ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Emergency management Associates

    แผ่นดินไหว ขนาด M 4.9 - ภูมิภาคฟิจิ

    2019-06-14 14:54:22 (ตามเวลาประเทศไทย) 17.923 ° S 178.073 ° W ความลึก 511.0 กม.

    IMG_2951.JPG

    M 4.9 - Fiji region

    2019-06-14 07:54:22 (UTC)17.923°S 178.073°W 511.0 km depth


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พระสงฆ์ฉันเพลในมุ้ง เมนูเด็ด แกงเห็ด-หน่อไม้ เพราะหนีแมลงวัน-ยุง
    14 มิถุนายน 2562

    %E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%AD-12-696x382.jpg

    แม่ครัววัดไทยสามัคคีประกอบอาหารเมนูเด็ด ให้สามเณรและพระภิกษุสงฆ์ฉันอาหารเพล พร้อมกางมุ้งให้พระ หลังจากแมลงวันและยุงบุกวัด Image3-2-800x450.jpg

    เมื่อเวลา 11:00 น.วันที่ 14 มิถุนายน 2562 ที่วัดไทยสามัคคี หมู่ที่ 9 ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จ.ตาก นางสุพรรณ ปันสีคำ อายุ 63 ปี และ นางจันตา วงศ์คำมูล อายุ 69 ปี แม่ครัววัดไทยสามัคคีได้ประกอบอาหารเมนูเด็ด เช่น แกงหน่อไม้ แกงเห็ดโคน น้ำพริก น้ำปู ให้พระฉันอาหารเพล พร้อมกางมุ้งให้สามเณรและพระภิกษุสงฆ์ หลังจากมีแมลงวันและยุงเป็นจำนวนมากบินเข้ามาก่อกวนวัด เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกและอหิวาตกโรค Image4-2-800x450.jpg

    นางสุพรรณ กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนจะมีแมลงวันและยุงบินเข้ามาภายในวัดเป็นจำนวนมาก ทางแม่ครัววัดไทยสามัคคี จึงช่วยกันกางมุ้งให้สามเณรและพระภิกษุสงฆ์ในเวลาฉันอาหารเพล เพื่อป้องกันโรคอหิวาตกโรค และโรคไข้เลือดออกที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่วนอาหารวันนี้ประกอบอาหารเมนูเด็ด เช่นแกงหน่อไม้ แกงเห็ดโคน น้ำพริก น้ำปู เป็นอาหารพื้นเมืองโดยส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกผักปลอดสารพิษ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์และสามเณรมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงปราศจากสารพิษ Image5-2-800x450.jpg Image6-1-800x450.jpg Image7-800x450.jpg Image8-800x450.jpg

    https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1027390
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ★《จุดเปลี่ยนแห่งโชคชะตา》★
    ตอนที่๒๘(เจ้าชายปลงผมที่แม่น้ำอโนมา
    และพบอ.อาฬารดาบสครั้งแรก)

    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว
    เมื่อความจริงทั้งมวลของชีวิตมนุษย์
    นำมาสู่ที่สุดแห่งความทุกข์
    และความสงสัยในจิตใจของเจ้าชายสิทธัตถะ
    จนไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป
    จุดเปลี่ยนแห่งโชคชะตา
    ของว่าที่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศากยะจึงมาถึง
    เมื่อพระองค์ตัดสินพระทัย
    สละทิ้งซึ่งราชสมบัติ
    และความสุขอันเพียบพร้อมทั้งมวล
    ในราชวังกรุงกบิลพัสดิ์
    รวมถึงพระชายาและพระโอรสที่รักยิ่ง
    หนีออกจากพระราชวังสู่ริมแม่น้ำอโนมา
    พร้อมกับฉันนะสารถีคนสนิท
    และกัณฐกะม้าคู่ใจ
    เพื่อทรงผนวช
    ละซึ่งวรรณะกษัตริย์
    ข้ามสู่เพศบรรพชิต
    และออกค้นหาคำตอบ
    ให้แก่คำถามมากมายที่ติดค้างอยู่ในพระทัย
    และเพื่อแสวงหาหนทางหลุดพ้น
    จากวัฏฏะสงสารให้แก่มวลมนุษย์
    พระองค์จะดำเนินบนเส้นทางที่เลือกนี้
    ต่อไปเช่นไร...
    ★★★★★
    (เจ้าชายสิทธัตถะฝากฉันนะนำห่อสัมภาระมอบให้พระเจ้าสุทโธทนะ)
    สิทธัตถะ:
    ข้ารู้ว่าฝ่าบาทรักข้ามาก
    เจ้าจงไปปลอบเขา
    และบอกว่าข้าจะรีบกลับไป
    เมื่อข้าพบคำตอบแล้ว
    ข้าต้องการจะขจัดความเศร้าให้หมดไป

    ฉันนะ:
    เจ้าชาย!
    การพลัดพรากจะไม่ทำร้ายเขาหรือ?
    แล้วข้าจะปลอบเขายังไง?
    ข้าเองก็ยังหยุดร้องไห้ไม่ได้เลย
    แล้วถ้าพระมเหสีถามว่า:
    ฉันนะ!ทำไมเจ้ากลับมาคนเดียว
    แล้วข้าจะบอกนางยังไง?

    สิทธัตถะ:
    ก็บอกไปว่า:
    การพลัดพรากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ยังไงล่ะ!
    อย่าโศกเศร้าเลยฉันนะ.
    ข้าต้องใช้ชีวิตแบบนักบวช
    ข้าอยากที่จะประสบกับความโศกเศร้า
    รู้จักกับมันอย่างใกล้ชิด
    ข้าถึงได้ละทิ้งความรื่นเริงของชีวิต
    เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอกนะ
    กลับไปกบิลพัสดิ์ซะ
    แล้วก็บอกสิ่งที่ข้าบอกกับทุกคนด้วย.

    ฉันนะ:
    เจ้าชาย.ข้าไปกับท่านด้วยไม่ได้หรือ?

    สิทธัตถะ:
    นักบวชไม่มีคนรับใช้หรอกฉันนะ.

    ฉันนะ:
    แต่พวกเขามีลูกศิษย์

    สิทธัตถะ:
    แต่ข้าไม่ใช่กูรู
    เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าเห็นแจ้งแล้ว
    ข้าจะเรียกหาเจ้าแน่
    เจ้ากลับไปซะเถิด
    นี่คือคำสั่งสุดท้าย
    ฉันนะ.ฝากดูแลกัณฑกะแทนข้าด้วยนะ
    ให้หญ้ามันกินทุกวันด้วยล่ะ
    รีบไปเถอะ.
    พวกเจ้าจะต้องเดินทางอีกตั้งไกลเชียวนะ
    เดินทางโดยสวัสดิภาพล่ะ

    ★★★★★
    (ฉันนะนำข้อความที่เจ้าชาย
    ฝากบอกถึงพระเจ้าสุทโธทนะว่า:
    ข้าจะรีบกลับไปเมื่อได้คำตอบแล้ว)
    บอกฝ่าบาทด้วย:

    สุทโธทนะ:
    หา.บอกว่าอะไร?

    เจ้าชาย:
    สงครามไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหา...

    ฝากบอกท่านแม่ด้วยว่า:

    ท่านแม่:
    ว่ายังไง?
    ข้าไม่เคยเจอแม่ที่ให้กำเนิด
    แต่ท่านมีความหมายมากกว่านั้น
    ข้าเป็นหนี้บุญคุณข้าวทุกคำที่ท่านป้อน

    และฝากบอกท่านอามังคลาว่า:
    บัลลังก์จะต้องมีผู้ครอบครอง
    แต่ไม่ใช่สิทธัตถะ
    มันจะเป็นของพี่เทวทัต
    (มังคลา:เขารู้ก็ดีแล้ว)

    ฝากบอกพี่เทวทัตด้วยว่า:
    ทุกครั้งที่ท่านผลักข้าด้วยความเกลียด
    มันทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น
    และข้ารู้ว่า:
    ท่านน่ะรักข้าพี่เทวทัต
    และฝากบอกโคบาว่า:
    ข้าจะเป็นหนี้นางตลอดไป
    ที่นางเข้าใจทุกข์ของข้าเหมือนของตัวเอง
    ภรรยาทุกคนดูแลความต้องการ
    และความปรารถนาของสามี
    แต่มีภรรยาน้อยคนนัก
    ที่จะเข้าใจในความทุกข์ของสามี
    เจ้ารู้ว่า:
    ข้าจะต้องไปแต่เจ้าก็ไม่ขัดขวางข้า
    หากว่าข้าทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ
    มนุษย์ทุกคนจะเป็นหนี้ความเสียสละของเจ้า
    โคบา!

    สุทโธทนะ:
    โคบา.ถ้าเจ้ารู้ทำไมไม่บอกข้า
    ข้าจะได้อ้อนวอนเขา
    ข้าจะเกลี้ยกล่อมเขา
    ข้าจะทำตามเขาบอก
    แต่จะไม่ให้เขาไปโคบา.
    ข้าจะต้องห้ามเขา.

    โคบา:
    ข้าขอโทษจริงๆท่านพ่อ.
    ตั้งแต่เขากลับมาและเห็นทุกคนบาดเจ็บ
    เขาก็ละทิ้งทุกอย่าง
    เขารู้ความลับของเมืองใหม่
    ใจคอเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
    มีแต่คำถาม
    จมอยู่กับความคิด
    กลางคืนก็ไม่หลับไม่นอน
    เขาเอาแต่จ้องราหุล
    บางครั้งเขาจะลุกขึ้นปุบปับ
    แล้วก็นั่งสมาธิ
    เขาไม่อาจทนความเจ็บปวดได้
    และข้า
    ข้าเห็นเขา
    ข้าเห็นเขาเจ็บปวดไม่ได้.

    สุทโธทนะ:
    เจ้าทำอะไรลงไปลูกพ่อ.
    เจ้าทำอะไรลงไป
    เจ้านำความทุกข์ของทุกคน
    แล้วหายเข้าไปในป่า
    แต่เราจะทำยังไงกับความทุกข์จากการที่เสียเจ้าไป
    ทำยังไง?

    ★★★★★
    มุนี:
    เจ้าเป็นใคร?

    สิทธัตถะ:
    ข้าชื่อสิทธัตถะ.
    ข้ามาจากกรุงกบิลพัสดิ์

    มุนี:
    แล้วเจ้า.
    มาทำอะไรในป่า

    สิทธัตถะ:.
    ข้าละทิ้งบ้านมา

    มุนี:
    เจ้าจะทำได้นานแค่ไหน?

    สิทธัตถะ:
    จนกว่าข้าจะรู้จริงเห็นแจ้ง
    จนกว่าข้าจะตอบคำถามได้ทุกอย่าง.

    มุนี.
    ทำไม! เจ้าไม่อ่านพระคัมภีร์หรือ?

    สิทธัตถะ:
    ข้าอ่านแล้ว
    แต่มันเหมือนการโกหก

    มุนี:
    ทำไมหรือ?

    สิทธัตถะ:
    เพราะว่า: มันมีทางแก้แต่ไม่มีเหตุผล
    มันมีคำถามแต่ไม่มีคำตอบ

    มุนี:
    เจ้าอยากจะไปที่ไหน?

    สิทธัตถะ:
    อาศรมของอาฬารดาบส
    ได้ยินว่าอาศรมเขาอยู่ทางตอนเหนือของไวศาลี
    เขามีลูกศิษย์มากมาย
    ท่านรู้ไหมว่าอาศรมเขาไปทางไหน?

    มุนี:
    ข้าต้องรู้สิ.เขาเป็นอาจารย์ของข้า.

    สิทธัตถะ:
    จริงหรือ!
    งั้นท่านพาข้าไปได้ไหม?

