ติดตามสถานะการณ์

Clima Extremo 24

ออสเตรเลีย
ทอร์นาโดฝุ่นที่น่ากลัวใน Alice Springs.

 

Clima Extremo 24

ESPAÑA
Incendio forestal en Málaga, España.

 

Clima Extremo 24

จีน
แผ่นดินถล่มขนาดใหญ่ทำให้เกิดโครงสร้างยุบตัวทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน สูญหาย 13 คน บาด เจ็บ 13 คน ในมณฑลซานซี ประเทศจีน

 

Clima Extremo 24

อาหรับเอมิเรตส์
พายุรุนแรง ลมแรงและฝนตกที่สนามบินในเมืองดูไบ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม

 

Clima Extremo 24

อาหรับเอมิเรตส์
ลมแรงและฝนตก ในเมืองดูไบ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม

 

Clima Extremo 24

ตุรกี
กล้องรักษาความปลอดภัยในเมือง Diyarbakir ของตุรกีทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ จับภาพเหตุการณ์เมื่อผู้หญิงสามคนหนีรอดจากการล่มสลายของกำแพงสูงสี่เมตร

 

Mundo maravilloso



พระอาทิตย์ตกที่น้ำตกไนแองการา

 

Sayan Rujiramora




Jay Taylor: Under “Basel III” Rules, Gold Becomes Money!
By John Rubino of DollarCollapse
Sunday March 17, 2019

ภายใต้กฏ Basel 3 ...ทองคำจะกลายเป็น Money

Jay Taylor นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณท์เขียนไว้ใน newsletter ล่าสุดว่า วันที่สำคัญมากวันหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา

ปี 2018 เหล่าธนาคารกลางทั้งหลายได้เพิ่มจำนวนทองคำเข้าไว้เกือบ 23 ล้านออนซ์ ..มากขึ้น 74% ในชั่ว 1 ปี เป็นการซื้อเข้าต่อปีที่มากที่สุดนับแต่ปี 1971 และมากเป็นที่สองในประวัติศาสตร์ ..รัสเซียซื้อเข้ามากที่สุด ...ไม่เป็นที่แปลกใจเลยที่ทองคำในส่วนของอังกฤษไหลออกมากที่สุด..ไปยังแบ้งค์ชาติของหลายประเทศที่ล้วนกำลังอยู่ในเป้าเล็งของอเมริกา

central bank gold buying

The Bank for International Settlements (BIS) (ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ) ซึ่งอยู่ที่เมือง Basel ..Switzerland ได้ชื่อว่าเป็นธนาคารแม่ของพวกธนาคารกลางทั้งหลาย .....ในเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องการสะสมทองคำของธนาคารกลางก็มีที่มาจากการที่ BIS อนุญาติให้ทองคำ physical ถือเป็นทรัพย์สินที่เป็นกองทุนสำรองชั้นดีของธนาคาร..ในระดับเดียวกันกับเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลเลย (ชั้น Tier-1..ผู้แปล) ....ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

ที่ผ่านมา เคยมีเรื่องแนวคิดระยะยาวของจีนและอีกหลายประเทศถึงการทิ้งเงินดอลล่าร์เพื่อเข้าซื้อทองคำ จากการที่ทองคำมีราคาถูกเพราะธนาคารตะวันตกขายเพื่อทุบราคาผ่านทางตลาดฟิวเจอร์กระดาษ ..ซึ่งนี่ก็คงน่าจะถึงเวลาเปลี่ยนได้แล้ว เมื่อวันที่ทอง physical จะสะท้อนมูลค่าจริงในตลาด (mark to market) ทั้งนี้เพื่อให้งบดุลของแบ้งค์ขยายตัวขึ้นมาได้

แต่ก็มีคำถามว่า จริงๆแล้วสหรัฐมีทองคำเท่าไหร่กันแน่ ..Jim Sinclair พูดเสมอว่า ทางเดียวที่โลกเราจะเอาชนะปัญหาหนี้ที่กำลังบีบคั้นเศรษฐกิจของโลกได้ คือการปรับค่าใหม่ให้กับทองคำที่อยู่ในงบดุลของธนาคารกลางต่างๆ เพิ่มราคาสูงขึ้นอีกน่าจะหลายพันดอลล่าร์ต่อออนซ์ ...นี่จะเป็นการเปลี่ยนระบบการเงินของโลกออกจากเงินดอลล่าร์ แบบที่จีนได้พยายามผลักดันมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา

ถ้าธนาคารครอบครองทองคำ ก็จะสามารถใช้มันเป็นทรัพย์สินเพื่อพิมพ์เงินเพิ่มได้ ...นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เมื่อเข้าใกล้วันที่ 29 มีนาคม ธนาคารต่างๆทั่วโลกพากันซื้อเข้าทองคำจำนวนมาก ..นับเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ที่ธนาคารกลางชาติต่างๆซื้อทองคำรวมกันมากกว่า 640 ตันเมื่อปีทึ่แล้ว ซึ่งมากเกือบเป็นสองเท่าของการซื้อเมื่อปี 2017 และถือได้ว่าเพิ่มมากที่สุดนับจากปี 1971 ซึ่งเป็นปีที่ ปธน. นิกสันปิดประตูทองคำในการอิงค่า และทำให้ทั้งโลกอยู่ในระบบอัตราลอยตัวด้านค่าเงิน

นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แนวทางการทำให้ทองคำมีค่าเสมือนเงินสดหรือพันธบัตรมีการคาดการณ์มาหลายปีแล้ว ..อย่างไรก็ตาม "ทองกระดาษ" ถูกนำมาใช้เพื่อกดราคาทองคำไม่ให้โงหัวมาเทียบเคียงดอลล่าร์ได้ ..แต่ก็กลับเป็นโอกาสให้ธนาคารกลางชาติต่างๆเข้าซื้อทองคำเพื่อเพิ่มรีเสิร์ฟของตนได้ในราคาที่แสนถูก เมื่อจำนวนมหาศาลของทองกระดาษเข้ามาสร้างราคาถูกไว้ให้ ในขณะที่เป็นการ "สลัดเม่า" นักลงทุนที่ไม่ระวัง..จนเกิดอาการ panic ขายทองในมือออกมา

สื่อยักษ์ของอิตาลีรายงานว่า ..."ในปีที่ผ่านๆมาโดยเฉพาะ 2018 ราคาทองที่ขึ้นมาเป็นเรื่องปกติ ตรงข้ามกับปีก่อนหน้าที่ตกไปถึง 7% ..นั่นเพราะมันเป็นการรุกเข้าซื้อของบรรดาแบ้งค์ชาติต่างๆ ..behind the scene.."

