ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    # ด่วน

    ดังนั้นการเผชิญหน้าในขณะนี้ระหว่างกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดอินเดียและปากีสถาน

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    ตั๊กแตนหลายร้อยบุกซาอุดิอาระเบีย


    18/03/2019


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    น้ำท่วมในอิรักและอิหร่านในชั่วโมงสุดท้ายนี้

    18/03/2019


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mundo maravilloso

    พวกเขาพบอนาคอนด้าขนาดใหญ่ 15 เมตรในบราซิล

    18.03.2019

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    # ด่วน

    เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐถูกพบเห็นอยู่ใกล้เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    #ULTIMA #HORA

    มีรายงานว่าพื้นที่ครึ่งหนึ่งของคารากัสเวเนซุเอลา ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีแสงเพราะหม้อแปลงระเบิด และทำให้เกิดไฟไหม้บนเนินเขา


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจาะเวลาหาอดีต


    มอม (เรื่องสั้นที่นั่งในใจตลอดมา): ผู้แต่ง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช


    ตั้งแต่มอมลืมตาขึ้นมองดูโลกในเบื้องแรก โลกนี้มีชายคนหนึ่งและแม่อีกหนึ่ง มอมเป็นลูกโทนเกิดใต้ถุนบ้านไม้สองชั้นหลังเล็กๆ แถวมักกะสัน มอมรู้ว่าพ่อของมันเป็นหมาพันธุ์อัลเซเซียนอยู่ตึกใหญ่อยู่ถนนเพชรบุรี เจ้าของเลี้ยงถนอมหนักหนา แต่แม่ของมันเป็นหมาไทยตลาดประตูน้ำ ที่มอมปฏิสนธิขึ้นมาได้เพราะอุบัติเหตุ เจ้าของพ่อของมันเผลอปล่อยให้หลุดออกมาจากบ้านได้ชั่วครู่ ทั้งหมดนี้มอมไม่สนใจ มันรู้แต่ว่าภายในถุนบ้านนั้น มีแม่อยู่สำหรับดูดนมเวลาหิว ซึ่งมันก็หิวบ่อยๆ และเอาไว้นอนเบียดให้อุ่นได้เมื่อเวลามันหนาว

    ***

    พอมอมจำความได้มันก็รู้ว่ามีคนมุด เข้าใต้ถุนบ้านนั้นบ่อยๆ อีกคนหนึ่ง มันรู้สึกว่ามีคนนั้นมาอุ้มชูลูบคลำมันเล่นเสมอ มอมมันคันเขี้ยวซึ่งกำลังจะขึ้น มันก็กัดมือนั้นเล่นบ้างเสียเล่นบ้าง บางที่เจ้าของมือนั้นก็ยกตัวมันขึ้นใกล้ๆ ติดกับหน้า มอมมักกระดิกหางดีใจจนตัวสั่น เลียหน้า เลียปาก คนๆ นั้นก็ไม่ว่า ปล่อยตามใจมัน มอมมันจำกลิ่นไว้ได้ กำหนดสัญญาไว้ว่าคนๆนั้นเป็นนายของมัน แล้วมันก็รัก พอมอมมันเริ่มเดินได้ก็คลานจากใต้ถุนออกสู่ลานบ้าน โลกของมันกว้างขึ้นเล็กน้อยมันรู้ว่านายอยู่บ้านสองชั้นเล็กๆ ค่อนข้างจะเก่า และไม่ได้ทำสี นอกจากนายแล้วก็คนอื่นอยู่ด้วยอีกสองคน คนหนึ่งนั้นเป็นผู้หญิง

    ***

    นายบอกมันว่าคนนี้คือนายผู้หญิง อีกคนหนึ่งเป็นเด็กเล็กๆ เพิ่งสอนเดินนายเรียกว่าหนู แต่มอมมันพอจะเดาออกว่าเป็นลูกของนาย เพราะกลิ่นตัวเหมือนกันพอมอมเริ่มคลานออกจากใต้ถุนที่เคยคลาน แม่ก็เริ่มห่างไป แต่ก่อนพอมอมรู้สึกหิวนมทีไร ต้องรู้สึกว่ามีแม่อยู่ใกล้ๆ คอยให้นมทุกครั้ง แต่เดี่ยวนี้นานๆแม่จึงจะมาหาสักครั้งหนึ่ง และน้ำนมแม่ก็รู้สึกว่าน้อยและจางไป แต่มอมมันไม่เดือดร้อนเท่าไรนักระวังหาชามอ่างทะลุ มาวางไว้ที่นอนชานหลังบ้านระหว่างครัวไฟกับตัวเรือนใบหนึ่ง เอาข้าวคลุกกับที่นายกินเหลือ ใส่ให้มันกินวันละสามเวลาทุกวัน เวลาเช้าเวลาเย็นนายให้เอง

    ***

    ส่วนตอนกลางวันนายผู้หญิงเป็นคนให้ มอมมันโตเร็วผิดปกติกว่าหมาธรรมดา เพราะมันเป็นพันธุ์พ่อมากกว่าพันธุ์แม่ ยิ่งโตมันก็ยิ่งกินจุทุกวัน แต่นายกลับดีใจ คอยให้ข้าวมันกินอิ่มเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว่านั้นเวลานายผู้หญิงเป็นคนให้ เวลานายผู้หญิงทำครัว มอมมันก็แอบเข้าไปอยู่ด้วย บางทีมันก็เกะกะกีดขวาง นายผู้หญิงก็ตีเอาบ้างไล่ออกมาบ้าง แต่แล้วมันก็กลับเข้าไปอีก เพราะมอมมันรู้ว่าถึงแม้นายผู้หญิงจะดุจะตีอย่างไร ในที่สุดมันก็ต้องได้อะไรกินเสมอ มอมมันโตวันโตคืนจนกลายเป็นหนุ่มใหญ่ แม่หายไปจากโลกของมัน ซึ่งเดี่ยวนี้เหลือแต่นาย มอมไม่ได้รักนายเท่าชีวิต แต่นายเป็นชีวิตของมอม เช้าขึ้นนายหายไปจากบ้าน มันก็รู้สึกว่าชีวิตมันว่างเปล่า แต่มอมรู้ว่าตกบ่ายก็ต้องกลับ ฉะนั้นตามปกติ มันก็ไม่เดือดร้อนเท่าไรนัก มอมใช้เวลาที่นายไม่อยู่หาอะไรกินบ้าง เล่นกับหนูบ้าง บางทีหนูก็ดึงหูดึงหางมัน เล่นกับมันเจ็บๆแต่มอมมันก็ทนได้ เพราะกลิ่นของนายติดอยู่ที่ตัวของหนูเหมือนคนๆ เดี่ยวกัน ชั่วแต่ว่าหนูตัวเล็กกว่า

    ***

    บางทีมอมมันก็ออกไปเที่ยวนอกบ้าน เดินไปก็ดมกลิ่นอะไรไป กลิ่นคนแปลกๆ ที่ติดอยู่ตามทางเดิน กลิ่นหนูที่ออกหากินตามถังขยะในเวลากลางคืน กลิ่นหมาบ้านใกล้เรือนเคียง และหมากลางถนนทั้งตัวผู้ตัวเมีย เมื่อมอมตัวยังเล็ก มันไม่ค่อยกล้าออกจากบ้าน เพราะหมาอื่นๆ มันรุมกันเห่า มันรุมกันกัด แต่เดี่ยวนี้มอมตัวโตกว่าหมา พอออกนอกบ้านถึงหมาอื่นจะเห่า แต่ก็วิ่งหนีมอมทุกตัวไป ในบรรดาหมาตัวผู้ในละแวกบ้าน มอมมันเคยแสดงฝีมือให้ปรากฏมาแล้ว ไอ้ตัวไหนที่เคยเป็นที่ที่สังเกตได้ง่าย สูงเพียงระดับจมูก ไม่ต้องก้มลงดมให้เสียเวลา เป็นต้นว่าเสาไฟฟ้าหรือต้นไม้ข้างทาง ออกจากบ้านเดินไปก็ต้องยกขาถ่ายเอาไว้เป็นสำคัญ แต่ถ้ามีหมาตัวอื่นมาถ่ายทับเสียกลิ่นนั้นก็เพี้ยนไป อาจถึงกลับบ้านไม่ถูก หรืออย่างน้อยก็ต้องลำบากทุลักทุเล การถ่ายปัสสาวะรดที่ตัวอื่นทำไว้แล้ว จึงเป็นอนันตริยกรรมของสุนัขอภัยให้กันไม่ได้ แล้วถ้าทำกันต่อหน้าก็เป็นการท้าทายกันโดยตรง เป็นการทำลายเกียรติของหมาตัวผู้ด้วยกัน แสดงว่าหมดความเกรงใจนับถือกัน ต้องต่อสู้จนแพ้กันไปข้างหนึ่ง

    ***

    มอมมันเคยถูกท้าทายด้วยวิธีนี้มามาก แต่มันก็สู้จนเอาชนะได้ทุกตัว บางทีมันกลับบ้านเป็นแผลยับไปตามหน้าและแข้งขา นายผู้หญิงต้องคอยล้างแผลใส่ยาให้ หลังจากนั้นมันก็จะถูกขังไปสองสามวัน แล้วมันก็แอบหนีไปเที่ยวนอกบ้านได้อีก มอมมันเคยทิ้งนายไปแต่เพียงครั้งเดียวในชีวิต เมื่อมอมแตกเนื้อหนุ่มเต็มที่ อากาศกำลังหนาว น้ำขึ้นเจิ่งคลอง บางวันก็ท่วมพ้นตลิ่งขึ้นมา มอมมันก็ไปหลงรักนางนวลซึ่งกำลังแตกเนื้อสาวอยู่ถัดบ้านไป ๓-๔ หลังคาเรือน มอมหลงใหลจนสิ้นท่า ข้าวปลาไม่เป็นอันกิน กลางคืนดึกๆ เดือนสว่าง มอมนั่งมองพระจันทร์แล้วก็หอนด้วยความวังเวงใจ ในตอนแรกมันเพียงแต่หลบไปหา นางนวลชั่วครู่ชั่วคราวแล้วก็กลับบ้าน ครั้นต่อมาอาการรักหนักขึ้น มันก็ไม่กลับเอาเลย เฝ้าเวียนวนอยู่แถวนั้น คอยไล่กัดตัวผู้อื่นๆ ทั้งหนุ่มทั้งแก่ที่มาตอนนางนวลเป็นฝูง คนในบ้านเขาหนวกหู หนักเข้า เขาก็ทุบตีเอาบ้าง เอาอิฐขว้างเอาบ้าง มอมก็ต้องทน เพราะความรักกำลังขึ้นหน้า มอมหายจากบ้านไป ๔-๕ วัน หิวหนักเข้าก็ต้องโชกกลับบ้าน แทนที่นายจะว่ากล่าว กลับรีบหาข้าวให้มันกิน มอมมีอาการผิดประหลาดซูบผอมไปสัก ๑๕ วัน แล้วมันก็กลับเป็นปกติเหมือนเก่าน่าประหลาดที่ความรักที่มีต่อนางนวลก็หายไปด้วย คงเหลือแต่ความรักนาย

