ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    MIDDLE EAST

    ทันใดนั้นด้านหน้าของอาคารก็พังทลายลง ในเลบานอน
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    MIDDLE EAST

    หิมะละลายจากภูเขาของอัฟกานิสถานและดูกลายเป็นแม่น้ำ
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    190111170156-brexit-questions-lead-image-large-169.jpg

    (Mar 23) ที่ประชุมกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปมีมติยินยอมให้สหราชอาณาจักรสามารถเลื่อนกำหนดการ Brexit ออกไปจนถึงวันที่ 22 พ.ค. 2019 : ที่ประชุมกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปมีมติอนุมัติข้อตกลง Brexit ที่ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2019 หรือ”Strasbourg Agreement” และมีมติยินยอมให้สหราชอาณาจักรสามารถเลื่อนกำหนดการ Brexit ออกไปจากกำหนดเดิม (29 มี.ค. 2019) โดยแบ่งออกเป็น 2 แนวทางดังนี้
    1) สหราชอาณาจักรสามารถเลื่อนกำหนดการ Brexit ออกไปได้จนถึงวันที่ 22 พ.ค. 2019 แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหราชอาณาจักรจะต้องลงมติรับรองข้อตกลงBrexit ภายในสัปดาห์หน้า แต่
    2) หากสภาผู้แทนราษฎรสหราชอาณาจักรไม่รับรองข้อตกลงBrexit (ตามเงื่อนไขในข้อ 1) สหราชอาณาจักรจะสามารถเลื่อนกำหนดการ Brexit ออกไปได้จนถึงวันที่ 12 เม.ย. 2019 เท่านั้น และคาดหวังว่าสหราชอาณาจักรจะนำเสนอแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับ Brexit ในขั้นตอนต่อไปเพื่อให้ที่ประชุมกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปพิจารณาอีกครั้ง
    มติที่ประชุมกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปดังกล่าวเป็นการยินยอมให้สหราชอาณาจักรสามารถเลื่อนกำหนดการ Brexit ออกไปจนถึงช่วงก่อนการเลือกตั้งของรัฐสภายุโรป ซึ่งสั้นกว่าระยะเวลาที่ นาง Theresa May นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรเรียกร้องให้ขยายระยะเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2019 โดยที่ประชุมกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าข้อตกลง Brexit ที่ได้มีการตกลงร่วมกันไปแล้วจะไม่ถูกนำกลับมาพิจารณาและเปิดการเจรจาใหม่ แต่ทางสหราชอาณาจักรสามารถระบุถึงข้อตกลง ข้อสัญญา หรือเอกสารข้อความใดๆ เพิ่มเติมได้ หากสิ่งที่ระบุเพิ่มเติมดังกล่าวไม่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของข้อตกลงBrexit ที่มีอยู่เดิม
    ด้านนาย Donald Tusk ประธานที่ประชุมกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรป ระบุว่า ทางเลือกทุกทางสำหรับ Brexit ยังคงเปิดกว้างให้กับสหราชอาณาจักรจนถึงวันที่ 12 เม.ย. 2019 ซึ่งเป็นวันที่สหราชอาณาจักรจะต้องให้การยืนยันว่าจะจัดการเลือกตั้งสภายุโรปหรือไม่ โดยหากสหราชอาณาจักรยืนยันว่าจะไม่จัดการเลือกตั้งสภายุโรป กรณี Long extension จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
    ขณะที่นาย Emmanuel Macron ประธานาธิปดีฝรั่งเศสกล่าวต่อที่ประชุมกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปว่า ก่อนการประชุมจะเริ่มต้นขึ้นตนประเมินว่า โอกาสที่ข้อตกลง Brexit ของรัฐบาลสหราชอาณาจักรจะได้รับการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหราชอาณาจักรนั้นอยู่ที่ร้อยละ 10 แต่หลังจากที่ตนได้รับฟังแผนการและคำอธิบายเกี่ยวกับประเด็น Brexit จาก นาง May แล้ว ตนประเมินว่าโอกาสดังกล่าวได้ลดลงเหลือเพียงแค่ร้อยละ 5 เท่านั้น ซึ่ง นาย Tusk ระบุว่า การประเมินของ นาย Macron นั้น “very optimistic”
    Source: BoTSS
    - https://edition.cnn.com/2019/03/22/uk/brexit-what-next-intl-gbr/index.html
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยูเอ็นเร่งขอความช่วยเหลือโมซัมบิกเดือดร้อนหนักหลังไซโคลนถล่ม
    ต่างประเทศ 23 มี.ค. 2019 16:21:05

    เบียรา 23 มี.ค.- สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เร่งขอความช่วยเหลือจากนานาชาติเพื่อช่วยเหลือโมซัมบิก ประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้ของแอฟริกาที่ถูกไซโคลนถล่มเมื่อสัปดาห์ก่อน และประชาชนยังเดือดร้อนหนักจนถึงขณะนี้

    ไซโคลนอิดาอี ความรุนแรงระดับสี่ กระหน่ำโมซัมบิกด้วยความเร็วลมเกือบ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้น้ำท่วมเป็นวงกว้าง องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือไอโอเอ็ม (IOM) เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอยู่ที่ 293 คน ส่วนที่ซิมบับเว ประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันตกมีผู้เสียชีวิต 259 คน ประชาชนเดือดร้อนร่วม 1.7 ล้านคน หลายร้อยคนยังสูญหาย หลายคนติดอยู่ตามหลังคาบ้านเรือน ผู้รอดชีวิตมีสภาพความเป็นอยู่เลวร้าย เสี่ยงเกิดโรคระบาดที่เกิดจากน้ำอย่างอหิวาต์ โครงการอาหารโลกประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า วิกฤตด้านอาหารในโมซัมบิกฉุกเฉินระดับสามแล้ว เทียบเท่าวิกฤตในเยเมน ซีเรียและเซาท์ซูดานที่ตกอยู่ในสงคราม การประกาศระดับวิกฤตเป็นไปเพื่อเร่งปฏิบัติการความช่วยเหลือขนานใหญ่ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้

    โดยเฉพาะที่เมืองเบียรา เมืองใหญ่อันดับสี่ทางตอนกลางของโมซัมบิก หน่วยงานบรรเทาทุกข์ได้รับรายงานผู้ป่วยอหิวาต์แล้ว และมีผู้ป่วยมาลาเรียเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีชีวิตอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขังสกปรก ปัญหาสุขอนามัยและน้ำดื่มสะอาดกำลังเป็นเรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ประสบภัยมีโอกาสติดโรคทางเดินหายใจ เช่น ปอดอักเสบด้วย.-สำนักข่าวไทย

    1553332860748-800x450x2.jpg


    https://www.tnamcot.com/view/MM02L4v
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไฟไหม้โรงงานปิโตรเคมีสหรัฐเริ่มปะทุอีกครั้ง
    ต่างประเทศ 23 มี.ค. 2019 12:08:11
    Screenshot_20190323-180650.png
    สหรัฐ 23 มี.ค.- เหตุเพลิงไหม้โรงงานปิโตรเคมีของบริษัทไอทีซีในรัฐเทกซัสของสหรัฐที่สงบลงเมื่อสองวันก่อน เริ่มกลับมาปะทุรอบใหม่อีกครั้ง

    เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่โรงงานปิโตรเคมีของบริษัทไอทีซีในรัฐเทกซัสของสหรัฐที่สงบลงเมื่อสองวันก่อนเริ่มกลับมาปะทุรอบใหม่อีกครั้งส่งผลให้มีกลุ่มควันดำปกคลุมไปทั่วบริเวณ ไฟได้เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อก่อนเวลา 16.00 น.ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำความสะอาดโรงงานที่ได้รับความเสียหายหลังเกิดเพลิงไหม้มาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้วก่อนที่จะดับเพลิงได้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้.-สำนักข่าวไทย

    https://www.tnamcot.com/view/ULyp31p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2019
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชายผู้ดื่ม ‘เหล้าขาว’ แทนน้ำเปล่ามานานเกือบ 30 ปี จนร่างกายเปลี่ยนไป ด้วยโรคประหลาด
    By เหมียวตะปู -

