข้า
    และสุดท้ายเจ้าต้องสู้กับข้า
    การทดสอบครั้งนี้จะพิสูจน์ว่า:
    ใครกันแน่คือยอดนักรบของกบิลพัสดิ์ ฮึ้ย!

    ★★★
    สุทโธทนะ:
    เจ้าไม่ชอบความรุนแรงมันทำให้ข้าท้อใจ
    ฆ่านกไม่ได้แล้วจะฆ่าศัตรูในสงครามได้อย่างไร?
    คนอ่อนแอที่พูดเรื่องไม่ใช้ความรุนแรง
    ไม่ใช่กษัตริย์
    และเจ้าคือกษัตริย์
    เจ้าต้องเดินตามหลักของกษัตริย์
    เจ้าคือพระราชาคนต่อไปของศากยะ
    เจ้าไม่รู้หรอกว่า:
    ต้องทำศึกเท่าไหร่เพื่อช่วยพวกพ้อง

    สิทธัตถะ:
    นานแค่ไหน?
    กษัตริย์ต้องต่อสู้กันเองอีกนานแค่ไหนกันอะ...

    สุทโธทนะ:
    มันคือหน้าที่ของกษัตริย์ที่ต้องปกป้องเมือง

    สิทธัตถะ:
    เราปกป้องบ้านเมืองได้ด้วยสงครามเท่านั้นหรือ
    การหารือระหว่างเมืองก็แก้ปัญหาได้นะ

    สุทโธทนะ:
    กษัตริย์ต้องไม่พูดเหมือนคนขลาด

    สิทธัตถะ:
    มนุษย์ที่เข่นฆ่ากันเองจะเรียกว่ากล้าหาญตรงไหน?
    สุดท้ายแล้วใครจะเป็นใหญ่กันล่ะ!

    สุทโธทนะ:
    คนที่ถือดาบจะเป็นคนที่เป็นใหญ่ที่สุด.
    และข้าก็อยากเห็นดาบในสองมือของเจ้า
    ข้าอยากจะเห็นเจ้าเป็นยอดแห่งจักรพรรดิ
    อย่าลืมว่าเจ้าคือรัชทายาทของศากยะ
    ถ้าจะมีมนุษย์คนใด
    ที่รอดมาจากมหาอุทกภัย
    ก็จะต้องเป็น
    สิทธัตถะของข้า
    จำไว้.

    ★★★
    (สิทธัตถะไม่ขอต่อสู้กับเทวทัต)
    สิทธัตถะ:
    ท่านอาจารย์ข้าทำร้ายท่านพี่ไม่ได้หรอก.

    โกณฑัญญะ:
    เจ้าต้องบุกเขาสิทธัตถะ
    นี่ไม่ใช่สงครามแต่เป็นการทดสอบ
    สิทธัตถะ.
    เจ้าน่ะต้องเลือกเอาสักทางหนึ่ง
    เจ้าต้องบุกเขาซะ
    หรือไม่เจ้าก็ลืมอาจารย์โกณฑัญญะของเจ้าไปซะ
    ข้าไม่ใช่อาจารย์เจ้า
    และเจ้ามิใช่ลูกศิษย์ของข้า
    ถ้าเจ้าชนะการทดสอบไม่ได้
    การสอนของข้าก็เสียเปล่า
    แม้แต่นกและสัตว์ยังยอมรับคำท้าทาย
    และพร้อมที่จะสู้เมื่อถึงคราวจำเป็น
    ส่วนเจ้าเป็นมนุษย์
    อย่าลืมว่า:
    ทุกคนล้วนเกิดเป็นทาสของการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น
    ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมัน

    สิทธัตถะ:
    แต่ท่านพี่น่ะ

    โกณฑัญญะ:
    เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอกสิทธัตถะ
    ทำหน้าที่ของเจ้าก็พอ
    จำไว้ว่า:
    เมฆมีค่าเท่ากับเม็ดฝน
    ต้นไม้มีค่าเท่ากับผลไม้
    ดาบมีค่าเท่ากับความคมของมัน
    เหมือนกับที่ค่าของกษัตริย์
    ขึ้นอยู่กับความเป็นนักรบ
    สิทธัตถะ.
    ข้าไปก่อนล่ะ
    ถ้าเจ้าอยากจะหยุดข้า
    เจ้าต้อง"สู้"

    เจริญธรรม

     

แชร์หน้านี้

Loading...