    ***

    พอตกบ่ายทุกๆ วัน มอมมันจะต้องไปหมอบคอยนายที่หัวกระไดบ้าน ตามันจับอยู่ที่ประตูบ้าน และประสาททุกส่วนเตรียมพร้อมที่จะรับนาย พอได้ยินเสียงเท้านายเดินกลับบ้าน มอมก็หูตั้งคอยฟัง พอลูกบิดประตูหน้าบ้านเสียงดังเก๊ก มันก็โผจากที่ด้วยกำลังทั้งตัวแล้วก็โถมเข้าหานาย ดีใจเสียงเป็นที่สุดแล้วนายกลับบ้าน มันจะวิ่งเข้าพันแข้งพันขานาย คาบข้อมือนายเลียตั้งแต่ หน้าลงมาจนถึงเท้า ความดีใจของมอมกว่าจะสงบได้ก็เมื่อนายผลัดผ้าเข้าห้องน้ำอาบน้ำหายไป ทีนี้มันก็มีหน้าที่ติดตามนายไปทุกฝีก้าว ไม่ว่านายจะนั่งหรือนอนหรือจะไปทางไหนมอมเป็นต้องอยู่ข้างๆ บางวันนายพามันออกไปเดินเที่ยวเล่นนอกบ้าน ถ้าวันไหนได้ ออกไปเที่ยวกับนาย วันนั้นก็เป็นวันที่มอมดีใจเอิกเกริกเป็นพิเศษ ออกได้ก็วิ่งนำหน้าไป บางทีก็วิ่งเลยไป จนนายต้องเรียก บางครั้งได้กลิ่นอะไรที่ข้างถนน สนใจเป็นพิเศษ มันก็ไถลเที่ยวสูดดมกลิ่นนั้นเสีย จนนายต้องเรียกอีกเหมือนกัน มอมเป็นหมาที่มีแต่หัวใจ และหัวใจของมันนั้นก็มอบให้นาย ฉะนั้นมิไยนายจะสั่งสอนให้ทำอะไร มอมก็ไม่ค่อยเอาใจใส่ เพราะเมื่ออยู่กับนายมันมีแต่ความดีใจความสุข ไม่มีปัญญาจะไปจดจำอะไรได้กี่มากน้อย แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังอุตส่าห์เรียนวิชาที่นายสอนให้ไว้ได้อย่างหนึ่ง เวลาเดินไปริมคลองหรือริมบ่อ นายจะหากิ่งไม้แห้งๆ ขว้างลงไปในน้ำมอมมันก็กระโดดน้ำว่ายไปคาบเอากิ่งไม้กลับมาให้นาย ที่มอมมันเรียนได้เร็วก็เพราะว่ามันเห็นเป็นการเล่นชนิดหนึ่ง บางทีนายไม่อยากเล่นเพราะมันสะบัดขน น้ำเปียกนาย แต่มอมก็เที่ยวไปหากิ่งไม้แห้งๆคาบมาชวนนายเล่นทุกครั้ง ที่มีบ่อหรือคลองอยู่ใกล้ๆ

    ***

    มอมมันอยู่กับนายเป็นปกติสุขมาได้สองปีกว่าจนมันเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่เต็มที่ ใครเห็นใครก็ต้องชมว่ามันเป็นหมาที่งามไม่น้อย และเมื่อนายบอกกับคนอื่นว่ามอมเป็นหมาเกิดใต้ถุนบ้านก็ไม่ค่อยมีใครเชื่อ จนถึงวันหนึ่งซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของมอม วันนั้นเป็นวันหนึ่งในฤดูหนาวมอมมันคึกคักเป็นพิเศษจึงลอดรั้วออกไป เที่ยวนอกบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ยิ่งเที่ยวไปมันก็ยิ่งเพลิน ไกลบ้านออกไปทุกที ถ้ามอมมันเป็นคน มันก็จะสังเกตว่าเช้าวันนั้น ผู้คนที่เดินถนนมีสีหน้าผิดปกติ บางคนก็หน้าตาเศร้าหมอง บางคนก็หน้าตื่น ส่วนมากนั้นจับกลุ่มยืนพูดกัน แต่มอมมันก็มีธุระของมันที่จะต้องวิ่งดมกลิ่นอะไรต่ออะไรเรื่อยไป ไหนจะกลิ่นสัตว์ประหลาดๆ ที่ออกมาจากกอหญ้า หรือเลื้อยคลานขึ้นมาจากคลองแล้วรีบกลับลงไปเมื่อใกล้รุ่ง มอมมันวิ่งลุยน้ำค้างที่จับขาวอยู่บนใบหญ้า อากาศเย็นเฉียบมากระทบหน้ากระทบใบหูและลิ้นของมัน ทำให้เบิกบานใจกว่าธรรมดา

    ***

    แต่พอสายเข้าหน่อยมอมก็เริ่มสังเกตเหมือนกันว่า มีอะไรผิดปกติไปเสียแล้ว เพราะบนถนนสายใหญ่นั้น มีรถยนต์บรรทุกขนาดโตกว่าที่มันเคยเห็น วิ่งตามกันมาเป็นแถวยาวเหยียด แผ่นดินสะเทือนมาตั้งแต่ไกล บนรถนั้นมีคนอยู่เต็ม แต่งตัวอย่างที่มอมมันไม่เคยเห็นมาก่อน พูดจากันด้วยสุ้มเสียงที่มอมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย คนเหล่านั้นรูปร่างเตี้ยล่ำผิดกับคนไทยที่มอมรู้จัก มอมมันยืนนิ่งตัวแข็งอยู่ข้างถนน ขนคอชัน หูตั้ง ความรู้สึกเหมือขโมยเข้าบ้าน มันสูดกลิ่นแรงๆ คนที่อยู่บนรถนั้นผิดกลิ่นเป็นแน่แล้ว เพราะมีกลิ่นสาบกลิ่นสางอย่างที่มอมไม่เคยรู้จักแต่ก่อนเลย พอมอมมันรู้ว่าอะไรผิดปกติ ใจมันก็คิดถึงนายวาบขึ้นมาขึ้นมาทันที ป่านนี้นายจะอยู่ที่ไหน จะเป็นอย่างไร นายผู้หญิงจะเรียกเที่ยวตามหามันหรือเปล่า ใครจะทำอะไรหนู ซึ่งนายเคยสั่งให้มันเฝ้าหรือไม่ก็ไม่รู้ และป่านนี้คนแปลกหน้าผิดกลิ่นจะเข้าไปในบ้านของมันบ้างแล้วกระมัง พอหัวใจมอมมันหวนกลับไปบ้าน ตัวมันก็หันกลับและขาทั้ง ๔ ของมันก็พาตัวมันกลับบ้านทันที มอมกลับไปถึงบ้านไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เห็นแต่นายกับนายหญิงนั่งพูดกับเบาๆด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

    ***

    มอมเข้าไปเลียมือนายแต่นายเพียงแต่ตบหัวมันเบาๆ ๒-๓ ที แล้วก็ไม่สนใจมันอีกต่อไป นายผู้หญิงก็ไม่ได้ทักมันหรือไล่มันอย่างเคย มอมกระดิกหางหมุนไปหมุนมา สักครู่หนึ่งเห็นไม่ได้เรื่องมันก็ไปเล่นกับหนู ซึ่งดีใจมากที่มันไปอยู่ด้วย มอมลงนอนหงายให้หนูเกาท้อง แล้วก็ดึงหูดึงหางมันไปตามเรื่อง วันนั้นมอมสังเกตว่า นายไม่ได้ออกไปไหนทั้งวัน ถ้าได้ยินเสียงรถแล่นหรือเสียงคนเดินดังเอะอะก็เดินไปดูที่ประตูบ้าน มอมก็ถือโอกาสวิ่งตามไปเห่าลั่นที่ประตูบ้านเหมือนกัน เพราะมอมมันต้องการให้นายเข้าใจว่า มันรู้เหมือนกันว่ามีอะไรผิดปกติ และถ้าหากเกิดมีภัยอันตรายมาถึงบ้าน มันก็พร้อมที่จะสู้และยอมตายให้นาย แต่นายกลับจุ๊ปากบอกให้มันนิ่ง แล้วเดินกลับเข้าบ้านทำดังนี้อยู่หลายครั้ง จนค่ำนายกินข้าวแล้วก็ขึ้นบ้าน ปล่อยให้มอมนอนเฝ้าหัวกระไดอย่างเคย รุ่งเช้าตอนสายๆ มีคนมาเปิดประตูหน้าบ้าน มอมมันกำลังระแวง มันก็เห่ากรรโชกทำท่าจะเอาจริง นายผู้หญิงต้องวิ่งมาดึงคอมันไว้ ส่วนนายผู้ชายไปพูดกับคนแปลกหน้าที่มาหน้าบ้านอีกประเดี๋ยวหนึ่งคนแปลกหน้าก็กลับไป

    ***

    นายเดินกลับเข้ามาช้าๆ หน้าเผือด ไม่สบายใจ ในมือถือกระดาษขาวๆ แผ่นหนึ่ง มอมได้ยินนายเรียกนายผู้หญิงให้ตามขึ้นไปบนเรือน เห็นพูดจากันสักครู่หนึ่ง นายผู้หญิงเอากระดาษแผ่นนั้นมาดูแล้วก็ซบหน้าลงร้องไห้

    ตั้งแต่นั้นมานายก็เริ่มหายไปจากบ้าน หลายวันจึงกลับมาครั้งหนึ่ง มอมสังเกตเห็นนายแต่งตัว ผิดไปกว่าแต่ก่อน คือนายแต่งตัวสีกากีแกมเขียว ใส่หมวกสีเดียวกัน มีอะไรสีทองติดที่หน้าอก กางขายาวที่เคยนุ่งก็กลับเป็นพันแข็ง และเกือกหนังบางที่เคยใส่ และที่มอมมันเคยเสีย บางครั้งก็แอบเอาไปกัดเล่น เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใส่ กลายเป็นใส่เกือกหนาๆ สากๆ ครั้งแรกที่มอมเห็นนายแต่งตัวอย่างนี้กลับบ้าน มันเกือบจำไม่ได้ แต่พอนายเดินเข้ามาใกล้ได้กลิ่นมันจึงรู้ระวังหายหน้าไปครั้งละหลายวัน มอมเห็นนายผู้หญิงเศร้ากว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมา งานการทางบ้านที่เอาใจใส่ก็ดูเนือยๆ ลงไป ยายผู้หญิงชอบอุ้มหนูไปนั่งที่หัวกระได้และนั่งอยู่นานๆ มอมมันเข้าไปหยอกล้อชวนเล่นด้วย นายผู้หญิงก็ไม่เล่น บางทีมันก็เอาหัวเข้าไปวางที่ตักนายผู้หญิง เธอก็ลูบหัวมันเบาๆ แต่สายตานั้นเหม่อมองไปไกล

    ***

    ส่วนมากนายผู้หญิงนั่งอยู่จนพลบค่ำแล้วจึง กลับเข้าเรือนตอนใกล้ๆ จะพลบ เธอมักจะเอาหนูมากอดไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้ มอมมันไม่เคยเห็นนายผู้หญิงเป็นอย่างนี้มาแต่ก่อน ใจคอมันก็เงียบเหงาลงไปตาม ที่มันเคยเล่นหัวก็น้อยลงไป ที่เคยแอบหนีไปเที่ยวเตร่ก็น้อยลงไปเช่นเดียวกัน เมื่อนายหายไปนานๆ มอมมันก็ตามนายผู้หญิงแทนนายและมันมีความรู้สึกในใจว่าระหว่างที่นายไม่อยู่ มันจะต้องเฝ้าทั้งบ้านทั้งนายผู้หญิงและหนูไม่ให้ใครมาเกะกะทำอันตรายได้จนกว่านายจะกลับ วันไหนนายกลับบ้านความรู้สึกในบ้านก็เปลี่ยนไปทั้งหมด นายผู้หญิงก็กระปรี้กระเปร่าทำกับข้าวพิเศษ มอมมันก็ดีใจโลดเต้น ชีวิตซึ่งแต่ก่อนเป็นปกติประจำวันนั้น เดี๋ยวนี้กลายเป็นของที่มีเพียงชั่วคราวระหว่างที่นายกลับบ้าน

    ***

    วันหนึ่งนายกลับบ้าน และมาอยู่ได้ ๒-๓ วัน แต่มอมสังเกตนายและนายผู้หญิงไม่สู้จะดีใจรื่นเริงเหมือนที่เคย เห็นแต่นั่งพูดกันเบาๆ ครั้งละนานๆ บางครั้งนายผู้หญิงก็ร้องไห้ ส่วนนายนั้นก็มีสีหน้าและกิริยาอาการบอกให้มอมเห็นได้ว่ามีทุกข์ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ นายมักจะนอนเหม่อที่เก้าอี้ยาวที่เฉลียงไม่พูดจาอะไร นานๆ ก็ถอนใจยาวๆ มอมมันก็ได้แต่หมอบอยู่ที่เท้าของนาย ตาก็จับอยู่ที่หน้านาย คอยดูว่าเมื่อไหร่นายจะมีแววตาที่แสดงว่าหายทุกข์ ตอนเย็นวันก่อนที่นายจะออกจากบ้านไป มอมเห็นนายผู้หญิงเก็บของเล็กๆ น้อยๆ เข้าห่อ เป็นพวกยาสีฟัน สบู่ และของกินแห้งๆ ใส่กระป๋อง นอกจากนั้นก็มีเสี้อผ้าบ้าง นายผู้หญิงเก็บของไปก็ร้องไห้ไป ส่วนนายก็ติดตามนายผู้หญิงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเข้าห้องไหนหรือประการใด ช่วยห่อของให้บ้าง พูดปลอบนายผู้หญิงบ้าง แต่มอมก็ไม่เห็นนายผู้หญิงหยุดร้องไห้ ยิ่งเห็นนายอยู่ใกล้ๆ ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นครั้งหนึ่งนายผู้หญิงเอามือนายไปกำไว้แน่น ยกมือนายขึ้นไปที่หน้าแล้วก็ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักขึ้นไปอีก มอมเห็นนายเอาแขนโอบนายผู้หญิงไว้กับตัวแล้วนั่งนิ่งอึ้งอยู่นาน