    21/03/2018

    หากว่าเหล่านักดื่มได้เปิดมาอ่านเรื่องราวนี้ มันอาจทำให้ทุกคนถึงกับเลิกดื่มแอลกอฮอล์ไปเลยก็ได้ เพราะนี่คืออุทาหรณ์เตือนใจสำหรับคอทองแดงทั้งหลาย กับเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ดื่มเหล้าขาวทุกวันมานานเกือบ 30 ปี จนทำให้เขาต้องป่วยเป็นโรคประหลาด

    ชายคนนี้ใช้ชื่อว่า Tan วัย 68 ปี เขาเริ่มวิถีนักดื่มตั้งแต่อายุเพียง 13 ขวบ โดยที่พ่อแม่อนุญาตให้เขาทำอย่างนั้น จนกระทั่งอายุได้ 40 ปี เขาก็กินเหล้าขาววันละอย่างน้อย 1 ลิตร ทุกๆ วัน แล้วเขายังบอกอีกว่าเขาดื่มแอลกอฮอล์ราวกับดื่มน้ำยังไงยังงั้นเลย

    Tan ชายหนุ่มที่ดื่มสุราแทนน้ำมาอย่างยาวนาน
    4-30.png

    เขาใช้ชีวิตแบบนั้นไปได้เกือบ 30 ปี จู่ๆ ก็มีก้อนไขมันงอกขึ้นมาบริเวณคอของเขา ทำให้ชายหนุ่มดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดหรือเจ้ายักษ์ตัวเขียว The Incredible Hulk

    ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Hunan Provincial People’s Hospital เมืองฉางชา ประเทศจีน แพทย์ Xiao Xuping วินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรค Madelung อาการหายากซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกไขมันขึ้นมาตามร่างกายหลายๆ จุด โดยเฉพาะบริเวณคอและไหล่

    แพทย์อธิบายว่านี่คือผลกระทบจากการที่เขาดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักมาโดยตลอด และอาการดังกล่าวมักจะเกิดกับผู้ชายที่อยู่ในช่วงวัยกลางคน

    2-450.jpg

    ครั้งแรกที่ Tan มีเนื้องอกโผล่ขึ้นมาคือในปี 1997 แต่แล้วมันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมาหยุดที่ปี 2011 และไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดหลังจากนั้น

    หมอบอกกับชายหนุ่มว่าเขาไม่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะโรคนี้ไม่ได้เป็นอันตรายถึงตาย แต่ถ้าหากว่ามันไปกระทบกับการหายใจของเขาเมื่อไหร่ ให้รีบกลับมาพบหมอเป็นการด่วน

    แล้วสิ่งที่หมอเตือนเอาไว้ก็เกิดขึ้นมาในปี 2017 Tan จำเป็นต้องกลับเข้ามารักษาอีกครั้ง หลังจากที่เนื้องอกไขมันจำนวนมากได้ไปขัดขวางทางเดินหายใจเอาไว้จนทำให้รู้สึกเจ็บ

    3-450.jpg

    นายแพทย์ Xiao จึงตั้งใจที่จะทำการผ่าตัดเพื่อลดปริมาณไขมันของเนื้องอก โดยรวมถึงวิธีการดูดไขมันที่จะใช้ควบคู่ไปกับวิธีการอื่นๆ

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังบอกอีกว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องเลิกกินเหล้าเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นก้อนไขมันเหล่านี้อาจเกิดซ้ำขึ้นมาได้ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนั้นเขาคงจะทำตามที่แพทย์บอกล่ะนะ

    ตามข้อมูลจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติบอกว่า ราวๆ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยเนื้องอกไขมันในลักษณะเดียวกันนี้ มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์แทบทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าการดื่มเหล้านั้นคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรค

    1-460.jpg

    เพราะฉะนั้นแล้ว หากเป็นไปได้ก็ลด ละ เลิกการดื่มสุรากันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดีของเราในวันนี้และวันหน้า จะได้ไม่ต้องมามีปัญหากันภายหลังเหมือนอย่างชายคนนี้

    ที่มา: ladbible

    https://www.catdumb.com/rice-wine-guy-disease-339/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    Resizer_15533410225670.png

    (Mar 23) 'เฟด'เปลี่ยนนโยบายฉับพลัน หยุดขึ้นดอกเบี้ยปีนี้-เลิกลดงบดุลเดือน ก.ย. - “เฟด” ยุติการเข้มงวดนโยบายเงินอย่างฉับพลัน ยกเลิกเป้าหมายที่จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ท่ามกลางสัญญาณที่ชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง และจะหยุดลดงบดุลในเดือนกันยายนนี้ มีการมองในขณะนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะพุ่งสูงสุดที่ 2.6% ในปีหน้า แต่ยังต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในอดีตประมาณ 1% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซบเซามากขึ้น

    มาตรการที่ได้ประกาศหลังการประชุมในวันที่ 19-20 มีนาคม หมายถึงว่าความพยายามของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะนำนโยบายเงินกลับสู่ภาวะปกติให้มากขึ้น จะหยุดลงก่อนเวลาที่เฟดได้คาดการณ์ไว้เมื่อปลายปี 2558 เมื่อเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกจากระดับศูนย์เปอร์เซ็นต์

    หลังจากที่ได้ประมาณการเงินเฟ้อ การว่างงานและการเติบโตของสหรัฐฯ คณะกรรมการนโยบายเงินของเฟดกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานชั่วข้ามคืน (fed funds rate) น่าจะยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบันซึ่งอยู่ระหว่าง 2.25%-2.50% ไปจนตลอดปีนี้เป็นอย่างน้อย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มทั้งหมด มีการมองในขณะนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยกำลังจะพุ่งสูงสุดที่ 2.6% ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงใดช่วงหนึ่งของปี 2563 โดยจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในอดีตประมาณ 1% และเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ยุคซบเซามากขึ้นแล้ว

    คณะกรรมการนโยบายเงินไม่ได้มองอีกต่อไปว่ามีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอยู่ในระดับ “จำกัด” เพื่อเป็นการป้องกันเงินเฟ้อซึ่งยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ที่เฟดได้ตั้งไว้ ซึ่งถือว่าตรงข้ามกับการคาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ตลอดปีที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ยังได้กล่าวว่า จะเริ่มชะลอการลดสินทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ 50,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และหยุดลดสินทรัพย์ทั้งหมดในเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นการยุติการเข้มงวดนโยบายเงินรอบที่สองที่เฟดได้ทำในฉากหลังมานับตั้งแต่ปลายปี 2560 ในแง่ของอัตราดอกเบี้ย การตั้งเป้าหมายใหม่ของเฟดได้ทำให้จำนวนการขึ้นดอกเบี้ยที่คาดไว้สำหรับปีนี้จะลดลงเหลือศูนย์ จากที่เมื่อเดือนธันวาคม คาดการณ์ว่าจะขึ้นสองครั้ง ซึ่งถือเป็นการดำเนินนโยบายอย่างก้าวร้าวน้อยลงโดยสิ้นเชิงเนื่องจากมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

    คณะกรรมการนโยบายเงินอย่างน้อย 9 ใน 17 คน ลดแนวโน้มดอกเบี้ย เฟด ฟันด์ เรตลง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก

    เจอร์โรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวหลังการประชุมนโยบายว่า อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่แนวโน้มงานและเงินเฟ้อจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

    คณะกรรมการนโยบายเงินได้ออกแถลงการณ์ในวันพุธว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะยังคงมีตลาดแรงงานที่มีความแข็งแกร่งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

    อย่างไรก็ดี มีความสงสัยมากขึ้น โดยการลงทุนของธุรกิจและการใช้จ่ายของครัวเรือนลดลงในช่วงต้นปี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าการเติบโตที่เกิดขึ้นในปี 2561 เพราะมาตรการลดภาษีและการใช้จ่ายของรัฐบาล ได้ยุติลงก่อนเวลา การคาดการณ์เศรษฐกิจที่เฟดได้เปิดเผยเมื่อวันพุธ ชี้ว่า คณะกรรมการนโยบายเงินโดยเฉลี่ยมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโตเพียง 2.1% ในปี 2562 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์เมื่อปี 2561 ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เต็ม และยังต่ำกว่าที่คณะบริหารของทรัมป์ยืนยัน