    มุนี:
    ได้อย่างแน่นอน

    สิทธัตถะ:
    งั้นไปกันเถิด
    ข้าอยากพบเขาเดี๋ยวนี้เลย.

    มุนี:
    อดทนสิ!
    อาจารย์บอกข้าว่า:
    ความกระวนกระวายคือจุดอ่อนของหัวใจ
    ความอดทนคือชัยชนะครึ่งหนึ่ง
    และอีกครึ่งหนึ่งคือบุคคลิกของเจ้า
    มาเถอะ.

    ★★★★★
    (สุทโธทนะระลึกถึงเจ้าชายน้อย
    ***ท่านให้ข้าใส่เครื่องประดับมากมายจนข้าเล่นไม่ถนัดอะ
    ***ปกป้องคนอ่อนแอคือความรับผิดชอบของนักรบ
    ***ฟังข้าให้ดีนะสิทธัตถะข้าอยากจะเห็นเจ้าจับดาบแบบนักรบ
    -ข้าแบกภาระนี้ไม่ได้
    ***สงครามไม่ได้ให้อะไรใครเลย
    ***ไม่ว่าท่านจะพยายามแค่ไหน
    แต่ลูกชายท่านจะต้องเป็นนักบวช
    -ไม่ว่าดวงดาวจะบอกอะไร?
    แต่เขาจะต้องเป็นนักรบ
    เขาจะต้องจับดาบ
    ***คนจับดาบชนะได้แค่แผ่นดิน
    แต่ลูกชายท่านจะชนะหัวใจ
    สงครามเปลี่ยนได้แค่ดินแดน
    แต่ลูกชายท่านจะเปลี่ยนยุคสมัย
    -ถ้าเป็นประสงค์ของพระเจ้า
    ข้าก็จะสู้กับพระองค์
    ข้าจะให้เขาอยู่อย่างสุขกายสบายใจ
    จนความคิดเรื่องละทางโลกไม่อยู่ในใจของเขา
    ***ตราบใดที่ยโสธราอยู่
    สิทธัตถะไม่มีวันเป็นนักบวช
    คำทำนายของอสิตมุนีนั้น
    จะต้องล้มเหลว
    ***เขาไปแล้ว.
    เขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว
    เขาบอกว่าจะไม่กลับมาถ้าหากยังไม่รู้คำตอบของทุกอย่าง.
    ***ข้าราชาแห่งแคว้นศากยะ
    พระเจ้าสุทโธทนะพ่ายแพ้แล้ว
    มหามายาข้าคนนี้แพ้แล้ว
    อสิตมุนีคือผู้ชนะ
    "ลูกชายท่านจะกลายเป็นมุนี"
    เจ้าชายสิทธัตถะกลายเป็นมุนี55555
    ดูสิทุกคนหัวเราะเยาะข้า
    ทั่วทั้งชมพูทวีปต่างหัวเราะเยาะ
    พระเจ้าสุทโธทนะเป็นราชาแห่งศากยะ
    แต่ลูกชายกลับเป็นนักบวช55555
    ***ไปแล้วเขาไม่กลับมาอีกแล้ว
    (คว้ามีดจะฆ่าตัวตาย)
    ***คนที่พ่ายแพ้ไม่มีสิทธิ์มีชีวิตต่อไป

    ปชาบดี:
    ท่านจะทำอะไรน่ะท่านพี่

    สุทโธทนะ:
    ปล่อยข้าปชาบดี
    ข้าจะจ่ายความพ่ายแพ้
    ข้าอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้
    ข้ายอมรับความตาย.

    ปชาบดี:
    ท่านลงโทษตัวเอง
    หรือว่าลงโทษทุกคนกันแน่
    ท่านคิดบ้างไหม
    ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    ข้า ยโสธราและราหุลจะทำยังไง
    อะไรจะเกิดขึ้นกับศากยะเมื่อไร้ท่านน่ะ
    ทุกอย่างต้องจบสิ้นลง
    ทั้งอาณาจักร
    ทั้งครอบครัว

    สุทโธทนะ:
    คำทำนายของท่านอสิตมุนีชนะข้า

    ปชาบดี:
    ท่านพี่.
    อสิตมุนีแค่พูดถึงชะตากรรมของสิทธัตถะเท่านั้น
    ไม่มีใครสามารถขัดขืนดวงชะตาได้
    หน้าที่ของเราคือพยายามอย่างเต็มที่
    และเราทำแล้ว
    ทำไมท่านไม่ยอมรับว่า:
    สิทธัตถะก็ต่อสู้เช่นเดียวกัน
    ไม่ใช่ในสนามรบ
    แต่เป็นในใจของเขา
    ไม่ใช่กับศัตรู
    แต่เป็นความรู้สึก
    เขาจากไปพร้อมคำถาม
    เขาไม่ต้องการรู้ทางแก้
    แต่อยากรู้เหตุผล
    วันที่เขากลับมา
    และมาเห็นท่าน
    เขาจะไม่โทษตัวเองหรือ?
    ทำไมเราต้องเพิ่มความทุกข์ให้เขาอีกล่ะ
    สิทธัตถะจะทำดีเพื่อโลกใบนี้
    เราควรยอมรับ
    และก็รอคอยเขา
    และบอกว่า:
    ลูกชายที่จากไปในกลางดึก
    กลับมาอย่างแสงสว่างของดวงอาทิตย์
    มั่นใจในตัวเองเถิดท่านพี่.
    และสัญญากับข้า
    ว่าท่านจะไม่คิดทำอะไรแบบนี้อีกเด็ดขาด.

    ★★★★★
    มุนี:
    สหาย.
    ดูเหมือนว่าเจ้าน่ะ.จะไม่เคยเดินเท้าเปล่านะ
    แล้วเจ้าไม่มีความรู้ว่ามีอะไรอยู่ในป่าบ้าง

    สิทธัตถะ:
    ข้าเดินเส้นทางนี้แล้ว
    ข้าก็จะคุ้นเคยกับมันเอง

    ★★★★★
    (เจ้าชายสิทธัตถะพบท่านอาฬารดาบสครั้งแรก)
    มุนี:
    คารวะท่านอาจารย์
    ท่านอาจารย์.
    นี่คือสิทธัตถะ.
    เขาละทิ้งบ้านมาเพราะต้องการความรู้จากท่าน
    เขาอยากที่จะเป็นลูกศิษย์ของท่าน
    เขาเดินทางผ่านป่ามากอันตรายจากเมืองกบิลพัสดิ์
    เราพบกันระหว่างทาง

    สิทธัตถะ:
    คารวะท่านอาจารย์

    อาฬารดาบส:
    เจ้าขอได้ไหม?

    สิทธัตถะ:
    นั่นคือเหตุผลที่ข้ามาที่นี่

    อาฬารดาบส:
    ข้าไม่ได้หมายถึงความรู้หรอก
    เจ้าขออาหารได้ไหมล่ะ!

    สิทธัตถะ:
    ข้าละทิ้งทุกอย่างระหว่างทาง
    ข้าจะขอทั้งความรู้และอาหารด้วย

    อาฬารดาบส:
    อืม!ถึงเวลาขออาหารแล้ว
    เจ้าจงพาเขาไปสิ.

    สิทธัตถะ:
    ท่านอาจารย์เขาไม่ยอมรับข้าเป็นศิษย์
    มุนี:
    อดทนก่อนสหายอดทน
    เจ้าจะต้องขอทานจากชาวบ้านเท่าที่ชามนี้จะรับได้

    สิทธัตถะ:
    แล้วข้าจะต้องทำยังไง?

    มุนียกชามทูนหน้าผาก:
    โอม.ภควตีให้ทานด้วยเถิด
    ทำแบบนี้.

    สิทธัตถะ:
    โอม.ภควตีให้ทานด้วยเถิด .
    เจริญพรเถอะ.

    มุนี:
    ทำไมเจ้าทำหน้าประหลาดใจ

    สิทธัตถะ:
    ข้าแปลกใจตอนที่ข้ายกมือให้พร

    มุนี:
    มันเป็นเรื่องธรรมดา
    เมื่อมีคนนับถือเจ้า
    ใจของเจ้าเองนั้น
    ย่อมอยากที่จะให้พรแก่พวกเขา
    มาเถอะ.
    สิทธัตถะ:
    โอมภควตีให้ทานด้วยเถิด.
    เจริญพร.

    สาวใช้:
    ข้าว่าข้าเคยเห็นท่าน
    ท่านก็คือเจ้าชายสิทธัตถะโคตมะแห่งกบิลพัสดิ์
    ใช่ไหม?

    มุนี:
    เจ้าชายสิทธัตถะโคตมะแห่งศากยะหรือ?

    สาวใช้:
    ข้าเคยไปร่วมงานอภิเษกของท่านพร้อมกับอัมราปาลี
    แต่ทำไมท่านถึงมาขอทานล่ะ
    เข้าไปกินอาหารข้างในเถอะ.
    ถ้าอัมราปาลีรู้เข้า
    นางต้องโกรธข้าแน่ๆเลย.

    สิทธัตถะ:
    แม่นางข้าไม่ใช่เจ้าชาย
    ข้าคือนักบวช
    การเข้าไปกินอาหารข้างในนั้นมันไม่ถูกต้อง
    ข้าขอตัวก่อน
    ถึงเวลาต้องกลับอาศรมแล้ว

    เจริญธรรม

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ★《จุดเปลี่ยนแห่งโชคชะตา》★
    ตอนที่๒๙(ศึกษากับอาจารย์อฬารดาบส)
    http://9poto.com/ละครย้อนหลัง/พระพุทธเจ้า-มหาศาสดาโลก/ตอน29
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว...
    ข่าวการเสด็จออกผนวชของเจ้าชายสิทธัตถะ
    สร้างความเศร้าเสียใจแก่ทุกคนในกรุงกบิลพัสดิ์ยิ่งนัก
    โดยเฉพาะพระเจ้าสุทโธทนะ
    ผู้เพียรพยายามทำทุกอย่างเพื่อป้องกัน
    มิให้พระราชโอรสต้องกลายเป็นนักบวช
    แต่ในที่สุดพระองค์ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำทำนายของอสิตมุนี
    ขณะที่โชคชะตาก็ได้นำพาเจ้าชายสิทธัตถะ
    ที่เพิ่งข้ามจากวรรณะกษัตริย์
    เข้าสู่เพศของนักบวช
    ให้ได้ไปพบกับอาฬารดาบส
    นักบวชผู้เชี่ยวชาญด้านสมาธิ
    ซึ่งตั้งสำนักอยู่ณ.แคว้นมคธ
    จุดเริ่มต้นของการศึกษา
    เพื่อค้นหาคำตอบแห่งทุกข์ทั้งมวล
    ของมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้นที่นี่
    และที่แห่งนี้
    จะนำพาพระองค์ไปสู่หนทางแห่งการหลุดพ้น
    ของมวลมนุษย์ได้หรือไม่.

    ★★★★★
    [ท่านอาฬารดาบสให้เจ้าชายสิทธัตถะออกขอทาน(ภิกขาจารย์)]
    สิทธัตถะ:
    คำนับท่านกูรู
    ตามที่ท่านสั่ง
    ข้าขอทานมาแล้ว

    อาฬารดาบส:
    เจ้าขอทานเองหรือเปล่า?
    (สิทธัตถะโค้งตอบรับด้วยความอ่อนโยน)

    อาฬารดาบส:
    แปลว่าศักดิ์ศรีของเจ้าไม่ใช่อุปสรรคในการบำเพ็ญตบะ
    ข้าไม่รู้เหตุผล แต่แววตาของเจ้ามีคำถามนับล้านๆข้อ

    สิทธัตถะ:
    ท่านพูดถูกแล้วท่านกูรู
    แต่ข้ารู้ว่า:จะได้คำตอบทั้งหมดของคำถามนี้
    ถ้าข้าแก้มันได้ข้อหนึ่ง

    อาฬารดาบส:
    หือ! ข้อไหนล่ะ

    สิทธัตถะ:
    ท่านจะยอมรับข้าเป็นศิษย์หรือเปล่า?