    ***

    รุ่งขึ้นนายตื่นแต่เช้าตรู่ นายแต่งตัวเสร็จ ก็ถือห่อของพะรุงพะรังออกจากบ้านไป แต่พอถึงประตูหน้าบ้านนายก็ทรุดตัวลงนั่ง กอดมันไว้แน่น

    “มอม ไอ้มอม” เสียงนายกระซิบสั่งที่หู “ข้าจะต้องจากไปนาน จะได้กลับเมื่อไรก็ยังไม่รู้เอ็งอยู่ทางหลังช่วยเฝ้าบ้าน ช่วยดูนายผู้หญิง ช่วยดูหนู เอ็งรักข้ามากข้ารู้ เอ็งต้องทำตามที่ข้าสั่งแล้วคอยข้าอยู่ที่นี่ ไม่ตายข้าจะกลับ” มอมเอาหน้ามันไปแนบที่หน้านาย ตามใบหน้าของนายนั้นอาบไปด้วยน้ำตา เป็นครั้งแรกที่มันได้เคยเห็น มอมส่งนายเพียงประตูบ้านแล้วมันก็เดินกลับเรือน หางตกหัวตก มันเดินช้าๆ ไปที่หัวกระไดที่มันเคยนอน ล้มตัวลงเหยียดยาว ตาจับอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน มอมครางออกมาเบาๆ เหมือนกับจะอุทานความในใจของมันให้คนรู้ว่า ชีวิตของมอมนั้นสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วาระที่นายออกจากบ้านไป และจะเป็นอยู่เช่นนั้นจนกว่านายจะกลับมาอีก

    ***

    นายหายจากบ้านคราวนี้ไม่กลับมาอีกเลย อาทิตย์กลายเป็นเดือน เดือนกลายเป็นปี จนกระทั่งปีหนึ่งได้ผ่านไปนายก็ยังไม่กลับ นานๆ จะมีบุรุษไปรษณีย์เอาจดหมายมาส่งให้นายผู้หญิงสักทีหนึ่ง มอมเห็นนายผู้หญิงอ่านแล้วอ่านเล่า และในที่สุดก็ร้องไห้ทุกครั้งไป พอนายไปได้สักปีกว่าๆ มอมมันก็เริ่มเห็นความร่วงโรยภายในบ้านมากขึ้นทุกๆ วัน นายผู้หญิงซูบผอมผิดปกติการแต่งกายก็ปอนกว่าแต่ก่อน ทั้งมิได้ระมัดระวัย หนูนั้นเติบโตใหญ่ขึ้นจนวิ่งได้แล้ว แต่ก็ผ่ายผอมมิใช้อ้วนน่าเอ็นดูอย่างแต่ก่อน บ้านที่เรียบร้อยสะอาดสะอ้านนั้น บัดนี้รกรุงรัง เต็มไปด้วยหยากไย่ระวังผู้หญิงมิได้เอาใจใส่เช็ดถูอย่างเคย มอมต้องเรียนบทเรียนใหม่ในชีวิต เจ๊กขายขวดซึ่งนายเคยยุให้มอมเห่าและกัดทุกครั้งที่แวะกรายเข้ามาในบ้านนั้น บัดนี้กลายเป็นคนสนิทชิดชอบกันกับนายผู้หญิงระวังผู้หญิงห้ามปรามมอมเด็ดขาด มิให้กัดหรือแม้แต่เห่าเจ๊กขายขวดอีกต่อไป เป็นอันว่าเจ็กขายขวดมีสิทธิ์เดินเข้ามาถึงหน้ากระไดบ้าน บางทีก็ถึงกับไปนั่งอยู่ที่ชานหน้าครัว มอมเห็นนายผู้หญิงสนทนากับเจ๊กขายขวดนานๆ ทุกครั้งจะต้องหยิบของในบ้านมาให้เจ๊กขายขวดดู เป็นถ้วยชามบ้าง ช้อนส้อมบ้าง บางทีก็เป็นของอื่นที่มอมไม่รู้จัก และเจ๊กขายขวดก็จะยื่นกระดาษเล็ก ๆ สองสามแผ่นให้นายผู้หญิง มอมเห็นนายผู้หญิงเอากระดาษนั้นมานับ เสร็จแล้วเจ๊กขายขวดก็จะเอาของใส่หาบแล้วก็เดินออกจากบ้านไป

    ***

    นายผู้หญิงทำอยู่อย่างนี้จนนานเข้า มอมสังเกตเห็นของในบ้านที่มันเคยชินลูกตานั้นบางไปมาก บางทีหนูมาวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ เวลานายผู้หญิงพูดกับเจ๊กขายขวด แต่พอเจ๊กไปแล้วนายผู้หญิงต้องคว้าหนูมากอดไว้แล้วร้องไห้ทุกครั้งไป ของที่มอมมันรู้สึกว่าเปลี่ยนไปมากก็คือ เรื่องอาหารการกิน แต่เมื่อครั้งนายยังอยู่นั้นมันมิเคยต้องอนาทรร้อนใจเลย แต่เดี๋ยวนี้มอมมันต้องทนหิวอยู่ตลอดเวลา เมื่อนายอยู่นายเคยให้กินข้าววันละสามเวลา ขณะนี้มอมต้องอดมื้อกินมื้อ และมื้อที่กินนั้นก็มิได้ทำให้มอมหายหิวลงได้ มันมองดูตานายผู้หญิงอย่างสงสัย เพราะแทนที่จะเป็นอาหารหนักในเวลาเช้า นายผู้หญิงเพียงแต่เทน้ำข้าวให้มอมๆมันไม่เคยกิน แต่ด้วยความหิวมันก็ต้องกลืนกิน หมดแล้วมันเงยหน้าดูนายผู้หญิง ผู้ซึ่งยืนมองดูมันด้วยความเป็นห่วง แต่พอเห็นมันมองเหมือนกับจะขออีก นายผู้หญิงก็หันหลังรีบเดินหนีไป มอมมันรู้แล้วว่ามื้อกลางวันนั้นเป็นอันไม่มีหวังที่จะได้ เพราะมันเห็นนายผู้หญิงเตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ ให้หนู ส่วนมากก็เป็นของเหลือจากมื้อเช้า ส่วนตัวนายผู้หญิงเองก็ไม่ได้แตะอะไรเหมือนกัน แม้มื้อเย็นก็มีแต่บางวันเฉพาะวันที่นายผู้หญิงกินข้าว วันไหนมอมหิวหนักเข้า มันก็ไปนั่งมองขณะที่นายผู้หญิงกำลังกิน ถ้านายผู้หญิงหันมามอง มันก็เลียปากให้รู้ว่ามันก็หิวมากเหมือนกัน นายผู้หญิงก็จะน้ำตา-กบ-ลูกตารีบอิ่มข้าว แล้วเอาของที่เหลือคลุกให้มันกินทันที

    ***

    มองมันไม่เข้าใจว่าของที่เคยมีนั้น เหตุไรจึงหมดไป มอมมันรู้แต่ว่านายจากบ้านไปนานแต่สักวันหนึ่งนายจะกลับ ระหว่างนี้มันก็ได้แต่จะคอยนาย มันหารู้ไม่ว่านายถูกระดมไปเป็นทหาร ไปอยู่ไกลไม่มีกำหนดกลับ และนายผู้หญิงซึ่งไม่มีรายได้อะไรเลยก็ได้แต่ขายของเก่าไปทีละชิ้นและต้องครองชีพไปอย่างอดมื้อกินมื้อ บางวันนายผู้หญิงต้องยอมอดเพื่อให้ลูกได้กิน หรือมิฉะนั้นก็ต้องกิน แต่น้อยเพื่อให้มอมซึ่งผัวฝากไว้ได้กินอิ่มๆ ตั้งแต่มอมมันยังตัวเล็กๆ นายเคยห้ามเด็ดขาดมิให้มันไปเก็บของกินนอกบ้าน มอมมันก็ปฏิบัติตามตลอดมา เพราะเมื่อท้องมันอิ่มมันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปหาอะไรกินที่อื่น แต่เดี๋ยวนี้มอมต้องผิดคำสั่งนาย เพราะท้องมันหิวเต็มทน ก็ต้องพึ่งถังขยะเช่นเดียวกับหมาข้างถนนตัวหนึ่ง ด้วยความอด ด้วยความตรอมใจที่นายหายไป มอมมันเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ร่างกายก็ผ่ายผอมลงไปเห็นได้ถนัด ขนที่เคยมันกลับกลายเป็นด้าน จมูกแห้ง นัยน์ตาเซื่องซึม กิริยาอาการที่เคยโลดเต้นร่าเริงก็กลายเป็นเชื่องช้า ส่วนมากมันใช้เวลานอนที่หัวกระไดบ้าน เพื่อคอยนายตามที่นายสั่งไว้

    ***

    อีกสองปีผ่านไป ยังไม่มีวี่แววว่านายจะกลับมาเลย คืนวันหนึ่ง มอมอยู่ที่หัวกระไดที่มันนอน นายผู้หญิงกับหนูนอนอยู่ข้างบนเรือน มอมมันหลับสนิทไปพักหนึ่ง แต่มาตกใจตื่นตอนดึก เพราะได้ยินเสียงนายผู้หญิงไอและเสียงหนูร้องออดแอด พอเสียงข้างบนเงียบไปมันก็นอนต่อ แต่หูนั้นคอยฟังเสียงต่างๆ ที่จะผิดปกติ อีกสักครู่หนึ่งมันได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังหึ่งมาแต่ไกล มอมมันรู้ว่าเป็นเสียงเครื่องบิน เพราะเมื่อมันยังเป็นลูกหมาเห็นเครื่องบินผ่านหลังคาบ้าน มันต้องวิ่งไล่เห่าทุกครั้ง และนายเคยหัวเราะชอบใจที่มันไล่กัดเครื่องบิน มันนอนฟังเสียงที่อยู่ไกลนั้น สักครู่ก็รู้ว่าเครื่องบินนั้นกำลังใกล้เข้ามา ทันใดนั้น มอมมันก็ตกใจแทบสิ้นสติ ขนพองชันไปทั้งตัวและผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ในท่ามกลางความมืดและความเงียบสงัดนั้น มีเสียงที่มันไม่เคยได้ยินมาก่อนดังก้องไปทั่ว มอมมันเข้าใจว่าเป็นเสียงหมาหอน แต่หมาตัวที่หอนนั้นมันจะต้องใหญ่โตมหึมาน่าสะพรึงกลัวเสียเป็นที่สุดแล้ว เสียงหอนนั้นดังเป็นระยะๆ ถี่ๆ มอมตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น หมาที่ในหอนให้ได้ยินทั่วทั้งเมือง มอมมันหอนรับทันที แต่เสียงของมันดูค่อยจนตัวมันเองแทบจะไม่ได้ยิน

    ***

    ทันทีนั้นมันก็สังเกตเห็นไฟตามถนนดับพรึ่บลงหมด เสียงนายผู้หญิงหวีดร้องบนเรือน เสียงหนูร้องไห้ด้วยความกลัว นอกบ้านก็มีเสียงฝีเท้าคนวิ่ง เสียงร้องเรียกกันโหวกเหวก เสียงปิดเปิดบานหน้าต่างประตูและเสียงเด็กร้องไห้ทั่วไป มอมมันเผ่นลงไปอยู่ที่ลานบ้านหน้าเรือน อีกอึดใจเดียวนายผู้หญิงก็อุ้มหนูซึ่งกอดไว้แน่นลงมานั่งอยู่ด้วย พอเห็นนายผู้หญิง มอมมันก็หมดความตื่นเต้นและความกลัว จิตใจมันสงบลงทันที เพราะมันรู้ว่ามันมีหน้าที่จะต้องทำ มันเบียดเข้าไปจนชิดตัวนายผู้หญิง มันเลียมือนายผู้หญิงและเลียแขนหนู เป็นวิธีเดียวที่มันจะบอกให้สองคนนั้นรู้ว่าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจ มอมยังอยู่ มอมยังอยู่ มอมไม่รู้ว่า มันนั่งอยู่กับนายผู้หญิงนานสักเท่าไร แต่ขณะนั้น มันได้พบได้เห็นของที่มันไม่เคยเห็นหลายอย่าง มันได้เห็นไฟฉายเป็นทางยาวขึ้นไปบนฟ้า เห็นเครื่องบินลำสีขาวบินฉวัดเฉวียนอยู่ เสียงปืนต่อสู้อากาศยานได้ยินสนั่นจนกระเทือนเจ็บแก้วหู เสียงลูกระเบิดแหวกอากาศดังซู่ลงมา สัญชาตญาณบอกให้มันหมอนลงกับพื้นดินทันที มอมรู้สึกเสียวสันหลังและขนคอ และขนตามหลังมันตั้งชัน ขณะเดียวกันมันรู้สึกได้ด้วยความสะเทือนของแผ่นดินว่ามีการระเบิดขึ้นในระยะ ใกล้ติดๆ กันหลายครั้ง