    มุมมองดอกเบี้ยใหม่ของเฟดนี้สอดคล้องกับนักลงทุนที่ได้โต้แย้งว่าธนาคารกลางสหรัฐจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้และยังสอดคล้องกับการโจมตีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยเป็นอันตรายต่อการฟื้นตัว แม้ว่าเป็นเหตุผลที่สร้างความอึดอัดใจเพราะ เฟดไม่เห็นว่านโยบายของเขามีผลกระทบต่อการเติบโตเป็นเวลานาน ตราสารดอกเบี้ยเฟด ฟันด์ เริ่มคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยภายในปีหน้าหลังจากที่เฟดได้แถลงนโยบายและเปิดเผยประมาณการ

    พาวเวลล์ ได้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังดีและมีแนวโน้มเป็นบวก แต่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีน และแม้แต่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเฟดกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปรับตัวขึ้นหลังเฟดออกแถลงการณ์ ก่อนที่จะอ่อนตัวลงในเวลาต่อมา และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม ส่วนดอลลาร์อ่อนตัวลงในวงกว้างเมื่อเทียบกับสกุลเงินของคู่ค้าใหญ่ ๆ

    การคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ชี้ว่าทุกด้านซบเซาลงเมื่อเทียบกับประมาณการของเฟดเมื่อเดือนธันวาคม และนอกจากการเติบโตชะลอตัวลงแล้ว มีการคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานของปีนี้จะอยู่ที่ 3.7% ซึ่งสูงกว่าประมาณการเมื่อสามเดือนก่อนเล็กน้อย ส่วนเงินเฟ้อมีการมองในขณะนี้ว่าจะอยู่ที่ 1.8% จากที่ประมาณการไว้ 1.9% ในเดือนธันวาคม

    เฟดกล่าวว่า กิจกรรมเศรษฐกิจ โตลดลงจากไตรมาสสี่ ดัชนีหลาย ๆ ตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ว่าการใช้จ่ายของครัวเรือนและการลงทุนคงที่ของธุรกิจในช่วงไตรมาสหนึ่งจะโตลดลง และเงินเฟ้อโดยรวมได้ลดลง

    Source: ข่าวหุ้น
    - Instant View: Steady Fed sees no more hikes in 2019 : https://www.reuters.com/article/us-...-fed-sees-no-more-hikes-in-2019-idUSKCN1R12H6
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship St Resizer_15533418217550.png udents



    (Mar 22) ทรัมป์ เล็งเสนอชื่อ สตีเฟน มัวร์ นั่งผู้ว่าการเฟด หวังปูทางสู่การโหวตนโยบายการเงิน : ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเสนอชื่อนายสตีเฟน มัวร์ เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด โดยนายมัวร์ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันนั้น เคยช่วยงานปธน.ทรัมป์ในการร่างนโยบายภาษี

    ทั้งนี้ หากนายมัวร์ได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟด ก็จะทำให้เขามีสิทธิ์ออกเสียงในการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด โดยขณะนี้มีตำแหน่งผู้ว่าการเฟดว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง ในคณะผู้ว่าการเฟดซึ่งมีทั้งหมด 7 ตำแหน่ง

    ที่ผ่านมาปธน.ทรัมป์มักมีความเห็นขัดแย้งกับนโยบายของเฟดมาโดยตลอด โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับรายการของฟอกซ์ บิสิเนส เน็ตเวิร์คเมื่อวานนี้ว่า หากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และกรรมการเฟดคนอื่นๆ ไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจของสหรัฐก็อาจจะขยายตัวเกินกว่า 4% ต่อปีในปี 2561 แทนที่จะเป็น 3.1%

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตรา 2.9% ในปี 2561 ขณะที่ในไตรมาส 4/2561 ขยายตัว 3.1% จากระดับในปี 2560

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา

    https://www.reuters.com/article/us-...for-fed-governor-bloomberg-news-idUSKCN1R30E2
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1553342139344.jpg

    (Mar 22) สรรพากรชี้ก.ม.'อีเพย์เมนท์' เครื่องมือตรวจจับคนเลี่ยงภาษี : ในที่สุดกฎหมาย "อีเพย์เมนท์" ที่หลายคนโดยเฉพาะกลุ่ม "ผู้ค้าออนไลน์" กังวลเป็นอย่างมากว่า กรมสรรพากรจะใช้เครื่องมือนี้เป็นช่องทางในการ "รีดภาษี" มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางแล้วเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ กรมสรรพากรออกมาระบุว่า กฎหมายนี้ ไม่ได้บังคับใช้เฉพาะกลุ่มผู้ค้าออนไลน์ แต่ใช้ในทุกรายที่มีธุรกรรมการเงินตามที่กฎหมายกำหนด

    โดยกฎหมายกำหนดให้สถาบันการเงินทุกประเภทและผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายว่าด้วยการชำระเงินต้องส่งข้อมูล ลูกค้าที่ทำธุรกรรมการเงินตามที่กำหนด (กฎหมายอีเพย์เมนท์) ซึ่งสถาบันการเงินและ ผู้ให้บริการเงินดังกล่าวจะต้องส่งข้อมูล ทุกบัญชีรวมกันให้กรมสรรพากรปีละ 1 ครั้ง ในที่นี้ กฎหมายกำหนดให้เป็นวันที่ 31 มี.ค. ของทุกปี โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป

    ทั้งนี้ ข้อมูลที่จะถูกจัดส่ง ประกอบด้วย เลขบัตรประชาชน ชื่อ นามสกุล และ ธุรกรรมการเงิน โดยธุรกรรมการเงินที่จะถูกจัดส่ง ข้อมูล ตามกฎหมายเรียกว่า "ธุรกรรมลักษณะเฉพาะ" หมายถึง ธุรกรรมที่มีจำนวนครั้งเฉพาะการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันในหนึ่งธนาคารภายใต้ 2 เงื่อนไข คือ 1.ยอดรวมธุรกรรมตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไปต่อปี 2.ยอดธุรกรรมตั้งแต่ 400 ครั้งขึ้นไป ต่อปี และ มียอดรวมจำนวนเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป โดยต้องเข้าทั้งสองเงื่อนไข จะเงื่อนไขใด เงื่อนไขหนึ่งไม่ได้

    อธิบดีกรมสรรพากร เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ บอกว่า วัตถุประสงค์ของกฎหมาย เพื่อให้กรมฯมีข้อมูลที่เรียกว่า Data Analysis ใช้เป็นเครื่องมือบริหาร ความเสี่ยงการจัดเก็บภาษี ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่า จะใช้ข้อมูลไปเก็บภาษีผู้ค้าออนไลน์ แต่เป็นข้อมูลที่จะใช้วิเคราะห์การเก็บภาษีของผู้มีเงินได้ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีธุรกรรมการเงินลักษณะพิเศษ หรือ กลุ่มที่เข้าข่ายการเลี่ยงภาษี

    "แม้ว่า กรมฯ จะไม่ได้ออกกฎหมายฉบับดังกล่าว แต่กรมฯมีอำนาจเต็มในการ เรียกดูข้อมูลของผู้มีเงินได้จากสถาบันการเงิน ในรายที่ต้องสงสัยว่าอาจจะเลี่ยงภาษีหรือมีธุรกิจที่ผิดกฎหมายเป็นต้น เมื่อเราได้ข้อมูลมา ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะเข้าไปตรวจสอบ ทุกรายที่ถูกส่งข้อมูลมา และไม่ได้นำข้อมูลนี้ ไปใช้จัดเก็บภาษีทันที แต่จะต้องมาประเมินร่วมกับหลักฐานเอกสารอื่นๆ ด้วย"

    ภายใต้กฎหมายนี้ ยังมีอีก 2 ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับการนำส่งข้อมูลทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ คือ

    1.การนำส่งข้อมูลภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า withholding tax ซึ่งในกฎหมายจะกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการการเงินดังกล่าว ทำหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนที่ผู้จ่ายผู้รับจะใช้ระบบเอกสาร ซึ่งตรงนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