    อาฬารดาบส:
    เจ้าไว้ใจข้ามากหรือ?

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่เชื่อความรู้จากภายนอก
    ข้าอ่านพระเวทย์และคัมภีร์แล้ว
    แต่มันเป็นความรู้ของคนอื่น
    ไม่ใช่ประสบการณ์ของข้าเอง
    และหลังจากรู้แล้ว ข้าก็ยังไม่ได้คำตอบ
    นั่นแปลว่าความรู้ที่ข้าได้มันไม่สมบูรณ์
    ข้าอยากสัมผัสความแข็งแกร่งที่มีอยู่ในตัวตนของคนเรา
    มันเป็นไปได้ด้วยการทำสมาธิเท่านั้น
    และหนทางจากการทำสมาธิเข้าสู่การเข้าฌาณ
    มันจะต้องผ่านท่านเท่านั้น
    คำชี้แนะของท่านจะตอบคำถามของข้าได้

    อาฬารดาบส:
    ลึกซึ้งมาก
    ความกระตือรือร้นของเจ้า
    จะนำเจ้าสู่เส้นทางแห่งความสุขทั้งมวล
    เจ้าไปกินก่อนแล้วค่อยคุยกัน

    ★★★★★
    "เจ้าตัดตัวเองจากเรื่องทางโลก
    จะสร้างสายสัมพันธ์ขึ้นอีกทำไม?"

    สิทธัตถะให้อาหารกับม้าสีขาวคล้ายม้ากัณฑกะ
    สิทธัตถะ:
    ขอโทษนะสหาย
    ข้าลืมให้อาหารกับเจ้า

    ท่านอาฬารดาบสเดินมา:
    ได้เวลาทำสมาธิแล้วพ่อหนุ่ม

    สิทธัตถะ:
    ครับได้ขอรับ
    อ้อ!ท่านกูรู
    ข้าตั้งชื่อมันว่ากัณฑกะได้ไหมครับ

    อาฬารดาบส (หัวเราะด้วยความเอ็นดู)
    เจ้าตัดตัวเองจากเรื่องทางโลก
    จะสร้างสายพันธ์ขึ้นอีกทำไม?

    สิทธัตถะ:
    เห็นมันแล้วทำให้ข้าคิดถึงกัณฑกะของข้าน่ะ

    อาฬารดาบส:
    การขจัดความทรงจำเหล่านั้นคือสมาธิ

    สิทธัตถะ:(อุทาน)กัณฑกะ!

    ★★★★★
    (ม้ากัณฑกะตาย)
    สุทโธทนะรำพัน:
    แม้แต่สัตว์ยังจดจำความรักของสิทธัตถะ.
    แต่ว่าข้าน่ะ
    เทียบกับสัตว์ยังไม่ได้เลย
    เมื่อพลัดพรากกันมันถึงกับตรอมใจตาย
    แต่ว่า:
    แต่ว่าข้ายังอยู่
    ข้ามีชีวิตอยู่...

    ★★★★★
    [อาฬารดาบสเห็นสิทธัตถะนอนหนาวขดตัวอยู่ที่ใต้ต้นไม้
    เมตตาเอาผ้าอาบห่มให้สิทธัตถะ
    พอรู้ตัวรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาพร้อมร้องเรียก:
    ท่านกูรู! ท่านกูรู!
    แล้วนำผ้าอาบคืนให้ด้วยการห่มให้ท่านที่ไหล่]

    อาฬารดาบส:
    อย่าทำให้ชีวิตเคร่งเครียดมากเกิน
    จนมันกลายเป็นภาระ
    เมื่อคืนเจ้าตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ
    ทำไมไม่นอนในกระท่อมของศิษย์?

    สิทธัตถะ:
    ข้าจะไปนอนที่นั่นได้อย่างไรกัน
    เมื่อท่านยังไม่ยอมรับข้าเป็นศิษย์เลย
    ทุกครั้งที่ข้าขอให้ท่านรับข้าเป็นศิษย์
    ท่านก็เลี่ยงด้วยรอยยิ้ม

    อาฬารดาบส:
    ลูกศิษย์เป็นฝ่ายเลือกอาจารย์
    อาจารย์แค่ดูว่าคนที่อยู่ตรงหน้า
    คู่ควรที่จะเป็นลูกศิษย์ของเขาหรือไม่?
    ตั้งแต่เจ้ามาที่นี่
    ข้าสังเกตคุณสมบัติเจ้า
    ข้ากำลังทดสอบเจ้า
    สิทธัตถะ:
    ท่านจะทดสอบข้าอย่างไรก็ได้
    แต่ข้าจะผ่านการทดสอบของท่านแน่นอน
    ขอแค่ท่านยอมรับข้าเป็นศิษย์เท่านั้น

    อาฬารดาบส:
    เจ้ากระหายในความรู้
    แต่ข้าไม่พบมีใครกระหายแบบนี้
    เจ้ามีคุณสมบัติทุกอย่าง
    ที่อาจารย์ต้องการในตัวของศิษย์
    เจ้าจิตใจดี
    เรียบง่าย
    และดื้อดึงทำทุกอย่างให้ได้ตามต้องการ

    สิทธัตถะ:
    หมายความว่า...(ตื่นเต้นดีใจ)

    ★★★★★
    ฉันโทปะไม่พอใจ:
    ข้าขอถามท่านหน่อยได้ไหม?
    อาจารย์.ข้าคนนี้ไม่ได้อวดตัวเอง
    ข้าเรียนรู้มาจากอาจารย์หลายท่าน
    ข้าจดจำพระเวทย์และพระคัมภีร์ได้หมด
    ข้าต้องรอตั้ง๑เดือนกว่าท่านจะรับข้าเป็นศิษย์
    แต่แค่๒วันท่านก็รับสิทธัตถะเป็นศิษย์แล้ว

    อาฬารดาบส:
    ความรู้ที่แท้จริง ควรเหมือนเกลือละลายในทะเล
    เกลือไม่ได้ละลายหายไปไหน
    ถ้าข้าเติมทรายเล็กน้อยลงในหม้อน้ำนี้
    เจ้าจะเรียกมันว่าไงในทางโยคะ

    ฉันโทปะ(ศิษย์ที่มีความริษยาสิทธัตถะ):
    คำถามง่ายมากท่านอาจารย์
    เมื่อทรายมันนอนก้น
    น้ำก็จะใสบริสุทธิ์
    และคู่ควรสำหรับการดื่ม

    อาฬารดาบส (ส่ายหน้า)
    ข้าถามเจ้าในแง่ของโยคะต่างหาก
    สิทธัตถะเจ้าอธิบายข้อนี้ได้ไหม?

    สิทธัตถะ:
    ครับ
    ทรายนี้คือสัญญลักษณ์ของราคะ โมหะ โทสะและโลภะ
    เมื่อใจเราเอาชนะ๔สิ่งนี้ได้
    จะเข้าถึงจิตวิญญานศาสนาเหมือนน้ำบริสุทธิ์

    อาฬารดาบส:
    ฉันโทปะ.ข้าหวังว่าท่านจะได้คำตอบ
    ว่าทำไมข้ารับสิทธัตถะเป็นศิษย์ภายใน๒วัน

    อาฬารดาบส:
    ในลัทธิสางคยะ
    กุรุสะและประกฤต
    คือความจริงแท้๒อย่าง
    กุรุสะคือผู้รับรู้
    และ
    ประกฤตก็คือมูลเหตุแห่งโลก
    เมื่อกุรุสะและประกฤต
    มาสมสู่กันและกันด้วยราคะ
    มันก็เหมือนกับงูพิษ๒ตัว
    ชีวิตจึงเกิดขึ้น
    เกิดเป็นคน
    เป็นต้นไม้
    พืชผล
    สัตว์และนก
    แต่จงจำไว้ว่า:
    การปลดปล่อยตัวเองจากราคะ
    คือการไถ่บาป

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์
    สางคยะโยคะมันคืออะไร?

    ฉันโทปะ(ศิษย์ผู้ริษยา):
    ข้าสนใจทั้ง๒อย่าง
    สางคยะโยคะ
    หรือสางคยธารษณะ
    มันก็แค่คำ๒คำที่แตกต่างกัน

    อาฬารดาบส (ส่ายหัว)
    ไม่ใช่หรอก
    ความแตกต่างมีมหาศาล
    มันก็คือหุบเขาลึกที่ไม่มีวันข้ามได้
    ที่สิทธัตถะถามถึง
    คือสางคยโยคะ
    ความรู้สึกของการไถ่บาป
    ส่วนที่เจ้าถามถึง
    คือสางคยธารษณะ
    ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับจิตใจ
    มีความแตกต่างมหาศาล
    ระหว่างรู้จักเส้นทางและการเดินบนเส้นทาง
    ราคะที่เกิดขึ้นในใจ
    สร้างธรรมชาติ
    มันสร้างความคิด
    ความคิดจะเพิ่มราคะให้มากขึ้น
    มันเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันจบ

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์
    แล้วเราจะควบคุมจิตใจได้อย่างไรกัน?

    อาฬารดาบส:
    ด้วยการกำหนดลมหายใจ
    ในสางคยโยคะ
    สิ่งที่สำคัญมาก
    สิ่งนั้นก็คือ
    การกำหนดลมหายใจ
    คนเรานั้นหายใจผ่านทางจมูกทั้งวัน
    แต่การกระทำนี้
    มันจะเปลี่ยนแปลงทุกชั่วยาม
    เมื่อเราหายใจเข้าทางรูจมูกซ้าย
    มันเรียกว่า
    อิรนาคีหรือสุริยานาคี
    เมื่อเราหายใจเข้าทางจมูกขวา
    เราเรียกว่า
    เป็งคานาคีหรือจันทรานาคี
    มีเส้นเลือดเล็กๆ
    อยู่ทั้ง๒ด้านของกระดูกจมูก
    เราต้องทำให้มันเกิดความสงบทั้งคู่
    และปลุกใจเราให้ตื่น

    ★★★★★
    [เจ้าชายสิทธัตถะนั่งสมาธิระลึกถึงทุกข์ของประชาชน]:
    ท่านอาจารย์.

    อาฬารดาบส:
    ทำไมเจ้าถึงกระวนกระวาย?

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์ข้าไม่มีสมาธิเลย
    ใจข้าไม่สงบ
    ข้ารู้สึกเจ็บปวดที่ใจ
    ข้าจะหาความสงบไม่ได้เลยหรือ?