    ***

    มอมมันเฝ้านายผู้หญิงอยู่ จนกระทั่งได้ยินหมาใหญ่ตัวมหึมานั้นหอนขึ้นเป็นกังวานดังรวดเดียวอีกครั้ง หนึ่ง นายผู้หญิงลุกขึ้นจากที่นั่ง มอมสังเกตเห็นคนเริ่มจุดไฟและเริ่มใช้ไฟฉายในที่ต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง เสียงคนพูดกันและเสียงหัวเราะดังจากที่ต่างๆ รอบบ้าน นายผู้หญิงลูบหัวมันเบาๆ เหมือนกับจะขอบใจที่มันเฝ้าอยู่เป็นเพื่อน แล้วก็อุ้มหนูกลับขึ้นเรือน หลังจากนั้นไม่ว่ามอมจะไปทางใดเห็นแต่คนขุดหลุมกันทั่วไป ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง มอมมันเที่ยวดมตามกองดินที่เขาขุดขึ้นมาก็ไม่เห็นมีกลิ่นอะไรเกินไปกว่า กลิ่นธรรมดา แม้นายผู้หญิงก็ขุดหลุมที่ริมรั้วข้างบ้าน ตาแก่ที่อยู่บ้านติดกันแกมาช่วยขุดให้ มอมนึกว่านายผู้หญิงคงขุดหาหนูหากระดูกเก่าๆ ที่ฝั่งไว้ มันก็เข้าไปขุดใช้สองเท้าตะกุยดินไปพลางจมูกมันก็กดลงไปที่ดินสูดกลิ่นแรงๆ

    เพื่อจะได้รู้ว่าหนูหรือกระดูก หรืออะไรก็ตามที่นายผู้หญิงต้องการนั้นฝังอยู่ที่ใด มอมมันคุ้ยดินขึ้นมาได้กองโตเอาการ นายผู้หญิงและคนแก่วางจอบเสียมนั่งดูมันแล้วหัวเราะ เสียงตาแก่ชมกับนายผู้หญิงว่า "หมาตัวนี้มันรู้เอาการอยู่" แต่มอมมันก็ยังไม่รู้อยู่นั่นเองว่านายผู้หญิงขุดหลุมอะไร ต่อจากนั้นเมื่อมีเสียงเครื่องบิน มีเสียงหมาหอน มอมก็เห็นนายผู้หญิงอุ้มหนูวิ่งลงไปอยู่ในหลุมนั้นทุกครั้ง จนในที่สุดมอมมันก็รู้ ถ้าคืนไหนมันได้ยินเสียงเครื่องบินมาแต่ไกล มันก็หอนขึ้นก่อนแล้วก็เริ่มตะกุยประตูเรือนดังๆ เพื่อปลุกนายผู้หญิง พอรู้ว่านายผู้หญิงตื่นมันก็รีบวิ่งลงไปนั่งคอยอยู่ในหลุมก่อนทุกครั้งไป ความตื่นเต้นในเวลากลางคืนนั้นมีบ่อยครั้งเข้าและเสียงระเบิดนั้นก็ดังใกล้บ้านเข้ามาทุกที ชาวบ้านแถบนั้นก็เริ่มหายไปจากบ้าน มอมเห็นแต่บ้านปิดทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ผู้คนในตรอกนั้นที่เคยคึกคักก็เงียบเหงาลงไป คงเหลือแต่นายผู้หญิงอยู่ที่บ้านกับหนู

    มอมมันไม่มีหนทางจะรู้ได้เลยว่านายผู้หญิงของมันอพยพหลบภัยตามชาวบ้านเขาไป ไม่ได้ระวังผู้หญิงมีแต่ตัวคนเดียว ไม่มีพวกพ้องวงศาคณาญาติที่ไหนที่จะไปอาศัยได้ และความจนนั้นก็บังคับให้นายผู้หญิงต้องอยู่ต่อไป ทั้งทีแสนจะห่วงความปลอดภัยของลูก และความรู้สึกเปลี่ยวเปล่าที่เกือบจะทนไม่ได้ คืนวันหนึ่งมอมรู้สึกร้อนรนและตื่นเต้น เหมือนกับว่าสิ่งใดบอกมันว่าภัยกำลังใกล้เข้ามาและก็จริงดังนั้น พอตกดึกก็มีเสียงหมาหอนดังขึ้นและเสียงเครื่องบินใกล้เข้ามาทุกที นายผู้หญิงอุ้มหนูวิ่งลงไปอยู่ในหลุม มอมมันก็วิ่งลงไปนั่งข้างๆ เช่นเคย เสียงเครื่องบินดังกว่าที่เคยได้ยินมา เสียงระเบิดดังใกล้ๆ บ้านเข้ามา มอมเลียมือนายผู้หญิง รู้สึกว่ามือนั้นเย็นชืดด้วยความกลัว มอมได้ยินเสียงลูกระเบิดแหวกอากาศตรงลงมาที่หลังคาบ้าน มันหมอบนิ่งคอยความกระเทือนของระเบิดแต่แทนที่จะมีเสียงระเบิด มอมกลับได้ยินเสียงดังกราวใหญ่ทางหลังบ้าน อีกสักครู่หนึ่งมันก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้อย่างแรง ไฟไหม้บ้านแน่แล้ว มอมมันโจนขึ้นจากหลุมวิ่งไปดูที่ครัวเห็นไฟกำลังติดหลังคาเป็นหย่อมๆ และกำลังลุกลาม มอมมันตกใจเต็มที่ได้แต่เห่า แล้วมันก็วิ่งกลับมาเห่าที่หลุม เพื่อบอกนายผู้หญิงให้รู้ว่าไฟกำลังไหม้บ้าน แต่นายผู้หญิงก็มิได้กระเตื้องขึ้นจากหลุม มอมมันก็ได้แต่เห่าได้แต่วิ่งไปวิ่งมาด้วยความเป็นห่วง บ้างก็เป็นห่วงตัวเอง เป็นห่วงนายผู้หญิงและหนูก็เป็นห่วง มอมมันตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี ในทันใดนั้นมันก็ได้ยินเสียงลูกระเบิดแหวกอากาศลงมาอีกซู่หนึ่งทำให้หลังมัน เย็นวาบ แต่ก่อนที่มันจะทำอะไรได้ มอมมันรู้สึกเหมือนมีของหนักๆ มากระทบอย่างแรง ทำให้ตัวมันกระเด็นไปไกล หูอื้อไปหมด มอมหมดสติไปครู่หนึ่ง เพราะแรงลูกระเบิดทำลายลูกหนึ่งที่ตกลงมาระเบิดกลางลานบ้านพอดี

    ***

    พอมอมฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่มันเห็นก็คือไฟไหม้บ้านทั้งหลังลุกโพลง ส่องแสงสว่างจ้าทั่วไปหมด สิ่งแรกที่ใจมันนึกถึงก็คือนายผู้หญิงและหนู ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง มันตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นยืน แต่มันรู้สึกเสียวปลาบที่ขาหลัง มอมเหลียวไปเห็นขาหลังข้างซ้ายเป็นแผลยาว อาจเป็นสะเก็ดระเบิดหรือเศษไม้กระเด็นถูก เลือดข้นๆ ของมันกำลังไหลออกมาแดงฉาน มันล้มตังลงเดินเพราะเดินยังไม่ไหว มอมนอนเลียแผลอยู่นานจนขาที่เจ็บค่อยหายชา มีความรู้สึกขึ้น มันก็ครึ่งเดินครึ่งคลานไปที่หลุมที่นายผู้หญิงอยู่ ที่หลุมนั้นเงียบสนิทไม่มีเสียงใดๆ ลูกระเบิดที่ตกกลางลานบ้านทำให้ดินกระเด็นมากลบหลุมเสียกว่าครึ่ง มอมเห็นเท้านายผู้หญิงโผล่ออกมาจากกองดินมันก้มลงเลีย เท้านั้นเย็นชืดไม่มีชีวิต มอมมันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว นายฝากนายผู้หญิงและหนูไว้กับมัน บัดนี้นายผู้หญิงและหนูอยู่ใต้กองดิน มอมตัดสินใจใช้ขาทั้งสองลงมือขุดทันทีทันที มันขุดด้วยกำลังแรงที่สุดเท่าที่มันมี หัวใจมันเต้นเหมือนกับจะระเบิดออกมานอกอก มันจะต้องเอานายผู้หญิงและหนูออกมาจากหลุมให้ได้ แต่ดินที่กลบนั้นหนานัก สุดกำลังที่มอมจะคุ้ยผู้เดียว หมดปัญญาเข้ามันก็เริ่มเห่าและหอนอยู่ที่ปากหลุม เสียงหอนของมันทำชาวบ้านแถบนั้นวังเวงใจเพราะมันเป็นเสียงคร่ำครวญของหมาพันธุ์ทางตัวหนึ่งที่หัวใจแตกสลายลง

    พอรุ่งสาง มอมได้ยินเสียงคนอึกทึกนอกบ้าน มีรถบรรทุกคันใหญ่มาจอดหน้าประตูบ้าน ตอนนั้นไฟไหม้บ้านจนมอดลงแล้ว ไม่มีอะไรเหลือนอกจากเถ้าถ่านและควันจางๆ คนกลุ่มหนึ่งถือพลั่วถือเสียมวิ่งเข้ามาในบ้าน พอเห็นมอมยืนเห่าอยู่ที่หลุมก็ตรงเข้ามา พอเห็นเท้านายผู้หญิงโผล่จากกองดิน มอมก็ได้ยินเสียงคนเหล่านั้นร้องเรียกกันเอะอะ อีกหลายคนวิ่งมาที่หลุม แล้วก็เริ่มโกยดินออกทันที ในที่สุดมอมก็ได้เห็นนายผู้หญิงนอนเหยียดยาวดังหลับอยู่ใต้กองดินในหลุม หนูนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของแม่ มอมมันโจนลงไปในหลุมคร่อมนายผู้หญิงไว้ ใครเข้ามาใกล้ก็ไม่ยอม มันเฝ้าแต่ขู่คำรามและแยกเขี้ยวขาว ตามันมีแววเขียวปัดอยู่ข้างใน คนทั้งโลกเป็นศัตรูคนเหล่านี้ที่ทำให้นายต้องจากไป คนเหล่านี้ที่ทำให้บ้านที่มันเคยอยู่เคยกิน ต้องไฟไหม้จนหมดสิ้นไป คนเหล่านี้กำลังจะมาแตะต้องตัวนายผู้หญิงและหนู จะทำอันตรายอย่างอื่นต่อไปอีก ชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้ตัวนายผู้หญิง มอมมันก็งับเข้าที่แขน เสียงร้องให้คนช่วยลั่นไป แต่มอมตัวเดียวหรือจะต่อสู้ขัดขืนคนทั้งฝูงได้ ในที่สุดเขาก็กลุ้มรุมกันเข้าหามร่างอันไร้ชีวิตของนายผู้หญิงและหนูขึ้นรถ บรรทุกแล่นไป มอมมันวิ่งตามขาโขยกเขยกไปเพราะขามันเจ็บ แต่แล้วมันก็ค่อยๆหมดแรงตะกายกลับบ้าน บ้านที่ไม่มีเรือน บ้านที่รั้วพังจนหมดเหลือแต่ซากของประตู บ้านที่ไม่มีนาย ไม่มีนายผู้หญิง ไม่มีหนู บ้านที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลืออีกต่อไป มอมมันเดินวนเวียนรอบลานบ้านตะวันสายขึ้นมามันรู้สึกทั้งร้อนทั้งหิวและอยาก น้ำ ขาของมันเริ่มเจ็บมากขึ้นมาอีก จมูกของมันแห้งผาก ลิ้นของมันห้อยและแผ่บาน ตาของมันสาดแดงด้วยสายเลือด มอมล้มตัวลงนอนใกล้ๆปากหลุมที่เขาขุดเอานายผู้หญิงไป มันครางเบาๆ อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ตั้งใจจะนอนอยู่ที่นั่นจนกว่านายจะกลับมาดุจะตีว่ามันไม่ทำตามที่นาย สั่งมันก็ยอม ข้อสำคัญขอให้นายกลับมาเท่านั้น