ทางรอดเดียวที่รัฐบาลต่างๆของโลกตะวันตกจะสามารถบริหารจัดการหนี้ของตนไว้ได้ คือการลดค่าเงินของตน ...เมื่อสามารถนำทองคำมาใช้เป็นรีเสิร์ฟ ทำให้แบ้งค์ชาติทั้งหลายกำหนดค่าเงินเฟ้อใหม่ได้..เพราะมีรีเสิร์ฟตัวใหม่อยู่ใน Balance Sheet แล้ว ..ทองคำในรีเสิร์ฟจึงสามารถกำหนดราคาให้สูงมากขึ้น..เพื่อมาสัมพันธ์กับหนี้จำนวนมหาศาลของตนในระบบได้...

 

ผู้เสียชีวิตน้ำท่วมที่จังหวัดปาปัวของอินโดฯพุ่งเกิน 70 ราย

จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ที่จังหวัดปาปัว ทางตะวันออกสุดของอินโดนีเซีย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "เพิ่มเป็นมากกว่า 70 คน"
จันทร์ที่ 18 มีนาคม 2562 เวลา 08.57 น.


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ว่าสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ( บีเอ็นพีบี ) รายงานเมื่อวันอาทิตย์ ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยฉับพลัน ที่จังหวัดปาปัว ทางตะวันออกสุดของประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มเป็น "มากกว่า 70 คน" แต่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 70 คนเช่นกัน แต่ยังมีผู้สูญหายที่ตามรายงานอย่างเป็นทางอยู่ที่ 63 คน และประชาชนมากกว่า 4,000 คนต้องอพยพ





อย่างไรก็ตาม นายซูโตโป ปูร์โว นูโกรโฮ โฆษกของบีเอ็นพีบี ยอมรับว่าการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือเป็นไปอย่างลำบาก เนื่องจากเกิดดินถล่มและต้นไม้หลายสิบต้นหักโค่นปิดกั้นถนนสายหลัก ในเวลาเดียวกัน ระดับน้ำสูงและเชี่ยวกราดได้ทำลายสะพายสายหลักแห่งหนึ่ง และมีบ้านเรือนมากกว่า 300 หลังต้องจมอยู่ใต้ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร โดยเฮพาะที่เขตโดโย ด้านรัฐบาลกลางในกรุงจาการ์ตาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่จังหวัดปาปัวเป็นเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์

At least 50 dead and dozens missing in #Papua flash floods#Indonesiapic.twitter.com/QwdJgHcr3o

— Ruptly (@Ruptly) March 17, 2019

ทั้งนี้ จังหวัดปาปัวของอินโดนีเซียมีพรมแดนด้านตะวันออกติดกับประเทศปาปัวนิวกินี โดยชายฝั่งใกล้ที่สุดของกรุงพอร์ตมอร์สบีอยู่ห่างจากชายฝั่งทางเหนือของออสเตรเลียเพียง 150 กิโลเมตร.

เครดิตภาพ : AFP,REUTERS

https://www.dailynews.co.th/foreign...BxdWOnNuo67OUV0Rf_6rsNdUUWI6fxAD-m_0IVZ_b-CDw

 

สื่อมะกันแฉ! มกุฎราชกุมารซาอุฯ ตั้ง “ทีมลับ” ปิดปากผู้เห็นต่าง ก่อนคดีคาช็อกกี 1 ปี เผยแพร่: 18 มี.ค. 2562 11:28 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี – นิวยอร์กไทมส์ รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (17) ว่า กว่า1 ปีก่อนการสังหารนักข่าว จามาล คาช็อกกี มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด ซัลมานของซาอุดีอาระเบียทรงเคยเห็นชอบปฏิบัติการลับปิดปากผู้เห็นต่าง

ปฏิบัติการดังกล่าวประกอบด้วยการสอดแนม ลักพาตัว กักขัง และทรมานชาวซาอุดีอาระเบียรายงานซึ่งอ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่เคยได้อ่านรายงานข่าวกรองลับเกี่ยวกับความพยายามดังกล่าวระบุ

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนพูดถึงมันในฐานะกลุ่มแทรงแซงฉับพลันแห่งซาอุดีอาระเบีย(Saudi Rapid Intervention Group) นิวยอร์กไทมส์ ระบุ

บางส่วนของภารกิจลับดังกล่าวดำเนินการโดยสมาชิกของทีมที่สังหารและแยกชิ้นส่วนคาช็อกกีในเดือนตุลาคมที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในอิสตันบูลแสดงให้เห็นว่าการฆาตกรรมคาช็อกกีเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการใหญ่ปราบปรามผู้เห็นต่าง รายงานระบุโดยอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และคนรู้จักเหยื่อชาวซาอุฯ บางส่วน

การฆาตกรรมคาช็อกกี คอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ทำให้เกิดกระแสความเดือดดาลทั่วโลกรวมถึงคำสั่งจากวุฒิสมาชิกสหรัฐฯที่ให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ชี้ตัวและลงโทษผู้รับผิดชอบแต่เขาไม่ได้ปฏิบัติตาม

กลุ่มวุฒิสมาชิกที่ได้รับการบรรยายสรุปจากหัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างๆระบุว่า พวกเขาเชื่อว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงอยู่เบื้องหลังการสังการคาช็อกกี