    [ท่านอาฬารดาบสเขวี้ยงก้อนหินลงไปในน้ำ
    หินกระทบน้ำกระเด้งขึ้นแล้วจมลงไปในน้ำ]
    อาฬารดาบส:
    เห็นก้อนหินนั้นไหม?
    มันเด้งจากผิวน้ำแล้วจมลง
    เจ้าดูสิ
    เมื่อเจ้านั่งสมาธิเป็นครั้งแรก
    เจ้าจะถูกรายล้อมไปด้วย
    อดีต อนาคต และก็ปัจจุบัน
    เห็นก้อนเมฆก้อนนั้นไหม?
    มันก็เหมือนกับความคิด
    มันขยับและเปลี่ยนรูปร่าง
    แต่ท้องฟ้าก็ยังแตะต้องไม่ได้
    เมื่อเจ้าอยากตั้งใจทำสมาธิ
    เจ้าควรเป็นเหมือนท้องฟ้า
    ความคิดจะบังเกิด
    ความคิดเหล่านั้นจะรายล้อมเจ้าไว้
    แต่จิตของเจ้า
    ควรจะตั้งมั่นกับการกำหนดลมหายใจ
    แล้วเจ้าจะเจอแต่ความว่างเปล่า
    เมื่อนั้น
    ความเจ็บปวด
    ความทุกข์
    และความเครียด
    ก็จะหายไปเหมือนกับก้อนเมฆ
    จากนั้น
    เจ้าก็จะพบแต่ความสงบ
    เหมือนกับท้องฟ้าสีคราม

    ★★★★★
    อาฬารดาบสรำพึง:
    เขาคือสิทธัตถะโคตมะที่อสิตมุนีเคยทำนายเอาไว้
    สิทธัตถะที่ถูกทำนายว่า:
    จะนำพาผู้คนไปพบความสงบในจิตใจ
    และหายจากความทุกข์
    ความเจ็บปวด
    สิทธัตถะ.จะเป็นมหาบุรุษแห่งยุค
    เขา เขา เขายอมรับข้าเป็นอาจารย์
    ข้าไม่รู้จริงๆว่าตัวเองนั้นคู่ควรไหม?

    ★★★★★
    อาฬารดาบสรีดนมวัวเรียก:
    สิทธัตถะ.

    ท่านไม่ได้หันมอง
    ทำไมถึงรู้ว่าเป็นข้าล่ะ!

    อาฬารดาบส:
    555ไม่มีความแตกต่างระหว่างอาจารย์กับแม่คน
    แม่ทุกคนย่อมจำลูกได้แม้ขยับตัวเพียงนิดเดียว
    เอ้ารับไว้
    เจ้าดื่มเสียสิ.
    มันช่วยให้จิตใจสงบ

    ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงเมตตาข้ามากขนาดนี้
    แต่ข้ามีเรื่องจะขอร้อง
    เมื่อถึงเวลาขอทานช่วยปลุกข้าจากสมาธิ
    ข้าไม่อยากให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะข้า
    อาฬารดาบส:
    ใครเดือดร้อน
    จำไว้นะสิทธัตถะ.
    สมาธิคือเรื่องสำคัญของเรา
    ไม่ใช่การขอทาน
    ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าและข้ารู้ดีว่า
    ใครควรนั่งสมาธิ
    และใครควรเป็นขอทาน.
    และเจ้าอย่าได้ลังเล
    บอกมาสิว่าเจ้าไปถึงไหนแล้ว

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์.
    ตอนแรกข้าเหมือนเหาะอยู่กลางอากาศ
    แล้วข้าก็ค่อยๆหลงลืมเวลา

    อาฬารดาบส:
    นั่นก็เป็นเรื่องดี

    สิทธัตถะ:
    แล้วข้าก็รู้สึกว่างเปล่า
    แต่พอข้าออกจากสมาธิแล้ว
    ความเจ็บปวดก็รุมเร้าข้า
    จากนั้นข้าก็กระวนกระวายหนะ

    อาฬารดาบส:
    ไม่ต้องเศร้าใจที่เจ้ากระวนกระวายใจหรอกนะ
    ที่สำคัญคือ
    เจ้าสัมผัสกับท้องฟ้าที่ว่างเปล่าได้
    เส้นทางกายภาพ
    คือจิตที่ติดรอบตัวเรา
    มันก็เหมือนกับเมล็ดทรายที่อยู่ในน้ำ
    จงอย่าเขย่ามัน
    ลงลึกไปในจิตใจ
    แล้วเจ้าจะเห็นว่า
    ข้างในว่างเปล่า
    มีแต่ความว่างเปล่าๆ
    จงจุดตะเกียงและหนักแน่น
    ถึงจิตจะหลุดแต่เจ้าจะไม่หลุด
    ขอให้ประสบความสำเร็จ

    เจริญธรรม

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ★《จุดเปลี่ยนแห่งโชคชะตา》★
    ตอนที่๓๐(เจ้าชายจบการศึกษาจากท่านอ.อาฬารดาบส)
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว:
    ความมุ่งมั่นและความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์
    และสัตว์ทั้งมวลของนักบวชสิทธัตถะ
    ทำให้อาจารย์อาฬารดาบส
    รับรู้ถึงความตั้งใจและจิตใจที่ดีงาม
    จนยอมรับพระองค์เข้าเป็นศิษย์ในที่สุด
    และด้วยสติปัญญาอันปราดเปรื่อง
    รวมถึงความตั้งใจ
    และเพียรพยายามในการฝึกฝนสมาธิ
    ทำให้การศึกษาของพระองค์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
    ความรู้อันลึกซึ้งต่างๆของอาจารย์
    ถูกถ่ายทอดสู่ศิษย์ผู้กระหายคำตอบจนหมดสิ้น
    แต่ก็ไม่วายที่นักบวชสิทธัตถะ
    ก็ยังทรงมีคำถามมากมายค้างคาอยู่ในใจ
    ที่รอการค้นหาคำตอบต่อไป
    ความรู้ด้านสมาธิอันลึกซึ้งของอาฬารดาบส
    จะนำพามหาบุรุษ
    ไปสู่การค้นพบคำตอบของคำถามในใจของพระองค์ได้หรือไม่...

    ★★★★★
    เทวทัต:
    ขอถามหน่อย.
    เจ้าไม่อยากให้ลูกเป็นนักรบอย่างนั้นหรือ
    เขาจะเก่งกาจเหมือนอย่างข้า
    ไม่ใช่เป็นนักบวชเหมือนพ่อเขา

    ยโสธรา:
    ผู้ที่เข้มแข็งถึงจะเป็นนักบวชได้

    เทวทัต:
    งั้นหรือ!

    ยโสธรา:
    ใช่.!สระน้ำก็เป็นหนึ่งในนั้น
    แม้มีกระบือหน้าตาหน้าเกลียดเดินมา
    และทำให้น้ำขุ่นมัวเพราะขาที่เปื้อนโคลน
    แต่ในบ่อโคลนก็ยังมีดอกบัวดอกหนึ่งที่โผล่ขึ้นมา
    มันชูช่อและกลายเป็นสัญญลักษณ์
    ความงามและความรุ่งเรืองในโลก

    เทวทัต:
    ข้า.ข้า.เป็นกระบือหรือ?

    ยโสธรา:
    เปล่าเลย.ผู้องอาจ
    ทำไมข้าต้องพูดถึงบางอย่างที่ท่านไม่เข้าใจด้วยนะ
    ท่านไม่แข็งแรงพอที่จะยกเขากลับมาด้วยแขนของท่านเอง
    แน่นอน.
    แต่หากพบเขา
    ข้าฝากบอกเขาอย่างหนึ่งด้วยว่า:
    จงบอกเขาว่า:ข้าและราหุลจะไม่เป็นอุปสรรคในการฝึกตนของเขา
    จนกว่าความรู้สึกผิดของเขาจะได้คำตอบที่เขาพึงใจ
    เขาไม่ควรกลับมา

    เทวทัต:
    หัวใจของสตรีแม้แต่พระเจ้ายังไม่เข้าใจเลย

    ยโสธรา:
    งั้นก็อย่าพยายามเลย.

    ★★★★★
    [เจ้าชายนั่งสมาธิระลึกถึงคำถามของอาจารย์]

    อาฬารดาบส:
    เจ้ามองเห็นนกแร้งบนท้องฟ้าไหม?

    สิทธัตถะ:
    เห็นครับอาจารย์

    อาฬารดาบส:
    การหลงเข้าไปสู่ขอบเขตของสมาธิ
    ไม่มีความแตกต่างระหว่างเจ้ากับนก
    นกแร้งคงคิดว่าเจ้าเป็นก้อนอิฐ
    และลงกินอาหารเจ้า

    ★★★★★
    อาฬารดาบส:
    สิทธัตถะ.กำหนดลมหายใจของเขา
    เขาบรรลุถึงการทำสมาธิขั้นสูง
    ที่ๆกายกรรมถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
    อาหารของเขาคือความสุขภายใน
    ไม่ใช่ง่ายที่จะบรรลุขั้นที่สิทธัตถะทำได้

    ★★★★★
    อาฬารดาบส:
    เจ้านั่งสมาธิอยู่๒วันเต็มๆ

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่รู้เวลาเลยท่านอาจารย์
    ครั้งนี้ข้าสัมผัสแสงที่เบาเหมือนขนนกอยู่ไกลๆ
    ล่องลอยภายใต้ท้องฟ้าสีคราม
    ตอนแรกมันดูเหมือนนก
    และเหมือนเมฆที่ข้ายกให้สูงขึ้น
    และข้าก็ค่อยๆไม่รู้สึกตัวเอง
    ข้ารู้สึกเหมือนข้าน่ะเป็นต้นไม้ตั้งอยู่บนพื้นดิน
    แต่แขนทั้ง๒ข้างของข้ายื่นยาวออกไป
    แล้วข้าก็พบกับความว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
    แล้วข้า.ข้าก็รู้สึกสงบมากน่ะ
    เหมือนมีลำธารแห่งความสงบ
    และข้ารู้สึกปีติที่พบกับความสงบเยือกเย็นเช่นนั้น
    ข้ารู้สึกได้เช่นนั้น

    อาฬารดาบส:
    บัดนี้ไม่มีความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้า

    สิทธัตถะ:
    ไม่หรอกอาจารย์.
    อาฬารดาบส:
    ข้าใช้เวลา๗๐ปีเพื่อเข้าถึงฌาณขั้นนี้
    แต่เจ้าใช้เวลาแค่๒เดือน
    ข้าชื่นชมจริงๆ

    สิทธัตถะ:
    ไม่หรอกอาจารย์
    ข้าไม่อาจเทียบท่านได้
    ไม่ได้เลย.
    ใจของข้าสงบต่อเมื่อนั่งสมาธิ
    แต่เมื่ออกจากสมาธิแล้ว
    ก็พบความกระวนกระวายและเจ็บปวด
    ความสงบในใจฉายความเจ็บปวดความทุกข์
    และความกระวนกระวายในใจของข้า
    ท่านอาจารย์จงแนะทางกำจัดความเจ็บปวดให้ข้าด้วยเถอะ

    อาฬารดาบส:
    ข้าให้ความรู้ทั้งหมดแล้ว
    ไม่มีเหลือแล้ว
    ภาชนะข้าว่างเปล่า
    ข้าไม่มีอะไรจะให้เจ้าอีกแล้ว
    ข้าเริ่มแก่แล้ว
    หวังอย่างยิ่งว่า:
    เจ้าจะรับช่วงดูแลอาศรมนี้ต่อจากข้า

    สิทธัตถะ:
    ข้าหรืออาจารย์.
    อาฬารดาบส:
    ใช่แล้วสิทธัตถะ.
    ด้านความรู้เจ้าทัดเทียมกับข้า
    จงจุดตะเกียงดวงใหม่ด้วยความรู้ของเจ้า

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์.ท่านเห็นคุณค่าของข้า
    แต่ข้าขอเวลาเพื่อคิดถึงเรื่องนี้ก่อน

    อาฬารดาบส:
    ตกลง.ลองคิดดู
    ข้าจะรอฟังคำตอบจากเจ้า

    สิทธัตถะ:
    คารวะท่านอาจารย์.