    "ภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามกฎหมายปัจจุบันนั้น เวลาเราจ่ายเงินให้ใคร สมมติ จ้างคนทำงาน เราก็ต้องหัก ภาษี ณ ที่จ่าย ก็ต้องกรอกแบบฟอร์มในกระดาษและยื่นแก่คนรับจ้าง พอสิ้นปีคนรับจ้างก็นำเอกสารมาคำนวณรายได้ ทำให้เกิดขั้นตอนมากมาย แต่ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เวลาโอนเงิน ให้ธนาคารจัดการหมด จะจ่ายใคร จ้างเป็นร้อยเป็นพันคน เราก็สั่งให้แบงก์จ่ายให้ นายเอ นายบี และนายซี แบงก์ก็จะหัก ณ ที่จ่ายให้เลย ฉะนั้น เราไม่ต้องยุ่ง และ แบงก์ก็จะเป็นคนส่งสรรพากรให้เลย ฉะนั้น แบงก์ก็จะทำหน้าที่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หัก ณ ที่จ่ายได้ภายใต้กฎหมายนี้"

    2.การรับส่งใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า tax invoice ซึ่งกฎหมายจะกำหนดให้เรา สามารถรับและส่ง tax invoice ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ยกตัวอย่าง เวลาเราซื้อของ เราเก็บใบเสร็จรับเงินเป็นกระดาษ เช่น โครงการช้อปช่วยชาติ ต้องเก็บกระดาษมาส่ง กรมสรรพากร แต่ตอนนี้ ใบเสร็จจะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ถูกตามกฎหมายได้ โดย ส่งข้อมูลผ่าน e-filing ฉะนั้น ใบเสร็จรับเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ก็จะทำได้ตามกฎหมาย

    "ในกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้มีแค่เรื่องการส่งข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินเพียงอย่างเดียวอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่ยังมีเรื่องของการส่งข้อมูลภาษีหัก ณ ที่จ่าย และ ข้อมูลใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในกฎหมายฉบับนี้ด้วย ดังนั้น จึงเป็นกฎหมายที่จะส่งเสริมธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะช่วยแยกผู้เสียภาษีกลุ่มดีและกลุ่มเสี่ยงและสร้างความเป็นธรรมแก่ระบบได้"

    อย่างไรก็ดี แม้กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ แต่ขั้นตอนหลังจากนี้ ทางกรมฯจะต้อง ออกฎหมายลูกที่เป็นรายละเอียดการปฏิบัติงานการรับส่งข้อมูลทั้งหมดตามกฎหมายซึ่งที่ผ่านมา กรมฯก็ได้ประสานกับสถาบัน การเงินบ้างแล้ว โดยในส่วนการวางระบบไอที ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลจากสถาบันการเงิน มายังกรมฯก็ได้ดำเนินการแล้ว

    ฉะนั้น ด้วยระบบการนำส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จะช่วยให้กรมฯ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ยังมีกฎหมายที่สำคัญที่จะสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการในประเทศ แต่เสนอไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ คือ พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ (e-business) ที่อยู่ในต่างประเทศและขายบริการให้กับบุคคลธรรมดาในประเทศ

    โดย สุพรรณี พุฒิพิสุทธิ์
    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    562000002979001.JPEG
    (Mar 23) กงสุลใหญ่ “แฟรงก์เฟิร์ต” เตือนคนไทยระวังก่อการร้าย หลังเยอรมนีจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 10 คน: กระทรวงการต่างประเทศประกาศเตือนจากกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี กรณี ตร.เยอรมนีจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 10 ราย เตรียมใช้รถยนต์ ปืน มีด ก่อเหตุสังหารหมู่ โยงกลุ่มมุสลิมซาลาฟิสต์ในพื้นที่ เตือนคนไทยเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง
    วันนี้ (23 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Royal Thai Consulate-General, Frankfurt ของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้เผยแพร่ประกาศแจ้งเตือนประชาชนชาวไทยที่พำนักอยู่ในเยอรมนีถึง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมนีจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 10 คน อายุระหว่าง 20-42 ปี จากพื้นที่โดยรอบของนครแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนที่จะก่อการร้าย
    “ประกาศสถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต
    ประกาศแจ้งเตือนประชาชนชาวไทยที่พำนักอยู่ในสหพันธ์ฯ
    ด้วยเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2562 ตำรวจสหพันธ์ฯ ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 10 คน อายุระหว่าง 20-42 ปี จากพื้นที่โดยรอบของนครแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนที่จะก่อการร้าย โดยใช้รถยนต์ รวมทั้งอาวุธปืนและมีด เพื่อการสังหารหมู่ และคาดว่าตัวการสำคัญ คือ ชายอายุ 21 ปี จากเมือง Offenbach ใกล้กับนครแฟรงก์เฟิร์ต และชาย 2 คน อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกันจากเมือง Wiesbaden ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มมุสลิม ซาลาฟิสต์ในพื้นที่
    ในการนี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ขอแจ้งเตือนประชาชนชาวไทยที่พำนักอยู่ในสหพันธ์ฯ โดยเฉพาะผู้ที่พำนักอยู่ในเขตนครแฟรงก์เฟิร์ตและพื้นที่ใกล้เคียง โปรดเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก และขอให้ติดตามข่าวสารและประกาศที่เกี่ยวข้องของทางการสหพันธ์ฯ อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากมีเหตุฉุกเฉินหรือต้องการขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วน สามารถติดต่อ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ที่หมายเลข 0174-352303
    Source: ผู้จัดการออนไลน์
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000028770
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MacroView

    ข่าวดี ที่รอนักวิชาการทั่วสหรัฐอเมริกาช่วยคอนเฟิร์ม ภายในสิ้นปีนี้ครับ

    ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ คือ QE ปี 2019
    (2562 03 20) F2_KT.png
    เมื่อปลายเดือนที่แล้ว มีการจัดงานสัมมนาใหญ่ว่าด้วยเรื่องนโยบายการเงินที่นิวยอร์ค หัวข้อที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากได้แก่ เส้นโค้งฟิลลิปส

    หรือ Phillips Curve ซึ่งเป็นเส้นที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเงินเฟ้อกับอัตราการว่างงาน ยังคงเป็นจริงอยู่หรือไม่ เนื่องจากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เส้นดังกล่าวมีลักษณะที่เกือบจะแบนราบ (flattening) นั่นคือไม่ว่าอัตราว่างงานจะลดลงมากเพียงใด อัตราเงินเฟ้อก็แทบจะไม่ได้ขยับขึ้นมาแต่อย่างใด

    โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านมุ่งประเด็นไปที่ปรากฏการณ์ Amazon ที่ราคาของสินค้าและบริการนับวันจะลดลงไปเรื่อยๆ

    อย่างไรก็ดี จอห์น วิลเลียมส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด สาขานิวยอร์ค ได้ทำหน้าที่เป็นผู้วิจารณ์บทความดังกล่าว ให้ความเห็นว่าแม้เส้นโค้งฟิลลิปส์ที่โดยปกติจะใช้อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนี Personal Consumption Expenditure (PCE) เป็นตัวแทนของอัตราเงินเฟ้อกับอัตราการว่างงานนั้น จะมีความชันที่แบนราบมากในช่วงหลังๆ ดังที่กล่าวข้างต้น

    ทว่าหากเปลี่ยนมาใช้ตัวที่ใช้วัดอัตราเงินเฟ้อที่สามารถขจัดปัจจัยชั่วคราวในส่วนที่เป็นความไม่แน่นอนทางอุปทานหรือ Supply Shock ซึ่งนายวิลเลียมส์เลือกใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ‘Cyclically Sensitive Inflation’ (CSI) ที่เป็นดัชนีที่มุ่งใช้วัดปัจจัยราคาที่สะท้อนวัฏจักรทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ผลปรากฎว่าเส้นโค้งฟิลลิปส์ได้กลับมาเป็นเส้นโค้งที่มีความชันที่เป็นปกติอะไร

    ในทางเศรษฐศาสตร์ หากจะพิจารณาว่าดัชนีใดที่มีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกับ CSI จะพบว่าคือ ระดับราคา (Price Level) เนื่องจากเป็นดัชนีที่ได้ทำการขจัดปัจจัยชั่วคราวต่างๆออกไป และสะท้อนวัฏจักรทางเศรษฐกิจเป็นหลักอีกด้วย