ด้านซาอุดีอาระเบียเน้นย้ำว่ามกุฎราชกุมารทรงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตอนแรกราชอาณาจักรแห่งนี้ ระบุว่า พวกเขาไม่ทราบชะตากรรมของคาช็อกกีแต่ต่อมาโทษว่าเป็นความผิดของกลุ่มสายลับอันธพาล



จามาล คาช็อกกี
อัยการรัฐของซาอุดีอาระเบียตั้งข้อกล่าวหาคน 11 คนสำหรับการฆาตกรรมครั้งนี้

https://mgronline.com/around/detail/9620000026785

 

สหรัฐฯ ปฏิเสธข่าวมีแผนทิ้งทหาร 1,000 นายไว้ในซีเรีย หลังถอนกำลัง
เผยแพร่: 18 มี.ค. 2562 10:23 ปรับปรุง: 18 มี.ค. 2562 14:22 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการร่วม
เอเอฟพี - สหรัฐฯ วานนี้ (17) ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐฯ ตั้งใจจะทิ้งทหารเกือบ 1,000 คนไว้ในซีเรีย และเสริมว่า แผนที่จะเหลือทหารไว้ราว 200 คนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

เมื่อวันอาทิตย์ (17) วอลสตรีทเจอร์นัล รายงานว่า ในขณะที่คุยกับตุรกีกองกำลังชาวเคิร์ดที่สหรัฐฯ หนุนหลัง และพันธมิตรยุโรปประสบความล้มเหลวในการสร้างข้อตกลงว่าด้วย “เขตปลอดภัย”ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียและตอนนี้สหรัฐฯ ต้องการที่จะร่วมงานกับนักรบชาวเคิร์ดในซีเรียต่อไป

วอลสตรีทเจอร์นัลอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ว่า แผนการดังกล่าวอาจทำให้ได้เห็นทหารสหรัฐฯสูงสุด 1,000 คนกระจัดกระจายทั่วซีเรีย

“คำกล่าวอ้างที่รายงานโดยหนังสือพิมพ์รายใหญ่เมื่อเย็นนี้ที่ว่ากองทัพสหรัฐฯ กำลังมีแผนการที่จะเก็บทหารเกือบ 1,000 คนไว้ในซีเรียนั้นไม่มีความถูกต้องในข้อเท็จจริง” พล.อ.โจเซฟดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการร่วม กล่าวในถ้อยแถลง

“ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแผนการดังกล่าวที่ถูกประกาศในเดือนกุมภาพันธ์และเรายังบังคับใช้คำสั่งของประธานาธิบดีที่จะถอนกำลังสหรัฐฯ ให้เหลือเพียงกองกำลังคงค้าง”




อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ กำลังดำเนินการวางแผนทางทหารโดยละเอียดกับเสนาธิการใหญ่ของตุรกีอยู่เพื่อจัดการกับความกังวลด้านความมั่นคงของตุรกีตามแนวชายแดนตุรกี-ซีเรีย

“ในตอนนี้การวางแผนเป็นไปด้วยดีและเรามีแนวคิดเบื้องต้นที่จะถูกกลั่นกรองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” เขากล่าว

“เรายังกำลังดำเนินการวางแผนกับสมาชิกรายอื่นๆ ของกลุ่มพันธมิตรที่แสดงความตั้งใจที่จะสนับสนุนระยะเปลี่ยนผ่านของปฏิบัติการในซีเรีย”

เมื่อเดือนธันวาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศการถอนทหารสหรัฐฯ 2,000 คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียโดยทันที และประกาศชัยชนะต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) การตัดสินใจที่ทำให้ จิม แมททิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมลาออก

หลังจากนั้น ภายใต้แรงกดดันจากสภาคองเกรสและเพนตากอน เขาเห็นพ้องว่าจะทิ้งกองกำลังคงค้างไว้ราว 200 คน ซึ่งเขาต้องการกำลังเสริมจากเหล่าพันธมิตรในกลุ่มพันธมิตรต่อต้านไอเอสด้วย

เป้าหมายของกองกำลังนานาชาติคือการรับประกันความปลอดภัยของพันธมิตรชาวเคิร์ดในซีเรีย ตุรกี สมาชิกนาโต มองกองกำลังชาวเคิร์ดเป็นผู้ก่อการร้าย และชาติยุโรปกลัวว่าพวกเขาจะตกอยู่ในความเสี่ยง หากอังการาเปิดฉากโจมตี

https://mgronline.com/around/detail/9620000026752

 

จีนเผยจับกุมผู้ก่อการร้ายในซินเจียงได้ 13,000 คน นับตั้งแต่ปี 2014
เผยแพร่: 18 มี.ค. 2562 13:40 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รอยเตอร์ – หน่วยงานในจีนจับกุมผู้ก่อการร้ายได้เกือบ 13,000 คนในแคว้นซินเจียงทางตะวันตกไกลนับตั้งแต่ปี2014 รัฐบาลเผยวันนี้(18) ในหนังสือนโยบายที่ปกป้องมาตรการลดการปลุกฝั่งแนวคิดอิสามสุดโต่งอันเป็นที่ถกเถียง


จีนเผชิญกับเสียงตำหนิจากนานาชาติมากขึ้นจากการจัดตั้งสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญขององค์การสหประชาชาติเรียกว่าเป็นศูนย์กักกันที่ควบคุมชาวอุยกูร์และชาวมุสลิมกลุ่มอื่นๆมากกว่า 1 ล้านคน ปักกิ่ง ระบุว่าพวกเขาต้องใช้มาตรการเหล่านี้เพื่อยับยั้งภัยคุกคามจากกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์และเรียกมันว่าเป็นศูนย์ฝึกอมรบชั่วคราว


หน่วยงานด้านกฎหมายได้ใช้นโยบายที่“รักษาความสมดุลระหว่างการประนีประนอมและความเข้มงวด”รัฐบาลระบุในสมุดปกขาว