    สิทธัตถะมองไปที่กองไฟ:
    ธรรมชาติของไฟช่างดีนัก.
    มันให้ความร้อนแก่คนที่ตัวสั่นและหนาว
    มันปรุงอาหารแก่คนที่หิวโหย
    แต่ถ้าไฟถูกจำกัดอยู่ในบ้านหลังเดียว
    ช่วยเหลือครอบครัวเดียว
    ปล่อยให้คนนับล้านอยู่ในความมืดและเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ
    ข้าเคารพคำสั่งของอาจารย์ก็จริง
    แต่ว่า:
    ข้าถอยหลังไม่ได้
    ระดับการฝึกจิตวิญญาณที่ข้าบรรลุ
    ข้าต้องไปต่อทางเดินให้ไกลขึ้นไปอีก
    ข้าต้องหาหนทางเพื่อหลุดพ้นไปจากวัฏจักรของชีวิต

    ★★★★★
    มุนี:
    สิทธัตถะ.นึกว่าเจ้าไปแล้วซะอีก

    อาฬารดาบส:
    เจ้าคนเดียวที่จะสานต่อการเดินทางของจิตวิญญาณ
    ต่อจากข้าได้.
    จงรับช่วงอาศรมนี้เถิด

    สิทธัตถะ:
    ท่านมีความรักให้ข้ามากเหลือเกิน
    แต่ข้ามีสิ่งหนึ่งในใจ

    อาฬารดาบส:
    พูดสิ.บอกมาเลยไม่ต้องลังเล

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์.ข้าอยากออกจากอาศรม
    ข้าซาบซึ้งที่มีอาจารย์อย่างท่าน
    ท่านไม่ถามว่า
    ทำไมข้าพูดแบบนี้

    อาฬารดาบส:
    ข้าสำเร็จความรู้การเข้าฌาณขั้นที่๗
    ข้าชำนาญมันอย่างดี
    ซึ่งข้าได้ถ่ายทอดความรู้ของข้าให้เจ้า
    ใจที่ส่องสว่างของเจ้าต้องไปไกลกว่านี้
    ถึงฌาณขั้นที่๘
    และอาจไปได้ไกลกว่านั้น

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์งั้นท่านช่วยแนะนำข้าทีเถิด
    ใครกันที่สามารถจะสอนข้า
    เข้าถึงฌาณขั้นที่๘ได้

    อาฬารดาบส:
    ต้องเดินทางไปที่แคว้นมคธ
    อุทกดาบสปุตมหามุนี
    จะช่วยเจ้าในการเดินทางสู้เส้นทางของจิตวิญญาณ

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์.หากข้าทำสำเร็จตามนั้น
    ข้าจะกลับมาบอกท่านแน่นอน

    อาฬารดาบส:
    ข้าจะรอเวลานั้นถ้าข้ายังไม่สิ้นอายุขัย.

    (อาฬารดาบสก้มลงเอาทรายที่เจ้าชายเหยียบมาป้ายที่หน้าผาก)

    มุนี:
    ท่านจะทำอะไรน่ะท่านอาจารย์.

    อาฬารดาบส:
    เอาทรายที่เท้าเขามาป้ายที่หน้าผาก
    อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว
    ในชาตินี้ ไม่มีแล้ว
    มหาบุรุษแห่งยุคกำลังจะไป
    ผ่านมาหลายยุคสมัย
    มีคนอย่างเขากลับชาติมาเกิด
    สำหรับมาทำให้โลกเกิดศรัทธาและผาสุข...

    ★★★★★
    [เจ้าชายสิทธัตถะต่อต้านการบูชายัญของพระเจ้าพิมพิสาร]

    พิมพิสาร:
    สิทธัตถะ.นี่เจ้าเป็นนักบวชหรือ?
    วันนี้เจ้าช่วยไม่ให้ข้าทำบาปครั้งใหญ่

    สิทธัตถะ:
    ข้ายอมตายด้วยน้ำมือของท่าน
    แต่บาปจากการสังหารสัตว์เหล่านี้
    รุนแรงกว่าหลายเท่านัก
    คำถามไม่ได้เกี่ยวว่า:
    ข้าอยู่หรือตาย
    คำถามคือ:
    มีหนทางเป็นอิสระจากวัฏจักรของเกิดและตายไหม?
    ถ้าหากว่ามีเป้าหมายข้าคือหาให้เจอ
    ไม่เช่นนั้นก็คงเหมือนสัตว์พวกนี้
    ข้าคงอยู่และตายโดยไร้เหตุผล
    สัตว์พวกนี้มันมีบาปอะไร?
    จนท่านต้องบูชายัญชีวิตของพวกมัน
    พวกมันก็มีพลังชีวิตเหมือนเรา
    ศาสนาอะไรกันที่สอนให้ฆ่าผู้อ่อนแอแล้วเรื่องร้ายจะหายไป
    หากสัตว์พวกนี้พูดได้ละก็
    พวกมันคงพูดว่า:
    มันต้องชดใช้กรรมของผู้อื่น
    ถ้านี่คือศาสนา
    งั้นนักบวชผู้อ่อนแอคนนี้ขอบอกว่า:
    มันไม่ใช่ศาสนา

    พิมพิสาร:
    มิตรของข้าช่วยข้าจากการทำผิดหลักศาสนา
    (ประกาศ):
    นับจากนี้ไปห้ามบูชายัญสัตว์ในแคว้นมคธ.
    สิทธัตถะ.ข้าทนเห็นเจ้าสภาพนี้ไม่ได้
    ข้าไม่เข้มแข็งพอ
    พิมพิสารนอนบนเสื่อ
    ส่วนสิทธัตถะนอนบนพื้น
    ไม่ได้สิทธัตถะเข้าวังไปกับข้าเถิด
    จะไม่มีใครรบกวนการฝึกจิตของเจ้า

    สิทธัตถะ:
    ไม่ได้หรอกพระเจ้าพิมพิสาร
    วันนี้ข้าช่วยสัตว์ที่บริสุทธิ์
    แต่มนุษย์เราก็เหมือนพวกมัน
    ที่ต้องต่อสู้กับความทุกข์ของชีวิต
    ความทุกข์และความเจ็บปวดมีทุกหนแห่ง
    ถ้าไปถึงปลายทางความเจ็บปวดได้
    ข้าก็จะพาทุกชีวิตเข้าสู่หนทางแห่งความสงบได้เช่นกัน
    พิมพิสาร:
    ข้าไม่เคยเห็นใคร
    จะยอมเสียสละชีวิตสุขสบาย
    เพื่อความสุขของคนอื่น
    มหาบุรุษอย่างเจ้า
    ยอมเมตตาเป็นมิตรกับข้า
    เจ้าเมตตาข้า

    สิทธัตถะ:
    ข้าขอตัวก่อนพระองค์

    พิมพิสาร:
    พิมพิสารไม่ได้โง่นะสิทธัตถะ
    เราไม่อาจกำทรายร้อนในมือได้ฉันใด
    คนต้อยต่ำอย่างข้าก็ไม่อาจหยุดยั้ง
    มหาบุรุษอย่างเจ้าได้ฉันนั้น
    สิทธัตถะ.เจ้าจะรับปากมิตรได้ไหม?
    เมื่อไหร่ที่เจ้าภพหนทางสู่อิสระ
    เจ้าต้องแบ่งปันความรู้กับข้าเป็นคนแรก

    สิทธัตถะ:
    ข้ารับปากท่าน

    พิมพิสาร:
    มีแต่มิตรที่เข้าใจเรื่องนี้ได้
    คนที่เสียสละทุกอย่าง
    จะได้ทุกอย่าง
    แต่ว่าคนที่คิดว่าตัวเองมีทุกอย่าง
    คือคนที่ยากจนที่สุด.

    ★★★★★
    สิทธัตถะพบชีเปลือยแล้วสงสาร

    สิทธัตถะ:
    คำนับท่านมุนี.

    มุนี:
    ข้าละทิ้งเสื้อผ้าแล้ว
    ดินนี่คือเสื้อผ้าของข้า
    ข้าเอาชนะความหนาวด้วยการฝึกฝนสมาธิ
    ข้าข้ามเขตแดนของร่างกายทั้งมวล
    ข้าละทิ้งอาหารและน้ำ

    สิทธัตถะ:
    ทำไมถึงเลือกเส้นทางนี้

    มุนี:
    การทำสมาธิและฝึกฝนจิตวิญญาณ
    ทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง
    จนไร้ความปรารถนาทุกประการ
    นั่นคือหนทางการไถ่บาป

    สิทธัตถะ:
    อิสระคืออะไร?

    มุนี:
    ความสุขสูงสุด

    สิทธัตถะ:
    ท่านจะพบสุขสูงสุดในความทุกข์ได้อย่างไรกัน

    มุนี:
    เราเรียกมันว่า:ความทุกข์
    และถ้าไม่คิดแบบนั้น
    ข้ามีความสุขกับหนทางการฝึกฝนจิตวิญญาณ
    เราจะได้อิสระภาพ

    สิทธัตถะ:
    มีแค่ชั่วขณะนี้
    เราพูดถึงชั่วขณะนี้ได้ไหม?

    มุนี:
    เอาสิ.
    สายตาเจ้าบอกว่า:กระหาย

    สิทธัตถะ:
    ท่านกำลังทรมานตน
    เพื่ออิสระภาพ
    เพื่อความปรารถนา
    นี่คือสวรรค์ในโลกอื่น
    ข้าคิดว่าในโลกนี้ที่มีแต่ความทุกข์
    ที่มนุษย์หลงทาง
    และทุกคนต่างไร้เป้าหมาย
    เราจะช่วยพวกเขาได้ยังไงกัน
    ถ้าสวรรค์คือพรหมลิขิต
    ทำไมมีแต่ข้าที่ได้ไป
    ทำไมถึงไม่เกิดกับทุกคนบนโลกนี้ล่ะ!

    มุนี:
    ความคิดของเจ้าช่างลึกซึ้ง
    เจ้าจะเป็นผู้ชี้ทาง
    ชี้ทางแห่งความสุขให้ผู้คนนับล้าน
    เจริญพร...

    เจริญธรรม

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พุทธะ มหาศาสดาโลก

    ตอนที่๓๑
    ☆《ผู้เฒ่าเคล้าธรรม》☆
    ความเดิมตอนที่แล้ว:
    การศึกษาและฝึกฝนสมาธิ
    ในสำนักท่านอาฬารดาบส
    ของเจ้าชายสิทธัตถะสำเร็จผลอย่างรวดเร็ว
    พระองค์สามารถบรรลุฌาณขั้นสูง
    เทียบเท่าอาฬารดาบสผู้เป็นอาจารย์
    จนค้นพบความสงบในจิตใจ
    หากก็ยังไม่สามารถค้นพบคำตอบให้กับคำถามมากมาย
    ที่ติดค้างในพระทัยมาเนิ่นนาน
    พระองค์จึงเลือกออกเดินทาง
    เพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริงต่อไป
    หนทางแห่งการค้นหาคำตอบที่แท้จริง
    ของมหาบุรุษคือสิ่งใด?

    ★★★★★
    อำมาตย์:
    เจ้าชายสิทธัตถะ.
    เจ้าชายสิทธัตถะ.

    สิทธัตถะ:
    ท่านอำมาตย์.
    ท่านหรือ?
    ข้านึกว่าทรายจะกลบรอยเท้าของข้าซะอีก
    อำมาตย์:
    เจ้าเมืองมคธมีเมตตา
    เขาบอกกับข้าว่า
    ท่านกำลังจะไปอาศรมของอุทกดาบสมุนี

    สิทธัตถะ:
    ท่านเองใจเย็นก่อนเถิด

    อำมาตย์:
    เห็นท่านแล้วความเหนื่อยก็หายหมดเลย
    เจ้าชาย.
    ไม่ใช่คนเดียว
    ทุกคนเป็นเหมือนกัน
    ชาวเมืองของท่านกำลังรอท่านกลับไป
    ไหนจะเหล่าเชื้อพระวงศ์อีกล่ะ!
    ข้าจะรับท่านกลับกบิลพัสดิ์

    สิทธัตถะ:
    ไม่ได้หรอก.