    ***

    มอมมันนอนเช่นนั้นอยู่หลายวัน โดยที่ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเอาใจใส่ เพราะมันเป็นแต่เพียงหมาตัวหนึ่ง ในที่สุดความหิวกระหายก็บังคับให้มันต้องโซเซหากิน มันเดินไปตามถนน เจอะอะไรที่พอประทังชีวิต ได้ก็กินไม่เลือก หมาซึ่งแต่ก่อนเคยแกลังมันก็รุมกันเห่ารุมกันกัด มอมมันก็ไม่สู้คอยหลบหลีกเพราะมันไม่มีกำลังใจกำลังกายที่จะต่อสู้กับใครอีกต่อไปแล้ว มอมมันเที่ยวตุหรัดตุเหร่ไปอย่างไม่มีความหมาย ยิ่งเดินก็ยิ่งไกลบ้านเก่าออกไปทุกที ค่ำลงที่ไหนมันก็นอนที่นั่น ใต้ห้องแถวบ้าง ริมกอหญ้าข้างถนนบ้าง เมื่อกำลังมันอ่อนลงทุกวัน มันก็ไปนอนหลบเงาอยู่ที่หน้าประตูบ้านใหญ่ริมถนนแห่งหนึ่ง

    มอมมันหลับอยู่นานเพราะความอ่อนใจ มาตกใจตื่นขึ้นอีกทีตอนได้ยินเสียงคนพูดใกล้ๆ เสียงเด็กผู้หญิงร้องเรียก"พ่อ พ่อจ๋า" ดังๆ หลายครั้ง มอมลืมตาขึ้นดูเห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 10 ขวบ คุกเข่าอยู่ข้างตัวมัน มือลูบหัวมันอยู่ด้วยความปราณี มอมมันรู้สึกว่ามือนั้นไม่ใช่มือศัตรูแต่เป็นมือ ของมิตร มันกระดิกหางรับ อีกสักครู่ก็เห็นผู้ใหญ่รูปร่างอ้วนคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูโผล่หน้าออกมาดูแล้วถามว่า"อะไรลูก"

    "พ่อดูหมาตัวนี้ซี สวยจังเลย มันเจ็บน่าสงสาร หนูจะเอามันไปเลี้ยง" เด็กหญิงร้องตอบ "อย่าเลยลูก" ชายคนนั้นพูด "หมาที่ไหนก็ไม่รู้ บางทีมันจะเป็นบ้า พ่อดูท่ามันชอบกลอยู่" "ไม่บ้าหรอกพ่อ เมื่อตะกี้มันยังกระดิกหางกับหนูเลย" เด็กหญิงพูดพลางพยุงมันให้ลุกขึ้นยืน "หนูจะตั้งชื่อมันว่าไอ้ดิ๊ก มานี่มะไอ้ดิ๊ก" มอมลุกขึ้นยืน แล้วเดินโซเซตามเด็กหญิงเข้าไปในบ้าน ขณะที่มันต้องเสียทุกอย่างไปแล้ว หากมีใครที่แสดงว่าเป็นมิตรด้วยมันก็อยากจะคบด้วย ชายที่อยู่ที่หน้าประตูไม่พูดว่าอะไร เปิดประตูทิ้งไว้ให้ลูกสาว แล้วเดินข้ามสนามกลับขึ้นไปบนตึก

    ***

    บ้านที่มอมมาอยู่ใหม่นั้นเป็นตึกใหญ่โต ผิดกว่าบ้านเก่าของมอมมากมายนัก หน้าตึกมีเก้าอี้มีกระถางต้นไม้ตั้งไว้อย่างสวยงาม และไม้ต้นใหญ่ปลูกไว้ร่มเย็น ในบ้านนั้นมีคนอยู่หลายคน ทุกคนทักทายเด็กเพื่อนของมันว่าคุณแต๋ว ส่วนมากก็พยายามเอาอกเอาใจคุณแต๋วทั้งนั้น พอคุณแต๋วบอกหญิงคนหนึ่งให้ไปเอาข้าวเอาน้ำมาให้มันกิน มันเห็นหญิงคนนั้นวิ่งหายไปหลังบ้าน อีกประเดี๋ยวเดียวมันก็ได้กินข้าวคลุกกับบะช่อชามโต และมีน้ำสะอาดใส่ชามอ่างมาวางไว้ข้างๆ คุณแต๋วสั่งให้ตาแก่ตนหนึ่งพามันไปอาบน้ำถูสบู่ หลังจากที่มันกินข้าวแล้ว พอตัวมอมแห้งดีแล้ว คุณแต๋วก็ใส่ยาให้ที่แผล

    มอมมันอยู่กับคุณแต๋วมานาน มันรู้ว่าเดี๋ยวนี้มันชื่อไอ้ดิ๊ก ถ้าคุณแต๋วเรียกมันด้วยชื่อนั้นมันก็เข้าไปหา แต่มอมไม่มีวันลืมว่าชื่อจริงของมันที่นายตั้งให้คือ "ไอ้มอม" มันอยู่กับคุณแต๋ว มีอาหารการกินและคนเอาใจใส่บริบูรณ์

    ทุกอย่าง จนร่างกายมันกลับแข็งแรง ขนเป็นมันขลับ ใครเห็นใครก็ชมว่าคุณแต๋วช่างไปหาหมาจากไหนมาเลี้ยง แต่มอมมันไม่กระปรี้กระเปร่ารื่นเริงเหมือนแต่ก่อนเพราะถึงมอมมันจะสบายก็สบายแต่กาย ใจของมันยังคอยนายอยู่ไม่มีวันลืมถึงแม้ว่ามอมมันจะรักคุณแต๋วมันก็รักเพราะมือที่ให้ข้าวมันกิน คุณแต๋วไม่ใช่ชีวิตของมอม บางทีมันออกไปนั่งหน้าบ้านสังเกตคนที่เดินผ่าน เผื่อว่าในหมู่คนที่เดินมานั้นนายอาจเดินผ่านมาบ้าง บางทีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน มันก็ต้องวิ่งไปดู เผื่อจะเป็นนายมาตามหามัน

    คืนวันหนึ่งในฤดูร้อนอีก ๒ ปีต่อมา มอมมันนอนรับลมเย็นอยู่หลังตึก คืนนั้นคนในบ้านมีอยู่ไม่กี่คน เพราะมอมมันเห็นถือกระเป๋าขึ้นรถไปกับคุณแต๋วหลายคนตั้งแต่เช้า เสียงพูดกันว่าจะไปตากอากาศ ดึกมากแล้วแต่มอมมันยังไม่หลับ มันนอนอยู่นิ่งๆ หูก็คอยฟังเสียงต่างๆ เช่นเคยมันได้ยินเสียงเหมือนใครใช้เหล็กงัดหน้าต่างข้างตึกชั้นล่าง มอมมันคำรามขึ้นครั้งหนึ่ง เสียงนั้นเงียบไป อีกสักครู่เสียงนั้นดังขึ้นอีกมอมค่อยๆ ลุกขึ้นเดินอ้อมไปทางที่มาของเสียง ขนคอของมันตั้งชันเป็นแปรง ขโมยแน่แล้วไม่ใช่ใครอื่น คืนนั้นมอมมันจะจับขโมยให้คุณแต๋วและให้คนทั้งบ้านใหญ่นี้เห็นฝีมือมัน มอมมันเดินอย่างเงียบที่สุด สะกดใจไว้มิให้เห่าออกมา พอมันเดินอ้อมมุมตึกแลเห็นคนๆ หนึ่ง กำลังปีนม้าเล็กๆ งัดหน้าต่างอยู่จริงๆ มอมมันย่องใกล้เข้าไปทุกที อีกประเดี๋ยวเป็นได้เห็นดีกัน ทันใดนั้นลมพัดมาวูบหนึ่ง พาเอากลิ่นตัวคนๆ นั้นมาต้องจมูกมัน ใจของมอมเพียงจะหยุดเต้นด้วยความดีใจ มันโถมเข้าใสคนๆ นั้นด้วยกำลังทั้งหมดที่มันมีอยู่ ทำเอาคนๆ นั้นหงายหลัง ศีรษะฟาดกับพื้นนอนงงอยู่ครู่ใหญ่ มอมตัวสั่นเทากระดิกหางเร็วไม่เป็นจังหวะ มันเลียชายผู้นั้นตั้งแต่หน้าไปทั้งตัว เพราะกลิ่นที่ลมพัดมาเข้าจมูกหาใช่กลิ่นแปลกของใครที่ไหนไม่ แต่เป็นกลิ่นที่มันรู้จักดี เป็นกลิ่นของนายที่มันตั้งใจคอยมาตลอดเวลาหลายปีนับตั้งแต่วันที่นายจากไป

    ***

    นายงงอยู่พักใหญ่แต่แล้วก็จำได้ เขายกแขนขึ้นกอดคอมันไว้แน่น "ไอ้มอม" เสียงนายกระซิบที่หูมัน"มอม" นายเรียกมันอีกครั้งหนึ่งด้วยเสียงสะอื้นเหมือนกับมีอะไรมาจุกในคอ มอมมันไม่ได้ยินใครเรียกชื่อมันมานาน พอได้ยินนายเรียกมันก็ดีใจลิงโลดส่งเสียงร้องหงิงๆ ด้วยความดีใจ นายลุกขึ้นยืนเหลียวซ้ายแลขวา จุปากค่อยๆ ให้มันนิ่ง มอมมันก็ไม่นิ่ง เพราะความดีใจของมันเกินที่จะนิ่งได้ ความสุขความเป็นหนุ่มของมันกลับมาใหม่โดยสิ้นเชิง นายวิ่งข้ามสนามเบาๆ พอถึงรั้วพู่ระหงก็มุดออกไปนอกบ้าน มอมมันโกยสี่ตีนตามและมุดออกไปนอกบ้านกับนาย นายทรุดตัวลงนั่งลูบหัวลูบคอมันแล้วกระซิบที่หูว่า "มอม ข้าไม่นึกเลยว่าข้าจะได้พบเอ็ง ข้านึกว่าข้าไม่มีอะไรเหลือแล้วในโลกนี้" นายหยุดพุดไปครู่หนึ่ง "เขาส่งข้าไปไกล ข้าไม่ได้ข่าวคราวจากใครเลย พอกลับมาบ้านเขาก็บอกว่าบ้านไฟไหม้หมด ลูกเมียถูกระเบิดตาย งานการที่ข้าเคยทำคนอื่นเขาก็เอาตำแหน่งไปหมดแล้ว ไม่มีใครเขาจะมาคอย ข้าหมดหนทางจริงๆ มอมเอ๋ย แต่เอ็งอย่านึกว่าข้าลักขโมย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก พอดีพบเอ็ง เอ็งก็ทำให้ข้าต้องอาย ทำไม่ลง"

    "กลับเข้าบ้านเถิดมอม" นายพูดพลางลุกขึ้นยืน "ข้าไม่มีปัญญาจะเลี้ยงเอ็งได้เสียแล้ว" นายชี้มือไปที่รั้วพลางไล่มัน "ไป ไอ้มอม เข้าบ้าน" แทนคำตอบมอมมันกระดิกหางแรงกว่าเก่าและวิ่งรอบๆ ตัวนาย นายไล่มันอยู่หลายครั้ง แต่มอมมันก็ไม่ฟัง นายกลับมาแล้ว มอมจะไม่ให้นายพ้นสายตาอีกต่อไป ความจริงนายเปลี่ยนไปมากเพราะผอมลง ผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าขาดวิ่น แต่อย่างไรก็ยังเป็นนายของมอม นายที่มันทิ้งไม่ได้

    .....ดึกมากแล้ว พระจันทร์ข้างแรมเริ่มขึ้น ทอแสงสว่างไปทั่ว นายเดินอย่างอ่อนระโหยไปนั่งที่ริมคูข้างถนน สายตามองไปไกล มอมไปนั่งชิดกับนายอยู่ครู่หนึ่ง เห็นนายไม่ไหวติงมันก็นึกอะไรออก มอมวิ่งไปคาบกิ่งไม้แห้งมาวางไว้บนตักนายด้วยความเคยชิน นายเอากิ่งไม้ขว้างลงไปในคู มอมมันก็กระโดดโครมตามลงไปคาบกิ่งไม้มาให้นายอย่างเคยทำ นายซบหน้าลงบนหัวของมัน เสียงนายกระซิบเรียกชื่อมันหลายครั้งไม่พูดว่าอะไรอีก น้ำตาร้อนผ่าวร่วงลงบนหน้าและจมูกของมอม นายนั่งอยู่เช่นนั้นอีกนาน ในที่สุดนายลุกขึ้นยืนช้าๆ คลำหูมันอย่างใจลอยแล้วพูดว่า "ไอ้มอม เอ็งชนะข้า ไปด้วยกัน มา ตามข้ามา" แล้วนายก็ออกเดินมีมอมตามติดไป