นับตั้งแต่ปี 2014 ซินเจียงทำลายแก๊งก่อความรุนแรงและแก๊งก่อการร้าย 1,588กลุ่มจับกุมผู้ก่อการ้าย 12,995 คน ยึดวัตถุระเบิด 2,052 ชิ้น ลงโทษคน30,645คนฐานดำเนินกิจกรรมทางศาสนาผิดกฎหมาย4,858 กิจกรรม และยึดสำเนาเนื้อหาศาสนาผิดกฎหมาย 345,229 ชิ้น”รัฐบาลระบุเสริม


สมุดปกขาว ระบุว่า มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับบทลงโทษหนักหน่วงเช่น หัวหน้ากลุ่มก่อการ้ายในขณะที่ผู้ที่ถูกปลูกฝั่งแนวคิดสุดโต่งจะได้รับการศึกษาและการฝึกฝนเพื่อให้รู้ถึงความไม่ถูกต้องของในเส้นทางนี้


กลุ่มผู้พลัดถิ่นขนาดใหญ่ World Uyghur Congressออกมาประณามสมุดปกขาวเล่มนี้ในทันที

“จีนเจตนาบิดเบือนความจริง”ดิลแซตราซิต โฆษกกลุ่ม กล่าวในถ้อยแถลงทางอีเมล




“การต่อต้านการก่อการร้ายเป็นข้ออ้างทางการเมืองเพื่อกดขี่ชาวอุยกูร์ เป้าหมายแท้จริงของการลดการปลูกฝังแนวคิดสุดโต่งคือการกำจัดความเชื่อและดำเนินการกลืนกินวัฒนธรรม”


สมุดปกขาวเล่มนี้ ระบุว่า ซินเจียงเผชิญความท้าทายผิดปกตินับตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ที่มีการโจมตีก่อการร้ายในสหรัฐฯ เนื่องจากกลุ่มสุดโต่งชาวเตอร์กิสถานตะวันออกยกระดับกิจกรรมในจีน อ้างอิงถึงคำที่จีนใช้พูดถึงกลุ่มหัวรุนแรงและแบ่งแยกดินแดนที่พวกเขาระบุว่าเคลื่อนไหวอยู่ในซินเจียง


“พวกเขาตะโกนคำว่า ‘จงขึ้นสวรรค์ด้วยการตายแบบญิฮาด’ เปลี่ยนบางคนให้กลายเป็นคนหัวรุนแรงและผู้ก่อการร้ายซึ่งถูกล้างสมองอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนไปเป็นแม้กระทั่งปีศาจฆ่าคน”


แนวคิดสุดโต่งทางศาสนาภายใต้ชื่ออิสลามขัดกับหลักคำสอนของอิสลาม และไม่ใช่อิสลาม สมุดปกขาว ระบุ

ซินเจียงเป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างไม่อาจแบ่งแยกได้ และกลุ่มชนชาติอุยกูร์พัฒนาขึ้นจากกระบวนการอพยพและการผสมผสานทางเชื้อชาติอันยาวนานพวกเขาไม่ใช่ลูกหลานของชาวเติร์กสมุดปกขาว ระบุ


ตุรกีเป็นประเทศอิสลามเพียงแห่งเดียวที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซินเจียงเป็นประจำ เนื่องจากความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมอันใกล้ชิกับชาวอุยกูร์ที่พูดภาษาเติร์ก


จีนประณามความกังวลของตุรกีว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต

https://mgronline.com/around/detail/9620000026865

 

In Clips :“ฟิลิปปินส์” ลาออกจากศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC อย่างเป็นทางการ หลัง “ดูเตอร์เต” โดนสอบ เผยแพร่: 18 มี.ค. 2562 14:22 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ - ฟิลิปปินส์ออกจากการเป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศ ICCอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์(17 มี.ค) เกิดขึ้นหลังจากที่ในปีที่ผ่านมาทาง ICC ได้เปิดสอบสวนโครงการกวาดล้างยาเสพติดของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต

อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานเมื่อวานนี้(17 มี.ค)ว่า มะนิลาถอนตัวจากความเป็นสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC อย่างเป็นทางการ วันอาทิตย์(17) เกิดขึ้น 1 ปีหลังจากฟิลิปปินส์ได้แจ้งต่อเลขาธิการองค์การสหประชาชาติว่า ทางฟิลิปปินส์ขอลาออกจากการเป็นสมาชิก ถือเป็นประเทศที่ 2 ตามหลังบุรุนดี

“เลขาธิการสหประชาชาติ...ได้แจ้งต่อสมาชิกทุกชาติให้รับทราบถึงการถอนตัวที่จะมีผลบังคับใช้สำหรับฟิลิปปินส์ในวันที่ 17 มีนาคม” เอรี คาเนโกะ(Eri Kaneko) ได้ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีในวันศุกร์(15)

ภายใต้สนธิสัญญา การถอนตัวจะมีผลเกิดขึ้น 1 ปีหลังจากที่ทางประเทศสมาชิกได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการถึงการตัดสินใจไปยังเลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ

อย่างไรก็ตาม ประเทศนั้นจะไม่สามารถถอนตัวออกจากคดีที่กำลังค้างอยู่ในศาลก่อนการลาออกได้ ซึ่งหมายความว่า คดีละเมิดต่อมนุษยชาติภายใต้โครงการสงครามยาเสพติดของดูเตอร์เตที่ถูกเริ่มโดยอัยการของICC คือ ฟาเตา เบนเซาดา(Fatou Bensouda )เมื่อปี 2018 จะยังคงเดินหน้าต่อไป

“การยุติการถอนตัวเป็นระยะเวลา 12 เดือน...เป็นการป้องกันสถานการณ์เช่นนี้ที่รัฐถูกกล่าวหาเป็นผู้ประกอบอาชญากรรมสงครามขึ้น อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และพวกเขาถอนตัวเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกดำเนินคดี” โทบี แคดแมน(Toby Cadman) ทนายความสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศกล่าว

“คือเรื่องทั้งหมดอยู่ที่คุณไม่ได้รับอนุญาตให้สามารถทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นทางศาล ICC จะยังและคงมีขอบเขตอำนาจศาลต่อการดำเนินคดีทางกฎหมายประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงที่เข้าข่ายต้องรับผิดชอบ” แคดแมนกล่าวต่อ