    อำมาตย์:
    พระเจ้าสุทโธทนะบอกว่า:
    จะไม่มีใครขัดขวางการทำสมาธิของท่าน
    ทุกสิ่งจะเสร็จสมตามที่ท่านสั่ง
    หากต้องการเราจะสร้างอาศรมให้ท่านด้วย
    (กอดเท้า)
    เจ้าชาย.
    สิทธัตถะ:
    ไม่ได้หรอกท่านอำมาตย์
    ท่านจงกลับไปเถิด

    อำมาตย์:
    เจ้าชาย.
    เจ้าหญิงยโสธราน่ะ
    ฝากดอกบัวมาให้ท่านด้วย

    สิทธัตถะ:
    นางฝากบอกมาว่ายังไง

    อำมาตย์:
    บอกว่า:
    ดอกบัวนี้เป็นที่ระลึกจากราหุลและนาง
    ข้าไม่อาจรักษาสัญญาด้วยการพาท่านกลับกบิลพัสดิ์
    ได้แต่มอบดอกบัวนี้
    อย่าปฏิเสธคำขอของเจ้าหญิงยโสธราเลย
    เจ้าหญิงยโสธราขอของที่ระลึกจากท่านด้วยนะเจ้าชาย
    และบอกว่านางจะรอท่านไม่ว่าจะนานแค่ไหน

    สิทธัตถะ:
    ข้าจะให้อะไรนางดีนี่
    งั้นข้าให้ดอกบัวนี้เป็นที่ระลึกจากข้าแล้วกัน

    อำมาตย์:
    ท่านต้องเก็บดอกบัวนี้ไว้กับตัว
    ข้าจะเอาดอกบัวอีกดอกกลับไป
    สิทธัตถะ:
    ไม่.ท่านอำมาตย์ไม่.
    ท่านต้องเอาดอกนี้ไป
    หากข้าเก็บมันไว้
    มันจะผูกมัดข้ากับกบิลพัสดิ์ตลอดกาล
    บอกยโสธราด้วยว่า
    ข้าจะต้องกลับไปหานางแน่.

    ★★★★★
    มังคลา:
    ทุกครั้งที่ข้ามองนกพวกนี้
    ข้าก็นึกถึงเจ้ายโสธรา.
    (จับนกขึ้นมา):
    สภาพของเจ้าตอนนี้
    ก็เหมือนพวกมัน
    ชีวิตของเจ้าอยู่แต่ในวัง
    เหมือนนกพวกนี้ไม่มีผิดเลย

    ยโสธรา:
    หมายความว่ายังไงหรือท่านอา.

    มังคลา:
    ยโสธรา.
    ผู้หญิงเรามีสามีเป็นที่พึ่งนะ
    แต่สิทธัตถะ.
    เราไม่รู้ว่าอีกกี่ปีสิทธัตถะถึงจะกลับมา

    ยโสธรา:
    เวลาจะผ่านไปรวดเร็ว
    เพราะมีฝ่าบาทและมเหสีอยู่ด้วย

    มังคลา:
    เจ้าน่ะเข้าใจผิดแล้วยโสธรา
    ฟังนะ.
    อีก๒-๓วันฝ่าบาทต้องยุ่งเรื่องงานบ้านเมืองแน่
    และแม่สามีเจ้าปชาบดีจะลืมเจ้า
    เพราะว่าต้องดูแลนันทะลูกของนาง
    เจ้าควรกลับเทวทหะไปอยู่กับพ่อแม่ของเจ้า
    เชื่อข้าสิ.จงบินไปเหมือนนกพวกนี้
    (ปล่อยนกให้บินไปแต่นกไม่บินไปไหน)

    ยโสธรา:
    แม้แต่นกที่พูดไม่ได้ยังตอบคำถามของท่านเลย
    แม้แต่นกพวกนี้ไปแล้วก็จะกลับมา
    เพราะพวกมันเข้าใจความรัก
    แต่เราเป็นมนุษย์แท้ๆ
    แม่สามีข้าเป็นห่วงเป็นใยข้า
    ความว้าเหว่ในวังนี้ไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวข้าเท่านั้น
    แต่เป็นความเจ็บปวดของพ่อแม่ของสามีข้าด้วย
    เพราะพวกเขาต้องสูญเสียลูกชายไป
    พวกเขาพยายามใช้ชีวิตต่อไป
    เพราะอย่างงั้นอย่าแยกพวกเราเลย

    มังคลา:
    ข้าพูดเพราะเห็นใจเจ้าหรอกนะ
    ข้าเคยเลือกเจ้าให้เทวทัตของข้าด้วยซ้ำ
    ยโสธรา:
    ความเห็นใจมันไร้ค่าท่านอา.
    หากท่านพูดเพื่อให้ครอบครัวแยกจากกัน
    ได้โปรดอย่าบอกให้ข้าไปจากวังนี้เลย.

    มังคลา:
    นี่เจ้า.
    (มันสำคัญมากที่ข้าต้องส่งเจ้าไปกบิลพัสดิ์ซะ
    เทวทัตลูกข้าหลงใหลในความงามของเจ้านัก).

    ★★★★★

    โกณฑัญญะ:
    เจ้ามาแล้ว! ข้ากำลังรอเจ้าอยู่

    สิทธัตถะ:
    อาจารย์โกณทัญญะ!ๆ

    โกณฑัญญะ:
    ไม่นึกว่าความกระหายใฝ่รู้ของเจ้าจะพาเจ้ามาไกลขนาดนี้
    แม้พระเจ้าสุทโธทนะจะพยามแค่ไหน
    เขาก็เปลี่ยนชะตาไม่ได้

    สิทธัตถะ:
    ข้ากำลังหาทางแก้
    เพื่อเป็นอิสสระจากวัฏจักรของการเกิดและดับ
    ข้าไปหาอาจารย์อาฬารดาบสก็เรื่องนี้
    ข้าได้รู้เรื่องสางคยะและสมาธิจากเขา
    และขั้นต่อไปข้าต้องไปหา
    ท่านอาจารย์อุทกมุนี

    โกณฑัญญะ:
    ต่อไปเราจะถูกแนะนำตัวแบบใหม่
    ก่อนนี้เราคืออาจารย์และศิษย์
    ตอนนี้เราคือเพื่อนร่วมชั้นแล้ว

    (ตื่นเต้นด้วยความกระหาย)
    สิทธัตถะ:
    ท่านเป็นศิษย์ท่านอุทกมุนีด้วยอย่างนั้นหรือ?
    (โกณฑัญญะพยักหน้ายิ้มรับด้วยความเมตตา)

    สิทธัตถะ:
    โปรดช่วยพาข้าไปพบเขาทีเถอะ

    โกณฑัญญะ:
    ข้าไม่มีแรงที่จะพาเจ้าไปถึงที่นั่นหรอกนะ
    แต่เมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้วเจ้าต้องเดินทางต่อไป
    สิทธัตถะคิดดูให้ดีๆ
    เพราะเจ้าไม่มีทางถอยหลังได้อีก

    สิทธัตถะ:
    ข้าไม่ได้มาไกลเพื่อถอยหลัง

    (ยิ้มด้วยความเมตตา)
    โกณฑัญญะ:
    ดูนั่น!
    ถ้ำที่เจ้าเห็นตรงหน้า
    อุทกดาบสทำสมาธิอยู่ที่นั่น
    เขาอุทิศชีวิต๗๐ปี
    เพื่อสังเกตความเงียบ
    ถ้ามีศิษย์ที่คู่ควร
    เขาก็จะถ่ายทอดความรู้ผ่านสมาธิขั้นลึก
    คนที่เข้าถึงสมาธิขั้นลึกได้
    คนผู้นั้นจะโชคดี
    พอที่จะได้เห็นเขา

    ★★★★★
    พบกับอุทกดาบสครั้งแรก

    อุทกดาบส:
    ใครเป็นคนเชิญเจ้ามาที่นี่

    สิทธัตถะ:
    ความกระหายของข้า

    อุทกดาบส:
    แล้วอะไรที่ดึงเจ้ามาที่นี่

    สิทธัตถะ:
    พลังของชีวิต

    อุทกดาบส:
    ไม่เอาความคิดมาด้วยหรือ?
    สิทธัตถะ:
    ความคิดเหมือนกระแสน้ำในมหาสมุทร
    มหาสมุทรไม่หวั่นไหวต่อกระแสน้ำ
    ข้าสัมผัสมาแล้ว
    ชีวิตคืออะไร?

    อุทกดาบส:
    ความลี้ลับ!
    เป็นสิ่งเดียวที่ทอดตัวในจักรวาล
    และทอดตัวอยู่ในใจของเจ้า
    เป็นสิ่งที่เวลาไม่อาจจะเปลี่ยนหรือลบมันไปได้

    สิทธัตถะ:
    ทำไมถึงมีทุกข์!

    อุทกดาบส:
    ความไม่แน่นอนของชีวิตคือเหตุของทุกข์!

    สิทธัตถะ:
    เราจะข้ามพ้นความไม่แน่นอนได้อย่างไร?

    อุทกดาบส:
    ด้วยการสัมผัสความจริงที่ไม่เคลื่อนไหวเป็นอมตะ
    และอยู่ชั่วนิรันด์
    เวลามีหลายระยะ
    จากนี้แค่ดอกไม้บาน
    และมีชีวิตกำเนิดขึ้น
    ซึ่งกลายเป็นพุทธะ
    ข้าโชคดีมากที่เจ้ายอมรับข้าเป็นอาจารย์

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    อาจารย์!
    ถ้ามีความจริงอันสูงสุดแล้วมันอยู่ที่ไหนกัน?

    อุทกดาบส:
    ในศูนย์กลางของทุกวงกลม
    เหมือนกับตะปูและสลัก
    มันทำให้สลักเคลื่อนที่ได้
    แต่ว่ามันไม่เคลื่อนที่ไปไหน
    มันหยุดนิ่ง.