    คืนหน้าร้อนวันนั้น ถ้าหากมีใครเดินมาตามถนนราชวิถีตอนดึกประมาณสักตีสองครึ่ง จะได้เห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงผอม เสื้อผ้าขาดวิ่น เดินช้าๆ อยู่ข้างถนนอย่างอ่อนระโหยโรยแรงข้างๆตัวมีหมาตัวผู้รูปงามตัวหนึ่ง ปากคาบกิ่งไม้ คอตั้งหางเชิดวิ่งตามเขาไปด้วยความเบิกบานสุดขีด


    บทความ เนื้อเรื่อง

    http://atcloud.com/stories/63506


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มารา กล้วยตานี

    สนธิสัญญาแองโกล-สยามกับการเปิดประเด็น PATANI 110

    ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อ 110 ปีที่แล้ว ฝรั่งได้ล่าอาณานิคมทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส หลายประเทศตกเป็นเมืองขึ้นไม่เว้นแต่ประเทศในแถบเพื่อนบ้านของไทยเราโดยเฉพาะมาเลเซีย มีการรุกคืบของอังกฤษ เพื่อนำมาสู่การค้าขายและตักตวงทรัพยากรในแถบนี้จนนำไปสู่การกดดันนำไปสู่การต่อรองกับผู้มีอำนาจของสยามและมลายู จนในที่สุดมีการตกลงใจในการลงนามสนธิสัญญาสยาม-อังกฤษ (Anglo-Siames Treaty of 1909) หรือ "สนธิสัญญาบางกอก" ลงนามกันที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2452 และรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมปีเดียวกัน หรือตรงกับปี พ.ศ.2452 ถ้าหากย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ช่วงนั้น การลงนามในยุคนั้นเพื่อการลงตัวของผลประโยชน์ทางการเมืองของทุกฝ่าย หากไม่ลงตัวทางการเมืองต้องใช้มาตรการทางทหารกดดันต่ออาจนำไปสู่สงครามได้ จะเห็นได้ว่าการทำสนธิสัญญาทั่วโลกเกิดจากการต่อรองเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา อาจจะมีปัญหาความขัดแย้งทำให้เกิดสงครามรบราฆ่าฟันกัน

    สนธิสัญญานี้ทำให้สยามต้องสูญเสียดินแดน 4 รัฐตอนเหนือของมลายูไป (กลันตัน, ตรังกานู, เคดาห์, ปะลิส รวมทั้งรัฐเปรัคบางส่วน) โดยขณะนั้นอยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช หรือ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พยายามต่อรองกับอังกฤษเพื่อมิให้เกิดความขัดแย้งใหญ่โต จนนำไปสู่สงครามระหว่างกันได้ ผลของสนธิสัญญา ทำให้ "ปาตานี" ตกอยู่ใต้อธิปไตยของสยามอย่างสมบูรณ์ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสยาม และมีสถานะเป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย

    ย้อนมองพื้นที่ จชต. ในปัจจุบันฝ่ายเห็นต่างจากรัฐกลับมองอีกแง่มุมหนึ่งของสนธิสัญญาสยาม-อังกฤษ แต่ไทยพยายามรักษากฎกติกาเดิมในอดีตที่มีการทำสนธิสัญญากันระหว่างมาเลย์-อังกฤษ-สยาม แม้ว่าจะเสียดินแดน 4 รัฐ แต่ฝ่ายคิดต่างปลุกกระแส RSD โดยอ้างรัฐปาตานีเพียงอย่างเดียว แสดงให้เห็นว่าฝ่ายเห็นต่างพยายามที่จะชูประเด็น PATANI 110 เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองเท่านั้น แบบนี้เขาเรียกว่าคัดลอกประวัติศาสตร์บางแง่มุมเท่านั้น


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พายุฤดูร้อนพัดถล่ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ค่ำของวานนี้ ทำให้ฝนตกหนัก ลมแรง มีลูกเห็บตก ต้นไม้หักโค่น ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

    เครดิตภาพ..Organ _pro satapon และชัดเจน ศิร ณ ลี้

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    อัฟริกา



    การทำลายล้างครั้งใหญ่ในประเทศโมซัมบิก, มาลาวี และซิมบับเว หลังจากพายุไซโคลน Idai อันทรงพลังซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คนในบริเวณแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้


    ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไซโคลน Idai เพิ่มขึ้นเป็น 84 ในโมซัมบิกและอย่างน้อย 89 คนในซิมบับเว ตามข้อมูลเบื้องต้นในมาลาวีมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 56 คน


    นอกเหนือจากผู้เสียชีวิตจากพายุแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก มีเพียงในโมซัมบิกและมาลาวี รายงานบอกว่ามีผู้บาดเจ็บ 1,500 คน และ 577 คนตามลำดับ หลายแสนคนได้รับผลกระทบและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง


    พายุไซโคลนที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมเป็นอุปสรรคต่อการค้นหาและช่วยชีวิต เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเตือนว่าผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น


    ในมาลาวีมีผู้คนกว่า 922,945 คนที่ได้รับผลกระทบจากทางเดินของพายุ idai ซึ่งทำลายบ้าน ถนน สะพานโรงเรียน ปศุสัตว์ และพืชผลในประเทศแอฟริกา


    ในโมซัมบิกมีการทำลายบ้านเรือน 57,669 หลังและประชาชนกว่า 63,000 คนได้รับผลกระทบ ขณะที่ในซิมบับเวตามรายงานล่าสุดของยูนิเซฟเมื่อวันที่ 17 มีนาคมจำนวนผู้ได้รับผลกระทบอยู่ที่ประมาณ 8,000 คน
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจาะเวลาหาอดีต


    โธมัส เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ ราชาแห่งทะเลทราย

    #ชีวิตจริงจากภาพยนต์ Lawrence of Arabia


    โธมัส เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ (Thomas Edward Lawrence) ตำนานฮีโร่แห่งสงครามของชาวอาหรับ นักเขียน และนักโบราณคดี ผู้ได้ชื่อว่า "ราชาแห่งทะเลทราย" หรือ "สายลับผู้ร้ายกาจ" เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2478 จากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์คว่ำ หลังจากที่อาการโคม่าอยู่ 6 วัน


    โธมัส เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ (Thomas Edward Lawrence) เกิดที่เมืองเทรมาด็อก (Tremadoc) รัฐเวลส์ (Wales) เป็นลูกชายคนที่สอง ของครอบครัว ซึ่งมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน คือ แฟรงค์ (Frank), อาร์โนลด์ (Arnold), บ็อบ (Bob) และวิลล์ (Will) ต่อมาครอบครัวของเขา ย้ายมาอยู่ที่อ็อกฟอร์ด ลอเรนซ์มีนิสัยรักการผจญภัย และมีความอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็ก ในปี พ.ศ.2450 เขาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด สาขาประวัติศาสตร์ เขาไม่ค่อยจะ ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ แต่มักจะอ่านแต่โคลงและเรื่องราว ในยุคกลางของยุโรปแท่านั้น

    ต่อมาเมื่อต้องทำวิทยานิพนธ์ เพื่อให้จบระดับปริญญาตรี เขายังเลือกทำในหัวข้อ เกี่ยวกับยุคกลาง "The influence of the Crusades on the medieval military architecture of Europe" (อิทธิพลของสงครามครูเสด ที่มีต่อสถาปัตยกรรม ทางการทหารของยุโรป) พร้อมกับเข้าไปหาข้อมูลที่ซีเรีย


    ณ ซีเรีย (Syria) ลอเรนซ์ใช้เวลา 2 เดือน เพื่อเดินทางไปเยี่ยมชมปราสาท 6 แห่ง แม้เขาจะกลับมาบ้าน พร้อมกับไข้มาเลเรียและป่วยจากการขาดอาหาร อย่างไรก็ตามลอเรนซ์ ก็สามารถเรียนส่งวิทยานิพนธ์ และเรียนจบระดับปริญญาตรี ด้วยประสบการณ์ในซีเรีย ทำให้เขาฝังใจกับทะเลทรายมาก เมื่อได้รับทุนให้เรียนต่อปริญญาโท ที่วิทยาลัยแมกดาเลน เขาจึงรับมันอย่างเต็มใจ โดยลอเรนซ์มีโอกาสได้ขุดค้นโบราณคดี ที่ชุมชนฮิทไทท์ (Hittite) บนแม่น้ำยูเฟรตีส (Euphrates River) (ชนชาติหนึ่งในเอเชียสมัยโบราณ ที่ปกครองดินแดนในเอเชียไมเนอร์ และทางเหนือของซีเรีย)

    เขาใช้ชีวิตที่แหล่งโบราณคดี ชุมชนฮิทไทท์นานถึง 3 ปี โดยมีหน้าที่บันทึกภาพและเขียนบันทึก โดยใช้เวลาว่าง ไปกับการเรียนภาษาอารบิค จนสามารถพูดได้ อีกทั้งยังแต่งตัวแบบอาหรับ จึงทำให้เขา สนิทกับชาวอาหรับมากขึ้น


    จนกระทั่งปี พ.ศ.2456 เมื่อเกิดสงครามไปทั่วยุโรป และเอเชียกลาง ชาวเคิร์ดที่อยู่ภายใต้ การปกครองของเติร์ก (Turks) พยายามต่อสู้เพื่ออิสรภาพ อีกทั้งอังกฤษและเยอรมัน ก็เกิดปัญหากัน โดยชาวอังกฤษ ที่อยู่ในอาณาจักรทะเลทราย รู้ดีว่าอาณาจักรออตโตมัน (Ottoman Empire) (ดินแดนของชาวเติร์ก) เป็นพันธมิตรกับเยอรมัน หากเกิดสงครามระหว่างอังกฤษ และเยอรมัน ก็ทำให้เกิดปัญหา ในตะวันออกกกลางด้วย


    ต่อมาลอเรนซ์สมัครเป็นสายลับให้กับอังกฤษ เพื่อสอดแนมท่าทีของเยอรมันและเติร์ก โดยมีหน้าที่รวบรวมข้อมูลการสร้างทางรถไฟสายเบอร์ลิน - แบกแดด รวมทั้งสำรวจทะเลทรายไซนาย (Sinai) กระทั่งสงครามโลกครั้งที่เริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2457 เขาจึงกลับไปที่อังกฤษ เพื่อสมัครเป็นทหารในหน่วยสืบราชการลับ โดยติดยศร้อยตรี ซึ่งมีหน้าที่เขียนแผนที่ของไซนาย ขณะนั้นเองกองทัพอังกฤษในกรุงไคโร ต้องการทหารที่พูดอาหรับได้ ซึ่งลอเรนซ์ มีคุณสมบัติดังกล่าวจึงได้มาทำงาน ในหน่วยสืบราชการลับในไคโร (Cairo)


    ต่อมาในปี พ.ศ.2459 เขาได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก และไปช่วยทหารอังกฤษที่เมโสโปเตเมีย (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอิรัก) ระหว่างนั้นอาหรับได้รวมตัวกันปลดแอกจากเติร์ก โดยมีกลุ่มต่อต้านที่สำคัญที่สุดคือ ฮุสเซน อิบ อาลี (Hussein ibn Ali) ผู้ดูแลกรุงเมกกะ และไฟซาล (Faisal) ลูกชายของเขา ซึ่งลอเรนซ์ได้รับหน้าที่ให้เข้าไปกระตุ้น ให้เกิดการต่อต้านเติร์กมากขึ้น และบางครั้งก็วางแผนการรบ ให้กับขบวนการกู้ชาติอาหรับด้วย


    ณ ฮิจาซ ลอเรนซ์เริ่มทำสงครามกองโจร เข้าก่อกวนเส้นทางรถไฟด้วยการวางระเบิด ความกล้าหาญของเขาทำให้พวกอาหรับ นับถือเขามากขึ้น พร้อมกับการโจมตีชาวเติร์กที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ต่อมาเขาปลอมตัวเข้าไปที่เมืองดีรา แต่ถูกทหารเติร์กจับตัวได้ และทำร้ายร่างกายรวมทั้งถูกทารุณกรรมทางเพศ แต่เขาสามารถหนีรอดมาได้