อัลญะซีเราะฮ์รายงานว่า ในวันอาทิตย์(17) โฆษกประธานาธิบดีดูเตอร์เตออกมาอ้างว่า “ฟิลิปปินส์” ไม่เคยเข้าร่วมอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาภายใต้ศาล ชี้เป็นนัยว่ากระบวนการเข้าร่วมนั้นไม่สมบูรณ์

“จุดยืนของเราต่อสิ่งนี้ชัดเจน ไม่คลุมเคลือและหนักแน่น ประเทศฟิลิปปินส์ไม่เคยเป็นชาติคู่สัญญาต่อธรรมนูญกรุงโรม (Rome Statute) ในการก่อตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC” ซาลวาดอร์ พาเนโล (Salvador Panelo ) โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวผ่านแถลงการณ์

“จากเท่าที่เราทราบ ศาลแห่งนี้ไม่มีตัวตน รวมไปถึงการกระทำของศาลนั้นไม่มีผลการบังคับใช้”

• ศาลอาญาระหว่างประเทศ ฟิลิปปินส์ ดูเตอร์เต

https://mgronline.com/around/detail/9620000026895

 

แพทย์ผู้ค้นพบ “คลิตอริส” จุดกระตุ้นรักสะเทือนคริสต์ศาสนา สู่การล่าแม่มด
ภาพประกอบเนื้อหา - (ซ้ายบน) นายแพทย์ แมตธีโอ เรอัลโด้ โคลอมโบ (กลาง) ปกหนังสือ De re anatomica
เผยแพร่ วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2561
ในช่วงที่วิทยาศาสตร์และการแพทย์ยังอยู่ระหว่างพัฒนาและศึกษาให้กระจ่างชัด การค้นพบคลิตอริส (Clitoris) อวัยวะที่ซ่อนเร้นในร่างกายเพศหญิงในศตวรรษที่ 16 แทบถูกมองว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้การค้นพบทวีปอเมริกา แต่ช่วงแรกของการค้นพบครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่ามันจะนำไปสู่การล่าแม่มดได้

ความปรารถนาทางเพศจากมุมมองทางศาสนาระหว่างก่อนหน้าศตวรรษที่ 16 ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกนำเสนอมาโดยปีศาจร้าย การเอาชนะ “ปีศาจร้าย” ที่ว่าได้จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือกดข่มสิ่งเหล่านี้เพื่อรักษาจิตวิญญาณดั้งเดิมให้บริสุทธิ์อันเป็นความเชื่อว่าเมื่อคงสถานะได้จะทำให้ได้มีโอกาสเข้าพบพระผู้เป็นเจ้า บันทึกอัตชีวประวัติของนักบุญที่สำคัญหลายท่านเอ่ยถึงกิจการทรมานตัวเอง อาทิ นักบุญพาดูล์ฟ (Saint Padulf) ในศตวรรษที่ 8 หรือนักบุญวิลเลียมแห่งเกลโลน (Saint Williams of Gellone)

เครื่องมือที่ถูกนำมาใช้มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการภาวนา ทรมานตนเองในแบบต่างๆ หรือโบยตี นิกายที่เข้มงวดก็ยังนำการทรมานตัวเองและความตายบนไม้กางเขนของพระคริสต์มาใช้เป็นต้นแบบอีกด้วย การทรมานยิ่งแพร่หลายมากขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 ในอิตาลีและกรุงโรม

การทรมานตัวเองยังแพร่หลายออกไปนอกกลุ่มนักบวชและแม่ชีในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 แต่เมื่อไปอยู่ในมือของกลุ่มคนทั่วไปกลับไม่ได้ทำให้เห็นถึงการทำให้จิตใจสงบ แต่การโบยตีนั้นกลับทำให้เกิดความรู้สึกทางเพศ การโจมตีจากนักวิชาการต่อพฤติกรรมการโบยตีหรือทรมานตัวเองทำให้ “การทรมาน” เริ่มแปรสถานะกลายเป็นกิจกรรมลับในทางศาสนาไปแทน การกระทำที่ไม่มีเหตุผลทาง “วิทยาศาสตร์” รองรับ กิจกรรมหรือความประพฤติที่นอกกรอบทั่วไปกลายเป็นของต้องห้าม เพศหญิงไม่สามารถจัดการหรือศึกษาร่างกายของตัวเองได้ เสมือนกับการพรากชีวิตส่วนตัวไป

ในศตวรรษที่ 16 นี้เอง นายแพทย์แมตธีโอ เรอัลโด้ โคลอมโบ (Matteo Realdo Colombo) แพทย์หนุ่มอิตาเลียนจากมหาวิทยาลัยปาดัว (Padua) เป็นผู้ค้นพบอวัยวะชิ้นหนึ่งในช่องคลอดของเพศหญิงซึ่งส่งผลต่ออารมณ์และระบบไหลเวียนของเหลวในร่างกาย เขาเรียกอวัยวะส่วนนี้ว่า คลิตอริส (Clitoris)

อนุสรณ์ ติปยานนท์ เขียนอธิบายในหนังสือ “ล่าแม่มด” ว่า นายแพทย์โคลอมโบ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1515 ศึกษาด้านศัลยศาสตร์ที่นครเวนิส 7 ปี และศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยปาดัว ในค.ศ. 1545 โคลอมโบ รับตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญกายวิภาคที่มหาวิทยาลัยปิซ่า และเป็นศาสตราจารย์ด้านกายวิภาคของมหาวิทยาลัยในนครวาติกัน ในกรุงโรม ซึ่งช่วงเวลานี้เขาศึกษากายวิภาคร่วมกับศิลปินชั้นนำอย่าง “มีเกลันแองเจโล” (Michaelangelo) และยังได้รับแต่งตั้งเป็นศัลยแพทย์ประจำองค์สันตะปาปาจูเลียสที่ 3