    สิทธัตถะ:
    แต่ถ้าไม่มีวงกลมก็ไม่มีศูนย์กลาง

    (อุทกดาบสหัวเราะชอบใจ)
    อุทกดาบส:
    วงกลมหลายวงกำลังเคลื่อน
    มีจุดศูนย์กลางนับไม่ถ้วนรอบตัวเจ้า
    มีจุดศูนย์กลางนับไม่ถ้วนซ่อนตัวจากธรรมชาติ
    เราจะเรียกมันว่าจิตก็ได้
    เล็กกว่าเมล็ดพันธ์และกว้างกว่าท้องฟ้า
    ปกคลุมทุกสรรพสิ่งเหมือนกับผ้าปูเตียง
    แต่ฝ่ามือเจ้าสามารถกำได้
    คำตอบของคำถามมันอยู่ในฝ่ามือของเจ้า
    เจ้าดูดอกไม้สิ.
    มันรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่ต้องบาน
    และสำคัญคือความคิดทอดสู่ประตูแห่งความรู้
    ใจที่กวัดแกว่งอยู่นั้น
    จงสงบมันซะ
    หาที่ว่างของความคิด
    ของความหวังที่อยากอิสระ
    ของคำถามทั้งมวล
    จากนั้น
    จงจุดตะเกียงของเจ้า
    ในวัตรที่โดดเดี่ยวของเจ้าและนั่งนิ่งๆ
    ให้ทุกคนแกว่งไกวไป
    ยกเว้นเจ้า
    สูดลมหายใจเข้าไปให้ทั่วร่าง
    หยุดและดูว่า
    เกิดอะไรขึ้น
    ปล่อยลมหายใจออกมาจากทั้งร่าง
    กางฝ่ามือออกเต็มใจรับทุกสรรพสิ่งที่จะเข้ามา
    กำหนดลมหายใจไปลึกๆ
    จมลงไปสิทธัตถะ
    ไม่ต้องกลัว
    ( สิทธัตถะทำตาม)
    เจ้าได้ประสบมันด้วยตัวเองแล้ว
    จิตของเจ้าคือนิรันดร
    และจักรวาลอยู่ในทุกอณูของตัวเจ้า

    สิทธัตถะ:
    ถ้าจิตคือนิรันดรแล้วล่ะก็
    งั้นข้าก็คงไม่เห็น
    ข้าเห็นแต่ความไม่ยั่งยืน

    อุทกดาบส:
    ก็เจ้าเลือกมันเอง
    เจ้าจะเห็นในสิ่งที่เจ้าคิดอยู่
    แต่ว่านั่นคือความจริงสูงสุด
    หลังจากรู้ความลับเบื้องหลังของความจริงของชีวิต
    เกิดดับ เกิดใหม่
    มันก็เป็นแค่กลเท่านั้น

    สิทธัตถะ:
    แต่พลังชีวิตที่ว่า
    ที่พาข้ามาหาท่านซึ่งมันเรียกว่าจิต
    มันอยู่เบื้องหลังวัฏจักรอย่างนั้นหรือ

    อุทกดาบส:
    ใช่

    สิทธัตถะ:
    แต่ข้ามองไม่เห็น

    อุทกดาบส:
    เจ้าเห็นมันร่ายรำ
    การร่ายรำของความยั่งยืน
    คือการร่ายรำของความไม่แน่นอน
    ในภาษาของเจ้า
    จงตั้งใจอยู่กับสิ่งที่เจ้าเห็นและกำลังเกิดขึ้น
    นั่นไม่ใช่สองแต่รวมเป็นหนึ่งเดียว

    ★★★★★
    สิทธัตถะ:
    วันนี้ข้ารู้แล้วว่า
    อาจารย์ก็เป็นเสมือนพ่อแม่ของเรา

    อุทกดาบส:
    เจ้ายังกระหายอีกไหม?

    สิทธัตถะ:
    ขอรับอาจารย์
    เบื้องหลังของกลชีวิตคือความจริงที่ยั่งยืน
    ข้าจะได้เห็นมันไหม
    ข้าจะรวมกับมันได้ไหม
    หัวใจที่เป็นทุกข์น่ะอาจจะพบคำตอบก็ได้

    อุทกดาบส:
    ข้ารู้
    เราสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับความจริงอันนิรันด์
    แต่ข้าก็ยังไม่เคยสัมผัส
    ข้าไม่รู้เกินกว่านี้แล้ว

    สิทธัตถะ:
    มีอาจารย์ท่านไหนที่พาข้าไปถึงขั้นสุดท้ายได้

    (อุทกดาบสหัวเราะ)
    ถ้าข้ารู้ล่ะก็!
    ข้าคงไปเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว

    สิทธัตถะ:
    ข้าลาก่อนอาจารย์

    อุทกดาบส:
    ไปเถิด สิทธัตถะ
    สิ่งที่ข้ามีเจ้าเอาไปหมดแล้ว
    และสิ่งที่เจ้าจะได้
    ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดประตูการไถ่บาปแก่เจ้าเท่านั้น
    แต่ยังเป็นการทำเพื่อมนุษย์ทุกคนด้วย

    ★★★★★
    โกณฑัญญะ:
    อาจารย์บอกว่า:
    ทุกอย่างคือภาพลวงตา
    เราควรประเมินด้วยปัญญาของเรา
    วันนี้การเห็นเจ้าไป
    ข้ารู้สึกอื่อล้นด้วยความรัก
    แค่๑๕วันความรักของเจ้าสาดใส่ข้าสิทธัตถะ
    นี่คือกลของโลกมายา
    ไม่รู้อีกกี่ชาติเราถึงตัดความรู้สึกเหล่านี้ได้

    สิทธัตถะ:
    ภาพมายาคือรากเหง้าของความทุกข์ทั้งมวล ข้าได้สัมผัสพลังงานเบื้องหลังชีวิต
    และสิ่งที่อยู่หลังพลังงานนั้น
    เพื่อหาคำตอบเรื่องนี้
    ข้าอาจจะเสียชีวิต
    แต่ข้าจะไม่เปลี่ยนเส้นทางหรอก
    ข้าต้องรู้คำตอบให้ได้
    โปรดให้พรข้าด้วยเถิด

    โกณฑัญญะ:
    ข้ามาหาความรู้ก่อนเจ้า
    แต่เจ้ากลับทิ้งข้าไว้ข้างหลัง
    ข้าขอแตะเท้าเจ้าเถิด

    (ก้มลงรับมือห้ามอ.โกณฑัญญะ)
    สิทธัตถะ:
    ศิษย์ไม่มีวันเหนือกว่าอาจารย์ได้
    ในวัยเด็กของข้า
    ในสายตาของข้า
    ท่านเป็นคนจุดประกายคนแรก
    (สิทธัตถะก้มลงคารวะอาจารย์)

    โกณฑัญญะ:
    ความจริงอันนิรันด์อยู่ในความลับของชีวิต และคนที่เข้าถึงนามของเขานั้นจะเป็นอมตะและยั่งยืนชั่วกาลนาน เหมือนความจริงนั้นไม่มีผิด

    เจริญธรรม

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “คีโต” อาจไม่เหมาะกับผู้ป่วย “เบาหวาน”นะคะ


    ขอเกรินก่อนนะคะ


    เราไม่ได้มีเจตนา บอกว่าวิธีลดแบบ “คีโต”ไม่ดีนะคะ

    เราอยากมาแชร์ว่า ถ้าไม่มีความรู้มากพอ อาจเกิดโทษ


    เฮียเป็นเบาหวาน เป็นมานาน 10 ปี เนื่องจากหลายวันก่อน ก่อนเกิดเรื่อง เฮียไปอ่าน ไปเห็นในยูทูป หรือบทความในเว็บต่างๆ ที่ลงข้อมูล เกี่ยวกับ “วิธีการทาน แบบ Keto diet”

    ว่าเหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวาน ด้วยความที่อยากหายจากโรคนี้ ก็ไปเปิดอ่าน ไปดูยูทูป เว็บต่างๆ วนไปมา อยู่หลายวันค่ะ ก่อนเริ่มทาน


    หลักการของ Keto คือ เปลี่ยนแหล่งพลังงานของร่างกายจากคาร์บ เป็นไขมัน วิธีนี้มันเป็นการเปลี่ยนระบบร่างกายแบบสุดโต่ง ทั้งระบบย่อย ระบบดูดซึม ระบบเผาผลาญ ซึ่งมันควรได้รับการดูแล และแนะนำจากแพทย์ พอได้ข้อมูลว่าต้องเลือกทานอะไรบ้าง งดแป้ง งดน้ำตาล ซึ่งคนกิน Keto ต้องวางแผนการกินไขมันให้ดี เพราะนี่คือแหล่งพลังงานหลัก


    วันแรกของการทาน ก็มาถึง ความตั้งใจเฮียเต็ม100 กับร่างกายไม่เต็ม 100 มันไม่ยอมไปด้วยกัน บวกกับข้อมูลที่ไม่มากพอ เพราะถ้าคนเป็นเบาหวาน ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ อันนี้เริ่มเองเลยจ้า ทานคีโตวันละ 2 มื้อ เช้า กับเที่ยง อ่านข้อมูลไม่ครบ ไม่ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เอะอะ ก็ขาหมู นึกอะไรไม่ออกก็หมูกรอบแทบทุกมื้อ ผักไม่ถึง ไขมันไม่ได้ balance งดน้ำตาล งดแป้ง พอตอนเย็นงดอาหารตั้งแต่ 4 โมง โดยเอาสูตร Intermittent Fasting หรือเรียกสั้นๆ ว่า IF มามิกซ์กับคีโต เพราะอยากเห็นผลไวๆ สุดโต่งไปอีก555 ทานมาได้วันที่สามเริ่มมึนเบลอ วันที่ 4 เริ่มมีอาการ จะอาเจียนตลอดเวลา ตัวร้อน เวียนหัว


    พอเริ่มอาการวันที่ 5 อาเจียน ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง 6 รอบ ถ่ายอีก 10 รอบ รอบสุดท้ายอาเจียนเป็นสีดำ ถ่ายเป็นสีดำ หัวใจเต้นแรง ร่างกายอ่อนแรง ทางบ้านพาเฮียส่งโรงบาล เฮียอาการเหมือนคนจะวูบ จะอาเจียนตลอดเวลา ไข้ขึ้นสูง ตัวร้อน หน้าเหลือง ปากแห้ง


    พอถึงโรงพยาบาล ก็ได้เล่าอาการต่าง เจาะเลือด รอผล ระหว่างรอให้น้ำเกลือ แอดมิท พอได้ห้อง อาการอาเจียนเริ่มสงบลง กำลังจะหลับ สักพักคุณหมอเดินมาพร้อม แจ้งผลตรวจร่างกาย


    “คืนนี้คงนอนห้องนี้ ไม่ได้ครับ คนไข้

    ต้องย้ายเข้า I C U”


    เพราะผลตรวจร่างกาย เบื้องต้นของคนไข้

    ระบบร่างกายแปรปรวน จนเบาหวานวิกฤต

    ค่าไตผิดปกติ อาจจะต้องฟอกไต

    เลือดเป็นกรด

    ค่าน้ำตาลสูง 320

    ความดันผิดปกตื

    ชีพจรผิดปกติ

    ห้วใจเต้นผิดปกติ

    เสียเกลือแร่เยอะ

    หมอคงต้องให้คนไข้ เข้า I CU ครับ


    ความรู้สึกตอนนั้นมันบอกถูก คือไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ ร้ายแรงขนาดนี้ ยอมรับเลยค่ะเครียดมาก จนคุณหมอบอกว่าต้องคอยดูอัพเดทอาการ ชั่วโมงต่อชั่วโมง พอเช้าจากเมื่อคืนที่น้ำตาลสูง 320 ค่อยๆลดลงมาเหลือ 176 ค่าไตดีขึ้น ไม่ต้องฟอก แต่ความดัน ชีพจร ยังคงผิดปกติอยู่ เลือดเป็นกรด คนไข้รู้สึกตัวเล็กน้อย พูดคุยได้ แต่ยังทานอะไรไม่ได้เพราะ จะอาเจียนตลอดเวลา


    อยู่ I C U ได้สองวัน ค่าต่างๆ ของร่างกาย ดีขึ้น

    ย้ายมาห้องปกติค่ะ ระหว่างที่อยู่ I C U ทานได้แค่น้ำข้าว มื้อละ 2 - 4 คำ ค่อยๆ ทานอาหารเหลว พอย้ายมาพักห้องปกติ จะมีอาการกลัวกลิ่น กระเทียม กลัวของมันๆ ได้กลิ่นก็จะอาเจียน กลัวหมูกรอบ555 เริ่มทานข้าวต้มได้ 5-6 คำ ทานผลไม้ได้ชิ้นสองชิ้น เข้าวันที่สาม วันที่สี่ อาการระบบร่างกายน้ำตาลดีขึ้นตามลำดับค่ะ


    ส่วนตัวเรามองว่า วิธี diet ทุกวิธีดีหมดคะ อยู่ที่เราจะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา หรือไม่ เราต้องมีความรู้ ความเข้าใจมากพอ และรู้จักร่างกาย ตัวเองว่าไหวมั้ย ปรับได้มากแค่ไหน เพราะที่สำคัญ ร่างกายแต่ละคน ไม่เหมือนกันค่ะ บางคนรับได้กับวิธีนี้ บางคนรับไม่ได้ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ ดีที่สุด ควรเดินทางสายกลาง อยู่ในความพอดี