    อย่างไรก็ดี ตามกฎหมาย เฟดจะใช้ ’อัตราเงินเฟ้อ’ มิใช่ ’ระดับราคา’ เป็นหนึ่งในเป้าหมายของวัตถุประสงค์ของตนเอง ดังนั้น เฟดต้องหาวิธีในการปรับเจ้าตัวอัตราเงินเฟ้อให้มีลักษณะที่คล้ายกับระดับราคา

    นั่นคือสิ่งที่เจย์ พาวเวล ประธานเฟดกล่าวไว้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนว่าจะใช้ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ ในอนาคตหลังจากที่จะปรึกษากับนักวิชาการทั่วประเทศว่าเหมาะสมจริงๆหรือไม่

    โดยเจ้า ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ นั้น ยังมีข้อดีในจุดที่มีความเป็นกลยุทธ์แบบ Make-up นั่นคือในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อต่ำมาก อย่างเช่นในช่วงที่ผ่านมา ในรูปแบบของการใช้ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ จะเก็บสถิติตรงนี้ไว้ ในอนาคตเมื่อยามที่อัตราเงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง แม้จะแตะอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ตอนนี้ตั้งไว้ที่ 2% เฟดก็ยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากมีส่วนเงินเฟ้อที่ทดไว้ข้างต้น จวบจนกระทั่งส่วนเงินเฟ้อที่ทดไว้หมดลง เฟดจึงจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อ

    ทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาที่เป้าหมาย 2% หรือ เกิดปรากฏการณ์อัตราดอกเบี้ยที่เป็น ‘Lower for longer’ โดยสิ่งเหล่านี้ ในทางแบบจำลองถือว่า เป็นนโยบายการเงินที่มีความเหมาะสมที่สุด (Optimal Monetary Policy)

    นอกจากนี้ ข้อดีของกลยุทธ์แบบ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ อีกอย่างหนึ่ง คือในช่วงที่เฟดดำรงนโยบายการเงินแบบอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก หรือ Zero Lower Bound (ZLB) นั้น เฟดไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้ลงต่ำกว่าศูนย์ได้ หรือที่เรียกว่า ZLB เกิดการ binding

    ตรงจุดนี้ ตลาดก็จะคาดหวังว่าเฟดภายใต้การใช้กลยุทธ์แบบ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ จะมีนโยบายการเงินผ่อนคลายต่ออีกสักระยะหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งนั่นก็จะช่วยให้จีดีพีและเงินเฟ้อขยับสูงกว่าระดับของตัวแปรทั้งสองในกรณีที่ใช้อัตราเงินเฟ้อแบบเดิม ซึ่งก็จะลดโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ ZLB เกิดการ binding อีกในอนาคต

    สำหรับข้อเสียของกลยุทธ์แบบ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ ค่อนข้างที่จะชัดเจนว่าการที่จะทำให้ประชาชนและตลาดเองเข้าใจแนวทางใหม่ดังกล่าวนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ไม่ได้อยู่

    ในบรรยากาศอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือ ZLB นอกจากนี้ การไม่พิจารณาถึงปัจจัยที่กดดันราคาแบบชั่วคราวอย่างราคาน้ำมันหรือปัจจัยที่ส่งผลในด้านอุปทานอื่นๆ รวมถึงเฟดก็จะยังมุ่งที่แต่เพียงชดเชยอัตราเงินเฟ้อที่สูงหรือต่ำเกินไปในอดีต ทั้งหมดจะเป็นสิ่งที่บั่นทอนความน่าเชื่อถือของตัวเฟดเอง

    แล้วจะมีวิธีใดที่เป็นทางสายกลางระหว่างสองวิธีดังกล่าวหรือไม่ เบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานเฟดเสนอแนวทางที่เรียกว่า ‘Temporary Price-level targeting’ หรือการดำเนินนโยบายการเงินโดยมุ่งไปที่ระดับราคาเป้าหมายแบบชั่วคราว นั่นคือ ในช่วงที่เศรษฐกิจแบบปกติให้ใช้การดำเนินนโยบายการเงินของเฟดดังเช่นในปัจจุบัน

    ส่วนในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เหมือนในช่วงที่ผ่านมาหรือ ZLB ให้เปลี่ยนมาใช้วิธีที่ใช้กลยุทธ์แบบ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ หรือระดับราคาเป็นเป้าหมาย ซึ่งจะทำให้เฟดไม่ต้องสูญเสียความน่าเชื่อถือและสามารถที่จะได้ใช้ข้อดีของกลยุทธ์ใหม่ในยามที่เกิดภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ปกติด้วย
    แล้วก็มาถึงคำถามสำคัญ หากเฟดใช้กลยุทธ์แบบ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ ในคืนนี้ขึ้นมาจริงๆ SET จะดีดขึ้นมากี่จุด?

    คำตอบคือ SET จะมีผลตอบแทนขึ้นมา 1.25-2.5% ที่มาของคำตอบ เป็นดังนี้

    เฟดต้องเพิ่มอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายอีก 0.5% ต่อปี เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาที่อยู่ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ นับตั้งแต่ปี 2008 ดังรูปที่ 2 หากเรามีสมมติฐานที่เฟดจะใช้กฎการตั้งอัตราดอกเบี้ยที่ง่ายที่สุดคือ Taylor’s Rule ซึ่งมีสัมประสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1.5 เท่าของการเปลี่ยนแปลงอัตราเงินเฟ้อ

    นั่นคือ ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ใช้กลยุทธ์แบบ Makeup จะน้อยกว่ากรณีใช้อัตราเงินเฟ้อเป้าหมายแบบเดิมอยู่ที่ 0.75%

    < insert here >

    กราฟ: ดัชนีราคา Core PCE ที่วัดระดับเงินเฟ้อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายร้อยละ 2

    ผลของการลดดอกเบี้ยจะทำให้ผลตอบแทนตลาดหุ้นขึ้นมากน้อยแค่ไหน? คำตอบคือ มีผลราว 2 ถึง 4 เท่า หรือ กล่าวได้ว่าหากเฟดลดดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75%

    จะทำให้อัตราผลตอบแทนตลาดหุ้นสหรัฐโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น1.5-3% โดยจากค่าสหสัมพันธ์ระหว่างดัชนี DJIA กับ SET ย้อนหลัง 3 ปี พบว่าเท่ากับ 0.84 ดังนั้น

    - การใช้กลยุทธ์แบบ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ ของเฟด จะทำให้อัตราผลตอบแทนตลาดหุ้นสหรัฐโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.5-3%

    - การใช้กลยุทธ์แบบ ‘อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย’ ของเฟด จะทำให้อัตราผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.25-2.5%

    http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646835

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk



    "ดาวเคราะห์หลายดวงถูกพบเห็นในชุดของเว็บแคมจากเว็บไซต์สถานีข่าวเซาท์แคโรไลนา นี่คือระบบ" Trappist "ของดาวเคราะห์ที่ NASA บอกกับเราไว้แล้ว, แต่พวกเขาโกหกและบอกเราว่าดาวเคราะห์เหล่านี้อยู่ห่างออกไป 40 ปีแสง แต่ในความเป็นจริงดาวเคราะห์เหล่านี้อยู่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ " - TIm Foster


    timfoster405

    เผยแพร่เมื่อ 22 มีนาคม 2019


    "Multiple planets are seen on a set of web-cams from a South Carolina News station website. These are the "Trappist" System of planets that NASA has already told us about, but they lie and tell us these planets are 40 light years away, but in reality these planets are between the earth and the sun." - TIm Foster


    timfoster405

    Published on Mar 22, 2019


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พายุถล่มสุรินทร์ลูกเห็บตกบ้านพัง100หลัง

    พายุฤดูร้อนถล่มเมืองช้างลูกเห็บตก บ้านเรือนพังยับกว่า 100 หลัง
    23 มีนาคม 2019 - 20:01

    ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานงาน เวลาประมาณ 13.45 น. ได้เกิดพายุฤดูร้อนงวงช้าง มีลูกเห็บตก ลมพายุพัดต้นไม้และพัดถล่มบ้านเรือนประชาชน กว่า 100 หลังคาเรือน ในเขตพื้นที่ 3 อำเภอประกอบด้วย อ.ศรีณรงค์ สังขะ และ อ.บัวเชด โดยเฉพาะที่ บ้านพราน ม.4-ม5 และ ม.11 บ้านตะโนน ม.7 บ้านสนวน ม.10 บ้านสิม ต.แจนแวน และม.3 บ้านจารย์ ต.หนองแวง อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ได้รับผลกระทบจากพายุครั้งนี้ จำนวน 30 หลังคาเรือน