นายแพทย์โคลอมโบ แต่งตำรากายวิภาคไว้เล่มหนึ่งชื่อ De re anatomica ตีพิมพ์เมื่อค.ศ. 1559 หลังจากตัวเขาเองเสียชีวิตแล้ว เชื่อว่าเขาเขียนตำราเล่มนี้เมื่อปี 1552 อย่างไรก็ตาม ตำราซึ่งถูกแบ่งเป็น 15 เล่มนี้เป็นหนึ่งในการศึกษาด้านกายวิภาคที่ส่งอิทธิพลอย่างมากอันเนื่องมาจากการแก้ไขความเชื่อเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ที่ผิด อาทิ การพิสูจน์ว่าไตสองข้างไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันในร่างกายมนุษย์ เลือดไม่ได้เคลื่อนที่จากซ้ายไปขวาแบบธรรมดา แต่ต้องผ่านการผสมอากาศจากปอด

การค้นพบสำคัญที่ส่งอิทธิพลมากอีกอย่างอยู่ในเล่มที่ 11 ซึ่งโคลอมโบ แสดงอวัยวะชิ้นหนึ่งที่ซ่อนในตำแหน่งเล็ก ๆ ในช่องคลอดเพศหญิง เป็นอวัยวะที่ทำให้เกิดความสุขทางเพศต่อเพศหญิง

ในตำราเล่มที่ 11 โคลอมโบ บันทึกไว้ว่า

“เนื่องจากไม่เคยมีผู้ใดเขียนถึงสิ่งนี้ และกระบวนการที่ว่านี้มาก่อน ข้าพเจ้าจึงอยากขนานนามสิ่งนี้ว่า เป็นดังศูนย์รวมของความกระสันแห่งเทพวีนัส ข้าพเจ้าแปลกใจไม่น้อยที่หามีนักกายวิภาคคนใดค้นพบมันมาก่อน ทั้งที่มันแทบจะเป็นงานศิลปะชั้นยอดในร่างกายอิสตรีเลยทีเดียว”

หลังการค้นพบของโคลอมโบ ผ่านไป 2 ศตวรรษ ช่วงเวลาต่อมาเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นศตวรรษแห่งการล่าแม่มด (ค.ศ.1560-1760) อนุสรณ์ อธิบายว่า การค้นพบนี้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในความเชื่อว่าเพศหญิงมีหน้าที่คลอดและดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ตามความเชื่อในคริสต์ศาสนาเท่านั้น การมีเพศสัมพันธ์ซึ่งแต่เดิมควรเป็นกิจกรรมที่สร้างมนุษย์ อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นความสุขส่วนตัวไป

ในยุคของการล่าแม่มด การมีเพศสัมพันธ์อย่างผิดปกติมากเกินควร ร่องรอยของคลิตอริสหรือหัวนมที่บอบช้ำคือสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการรุกรานโดยปีศาจร้าย กลายเป็นสิ่งโจมตีเพศหญิงในช่วงล่าแม่มด ม

ผู้เขียนหนังสือยกตัวอย่าง มาร์กาเร็ต โจนส์ หญิงวัยกลางคนรายหนึ่งในเมืองบอสตันถูกจับและตั้งข้อหาเป็นแม่มด เมื่อตรวจสอบอวัยวะเพศของเธอ (และคลิตอริส) แล้วพบอาการบอบช้ำ ในด้านหนึ่งเพื่อนบ้านของเธอสามารถยืนยันได้ว่าเรื่องนี้เป็นผลจากการคลอดบุตรผิดวิธี แต่นักล่าแม่มด (ที่ความรู้ด้านกายวิภาคมีจำกัด) ก็ไม่รับฟังข้อแก้ตัวนี้

สภาพการใช้อวัยวะเพศของเพศหญิงเข้ามาเป็นเครื่องชำระความเกิดขึ้นในหลายประเทศในทวีปยุโรป อาทิ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส การพิจารณาคดี ผู้พิพากษาจำเป็นต้องถามถึงกิจกรรมทางเพศระหว่างผู้หญิงกับคู่รักหรือสามี เพิ่มเติมจากการไต่สวนว่าผู้หญิงมีกิจกรรมความสัมพันธ์ระหว่างปีศาจร้ายหรือไม่ ซึ่งในแง่หนึ่ง อนุสรณ์ ติปยานนท์ มองว่า การว่าความโดยเพศชายไม่ใช่แค่การแสวงหาความจริง แต่ยังเป็นการแสวงหาความเพลิดเพลินอีกแบบด้วย

ในช่วงศตวรรษที่ 16-18 หลังการค้นพบของโคลอมโบ ศาสนจักรเจอโจทย์อีกอย่างว่าจะปกป้องจุดซ่อนเร้นเล็กๆ นี้ให้พ้นจากเงื้อมมือซาตานได้อย่างไร

การค้นพบของโคลอมโบ ไม่เพียงแต่กระเทือนสังคมและคริสต์ศาสนา ข้อมูลใหม่นี้น่าสนใจจนเฟเดริโก อันดาหาซี (Federico Andahazi) นักเขียนอาร์เจนไตน์ หยิบเรื่องราวของโคลอมโบ มาเขียนเป็นนวนิยายใช้ชื่อว่า “นักกายวิภาค” (The Anatomist) เล่าเรื่องราวภารกิจการรักษาหญิงหม้ายรายหนึ่งนามว่า ยิเนส เด ทอร์เรโมลิโนส (Ines de Torremolinos) ที่ป่วยด้วยโรคที่ไม่อาจหาสาเหตุได้และถูกนำส่งมาที่มหาวิทยาลัยปาดัว ซึ่งโคลอมโบ ทำงานอยู่ ผู้ที่รับหน้าที่รักษาโรคก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโคลอมโบ

ในเรื่องที่เขียนเล่า โคลอมโบ ตรวจสอบอาการและร่างกายอย่างละเอียด และพบว่าตรงอวัยวะเพศของหญิงหม้ายรายนี้มีอวัยวะชิ้นเล็กๆ ยื่นออกมา โคลอมโบ คิดว่าเป็นองคชาติ เธออาจเป็นผู้มีสองเพศตามตำนานของอียิปต์และอาหรับ อย่างไรก็ตาม เมื่อโคลอมโบ ใช้นิ้วสัมผัสอวัยวะชิ้นนั้น ร่างกายของผู้ป่วยตอบสนอง เธอผ่อนคลาย หัวใจเต้นแรงขึ้น ลมหายใจขาดเป็นห้วง มีเหงื่อออก สภาพร่างกายที่เหมือนป่วยใกล้สิ้นลมก็เริ่มเปลี่ยนกลับมาใกล้เคียงกับอาการปกติ

โคลอมโบ ใช้วิธีนี้รักษาเธอนาน 10 วัน อวัยวะที่คล้ายกับองคชาติก็หดตัว อาการของเธอดีขึ้นตามลำดับ หลังการรักษาโคลอมโบ เดินทางกลับมหาวิทยาลัยปาดัว ขณะที่ยิเนส กลับได้รับผลกระทบจากการรักษา โดยเธอเปลี่ยนจากอยู่ในอารามมาเป็นผู้ก่อตั้งโรงโสเภณีที่โด่งดังในเมืองฟลอเรนซ์ เธอสอนผู้หญิงที่ทำงานในโรงโสเภณีถึงอวัยวะชิ้นเล็กๆ ด้วย

แม้ว่าการตั้งโรงโสเภณีไม่มีความผิด แต่การสั่งสอนของเธอที่ทำให้เพศหญิงค้นพบวิธีหาความสุขส่วนตัวด้วยตัวเองโดยปราศจากความการปฏิบัติจากลูกค้าทำให้เธอถูกตั้งข้อหาเป็นแม่มด และถูกเผาในค.ศ. 1559

เรื่องราวในนวนิยายนี้สะท้อนผลกระทบจากการค้นพบต่อมุมมองของคนในสมัยนั้นได้ว่าเชื่อมโยงกับสถานการณ์เหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง และส่งผลต่อคริสต์ศาสนา รวมถึงเป็นผลสืบเนื่องมาสู่ความเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดการพิจารณาคดีในหมู่พวกล่าแม่มดด้วย

อ้างอิง:

อนุสรณ์ ติปยานนท์. ล่าแม่มด. กรุงเทพฯ : มติชน, 2558


https://www.silpa-mag.com/history/article_24140

 

เชียงใหม่ร่วงจ่าฝูง‼️ อยู่อันดับ2 อากาศแย่สุดในโลก ค่าฝุ่นละอองPM2.5 ลดลง แต่ยังเกินค่ามาตรฐานและหมอกควันหนาคลุมเมือง
.
อย่าลืม!!
ติดดาว ⭐ ตั้ง See First หรือ เห็นโพสต์ก่อน ในเพจของเรา จะได้ไม่พลาดข่าวสารในเชียงใหม่ เเละภาคเหนือ
.
อ่านข่าวอื่นๆได้ที่ www.chiangmainews.co.th

 

ปธ.กกต.แถลงภาพรวมเลือกตั้งล่วงหน้า พบความผิดปกติ 3 กรณี
.
โดยกรณีแรก จังหวัดสมุทรสาครได้มีการพบ มีคนแอบเอาบัตรเลือกตั้งทั้งเล่ม ไปกาลงคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มีการเจาะทำลายบัตรเลือกตั้งเล่มนั้นและส่งบัตรเลือกตั้งเล่มใหม่ไปให้ พร้อมแจ้งความ
จังหวัดอุทัยธานีพบมีผู้เอาบัตรประชาชนผู้อื่นมาลงคะแนนเสียง และจังหวัดกาฬสินธุ์ มีผู้ทำเอกสารปลอมโดยอ้างว่าผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตประกาศไม่รับสมัครผู้สมัครของพรรคการเมืองหนึ่ง
.
กรณีถัดมา เจ้าหน้าที่ที่หน่วยได้จ่ายบัตรเลือกตั้งผิดเขตในหลายจังหวัด ซึ่งหากได้แจ้งจนท.ก่อนกาลงคะแนนได้ทำการเปลี่ยนบัตรให้ แต่หากกาและหย่อนลงกล่องไปแล้วจะไม่สามารถแกะกล่องเพื่อเอาออกมาได้ โดยให้เจ้าหน้าที่มีการบันทึกเหตุกาณ์ไว้เป็นหลักฐาน
.
ปัญหาอื่นที่ได้รับแจ้งคือสมาร์ทโฟนไม่สามารถเข้าระบบเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ซึ่งได้มีการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

คุณภาพอากาศจังหวัดเชียงราย

ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2562 ณ เวลา 09.00 น. (ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง)


ค่า PM2.5 สูงสุด = 169 มคก./ลบ.ม. ณ อ.แม่สาย

คุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน

อยู่ในระดับ "มีผลกระทบต่อสุขภาพ"

(ค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)


ค่า PM10 สูงสุด = 211 มคก./ลบ.ม. ณ อ.แม่สาย

คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ "มีผลกระทบต่อสุขภาพ"

(ค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงไม่เกิน 120 มคก./ลบ.ม.)


ส่วนสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ

พบฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานทุกจังหวัด

และฝุ่น PM10 เกินค่ามาตรฐานใน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง จ.ตาก


รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่

แฟนเพจ Facebook : อากาศบ้านเฮา


———————-


ขอความร่วมมือเน้นย้ำกำนันผู้ใหญ่บ้านทุกชุมชน ประกาศขอความร่วมมืองดเผาทุกพื้นที่ แม้กระทั่งการเผาตามบ้านเรือนของประชาชนทั่วไป เนื่องจากส่งผลต่อการสะสมฝุ่นควันในบรรยากาศซึ่งอาจจะทำให้คุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานได้

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

#กราฟิกพยากรณ์อากาศแสดงอุณหภูมิสูงสุดรายภาคของประเทศไทยพร้อมแผนที่แสดงพื้นที่เสี่ยงภัยพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

#ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2562 เวลา 11.00 น.