    คีโต อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน

    คีโต เหมาะกับคนที่ศึกษา และมีความรู้มากพอ

    และรู้เรื่องการคำนวณสารอาหาร สร้างสมดุลให้ร่างกาย เคสเฮียไม่ศึกษารายละเอียดให้ มากพอ

    เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนเป็นเบาหวานค่ะ ควรมีที่ปรึกษา และอยู่ในความดูแลของแพทย์


    ตอนนี้เฮียปลอดภัยดีแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สารที่ช่วยให้มนุษย์ มองเห็นในที่มืดได้ไกลถึง 50 เมตร สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก เป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อว่า "Science for the Masses"
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้นใน Mullica hill รัฐนิวเจอร์ซีย์ # 14 มิถุนายน

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ซาร์ดิเนียในอิตาลีได้รับผลกระทบจากตั๊กแตนหลายล้านตัวทำลายพืชผลมากกว่า 6,200 เอเคอร์และทุ่งหญ้าจำนวนมากถูกทำลาย สมาคมชาวสวนเกษตรแห่งอิตาลีกล่าวว่านี่เป็นหายนะที่ร้ายแรงที่สุดในอิตาลีในรอบ 70 ปี
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    #ประเทศจีน ที่ Yongzhou มณฑลหูหนาน ประสบกับฝนตกหนักโดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 90 มม. ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก โครงสร้างอิฐสองชั้นในท้องถิ่นและโครงสร้างปูนถล่มในช่วงน้ำท่วมและส่งเสียงดัง โชคดีที่ผู้อยู่อาศัยในอาคารนี้ถูกอพยพล่วงหน้าโดยไม่เกิดการบาดเจ็บ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1560518108576.jpg

    (Jun 14) อังค์ถัด'ชี้เอฟดีไออาเซียนปี61ทะยานสวนทางทั่วโลก : อังค์ถัดเผยเอฟดีไออาเซียนปี 2561 ทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางเอฟดีไอโลก ที่ลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เหตุสงครามการค้า เบร็กซิท และความขัดแย้ง ทางการเมืองหลายพื้นที่ของโลก

    ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วย การค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) เปิดเผยรายงานการลงทุนทั่วโลก ปี 2562 ระบุว่า การลงทุนโดยตรงจาก ต่างประเทศ(เอฟดีไอ) ลดลง 13% ในปี 2561 สู่ระดับ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ จากปี 2560 โดยลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน จาก3ปัจจัยหลักคือความ ไม่แน่นอนของเบร็กซิท การจัดเก็บภาษีประเทศคู่ค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ รวมถึงประเทศจีน และปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในภูมิภาคต่างๆ

    รายงานการลงทุนทั่วโลกของ อังค์ถัด ระบุว่า การลดลงของเอฟดีไอ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการที่บริษัท ข้ามชาติของสหรัฐโอนเงินรายได้จากต่างประเทศกลับสู่สหรัฐ แต่ในปี 2562 คาดว่า เอฟดีไอจะฟื้นตัวขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากผลกระทบ จากการปฏิรูปภาษีของสหรัฐได้ ลดน้อยลง และประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการ โอนย้ายผลประกอบการกลับประเทศ โดยเอฟดีไอร่วงลงราว 25% แตะ 5.57 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2547

    นายมูคิซา คิตูยิ เลขาธิการอังค์ถัด กล่าวว่า เอฟดีไอยังคงอยู่ที่ระดับต่ำ หลังเกิดวิกฤติ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการที่อังค์ถัดสัญญาที่จะจัดการกับความท้าทายเร่งด่วนทั่วโลก อาทิ ความยากจน และวิกฤติสภาพอากาศ ภูมิศาสตร์การเมือง และความตึงเครียดทางการค้า เป็นความเสี่ยงที่จะยังคงถ่วง เอฟดีไอลงในปี 2562 และในปีต่อๆ ไป"

    อย่างไรก็ตาม ปริมาณเอฟดีไอที่ไหลเข้าสู่จีน เพิ่มขึ้น 4% ในปี 2561 ถือเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ที่ 1.39 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของปริมาณ เอฟดีไอทั้งหมดทั่วโลก และถึงแม้เอฟดีไอลดลง แต่สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่รับเอฟดีไอรายใหญ่ที่สุด รองลงมาได้แก่ จีน และ สิงคโปร์

    ปริมาณเอฟดีไอที่ไหลเข้าจีนในปริมาณที่เพิ่มขึ้นในปี2561 เป็นส่วนหนึ่ง ของปริมาณเอฟดีไอในภูมิภาคเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน ปีเดียวกันที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางภาวะการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยในกลุ่มชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศนั้น มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงใหม่ๆ ไหลเข้า ไปมากเป็นประวัติการณ์ที่ 149,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์จากการที่จีนเปิดสงครามการค้ากับสหรัฐ บริษัทจีนจึงหาแหล่งผลิตใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวจากมาตรการภาษี

    ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 จนถึงวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ยอดเอฟดีไอในเวียดนาม ของนักลงทุนจีน เฉพาะโครงการที่ผ่านการอนุมัติแล้ว เพิ่มขึ้น 5.6 เท่า เป็น 1,560 ล้านดอลลาร์ และหากนักลงทุนจีนยังคงมุ่งเน้นเข้ามาลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่องต่อไป จีนจะได้ชื่อว่าเป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้าลงทุนในจีนมากที่สุด นับตั้งแต่เวียดนามเปิดเผยเอฟดีไอรายประเทศเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2550

    ส่วนเกาหลีใต้ ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยมูลค่าการลงทุนที่ผ่านมาอนุมัติแล้ว 1,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่เมื่อปี 2560 และ ปี 2561 มียอดการลงทุนประมาณ 730 ล้านดอลลาร์ ส่วนไทย ได้อานิสงส์จากบริษัทจีนเข้ามาลงทุนโดยตรงเช่นกัน โดยนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้จนถึงเดือนมี.ค.ไทย อนุมัติโครงการเอฟดีไอจากจีนเพิ่มขึ้น 2 เท่า มีมูลค่า 933 ล้านดอลลาร์

    ฟิลิปปินส์ ก็มียอดเอฟดีไอจาก จีนเพิ่มขึ้น โดยเมื่อปีที่แล้ว จีนลงทุน โดยตรงในฟิลิปปินส์คิดเป็นมูลค่า 979 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 20 เท่า

    นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว บริษัทจีน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวนกว่า 20 แห่งย้ายฐานการดำเนินงาน ออกจากจีนไปต่างประเทศหรือเพิ่มกำลังการผลิตในต่างประเทศแทนที่โรงงานผลิตในประเทศจีน
    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘เชาว์’อัด‘วิชัย’ ดันราคาน้ำมันปาล์ม ช่วยห้างซ้ำเติม ปชช.
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คูเวตร้อนจัด!ทะลุ 63 องศา ตายแล้ว 2 หมวดข่าว:ต่างประเทศ วันที่ 14 มิ.ย. 62 เวลา 15:39:48 น.

    สภาพภูมิอากาศในประเทศคูเวตร้อนจัดเข้าขั้นวิกฤต ทุบสถิติร้อนที่สุดในโลก โดยอุณหภูมิล่าสุดทะลุ 63 องศาเซลเซียส ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย

    ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายเป็นชาวอียิปต์ สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากอาการลมแดด จากอากาศที่ร้อนจัด โดยสถานีวัดอากาศในเมืองมิตริบาห์ ทางตอนเหนือของคูเวตสามารถวัดอุณหภูมิได้ถึง 52.2 องศาเซลเซีย แต่หากวัดจากแสงแดดโดยตรง อุณหภูมิจะร้อนจัดถึง 63 องศาเซลเซียส

    ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาคูเวตคาดการณ์ว่า ปีนี้ คูเวตอาจเผชิญกับฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดถึง 68 องศาเซลเซียส พร้อมเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์

    ขณะที่จีน ทางการเริ่มประเมินความเสียหายจากฝนตกหนักและน้ำท่วมในพื้นที่ทางใต้และตอนกลางของประเทศตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 61 ราย บ้านเรือนประชาชน 9,300 หลังได้รับความเสียหาย พื้นที่ทางการเกษตรกว่า 23 ล้านไร่จมอยู่ใต้น้ำ สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    ส่วนที่ตำบลหวู่ปิง มณฑลฝูเจี้ยนเมื่อวานนี้ เกิดดินจากภูเขาถล่มทับรถยนต์หลายคันที่จอดอยู่สองข้างถนน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย สาเหตุดินถล่มคาดว่าเกิดจากพายุฝน
    Screenshot_20190614-204432.png Screenshot_20190614-204435.png Screenshot_20190614-204452.png
    http://news.ch3thailand.com/abroad/97291
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2019
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก.พลังงาน เตรียมมาตรการรับสงครามตะวันออกกลาง
    หมวดข่าว:เศรษฐกิจ
    วันที่ 14 มิ.ย. 62 เวลา 15:43:30 น.
    Screenshot_20190614-211317.png
    ราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวนแบบวันต่อวัน หลังเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำถูกโจมตีในอ่าวโอมาน หวั่นเกิดสงครามตะวันออกกลาง จนไม่สามาถส่งน้ำมันได้ กระทรวงพลังงานจึงเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินนี้

    กระทรวงพลังงาน เตรียมมาตรการฉุกเฉิน รับมือสงครามตะวันออกกลาง โดยขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาราคาขายปลีกในประเทศ เพราะโดยปกติแล้ว หากน้ำมันขึ้น 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จะกระทบกับราคาขายปลีก 20 สตางค์

    โดยขณะนี้ ปริมาณน้ำมันในประเทศ รวมกับน้ำมันสำรอง และน้ำมันที่อยู่ระหว่างขนส่ง แต่ผ่านช่องแคบฮอร์มุชมาแล้ว ไทยยังมีน้ำมันใช้ได้ 50 วัน / LPG มีใช้อีก 20 วัน แต่ไม่ต้องกังวล เพราะ LPG ส่งมาจากอ่าวไทย

    หากราคาน้ำมันตลาดโลกดีดขึ้นรุนแรง กระทรวงพลังงานมีกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เม็ดเงิน 4 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยให้ราคาขายปลีกกระทบกับภาคประชาชนน้อยที่สุด

    http://news.ch3thailand.com/economy/97292
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2019
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    เฮ็สเซิน, ประเทศเยอรมนี # 13 มิถุนายน
    Hesen Alemania #13jun

    FB_IMG_1560522200845.jpg FB_IMG_1560522203261.jpg FB_IMG_1560522206311.jpg

    [เฮ็สเซิน หรือ เฮ็สส์ เป็นรัฐหนึ่งในประเทศเยอรมนี มีเนื้อที่ 21,110 ตารางกิโลเมตรแต่มีประชากรอาศัยอยู่แค่ 6 ล้านคน เมืองหลวงรัฐคือวีสบาเดิน เมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐอยู่ใกล้กับเมืองฟรังค์ฟวร์ทอัมไมน์ ได้รับผลประโยชน์จากพื้นที่บริเวณแม่น้ำไรน์ วิกิพีเดีย]
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ตั๊กแตน langosta บุกซาอุดิอาระเบีย # 13 มิถุนายน
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    แผ่นดินถล่มใน Caldas ประเทศ Colombia อีกครั้ง # 13 มิถุนายน
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    กระแสน้ำย้อมสีแดงในย่าน Caicedo ในโคลัมเบีย # 13 มิถุนายน
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พายุ ในโตรอนโต # 13 มิถุนายน
     

แชร์หน้านี้

Loading...