    ระยะเวลาผ่านไปลอเรนซ์ยิ่งรู้สึกผิด ที่ทำให้ชาวอาหรับเชื่อว่า หากชนะเติร์กแล้วจะได้ปกครองตัวเอง แต่อังกฤษและฝรั่งเศส ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน เขาเหนื่อยทั้งกายและใจที่ต้องรบราฆ่าฟันกัน ในสงครามทะเลทรายที่มีเขาเป็นคนวางแผนและร่วมรบ ลอเรนซ์จึงถอนตัวจากกองกำลังกู้ชาติอาหรับในปี พ.ศ.2461 แต่เขามีความสำคัญต่อชาวอาหรับ มากเกินกว่าที่จะถอนตัวได้


    เมื่อกองกำลังกู้ชาติอาหรับของไฟซาลได้เข้ามาที่เมืองดามัสกัน จึงพบกับอัลเลนบี ผู้นำอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเขาบอกกับไฟซาลว่า หลังจากไล่ชาวเติร์กออกไปได้ซีเรียจะกลายเป็นเขตอิทธิพลของฝรั่งเศส และไม่สามารถเรียกร้องสิทธิเหนือเลบานอนและปาเลสไตน์ได้ เพราะอังกฤษและฝรั่งเศสได้แบ่งการปกครองกันไว้เรียบร้อยแล้ว ลอเรนซ์เสียใจกับเรื่องที่เกิด เขาจึงเดินทางกลับอังกฤษ แต่สงคราม ก็ยังไม่สงบจนกว่าอาหรับจะได้เอกราช เขาจึงโน้มน้าวให้สภาเห็นด้วยเรื่อง "อิสรภาพอาหรับ" เมื่อเขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในขณะเข้าเฝ้าพระเจ้าจอร์จที่ 5 (King George V) ลอเรนซ์ได้กราบทูลว่าเขามิอาจรับได้ เพราะกษัตริย์แห่งอังกฤษได้ผิดสัญญา กับเจ้าชายแห่งอาหรับ


    ต่อมาในปี พ.ศ.2463 หลังจากไฟซาลตั้งตัวเป็นกษัตริย์แห่งซีเรีย ดามัสกัสก็ถูกฝรั่งเศสทิ้งระเบิด และอังกฤษก็ปราบปราม กองกำลังกู้ชาติอาหรับ พร้อมกับขับไล่ไฟซาลไปที่อิรัก นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ต้องการให้เกิดสันติภาพ จึงแต่งตั้นลอเรนซ์ให้เป็นที่ปรึกษา เขาจึงกลับไปที่ไคโร ในฐานะที่ปรึกษาของเชอร์ชิลในการประชุมครั้งสำคัญ ผลก็คือ เขาทำให้ไฟซาลได้เป็นกษัตริย์แห่งอิรัก


    ภายหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่ง ลอเรนซ์สมัครรับราชการ ในกองทัพอากาศภายใต้ชื่อจอห์น ฮัม โรส (John Hume Ross) ด้วยวัย 34 ปี จึงเป็นการฝึกที่ทรมาณมากสำหรับเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ทำสำเร็จ แต่เขาต้องถูกปลดจากกองทัพ เนื่องจากมีคนจำเขาได้ และหนังสือพิมพ์พากันทำข่าวของเขา จนทำให้เกิดความวุ่นวายในกองทัพ ลอเรนซ์จึงไปอยู่ที่กองทัพบก หน่วยรถถัง โดยเพื่อน ๆ ทหารต่างยอมรับในตัวเขา และเรียกเขาว่า Broughie Shaw ซึ่งมาจากรถมอเตอร์ไซค์ Brough Superior ที่เขาชอบขับนั่นเอง แต่ลอเรนซ์ยังปักใจกับการบินจนสามารถกลับเข้าไป ที่กองทัพอากาศได้อีกครั้ง


    ลอเรนซ์วัย 46 ปี เริ่มชรามากขึ้นและไม่สามารถทำงาน ให้กับกองทัพอากาศได้อีก โดยเขามีความฝันที่จะตั้งสำนักพิมพ์ ซึ่งในขณะที่เขานัดกับนักเขียน เฮนรี่ วิลเลี่ยมสัน และออกเดินทางไปส่งโทรเลข ระหว่างทางในช่วงขากลับ ลอเรนซ์ขับรถมอเตอร์ไซด์ ด้วยความเร็วสูง กลับต้องพุ่งหลบเด็ก บนถนนอย่างกระทันหัน ร่างของเขาถูกเหวี่ยงกระแทกลงพื้นอย่างแรง ทำให้กะโหลกร้าวและสงบไป จนกระทั่งวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2478 หลังจากอาการโคม่า ลอเรนซ์ก็เสียชีวิตลง ณ โรงพยาบาล ในค่ายโบวิงตัน ปิดฉากชีวิต "ราชาแห่งทะเลทราย"


    https://writer.dek-d.com/bird711/story/viewlongc.php?id=805622&chapter=15


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    สหรัฐอเมริกา



    ทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ 50 เอเคอร์ในเมือง Loup , Nebraska
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อิหร่าน
    ฝนตกหนัก น้ำท่วมเนื่องจาก ปริมาณน้ำที่ล้นออกจากแม่น้ำTaján ในSaríจังหวัด Mazandaran ทางเหนือของอิหร่าน

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตะวันออกกลาง
    ตั๊กแตนหลายร้อยตัวบุกในซาอุดิอารเบีย

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    MIDDLE EAST
    ส่วนหนึ่งของสะพาน Al-Qanate ใน Mosul จังหวัด Ninawa ของอิรัก ยุบตัวลง เนื่องจากน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนัก

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สหรัฐอเมริกา

    เกิดเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ที่โรงงาน ITS ทางตะวันออกเฉียงใต้ ของเมืองฮุสตันในเขต Deer Park เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม

    บริษัท ปิโตรเคมีของอินเตอร์คอนติเนนตัล ติดไฟ และขยายเป็น 8 ถัง เขตโรงเรียนของ La Porte, Deer Park ได้ยกเลิกชั้นเรียนและขอให้ประชากรอยู่ในบ้าน เนื่องจากสารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อดวงตาการหายใจ
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลกล่องดำชี้โบอิ้ง737แม็กซ์8 ทั้งลำตกที่เอธิโอเปียและลำดิ่งทะเลอิเหนาพบปัญหาเดียวกัน
    เผยแพร่: 18 มี.ค. 2562 22:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002804101.jpg

    ชาวเอธิโอเปียที่เป็นญาติพี่น้องของเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 ของเอธิโอเปียนแอร์ไลนส์ตก ร้องไห้เสียใจ ณ จุดที่เครื่องบินตก เมื่อวันพฤหัสบดี (14 มี.ค.) ที่ผ่านมา
    เอเจนซีส์ – พบข้อมูลกล่องดำจากซากโบอิ้ง 737 แม็กซ์ซึ่งตกในเอธิโอเปียและที่อินโดนีเซีย มี “ความคล้ายคลึงกันอย่างชัดเจนหลายอย่าง” รัฐมนตรีคมนาคมเอธิโอเปียระบุ ขณะที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของอเมริกาแห่งนี้ประกาศใกล้เสร็จสิ้นการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่กำลังเป็นเป้าหมายถูกตรวจสอบ ด้าน “เอฟเอเอ” หน่วยงานดูแลการบินของสหรัฐฯซึ่งกำลังถูกเพ่งเล็งจากคองเกรสและกระทรวงคมนาคม ยังคงยืนกรานว่า ในการพิจารณาออกใบรังรองให้ 737 แม็กซ์นั้นได้ปฏิบัติตามมาตรฐานทุกประการ หลังสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ระหว่างการวิเคราะห์ความปลอดภัยเริ่มแรกได้พบข้อบกพร่องสำคัญหลายเรื่อง

    แด็กมาวิต โมเกส รัฐมนตรีคมนาคมเอธิโอเปียแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (17) ว่า จากการวิเคราะห์เบื้องต้น “กล่องดำ”บันทึกข้อมูลการบินของเครื่องบินเอธิโอเปียนแอร์ไลนส์ ซึ่งตกเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (10) พบความคล้ายคลึงกันอย่างชัดเจนหลายอย่างกับ ข้อมูลจากกล่องดำเครื่องบินของไลอ้อนแอร์ที่ตกในเดือนตุลาคม 2018 โดยทั้งสองเที่ยวบินใช้เครื่องโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 เหมือนกัน

    คำแถลงนี้เป็นการตอกย้ำความน่าสงสัย และถือเป็นวิกฤตใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษของโบอิ้ง โดยขณะนี้รัฐบาลและสายการบินทั่วโลกต่างพากันระงับการใช้เครื่องบินรุ่นนี้

    737 แม็กซ์เพิ่งออกให้บริการครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2017 ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะแข่งขันกับ เอ320 นีโอ ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดกลางของแอร์บัสจากยุโรป

    ทั้งนี้ เครื่องบิน 737 แม็กซ์ 8 ของเอธิโอเปียนแอร์ไลนส์ และไลอ้อนแอร์ ก่อนที่จะตกภายหลังทะยานขึ้นฟ้าได้ไม่นาน ต่างประสบปัญหาจมูกเครื่องบินหรือก็คือส่วนหน้าของเครื่องบินเชิดขึ้นผิดปกติ และดิ่งลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีความเร็วผันผวน

    ผลการตรวจสอบเบื้องต้นในกรณีไลอ้อนแอร์นั้นมุ่งเน้นในประเด็นความเป็นไปได้ที่ระบบซอฟต์แวร์ป้องกันการสูญเสียแรงยกของ 737 แม็กซ์ที่ชื่อว่า Maneuvering Characteristics Augmentation System (เอ็มแคส) อาจทำงานผิดพลาด

    โบอิ้งพัฒนา 737 แม็กซ์ จาก 737 ดั้งเดิมซึ่งใช้งานและเป็นที่นิยมกันมาหลายสิบปี โดยติดตั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้คุณสมบัติอากาศพลศาสตร์ของเครื่องยนต์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยอาจทำให้จมูกเครื่องบินเชิดขึ้น และตัวเครื่องบินร่วงลงในบางสถานการณ์ระหว่างการบิน ซึ่งโบอิ้งแก้ปัญหาด้วยการจัดทำซอฟต์แวร์เอ็มแคส อันเป็นระบบอัตโนมัติที่จะเข้าควบคุมทำให้จมูกเครื่องลดต่ำลง และทำให้เครื่องบินสามารถเร่งเครื่องบินต่อไปได้ ทั้งนี้ระบบเอ็มแคสจะทำงานเมื่ออุปกรณ์เซนเซอร์ตรวจมุมปะทะของเครื่องบิน รายงานว่าพบความเสี่ยงที่เครื่องบินจะสูญเสียแรงยกและร่วงลงมา

    จากรายงานเบื้องต้นในการศึกษากล่องดำบันทึกข้อมูลการบิน นักบินของไลอ้อนแอร์ไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้ เนื่องจากระบบเอ็มแคสสั่งกดจมูกเครื่องบินลงหลังจากเครื่องทะยานขึ้นจากสนามบิน และนักบินของเอธิโอเปียนแอร์ไลนส์พบปัญหาแบบเดียวกัน ก่อนที่เครื่องจะโหม่งโลกหลังทะยานขึ้นไม่กี่นาที

    562000002804102.jpg

    (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 4 พ.ย.2018) ขณะเจ้าหน้าที่นำเอาเครื่องยนต์ที่กู้ขึ้นมาจากโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 ของสายการบินไลอ้อนแอร์ซึ่งตกลงในทะเล ขึ้นมาที่ท่าเรือ

    แหล่งข่าวในกรุงแอดดิสอบาบาที่ได้ฟังเทปบันทึกการควบคุมการบินของเอธิโอเปียน แอร์ไลนส์ เผยว่า เครื่องบินมีความเร็วผิดปกติหลังจากทะยานขึ้นก่อนที่นักบินจะรายงานปัญหาและขออนุญาตไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ทางด้านเดนนิส มิวเลนเบิร์ก ประธานและซีอีโอโบอิ้งแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ใกล้เสร็จสิ้นการปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาการควบคุมการบินของเอ็มแคส รวมถึงโปรแกรมการฝึกอบรมนักบินแล้ว

    อุบัติเหตุร้ายแรงของเครื่องบินทั้งสองลำนี้ที่ทำให้ผู้โดยสารและนักบินที่อยู่บนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมดกระตุ้นให้ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามเกี่ยวกับกระบวนการออกใบรับรองของสำนักงานบริหารการบินสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) หลังจากรับรู้ว่านักบินอเมริกันหลายคนเคยร้องเรียนอย่างจริงจังเกี่ยวกับเอ็มแคสมาแล้ว

    หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า เอฟเอเอกำลังถูกกระทรวงคมนาคมตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษเกี่ยวกับกระบวนการออกใบรับรอง 737 แม็กซ์ และอัยการสูงสุดของวอชิงตันออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาแม็กซ์อย่างน้อย 1 คนไปให้ข้อมูล รวมทั้งขอให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องภายในปลายเดือนนี้

    วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ซีแอตเติล ไทมส์รายงานว่า เอฟเอเอมอบหมายให้วิศวกรโบอิ้งรับผิดชอบบางส่วนในกระบวนการออกใบรับรอง 737 แม็กซ์ ซึ่งรวมถึงเอ็มแคส

    รายงานชิ้นนี้สำทับว่า การวิเคราะห์ความปลอดภัยเริ่มแรกที่โบอิ้งนำเสนอต่อเอฟเอเอระบุถึงข้อบกพร่องสำคัญหลายจุด และกระบวนการออกใบรับรองดำเนินการอย่างเร่งรีบเนื่องจากโบอิ้งกำลังรีบไล่ตามแอร์บัสที่พัฒนาเอ320 นีโอรุดหน้าไปไกล

    ทว่า เอฟเอเอออกมาปฏิเสธรายงานของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้การสอบสวนหลายประเด็นกำลังดำเนินการอยู่ และยืนยันว่า 737 แม็กซ์ผ่านการทดสอบและการตรวจสอบหลายขั้นตอนก่อนได้รับอนุญาตให้ขึ้นบิน นอกจากนี้ยังมีการหารือหน่วยงานด้านการบินพลเรือนอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่า เครื่องบินดังกล่าวสอดคล้องตามมาตรฐานของเอฟเอเอ

    นอกจากกระทรวงคมนาคมแล้ว แหล่งข่าวในรัฐสภาสหรัฐฯ ยังเผยว่า ปีเตอร์ เดอฟาซิโอ ประธานคณะกรรมาธิการการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กำลังเล็งเปิดการสอบสวนการออกใบรับรอง 737 แม็กซ์เช่นเดียวกัน

    https://mgronline.com/around/detail/9620000027090
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วาฬตายเกยตื้นในฟิลิปปินส์ ผ่าท้องเจอถุงพลาสติกหนัก 40 กิโลกรัม เผยแพร่: 18 มี.ค. 2562 23:18 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002804001.jpg

    เอเจนซีส์ - วาฬตัวหนึ่งที่มาเกยตื้นในฟิลิปปินส์ ตายเพราะอาการกระเพาะอาหารวาย โดยตรวจสอบพบถุงพลาสติกในกระเพาะอาหารน้ำหนักรวมมากถึง 40 กิโลกรัม

    นักชีววิทยาของกองทัพเรือและอาสาสมัครจากพิพิธภัณฑ์ D’Bone Collector ในเมืองดาเวา บนเกาะมินดาเนา พากันตกตะลึงเมื่อพบสาเหตุการตายอันแสนโหดร้ายของวาฬตัวดังกล่าวที่มาเกยตื้นเมื่อวันเสาร์

    พิพิธภัณฑ์ฯ ระบุทางเฟซบุ้คว่า พวกเขาพบถุงพลาสติกน้ำหนักรวม 40 กิโลกรัม ในจำนวนนั้นมีถุงกระสอบข้าว 16 ใบ ถุงแบบที่ใช้ในสวนกล้วย 4 ใบ กับถุงช็อปปิ้งอีกหลายใบ อยู่ในภายในท้องของวาฬหลังจากทำการชันสูตรหาสาเหตุการตาย

    ภาพจากการชันสูตรแสดงให้เห็นขยะนับไม่ถ้วนถูกดึงออกมาจากภายในท้องของสัตว์ตัวนี้ ซึ่งสามารถพูดได้ว่าตายเพราะกระเพาะวายเนื่องจากกินขยะพลาสติกเหล่านี้เข้าไป

    ทางพิพิธภัณฑ์ D’ Bone Collector ซึ่งทำการชันสูตรครั้งนี้ ระบุว่า นี่เป็นพลาสติกจำนวนมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบในตัววาฬ

    พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวมีการใช้งานกันมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2017 มีรายงานว่า จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม มีการทิ้งขยะพลาสติกลงมหาสมุทรรวมกันแล้ว มากกว่าประเทศอื่นที่เหลือทั่วโลกรวมกัน

    เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว มีวาฬตายในภาคใต้ของไทย หลังจากกลืนถุงพลาสติกมากกว่า 80 ใบ น้ำหนักรวมประมาณ 8 กิโลกรัม ลงไปอยู่ในท้องของวาฬตัวนั้น

    https://mgronline.com/around/detail/9620000027102
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผงะยอดตายมหาพายุซัดถล่มโมซัมบิกอาจทะลุพันศพ สภาพบ้านเมืองเหมือนถูกทำลายล้าง เผยแพร่: 19 มี.ค. 2562 01:02 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002805501.jpg
    เอเอฟพี - เกรงกันว่าอาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 พันในภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งเลวร้าย ไซโคลนลูกหนึ่งซัดถล่มโมซัมบิก ขณะที่ในซิมบับเว ชาติเพื่อนบ้าน เบื้องต้นมีรายงานผู้สูญหายมากกว่า 150 คน

    เมืองเบียรา ทางภาคกลางของโมซัมบิก ถูกความกราดเกรี้ยวของไซโคลนอิดาอีเข้าเล่นงานอย่างจังๆเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ก่อนมันเคลื่อนตัวถาโถมเข้าเล่นงานชาติเพื่อนบ้านอย่างซัมบับเว ด้วยลมกระโชกแรงและน้ำท่วมฉับพลัน ก่อความเสียหายแก่ท้องถนนหลายสายและบ้านเรือนจำนวนมาก

    "สำหรับตอนนี้ เรามียอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 84 คน แต่พอเราบินสำรวจพื้นที่ในตอนเช้าวันนี้ เพื่อทำความเข้าในสถานการณ์ ทุกหนทุกแห่งบ่งชี้ว่าเราอาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 คน" ประธานาธิบดีฟิลิเป เอ็นยูซี ประธานาธิบดีโมซัมบิกแถลงถึงประชาชนทั่วประเทศ

    ด้านสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ระบุในถ้อยแถลงว่า "ขอบเขตความเสียหายในเบียราเข้าขั้นใหญ่หลวงและน่าสยดสยอง" พร้อมบอกต่อว่าราว 90%ของเมืองที่มีประชากร 530,000 คนและพื้นที่โดยรอบได้รับความเสียหายหรือไม่ก็ถูกทำลายโดยสิ้งเชิง"

    "สถานการณ์น่าสยดสยอง ขอบเขตความเสียหายมหึมามาก" เจมี เลอชูร์ เจ้าหน้าที่ของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศกล่าว "เกือบทุกอย่างถูกทำลาย การติดต่อสื่อสารถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิงและถนนได้รับความเสียหาย บางชุมชนที่ได้รับผลกระทบถูกตัดขาด เขื่อนขนาดใหญาแห่งหนึ่งทะลักและกระแสน้ำตัดขาดถนนเส้นสุดท้ายที่มุ่งหน้าสู่เบียรา"

    562000002805502.jpg


    "สถานการณ์น่าสยดสยอง ขอบเขตความเสียหายมหึมามาก" เจมี เลอชูร์ เจ้าหน้าที่ของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศกล่าว "เกือบทุกอย่างถูกทำลาย การติดต่อสื่อสารถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิงและถนนได้รับความเสียหาย บางชุมชนที่ได้รับผลกระทบถูกตัดขาด เขื่อนขนาดใหญาแห่งหนึ่งทะลักและกระแสน้ำตัดขาดถนนเส้นสุดท้ายที่มุ่งหน้าสู่เบียรา"

    อัลเบอร์โต มอดลาเน ผู้ว่าราชการจังหวัดโซฟาลา เตือนว่า "ภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดในตอนนี้ และใหญ่หลวงกว่าไซโคลนก็คืออุทกภัย เพราะว่าฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง"

    เอ็มมา บีตี ผู้ประสานงานของกลุ่มเอ็นจีโอ นามว่าโคซาโค เล่าว่า "เราไม่เคยเห็นสถานการณ์เลวร้ายขั้นนี้มาก่อนในโมซัมบิก เขื่อนบางแห่งแตกและบางแห่งน้ำแตะระดับเต็มความจุ พวกเขาจำเป็นต้องเปิดประตูน้ำเร็วๆนี้ อุทกภัย,ไซโคลนและเขื่อนแตก มาบรรจบกัน ทุกอย่างอย่างอยู่ในจุดที่เราสามารถเรียกได้ว่าเรากำลังเผชิญมหาพายุวิบัติ( perfect storm)"

    เซลโซ คอร์เรีย รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมโมซัมบิกก็เตือนถึงยอดผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้นเช่นกัน "ผมคิดว่ามันคือภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาของโมซัมบิก ทุกๆอย่างถูกทำลาย" เขาบอกกับเอเอฟพีจากสนามบินนานาชาติเบียราเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์(17มี.ค.) ซึ่งกลับมาเปิดใช้งานได้อีกครั้ง หลังปิดชั่วคราว เนื่องจากได้รับความเสียหายจากไซโคลน

    562000002805503.jpg


    ในซิมบับเว ชาติเพื่อนบ้าน ไซโคลนอิดาอี คร่าชีวิต 89 ศพและสูญหายอย่างน้อย 150 คน ขณะที่ เพอร์แรนซ์ ชิรี รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมเผยว่าพายุลูกดังกล่าวฉีกบ้านเรือนและสะพานเป็นเสี่ยงๆ "มันย้อนให้นึกถึงภาพหลังเกิดสงครามเต็มรูปแบบ" เขากล่าว "มันทำลายล้างในวงกว้างต่อสิ่งปลูกสร้างและประชาชน" เขากล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ จากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางภาคตะวันออกของประเทศ

    ถนนหลายสายเต็มไปด้วยหลุมยุบขนาดใหญ่ ส่วนสะพานหลายแห่งถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากซัดพังเป็นชิ้นๆ "มันก่อความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานครั้งเลวร้ายที่สุดที่เราเคยเจอ" โจเอล บิกกี มาติซา รัฐมนตรีพัฒนาคมนาคมและสาธารณูปโภคซิมบับเวระบุ

    เขตชิมานิมานิ ทางภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด โดยสะพานเกือบทั้งหมดในภูมิภาคถูกกระแสน้ำซัดได้รับความเสียหาย ทั้งนี้พิ้นที่ที่ได้รับผลกระทบเกือบทั้งหมดยังถูกตัดขาด ในขณะที่ลมแรงและหมอกหนาเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการกู้ภัยด้วยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพ

    https://mgronline.com/around/detail/9620000027111
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai



    ... "รถจีนขายดีในเวเนซุเอล่า"
    ... วัตถุประสงค์ในการเข้าไปปล้นประเทศ "เวเนซุเอล่า" ของ "อเมริกา" นั้นมีหลายอย่าง เช่นเรื่องปล้นบริษัทน้ำมัน รวมทั้งแหล่งน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลก ป้องกันรัสเซีย จีน มาตั้งอาวุธหันจ่อใส่หลังบ้านตัวเอง และอีกอย่างก็คือการลดอิทธิพลของจีน รัสเซีย
    ... ตั้งแต่2014 เป็นต้นมา "จีน" ไปลงทุนในเวเนซุเอล่าเยอะมาก ทั้งรถแท็กซี่หลายพันคัน รถบัส เต็มถนนในเวนซุเอล่า และโครงการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคนจนมากมายหลายพันล้านดอลล่าร์ แต่มาเจอสงครามปล้นประเทศจากอเมริกาเสียก่อน ทำให้ จีน ร้อนๆหนาวๆ กับมาเฟียธิปไตยแบบเมกา ในตอนนี้
    ... มีการพยายามอธิบายเรื่องของเวเนซุเอล่าจากนักวิชาการและ นักข่าวมากมายในไทย หลายท่านอธิบายปัจจัยภายในละเอียดดีมาก แต่มักจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงปัจจัยภายนอกอย่าง "อเมริกา" ทั้งๆที่ในประวัติศาสตร์นั้น หลายประเทศสามารถเอาตัวรอดได้ ถ้าไม่มีการแทรกแซงจากมหาอำนาจผิวขาวใจดำ
    ... คนเวียตนามบอกว่า ถ้าไม่มีสงครามที่แทรกแซงจากต่างประเทศ ประเทศเขาจะไปไกลกว่านี้, เวเนซุเอล่า จะไม่วิกฤติหนักแบบนี้แน่นอน ถ้าไม่มีการแทรกแซงจาก "อเมริกา" และสมุน
     

แชร์หน้านี้

Loading...