 

จี้รัฐเร่งแก้ สวนปาล์มฮือ ราคารูดเหลือ 1.50 บาทต่อกก.
18 Mar 2019
ปลุกม็อบสวนปาล์มลุกฮือ ดีเดย์ 19 มี.ค. หลังราคาร่วงหนักเหลือ 1.50-1.80 บาท/กก.จี้รัฐเร่งแก้ โวยราคานํ้ามันปาล์มดิบในและนอกโครงการใช้ปั่นไฟฟ้า 2 มาตรฐาน ถูกกดราคารับซื้อ “กระบี่-เมืองคอน” ร้องได้โควตาน้อย จับตาซัพพลายเริ่มมาก ยิ่งราคาตก

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มนํ้ามันแห่งชาติ (กนป.) วันที่ 13 มีนาคม 2562 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมาตรการสนับสนุนเพื่อเพิ่มราคาปาล์มนํ้ามันสู่เป้าหมายที่ 3 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ในอัตราเปอร์เซ็นต์นํ้ามัน 18% ขณะ ณ ปัจจุบันปริมาณนํ้ามันปาล์มดิบในระบบมีมากกว่า 3.7 แสนตัน(กราฟิกประกอบ) จากระดับสต๊อกปกติไม่ควรเกิน 2.5 แสนตัน ที่ประชุมจึงได้มีมาตรการเร่งด่วนให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดูดซับนํ้ามันปาล์มดิบ(CPO) ไปผลิตเป็นไบโอดีเซลเพื่อส่งออก และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)เพิ่มการใช้นํ้ามันปาล์มเพื่อผลิตไฟฟ้าในส่วนของโรงไฟฟ้าบางปะกงจากเดิม 1,000 ตัน เป็น 1,500 ตันต่อวัน โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 19 มีนาคมนี้



นายอธิราษฎร์ ดำดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายปาล์มนํ้ามันแห่งชาติ (กนป.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โครงการใช้นํ้ามันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในส่วนของจังหวัดกระบี่ได้รับโควตาในการซื้อขายกว่า 1 หมื่นตันเท่านั้น จากทั้งหมด 1.6 แสนตัน ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ขณะที่ความเหลื่อมลํ้าของราคาซีพีโอใน 2 ตลาด ได้แก่ตลาดโรงไฟฟ้า และตลาดทั่วไปแตกต่างกันมาก โดยตลาด โรงไฟฟ้าที่ใช้นํ้ามันปาล์มคุณภาพตํ่า คุณภาพนํ้ามันปาล์มดิบตามที่ กฟผ. กำหนด คือ กรดไขมันอิสระ (FFA) ไม่เกิน 7% หากเกิน 7% แต่ไม่เกิน 9% กฟผ. จะหักนํ้าหนักลง 0.5% ของนํ้าหนักสินค้าที่ส่งมอบ ทั้งนี้ ค่า FFA สูงสุดต้องไม่เกิน 9% และค่าความชื้นและสิ่งเจือปนต้องไม่เกิน 0.5% ซึ่งจะขายได้ 18 บาทต่อกก. ขณะที่นํ้ามันปาล์มดิบตลาดทั่วไปคุณภาพสูงกว่า แต่กลับขายได้ราคาตํ่ากว่าเฉลี่ยที่ 14-15 บาทต่อกก. เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องพิจารณา เพราะเวลานี้ส่งผลให้ราคาผลปาล์มนํ้ามันในพื้นที่ กระบี่ และนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแหล่งปลูกอันดับต้นๆ ของประเทศอยู่ในระดับวิกฤติ

ทั้งนี้การจัดสรรปริมาณรับซื้อ จำนวน 1.6 แสนตัน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 มี 4 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และระนอง เป้าหมาย 6.4 หมื่นตัน กลุ่มที่ 2 มีพังงา กระบี่ และตรังรวม 5.4 หมื่นตัน กลุ่มที่ 3 นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา สตูล ปัตตานี นราธิวาสรวม 3.2 หมื่นตัน และกลุ่มที่ 4 ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราดรวม 1 หมื่นตัน



“จากสถิติที่ผ่านมา ในแต่ละเดือนนับจากนี้ไปจะมีผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่รัฐต้องใช้เวลาในการขับเคลื่อนซึ่งในวันที่ 19 มีนาคมนี้ ที่จังหวัดกระบี่ จะมีการประชุมเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ลานเท และโรงสกัดปาล์ม เพื่อหาทางยกระดับราคาปาล์มร่วมกัน”

สอดคล้องกับนายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มนํ้ามันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กนป. ที่กล่าวว่า ราคาปาล์มตกตํ่ามาก โดยวันที่ 14 มีนาคม 2562 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยที่ 1.50-1.80 บาทต่อกก. (ต้นทุนของสศก. 2.70 บาทต่อกก.) เป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ไม่ได้ และรัฐบาลต้องเร่งในการยกระดับ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับปากว่าจะทำให้ได้ หากทำไม่ได้โอกาสที่จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกคงจะยาก

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เผยความคืบหน้าผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 20 ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นมา ข้อมูล ณ วันที่ 3 มีนาคม 2562 มีผู้ค้านํ้ามันตามมาตรา 7 จำหน่ายนํ้ามันดีเซลหมุนเร็วบี 20 รวม 54 แห่ง รวมทั้งสิ้น 46.323 ล้านลิตร ส่วนไบโอดีเซล เดือนมกราคม 2562 มีการใช้ 4.496 ล้านลิตรต่อวัน

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,453 วันที่ 17-20 มีนาคม 2562

http://www.thansettakij.com/content/397285

 

คลิป 'ไพร่หมื่นล้าน'แต่งตัวรอ!โยกทรัพย์สิน5พันล.ก่อนเข้าสู่อำนาจ

#ชมคิลป : https://www.naewna.com/channel/402327/preview
#อ่านข่าว : https://www.naewna.com/politic/402288/preview