    IMG_20190323_154844-1024x768.jpg

    127060.jpg

    127054.jpg

    127050.jpg

    นายคณินทร์ เปรมศรี นายอำเภอศรีณรงค์ พร้อมด้วย นายสนองชัย ฤกษ์ศรี ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอศรีณรงค์ ร่วมตรวจสอบสาเหตุและบริเวณจุดที่เกิดได้รับผลกระทบจาก ลมพายุหมุนฤดูร้อน โดยมี ผู้ใหญ่และ,ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เร่งนำสำรวจ พร้อมทั้ง ผู้บริหาร อบต.แจนแวน อบต.หนองแวง มอบหมายให้ ผอ.กองช่างสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

    127051.jpg

    S__2482179-1024x768.jpg

    S__2490381-1024x768.jpg

    ขณะเดียวกัน พายุถล่มฤดูร้อน และมีลูกเห็บ พัดถล่ม บ้านปวงตึกใต้ ม. 18 ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ 30 หลังคาเรือน และที่ หมู่บ้านห้วยสิงห์ ม.11ต ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เสียหายอีกกว่า 30 หลังคาเรือน นายภานุวัฒน์ แดงงาม ผู้ใหญ่บ้านห้วยสิงห์ เปิดเผยว่า พายุพัดถล่มสร้างความเสียหาย บ้านเรือน ประชาชน หลังคาสังกะสีปลิววอน เล้าไก่ไข่พัง โดยเฉพาะบ้านของนาง สุจิตรี พานิชย์ บ้านเลขที่ 80 บ้านห้วยสิงห์ ม.11ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ มีลูกเห็บก้อนใหญ่ตกใส่หลังคา หลังคาห้องน้ำพัง แต่ที่เสียหายหนัก คือบ้าน คุณยายบิน ดาศรี อายุ 69 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียว พายุแรงมากจึงไปหลบบ้าน

    https://www.innnews.co.th/regional-news/news_354940/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2019
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รับเลือกตั้ง!พายุร้อนพัดถล่มบ้านเรือนที่อุบลฯ เสียหายเกือบ 100 หลัง เผยแพร่: 23 มี.ค. 2562 18:05 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    562000002994201.jpg

    อุบลราชธานี-พายุฤดูร้อนพัดถล่มพื้นที่ 3 อำเภอที่ จ.อุบลฯบ้านเรือนเสียหายเกือบ 100 หลัง แต่ยังไม่กระทบกับการใช้สิทธิลงคะแนน ซึ่ง กกต.ระบุเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วไว้รองรับภัยธรรมชาติไว้ทุกอำเภอแล้ว

    วันนี้( 23 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคประจำอำเภอนาเยีย จ.อุบลราชธานี ทำการซ่อมแซมสายไฟฟ้าที่ผ่านหมู่บ้านาเยียไปยังหมู่บ้านต่างๆในเขตตำบลนาเยีย ซึ่งได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อค่ำวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับหมู่บ้านรวม 8 หมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้มาตั้งแต่เมื่อวาน



    สำหรับพายุฤดูร้อนที่พัดถล่มครั้งนี้ สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชนในเขตตำบลนาเยีย อ.นาเยีย รวม 8 หมู่บ้าน จำนวน 68 หลังคา และยังสร้างความเสียหายให้กับคอกสัตว์เลี้ยงและเถียงนาในพื้นที่โคกสว่าง อ.สำโรง อีก 18 หลัง ส่วนอำเภอพิบูลมังสาหารบ้านเรือนได้รับความเสียหายอีก 2 หลังคาเรือน

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอ พร้อมหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำอำเภอทั้ง 3 อำเภอ ได้เข้าสำรวจความเสียหาย พร้อมแจ้งขอรับการสนับสนุนวัสดุใช้ซ่อมแซมบ้านเรือน และกำลังทหารมาให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นครั้งนี้แล้ว

    562000002994202.jpg


    562000002994203.jpg


    น.ส.ดวงใจ สายเมฆ อายุ 36 ปี ชาวบ้านนาเยีย ต.นาเยีย อ.นาเยีย เล่าเหตุการณ์ที่พายุพัดถล่มบ้านของตนเอง เมื่อช่วงใกล้ค่ำว่า รู้สึกตลอดทั้งวันมีอากาศร้อนอบอ้าวกว่าปกติ และเหมือนจะมีฝนตก จู่ๆพายุก็ตรงมาที่บ้านของตน จึงอุ้มลูกหลบไปอยู่หลังบ้าน ระหว่างที่พายุพัดมาปะทะกับตัวบ้านเหมือนฝาบ้านทั้งหลังจะหลุดออกมา

    จนเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที เมื่อฝนหยุดตกได้สำรวจดูบ้าน ก็พบหลังคาบ้านถูกพายุพัดปลิวไปตกอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 50 เมตร ตั้งแต่เกิดและอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนก็รู้สึกตกใจมาก

    สำหรับพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบในการลงคะแนนเลือกตั้งของประชาชนในวันพรุ่งนี้(23มี.ค.)

    562000002994204.jpg


    562000002994205.jpg


    ด้าน พ.ต.ท.เรืองยศ มีแก้ว ผอ.สำนักงาน กกต.อุบลราชธานี กล่าวว่า หากในวันลงคะแนน มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่ใดอีก หน่วยเคลื่อนที่เร็วของสำนักงาน กกต.ที่ได้มีการเตรียมกำลังไว้ทั้ง 25 อำเภอ พร้อมเข้าให้การสนับสนุนให้การลงคะแนนของประชาชนสามารถดำเนินต่อไปตามปกติด้วย



    https://mgronline.com/local/detail/9620000028924
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2019
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐอิสลามแห่งสุดท้ายของไอเอสล่มสลายแล้ว

    กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) ที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุน ประกาศชัยชนะเด็ดขาดเหนือกลุ่มที่เรียกตนเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย หลังชิงหมู่บ้านบากูซ ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองแห่งสุดท้ายในซีเรียของไอเอสกลับคืนมาได้สำเร็จ

    ก่อนหน้านี้ ทีมข่าวบีบีซีได้ลงพื้นที่หมู่บ้านบากูซ เพื่อติดตามปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มไอเอส ซึ่งเมืองนี้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของไอเอสมานาน 5 ปี

    ในยุคเรืองอำนาจไอเอสเคยยึดครองพื้นที่ราว 88,000 ตารางกิโลเมตรที่ครอบคลุมเนื้อที่ในซีเรียและอิรัก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า แม้จะสูญเสียที่มั่นแห่งสุดท้ายไป แต่ไอเอสยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อความมั่นคงโลก

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยอดผู้เสียชีวิตน้ำท่วม-ดินถล่มอินโดนีเซียเกือบ 80 คนแล้ว
    เผยแพร่: 23 มี.ค. 2562 14:54 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    CD1B2CBE-37B9-4536-8458-CFEBC7F5C449-416-00000028B8D12D45.png F2231A57-6AA1-4DF1-9AE2-A8D6C36191B3-416-00000028C61E0439.png

    ความคืบหน้าเหตุน้ำท่วมและดินถล่มในจังหวัดปาปัวของอินโดนีเซีย ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิต

    เกือบ 80 คนแล้ว ขณะที่ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ขอให้ทางการท้องถิ่นเร่งอพยพผู้ประสบภัยออกจากชุมชนที่เกิดเหตุ

    ภาพจาก https://www.thairath.co.th/content/1521738

    https://mgronline.com/uptodate/detail/9620000028877
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2019
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    IMG_1028.JPG
    รัสเซียส่งเครื่องบินรบ Su-27 ขึ้นบินประกบ เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 จำนวน 2 ครั้งในเวลา 24 ชั่วโมง และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ ดังกล่าวบินเข้ามาลาดตระเวน ในทะเลบอลติกจำนวน 7 ครั้งในรอบ 10 วันที่ผ่านมา



    ทะเลบอลติกนี้แหละครับ คือ บริเวณที่ท่อส่งก๊าซ Nord stream 2 ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซใต้ทะเล ที่ยาวที่สุดในโลก จากรัสเซียผ่านทะเลบอลติกไปยังเยอรมัน และสหรัฐกำลังหาทางขัดขวาง เพื่อไม่ให้ยุโรปพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนสิ้นปี 2019 นี้



    ที่ผ่านมายุโรปยังพึ่งพาท่อส่งก๊าซ จากรัสเซีย ผ่านยูเครนเป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นเพราะยูเครนกับรัสเซีย เกิดความขัดแย้งกัน ภายหลังรัฐประหารในปี 2014 ในยุค วิคเตอร์ ยานูโควิช ขึ้นมามีอำนาจ ตอนนั้นกำลังจะกู้เงินจากรัสเซียและจีน ซึ่งถ้าไม่เกิดรัฐประหาร ขึ้นเสียก่อน ยูเครนก็จะกลายเป็น ส่วนหนึ่งของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย ท่อส่งก๊าซที่ผ่านยูเครน ก็จะซื้อขายกันในสกุลเงินท้องถิ่น หรือรูเบิลนั่นเอง



    เป็นที่น่าสังเกตนะครับว่า ช่วงนี้สหรัฐพยายามยั่วยุรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำยูเครนคนปัจจุบัน คือ นายโปโรเชนโก ก็กำลังไปเกลี้ยกล่อม สหภาพยุโรปให้ระงับโครงการ ท่อส่งก๊าซดังกล่าว



    นักวิเคราะห์บางคนให้เหตุผลว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 นั้น ถ้าต้องการฝึกโจมตีรัสเซียจริงๆ ด้วยพิสัยทำการกว่า 14,000 กม. สามารถ ก็สามารถยิงขีปนาวุธสามารถโจมตีเมืองสำคัญ เช่น เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย ตั้งแต่อยู่เหนือน่านฟ้าของเดนมาร์ก โดยไม่ต้องเสี่ยงกับระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย และสหรัฐจะไม่เคลื่อนย้าย เครื่องบินรุ่นนี้ไปประจำใน ยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์ และโรมาเนีย เพราะอยู่ในพิสัย ขีปนาวุธพื้นสู่พื้นของรัสเซีย แต่จะประจำการที่เกาะอังกฤษแทนนั่นเอง


    การบินเข้าไปในรัศมีของระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย ห่างจากเมือง เซ็นปีเตอร์สเบอร์เพียง 200 กม.นั้น ก็เพื่อต้องการยั่วยุ ให้รัสเซียทำการตอบโต้ จะได้เป็นข้ออ้างสำหรับ ยุโรปและกองกำลังนาโต ว่ารัสเซียกำลังข่มขู่คุกคามนั่นเอง

    https://sputniknews.com/russia/201903231073481504-russia-su27-b52-usa-baltic-sea/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Mar 23) ส่องอนาคตบบส. เครื่องมือบริหารเอ็นพีแอล : บริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) ในประเทศไทย เกิดขึ้นหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจการเงินปี 2540 เพื่อทำหน้าที่รับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน ได้นำมาบริหารจัดการและจำหน่ายต่อไป เพื่อให้สถาบันการเงินทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    โดยปัจจัยสำเร็จของธุรกิจนี้ คือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่รองรับการซื้อหนี้รวมถึงประสบการณ์และความชำนาญในธุรกิจบริหารหนี้

    ภัทรพล โตมานะ ผู้ตรวจสอบอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวม บบส.มีจำนวนและขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2561 ได้มีการดำเนินการทั้งสิ้น 58 แห่ง มีสินทรัพย์รวม 2.24 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 ที่มี 22 แห่ง และสินทรัพย์รวม 1.71 แสนล้านบาท

    ทั้งนี้ สินทรัพย์รวมในระบบส่วนใหญ่ถือครองโดยภาครัฐ (สัดส่วน 77%) ที่เหลือเป็นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และเอกชนอื่นๆ โดยสัดส่วนสินทรัพย์ของ บบส.ภาครัฐ (กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินและกระทรวงการคลังถือหุ้น) ปรับเพิ่มขึ้นจากการซื้อทรัพย์อย่าง ต่อเนื่องของ บบส. กรุงเทพพาณิชย์ และการโอนสินทรัพย์ของ บบส. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยในปี 2560



    ขณะที่สัดส่วนสินทรัพย์ของ บบส. ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับลดลง เนื่องจากเกณฑ์การกำกับแบบรวมกลุ่มที่นับรวมหนี้ด้อยคุณภาพ (Non-performing Loan หรือ NPL) ของ บบส. เป็น NPL ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ด้วยทำให้ บบส. ในกลุ่มส่วนใหญ่ไม่ซื้อหนี้เพิ่ม

    ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมามี บบส. เอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวน บบส. เอกชน ณ เดือน ธ.ค. 2561 อยู่ที่ 47 แห่ง เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 ที่มีอยู่ 11 6.00%แห่ง ส่งผลให้สัดส่วนสินทรัพย์ บบส. เอกชน เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 16% ของสินทรัพย์รวมทั้งระบบ และบริษัทเอกชนที่เห็นโอกาสทางธุรกิจได้เข้ามาจดทะเบียนธุรกิจ บบส. เช่นกัน



    สำหรับ บบส. ภาครัฐ มีการซื้อหนี้ NPL เพิ่มขึ้น ในปี 2561 โดยเป็นการซื้อหนี้ที่มีหลักประกัน ขณะที่การซื้อหนี้ของ บบส. เอกชน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งแบบที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดย บบส. เอกชน 47 แห่ง แบ่งเป็นเน้นซื้อหนี้มีหลักประกัน 21 แห่ง ไม่มีหลักประกัน 11 แห่ง และซื้อหนี้ทั้งมีและไม่มีหลักประกัน 5 แห่ง หากพิจารณาในมิติแหล่งเงินทุนแล้ว บบส. ขนาดใหญ่ที่มีฐานะการเงินที่ดีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หลากหลาย เช่น การกู้ยืมธนาคารพาณิชย์ การออกหุ้นกู้ รวมถึงการกู้ยืมจากกรรมการหรือผู้ถือหุ้น

    แนวโน้มกำไรเติบโตของ บบส.

    บบส. ยังมีแนวโน้มการเติบโตของสินทรัพย์ต่อเนื่องจากการคาดการณ์ของผู้ประกอบการว่าธุรกิจ บบส. ยังเติบโตต่อไปได้จาก NPL ในระบบที่ยังมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งการขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจให้ บบส.สามารถรับซื้อรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมทั้งการรับเป็นที่ปรึกษาในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Nonbank) โดยกฎหมายที่แก้ไขได้กำหนดหลักเกณฑ์ด้านธรรมาภิบาลเพิ่มเติมจากกฎหมายฉบับเดิมด้วย

    แต่จากจำนวน บบส. ที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้เกิดการแข่งขันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ปัจจัยที่สนับสนุนให้ บบส. สามารถแข่งขันได้ อยู่ที่ความได้เปรียบจากต้นทุนการเงินที่ต่ำและประสบการณ์และความชำนาญในธุรกิจเป็นสำคัญ ซึ่งหาก บบส.ไม่มีประสบการณ์และความชำนาญที่เพียงพอ รวมถึงมีต้นทุนการเงินที่สูง อาจส่งผลอาจส่งผลให้มีต้นทุนการดำเนินงานสูงกว่าผลตอบแทนที่ได้รับ

    สำหรับข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของ บบส.

    ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจของ บบส. พบข้อจำกัด หรืออุปสรรคในการประกอบธุรกิจทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก เช่น บบส. ขนาดเล็กจะมีแหล่งเงินทุนจำกัด โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากผู้ถือหุ้นและกรรมการเป็นหลักรวมถึงโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินมีน้อย รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลต่อการเรียกเก็บหนี้ได้น้อยลง และโอกาสในการขายทรัพย์ NPA ทำได้ยากขึ้น อีกทั้ง จำนวน บบส. ที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้มีการแข่งขันในการประมูลซื้อหนี้สูงขึ้น อาจทำให้ต้นทุนในการซื้อหนี้เพิ่มขึ้น

    แนวโน้มบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีต่อระบบการเงิน

    ในระยะต่อไป บริษัทบริหารสินทรัพย์จะมีบทบาทต่อระบบการเงินไทยเพิ่มมากขึ้นในการรองรับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ยังทรงตัวในระดับสูง ทั้งจากสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินที่มิใช่สถาบันการเงิน ในหนี้กลุ่มบัตรเครดิต กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. นอกจากนี้ การทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแก่ลูกหนี้จะช่วยให้การจัดการหนี้รายย่อยเป็นระบบและครบวงจรมากขึ้น ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจ บบส.ที่จดทะเบียนกับ ธปท.จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางคดีและภาษี และจะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์การกำกับดูแลของทางการ พร้อมทั้งมีการรายงาน ข้อมูลต่อ ธปท. รวมถึงการปฏิบัติต่อลูกหนี้อย่างเป็นธรรม


    Source: Posttoday
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1029.JPG
      IMG_1029.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.4 KB
      เปิดดู:
      22
    • IMG_1030.JPG
      IMG_1030.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.3 KB
      เปิดดู:
      19
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เปิดเอกสารดูชัดๆ ‘ธนาธร-เมีย’ โอนหุ้น ‘วี-ลัค มีเดีย’ 21 มี.ค.2562
    เขียนวันที่ วันเสาร์ ที่ 23 มีนาคม 2562 เวลา 19:00 น. เขียนโดย isranews

    เปิดเอกสารดูความเป็นมา บ.วี-ลัค มีเดีย เจ้าของนิตยสารดัง ‘ธนาธร-เมีย’ โผล่ถือ 900,000 หุ้น 12 ม.ค.2558 ก่อนจดทะเบียนโอนให้แม่ 21 มี.ค.2562

    pictana0566623-3-19.jpg

    กรณีของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบ พบว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะกรรมการ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ทำหนังสือถึงนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร ส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ชุดใหม่ ลงวันที่ 21 มี.ค.2562 ไม่มีรายชื่อ นายธนาธร และ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเคยถือหุ้นรวมกัน รวมกัน 900,000 หุ้น มูลค่า 9 ล้านบาท และพบว่าหุ้นจำนวนดังกล่าวได้โอนไปให้ นางสมพร ทั้งหมด กรณีดังกล่าวเกิดก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 24 มี.ค.2562 เพียง 3 วัน

    ขณะที่ รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 บัญญัติว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ” ตามที่เสนอไปแล้ว (อ่านประกอบ:‘ธนาธร-เมีย’ โอน บ.วี-ลัค มีเดีย 900,000 หุ้น ให้แม่ ก่อนเลือกตั้ง 3 วัน)

    ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา เรียบเรียงความเป็นมากรณีการถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้เห็นอย่างชัดๆ

    บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เดิมชื่อ บริษัท โซลิด มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด ทะเบียนจัดตั้งวันที่ 10 ม.ค. 2551 ทุนล่าสุด 45 ล้านบาท ประกอบธุรกิจสื่อนิตยสาร ที่ตั้งอาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ เลขที่ 1768 หมู่ที่ 16 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร มีผู้ถือหุ้น 7 คน ได้แก่ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้นใหญ่ 3,375,000 บาท น.ส.รุจิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 720,000 หุ้น นางนงนาถ กมลาศน์ ณ อยุธยา 225,000 หุ้น ที่เหลือ 4 คน คือ นายศิริชัย จรุงสถิตพงศ์ น.ส.ภัทราวดี รอยวิรัตน์ นายเอกชัย เรืองศรี และ น.ส.อรสา เศรษฐปราโมทย์ คนละ 45,000 หุ้น รวมทั้งหมด 4,500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท

    25 ธ.ค.2551 เหลือผู้ถือหุ้น 6 คน นางนงนาถ กมลาศน์ ณ อยุธยา ถอนหุ้นออกทั้งหมด และมีการโอนหุ้นไปให้ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 225,000 หุ้น

    12 ม.ค.2558 มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นอีกครั้ง มีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 10 คน นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ลดสัดส่วนการถือครอง เหลือ 675,000 หุ้น น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ลดเหลือ 675,000 หุ้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ามามีชื่อถือหุ้น จำนวน 675,000 หุ้น จำนวนเท่ากับ น.ส.รุจิรพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถือหุ้นอีก 5 คน คือ นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายณรงค์ศักดิ์ โอปิลันธน์ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ นายอรัญ วงศ์งามนิจ และนางกมลฉัตร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือคนละ 225,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 4,500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

    หลังจากนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น

    pictanaabbb0223-3-19.jpg

    pictana0023-3-19.jpg

    กระทั่งวันที่ 21 มี.ค.2562 มีการยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น เหลือผู้ถือหุ้น 5 คน

    1.นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 2,250,000 หุ้น 2.น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 675,000 หุ้น 3.น.ส.รุจิรพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 675,000 หุ้น 4. นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ 675,000 หุ้น และ 5.นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ 225,000 หุ้น

    pictanaaa0123-3-19.jpg

    pictana23-3-19.jpg

    หุ้นของนางสมพรที่เพิ่มขึ้นมา 1,575,000 หุ้น มาจากสัดส่วนหุ้นเดิมของนายธนาธร 675,000 หุ้น นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ นายณรงค์ศักดิ์ โอปิลันธน์ นายอรัญ วงศ์งามนิจ และนางกมลฉัตร จึงรุ่งเรืองกิจ คนละ 225,000 หุ้น

    จากข้อมูลเห็นได้ว่า นายธนาธรและภรรยาถือหุ้นรวม 900,000 หุ้น ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.2558 กระทั่งมีการจดทะเบียนถอนหุ้นออกเมื่อ 21 มี.ค.2562 หลังรับสมัครเลือกตั้ง เมื่อ 4 ก.พ.2562 และเกิดขึ้นก่อนวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 จำนวน 3 วัน


    https://www.isranews.org/isranews/74965-report00-74965.html
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ธนาธร’โชว์เอกสารโอนหุ้น บ.วี-ลัคฯให้ ‘แม่’ 1 เดือนก่อนสมัคร ส.ส.-ไม่หวั่นมีปัญหาทางกฎหมาย
    เขียนวันที่ วันเสาร์ ที่ 23 มีนาคม 2562 เวลา 17:38 น. เขียนโดย isranews

    ‘ธนาธร’ แจงปมโอนหุ้น บ.วี-ลัค มีเดีย ยันโอนไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 62 1 เดือนก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ยันไม่ต้องกังวลมีปัญหาทางกฎหมาย

    PIC-thanaton-23-3-62_1.jpg

    จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนางรวิพรรณ จุงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา โอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด รวม 900,000 หุ้น มูลค่า 9 ล้านบาท ให้แก่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 หรือก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. 2562 เพียง 3 วัน (อ่านประกอบ : ‘ธนาธร-เมีย’ โอน บ.วี-ลัค มีเดีย 900,000 หุ้น ให้แม่ ก่อนเลือกตั้ง 3 วัน)

    ขณะที่ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (3) บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (3) บัญญัติว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ นั้น

    เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มี.ค. 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์ข้อความและเอกสารการโอนหุ้นชี้แจงถึงกรณีนี้ผ่านทวิตเตอร์ (Twitter) ระบุว่า จากกรณีที่ตนถูกกล่าวหาว่าถือบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อาจขาดคุณสมบัติการลงเลือกตั้ง ขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน ตนและภรรยาโอนหุ้นไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา 1 เดือนก่อนการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาทางกฎหมายในเรื่องนี้ ขอให้มั่นใจว่าคะแนนที่กาให้กับพรรคอนาคตใหม่จะไม่สูญเปล่า แต่ทุกคะแนนเสียงจะเป็นการโหวตเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ (ดูภาพประกอบ)

    8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87-2.jpg

    สำหรับเอกสารที่นายธนาธรนำมาชี้แจงนั้น เป็นตราสารโอนหุ้น ระบุชื่อนายธนาธร โอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มูลค่า 675,000 หุ้น มูลค่า 6,750,000 บาท ให้แก่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยาน เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 ลงชื่อนายธนาธรผู้โอน นางสมพรผู้รับโอน และพยาน 2 ราย (ดูเอกสารประกอบ)

    8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87-1.jpg

    # กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/

    https://www.isranews.org/isranews/74969-isranews-74969.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...